• ราเมศ ยัน ยัน อภิสิทธิ์ พ้นข้อกล่าวหาคดีปี 53 ซัดกลับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถามชดใช้ค่าเสียหายคดีเผาบ้านเผาเมืองแล้วหรือยัง
    https://www.thai-tai.tv/news/22173/
    .
    #ไทยไท #ราเมศรัตนะเชวง #อภิสิทธิ์ #สลายการชุมนุม53 #กระบวนการยุติธรรม #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ
    ราเมศ ยัน ยัน อภิสิทธิ์ พ้นข้อกล่าวหาคดีปี 53 ซัดกลับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถามชดใช้ค่าเสียหายคดีเผาบ้านเผาเมืองแล้วหรือยัง https://www.thai-tai.tv/news/22173/ . #ไทยไท #ราเมศรัตนะเชวง #อภิสิทธิ์ #สลายการชุมนุม53 #กระบวนการยุติธรรม #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.16

    คดีคือเรื่องราวหรือข้อพิพาทที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ภายใต้การพิจารณาของศาล ในชีวิตประจำวันเรามักจะได้ยินคำนี้บ่อยครั้ง แต่แก่นแท้ของมันคือการแสวงหาความจริงและการยุติความขัดแย้งอย่างเป็นระบบและมีกฎหมายรองรับ ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาททางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน สัญญา หรือครอบครัว หรือเป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่เกี่ยวกับความผิดต่อรัฐและสังคม เมื่อเรื่องใดก็ตามถูกยกระดับเป็นคดี นั่นหมายความว่าหลักฐาน ข้อกฎหมาย และความชอบธรรมจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินชะตากรรม เป็นการเปลี่ยนจากความขัดแย้งส่วนตัวหรือสาธารณะไปสู่การตัดสินโดยผู้ทรงอำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม กระบวนการนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและสิทธิเสรีภาพของทุกคน

    บทบาทของคดีในสังคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการตีความและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม คดีแต่ละคดีไม่เพียงแต่จะยุติข้อพิพาทเฉพาะหน้าระหว่างคู่กรณีเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคมในวงกว้างอีกด้วย ทุกขั้นตอนตั้งแต่การยื่นฟ้อง การสืบพยาน การพิจารณาข้อเท็จจริง ไปจนถึงการตัดสิน ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักการแห่งกฎหมาย ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมและที่มาที่ไปของคดีต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพื่อรักษาสิทธิของตนเองและตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ดังนั้น คดีจึงมิใช่เพียงแค่ชื่อเรียกของเรื่องราวความขัดแย้ง แต่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความยุติธรรมในรัฐสมัยใหม่ เป็นจุดที่กฎหมายได้ลงมาสัมผัสกับชีวิตจริงของประชาชน เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคม และยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทุกข้อพิพาท ทุกความขัดแย้ง มีที่มา มีการพิจารณา และมีบทสรุปที่ถูกกำหนดโดยหลักนิติธรรม นำไปสู่การจัดระเบียบและดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขอย่างยั่งยืนในที่สุด
    บทความกฎหมาย EP.16 คดีคือเรื่องราวหรือข้อพิพาทที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ภายใต้การพิจารณาของศาล ในชีวิตประจำวันเรามักจะได้ยินคำนี้บ่อยครั้ง แต่แก่นแท้ของมันคือการแสวงหาความจริงและการยุติความขัดแย้งอย่างเป็นระบบและมีกฎหมายรองรับ ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาททางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน สัญญา หรือครอบครัว หรือเป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่เกี่ยวกับความผิดต่อรัฐและสังคม เมื่อเรื่องใดก็ตามถูกยกระดับเป็นคดี นั่นหมายความว่าหลักฐาน ข้อกฎหมาย และความชอบธรรมจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินชะตากรรม เป็นการเปลี่ยนจากความขัดแย้งส่วนตัวหรือสาธารณะไปสู่การตัดสินโดยผู้ทรงอำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม กระบวนการนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและสิทธิเสรีภาพของทุกคน บทบาทของคดีในสังคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการตีความและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม คดีแต่ละคดีไม่เพียงแต่จะยุติข้อพิพาทเฉพาะหน้าระหว่างคู่กรณีเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคมในวงกว้างอีกด้วย ทุกขั้นตอนตั้งแต่การยื่นฟ้อง การสืบพยาน การพิจารณาข้อเท็จจริง ไปจนถึงการตัดสิน ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักการแห่งกฎหมาย ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมและที่มาที่ไปของคดีต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพื่อรักษาสิทธิของตนเองและตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คดีจึงมิใช่เพียงแค่ชื่อเรียกของเรื่องราวความขัดแย้ง แต่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความยุติธรรมในรัฐสมัยใหม่ เป็นจุดที่กฎหมายได้ลงมาสัมผัสกับชีวิตจริงของประชาชน เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคม และยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทุกข้อพิพาท ทุกความขัดแย้ง มีที่มา มีการพิจารณา และมีบทสรุปที่ถูกกำหนดโดยหลักนิติธรรม นำไปสู่การจัดระเบียบและดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขอย่างยั่งยืนในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนันไม่เกี่ยวสแกมเมอร์ นักการเมืองทุกคนมีอดีต : [THE MESSAGE]
    ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม(กธ.) เผยกรณีมีการเชื่อมโยงนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรค กธ. เกี่ยวข้องกับเส้นเงินแก๊งสแกมเมอร์ เขาชี้แจงตัวเองแล้ว ขอให้ลองไปฟัง เป็นคดีเก่าที่ผ่านกระบวนการยุติธรรม เราไปพูดมากก็ไม่ดี วันนี้สังคมไทยมองทุกอย่างเป็นสแกมเมอร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีเขาพยายามแยกแยะและชี้แจงว่า เรื่องแก๊งสแกมเมอร์เป็นความผิดประเภทหนึ่ง พนันออนไลน์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การค้ามนุษย์ก็อีกประเภทหนึ่ง ต้องแยกกัน อะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมเขา อย่าเหมารวม ถ้าตรวจสอบทั้งหมด 400 กว่าชีวิตในสภา ทุกคนมีประวัติและอดีต จะให้เราซัดกันหรือ ตนเองมองว่ามันไม่ดี ส่วนการไปชี้แจงคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ วันนี้มีประชุมตั้งแต่เช้า บ่ายก็ติดภารกิจสำคัญ ไม่มีเวลา เหลือเวลาไม่กี่เดือนก็จะยุบสภาแล้ว พยายามทำอะไรที่เกิดประโยชน์กับประชาชน
    พนันไม่เกี่ยวสแกมเมอร์ นักการเมืองทุกคนมีอดีต : [THE MESSAGE] ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม(กธ.) เผยกรณีมีการเชื่อมโยงนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรค กธ. เกี่ยวข้องกับเส้นเงินแก๊งสแกมเมอร์ เขาชี้แจงตัวเองแล้ว ขอให้ลองไปฟัง เป็นคดีเก่าที่ผ่านกระบวนการยุติธรรม เราไปพูดมากก็ไม่ดี วันนี้สังคมไทยมองทุกอย่างเป็นสแกมเมอร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีเขาพยายามแยกแยะและชี้แจงว่า เรื่องแก๊งสแกมเมอร์เป็นความผิดประเภทหนึ่ง พนันออนไลน์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การค้ามนุษย์ก็อีกประเภทหนึ่ง ต้องแยกกัน อะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องให้ความเป็นธรรมเขา อย่าเหมารวม ถ้าตรวจสอบทั้งหมด 400 กว่าชีวิตในสภา ทุกคนมีประวัติและอดีต จะให้เราซัดกันหรือ ตนเองมองว่ามันไม่ดี ส่วนการไปชี้แจงคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ วันนี้มีประชุมตั้งแต่เช้า บ่ายก็ติดภารกิจสำคัญ ไม่มีเวลา เหลือเวลาไม่กี่เดือนก็จะยุบสภาแล้ว พยายามทำอะไรที่เกิดประโยชน์กับประชาชน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ธรรมนัส เผยเรียก สส. ชนนพัฒฐ์ เข้าพบ กำชับให้ชี้แจงตัวเอง ปมเชื่อมโยงสแกมเมอร์
    https://www.thai-tai.tv/news/22114/
    .
    #ไทยไท #ธรรมนัส #ชนนพัฒฐ์ #พรรคกล้าธรรม #สแกมเมอร์ #กระบวนการยุติธรรม

    ธรรมนัส เผยเรียก สส. ชนนพัฒฐ์ เข้าพบ กำชับให้ชี้แจงตัวเอง ปมเชื่อมโยงสแกมเมอร์ https://www.thai-tai.tv/news/22114/ . #ไทยไท #ธรรมนัส #ชนนพัฒฐ์ #พรรคกล้าธรรม #สแกมเมอร์ #กระบวนการยุติธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ธรรมนัส” ป้อง “ชนนพัฒฐ์” ถูกขุดคดีเก่า บอก ไม่เป็นธรรม วอนอย่าเหมารวมทุกเรื่องเป็นแก๊งสแกมเมอร์ แนะเจ้าตัวชี้แจง แต่อย่าโต้วาที เชื่อ ทุกคนรักชาติ ไม่มีใครสนับสนุนแน่ มอง “กล้าธรรม” โตไวย่อมเจอกระแสโจมตี พร้อมโอดขนาดลูก 7 ขวบ ยังโดนแก๊งคอลฯ โทร.หา ปูด บางพรรคตั้งทีมเฉพาะกิจไว้ตรวจสอบพรรคอื่น โจมตีหวังผลการเมือง ลั่นในสภาถ้าคุ้ยมีอดีตกันหมด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103585

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรคกล้าธรรม #แก๊งสแกมเมอร์ #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    “ธรรมนัส” ป้อง “ชนนพัฒฐ์” ถูกขุดคดีเก่า บอก ไม่เป็นธรรม วอนอย่าเหมารวมทุกเรื่องเป็นแก๊งสแกมเมอร์ แนะเจ้าตัวชี้แจง แต่อย่าโต้วาที เชื่อ ทุกคนรักชาติ ไม่มีใครสนับสนุนแน่ มอง “กล้าธรรม” โตไวย่อมเจอกระแสโจมตี พร้อมโอดขนาดลูก 7 ขวบ ยังโดนแก๊งคอลฯ โทร.หา ปูด บางพรรคตั้งทีมเฉพาะกิจไว้ตรวจสอบพรรคอื่น โจมตีหวังผลการเมือง ลั่นในสภาถ้าคุ้ยมีอดีตกันหมด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103585 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรคกล้าธรรม #แก๊งสแกมเมอร์ #การเมืองไทย #กระบวนการยุติธรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิชิต ทนายความประจำตระกูลชินวัตร หวังล้างภาพติดสินบนกระบวนการยุติธรรมด้วยถุงขนม จึงออกหนังสือแถแก้ตัว ชั่วโมงนี้ใครจะซื้อว่ะ แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ถุงขนมที่หล่นหาย" อาจจะพอขายได้นะเมิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    พิชิต ทนายความประจำตระกูลชินวัตร หวังล้างภาพติดสินบนกระบวนการยุติธรรมด้วยถุงขนม จึงออกหนังสือแถแก้ตัว ชั่วโมงนี้ใครจะซื้อว่ะ แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ถุงขนมที่หล่นหาย" อาจจะพอขายได้นะเมิง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จับสองวัยรุ่นอังกฤษ โจมตีแรนซัมแวร์ใส่ศูนย์เด็ก Kido — ข้อมูลเด็ก 8,000 คนถูกขโมยและขู่เรียกค่าไถ่”

    ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) ได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีสองคนในเมือง Bishop’s Stortford, Hertfordshire เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 จากข้อหาการใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและการแบล็กเมล์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีแรนซัมแวร์ต่อเครือข่ายศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีสาขาทั่วลอนดอน

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า “Radiant” ได้อ้างความรับผิดชอบในการโจมตี โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเด็กกว่า 8,000 คนและครอบครัวผ่านซอฟต์แวร์ Famly ที่ศูนย์เด็กใช้ในการจัดการข้อมูล แม้ Famly จะยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนไม่ถูกเจาะ แต่การเข้าถึงผ่านบัญชีผู้ใช้ก็เพียงพอให้ Radiant ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลติดต่อของผู้ปกครอง และบันทึกทางการแพทย์ที่เป็นความลับ

    Radiant ได้เรียกร้องค่าไถ่ประมาณ £600,000 เป็น Bitcoin และใช้วิธีการกดดันที่รุนแรง เช่น โทรหาผู้ปกครองโดยตรง และโพสต์ภาพเด็กบางคนลงใน dark web เพื่อบีบให้ศูนย์เด็กจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้กลับได้รับเสียงประณามอย่างหนัก แม้แต่จากแฮกเกอร์ด้วยกัน จนสุดท้าย Radiant ได้เบลอภาพและประกาศลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม

    ตำรวจ Met ยืนยันว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง โดย Will Lyne หัวหน้าฝ่ายอาชญากรรมไซเบอร์กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญในการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ขณะที่ศูนย์เด็ก Kido ก็ออกแถลงการณ์ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของภาคการศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กและโรงเรียนที่มักมีงบประมาณด้าน IT จำกัด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแรนซัมแวร์บ่อยครั้ง รายงานจาก Sophos และ AtlastVPN เคยระบุว่า 80% ของผู้ให้บริการการศึกษาระดับต้นเคยถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ภายในหนึ่งปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ตำรวจ Met จับกุมวัยรุ่นชายสองคนจากข้อหาใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและแบล็กเมล์
    เหตุโจมตีเกิดขึ้นกับศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีข้อมูลเด็กกว่า 8,000 คนถูกขโมย
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย และบันทึกทางการแพทย์
    กลุ่มแฮกเกอร์ Radiant เรียกร้องค่าไถ่ £600,000 เป็น Bitcoin
    Radiant โทรหาผู้ปกครองและโพสต์ภาพเด็กใน dark web เพื่อกดดัน
    หลังถูกประณาม กลุ่ม Radiant เบลอภาพและประกาศลบข้อมูล
    ตำรวจ Met ยืนยันดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง
    ศูนย์เด็ก Kido ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Famly เป็นซอฟต์แวร์จัดการศูนย์เด็กที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป
    ข้อมูลเด็กเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ เพราะมีประวัติเครดิตสะอาดและยากต่อการตรวจพบ
    การโจมตีแรนซัมแวร์ในภาคการศึกษามักเกิดจาก phishing และการตั้งค่าความปลอดภัยต่ำ
    กลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่น เช่น Lapsus$ และ Scattered Spider เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง
    การโจมตีข้อมูลเด็กถือเป็น “จุดต่ำสุดใหม่” ของอาชญากรรมไซเบอร์

    https://hackread.com/uk-police-arrest-teens-kido-nursery-ransomware-attack/
    🚨 “จับสองวัยรุ่นอังกฤษ โจมตีแรนซัมแวร์ใส่ศูนย์เด็ก Kido — ข้อมูลเด็ก 8,000 คนถูกขโมยและขู่เรียกค่าไถ่” ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) ได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีสองคนในเมือง Bishop’s Stortford, Hertfordshire เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 จากข้อหาการใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและการแบล็กเมล์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีแรนซัมแวร์ต่อเครือข่ายศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีสาขาทั่วลอนดอน กลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า “Radiant” ได้อ้างความรับผิดชอบในการโจมตี โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเด็กกว่า 8,000 คนและครอบครัวผ่านซอฟต์แวร์ Famly ที่ศูนย์เด็กใช้ในการจัดการข้อมูล แม้ Famly จะยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนไม่ถูกเจาะ แต่การเข้าถึงผ่านบัญชีผู้ใช้ก็เพียงพอให้ Radiant ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย ข้อมูลติดต่อของผู้ปกครอง และบันทึกทางการแพทย์ที่เป็นความลับ Radiant ได้เรียกร้องค่าไถ่ประมาณ £600,000 เป็น Bitcoin และใช้วิธีการกดดันที่รุนแรง เช่น โทรหาผู้ปกครองโดยตรง และโพสต์ภาพเด็กบางคนลงใน dark web เพื่อบีบให้ศูนย์เด็กจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้กลับได้รับเสียงประณามอย่างหนัก แม้แต่จากแฮกเกอร์ด้วยกัน จนสุดท้าย Radiant ได้เบลอภาพและประกาศลบข้อมูลทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ตำรวจ Met ยืนยันว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง โดย Will Lyne หัวหน้าฝ่ายอาชญากรรมไซเบอร์กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญในการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ขณะที่ศูนย์เด็ก Kido ก็ออกแถลงการณ์ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของภาคการศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กและโรงเรียนที่มักมีงบประมาณด้าน IT จำกัด ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแรนซัมแวร์บ่อยครั้ง รายงานจาก Sophos และ AtlastVPN เคยระบุว่า 80% ของผู้ให้บริการการศึกษาระดับต้นเคยถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ภายในหนึ่งปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ตำรวจ Met จับกุมวัยรุ่นชายสองคนจากข้อหาใช้คอมพิวเตอร์ในทางมิชอบและแบล็กเมล์ ➡️ เหตุโจมตีเกิดขึ้นกับศูนย์เด็ก Kido ซึ่งมีข้อมูลเด็กกว่า 8,000 คนถูกขโมย ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ รูปถ่าย และบันทึกทางการแพทย์ ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ Radiant เรียกร้องค่าไถ่ £600,000 เป็น Bitcoin ➡️ Radiant โทรหาผู้ปกครองและโพสต์ภาพเด็กใน dark web เพื่อกดดัน ➡️ หลังถูกประณาม กลุ่ม Radiant เบลอภาพและประกาศลบข้อมูล ➡️ ตำรวจ Met ยืนยันดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง ➡️ ศูนย์เด็ก Kido ขอบคุณการดำเนินการของตำรวจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Famly เป็นซอฟต์แวร์จัดการศูนย์เด็กที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป ➡️ ข้อมูลเด็กเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ เพราะมีประวัติเครดิตสะอาดและยากต่อการตรวจพบ ➡️ การโจมตีแรนซัมแวร์ในภาคการศึกษามักเกิดจาก phishing และการตั้งค่าความปลอดภัยต่ำ ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่น เช่น Lapsus$ และ Scattered Spider เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง ➡️ การโจมตีข้อมูลเด็กถือเป็น “จุดต่ำสุดใหม่” ของอาชญากรรมไซเบอร์ https://hackread.com/uk-police-arrest-teens-kido-nursery-ransomware-attack/
    HACKREAD.COM
    UK Police Arrest Two Teens Over Kido Nursery Ransomware Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แคนาดาเสนอร่างกฎหมาย C-8 — เปิดช่องให้รัฐตัดอินเทอร์เน็ตบุคคลใดก็ได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลแคนาดาได้เสนอร่างกฎหมาย C-8 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสาระสำคัญคือการให้อำนาจรัฐในการ “ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต” ของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “บุคคลที่ระบุไว้” (specified persons) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมล่วงหน้า

    ร่างกฎหมายนี้จะปรับแก้พระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications Act) โดยเพิ่มบทบัญญัติที่ให้อำนาจรัฐมนตรีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือ Mélanie Joly) ร่วมกับรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะ (Gary Anandasangaree) ในการสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น Rogers หรือ Telus “หยุดให้บริการแก่บุคคลใดก็ได้” ที่รัฐเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์

    สิ่งที่น่ากังวลคือ คำสั่งนี้ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดขึ้น “หลังจาก” ที่มีการตัดบริการไปแล้ว กล่าวคือ บุคคลที่ถูกตัดอินเทอร์เน็ตจะไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือรับรู้ล่วงหน้า

    รัฐบาลให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้จำเป็นต่อการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น เช่น การโจมตีจากแฮกเกอร์ การขโมยข้อมูลจากรัฐ และการแทรกแซงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยระบุว่า “เพื่อปกป้องระบบโทรคมนาคมของแคนาดาจากการแทรกแซง การบิดเบือน การหยุดชะงัก หรือการเสื่อมถอย”

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จากสมาคมสิทธิเสรีภาพพลเมืองแคนาดา (CCLA) เตือนว่า ร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐมากเกินไปในการสอดแนมและควบคุมข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ และอาจนำไปสู่การลดทอนมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลของเอกชน

    ที่สำคัญคือ ร่างกฎหมายนี้ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลแคนาดา ที่เคยประกาศว่า “การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคือสิทธิมนุษยชน” และเคยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Freedom Online Coalition ซึ่งส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์ทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ร่างกฎหมาย C-8 ให้อำนาจรัฐในการตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นภัย
    ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดหลังจากมีคำสั่งแล้ว
    รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีความมั่นคงสามารถออกคำสั่งร่วมกันได้
    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
    เหตุผลของรัฐคือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ เช่น แฮกเกอร์และการแทรกแซงระบบ
    ร่างกฎหมายนี้แก้ไขพระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา
    มีการวิจารณ์จาก CCLA ว่าอาจนำไปสู่การสอดแนมและลดมาตรฐานการเข้ารหัส
    ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลที่เคยสนับสนุนเสรีภาพออนไลน์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Freedom Online Coalition เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมเสรีภาพอินเทอร์เน็ต
    หลายประเทศ เช่น เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เคยวิจารณ์การควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐ
    การตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลอาจกระทบสิทธิในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล
    การสอดแนมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอาจละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามกฎบัตรสิทธิ
    การลดมาตรฐานการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง

    https://nationalpost.com/opinion/canadian-bill-would-strip-internet-access-from-specified-persons
    🛑 “แคนาดาเสนอร่างกฎหมาย C-8 — เปิดช่องให้รัฐตัดอินเทอร์เน็ตบุคคลใดก็ได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลแคนาดาได้เสนอร่างกฎหมาย C-8 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสาระสำคัญคือการให้อำนาจรัฐในการ “ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต” ของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “บุคคลที่ระบุไว้” (specified persons) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมล่วงหน้า ร่างกฎหมายนี้จะปรับแก้พระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications Act) โดยเพิ่มบทบัญญัติที่ให้อำนาจรัฐมนตรีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือ Mélanie Joly) ร่วมกับรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะ (Gary Anandasangaree) ในการสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น Rogers หรือ Telus “หยุดให้บริการแก่บุคคลใดก็ได้” ที่รัฐเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์ สิ่งที่น่ากังวลคือ คำสั่งนี้ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดขึ้น “หลังจาก” ที่มีการตัดบริการไปแล้ว กล่าวคือ บุคคลที่ถูกตัดอินเทอร์เน็ตจะไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือรับรู้ล่วงหน้า รัฐบาลให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้จำเป็นต่อการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น เช่น การโจมตีจากแฮกเกอร์ การขโมยข้อมูลจากรัฐ และการแทรกแซงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยระบุว่า “เพื่อปกป้องระบบโทรคมนาคมของแคนาดาจากการแทรกแซง การบิดเบือน การหยุดชะงัก หรือการเสื่อมถอย” อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จากสมาคมสิทธิเสรีภาพพลเมืองแคนาดา (CCLA) เตือนว่า ร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐมากเกินไปในการสอดแนมและควบคุมข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ และอาจนำไปสู่การลดทอนมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลของเอกชน ที่สำคัญคือ ร่างกฎหมายนี้ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลแคนาดา ที่เคยประกาศว่า “การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคือสิทธิมนุษยชน” และเคยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Freedom Online Coalition ซึ่งส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์ทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ร่างกฎหมาย C-8 ให้อำนาจรัฐในการตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นภัย ➡️ ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดหลังจากมีคำสั่งแล้ว ➡️ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีความมั่นคงสามารถออกคำสั่งร่วมกันได้ ➡️ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ➡️ เหตุผลของรัฐคือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ เช่น แฮกเกอร์และการแทรกแซงระบบ ➡️ ร่างกฎหมายนี้แก้ไขพระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา ➡️ มีการวิจารณ์จาก CCLA ว่าอาจนำไปสู่การสอดแนมและลดมาตรฐานการเข้ารหัส ➡️ ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลที่เคยสนับสนุนเสรีภาพออนไลน์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Freedom Online Coalition เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมเสรีภาพอินเทอร์เน็ต ➡️ หลายประเทศ เช่น เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เคยวิจารณ์การควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐ ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลอาจกระทบสิทธิในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล ➡️ การสอดแนมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอาจละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามกฎบัตรสิทธิ ➡️ การลดมาตรฐานการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง https://nationalpost.com/opinion/canadian-bill-would-strip-internet-access-from-specified-persons
    NATIONALPOST.COM
    FIRST READING: Canadian bill would strip internet access from 'specified persons'
    Not too long ago, Liberals were defending internet access as akin to a human right.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต สส. 3 ราย ยื่นจดหมายถึง “อนุทิน” ขอเร่งตรวจสอบคำสั่งนายกฯ ที่ 143/2562 สมัย “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ หวั่นใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังพบข้อเท็จจริงขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชี้คล้ายกรณี “เขากระโดง” ที่ยังไม่บังคับคดีตามคำพิพากษา จ่อร้องถึงประธานศาลฎีกาและองค์กรอิสระทุกฝ่าย ฟื้นความเชื่อมั่นระบบนิติรัฐ–นิติธรรมไทย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096131

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อดีต สส. 3 ราย ยื่นจดหมายถึง “อนุทิน” ขอเร่งตรวจสอบคำสั่งนายกฯ ที่ 143/2562 สมัย “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ หวั่นใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังพบข้อเท็จจริงขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชี้คล้ายกรณี “เขากระโดง” ที่ยังไม่บังคับคดีตามคำพิพากษา จ่อร้องถึงประธานศาลฎีกาและองค์กรอิสระทุกฝ่าย ฟื้นความเชื่อมั่นระบบนิติรัฐ–นิติธรรมไทย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096131 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.6

    การใช้กำลังประทุษร้าย ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ หรือการกระทำอื่นใดที่มุ่งหมายให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดและมีบทลงโทษอย่างชัดเจน ในทางกฎหมายอาญา การกระทำเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส เช่น บาดเจ็บสาหัส พิการ หรือถึงแก่ความตาย โทษทางอาญาก็จะยิ่งหนักขึ้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงการประทุษร้ายทางเพศ หรือการบังคับขืนใจ ซึ่งมีบทบัญญัติและโทษที่รุนแรงเฉพาะเจาะจง การใช้กำลังในลักษณะที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวหรือคุกคาม เช่น การข่มขู่ว่าจะทำร้าย ก็ถือเป็นความผิดฐานข่มขู่ตามมาตรา 392 หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องได้อีกด้วย ดังนั้น ทุกการกระทำที่ใช้กำลังหรือเจตนาประทุษร้ายต่อผู้อื่น ย่อมมีผลทางกฎหมายตามมาเสมอ การอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัว ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากเกินกว่าเหตุที่จำเป็น ก็อาจถูกดำเนินคดีได้เช่นกัน

    กฎหมายมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชนทุกคน จึงกำหนดขอบเขตของการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ไว้ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข การตระหนักถึงขอบเขตของกฎหมายและผลที่จะตามมาจากการใช้กำลังประทุษร้ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหา และมักจะนำมาซึ่งความสูญเสียและภาระทางกฎหมายที่หนักอึ้ง ทั้งต่อผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ หากเกิดความขัดแย้ง ควรเลือกใช้ช่องทางอื่นที่ถูกกฎหมายและสันติในการระงับข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ย หรือการใช้กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมโดยไม่จำเป็นต้องละเมิดสิทธิของผู้อื่น ในฐานะพลเมืองที่ดี เราควรรู้และเคารพกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ใช้กำลังประทุษร้าย และที่สำคัญที่สุดคือไม่กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายการใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่น อันจะนำมาซึ่งความรับผิดชอบทางกฎหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    การใช้กำลังประทุษร้ายจึงไม่ใช่แค่เรื่องของศีลธรรมหรือมารยาททางสังคมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่มีบทบัญญัติและโทษที่ชัดเจน การรู้และเข้าใจกฎหมายในเรื่องนี้จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ทั้งในฐานะของผู้ที่อาจถูกกระทำและในฐานะของผู้ที่อาจจะพลั้งพลาดกระทำไปโดยไม่ตั้งใจ การเคารพสิทธิในร่างกายและจิตใจของผู้อื่น คือการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับทุกคน

    #กฎหมาย #ทนายความ
    #จันทศิษฐ์ทนายความ
    บทความกฎหมาย EP.6 การใช้กำลังประทุษร้าย ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ หรือการกระทำอื่นใดที่มุ่งหมายให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดและมีบทลงโทษอย่างชัดเจน ในทางกฎหมายอาญา การกระทำเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส เช่น บาดเจ็บสาหัส พิการ หรือถึงแก่ความตาย โทษทางอาญาก็จะยิ่งหนักขึ้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงการประทุษร้ายทางเพศ หรือการบังคับขืนใจ ซึ่งมีบทบัญญัติและโทษที่รุนแรงเฉพาะเจาะจง การใช้กำลังในลักษณะที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวหรือคุกคาม เช่น การข่มขู่ว่าจะทำร้าย ก็ถือเป็นความผิดฐานข่มขู่ตามมาตรา 392 หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องได้อีกด้วย ดังนั้น ทุกการกระทำที่ใช้กำลังหรือเจตนาประทุษร้ายต่อผู้อื่น ย่อมมีผลทางกฎหมายตามมาเสมอ การอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัว ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากเกินกว่าเหตุที่จำเป็น ก็อาจถูกดำเนินคดีได้เช่นกัน กฎหมายมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชนทุกคน จึงกำหนดขอบเขตของการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ไว้ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข การตระหนักถึงขอบเขตของกฎหมายและผลที่จะตามมาจากการใช้กำลังประทุษร้ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหา และมักจะนำมาซึ่งความสูญเสียและภาระทางกฎหมายที่หนักอึ้ง ทั้งต่อผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ หากเกิดความขัดแย้ง ควรเลือกใช้ช่องทางอื่นที่ถูกกฎหมายและสันติในการระงับข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ย หรือการใช้กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมโดยไม่จำเป็นต้องละเมิดสิทธิของผู้อื่น ในฐานะพลเมืองที่ดี เราควรรู้และเคารพกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ใช้กำลังประทุษร้าย และที่สำคัญที่สุดคือไม่กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายการใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่น อันจะนำมาซึ่งความรับผิดชอบทางกฎหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้กำลังประทุษร้ายจึงไม่ใช่แค่เรื่องของศีลธรรมหรือมารยาททางสังคมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่มีบทบัญญัติและโทษที่ชัดเจน การรู้และเข้าใจกฎหมายในเรื่องนี้จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ทั้งในฐานะของผู้ที่อาจถูกกระทำและในฐานะของผู้ที่อาจจะพลั้งพลาดกระทำไปโดยไม่ตั้งใจ การเคารพสิทธิในร่างกายและจิตใจของผู้อื่น คือการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับทุกคน #กฎหมาย #ทนายความ #จันทศิษฐ์ทนายความ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091705

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091705 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091690

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091690 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ”

    เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม

    สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง

    แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก

    แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น

    ข้อมูลจากคดี Rockenhaus
    ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า
    เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web
    FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง

    พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว
    ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ
    เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน
    การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข
    มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้
    การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT
    การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025
    คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล

    กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ
    หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล
    ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ
    มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain

    กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค
    มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web
    บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง
    มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน
    มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว

    กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP
    มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า
    บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ
    มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา

    https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    ⚖️ “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ” เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น ✅ ข้อมูลจากคดี Rockenhaus ➡️ ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า ➡️ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web ➡️ FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง ✅ พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ➡️ ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ ➡️ เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข ➡️ มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้ ➡️ การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT ➡️ การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025 ➡️ คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล ✅ กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ ➡️ หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ ➡️ มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain ✅ กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค ➡️ มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web ➡️ บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง ➡️ มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน ➡️ มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ‼️ กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP ⛔ มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า ⛔ บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript ⛔ มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ ⛔ มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX

    มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร

    สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม

    เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี

    นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    #Newskit
    คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังนายใหญ่กลับไปรับโทษจำคุกอีก 1 ปี เหล่าผู้สนับสนุนและบริวารใกล้ชิดพากันออกมายกย่องเป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แม้ข้อเท็จจริงชี้ว่าภาพของ "ทักษิณ" ในชุดคอกลมสีน้ำเงินนั่งรถเข้าคุก มาจากการกระทำของตัวเขาเองทั้งสิ้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086937

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    หลังนายใหญ่กลับไปรับโทษจำคุกอีก 1 ปี เหล่าผู้สนับสนุนและบริวารใกล้ชิดพากันออกมายกย่องเป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แม้ข้อเท็จจริงชี้ว่าภาพของ "ทักษิณ" ในชุดคอกลมสีน้ำเงินนั่งรถเข้าคุก มาจากการกระทำของตัวเขาเองทั้งสิ้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086937 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังนายใหญ่กลับไปรับโทษจำคุกอีก 1 ปี เหล่าผู้สนับสนุนและบริวารใกล้ชิดพากันออกมายกย่องเป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แม้ข้อเท็จจริงชี้ว่าภาพของ "ทักษิณ" ในชุดคอกลมสีน้ำเงินนั่งรถเข้าคุก มาจากการกระทำของตัวเขาเองและบริวารแทบทั้งสิ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086931

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลังนายใหญ่กลับไปรับโทษจำคุกอีก 1 ปี เหล่าผู้สนับสนุนและบริวารใกล้ชิดพากันออกมายกย่องเป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แม้ข้อเท็จจริงชี้ว่าภาพของ "ทักษิณ" ในชุดคอกลมสีน้ำเงินนั่งรถเข้าคุก มาจากการกระทำของตัวเขาเองและบริวารแทบทั้งสิ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086931 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ยันไม่ล้วงคดีเขากระโดง ขอทุ่มเวลาช่วย ปชช. ย้ำทุกอย่างเป็นไปตาม กม.ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้าน สว.แนะรัฐบาลเลือกคนเหมาะสมนั่ง รมว.ยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้สังคม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086521

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน" ยันไม่ล้วงคดีเขากระโดง ขอทุ่มเวลาช่วย ปชช. ย้ำทุกอย่างเป็นไปตาม กม.ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้าน สว.แนะรัฐบาลเลือกคนเหมาะสมนั่ง รมว.ยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้สังคม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086521 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 765 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ชาญชัย-นพ.วรงค์-สมชาย’ ประสานเสียง ขอบคุณศาลที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/21387/
    .
    #ไทยไท #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #นพวรงค์เดชกิจวิกรม #สมชายแสวงการ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ชาญชัย-นพ.วรงค์-สมชาย’ ประสานเสียง ขอบคุณศาลที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อ https://www.thai-tai.tv/news/21387/ . #ไทยไท #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #นพวรงค์เดชกิจวิกรม #สมชายแสวงการ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ภูมิธรรม’ บอก ‘ทักษิณ’ สง่างาม!!! พิสูจน์แล้วว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าทำงานต่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/21384/
    .
    #ไทยไท #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ภูมิธรรม’ บอก ‘ทักษิณ’ สง่างาม!!! พิสูจน์แล้วว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าทำงานต่อ https://www.thai-tai.tv/news/21384/ . #ไทยไท #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ชาญชัย-สมชาย-หมอวรงค์” ชื่นชม “ทักษิณ” กล้ากลับไทยรับโทษ คดีชั้น 14 ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า ชี้ติดคุกปีเดียวไม่คุ้ม แต่เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้เท่านี้ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ตั้งเรื่องสอบ จนท.ราชทัณฑ์-แพทย์ผู้เกี่ยวข้องไว้แล้ว 12 คน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086244

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ชาญชัย-สมชาย-หมอวรงค์” ชื่นชม “ทักษิณ” กล้ากลับไทยรับโทษ คดีชั้น 14 ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า ชี้ติดคุกปีเดียวไม่คุ้ม แต่เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้เท่านี้ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ตั้งเรื่องสอบ จนท.ราชทัณฑ์-แพทย์ผู้เกี่ยวข้องไว้แล้ว 12 คน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086244 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 1 รีวิว
  • ‘ณัฐพงษ์’ มองการกลับมาของ ‘ทักษิณ’ ครั้งนี้ อาจมี ‘ดีล’ แลกเปลี่ยนทางการเมือง แนะ ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
    https://www.thai-tai.tv/news/21373/
    .
    #ไทยไท #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ณัฐพงษ์’ มองการกลับมาของ ‘ทักษิณ’ ครั้งนี้ อาจมี ‘ดีล’ แลกเปลี่ยนทางการเมือง แนะ ยอมรับกระบวนการยุติธรรม https://www.thai-tai.tv/news/21373/ . #ไทยไท #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทยกล่อมประชาชน ยอมทุกเงื่อนไข : [NEWS UPDATE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เผยถึงการหารือกับพรรคประชาชนในการขอเสียงสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ราบรื่น พรรคเพื่อไทยยอมทุกเงื่อนไข หลังส่งข้อเสนอเพิ่มให้ไป แต่หากไม่รับก็ยึดตามเดิม โดยหลายเรื่องที่เราเสนอไม่เข้าไปยุ่งในกระบวนการยุติธรรม คดีต่างๆ ทุกคดี พร้อมยุบสภาภายในไม่เกิน 4 เดือน หากต่ำกว่า 4 เดือนที่เขาเสนอ เร็วกว่านั้นเราก็ทำได้ ขอให้รอทางพรรคประชาชน


    ประชาธิปัตย์รอฝุ่นจาง

    ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน

    อยู่กัมพูชาแร้นแค้น

    เตือนพายุหนองฟ้า
    เพื่อไทยกล่อมประชาชน ยอมทุกเงื่อนไข : [NEWS UPDATE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เผยถึงการหารือกับพรรคประชาชนในการขอเสียงสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ราบรื่น พรรคเพื่อไทยยอมทุกเงื่อนไข หลังส่งข้อเสนอเพิ่มให้ไป แต่หากไม่รับก็ยึดตามเดิม โดยหลายเรื่องที่เราเสนอไม่เข้าไปยุ่งในกระบวนการยุติธรรม คดีต่างๆ ทุกคดี พร้อมยุบสภาภายในไม่เกิน 4 เดือน หากต่ำกว่า 4 เดือนที่เขาเสนอ เร็วกว่านั้นเราก็ทำได้ ขอให้รอทางพรรคประชาชน ประชาธิปัตย์รอฝุ่นจาง ต้องเร่งแก้ปัญหาชายแดน อยู่กัมพูชาแร้นแค้น เตือนพายุหนองฟ้า
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม กับชะตากรรมของนักโทษชายทักษิณ

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000079823
    บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม กับชะตากรรมของนักโทษชายทักษิณ บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000079823
    MGRONLINE.COM
    บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม กับชะตากรรมของนักโทษชายทักษิณ
    วันที่ 9 กันยายนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะได้รู้แล้วว่า คดีของทักษิณ ชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐมุ่งเป้า ล้มล้างการปกครองของมาดูโรในเวเนซูเอลา โดยใช้สงครามปราบยาเสพติดบังหน้า!

    รายงานล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ปราธานาธิบดีสหรัฐ มีคำสั่งส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีขนาดใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 3 ลำ (ประกอบไปด้วย USS Gravely, USS Jason Dunham and the USS Sampson อ้างอิงจากรอยเตอร์) และเรือดำน้ำ 1 ลำ ประจำการนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยอ้างเหตุผลเพื่อปราบแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ระบาดเข้าไปในสหรัฐ

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า วอชิงตันวางแผนการจัดสรรกำลังทหารเพิ่มเติมอีก 4,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ "P-8 Poseidons" เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก และแม้แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ประจำการในภูมิภาคนี้

    แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับสื่อมวลชนล่าสุด โดยระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนและมั่นคงอย่างยิ่ง เขาพร้อมที่จะใช้อำนาจทุกด้านของอเมริกาเพื่อหยุดยั้งการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าสู่ประเทศของเรา และนำตัวผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม

    ระบอบมาดูโรไม่ใช่รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา แต่มันคือแก๊งค้ายาเสพติด เพราะฉะนั้นประธานาธิบดีเชื่อว่ามาดูโรไม่ใช่ผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดที่ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐอเมริกาในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ"



    ทางด้าน นิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา กำลังพิจารณาเรียกระดมกองกำลังกึ่งทหารโบลิวาร์ 4.5 ล้านนาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจาหสหรัฐ





    สหรัฐมุ่งเป้า ล้มล้างการปกครองของมาดูโรในเวเนซูเอลา โดยใช้สงครามปราบยาเสพติดบังหน้า! 👉รายงานล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ปราธานาธิบดีสหรัฐ มีคำสั่งส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีขนาดใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 3 ลำ (ประกอบไปด้วย USS Gravely, USS Jason Dunham and the USS Sampson อ้างอิงจากรอยเตอร์) และเรือดำน้ำ 1 ลำ ประจำการนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยอ้างเหตุผลเพื่อปราบแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ระบาดเข้าไปในสหรัฐ 👉นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า วอชิงตันวางแผนการจัดสรรกำลังทหารเพิ่มเติมอีก 4,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำ "P-8 Poseidons" เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก และแม้แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ประจำการในภูมิภาคนี้ 👉แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับสื่อมวลชนล่าสุด โดยระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนและมั่นคงอย่างยิ่ง เขาพร้อมที่จะใช้อำนาจทุกด้านของอเมริกาเพื่อหยุดยั้งการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าสู่ประเทศของเรา และนำตัวผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ระบอบมาดูโรไม่ใช่รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเวเนซุเอลา แต่มันคือแก๊งค้ายาเสพติด เพราะฉะนั้นประธานาธิบดีเชื่อว่ามาดูโรไม่ใช่ผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดที่ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐอเมริกาในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ" 👉ทางด้าน นิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา กำลังพิจารณาเรียกระดมกองกำลังกึ่งทหารโบลิวาร์ 4.5 ล้านนาย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจาหสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดทางฟ้องกัมพูชา อาชญากรสงคราม : [THE MESSAGE]

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีเสียงเรียกร้องให้ฟ้องกัมพูชากับศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ในข้อหาอาชญากรสงคราม การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ร่วมกันพิจารณา หากทำได้ก็ต้องทำ แต่ตอนนี้เราเริ่มตรงนี้ ยังเป็นเรื่องภายในประเทศ โดยดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่มี ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาชดเชยพิเศษให้บางกลุ่ม ได้สั่งการไปแล้ว ต้องระมัดระวังว่าจะมีผลผูกพันอะไร การเยียวยาเพิ่มต้องหาจุดที่เหมาะสม ซึ่งกำลังพิจารณา
    เปิดทางฟ้องกัมพูชา อาชญากรสงคราม : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เผยกรณีเสียงเรียกร้องให้ฟ้องกัมพูชากับศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ในข้อหาอาชญากรสงคราม การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ร่วมกันพิจารณา หากทำได้ก็ต้องทำ แต่ตอนนี้เราเริ่มตรงนี้ ยังเป็นเรื่องภายในประเทศ โดยดูความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่มี ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาชดเชยพิเศษให้บางกลุ่ม ได้สั่งการไปแล้ว ต้องระมัดระวังว่าจะมีผลผูกพันอะไร การเยียวยาเพิ่มต้องหาจุดที่เหมาะสม ซึ่งกำลังพิจารณา
    Like
    Haha
    Sad
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts