• ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง'

    เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง' เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกคำร้อง “ชาญชัย” ให้ไต่สวนกรณีส่ง “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ชี้ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่าการบังคับโทษอาจไม่ถูกต้อง ศาลฯ จึงแจ้งให้จำเลยและราชทัณฑ์ชี้แจงใน 30 วัน และนัดโจทก์-จำเลยไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้

    วันนี้(30 เม.ย.) เวลา 13.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อฟังคำสั่งตามคำร้องที่นายชาญชัยได้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาจำคุก 8 ปีในคดีทุจริต ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี ได้ออกจากเรือนจำไปเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายชาญชัยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวงเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 25 ก.ย.2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

    ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลฯ ได้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายชาญชัย ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

    อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย เปิดเผยหลังจากฟังคำสั่งศาลฯ ว่า ศาลฯ เห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่อาจรับไว้เป็นคดีได้ แต่ได้สั่งให้เรือนจำและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงว่าการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ โดยให้ชี้แจงภายใน 30 วัน นอกจากนี้ได้นัดพร้อมโจทก์และจำเลยคือนายทักษิณ ทำการไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

    จึงเท่ากับว่าคดีนี้แม้ศาลฯ จะไม่รับคำร้องของนายชาญชัย แต่เมื่อมีความปรากฏต่อศาลว่า การบังคับโทษอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลฎีกาฯ จึงจะดำเนินการเรื่องนี้เอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040492

    #MGROnline #ทักษิณ
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกคำร้อง “ชาญชัย” ให้ไต่สวนกรณีส่ง “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ชี้ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่าการบังคับโทษอาจไม่ถูกต้อง ศาลฯ จึงแจ้งให้จำเลยและราชทัณฑ์ชี้แจงใน 30 วัน และนัดโจทก์-จำเลยไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ • วันนี้(30 เม.ย.) เวลา 13.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อฟังคำสั่งตามคำร้องที่นายชาญชัยได้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาจำคุก 8 ปีในคดีทุจริต ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี ได้ออกจากเรือนจำไปเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายชาญชัยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวงเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 25 ก.ย.2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา • ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลฯ ได้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายชาญชัย ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง • อย่างไรก็ตาม นายชาญชัย เปิดเผยหลังจากฟังคำสั่งศาลฯ ว่า ศาลฯ เห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่อาจรับไว้เป็นคดีได้ แต่ได้สั่งให้เรือนจำและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงว่าการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นไปโดยถูกต้องหรือไม่ โดยให้ชี้แจงภายใน 30 วัน นอกจากนี้ได้นัดพร้อมโจทก์และจำเลยคือนายทักษิณ ทำการไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ • จึงเท่ากับว่าคดีนี้แม้ศาลฯ จะไม่รับคำร้องของนายชาญชัย แต่เมื่อมีความปรากฏต่อศาลว่า การบังคับโทษอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลฎีกาฯ จึงจะดำเนินการเรื่องนี้เอง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040492 • #MGROnline #ทักษิณ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทักษิณ' ลุ้นระทึกศาลฎีกา ยิ้มสู้ปล่อยวางทุกอย่าง ให้กระบวนการทำงาน
    .
    วันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง มาฟังคำสั่งในคำร้องที่ก่อนหน้านี้นายชาญชัยได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 10 มกราคม2568 เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039314

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    'ทักษิณ' ลุ้นระทึกศาลฎีกา ยิ้มสู้ปล่อยวางทุกอย่าง ให้กระบวนการทำงาน . วันที่ 30 เมษายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้อง มาฟังคำสั่งในคำร้องที่ก่อนหน้านี้นายชาญชัยได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 10 มกราคม2568 เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039314 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียที่ฝักใฝ่รัสเซีย มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งฝ่ายเสรีนิยม

    ในโรมาเนีย บรรยากาศทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมกำลังเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

    จากผลสำรวจล่าสุดของหน่วยงาน "Sociopol" ที่มีชื่อเสียง ผู้สมัครฝ่ายขวา จอร์จ ซิมิออน (George Simion) มีคะแนนนำทิ่งห่างมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคะแนนสนับสนุนจากประชาชนถึง 35% ส่วนอันดับสองคืออดีตนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ปอนตา มีเพียง 22% ซึ่งบ่งชี้ว่าทั้งสองคนนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองมากที่สุด

    สถานการณ์แบบนี้ยุโรปมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาตั้งเป้าหมายให้โรมาเนียเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะใช้ต่อต้านรัสเซีย หลังจากพลาดท่าจากยูเครน

    ซิมิออน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนีย แสดงออกอย่างชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางการเมืองในประเทศใหม่ โดยการนำพาประเทศออกจากอิทธิพลของยุโรป และกลับไปสานสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียอีกครั้ง รวมทั้งประกาศว่า จะนำ "คาลิน จอร์เชสคู" กลับสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกศาลยกเลิกผลการเลือกตั้งในช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งรอบที่สองจะเกิดขึ้น

    “เมื่อผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะนำจอร์เชสคูกลับมา เพราะเขาเป็นชาวโรมาเนียที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด” ซิมิออนกล่าว

    แรงกดดันจากต่างประเทศและข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานของศาล ที่ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียออกคำตัดสินยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา และห้ามจอร์เชสคูลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้ง
    ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียที่ฝักใฝ่รัสเซีย มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งฝ่ายเสรีนิยม ในโรมาเนีย บรรยากาศทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมกำลังเพิ่มระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลสำรวจล่าสุดของหน่วยงาน "Sociopol" ที่มีชื่อเสียง ผู้สมัครฝ่ายขวา จอร์จ ซิมิออน (George Simion) มีคะแนนนำทิ่งห่างมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคะแนนสนับสนุนจากประชาชนถึง 35% ส่วนอันดับสองคืออดีตนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ปอนตา มีเพียง 22% ซึ่งบ่งชี้ว่าทั้งสองคนนี้มีแนวโน้มที่จะผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งรอบที่สองมากที่สุด สถานการณ์แบบนี้ยุโรปมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาตั้งเป้าหมายให้โรมาเนียเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะใช้ต่อต้านรัสเซีย หลังจากพลาดท่าจากยูเครน ซิมิออน ผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนีย แสดงออกอย่างชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงดุลยภาพทางการเมืองในประเทศใหม่ โดยการนำพาประเทศออกจากอิทธิพลของยุโรป และกลับไปสานสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียอีกครั้ง รวมทั้งประกาศว่า จะนำ "คาลิน จอร์เชสคู" กลับสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ถูกศาลยกเลิกผลการเลือกตั้งในช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งรอบที่สองจะเกิดขึ้น “เมื่อผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะนำจอร์เชสคูกลับมา เพราะเขาเป็นชาวโรมาเนียที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด” ซิมิออนกล่าว แรงกดดันจากต่างประเทศและข้อกล่าวหาที่ไร้หลักฐานของศาล ที่ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียออกคำตัดสินยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา และห้ามจอร์เชสคูลงสมัครประธานาธิบดีอีกครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก
    .
    แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อีกหนึ่งดาบเชือด 'ทักษิณ' ใช้ช่องผู้ตรวจฯยื่นศาล ปค. เร่งรัดพาตัวกลับเข้าคุก . แม้ว่าเวลานี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี จะยังคงโลดแล่นในเวทีการเมืองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กระบวนการในการพาทักษิณกลับเข้าเรือนจำต้องถูกยุติ เพราะล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาเพิกถอนการปล่อยให้ทักษิณออกมารักษาอาการป่วยนอกเรือนจำ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037121 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    12
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 880 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jacinda Ardern อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้กล่าวในงาน Zendesk Relate 2025 ว่าเราควรปรับมุมมองเกี่ยวกับ AI จากความกลัวไปสู่โอกาส โดยเธอเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่ควรทำให้แรงงานรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่ควรมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรเพื่อช่วยให้พนักงานปรับตัว

    ✅ AI ไม่ได้ทำให้แรงงานหมดความสำคัญ แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    - Ardern เชื่อว่า AI จะช่วยให้แรงงานสามารถทำงานได้ดีขึ้น แทนที่จะเข้ามาแทนที่พวกเขา
    - เธอเน้นว่าคุณค่าของแรงงานจะยังคงอยู่ แม้ว่าบทบาทของพวกเขาจะเปลี่ยนไป

    ✅ รัฐบาลควรมีบทบาทในการสนับสนุนแรงงาน
    - นิวซีแลนด์มีโครงการ ประกันรายได้ และ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้ประชาชนปรับตัว
    - การสนับสนุนจากรัฐบาลช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจในการเปลี่ยนแปลง

    ✅ AI ต้องการการกำกับดูแลและความโปร่งใส
    - Ardern เน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส
    - บริษัทและรัฐบาลต้องร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์

    ✅ AI สามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน
    - แม้ว่า AI จะช่วยให้แรงงานทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องการการควบคุมจากมนุษย์

    https://www.techradar.com/pro/former-new-zealand-prime-minister-jacinda-ardern-says-we-should-reframe-how-we-think-about-ai
    Jacinda Ardern อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้กล่าวในงาน Zendesk Relate 2025 ว่าเราควรปรับมุมมองเกี่ยวกับ AI จากความกลัวไปสู่โอกาส โดยเธอเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่ควรทำให้แรงงานรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่ควรมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรเพื่อช่วยให้พนักงานปรับตัว ✅ AI ไม่ได้ทำให้แรงงานหมดความสำคัญ แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ - Ardern เชื่อว่า AI จะช่วยให้แรงงานสามารถทำงานได้ดีขึ้น แทนที่จะเข้ามาแทนที่พวกเขา - เธอเน้นว่าคุณค่าของแรงงานจะยังคงอยู่ แม้ว่าบทบาทของพวกเขาจะเปลี่ยนไป ✅ รัฐบาลควรมีบทบาทในการสนับสนุนแรงงาน - นิวซีแลนด์มีโครงการ ประกันรายได้ และ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้ประชาชนปรับตัว - การสนับสนุนจากรัฐบาลช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจในการเปลี่ยนแปลง ✅ AI ต้องการการกำกับดูแลและความโปร่งใส - Ardern เน้นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส - บริษัทและรัฐบาลต้องร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ ✅ AI สามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน - แม้ว่า AI จะช่วยให้แรงงานทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องการการควบคุมจากมนุษย์ https://www.techradar.com/pro/former-new-zealand-prime-minister-jacinda-ardern-says-we-should-reframe-how-we-think-about-ai
    WWW.TECHRADAR.COM
    Former New Zealand Prime Minister Jacinda Ardern says we should reframe how we think about AI
    How can governments, companies and workers create a more positive environment?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิงคโปร์ประกาศยุบสภาในวันนี้ (15 เม.ย.) เพื่อเปิดทางไปสู่ศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ค. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะถือว่าเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกสำหรับนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เข้ารับไม้ต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ที่สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party - PAP) เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2024

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035711
    สิงคโปร์ประกาศยุบสภาในวันนี้ (15 เม.ย.) เพื่อเปิดทางไปสู่ศึกเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ค. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะถือว่าเป็นบททดสอบใหญ่ครั้งแรกสำหรับนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ที่เข้ารับไม้ต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ที่สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party - PAP) เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2024 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035711
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 797 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในธุรกิจ “สินค้าหลังความตาย” ทั่วโลก ทั้งการบริหารจัดการพิธีศพ ผลิตโลงศพ หีบเก็บอัฐิ หรือตราสัญลักษณ์บนหลุมศพ แม้แต่การผลิต “เงินกงเต๊ก” ก็เริ่มตีตลาดตะวันตกได้แล้ว โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและความต้องการหลากหลาย

    ในปี 2565 "อาเบะ ชินโซ" อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง มีพิธีเผาศพที่ดำเนินการโดยบริษัท Tokyo Bozen Co., Ltd. ซึ่งอยู่ภายใต้การถือหุ้นของทุนจีน บริษัทนี้ควบคุมการดำเนินงานของสถานที่เผาศพ 6 แห่งจากทั้งหมด 9 แห่งในโตเกียว รวมถึงสถานที่จัดพิธีศพของอาเบะด้วย

    เมืองเฉาหยาง ในมณฑลซานตง เป็นแหล่งผลิตโลงศพรายใหญ่ที่ส่งออกไปญี่ปุ่น โดยในปี 2567 ส่งออกโลงศพไปญี่ปุ่นถึง 1.2 ล้านชุด คิดเป็น 90% ของตลาดโลงศพในญี่ปุ่น โดยใช้ไม้เบาทนความร้อน ซึ่งเหมาะกับพิธีเผาศพแบบญี่ปุ่น และมีต้นทุนต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นถึงครึ่งหนึ่ง

    นอกจากนี้ ผู้ผลิตในเฉาหยางยังผลิตแท่นบูชาและป้ายวิญญาณสำหรับใช้งานในพิธีศพแบบญี่ปุ่น และได้ปรับสินค้าให้เข้ากับกระแสนิยมใหม่ เช่น โลงศพขนาดเล็กหรือกล่องอัฐิที่ใช้เก็บในบ้าน สอดคล้องกับความนิยมในครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดต่ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000032745

    #MGROnline #สินค้าหลังความตาย #เงินกงเต๊ก
    จีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในธุรกิจ “สินค้าหลังความตาย” ทั่วโลก ทั้งการบริหารจัดการพิธีศพ ผลิตโลงศพ หีบเก็บอัฐิ หรือตราสัญลักษณ์บนหลุมศพ แม้แต่การผลิต “เงินกงเต๊ก” ก็เริ่มตีตลาดตะวันตกได้แล้ว โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและความต้องการหลากหลาย • ในปี 2565 "อาเบะ ชินโซ" อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุลอบยิง มีพิธีเผาศพที่ดำเนินการโดยบริษัท Tokyo Bozen Co., Ltd. ซึ่งอยู่ภายใต้การถือหุ้นของทุนจีน บริษัทนี้ควบคุมการดำเนินงานของสถานที่เผาศพ 6 แห่งจากทั้งหมด 9 แห่งในโตเกียว รวมถึงสถานที่จัดพิธีศพของอาเบะด้วย • เมืองเฉาหยาง ในมณฑลซานตง เป็นแหล่งผลิตโลงศพรายใหญ่ที่ส่งออกไปญี่ปุ่น โดยในปี 2567 ส่งออกโลงศพไปญี่ปุ่นถึง 1.2 ล้านชุด คิดเป็น 90% ของตลาดโลงศพในญี่ปุ่น โดยใช้ไม้เบาทนความร้อน ซึ่งเหมาะกับพิธีเผาศพแบบญี่ปุ่น และมีต้นทุนต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นถึงครึ่งหนึ่ง • นอกจากนี้ ผู้ผลิตในเฉาหยางยังผลิตแท่นบูชาและป้ายวิญญาณสำหรับใช้งานในพิธีศพแบบญี่ปุ่น และได้ปรับสินค้าให้เข้ากับกระแสนิยมใหม่ เช่น โลงศพขนาดเล็กหรือกล่องอัฐิที่ใช้เก็บในบ้าน สอดคล้องกับความนิยมในครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดต่ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000032745 • #MGROnline #สินค้าหลังความตาย #เงินกงเต๊ก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ปลื้มคำชี้แจง"นายก" ลุยต่อโรยเกลือซ้ำ! : [THE-MESSAGE]

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เผยถึงการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ยอมรับคุมเสียงฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ไม่ปลื้มคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ขอรอดูปฏิบัติการเอาคืนจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กังวล เตรียมโรยเกลือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณี เลี่ยงภาษีและโรงแรมเขาใหญ่ เมินโดนเปรียบเทียบฝ่ายค้านสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันหลายเรื่องเป็นเนื้อหาใหม่ เฉลยคำ "ปีศาจ" ที่อภิปรายคือ "ชนชั้นนำ" ที่อิงแอบกลุ่มทุน เอารัดเอาเปรียบสังคม
    ไม่ปลื้มคำชี้แจง"นายก" ลุยต่อโรยเกลือซ้ำ! : [THE-MESSAGE] นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เผยถึงการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ยอมรับคุมเสียงฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ไม่ปลื้มคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ขอรอดูปฏิบัติการเอาคืนจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่กังวล เตรียมโรยเกลือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณี เลี่ยงภาษีและโรงแรมเขาใหญ่ เมินโดนเปรียบเทียบฝ่ายค้านสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันหลายเรื่องเป็นเนื้อหาใหม่ เฉลยคำ "ปีศาจ" ที่อภิปรายคือ "ชนชั้นนำ" ที่อิงแอบกลุ่มทุน เอารัดเอาเปรียบสังคม
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 985 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • กองทุนรัฐบาลอินโดนีเซีย “ดานันตารา” (Danantara) ประกาศชื่อ “ดรีมทีม” เพื่อนำทางยุทธศาสตร์กองทุนเทมาเส็ก 2 แดนอิเหนามูลค่ากว่า 900,000 ล้านดอลลาร์ ฮือฮาเปิดชื่ออดีตนายกรัฐมนตรีไทย ทักษิณ ชินวิตร เป็นหนึ่งในนั้นเพื่อจัดการความเสี่ยงระดับโลก ท่ามกลางความวิตกจากตลาดการเงินเชื่ออาจมีอิทธิพลทางการเมืองเข้าแทรกแซงกองทุนรัฐมูลค่ามหาศาลหลายพันล้าน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028186
    กองทุนรัฐบาลอินโดนีเซีย “ดานันตารา” (Danantara) ประกาศชื่อ “ดรีมทีม” เพื่อนำทางยุทธศาสตร์กองทุนเทมาเส็ก 2 แดนอิเหนามูลค่ากว่า 900,000 ล้านดอลลาร์ ฮือฮาเปิดชื่ออดีตนายกรัฐมนตรีไทย ทักษิณ ชินวิตร เป็นหนึ่งในนั้นเพื่อจัดการความเสี่ยงระดับโลก ท่ามกลางความวิตกจากตลาดการเงินเชื่ออาจมีอิทธิพลทางการเมืองเข้าแทรกแซงกองทุนรัฐมูลค่ามหาศาลหลายพันล้าน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028186
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1716 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย

    วันนี้(23 มี.ค.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ระหว่างการไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่างนายจักรภพ เพ็ญแข กับนายสุไพรพล ช่วยชู นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ว่า นายกฯ คงตอบได้ทุกเรื่อง อะไรที่อยู่ในกติกาก็ตอบได้หมด คงไม่มีปัญหาอะไร อะไรตอบได้ก็ตอบ อะไรตอบไม่ได้ก็ต้องบอกให้รู้ ก็อยู่ในกติกา ถ้าอยู่บนโลกความจริง จะถามอะไรก็ตอบไปตามนั้นได้ ถ้าไม่มีคำถามที่พิศดาร ก็ตอบตรงไปตรงมาได้ และนายกเป็นคนรุ่นใหม่เป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆ

    นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เพิ่งไปเจอนายกฯ เมื้อกี้นี้ ก็ยังอารมณ์ดี ก็นั่งคุยกัน นั่งทำการบ้านนิดหน่อย เพื่อให้ข้อมูลแน่นขึ้น ไม่มีอะไรหรอก

    เมื่อถามว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “สบายเลย ท่าทางจะไม่มีปัญหาอะไร”

    เมื่อถามว่า กรณีที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้ออภิปรายว่า “ดีลแลกประเทศ” จะโยงไปถึงว่าต่อไปจะดีลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เป็นวาทกรรม เป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าไปใช้วาทกรรมเยอะ ดูแล้วมันไม่เหมาะ ใครจะเอาประเทศไปแลก ใครมีสิทธิไปแลกประเทศ อย่าไปใช้วาทกรรมเลอะเทอะ หมดสภาพ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000027713

    #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์
    “ทักษิณ” เผยอยากให้ “ยิ่งลักษณ์” มาสงกรานต์ปีนี้แต่ยังมาไม่ได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซัดฝ่ายค้านสร้างวาทกรรม “ดีลแลกประเทศ” เลอเทอะ ไม่เหมาะเป็นคนรุ่นใหม่ ยันพรุ่งนี้มอนิเตอร์ศึกซักฟอก ใครด่าได้ยินแน่นอน เชื่อนายกฯ ชี้แจงได้ไร้ปัญหา คืนนี้นอนหลับสบาย • วันนี้(23 มี.ค.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ระหว่างการไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่างนายจักรภพ เพ็ญแข กับนายสุไพรพล ช่วยชู นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ว่า นายกฯ คงตอบได้ทุกเรื่อง อะไรที่อยู่ในกติกาก็ตอบได้หมด คงไม่มีปัญหาอะไร อะไรตอบได้ก็ตอบ อะไรตอบไม่ได้ก็ต้องบอกให้รู้ ก็อยู่ในกติกา ถ้าอยู่บนโลกความจริง จะถามอะไรก็ตอบไปตามนั้นได้ ถ้าไม่มีคำถามที่พิศดาร ก็ตอบตรงไปตรงมาได้ และนายกเป็นคนรุ่นใหม่เป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆ • นายทักษิณ กล่าวอีกว่า เพิ่งไปเจอนายกฯ เมื้อกี้นี้ ก็ยังอารมณ์ดี ก็นั่งคุยกัน นั่งทำการบ้านนิดหน่อย เพื่อให้ข้อมูลแน่นขึ้น ไม่มีอะไรหรอก • เมื่อถามว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “สบายเลย ท่าทางจะไม่มีปัญหาอะไร” • เมื่อถามว่า กรณีที่ฝ่ายค้านตั้งหัวข้ออภิปรายว่า “ดีลแลกประเทศ” จะโยงไปถึงว่าต่อไปจะดีลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เป็นวาทกรรม เป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าไปใช้วาทกรรมเยอะ ดูแล้วมันไม่เหมาะ ใครจะเอาประเทศไปแลก ใครมีสิทธิไปแลกประเทศ อย่าไปใช้วาทกรรมเลอะเทอะ หมดสภาพ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000027713 • #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนตำนานทักษิณ ทำแคปิตอล โอเค

    นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตอนหนึ่งระบุว่า วันก่อนคิดกับนายกฯ (แพทองธาร ชินวัตร) ดังๆ ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมดไปได้ คิดดังๆ ว่าเราจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาทสามารถให้เอกชนลงทุน เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้สนับสนุน แม้จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ทำให้ย้อนถึงสมัยเป็นนักธุรกิจ ตระกูลชินวัตรทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลมาก่อน ภายใต้ชื่อ "แคปปิตอล โอเค"

    ปี 2546 กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชินวัตร ร่วมทุนกับดีบีเอส แบงก์ ลิมิเต็ด ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งสินเชื่อไม่มีหลักประกัน บัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อต่างๆ โดยกลุ่มชินคอร์ปฯ ถือหุ้น 60% และดีบีเอส 40% ผ่านไป 2 ปีมีลูกค้าราว 6 แสนราย ส่วนมากเป็นสินเชื่อบุคคล 60% สินเชื่อเช่าซื้อ 30% และบัตรเครดิต 10%

    23 ม.ค. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 1,487.74 ล้านหุ้น รวม 73,271.20 ล้านบาท ทำให้แคปปิตอล โอเค ไม่ได้เป็นของตระกูลชินวัตรอีกต่อไป หลังจากนั้นเมื่อรัฐบาลทักษิณถูกประชาชนชุมนุมขับไล่และเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ธุรกิจสินเชื่อของแคปิตอลโอเคเริ่มซบเซา แม้กลุ่มชินคอร์ปฯ ซื้อหุ้นที่เหลือจากดีบีเอส กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 99.99% และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5,200 ล้านบาท แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น

    ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2550 กลุ่มชินคอร์ปฯ จึงได้ขายหุ้นแคปปิตอล โอเค ซึ่งขณะนั้นมีทุนจดทะเบียน 7,500 ล้านบาท ให้กับ 2 บริษัท ได้แก่ เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) และออริกซ์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทย่อยของ ORIX) เพื่อลดภาระผลขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ และลดภาระการสนับสนุนเงินทุนแก่แคปปิตอล โอเค ในอนาคต หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจซบเซา ปลายปี 2552 แคปปิตอล โอเค จึงหยุดการให้สินเชื่อลูกค้าบุคคลในที่สุด

    ปัจจุบัน แคปปิตอล โอเค เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ซึ่งมีปัญหาการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รวม 7 รุ่น กว่า 4,000 ล้านบาท เคยถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหารกรณีทุจริต และผู้ถือหุ้นกู้กำลังร้องเรียนหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบธรรมาภิบาล

    #Newskit
    ย้อนตำนานทักษิณ ทำแคปิตอล โอเค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ตอนหนึ่งระบุว่า วันก่อนคิดกับนายกฯ (แพทองธาร ชินวัตร) ดังๆ ทำอย่างไรจะให้หนี้สินคนไทยหมดไปได้ คิดดังๆ ว่าเราจะซื้อหนี้ทั้งหมด ซื้อหนี้ประชาชนออกจากระบบธนาคารดีหรือไม่ แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน ไม่ต้องชำระเต็มจำนวน ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำมาหากินใหม่ ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาทสามารถให้เอกชนลงทุน เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้สนับสนุน แม้จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ทำให้ย้อนถึงสมัยเป็นนักธุรกิจ ตระกูลชินวัตรทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลมาก่อน ภายใต้ชื่อ "แคปปิตอล โอเค" ปี 2546 กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชินวัตร ร่วมทุนกับดีบีเอส แบงก์ ลิมิเต็ด ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งสินเชื่อไม่มีหลักประกัน บัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อต่างๆ โดยกลุ่มชินคอร์ปฯ ถือหุ้น 60% และดีบีเอส 40% ผ่านไป 2 ปีมีลูกค้าราว 6 แสนราย ส่วนมากเป็นสินเชื่อบุคคล 60% สินเชื่อเช่าซื้อ 30% และบัตรเครดิต 10% 23 ม.ค. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 1,487.74 ล้านหุ้น รวม 73,271.20 ล้านบาท ทำให้แคปปิตอล โอเค ไม่ได้เป็นของตระกูลชินวัตรอีกต่อไป หลังจากนั้นเมื่อรัฐบาลทักษิณถูกประชาชนชุมนุมขับไล่และเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ธุรกิจสินเชื่อของแคปิตอลโอเคเริ่มซบเซา แม้กลุ่มชินคอร์ปฯ ซื้อหุ้นที่เหลือจากดีบีเอส กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 99.99% และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5,200 ล้านบาท แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2550 กลุ่มชินคอร์ปฯ จึงได้ขายหุ้นแคปปิตอล โอเค ซึ่งขณะนั้นมีทุนจดทะเบียน 7,500 ล้านบาท ให้กับ 2 บริษัท ได้แก่ เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) และออริกซ์ คอร์ปอเรชั่น (บริษัทย่อยของ ORIX) เพื่อลดภาระผลขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ และลดภาระการสนับสนุนเงินทุนแก่แคปปิตอล โอเค ในอนาคต หลังจากนั้นเมื่อเศรษฐกิจซบเซา ปลายปี 2552 แคปปิตอล โอเค จึงหยุดการให้สินเชื่อลูกค้าบุคคลในที่สุด ปัจจุบัน แคปปิตอล โอเค เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ซึ่งมีปัญหาการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รวม 7 รุ่น กว่า 4,000 ล้านบาท เคยถูกสำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหารกรณีทุจริต และผู้ถือหุ้นกู้กำลังร้องเรียนหน่วยงานทีเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบธรรมาภิบาล #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทักษิณ' ผุดไอเดีย ซื้อหนี้ครัวเรือน หลังจากห่างหายจากเดินสายพบปะมวลชนไปพักใหญ่ คราวนี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพบมวลชนคนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่างนอกจากพิษณุโลกแล้วก็มี พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก อุทัยธานี นครสวรรค์ และสุโขทัย โดยเป็นไปตามคาดว่าอดีตนายกฯทักษิณ ได้มีนโยบายขายฝันอีกแล้ว คือ การแก้ไขปัญหานี้หนี้ครัวเรือนด้วยการซื้อหนี้มาจากประชาชน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025728
    'ทักษิณ' ผุดไอเดีย ซื้อหนี้ครัวเรือน หลังจากห่างหายจากเดินสายพบปะมวลชนไปพักใหญ่ คราวนี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพบมวลชนคนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่างนอกจากพิษณุโลกแล้วก็มี พิจิตร อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ตาก อุทัยธานี นครสวรรค์ และสุโขทัย โดยเป็นไปตามคาดว่าอดีตนายกฯทักษิณ ได้มีนโยบายขายฝันอีกแล้ว คือ การแก้ไขปัญหานี้หนี้ครัวเรือนด้วยการซื้อหนี้มาจากประชาชน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025728
    Like
    Haha
    Angry
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนดูท่าทางของเซเลนสกีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนอร์มังดี ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ธันวาคม 2019

    ท่าทางของเซเลนสกี อดีตดาวตลก ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อช่วงต้นปี 2019 หลายฝ่ายมองว่าไม่ให้เกียรติและกำลังดูหมิ่นประธานาธิบดีปูติน ขณะที่เขากำลังพูดถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อตกลงมินสค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดความขัดแย้งในแคว้นดอนบาสของยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากภูมิภาคโดเนตส์ก (Donetsk) และลูฮันส์ก (Luhansk) ทำสงครามแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน ไม่นานหลังจากรัสเซียผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

    แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ข้อตกลงมินสค์ที่ออกมาจากการประชุมครั้งนั้น ไม่เคยมีไว้เพื่อปฏิบัติตามเลย แม้แต่นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาเพื่อหลอกรัสเซีย และเพื่อซื้อเวลาและอาวุธให้ยูเครนได้เตรียมตัวก่อนทำสงครามจริงจัง
    ย้อนดูท่าทางของเซเลนสกีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนอร์มังดี ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ธันวาคม 2019 ท่าทางของเซเลนสกี อดีตดาวตลก ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อช่วงต้นปี 2019 หลายฝ่ายมองว่าไม่ให้เกียรติและกำลังดูหมิ่นประธานาธิบดีปูติน ขณะที่เขากำลังพูดถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อตกลงมินสค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดความขัดแย้งในแคว้นดอนบาสของยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากภูมิภาคโดเนตส์ก (Donetsk) และลูฮันส์ก (Luhansk) ทำสงครามแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน ไม่นานหลังจากรัสเซียผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ข้อตกลงมินสค์ที่ออกมาจากการประชุมครั้งนั้น ไม่เคยมีไว้เพื่อปฏิบัติตามเลย แม้แต่นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาเพื่อหลอกรัสเซีย และเพื่อซื้อเวลาและอาวุธให้ยูเครนได้เตรียมตัวก่อนทำสงครามจริงจัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเวลาที่ "จัสติน ทรูโด" กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของแคนาดาอย่างเป็นทางการ ขณะเขากำลังออกจากที่ทำการของรัฐบาลแคนาดา หลังจากการลาออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 9 ปี

    มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล
    ช่วงเวลาที่ "จัสติน ทรูโด" กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของแคนาดาอย่างเป็นทางการ ขณะเขากำลังออกจากที่ทำการของรัฐบาลแคนาดา หลังจากการลาออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 9 ปี มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ลั่น "ทักษิณ"ไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะแถลง ให้มีประเด็นอื่นต่อ เพราะเป็นแค่พ่อนายกฯไม่ได้เป็นนายก จะไปอภิปรายหรือให้ตั้งโต๊ะแถลง คงไม่ แต่ถ้าฮอลลิวูดชวนไปเป็นดาราถึงจะแถลง ส่วนวันอภิปรายจะกี่วันก็ว่ามา

    เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 11 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งประธานสภาฯ ขอให้ฝ่ายค้านเอาชื่อนายทักษิณออก นายกได้คุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า นายทักษิณไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ถามกลับมาว่าแล้วจะเข้าสภาหรืออย่างไรเพราะไม่ได้อยู่ในสภา จะให้ไปตอบในสภา หรืออย่างไร ซึ่งเป็นการถามเล่นๆ ไม่ได้มีอะไร

    ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ติดใจหรือไม่ถ้ามีชื่อนายทักษิณอยู่ในญัตติการอภิปรายไปวางใจนางสาวแพทองธารกล่าวว่า ให้เอาข้อเท็จจริงอย่าใช้อารมณ์ ในเรื่องนี้ต้องดูว่าหลักการคืออะไรและกฎคืออะไร ถ้าไม่ทำตามกฎและหลักการจะตั้งกฎและหลักการเอาไว้ทำไม ถ้าสมมุติว่าหลักการสามารถให้เข้าได้ ก็ได้เลยจะไปห้ามได้อย่างไร แต่ถ้าหลักการเข้าไม่ได้ จะฝืนหลักการก็ไม่ได้เท่านั้นเอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023377

    #MGROnline #ทักษิณ #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี
    นายกฯ ลั่น "ทักษิณ"ไม่จำเป็นต้องตั้งโต๊ะแถลง ให้มีประเด็นอื่นต่อ เพราะเป็นแค่พ่อนายกฯไม่ได้เป็นนายก จะไปอภิปรายหรือให้ตั้งโต๊ะแถลง คงไม่ แต่ถ้าฮอลลิวูดชวนไปเป็นดาราถึงจะแถลง ส่วนวันอภิปรายจะกี่วันก็ว่ามา • เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 11 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งประธานสภาฯ ขอให้ฝ่ายค้านเอาชื่อนายทักษิณออก นายกได้คุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า นายทักษิณไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ถามกลับมาว่าแล้วจะเข้าสภาหรืออย่างไรเพราะไม่ได้อยู่ในสภา จะให้ไปตอบในสภา หรืออย่างไร ซึ่งเป็นการถามเล่นๆ ไม่ได้มีอะไร • ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ติดใจหรือไม่ถ้ามีชื่อนายทักษิณอยู่ในญัตติการอภิปรายไปวางใจนางสาวแพทองธารกล่าวว่า ให้เอาข้อเท็จจริงอย่าใช้อารมณ์ ในเรื่องนี้ต้องดูว่าหลักการคืออะไรและกฎคืออะไร ถ้าไม่ทำตามกฎและหลักการจะตั้งกฎและหลักการเอาไว้ทำไม ถ้าสมมุติว่าหลักการสามารถให้เข้าได้ ก็ได้เลยจะไปห้ามได้อย่างไร แต่ถ้าหลักการเข้าไม่ได้ จะฝืนหลักการก็ไม่ได้เท่านั้นเอง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023377 • #MGROnline #ทักษิณ #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ
    .
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ . ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    27
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2708 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สหรัฐกำลังเตรียมวางแผนกดดันให้มีการเลือกตั้งในยูเครน"

    รายงานจากสำนักข่าว Politico ระบุว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังเจรจาลับๆ กับคู่แข่งทางการเมืองของเซเลนสกี

    ผู้ช่วยของทรัมป์ได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญฝ่ายค้านอย่างยูเลีย ทิโมเชนโก (Yulia Tymoshenko) อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรคของ เปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) อดีตประธานาธิบดีของยูเครน

    ตามคำกล่าวของสมาชิกรัฐสภายูเครน 3 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของพรรครีพับลิกัน การเจรจาเน้นไปที่การเลือกตั้งก่อนกำหนด แม้ว่ายูเครนจะมีกฎอัยการศึกก็ตาม

    พวกเขาเชื่อว่าเซเลนสกีจะพ่ายแพ้เนื่องจาก ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่พอใจจากการทำสงครามต่อเนื่องมาสามปีของเซเลนสกี รวมทั้งข่าวการทุจริตเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศจากทีมงานของเซเลนสกีที่มีอย่างต่อเนื่อง

    "สหรัฐกำลังเตรียมวางแผนกดดันให้มีการเลือกตั้งในยูเครน" รายงานจากสำนักข่าว Politico ระบุว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังเจรจาลับๆ กับคู่แข่งทางการเมืองของเซเลนสกี ผู้ช่วยของทรัมป์ได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญฝ่ายค้านอย่างยูเลีย ทิโมเชนโก (Yulia Tymoshenko) อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรคของ เปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) อดีตประธานาธิบดีของยูเครน ตามคำกล่าวของสมาชิกรัฐสภายูเครน 3 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของพรรครีพับลิกัน การเจรจาเน้นไปที่การเลือกตั้งก่อนกำหนด แม้ว่ายูเครนจะมีกฎอัยการศึกก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าเซเลนสกีจะพ่ายแพ้เนื่องจาก ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่พอใจจากการทำสงครามต่อเนื่องมาสามปีของเซเลนสกี รวมทั้งข่าวการทุจริตเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศจากทีมงานของเซเลนสกีที่มีอย่างต่อเนื่อง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสรีพิศุทธ์ซัดแรง! ทักษิณมึงอ่ะคนใน ไม่ใช่คนนอก
    .
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกโรงวิจารณ์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อย่างดุเดือด ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกล่าวว่า “ทักษิณเสือกเป็นคนในรู้หรือเปล่า ถ้ากลับมาแล้วไปอยู่บ้าน ปิดปากเงียบ มันก็เป็นคนนอก แต่นี่เสือกเป็นคนในมาตลอด”
    .
    พร้อมทั้งโจมตีกรณีที่อดีตนายกฯ มีบทบาทอยู่เบื้องหลังการเมือง โดยระบุว่า “ห้ามเขาอภิปราย เรียกว่าเสือกเอาแต่ได้ ทีพูดด่าคน ก็ด่าได้ พอเขาจะด่าบ้าง บอกว่าไม่ได้นะ กูคนนอก มึงอ่ะคนในชัดเจน ทักษิณมึงอ่ะคนใน ไม่ใช่คนนอก

    #MGRInfographics #เสรีพิศุทธ์เตมียเวส #ทักษิณชินวัตร #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เสรีพิศุทธ์ซัดแรง! ทักษิณมึงอ่ะคนใน ไม่ใช่คนนอก . พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกโรงวิจารณ์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อย่างดุเดือด ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกล่าวว่า “ทักษิณเสือกเป็นคนในรู้หรือเปล่า ถ้ากลับมาแล้วไปอยู่บ้าน ปิดปากเงียบ มันก็เป็นคนนอก แต่นี่เสือกเป็นคนในมาตลอด” . พร้อมทั้งโจมตีกรณีที่อดีตนายกฯ มีบทบาทอยู่เบื้องหลังการเมือง โดยระบุว่า “ห้ามเขาอภิปราย เรียกว่าเสือกเอาแต่ได้ ทีพูดด่าคน ก็ด่าได้ พอเขาจะด่าบ้าง บอกว่าไม่ได้นะ กูคนนอก มึงอ่ะคนในชัดเจน ทักษิณมึงอ่ะคนใน ไม่ใช่คนนอก #MGRInfographics #เสรีพิศุทธ์เตมียเวส #ทักษิณชินวัตร #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2224 มุมมอง 1 รีวิว
  • รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” รุดออกบ้านพิษณุโลก ก่อน ”นายกฯ อิ๊งค์“ เข้าหารือทีมกุนซือนโยบายเวลา 13.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากบ้านพิษณุโลก โดยมีทีมที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา รวมถึงนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงมาส่งนายทักษิณขึ้นรถ หลังหารือร่วมกันกว่า 3 ชั่วโมงผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามาของนายทักษิณ ครั้งนี้ เป็นการหารือกับทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี มาให้ความรู้แลกเปลี่ยนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยและสถานการณ์โลก ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการให้ความรู้และแลกเปลี่ยนในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ขณะที่มีรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาฯ ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. จากเดิมมีการประชุมกับคณะที่ปรึกษาทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. แต่วันนี้ได้เลื่อนมาเป็นช่วงบ่าย เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าไปตอบกระทู้ที่สภาฯ
    “ทักษิณ” รุดออกบ้านพิษณุโลก ก่อน ”นายกฯ อิ๊งค์“ เข้าหารือทีมกุนซือนโยบายเวลา 13.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากบ้านพิษณุโลก โดยมีทีมที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา รวมถึงนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงมาส่งนายทักษิณขึ้นรถ หลังหารือร่วมกันกว่า 3 ชั่วโมงผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ามาของนายทักษิณ ครั้งนี้ เป็นการหารือกับทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี มาให้ความรู้แลกเปลี่ยนสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยและสถานการณ์โลก ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการให้ความรู้และแลกเปลี่ยนในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ขณะที่มีรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาฯ ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. จากเดิมมีการประชุมกับคณะที่ปรึกษาทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. แต่วันนี้ได้เลื่อนมาเป็นช่วงบ่าย เพราะนายกรัฐมนตรีเข้าไปตอบกระทู้ที่สภาฯ
    Angry
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป้าเดี่ยวซักฟอก มั่นใจไม่โดนลอยแพ : [THE MESSAGE]

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยยกเลิกการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่มีวาระพิจารณาที่เป็นประเด็นสำคัญ เผยกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พุ่งเป้าไปนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่เกินความคาดหมาย ยืนยันตอบได้ทุกข้อ รวมถึงที่ระบุว่าเป็นนั่งร้านให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการตั้งองครักษ์แน่ เพราะทุกคนต้องช่วยกันตอบ เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลอยแพ ส่วนญัตติของฝ่ายค้านที่กล่าวหาว่าไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่นแรงเกินไปหรือไม่นั้น เข้าใจเพราะพรรคเพื่อไทยเคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาชน 8 -9 ปี อยากรู้อะไรก็ตอบไป
    เป้าเดี่ยวซักฟอก มั่นใจไม่โดนลอยแพ : [THE MESSAGE] น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยยกเลิกการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่มีวาระพิจารณาที่เป็นประเด็นสำคัญ เผยกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พุ่งเป้าไปนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่เกินความคาดหมาย ยืนยันตอบได้ทุกข้อ รวมถึงที่ระบุว่าเป็นนั่งร้านให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการตั้งองครักษ์แน่ เพราะทุกคนต้องช่วยกันตอบ เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลอยแพ ส่วนญัตติของฝ่ายค้านที่กล่าวหาว่าไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่นแรงเกินไปหรือไม่นั้น เข้าใจเพราะพรรคเพื่อไทยเคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาชน 8 -9 ปี อยากรู้อะไรก็ตอบไป
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1526 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง

    สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

    แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ

    อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท

    แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา

    แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ

    #Newskit
    ดีลทักษิณ-เนวินไม่เกิด แต่คิงเพาเวอร์ขาดทุนจริง สะพัดตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะนัดเจอกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบภาพของนายเนวิน ไปที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพียงคนเดียว โดยที่สื่อบางสำนักระบุว่าดีลล่ม ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไปปฎิบัติภารกิจที่ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ปฎิเสธพร้อมกล่าวว่า ไม่ไป จะกลับบ้าน ไปหาน้องธาษิณ (ลูกชาย) และคิดว่านายทักษิณไม่น่าจะไป ส่วนนายอนุทิน ไปรับเสด็จที่วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไม่รู้เรื่องข่าวนี้ และระบุว่าการที่นายเนวินไปโรงแรมพูลแมนฯ เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุด้วยว่าในการพบกันระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" ซึ่งภายหลังก็ไม่ได้เจอกัน จะมีนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ทายาทนายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี เข้าร่วมพูดคุยด้วย โดยเป็นที่น่าจับตามองว่า อาจจะมีการเจรจาด้านธุรกิจ เนื่องจากรายงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า คิง เพาเวอร์ ประสบกับปัญหาขาดทุนกว่า 651 ล้านบาท แม้ดีลระหว่าง "ทักษิณ-เนวิน" จะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่ คิง เพาเวอร์ขาดทุนเป็นเรื่องจริง ก่อนหน้านี้ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึง คิง เพาเวอร์ ซึ่งรับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปี ทำเอาราคาหุ้น AOT ร่วงลงมา แต่ถึงกระนั้น นายอัยยวัฒน์เคยยืนยันกับสื่อค่ายยักษ์แห่งหนึ่งว่า การขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทน เพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า ที่ผ่านมารายได้ที่หายไปในช่วงโควิด ถึงวันนี้ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน "ซิง ซิง" ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมาไทย ในฐานะผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอความกรุณาและช่วยเหลือจากรัฐ #Newskit
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 872 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts