อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
สัทธรรมลำดับที่ : 1054
ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ 
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
เนื้อความทั้งหมด :-
--การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
--เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง 
แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. 
สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ 
อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ 
(๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ 
: ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, 
ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, 
ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, 
ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, 
เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, 
ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. 
ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. 
และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. 
--เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว 
เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. 
กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่ 
ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), 
--เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร 
: ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? 
“พึงตอบได้ , พระองค์ !”
--เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล 
จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ
*--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. 
(๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต 
ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า 
ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. 
. . . . ฯลฯ . . . . 
กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ 
ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), 
--เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร 
: ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? 
“พึงตอบได้ , พระองค์ !”
--เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล 
จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ 
(๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า 
“ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, 
จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, 
จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” 
ดังนี้. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า 
#อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ 
--เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก 
: ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง 
สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก 
เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ 
เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. 
ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว 
สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. 
ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, 
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.  
http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต
: คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. 
เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า 
“ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; 
การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. 
ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช 
เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. 
โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. 
ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ 
ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, 
มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย 
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, 
ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, 
มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, 
ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ.
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป 
เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว 
มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ 
--(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย
จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – 
สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – 
การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้
ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน – 
ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – 
เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ 
และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ 
อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง 
#อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น 
ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส 
เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, 
เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า 
“นี้ทุกข์, 
นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, 
นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, 
นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; 
และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า 
“เหล่านี้อาสวะ, 
นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, 
นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, 
นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. 
เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. 
ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. 
เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว 
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” 
ดังนี้. 
--เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, 
คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, 
เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, 
เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า 
“ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ 
หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” 
ดังนี้; 
ฉันใดก็ฉันนั้น. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
--เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.- 
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา  #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ 
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242. 
http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม...  
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... 
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
สัทธรรมลำดับที่ : 1054
ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
เนื้อความทั้งหมด :-
--การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
--เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง 
แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. 
สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ 
อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์.
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ
(๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ 
: ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, 
ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, 
ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, 
ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, 
เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, 
ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. 
ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. 
และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. 
--เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว 
เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. 
กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่ 
ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), 
--เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร 
: ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? 
“พึงตอบได้ , พระองค์ !”
--เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล 
จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์.
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ
*--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ.
(๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต 
ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า 
ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. 
. . . . ฯลฯ . . . . 
กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ 
ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), 
--เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร 
: ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? 
“พึงตอบได้ , พระองค์ !”
--เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล 
จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์.
http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ
(๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า 
“ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, 
จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, 
จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” 
ดังนี้. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ
--เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก 
: ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง 
สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก 
เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ 
เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. 
ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว 
สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. 
ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, 
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. 
http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต
: คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. 
เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า 
“ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; 
การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. 
ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช 
เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. 
โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. 
ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ 
ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, 
มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย 
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, 
ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, 
มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, 
ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ.
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? 
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป 
เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว 
มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ
--(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย
จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – 
สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – 
การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้
ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน – 
ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – 
เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ 
และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ 
อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง
#อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )
--เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น 
ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส 
เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, 
เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า 
“นี้ทุกข์, 
นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, 
นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, 
นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; 
และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า 
“เหล่านี้อาสวะ, 
นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, 
นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, 
นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. 
เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. 
ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. 
เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว 
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” 
ดังนี้. 
--เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, 
คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, 
เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, 
เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า 
“ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ 
หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” 
ดังนี้; 
ฉันใดก็ฉันนั้น. 
--เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
--เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.-
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242.
http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒.
http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม... 
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3