• คณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา, กลยุทธ์การพัฒนากองทัพเรือรัสเซีย, และสายตรงของ วลาดิมีร์ ปูติน กับประเทศ เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ทั่วรัสเซีย:

    บทวิเคราะห์ข่าว: สหรัฐฯจะรักษาความช่วยเหลือแก่อิสราเอล ขณะที่ระบอบเคียฟเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความช่วยเหลือ
    .
    US President-elect Donald Trump’s potential cabinet, the development strategy for the Russian Navy, and Vladimir Putin’s Direct Line with the country. These stories topped the headlines in newspapers across Russia:

    Press review: US to maintain aid to Israel while Kiev regime faces challenge to retain it
    https://tass.com/pressreview/1872115
    .
    5:22 PM · Nov 14, 2024 · 2,404 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857006252603130161
    คณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา, กลยุทธ์การพัฒนากองทัพเรือรัสเซีย, และสายตรงของ วลาดิมีร์ ปูติน กับประเทศ เรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ทั่วรัสเซีย: บทวิเคราะห์ข่าว: สหรัฐฯจะรักษาความช่วยเหลือแก่อิสราเอล ขณะที่ระบอบเคียฟเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความช่วยเหลือ . US President-elect Donald Trump’s potential cabinet, the development strategy for the Russian Navy, and Vladimir Putin’s Direct Line with the country. These stories topped the headlines in newspapers across Russia: Press review: US to maintain aid to Israel while Kiev regime faces challenge to retain it https://tass.com/pressreview/1872115 . 5:22 PM · Nov 14, 2024 · 2,404 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857006252603130161
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของจีนสามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ และกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเอเชียได้ทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง

    -พีท เฮกเซธ ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
    ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ของจีนสามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ และกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเอเชียได้ทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง -พีท เฮกเซธ ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯทำพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ทางตอนเหนือของโปแลนด์ อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้

    ฐานทัพดังกล่าวซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียไม่ถึง 300 กม. เริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประเทศสมาชิกในภูมิภาคว่า นาโต (NATO) สามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้

    แม้ว่าระบบป้องกันทางอากาศที่แน่นอนจะเป็นความลับสุดยอดก็ตาม แต่หลายฝ่ายที่ติดตามเรื่องนี้คาดเดาว่า ที่ฐานทัพแห่งนี้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ "Aegis Ashore" จากบริษัท Lockheed Martin ของอเมริกา ซึ่งเป็นระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีชื่อเสียงของกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่สำหรับฐานทัพแห่งนี้จะเป็นเวอร์ชันภาคพื้นดิน ซึ่งได้รับการติดตั้งอย่างเป็นทางการที่ฐานทัพแห่งนี้ โดยออกแบบมาเพื่อตรวจจับ ติดตาม และสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกลที่บินเข้ามาในทิศทางนี้

    มีรายงานว่า ระบบ "Aegis Ashore" ประกอบด้วยเครื่องยิงขีปนาวุธแนวตั้ง VLS Mk41 จำนวน 3 เครื่องยิง โดยแต่ละเครื่องบรรจุขีปนาวุธ SM-3 block IIA ได้ 8 ลูก รวมเป็น 24 ลูก ความเร็วในการบินของระบบป้องกันขีปนาวุธอยู่ที่ 3.5-5.4 กม./วินาที โดยใช้ระบบเรดาร์ตรวจจับและกำหนดเป้าหมาย AN/SPY-1D(V)

    ระบบขีปนาวุธที่กล่าวมา ยังติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธนอกชั้นบรรยากาศ Mk 142 เอาไว้ด้วย

    และจากระยะการยิงของขีปนาวุธ SM-3 Block IIA ที่เกิน 1,200 กม. จึงไม่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธ เช่น Iskander-M ได้ รวมถึงขีปนาวุธร่อนทุกประเภทที่ระดับความสูงต่ำกว่า 80 กม. เนื่องจากความร้อนทางอากาศพลศาสตร์สูงในชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นกว่า

    ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ฐานทัพแห่งนี้จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Patriot PAC-3 เพิ่มเติมอีก และระบบปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน Skynex ใกล้กับ Redzikowo เพื่อปกป้องระบบ Aegis Ashore จากขีปนาวุธร่อนระดับต่ำ ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง และโดรนโจมตีพลีชีพ สำหรับการตรวจจับด้วยเรดาร์ระยะไกลในทิศทางคาลินินกราด(รัสเซีย) และเบลารุส เรดาร์ RAT-31DL ที่มีระยะตรวจจับประมาณ 500 กม. ที่ระดับความสูงสูง จะถูกติดตั้งใกล้กับ Redzikowo เช่นกัน



    สหรัฐฯทำพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ทางตอนเหนือของโปแลนด์ อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ฐานทัพดังกล่าวซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียไม่ถึง 300 กม. เริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประเทศสมาชิกในภูมิภาคว่า นาโต (NATO) สามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้ แม้ว่าระบบป้องกันทางอากาศที่แน่นอนจะเป็นความลับสุดยอดก็ตาม แต่หลายฝ่ายที่ติดตามเรื่องนี้คาดเดาว่า ที่ฐานทัพแห่งนี้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ "Aegis Ashore" จากบริษัท Lockheed Martin ของอเมริกา ซึ่งเป็นระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีชื่อเสียงของกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่สำหรับฐานทัพแห่งนี้จะเป็นเวอร์ชันภาคพื้นดิน ซึ่งได้รับการติดตั้งอย่างเป็นทางการที่ฐานทัพแห่งนี้ โดยออกแบบมาเพื่อตรวจจับ ติดตาม และสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกลที่บินเข้ามาในทิศทางนี้ มีรายงานว่า ระบบ "Aegis Ashore" ประกอบด้วยเครื่องยิงขีปนาวุธแนวตั้ง VLS Mk41 จำนวน 3 เครื่องยิง โดยแต่ละเครื่องบรรจุขีปนาวุธ SM-3 block IIA ได้ 8 ลูก รวมเป็น 24 ลูก ความเร็วในการบินของระบบป้องกันขีปนาวุธอยู่ที่ 3.5-5.4 กม./วินาที โดยใช้ระบบเรดาร์ตรวจจับและกำหนดเป้าหมาย AN/SPY-1D(V) ระบบขีปนาวุธที่กล่าวมา ยังติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธนอกชั้นบรรยากาศ Mk 142 เอาไว้ด้วย และจากระยะการยิงของขีปนาวุธ SM-3 Block IIA ที่เกิน 1,200 กม. จึงไม่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธ เช่น Iskander-M ได้ รวมถึงขีปนาวุธร่อนทุกประเภทที่ระดับความสูงต่ำกว่า 80 กม. เนื่องจากความร้อนทางอากาศพลศาสตร์สูงในชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ฐานทัพแห่งนี้จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Patriot PAC-3 เพิ่มเติมอีก และระบบปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน Skynex ใกล้กับ Redzikowo เพื่อปกป้องระบบ Aegis Ashore จากขีปนาวุธร่อนระดับต่ำ ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง และโดรนโจมตีพลีชีพ สำหรับการตรวจจับด้วยเรดาร์ระยะไกลในทิศทางคาลินินกราด(รัสเซีย) และเบลารุส เรดาร์ RAT-31DL ที่มีระยะตรวจจับประมาณ 500 กม. ที่ระดับความสูงสูง จะถูกติดตั้งใกล้กับ Redzikowo เช่นกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย สองประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางประสบความสำเร็จในการพิจารณาเพิ่มความร่วมมือทางทหาร รวมถึงการซ้อมรบร่วมทางทะเล


    ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการฝึก และยังมีความยินดีที่จะให้กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลของอิหร่านในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโดยตรง หรือในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็ตาม


    ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย กล่าวขอบคุณกองทัพอิหร่านสำหรับการต้อนรับและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เขายังกล่าวเสริมอีกว่าข้อตกลงปักกิ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี และยกระดับความสัมพันธ์ในทุกมิติ
    อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย สองประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางประสบความสำเร็จในการพิจารณาเพิ่มความร่วมมือทางทหาร รวมถึงการซ้อมรบร่วมทางทะเล ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการฝึก และยังมีความยินดีที่จะให้กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลของอิหร่านในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโดยตรง หรือในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็ตาม ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย กล่าวขอบคุณกองทัพอิหร่านสำหรับการต้อนรับและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เขายังกล่าวเสริมอีกว่าข้อตกลงปักกิ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี และยกระดับความสัมพันธ์ในทุกมิติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1100 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามไม่หยุด:
    โดรนพลีชีพของยูเครนโจมตีเมืองคาสเปียสค์ สาธารณรัฐดาเกสถาน ของรัสเซีย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ฐานทัพของกองเรือแคสเปียนของกองทัพเรือรัสเซีย
    สงครามไม่หยุด: โดรนพลีชีพของยูเครนโจมตีเมืองคาสเปียสค์ สาธารณรัฐดาเกสถาน ของรัสเซีย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ฐานทัพของกองเรือแคสเปียนของกองทัพเรือรัสเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการ HIGHJUMP มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า โครงการพัฒนาแอนตาร์กติกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1946–1947 (หรือเรียกอีกอย่างว่า กองกำลังพิเศษ 68) เป็นปฏิบัติการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ตั้งฐานวิจัยแอนตาร์กติกาลิตเติลอเมริกา IV
    ปฏิบัติการ HIGHJUMP มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า โครงการพัฒนาแอนตาร์กติกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1946–1947 (หรือเรียกอีกอย่างว่า กองกำลังพิเศษ 68) เป็นปฏิบัติการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ตั้งฐานวิจัยแอนตาร์กติกาลิตเติลอเมริกา IV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇮🇩 กองทัพเรือรัสเซีย, อินโดนีเซีย เตรียมจัดการซ้อมรบร่วมครั้งแรกภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔"

    กองทัพเรือรัสเซียและอินโดนีเซียจะจัดการซ้อมรบร่วมกันครั้งแรก, ภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔," ที่สุราบายาและทะเลชวา ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน การซ้อมรบดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราชเมื่อ ๗๙ ปีที่แล้ว

    🔸นกสองตัว
    รหัส "ออร์รูดา" มาจากการผสมระหว่างนกอินทรีรัสเซียและนกในตำนานของอินโดนีเซียอย่างการูด้า, ซึ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งและความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะจัดการซ้อมรบแบบ "ปีกชนปีก"

    🔸กองเรือแปซิฟิกเดินทางมาถึง
    เมื่อวันอาทิตย์, กองเรือจากกองเรือแปซิฟิกของกองทัพเรือรัสเซีย, ซึ่งรวมถึงเรือคอร์เวต Gromkiy, Rezky, ฮีโร่ของสหพันธรัฐรัสเซีย Aldar Tsydenzhapov, และเรือสนับสนุน Pechenga, ได้เดินทางเข้าสู่สุราบายาอย่างเป็นมิตร เอกอัครราชทูตรัสเซีย Sergey Tolchenov เข้าร่วมพิธีต้อนรับ, ซึ่งมีการเต้นรำแบบดั้งเดิมด้วย

    🔸กิจกรรมที่วางแผนไว้, ติดตามอย่างใกล้ชิด
    "Orruda ๒๐๒๔" จะมีเวทีที่ท่าเรือและทางทะเลในสุราบายาและทะเลชวา เอกอัครราชทูตเน้นย้ำว่าการซ้อมรบเป็นกิจกรรมประจำสำหรับประเทศพันธมิตร, ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม, ผู้สังเกตการณ์คาดว่าจะติดตามการซ้อมรบอย่างใกล้ชิด

    ผู้บัญชาการ Alexey Antsiferov กล่าวว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของรัสเซียที่จะให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซีย และแสดงความหวังว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะกลายเป็นกิจกรรมประจำปีและขยายขนาดขึ้น
    .
    🇷🇺🇮🇩 RUSSIAN, INDONESIAN NAVIES TO HOLD FIRST EVER JOINT EXERCISES 'ORRUDA 2024'

    The navies of Russia and Indonesia will hold their first joint exercises, codenamed "Orruda 2024," in Surabaya and the Java Sea from November 4 to 8. The drills were announced in August and will be the first since Indonesia gained independence 79 years ago.

    🔸Two Birds
    The codename "Orruda" combines the Russian eagle and the Indonesian mythical bird Garuda, symbolizing strength and the intention of the two countries to conduct the drills "wing to wing."

    🔸Pacific Fleet Arrival
    On Sunday, a detachment from the Russian Navy's Pacific Fleet, including the corvettes Gromkiy, Rezky, Hero of the Russian Federation Aldar Tsydenzhapov, and the support ship Pechenga, made a friendly entry into Surabaya. Russian Ambassador Sergey Tolchenov attended the welcoming ceremony, which featured traditional dances.

    🔸Planned Event, Monitored Closely
    "Orruda 2024" will include port and naval stages in Surabaya and the Java Sea. The ambassador stressed the exercises are a routine event for partner nations, not aimed at any third party. Despite this, observers are expected to monitor the exercises closely.

