• เรื่องเล่าจาก KEV List: เมื่อ CISA เตือนว่า TP-Link และ WhatsApp กำลังถูกใช้โจมตีจริง

    CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้อัปเดตรายชื่อช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีจริง (Known Exploited Vulnerabilities หรือ KEV List) โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่ที่กำลังถูกใช้ในโลกจริง ได้แก่:

    - ช่องโหว่ระดับรุนแรงใน TP-Link Wi-Fi Extender รุ่น TL-WA855RE
    - ช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมแบบเจาะจง

    ช่องโหว่ใน TP-Link (CVE-2020-24363) เป็นปัญหา “missing authentication” ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งรีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน และตั้งรหัสผ่านใหม่เพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใด ๆ แม้จะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ “end-of-life” แล้ว ทำให้ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป

    ช่องโหว่ใน WhatsApp (CVE-2025-55177) มีความรุนแรงระดับกลาง แต่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมขั้นสูง โดยอาศัยการ sync ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ และเมื่อจับคู่กับช่องโหว่ในระบบ Apple (CVE-2025-43300) ที่อยู่ใน ImageIO framework ก็สามารถใช้เป็น “zero-click exploit” ที่ไม่ต้องให้เหยื่อกดอะไรเลย—แค่เปิดแอปก็ถูกเจาะได้

    WhatsApp ได้ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 รายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นนักข่าวและนักเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคม ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในแคมเปญสอดแนมที่มีเป้าหมายเฉพาะ

    ช่องโหว่ใน TP-Link TL-WA855RE
    CVE-2020-24363 เป็นช่องโหว่ “missing authentication” ที่เปิดให้รีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน
    ผู้โจมตีสามารถตั้งรหัสผ่านใหม่และเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที
    รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ end-of-life แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีก

    ช่องโหว่ใน WhatsApp และ Apple
    CVE-2025-55177 เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ในการ sync ข้อมูล
    เมื่อจับคู่กับ CVE-2025-43300 ใน ImageIO ของ Apple จะกลายเป็น zero-click exploit
    ใช้ในแคมเปญสอดแนมที่เจาะจงเป้าหมาย เช่น นักข่าวและนักเคลื่อนไหว

    การตอบสนองจาก WhatsApp และ Apple
    WhatsApp ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 ราย
    Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อปิดช่องโหว่ใน ImageIO
    ผู้ใช้ควรอัปเดต WhatsApp และระบบปฏิบัติการทันที

    คำแนะนำจาก CISA
    ช่องโหว่ทั้งสองถูกเพิ่มใน KEV List ซึ่งหมายถึงมีการโจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ต้องแก้ไขภายในวันที่ 23 กันยายน 2025 ตามคำสั่ง BOD 22-01
    CISA แนะนำให้ทุกองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว

    https://hackread.com/cisa-tp-link-wi-fi-whatsapp-spyware-flaws-kev-list/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก KEV List: เมื่อ CISA เตือนว่า TP-Link และ WhatsApp กำลังถูกใช้โจมตีจริง CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้อัปเดตรายชื่อช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีจริง (Known Exploited Vulnerabilities หรือ KEV List) โดยเพิ่มสองช่องโหว่ใหม่ที่กำลังถูกใช้ในโลกจริง ได้แก่: - ช่องโหว่ระดับรุนแรงใน TP-Link Wi-Fi Extender รุ่น TL-WA855RE - ช่องโหว่ใน WhatsApp ที่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมแบบเจาะจง ช่องโหว่ใน TP-Link (CVE-2020-24363) เป็นปัญหา “missing authentication” ที่เปิดให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งรีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน และตั้งรหัสผ่านใหม่เพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนใด ๆ แม้จะมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ “end-of-life” แล้ว ทำให้ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป ช่องโหว่ใน WhatsApp (CVE-2025-55177) มีความรุนแรงระดับกลาง แต่ถูกใช้ในแคมเปญสอดแนมขั้นสูง โดยอาศัยการ sync ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ และเมื่อจับคู่กับช่องโหว่ในระบบ Apple (CVE-2025-43300) ที่อยู่ใน ImageIO framework ก็สามารถใช้เป็น “zero-click exploit” ที่ไม่ต้องให้เหยื่อกดอะไรเลย—แค่เปิดแอปก็ถูกเจาะได้ WhatsApp ได้ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 รายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นนักข่าวและนักเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคม ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ช่องโหว่เหล่านี้ในแคมเปญสอดแนมที่มีเป้าหมายเฉพาะ ✅ ช่องโหว่ใน TP-Link TL-WA855RE ➡️ CVE-2020-24363 เป็นช่องโหว่ “missing authentication” ที่เปิดให้รีเซ็ตเครื่องจากเครือข่ายเดียวกัน ➡️ ผู้โจมตีสามารถตั้งรหัสผ่านใหม่และเข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ทันที ➡️ รุ่นนี้เข้าสู่สถานะ end-of-life แล้ว ไม่มีการอัปเดตอีก ✅ ช่องโหว่ใน WhatsApp และ Apple ➡️ CVE-2025-55177 เกิดจากการตรวจสอบสิทธิ์ไม่สมบูรณ์ในการ sync ข้อมูล ➡️ เมื่อจับคู่กับ CVE-2025-43300 ใน ImageIO ของ Apple จะกลายเป็น zero-click exploit ➡️ ใช้ในแคมเปญสอดแนมที่เจาะจงเป้าหมาย เช่น นักข่าวและนักเคลื่อนไหว ✅ การตอบสนองจาก WhatsApp และ Apple ➡️ WhatsApp ส่งการแจ้งเตือนในแอปไปยังผู้ใช้ที่ถูกเจาะประมาณ 200 ราย ➡️ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อปิดช่องโหว่ใน ImageIO ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดต WhatsApp และระบบปฏิบัติการทันที ✅ คำแนะนำจาก CISA ➡️ ช่องโหว่ทั้งสองถูกเพิ่มใน KEV List ซึ่งหมายถึงมีการโจมตีจริงแล้ว ➡️ หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ต้องแก้ไขภายในวันที่ 23 กันยายน 2025 ตามคำสั่ง BOD 22-01 ➡️ CISA แนะนำให้ทุกองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว https://hackread.com/cisa-tp-link-wi-fi-whatsapp-spyware-flaws-kev-list/
    HACKREAD.COM
    CISA Adds TP-Link Wi-Fi and WhatsApp Spyware Flaws to KEV List
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ‘ธรรมนัส’! ยืนยันพรรคกล้าธรรมไม่มีแตกแถว พร้อมโหวต ‘อนุทิน’ ตามข้อตกลง
    https://www.thai-tai.tv/news/21325/
    .
    #ไทยไท #ธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรคกล้าธรรม #โหวตนายก #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ธรรมนัส’! ยืนยันพรรคกล้าธรรมไม่มีแตกแถว พร้อมโหวต ‘อนุทิน’ ตามข้อตกลง https://www.thai-tai.tv/news/21325/ . #ไทยไท #ธรรมนัสพรหมเผ่า #พรรคกล้าธรรม #โหวตนายก #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • สะพัด! ‘ทักษิณ’ เตรียมบินไปสิงคโปร์ หลังเอกสารห้ามเดินทางออกนอกประเทศ คดี ม.112 สิ้นสุด
    .
    วันที่ 4 กันยายน 2568 มีรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) จาก M JET ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีข่าวลือในช่วงแรกว่าปลายทางคือ หัวหิน ประจวบฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันว่านายทักษิณมีแผนจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์
    .
    รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยาน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของนายทักษิณอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 ซึ่งขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงพาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อก ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อย่างไรก็ดี ยังคงมีคดีบังคับโทษกรณีชั้น 14 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม
    .
    ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ตม. และการท่าอากาศยาน ยังคงเจรจากับทีมกฎหมายของนายทักษิณ เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด
    .
    ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางและความคืบหน้าทางคดีจะมีการรายงานต่อไป
    สะพัด! ‘ทักษิณ’ เตรียมบินไปสิงคโปร์ หลังเอกสารห้ามเดินทางออกนอกประเทศ คดี ม.112 สิ้นสุด . วันที่ 4 กันยายน 2568 มีรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) จาก M JET ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีข่าวลือในช่วงแรกว่าปลายทางคือ หัวหิน ประจวบฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันว่านายทักษิณมีแผนจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ . รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยาน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของนายทักษิณอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ โดยเฉพาะคดีตามมาตรา 112 ซึ่งขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงพาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อก ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ อย่างไรก็ดี ยังคงมีคดีบังคับโทษกรณีชั้น 14 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม . ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ตม. และการท่าอากาศยาน ยังคงเจรจากับทีมกฎหมายของนายทักษิณ เพื่อให้มั่นใจว่าการเดินทางเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ยังคงอยู่ในความสนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด . ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางและความคืบหน้าทางคดีจะมีการรายงานต่อไป
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • กองทัพบกเผยกรณีชาวกัมพูชาประท้วงที่บ้านหนองจาน ชี้เป็นการยั่วยุละเมิดข้อตกลงหยุดยิง กองกำลังบูรพา พร้อมตำรวจควบคุมฝูงชนเตรียมกำลัง ป้องกันอธิปไตยและการทำผิดกฎหมาย เตือนกัมพูชาทำตามกรอบ หากทำผิดพร้อมจัดการไม่ให้ใครรุกราน ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เข้าเยี่ยมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ยืนยันะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084744

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพบกเผยกรณีชาวกัมพูชาประท้วงที่บ้านหนองจาน ชี้เป็นการยั่วยุละเมิดข้อตกลงหยุดยิง กองกำลังบูรพา พร้อมตำรวจควบคุมฝูงชนเตรียมกำลัง ป้องกันอธิปไตยและการทำผิดกฎหมาย เตือนกัมพูชาทำตามกรอบ หากทำผิดพร้อมจัดการไม่ให้ใครรุกราน ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เข้าเยี่ยมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ยืนยันะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084744 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 196 Views 0 Reviews
  • 4 กันยายน 2568
    15.42 น.

    'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป 'ชัยเกษม' อ่านคำตอบรับข้อเสนอทุกข้อของ 'พรรคประชาชน' ยุบสภาทันทีไม่ต้องรอ 4 เดือน ยืนยันเป็นสัญญา ปฏิบัติตามไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ
    .
    เกมของเพื่อไทยคือ ในเมื่อรักษาการนายกฯ มีข้อขัดแย้งในเรื่องอำนาจการยุบสภา เลยจะให้ "ชัยเกษม" ได้เป็นายกฯตัวจริง เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภาแทน
    .
    ลูกบอลไปอยู่กับทาง "พรรคประชาชน" หากยังคงเลือกโหวตให้อนุทิน จะถูกครหาไปตลอดว่า ไม่จริงใจอย่างที่พูด เร่งให้มีการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว

    แต่ถ้าหาก พรรคประชาชน กลับลำ โหวตให้เพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคที่กลับไปกลับมา ไม่รักษาคำพูด ดังที่เคยดูถูกดูแคลนพรรคอื่นๆตลอดมา
    4 กันยายน 2568 15.42 น. 'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป 'ชัยเกษม' อ่านคำตอบรับข้อเสนอทุกข้อของ 'พรรคประชาชน' ยุบสภาทันทีไม่ต้องรอ 4 เดือน ยืนยันเป็นสัญญา ปฏิบัติตามไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ . เกมของเพื่อไทยคือ ในเมื่อรักษาการนายกฯ มีข้อขัดแย้งในเรื่องอำนาจการยุบสภา เลยจะให้ "ชัยเกษม" ได้เป็นายกฯตัวจริง เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภาแทน . 👉ลูกบอลไปอยู่กับทาง "พรรคประชาชน" หากยังคงเลือกโหวตให้อนุทิน จะถูกครหาไปตลอดว่า ไม่จริงใจอย่างที่พูด เร่งให้มีการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว 👉แต่ถ้าหาก พรรคประชาชน กลับลำ โหวตให้เพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคที่กลับไปกลับมา ไม่รักษาคำพูด ดังที่เคยดูถูกดูแคลนพรรคอื่นๆตลอดมา
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 0 Reviews
  • ไม่กังวล "ชัยเกษม" ชิงนายก : [THE MESSAGE]

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่กังวลพรรคเพื่อไทยจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มั่นใจพรรคประชาชนไม่ฉีกข้อตกลง ยืนยันหากเป็นนายกจะไม่แทรกแซงคดีเขากระโดง-การฮั้ว สว. จะติดตามคดีด้วยตัวเอง ต้องแก้ไขทุกปัญหา ไม่ใช่แค่เรื่องชายแดนอย่างเดียว มีทั้งปากท้องปัญหาเศรษฐกิจ ไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน ส่วนหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเตรียมไล่บี้นั้น เราเป็นบุคคลสาธารณะ ตั้งแต่เข้ามาในสนามการเมือง สิ่งที่เราพร้อมคือเรามีความจริง คนที่จะบี้หรืออภิปรายตีแผ่อะไร ก็ขอให้เอาความจริงมาพูด อย่าไปเสกสรรค์ปั้นแต่ง
    ไม่กังวล "ชัยเกษม" ชิงนายก : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่กังวลพรรคเพื่อไทยจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มั่นใจพรรคประชาชนไม่ฉีกข้อตกลง ยืนยันหากเป็นนายกจะไม่แทรกแซงคดีเขากระโดง-การฮั้ว สว. จะติดตามคดีด้วยตัวเอง ต้องแก้ไขทุกปัญหา ไม่ใช่แค่เรื่องชายแดนอย่างเดียว มีทั้งปากท้องปัญหาเศรษฐกิจ ไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน ส่วนหากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเตรียมไล่บี้นั้น เราเป็นบุคคลสาธารณะ ตั้งแต่เข้ามาในสนามการเมือง สิ่งที่เราพร้อมคือเรามีความจริง คนที่จะบี้หรืออภิปรายตีแผ่อะไร ก็ขอให้เอาความจริงมาพูด อย่าไปเสกสรรค์ปั้นแต่ง
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • การเมืองป่วน ไม่กระเทือน! เครดิตประเทศ : [Biz Talk]

    รองนายกฯ& รมว.คลัง ชี้นักลงทุน ยังเชื่อมั่นประเทศไทย แม้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ยืนยันไม่กระทบการเจรจาภาษีสหรัฐในระดับเทคนิค เชื่อไม่มีผลต่อการประเมินเครดิตประเทศ ย้ำยังปฏิบัติหน้าที่ทีมเศรษฐกิจ จนกว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะแล้วเสร็จ!
    การเมืองป่วน ไม่กระเทือน! เครดิตประเทศ : [Biz Talk] รองนายกฯ& รมว.คลัง ชี้นักลงทุน ยังเชื่อมั่นประเทศไทย แม้เกิดสุญญากาศทางการเมือง ยืนยันไม่กระทบการเจรจาภาษีสหรัฐในระดับเทคนิค เชื่อไม่มีผลต่อการประเมินเครดิตประเทศ ย้ำยังปฏิบัติหน้าที่ทีมเศรษฐกิจ จนกว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะแล้วเสร็จ!
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Citigroup Conference: เมื่อ AMD มองว่า AI คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว

    ในการประชุมกับนักลงทุนที่จัดโดย Citigroup เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 Jean Hu (CFO ของ AMD) และ Matthew Ramsay (VP ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด AI, ความสัมพันธ์กับจีน, และราคาชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    Hu ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เริ่มผลิตชิปใหม่สำหรับตลาดจีน แม้จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าลูกค้าจีนจะสามารถซื้อจากสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และยังไม่เริ่มผลิต wafer สำหรับ MI308 ซึ่งเป็น GPU รุ่นเฉพาะสำหรับจีน

    Ramsay เสริมว่า “ความต้องการชิป AI ในจีนมีมากกว่าความสามารถในการผลิต” เนื่องจากผู้ผลิตชิปในจีนถูกจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตร และ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้

    เมื่อถูกถามว่า AI เป็นฟองสบู่หรือไม่ Hu ตอบว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI ไปใช้” และชี้ไปที่การลงทุนของ hyperscaler รายใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กรผ่าน AI ซึ่งสะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่ hype แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง

    AMD ประเมินว่า TAM (Total Addressable Market) ของ AI จะสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ โดย Ramsay ระบุว่า inference workload, ขนาดของ dataset และการขยายไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ คือปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดนี้ พร้อมเสริมว่า “AI คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต”

    สำหรับราคาชิปที่เพิ่มขึ้น Hu อธิบายว่าเป็นผลจากการเพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น แต่ AMD พยายามรักษาสมดุลระหว่างราคาขายกับต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ (TCO) เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าในระยะยาว

    AMD ปฏิเสธว่า AI เป็นฟองสบู่
    Hu ระบุว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้
    การลงทุนของ hyperscaler และ productivity gains เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์
    AI ถูกมองว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตสำหรับอุตสาหกรรม

    การประเมินตลาด AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์
    TAM ของ AI ถูกประเมินโดย AMD ว่าจะสูงถึง $500B
    ปัจจัยหลักคือ inference workload, dataset ขนาดใหญ่ และการขยายสู่อุตสาหกรรม
    Ramsay ระบุว่า AI คือจุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต

    สถานการณ์ในจีนและการจำกัดการผลิต
    AMD ยังไม่เริ่มผลิต MI308 GPU สำหรับจีน แม้ได้รับใบอนุญาต
    ความต้องการในจีนสูงกว่าความสามารถในการผลิตเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ
    Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้

    เหตุผลของราคาชิปที่เพิ่มขึ้น
    AMD เพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น
    บริษัทเน้นการปรับปรุง TCO เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า
    ราคาขายสูงขึ้นเพื่อรักษา margin และความสามารถในการแข่งขัน

    https://wccftech.com/amd-rejects-ai-bubble-defends-500-billion-ai-market-says-chip-price-hikes-are-due-to-high-costs/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Citigroup Conference: เมื่อ AMD มองว่า AI คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว ในการประชุมกับนักลงทุนที่จัดโดย Citigroup เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 Jean Hu (CFO ของ AMD) และ Matthew Ramsay (VP ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด AI, ความสัมพันธ์กับจีน, และราคาชิปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Hu ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เริ่มผลิตชิปใหม่สำหรับตลาดจีน แม้จะได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าลูกค้าจีนจะสามารถซื้อจากสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และยังไม่เริ่มผลิต wafer สำหรับ MI308 ซึ่งเป็น GPU รุ่นเฉพาะสำหรับจีน Ramsay เสริมว่า “ความต้องการชิป AI ในจีนมีมากกว่าความสามารถในการผลิต” เนื่องจากผู้ผลิตชิปในจีนถูกจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตร และ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้ เมื่อถูกถามว่า AI เป็นฟองสบู่หรือไม่ Hu ตอบว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI ไปใช้” และชี้ไปที่การลงทุนของ hyperscaler รายใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กรผ่าน AI ซึ่งสะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่ hype แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง AMD ประเมินว่า TAM (Total Addressable Market) ของ AI จะสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ โดย Ramsay ระบุว่า inference workload, ขนาดของ dataset และการขยายไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ คือปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดนี้ พร้อมเสริมว่า “AI คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต” สำหรับราคาชิปที่เพิ่มขึ้น Hu อธิบายว่าเป็นผลจากการเพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น แต่ AMD พยายามรักษาสมดุลระหว่างราคาขายกับต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ (TCO) เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าในระยะยาว ✅ AMD ปฏิเสธว่า AI เป็นฟองสบู่ ➡️ Hu ระบุว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้ ➡️ การลงทุนของ hyperscaler และ productivity gains เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ➡️ AI ถูกมองว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตสำหรับอุตสาหกรรม ✅ การประเมินตลาด AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ➡️ TAM ของ AI ถูกประเมินโดย AMD ว่าจะสูงถึง $500B ➡️ ปัจจัยหลักคือ inference workload, dataset ขนาดใหญ่ และการขยายสู่อุตสาหกรรม ➡️ Ramsay ระบุว่า AI คือจุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเกิดอินเทอร์เน็ต ✅ สถานการณ์ในจีนและการจำกัดการผลิต ➡️ AMD ยังไม่เริ่มผลิต MI308 GPU สำหรับจีน แม้ได้รับใบอนุญาต ➡️ ความต้องการในจีนสูงกว่าความสามารถในการผลิตเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ➡️ Huawei ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงจากสหรัฐฯ ได้ ✅ เหตุผลของราคาชิปที่เพิ่มขึ้น ➡️ AMD เพิ่มฟีเจอร์ในแต่ละรุ่น ทำให้ต้นทุนวัสดุสูงขึ้น ➡️ บริษัทเน้นการปรับปรุง TCO เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า ➡️ ราคาขายสูงขึ้นเพื่อรักษา margin และความสามารถในการแข่งขัน https://wccftech.com/amd-rejects-ai-bubble-defends-500-billion-ai-market-says-chip-price-hikes-are-due-to-high-costs/
    WCCFTECH.COM
    AMD Rejects 'AI Bubble,' Defends $500 Billion AI Market & Says Chip Price Hikes Are Due To High Costs
    AMD CFO Jean Hu confirms no new China chip production despite licenses and denies an AI bubble exists while discussing $500 billion TAM.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก ACP: เมื่อ Claude Code หลุดจากเทอร์มินัลและกลายเป็นเพื่อนร่วมงานใน Zed

    หลังจากเสียงเรียกร้องจากนักพัฒนาทั่วโลก ทีมงาน Zed ได้เปิดตัวการเชื่อมต่อ Claude Code แบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องพึ่งการผูกติดแบบเฉพาะเจาะจง

    Claude Code ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ต้องรันผ่าน CLI ตอนนี้สามารถทำงานใน Zed ได้แบบเต็มรูปแบบ: แก้โค้ดหลายไฟล์พร้อมกัน, แสดง syntax highlight, ใช้ language server, และให้ผู้ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแบบ granular ผ่าน multibuffer—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk

    ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง workflow ของตัวเองผ่าน slash command และดู task list ของ Claude Code ได้จาก sidebar แบบ real-time ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกับ agent เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

    การเชื่อมต่อนี้ไม่ได้เกิดจากการ hardcode แต่ใช้ ACP ซึ่งเป็นมาตรฐาน JSON-RPC ที่ Zed พัฒนาและเปิดซอร์สไว้ ทำให้ Claude Code สามารถทำงานใน Zed ได้แบบ process อิสระ และสามารถนำไปใช้ใน editor อื่นที่รองรับ ACP เช่น Neovim ผ่าน community adapter

    แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง beta และบางฟีเจอร์ของ Claude Code ยังไม่รองรับผ่าน SDK เช่น Plan mode หรือ slash command บางตัว แต่ทีมงาน Zed ยืนยันว่าจะเพิ่มความสามารถต่อเนื่องตามการอัปเดตจาก Anthropic

    https://zed.dev/blog/claude-code-via-acp
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ACP: เมื่อ Claude Code หลุดจากเทอร์มินัลและกลายเป็นเพื่อนร่วมงานใน Zed หลังจากเสียงเรียกร้องจากนักพัฒนาทั่วโลก ทีมงาน Zed ได้เปิดตัวการเชื่อมต่อ Claude Code แบบ native ผ่าน Agent Client Protocol (ACP) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดใหม่ที่ช่วยให้ AI agent ทำงานร่วมกับ editor ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องพึ่งการผูกติดแบบเฉพาะเจาะจง Claude Code ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือที่ต้องรันผ่าน CLI ตอนนี้สามารถทำงานใน Zed ได้แบบเต็มรูปแบบ: แก้โค้ดหลายไฟล์พร้อมกัน, แสดง syntax highlight, ใช้ language server, และให้ผู้ใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแบบ granular ผ่าน multibuffer—เลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธแต่ละ hunk ผู้ใช้ยังสามารถสร้าง workflow ของตัวเองผ่าน slash command และดู task list ของ Claude Code ได้จาก sidebar แบบ real-time ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกับ agent เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อนี้ไม่ได้เกิดจากการ hardcode แต่ใช้ ACP ซึ่งเป็นมาตรฐาน JSON-RPC ที่ Zed พัฒนาและเปิดซอร์สไว้ ทำให้ Claude Code สามารถทำงานใน Zed ได้แบบ process อิสระ และสามารถนำไปใช้ใน editor อื่นที่รองรับ ACP เช่น Neovim ผ่าน community adapter แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง beta และบางฟีเจอร์ของ Claude Code ยังไม่รองรับผ่าน SDK เช่น Plan mode หรือ slash command บางตัว แต่ทีมงาน Zed ยืนยันว่าจะเพิ่มความสามารถต่อเนื่องตามการอัปเดตจาก Anthropic https://zed.dev/blog/claude-code-via-acp
    ZED.DEV
    Claude Code: Now in Beta in Zed - Zed Blog
    From the Zed Blog: You asked, and here it is. Use Claude Code in public beta directly in Zed, built on the new Agent Client Protocol.
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงงานที่เงียบลง: เมื่อการโจมตีไซเบอร์กลายเป็นตัวหยุดเครื่องยนต์ของเศรษฐกิจยานยนต์อังกฤษ

    ต้นเดือนกันยายน 2025 Jaguar Land Rover (JLR) ถูกโจมตีไซเบอร์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องปิดระบบ IT ทั่วโลกแบบฉุกเฉิน ทั้งในโรงงานผลิตและเครือข่ายค้าปลีก โดยเฉพาะโรงงาน Halewood และ Solihull ในอังกฤษที่ต้องสั่งให้พนักงานกลับบ้านทันที

    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่โชว์รูมกำลังเร่งขายรถใหม่ที่ติดป้ายทะเบียน “75” ซึ่งเป็นช่วงพีคของปีสำหรับยอดขายรถยนต์ในอังกฤษ การที่ระบบลงทะเบียนรถล่ม ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ได้ ส่งผลกระทบต่อรายได้ทันที

    แม้ JLR จะออกแถลงการณ์ว่า “ไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย” แต่กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Spider และ Shiny Hunters ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ พร้อมโพสต์ภาพหน้าจอที่แสดงว่าพวกเขาเข้าถึงระบบภายในของ JLR ได้แล้ว โดยใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ SAP NetWeaver ซึ่งเคยถูกเตือนโดยหน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรง

    กลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้เคยโจมตี M&S, Co-op และ Harrods มาก่อน และปัจจุบันรวมตัวกันภายใต้ชื่อ “Scattered Lapsus Hunters” ซึ่งประกอบด้วยวัยรุ่นและเยาวชนจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่ามีการเรียกค่าไถ่หรือข้อมูลใดถูกขโมย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้อาจเป็นการเจาะระบบ OT (Operational Technology) ที่เชื่อมโยงกับสายการผลิตโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายทางกายภาพได้

    เหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ที่ JLR
    เกิดขึ้นต้นเดือนกันยายน 2025 ส่งผลให้ต้องปิดระบบ IT ทั่วโลก
    โรงงาน Halewood และ Solihull หยุดการผลิต พนักงานถูกสั่งกลับบ้าน
    โชว์รูมไม่สามารถลงทะเบียนรถใหม่ที่ติดป้าย “75” ได้

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างความรับผิดชอบ
    Scattered Spider และ Shiny Hunters รวมตัวกันเป็น “Scattered Lapsus Hunters”
    เคยโจมตี M&S, Co-op และ Harrods มาก่อน
    ใช้ช่องโหว่ใน SAP NetWeaver เพื่อเข้าถึงระบบของ JLR

    ผลกระทบต่อธุรกิจและการผลิต
    เกิดขึ้นในช่วงพีคของยอดขายรถยนต์ในอังกฤษ
    ส่งผลให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ได้ทันที
    อาจกระทบต่อ supply chain และรายได้ของบริษัท

    การตอบสนองของ JLR
    ปิดระบบทันทีเพื่อจำกัดความเสียหาย
    ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย
    กำลังเร่งกู้คืนระบบอย่างเป็นขั้นตอน

    https://www.techradar.com/pro/security/jaguar-land-rover-says-cyberattack-majorly-affected-production
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานที่เงียบลง: เมื่อการโจมตีไซเบอร์กลายเป็นตัวหยุดเครื่องยนต์ของเศรษฐกิจยานยนต์อังกฤษ ต้นเดือนกันยายน 2025 Jaguar Land Rover (JLR) ถูกโจมตีไซเบอร์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องปิดระบบ IT ทั่วโลกแบบฉุกเฉิน ทั้งในโรงงานผลิตและเครือข่ายค้าปลีก โดยเฉพาะโรงงาน Halewood และ Solihull ในอังกฤษที่ต้องสั่งให้พนักงานกลับบ้านทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่โชว์รูมกำลังเร่งขายรถใหม่ที่ติดป้ายทะเบียน “75” ซึ่งเป็นช่วงพีคของปีสำหรับยอดขายรถยนต์ในอังกฤษ การที่ระบบลงทะเบียนรถล่ม ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ได้ ส่งผลกระทบต่อรายได้ทันที แม้ JLR จะออกแถลงการณ์ว่า “ไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย” แต่กลุ่มแฮกเกอร์ Scattered Spider และ Shiny Hunters ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ พร้อมโพสต์ภาพหน้าจอที่แสดงว่าพวกเขาเข้าถึงระบบภายในของ JLR ได้แล้ว โดยใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ SAP NetWeaver ซึ่งเคยถูกเตือนโดยหน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรง กลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้เคยโจมตี M&S, Co-op และ Harrods มาก่อน และปัจจุบันรวมตัวกันภายใต้ชื่อ “Scattered Lapsus Hunters” ซึ่งประกอบด้วยวัยรุ่นและเยาวชนจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่ามีการเรียกค่าไถ่หรือข้อมูลใดถูกขโมย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้อาจเป็นการเจาะระบบ OT (Operational Technology) ที่เชื่อมโยงกับสายการผลิตโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายทางกายภาพได้ ✅ เหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ที่ JLR ➡️ เกิดขึ้นต้นเดือนกันยายน 2025 ส่งผลให้ต้องปิดระบบ IT ทั่วโลก ➡️ โรงงาน Halewood และ Solihull หยุดการผลิต พนักงานถูกสั่งกลับบ้าน ➡️ โชว์รูมไม่สามารถลงทะเบียนรถใหม่ที่ติดป้าย “75” ได้ ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างความรับผิดชอบ ➡️ Scattered Spider และ Shiny Hunters รวมตัวกันเป็น “Scattered Lapsus Hunters” ➡️ เคยโจมตี M&S, Co-op และ Harrods มาก่อน ➡️ ใช้ช่องโหว่ใน SAP NetWeaver เพื่อเข้าถึงระบบของ JLR ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจและการผลิต ➡️ เกิดขึ้นในช่วงพีคของยอดขายรถยนต์ในอังกฤษ ➡️ ส่งผลให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ได้ทันที ➡️ อาจกระทบต่อ supply chain และรายได้ของบริษัท ✅ การตอบสนองของ JLR ➡️ ปิดระบบทันทีเพื่อจำกัดความเสียหาย ➡️ ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลลูกค้าถูกขโมย ➡️ กำลังเร่งกู้คืนระบบอย่างเป็นขั้นตอน https://www.techradar.com/pro/security/jaguar-land-rover-says-cyberattack-majorly-affected-production
    WWW.TECHRADAR.COM
    Jaguar Land Rover says cyberattack majorly affected production
    Recent incident at the luxury carmaker forced it to shut down its IT network
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเหมืองมูลค่า 175,000 ล้านดอลลาร์: เมื่อมาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของมหาอำนาจด้านแร่หายาก

    ในปี 2025 มาเลเซียค้นพบแหล่งแร่หายากขนาดมหึมา มูลค่าประเมินกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, พลังงานสะอาด, และเทคโนโลยีทางทหาร โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ AI และ EV

    จีนซึ่งครองตลาดแร่หายากมากกว่า 90% ของการแปรรูปทั่วโลก เสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่มาเลเซียในการพัฒนาโรงงานแปรรูป แต่มีเงื่อนไขสำคัญ: ต้องร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซียเท่านั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก

    ข้อเสนอของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ปิดกั้นสหรัฐฯ จากการเข้าถึงแร่หายาก และเริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแม่เหล็กถาวรและแร่บางชนิด ทำให้มาเลเซียกลายเป็น “ตัวกลาง” ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต้องการดึงเข้าฝั่ง

    แม้จะยังไม่มีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นกลางและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การสร้างโรงงานแปรรูป, การจ้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง, และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

    ขณะเดียวกัน มาเลเซียก็ยังเจรจากับสหรัฐฯ โดยเสนอว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกฝ่าย และใช้ทรัพยากรที่ค้นพบเป็น “แต้มต่อ” ในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้าและการซื้อเทคโนโลยีจากอเมริกา

    ข้อเสนอจากจีน
    เสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการแปรรูปแร่หายาก
    จำกัดความร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย
    หวังป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก

    สถานะของแร่หายากในมาเลเซีย
    พบแหล่งแร่หายากมูลค่ากว่า 175,000 ล้านดอลลาร์
    คาดว่าจะสร้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง
    มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการแปรรูปนอกประเทศจีน

    การเจรจากับสหรัฐฯ
    มาเลเซียเสนอความเป็นกลางและมาตรฐานเดียวกับทุกฝ่าย
    ใช้ทรัพยากรเป็นแต้มต่อในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้า
    สหรัฐฯ กำลังหาทางลดการพึ่งพาจีนใน supply chain

    โครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ
    Lynas Malaysia เป็นโรงงานแปรรูปแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดนอกจีน
    มีแผนสร้างโรงงานใหม่และดึงดูดนักลงทุนจากเกาหลีใต้และออสเตรเลีย
    รัฐบาลวางแผนพัฒนาโรงงานแปรรูปในหลายรัฐ เช่น เประและกลันตัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/after-locking-out-the-u-s-china-offers-rare-earth-development-assistance-to-malaysia-insists-on-partnering-with-state-owned-companies-only
    🎙️ เรื่องเล่าจากเหมืองมูลค่า 175,000 ล้านดอลลาร์: เมื่อมาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของมหาอำนาจด้านแร่หายาก ในปี 2025 มาเลเซียค้นพบแหล่งแร่หายากขนาดมหึมา มูลค่าประเมินกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, พลังงานสะอาด, และเทคโนโลยีทางทหาร โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ AI และ EV จีนซึ่งครองตลาดแร่หายากมากกว่า 90% ของการแปรรูปทั่วโลก เสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่มาเลเซียในการพัฒนาโรงงานแปรรูป แต่มีเงื่อนไขสำคัญ: ต้องร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซียเท่านั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก ข้อเสนอของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ปิดกั้นสหรัฐฯ จากการเข้าถึงแร่หายาก และเริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแม่เหล็กถาวรและแร่บางชนิด ทำให้มาเลเซียกลายเป็น “ตัวกลาง” ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต้องการดึงเข้าฝั่ง แม้จะยังไม่มีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นกลางและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การสร้างโรงงานแปรรูป, การจ้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง, และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน มาเลเซียก็ยังเจรจากับสหรัฐฯ โดยเสนอว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกฝ่าย และใช้ทรัพยากรที่ค้นพบเป็น “แต้มต่อ” ในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้าและการซื้อเทคโนโลยีจากอเมริกา ✅ ข้อเสนอจากจีน ➡️ เสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการแปรรูปแร่หายาก ➡️ จำกัดความร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย ➡️ หวังป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก ✅ สถานะของแร่หายากในมาเลเซีย ➡️ พบแหล่งแร่หายากมูลค่ากว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ ➡️ คาดว่าจะสร้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง ➡️ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการแปรรูปนอกประเทศจีน ✅ การเจรจากับสหรัฐฯ ➡️ มาเลเซียเสนอความเป็นกลางและมาตรฐานเดียวกับทุกฝ่าย ➡️ ใช้ทรัพยากรเป็นแต้มต่อในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้า ➡️ สหรัฐฯ กำลังหาทางลดการพึ่งพาจีนใน supply chain ✅ โครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ ➡️ Lynas Malaysia เป็นโรงงานแปรรูปแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดนอกจีน ➡️ มีแผนสร้างโรงงานใหม่และดึงดูดนักลงทุนจากเกาหลีใต้และออสเตรเลีย ➡️ รัฐบาลวางแผนพัฒนาโรงงานแปรรูปในหลายรัฐ เช่น เประและกลันตัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/after-locking-out-the-u-s-china-offers-rare-earth-development-assistance-to-malaysia-insists-on-partnering-with-state-owned-companies-only
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก #TrumpDead: เมื่อความเงียบของผู้นำกลายเป็นเชื้อเพลิงของข่าวลวง

    ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 79 ปี หายไปจากสื่อและกิจกรรมสาธารณะหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่าเขาป่วยหนัก หรือแม้แต่ “เสียชีวิตแล้ว” โดยมีการแชร์ภาพ, แผนที่, และวิดีโอที่ถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงด้วย AI เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้น

    แม้ทรัมป์จะออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายนว่า “ข่าวลือทั้งหมดเป็น fake news” และยืนยันว่า “NEVER FELT BETTER IN MY LIFE” บน Truth Social แต่ hashtag #TrumpDead ก็ยังคงถูกพูดถึงมากกว่า 104,000 ครั้ง และมียอดเข้าชมรวมกว่า 35.3 ล้านวิวบนแพลตฟอร์ม X

    ภาพที่ถูกแชร์ ได้แก่:
    - แผนที่แสดงการปิดถนนใกล้โรงพยาบาล Walter Reed ซึ่งไม่มีรายงานจริง
    - ภาพรถพยาบาลหน้าทำเนียบขาวที่จริงแล้วถ่ายตั้งแต่ปี 2023 สมัยไบเดนยังดำรงตำแหน่ง
    - ธงไว้อาลัยที่ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณการเสียชีวิตของทรัมป์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นคำสั่งไว้อาลัยเหยื่อกราดยิงในมินนิอาโปลิส
    - ภาพใบหน้าทรัมป์ที่ถูกซูมและปรับด้วย AI ให้เห็นรอยเหนือดวงตา ซึ่งไม่มีอยู่ในภาพต้นฉบับ

    ข่าวลวงเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากบัญชีฝั่งต่อต้านทรัมป์บน X, Bluesky และ Instagram และยังคงแพร่กระจายแม้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงแล้ว โดยบางโพสต์ถึงขั้นอ้างว่า “ทำเนียบขาวประกาศว่าเขาเสียชีวิต” ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/03/trump-health-misinformation-swirls-despite-denial
    🎙️ เรื่องเล่าจาก #TrumpDead: เมื่อความเงียบของผู้นำกลายเป็นเชื้อเพลิงของข่าวลวง ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 79 ปี หายไปจากสื่อและกิจกรรมสาธารณะหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ว่าเขาป่วยหนัก หรือแม้แต่ “เสียชีวิตแล้ว” โดยมีการแชร์ภาพ, แผนที่, และวิดีโอที่ถูกบิดเบือนหรือดัดแปลงด้วย AI เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านั้น แม้ทรัมป์จะออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 กันยายนว่า “ข่าวลือทั้งหมดเป็น fake news” และยืนยันว่า “NEVER FELT BETTER IN MY LIFE” บน Truth Social แต่ hashtag #TrumpDead ก็ยังคงถูกพูดถึงมากกว่า 104,000 ครั้ง และมียอดเข้าชมรวมกว่า 35.3 ล้านวิวบนแพลตฟอร์ม X ภาพที่ถูกแชร์ ได้แก่: - แผนที่แสดงการปิดถนนใกล้โรงพยาบาล Walter Reed ซึ่งไม่มีรายงานจริง - ภาพรถพยาบาลหน้าทำเนียบขาวที่จริงแล้วถ่ายตั้งแต่ปี 2023 สมัยไบเดนยังดำรงตำแหน่ง - ธงไว้อาลัยที่ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณการเสียชีวิตของทรัมป์ ทั้งที่จริงแล้วเป็นคำสั่งไว้อาลัยเหยื่อกราดยิงในมินนิอาโปลิส - ภาพใบหน้าทรัมป์ที่ถูกซูมและปรับด้วย AI ให้เห็นรอยเหนือดวงตา ซึ่งไม่มีอยู่ในภาพต้นฉบับ ข่าวลวงเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากบัญชีฝั่งต่อต้านทรัมป์บน X, Bluesky และ Instagram และยังคงแพร่กระจายแม้จะมีการแถลงข่าวชี้แจงแล้ว โดยบางโพสต์ถึงขั้นอ้างว่า “ทำเนียบขาวประกาศว่าเขาเสียชีวิต” ทั้งที่ไม่เป็นความจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/03/trump-health-misinformation-swirls-despite-denial
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump health misinformation swirls despite denial
    From manipulated images to out-of-context photos, false claims that Donald Trump is seriously ill – or even dead – have swirled online, with the misinformation persisting even after the US president publicly rejected it on Sept 2.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Dark Web: เมื่อการเฝ้าระวังในเงามืดกลายเป็นเกราะป้องกันองค์กรก่อนภัยจะมาถึง

    หลายองค์กรยังมอง Dark Web ว่าเป็นพื้นที่ของอาชญากรรมไซเบอร์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือ “เรดาร์ลับ” ที่สามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ก่อนที่การโจมตีจะเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของ credentials, การขายสิทธิ์เข้าถึงระบบ, หรือการวางแผน ransomware

    ผู้เชี่ยวชาญจากหลายบริษัท เช่น Nightwing, Picus Security, ISG และ Cyberproof ต่างยืนยันว่า Dark Web คือแหล่งข้อมูลที่มีค่า—ถ้าเรารู้ว่าจะดูอะไร และจะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไร เช่น การตรวจพบ stealer logs, การพูดถึงแบรนด์ขององค์กร, หรือการขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย initial access brokers (IABs)

    การเฝ้าระวัง Dark Web ไม่ใช่แค่การ “ดูว่ามีข้อมูลหลุดหรือไม่” แต่ต้องเชื่อมโยงกับระบบภายใน เช่น SIEM, XDR, หรือระบบ identity เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันทีเมื่อพบ session token หรือ admin credential ที่ถูกขโมย

    เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ SpyCloud ซึ่งเน้นการตรวจจับ credentials ที่หลุดแบบอัตโนมัติ และ DarkOwl ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ โดยมี search engine สำหรับ Dark Web ที่สามารถกรองตามประเภทข้อมูล, เวลา, และแหล่งที่มา

    นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคเชิงรุก เช่น honeypots และ canary tokens ที่ใช้ล่อให้แฮกเกอร์เปิดเผยตัว และการเข้าร่วม ISACs หรือ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    เหตุผลที่ควรเฝ้าระวัง Dark Web
    เป็นระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเมื่อมีข้อมูลหลุดหรือถูกวางเป้าหมาย
    ช่วยให้ทีม security รู้ว่ากลุ่ม ransomware กำลังเล็งอุตสาหกรรมใด
    สามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับ playbook และทำ adversarial simulation

    สัญญาณที่ควรจับตา
    stealer logs, brand mentions, การขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย IABs
    การพูดถึงซอฟต์แวร์หรือระบบที่องค์กรใช้อยู่ เช่น CRM, SSO, cloud
    การโพสต์รับสมัคร affiliate ที่เจาะจงอุตสาหกรรม เช่น SaaS หรือ healthcare

    เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้
    SpyCloud: ตรวจจับ credentials, cookies, tokens ที่หลุดแบบอัตโนมัติ
    DarkOwl: วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ มี search engine สำหรับ Dark Web
    Flashpoint, Recorded Future: ใช้สำหรับ threat intelligence และการแจ้งเตือน

    เทคนิคเสริมเพื่อเพิ่มการตรวจจับ
    honeypots และ canary tokens สำหรับล่อแฮกเกอร์และตรวจจับ insider threat
    การเข้าร่วม ISACs และ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม
    การตั้งค่า monitoring สำหรับ domain, IP, username บน marketplace และ forum

    การเชื่อมโยงข้อมูลภายนอกกับระบบภายใน
    cross-reference กับ authentication logs, identity changes, และ anomalous behavior
    ใช้ข้อมูลจาก Dark Web เพื่อ trigger investigation, revoke access, isolate services
    พัฒนา incident response playbook ที่เชื่อมโยงกับ threat intelligence

    https://www.csoonline.com/article/4046242/a-cisos-guide-to-monitoring-the-dark-web.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Dark Web: เมื่อการเฝ้าระวังในเงามืดกลายเป็นเกราะป้องกันองค์กรก่อนภัยจะมาถึง หลายองค์กรยังมอง Dark Web ว่าเป็นพื้นที่ของอาชญากรรมไซเบอร์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือ “เรดาร์ลับ” ที่สามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ก่อนที่การโจมตีจะเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของ credentials, การขายสิทธิ์เข้าถึงระบบ, หรือการวางแผน ransomware ผู้เชี่ยวชาญจากหลายบริษัท เช่น Nightwing, Picus Security, ISG และ Cyberproof ต่างยืนยันว่า Dark Web คือแหล่งข้อมูลที่มีค่า—ถ้าเรารู้ว่าจะดูอะไร และจะใช้ข้อมูลนั้นอย่างไร เช่น การตรวจพบ stealer logs, การพูดถึงแบรนด์ขององค์กร, หรือการขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย initial access brokers (IABs) การเฝ้าระวัง Dark Web ไม่ใช่แค่การ “ดูว่ามีข้อมูลหลุดหรือไม่” แต่ต้องเชื่อมโยงกับระบบภายใน เช่น SIEM, XDR, หรือระบบ identity เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันทีเมื่อพบ session token หรือ admin credential ที่ถูกขโมย เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ SpyCloud ซึ่งเน้นการตรวจจับ credentials ที่หลุดแบบอัตโนมัติ และ DarkOwl ที่เน้นการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ โดยมี search engine สำหรับ Dark Web ที่สามารถกรองตามประเภทข้อมูล, เวลา, และแหล่งที่มา นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคเชิงรุก เช่น honeypots และ canary tokens ที่ใช้ล่อให้แฮกเกอร์เปิดเผยตัว และการเข้าร่วม ISACs หรือ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามในอุตสาหกรรมเดียวกัน ✅ เหตุผลที่ควรเฝ้าระวัง Dark Web ➡️ เป็นระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเมื่อมีข้อมูลหลุดหรือถูกวางเป้าหมาย ➡️ ช่วยให้ทีม security รู้ว่ากลุ่ม ransomware กำลังเล็งอุตสาหกรรมใด ➡️ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับ playbook และทำ adversarial simulation ✅ สัญญาณที่ควรจับตา ➡️ stealer logs, brand mentions, การขายสิทธิ์ RDP/VPN โดย IABs ➡️ การพูดถึงซอฟต์แวร์หรือระบบที่องค์กรใช้อยู่ เช่น CRM, SSO, cloud ➡️ การโพสต์รับสมัคร affiliate ที่เจาะจงอุตสาหกรรม เช่น SaaS หรือ healthcare ✅ เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้ ➡️ SpyCloud: ตรวจจับ credentials, cookies, tokens ที่หลุดแบบอัตโนมัติ ➡️ DarkOwl: วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ มี search engine สำหรับ Dark Web ➡️ Flashpoint, Recorded Future: ใช้สำหรับ threat intelligence และการแจ้งเตือน ✅ เทคนิคเสริมเพื่อเพิ่มการตรวจจับ ➡️ honeypots และ canary tokens สำหรับล่อแฮกเกอร์และตรวจจับ insider threat ➡️ การเข้าร่วม ISACs และ CERTs เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม ➡️ การตั้งค่า monitoring สำหรับ domain, IP, username บน marketplace และ forum ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลภายนอกกับระบบภายใน ➡️ cross-reference กับ authentication logs, identity changes, และ anomalous behavior ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Dark Web เพื่อ trigger investigation, revoke access, isolate services ➡️ พัฒนา incident response playbook ที่เชื่อมโยงกับ threat intelligence https://www.csoonline.com/article/4046242/a-cisos-guide-to-monitoring-the-dark-web.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    A CISO’s guide to monitoring the dark web
    From leaked credentials to ransomware plans, the dark web is full of early warning signs — if you know where and how to look. Here’s how security leaders can monitor these hidden spaces and act before an attack hits.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • ปชน.พลิกคุมรัฐบาล : [NEWS UPDATE]

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) เปิดเงื่อนไข 5 ข้อ หนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ห้ามเป็นเสียงข้างมาก ยืนยัน ไม่มีการยื่นดีลแลกคดี 44 สส. ไม่เสียใจเพราะมติคำนึงถึงทางออกประเทศมากกว่าคะแนนนิยม พรรคประชาชนถือ 143 เสียง กำกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ผลักดันการยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

    -"พูดไม่ได้"เหตุผลเปลี่ยนขั้ว

    -ชิงทูลเกล้าฯยุบสภา

    -วาระร้อนต้องถึงมือประธาน

    -ได้ทีดันยุบสภา-แก้รธน.
    ปชน.พลิกคุมรัฐบาล : [NEWS UPDATE] นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) เปิดเงื่อนไข 5 ข้อ หนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ห้ามเป็นเสียงข้างมาก ยืนยัน ไม่มีการยื่นดีลแลกคดี 44 สส. ไม่เสียใจเพราะมติคำนึงถึงทางออกประเทศมากกว่าคะแนนนิยม พรรคประชาชนถือ 143 เสียง กำกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ผลักดันการยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ -"พูดไม่ได้"เหตุผลเปลี่ยนขั้ว -ชิงทูลเกล้าฯยุบสภา -วาระร้อนต้องถึงมือประธาน -ได้ทีดันยุบสภา-แก้รธน.
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 0 Reviews
  • อ้วน-รอด-ยาก กก.กฤษฎีกายืนยัน รักษาการไม่มีสิทธิยุบสภา (3/9/68)

    #TruthFromThailand
    #การเมืองไทย
    #ยุบสภา
    #กกกฤษฎีกา
    #ภูมิธรรม
    #เพื่อไทย
    #ข่าวด่วน
    #ข่าววันนี้
    #BreakingNews
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    อ้วน-รอด-ยาก กก.กฤษฎีกายืนยัน รักษาการไม่มีสิทธิยุบสภา (3/9/68) #TruthFromThailand #การเมืองไทย #ยุบสภา #กกกฤษฎีกา #ภูมิธรรม #เพื่อไทย #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้ #BreakingNews #ThaiTimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 0 Reviews
  • 'อนุทิน' นำทีมเซ็น MOU! ยืนยัน 5 ข้อตกลงกับ 'พรรคประชาชน' ก่อนเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล
    https://www.thai-tai.tv/news/21285/
    .
    #ไทยไท #อนุทินชาญวีรกูล #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'อนุทิน' นำทีมเซ็น MOU! ยืนยัน 5 ข้อตกลงกับ 'พรรคประชาชน' ก่อนเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล https://www.thai-tai.tv/news/21285/ . #ไทยไท #อนุทินชาญวีรกูล #พรรคประชาชน #ภูมิใจไทย #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • หัวหน้าพรรคประชาชน เผยข้อตกลง 5 ข้อแก่พรรคภูมิใจไทย ก่อนโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ทั้งให้ยุบสภาใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลต่อไป เผยอาจมีบวกลบเล็กน้อยในขั้นตอนจัดทำรัฐธรรมนูญ ด้านรองหัวหน้าพรรคเผย ถ้าบรรจุวาระโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ คาดโหวตเลือกนายกฯ เร็วที่สุดวันศุกร์นี้ (5 ก.ย.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084151

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หัวหน้าพรรคประชาชน เผยข้อตกลง 5 ข้อแก่พรรคภูมิใจไทย ก่อนโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ทั้งให้ยุบสภาใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันขอเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลต่อไป เผยอาจมีบวกลบเล็กน้อยในขั้นตอนจัดทำรัฐธรรมนูญ ด้านรองหัวหน้าพรรคเผย ถ้าบรรจุวาระโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ คาดโหวตเลือกนายกฯ เร็วที่สุดวันศุกร์นี้ (5 ก.ย.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084151 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก UAL256: เมื่อ AMD สร้างระบบ rack-scale ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่ “เชื่อมโยงทุกอย่าง” ด้วย Ultra Ethernet และ Vulcano switch

    แม้ AMD ยังไม่เปิดตัว Instinct MI400 อย่างเป็นทางการ แต่บริษัทก็เริ่มเผยโครงสร้างของรุ่นถัดไป—Instinct MI500 UAL256 ซึ่งเป็น rack-scale system รุ่นที่สอง ต่อจาก MI450X “Helios” ที่จะเปิดตัวในปี 2026

    ในระบบ UAL256 แต่ละ compute node จะประกอบด้วย 1 CPU รหัส “Verano” ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 7 และ 4 GPU รุ่น MI500 โดยรวมแล้ว Mega Pod หนึ่งชุดจะมี 64 CPU และ 256 GPU กระจายอยู่ในสองแร็คหลัก (32-node ต่อแร็ค) และเชื่อมต่อกันด้วยแร็คกลางที่มี 18 networking trays

    แต่ละ tray จะใช้ Vulcano switch ASICs จำนวน 4 ตัว ที่รองรับ throughput ระดับ 800G ต่อ tray และผลิตบนเทคโนโลยี 3nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นการยกระดับการเชื่อมต่อภายใน rack-scale system อย่างแท้จริง

    Verano CPU จะใช้ Socket SP7 และรองรับ PCIe Gen 6, UALink และ Ultra Ethernet ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ AMD กำลังผลักดันให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ AI/HPC ในยุคถัดไป โดยยังไม่ยืนยันว่าจะเพิ่มจำนวนคอร์เกิน 256 cores ต่อแพ็กเกจเหมือน Venice หรือไม่

    โครงสร้างของ Instinct MI500 UAL256
    ประกอบด้วย 64 Verano CPUs และ 256 MI500 GPUs
    แบ่งเป็นสองแร็คหลัก (32-node ต่อแร็ค) และแร็คกลางสำหรับ networking
    ใช้ Vulcano switch ASICs ที่รองรับ 800G throughput ต่อ tray

    สถาปัตยกรรมของ Verano CPU
    ใช้ Zen 7 microarchitecture ที่เน้น IPC และ instruction set ใหม่
    ยังคงใช้ Socket SP7 และรองรับ PCIe Gen 6, UALink, Ultra Ethernet
    ยังไม่ยืนยันว่าจะเพิ่ม core count เกิน 256 cores ต่อแพ็กเกจ

    เทคโนโลยีการเชื่อมต่อภายในระบบ
    Vulcano switch ผลิตบน TSMC 3nm node
    รองรับ external throughput ระดับ 800G
    ใช้ Ultra Ethernet เป็นโครงสร้างหลักในการเชื่อมต่อ GPU/CPU

    แผนการเปิดตัว
    MI450X “Helios” จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2026
    MI500 UAL256 Mega Pod จะเปิดตัวในปี 2027
    เป็นระบบ rack-scale รุ่นที่สองของ AMD สำหรับ AI และ HPC

    https://www.techpowerup.com/340598/amd-instinct-mi500-ual256-mega-pod-to-scale-up-to-256-gpus-64-verano-cpus
    🎙️ เรื่องเล่าจาก UAL256: เมื่อ AMD สร้างระบบ rack-scale ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่ “เชื่อมโยงทุกอย่าง” ด้วย Ultra Ethernet และ Vulcano switch แม้ AMD ยังไม่เปิดตัว Instinct MI400 อย่างเป็นทางการ แต่บริษัทก็เริ่มเผยโครงสร้างของรุ่นถัดไป—Instinct MI500 UAL256 ซึ่งเป็น rack-scale system รุ่นที่สอง ต่อจาก MI450X “Helios” ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ในระบบ UAL256 แต่ละ compute node จะประกอบด้วย 1 CPU รหัส “Verano” ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 7 และ 4 GPU รุ่น MI500 โดยรวมแล้ว Mega Pod หนึ่งชุดจะมี 64 CPU และ 256 GPU กระจายอยู่ในสองแร็คหลัก (32-node ต่อแร็ค) และเชื่อมต่อกันด้วยแร็คกลางที่มี 18 networking trays แต่ละ tray จะใช้ Vulcano switch ASICs จำนวน 4 ตัว ที่รองรับ throughput ระดับ 800G ต่อ tray และผลิตบนเทคโนโลยี 3nm ของ TSMC ซึ่งถือเป็นการยกระดับการเชื่อมต่อภายใน rack-scale system อย่างแท้จริง Verano CPU จะใช้ Socket SP7 และรองรับ PCIe Gen 6, UALink และ Ultra Ethernet ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ AMD กำลังผลักดันให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ AI/HPC ในยุคถัดไป โดยยังไม่ยืนยันว่าจะเพิ่มจำนวนคอร์เกิน 256 cores ต่อแพ็กเกจเหมือน Venice หรือไม่ ✅ โครงสร้างของ Instinct MI500 UAL256 ➡️ ประกอบด้วย 64 Verano CPUs และ 256 MI500 GPUs ➡️ แบ่งเป็นสองแร็คหลัก (32-node ต่อแร็ค) และแร็คกลางสำหรับ networking ➡️ ใช้ Vulcano switch ASICs ที่รองรับ 800G throughput ต่อ tray ✅ สถาปัตยกรรมของ Verano CPU ➡️ ใช้ Zen 7 microarchitecture ที่เน้น IPC และ instruction set ใหม่ ➡️ ยังคงใช้ Socket SP7 และรองรับ PCIe Gen 6, UALink, Ultra Ethernet ➡️ ยังไม่ยืนยันว่าจะเพิ่ม core count เกิน 256 cores ต่อแพ็กเกจ ✅ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อภายในระบบ ➡️ Vulcano switch ผลิตบน TSMC 3nm node ➡️ รองรับ external throughput ระดับ 800G ➡️ ใช้ Ultra Ethernet เป็นโครงสร้างหลักในการเชื่อมต่อ GPU/CPU ✅ แผนการเปิดตัว ➡️ MI450X “Helios” จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ MI500 UAL256 Mega Pod จะเปิดตัวในปี 2027 ➡️ เป็นระบบ rack-scale รุ่นที่สองของ AMD สำหรับ AI และ HPC https://www.techpowerup.com/340598/amd-instinct-mi500-ual256-mega-pod-to-scale-up-to-256-gpus-64-verano-cpus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Instinct MI500 UAL256 Mega Pod to Scale up to 256 GPUs, 64 "Verano" CPUs
    While AMD hasn't launched its upcoming Instinct MI400 series of accelerators yet, the company has started preparing its supply chain for what comes after. Thanks to SemiAnalysis, we have a clearer picture of what AMD's Instinct MI500 UAL256 rack will look like. At the base of each compute node, ther...
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากแป้นพิมพ์: เมื่อ Return ไม่ได้แค่ “ขึ้นบรรทัดใหม่” แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนยุค

    ในจินตนาการของคนทั่วไป การเปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์ดีดไปสู่คอมพิวเตอร์ดูเหมือนจะเรียบง่าย—แค่เอาจอและ CPU มาต่อกับแป้นพิมพ์ก็จบ แต่ความจริงนั้นซับซ้อนกว่ามาก และไม่มีปุ่มไหนสะท้อนการเปลี่ยนผ่านนี้ได้ดีเท่ากับ “Return”

    เริ่มจากเครื่องพิมพ์ดีดในยุค 1870s ที่ไม่มีแม้แต่ปุ่ม 0 หรือ 1 เพราะถูกตัดออกเพื่อลดต้นทุน ผู้ใช้ต้องพิมพ์ O แทน 0 และ l แทน 1 หรือแม้แต่ใช้ดินสอเติมสัญลักษณ์ที่ขาดหายไป การพิมพ์ซ้อนทับเพื่อสร้างสัญลักษณ์ใหม่กลายเป็นศิลปะที่เรียกว่า “concrete poetry”

    คันโยก “carriage return” คือกลไกที่พากระดาษขึ้นบรรทัดใหม่และเลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย แต่เมื่อเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเข้ามาในยุค 1940s–1950s คันโยกนี้ก็กลายเป็นปุ่ม “Return” ที่กดง่ายขึ้นถึง 425 เท่า

    จากนั้น teletypes ก็เข้ามาแทนที่ Morse code โดยใช้แป้นพิมพ์ QWERTY ส่งข้อความผ่านสายไฟ แต่การเลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย (Carriage Return) ใช้เวลานานกว่าการขึ้นบรรทัดใหม่ (Line Feed) จึงต้องแยกเป็นสองรหัส—CR และ LF—ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่นักพัฒนายังเจอในทุกวันนี้

    เมื่อ word processor เข้ามาในยุค 1970s–1980s การพิมพ์กลายเป็นข้อมูลที่แก้ไขได้ การขึ้นบรรทัดใหม่จึงไม่ใช่เรื่องของกลไกอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ “text reflow” ที่ต้องปรับอัตโนมัติเมื่อมีการแก้ไขข้อความ Return จึงกลายเป็นปุ่มที่ใช้เฉพาะการขึ้นย่อหน้า ส่วนการขึ้นบรรทัดใหม่ต้องใช้ soft return, hard return หรือแม้แต่ modifier key

    เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มมีหน้าจอและฟอร์มให้กรอกข้อมูล ปุ่ม Return ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Enter เพื่อสื่อถึงการ “ส่งข้อมูล” ไม่ใช่แค่ “ขึ้นบรรทัดใหม่” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสับสนที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้

    จุดกำเนิดของ Return บนเครื่องพิมพ์ดีด
    เริ่มจากคันโยกที่เลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้ายและขึ้นบรรทัดใหม่
    กลายเป็นปุ่ม “Return” เมื่อเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเข้ามา
    ลดแรงที่ต้องใช้ในการพิมพ์ลงอย่างมหาศาล

    การแยก CR และ LF บน teletypes
    Carriage Return (CR) เลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย
    Line Feed (LF) ขึ้นบรรทัดใหม่
    ถูกแยกเป็นสองรหัสเพื่อให้ระบบทันกับความเร็วในการส่งข้อมูล

    การเปลี่ยนแปลงในยุค word processor
    Return ใช้เฉพาะการขึ้นย่อหน้า
    การขึ้นบรรทัดใหม่ต้องใช้ soft return หรือ modifier key
    เกิดแนวคิด “text reflow” ที่ปรับข้อความอัตโนมัติ

    การเปลี่ยนชื่อเป็น Enter บนคอมพิวเตอร์
    ใช้ Enter เพื่อสื่อถึงการ “ส่งข้อมูล” หรือ “ยืนยันคำสั่ง”
    IBM และ Apple เลือกใช้ชื่อแตกต่างกัน: IBM ใช้ Enter, Apple ใช้ Return
    ปุ่มเดียวกันมีความหมายต่างกันตามบริบทของซอฟต์แวร์

    ความซับซ้อนของแป้นพิมพ์ยุคใหม่
    ปุ่มเดียวอาจมีหลายหน้าที่ เช่น Return, Enter, Execute, New Line
    Modifier key เช่น Shift, Ctrl, Alt เปลี่ยนพฤติกรรมของปุ่ม
    การออกแบบแป้นพิมพ์ต้องรองรับหลายบริบทและหลายภาษา

    https://aresluna.org/the-day-return-became-enter/
    🎙️ เรื่องเล่าจากแป้นพิมพ์: เมื่อ Return ไม่ได้แค่ “ขึ้นบรรทัดใหม่” แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนยุค ในจินตนาการของคนทั่วไป การเปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์ดีดไปสู่คอมพิวเตอร์ดูเหมือนจะเรียบง่าย—แค่เอาจอและ CPU มาต่อกับแป้นพิมพ์ก็จบ แต่ความจริงนั้นซับซ้อนกว่ามาก และไม่มีปุ่มไหนสะท้อนการเปลี่ยนผ่านนี้ได้ดีเท่ากับ “Return” เริ่มจากเครื่องพิมพ์ดีดในยุค 1870s ที่ไม่มีแม้แต่ปุ่ม 0 หรือ 1 เพราะถูกตัดออกเพื่อลดต้นทุน ผู้ใช้ต้องพิมพ์ O แทน 0 และ l แทน 1 หรือแม้แต่ใช้ดินสอเติมสัญลักษณ์ที่ขาดหายไป การพิมพ์ซ้อนทับเพื่อสร้างสัญลักษณ์ใหม่กลายเป็นศิลปะที่เรียกว่า “concrete poetry” คันโยก “carriage return” คือกลไกที่พากระดาษขึ้นบรรทัดใหม่และเลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย แต่เมื่อเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเข้ามาในยุค 1940s–1950s คันโยกนี้ก็กลายเป็นปุ่ม “Return” ที่กดง่ายขึ้นถึง 425 เท่า จากนั้น teletypes ก็เข้ามาแทนที่ Morse code โดยใช้แป้นพิมพ์ QWERTY ส่งข้อความผ่านสายไฟ แต่การเลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย (Carriage Return) ใช้เวลานานกว่าการขึ้นบรรทัดใหม่ (Line Feed) จึงต้องแยกเป็นสองรหัส—CR และ LF—ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่นักพัฒนายังเจอในทุกวันนี้ เมื่อ word processor เข้ามาในยุค 1970s–1980s การพิมพ์กลายเป็นข้อมูลที่แก้ไขได้ การขึ้นบรรทัดใหม่จึงไม่ใช่เรื่องของกลไกอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ “text reflow” ที่ต้องปรับอัตโนมัติเมื่อมีการแก้ไขข้อความ Return จึงกลายเป็นปุ่มที่ใช้เฉพาะการขึ้นย่อหน้า ส่วนการขึ้นบรรทัดใหม่ต้องใช้ soft return, hard return หรือแม้แต่ modifier key เมื่อคอมพิวเตอร์เริ่มมีหน้าจอและฟอร์มให้กรอกข้อมูล ปุ่ม Return ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Enter เพื่อสื่อถึงการ “ส่งข้อมูล” ไม่ใช่แค่ “ขึ้นบรรทัดใหม่” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสับสนที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ ✅ จุดกำเนิดของ Return บนเครื่องพิมพ์ดีด ➡️ เริ่มจากคันโยกที่เลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้ายและขึ้นบรรทัดใหม่ ➡️ กลายเป็นปุ่ม “Return” เมื่อเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเข้ามา ➡️ ลดแรงที่ต้องใช้ในการพิมพ์ลงอย่างมหาศาล ✅ การแยก CR และ LF บน teletypes ➡️ Carriage Return (CR) เลื่อนหัวพิมพ์กลับไปทางซ้าย ➡️ Line Feed (LF) ขึ้นบรรทัดใหม่ ➡️ ถูกแยกเป็นสองรหัสเพื่อให้ระบบทันกับความเร็วในการส่งข้อมูล ✅ การเปลี่ยนแปลงในยุค word processor ➡️ Return ใช้เฉพาะการขึ้นย่อหน้า ➡️ การขึ้นบรรทัดใหม่ต้องใช้ soft return หรือ modifier key ➡️ เกิดแนวคิด “text reflow” ที่ปรับข้อความอัตโนมัติ ✅ การเปลี่ยนชื่อเป็น Enter บนคอมพิวเตอร์ ➡️ ใช้ Enter เพื่อสื่อถึงการ “ส่งข้อมูล” หรือ “ยืนยันคำสั่ง” ➡️ IBM และ Apple เลือกใช้ชื่อแตกต่างกัน: IBM ใช้ Enter, Apple ใช้ Return ➡️ ปุ่มเดียวกันมีความหมายต่างกันตามบริบทของซอฟต์แวร์ ✅ ความซับซ้อนของแป้นพิมพ์ยุคใหม่ ➡️ ปุ่มเดียวอาจมีหลายหน้าที่ เช่น Return, Enter, Execute, New Line ➡️ Modifier key เช่น Shift, Ctrl, Alt เปลี่ยนพฤติกรรมของปุ่ม ➡️ การออกแบบแป้นพิมพ์ต้องรองรับหลายบริบทและหลายภาษา https://aresluna.org/the-day-return-became-enter/
    ARESLUNA.ORG
    The day Return became Enter
    A deep dive into the convoluted and fascinating story of one of the most important keys on the keyboard
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • พรรคประชาชน ประกาศสนับสนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ ทางการแล้ว พร้อมเงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือน ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อ-ไม่ส่งตัวแทนรับตำแหน่งรัฐมนตรี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084119

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    พรรคประชาชน ประกาศสนับสนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ ทางการแล้ว พร้อมเงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือน ร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อ-ไม่ส่งตัวแทนรับตำแหน่งรัฐมนตรี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084119 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Nanjing: เมื่อ TSMC ต้องขออนุญาตทุกครั้งเพื่อส่งเครื่องมือไปยังโรงงานของตัวเอง

    ในช่วงปลายปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสิทธิ์ Validated End User (VEU) ของ TSMC สำหรับโรงงาน Fab 16 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน ซึ่งเดิมทีอนุญาตให้ TSMC สามารถนำเข้าเครื่องมือผลิตชิปจากบริษัทอเมริกัน เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตรายครั้ง

    เมื่อ VEU ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกการส่งออกเครื่องมือ, อะไหล่, หรือสารเคมีไปยัง Fab 16 จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบรายรายการจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมี “แนวโน้มปฏิเสธ” เป็นค่าเริ่มต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินงานของโรงงานนี้

    แม้ TSMC จะยืนยันว่าจะพยายามดำเนินงานต่อไปโดยไม่สะดุด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจบีบให้บริษัทต้องหันไปใช้เครื่องมือจากผู้ผลิตจีน เช่น AMEC, Naura, Kingsemi หรือ Piotech ซึ่งแม้จะมีความก้าวหน้าในบางด้าน แต่ยังไม่สามารถทดแทนเครื่องมือระดับ 16nm ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของ lithography ที่ยังไม่มีผู้ผลิตจีนรายใดสามารถทำได้ในระดับที่ TSMC ต้องการ

    ผลกระทบต่อ TSMC อาจไม่รุนแรงเท่ากับ Samsung หรือ SK hynix ที่มี footprint ในจีนมากกว่า แต่การลดกำลังผลิตของ Fab 16 จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตจีนอย่าง SMIC และ HuaHong ที่อาจได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และช่วยผลักดันนโยบาย self-sufficiency ของรัฐบาลจีนให้เดินหน้าเร็วขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-govt-revokes-tsmcs-authorization-to-ship-tools-to-its-fabs-in-china-special-export-license-to-be-pulled-by-end-of-2025
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Nanjing: เมื่อ TSMC ต้องขออนุญาตทุกครั้งเพื่อส่งเครื่องมือไปยังโรงงานของตัวเอง ในช่วงปลายปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสิทธิ์ Validated End User (VEU) ของ TSMC สำหรับโรงงาน Fab 16 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน ซึ่งเดิมทีอนุญาตให้ TSMC สามารถนำเข้าเครื่องมือผลิตชิปจากบริษัทอเมริกัน เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตรายครั้ง เมื่อ VEU ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกการส่งออกเครื่องมือ, อะไหล่, หรือสารเคมีไปยัง Fab 16 จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบรายรายการจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมี “แนวโน้มปฏิเสธ” เป็นค่าเริ่มต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินงานของโรงงานนี้ แม้ TSMC จะยืนยันว่าจะพยายามดำเนินงานต่อไปโดยไม่สะดุด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจบีบให้บริษัทต้องหันไปใช้เครื่องมือจากผู้ผลิตจีน เช่น AMEC, Naura, Kingsemi หรือ Piotech ซึ่งแม้จะมีความก้าวหน้าในบางด้าน แต่ยังไม่สามารถทดแทนเครื่องมือระดับ 16nm ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของ lithography ที่ยังไม่มีผู้ผลิตจีนรายใดสามารถทำได้ในระดับที่ TSMC ต้องการ ผลกระทบต่อ TSMC อาจไม่รุนแรงเท่ากับ Samsung หรือ SK hynix ที่มี footprint ในจีนมากกว่า แต่การลดกำลังผลิตของ Fab 16 จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตจีนอย่าง SMIC และ HuaHong ที่อาจได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และช่วยผลักดันนโยบาย self-sufficiency ของรัฐบาลจีนให้เดินหน้าเร็วขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-govt-revokes-tsmcs-authorization-to-ship-tools-to-its-fabs-in-china-special-export-license-to-be-pulled-by-end-of-2025
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี

    ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ

    Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ

    แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด

    การกลับมาของ Prusa กับ CORE One
    โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น
    ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer
    INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ

    การเปิดตัวของ Snapmaker U1
    เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649
    ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน
    รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop

    การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300
    มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm
    ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด
    เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C
    ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก
    เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด
    เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm

    จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech
    ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์
    ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก
    สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด ✅ การกลับมาของ Prusa กับ CORE One ➡️ โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น ➡️ ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer ➡️ INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ ✅ การเปิดตัวของ Snapmaker U1 ➡️ เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649 ➡️ ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน ➡️ รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop ✅ การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300 ➡️ มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm ➡️ ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด ➡️ เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 ✅ การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C ➡️ ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ➡️ เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด ➡️ เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm ✅ จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech ➡️ ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ ➡️ ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก ➡️ สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้ https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    3D printing's tool changer wars heat up as Prusa re-enters the ring
    Buckle up, the road to 3D printing tool changers is about to get bumpy.
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก KB5063878: เมื่ออัปเดตเพื่อป้องกัน กลับกลายเป็นข้อกล่าวหาเรื่องทำลาย

    ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ผู้ใช้ Windows หลายคนเริ่มรายงานว่า SSD ของตน “หายไป” หรือ “พัง” หลังจากติดตั้งอัปเดต KB5063878 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพตช์ความปลอดภัย Windows 11 24H2 โดยเฉพาะเมื่อมีการเขียนไฟล์ต่อเนื่องเกิน 50GB บนไดรฟ์ที่มีข้อมูลเกิน 60% ขึ้นไป

    บางรายงานชี้ว่า SSD ที่ไม่มี DRAM และใช้คอนโทรลเลอร์ Phison ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่เมื่อมีการทดสอบ SSD 21 รุ่น กลับพบว่าแบรนด์อื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม Microsoft และ Phison ต่างก็ออกมายืนยันว่าไม่สามารถ “ทำให้เกิดปัญหา” ได้ในการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง และ 2,200 รอบการเขียน

    แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าอัปเดตเป็นสาเหตุ แต่เอกสารลับที่อ้างว่าเป็นรายชื่อคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบก็ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้ Phison ต้องออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่น พร้อมขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ปล่อยข้อมูลเท็จ

    Microsoft เองก็ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลจาก telemetry หรือการแจ้งจากลูกค้าโดยตรงที่ชี้ว่าอัปเดตนี้ทำให้ SSD พัง และแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาแจ้งกลับเพื่อสร้าง “paper trail” ที่จะช่วยให้ตรวจสอบได้ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-swats-down-reports-of-ssd-failures-in-windows-company-says-recent-update-didnt-cause-storage-failures
    🎙️ เรื่องเล่าจาก KB5063878: เมื่ออัปเดตเพื่อป้องกัน กลับกลายเป็นข้อกล่าวหาเรื่องทำลาย ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ผู้ใช้ Windows หลายคนเริ่มรายงานว่า SSD ของตน “หายไป” หรือ “พัง” หลังจากติดตั้งอัปเดต KB5063878 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพตช์ความปลอดภัย Windows 11 24H2 โดยเฉพาะเมื่อมีการเขียนไฟล์ต่อเนื่องเกิน 50GB บนไดรฟ์ที่มีข้อมูลเกิน 60% ขึ้นไป บางรายงานชี้ว่า SSD ที่ไม่มี DRAM และใช้คอนโทรลเลอร์ Phison ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่เมื่อมีการทดสอบ SSD 21 รุ่น กลับพบว่าแบรนด์อื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม Microsoft และ Phison ต่างก็ออกมายืนยันว่าไม่สามารถ “ทำให้เกิดปัญหา” ได้ในการทดสอบกว่า 4,500 ชั่วโมง และ 2,200 รอบการเขียน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าอัปเดตเป็นสาเหตุ แต่เอกสารลับที่อ้างว่าเป็นรายชื่อคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบก็ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้ Phison ต้องออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่น พร้อมขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ปล่อยข้อมูลเท็จ Microsoft เองก็ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลจาก telemetry หรือการแจ้งจากลูกค้าโดยตรงที่ชี้ว่าอัปเดตนี้ทำให้ SSD พัง และแนะนำให้ผู้ใช้ที่พบปัญหาแจ้งกลับเพื่อสร้าง “paper trail” ที่จะช่วยให้ตรวจสอบได้ในอนาคต https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-swats-down-reports-of-ssd-failures-in-windows-company-says-recent-update-didnt-cause-storage-failures
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ธ.ก.ส.เริ่มมาตรการช่วยผู้ปลูกข้าว นาปรัง-นาปี ไร่ละ 1,000 บาท โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงรอบแรก ในแต่ละภูมิภาค 1-4 ก.ย.68 วงเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีเกษตรกรได้ประโยชน์ 2.48 ล้านราย จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 4.63 ล้านครัวเรือน ที่เหลือรอตรวจสอบและยืนยันการผลิตข้าว ก่อนโอนเงินช่วยรอบต่อไป
    ธ.ก.ส.เริ่มมาตรการช่วยผู้ปลูกข้าว นาปรัง-นาปี ไร่ละ 1,000 บาท โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงรอบแรก ในแต่ละภูมิภาค 1-4 ก.ย.68 วงเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีเกษตรกรได้ประโยชน์ 2.48 ล้านราย จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 4.63 ล้านครัวเรือน ที่เหลือรอตรวจสอบและยืนยันการผลิตข้าว ก่อนโอนเงินช่วยรอบต่อไป
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 0 Reviews
  • ไม่ทิ้งการรบจับตา BHQ บุกภูมะเขือ : [NEWS UPDATE]
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข่าวว่ามีการนำหน่วยกองบัญชาการองครักษ์(BHQ) ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงกับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เป็นการสื่อนัยยะว่าจะยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนหรือไม่ คงเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในกำลังส่วนนี้ หน่วยนี้คงฝึกมาพอสมควร อยู่ในการควบคุมของผู้นำกัมพูชาโดยตรง เราติดตามความเคลื่อนไหวของเขา เขาก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเราเช่นกัน ทางการทหารก็มีสิทธิ์คิดว่าจะยึดพื้นที่คืน แต่เราไม่ประมาท ภูมะเขืออยู่ในพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย ส่วนเรื่องการวางทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นการกระทำของกัมพูชา  ยืนยัน ไม่ทิ้งการรบ พยายามทำหน้าที่ให้ครอบคลุมในหลายมิติ


    ท้ารัฐบาลยุบสภา

    ภูมิใจไทยดีกว่าตรงไห
    ไม่ทิ้งการรบจับตา BHQ บุกภูมะเขือ : [NEWS UPDATE] พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข่าวว่ามีการนำหน่วยกองบัญชาการองครักษ์(BHQ) ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงกับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เป็นการสื่อนัยยะว่าจะยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนหรือไม่ คงเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในกำลังส่วนนี้ หน่วยนี้คงฝึกมาพอสมควร อยู่ในการควบคุมของผู้นำกัมพูชาโดยตรง เราติดตามความเคลื่อนไหวของเขา เขาก็ติดตามความเคลื่อนไหวของเราเช่นกัน ทางการทหารก็มีสิทธิ์คิดว่าจะยึดพื้นที่คืน แต่เราไม่ประมาท ภูมะเขืออยู่ในพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย ส่วนเรื่องการวางทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นการกระทำของกัมพูชา  ยืนยัน ไม่ทิ้งการรบ พยายามทำหน้าที่ให้ครอบคลุมในหลายมิติ ท้ารัฐบาลยุบสภา ภูมิใจไทยดีกว่าตรงไห
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 0 Reviews
More Results