• ยึดความถูกต้อง เป็นธรรม 'พีระพันธุ์' นำประชุมติดตามความคืบหน้าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูล
    https://www.thai-tai.tv/news/17251/
    ยึดความถูกต้อง เป็นธรรม 'พีระพันธุ์' นำประชุมติดตามความคืบหน้าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูล https://www.thai-tai.tv/news/17251/
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ขอชี้แจงเรื่องคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
    .
    ผมขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปใน "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(12ก.พ.) ว่า คุณปอ ตนุภัทร หนึ่งในคนบนเรือ ได้มีการโทรศัพท์คุยกับคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก DSI เลย และไม่มีทางที่ DSI จะส่งข้อมูลนี้มาให้ผม แต่ผมได้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข่าวของผมเอง
    .
    ข้อแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดรายการ "โคนันเมืองไทย" แล้วใบ้คำถึงคนบนเรือ โทรคุยกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วใบ้คำว่าหนึ่ง เป็นรัฐมนตรีในชุดที่แล้วและรัฐมนตรีชุดนี้ สอง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง สาม เป็นคนดูแลกระทรวงสำคัญ และสี่ เป็นผู้ที่จบและมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ผมเห็นข้อมูลแล้ววิเคราะห์ได้ว่าน่าจะหมายถึงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะคอมเมนต์ในคลิปคุณอัจฉริยะ ก็มีคนคิดแบบผมพิมพ์เข้ามาเยอะมาก ในที่สุดผมก็เลยต้องให้ทีมงานไปค้นรูปเก่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพีระพันธุ์ กับคนบนเรือ ว่ามีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอ ซึ่งเป็นคนค้าขายเรือและรถหรู น่าจะรู้จักนักการเมืองเยอะ ผมก็เลยเจอรูปจริงๆ ผมเลยเชื่อว่าคุณปอ จะต้องโทรหาคุณพีระพันธุ์
    .
    ประกอบกับผมมีพยานกลับใจคนหนึ่งมาบอกว่า คุณปอ โทรหาคุณพีระพันธุ์ และมีการพูดคุยกันจริง แล้วผมก็วิเคราะห์และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนและ DSI ต้องไปสอบคุณพีระพันธุ์ เอาเอง ผมแค่ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนเลย แต่ได้มาจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ของผมเอง
    .
    และผมก็ได้ข่าวว่า คุณปอเรียกคุณพีระพันธุ์ว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ เพราะช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2566 นายปอ เข้าไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มานำเสนอโปรแกรมระบบไอที ตอนนั้นในพรรคก็ต่อต้าน เพราะกลัวนายปอ จะแย่งงาน แสดงว่านายปอ กับคุณพีระพันธุ์ รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ส่วนจะโทรและคุยกันเรื่องอะไร ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าในวันที่โทรนั้นเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พบว่าแตงโม ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้ผมเดา ผมไม่กล้าเดา ก็เป็นไปได้ว่าจะโทรไปปรึกษาหารือเรื่องคดีความ แต่จะเป็นอะไรนั้น ผมไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่า ข้อแรก ความจริงก็คือว่า ทั้งคุณพีระพันธุ์ และคุณปอ รู้จักกันดี ถ้าไม่รู้จักกันดีจะเรียกว่า อาตุ๋ย ได้อย่างไร และสอง ได้มีการโทรไปจริง นี่ผมวิเคราะห์จากสิ่งแวดล้อมแล้ว
    ขอชี้แจงเรื่องคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค . ผมขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปใน "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(12ก.พ.) ว่า คุณปอ ตนุภัทร หนึ่งในคนบนเรือ ได้มีการโทรศัพท์คุยกับคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้น ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นข้อมูลที่มาจาก DSI เลย และไม่มีทางที่ DSI จะส่งข้อมูลนี้มาให้ผม แต่ผมได้ข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข่าวของผมเอง . ข้อแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จัดรายการ "โคนันเมืองไทย" แล้วใบ้คำถึงคนบนเรือ โทรคุยกับนักการเมืองคนหนึ่ง แล้วใบ้คำว่าหนึ่ง เป็นรัฐมนตรีในชุดที่แล้วและรัฐมนตรีชุดนี้ สอง เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง สาม เป็นคนดูแลกระทรวงสำคัญ และสี่ เป็นผู้ที่จบและมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ผมเห็นข้อมูลแล้ววิเคราะห์ได้ว่าน่าจะหมายถึงคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะคอมเมนต์ในคลิปคุณอัจฉริยะ ก็มีคนคิดแบบผมพิมพ์เข้ามาเยอะมาก ในที่สุดผมก็เลยต้องให้ทีมงานไปค้นรูปเก่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพีระพันธุ์ กับคนบนเรือ ว่ามีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณปอ ซึ่งเป็นคนค้าขายเรือและรถหรู น่าจะรู้จักนักการเมืองเยอะ ผมก็เลยเจอรูปจริงๆ ผมเลยเชื่อว่าคุณปอ จะต้องโทรหาคุณพีระพันธุ์ . ประกอบกับผมมีพยานกลับใจคนหนึ่งมาบอกว่า คุณปอ โทรหาคุณพีระพันธุ์ และมีการพูดคุยกันจริง แล้วผมก็วิเคราะห์และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมยืนยันข้อเท็จจริงไม่ได้ นอกจากสื่อมวลชนและ DSI ต้องไปสอบคุณพีระพันธุ์ เอาเอง ผมแค่ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้รับข้อมูลจากที่ไหนเลย แต่ได้มาจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ของผมเอง . และผมก็ได้ข่าวว่า คุณปอเรียกคุณพีระพันธุ์ว่า "อาตุ๋ย" ทุกคำ เพราะช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2566 นายปอ เข้าไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มานำเสนอโปรแกรมระบบไอที ตอนนั้นในพรรคก็ต่อต้าน เพราะกลัวนายปอ จะแย่งงาน แสดงว่านายปอ กับคุณพีระพันธุ์ รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ส่วนจะโทรและคุยกันเรื่องอะไร ไม่ทราบ เพียงแต่ว่าในวันที่โทรนั้นเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่พบว่าแตงโม ได้เสียชีวิตไปแล้ว ให้ผมเดา ผมไม่กล้าเดา ก็เป็นไปได้ว่าจะโทรไปปรึกษาหารือเรื่องคดีความ แต่จะเป็นอะไรนั้น ผมไม่รู้จริงๆ เอาเป็นว่า ข้อแรก ความจริงก็คือว่า ทั้งคุณพีระพันธุ์ และคุณปอ รู้จักกันดี ถ้าไม่รู้จักกันดีจะเรียกว่า อาตุ๋ย ได้อย่างไร และสอง ได้มีการโทรไปจริง นี่ผมวิเคราะห์จากสิ่งแวดล้อมแล้ว
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • "พีระพันธุ์" รับ "ปอ" โทรหาจริงวันที่ "แตงโม" ตกเรือ! (14/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ไม่เคยช่วยเหลือปอ #รู้จักในฐานะทำธุรกิจ #ขอคำแนะนำคนตกน้ำ
    "พีระพันธุ์" รับ "ปอ" โทรหาจริงวันที่ "แตงโม" ตกเรือ! (14/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ไม่เคยช่วยเหลือปอ #รู้จักในฐานะทำธุรกิจ #ขอคำแนะนำคนตกน้ำ
    Like
    Haha
    15
    0 Comments 0 Shares 1255 Views 62 0 Reviews
  • 14/2/68

    “พีระพันธุ์” แจงถูกพาดพิง “คดีแตงโม” "ปอ" โทรหา พร้อมเล่าเหตุการณ์ ตนแนะให้ไปโรงพัก เรื่องปกติชาวบ้านโทรหา ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวคดี

    #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค
    #ปอโทรหาพีระพันธุ์
    #คดีแตงโม
    #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม
    #แตงโม
    #รื้อคดีแตงโม
    #topupdate

    https://www.facebook.com/share/v/1BFCj5HrqU/
    14/2/68 “พีระพันธุ์” แจงถูกพาดพิง “คดีแตงโม” "ปอ" โทรหา พร้อมเล่าเหตุการณ์ ตนแนะให้ไปโรงพัก เรื่องปกติชาวบ้านโทรหา ยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวคดี #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #ปอโทรหาพีระพันธุ์ #คดีแตงโม #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม #แตงโม #รื้อคดีแตงโม #topupdate https://www.facebook.com/share/v/1BFCj5HrqU/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • ‘พีระพันธุ์’ ตอบคำถาม กรณีที่มีการพาดพิงเกี่ยวกับคดีของดาราสาว “แตงโม”
    https://www.thai-tai.tv/news/17126/
    ‘พีระพันธุ์’ ตอบคำถาม กรณีที่มีการพาดพิงเกี่ยวกับคดีของดาราสาว “แตงโม” https://www.thai-tai.tv/news/17126/
    0 Comments 0 Shares 252 Views 15 0 Reviews
  • ‘พีระพันธุ์’ อัพเดทการพัฒนาเครื่อง Inverter สำหรับติดตั้งกับระบบโซลาร์เซลล์สิทธิบัตรของคนไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/17127/
    ‘พีระพันธุ์’ อัพเดทการพัฒนาเครื่อง Inverter สำหรับติดตั้งกับระบบโซลาร์เซลล์สิทธิบัตรของคนไทย https://www.thai-tai.tv/news/17127/
    0 Comments 0 Shares 270 Views 28 0 Reviews
  • ‘พีระพันธุ์’ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ลั่นทําในสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
    https://www.thai-tai.tv/news/17128/
    ‘พีระพันธุ์’ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ลั่นทําในสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด https://www.thai-tai.tv/news/17128/
    0 Comments 0 Shares 246 Views 15 0 Reviews
  • “พีระพันธุ์” อัพเดทภารกิจดูแลพลังงานเพื่อคนไทย แจงคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ชี้ปรับพอร์ต Pool Gas แยกการใช้ผลิตไฟฟ้าแบะภาคอุตสาหกรรม ลดค่าไฟลง 40 สตางค์ ส่วนข้อเสนอกกพ.ที่ยกเลิกAdder ชี้ทำไม่ได้ หวั่นถูกฟ้อง เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง

    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000014878

    #MGROnline #พีระพันธุ์
    “พีระพันธุ์” อัพเดทภารกิจดูแลพลังงานเพื่อคนไทย แจงคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท ชี้ปรับพอร์ต Pool Gas แยกการใช้ผลิตไฟฟ้าแบะภาคอุตสาหกรรม ลดค่าไฟลง 40 สตางค์ ส่วนข้อเสนอกกพ.ที่ยกเลิกAdder ชี้ทำไม่ได้ หวั่นถูกฟ้อง เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว • ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000014878 • #MGROnline #พีระพันธุ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • ♣ อาตุ๋ยของปอ รับแล้ว ว่าโทรคุยกันจริงหลังแตงโมตกเรือ ถ้ารู้จักกันแค่ซื้อรถซ่อมรถ จะกล้าโทรปรึกษาเรื่องแบบนี้หรืออาตุ๋ย หรืออาจะรู้อะไรมากไปกว่านี้ อาตุ๋ยอย่าเป็นเหมือนคนอื่นที่เลือกใช้ความรู้ความสามารถช่วยพวกพ้องที่กระทำผิด สาวกจะสิ้นศรัทธา
    #7ดอกจิก
    #อาตุ๋ย
    #พีระพันธุ์ปอ
    ♣ อาตุ๋ยของปอ รับแล้ว ว่าโทรคุยกันจริงหลังแตงโมตกเรือ ถ้ารู้จักกันแค่ซื้อรถซ่อมรถ จะกล้าโทรปรึกษาเรื่องแบบนี้หรืออาตุ๋ย หรืออาจะรู้อะไรมากไปกว่านี้ อาตุ๋ยอย่าเป็นเหมือนคนอื่นที่เลือกใช้ความรู้ความสามารถช่วยพวกพ้องที่กระทำผิด สาวกจะสิ้นศรัทธา #7ดอกจิก #อาตุ๋ย #พีระพันธุ์ปอ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ยอมรับคุยกับปอ ตนุภัทรจริง วันที่เกิดเหตุแตงโม นิดาตกน้ำ แต่เจ้าตัวตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ให้ไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนแนะไปแจ้งตำรวจ เชื่อว่าไม่ได้โทร.หาคนเดียว ย้ำรู้จักกันแค่ซื้อรถและซ่อมรถ ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือให้ความช่วยเหลือคดีแตงโม
    .
    วันนี้ (14 ก.พ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาว ที่ระบุว่าหนึ่งในคนที่อยู่บนเรือสปีดโบ้ทโทรศัพท์ไปหาและพูดคุยกันประมาณ 10 นาที ว่า ตนไม่มีวันรู้ว่าใครจะโทร.หา และแต่ละคนที่โทร.หาจะเกิดเหตุอะไร ทุกคนไม่มีใครรู้ ตนเป็นคนทำงานการเมือง บางครั้งตี 1 ก็รับโทรศัพท์ เพราะไม่รู้ว่าใครโทร.มา แต่ส่วนใหญ่เขาเดือดร้อน เช่น เกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ สมัยที่เป็น สส.เขต มาถึงบัดนี้ยังติดพันกับตน หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเดือดร้อนอะไรเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ทำงานด้านนี้อยู่ จึงคอยบริการ ให้คำแนะนำและดูแลคนอยู่แล้ว
    .
    สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนบนเรือสปีดโบ้ท ตนรู้จักเขาในฐานะที่เป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อมรถ เมื่อก่อนเคยซื้อรถยนต์และซ่อมรถกับเขาเลยรู้จักกัน แต่วันนั้นยังไม่ได้มีคดีความอะไร แม้แต่วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้เกิดเหตุอะไร เมื่อมีคนโทรศัพท์มา ตนรับโทรศัพท์ไม่ทันก็ต้องโทร.กลับก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไร เป็นเรื่องปกติ ตนโทร.กลับ นายตนุภัทรกล่าวว่าไปลงเรือกับเพื่อนๆ ปรากฎว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ก็มีอาการตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ตนจึงกล่าวว่าค่อยๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์เสร็จถามว่าเขาต้องทำอย่างไร ตนจึงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำคือต้องไปแจ้งตำรวจ แต่ทีนี้เหตุเกิดในน้ำ ตนไม่รู้ว่าตำรวจที่รับผิดชอบเป็นตำรวจน้ำหรือตำรวจท้องที่ ตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องไปแจ้งตำรวจ ให้ขึ้นบกเพราะตนไม่ทราบว่าเป็นท้องที่ใคร ไปที่ตำรวจสักแห่งหนึ่งก็ได้ ไปเล่าให้ฟังจุดเกิดเหตุอยู่ไหน เสร็จแล้วจะต้องให้ทำอย่างไร ไปแจ้งตำรวจที่ สน.อะไรก็ว่าไปตามนั้น ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร
    .
    เมื่อถามว่านายตนุภัทรโทร. มากี่โมง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้เพราะ 3 ปีมาแล้ว แต่เป็นกลางคืน สำหรับตนเป็นเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านหรือใครโทร.หาตนตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นก็มีเท่านี้ แล้ววันนั้นตนไม่รู้ว่าเกิดเหตุ และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ เพราะเขาไม่ได้บอก ถึงบอกตนก็ไม่รู้จักเพราะเป็นคนไม่รู้จักดารา มารู้อีกทีที่เป็นข่าววันรุ่งขึ้น ตนก็คิดว่าอ๋อเรื่องนี้ และตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา คดีความอะไรก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือไปช่วยเหลืออะไรเลย ไม่เคย
    .
    เมื่อถามว่า หลังจากวันนั้น นายตนุภัทรโทร.มาอีกหรือมาพบหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เขาไม่เคยมาพบตน แต่โทรศัพท์ก็เคย เพราะบางทีตนเอารถไปซ่อม แต่ตนไม่ได้ติดต่อประจำ นานๆ เขาจะโทร.มาทีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ตนเอารถไปเข้าอู่ ก็รู้จักกันแค่นี้ ก่อนเกิดเหตุเป็นข่าวเขาก็เป็นคนทำธุรกิจที่รู้จักกันธรรมดา จะไปรู้ว่าใครไปทำอะไรใคร ไม่ได้แปลว่าเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่คิดว่าเรื่องนี้ตนเชื่อว่าวันนั้นไม่ได้โทร.หาตนคนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014842
    .........
    Sondhi X
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ยอมรับคุยกับปอ ตนุภัทรจริง วันที่เกิดเหตุแตงโม นิดาตกน้ำ แต่เจ้าตัวตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ให้ไล่เรียงเหตุการณ์ก่อนแนะไปแจ้งตำรวจ เชื่อว่าไม่ได้โทร.หาคนเดียว ย้ำรู้จักกันแค่ซื้อรถและซ่อมรถ ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือให้ความช่วยเหลือคดีแตงโม . วันนี้ (14 ก.พ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาว ที่ระบุว่าหนึ่งในคนที่อยู่บนเรือสปีดโบ้ทโทรศัพท์ไปหาและพูดคุยกันประมาณ 10 นาที ว่า ตนไม่มีวันรู้ว่าใครจะโทร.หา และแต่ละคนที่โทร.หาจะเกิดเหตุอะไร ทุกคนไม่มีใครรู้ ตนเป็นคนทำงานการเมือง บางครั้งตี 1 ก็รับโทรศัพท์ เพราะไม่รู้ว่าใครโทร.มา แต่ส่วนใหญ่เขาเดือดร้อน เช่น เกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ สมัยที่เป็น สส.เขต มาถึงบัดนี้ยังติดพันกับตน หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงเดือดร้อนอะไรเราไม่รู้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ทำงานด้านนี้อยู่ จึงคอยบริการ ให้คำแนะนำและดูแลคนอยู่แล้ว . สำหรับนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนบนเรือสปีดโบ้ท ตนรู้จักเขาในฐานะที่เป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อมรถ เมื่อก่อนเคยซื้อรถยนต์และซ่อมรถกับเขาเลยรู้จักกัน แต่วันนั้นยังไม่ได้มีคดีความอะไร แม้แต่วันที่เกิดเหตุตนไม่รู้เกิดเหตุอะไร เมื่อมีคนโทรศัพท์มา ตนรับโทรศัพท์ไม่ทันก็ต้องโทร.กลับก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไร เป็นเรื่องปกติ ตนโทร.กลับ นายตนุภัทรกล่าวว่าไปลงเรือกับเพื่อนๆ ปรากฎว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ก็มีอาการตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ตนจึงกล่าวว่าค่อยๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์ เมื่อเรียบเรียงเหตุการณ์เสร็จถามว่าเขาต้องทำอย่างไร ตนจึงกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำคือต้องไปแจ้งตำรวจ แต่ทีนี้เหตุเกิดในน้ำ ตนไม่รู้ว่าตำรวจที่รับผิดชอบเป็นตำรวจน้ำหรือตำรวจท้องที่ ตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือต้องไปแจ้งตำรวจ ให้ขึ้นบกเพราะตนไม่ทราบว่าเป็นท้องที่ใคร ไปที่ตำรวจสักแห่งหนึ่งก็ได้ ไปเล่าให้ฟังจุดเกิดเหตุอยู่ไหน เสร็จแล้วจะต้องให้ทำอย่างไร ไปแจ้งตำรวจที่ สน.อะไรก็ว่าไปตามนั้น ก็เท่านี้ ไม่ได้มีอะไร . เมื่อถามว่านายตนุภัทรโทร. มากี่โมง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้เพราะ 3 ปีมาแล้ว แต่เป็นกลางคืน สำหรับตนเป็นเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านหรือใครโทร.หาตนตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นก็มีเท่านี้ แล้ววันนั้นตนไม่รู้ว่าเกิดเหตุ และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ เพราะเขาไม่ได้บอก ถึงบอกตนก็ไม่รู้จักเพราะเป็นคนไม่รู้จักดารา มารู้อีกทีที่เป็นข่าววันรุ่งขึ้น ตนก็คิดว่าอ๋อเรื่องนี้ และตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา คดีความอะไรก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คำแนะนำทางกฎหมาย หรือไปช่วยเหลืออะไรเลย ไม่เคย . เมื่อถามว่า หลังจากวันนั้น นายตนุภัทรโทร.มาอีกหรือมาพบหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เขาไม่เคยมาพบตน แต่โทรศัพท์ก็เคย เพราะบางทีตนเอารถไปซ่อม แต่ตนไม่ได้ติดต่อประจำ นานๆ เขาจะโทร.มาทีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ตนเอารถไปเข้าอู่ ก็รู้จักกันแค่นี้ ก่อนเกิดเหตุเป็นข่าวเขาก็เป็นคนทำธุรกิจที่รู้จักกันธรรมดา จะไปรู้ว่าใครไปทำอะไรใคร ไม่ได้แปลว่าเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่คิดว่าเรื่องนี้ตนเชื่อว่าวันนั้นไม่ได้โทร.หาตนคนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014842 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    25
    0 Comments 0 Shares 2090 Views 0 Reviews
  • นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง 

    -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป
    -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ?
    -ขอโควตาพิเศษแก้เกม
    -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ เผยถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา มีพยานบางคนกลับคำ ให้ข้อมูลอ้างวันที่ 24 ก.พ. 2565 วันที่แตงโมเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 25 ก.พ. คุณปอได้โทรศัพท์ไปหาคนหนึ่ง อ้างว่าคือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน คงไม่โทรไปสวัสดีหรือถามว่าสบายดีไหม ที่สำคัญมีการอ้างว่า นายพีระพันธุ์โทรกลับหาคุณปอ โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พูดว่ามีกลุ่มคนเครือข่ายต่างๆ เป็น ร้อยคน เกี่ยวข้องกับเรื่องของแตงโม และมีอยู่เยอะในจำนวน 100-200 คน ที่พยายามยืนบนพื้นฐานว่าแตงโมตกน้ำตาย และมีผู้ใหญ่ดีเอสไอคนหนึ่ง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นลูกน้องของนพ.วรวีร์ วัยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนคนที่ไปรับโทรศัพท์ของแตงโม เหมือนกับไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูลในโทรศัพท์แตงโม ซึ่งตอนที่นายปานเทพไปยื่นหนังสือร้องเรียนดีเอสไอ มีที่ปรึกษาของ รมว.ยุติธรรม คนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตอัยการและเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของภาคเอกชนรายใหญ่ พูดในเชิงว่า “ไม่ต้องร้องเรียน มาร้องเรียนทำไม มันจบไปแล้ว” เหมือนกับไม่อยากให้ดีเอสไอรับเรื่อง  -มั่นใจ"บิ๊กโจ๊ก"ปล่อยคลิป -จับตาแก้ รธน.ได้ไปต่อ? -ขอโควตาพิเศษแก้เกม -จ่อตัดไฟชายแดนกัมพูชา
    Like
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 952 Views 44 0 Reviews
  • 'ทักษิณ' สยบข่าวลือปรับ 'พีระพันธุ์' พ้นพลังงาน บางกระทรวงมีนักรำวง แต่ยังคุยได้ 07/02/68 #ทักษิณ #พีระพันธุ์ #การเมือง
    'ทักษิณ' สยบข่าวลือปรับ 'พีระพันธุ์' พ้นพลังงาน บางกระทรวงมีนักรำวง แต่ยังคุยได้ 07/02/68 #ทักษิณ #พีระพันธุ์ #การเมือง
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 765 Views 14 0 Reviews
  • รสนาเป็นพลทหารของประชาชนไม่มีวันเป็นขุนพลข้างกายนักการเมืองพรรคใด ตามที่สื่อเต้าข่าว !?!

    วันนี้มีเพื่อนส่งคลิปนักข่าว3คนเครือเนชั่น ออกมาวิเคราะห์เรื่องนโยบายพลังงานของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน มีการเอาภาพใครต่อใครมาแปะข้างกายนายพีระพันธุ์ และพาดหัวใต้ภาพว่า ‘ขุนพลข้างกาย“พีระพันธุ์” พานโยบายย้อนยุค ?‘

    ในภาพดังกล่าว มีรูปดิฉันอยู่ด้วย และมีการพูดชื่อดิฉันชัดเจนในรายการ ทุนสื่อเนชั่นแกล้งเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!? สิ่งที่นักข่าวทั้ง3คนพูด ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรในเชิงวิเคราะห์ข่าวที่เต้าขึ้นมาแม้แต่น้อย แต่กล่าวหาดื้อๆว่าดิฉันเป็นขุนพล รมว.พีระพันธ์ุ

    นักข่าว นักสื่อมวลชนจะสื่อสารอะไรกับสังคมและประชาชนที่เวลานี้มีช่องทางอิสระในการหาความจริงได้มากกว่าทุนสื่อบางกลุ่มที่ทั้งตกยุค ตกเทรนด์พลังงานโลกยุคใหม่เสียอีก สื่อจึงควรมีเนื้อหาสาระ มีข้อมูลที่เป็นความจริงน่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นอาจจะถูกมองว่าเป็นทุนสื่อของค่ายธุรกิจการเมืองบางกลุ่มที่หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์พลังงานโลกจนต้องเต้าข่าว ปั่นข่าวโคมลอย เพื่อดิสเครดิตใครก็ตามที่มุ่งสู่การปลดแอกทุนพลังงานจากบ่าประชาชน สื่อเต้าข่าวจำพวกนี้ ควรระวังที่จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือในอนาคตอันใกล้ !!

    ดิฉันก็จบคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ สิ่งที่เราได้รับการอบรมสั่งสอนคือสื่อต้องมีจริยธรรม ในการนำเสนอความจริงต่อสังคม การเต้าข่าวเลื่อนลอยถือว่าเป็นอนันตริยกรรมในวิชาชีพสื่อ ใช่หรือไม่??!!

    ดิฉันไม่มีวันเป็นขุนพลข้างกายนักการเมืองของพรรคใดๆ ถ้าจะเป็น ก็จะเป็นเพียงพลทหารของประชาชน ที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างสุดฤทธิ์เท่านั้น

    ดิฉันทำงานต่อสู้เรื่องพลังงานมานานมากก่อนที่นักการเมืองคนใดจะสนใจประเด็นนี้เสียอีก

    รสนา โตสิตระกูล
    15 มกราคม 2568
    รสนาเป็นพลทหารของประชาชนไม่มีวันเป็นขุนพลข้างกายนักการเมืองพรรคใด ตามที่สื่อเต้าข่าว !?! วันนี้มีเพื่อนส่งคลิปนักข่าว3คนเครือเนชั่น ออกมาวิเคราะห์เรื่องนโยบายพลังงานของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน มีการเอาภาพใครต่อใครมาแปะข้างกายนายพีระพันธุ์ และพาดหัวใต้ภาพว่า ‘ขุนพลข้างกาย“พีระพันธุ์” พานโยบายย้อนยุค ?‘ ในภาพดังกล่าว มีรูปดิฉันอยู่ด้วย และมีการพูดชื่อดิฉันชัดเจนในรายการ ทุนสื่อเนชั่นแกล้งเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!? สิ่งที่นักข่าวทั้ง3คนพูด ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรในเชิงวิเคราะห์ข่าวที่เต้าขึ้นมาแม้แต่น้อย แต่กล่าวหาดื้อๆว่าดิฉันเป็นขุนพล รมว.พีระพันธ์ุ นักข่าว นักสื่อมวลชนจะสื่อสารอะไรกับสังคมและประชาชนที่เวลานี้มีช่องทางอิสระในการหาความจริงได้มากกว่าทุนสื่อบางกลุ่มที่ทั้งตกยุค ตกเทรนด์พลังงานโลกยุคใหม่เสียอีก สื่อจึงควรมีเนื้อหาสาระ มีข้อมูลที่เป็นความจริงน่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นอาจจะถูกมองว่าเป็นทุนสื่อของค่ายธุรกิจการเมืองบางกลุ่มที่หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์พลังงานโลกจนต้องเต้าข่าว ปั่นข่าวโคมลอย เพื่อดิสเครดิตใครก็ตามที่มุ่งสู่การปลดแอกทุนพลังงานจากบ่าประชาชน สื่อเต้าข่าวจำพวกนี้ ควรระวังที่จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือในอนาคตอันใกล้ !! ดิฉันก็จบคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ สิ่งที่เราได้รับการอบรมสั่งสอนคือสื่อต้องมีจริยธรรม ในการนำเสนอความจริงต่อสังคม การเต้าข่าวเลื่อนลอยถือว่าเป็นอนันตริยกรรมในวิชาชีพสื่อ ใช่หรือไม่??!! ดิฉันไม่มีวันเป็นขุนพลข้างกายนักการเมืองของพรรคใดๆ ถ้าจะเป็น ก็จะเป็นเพียงพลทหารของประชาชน ที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างสุดฤทธิ์เท่านั้น ดิฉันทำงานต่อสู้เรื่องพลังงานมานานมากก่อนที่นักการเมืองคนใดจะสนใจประเด็นนี้เสียอีก รสนา โตสิตระกูล 15 มกราคม 2568
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • ปัดปรับเก้าอี้พีระพันธุ์ - ตั้งเป้าค่าไฟ 3.70 บาท (07/01/68) #news1 #ลดค่าไฟฟ้า #ปรับครม.
    ปัดปรับเก้าอี้พีระพันธุ์ - ตั้งเป้าค่าไฟ 3.70 บาท (07/01/68) #news1 #ลดค่าไฟฟ้า #ปรับครม.
    Haha
    Love
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1434 Views 46 0 Reviews
  • "นายกฯ อิ๊ง" ยัน ไม่มีแผนปรับ ครม.เผยคุย “พีระพันธุ์” ปกติ บอกถ้าปรับยึดหลักวัดผลงาน เมินกระแสเหน็บ นายกฯ หลายคน ชี้ “ทักษิณ” พูดนำก่อน มองมีวิสัยทัศน์ ให้ประโยชน์อยู่ที่ประชาชนก็จบ เมินเสียงวิจารณ์ “เป็นลูก ไม่ใช่คู่แข่ง” เผยพรรคร่วม-รมต.ไม่มีใครดื้อ ตบมุกนายกฯ ดื้อที่สุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001729

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "นายกฯ อิ๊ง" ยัน ไม่มีแผนปรับ ครม.เผยคุย “พีระพันธุ์” ปกติ บอกถ้าปรับยึดหลักวัดผลงาน เมินกระแสเหน็บ นายกฯ หลายคน ชี้ “ทักษิณ” พูดนำก่อน มองมีวิสัยทัศน์ ให้ประโยชน์อยู่ที่ประชาชนก็จบ เมินเสียงวิจารณ์ “เป็นลูก ไม่ใช่คู่แข่ง” เผยพรรคร่วม-รมต.ไม่มีใครดื้อ ตบมุกนายกฯ ดื้อที่สุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001729 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 1130 Views 0 Reviews
  • พีระพันธุ์เมินตอบ ทุบค่าไฟเหลือ 3.70 บาทตามทักษิณ (07/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รมต.พลังงาน #พรรคร่วมรัฐบาล #พีระพัง
    พีระพันธุ์เมินตอบ ทุบค่าไฟเหลือ 3.70 บาทตามทักษิณ (07/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รมต.พลังงาน #พรรคร่วมรัฐบาล #พีระพัง
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1168 Views 49 0 Reviews
  • พีระพันธุ์ เก้าอี้เหนียว ‘ทักษิณ’ ไม่กล้าแตะ หนีปะทะรอจังหวะเขี่ย : ข่าวลึกปมลับ 06/01/68
    พีระพันธุ์ เก้าอี้เหนียว ‘ทักษิณ’ ไม่กล้าแตะ หนีปะทะรอจังหวะเขี่ย : ข่าวลึกปมลับ 06/01/68
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 794 Views 17 1 Reviews
  • ♣ เจอตัวแล้ว ปล่อยข่าวปลด "พีระพันธุ์"
    #7ดอกจิก
    ♣ เจอตัวแล้ว ปล่อยข่าวปลด "พีระพันธุ์" #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 537 Views 9 0 Reviews
  • “บิ๊กเพื่อไทย” ยันข่าวปรับ ครม.ไม่มีมูล หยัน ”พวกเสี้ยม“ ปั่นหวังทำรัฐบาลร้าว ส่วนข่าวปรับ ”พีระพันธุ์“ เลอะเทอะ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001127

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “บิ๊กเพื่อไทย” ยันข่าวปรับ ครม.ไม่มีมูล หยัน ”พวกเสี้ยม“ ปั่นหวังทำรัฐบาลร้าว ส่วนข่าวปรับ ”พีระพันธุ์“ เลอะเทอะ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001127 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 1273 Views 0 Reviews
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 Comments 0 Shares 633 Views 0 Reviews
  • 5//68

    การตื่นตระหนกของทักษิณ กำลังทำให้นายพีระพันธุ์ กับนายเอกณัฐ โดดเด่นขึ้นมาในทันที ในเรื่องของพลังงานและโกยคะแนนนิยมพุ่งพรวด ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

    เมื่อหากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 33 ปีที่แล้ว ที่ซาอุดิอาระเบีย ได้ตัดขาดการฑูตกับประเทศไทยอย่างถาวร ต่อกรณีความไม่พอใจในคดีการอุ้มตัวของนักการฑูตและการหายสาบสูญไปของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย แม้จะเริ่มต้นจากคดีการขโมยเพชรประจำตระกูลของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง จนมาถึงการคืนเพชรปลอมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในยุคนั้น และการหายสาบสูญไปของเพชรบลูไดมอน ที่ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียไม่ได้คืนเลยตราบเท่าทุกวันนี้

    แต่อย่างไรก็ดี ความบาดหมางใจต่อประเทศไทยของราขวงศ์ซาอุดิอาระเบีย กลับไม่ได้อยู่ที่เพชรที่หายไป แต่กลับเป็นอารบั้มรูปภาพที่สำคัญที่หายากและเป็นภาพสำคัญของราชวงศ์ที่ทรงอยู่ในวัยพระเยาว์ ที่ได้ถ่ายภาพคู่กับพระราชวงศ์ร่วมกัน ที่นายเกรียงไกร ได้ขโมยติดมือมาด้วย

    สรุปอัลบั้มรูปภาพได้ถูกนายเกรียงไกรเผาทิ้งเสียหายจนหมด หรือจากฝีมือเจ้าหน้าที่คนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่อดีตนายกรัฐมนตรีลุงตู่ ได้ใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะขอรื้อฟื้นเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับซาอุดิอาระเบียมาตลอด .....จนประสบความสำเร็จ ที่กว่า 33ปี ที่คดีความต่างๆ มีการนำเสนอข้อเท็จจริง แบบตรงไปตรงมาต่อราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียในยุคของลุงตู่ จนทำให้มงกุฏราชกุมารทรงพอพระทัย และเริ่มกลับมาฟื้นความสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอีกครั้ง

    ความร่วมมือที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียก็คือเรื่อง พลังงานกับอาหาร

    การเป็นแขกรับเชิญพิเศษของซาอุดิอาระเบีย ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน ต้องบินด่วนไปที่ซาอุฯ เพื่อคุยกันถึงความร่วมมือเรื่องพลังงานที่สำคัญ และมีช่าวจากวงในว่า ซาอุดิอาระเบีย เลือกที่จะเจรจากับนายพีระพันธุ์ เท่านั้น เพราะเขาดูที่ความซื่อสัตย์และไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อสกรีนจากนักการเมืองในรัฐบาลตอนนี้

    และแน่นอนว่า มหาอำนาจแห่งน้ำมันและก๊าซ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งโลก อย่างซาอุดิอาระเบีย กำลังมองหาพลังงานทางเลือกใหม่ กับการลงทุนด้านอาหารกับประเทศไทย แบบงบการลงทุนไม่มีขีดจำกัด

    เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) ได้ติดตั้งโซล่าฟาร์มมากกว่า 4 ล้านแผ่น สามาถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 900 เมกะวัตต์ (MW)
    สามารถส่งกระแสไฟฟ้าให้ผู้คนในประเทศได้ใช้ไฟฟรีถึงกว่า 2 แสนครอบครัว ที่สำคัญที่สุดก็คือ การติดตั้งโซล่าฟาร์มของ UAE ในครั้งนี้ สามารถลดก๊าซคาร์บอนในอากาศได้มากถึงกว่า 1.6 ล้านตัน

    UAE ตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์มให้ได้5,000เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2573 และจะลดก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 5.6ล้านตัน ในอีก7ปีข้างหน้า

    ***เข้าประเด็น เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับตระกูลฮุนและตระกูลชิน ทำไมทักษิณถึงอย่างเขี่ยนายพีระพีนธุ์ออกจาก รมว.กระทรวงพลังงาน และต้องการเขี่ยพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของลูกสาวตนเอง***

    1.ทักษิณเริ่มสติฟั่นเฟือน หวาดระแวง ว่าตนกำลังสูญเสียอำนาจทางพลังงานไปจนหมด เพราะตระกูลชิน ใช้อำนาจทางพลังงาน รวมทั้งทุนมหาศาลในการสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้มีอำนาจอยู่เหนือ 3 สถาบันหลักของรัฐธรรมนูญไทยมายาวนานมาก ถ้าหากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทำให้อำนาจทางพลังงานของทักษิณล่มสลายลง ตระกูลชินจะหมดอำนาจลงทั้งหมดในทางการเมืองของประเทศไทย ไปในทันที

    2. โซล่าฟาร์มของ UAE ใช้คนงานติดตั้ง มาจาก2 ประเทศคือไทยกับไต้หวัน ทีถือว่าเก่งโคตรๆในตอนนี้ โดยเฉพาะการติดตั้งแบบ ออฟกริตและออนกริต

    3.แน่นอนว่า โครงการอภิมหาโปรเจคที่จะใหญ่กว่า UAE ถึงกว่า10เท่า จะเกิดขึ้นที่ซาอุดิอาระเบีย โดยใช้แรงงานไทย และอุปกรณ์สำคัญที่มีคุณภาพสูง จะมาจากไต้หวันทั้งหมด และซาอุดิอาระเบีย จะตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนลงในปี 2573 ที่ 20ล้านตัน

    4. ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศโอเปกที่สำคัญ จะเข้ามาลงทุนกับกระทรวงพลังงานของไทย ในการผลิตกระแสไฟฟ้าไร้สาย และพลังงานสะอาดแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป และจะค่อยๆลดการผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติลง ***สาเหตุเกิดจากน้ำท่วมหนักในทะเลทราย และในเมือง ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนก๊าศคาร์บอนมหาศาลต่อภาคการเกษตรของประเทศมหาอำนาจที่ผลิตน้ำมัน***

    ประเด็นคือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องการการร่วมมือกับนายพีระพันธุ์และนายเอกณัฐเท่านั้น

    แน่นอนว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นภาพของฮุนเซน ผู้นำเขมรหอบสังขารไปเยือนกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพราะอยากได้การลงทุนเรื่องพลังงานทางเลือกใหม่เหมือนกับไทย แต่สับขาหลอกว่า ต้องการหาทุน มาขุดคลองฟูนัน-เตโช ***ตระกูลไหนรีบคาบข่าวไปบอก ก็คงจะเดากันออกได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายเขมรก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆกลับมา***

    #### เมื่อทั่งนครดูไบ และทั้งประเทศในซาอุดิอาระเบียและหลายประเทศของโอเปก ตัดสินใจร่วมลงทุนกับนายพีระพันธุ์ แน่นอนว่าคนที่เสียหน้าที่สุดก็คือตระกูลชิน จึงได้เกิดอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้นั่นเอง###

    ***ทำนายได้ไม่ยากเลยว่า อีกไม่นานสีจิ้นผิง ผู้นำจีน จะต้องเบนเข็มมาให้ความสนใจต่อความร่วมมือกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของไทยเช่นเดียวกัน และก็ไม่ต้องแปลกใจไปว่า เหตุใด จีนจึงถอนตัวออกจากการลงทุนทุกอย่างกับเขมร และไม่สนับสนุนเขมรในการสำรวจขุดเอาพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย เพราะจีนรู้ว่าทั้งหมด มันเป็นแค่ละครแหกตาของสองตระกูลเขมรกับไทยเท่านั้น***

    ทั้งหมดก็คือเหตุผลว่า ทำไมนายพีระพันธุ์ รมว.กระทรวงพลังงานกับ นายเอกณัฐ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรค รวมไทยสร้างชาติ ถึงไม่ได้ให้ความเกรงกลัวต่อทักษิณอีกเลย และไม่ได้สนใจว่า จะปรับเอาพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของแพรทองธารเลยสักนิด***แถมเบื้องบนก็เปิดไฟเขียวกันหมด รวมถึงผู้ถือหุ้นที่สำคัญทางพลังงานทั้งหมด ก็ย้ายมามาสนับสนุนนายพีระพันธุ์กันหมดแล้ว

    ผมเคยเขียนเอาไว้ล่วงหน้าว่า อีกไม่นาน ตระกูลฮุนของเขมร จะถูกทั้งโลกโดดเดี่ยวเดียวดาย และอีกไม่นาน จะเป็นตระกูลชิน จะเป็นอีกตระกูลที่จะถูกทั้งโลกไม่ให้ค่าอะไรอีกต่อไป

    ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญมาก เรื่องของพลังงาน ที่จะทำให้ความยากจนของคนในชาติลดลงในทันที หากทุกคนทั้งประเทศ รวมใจกันเลือกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้เป็นนายกรัฐมนตรีและดูแลกระทรวงพลังงาน รวมไปถึงการสนับสนุนนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ให้ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมและหากพรรคนี้ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยแล้ว ***สยามประเทศจะเป็นเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน ก็ไม่เกินความเป็นจริง***

    เดชา นฤนารท .

    4/1/68 11.25 น.
    5//68 การตื่นตระหนกของทักษิณ กำลังทำให้นายพีระพันธุ์ กับนายเอกณัฐ โดดเด่นขึ้นมาในทันที ในเรื่องของพลังงานและโกยคะแนนนิยมพุ่งพรวด ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อหากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 33 ปีที่แล้ว ที่ซาอุดิอาระเบีย ได้ตัดขาดการฑูตกับประเทศไทยอย่างถาวร ต่อกรณีความไม่พอใจในคดีการอุ้มตัวของนักการฑูตและการหายสาบสูญไปของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย แม้จะเริ่มต้นจากคดีการขโมยเพชรประจำตระกูลของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง จนมาถึงการคืนเพชรปลอมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในยุคนั้น และการหายสาบสูญไปของเพชรบลูไดมอน ที่ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียไม่ได้คืนเลยตราบเท่าทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ดี ความบาดหมางใจต่อประเทศไทยของราขวงศ์ซาอุดิอาระเบีย กลับไม่ได้อยู่ที่เพชรที่หายไป แต่กลับเป็นอารบั้มรูปภาพที่สำคัญที่หายากและเป็นภาพสำคัญของราชวงศ์ที่ทรงอยู่ในวัยพระเยาว์ ที่ได้ถ่ายภาพคู่กับพระราชวงศ์ร่วมกัน ที่นายเกรียงไกร ได้ขโมยติดมือมาด้วย สรุปอัลบั้มรูปภาพได้ถูกนายเกรียงไกรเผาทิ้งเสียหายจนหมด หรือจากฝีมือเจ้าหน้าที่คนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่อดีตนายกรัฐมนตรีลุงตู่ ได้ใช้ความพยายามอย่างสูง ที่จะขอรื้อฟื้นเชื่อมความสัมพันธไมตรีกับซาอุดิอาระเบียมาตลอด .....จนประสบความสำเร็จ ที่กว่า 33ปี ที่คดีความต่างๆ มีการนำเสนอข้อเท็จจริง แบบตรงไปตรงมาต่อราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียในยุคของลุงตู่ จนทำให้มงกุฏราชกุมารทรงพอพระทัย และเริ่มกลับมาฟื้นความสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอีกครั้ง ความร่วมมือที่สำคัญที่สุดระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียก็คือเรื่อง พลังงานกับอาหาร การเป็นแขกรับเชิญพิเศษของซาอุดิอาระเบีย ที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.กระทรวงพลังงาน ต้องบินด่วนไปที่ซาอุฯ เพื่อคุยกันถึงความร่วมมือเรื่องพลังงานที่สำคัญ และมีช่าวจากวงในว่า ซาอุดิอาระเบีย เลือกที่จะเจรจากับนายพีระพันธุ์ เท่านั้น เพราะเขาดูที่ความซื่อสัตย์และไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เมื่อสกรีนจากนักการเมืองในรัฐบาลตอนนี้ และแน่นอนว่า มหาอำนาจแห่งน้ำมันและก๊าซ ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจทั้งโลก อย่างซาอุดิอาระเบีย กำลังมองหาพลังงานทางเลือกใหม่ กับการลงทุนด้านอาหารกับประเทศไทย แบบงบการลงทุนไม่มีขีดจำกัด เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) ได้ติดตั้งโซล่าฟาร์มมากกว่า 4 ล้านแผ่น สามาถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 900 เมกะวัตต์ (MW) สามารถส่งกระแสไฟฟ้าให้ผู้คนในประเทศได้ใช้ไฟฟรีถึงกว่า 2 แสนครอบครัว ที่สำคัญที่สุดก็คือ การติดตั้งโซล่าฟาร์มของ UAE ในครั้งนี้ สามารถลดก๊าซคาร์บอนในอากาศได้มากถึงกว่า 1.6 ล้านตัน UAE ตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซล่าฟาร์มให้ได้5,000เมกะวัตต์ในปี พ.ศ. 2573 และจะลดก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 5.6ล้านตัน ในอีก7ปีข้างหน้า ***เข้าประเด็น เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับตระกูลฮุนและตระกูลชิน ทำไมทักษิณถึงอย่างเขี่ยนายพีระพีนธุ์ออกจาก รมว.กระทรวงพลังงาน และต้องการเขี่ยพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของลูกสาวตนเอง*** 1.ทักษิณเริ่มสติฟั่นเฟือน หวาดระแวง ว่าตนกำลังสูญเสียอำนาจทางพลังงานไปจนหมด เพราะตระกูลชิน ใช้อำนาจทางพลังงาน รวมทั้งทุนมหาศาลในการสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้มีอำนาจอยู่เหนือ 3 สถาบันหลักของรัฐธรรมนูญไทยมายาวนานมาก ถ้าหากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทำให้อำนาจทางพลังงานของทักษิณล่มสลายลง ตระกูลชินจะหมดอำนาจลงทั้งหมดในทางการเมืองของประเทศไทย ไปในทันที 2. โซล่าฟาร์มของ UAE ใช้คนงานติดตั้ง มาจาก2 ประเทศคือไทยกับไต้หวัน ทีถือว่าเก่งโคตรๆในตอนนี้ โดยเฉพาะการติดตั้งแบบ ออฟกริตและออนกริต 3.แน่นอนว่า โครงการอภิมหาโปรเจคที่จะใหญ่กว่า UAE ถึงกว่า10เท่า จะเกิดขึ้นที่ซาอุดิอาระเบีย โดยใช้แรงงานไทย และอุปกรณ์สำคัญที่มีคุณภาพสูง จะมาจากไต้หวันทั้งหมด และซาอุดิอาระเบีย จะตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนลงในปี 2573 ที่ 20ล้านตัน 4. ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศโอเปกที่สำคัญ จะเข้ามาลงทุนกับกระทรวงพลังงานของไทย ในการผลิตกระแสไฟฟ้าไร้สาย และพลังงานสะอาดแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป และจะค่อยๆลดการผลิตน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติลง ***สาเหตุเกิดจากน้ำท่วมหนักในทะเลทราย และในเมือง ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนก๊าศคาร์บอนมหาศาลต่อภาคการเกษตรของประเทศมหาอำนาจที่ผลิตน้ำมัน*** ประเด็นคือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องการการร่วมมือกับนายพีระพันธุ์และนายเอกณัฐเท่านั้น แน่นอนว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เห็นภาพของฮุนเซน ผู้นำเขมรหอบสังขารไปเยือนกลุ่มประเทศเหล่านี้ เพราะอยากได้การลงทุนเรื่องพลังงานทางเลือกใหม่เหมือนกับไทย แต่สับขาหลอกว่า ต้องการหาทุน มาขุดคลองฟูนัน-เตโช ***ตระกูลไหนรีบคาบข่าวไปบอก ก็คงจะเดากันออกได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายเขมรก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆกลับมา*** #### เมื่อทั่งนครดูไบ และทั้งประเทศในซาอุดิอาระเบียและหลายประเทศของโอเปก ตัดสินใจร่วมลงทุนกับนายพีระพันธุ์ แน่นอนว่าคนที่เสียหน้าที่สุดก็คือตระกูลชิน จึงได้เกิดอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงในตอนนี้นั่นเอง### ***ทำนายได้ไม่ยากเลยว่า อีกไม่นานสีจิ้นผิง ผู้นำจีน จะต้องเบนเข็มมาให้ความสนใจต่อความร่วมมือกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของไทยเช่นเดียวกัน และก็ไม่ต้องแปลกใจไปว่า เหตุใด จีนจึงถอนตัวออกจากการลงทุนทุกอย่างกับเขมร และไม่สนับสนุนเขมรในการสำรวจขุดเอาพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย เพราะจีนรู้ว่าทั้งหมด มันเป็นแค่ละครแหกตาของสองตระกูลเขมรกับไทยเท่านั้น*** ทั้งหมดก็คือเหตุผลว่า ทำไมนายพีระพันธุ์ รมว.กระทรวงพลังงานกับ นายเอกณัฐ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรค รวมไทยสร้างชาติ ถึงไม่ได้ให้ความเกรงกลัวต่อทักษิณอีกเลย และไม่ได้สนใจว่า จะปรับเอาพรรครวมไทยสร้างชาติออกจาก ครม.ของแพรทองธารเลยสักนิด***แถมเบื้องบนก็เปิดไฟเขียวกันหมด รวมถึงผู้ถือหุ้นที่สำคัญทางพลังงานทั้งหมด ก็ย้ายมามาสนับสนุนนายพีระพันธุ์กันหมดแล้ว ผมเคยเขียนเอาไว้ล่วงหน้าว่า อีกไม่นาน ตระกูลฮุนของเขมร จะถูกทั้งโลกโดดเดี่ยวเดียวดาย และอีกไม่นาน จะเป็นตระกูลชิน จะเป็นอีกตระกูลที่จะถูกทั้งโลกไม่ให้ค่าอะไรอีกต่อไป ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญมาก เรื่องของพลังงาน ที่จะทำให้ความยากจนของคนในชาติลดลงในทันที หากทุกคนทั้งประเทศ รวมใจกันเลือกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้เป็นนายกรัฐมนตรีและดูแลกระทรวงพลังงาน รวมไปถึงการสนับสนุนนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ ให้ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมและหากพรรคนี้ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยแล้ว ***สยามประเทศจะเป็นเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน ก็ไม่เกินความเป็นจริง*** เดชา นฤนารท . 4/1/68 11.25 น.
    0 Comments 0 Shares 868 Views 0 Reviews
  • มันคือแป้ง? "จตุพร" ปูด! รัฐบาลจ่อปรับครม. ปลด "ภูมิธรรม" ดันนายทหารยศไม่สูงเสียบ ส่วน "พีระพันธุ์" ส่อถูกเชือด! (03/01/68) #news1 #ปรับครม.
    มันคือแป้ง? "จตุพร" ปูด! รัฐบาลจ่อปรับครม. ปลด "ภูมิธรรม" ดันนายทหารยศไม่สูงเสียบ ส่วน "พีระพันธุ์" ส่อถูกเชือด! (03/01/68) #news1 #ปรับครม.
    Like
    Love
    Haha
    8
    0 Comments 0 Shares 1746 Views 89 1 Reviews
  • แม้ทักษิณคันไม้คันมืออยากแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจะลงสนามการเมืองเอง แต่จะเขี่ยพรรคร่วมทิ้งก็ไม่อาจทำได้ จึงทำได้แค่ต้องยอมอดทนอดกลั้น อยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้ไปเรื่อยๆ

    #ไฟต์บังคับทักษิณ #ทักษิณ #อนุทิน #พีระพันธุ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    แม้ทักษิณคันไม้คันมืออยากแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจะลงสนามการเมืองเอง แต่จะเขี่ยพรรคร่วมทิ้งก็ไม่อาจทำได้ จึงทำได้แค่ต้องยอมอดทนอดกลั้น อยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้ไปเรื่อยๆ #ไฟต์บังคับทักษิณ #ทักษิณ #อนุทิน #พีระพันธุ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Sad
    12
    0 Comments 0 Shares 1710 Views 159 0 Reviews
  • 28/12/67

    นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

    แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว

    เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

    นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล

    “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว

    และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา

    อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่

    “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว

    นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้

    “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว

    และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก

    นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล

    ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ

    “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ

    วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว

    #TheStructure
    #TheStructureNews
    #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    28/12/67 นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่ “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้ “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว #TheStructure #TheStructureNews #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    0 Comments 0 Shares 546 Views 0 Reviews
  • ‘นายกฯ’ มอบ ‘พีระพันธุ์’ นั่งหัวโต๊ะประชุม ‘บอร์ด กพช.’ ก่อนเคาะชะลอเซ็นสัญญาซื้อ ‘ไฟฟ้าสีเขียว’ 3.6 พันเมกะวัตต์ ขณะที่ ‘สภาผู้บริโภค-เครือข่าย’ ออกแถลงการณ์จี้ ‘กกพ.’ ยุติโครงการฯ ชี้ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง 25 ปี

    ......................................

    เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. เวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธานการประชุม กพช. โดยมีวาระพิจารณาที่สนใจ คือ การพิจารณาแนวทางความเป็นไปได้ในการชะลอผลการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2567-2573 (ไฟฟ้าสีเขียว) จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ (MW)

    นายพีระพันธุ์ เปิดเผยหลังการประชุม กพช. ว่าตามที่ได้มีกระแสข่าว เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in-Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยกับประชาชนเรื่องความถูกต้องของกระบวนการ และวิธีการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและราชการ นั้น

    ที่ประชุม กพช. จึงได้มีมติให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2565-2573 ปริมาณรวม 3,668.5 MW ที่ กพช. ได้ให้ความเห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 โดยเป็นการชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้าไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง

    รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันเดียวกัน (25 ธ.ค.) สภาองค์กรของผู้บริโภคและเครือข่ายด้านพลังงาน ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยุติโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ที่ใช้วิธีคัดเลือกแทนการประมูล เนื่องจากโครงการฯดังกล่าวจะสร้างภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนสูงถึง 65,000 ล้านบาท นาน 25 ปี ในขณะที่ต้นทุนเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และลมลดลงอย่างรวดเร็ว

    สำหรับแถลงการณ์ฯดังกล่าว ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (รอบเพิ่มเติม) จำนวน 2 กลุ่ม แบ่งเป็น ก) พลังงานแสงอาทิตย์แบบตั้งพื้นบนดิน จำนวน 1,580 เมกะวัตต์ ที่จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์หรือขายไฟฟ้าได้ในช่วงปี 2569-2573 และ ข) กังหันลมจำนวน 565.4 เมกะวัตต์ ที่จะสามารถขายไฟฟ้าได้ในช่วงปี 2571-2573 รวม 2,145.5 เมกะวัตต์ โดยไม่มีการประมูล

    แต่ใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งใช้ราคารับซื้อที่กำหนดโดยมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 คือ 2.17 บาทต่อหน่วย สำหรับไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ และราคา 3.10 บาทต่อหน่วยสำหรับไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยที่ราคารับซื้อดังกล่าวจะคงที่ตลอดอายุสัญญา 25 ปี นั้น

    เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้มีความก้าวหน้าและราคาลดต่ำลง อย่างรวดเร็วมาก โดยลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี เช่นเดียวกับเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม แต่อัตราการลดลงของราคาจะช้ากว่าเล็กน้อย

    ดังนั้น การที่ กกพ. ใช้ราคาตามมติ กพช. ในปี 2565 ที่ไปกำหนดราคาที่ซื้อขายกันจริงของโซลาร์เซลล์ในปี 2569 หรืออีกประมาณ 4 ปีหลังจากนั้น จึงส่งผลให้ราคาสูงกว่ากว่าราคาที่ควรจะเป็นถึง 20-30% ส่วนกรณีของพลังงานลมซึ่งจะมีการซื้อขายกันจริงในปี 2571 จะช้ากว่าวันกำหนดราคาไว้ล่วงหน้า ถึง 6 ปี

    นอกจากการกำหนดราคาที่เรียกได้ว่าไม่มีประสิทธิภาพดังกล่าวข้างต้นแล้ว การไม่เปิดให้มีการแข่งขันโดยวิธีการประมูลราคาเพื่อหาราคาที่เหมาะที่สุด ก็จะเป็นภาระของผู้บริโภคที่จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงไปนานถึง 25 ปี

    ผลการศึกษาขององค์กร IRENA (International Renewable Energy Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (เรื่อง Renewable Power Generation Costs in 2023) ชี้ให้เห็นว่า ราคาไฟฟ้าเฉลี่ยตลอด โครงการ (LCOE) (ซึ่งเป็นการศึกษาจากทั่วโลก) จะมีราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของโลกจากโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในปี 2566 เท่ากับ 1.53 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และหากมีการซื้อขายในปี 2569 ตามที่ กกพ. ประกาศ ราคาไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ก็จะน้อยกว่า 1.53 บาทต่อหน่วยอีก

    เพื่อเป็นการยืนยันว่าผลการศึกษาของ IRENA มีแนวโน้มที่ถูกต้องและเป็นไปได้จริง พบว่ารัฐบาลอินเดีย โดย SECI (Solar Energy Corporation of India) ได้ประกาศผลผู้ชนะการประมูลเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อขายไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์พร้อมกับการเก็บไฟฟ้าลงแบตเตอรี่ (ที่สามารถขายไฟฟ้าได้ตลอดเวลาแม้ในเวลากลางคืน) ในราคา 1.44 บาทต่อหน่วย ในขณะที่โครงการของประเทศไทยที่กำลังดำเนินการนี้ไม่มีแบตเตอรี่

    เมื่อนำข้อมูลจากผลการศึกษาดังกล่าวมาคำนวณอย่างเป็นระบบ (ตามข้อมูลในภาพและตารางแนบท้าย) และสมมุติว่ามีการขายไฟฟ้าจริงในปี 2568 จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าจากโครงการนี้แพงกว่าที่ควรจะเป็นคิดเป็นมูลค่า ตลอดอายุสัญญา 25 ปี อย่างน้อยรวม 65,000 ล้านบาท (หกหมื่นห้าพันล้านบาท)

    สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นอุทธรณ์ประกาศ กกพ. ในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (รอบเพิ่มเติม) ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พร้อมขอให้ยกเลิกประกาศฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจาก กกพ. แต่ประการใด ดังนั้น ในวันนี้สภาองค์กรของผู้บริโภคและภาคีเครือข่ายซึ่งได้ร่วมลงชื่อท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ จึงมีข้อเรียกร้องให้ กกพ. และรัฐบาลทบทวนโครงการดังกล่าวทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคทั้งรุ่นนี้และรุ่นต่อไป

    พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2024) ซึ่งได้ดำเนินการมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

    ทั้งนี้ ในการจัดทำแผน PDP2024 หรือ PDP2025 ต้องเน้น การพึ่งตนเองของชาติ ภายใต้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และต้องเน้นให้ผู้บริโภค สามารถเป็นผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้า (Prosumer) เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนตามคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่ว่า

    “รัฐบาลจะยึดมั่นในหลักนิธิธรรม ความโปร่งใส สร้างความชอบธรรมในการบริหาร ราชการแผ่นดินโดยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ...จะสนับสนุนให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าระบบโซลาร์เซลล์ใช้ในครัวเรือนและมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตเกินกว่าความต้องการคืนให้รัฐ...จะเร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค”
    ‘นายกฯ’ มอบ ‘พีระพันธุ์’ นั่งหัวโต๊ะประชุม ‘บอร์ด กพช.’ ก่อนเคาะชะลอเซ็นสัญญาซื้อ ‘ไฟฟ้าสีเขียว’ 3.6 พันเมกะวัตต์ ขณะที่ ‘สภาผู้บริโภค-เครือข่าย’ ออกแถลงการณ์จี้ ‘กกพ.’ ยุติโครงการฯ ชี้ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง 25 ปี ...................................... เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. เวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธานการประชุม กพช. โดยมีวาระพิจารณาที่สนใจ คือ การพิจารณาแนวทางความเป็นไปได้ในการชะลอผลการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2567-2573 (ไฟฟ้าสีเขียว) จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ (MW) นายพีระพันธุ์ เปิดเผยหลังการประชุม กพช. ว่าตามที่ได้มีกระแสข่าว เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567 ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in-Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยกับประชาชนเรื่องความถูกต้องของกระบวนการ และวิธีการดำเนินงานรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและราชการ นั้น ที่ประชุม กพช. จึงได้มีมติให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2565-2573 ปริมาณรวม 3,668.5 MW ที่ กพช. ได้ให้ความเห็นชอบไว้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 โดยเป็นการชะลอการลงนามสัญญากับ 3 การไฟฟ้าไว้ก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันเดียวกัน (25 ธ.ค.) สภาองค์กรของผู้บริโภคและเครือข่ายด้านพลังงาน ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยุติโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ที่ใช้วิธีคัดเลือกแทนการประมูล เนื่องจากโครงการฯดังกล่าวจะสร้างภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนสูงถึง 65,000 ล้านบาท นาน 25 ปี ในขณะที่ต้นทุนเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์และลมลดลงอย่างรวดเร็ว สำหรับแถลงการณ์ฯดังกล่าว ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (รอบเพิ่มเติม) จำนวน 2 กลุ่ม แบ่งเป็น ก) พลังงานแสงอาทิตย์แบบตั้งพื้นบนดิน จำนวน 1,580 เมกะวัตต์ ที่จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์หรือขายไฟฟ้าได้ในช่วงปี 2569-2573 และ ข) กังหันลมจำนวน 565.4 เมกะวัตต์ ที่จะสามารถขายไฟฟ้าได้ในช่วงปี 2571-2573 รวม 2,145.5 เมกะวัตต์ โดยไม่มีการประมูล แต่ใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งใช้ราคารับซื้อที่กำหนดโดยมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 คือ 2.17 บาทต่อหน่วย สำหรับไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ และราคา 3.10 บาทต่อหน่วยสำหรับไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยที่ราคารับซื้อดังกล่าวจะคงที่ตลอดอายุสัญญา 25 ปี นั้น เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้มีความก้าวหน้าและราคาลดต่ำลง อย่างรวดเร็วมาก โดยลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี เช่นเดียวกับเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม แต่อัตราการลดลงของราคาจะช้ากว่าเล็กน้อย ดังนั้น การที่ กกพ. ใช้ราคาตามมติ กพช. ในปี 2565 ที่ไปกำหนดราคาที่ซื้อขายกันจริงของโซลาร์เซลล์ในปี 2569 หรืออีกประมาณ 4 ปีหลังจากนั้น จึงส่งผลให้ราคาสูงกว่ากว่าราคาที่ควรจะเป็นถึง 20-30% ส่วนกรณีของพลังงานลมซึ่งจะมีการซื้อขายกันจริงในปี 2571 จะช้ากว่าวันกำหนดราคาไว้ล่วงหน้า ถึง 6 ปี นอกจากการกำหนดราคาที่เรียกได้ว่าไม่มีประสิทธิภาพดังกล่าวข้างต้นแล้ว การไม่เปิดให้มีการแข่งขันโดยวิธีการประมูลราคาเพื่อหาราคาที่เหมาะที่สุด ก็จะเป็นภาระของผู้บริโภคที่จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงไปนานถึง 25 ปี ผลการศึกษาขององค์กร IRENA (International Renewable Energy Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (เรื่อง Renewable Power Generation Costs in 2023) ชี้ให้เห็นว่า ราคาไฟฟ้าเฉลี่ยตลอด โครงการ (LCOE) (ซึ่งเป็นการศึกษาจากทั่วโลก) จะมีราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของโลกจากโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในปี 2566 เท่ากับ 1.53 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และหากมีการซื้อขายในปี 2569 ตามที่ กกพ. ประกาศ ราคาไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ก็จะน้อยกว่า 1.53 บาทต่อหน่วยอีก เพื่อเป็นการยืนยันว่าผลการศึกษาของ IRENA มีแนวโน้มที่ถูกต้องและเป็นไปได้จริง พบว่ารัฐบาลอินเดีย โดย SECI (Solar Energy Corporation of India) ได้ประกาศผลผู้ชนะการประมูลเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เพื่อขายไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์พร้อมกับการเก็บไฟฟ้าลงแบตเตอรี่ (ที่สามารถขายไฟฟ้าได้ตลอดเวลาแม้ในเวลากลางคืน) ในราคา 1.44 บาทต่อหน่วย ในขณะที่โครงการของประเทศไทยที่กำลังดำเนินการนี้ไม่มีแบตเตอรี่ เมื่อนำข้อมูลจากผลการศึกษาดังกล่าวมาคำนวณอย่างเป็นระบบ (ตามข้อมูลในภาพและตารางแนบท้าย) และสมมุติว่ามีการขายไฟฟ้าจริงในปี 2568 จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าจากโครงการนี้แพงกว่าที่ควรจะเป็นคิดเป็นมูลค่า ตลอดอายุสัญญา 25 ปี อย่างน้อยรวม 65,000 ล้านบาท (หกหมื่นห้าพันล้านบาท) สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นอุทธรณ์ประกาศ กกพ. ในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (รอบเพิ่มเติม) ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พร้อมขอให้ยกเลิกประกาศฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจาก กกพ. แต่ประการใด ดังนั้น ในวันนี้สภาองค์กรของผู้บริโภคและภาคีเครือข่ายซึ่งได้ร่วมลงชื่อท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ จึงมีข้อเรียกร้องให้ กกพ. และรัฐบาลทบทวนโครงการดังกล่าวทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคทั้งรุ่นนี้และรุ่นต่อไป พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2024) ซึ่งได้ดำเนินการมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ในการจัดทำแผน PDP2024 หรือ PDP2025 ต้องเน้น การพึ่งตนเองของชาติ ภายใต้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และต้องเน้นให้ผู้บริโภค สามารถเป็นผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้า (Prosumer) เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนตามคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่ว่า “รัฐบาลจะยึดมั่นในหลักนิธิธรรม ความโปร่งใส สร้างความชอบธรรมในการบริหาร ราชการแผ่นดินโดยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ...จะสนับสนุนให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าระบบโซลาร์เซลล์ใช้ในครัวเรือนและมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตเกินกว่าความต้องการคืนให้รัฐ...จะเร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค”
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 401 Views 0 Reviews
More Results