    Commander Alexey Antsiferov noted these drills would show Russia's readiness to assist Indonesia and expressed hope that they would become annual and grow in scale.
    .
    Last edited 10:56 AM · Nov 4, 2024 · 2,754 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853285176706531387
    🇷🇺🇮🇩 กองทัพเรือรัสเซีย, อินโดนีเซีย เตรียมจัดการซ้อมรบร่วมครั้งแรกภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔" กองทัพเรือรัสเซียและอินโดนีเซียจะจัดการซ้อมรบร่วมกันครั้งแรก, ภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔," ที่สุราบายาและทะเลชวา ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน การซ้อมรบดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราชเมื่อ ๗๙ ปีที่แล้ว 🔸นกสองตัว รหัส "ออร์รูดา" มาจากการผสมระหว่างนกอินทรีรัสเซียและนกในตำนานของอินโดนีเซียอย่างการูด้า, ซึ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งและความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะจัดการซ้อมรบแบบ "ปีกชนปีก" 🔸กองเรือแปซิฟิกเดินทางมาถึง เมื่อวันอาทิตย์, กองเรือจากกองเรือแปซิฟิกของกองทัพเรือรัสเซีย, ซึ่งรวมถึงเรือคอร์เวต Gromkiy, Rezky, ฮีโร่ของสหพันธรัฐรัสเซีย Aldar Tsydenzhapov, และเรือสนับสนุน Pechenga, ได้เดินทางเข้าสู่สุราบายาอย่างเป็นมิตร เอกอัครราชทูตรัสเซีย Sergey Tolchenov เข้าร่วมพิธีต้อนรับ, ซึ่งมีการเต้นรำแบบดั้งเดิมด้วย 🔸กิจกรรมที่วางแผนไว้, ติดตามอย่างใกล้ชิด "Orruda ๒๐๒๔" จะมีเวทีที่ท่าเรือและทางทะเลในสุราบายาและทะเลชวา เอกอัครราชทูตเน้นย้ำว่าการซ้อมรบเป็นกิจกรรมประจำสำหรับประเทศพันธมิตร, ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม, ผู้สังเกตการณ์คาดว่าจะติดตามการซ้อมรบอย่างใกล้ชิด ผู้บัญชาการ Alexey Antsiferov กล่าวว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของรัสเซียที่จะให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซีย และแสดงความหวังว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะกลายเป็นกิจกรรมประจำปีและขยายขนาดขึ้น . 🇷🇺🇮🇩 RUSSIAN, INDONESIAN NAVIES TO HOLD FIRST EVER JOINT EXERCISES 'ORRUDA 2024' The navies of Russia and Indonesia will hold their first joint exercises, codenamed "Orruda 2024," in Surabaya and the Java Sea from November 4 to 8. The drills were announced in August and will be the first since Indonesia gained independence 79 years ago. 🔸Two Birds The codename "Orruda" combines the Russian eagle and the Indonesian mythical bird Garuda, symbolizing strength and the intention of the two countries to conduct the drills "wing to wing." 🔸Pacific Fleet Arrival On Sunday, a detachment from the Russian Navy's Pacific Fleet, including the corvettes Gromkiy, Rezky, Hero of the Russian Federation Aldar Tsydenzhapov, and the support ship Pechenga, made a friendly entry into Surabaya. Russian Ambassador Sergey Tolchenov attended the welcoming ceremony, which featured traditional dances. 🔸Planned Event, Monitored Closely "Orruda 2024" will include port and naval stages in Surabaya and the Java Sea. The ambassador stressed the exercises are a routine event for partner nations, not aimed at any third party. Despite this, observers are expected to monitor the exercises closely. Commander Alexey Antsiferov noted these drills would show Russia's readiness to assist Indonesia and expressed hope that they would become annual and grow in scale. . Last edited 10:56 AM · Nov 4, 2024 · 2,754 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853285176706531387
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาดไทย สั่งผู้ว่าฯตราด เร่งชี้แจงปมพิพาท 'เกาะกูด' หวั่นประชาชนเข้าใจผิด
    .
    ก่อนหน้านี้ได้เห็นท่าทีของกองทัพเรือที่มีต่อเรื่องปัญหาพื้นที่พิพาทเกี่ยวกับเกาะกูด จังหวัดตราด มาเวลานี้กระทรวงมหาดไทยกลายเป็นอีกหน่วยงานของรัฐอีกหน่วยงานหนึ่งที่ขยับในเรื่องนี้เช่นกัน โดยนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลงานด้านควรมั่นคง ได้เข้าประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราดทั้ง 2 คน และนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดตราด
    .
    ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายชำนาญวิทย์ ระบุว่า ปัญหาเรื่องกรณีเขตแดนอำเภอเกาะกูดที่ปัจจุบันมีการปั่นกระแสผ่านทางสื่อโซเชียลจำนวนมากและสับสนว่าเกาะกูดเป็นของใคร และพื้นที่ทับซ้อนที่เกิดทับซ้อนในทะเลนั้นเป็นอย่างไร และจะมีการแบ่งผลประโยชน์อย่างยุติธรรมอย่างไร ส่วนตัวกังวลว่า หากให้มีการดำเนินการปลุกปั่นกันอยู่อย่างนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือทัศนคติเชิงลบของประชาชนชาวไทยให้เกิดขึ้นจนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และนายอำเภอเกาะกูดต้องตรวจสอบข้อมูล และเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวตราดเปิดรับข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน
    .
    " นายอำเภอเกาะกูดท่านมีหน้าที่ในการไปศึกษาหาข้อมูลมานำเสนอให้ประชาชนชาวเกาะกูดรับทราบและต้องชัดเจนในการทำความเข้าใจ กับสิ่งที่สื่อโซเชียลไปโพสต์นั้นถูกต้องหรือไม่ไปตรวจสอบและทำความเข้าใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย วันนี้เห็นหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องของความรักชาติและปลุกกระแส เกาะกูดที่กำลังถูกปลุกและปั่นกระแสโดยอ้างความรักชาติมาเป็นเหตุผล แต่สถานการณ์แบบนี้เปราะบางและอาจจะบานปลายไปส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้" นายชำนาญวิทย์ ระบุ
    ..............
    Sondhi X
    มหาดไทย สั่งผู้ว่าฯตราด เร่งชี้แจงปมพิพาท 'เกาะกูด' หวั่นประชาชนเข้าใจผิด . ก่อนหน้านี้ได้เห็นท่าทีของกองทัพเรือที่มีต่อเรื่องปัญหาพื้นที่พิพาทเกี่ยวกับเกาะกูด จังหวัดตราด มาเวลานี้กระทรวงมหาดไทยกลายเป็นอีกหน่วยงานของรัฐอีกหน่วยงานหนึ่งที่ขยับในเรื่องนี้เช่นกัน โดยนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลงานด้านควรมั่นคง ได้เข้าประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราดทั้ง 2 คน และนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดตราด . ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายชำนาญวิทย์ ระบุว่า ปัญหาเรื่องกรณีเขตแดนอำเภอเกาะกูดที่ปัจจุบันมีการปั่นกระแสผ่านทางสื่อโซเชียลจำนวนมากและสับสนว่าเกาะกูดเป็นของใคร และพื้นที่ทับซ้อนที่เกิดทับซ้อนในทะเลนั้นเป็นอย่างไร และจะมีการแบ่งผลประโยชน์อย่างยุติธรรมอย่างไร ส่วนตัวกังวลว่า หากให้มีการดำเนินการปลุกปั่นกันอยู่อย่างนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือทัศนคติเชิงลบของประชาชนชาวไทยให้เกิดขึ้นจนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และนายอำเภอเกาะกูดต้องตรวจสอบข้อมูล และเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวตราดเปิดรับข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน . " นายอำเภอเกาะกูดท่านมีหน้าที่ในการไปศึกษาหาข้อมูลมานำเสนอให้ประชาชนชาวเกาะกูดรับทราบและต้องชัดเจนในการทำความเข้าใจ กับสิ่งที่สื่อโซเชียลไปโพสต์นั้นถูกต้องหรือไม่ไปตรวจสอบและทำความเข้าใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย วันนี้เห็นหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องของความรักชาติและปลุกกระแส เกาะกูดที่กำลังถูกปลุกและปั่นกระแสโดยอ้างความรักชาติมาเป็นเหตุผล แต่สถานการณ์แบบนี้เปราะบางและอาจจะบานปลายไปส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้" นายชำนาญวิทย์ ระบุ .............. Sondhi X
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสูงสุดอิหร่านลั่นชำระแค้นทั้งอิสราเอลและอเมริกา ขณะที่วอชิงตันประกาศเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ถึงตะวันออกกลางแล้วและพร้อมดำเนินการเพื่อปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของประเทศจากการโจมตีของเตหะรานและเหล่าพันธมิตร
    .
    อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (2 พ.ย.) ว่า การตอบโต้ของเตหะรานจะเป็นการชำระแค้นทั้งสำหรับตนเองและพันธมิตร และสำทับว่า ทั้งอเมริกาและรัฐยิวจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (26 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในอิหร่านที่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย เพื่อเอาคืนที่เตหะรานยิงขีปนาวุธใส่ราว 200 ลูกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสก่อนหน้านั้น
    .
    ด้านอิสราเอลเตือนเมื่อปลายเดือนที่แล้วไม่ให้อิหร่านตอบโต้กลับ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนลงความเห็นว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศและโรงงานผลิตขีปนาวุธของอิหร่านเสียหาย และอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านซ้ำในขอบเขตที่กว้างขึ้น
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศโดยรอบ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น 1 วัน วอชิงตันประกาศว่า กำลังส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเรือพิฆาตติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัวไปยังภูมิภาคดังกล่าว
    .
    พลตรีแพต ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน แถลงว่า หากอิหร่าน พันธมิตร หรือตัวแทนใช้โอกาสนี้โจมตีพลเมืองหรือผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง อเมริกาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเมืองของประเทศ
    .
    ยุคมืดที่สุดของกาซา
    .
    นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลทำสงครามเต็มรูปแบบกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยที่ยังคงเดินหน้าถล่มโจมตีทางอากาศแบบแหลกลาญใส่ฉนวนกาซา รวมทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินออกปราบปรามกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่เป็นผู้จุดไฟสงครามในกาซาด้วยการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว
    .
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากวันที่ 6 เดือนที่ผ่านมา อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินใส่บริเวณตอนเหนือของกาซา โดยเฉพาะในเขตค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่
    .
    เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ได้รับรายงานที่น่ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการโจมตีศูนย์สุขภาพ ชัยค์ รัดวาน เมื่อวันเสาร์ ขณะที่พ่อแม่พาลูกๆ ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ซึ่ง 4 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก
    .
    เทดรอสไม่ได้ระบุว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวในหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนในกาซาเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เฮลิคอปเตอร์ 4 ใบพัดของอิสราเอลยิงขีปนาวุธ 2 ลูกใส่กำแพงศูนย์สุขภาพดังกล่าว
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีใกล้บริเวณนั้นขณะเกิดเหตุ
    .
    อย่างไรก็ดี แคทเธอลีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า ในช่วง 48 ชั่วโมงจนถึงวันเสาร์ มีเด็ก 50 คนเสียชีวิตในจาบาเลีย และสำทับว่า การโจมตีค่ายผู้อพยพจาบาเลีย คลินิกวัคซีน และเจ้าหน้าที่ยูนิเซฟ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำผลกระทบร้ายแรงจากการโจมตีพลเรือนไม่เลือกในฉนวนกาซา และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มืดมนของช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในสงครามสุดเลวร้ายในกาซาขณะนี้
    .
    ทางฝ่ายกองทัพอิสราเอลระบุว่า สามารถสังหารนักรบนับสิบรอบจาบาเลีย และมีจรวด 2 ลูกยิงจากบริเวณดังกล่าวเข้าสู่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์
    .
    กระทรวงสาธารณสุขในกาซาที่มีกลุ่มฮามาสเป็นผู้บริหาร ออกรายงานอัปเดตตัวเลขในวันอาทิตย์ (3) ระบุว่า ในฉนวนกาซามีผู้ถูกฆ่าตายไปอย่างน้อย 43,341 คน และบาดเจ็บ 102,105 คน ในสงครามยาวนานกว่า 1 ปีที่อิสราเอลบุกเข้ากวาดล้างในดินแดนแห่งนี้ โดยที่ในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน
    .
    สำหรับสถานการณ์ในเลบานอนนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงคนหนึ่งเผยว่า กองทัพเรืออิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการพิเศษในเมืองบาทรูน ทางเหนือของเลบานอนเมื่อเช้าวันศุกร์ (1 พ.ย.) และจับผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ได้ 1 คน และนำกลับไปสอบสวนที่อิสราเอล
    .
    วันเสาร์ สำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอนออกคำแถลงว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนกรณีอิหมัด อัมฮาซ ซึ่งเป็นพลเมืองเลบานอนถูกลักพาตัวไปจากเมืองบาทรูน โดยผู้นำเลบานอนได้หารือกับกองทัพและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน (ยูนิฟิล) รวมทั้งขอให้อับดัลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศ ร้องเรียนด่วนต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105978
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำสูงสุดอิหร่านลั่นชำระแค้นทั้งอิสราเอลและอเมริกา ขณะที่วอชิงตันประกาศเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ถึงตะวันออกกลางแล้วและพร้อมดำเนินการเพื่อปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของประเทศจากการโจมตีของเตหะรานและเหล่าพันธมิตร . อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (2 พ.ย.) ว่า การตอบโต้ของเตหะรานจะเป็นการชำระแค้นทั้งสำหรับตนเองและพันธมิตร และสำทับว่า ทั้งอเมริกาและรัฐยิวจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง . ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (26 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในอิหร่านที่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย เพื่อเอาคืนที่เตหะรานยิงขีปนาวุธใส่ราว 200 ลูกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์และฮามาสก่อนหน้านั้น . ด้านอิสราเอลเตือนเมื่อปลายเดือนที่แล้วไม่ให้อิหร่านตอบโต้กลับ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนลงความเห็นว่า การโจมตีของอิสราเอลทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศและโรงงานผลิตขีปนาวุธของอิหร่านเสียหาย และอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านซ้ำในขอบเขตที่กว้างขึ้น . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศโดยรอบ โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงตะวันออกกลางแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น 1 วัน วอชิงตันประกาศว่า กำลังส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเรือพิฆาตติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัวไปยังภูมิภาคดังกล่าว . พลตรีแพต ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน แถลงว่า หากอิหร่าน พันธมิตร หรือตัวแทนใช้โอกาสนี้โจมตีพลเมืองหรือผลประโยชน์ของอเมริกาในตะวันออกกลาง อเมริกาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องพลเมืองของประเทศ . ยุคมืดที่สุดของกาซา . นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลทำสงครามเต็มรูปแบบกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยที่ยังคงเดินหน้าถล่มโจมตีทางอากาศแบบแหลกลาญใส่ฉนวนกาซา รวมทั้งส่งกำลังภาคพื้นดินออกปราบปรามกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่เป็นผู้จุดไฟสงครามในกาซาด้วยการบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว . โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากวันที่ 6 เดือนที่ผ่านมา อิสราเอลเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินใส่บริเวณตอนเหนือของกาซา โดยเฉพาะในเขตค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่ . เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ได้รับรายงานที่น่ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการโจมตีศูนย์สุขภาพ ชัยค์ รัดวาน เมื่อวันเสาร์ ขณะที่พ่อแม่พาลูกๆ ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ซึ่ง 4 คนในจำนวนนี้เป็นเด็ก . เทดรอสไม่ได้ระบุว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด แต่แหล่งข่าวในหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนในกาซาเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เฮลิคอปเตอร์ 4 ใบพัดของอิสราเอลยิงขีปนาวุธ 2 ลูกใส่กำแพงศูนย์สุขภาพดังกล่าว . ด้านกองทัพอิสราเอลออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีใกล้บริเวณนั้นขณะเกิดเหตุ . อย่างไรก็ดี แคทเธอลีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า ในช่วง 48 ชั่วโมงจนถึงวันเสาร์ มีเด็ก 50 คนเสียชีวิตในจาบาเลีย และสำทับว่า การโจมตีค่ายผู้อพยพจาบาเลีย คลินิกวัคซีน และเจ้าหน้าที่ยูนิเซฟ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำผลกระทบร้ายแรงจากการโจมตีพลเรือนไม่เลือกในฉนวนกาซา และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มืดมนของช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในสงครามสุดเลวร้ายในกาซาขณะนี้ . ทางฝ่ายกองทัพอิสราเอลระบุว่า สามารถสังหารนักรบนับสิบรอบจาบาเลีย และมีจรวด 2 ลูกยิงจากบริเวณดังกล่าวเข้าสู่อิสราเอลเมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ . กระทรวงสาธารณสุขในกาซาที่มีกลุ่มฮามาสเป็นผู้บริหาร ออกรายงานอัปเดตตัวเลขในวันอาทิตย์ (3) ระบุว่า ในฉนวนกาซามีผู้ถูกฆ่าตายไปอย่างน้อย 43,341 คน และบาดเจ็บ 102,105 คน ในสงครามยาวนานกว่า 1 ปีที่อิสราเอลบุกเข้ากวาดล้างในดินแดนแห่งนี้ โดยที่ในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน . สำหรับสถานการณ์ในเลบานอนนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคงคนหนึ่งเผยว่า กองทัพเรืออิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการพิเศษในเมืองบาทรูน ทางเหนือของเลบานอนเมื่อเช้าวันศุกร์ (1 พ.ย.) และจับผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ได้ 1 คน และนำกลับไปสอบสวนที่อิสราเอล . วันเสาร์ สำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอนออกคำแถลงว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาติ เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนกรณีอิหมัด อัมฮาซ ซึ่งเป็นพลเมืองเลบานอนถูกลักพาตัวไปจากเมืองบาทรูน โดยผู้นำเลบานอนได้หารือกับกองทัพและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน (ยูนิฟิล) รวมทั้งขอให้อับดัลลาห์ บู ฮาบิบ รัฐมนตรีต่างประเทศ ร้องเรียนด่วนต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105978 .............. Sondhi X
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 911 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ทร. ลงพื้นที่เกาะกูด ย้ำปกป้องอธิปไตยชาติ มั่นใจปัญหาไม่บายปลาย
    .
    เรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงอย่างมากในสังคมเวลานี้ โดยเฉพาะท่าทีขององค์กรภาคประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่างพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าประเทศไทยมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ซึ่งเป็นเหตุผลที่สืบเนื่องมาจากการที่ไทยยังไม่ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทยทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544)
    .
    ในเรื่องนี้มีท่าทีจากฝ่ายกองทัพออกมาแสดงความคิดเห็น โดยพล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมรับฟังบรรยายสรุปถึงการปฏิบัติงานของหน่วย และการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล และประสิทธิภาพของหน่วย เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ห่างไกลต่อไป โดยมี พล.ร.ต.ชรัมม์ภากร พรหมภากร รองผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด คณะผู้บังคับบัญชาและกำลังพลของหน่วย ให้การต้อนรับ
    .
    ทั้งนี้ พล.ร.อ. จิรพล ระบุว่า หน้าที่ของกองทัพเรือ คือการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลไทยได้ประกาศเขต เอาไว้แล้วเมื่อปี พุทธศักราช 2516 เราจะดูแลพื้นที่ตามเขตแดนที่รัฐบาลประกาศไว้ ส่วนความคืบหน้าหรือข้อตกลงอะไรนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ที่จะดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้กับประชาชน
    .
    “ขอให้มั่นใจกองทัพเรือดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่ ยืนยันความสัมพันธ์ ทั้งสองประเทศ พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ”
    .
    สำหรับกรณีที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวนั้น ผบ.ทร. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่ากองทัพเรือจะดูแลพื้นที่ตรงนี้ได้ ไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่ ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนฝั่ง และบนเกาะมีความมั่นใจกับกองทัพเรืออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพื้นที่ของเรามีความสงบ ปลอดภัย ชาวประมงสามารถทำมาหากินได้ปกติ ขณะที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้าใจ และก็หากินในพื้นที่ของตนเอง ส่วนเราก็ทำมาหากินในพื้นที่ของเราไม่มีความขัดแย้งใดๆ
    ..............
    Sondhi X
    ผบ.ทร. ลงพื้นที่เกาะกูด ย้ำปกป้องอธิปไตยชาติ มั่นใจปัญหาไม่บายปลาย . เรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงอย่างมากในสังคมเวลานี้ โดยเฉพาะท่าทีขององค์กรภาคประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่างพรรคพลังประชารัฐที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าประเทศไทยมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน ซึ่งเป็นเหตุผลที่สืบเนื่องมาจากการที่ไทยยังไม่ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทยทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) . ในเรื่องนี้มีท่าทีจากฝ่ายกองทัพออกมาแสดงความคิดเห็น โดยพล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมรับฟังบรรยายสรุปถึงการปฏิบัติงานของหน่วย และการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล และประสิทธิภาพของหน่วย เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ห่างไกลต่อไป โดยมี พล.ร.ต.ชรัมม์ภากร พรหมภากร รองผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด คณะผู้บังคับบัญชาและกำลังพลของหน่วย ให้การต้อนรับ . ทั้งนี้ พล.ร.อ. จิรพล ระบุว่า หน้าที่ของกองทัพเรือ คือการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลไทยได้ประกาศเขต เอาไว้แล้วเมื่อปี พุทธศักราช 2516 เราจะดูแลพื้นที่ตามเขตแดนที่รัฐบาลประกาศไว้ ส่วนความคืบหน้าหรือข้อตกลงอะไรนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ที่จะดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้กับประชาชน . “ขอให้มั่นใจกองทัพเรือดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่ ยืนยันความสัมพันธ์ ทั้งสองประเทศ พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ” . สำหรับกรณีที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวนั้น ผบ.ทร. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่ากองทัพเรือจะดูแลพื้นที่ตรงนี้ได้ ไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่ ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนฝั่ง และบนเกาะมีความมั่นใจกับกองทัพเรืออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพื้นที่ของเรามีความสงบ ปลอดภัย ชาวประมงสามารถทำมาหากินได้ปกติ ขณะที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้าใจ และก็หากินในพื้นที่ของตนเอง ส่วนเราก็ทำมาหากินในพื้นที่ของเราไม่มีความขัดแย้งใดๆ .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 665 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยคอมมานโดอิสราเอลลักพาตัวเจ้าหน้าที่ทหารเรือของกองทัพเรือเลบานอน

    ภาพเหตุการณ์ขณะที่ทหารอิสราเอลประมาณ 25 นาย แอบลักลอบเข้ามาในเมืองบาตรูนด้วยเรือเร็ว เพื่อบุกจับกุมตัวอัมฮาซ และรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

    "อาลี ฮามิเอห์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเลบานอนยืนยันว่า อัมฮาซ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ และเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เดินเดินเรือทางทะเลของพลเรือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ UNIFIL รับรองการบังคับใช้มติ 1701 ตลอดแนวชายฝั่งเลบานอน เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นการลักพาตัวพลเรือนของเลบานอนโดยเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ

    แหล่งข่าวกองทัพเลบานอนเปิดเผยว่า อิมัด อัมฮาซ ซึ่งถูกจับตัวไปในเมืองบาตรูน กำลังเรียนหลักสูตรกัปตันเรือที่สถาบันการเดินเรือ ซึ่งเป็นสถาบันเอกชนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงของเลบานอน

    ทางด้านสื่ออิสราเอลอ้างว่า "อัมฮาซ" เป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    หน่วยคอมมานโดอิสราเอลลักพาตัวเจ้าหน้าที่ทหารเรือของกองทัพเรือเลบานอน ภาพเหตุการณ์ขณะที่ทหารอิสราเอลประมาณ 25 นาย แอบลักลอบเข้ามาในเมืองบาตรูนด้วยเรือเร็ว เพื่อบุกจับกุมตัวอัมฮาซ และรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว "อาลี ฮามิเอห์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเลบานอนยืนยันว่า อัมฮาซ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ และเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เดินเดินเรือทางทะเลของพลเรือน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ UNIFIL รับรองการบังคับใช้มติ 1701 ตลอดแนวชายฝั่งเลบานอน เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นการลักพาตัวพลเรือนของเลบานอนโดยเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ แหล่งข่าวกองทัพเลบานอนเปิดเผยว่า อิมัด อัมฮาซ ซึ่งถูกจับตัวไปในเมืองบาตรูน กำลังเรียนหลักสูตรกัปตันเรือที่สถาบันการเดินเรือ ซึ่งเป็นสถาบันเอกชนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงของเลบานอน ทางด้านสื่ออิสราเอลอ้างว่า "อัมฮาซ" เป็นสมาชิกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แสดงทัศนะประเด็นอดีตโฆษกทร. สนับสนุน MOU44 ว่าดูละเอียดหรือยัง? เนื้อหาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนระบุว่า

    “ผมท้าทาย เชิญชวน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ออกมาโต้แย้งประเด็นเทคนิคที่ทีมพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยปัญหาแก่ประชาชนเรื่อง MOU44

    ยังไม่มีคนใดคนหนึ่งออกมาชี้แจง มีแต่พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์ อดีตโฆษกกองทัพเรือ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล ติดต่อขอให้ข้อมูลแก่ PPTV ในคลิปข้างล่าง PPTV ระบุว่า

    หลังจากที่ PPTV นำเสนอเรื่องข้อตกลงความร่วมมือ MOU44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่หลายคนออกมาให้ความเห็นว่า อาจจะทำให้ไทยเสียเขตแดนทางทะเลให้กับกัมพูชาในอนาคต ซึ่งรวมถึงเกาะกูดด้วย เพราะเส้นเขตแดนที่ทางกัมพูชาลากมามันข้ามเกาะกูดมาเลย หลายคนจึงอยากจะให้ยกเลิก MOU44 ฉบับนี้ แต่ล่าสุด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ออกมาให้ความเห็นอีกทาง ว่าไม่ควรจะยกเลิก MOU44 เพราะไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ ตรงกันข้าม นี่คือสารตั้งต้นที่จะทำให้เกิดการเจรจา แต่ถ้ายกเลิกต่างหากอาจจะมีผลเสียตามมาเพียบ

    ผมเชื่อว่าพลเรือเอกจุมพล ในฐานะเจ้าหน้าที่กองทัพเรือระดับสูง ย่อมมีเลือดรักชาติอยู่เต็มเปี่ยม แต่ขอเรียนด้วยความเคารพว่า คนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองมากเกินไป

    รูป 1 ท่านกล่าวว่า ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย จบตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจน ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907

    รูป 2 แสดงขั้นตอนเวลาที่เวียดนาม กัมพูชา และไทยประกาศเขตแดนไหล่ทวีป

    รูป 3 ท่านกล่าวว่า MOU44 ฉบับนี้จะเป็นกรอบที่ทั้งสองประเทศจะหยิบขึ้นมาเจรจากันต่อว่า เขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน รวมถึงเจรจาผลประโยชน์ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน

    รูป 4 แสดงเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน Joint Development Area (สีแดง) ส่วนพื้นที่ที่อยู่เหนือเส้นรุ้งที่ 11 องศา (สีน้ำเงิน) เป็นพื้นที่ทำการแบ่งเขต

    ผมให้ข้อสังเกตแก่ท่านพลเรือเอกจุมพล ในประเด็นจุดแยบยลทางกฎหมาย ดังนี้

    **หนึ่ง MOU44 ยอมรับกรอบขอบเขต boundaries พื้นที่สีแดงไปแล้ว

    ในรูป 5 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายพื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 2 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 2 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์

    ถ้อยคำในรูป 5 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน"

    ในรูป 6 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค พื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 3 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 3 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ล้วนๆ

    ถ้อยคำในรูป 6 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน"

    สรุปแล้ว ใน MOU44 ทั้งสองประเทศได้กำหนด "พื้นที่พัฒนาร่วม" "Joint Development Area" ขึ้นมา มิใช่ "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" แต่ "เพื่อเจรจาผลประโยชน์"

    ดังนั้น ใน MOU44 ทั้งสองประเทศจึงพอใจในกรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วมไปแล้ว

    **สอง กรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับกันไปแล้วนั้น ไม่ตรงตามสนธิสัญญาฯ

    ทั้งนี้ กรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วม ด้านทิศตะวันตก ในรูป 7 เส้นสีแดง นั้น เส้นสีแดงดังกล่าว เกิดขึ้นได้ มีสารตั้งต้น มีต้นกำเนิด เกิดจากเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ

    อธิบายแบบชาวบ้าน ถ้าไม่มีเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดไปจนถึงตำแหน่ง P เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ย่อมไม่สามารถตั้งต้นจากตำแหน่ง P เกิดขึ้นได้

    ดังนั้น เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ที่ตั้งต้นจากตำแหน่ง P จึงไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ และ

    การที่รัฐบาลไทยไปยอมรับเส้นแบ่งเขตสีแดงดังกล่าว ก็ย่อมแสดงว่า ** ไม่ขัดข้องกับตำแหน่ง P ** ทั้งที่ไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ **

    **สาม JDA ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน

    ถ้าดูแผนที่ JDA ไทย-มาเลเซีย จะเห็นได้ว่า ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ที่ทั้งสองประเทศอ้างอนุสัญญาสหประชาชาติฯ แตกต่างกัน โดยไทยถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่มาเลเซียไม่ถือว่าเป็นเกาะ

    ต่อมามีการแก้ไขอนุสัญญาสหประชาชาติฯ ไม่ถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่เนื่องจาก JDA ไทย-มาเลเซียได้เกิดขึ้นลงนามไปก่อนหน้า ไทยจึงได้ประโยชน์ระหว่างที่ JDA มีผลบังคับ

    แต่กรณีเส้นที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดนั้น เป็นการลากเส้นโดยอ้างสนธิสัญญาฯ อย่างที่ไม่ถูกต้อง

    ดังนั้น บัดนี้เมื่อคนไทยทราบถึงปัญหา จึงย่อมต้องเรียกร้องให้ ยกเลิกการอ้างที่ไม่ถูกต้อง การลากเส้นที่ขัดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ออกไปก่อนเริ่มต้นเจรจาแบ่งผลประโยชน์

    ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ จะสามารถทำได้เร็วถ้าทั้งสองประเทศยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ครอบครัว แต่ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ถ้าคนไทยจะเสียเปรียบ ผมก็จะคัดค้านต่อไป

    ผมจึงขอสรุปว่า ประชาชนคนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองที่ไปเจรจาโดยยอมรับสิ่งที่กัมพูชา ดำเนินการไปผิดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ

    MOU44 ยอมรับพื้นที่พัฒนาร่วมที่กินล้ำทะเลจากตำแหน่ง P ที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของประชาชนทุกคน

    การยอมรับเส้นกรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วม ที่เริ่มจากตำแหน่ง P อันสืบเนื่องมากจากเส้นที่ผิดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ย่อมจะทำให้ไทยเสี่ยงเสียดินแดนได้ในอนาคต

    ถ้าท่านพลเรือเอกจุมพลไม่เชื่อผม ขอให้ท่านอ่านถ้อยคำใน MOU44 เองได้เลยครับ”

    วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567

    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ

    https://youtu.be/PEArT6M-wDE?si=NuuT8XefJDmOCmnO

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1EgDTTKTHn/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แสดงทัศนะประเด็นอดีตโฆษกทร. สนับสนุน MOU44 ว่าดูละเอียดหรือยัง? เนื้อหาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนระบุว่า “ผมท้าทาย เชิญชวน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ออกมาโต้แย้งประเด็นเทคนิคที่ทีมพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยปัญหาแก่ประชาชนเรื่อง MOU44 ยังไม่มีคนใดคนหนึ่งออกมาชี้แจง มีแต่พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์ อดีตโฆษกกองทัพเรือ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล ติดต่อขอให้ข้อมูลแก่ PPTV ในคลิปข้างล่าง PPTV ระบุว่า หลังจากที่ PPTV นำเสนอเรื่องข้อตกลงความร่วมมือ MOU44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่หลายคนออกมาให้ความเห็นว่า อาจจะทำให้ไทยเสียเขตแดนทางทะเลให้กับกัมพูชาในอนาคต ซึ่งรวมถึงเกาะกูดด้วย เพราะเส้นเขตแดนที่ทางกัมพูชาลากมามันข้ามเกาะกูดมาเลย หลายคนจึงอยากจะให้ยกเลิก MOU44 ฉบับนี้ แต่ล่าสุด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ออกมาให้ความเห็นอีกทาง ว่าไม่ควรจะยกเลิก MOU44 เพราะไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ ตรงกันข้าม นี่คือสารตั้งต้นที่จะทำให้เกิดการเจรจา แต่ถ้ายกเลิกต่างหากอาจจะมีผลเสียตามมาเพียบ ผมเชื่อว่าพลเรือเอกจุมพล ในฐานะเจ้าหน้าที่กองทัพเรือระดับสูง ย่อมมีเลือดรักชาติอยู่เต็มเปี่ยม แต่ขอเรียนด้วยความเคารพว่า คนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองมากเกินไป รูป 1 ท่านกล่าวว่า ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย จบตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจน ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 รูป 2 แสดงขั้นตอนเวลาที่เวียดนาม กัมพูชา และไทยประกาศเขตแดนไหล่ทวีป รูป 3 ท่านกล่าวว่า MOU44 ฉบับนี้จะเป็นกรอบที่ทั้งสองประเทศจะหยิบขึ้นมาเจรจากันต่อว่า เขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน รวมถึงเจรจาผลประโยชน์ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน รูป 4 แสดงเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน Joint Development Area (สีแดง) ส่วนพื้นที่ที่อยู่เหนือเส้นรุ้งที่ 11 องศา (สีน้ำเงิน) เป็นพื้นที่ทำการแบ่งเขต ผมให้ข้อสังเกตแก่ท่านพลเรือเอกจุมพล ในประเด็นจุดแยบยลทางกฎหมาย ดังนี้ **หนึ่ง MOU44 ยอมรับกรอบขอบเขต boundaries พื้นที่สีแดงไปแล้ว ในรูป 5 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายพื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 2 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 2 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ ถ้อยคำในรูป 5 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" ในรูป 6 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค พื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 3 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 3 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ล้วนๆ ถ้อยคำในรูป 6 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" สรุปแล้ว ใน MOU44 ทั้งสองประเทศได้กำหนด "พื้นที่พัฒนาร่วม" "Joint Development Area" ขึ้นมา มิใช่ "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" แต่ "เพื่อเจรจาผลประโยชน์" ดังนั้น ใน MOU44 ทั้งสองประเทศจึงพอใจในกรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วมไปแล้ว **สอง กรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับกันไปแล้วนั้น ไม่ตรงตามสนธิสัญญาฯ ทั้งนี้ กรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วม ด้านทิศตะวันตก ในรูป 7 เส้นสีแดง นั้น เส้นสีแดงดังกล่าว เกิดขึ้นได้ มีสารตั้งต้น มีต้นกำเนิด เกิดจากเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ อธิบายแบบชาวบ้าน ถ้าไม่มีเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดไปจนถึงตำแหน่ง P เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ย่อมไม่สามารถตั้งต้นจากตำแหน่ง P เกิดขึ้นได้ ดังนั้น เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ที่ตั้งต้นจากตำแหน่ง P จึงไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ และ การที่รัฐบาลไทยไปยอมรับเส้นแบ่งเขตสีแดงดังกล่าว ก็ย่อมแสดงว่า ** ไม่ขัดข้องกับตำแหน่ง P ** ทั้งที่ไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ ** **สาม JDA ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ถ้าดูแผนที่ JDA ไทย-มาเลเซีย จะเห็นได้ว่า ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ที่ทั้งสองประเทศอ้างอนุสัญญาสหประชาชาติฯ แตกต่างกัน โดยไทยถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่มาเลเซียไม่ถือว่าเป็นเกาะ ต่อมามีการแก้ไขอนุสัญญาสหประชาชาติฯ ไม่ถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่เนื่องจาก JDA ไทย-มาเลเซียได้เกิดขึ้นลงนามไปก่อนหน้า ไทยจึงได้ประโยชน์ระหว่างที่ JDA มีผลบังคับ แต่กรณีเส้นที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดนั้น เป็นการลากเส้นโดยอ้างสนธิสัญญาฯ อย่างที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น บัดนี้เมื่อคนไทยทราบถึงปัญหา จึงย่อมต้องเรียกร้องให้ ยกเลิกการอ้างที่ไม่ถูกต้อง การลากเส้นที่ขัดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ออกไปก่อนเริ่มต้นเจรจาแบ่งผลประโยชน์ ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ จะสามารถทำได้เร็วถ้าทั้งสองประเทศยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ครอบครัว แต่ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ถ้าคนไทยจะเสียเปรียบ ผมก็จะคัดค้านต่อไป ผมจึงขอสรุปว่า ประชาชนคนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองที่ไปเจรจาโดยยอมรับสิ่งที่กัมพูชา ดำเนินการไปผิดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ MOU44 ยอมรับพื้นที่พัฒนาร่วมที่กินล้ำทะเลจากตำแหน่ง P ที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของประชาชนทุกคน การยอมรับเส้นกรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วม ที่เริ่มจากตำแหน่ง P อันสืบเนื่องมากจากเส้นที่ผิดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ย่อมจะทำให้ไทยเสี่ยงเสียดินแดนได้ในอนาคต ถ้าท่านพลเรือเอกจุมพลไม่เชื่อผม ขอให้ท่านอ่านถ้อยคำใน MOU44 เองได้เลยครับ” วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ https://youtu.be/PEArT6M-wDE?si=NuuT8XefJDmOCmnO ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1EgDTTKTHn/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 656 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาะกูด เป็นของใคร ? วันนี้ผมมีคำตอบครับ #กองทัพเรือ #ประเทศไทย #เกาะกูด #ตราด #ประวัติศาสตร์น่ารู้ #ทหารเรือ #รัชกาลที่5 #วันปิยมหาราช
    เกาะกูด เป็นของใคร ? วันนี้ผมมีคำตอบครับ #กองทัพเรือ #ประเทศไทย #เกาะกูด #ตราด #ประวัติศาสตร์น่ารู้ #ทหารเรือ #รัชกาลที่5 #วันปิยมหาราช
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า

    “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว !

    ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2

    แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย

    นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้

    เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ

    ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121

    การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้

    - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972)

    - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972)

    - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544)

    ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น

    ผิดทั้งหมด !

    เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว

    การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน

    แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ !

    ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้

    นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554

    นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด !

    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

    “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้

    อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ

    เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา

    แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย

    จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา !

    นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย

    โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน

    ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร

    ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ…

    “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้”

    การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก

    แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน

    พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U

    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา

    MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี

    แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด

    หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

    หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร

    ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ !

    ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน

    ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย

    แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982

    หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น

    เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ !

    หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA

    #Thaitimes
    อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว ! ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2 แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121 การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้ - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972) - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972) - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544) ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น ผิดทั้งหมด ! เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ ! ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้ นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด ! ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา ! นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ… “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้” การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ ! ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ ! หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้
    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน
    .
    หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง
    .
    การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า
    .
    อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง
    .
    นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก
    .
    ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม
    .
    นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน
    .
    นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น
    .
    ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล
    .
    ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน
    .
    โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย
    .
    ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด
    .
    ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน . หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง . การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า . อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง . นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก . ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม . นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน . นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น . ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล . ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน . โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย . ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด . ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1374 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง

    ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ

    พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน"

    อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น

    ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    อิหร่านเผยเตรียมเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันครั้งแรกกับซาอุดีอาระเบียในทะเลแดง ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิหร่านกล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียแสดงความสนใจในการซ้อมรบร่วมทางกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาค โดยทั้งสองประเทศส่งคำเชิญซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขาในท่าเรือ พลจัตวาเตอกี อัล-มัลกี(Turki al-Malki) โฆษกกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียกล่าวยืนยันว่า "กองทัพเรือซาอุดีอาระเบียเพิ่งสรุปการซ้อมรบทางทะเลร่วมกับกองทัพเรืออิหร่านและประเทศอื่นๆ ในทะเลโอมาน" อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเป็นเวลาแปดปีหลังจากทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิต "ชีค นิมร์ อัล-นิมร์" นักการศาสนานิกายชีอะห์วัย 56 ปี ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลของตนเองเมื่อปี 2559 นั้น ต่อมาในเดือนเมษายน 2566 ทั้งสองประเทศประกาศฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตโดยมีผลทันทีในกรุงปักกิ่ง หลังจากการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างนักการทูตระดับสูงของทั้งสองประเทศในรอบกว่า 7 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ภูมิธรรมถกปม "เรือดำน้ำ" พยามให้จบในยุคตนเอง 25/10/67 #ภูมิธรรม #เรือดำน้ำ #การกองทัพเรือ #รัฐบาล
    ภูมิธรรมถกปม "เรือดำน้ำ" พยามให้จบในยุคตนเอง 25/10/67 #ภูมิธรรม #เรือดำน้ำ #การกองทัพเรือ #รัฐบาล
    Like
    Haha
    Angry
    12
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1931 มุมมอง 477 0 รีวิว
  • เพจเฟซบุ๊ก "พระลาน" เผยแพร่ตำแหน่งที่ตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในการเฝ้ารับเสด็จฯ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 งานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ทางขบวนพยุหยาตราทางชลมารค วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567

    1. แนวริมน้ำ ธนาคารแห่งประเทศไทย
    2. ใต้สะพานพระราม ๘ (ศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย)
    3. ใต้สะพานพระราม ๘ (ฝั่งธนบุรี)
    4. ทางเดินริมน้ำ สวนสันติชัยปราการ
    5. ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
    6. ลาน 60 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    7. สวนสุขภาพฯ รพ.ศิริราช
    8. ลานปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    9. อัฒจันทร์ อุทยานสถานพิมุข รพ.ศิริราช
    10. ท่าช้าง
    11. วัดระฆังโฆสิตาราม
    12. ท่าเตียน
    13. ท่าเรือวัดโพธิ์
    14. วัดอรุณราชวราราม

    - จุดติดตั้งจอแอลอีดี พร้อมเครื่องขยายเสียง เพื่อให้ประชาชนรับชมในการเฝ้ารับเสด็จฯ
    1. วัดอรุณ
    2. วัดระฆัง
    3. ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า
    4. ลาน 60 ปี ธรรมศาสตร์
    5. สวนสันติชัยปราการ จำนวน 2 จอ
    6. ราชนาวีสโมสร
    7. อุทยานพิมุขสถาน
    8. ลานพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ จำนวน 2 จอ
    9. ลานทัศนาภิรมย์ หอประชมกองทัพเรือ จำนวน 2 จอ
    10. ลานปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์
    11. ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งบางพลัด จำนวน 2 จอ 12. ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย
    13. สวนนคราภิรมย์
    14. ลานคนเมือง

    - ข้อแนะนำของประชาชน ในการเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จ และชมขบวนพยุหยาตราชลมารค
    1. พกบัตรประชาชน บัตรแสดงตน หนังสือเดินทาง เพื่อความสะดวก
    2. เขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ปกครองติดไว้กับตัวเด็ก
    3. พกยาประจำตัวมาด้วย
    4. เตรียมน้ำดื่ม ร่ม/หมวก
    5.สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ชุดจิตอาสา

    ที่มา เพจเฟซบุ๊ก“พระลาน”

    #Thaitimes
    เพจเฟซบุ๊ก "พระลาน" เผยแพร่ตำแหน่งที่ตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในการเฝ้ารับเสด็จฯ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 งานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ทางขบวนพยุหยาตราทางชลมารค วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 1. แนวริมน้ำ ธนาคารแห่งประเทศไทย 2. ใต้สะพานพระราม ๘ (ศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย) 3. ใต้สะพานพระราม ๘ (ฝั่งธนบุรี) 4. ทางเดินริมน้ำ สวนสันติชัยปราการ 5. ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 6. ลาน 60 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 7. สวนสุขภาพฯ รพ.ศิริราช 8. ลานปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 9. อัฒจันทร์ อุทยานสถานพิมุข รพ.ศิริราช 10. ท่าช้าง 11. วัดระฆังโฆสิตาราม 12. ท่าเตียน 13. ท่าเรือวัดโพธิ์ 14. วัดอรุณราชวราราม - จุดติดตั้งจอแอลอีดี พร้อมเครื่องขยายเสียง เพื่อให้ประชาชนรับชมในการเฝ้ารับเสด็จฯ 1. วัดอรุณ 2. วัดระฆัง 3. ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า 4. ลาน 60 ปี ธรรมศาสตร์ 5. สวนสันติชัยปราการ จำนวน 2 จอ 6. ราชนาวีสโมสร 7. อุทยานพิมุขสถาน 8. ลานพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ จำนวน 2 จอ 9. ลานทัศนาภิรมย์ หอประชมกองทัพเรือ จำนวน 2 จอ 10. ลานปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ 11. ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งบางพลัด จำนวน 2 จอ 12. ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย 13. สวนนคราภิรมย์ 14. ลานคนเมือง - ข้อแนะนำของประชาชน ในการเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จ และชมขบวนพยุหยาตราชลมารค 1. พกบัตรประชาชน บัตรแสดงตน หนังสือเดินทาง เพื่อความสะดวก 2. เขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ปกครองติดไว้กับตัวเด็ก 3. พกยาประจำตัวมาด้วย 4. เตรียมน้ำดื่ม ร่ม/หมวก 5.สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ชุดจิตอาสา ที่มา เพจเฟซบุ๊ก“พระลาน” #Thaitimes
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    22 ตุลาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 22 ตุลาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    15
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือสหรัฐในตะวันออกกลางได้ใช้ขีปนาวุธยุทธศาสตร์ SM-3 หมดลงแล้วในการต่อสู้กับอิหร่าน - The National Interest

    สื่ออเมริกันอธิบายว่า ทำไมนี่จึงเป็นสถานการณ์อันตรายสำหรับอำนาจสูงสุดของสหรัฐฯ 👇🏻

    SM-3 หนึ่งลูกที่กองทัพเรือสหรัฐใช้มีราคา ๒๘ ล้านดอลลาร์ และเป็นอาวุธหลักของสหรัฐฯ ในการต่อต้านภัยคุกคามจากขีปนาวุธพิสัยไกล

    🤣วอชิงตันผลิตขีปนาวุธ SM-3 ได้เพียง ๑๒ ลูกต่อปี หากอิหร่านยังคงยิงขีปนาวุธต่อไป, ผลประโยชน์ของสหรัฐฯในทะเลจีนใต้และต่อรัสเซียในยุโรปจะเปราะบางมาก🤣
    .
    ⚡️BREAKING

    The US Navy in the Middle East has depleted its SM-3 strategic missiles against Iran - The National Interest

    American media explains why this is a dangerous scenario for the US Hegemony 👇🏻

    A single SM-3 used by the US Navy costs $28 million and is the United States' top weapon against ballistic missile threat.

    Washington only produces 12 SM-3 missiles per year. If Iran continues to fire missiles, American interests in the South China Sea and against the Russians in Europe will become very vulnerable
    .
    11:14 PM · Oct 20, 2024 · 573.1K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1848035117190746427
    กองทัพเรือสหรัฐในตะวันออกกลางได้ใช้ขีปนาวุธยุทธศาสตร์ SM-3 หมดลงแล้วในการต่อสู้กับอิหร่าน - The National Interest สื่ออเมริกันอธิบายว่า ทำไมนี่จึงเป็นสถานการณ์อันตรายสำหรับอำนาจสูงสุดของสหรัฐฯ 👇🏻 SM-3 หนึ่งลูกที่กองทัพเรือสหรัฐใช้มีราคา ๒๘ ล้านดอลลาร์ และเป็นอาวุธหลักของสหรัฐฯ ในการต่อต้านภัยคุกคามจากขีปนาวุธพิสัยไกล 🤣วอชิงตันผลิตขีปนาวุธ SM-3 ได้เพียง ๑๒ ลูกต่อปี หากอิหร่านยังคงยิงขีปนาวุธต่อไป, ผลประโยชน์ของสหรัฐฯในทะเลจีนใต้และต่อรัสเซียในยุโรปจะเปราะบางมาก🤣 . ⚡️BREAKING The US Navy in the Middle East has depleted its SM-3 strategic missiles against Iran - The National Interest American media explains why this is a dangerous scenario for the US Hegemony 👇🏻 A single SM-3 used by the US Navy costs $28 million and is the United States' top weapon against ballistic missile threat. Washington only produces 12 SM-3 missiles per year. If Iran continues to fire missiles, American interests in the South China Sea and against the Russians in Europe will become very vulnerable . 11:14 PM · Oct 20, 2024 · 573.1K Views https://x.com/IranObserver0/status/1848035117190746427
    Like
    Haha
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวน่าสนใจจากสื่อ The Kyiv Independent ของยูเครน วันนี้ Dmytro Pletenchuk โฆษกกองทัพเรือยูเครนแถลงว่าช่วงที่ผ่านมา รัสเซียลดการใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบในทะเลดำลง โดยรัสเซียมักจะใช้เรือรบในทะเลดำล่อให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนไขว้เขว ต้องแบ่งกำลังไปเผื่อรับมือจรวดร่อนที่รัสเซียอาจยิงจากเรือรบ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจากทิศทางอื่นๆ ได้เต็มที่ โดยโฆษกกองทัพเรือยูเครนบอกว่าการที่รัสเซียใช้เรือรบในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่า "การใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ"

    https://kyivindependent.com/russian-warships-missile-strikes/

    จากข่าวนี้ สังเกตอะไรมั้ยครับ ในส่วนที่โฆษกกองทัพเรือยูเครนพูดถึงยุทธวิธีของรัสเซีย ว่ามีการส่งเรือรบออกทะเลไปหลอกล่อให้ยูเครนต้องแบ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศส่วนหนึ่งมาเตรียมรับมือ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศจากทิศทางอื่นได้เต็มที่ แล้วสุดท้ายเรือรบเหล่านั้นก็ไม่ได้ยิงจรวดร่อน เช่น Kalibr ออกมาแต่อย่างใด เท่ากับว่าทหารยูเครนที่ไปรอรับมืออยู่ก็เท่ากับไปเสียเที่ยวเปล่าๆ ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ สามารถนำมาเป็นบทเรียนกรณีศึกษายุทธวิธีทางทหารได้ แต่พอยูเครนออกข่าวเสริมว่ายุทธวิธีนี้แสดงให้เห็นว่าเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้ก็กลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ไปเลย

    ลองคิดดูนะครับ เมื่อรัสเซียใช้เรือรบในทะเลดำหลอกล่อให้ยูเครนไขว้เขว ก็เท่ากับว่าภารกิจในการทำลายเป้าหมายการโจมตีทางอากาศครั้งนั้นไม่ได้เป็นของเรือรบดังกล่าวอยู่แล้ว อาจจะเป็นภารกิจของขีปนาวุธที่มีฐานยิงบนบกเช่น Iskander-M หรืออาจเป็นของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-95 Bear ทำการยิงจรวดร่อน Kh-101 เป็นต้น ภารกิจของเรือรบรัสเซียในทะเลดำคือการล่อให้ยูเครนต้องกระจายกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศออก ซึ่งถ้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจรวดร่อน Kalibr เลยแม้แต่ลูกเดียว ก็ดี (สำหรับรัสเซีย) ไม่ใช่หรือครับ

    นี่ก็เป็นบทเรียนในการอ่านข่าวเหมือนกันครับว่าในข่าวเดียวกัน อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ข่าวจริง ข่าวลวง การโฆษณาชวนเชื่อปะปนกัน เวลาอ่านข่าวก็ต้องแยกให้ออก ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ

    สวัสดี

    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    17.10.2024

    มีข่าวน่าสนใจจากสื่อ The Kyiv Independent ของยูเครน วันนี้ Dmytro Pletenchuk โฆษกกองทัพเรือยูเครนแถลงว่าช่วงที่ผ่านมา รัสเซียลดการใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบในทะเลดำลง โดยรัสเซียมักจะใช้เรือรบในทะเลดำล่อให้หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนไขว้เขว ต้องแบ่งกำลังไปเผื่อรับมือจรวดร่อนที่รัสเซียอาจยิงจากเรือรบ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซียจากทิศทางอื่นๆ ได้เต็มที่ โดยโฆษกกองทัพเรือยูเครนบอกว่าการที่รัสเซียใช้เรือรบในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่า "การใช้จรวดร่อนยิงจากเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ" https://kyivindependent.com/russian-warships-missile-strikes/ จากข่าวนี้ สังเกตอะไรมั้ยครับ ในส่วนที่โฆษกกองทัพเรือยูเครนพูดถึงยุทธวิธีของรัสเซีย ว่ามีการส่งเรือรบออกทะเลไปหลอกล่อให้ยูเครนต้องแบ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศส่วนหนึ่งมาเตรียมรับมือ ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศจากทิศทางอื่นได้เต็มที่ แล้วสุดท้ายเรือรบเหล่านั้นก็ไม่ได้ยิงจรวดร่อน เช่น Kalibr ออกมาแต่อย่างใด เท่ากับว่าทหารยูเครนที่ไปรอรับมืออยู่ก็เท่ากับไปเสียเที่ยวเปล่าๆ ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ สามารถนำมาเป็นบทเรียนกรณีศึกษายุทธวิธีทางทหารได้ แต่พอยูเครนออกข่าวเสริมว่ายุทธวิธีนี้แสดงให้เห็นว่าเรือรบรัสเซียไม่มีประสิทธิภาพ เรื่องนี้ก็กลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ไปเลย ลองคิดดูนะครับ เมื่อรัสเซียใช้เรือรบในทะเลดำหลอกล่อให้ยูเครนไขว้เขว ก็เท่ากับว่าภารกิจในการทำลายเป้าหมายการโจมตีทางอากาศครั้งนั้นไม่ได้เป็นของเรือรบดังกล่าวอยู่แล้ว อาจจะเป็นภารกิจของขีปนาวุธที่มีฐานยิงบนบกเช่น Iskander-M หรืออาจเป็นของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Tu-95 Bear ทำการยิงจรวดร่อน Kh-101 เป็นต้น ภารกิจของเรือรบรัสเซียในทะเลดำคือการล่อให้ยูเครนต้องกระจายกำลังระบบป้องกันภัยทางอากาศออก ซึ่งถ้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจรวดร่อน Kalibr เลยแม้แต่ลูกเดียว ก็ดี (สำหรับรัสเซีย) ไม่ใช่หรือครับ นี่ก็เป็นบทเรียนในการอ่านข่าวเหมือนกันครับว่าในข่าวเดียวกัน อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ข่าวจริง ข่าวลวง การโฆษณาชวนเชื่อปะปนกัน เวลาอ่านข่าวก็ต้องแยกให้ออก ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 17.10.2024
    KYIVINDEPENDENT.COM
    Russian ships ineffective for missile strikes, used to distract Ukraine's defenses, Navy says
    Dmytro Pletenchuk, a spokesperson for the Ukrainian Navy, said that if Russia deploys several cruise missile carriers to the sea, it does not mean they will be used for an attack.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามข้อมูลที่มีอยู่ในเอกสารแถลงข่าวการบินประเทศไทย (Aeronautical Information Publication: AIP Thailand) ประเทศไทยมีสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะจำนวน 39 สนามบินดำเนินการโดย กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.), บริษัทการบินกรุงเทพ และกองทัพเรือ มีเพียง 10สนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ (International airports) ได้ ตามข้อมูลประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เมื่อ 17 มกราคม 2566
    ตามข้อมูลที่มีอยู่ในเอกสารแถลงข่าวการบินประเทศไทย (Aeronautical Information Publication: AIP Thailand) ประเทศไทยมีสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะจำนวน 39 สนามบินดำเนินการโดย กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.), บริษัทการบินกรุงเทพ และกองทัพเรือ มีเพียง 10สนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ (International airports) ได้ ตามข้อมูลประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เมื่อ 17 มกราคม 2566
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.10 ตอน "NEW WAVE COMING" ยอดสะสมรถอียุ่นปี่ในไทย ลดหวบยับ กว่า 30% ทำไมน่ะรึ? อ้างจีนขยี้ตลาดรถไทย โปรดแหกตาดูทุกปัจจัย รถน้ำมัน ใครจ่ายไหว? ไฮบริคแค่แก้ขัด ระยะยาวจะไปต่อยังไงมิทราบ? เพราะ EV มันไป 1000 กม. แล้ว โคตรพ่อง โคตรแม่ง ขับวันละ 1000 ถึงมุย? เค้ารอให้ทุกอย่างเสถียรก่อน ยังไง EV คืออนาคต ทุกชาติต่างรู้ดี? มรึงหลอกแดร๊กควายไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ดัดแปลงรถกะบะ เสริมแต่งหน่อย ปักป้าย 1.7 ล้าน แม้แต่ควายยังอึ้ง? เจอ BYD มาทีเดียวขาย 700000 ควายถึงจะตื่น? ยุคนี้ น้ำมันแพง เศรษฐกิจต่ำตม รถเกินล้านใครจะซื้อ? ที่มาว่า DEALER ทั่วไทย ย้ายค่าย ปิดกิจการ หันไปขาย EV ดีกว่าค่ายอียุ่นปี่ ใครตายห่าก่อน ตัวแทนอะไหล่ยนต์ไงล่ะ รถสันดาปไปก่อนใครเพื่อน? มันถึงเวลาที่โลกจะเปลี่ยน รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีดี รถ EV แค่ปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง ยังมีนวตกรรมอีกมาก ที่กำลังจะเข้ามา? สื่อเสี้ยมตีข่าวจีนตีตลาดไทยยับ โยนบาปให้จีน แต่ผู้บริโภคควายไทยได้ตื่น อะไรที่ถูกและดี แล้วมรึงจะจ่ายแพงกว่าทำไม? รถสันดาปใช้กันมาเป็นศตวรรษแล้ว มรึงจะยังใช้กันต่ออีก 100 ปี เหรอ? ปัจจัยยอดสั่งรถลดลงฮวบ มันมีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ EV เป็นเหตุ คนสรรหาสิ่งที่ดีกว่า ถูกกว่า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ตลาดรถมือสองจะตายเอา เพราะที่ผ่านมา กินส่วนต่างไว้เยอะ งวดนี้ คนไม่ต้องซื้อมือสองใช้ หันไปจ่ายมือ 1 ป้ายแดงได้เลย 400000 ก็มีให้เลือก ผลประโยชน์ผู้บริโภคเต็มตรีน ก็ต้องปรับตัวกันไปตามเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงที่จะตามมา? กูบอกเลย อีกหน่อย ในเวลาอันสั้น โดรนส่งสินค้า โดรน TAXI มาแน่ แล้วมรึงจะช็อค! เวลาแสงทำงาน ยามเปลี่ยนแปลงผลัดใบโลก มันมักจะเกิดแรงต่อต้านเสมอ สำหรับช่วงแรก แต่พอนานวัน ทุกความสะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดกว่า ลดมลพิษได้ดีกว่า พลังงานสะอาดมาเต็มตรีน ใครจะไม่เอา? กลับมาสู่โลกสาย HARD CORE กันต่อ : 300 ลูกพร้อมกัน สาแก่ใจอีช้อยเฮซบอเลาะห์เค้าแหละ เละเป็นโจ๊กตามเคย เห่าเก่งแต่ในสื่อหลอกควาย โลกจริง ตายอย่างกะหมาข้างถนน? ซาเฟด แหล่งอุตสาหกรรมทางทหารอียิว แตกกระจุย ที่ใดมีคลังแสง ที่นั่นคือขุมนรก? ระบบป้องกัยภัยแห้วแดร๊กตามเคย มันใช้จริงได้ที่ไหนกันล่ะ? หมายังรู้! ส่งผลให้อาวุธขาดแคลนทันที เมื่อโรงงานผลิตหายวับ มรึงจะรอรับบริจาคจากใครได้อีก? แม่งไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว หมดตูดกันทั้งกะปิ? อาหรับกำลังจะทำอะไร? ชี้ให้โลกเห็นว่า ลงแขกยิวสบายตรีน ท้าทายอเมริกาให้เข้ามาช่วย จะได้ตายห่าทีเดียว ที่มาว่าทำไม บินทิ้งระเบิดเหี้ยมะกันหันหลังควับ ไม่ตรงต่อไปถล่มเป้าหมายโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน เพราะถูกล็อคเป้าไงจ๊ะ? "คุณหลอกดาวอีกแย้ว" ล่อให้เข้าไปตายห่าสิน่ะ ลงข่าวหน้า 1 บินทิ้งระเบิดตายคาตรีนไฮเปอร์โซนิค แล้วกูจะยังขายเหี้ยอะไรหลอกควายได้อีกล่ะ? อิหร่านมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400/S-350s ถามคำเดียว ยังจะเหลือลำไหนรอดได้อีก? หลังอิหร่านเพิ่งจะทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดิน สะเทือนไปถึงอเมริกา นกรู้กันทั่ว มาดิมรึง? หายไปทั้งเยรูซาเล๋มฝั่งตะวันตก เหี้ยมันเองก็รู้ ว่าไม่มีเครื่องบินลำไหนที่จะผ่าน S-400 รัสเซียได้เลย? ไม่ต้องถามถึง S-500 นั่นมันระดับจักรวาล ยิงดาวเทียมร่วงสบายตรีน เอาไว้ใช้กับสงคราม "STAR WARS" เท่านั้น อียิวมันจนแต้มแล้ว แค่ยื้อเวลาตา่ยให้ช้าลงเท่านั้นเอง แต่เฮซบอเลาะห์บอก กูไม่ว่างรอนานขนาดนั้น เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบทันที NON STOP ฆ่าอย่างเมามันส์ ตายแค่ 10 สื่อตีหลอกควาย เอาที่มรึงสบายใจ ดีออก? ข้ามวิกแป๊บ : ไอ้สัส! เวลาหาแดร๊ก เอาแต่เงิน เสนอหน้ารับงานเพี๊ยบ รอจะถูกเฉ่ง ถูกเชือด หนีหางจุกตูดกันหมด ไอ้อี ดาราทั้งหลาย ที่หลอกแดร๊กคนไทย หวังแค่เศษเงิน แต่ไม่ห่วงทรัพย์สินและชีวิตคนไทยด้วยกัน ถามว่ามรึงรู้มั้ยว่าจะต้องไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ หรือสิ้นค้า ห้างร้านอะไร? สัญญาเค้ามี เจตนาเค้าชัด อีตำหนวดสาวไส้ยาวอยู่แล้ว เพราะกะจะหลอกฟันหนัก อยากรอด ต้องจ่ายคุ้ม จบเกมส์ นี่ไง อีกา(กาลกิณี)กี ตัวจริง เสียงจริง สรุปแผ่นดินนี้ มีอีตำหนวดเป็นโจรแทนซะงั้น ต่อไปคงได้เห็น "โรบินฮู๊ดไทยแลนด์" ที่ออกมาไล่ล่า แฉความเหี้ยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซะเอง หลายคนเชื่อ "แผ่นดินนี้ จ่ายหนัก รอดทุกคดี" กูไม่เถียงหากเป็นในกลียุค มันเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อแสงทำงาน วาระสุดท้ายของกลียุคจะหมดไป สิ่งสกปรกจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีก การชำระล้างจะตามมา การฆ่าเชื้อชั่วมีแน่ ไม่ต้องห่วง? กลับมาดูเหี้ยตายโหงตายห่ากันต่อ : โดนหนักต่อเนื่อง สนามบิน ท่าเรือ ศูนย์บัญชาการ คลังแสง สถานีสื่อสาร ศูนย์กำลังพลสำรอง แม้แต่เส้นทางลำเลียง โดนหมด! แล้วมรึงล่ะ ทำลายเหี้ยอะไรได้บ้าง? มีแต่ข่าวโจมตีท่าเรือ บ้านเรือน แต่หาได้ทำลายอำนาจแสนยานุภาพฝ่ายตรงข้ามได้เลย เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มรึงเข้าถึงไงล่ะ? สงครามยุคใหม่มันแข่งกันที่ไฮเปอร์โซนิค รัสเซีย-จีน -อิหร่าน-โสมแดง ตีโจทย์แตกเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ถึงได้มีวันนี้ วันที่ ขั้วใหม่มี ไฮเปอร์โซนิค เป็น 10 ล้านลูก มรึงฟังไม่ผิดดอก ฟังให้ชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาน่ะว่า "10000000 ลูก" ไม่ต้องถาม ใครผลิต? ตอนนี้รวยเละเทะ นับเงินล้นทะลักคลัง! แค่ยอดสั่งจองจากอาหรับ ก็แทบรอคิวไปอีก 2 ปี ใครว่ากูจนฟ่ะเนี่ย? JOHN KIM จน จริงดิ? ควายเชื่อ แต่คนขำก๊าก! อะไรน่ะ บุกมาเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่คืบหน้าไปไหนเลย ระเหยไปในอากาศเพี๊ยบ ไหนว่ายึดเฮซบอเลาะห์ได้ไงล่ะ อ้าว..หนังคนละม้วน แล้วไอ้ที่นอนตายพะงสาบพะงาบนับร้อย พรมแดนเลบานอนเนี่ย? หมาไอ้อีตัวไหนกันฟ่ะ ผมทองก็มี ผมดำก็เยอะ NATO ทั้งนั้น ควายได้ใจกูจริง! สรุปคือเหี้ยนอนฝันว่ากำลังจะชนะ? อยากไปปลุกมันเชียว ให้มันฝันต่อไป ลืมตาอีกที ตายห่า..หมดแผ่นดิน! โลกเบาขึ้นไปอีกเยอะ?

    ปล.มหากาพย์เรือดำน้ำไทย ใครระบุไปในสัญญาว่าต้องใช้เครื่องยนต์อินทรีเหล็กเท่านั้น? อีเบียร์ไม่ยอมส่งอะไหล่และชิ้นส่วนประกอบให้ เพราะคว่ำบาตรจีนจากคำสั่ง NATO ทำให้ไม่มีนายพลกองทัพเรือหน้าไหน ยอมเสี่ยงตายเพื่อปลดแอกประเทศ? คำตอบมีอยู่ในตัวมันเอง "แผนกั๊ก" ศรีธนญชัยเล่นแร่แปรวิญญานอีกแล้ว หาแดร๊กก็เรื่อง ยุทธศาสตร์ก็เรื่อง แค่เปลี่ยนเครื่องยนต์คือจบทันที แล้วจะได้มีปัญหากับ NATO ต่อไงล่ะ? จีนเองก็รู้ว่า ไทยคิดยังไง? ท่าเรือดำน้ำที่สร้างไป แต่ไม่มีเรือดำน้ำ ใครคิด? 7000 ล้านเอาไปโยนทิ้งลงทะเลอีกตามเคย? นี่ไง เกมส์การเมืองโลก แต่ช้าก่อน หากคุณโทรหาเราภายใน 10 นาที เราจะมีโปรไฟไหม้ ซื้อ 1 แถม 3 ตามมาทันที จุดจบของมหากาพย์เรือดำน้ำนี้ จะปิดฉากลงเพราะผบ.ทร.คนล่าสุดเนี่ยแหละ บีบครม.แก้ไขสัญญาบัดซบ? ดอกนี้ "ตายเป็นตาย" ถึงว่า เกมส์โลกกำหนดเกมส์ไทย ไม่สิ ทั้งโลกมากกว่า? โลกไม่จบ ไทยอย่าหวังว่าจะจบ? เชื่อมั่นในพระบารมี อะไรที่มืดแปดด้าน จะถูกปลดล็อคเอง เชื่อกูดิ? จีน รัสเซีย ถ่วงดุลกัน แต่ตอนนี้ ต้องฆ่าเหี้ยให้ตายห่าก่อนเท่านั้น? กูบอกไปแล้วน่ะ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยน? หากมรึงสังเกตุ และคิดรอบด้านให้ดีดี มีอะไรที่กำลังรอเราอยู่ เราปรับเพื่อสิ่งนั้นไงล่ะ? อีเหี้ยมะกันเละเทะ ฟลอริด้าสยอง เฮอริเคน "มิลตัน" ระดับ 5 ตามมาล้างสิ่งสกปรกโสมมจ๊ะ ประชากรควายโลกเยอะเกินไป เอาออกไปบ้าง! อย่ามามั่วว่าเป็นฝีมือจีน ใช้ควอนตั่ม ดาวเทียม ก่อคลื่นสึนามิ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน พายุ สีนามิ ไฟป่า โรงงานไฟฟ้าดับสนิท(อันนี้ฝีมือไซเบอร์รัสเซีย CONFIRM) เหี้ยยังจะต้องโดนอีกเยอะ สวรรค์ลงโทษไงล่ะ เกิดเป็นคนดีดีไม่ชอบ อยากจะเป็นควายกันให้หมดโลก ถึงเวลาสวรรค์กำหนเอง ใครที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและโลก จงอยู่ต่อไป ส่วนพวกไร้ประโยชน์ก็ตายห่าตามกันไป จบน่ะ! โลกคัดสรรไว้ดีแล้ว ข่าวฮาแตก! อีแม่บ้านขะแมร์ แห่สาปแช่งอีฮุนเซน อยากจะครองแผ่นดินเบ็ดเสร็จ ถูกขับอัปเปหิ เนรเทศออกนอกประเทศ เมื่ออำนาจมันผูกขาด ก็ต้องเล่นด้วยคาถา อาคม สาปแช่งกันไปเลย ของเค้าแรงน่ะ จะบอกให้? อีฮุนเซน อยู่ได้อีกไม่นานดอก ไม่มีอะไรยั้งยืน ความดี/ชั่ว จะถูกตัดสินในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ที่ไปไม่สุด เพราะบาปกรรม มันทำไว้เยอะ เวลาชดใช้ สวรรค์ ถึงได้ไม่ปราณี และเพ่ไทย จะไม่ลดตัวไปยุ่งละครปาหี่อีขะแมร์เด็ดขาด ใครที่ปวดตับ ปวดหัว กับโซเชี่ยลเสี้ยมไทย-ขะแมร์ รายวัน กูถามจริง มรึงจะเสียเวลาไปสนใจสิ่งที่ไม่มีตัวตนทำไม? มันคู่ควรจะมาท้าดวลเราเหรอ? คนละระดับ ไม่ได้บูลลี่ธรรมดา แต่โคตรจะบูลลี่ เลยจ๊ะ ชัดเจนน่ะ กูรำคาญ! ใครขี้ลืมก็หลบไป แต่กูจำได้ดี ว่ามันเคยทำเหี้ยอะไรเอาไว้กับแผ่นดินพ่อกู อย่าไปให้ราคา เพราะมันไม่มีราคา? ไม่แปลกใจดอก อิหร่าน ผ่านร่าง กฎหมายขยายนิวเคลียร์ ชัดพอมั้ย? ผู้นำคนใหม่มา ทำงานเร็วฟ้าผ่าทันที โปรยิวไงล่ะ อียิวถึงได้ตายโหงตายห่าเกลื่อนในสัปดาห์เดียว บ้านไม่มี ลงใต้ดิน มุดถ้ำกันหมด! ดูผลลัพธ์ ดูการกระทำ อย่าดูแค่เค้าเล่าว่า? แล้วจะฉลาดขึ้น? สงครามข่าวสารมันมีเอาไว้หลอกควาย หากไม่อยากเป็นควาย จงใช้สติ ปัญญา คิดให้ดีดี อะไรที่มันไม่ใช่ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ? อย่าเชื่อแค่ตาเห็น หูฟัง แต่ใช้สมองคิดก่อนว่า ใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้? แผนสับขาหลอกมีหลายชั้น ไม่มีใครเดาได้ถูกหมดดอก ไม่งั้น มันจะเรียกว่าแผนซ้อนแผนเหรอ? ดูข้อเท็จจริง ดูสิ่งที่มีอยู่จริง จะไม่หลงทาง? ขั้วใหม่ชนะไปนานแล้ว เค้าแค่รอเวลา ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แบบไม่ต้องสูญเสียเกินความจำเป็น นี่แหละ ผู้นำโลกคนใหม่ของพวกเราชาวโลก!

    หมี CNN(สิ่งดีดีกำลังจะเข้ามา ดังนั้น อย่ากังวล หากเชื้อชั่วมันแผลงฤทธิ์ นั่นแหละดี เชื้อชั่วไม่โผล่ จะรักษายังไง? ต้องเชียร์ให้มันออกลาย โชว์เหี้ยให้สุดติ่งกระดิ่งเหี้ยกันไปเลย ยิ่งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจบเร็วมากเท่านั้น อย่ากลัวเหี้ย มรึงคือลูกเทวดา จะกลัวเหี้ยไปทำไม? ไอ้อีจัญไรที่เสพอาจม หลอกแดร๊กคนในชาติมาช้านาน ถึงเวลาชดใช้ สภาพอย่างหมาจนตรอก อีเหลี่ยมชั่วหมดมุกแล้ว ยิ่งดิ่น ยิ่งหนีไม่หลุด จ่ายอย่างเดียวคือจบ จบแค่ที่นี่ ออกนอกแผ่นดินเมื่อไหร่ มีคนตามจบชีวิตมรึงอีกเยอะ คงหลับลงดอกน่ะ)
    10 ตุลาคม 67
    11.33 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172853488038405740
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    10-10-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.10 ตอน "NEW WAVE COMING" ยอดสะสมรถอียุ่นปี่ในไทย ลดหวบยับ กว่า 30% ทำไมน่ะรึ? อ้างจีนขยี้ตลาดรถไทย โปรดแหกตาดูทุกปัจจัย รถน้ำมัน ใครจ่ายไหว? ไฮบริคแค่แก้ขัด ระยะยาวจะไปต่อยังไงมิทราบ? เพราะ EV มันไป 1000 กม. แล้ว โคตรพ่อง โคตรแม่ง ขับวันละ 1000 ถึงมุย? เค้ารอให้ทุกอย่างเสถียรก่อน ยังไง EV คืออนาคต ทุกชาติต่างรู้ดี? มรึงหลอกแดร๊กควายไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ดัดแปลงรถกะบะ เสริมแต่งหน่อย ปักป้าย 1.7 ล้าน แม้แต่ควายยังอึ้ง? เจอ BYD มาทีเดียวขาย 700000 ควายถึงจะตื่น? ยุคนี้ น้ำมันแพง เศรษฐกิจต่ำตม รถเกินล้านใครจะซื้อ? ที่มาว่า DEALER ทั่วไทย ย้ายค่าย ปิดกิจการ หันไปขาย EV ดีกว่าค่ายอียุ่นปี่ ใครตายห่าก่อน ตัวแทนอะไหล่ยนต์ไงล่ะ รถสันดาปไปก่อนใครเพื่อน? มันถึงเวลาที่โลกจะเปลี่ยน รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีดี รถ EV แค่ปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง ยังมีนวตกรรมอีกมาก ที่กำลังจะเข้ามา? สื่อเสี้ยมตีข่าวจีนตีตลาดไทยยับ โยนบาปให้จีน แต่ผู้บริโภคควายไทยได้ตื่น อะไรที่ถูกและดี แล้วมรึงจะจ่ายแพงกว่าทำไม? รถสันดาปใช้กันมาเป็นศตวรรษแล้ว มรึงจะยังใช้กันต่ออีก 100 ปี เหรอ? ปัจจัยยอดสั่งรถลดลงฮวบ มันมีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ EV เป็นเหตุ คนสรรหาสิ่งที่ดีกว่า ถูกกว่า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ตลาดรถมือสองจะตายเอา เพราะที่ผ่านมา กินส่วนต่างไว้เยอะ งวดนี้ คนไม่ต้องซื้อมือสองใช้ หันไปจ่ายมือ 1 ป้ายแดงได้เลย 400000 ก็มีให้เลือก ผลประโยชน์ผู้บริโภคเต็มตรีน ก็ต้องปรับตัวกันไปตามเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงที่จะตามมา? กูบอกเลย อีกหน่อย ในเวลาอันสั้น โดรนส่งสินค้า โดรน TAXI มาแน่ แล้วมรึงจะช็อค! เวลาแสงทำงาน ยามเปลี่ยนแปลงผลัดใบโลก มันมักจะเกิดแรงต่อต้านเสมอ สำหรับช่วงแรก แต่พอนานวัน ทุกความสะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดกว่า ลดมลพิษได้ดีกว่า พลังงานสะอาดมาเต็มตรีน ใครจะไม่เอา? กลับมาสู่โลกสาย HARD CORE กันต่อ : 300 ลูกพร้อมกัน สาแก่ใจอีช้อยเฮซบอเลาะห์เค้าแหละ เละเป็นโจ๊กตามเคย เห่าเก่งแต่ในสื่อหลอกควาย โลกจริง ตายอย่างกะหมาข้างถนน? ซาเฟด แหล่งอุตสาหกรรมทางทหารอียิว แตกกระจุย ที่ใดมีคลังแสง ที่นั่นคือขุมนรก? ระบบป้องกัยภัยแห้วแดร๊กตามเคย มันใช้จริงได้ที่ไหนกันล่ะ? หมายังรู้! ส่งผลให้อาวุธขาดแคลนทันที เมื่อโรงงานผลิตหายวับ มรึงจะรอรับบริจาคจากใครได้อีก? แม่งไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว หมดตูดกันทั้งกะปิ? อาหรับกำลังจะทำอะไร? ชี้ให้โลกเห็นว่า ลงแขกยิวสบายตรีน ท้าทายอเมริกาให้เข้ามาช่วย จะได้ตายห่าทีเดียว ที่มาว่าทำไม บินทิ้งระเบิดเหี้ยมะกันหันหลังควับ ไม่ตรงต่อไปถล่มเป้าหมายโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน เพราะถูกล็อคเป้าไงจ๊ะ? "คุณหลอกดาวอีกแย้ว" ล่อให้เข้าไปตายห่าสิน่ะ ลงข่าวหน้า 1 บินทิ้งระเบิดตายคาตรีนไฮเปอร์โซนิค แล้วกูจะยังขายเหี้ยอะไรหลอกควายได้อีกล่ะ? อิหร่านมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400/S-350s ถามคำเดียว ยังจะเหลือลำไหนรอดได้อีก? หลังอิหร่านเพิ่งจะทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดิน สะเทือนไปถึงอเมริกา นกรู้กันทั่ว มาดิมรึง? หายไปทั้งเยรูซาเล๋มฝั่งตะวันตก เหี้ยมันเองก็รู้ ว่าไม่มีเครื่องบินลำไหนที่จะผ่าน S-400 รัสเซียได้เลย? ไม่ต้องถามถึง S-500 นั่นมันระดับจักรวาล ยิงดาวเทียมร่วงสบายตรีน เอาไว้ใช้กับสงคราม "STAR WARS" เท่านั้น อียิวมันจนแต้มแล้ว แค่ยื้อเวลาตา่ยให้ช้าลงเท่านั้นเอง แต่เฮซบอเลาะห์บอก กูไม่ว่างรอนานขนาดนั้น เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบทันที NON STOP ฆ่าอย่างเมามันส์ ตายแค่ 10 สื่อตีหลอกควาย เอาที่มรึงสบายใจ ดีออก? ข้ามวิกแป๊บ : ไอ้สัส! เวลาหาแดร๊ก เอาแต่เงิน เสนอหน้ารับงานเพี๊ยบ รอจะถูกเฉ่ง ถูกเชือด หนีหางจุกตูดกันหมด ไอ้อี ดาราทั้งหลาย ที่หลอกแดร๊กคนไทย หวังแค่เศษเงิน แต่ไม่ห่วงทรัพย์สินและชีวิตคนไทยด้วยกัน ถามว่ามรึงรู้มั้ยว่าจะต้องไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ หรือสิ้นค้า ห้างร้านอะไร? สัญญาเค้ามี เจตนาเค้าชัด อีตำหนวดสาวไส้ยาวอยู่แล้ว เพราะกะจะหลอกฟันหนัก อยากรอด ต้องจ่ายคุ้ม จบเกมส์ นี่ไง อีกา(กาลกิณี)กี ตัวจริง เสียงจริง สรุปแผ่นดินนี้ มีอีตำหนวดเป็นโจรแทนซะงั้น ต่อไปคงได้เห็น "โรบินฮู๊ดไทยแลนด์" ที่ออกมาไล่ล่า แฉความเหี้ยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองซะเอง หลายคนเชื่อ "แผ่นดินนี้ จ่ายหนัก รอดทุกคดี" กูไม่เถียงหากเป็นในกลียุค มันเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อแสงทำงาน วาระสุดท้ายของกลียุคจะหมดไป สิ่งสกปรกจะอยู่ต่อไปไม่ได้อีก การชำระล้างจะตามมา การฆ่าเชื้อชั่วมีแน่ ไม่ต้องห่วง? กลับมาดูเหี้ยตายโหงตายห่ากันต่อ : โดนหนักต่อเนื่อง สนามบิน ท่าเรือ ศูนย์บัญชาการ คลังแสง สถานีสื่อสาร ศูนย์กำลังพลสำรอง แม้แต่เส้นทางลำเลียง โดนหมด! แล้วมรึงล่ะ ทำลายเหี้ยอะไรได้บ้าง? มีแต่ข่าวโจมตีท่าเรือ บ้านเรือน แต่หาได้ทำลายอำนาจแสนยานุภาพฝ่ายตรงข้ามได้เลย เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มรึงเข้าถึงไงล่ะ? สงครามยุคใหม่มันแข่งกันที่ไฮเปอร์โซนิค รัสเซีย-จีน -อิหร่าน-โสมแดง ตีโจทย์แตกเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ถึงได้มีวันนี้ วันที่ ขั้วใหม่มี ไฮเปอร์โซนิค เป็น 10 ล้านลูก มรึงฟังไม่ผิดดอก ฟังให้ชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาน่ะว่า "10000000 ลูก" ไม่ต้องถาม ใครผลิต? ตอนนี้รวยเละเทะ นับเงินล้นทะลักคลัง! แค่ยอดสั่งจองจากอาหรับ ก็แทบรอคิวไปอีก 2 ปี ใครว่ากูจนฟ่ะเนี่ย? JOHN KIM จน จริงดิ? ควายเชื่อ แต่คนขำก๊าก! อะไรน่ะ บุกมาเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่คืบหน้าไปไหนเลย ระเหยไปในอากาศเพี๊ยบ ไหนว่ายึดเฮซบอเลาะห์ได้ไงล่ะ อ้าว..หนังคนละม้วน แล้วไอ้ที่นอนตายพะงสาบพะงาบนับร้อย พรมแดนเลบานอนเนี่ย? หมาไอ้อีตัวไหนกันฟ่ะ ผมทองก็มี ผมดำก็เยอะ NATO ทั้งนั้น ควายได้ใจกูจริง! สรุปคือเหี้ยนอนฝันว่ากำลังจะชนะ? อยากไปปลุกมันเชียว ให้มันฝันต่อไป ลืมตาอีกที ตายห่า..หมดแผ่นดิน! โลกเบาขึ้นไปอีกเยอะ? ปล.มหากาพย์เรือดำน้ำไทย ใครระบุไปในสัญญาว่าต้องใช้เครื่องยนต์อินทรีเหล็กเท่านั้น? อีเบียร์ไม่ยอมส่งอะไหล่และชิ้นส่วนประกอบให้ เพราะคว่ำบาตรจีนจากคำสั่ง NATO ทำให้ไม่มีนายพลกองทัพเรือหน้าไหน ยอมเสี่ยงตายเพื่อปลดแอกประเทศ? คำตอบมีอยู่ในตัวมันเอง "แผนกั๊ก" ศรีธนญชัยเล่นแร่แปรวิญญานอีกแล้ว หาแดร๊กก็เรื่อง ยุทธศาสตร์ก็เรื่อง แค่เปลี่ยนเครื่องยนต์คือจบทันที แล้วจะได้มีปัญหากับ NATO ต่อไงล่ะ? จีนเองก็รู้ว่า ไทยคิดยังไง? ท่าเรือดำน้ำที่สร้างไป แต่ไม่มีเรือดำน้ำ ใครคิด? 7000 ล้านเอาไปโยนทิ้งลงทะเลอีกตามเคย? นี่ไง เกมส์การเมืองโลก แต่ช้าก่อน หากคุณโทรหาเราภายใน 10 นาที เราจะมีโปรไฟไหม้ ซื้อ 1 แถม 3 ตามมาทันที จุดจบของมหากาพย์เรือดำน้ำนี้ จะปิดฉากลงเพราะผบ.ทร.คนล่าสุดเนี่ยแหละ บีบครม.แก้ไขสัญญาบัดซบ? ดอกนี้ "ตายเป็นตาย" ถึงว่า เกมส์โลกกำหนดเกมส์ไทย ไม่สิ ทั้งโลกมากกว่า? โลกไม่จบ ไทยอย่าหวังว่าจะจบ? เชื่อมั่นในพระบารมี อะไรที่มืดแปดด้าน จะถูกปลดล็อคเอง เชื่อกูดิ? จีน รัสเซีย ถ่วงดุลกัน แต่ตอนนี้ ต้องฆ่าเหี้ยให้ตายห่าก่อนเท่านั้น? กูบอกไปแล้วน่ะ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยน? หากมรึงสังเกตุ และคิดรอบด้านให้ดีดี มีอะไรที่กำลังรอเราอยู่ เราปรับเพื่อสิ่งนั้นไงล่ะ? อีเหี้ยมะกันเละเทะ ฟลอริด้าสยอง เฮอริเคน "มิลตัน" ระดับ 5 ตามมาล้างสิ่งสกปรกโสมมจ๊ะ ประชากรควายโลกเยอะเกินไป เอาออกไปบ้าง! อย่ามามั่วว่าเป็นฝีมือจีน ใช้ควอนตั่ม ดาวเทียม ก่อคลื่นสึนามิ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน พายุ สีนามิ ไฟป่า โรงงานไฟฟ้าดับสนิท(อันนี้ฝีมือไซเบอร์รัสเซีย CONFIRM) เหี้ยยังจะต้องโดนอีกเยอะ สวรรค์ลงโทษไงล่ะ เกิดเป็นคนดีดีไม่ชอบ อยากจะเป็นควายกันให้หมดโลก ถึงเวลาสวรรค์กำหนเอง ใครที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและโลก จงอยู่ต่อไป ส่วนพวกไร้ประโยชน์ก็ตายห่าตามกันไป จบน่ะ! โลกคัดสรรไว้ดีแล้ว ข่าวฮาแตก! อีแม่บ้านขะแมร์ แห่สาปแช่งอีฮุนเซน อยากจะครองแผ่นดินเบ็ดเสร็จ ถูกขับอัปเปหิ เนรเทศออกนอกประเทศ เมื่ออำนาจมันผูกขาด ก็ต้องเล่นด้วยคาถา อาคม สาปแช่งกันไปเลย ของเค้าแรงน่ะ จะบอกให้? อีฮุนเซน อยู่ได้อีกไม่นานดอก ไม่มีอะไรยั้งยืน ความดี/ชั่ว จะถูกตัดสินในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ที่ไปไม่สุด เพราะบาปกรรม มันทำไว้เยอะ เวลาชดใช้ สวรรค์ ถึงได้ไม่ปราณี และเพ่ไทย จะไม่ลดตัวไปยุ่งละครปาหี่อีขะแมร์เด็ดขาด ใครที่ปวดตับ ปวดหัว กับโซเชี่ยลเสี้ยมไทย-ขะแมร์ รายวัน กูถามจริง มรึงจะเสียเวลาไปสนใจสิ่งที่ไม่มีตัวตนทำไม? มันคู่ควรจะมาท้าดวลเราเหรอ? คนละระดับ ไม่ได้บูลลี่ธรรมดา แต่โคตรจะบูลลี่ เลยจ๊ะ ชัดเจนน่ะ กูรำคาญ! ใครขี้ลืมก็หลบไป แต่กูจำได้ดี ว่ามันเคยทำเหี้ยอะไรเอาไว้กับแผ่นดินพ่อกู อย่าไปให้ราคา เพราะมันไม่มีราคา? ไม่แปลกใจดอก อิหร่าน ผ่านร่าง กฎหมายขยายนิวเคลียร์ ชัดพอมั้ย? ผู้นำคนใหม่มา ทำงานเร็วฟ้าผ่าทันที โปรยิวไงล่ะ อียิวถึงได้ตายโหงตายห่าเกลื่อนในสัปดาห์เดียว บ้านไม่มี ลงใต้ดิน มุดถ้ำกันหมด! ดูผลลัพธ์ ดูการกระทำ อย่าดูแค่เค้าเล่าว่า? แล้วจะฉลาดขึ้น? สงครามข่าวสารมันมีเอาไว้หลอกควาย หากไม่อยากเป็นควาย จงใช้สติ ปัญญา คิดให้ดีดี อะไรที่มันไม่ใช่ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ? อย่าเชื่อแค่ตาเห็น หูฟัง แต่ใช้สมองคิดก่อนว่า ใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้? แผนสับขาหลอกมีหลายชั้น ไม่มีใครเดาได้ถูกหมดดอก ไม่งั้น มันจะเรียกว่าแผนซ้อนแผนเหรอ? ดูข้อเท็จจริง ดูสิ่งที่มีอยู่จริง จะไม่หลงทาง? ขั้วใหม่ชนะไปนานแล้ว เค้าแค่รอเวลา ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แบบไม่ต้องสูญเสียเกินความจำเป็น นี่แหละ ผู้นำโลกคนใหม่ของพวกเราชาวโลก! หมี CNN(สิ่งดีดีกำลังจะเข้ามา ดังนั้น อย่ากังวล หากเชื้อชั่วมันแผลงฤทธิ์ นั่นแหละดี เชื้อชั่วไม่โผล่ จะรักษายังไง? ต้องเชียร์ให้มันออกลาย โชว์เหี้ยให้สุดติ่งกระดิ่งเหี้ยกันไปเลย ยิ่งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจบเร็วมากเท่านั้น อย่ากลัวเหี้ย มรึงคือลูกเทวดา จะกลัวเหี้ยไปทำไม? ไอ้อีจัญไรที่เสพอาจม หลอกแดร๊กคนในชาติมาช้านาน ถึงเวลาชดใช้ สภาพอย่างหมาจนตรอก อีเหลี่ยมชั่วหมดมุกแล้ว ยิ่งดิ่น ยิ่งหนีไม่หลุด จ่ายอย่างเดียวคือจบ จบแค่ที่นี่ ออกนอกแผ่นดินเมื่อไหร่ มีคนตามจบชีวิตมรึงอีกเยอะ คงหลับลงดอกน่ะ) 10 ตุลาคม 67 11.33 น. https://linevoom.line.me/post/1172853488038405740 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
    .
    รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง
    .
    ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล
    .
    นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
    .
    ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้:
    .
    ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์
    .
    อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ
    .
    ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028
    .
    ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์
    .
    อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี
    .
    นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน
    .
    อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ
    .
    ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง
    .
    คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา
    .
    ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย
    .
    การสู้รบกับฮูตี
    .
    นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์
    .
    การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609
    ..............
    Sondhi X
    เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง . รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง . ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล . นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว . ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้: . ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์ . อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ . ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว . ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028 . ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์ . อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี . นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน . อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ . ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง . คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา . ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์ . ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย . การสู้รบกับฮูตี . นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 . นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์ . การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1081 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts