• พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลคือปล่องลิฟต์ ซึ่งปกติผนังปล่องลิฟต์ของประเทศจีนจะมีความหนา 60 เซนติเมตร แต่ของ สตง. ออกแบบความหนาเพียง 30 เซนติเมตร ก่อนถูกปรับแก้แบบเหลือ 25 เซนติเมตร ในส่วนของแบบแปลนก่อสร้างทางการจีนบอกว่า ดำเนินการก่อสร้างตามแบบของ สตง. ที่มีผู้ออกแบบเป็นคนไทย แต่ไม่ว่าใครจะให้การอย่างไร ก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันทางการไทยได้ตั้งคณะวิศวกรรม และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ รวมทั้งจะต้องนำแบบจริงมาตรวจสอบด้วย

    -แนะอุทธรณ์เงินเยียวยา
    -ปัดนายใหญ่สั่งเบรกคดี
    -เด้งรับเขี่ยรมว.พาณิชย์
    -เอเชียเผชิญความยากจน
    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลคือปล่องลิฟต์ ซึ่งปกติผนังปล่องลิฟต์ของประเทศจีนจะมีความหนา 60 เซนติเมตร แต่ของ สตง. ออกแบบความหนาเพียง 30 เซนติเมตร ก่อนถูกปรับแก้แบบเหลือ 25 เซนติเมตร ในส่วนของแบบแปลนก่อสร้างทางการจีนบอกว่า ดำเนินการก่อสร้างตามแบบของ สตง. ที่มีผู้ออกแบบเป็นคนไทย แต่ไม่ว่าใครจะให้การอย่างไร ก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันทางการไทยได้ตั้งคณะวิศวกรรม และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ รวมทั้งจะต้องนำแบบจริงมาตรวจสอบด้วย -แนะอุทธรณ์เงินเยียวยา -ปัดนายใหญ่สั่งเบรกคดี -เด้งรับเขี่ยรมว.พาณิชย์ -เอเชียเผชิญความยากจน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • Google ได้ประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในคดีผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง โดยศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในการ "ครอบครองและรักษาอำนาจผูกขาดในตลาดโฆษณาออนไลน์" ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าบางส่วนของการดำเนินการของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย แต่ก็มีการระบุว่าการใช้เครื่องมือ Publisher ของ Google นั้นละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

    ✅ ศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในบางส่วนของคดีผูกขาด
    - ศาลระบุว่า Google ใช้เครื่องมือ Publisher เพื่อ กีดกันคู่แข่งในตลาดโฆษณาออนไลน์
    - อย่างไรก็ตาม ศาลตัดสินว่า การเข้าซื้อกิจการ DoubleClick และ AdMeld ของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย

    ✅ กระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ Google ขายธุรกิจบางส่วน
    - กระทรวงฯ เสนอว่า Google ควรขาย Google Ad Manager ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Server และ Ad Exchange

    ✅ Google ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน
    - บริษัทระบุว่าคำตัดสินของศาลมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อ Google

    ✅ Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges มีบทบาทสำคัญในตลาดโฆษณาออนไลน์
    - Publisher Ad Servers ช่วยเว็บไซต์ในการจัดการพื้นที่โฆษณา
    - Ad Exchanges ช่วยให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์สามารถขายโฆษณาได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/google-to-appeal-against-part-of-us-court039s-decision-in-monopoly-case
    Google ได้ประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลในคดีผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง โดยศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในการ "ครอบครองและรักษาอำนาจผูกขาดในตลาดโฆษณาออนไลน์" ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าบางส่วนของการดำเนินการของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย แต่ก็มีการระบุว่าการใช้เครื่องมือ Publisher ของ Google นั้นละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ✅ ศาลตัดสินว่า Google มีความผิดในบางส่วนของคดีผูกขาด - ศาลระบุว่า Google ใช้เครื่องมือ Publisher เพื่อ กีดกันคู่แข่งในตลาดโฆษณาออนไลน์ - อย่างไรก็ตาม ศาลตัดสินว่า การเข้าซื้อกิจการ DoubleClick และ AdMeld ของ Google ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ✅ กระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ Google ขายธุรกิจบางส่วน - กระทรวงฯ เสนอว่า Google ควรขาย Google Ad Manager ซึ่งรวมถึง Publisher Ad Server และ Ad Exchange ✅ Google ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน - บริษัทระบุว่าคำตัดสินของศาลมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อ Google ✅ Publisher Ad Servers และ Ad Exchanges มีบทบาทสำคัญในตลาดโฆษณาออนไลน์ - Publisher Ad Servers ช่วยเว็บไซต์ในการจัดการพื้นที่โฆษณา - Ad Exchanges ช่วยให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาออนไลน์สามารถขายโฆษณาได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/google-to-appeal-against-part-of-us-court039s-decision-in-monopoly-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google to appeal against part of US court's decision in monopoly case
    (Reuters) -Alphabet's Google plans to appeal against the "adverse" portion of the court decision in the U.S. Department of Justice's monopoly case against the technology giant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • 170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️

    📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️

    🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍

    แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

    📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398

    จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂

    กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง

    นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย

    💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก…

    ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต

    หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร

    ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น

    👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้

    การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾

    🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล

    ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️

    📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง...
    ✅ เปิดประตูการค้าเสรี
    ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก
    ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว
    ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง
    ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง

    📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง

    😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้

    ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด

    ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่

    ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้

    ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย

    ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”?
    📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ
    📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ
    📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก
    📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น

    📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต

    🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม

    ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า?

    “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง

    ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5

    สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568

    📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
    #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม
    #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย
    #โลกาภิวัตน์กับไทย
    170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️ 📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️ 🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍 แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" 📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂 กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย 💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก… ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น 👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้ การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾 🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️ 📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง... ✅ เปิดประตูการค้าเสรี ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง 📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง 😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้ ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่ ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้ ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”? 📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ 📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ 📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก 📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น 📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต 🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า? “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568 📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย #โลกาภิวัตน์กับไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน

    ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา
    - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล
    - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว

    ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
    - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า
    - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้

    ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
    - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet
    - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด

    ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน
    - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่
    - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ

    ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน
    - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้ ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่ - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Explainer-What does ruling on Google's illegal ad tech monopoly mean?
    SAN FRANCISCO (Reuters) -A U.S. judge's ruling that Google has illegal monopolies in ad technology sets up the possibility of U.S. prosecutors seeking a breakup. Here's what the case involves and what Google owner Alphabet faces from here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย,

    ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด.
    ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ,
    ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย.
    https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย, ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด. ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ, ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย. https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ควบคุมตัว น.ส.กชพร สุวรรณกูฎ โบรกเกอร์ผู้ต้องหาคดีนพ.บุญ วนาสินธ์ ผู้ต้องหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ คดีนี้มีมูลค่าความเสียหาย 16,000 ล้านบาท มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งมีพฤติกรรมชักชวน โดยในผู้ต้องหา 16 คน มีผู้เสียหาย 605 คน ซึ่งคดีนี้จะมีภาค 2 แน่นอน โดยได้พิจารณาผู้เข้าข่ายกระทำความผิดอีกหลายราย ที่สำคัญเราอยากนำผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษให้ได้

    -ปรับแผนกู้ซากตึก สตง.
    -เตือน 23 จว.น้ำท่วมฉับพลัน
    -ส.อ.ท.หนุนเกษตรอัจฉริยะ
    -นำเข้าเพิ่มตอบโต้สหรัฐ
    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ควบคุมตัว น.ส.กชพร สุวรรณกูฎ โบรกเกอร์ผู้ต้องหาคดีนพ.บุญ วนาสินธ์ ผู้ต้องหาร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ คดีนี้มีมูลค่าความเสียหาย 16,000 ล้านบาท มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งมีพฤติกรรมชักชวน โดยในผู้ต้องหา 16 คน มีผู้เสียหาย 605 คน ซึ่งคดีนี้จะมีภาค 2 แน่นอน โดยได้พิจารณาผู้เข้าข่ายกระทำความผิดอีกหลายราย ที่สำคัญเราอยากนำผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษให้ได้ -ปรับแผนกู้ซากตึก สตง. -เตือน 23 จว.น้ำท่วมฉับพลัน -ส.อ.ท.หนุนเกษตรอัจฉริยะ -นำเข้าเพิ่มตอบโต้สหรัฐ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android

    ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android
    - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด

    ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป
    - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google
    - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android

    ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023
    - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้
    - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น
    - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android

    ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ
    - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้

    ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง
    - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้

    https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023 - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้ - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้ ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    WWW.NEOWIN.NET
    Japan hits Google with anti-monopoly accusations over Android phones
    Japan has slapped Google with an antitrust order over Android phones, accusing it of shutting out rivals in the search market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 เมษายน 2568-รายงานข่าวมติชนระบุว่า ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนี้... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนีก่อนที่ ตท.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งต่อมาได้มีประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เรียบร้อยแล้ว กระทั่งต่อมาชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ได้หลบหนีไปยังนครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ประสานไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security) เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจนครกว่างโจวได้รายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 68 ว่าสามารถควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้แล้ว และควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร กลับมายังประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน 68 โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบิน CZ361 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. ก่อนที่จะส่งฟ้องศาลอาญาเมื่อวันที่ 9 เมษายนนั้นล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งสื่อมวลชน เชิญร่วมทำข่าวการจับกุม น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้าย ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ พรุ่งนี้ (16 เมษายน) โดยมีรายละเอียดดังนี้วันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 16 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม แถลงข่าวจับกุม/ได้ตัวโบรกเกอร์ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศรายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.กชพร เป็นโบรกเกอร์คนสุดท้ายในคดีหมอบุญที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไปก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานข่าว น.ส.กชพร ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงถูกตำรวจจับกุมได้ทั้งนี้จึงยังเหลือแค่หมอบุญ ที่ ตร.ยังคงติดตามตัว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5140873#m9ijbu4nnpukcv9im9
    15 เมษายน 2568-รายงานข่าวมติชนระบุว่า ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนี้... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.ด่วน! รวบตัวได้แล้ว ‘กชพร’ โบรกเกอร์คนสุดท้ายคดีหมอบุญ ดีเอสไอ แถลงข่าวพรุ่งนีก่อนที่ ตท.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งต่อมาได้มีประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เรียบร้อยแล้ว กระทั่งต่อมาชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ได้หลบหนีไปยังนครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ประสานไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security) เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจนครกว่างโจวได้รายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 68 ว่าสามารถควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้แล้ว และควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร กลับมายังประเทศไทยในวันที่ 7 เมษายน 68 โดยสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบิน CZ361 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. ก่อนที่จะส่งฟ้องศาลอาญาเมื่อวันที่ 9 เมษายนนั้นล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งสื่อมวลชน เชิญร่วมทำข่าวการจับกุม น.ส.กชพร สุวรรณกูฏ อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้าย ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ พรุ่งนี้ (16 เมษายน) โดยมีรายละเอียดดังนี้วันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 16 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม แถลงข่าวจับกุม/ได้ตัวโบรกเกอร์ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศรายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.กชพร เป็นโบรกเกอร์คนสุดท้ายในคดีหมอบุญที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไปก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานข่าว น.ส.กชพร ได้เข้ามาในประเทศไทย จึงถูกตำรวจจับกุมได้ทั้งนี้จึงยังเหลือแค่หมอบุญ ที่ ตร.ยังคงติดตามตัว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5140873#m9ijbu4nnpukcv9im9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนในวันอาทิตย์(13เม.ย.) จะไม่มีประเทศไหนรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี แม้ระงับความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการชั่วคราว 90 วัน ขณะที่รัฐบาลของเขาบ่งชี้ว่าข้อยกเว้นที่ถูกมองว่าเอื้ออำนวยกับจีน จะมีอายุไม่ยืนยาวนัก

    ตลาดหุ้นโลกหกคะเมนตีลังกามาตั้งแต่ ทรัมป์ ประกาศรีดภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยเบื้องต้นดิ่งลงหนัก ก่อนฟื้นตัวบางส่วนจากกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระงับอัตราสูงสุดเป็นเวลา 90 วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว

    เวลานี้ประเทศต่างๆเกือบทั้งหมดต้องเชผิญกับเพดานภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว ยกเว้น จีน ที่ยกระดับตอบโต้ทางภาษีแบบต่อต่อตาฟันต่อฟัน

    การตอบโต้กันไปมา พบเห็นสหรัฐฯรีดภาษีสินค้านำจากจีนเพิ่มเป็น 145% ส่วนปักกิ่งกำหนดเพดานภาษี 125% กับสินค้านำเข้าจากอเมริกา

    รัฐบาลทรัมป์ บอกว่าพวกเขามีความตั้งใจเจรจาข้อตกลงการค้ากับนานาประเทศ ในนั้นรวมถึงจีน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีรายนี้มีเงื่อนไขใดบ้างสำหรับตอบรับข้อตกลง

    ทรัมป์ พูดมาช้านานว่าตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเป็นผลลัพธ์จากแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีที่เขาเล่นงานชาติต่างๆนั้น รวมไปถึงบรรดาประเทศที่อเมริกาเกินดุลการค้าด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035381

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนในวันอาทิตย์(13เม.ย.) จะไม่มีประเทศไหนรอดพ้นจากมาตรการรีดภาษี แม้ระงับความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการชั่วคราว 90 วัน ขณะที่รัฐบาลของเขาบ่งชี้ว่าข้อยกเว้นที่ถูกมองว่าเอื้ออำนวยกับจีน จะมีอายุไม่ยืนยาวนัก • ตลาดหุ้นโลกหกคะเมนตีลังกามาตั้งแต่ ทรัมป์ ประกาศรีดภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยเบื้องต้นดิ่งลงหนัก ก่อนฟื้นตัวบางส่วนจากกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระงับอัตราสูงสุดเป็นเวลา 90 วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว • เวลานี้ประเทศต่างๆเกือบทั้งหมดต้องเชผิญกับเพดานภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับช่วงเวลาดังกล่าว ยกเว้น จีน ที่ยกระดับตอบโต้ทางภาษีแบบต่อต่อตาฟันต่อฟัน • การตอบโต้กันไปมา พบเห็นสหรัฐฯรีดภาษีสินค้านำจากจีนเพิ่มเป็น 145% ส่วนปักกิ่งกำหนดเพดานภาษี 125% กับสินค้านำเข้าจากอเมริกา • รัฐบาลทรัมป์ บอกว่าพวกเขามีความตั้งใจเจรจาข้อตกลงการค้ากับนานาประเทศ ในนั้นรวมถึงจีน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีรายนี้มีเงื่อนไขใดบ้างสำหรับตอบรับข้อตกลง • ทรัมป์ พูดมาช้านานว่าตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเป็นผลลัพธ์จากแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีที่เขาเล่นงานชาติต่างๆนั้น รวมไปถึงบรรดาประเทศที่อเมริกาเกินดุลการค้าด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035381 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 635 มุมมอง 0 รีวิว
  • Albert Saniger ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของแอป Nate ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอปของเขาใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่แท้จริงแล้วกลับใช้แรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้าในฟิลิปปินส์และโรมาเนีย มาฟังรายละเอียดกันค่ะ:

    Saniger เปิดตัวแอป Nate ในปี 2018 โดยโฆษณาว่าเป็นแอปที่ใช้ AI ในการทำงาน เช่น การกรอกข้อมูลการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า รวมถึงการยืนยันการซื้อ แต่จากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่าแอปนี้พึ่งพาแรงงานมนุษย์เป็นหลักในการดำเนินการซื้อสินค้า ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของ Saniger ที่ว่าแอปนี้ไม่ใช้ "บอทที่โง่เขลา"

    ในปี 2021 Saniger ได้สั่งให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาบอทเพื่อช่วยดำเนินการซื้อสินค้า แต่บอทเหล่านี้ยังคงทำงานร่วมกับทีมมนุษย์ และไม่ได้เป็น AI ที่ทำงานอัตโนมัติอย่างที่โฆษณาไว้

    แอป Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนตั้งแต่เปิดตัว โดยในปี 2021 ระดมทุนได้ถึง 38 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2023 บริษัทถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลังจากหมดเงินทุน ทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด

    ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Albert Saniger
    - Saniger ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอป Nate ใช้ AI แต่แท้จริงแล้วใช้แรงงานมนุษย์

    ✅ การทำงานของแอป Nate
    - แอป Nate โฆษณาว่าใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้า
    - แต่กลับพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้า

    ✅ การระดมทุนของ Nate
    - Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์
    - แต่ต้องขายทรัพย์สินในปี 2023 หลังหมดเงินทุน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของ AI
    - กรณีนี้อาจทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อ้างว่าใช้ AI

    ℹ️ ผลกระทบต่อนักลงทุน
    - นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมดจากการลงทุนใน Nate เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    https://www.techspot.com/news/107510-founder-nate-app-faces-fraud-charge-using-ai.html
    Albert Saniger ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของแอป Nate ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอปของเขาใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่แท้จริงแล้วกลับใช้แรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้าในฟิลิปปินส์และโรมาเนีย มาฟังรายละเอียดกันค่ะ: Saniger เปิดตัวแอป Nate ในปี 2018 โดยโฆษณาว่าเป็นแอปที่ใช้ AI ในการทำงาน เช่น การกรอกข้อมูลการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า รวมถึงการยืนยันการซื้อ แต่จากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่าแอปนี้พึ่งพาแรงงานมนุษย์เป็นหลักในการดำเนินการซื้อสินค้า ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของ Saniger ที่ว่าแอปนี้ไม่ใช้ "บอทที่โง่เขลา" ในปี 2021 Saniger ได้สั่งให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาบอทเพื่อช่วยดำเนินการซื้อสินค้า แต่บอทเหล่านี้ยังคงทำงานร่วมกับทีมมนุษย์ และไม่ได้เป็น AI ที่ทำงานอัตโนมัติอย่างที่โฆษณาไว้ แอป Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนตั้งแต่เปิดตัว โดยในปี 2021 ระดมทุนได้ถึง 38 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2023 บริษัทถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลังจากหมดเงินทุน ทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Albert Saniger - Saniger ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอป Nate ใช้ AI แต่แท้จริงแล้วใช้แรงงานมนุษย์ ✅ การทำงานของแอป Nate - แอป Nate โฆษณาว่าใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้า - แต่กลับพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้า ✅ การระดมทุนของ Nate - Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์ - แต่ต้องขายทรัพย์สินในปี 2023 หลังหมดเงินทุน ℹ️ ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของ AI - กรณีนี้อาจทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อ้างว่าใช้ AI ℹ️ ผลกระทบต่อนักลงทุน - นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมดจากการลงทุนใน Nate เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง https://www.techspot.com/news/107510-founder-nate-app-faces-fraud-charge-using-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Founder of Nate app faces fraud charge for using "AI" that was really human call center workers
    Saniger launched the Nate app in 2018. It promises to act as a universal shopping cart that simplifies online shopping by enabling users to skip the checkout...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้นำเสนอคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ควรรู้ โดยให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ 10 คำที่มีความสำคัญในวงการ AI ได้แก่:

    1) Artificial Intelligence (AI) - ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแปลภาษา และการเรียนรู้จากประสบการณ์

    2)Machine Learning - กระบวนการที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลและพัฒนาตัวเอง

    3) Large Language Models (LLMs) - โมเดลภาษาใหญ่ที่ใช้การเรียนรู้ของเครื่องช่วยให้สื่อสารเหมือนมนุษย์

    4) Generative AI - AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ เช่น ภาพ เพลง หรือเนื้อหา

    5) Hallucinations - การที่ AI ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริง

    6) Responsible AI - หลักการในการพัฒนา AI ให้มีความปลอดภัยและยุติธรรม

    7) Multimodal Models - โมเดลที่ทำงานกับข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น ข้อความและภาพ

    8) Prompts - คำแนะนำหรือคำสั่งที่ใช้บอก AI ให้ทำงาน

    9) Copilots - ระบบช่วยเหลือส่วนตัวที่ใช้งานในโปรแกรมดิจิทัลต่าง ๆ

    10) Plugins - ส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับระบบ AI

    บทความยังเน้นถึงความสำคัญของการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft!

    https://news.microsoft.com/10-ai-terms/?OCID=lock-con2&msclkid=68c92cae3153103dcf824b5986a814df
    บทความนี้นำเสนอคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ควรรู้ โดยให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ 10 คำที่มีความสำคัญในวงการ AI ได้แก่: 1) Artificial Intelligence (AI) - ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแปลภาษา และการเรียนรู้จากประสบการณ์ 2)Machine Learning - กระบวนการที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลและพัฒนาตัวเอง 3) Large Language Models (LLMs) - โมเดลภาษาใหญ่ที่ใช้การเรียนรู้ของเครื่องช่วยให้สื่อสารเหมือนมนุษย์ 4) Generative AI - AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ เช่น ภาพ เพลง หรือเนื้อหา 5) Hallucinations - การที่ AI ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความจริง 6) Responsible AI - หลักการในการพัฒนา AI ให้มีความปลอดภัยและยุติธรรม 7) Multimodal Models - โมเดลที่ทำงานกับข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น ข้อความและภาพ 8) Prompts - คำแนะนำหรือคำสั่งที่ใช้บอก AI ให้ทำงาน 9) Copilots - ระบบช่วยเหลือส่วนตัวที่ใช้งานในโปรแกรมดิจิทัลต่าง ๆ 10) Plugins - ส่วนเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับระบบ AI บทความยังเน้นถึงความสำคัญของการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft! https://news.microsoft.com/10-ai-terms/?OCID=lock-con2&msclkid=68c92cae3153103dcf824b5986a814df
    NEWS.MICROSOFT.COM
    10 AI terms everyone should know
    We help break down some AI buzzwords so you can better understand artificial intelligence and be part of the global conversation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสั่งกกต. ชี้แจงใน 3 ประเด็นที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมเหตุรีบให้การรับรอง “มาดามหน่อย” นางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครจากเพื่อไทย นั่งนายก อบจ.โคราชทั้งที่กระบวนการสอบสวนยังไม่มีบทสรุป ขีดเส้นส่งคำชี้แจงมาที่ศาลภายในวันที่ 8 พ.ค.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000034770

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลสั่งกกต. ชี้แจงใน 3 ประเด็นที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมเหตุรีบให้การรับรอง “มาดามหน่อย” นางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครจากเพื่อไทย นั่งนายก อบจ.โคราชทั้งที่กระบวนการสอบสวนยังไม่มีบทสรุป ขีดเส้นส่งคำชี้แจงมาที่ศาลภายในวันที่ 8 พ.ค.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000034770 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 635 มุมมอง 0 รีวิว
  • สารจากจีนถึงสหรัฐฯ: "เราไม่เคยต้องการคุณ ไม่เคยเลย"

    ประธานาธิบดีสีของจีนเพิ่งออกมาพูดเกี่ยวกับความวุ่นวายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าปักกิ่งไม่เคยต้องเข้าไปขอร้องสหรัฐ และแน่นอนว่าพร้อมจะตอบโต้อย่างไม่กระพริบตา

    “เป็นเวลา 70 กว่าปีแล้วที่การพัฒนาของจีนอาศัยเพียงการพึ่งพาตนเองและการทำงานหนัก ไม่เคยต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากผู้อื่น และไม่เคยกลัวการกระทำที่ไม่ยุติธรรม”

    ไม่ว่าเงื่อนไขปัจจัยภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนยังคงมีความมุ่งมั่น และมุ่งเน้นการบริหารจัดการกิจการของตนเองได้เป็นอย่างดี

    ประธานาธิบดีสี ยังเน้นย้ำเรื่องสงครามการค้า แม้ไม่อาจเอาชนะได้ แต่ขอให้เข้าใจกันอย่างชัดเจนว่า "จีนจะไม่มีวันยอมแพ้" แม้ว่าสงครามจะร้อนแรงเพียงใดก็ตาม

    ที่มา: CNN
    สารจากจีนถึงสหรัฐฯ: "เราไม่เคยต้องการคุณ ไม่เคยเลย" ประธานาธิบดีสีของจีนเพิ่งออกมาพูดเกี่ยวกับความวุ่นวายของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าปักกิ่งไม่เคยต้องเข้าไปขอร้องสหรัฐ และแน่นอนว่าพร้อมจะตอบโต้อย่างไม่กระพริบตา “เป็นเวลา 70 กว่าปีแล้วที่การพัฒนาของจีนอาศัยเพียงการพึ่งพาตนเองและการทำงานหนัก ไม่เคยต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากผู้อื่น และไม่เคยกลัวการกระทำที่ไม่ยุติธรรม” ไม่ว่าเงื่อนไขปัจจัยภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนยังคงมีความมุ่งมั่น และมุ่งเน้นการบริหารจัดการกิจการของตนเองได้เป็นอย่างดี ประธานาธิบดีสี ยังเน้นย้ำเรื่องสงครามการค้า แม้ไม่อาจเอาชนะได้ แต่ขอให้เข้าใจกันอย่างชัดเจนว่า "จีนจะไม่มีวันยอมแพ้" แม้ว่าสงครามจะร้อนแรงเพียงใดก็ตาม ที่มา: CNN
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11-04-68/01 : หมี CNN / ลงจากหลังหมา ก็ยิ่งหมากว่าเดิมสิจ๊ะ? ทำไมมันจะไม่รู้ตัว โดนเป็นแพะรับบาป หนีคุก หนีคดี หนีนักล่าทั่วโลก ใครมันจะยอมปล่อยเก้าอี้กันล่ะ? อีกไม่นาน เยรูซาเล็มก็สิ้นแล้ว เขาเชิญให้มรึงออกไปให้พ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ยิ่งสู้ ยิ่งตายห่า ยิ่งห้าวเป้ง ยิ่งฉิบหายหนักกว่าเดิม บรรดาชาติมหาอำนาจ(เก่า) ทั้งสหรัฐ และชาตินาโต้ เสียหมาหนัก โดนเยเมนถล่มกลับอย่างหมา ไม่มีปัญญาจะหยุดใครได้อีกแล้ว มรึงมันตกยุคไปแล้ว ยังเสือก EGO แรงไม่เลิก อาวุธที่เคยภาคภูมิใจเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนี้ แค่ "ขี้หมา ของเด็กเล่น" นวตกรรมใหม่ไม่มี เงินทุนไม่พอ กำลังสำรองไม่เหลือ คลังแสงเกลี้ยง มิน่า รัสเซีย จีน แทบไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย แค่รอมรึงตายไปเอง ช่วงสูญญากาศ ยิ่งทำให้ศัตรูของยิวเหี้ยไซออนนิสต์แข็งแกร่งขึ้นมาก เติมอาวุธกันอย่างเมามันส์ ผลิตจัดส่งแบบทุกสัปดาห์ ผลิตแบบ NON STOP 24 ชม. ทั้งมอสโคว์ เปียงยาง เตหะราน มรึงยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่? ยื้อคือสิ้นชาติ หากตื่นตัว ยอมแพ้ตอนนี้ ยังพอมีเหลือบ้าง เพราะขั้วใหม่เค้าจะดูดมรึงไปจนกว่าจะสิ้นแผ่นดิน ใครโง่กันแน่? ใครมองดูก็รู้ สุดท้ายเยรูซาเล็มก็ต้องแตก โยกย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ เหมือนที่เคยทำมานับ 1000 ปี แนวร่วมไม่เหลือ ย้ายขั้วกันหมดแล้ว เอาตัวรอด ก็โยนบาปให้อีเนรคุณทันยา ฟอกตัวใหม่สิน่ะ แต่โลกไม่ให้อภัยมรึงไปนานแล้ว เค้าจะล่อมรึงจนกว่าจะตายห่าสิ้นโลก หนีไปอเมริกาเหนือซะ ที่ที่มรึงควรจะอยู่ ดินแดนต้องคำสาป เฉพาะเหี้ยเท่านั้นที่อยู่ได้ ไม่ว่ามรึงจะเปลี่ยนผู้นำไปอีกซัก 100 ตัว นโยบายเหี้ยระยำสลัดหมาก็ไม่เคยเปลี่ยน เค้าไม่ขี่ช้างไล่จับตั๊กกะแตนอย่างมรึงดอก ล้างบาง ล้างโคตรเท่านั้น ถึงจะเกิดสันติสุขได้จริง ยิวไม่ตาย โลกไม่มีวันสงบสุข สโลแกนที่ทั้งโลกมอบให้มรึงไงล่ะ? การหยุดยิง ทำให้อียิวประเมินสถานการณ์ใหม่ ฝ่ายต่อต้านเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเยอะ จากนี้ มรึงจะบุกเหี้ยอะไรได้อีก มีแต่โดนเค้าถล่มกลับยับ เพราะฮามาสเข้าถึงทุกพื้นที่ได้หมดแล้ว ด้วยอุโมงค์ลับนินจากฮาโตริ โผล่ได้ทุกจุด ไปได้ทุกที่ สมกับที่อดทนรอ ขุดแม่งมากว่า 20 ปี ความตั้งใจ และมุ่งมั่นของชาวปาเลสไตน์ ทำให้อียิวต้องกลายเป็นหมาในวันนี้ จะกฎหมายอะไรก็เท่านั้น ในเมื่อผู้บังคับใช้กฎหมายเป็นได้แค่ขี้ข้ารองตรีนอีเยรูซาเล็ม ดังนั้น ชาวโลก โลกอาหรับจึงมีแค่มติเดียว คือขับไล่เหี้ยออกไปให้พ้น อย่าให้มีเหลือแม้แต่ตัวเดียว ถูกย่างสดแน่มรึง! ทุกวันนี้ ยังยิงกันอยู่ไม่สิ้นสุด แค่ข่าวไม่ออก เพราะผู้คนเบื่อหน่าย มรึงจะรบต่อเพื่อ? แพ้ยับซะขนาดนั้น เอาที่มรึงสบายใจ เพราะสุดท้ายแล้ว อาจจะไม่มี ไอ้อียิวหน้าไหนได้ออกไปจากแผ่นดินคานาอันอีกตลอดกาลเลยก็ได้ ตายห่ากันให้หมด ไอ้ที่อพยผหนีไปนับ 10 ล้านตัวก่อนหน้า กระจายไปตามยุโรป อาเซียน อเมริกาเหนือ หมดแล้ว แต่อย่าคิดว่ารอด ที่ไหนมีชุมชนยิว ที่นั่นมีเฮซบอเลาะห์ตามไปเยี่ยมเยียนเสมอ เพราะมอสสาด คือขนมกรุบ(ของกินเล่น)ของนักล่าอาหรับตอนนี้ไงล่ะ?

    Israel’s Netanyahu crossed all limits to stay in power: Gantz เบนนี่ แกนซ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahu เนทันยาฮู ทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : เบนนี่ แกนซ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahu เนทันยาฮู ทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ

    ผู้นำฝ่ายค้านเบนนี่ แกนซ์โจมตีนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่า เขาทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ

    จากการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Yedioth Aharonoth ประธานพรรค National Unity ระบุว่า นายเนทันยาฮู “สละทุกข้อจำกัดที่เป็นไปได้”

    เขากล่าว่า นายเนทันยาฮู“ทำทุกอย่างเพื่อให้ยังอยู่ในรัฐบาล”

    อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า การกระทำของนาย Netanyahu เนทันยาฮุจะไม่ช่วยให้เขาอยู่รอดทางการเมือง

    คณะรัฐมนตรีอิสราเอลลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ไล่นายโรเนน บาร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวน ชิน เบต ที่อ้างถึงความผิดพลาดของสำนักงานที่คาดการณ์การโจมตีของกลุ่ม Al-Aqsa ในปี 2023 แต่ศาลสูงสุดชะลอการตัดสินคดีจนถึงวันที่ 8 เมษายน

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามจดหมายถึง “ศาลยุติธรรมสูงสุด” นายบาร์ระบุว่า นายเนทันยาฮูเรียกร้องว่า เขาออกความเห็นที่อ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการให้การกับศาลอย่างต่อเนื่องกับการสืบสวนคดีทุจริตซึ่งเป็นคำร้องที่นายบาร์ยื่น

    เขาเตือนถึงความเป็นไปได้ว่า ชิน เบตจะกลายเป็นตำรวจสายลับที่ระบุว่า การเพิกเฉยส่ง “ข้อความที่ชัดเจนต่อคำสั่งทั้งหมดของชิน เบต รวมถึงผู้นำคนต่อไปว่า หากพวกเขาเสียประโยชน์ในกลุ่มผู้มีตำแหน่งทางการเมือง การถอดถอนจะต้องได้รับการหารือในที่ประชุมทันที”

    ชาวอิสราเอลประท้วงทุกสัปดาห์ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซ่าอีกครั้ง ผู้ประท้วงหลายคนเรียกร้องถึงข้อตกลงหยุดยิงเพื่อให้ยังมีการปล่อยตัวประกันที่ยังอยู่

    การกลับมาปฏิบัติการโจมตีเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะมีการพิจารณาคดีทุจริตของนายเนทันยาฮูที่เขาต้องเข้าแสดงหลักฐาน

    อิสราเอลถูกบังคับให้ตกลงในข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสจากความผิดพลาดของประเทศที่ไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของการทำสงครามรวมถึง “การกวาดล้าง” กลุ่มฮามาสหรือการปล่อยตัวประกัน

    ข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 42 วันที่เกิดความเสียหายจากการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอลหมดอายุเมื่อวันที่ 1 มีนาคม

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/04/07/745730/Gantz-Israel-Netanyahu-crossed-all-limits-

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    11-04-68/01 : หมี CNN / ลงจากหลังหมา ก็ยิ่งหมากว่าเดิมสิจ๊ะ? ทำไมมันจะไม่รู้ตัว โดนเป็นแพะรับบาป หนีคุก หนีคดี หนีนักล่าทั่วโลก ใครมันจะยอมปล่อยเก้าอี้กันล่ะ? อีกไม่นาน เยรูซาเล็มก็สิ้นแล้ว เขาเชิญให้มรึงออกไปให้พ้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ยิ่งสู้ ยิ่งตายห่า ยิ่งห้าวเป้ง ยิ่งฉิบหายหนักกว่าเดิม บรรดาชาติมหาอำนาจ(เก่า) ทั้งสหรัฐ และชาตินาโต้ เสียหมาหนัก โดนเยเมนถล่มกลับอย่างหมา ไม่มีปัญญาจะหยุดใครได้อีกแล้ว มรึงมันตกยุคไปแล้ว ยังเสือก EGO แรงไม่เลิก อาวุธที่เคยภาคภูมิใจเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนี้ แค่ "ขี้หมา ของเด็กเล่น" นวตกรรมใหม่ไม่มี เงินทุนไม่พอ กำลังสำรองไม่เหลือ คลังแสงเกลี้ยง มิน่า รัสเซีย จีน แทบไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย แค่รอมรึงตายไปเอง ช่วงสูญญากาศ ยิ่งทำให้ศัตรูของยิวเหี้ยไซออนนิสต์แข็งแกร่งขึ้นมาก เติมอาวุธกันอย่างเมามันส์ ผลิตจัดส่งแบบทุกสัปดาห์ ผลิตแบบ NON STOP 24 ชม. ทั้งมอสโคว์ เปียงยาง เตหะราน มรึงยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่? ยื้อคือสิ้นชาติ หากตื่นตัว ยอมแพ้ตอนนี้ ยังพอมีเหลือบ้าง เพราะขั้วใหม่เค้าจะดูดมรึงไปจนกว่าจะสิ้นแผ่นดิน ใครโง่กันแน่? ใครมองดูก็รู้ สุดท้ายเยรูซาเล็มก็ต้องแตก โยกย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ เหมือนที่เคยทำมานับ 1000 ปี แนวร่วมไม่เหลือ ย้ายขั้วกันหมดแล้ว เอาตัวรอด ก็โยนบาปให้อีเนรคุณทันยา ฟอกตัวใหม่สิน่ะ แต่โลกไม่ให้อภัยมรึงไปนานแล้ว เค้าจะล่อมรึงจนกว่าจะตายห่าสิ้นโลก หนีไปอเมริกาเหนือซะ ที่ที่มรึงควรจะอยู่ ดินแดนต้องคำสาป เฉพาะเหี้ยเท่านั้นที่อยู่ได้ ไม่ว่ามรึงจะเปลี่ยนผู้นำไปอีกซัก 100 ตัว นโยบายเหี้ยระยำสลัดหมาก็ไม่เคยเปลี่ยน เค้าไม่ขี่ช้างไล่จับตั๊กกะแตนอย่างมรึงดอก ล้างบาง ล้างโคตรเท่านั้น ถึงจะเกิดสันติสุขได้จริง ยิวไม่ตาย โลกไม่มีวันสงบสุข สโลแกนที่ทั้งโลกมอบให้มรึงไงล่ะ? การหยุดยิง ทำให้อียิวประเมินสถานการณ์ใหม่ ฝ่ายต่อต้านเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเยอะ จากนี้ มรึงจะบุกเหี้ยอะไรได้อีก มีแต่โดนเค้าถล่มกลับยับ เพราะฮามาสเข้าถึงทุกพื้นที่ได้หมดแล้ว ด้วยอุโมงค์ลับนินจากฮาโตริ โผล่ได้ทุกจุด ไปได้ทุกที่ สมกับที่อดทนรอ ขุดแม่งมากว่า 20 ปี ความตั้งใจ และมุ่งมั่นของชาวปาเลสไตน์ ทำให้อียิวต้องกลายเป็นหมาในวันนี้ จะกฎหมายอะไรก็เท่านั้น ในเมื่อผู้บังคับใช้กฎหมายเป็นได้แค่ขี้ข้ารองตรีนอีเยรูซาเล็ม ดังนั้น ชาวโลก โลกอาหรับจึงมีแค่มติเดียว คือขับไล่เหี้ยออกไปให้พ้น อย่าให้มีเหลือแม้แต่ตัวเดียว ถูกย่างสดแน่มรึง! ทุกวันนี้ ยังยิงกันอยู่ไม่สิ้นสุด แค่ข่าวไม่ออก เพราะผู้คนเบื่อหน่าย มรึงจะรบต่อเพื่อ? แพ้ยับซะขนาดนั้น เอาที่มรึงสบายใจ เพราะสุดท้ายแล้ว อาจจะไม่มี ไอ้อียิวหน้าไหนได้ออกไปจากแผ่นดินคานาอันอีกตลอดกาลเลยก็ได้ ตายห่ากันให้หมด ไอ้ที่อพยผหนีไปนับ 10 ล้านตัวก่อนหน้า กระจายไปตามยุโรป อาเซียน อเมริกาเหนือ หมดแล้ว แต่อย่าคิดว่ารอด ที่ไหนมีชุมชนยิว ที่นั่นมีเฮซบอเลาะห์ตามไปเยี่ยมเยียนเสมอ เพราะมอสสาด คือขนมกรุบ(ของกินเล่น)ของนักล่าอาหรับตอนนี้ไงล่ะ? Israel’s Netanyahu crossed all limits to stay in power: Gantz เบนนี่ แกนซ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahu เนทันยาฮู ทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : เบนนี่ แกนซ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahu เนทันยาฮู ทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ ผู้นำฝ่ายค้านเบนนี่ แกนซ์โจมตีนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูว่า เขาทำทุกทางเพื่อให้ยังมีอำนาจ จากการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Yedioth Aharonoth ประธานพรรค National Unity ระบุว่า นายเนทันยาฮู “สละทุกข้อจำกัดที่เป็นไปได้” เขากล่าว่า นายเนทันยาฮู“ทำทุกอย่างเพื่อให้ยังอยู่ในรัฐบาล” อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า การกระทำของนาย Netanyahu เนทันยาฮุจะไม่ช่วยให้เขาอยู่รอดทางการเมือง คณะรัฐมนตรีอิสราเอลลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ไล่นายโรเนน บาร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวน ชิน เบต ที่อ้างถึงความผิดพลาดของสำนักงานที่คาดการณ์การโจมตีของกลุ่ม Al-Aqsa ในปี 2023 แต่ศาลสูงสุดชะลอการตัดสินคดีจนถึงวันที่ 8 เมษายน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามจดหมายถึง “ศาลยุติธรรมสูงสุด” นายบาร์ระบุว่า นายเนทันยาฮูเรียกร้องว่า เขาออกความเห็นที่อ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงการให้การกับศาลอย่างต่อเนื่องกับการสืบสวนคดีทุจริตซึ่งเป็นคำร้องที่นายบาร์ยื่น เขาเตือนถึงความเป็นไปได้ว่า ชิน เบตจะกลายเป็นตำรวจสายลับที่ระบุว่า การเพิกเฉยส่ง “ข้อความที่ชัดเจนต่อคำสั่งทั้งหมดของชิน เบต รวมถึงผู้นำคนต่อไปว่า หากพวกเขาเสียประโยชน์ในกลุ่มผู้มีตำแหน่งทางการเมือง การถอดถอนจะต้องได้รับการหารือในที่ประชุมทันที” ชาวอิสราเอลประท้วงทุกสัปดาห์ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซ่าอีกครั้ง ผู้ประท้วงหลายคนเรียกร้องถึงข้อตกลงหยุดยิงเพื่อให้ยังมีการปล่อยตัวประกันที่ยังอยู่ การกลับมาปฏิบัติการโจมตีเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะมีการพิจารณาคดีทุจริตของนายเนทันยาฮูที่เขาต้องเข้าแสดงหลักฐาน อิสราเอลถูกบังคับให้ตกลงในข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสจากความผิดพลาดของประเทศที่ไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของการทำสงครามรวมถึง “การกวาดล้าง” กลุ่มฮามาสหรือการปล่อยตัวประกัน ข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 42 วันที่เกิดความเสียหายจากการโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอลหมดอายุเมื่อวันที่ 1 มีนาคม https://www.presstv.ir/Detail/2025/04/07/745730/Gantz-Israel-Netanyahu-crossed-all-limits- ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Israel’s Netanyahu crossed all limits to stay in power: Gantz
    Israeli opposition leader Benny Gantz has slammed prime minister Benjamin Netanyahu, saying he crossed all limits to remain in power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปชช.ทวงความยุติธรรม 53 จัดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง 10 เมษา “ธิดา” ยันคนเสื้อแดงต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ใช่เพื่อใคร ซัดเพื่อไทยยังไม่เข้าใจสังคมไทยดีพอ ลั่นไม่ร่วมขบวนการหมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ร่วมมือกลุ่มจารีตอำนาจนิยมต่ออำนาจวงจรอุบาทว์ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้ม หยุดกระบวนการชั่วช้าสามานย์ ไม่ให้ทำร้านคนเจนต่อไป พร้อมเดินหน้าแก้กม.กองทัพ สกัดปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่า ปชช.-ต้องขึ้นศาลพลเรือน

    วันนี้(10 เม.ย. 68) คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม “15 ปี รำลึก เมษา-พฤษภาคม 53” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นต้น เข้าร่วม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000034401

    #MGROnline #รำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง
    ปชช.ทวงความยุติธรรม 53 จัดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง 10 เมษา “ธิดา” ยันคนเสื้อแดงต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ใช่เพื่อใคร ซัดเพื่อไทยยังไม่เข้าใจสังคมไทยดีพอ ลั่นไม่ร่วมขบวนการหมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ร่วมมือกลุ่มจารีตอำนาจนิยมต่ออำนาจวงจรอุบาทว์ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้ม หยุดกระบวนการชั่วช้าสามานย์ ไม่ให้ทำร้านคนเจนต่อไป พร้อมเดินหน้าแก้กม.กองทัพ สกัดปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่า ปชช.-ต้องขึ้นศาลพลเรือน • วันนี้(10 เม.ย. 68) คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม “15 ปี รำลึก เมษา-พฤษภาคม 53” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นต้น เข้าร่วม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000034401 • #MGROnline #รำลึกเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..ไม่ใช่เลื่อน ต้องฉีกทิ้งทั้งหมด,จับบ่อนเถื่อน หวยใต้ดิน หวยเกินราคาของคนเดินขายหวยที่ลงทะเบียนเปิดเผยชัดเจนก่อนเถอะ,และยาบ้าที่คนขายคนผลิตใครโรงงานไหนผลิตออกมาขายยาบ้าจับมาลงทะเบียนให้ได้ก่อนเถอะ,เจ้าหน้าที่พื้นที่ทั้งหมดตลอดคนข้าราชการรู้กันหมดล่ะ,
    ..การเด็ดขาดกับคนต้นเหตุของปัญหา เรรไม่เด็ดขาดเลย ไม่เปิดโปง ปกปิดให้ด้วย แฉก็ไม่แฉชี้ชัดก็ด้วย,จับเพียงพวกสมุน.
    ..ง่ายมากจะจัดการพวกเถื่อนๆบนแผ่นดินไทย สิ่งแรกคือผลักดันคนที่ไม่ใช่คนไทยออกไปทั้งหมดทุกๆกรณี ใครมีไว้ให้อาศัยหรือใช้แรงงานถือว่ามีความผิด,ชุมชนสังคมนั้นๆจะการข่าวดีเยี่ยมหมด,ต่างชาติต่าวด้าวที่ไม่ใช่คนไทยออกไปหมด จะเหลือคนไทยล้วนๆยิ่งระมัดระวังภัยที่ผิดปกติมันง่ายแสนง่ายเลยล่ะ,ตรวจสอบสืบสวนติดตามจับกุมการกระทำไม่ดีก็แยกแยะชัดเจนรวดเร็วมาลงโทษได้ทันกาล,ไร้มือปั่นป่วนที่สร้างความผิดปกติมากมายลงได้หลายมิติของชุมชนสังคมไทยเราทันที เจ้าหน้าที่เราก็ไม่เหนื่อย กลับบ้านใครมันสร้างสุขในครอบครัวตามปกติ,นี้อะไรมั่วไปหมดเลอะเทอะไปหมด,ปกครองให้คนไทยยากจน ดิ้นรนจนบ้าคลั่ง ยากจนคือตังใช้จ่ายในชีวิตมีปัญหา ที่ระบบรัฐมุ่งใช้ระบบตังแลกเปลี่ยนกันและควบคุมกลไกสังคมด้วยตังด้วย,กฎหมายต่างๆก็ออกมาเพื่อแย่งชิงตังจากประชาชน เสียค่าปรับนั้นนี้ตรึม ขึ้นศาลก็เสียตัง สร้างแค่ความยุติธรรมยังคือภาระคนเรียกร้องหาความเป็นธรรมเสียตังใช้ตังนั่นล่ะ
    ..ปรับใบขับขี่ปรับขนส่งสมัยก่อนๆตรึม ประชาชนมีหน้าที่เสียค่าปรับตามกฎหมาย นี้ไง กฎหมายที่ดูดตังประชาชน ระบบใช้ตัง .ลองไม่เสียตังดูสิจะลดภาระประชาชนมากแค่ไหน,เอาตังไปเลี้ยงครอบครัวเขาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากมายแค่ไหน,ภาษีต่างๆอีก,สาระพัดกฎหมายมากสาระพัดมุกดูดตังประชาชน,พอประชาชนจะมีชีวิตดีหน่อยกลับไปบริหารปกครองเป็นไปเพื่ออย่างดีมีสุขแก่ประชาชน บ่อน้ำมันอีกล่ะคือตัวอย่างที่ดี,เสือกรัฐบาลในอดีตยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันให้เจ้าอื่น,ปกติรัฐบาลต้องแสดงสมองปัญญาความสามารถทำกิจการน้ำมันเองได้,แม้หมดอายุสัมปทานก็ไร้ปัญญาความสามารถคิดสมองหมาปัญญาควายสรรพสัตว์ไร้สมองไม่ตั้งใจก่อการทำเองเพื่อประชาชนคนไทยต้นทุนพลังงานน้ำมันราคาลดลง,ทำเองกลั่นเองขายเองลดต้นทุนค่าครองชีพประชาชนมันขาดทุนชาติเสียจะล้มสะลายตรงไหน,น้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านคนไทยต้นทุนต่ำทันทีภายในชาติไทย ขนส่งขนส่งสินค้าไม่แพง ราคาสินค้าทั่วไทยจะลดลงทันที ทุกๆอย่างจะไม่แพง การพึ่งพาตนเองจะสูงสุดในคนไทยเรา,ส่งขายในตลาดราคาโลกจะไร้ปัญญาคิดอ่านไม่ได้เหรอ,เรามีผู้ปกครองที่กากขี้ขลาดไม่กล้าหาญเผชิญหน้าอะไรกับชาติมหาอำนาจหรือต่างชาติเลยเป็นบ๋อยสถุนมากในอดีตเรื่อยมา.
    ..ทหารประชาชนสมควรยึดอำนาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริง,มีแต่ทหารฝ่ายการเมืองยึดอำนาจมากว่า10ครั้งชาติมีแต่จะพังพินาศขายชาติขายที่ดินไร่ละ40ล้านบาทพะนะแก่ต่างชาติ เช่าที่ดินได้99ปีอีก,ฉีกรัฐธรรมนูญโคตรเก่งสามารถและเหี้ยกับประชาชน,ฉีกกฎหมายปล้นชาติไทยปล้นชิงธิปไตยไทยเสือกไม่ฉีก อาทิฉีกกฎหมายสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ฉีกmouทั้งลับๆแบะแจ้งที่ทรยศแผ่นดินเป็นทาสถูกเขาต่างชาติเอาเปรียบทิ้งไปและโมฆะทั้งหมด,เราจะได้คืนวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยคืนมา100%ทันที.

    ..ระบบปกครองไทยสไตล์ไทยเราเขียนเองสร้างกันเองได้ เหี้ยไปใช้ระบบปกครองคณะกบฎ2475ส่งออกสุมหัวกับฝรั่งทำไม.,เมื่อพิจารณาแล้วว่าสมบูรณญาสิทธิราชย์ไม่ดีและของคณะกบฎ2475สอบตกไม่ผ่านสู่ยุคสมัยล้ำๆก็สร้างระบบใหม่เองเลย
    ..คือระบบจักรวาลที่สากลใช้ปกครองทั่วจักรวาลเป็นส่วนใหญ่ของทางสายกลาง มิติสูงๆก็ยอมรับ คนเลวชั่วคนสัตว์นรกรับไม่ได้เป็นปกติแน่นอนคือ #ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะฝ่ายดีเป็นเครื่องครองใจในสัมมาชีวิตชอบของทุกๆคนไทยก็ว่า.,ภัยใดๆจะละเว้นซึ่งกระทำไม่ดีต่อกันและกันทันที,เจริญทัังกายวัตถุธาตุและเจริญทั้งทางจิตวิญญาณจะเติบโตเบ่งบานในชนเผ่าไทยเราทุกๆคนแน่นอน.สงครามใดๆเราจะชนะสิ้น,มิตรดีสหายดีทั่วมหาจักรวาลเอายานบินมาช่วยรบตรึมล่ะ.
    ..นายกฯพระราชทานภาคมหาชนน่าจะเหมาะสมที่สุด.
    ..
    #นายกฯพระราชทาน
    ..
    https://m.youtube.com/watch?v=B_IzmPwSQ9I&pp=0gcJCX4JAYcqIYzv
    ..ไม่ใช่เลื่อน ต้องฉีกทิ้งทั้งหมด,จับบ่อนเถื่อน หวยใต้ดิน หวยเกินราคาของคนเดินขายหวยที่ลงทะเบียนเปิดเผยชัดเจนก่อนเถอะ,และยาบ้าที่คนขายคนผลิตใครโรงงานไหนผลิตออกมาขายยาบ้าจับมาลงทะเบียนให้ได้ก่อนเถอะ,เจ้าหน้าที่พื้นที่ทั้งหมดตลอดคนข้าราชการรู้กันหมดล่ะ, ..การเด็ดขาดกับคนต้นเหตุของปัญหา เรรไม่เด็ดขาดเลย ไม่เปิดโปง ปกปิดให้ด้วย แฉก็ไม่แฉชี้ชัดก็ด้วย,จับเพียงพวกสมุน. ..ง่ายมากจะจัดการพวกเถื่อนๆบนแผ่นดินไทย สิ่งแรกคือผลักดันคนที่ไม่ใช่คนไทยออกไปทั้งหมดทุกๆกรณี ใครมีไว้ให้อาศัยหรือใช้แรงงานถือว่ามีความผิด,ชุมชนสังคมนั้นๆจะการข่าวดีเยี่ยมหมด,ต่างชาติต่าวด้าวที่ไม่ใช่คนไทยออกไปหมด จะเหลือคนไทยล้วนๆยิ่งระมัดระวังภัยที่ผิดปกติมันง่ายแสนง่ายเลยล่ะ,ตรวจสอบสืบสวนติดตามจับกุมการกระทำไม่ดีก็แยกแยะชัดเจนรวดเร็วมาลงโทษได้ทันกาล,ไร้มือปั่นป่วนที่สร้างความผิดปกติมากมายลงได้หลายมิติของชุมชนสังคมไทยเราทันที เจ้าหน้าที่เราก็ไม่เหนื่อย กลับบ้านใครมันสร้างสุขในครอบครัวตามปกติ,นี้อะไรมั่วไปหมดเลอะเทอะไปหมด,ปกครองให้คนไทยยากจน ดิ้นรนจนบ้าคลั่ง ยากจนคือตังใช้จ่ายในชีวิตมีปัญหา ที่ระบบรัฐมุ่งใช้ระบบตังแลกเปลี่ยนกันและควบคุมกลไกสังคมด้วยตังด้วย,กฎหมายต่างๆก็ออกมาเพื่อแย่งชิงตังจากประชาชน เสียค่าปรับนั้นนี้ตรึม ขึ้นศาลก็เสียตัง สร้างแค่ความยุติธรรมยังคือภาระคนเรียกร้องหาความเป็นธรรมเสียตังใช้ตังนั่นล่ะ ..ปรับใบขับขี่ปรับขนส่งสมัยก่อนๆตรึม ประชาชนมีหน้าที่เสียค่าปรับตามกฎหมาย นี้ไง กฎหมายที่ดูดตังประชาชน ระบบใช้ตัง .ลองไม่เสียตังดูสิจะลดภาระประชาชนมากแค่ไหน,เอาตังไปเลี้ยงครอบครัวเขาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากมายแค่ไหน,ภาษีต่างๆอีก,สาระพัดกฎหมายมากสาระพัดมุกดูดตังประชาชน,พอประชาชนจะมีชีวิตดีหน่อยกลับไปบริหารปกครองเป็นไปเพื่ออย่างดีมีสุขแก่ประชาชน บ่อน้ำมันอีกล่ะคือตัวอย่างที่ดี,เสือกรัฐบาลในอดีตยกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันให้เจ้าอื่น,ปกติรัฐบาลต้องแสดงสมองปัญญาความสามารถทำกิจการน้ำมันเองได้,แม้หมดอายุสัมปทานก็ไร้ปัญญาความสามารถคิดสมองหมาปัญญาควายสรรพสัตว์ไร้สมองไม่ตั้งใจก่อการทำเองเพื่อประชาชนคนไทยต้นทุนพลังงานน้ำมันราคาลดลง,ทำเองกลั่นเองขายเองลดต้นทุนค่าครองชีพประชาชนมันขาดทุนชาติเสียจะล้มสะลายตรงไหน,น้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านคนไทยต้นทุนต่ำทันทีภายในชาติไทย ขนส่งขนส่งสินค้าไม่แพง ราคาสินค้าทั่วไทยจะลดลงทันที ทุกๆอย่างจะไม่แพง การพึ่งพาตนเองจะสูงสุดในคนไทยเรา,ส่งขายในตลาดราคาโลกจะไร้ปัญญาคิดอ่านไม่ได้เหรอ,เรามีผู้ปกครองที่กากขี้ขลาดไม่กล้าหาญเผชิญหน้าอะไรกับชาติมหาอำนาจหรือต่างชาติเลยเป็นบ๋อยสถุนมากในอดีตเรื่อยมา. ..ทหารประชาชนสมควรยึดอำนาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริง,มีแต่ทหารฝ่ายการเมืองยึดอำนาจมากว่า10ครั้งชาติมีแต่จะพังพินาศขายชาติขายที่ดินไร่ละ40ล้านบาทพะนะแก่ต่างชาติ เช่าที่ดินได้99ปีอีก,ฉีกรัฐธรรมนูญโคตรเก่งสามารถและเหี้ยกับประชาชน,ฉีกกฎหมายปล้นชาติไทยปล้นชิงธิปไตยไทยเสือกไม่ฉีก อาทิฉีกกฎหมายสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ฉีกmouทั้งลับๆแบะแจ้งที่ทรยศแผ่นดินเป็นทาสถูกเขาต่างชาติเอาเปรียบทิ้งไปและโมฆะทั้งหมด,เราจะได้คืนวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยคืนมา100%ทันที. ..ระบบปกครองไทยสไตล์ไทยเราเขียนเองสร้างกันเองได้ เหี้ยไปใช้ระบบปกครองคณะกบฎ2475ส่งออกสุมหัวกับฝรั่งทำไม.,เมื่อพิจารณาแล้วว่าสมบูรณญาสิทธิราชย์ไม่ดีและของคณะกบฎ2475สอบตกไม่ผ่านสู่ยุคสมัยล้ำๆก็สร้างระบบใหม่เองเลย ..คือระบบจักรวาลที่สากลใช้ปกครองทั่วจักรวาลเป็นส่วนใหญ่ของทางสายกลาง มิติสูงๆก็ยอมรับ คนเลวชั่วคนสัตว์นรกรับไม่ได้เป็นปกติแน่นอนคือ #ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะฝ่ายดีเป็นเครื่องครองใจในสัมมาชีวิตชอบของทุกๆคนไทยก็ว่า.,ภัยใดๆจะละเว้นซึ่งกระทำไม่ดีต่อกันและกันทันที,เจริญทัังกายวัตถุธาตุและเจริญทั้งทางจิตวิญญาณจะเติบโตเบ่งบานในชนเผ่าไทยเราทุกๆคนแน่นอน.สงครามใดๆเราจะชนะสิ้น,มิตรดีสหายดีทั่วมหาจักรวาลเอายานบินมาช่วยรบตรึมล่ะ. ..นายกฯพระราชทานภาคมหาชนน่าจะเหมาะสมที่สุด. .. #นายกฯพระราชทาน .. https://m.youtube.com/watch?v=B_IzmPwSQ9I&pp=0gcJCX4JAYcqIYzv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ปี ทุ่งสังหาร “พะโค” ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หงสาวดี 82 ศพ แสงไฟฉายจากมือถือ ฤาจะสู้เปลวไฟจากไรเฟิล บทบาทของโลกที่เงียบงัน

    ✍️ เหตุการณ์ที่พะโคเมื่อ 9 เมษายน 2564 คือหนึ่งในความรุนแรง หลังรัฐประหารเมียนมา ที่โลกไม่ควรลืม กับการสังหารหมู่พลเรือน 82 ราย ภายใต้เงียบสงัดของประชาคมโลก และการประท้วงด้วยแสงไฟจากมือถือ ที่ไม่อาจสู้เปลวไฟจากปืนไรเฟิลได้ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 🔥

    🧭 เสียงเงียบที่กลบเสียงปืน เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ประชาชนในเมืองพะโค ประเทศเมียนมา ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น 🚨 ไม่นานจากเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กองทัพพม่าเริ่มปฏิบัติการ กวาดล้างการต่อต้านอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่เมืองพะโคในวันนั้น กลายเป็นการสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงหลังรัฐประหาร ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 ศพ ในวันเดียว 😢

    แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากระสุน คือ “ความเงียบ” ของโลก 🌍 ที่ไม่มีเสียงเรียกร้องความยุติธรรมที่เพียงพอ

    🏞️ "พะโค" (Bago) หรือหงสาวดี เป็นเมืองสำคัญทางภาคใต้ของเมียนมา ห่างจากย่างกุ้งเพียง 91 กิโลเมตร 🌏 เคยเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรมอญและตองอู ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สำคัญ อยู่ใกล้เส้นทางยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพ

    จุดยุทธศาสตร์นี้เอง ทำให้พะโคกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ประชาชนใช้ประท้วง และกองทัพใช้เพื่อ “แสดงพลัง” 💣

    🔫 เหตุการณ์ 9 เมษายน 2564 วันที่ไฟจากไรเฟิลกลืนชีวิต

    ⏰ เวลาเริ่มต้น ตี 4 กองทัพเมียนมาส่งทหาร 250 นาย เข้าบุกบ้านเรือนในย่านชินสอบู, นันตอว์ยา, มอว์กัน และปนนาซู ใกล้พระราชวังกัมโพชธานี

    ⚔️ เวลา 05.00 น. ทหาร 5 หน่วย เริ่มกราดยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกหน้า ใช้อาวุธสงครามเต็มรูปแบบ ประชาชนสู้กลับด้วยระเบิดปิงปอง และขว้างสิ่งของ ✊

    เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วง 10.00 น.

    🩸 ผลที่ตามมา มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 82 ราย บุคลากรแพทย์ถูกขัดขวาง ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ บางศพถูกกองรวมไว้ในเจดีย์เสยะมุนี บางศพถูกเผาทิ้ง...เพื่อปิดบังหลักฐาน

    📈 ลำดับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    9 เม.ย. 64 ช่วงเช้า ทหารบุกบ้านเรือน ยิงสดประชาชน
    9 เม.ย. 64 ช่วงสาย นำศพมากองรวมในเจดีย์ ปิดล้อมพื้นที่
    10 เม.ย. 64 เอเอพีพีรายงานยอดเสียชีวิต 82 ราย
    11 เม.ย. 64 UN เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันที

    💣 อาวุธที่ใช้: ปืนไรเฟิล, ระเบิดแรงสูง, ยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบสุ่ม

    📷 วิดีโอจาก AFP แสดงให้เห็นผู้ชุมนุม ใช้กระสอบทรายเป็นเกราะกำบัง

    💡 บทบาทของชาวพะโค และการต่อต้านด้วย “แสงไฟ” เมื่ออาวุธหนักเป็นของทหาร... แต่ประชาชนมีเพียงโทรศัพท์มือถือ พวกเขาเลือกใช้ แสงไฟแฟลช 📱 เป็นเครื่องมือแห่งการต่อต้าน ✨ Flash Strike หรือ “การชุมนุมเงียบ” ในช่วงค่ำคืน

    คนเมียนมาเปิดไฟฉายมือถือ ร้องเพลงต้านรัฐประหาร เป็นสัญลักษณ์ของ “แสงแห่งเสรีภาพ” ที่สู้กับ “เปลวไฟจากกระสุน” แม้รู้ว่าจะโดนยิง...แต่ยังคงยืนหยัด

    🧯 การตอบสนองของรัฐบาลทหาร ปฏิเสธข้อเท็จจริง

    📺 ทางการเมียนมารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง “1 ราย” ในเหตุการณ์พะโค

    📵 อินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด ข้อมูลถูกปิดกั้น

    ⛔ ความจริงที่พยายามลบล้าง ขัดขวางไม่ให้หน่วยแพทย์เข้าถึงพื้นที่ ขนศพขึ้นรถบรรทุกไปซ่อน เผาศพทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นี่คือการบิดเบือนความจริง อย่างเป็นระบบ 🧠

    🧊 ความเงียบของประชาคมโลก = การสมรู้ร่วมคิด? แม้มีหลักฐานจำนวนมากจากคลิปวิดีโอ 📹 และรายงานจาก NGOs แต่… ประชาคมโลกกลับเลือก “นิ่งเงียบ” 🫥

    🌐 คำถามที่คาใจ
    ทำไมไม่มีการแทรกแซงจาก UN?
    การเรียกร้องความช่วยเหลือถูกละเลยหรือไม่?
    การคว่ำบาตรเศรษฐกิจเพียงพอหรือเปล่า?

    เสียงจากคนตาย...อาจเงียบ แต่ “ความเงียบของโลก” ดังกว่า

    🌍 องค์กรสิทธิมนุษยชน และความพยายามในการเปิดโปงความจริง องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น AAPP หรือสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง, Myanmar Now, AFP, BBC Burmese, Amnesty International 📣 ได้รายงานเหตุการณ์นี้ให้โลกได้รับรู้ แต่ยังขาด “กลไกที่มีผลบังคับ” ในการดำเนินคดี ต่อผู้นำกองทัพเมียนมา

    🕯️ พะโคในความทรงจำของชาวเมียนมา “แสงจากมือถือ...อาจไม่ชนะไฟจากปืน แต่แสงนั้นจะไม่มีวันดับในใจเรา” ผู้ประท้วงนิรนามในพะโค

    พะโคกลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งการเสียสละ” เป็นคำเตือนว่า เสรีภาพไม่ได้ได้มาโดยง่าย และไม่ควรถูกลืม

    ✅ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 4 ปีผ่านไป...ความยุติธรรมยังไม่มา 🕰️ แต่ความหวังยังอยู่ในแสงแฟลชของประชาชน

    พะโคไม่ใช่แค่ “เหตุการณ์” แต่คือ “หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเขียนด้วยความจริง”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090953 เม.ย. 2568

    📱 #พะโค #เมียนมา #FlashStrike #รัฐประหารเมียนมา #สังหารหมู่ #สิทธิมนุษยชน #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #UN #SaveMyanmar #BagoMassacre
    4 ปี ทุ่งสังหาร “พะโค” ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หงสาวดี 82 ศพ แสงไฟฉายจากมือถือ ฤาจะสู้เปลวไฟจากไรเฟิล บทบาทของโลกที่เงียบงัน ✍️ เหตุการณ์ที่พะโคเมื่อ 9 เมษายน 2564 คือหนึ่งในความรุนแรง หลังรัฐประหารเมียนมา ที่โลกไม่ควรลืม กับการสังหารหมู่พลเรือน 82 ราย ภายใต้เงียบสงัดของประชาคมโลก และการประท้วงด้วยแสงไฟจากมือถือ ที่ไม่อาจสู้เปลวไฟจากปืนไรเฟิลได้ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 🔥 🧭 เสียงเงียบที่กลบเสียงปืน เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ประชาชนในเมืองพะโค ประเทศเมียนมา ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น 🚨 ไม่นานจากเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กองทัพพม่าเริ่มปฏิบัติการ กวาดล้างการต่อต้านอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่เมืองพะโคในวันนั้น กลายเป็นการสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงหลังรัฐประหาร ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 ศพ ในวันเดียว 😢 แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากระสุน คือ “ความเงียบ” ของโลก 🌍 ที่ไม่มีเสียงเรียกร้องความยุติธรรมที่เพียงพอ 🏞️ "พะโค" (Bago) หรือหงสาวดี เป็นเมืองสำคัญทางภาคใต้ของเมียนมา ห่างจากย่างกุ้งเพียง 91 กิโลเมตร 🌏 เคยเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรมอญและตองอู ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สำคัญ อยู่ใกล้เส้นทางยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพ จุดยุทธศาสตร์นี้เอง ทำให้พะโคกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ประชาชนใช้ประท้วง และกองทัพใช้เพื่อ “แสดงพลัง” 💣 🔫 เหตุการณ์ 9 เมษายน 2564 วันที่ไฟจากไรเฟิลกลืนชีวิต ⏰ เวลาเริ่มต้น ตี 4 กองทัพเมียนมาส่งทหาร 250 นาย เข้าบุกบ้านเรือนในย่านชินสอบู, นันตอว์ยา, มอว์กัน และปนนาซู ใกล้พระราชวังกัมโพชธานี ⚔️ เวลา 05.00 น. ทหาร 5 หน่วย เริ่มกราดยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกหน้า ใช้อาวุธสงครามเต็มรูปแบบ ประชาชนสู้กลับด้วยระเบิดปิงปอง และขว้างสิ่งของ ✊ เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วง 10.00 น. 🩸 ผลที่ตามมา มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 82 ราย บุคลากรแพทย์ถูกขัดขวาง ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ บางศพถูกกองรวมไว้ในเจดีย์เสยะมุนี บางศพถูกเผาทิ้ง...เพื่อปิดบังหลักฐาน 📈 ลำดับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 9 เม.ย. 64 ช่วงเช้า ทหารบุกบ้านเรือน ยิงสดประชาชน 9 เม.ย. 64 ช่วงสาย นำศพมากองรวมในเจดีย์ ปิดล้อมพื้นที่ 10 เม.ย. 64 เอเอพีพีรายงานยอดเสียชีวิต 82 ราย 11 เม.ย. 64 UN เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันที 💣 อาวุธที่ใช้: ปืนไรเฟิล, ระเบิดแรงสูง, ยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบสุ่ม 📷 วิดีโอจาก AFP แสดงให้เห็นผู้ชุมนุม ใช้กระสอบทรายเป็นเกราะกำบัง 💡 บทบาทของชาวพะโค และการต่อต้านด้วย “แสงไฟ” เมื่ออาวุธหนักเป็นของทหาร... แต่ประชาชนมีเพียงโทรศัพท์มือถือ พวกเขาเลือกใช้ แสงไฟแฟลช 📱 เป็นเครื่องมือแห่งการต่อต้าน ✨ Flash Strike หรือ “การชุมนุมเงียบ” ในช่วงค่ำคืน คนเมียนมาเปิดไฟฉายมือถือ ร้องเพลงต้านรัฐประหาร เป็นสัญลักษณ์ของ “แสงแห่งเสรีภาพ” ที่สู้กับ “เปลวไฟจากกระสุน” แม้รู้ว่าจะโดนยิง...แต่ยังคงยืนหยัด 🧯 การตอบสนองของรัฐบาลทหาร ปฏิเสธข้อเท็จจริง 📺 ทางการเมียนมารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง “1 ราย” ในเหตุการณ์พะโค 📵 อินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด ข้อมูลถูกปิดกั้น ⛔ ความจริงที่พยายามลบล้าง ขัดขวางไม่ให้หน่วยแพทย์เข้าถึงพื้นที่ ขนศพขึ้นรถบรรทุกไปซ่อน เผาศพทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นี่คือการบิดเบือนความจริง อย่างเป็นระบบ 🧠 🧊 ความเงียบของประชาคมโลก = การสมรู้ร่วมคิด? แม้มีหลักฐานจำนวนมากจากคลิปวิดีโอ 📹 และรายงานจาก NGOs แต่… ประชาคมโลกกลับเลือก “นิ่งเงียบ” 🫥 🌐 คำถามที่คาใจ ทำไมไม่มีการแทรกแซงจาก UN? การเรียกร้องความช่วยเหลือถูกละเลยหรือไม่? การคว่ำบาตรเศรษฐกิจเพียงพอหรือเปล่า? เสียงจากคนตาย...อาจเงียบ แต่ “ความเงียบของโลก” ดังกว่า 🌍 องค์กรสิทธิมนุษยชน และความพยายามในการเปิดโปงความจริง องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น AAPP หรือสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง, Myanmar Now, AFP, BBC Burmese, Amnesty International 📣 ได้รายงานเหตุการณ์นี้ให้โลกได้รับรู้ แต่ยังขาด “กลไกที่มีผลบังคับ” ในการดำเนินคดี ต่อผู้นำกองทัพเมียนมา 🕯️ พะโคในความทรงจำของชาวเมียนมา “แสงจากมือถือ...อาจไม่ชนะไฟจากปืน แต่แสงนั้นจะไม่มีวันดับในใจเรา” ผู้ประท้วงนิรนามในพะโค พะโคกลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งการเสียสละ” เป็นคำเตือนว่า เสรีภาพไม่ได้ได้มาโดยง่าย และไม่ควรถูกลืม ✅ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 4 ปีผ่านไป...ความยุติธรรมยังไม่มา 🕰️ แต่ความหวังยังอยู่ในแสงแฟลชของประชาชน พะโคไม่ใช่แค่ “เหตุการณ์” แต่คือ “หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเขียนด้วยความจริง” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090953 เม.ย. 2568 📱 #พะโค #เมียนมา #FlashStrike #รัฐประหารเมียนมา #สังหารหมู่ #สิทธิมนุษยชน #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #UN #SaveMyanmar #BagoMassacre
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มสำนักพิมพ์ที่อยู่ภายใต้ News/Media Alliance ได้เปิดตัวแคมเปญชื่อ "Support Responsible AI" โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ออกนโยบายที่กำหนดให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้สร้างเนื้อหาที่ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของพวกเขา แคมเปญนี้ชี้ว่าการดึงเนื้อหาเหล่านี้มาโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนถือเป็นการ "ไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง"

    == จุดมุ่งหมายหลักของแคมเปญนี้ ==

    ✅ ขอค่าตอบแทนที่เหมาะสม
    - บริษัทเทคโนโลยีและ AI ควรจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้สร้างเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว ศิลปิน หรือผู้สร้างผลงานที่เนื้อหาเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโมเดล AI

    ✅ สร้างความโปร่งใสในการใช้งาน AI
    - แคมเปญนี้เรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนในการระบุแหล่งที่มาของข้อมูล และความโปร่งใสในเนื้อหาที่สร้างจาก AI

    ✅ ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
    - เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ใช้อำนาจในตลาดที่เหนือกว่าเพื่อขัดขวางคู่แข่ง

    https://www.neowin.net/news/mainstream-media-calls-for-us-action-to-stop-ai-theft-by-companies-like-openai/
    กลุ่มสำนักพิมพ์ที่อยู่ภายใต้ News/Media Alliance ได้เปิดตัวแคมเปญชื่อ "Support Responsible AI" โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ออกนโยบายที่กำหนดให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้สร้างเนื้อหาที่ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของพวกเขา แคมเปญนี้ชี้ว่าการดึงเนื้อหาเหล่านี้มาโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนถือเป็นการ "ไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง" == จุดมุ่งหมายหลักของแคมเปญนี้ == ✅ ขอค่าตอบแทนที่เหมาะสม - บริษัทเทคโนโลยีและ AI ควรจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้สร้างเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว ศิลปิน หรือผู้สร้างผลงานที่เนื้อหาเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโมเดล AI ✅ สร้างความโปร่งใสในการใช้งาน AI - แคมเปญนี้เรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนในการระบุแหล่งที่มาของข้อมูล และความโปร่งใสในเนื้อหาที่สร้างจาก AI ✅ ป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม - เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ใช้อำนาจในตลาดที่เหนือกว่าเพื่อขัดขวางคู่แข่ง https://www.neowin.net/news/mainstream-media-calls-for-us-action-to-stop-ai-theft-by-companies-like-openai/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mainstream media calls for US action to stop "AI theft" by companies like OpenAI
    Prominent US publishers have started a campaign urging the government to prevent Big Tech from "stealing content from creators" to train AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ

    สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม

    #Newskit
    เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 เมษายน 2568 เวลา 22.00 น. DSI แถลงข่าวหลังจากรวบตัว"โบรกเกอร์" คนสนิทของหมอบุญ วนาสิน ที่หนีกบดานอยู่ประเทศจีน คดีร่วมกันฉ้อโกงเสียหาย 1.4 หมื่นล้านบาท กระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาททั้งนี้วันนี้มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท https://www.youtube.com/live/4JOmIY3cmYY?si=7NZSfJvhF4VqErlt
    7 เมษายน 2568 เวลา 22.00 น. DSI แถลงข่าวหลังจากรวบตัว"โบรกเกอร์" คนสนิทของหมอบุญ วนาสิน ที่หนีกบดานอยู่ประเทศจีน คดีร่วมกันฉ้อโกงเสียหาย 1.4 หมื่นล้านบาท กระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาททั้งนี้วันนี้มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท https://www.youtube.com/live/4JOmIY3cmYY?si=7NZSfJvhF4VqErlt
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่มข่าวที่เกี่ยวข้องความคืบหน้ากรณี นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด วันที่ 7 เมษายน 2568 มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาทhttps://www.amarintv.com/news/crime/511086#
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่มข่าวที่เกี่ยวข้องความคืบหน้ากรณี นายแพทย์บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิด ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่น ที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนอัยการสั่งฟ้อง หมอบุญ กับพวกรวม 16 ราย ฐานฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 14,246,048,033 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุด วันที่ 7 เมษายน 2568 มีรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เตรียมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดี "หมอบุญ วนาสิน" ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ทั้งนี้ จากรายงาน คือ น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ทำหน้าที่เป็น โบรกเกอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธ.ค. 67 โดยจับกุมได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นพ.บุญ และ น.ส.กชพร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในต่างประเทศโดยคดีดังกล่าว นพ.บุญ พร้อมพวก ได้หลอกชักชวนผู้เสียหายลงทุนโครงการทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาทhttps://www.amarintv.com/news/crime/511086#
    WWW.AMARINTV.COM
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หลังหนีกบดานประเทศจีน
    DSI รวบ "โบรกเกอร์" คนสนิท หมอบุญ หนีกบดานประเทศจีน ร่วมฉ้อโกง เสียหาย 1.4 หมื่นล้านเตรียมแถลงคืนนี้ 4 ทุ่ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูข่าวที่เหมือนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย แต่คนรอบข้างชอบเปิดสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% โปรส้ม 100% โปรแดง 100% จนผมเริ่มรู้แล้วว่างูพิษที่ร้ายที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัว คนสนิท สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ไว้ใจตัวเอง เชื่อมั่นกับใจตัวเอง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากไม่ค่อยมานั่งตัดพ้อว่า Environment รอบตัวเราไม่เอื้ออำนวย และเป็นพิษแก่จิตใจเรา และทางครอบครัวบีบบังคับเรามากจนเกินไป คือกลับบ้านยาวๆช่วงโควิตไม่ได้มาช่วยงานเพื่อนใช้ชีวิตคนหอจนผมต้องเสียเพื่อนดีๆไป เพื่อนที่เคยคบอย่างดิบดีสุดท้ายกลายเป็นตัดเพื่อนซะงั้น โทษครอบครัวไม่ได้ โทษเพื่อนก็ไม่ได้ โทษศักยภาพและแนวความคิดตัวเองว่ายังไม่ดีพอ ที่ยังไม่ดีพอเพราะหลงไหลกับธุรกิจเครือข่ายสุดท้ายก็แค่เรื่องขายฝันเพ้อฝัน และแนวคิดหาบน้ำเทียบกับแนวคิดทำงานหวังอัพตำแหน่ง หรือทำงานไม่หวังตำแหน่ง สุดท้าย ร่างกายเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และ แนวคิดทำงานแบบทำท่อส่งน้ำ ถ้าจะเทียบกับธุรกิจเครือข่าย สำหรับพวกเขาที่ยังทำธุรกิจเครือข่าย คือ ใช่ สำหรับผม คือ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ 100% แต่ถ้าจะทำแนวคิดท่าส่งน้ำ-เครื่องสูบน้ำ ไม่ต้องหาบน้ำไปมาให้เหนื่อยเหมือนทำงานประจำหรือทำงานเยี่ยงทาส ยังไงก็ต้องสร้างงานเป็นของตัวเอง สร้างหน้าโปรไฟล์และหน้าร้านออนไลนร์เพื่อขายงานตัวเอง ขายผลงาน ทำฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ ไม่ก็ทำเป็นสตาร์ทอัพ วางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวกินพักเล่นเกมส์รีแลกซ์ทำคอนเทนต์ได้สบายๆ
    สังคมแบบครอบครัวผมไม่ใช่แค่ทำงานประจำเพียงอย่างเดียว จะให้กู้ในระบบบ้าง นอกระบบบ้าง ให้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และมากำกับการใช้เงินของเรา แบบนี้มันไม่ถูก มันไม่ยุติธรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่ต้องมากำหนดชีวิตเราจนเราไม่สามารถมีตัวเป็นของตัวเองได้ หรือจนเราสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปเลย คือรับช่วงสืบทอดสิ่งที่ครอบครับเขาทำกัน หลักๆคือ มูเตลู สุดท้ายผมก็ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนคนในครอบครัวทุกคน และจะได้ไม่ต้องสูญเสียตัวตนเพราะกับดักกตัญญู ความต้องการครอบครัวที่ไม่สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์
    คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัวหรือคนสนิทก็เปลี่ยนใจอยากให้ผมทำงานในสภาพแวดล้อมที่ผมไม่ชอบที่สุด ก่อนหน้านั้นคนรอบข้างยังไฟเขียวอยู่เลยว่าให้ผมทำงานเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ รับงานเอกชนก็ได้ ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆทางคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวเองก็เถอะ คงไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตคนเดียวในหอ ด้วยความหวังดี ด้วยความเป็นห่วง คือกลัวว่าผมจะใช้ชีวิตอิสระทำอาชีพอิสระขนาดนั้นเลย เลยต้องจำกัดกรอบให้ผมต้องเป็นลูกจ้างเท่านั้น หรือรับราชการเท่านั้น ชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย เรื่องนอกตัวเรื่องที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเอี่ยว ผมก็ไม่เสพ ไม่ดู ดูและเสพเรื่องที่น่าสนใจอย่างข่าวเกมส์ ข่าวเฟรมเวิร์กโปรแกรมมิ่ง ข่าวเทคโนโลยีจากจีนและรัสเซียจะดีกว่า เพราะตอนนี้ข่าวประท้วงอีลอนแม่งดังกว่าข่าวเทคโนโลยีสุดล้ำนวัตกรรมสุดลึกของจีนอีก สื่อกระแสหลักก็ขยันประโคมกันเข้าไป ตามกำลังทุนเงินยิวอย่างร็อดไชล์ร็อกกี้เฟลเลอร์และแบล็กร็อคไง
    บอกเลย ครอบครัวเปลี่ยนไปจากที่ก่อนหน้านี้เคยให้ผมทำงานแล้วแต่ที่ผมอยากจะทำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นให้ลูกสอบงานราชการ สอบบรรจุ สอบไม่ได้ก็ต้องเป็นลูกจ้าง คือจบสายอาชีวะสะเต็ม ระดับนี้แล้วจะให้ทำงานเยี่ยงวัวควายเยี่ยงทาสขี้ข้ากรรมกรจับกังเลยหรือไง ได้ยินคำว่าโตเป็นควายแล้วทีไร ผมนึกไม่อยากทนอยู่เป็นวัวควายให้เขาทุกครั้งเลยนะครับ
    สุดท้ายนี้ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวคิดแบบนี้กับผม คือเปลี่ยนความคิดไปเปลี่ยนความคิดมาจนคิดจะให้ผมเป็นไปตามที่ครอบครัวต้องการ ทั้งๆที่ผมไม่เต็มใจอยู่แล้ว มันก็มาจากสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จริงแท้แน่ชัดอยู่ 100% แล้วนะครับ
    พักนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูข่าวที่เหมือนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย แต่คนรอบข้างชอบเปิดสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% โปรส้ม 100% โปรแดง 100% จนผมเริ่มรู้แล้วว่างูพิษที่ร้ายที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัว คนสนิท สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ไว้ใจตัวเอง เชื่อมั่นกับใจตัวเอง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากไม่ค่อยมานั่งตัดพ้อว่า Environment รอบตัวเราไม่เอื้ออำนวย และเป็นพิษแก่จิตใจเรา และทางครอบครัวบีบบังคับเรามากจนเกินไป คือกลับบ้านยาวๆช่วงโควิตไม่ได้มาช่วยงานเพื่อนใช้ชีวิตคนหอจนผมต้องเสียเพื่อนดีๆไป เพื่อนที่เคยคบอย่างดิบดีสุดท้ายกลายเป็นตัดเพื่อนซะงั้น โทษครอบครัวไม่ได้ โทษเพื่อนก็ไม่ได้ โทษศักยภาพและแนวความคิดตัวเองว่ายังไม่ดีพอ ที่ยังไม่ดีพอเพราะหลงไหลกับธุรกิจเครือข่ายสุดท้ายก็แค่เรื่องขายฝันเพ้อฝัน และแนวคิดหาบน้ำเทียบกับแนวคิดทำงานหวังอัพตำแหน่ง หรือทำงานไม่หวังตำแหน่ง สุดท้าย ร่างกายเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และ แนวคิดทำงานแบบทำท่อส่งน้ำ ถ้าจะเทียบกับธุรกิจเครือข่าย สำหรับพวกเขาที่ยังทำธุรกิจเครือข่าย คือ ใช่ สำหรับผม คือ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ 100% แต่ถ้าจะทำแนวคิดท่าส่งน้ำ-เครื่องสูบน้ำ ไม่ต้องหาบน้ำไปมาให้เหนื่อยเหมือนทำงานประจำหรือทำงานเยี่ยงทาส ยังไงก็ต้องสร้างงานเป็นของตัวเอง สร้างหน้าโปรไฟล์และหน้าร้านออนไลนร์เพื่อขายงานตัวเอง ขายผลงาน ทำฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ ไม่ก็ทำเป็นสตาร์ทอัพ วางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จะได้มีเวลาเที่ยวกินพักเล่นเกมส์รีแลกซ์ทำคอนเทนต์ได้สบายๆ สังคมแบบครอบครัวผมไม่ใช่แค่ทำงานประจำเพียงอย่างเดียว จะให้กู้ในระบบบ้าง นอกระบบบ้าง ให้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และมากำกับการใช้เงินของเรา แบบนี้มันไม่ถูก มันไม่ยุติธรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ไม่ต้องมากำหนดชีวิตเราจนเราไม่สามารถมีตัวเป็นของตัวเองได้ หรือจนเราสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไปเลย คือรับช่วงสืบทอดสิ่งที่ครอบครับเขาทำกัน หลักๆคือ มูเตลู สุดท้ายผมก็ไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนคนในครอบครัวทุกคน และจะได้ไม่ต้องสูญเสียตัวตนเพราะกับดักกตัญญู ความต้องการครอบครัวที่ไม่สอดคล้องกับยุคโลกาภิวัฒน์ คนรอบข้างไม่ว่าจะคนในครอบครัวหรือคนสนิทก็เปลี่ยนใจอยากให้ผมทำงานในสภาพแวดล้อมที่ผมไม่ชอบที่สุด ก่อนหน้านั้นคนรอบข้างยังไฟเขียวอยู่เลยว่าให้ผมทำงานเป็นสตาร์ทอัพก็ได้ รับงานเอกชนก็ได้ ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆทางคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวเองก็เถอะ คงไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตคนเดียวในหอ ด้วยความหวังดี ด้วยความเป็นห่วง คือกลัวว่าผมจะใช้ชีวิตอิสระทำอาชีพอิสระขนาดนั้นเลย เลยต้องจำกัดกรอบให้ผมต้องเป็นลูกจ้างเท่านั้น หรือรับราชการเท่านั้น ชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย เรื่องนอกตัวเรื่องที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเอี่ยว ผมก็ไม่เสพ ไม่ดู ดูและเสพเรื่องที่น่าสนใจอย่างข่าวเกมส์ ข่าวเฟรมเวิร์กโปรแกรมมิ่ง ข่าวเทคโนโลยีจากจีนและรัสเซียจะดีกว่า เพราะตอนนี้ข่าวประท้วงอีลอนแม่งดังกว่าข่าวเทคโนโลยีสุดล้ำนวัตกรรมสุดลึกของจีนอีก สื่อกระแสหลักก็ขยันประโคมกันเข้าไป ตามกำลังทุนเงินยิวอย่างร็อดไชล์ร็อกกี้เฟลเลอร์และแบล็กร็อคไง บอกเลย ครอบครัวเปลี่ยนไปจากที่ก่อนหน้านี้เคยให้ผมทำงานแล้วแต่ที่ผมอยากจะทำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นให้ลูกสอบงานราชการ สอบบรรจุ สอบไม่ได้ก็ต้องเป็นลูกจ้าง คือจบสายอาชีวะสะเต็ม ระดับนี้แล้วจะให้ทำงานเยี่ยงวัวควายเยี่ยงทาสขี้ข้ากรรมกรจับกังเลยหรือไง ได้ยินคำว่าโตเป็นควายแล้วทีไร ผมนึกไม่อยากทนอยู่เป็นวัวควายให้เขาทุกครั้งเลยนะครับ สุดท้ายนี้ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวคิดแบบนี้กับผม คือเปลี่ยนความคิดไปเปลี่ยนความคิดมาจนคิดจะให้ผมเป็นไปตามที่ครอบครัวต้องการ ทั้งๆที่ผมไม่เต็มใจอยู่แล้ว มันก็มาจากสื่อกระแสหลักที่โปรตะวันตก 100% ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จริงแท้แน่ชัดอยู่ 100% แล้วนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงเท็จมิทราบ,UBIก่อนตึกWTC&ตึกคู่จะถล่มลง,หากจริงก็น่าพิจารณา ถ้าย่อมาที่ไทยแบบ1:1เสมอกันจริงทั่วโลก,มันคือ100,000$ ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยที่อัตราปัจจุบันคือ35฿:1$=3,500,000บาทต่อเดือน....พลเมืองทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีจะได้รับเงิน 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือนเป็นเวลา 11 ปี นั่นคือ 13.2 ล้านดอลลาร์ต่อคนผ่านบัญชี QFS ฟังดูไม่จริง... แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณคิด นี่ไม่ใช่จินตนาการ นี่คือการแก้แค้น· การยกหนี้กำลังจะมาถึง จำนอง? ลบหนี้? เงินกู้? หายไป ดอกเบี้ยบัตรเครดิต? ไม่เพียงคืน แต่ยังจ่ายคืนด้วยดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี· ภาษีเงินได้? คืนเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณถูกรีดไถจนหมดตัว—พวกเขาเป็นหนี้คุณ คุณถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำขู่และคำโกหก ตอนนี้สถานการณ์กำลังพลิกผัน· ใบสูติบัตร ใบสมรส แม้แต่ใบมรณะบัตรของคุณ—ซื้อขายในตลาดโลกราวกับเป็นวัว สิ่งนั้นจะสิ้นสุดลงทันที มูลค่าของคุณกำลังถูกคืนให้กับคุณ ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ความยุติธรรม· เงินประกันสังคมและเงินทุพพลภาพ? พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุและผู้รักชาติที่พิการจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีในที่สุด—5,000 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือมากกว่านั้น ตามที่สัญญาไว้· อำนาจของวาติกันกำลังแตกสลาย อาณาจักรธนาคารที่ควบคุมโดยเยซูอิตกำลังถูกยึดครอง ระบบการลงคะแนนเสียงแบบควอนตัม การศึกษาแบบควอนตัม และการดูแลสุขภาพแบบควอนตัมพร้อมแล้ว· เราไม่ได้แค่ดูประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เรากำลังเห็นการทำลายล้างระบบทั้งหมดของรัฐลึก โลกการเงินใหม่กำลังถือกำเนิด· เตรียมตัวให้พร้อม การนับถอยหลังสู่การปลดปล่อยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วฉันเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้คุณได้รู้ความจริง อย่าเพิ่งหันหลังไปตอนนี้ เข้าร่วมช่องของฉันทันที!https://t.me/JulianAssangeWikiรัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    จริงเท็จมิทราบ,UBIก่อนตึกWTC&ตึกคู่จะถล่มลง,หากจริงก็น่าพิจารณา ถ้าย่อมาที่ไทยแบบ1:1เสมอกันจริงทั่วโลก,มันคือ100,000$ ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยที่อัตราปัจจุบันคือ35฿:1$=3,500,000บาทต่อเดือน....พลเมืองทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีจะได้รับเงิน 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือนเป็นเวลา 11 ปี นั่นคือ 13.2 ล้านดอลลาร์ต่อคนผ่านบัญชี QFS ฟังดูไม่จริง... แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณคิด นี่ไม่ใช่จินตนาการ นี่คือการแก้แค้น· การยกหนี้กำลังจะมาถึง จำนอง? ลบหนี้? เงินกู้? หายไป ดอกเบี้ยบัตรเครดิต? ไม่เพียงคืน แต่ยังจ่ายคืนด้วยดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี· ภาษีเงินได้? คืนเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณถูกรีดไถจนหมดตัว—พวกเขาเป็นหนี้คุณ คุณถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำขู่และคำโกหก ตอนนี้สถานการณ์กำลังพลิกผัน· ใบสูติบัตร ใบสมรส แม้แต่ใบมรณะบัตรของคุณ—ซื้อขายในตลาดโลกราวกับเป็นวัว สิ่งนั้นจะสิ้นสุดลงทันที มูลค่าของคุณกำลังถูกคืนให้กับคุณ ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ความยุติธรรม· เงินประกันสังคมและเงินทุพพลภาพ? พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุและผู้รักชาติที่พิการจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีในที่สุด—5,000 ดอลลาร์ต่อเดือนหรือมากกว่านั้น ตามที่สัญญาไว้· อำนาจของวาติกันกำลังแตกสลาย อาณาจักรธนาคารที่ควบคุมโดยเยซูอิตกำลังถูกยึดครอง ระบบการลงคะแนนเสียงแบบควอนตัม การศึกษาแบบควอนตัม และการดูแลสุขภาพแบบควอนตัมพร้อมแล้ว· เราไม่ได้แค่ดูประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เรากำลังเห็นการทำลายล้างระบบทั้งหมดของรัฐลึก โลกการเงินใหม่กำลังถือกำเนิด· เตรียมตัวให้พร้อม การนับถอยหลังสู่การปลดปล่อยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วฉันเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้คุณได้รู้ความจริง อย่าเพิ่งหันหลังไปตอนนี้ เข้าร่วมช่องของฉันทันที!https://t.me/JulianAssangeWikiรัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมัน!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    T.ME
    Julian Assange
    WikiLeaks - WE OPEN GOVERNMENTS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts