• รมว.ยธ.เปิดใจเคารพศาล รธน.หลังถูกสั่งห้ามคุม DSI มองเป็นบวกทุกฝ่าย สบายใจเรื่องคดีฮั้วเลือก สว. ไม่กระทบสอบสวน แจง รมต.แทรกแซงไม่ได้อยู่แล้ว พร้อมทำหนังสือแจง เมินโต้วุฒิฯจวกกเฬวราก คาด “ภูมิธรรม” คุมแทน ไร้กังวลปรับ ครม. ปัดน้ำเงินชนะแดง

    วันนี้ (14 พ.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนเฉพาะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษและรองประธานกรรมการคดีพิเศษ จากกรณีที่ยื่นโดยประธานวุฒิสภาเรื่องการทำคดีพิเศษว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือคดีฮั้ว สว. ว่า เราต้องเคารพในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญและขอสงวนไม่พูดในรายละเอียด โดยส่วนตัวมองว่าคำสั่งดังกล่าวส่งผลในทางบวก เพราะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจในเรื่องกระบวนการสอบสวนคดีฮั้ว สว. รวมทั้งมองว่ายิ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนิติธรรมและความโปร่งใส

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000045101

    #MGROnline #ทวีสอดส่อง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
    รมว.ยธ.เปิดใจเคารพศาล รธน.หลังถูกสั่งห้ามคุม DSI มองเป็นบวกทุกฝ่าย สบายใจเรื่องคดีฮั้วเลือก สว. ไม่กระทบสอบสวน แจง รมต.แทรกแซงไม่ได้อยู่แล้ว พร้อมทำหนังสือแจง เมินโต้วุฒิฯจวกกเฬวราก คาด “ภูมิธรรม” คุมแทน ไร้กังวลปรับ ครม. ปัดน้ำเงินชนะแดง • วันนี้ (14 พ.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนเฉพาะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษและรองประธานกรรมการคดีพิเศษ จากกรณีที่ยื่นโดยประธานวุฒิสภาเรื่องการทำคดีพิเศษว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือคดีฮั้ว สว. ว่า เราต้องเคารพในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญและขอสงวนไม่พูดในรายละเอียด โดยส่วนตัวมองว่าคำสั่งดังกล่าวส่งผลในทางบวก เพราะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจในเรื่องกระบวนการสอบสวนคดีฮั้ว สว. รวมทั้งมองว่ายิ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนิติธรรมและความโปร่งใส • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000045101 • #MGROnline #ทวีสอดส่อง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ศาลรธน.ตีตกคำร้องสว.สำรอง ขอสอบปม 92 สว.ยื่น ป.ป.ช.สอบ "ทวี-ภูมิธรรม" เหตุไม่เข้าหลักเกณฑ์ พร้อมไม่รับคำร้องอดีตผู้สมัคร สว.ขอสั่งให้การเลือกเป็นโมฆะ

    วันนี้ (14พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาใน 2 คดีที่เกี่ยวกับการร้องเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.)คือคดีที่ พล.ต.ท คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะสว.สำรอง ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 92 คน ผู้ถูกร้อง ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อ และยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภาขอให้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนและดำเนินการกับพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากเหตุเสนอเรื่องการขออนุมัติให้การดำเนินคดีความผิดฐานอั้งยี่ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นสิทธิพิเศษ อีกทั้งการเสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการหรือของหน่วยงานราชการ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044970

    #MGROnline #ทวี #ภูมิธรรม #สมาชิกวุฒิสภา
    ศาลรธน.ตีตกคำร้องสว.สำรอง ขอสอบปม 92 สว.ยื่น ป.ป.ช.สอบ "ทวี-ภูมิธรรม" เหตุไม่เข้าหลักเกณฑ์ พร้อมไม่รับคำร้องอดีตผู้สมัคร สว.ขอสั่งให้การเลือกเป็นโมฆะ • วันนี้ (14พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาใน 2 คดีที่เกี่ยวกับการร้องเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.)คือคดีที่ พล.ต.ท คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะสว.สำรอง ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 92 คน ผู้ถูกร้อง ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อ และยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภาขอให้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาไต่สวนและดำเนินการกับพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากเหตุเสนอเรื่องการขออนุมัติให้การดำเนินคดีความผิดฐานอั้งยี่ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นสิทธิพิเศษ อีกทั้งการเสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งของการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการหรือของหน่วยงานราชการ ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044970 • #MGROnline #ทวี #ภูมิธรรม #สมาชิกวุฒิสภา
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • มติศาล รธน.เอกฉันท์สั่ง "ทวี สอดส่อง" หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยธ.เฉพาะส่วนที่กำกับดูแลดีเอสไอ และรอง ปธ.บอร์ดคดีพิเศษ เหตุสงสัยว่าแทรกแซงปมรับสอบฮั้วเลือก ส.ว "ภูมิธรรม" ยังรอด

    วันนี้(14 พ.ค.)ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

    จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ ตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม อย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044953

    #MGROnline #ทวีสอดส่อง
    มติศาล รธน.เอกฉันท์สั่ง "ทวี สอดส่อง" หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยธ.เฉพาะส่วนที่กำกับดูแลดีเอสไอ และรอง ปธ.บอร์ดคดีพิเศษ เหตุสงสัยว่าแทรกแซงปมรับสอบฮั้วเลือก ส.ว "ภูมิธรรม" ยังรอด • วันนี้(14 พ.ค.)ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ • จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ ตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม อย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044953 • #MGROnline #ทวีสอดส่อง
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • ด่วน!!
    ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ "พ.ต.อ.ทวี" หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลทันที จากปมแทรกแซงคดีฮั้ว สว.
    ด่วน!! ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ "พ.ต.อ.ทวี" หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลทันที จากปมแทรกแซงคดีฮั้ว สว.
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ขุดหาสปิริต ส.ว.สายฮั้ว หยุดเข้าสภาชั่วคราว เปิดทางตรวจสอบเต็มที่
    .
    ไมน่าเชื่อก็ต้องเชื่อเวลานี้ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่มีการขุดค้นพบพยานหลักฐานสารพัดรูปแบบที่เป็นการชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการเลือกส.ว.ที่ผ่านมา ถึงขนาดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ร่วมมือกันเฉพาะกิจเพื่อขุดคุ้ยเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000043960

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ขุดหาสปิริต ส.ว.สายฮั้ว หยุดเข้าสภาชั่วคราว เปิดทางตรวจสอบเต็มที่ . ไมน่าเชื่อก็ต้องเชื่อเวลานี้ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่มีการขุดค้นพบพยานหลักฐานสารพัดรูปแบบที่เป็นการชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการเลือกส.ว.ที่ผ่านมา ถึงขนาดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ร่วมมือกันเฉพาะกิจเพื่อขุดคุ้ยเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000043960 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    11
    0 Comments 0 Shares 749 Views 0 Reviews
  • เปิดหนังสือ กกต.เรียก สว.ไปรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมชี้แจงปมฮั้วเลือกตั้ง ให้ "อลงกต" แจง 19 พ.ค. เจ้าตัวยันพร้อมไปรับทราบข้อหา ด้าน “โชคชัย” จ่อขอเลื่อน

    วันนี้(9พ.ค.)นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 20 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว. เพราะบ้านที่ตนอยู่ปัจจุบันกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเป็นคนละหลังกัน ส่วนจะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกหรือไม่นั้น ต้องดูว่า เป็นหมายที่ออกภายใต้หมวกของใคร ถ้าเป็นหมวกของกกต.ก็พร้อมไปชี้แจง แต่ถ้าเป็นหมวกของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ก็ไม่ไป เพราะเขาไม่มีอำนาจเหนือเรา ทุกอย่างให้ว่าไปตามหมวก ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายเรียกดังกล่าวออกโดยมติของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต. ที่มี กกต. ดีเอสไอ และปปง.ร่วมเป็นคณะกรรมการ นายอลงกตตอบว่า ถ้าเป็นหมายของกกต. ก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องไปพบ เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ นายอลงกตตอบว่า สว.มีทั้งคนรัก และคนชัง อย่าไปซีเรียส ส่วนสว.คนอื่น รวมถึงประธานและรองประธานวุฒิสภา ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000043476

    #MGROnline #กกต.
    เปิดหนังสือ กกต.เรียก สว.ไปรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมชี้แจงปมฮั้วเลือกตั้ง ให้ "อลงกต" แจง 19 พ.ค. เจ้าตัวยันพร้อมไปรับทราบข้อหา ด้าน “โชคชัย” จ่อขอเลื่อน • วันนี้(9พ.ค.)นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่ม 20 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว. เพราะบ้านที่ตนอยู่ปัจจุบันกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเป็นคนละหลังกัน ส่วนจะไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกหรือไม่นั้น ต้องดูว่า เป็นหมายที่ออกภายใต้หมวกของใคร ถ้าเป็นหมวกของกกต.ก็พร้อมไปชี้แจง แต่ถ้าเป็นหมวกของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ก็ไม่ไป เพราะเขาไม่มีอำนาจเหนือเรา ทุกอย่างให้ว่าไปตามหมวก ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายเรียกดังกล่าวออกโดยมติของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต. ที่มี กกต. ดีเอสไอ และปปง.ร่วมเป็นคณะกรรมการ นายอลงกตตอบว่า ถ้าเป็นหมายของกกต. ก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องไปพบ เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ นายอลงกตตอบว่า สว.มีทั้งคนรัก และคนชัง อย่าไปซีเรียส ส่วนสว.คนอื่น รวมถึงประธานและรองประธานวุฒิสภา ได้หมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000043476 • #MGROnline #กกต.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • "ดีเอสไอ" ลงพื้นที่สอบพยานหลายจังหวัดที่พบความผิดปกติ ส่วนพยานอ้างถูกข่มขู่เตรียมพิจารณาใช้กล้องบันทึกภาพ ยืนยันหลักฐานการทำหน้าที่

    จากกรณี นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.68 ซึ่งอาจเป็นการสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความชอบธรรมให้กับบางกลุ่มหรือไม่ หรืออาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของดีเอสไอหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043099

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    "ดีเอสไอ" ลงพื้นที่สอบพยานหลายจังหวัดที่พบความผิดปกติ ส่วนพยานอ้างถูกข่มขู่เตรียมพิจารณาใช้กล้องบันทึกภาพ ยืนยันหลักฐานการทำหน้าที่ • จากกรณี นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค.68 ซึ่งอาจเป็นการสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความชอบธรรมให้กับบางกลุ่มหรือไม่ หรืออาจเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของดีเอสไอหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043099 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • ยอมรับแก้แบบตึก สตง. ลดความหนาปล่องลิฟต์ : [NEWS UPDATE]
    นายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะหัวหน้าผู้ออกแบบ
    อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ เข้าให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กรณีสัญญาออกแบบก่อสร้างอาคาร สตง. โดยนำเอกสารหลายอย่างมายื่น ซึ่งเป็นเอกสารเดิมที่เคยชี้แจงไปแล้ว แต่วันนี้ขอชี้แจงให้กระจ่าง ยอมรับมีการแก้ไขแบบแปลนจริง โดยลดขนาดความหนาปล่องลิฟต์ เพื่อให้ขนาดทางเดินมีความกว้างขึ้น ด้านนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เผย ได้คุยเรื่องนอมินีกับเจ้าหน้าที่ และยังสอบปากคำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมูลด้วย


    คำสารภาพกระทบทนายตั้ม

    เพิ่มทางเลือกชุดลูกเสือ

    หนุนจ่ายยาสมุนไพร

    เงินหมื่นเฟส 3 คืบหน้า
    ยอมรับแก้แบบตึก สตง. ลดความหนาปล่องลิฟต์ : [NEWS UPDATE] นายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะหัวหน้าผู้ออกแบบ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ เข้าให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กรณีสัญญาออกแบบก่อสร้างอาคาร สตง. โดยนำเอกสารหลายอย่างมายื่น ซึ่งเป็นเอกสารเดิมที่เคยชี้แจงไปแล้ว แต่วันนี้ขอชี้แจงให้กระจ่าง ยอมรับมีการแก้ไขแบบแปลนจริง โดยลดขนาดความหนาปล่องลิฟต์ เพื่อให้ขนาดทางเดินมีความกว้างขึ้น ด้านนายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เผย ได้คุยเรื่องนอมินีกับเจ้าหน้าที่ และยังสอบปากคำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมูลด้วย คำสารภาพกระทบทนายตั้ม เพิ่มทางเลือกชุดลูกเสือ หนุนจ่ายยาสมุนไพร เงินหมื่นเฟส 3 คืบหน้า
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 699 Views 28 0 Reviews
  • สอบลึกปมแก้แบบตึก สตง.รู้เห็นกันหรือไม่ : [NEWS UPDATE]
    พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผย ถึงการสืบสวนคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม นัดหมายวิศวกรกิจการร่วมค้า PKW รวม 51 คน สอบปากคำวันละ 10 คน มุ่งประเด็นปรากฏชื่อ-ลายเซ็น เป็นผู้ควบคุมงาน ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าถูกแอบอ้างชื่อทุกคนหรือไม่ สำหรับการสอบปากคำตัวแทนอิตาเลียนไทย จะสอบถามทุกประเด็น ทั้งการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้าง ส่วนการขอแก้ไขแบบตามข้อมูลทราบว่าบริษัทผู้ออกแบบมี 2 ราย คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการแก้ไขแบบทั้ง 9 ครั้ง ที่ตรวจพบในเอกสารว่า มีปัญหาในการขอแก้ไขแบบครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 เรื่องนี้ในการออกแบบถือว่าเป็นช่วงต้น ส่วนการขอแก้ไขแบบเป็นช่วงการดำเนินการ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง



    รู้อยู่ไชน่าเรลเวย์สัญชาติจีน

    ล้อมคอกตรวจสะพานทั่วไทย

    ขอกำลังใจ ครม. วิกฤติรุม

    ครม.สัญจรอนุมัติ 400 ล้าน
    สอบลึกปมแก้แบบตึก สตง.รู้เห็นกันหรือไม่ : [NEWS UPDATE] พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผย ถึงการสืบสวนคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม นัดหมายวิศวกรกิจการร่วมค้า PKW รวม 51 คน สอบปากคำวันละ 10 คน มุ่งประเด็นปรากฏชื่อ-ลายเซ็น เป็นผู้ควบคุมงาน ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าถูกแอบอ้างชื่อทุกคนหรือไม่ สำหรับการสอบปากคำตัวแทนอิตาเลียนไทย จะสอบถามทุกประเด็น ทั้งการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้าง ส่วนการขอแก้ไขแบบตามข้อมูลทราบว่าบริษัทผู้ออกแบบมี 2 ราย คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการแก้ไขแบบทั้ง 9 ครั้ง ที่ตรวจพบในเอกสารว่า มีปัญหาในการขอแก้ไขแบบครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 เรื่องนี้ในการออกแบบถือว่าเป็นช่วงต้น ส่วนการขอแก้ไขแบบเป็นช่วงการดำเนินการ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง รู้อยู่ไชน่าเรลเวย์สัญชาติจีน ล้อมคอกตรวจสะพานทั่วไทย ขอกำลังใจ ครม. วิกฤติรุม ครม.สัญจรอนุมัติ 400 ล้าน
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 667 Views 22 0 Reviews
  • ลุยสอบวันเดียว 3 กลุ่ม เอี่ยวสร้างตึก สตง. : [THE MESSAGE]
    พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยการดำเนินงาน คดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ได้นัดหมายวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายชื่อเป็นผู้ควบคุมงานประจำสัปดาห์ 20-30 สัปดาห์ รวม 51 คน ออกหนังสือเชิญแล้ว 40 คน ซึ่งจะสอบสวนปากคำวันละ 10 คน โดยมุ่งประเด็นสอบสวนที่ปรากฏชื่อ-ลายเซ็น เป็นผู้ควบคุมงาน เพื่อสอบถามความเกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าถูกปลอมแอบอ้างชื่อทุกคนหรือไม่ สำหรับการสอบปากคำตัวแทนอิตาเลียนไทย จะสอบถามทุกประเด็น ทั้งการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้าง ขณะที่การสอบปากคำบริษัทไมนฮาร์ท จะเกี่ยวข้องกับการออกแบบตึก สตง. ตั้งแต่ช่วงแรกของการรับงาน ส่วนการขอแก้ไขแบบจะเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง ต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง
    ลุยสอบวันเดียว 3 กลุ่ม เอี่ยวสร้างตึก สตง. : [THE MESSAGE] พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยการดำเนินงาน คดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ได้นัดหมายวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายชื่อเป็นผู้ควบคุมงานประจำสัปดาห์ 20-30 สัปดาห์ รวม 51 คน ออกหนังสือเชิญแล้ว 40 คน ซึ่งจะสอบสวนปากคำวันละ 10 คน โดยมุ่งประเด็นสอบสวนที่ปรากฏชื่อ-ลายเซ็น เป็นผู้ควบคุมงาน เพื่อสอบถามความเกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าถูกปลอมแอบอ้างชื่อทุกคนหรือไม่ สำหรับการสอบปากคำตัวแทนอิตาเลียนไทย จะสอบถามทุกประเด็น ทั้งการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้าง ขณะที่การสอบปากคำบริษัทไมนฮาร์ท จะเกี่ยวข้องกับการออกแบบตึก สตง. ตั้งแต่ช่วงแรกของการรับงาน ส่วนการขอแก้ไขแบบจะเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง ต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 575 Views 23 0 Reviews
  • ดีเอสไอพบเอกสารสำคัญ โยงแก้แบบตึก สตง.? : [NEWS UPDATE]

    พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยหลังตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์จำนวน 24 ตู้ ซึ่งใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในพื้นที่ก่อสร้างตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อรวบรวมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง พบเอกสารสำคัญหลายรายการ อาทิ แฟ้มส่งมอบงาน รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างประจำเดือน เอกสารการตั้งเบิก วางบิล ค่างวดงานก่อสร้าง ซื้อคอนกรีต ปูน เหล็ก รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลิฟต์ เอกสารสอบถามชี้แจงแบบก่อสร้าง รายการประกอบแบบ เอกสารขออนุมัติก่อสร้าง รายงานการประชุมของ Project Manager ใบตรวจสอบหน้างานของผู้คุมงาน ที่สำคัญพบรายงาน Shop Drawing ซึ่งเป็นรายละเอียดโครงสร้างที่จะนำไปสู่การตรวจสอบการแก้ไขแบบก่อสร้าง ซึ่งเอกสารมีจำนวนมาก ได้เตรียมลังเอกสารถึง 100 ลัง คาดต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ในการขนย้ายเอกสารทั้งหมดไปดีเอสไอ

    -สภาทนายความช่วยถึงที่

    -รองประธาน สว.ไม่รู้จักเอไอ

    -ส่งออกหนุนเศรษฐกิจไทย

    -ปะการังอ่าวไทยตายเพิ่ม
    ดีเอสไอพบเอกสารสำคัญ โยงแก้แบบตึก สตง.? : [NEWS UPDATE] พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยหลังตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์จำนวน 24 ตู้ ซึ่งใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในพื้นที่ก่อสร้างตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อรวบรวมหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง พบเอกสารสำคัญหลายรายการ อาทิ แฟ้มส่งมอบงาน รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างประจำเดือน เอกสารการตั้งเบิก วางบิล ค่างวดงานก่อสร้าง ซื้อคอนกรีต ปูน เหล็ก รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลิฟต์ เอกสารสอบถามชี้แจงแบบก่อสร้าง รายการประกอบแบบ เอกสารขออนุมัติก่อสร้าง รายงานการประชุมของ Project Manager ใบตรวจสอบหน้างานของผู้คุมงาน ที่สำคัญพบรายงาน Shop Drawing ซึ่งเป็นรายละเอียดโครงสร้างที่จะนำไปสู่การตรวจสอบการแก้ไขแบบก่อสร้าง ซึ่งเอกสารมีจำนวนมาก ได้เตรียมลังเอกสารถึง 100 ลัง คาดต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ในการขนย้ายเอกสารทั้งหมดไปดีเอสไอ -สภาทนายความช่วยถึงที่ -รองประธาน สว.ไม่รู้จักเอไอ -ส่งออกหนุนเศรษฐกิจไทย -ปะการังอ่าวไทยตายเพิ่ม
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 650 Views 23 0 Reviews
  • เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE]
    ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE] ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    Like
    Angry
    3
    0 Comments 1 Shares 569 Views 60 0 Reviews
  • ดีเอสไอเรียก 2 บริษัท ส่งเอกสารคดีนอมินี : [NEWS UPDATE]
    ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เชิญผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมืองหารือประเด็นแบบอาคาร
    สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ขณะที่คณะทำงานจากหลายฝ่าย อาทิ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง จะแบ่งเป็น 4 ชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมทั้งให้ 2 กิจการร่วมค้า ที่ทำหน้าที่ก่อสร้างและควบคุมงาน ส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ในการสืบสวนสอบสวนคดีนอมินีในวันที่ 28 เมษายน นี้ ที่ไซต์งาน ซึ่งการตรวจสอบจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อคืนพื้นที่ให้ กทม. ดำเนินการรื้อถอนต่อไป


    รีบลงทะเบียนก่อนถูกระงับ

    ต้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคล

    ครูกลางคืนดูแลคนไร้บ้าน

    ลมเปลี่ยนทิศฝนตกหนัก
    ดีเอสไอเรียก 2 บริษัท ส่งเอกสารคดีนอมินี : [NEWS UPDATE] ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เชิญผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมืองหารือประเด็นแบบอาคาร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ขณะที่คณะทำงานจากหลายฝ่าย อาทิ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง จะแบ่งเป็น 4 ชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมทั้งให้ 2 กิจการร่วมค้า ที่ทำหน้าที่ก่อสร้างและควบคุมงาน ส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ในการสืบสวนสอบสวนคดีนอมินีในวันที่ 28 เมษายน นี้ ที่ไซต์งาน ซึ่งการตรวจสอบจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อคืนพื้นที่ให้ กทม. ดำเนินการรื้อถอนต่อไป รีบลงทะเบียนก่อนถูกระงับ ต้องดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ครูกลางคืนดูแลคนไร้บ้าน ลมเปลี่ยนทิศฝนตกหนัก
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 558 Views 72 0 Reviews
  • หลักฐานเพียบตึก สตง.ส่อทุจริตตั้งแต่เริ่ม : [NEWS UPDATE]

    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา จำนวนมากที่รวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น เป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างมีการแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแปลงการออกแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย

    -เชื่อผู้บริหารเอี่ยวเกิน 10 คน

    -ลักลอบผลิตเหล็กคาตา

    -แกะรอยก๊วนขโมยข้อสอบ

    -ทุจริตสหกรณ์รัฐสภา 14 ล้าน
    หลักฐานเพียบตึก สตง.ส่อทุจริตตั้งแต่เริ่ม : [NEWS UPDATE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา จำนวนมากที่รวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น เป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างมีการแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแปลงการออกแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย -เชื่อผู้บริหารเอี่ยวเกิน 10 คน -ลักลอบผลิตเหล็กคาตา -แกะรอยก๊วนขโมยข้อสอบ -ทุจริตสหกรณ์รัฐสภา 14 ล้าน
    Like
    Love
    9
    0 Comments 2 Shares 673 Views 40 0 Reviews
  • นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา ซึ่งเป็นหลักฐานจำนวนมากรวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน โดยได้มาจากอดีตข้าราชการ สตง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น โปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย ด้านนายณรัฐนันทน์ เผย ทำงานที่ สตง. มา 18 ปี เคยใกล้ชิด ทำงานให้ผู้บริหาร สตง. จึงรู้พฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตในการสร้างตึก สตง. ได้ถูกใช้งานหลายอย่างที่อาจเป็นเรื่องไม่สุจริตโปร่งใส ได้รับทราบข้อเท็จจริงเรื่องกระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้รับจ้าง การก่อสร้าง ที่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีผู้บริหารเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน พบสัญญาจ้างผู้ควบคุมงานที่ สตง. เป็นผู้ว่าจ้าง ลงนามโดยอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และปัจจุบันผู้บริหารบางคนก็ยังมีอำนาจอยู่
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พานายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในฐานะพยาน นำหลักฐานเอกสารการประชุมในการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาดำเนินคดี มีทั้งเอกสาร คลิปวิดีโอ คลิปเสียงสนทนา ซึ่งเป็นหลักฐานจำนวนมากรวบรวมตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน โดยได้มาจากอดีตข้าราชการ สตง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้ง 3 ข้อสงสัย 1.การออกแบบอาคารมีปัญหาตั้งแต่ต้น โปร่งใสหรือไม่ 2.กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน การก่อสร้าง และ 3.ระหว่างก่อสร้างแก้ไขแบบหลายครั้ง มีวิศวกรอ้างถูกปลอมลายเซ็น ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแบบต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สตง. ด้วย ด้านนายณรัฐนันทน์ เผย ทำงานที่ สตง. มา 18 ปี เคยใกล้ชิด ทำงานให้ผู้บริหาร สตง. จึงรู้พฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตในการสร้างตึก สตง. ได้ถูกใช้งานหลายอย่างที่อาจเป็นเรื่องไม่สุจริตโปร่งใส ได้รับทราบข้อเท็จจริงเรื่องกระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้รับจ้าง การก่อสร้าง ที่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีผู้บริหารเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน พบสัญญาจ้างผู้ควบคุมงานที่ สตง. เป็นผู้ว่าจ้าง ลงนามโดยอดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และปัจจุบันผู้บริหารบางคนก็ยังมีอำนาจอยู่
    Like
    Love
    6
    0 Comments 2 Shares 671 Views 47 0 Reviews
  • ดีเอสไอฝากขัง "ชวนหลิง จาง" กรรมการบริษัท "ไชน่า เรลเวย์" จ้างนอมินีคนไทยถือหุ้น ประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง.ถล่ม ด้านทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัว ขณะ จนท.ไม่คัดค้าน เพราะมีหนังสือยืนยันเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจีน

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี กรรมการบริษัทชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41

    คำร้องระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037278

    #MGROnline #ดีเอสไอ #กรรมการบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ #นอมินีคนไทย #ถือหุ้น #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    ดีเอสไอฝากขัง "ชวนหลิง จาง" กรรมการบริษัท "ไชน่า เรลเวย์" จ้างนอมินีคนไทยถือหุ้น ประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง.ถล่ม ด้านทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัว ขณะ จนท.ไม่คัดค้าน เพราะมีหนังสือยืนยันเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจีน • เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี กรรมการบริษัทชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 • คำร้องระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037278 • #MGROnline #ดีเอสไอ #กรรมการบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ #นอมินีคนไทย #ถือหุ้น #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • ทนายความพา 3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมแสดงหมายจับ สอบปากคำตามขั้นตอน

    วันนี้ (21 เม.ย.) ณ ห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 8 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารบี กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ติดต่อขอเข้ามอบตัวทั้งหมด คือ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 407,997 หุ้น (40.7997%) , นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 102,000 หุ้น (10.2%) และ นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น (0.0003%) ซึ่งจากการสอบสวนของดีเอสไอ ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสถานะเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่มีวิชาชีพเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องในด้านงานวิศวกรรมก่อสร้าง

    ต่อมา ทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นทนายความให้นายมานัส โดยนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ขอให้ตนได้เข้าไปรับฟังข้อมูลและนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037248

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    ทนายความพา 3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมแสดงหมายจับ สอบปากคำตามขั้นตอน • วันนี้ (21 เม.ย.) ณ ห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 8 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารบี กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ติดต่อขอเข้ามอบตัวทั้งหมด คือ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 407,997 หุ้น (40.7997%) , นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 102,000 หุ้น (10.2%) และ นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น (0.0003%) ซึ่งจากการสอบสวนของดีเอสไอ ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสถานะเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่มีวิชาชีพเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องในด้านงานวิศวกรรมก่อสร้าง • ต่อมา ทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นทนายความให้นายมานัส โดยนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ขอให้ตนได้เข้าไปรับฟังข้อมูลและนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037248 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 Comments 1 Shares 327 Views 0 Reviews
  • "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม

    วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ

    "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195

    #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม • วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ • "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195 • #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ควบคุมตัว น.ส.กชพร สุวรรณกูฎ โบรกเกอร์ผู้ต้องหาคดีนพ.บุญ วนาสินธ์ ผู้ต้องหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ คดีนี้มีมูลค่าความเสียหาย 16,000 ล้านบาท มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งมีพฤติกรรมชักชวน โดยในผู้ต้องหา 16 คน มีผู้เสียหาย 605 คน ซึ่งคดีนี้จะมีภาค 2 แน่นอน โดยได้พิจารณาผู้เข้าข่ายกระทำความผิดอีกหลายราย ที่สำคัญเราอยากนำผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษให้ได้

    -ปรับแผนกู้ซากตึก สตง.
    -เตือน 23 จว.น้ำท่วมฉับพลัน
    -ส.อ.ท.หนุนเกษตรอัจฉริยะ
    -นำเข้าเพิ่มตอบโต้สหรัฐ
    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ควบคุมตัว น.ส.กชพร สุวรรณกูฎ โบรกเกอร์ผู้ต้องหาคดีนพ.บุญ วนาสินธ์ ผู้ต้องหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ คดีนี้มีมูลค่าความเสียหาย 16,000 ล้านบาท มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งมีพฤติกรรมชักชวน โดยในผู้ต้องหา 16 คน มีผู้เสียหาย 605 คน ซึ่งคดีนี้จะมีภาค 2 แน่นอน โดยได้พิจารณาผู้เข้าข่ายกระทำความผิดอีกหลายราย ที่สำคัญเราอยากนำผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษให้ได้ -ปรับแผนกู้ซากตึก สตง. -เตือน 23 จว.น้ำท่วมฉับพลัน -ส.อ.ท.หนุนเกษตรอัจฉริยะ -นำเข้าเพิ่มตอบโต้สหรัฐ
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 814 Views 23 0 Reviews
  • 15 เมษายน 2568-รายงานข่าวมติชนระบุว่า ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนี้... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนีก่อนที่ ตท.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งต่อมาได้มีประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เรียบร้อยแล้ว กระทั่งต่อมาชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ได้หลบหนีไปยังนครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ประสานไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security) เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจนครกว่างโจวได้รายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 68 ว่าสามารถควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้แล้ว และควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร กลับมายังประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน 68 โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบิน CZ361 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. ก่อนที่จะส่งฟ้องศาลอาญาเมื่อวันที่ 9 เมษายนนั้นล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งสื่อมวลชน เชิญร่วมทำข่าวการจับกุม น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้าย ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ พรุ่งนี้ (16 เมษายน) โดยมีรายละเอียดดังนี้วันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 16 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม แถลงข่าวจับกุม/ได้ตัวโบรกเกอร์ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศรายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.กชพร เป็นโบรกเกอร์คนสุดท้ายในคดีหมอบุญที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไปก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานข่าว น.ส.กชพร ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงถูกตำรวจจับกุมได้ทั้งนี้จึงยังเหลือแค่หมอบุญ ที่ ตร.ยังคงติดตามตัว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5140873#m9ijbu4nnpukcv9im9
    15 เมษายน 2568-รายงานข่าวมติชนระบุว่า ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนี้... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนีก่อนที่ ตท.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งต่อมาได้มีประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เรียบร้อยแล้ว กระทั่งต่อมาชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ได้หลบหนีไปยังนครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ประสานไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security) เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจนครกว่างโจวได้รายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 68 ว่าสามารถควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้แล้ว และควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร กลับมายังประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน 68 โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบิน CZ361 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. ก่อนที่จะส่งฟ้องศาลอาญาเมื่อวันที่ 9 เมษายนนั้นล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งสื่อมวลชน เชิญร่วมทำข่าวการจับกุม น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้าย ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ พรุ่งนี้ (16 เมษายน) โดยมีรายละเอียดดังนี้วันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 16 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม แถลงข่าวจับกุม/ได้ตัวโบรกเกอร์ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศรายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.กชพร เป็นโบรกเกอร์คนสุดท้ายในคดีหมอบุญที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไปก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานข่าว น.ส.กชพร ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงถูกตำรวจจับกุมได้ทั้งนี้จึงยังเหลือแค่หมอบุญ ที่ ตร.ยังคงติดตามตัว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5140873#m9ijbu4nnpukcv9im9
    0 Comments 0 Shares 548 Views 0 Reviews
  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) 2025 แก้ไขข้อจำกัดการต่อสู้่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบเดิมๆ และเพิ่มแนวทางให้ผู้ให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ทำตามมาตรฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
    ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ของกฎหมายนี้คือการก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เป็นศูนย์กลางรับแจ้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีอำนาจในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบต่างๆ เช่น
    ระงับบัญชีเงินฝาก รวบรวมจำนวนบัญชีเงินฝากที่บุคคลถือไว้ (ไม่รวมจำนวนเงิน), ขอข้อมูลบัญชีต้องสงสัย
    เปิดเผยข้อมูลบัญชีไปยังหน่วยงานเอกชนหรือรัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ไขข้อจำกัดที่เดิมธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝั่งผู้ให้บริการคริปโต
    แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ หรือชื่อ SMS ให้กสทช. สั่งบล็อค
    รวบรวมรายชื่อบุคคลหรือหมายเลขบัญชีคริปโต และสั่งให้ระงับการให้บริการได้
    ศปอท. จะใช้คนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ก.ล.ต., กสทช., และหน่วยงานอื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
    ประเด็นหนึ่งที่กฎหมายนี้ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างนอกจากการตั้ง ศปอท. ก็คือการให้ธนาคารและค่ายโทรศัพท์มือถือร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายเหมือนมาตรการของสิงคโปร์ แต่พ.ร.ก. ฉบับนี้เขียนในมาตรา 8/10 ให้ครอบคลุมขึ้น ด้วยการรวมทั้งสถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์, และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นว่าจะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไว้ครบแล้ว
    กฎหมายมีผลแล้ววันนี้ แต่ประกาศหลักเกณฑ์จำนวนมากยังต้องรอการประกาศต่อไป
    ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา
    เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) 2025 แก้ไขข้อจำกัดการต่อสู้่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบเดิมๆ และเพิ่มแนวทางให้ผู้ให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ทำตามมาตรฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ของกฎหมายนี้คือการก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เป็นศูนย์กลางรับแจ้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีอำนาจในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบต่างๆ เช่น ระงับบัญชีเงินฝาก รวบรวมจำนวนบัญชีเงินฝากที่บุคคลถือไว้ (ไม่รวมจำนวนเงิน), ขอข้อมูลบัญชีต้องสงสัย เปิดเผยข้อมูลบัญชีไปยังหน่วยงานเอกชนหรือรัฐที่เกี่ยวข้อง แก้ไขข้อจำกัดที่เดิมธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝั่งผู้ให้บริการคริปโต แจ้งข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ หรือชื่อ SMS ให้กสทช. สั่งบล็อค รวบรวมรายชื่อบุคคลหรือหมายเลขบัญชีคริปโต และสั่งให้ระงับการให้บริการได้ ศปอท. จะใช้คนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ก.ล.ต., กสทช., และหน่วยงานอื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ประเด็นหนึ่งที่กฎหมายนี้ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างนอกจากการตั้ง ศปอท. ก็คือการให้ธนาคารและค่ายโทรศัพท์มือถือร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายเหมือนมาตรการของสิงคโปร์ แต่พ.ร.ก. ฉบับนี้เขียนในมาตรา 8/10 ให้ครอบคลุมขึ้น ด้วยการรวมทั้งสถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์, และผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ยกเว้นว่าจะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฎิบัติตามมาตรฐานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไว้ครบแล้ว กฎหมายมีผลแล้ววันนี้ แต่ประกาศหลักเกณฑ์จำนวนมากยังต้องรอการประกาศต่อไป ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ”ก.อุตสาหกรรม-สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ“ เข้าค้น "ซิน เคอ หยวน" เก็บหลักฐานการนำเข้า-ส่งออก ครอบครอง "เหล็ก-ฝุ่นแดง" พิจารณาเป็นคดีพิเศษ

    วันนี้ (12 เม.ย.) แหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ เข้าตรวจค้น บริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) เมื่อวานนี้ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพนำตรวจค้นบริษัทดังกล่าวเพื่อเก็บพยานเอกสารเป็นหลัก เช่น การนำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการครอบครองเหล็กและฝุ่นแดง จะดูย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ประมาณปี 2557 ส่วนตัวอย่างเหล็กได้เก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ได้ไปพิจารณาตรวจสอบว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เพื่อรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และส่งให้ดีเอสไอดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเพียงคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี) โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568

    แหล่งข่าวดีเอสไอ เผยว่า ส่วน กรมสรรพากร ภาค 3 ร้องทุกข์ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 - มี.ค.2560 จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท อันเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเข้าบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ขณะนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 38/2568 โดยกองคดีภาษีอากร และแยกสำนวนอีกคดี ไม่เกี่ยวกับคดีนอมินี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034997

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ซินเคอหยวน
    ”ก.อุตสาหกรรม-สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ“ เข้าค้น "ซิน เคอ หยวน" เก็บหลักฐานการนำเข้า-ส่งออก ครอบครอง "เหล็ก-ฝุ่นแดง" พิจารณาเป็นคดีพิเศษ • วันนี้ (12 เม.ย.) แหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ เข้าตรวจค้น บริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) เมื่อวานนี้ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพนำตรวจค้นบริษัทดังกล่าวเพื่อเก็บพยานเอกสารเป็นหลัก เช่น การนำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการครอบครองเหล็กและฝุ่นแดง จะดูย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ประมาณปี 2557 ส่วนตัวอย่างเหล็กได้เก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ได้ไปพิจารณาตรวจสอบว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เพื่อรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และส่งให้ดีเอสไอดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเพียงคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี) โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 • แหล่งข่าวดีเอสไอ เผยว่า ส่วน กรมสรรพากร ภาค 3 ร้องทุกข์ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 - มี.ค.2560 จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท อันเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเข้าบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ขณะนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 38/2568 โดยกองคดีภาษีอากร และแยกสำนวนอีกคดี ไม่เกี่ยวกับคดีนอมินี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034997 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ซินเคอหยวน
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว

    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

    กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด

    “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297

    #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    ก.อุตสาหกรรมผนึกดีเอสไอลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคาร สตง.ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังชงกรณี “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ “เอกนัฏ” จ่อรื้อ มอก.เหล็กเส้นจากเตา IF ด้าน “ซินเคอหยวน” ยังไม่ปรับปรุงสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตามหนังสือแจ้งเตือนจาก สมอ. อ้างถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว • นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะจัดเก็บเหล็กในพื้นที่ทั้ง 4 จุดทุกมุมเพื่อให้ได้ตัวอย่างเหล็กมากที่สุด ก่อนนำส่งตรวจสอบค่าทางเคมีและค่าทางกล ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย • กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด • “เราจะเก็บตัวอย่างในส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการถล่ม เพราะต้องการเหล็กที่มีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยจะส่งตรวจที่สถาบันเหล็กฯ ส่วนการใช้แล็บกลางหรือไม่นั้นเราจะไม่เปลี่ยนที่ทดสอบ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034297 • #MGROnline #กระทรวงอุตสาหกรรม
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • ยกเคสตึก สตง. ถล่ม สู้ธุรกิจศูนย์เหรียญ : [NEWS UPDATE]
    นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยถึงการตรวจสอบเหล็กที่ใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาต มอก. ตามที่เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ เรียงลำดับหน่วยงานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คิวแรกกรมโยธาธิการและผังเมือง ส่วน สมอ. จะเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มวันที่ 11 เม.ย. นี้ เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กมีคุณภาพจริง หรือเจือปนวัตถุอื่นๆ ขณะเดียวกัน จะเอาผิดโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฏหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจากมีความซับซ้อน กระทบเศรษฐกิจในภาพรวม และจะนำกรณีนี้เป็นต้นแบบการทำงานของหน่วยงานรัฐ เพื่อสู้กับธุรกิจศูนย์เหรียญในไทย



    อุทิศกุศล-สร้างกำลังใจ

    "ภูมิใจไทย"ต้องเคลียร์

    สภาเดือดทิ้งท้ายสมัยประชุม

    ใกล้ได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บ.
    ยกเคสตึก สตง. ถล่ม สู้ธุรกิจศูนย์เหรียญ : [NEWS UPDATE] นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยถึงการตรวจสอบเหล็กที่ใช้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาต มอก. ตามที่เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ เรียงลำดับหน่วยงานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คิวแรกกรมโยธาธิการและผังเมือง ส่วน สมอ. จะเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มวันที่ 11 เม.ย. นี้ เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กมีคุณภาพจริง หรือเจือปนวัตถุอื่นๆ ขณะเดียวกัน จะเอาผิดโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฏหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจากมีความซับซ้อน กระทบเศรษฐกิจในภาพรวม และจะนำกรณีนี้เป็นต้นแบบการทำงานของหน่วยงานรัฐ เพื่อสู้กับธุรกิจศูนย์เหรียญในไทย อุทิศกุศล-สร้างกำลังใจ "ภูมิใจไทย"ต้องเคลียร์ สภาเดือดทิ้งท้ายสมัยประชุม ใกล้ได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บ.
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 945 Views 28 0 Reviews
More Results