• "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต": ความแตกต่างที่เปลี่ยนชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยคำสอนและคำแนะนำมากมาย หลายคนอาจเคยได้ยินหรือจดจำธรรมะไว้ในใจ แต่ความเข้าใจและการนำไปใช้จริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนจดจำธรรมะได้มากมาย แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความสงบสุขหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะเหตุใด? เรามาหาคำตอบกัน---จำธรรมะเข้าหัว: รู้เยอะแต่ไม่เปลี่ยนแปลงการ "จำธรรมะเข้าหัว" เปรียบเสมือนการเก็บข้อมูลในสมอง เป็นการสะสมคำสอน ข้อคิด เพื่อให้พูดหรืออ้างอิงได้ในสถานการณ์ต่างๆข้อดี: สามารถแบ่งปันคำสอนหรือให้คำแนะนำกับผู้อื่นได้ข้อเสีย: เป็นเพียงการรู้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ที่จำธรรมะเข้าหัวมักมีความรู้ แต่ยังขาดการนำธรรมะมาใช้แก้ปัญหาชีวิตจริง ผลที่ตามมาคือ การจมอยู่กับทุกข์เดิมๆ เพราะธรรมะที่แท้จริงยังไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ---นำธรรมะเข้าจิต: ฝึกปฏิบัติ สู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงการ "นำธรรมะเข้าจิต" คือการฝึกปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจัง จนเกิดความเปลี่ยนแปลงในจิตใจเริ่มต้นที่การทำ: เช่น การให้ทาน การรักษาศีลฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: เช่น การอดทนต่ออารมณ์หรือสิ่งยั่วยุผลลัพธ์ที่ได้: ความสงบ ความสุข และความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ธรรมะที่เข้าสู่จิตจริงๆ จะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ กระจ่างขึ้น เช่น การเข้าใจความไม่เที่ยง ความทุกข์ และการไม่ยึดมั่นในตัวตน---เปรียบเทียบ "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต"---ทำอย่างไรให้ธรรมะเข้าสู่จิต?1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: เลือกข้อธรรมะง่ายๆ เช่น การให้ทาน หรือการมีสติ2. ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: อย่าท้อเมื่อเจออุปสรรค จงมองว่าเป็นบททดสอบ3. ทบทวนตนเอง: ถามตัวเองว่า "วันนี้เราได้นำธรรมะมาใช้ในชีวิตหรือยัง?"---บทสรุปการจดจำธรรมะเป็นเพียงก้าวแรก แต่การนำธรรมะเข้าจิตคือหัวใจของการปฏิบัติที่แท้จริง เพราะธรรมะไม่ใช่แค่คำพูดหรือความรู้ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราก้าวข้ามทุกข์ และสร้างความสงบสุขในชีวิต"ธรรมะที่แท้ เป็นของผู้ฝึกฝน ผู้ลงมือทำ และผู้ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแท้จริง"ดังนั้น หากอยากให้ธรรมะช่วยพาเราข้ามพ้นทุกข์ อย่าหยุดแค่การจำ แต่จงเดินหน้าฝึกปฏิบัติ แล้วคุณจะค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงในใจ!
    "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต": ความแตกต่างที่เปลี่ยนชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยคำสอนและคำแนะนำมากมาย หลายคนอาจเคยได้ยินหรือจดจำธรรมะไว้ในใจ แต่ความเข้าใจและการนำไปใช้จริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนจดจำธรรมะได้มากมาย แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความสงบสุขหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะเหตุใด? เรามาหาคำตอบกัน---จำธรรมะเข้าหัว: รู้เยอะแต่ไม่เปลี่ยนแปลงการ "จำธรรมะเข้าหัว" เปรียบเสมือนการเก็บข้อมูลในสมอง เป็นการสะสมคำสอน ข้อคิด เพื่อให้พูดหรืออ้างอิงได้ในสถานการณ์ต่างๆข้อดี: สามารถแบ่งปันคำสอนหรือให้คำแนะนำกับผู้อื่นได้ข้อเสีย: เป็นเพียงการรู้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ที่จำธรรมะเข้าหัวมักมีความรู้ แต่ยังขาดการนำธรรมะมาใช้แก้ปัญหาชีวิตจริง ผลที่ตามมาคือ การจมอยู่กับทุกข์เดิมๆ เพราะธรรมะที่แท้จริงยังไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ---นำธรรมะเข้าจิต: ฝึกปฏิบัติ สู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงการ "นำธรรมะเข้าจิต" คือการฝึกปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจัง จนเกิดความเปลี่ยนแปลงในจิตใจเริ่มต้นที่การทำ: เช่น การให้ทาน การรักษาศีลฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: เช่น การอดทนต่ออารมณ์หรือสิ่งยั่วยุผลลัพธ์ที่ได้: ความสงบ ความสุข และความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ธรรมะที่เข้าสู่จิตจริงๆ จะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ กระจ่างขึ้น เช่น การเข้าใจความไม่เที่ยง ความทุกข์ และการไม่ยึดมั่นในตัวตน---เปรียบเทียบ "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต"---ทำอย่างไรให้ธรรมะเข้าสู่จิต?1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: เลือกข้อธรรมะง่ายๆ เช่น การให้ทาน หรือการมีสติ2. ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: อย่าท้อเมื่อเจออุปสรรค จงมองว่าเป็นบททดสอบ3. ทบทวนตนเอง: ถามตัวเองว่า "วันนี้เราได้นำธรรมะมาใช้ในชีวิตหรือยัง?"---บทสรุปการจดจำธรรมะเป็นเพียงก้าวแรก แต่การนำธรรมะเข้าจิตคือหัวใจของการปฏิบัติที่แท้จริง เพราะธรรมะไม่ใช่แค่คำพูดหรือความรู้ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราก้าวข้ามทุกข์ และสร้างความสงบสุขในชีวิต"ธรรมะที่แท้ เป็นของผู้ฝึกฝน ผู้ลงมือทำ และผู้ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแท้จริง"ดังนั้น หากอยากให้ธรรมะช่วยพาเราข้ามพ้นทุกข์ อย่าหยุดแค่การจำ แต่จงเดินหน้าฝึกปฏิบัติ แล้วคุณจะค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงในใจ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่
    วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    เมื่อวานกับวันนี้รู้สึกกดดันมากๆเลย ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรได้สบายๆ บางทีก็ต้องมาโพสต์แบบตัดพ้อปัญหาชีวิตที่ต้องมาถูกทางบ้านบังคับและเข้มงวด จนผมไม่มีกรอบเป็นของตัวเอง ความเข็นห่วงของเขาเ็นบ่วงบาศที่รัดตัวผมไว้แน่นจนผมต้องหาทางแก้บ่วงบาศเพื่อตัดตัวเองออกจากทางบ้านเพราะเหมือนทางบ้านไม่ซัพพอร์ตเรื่องผมทำงานอิสระด้านเขียนเว็บและเขียนโปรแกรมครับ อยากให้ผมเป็นลูกจ้าง อยากให้ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ต้องทนแบกภาระที่ผู้ใหญ่โยนมา และจะให้ทำจนเษียณหรือครับ อยากเลื่อนตำแหน่ง เหมือนจะต้องเสี่งคุกเสี่ยงตะราง เพราะผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ทำงานราชการ แต่ระบบงานไม่มีระดับหัวหน้าลงมาช่วยทำงาน มีแต่สั่งลูกน้อง นั่งรอเซ็นอนุมัติ ทำงานเป็นทีมในที่นั่นเหมือนจะไม่ใช่เลย คือไม่ใช่เลย คือระดับล่างทำงานเยี่ยงทาสชั้นต่ำ ระดับบนนึกอยากโยนงานให้ระดับล่างคนไหนก็ได้ ตัวเองนั่งในห้องแอร์ อยู่บนหอคอยงาช้าง อีโก้สูง ไม่ยอมลงมือทำร่วมกับระดับล่าง กดดันระดับล่างอยู่อย่างเดียว ผมว่าพอสักที ที่ผมไม่ต้องการอยู่ในระบบงานที่เหมือนจะไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมกับผมและทำให้ผมเบิร์นเอาท์เร็วมากจนเกือบต้องทะเลาะกับผู้ใหญ่ วันนี้มาตัดพ้อส่วนของเมื่อวานที่ผมเกือบต้องมีปากเสียงกับคนจ้างซึ่งเขาผูกขาดผมคนเดียว และไม่ค่อยจ่ายเงิน และงานส่วนมากมันยาก ถึงทำได้ก็ทำไม่ทัน กดดันอะไรขนาดนั้น ตั้งแต่ผมเสียศูนย์จากการทำงานเป็นลูกจ้างของราชการ และเงินเดือนที่ได้เหมือนถูกควบคุมการใช้จ่าย คือผมอยากจะออกจากเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้จ้าง เหมือนผมรู้สึกว่าผู้จ้างผมจะแกงผมเรื่องที่ Error มีเยอะขึ้น แต่ผมกลับคิดว่า Error มากขึ้น เพราะวิธีคิดของพี่เค้าไม่โอเคกับผม และยังใช้เวอร์ชั่นเฟรมเวิร์กเก่า เลยตะขิดตะขวงใจและกลัดกลุ้มใจลองคิดไปคิดมาดูแล้ว ว่าผมไม่ควรร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกผมที่ทำมาแทบตาย ไม่เข้าใจที่ผมเครียดเพราะปัญหาที่บ้าน ยกลูกค้ากับลูกค้าในลูกค้ามาข่มอีก เพื่อเร่งผม ผมอยากคุยกับลูกค้าของลูกค้า ที่สั่งลูกค้าหรือคนจ้าง มากๆเลย คืออยากเจรจา ไม่อยากด่าทอ มีปากเสียงรุนแรงกัน ลิมิตผมต่างจากลิมิตคนอื่นมาก วันนี้หวังว่าขอจบช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ที่มันคุโชนมาตั้งแต่เมื่อวานให้ได้นะครับ สู้ๆครับผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวใหญ่ 53 ปี เครียด ปัญหาชีวิต แขวนคอตาย ใต้ต้นมะขาม

    เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 19.15 น. พ.ต.ท.ปัญญายิ่ง กันคำพงส.สภ.เวียงสา จว.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่า มีเหตุคนเสียชีวิต ผิดธรรมชาติเหตุเกิดที่ บ้านเลขที่ 102/1 ม.3 ต.น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ.น่าน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สิทธิโชค ลือโลก ผกก.สภ.เวียงสา ทราบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุร่วมกับสายตรวจน้ำปั้ว เเละเเพทย์เวร รพ.เวียงสา ทำการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ชื่อนางเเพร (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี
    ที่ ม.3 ต.น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ.น่าน เสียชีวิตบริเวณใต้ต้นมะขาม หน้าบ้านที่เกิดเหตุ ในลักษณะสวมเสื้อยืดเเขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวสีเเดง นอนหงายบนพื้นดินจากการชันสูตรของเเพทย์ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการถูกทำร้ายเเต่อย่างใด

    จากการสอบถาม นางสมัย (สงวนนามสกุล) เป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่านางเเพรฯ มีความเครียด เเละวันนี้เวลาประมาณ 18.30 น. ได้พบว่านางเเพรฯ ได้ใช้เชือกผูกคอตัวเองกับต้นมะขามหน้าบ้าน เเละได้เสียชีวิต
    เเล้ว เเละญาติจึงได้นำศพมานอนไว้บนพื้น เเละได้โทรแจ้ง 191/1669 เจ้าหน้าที่ทราบ เเละไม่ติดใจสาเหตุการเสียชวิต
    เเต่อย่างใด จึงได้มอบศพให้ญาติดำเนินการตามประเพณีต่อไป

    @@@@@@@@@@

    ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
    สาวใหญ่ 53 ปี เครียด ปัญหาชีวิต แขวนคอตาย ใต้ต้นมะขาม เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 19.15 น. พ.ต.ท.ปัญญายิ่ง กันคำพงส.สภ.เวียงสา จว.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่า มีเหตุคนเสียชีวิต ผิดธรรมชาติเหตุเกิดที่ บ้านเลขที่ 102/1 ม.3 ต.น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ.น่าน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สิทธิโชค ลือโลก ผกก.สภ.เวียงสา ทราบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุร่วมกับสายตรวจน้ำปั้ว เเละเเพทย์เวร รพ.เวียงสา ทำการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ชื่อนางเเพร (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ที่ ม.3 ต.น้ำปั้ว อ.เวียงสา จ.น่าน เสียชีวิตบริเวณใต้ต้นมะขาม หน้าบ้านที่เกิดเหตุ ในลักษณะสวมเสื้อยืดเเขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวสีเเดง นอนหงายบนพื้นดินจากการชันสูตรของเเพทย์ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการถูกทำร้ายเเต่อย่างใด จากการสอบถาม นางสมัย (สงวนนามสกุล) เป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่านางเเพรฯ มีความเครียด เเละวันนี้เวลาประมาณ 18.30 น. ได้พบว่านางเเพรฯ ได้ใช้เชือกผูกคอตัวเองกับต้นมะขามหน้าบ้าน เเละได้เสียชีวิต เเล้ว เเละญาติจึงได้นำศพมานอนไว้บนพื้น เเละได้โทรแจ้ง 191/1669 เจ้าหน้าที่ทราบ เเละไม่ติดใจสาเหตุการเสียชวิต เเต่อย่างใด จึงได้มอบศพให้ญาติดำเนินการตามประเพณีต่อไป @@@@@@@@@@ ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อคู่อยู่ที่ไหน? เลือกมา 1 เลข....ดูคำทำนายที่ด้านล่าง
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    หมายเลข 1...เป็นคนไกลตัว ไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เคยรู้จักกันหรืออาจจะเคยคบหากันมาก่อน เมื่อในอดีต แต่ไม่ได้มีความจริงจังจริงใจ อาจจะเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ...แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ได้มาเจอกันอีกครั้ง จะได้มาคบกัน มีโอกาสว่าอาจจะเป็นคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว เคยแต่งงานมาแล้ว เลิกรากับแฟนไป แล้ว กลับมาคบหาเราแบบจริงจัง ซึ่งอาจจะมีอายุแตกต่างกันค่อนข้างมาก 10 ปีขึ้นไป #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น พี่ น้อง ผู้อุปถัมภ์ ครู หรือเป็นบุคคลที่เราให้ความเคารพนับถือ #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีความยาวนาน แต่ก็จะติดต่อบ้าง ไม่ติดต่อบ้าง

    หมายเลข 2....เป็นคนที่เคยคบกัน แต่แบบไม่ได้จริงจัง เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน แต่เมื่อคบไปแล้ว ดันมาเป็นตัวจริงของเราซะอย่างนั้น อาจจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...แต่ดวงชะตาอาจจะลิขิตมาแบบนี้ อายุอาจจะอยู่ไล่เลี่ยกัน อยู่ในวัยเดียวกัน #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น เพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน เป็นบุคคลที่เราคุ้นเคย และรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตอง หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เข้ามาในตอนที่เรากำลังแย่ หรือมีปัญหาชีวิตรัก เลิกกับแฟน แล้วสุดท้ายก็ได้มาคบกัน #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีโอกาสว่า มีความยาวนาน และยังติดตามข่าวสารกันมาตลอด

    หมายเลข 3 ....จะเป็นคนที่เจอจากสื่อโซเชียล ออนไลน์ เป็นความรักที่รวดเร็ว ฉับไว เหมือนมีมนต์มาสะกด เหมือนเราต่างรับรู้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ขาดกันไม่ได้ ฉันต้องแต่งกับคนนี้ ต้องอยู่กับคนนี้ และสำหรับบุคคลที่เลือกหมายเลขนี้มีโอกาสว่า จะเข้าไปคบซ้อนกับคนที่เขามีคนรัก มีครอบครัวมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นดวงคู่กัน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ 80% มีโอกาสที่จะเป็นบ้านที่ 2 หรือต้องอยู่แบบลับๆ #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน ก็เป็นความสัมพันธ์แบบเสน่หาาชู้สาว อยากใกล้ชิด และจะมีเรื่อง กิเลสตัณหาเข้ามาผูกมัดทำให้ได้มาอยู่ร่วมกัน #เรื่องอายุมีความไม่แน่นอน มีโอกาสว่าเป็นทุกวัย อาจจะเป็นคนแก่กว่า อ่อนกว่า หรือรุ่นราวคราวเดียวกันก็ได้

    หมายเลข 4....จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง เป็นคู่ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ให้อยู่ที่ 80% ถึงบางครั้งจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เป็นคู่ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน กว่าจะมาถึงวันนี้ #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกันอาจจะเป็นเพื่อน คนสนิท คนใกล้ชิดกันมาก่อน #มีโอกาสว่าจะอยู่ในวัยเดียวกัน หรืออายุแตกต่างกันไม่มาก บวกลบแล้วไม่น่าจะเกิน 3 ปี
    -------------
    #เวฬาดวง
    สนใจดูดวงส่วนตัวทักแชท
    เนื้อคู่อยู่ที่ไหน? เลือกมา 1 เลข....ดูคำทำนายที่ด้านล่าง . . . . . . . . . . . . . . . . หมายเลข 1...เป็นคนไกลตัว ไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เคยรู้จักกันหรืออาจจะเคยคบหากันมาก่อน เมื่อในอดีต แต่ไม่ได้มีความจริงจังจริงใจ อาจจะเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ...แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ได้มาเจอกันอีกครั้ง จะได้มาคบกัน มีโอกาสว่าอาจจะเป็นคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว เคยแต่งงานมาแล้ว เลิกรากับแฟนไป แล้ว กลับมาคบหาเราแบบจริงจัง ซึ่งอาจจะมีอายุแตกต่างกันค่อนข้างมาก 10 ปีขึ้นไป #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น พี่ น้อง ผู้อุปถัมภ์ ครู หรือเป็นบุคคลที่เราให้ความเคารพนับถือ #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีความยาวนาน แต่ก็จะติดต่อบ้าง ไม่ติดต่อบ้าง หมายเลข 2....เป็นคนที่เคยคบกัน แต่แบบไม่ได้จริงจัง เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน แต่เมื่อคบไปแล้ว ดันมาเป็นตัวจริงของเราซะอย่างนั้น อาจจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...แต่ดวงชะตาอาจจะลิขิตมาแบบนี้ อายุอาจจะอยู่ไล่เลี่ยกัน อยู่ในวัยเดียวกัน #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น เพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน เป็นบุคคลที่เราคุ้นเคย และรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตอง หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เข้ามาในตอนที่เรากำลังแย่ หรือมีปัญหาชีวิตรัก เลิกกับแฟน แล้วสุดท้ายก็ได้มาคบกัน #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีโอกาสว่า มีความยาวนาน และยังติดตามข่าวสารกันมาตลอด หมายเลข 3 ....จะเป็นคนที่เจอจากสื่อโซเชียล ออนไลน์ เป็นความรักที่รวดเร็ว ฉับไว เหมือนมีมนต์มาสะกด เหมือนเราต่างรับรู้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ขาดกันไม่ได้ ฉันต้องแต่งกับคนนี้ ต้องอยู่กับคนนี้ และสำหรับบุคคลที่เลือกหมายเลขนี้มีโอกาสว่า จะเข้าไปคบซ้อนกับคนที่เขามีคนรัก มีครอบครัวมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นดวงคู่กัน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ 80% มีโอกาสที่จะเป็นบ้านที่ 2 หรือต้องอยู่แบบลับๆ #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน ก็เป็นความสัมพันธ์แบบเสน่หาาชู้สาว อยากใกล้ชิด และจะมีเรื่อง กิเลสตัณหาเข้ามาผูกมัดทำให้ได้มาอยู่ร่วมกัน #เรื่องอายุมีความไม่แน่นอน มีโอกาสว่าเป็นทุกวัย อาจจะเป็นคนแก่กว่า อ่อนกว่า หรือรุ่นราวคราวเดียวกันก็ได้ หมายเลข 4....จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง เป็นคู่ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ให้อยู่ที่ 80% ถึงบางครั้งจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เป็นคู่ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน กว่าจะมาถึงวันนี้ #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกันอาจจะเป็นเพื่อน คนสนิท คนใกล้ชิดกันมาก่อน #มีโอกาสว่าจะอยู่ในวัยเดียวกัน หรืออายุแตกต่างกันไม่มาก บวกลบแล้วไม่น่าจะเกิน 3 ปี ------------- #เวฬาดวง สนใจดูดวงส่วนตัวทักแชท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อคู่อยู่ที่ไหน? เลือกมา 1 เลข....ดูคำทำนายที่ด้านล่าง
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    หมายเลข 1...เป็นคนไกลตัว ไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เคยรู้จักกันหรืออาจจะเคยคบหากันมาก่อน เมื่อในอดีต แต่ไม่ได้มีความจริงจังจริงใจ อาจจะเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ...แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ได้มาเจอกันอีกครั้ง จะได้มาคบกัน มีโอกาสว่าอาจจะเป็นคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว เคยแต่งงานมาแล้ว เลิกรากับแฟนไป แล้ว กลับมาคบหาเราแบบจริงจัง ซึ่งอาจจะมีอายุแตกต่างกันค่อนข้างมาก 10 ปีขึ้นไป #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น พี่ น้อง ผู้อุปถัมภ์ ครู หรือเป็นบุคคลที่เราให้ความเคารพนับถือ #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีความยาวนาน แต่ก็จะติดต่อบ้าง ไม่ติดต่อบ้าง

    หมายเลข 2....เป็นคนที่เคยคบกัน แต่แบบไม่ได้จริงจัง เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน แต่เมื่อคบไปแล้ว ดันมาเป็นตัวจริงของเราซะอย่างนั้น อาจจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...แต่ดวงชะตาอาจจะลิขิตมาแบบนี้ อายุอาจจะอยู่ไล่เลี่ยกัน อยู่ในวัยเดียวกัน #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น เพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน เป็นบุคคลที่เราคุ้นเคย และรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตอง หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เข้ามาในตอนที่เรากำลังแย่ หรือมีปัญหาชีวิตรัก เลิกกับแฟน แล้วสุดท้ายก็ได้มาคบกัน #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีโอกาสว่า มีความยาวนาน และยังติดตามข่าวสารกันมาตลอด

    หมายเลข 3 ....จะเป็นคนที่เจอจากสื่อโซเชียล ออนไลน์ เป็นความรักที่รวดเร็ว ฉับไว เหมือนมีมนต์มาสะกด เหมือนเราต่างรับรู้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ขาดกันไม่ได้ ฉันต้องแต่งกับคนนี้ ต้องอยู่กับคนนี้ และสำหรับบุคคลที่เลือกหมายเลขนี้มีโอกาสว่า จะเข้าไปคบซ้อนกับคนที่เขามีคนรัก มีครอบครัวมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นดวงคู่กัน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ 80% มีโอกาสที่จะเป็นบ้านที่ 2 หรือต้องอยู่แบบลับๆ #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน ก็เป็นความสัมพันธ์แบบเสน่หาาชู้สาว อยากใกล้ชิด และจะมีเรื่อง กิเลสตัณหาเข้ามาผูกมัดทำให้ได้มาอยู่ร่วมกัน #เรื่องอายุมีความไม่แน่นอน มีโอกาสว่าเป็นทุกวัย อาจจะเป็นคนแก่กว่า อ่อนกว่า หรือรุ่นราวคราวเดียวกันก็ได้

    หมายเลข 4....จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง เป็นคู่ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ให้อยู่ที่ 80% ถึงบางครั้งจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เป็นคู่ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน กว่าจะมาถึงวันนี้ #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกันอาจจะเป็นเพื่อน คนสนิท คนใกล้ชิดกันมาก่อน #มีโอกาสว่าจะอยู่ในวัยเดียวกัน หรืออายุแตกต่างกันไม่มาก บวกลบแล้วไม่น่าจะเกิน 3 ปี
    -------------
    #เวฬาดวง
    สนใจดูดวงส่วนตัวทักแชท
    เนื้อคู่อยู่ที่ไหน? เลือกมา 1 เลข....ดูคำทำนายที่ด้านล่าง . . . . . . . . . . . . . . . . หมายเลข 1...เป็นคนไกลตัว ไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่เคยรู้จักกันหรืออาจจะเคยคบหากันมาก่อน เมื่อในอดีต แต่ไม่ได้มีความจริงจังจริงใจ อาจจะเจอกันในเวลาที่ไม่เหมาะสม ...แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ได้มาเจอกันอีกครั้ง จะได้มาคบกัน มีโอกาสว่าอาจจะเป็นคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว เคยแต่งงานมาแล้ว เลิกรากับแฟนไป แล้ว กลับมาคบหาเราแบบจริงจัง ซึ่งอาจจะมีอายุแตกต่างกันค่อนข้างมาก 10 ปีขึ้นไป #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น พี่ น้อง ผู้อุปถัมภ์ ครู หรือเป็นบุคคลที่เราให้ความเคารพนับถือ #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีความยาวนาน แต่ก็จะติดต่อบ้าง ไม่ติดต่อบ้าง หมายเลข 2....เป็นคนที่เคยคบกัน แต่แบบไม่ได้จริงจัง เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน แต่เมื่อคบไปแล้ว ดันมาเป็นตัวจริงของเราซะอย่างนั้น อาจจะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...แต่ดวงชะตาอาจจะลิขิตมาแบบนี้ อายุอาจจะอยู่ไล่เลี่ยกัน อยู่ในวัยเดียวกัน #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกัน มีโอกาสว่าจะเป็น เพื่อน เพื่อนสนิท เพื่อนที่ทำงาน เป็นบุคคลที่เราคุ้นเคย และรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตอง หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เข้ามาในตอนที่เรากำลังแย่ หรือมีปัญหาชีวิตรัก เลิกกับแฟน แล้วสุดท้ายก็ได้มาคบกัน #ระยะเวลาที่รู้จักกันมีโอกาสว่า มีความยาวนาน และยังติดตามข่าวสารกันมาตลอด หมายเลข 3 ....จะเป็นคนที่เจอจากสื่อโซเชียล ออนไลน์ เป็นความรักที่รวดเร็ว ฉับไว เหมือนมีมนต์มาสะกด เหมือนเราต่างรับรู้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ขาดกันไม่ได้ ฉันต้องแต่งกับคนนี้ ต้องอยู่กับคนนี้ และสำหรับบุคคลที่เลือกหมายเลขนี้มีโอกาสว่า จะเข้าไปคบซ้อนกับคนที่เขามีคนรัก มีครอบครัวมาก่อน ถึงแม้จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นดวงคู่กัน ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ 80% มีโอกาสที่จะเป็นบ้านที่ 2 หรือต้องอยู่แบบลับๆ #ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมาคบกัน ก็เป็นความสัมพันธ์แบบเสน่หาาชู้สาว อยากใกล้ชิด และจะมีเรื่อง กิเลสตัณหาเข้ามาผูกมัดทำให้ได้มาอยู่ร่วมกัน #เรื่องอายุมีความไม่แน่นอน มีโอกาสว่าเป็นทุกวัย อาจจะเป็นคนแก่กว่า อ่อนกว่า หรือรุ่นราวคราวเดียวกันก็ได้ หมายเลข 4....จะได้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง เป็นคู่ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย และมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ให้อยู่ที่ 80% ถึงบางครั้งจะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เป็นคู่ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน สร้างครอบครัวมาด้วยกัน กว่าจะมาถึงวันนี้ #ความสัมพันธ์ก่อนที่จะมาคบกันอาจจะเป็นเพื่อน คนสนิท คนใกล้ชิดกันมาก่อน #มีโอกาสว่าจะอยู่ในวัยเดียวกัน หรืออายุแตกต่างกันไม่มาก บวกลบแล้วไม่น่าจะเกิน 3 ปี ------------- #เวฬาดวง สนใจดูดวงส่วนตัวทักแชท
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพื่อนพระจันทร์
    #ทุกข์ปัญหาชีวิต
    #ท่านจันทร์
    #รายการวิทยุ
    #thaitimes

    FM90.5 ทุกวัน สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน และตีสี่ถึงตีห้า มาฟังรายการทางวิทยุที่จะช่วยเป็นเพื่อนแก้เหงาคลายทุกข์ให้กับคุณ
    #เพื่อนพระจันทร์ #ทุกข์ปัญหาชีวิต #ท่านจันทร์ #รายการวิทยุ #thaitimes FM90.5 ทุกวัน สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน และตีสี่ถึงตีห้า มาฟังรายการทางวิทยุที่จะช่วยเป็นเพื่อนแก้เหงาคลายทุกข์ให้กับคุณ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหา เป็นสิ่งที่ทุกชีวิตไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    ...บางปัญหาเป็นสิ่งที่เมื่อเข้ามา เพื่อให้เราได้แก้ แล้วแกร่งขึ้น

    ...บางปัญหาเข้ามาในชีวิตเพื่อให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ยังหลงเหลือนั้นมีคุณค่าแค่ไหน

    ...บางปัญหาเข้ามาเพื่อให้รู้ว่าความแน่นแฟ้นในครอบครัวนั้นสำคัญเช่นไร

    ...และในบางเวลาวิธีแก้ปัญหาก็ไม่สำคัญเท่ากับกำลังใจจากคนข้างๆก็พอ

    ถอดบทเรียนจากหนังสือ | การพบกันคือเรื่องมหัศจรรย์ การจากกันเป็นเรื่องปกติ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ
    #การพบกันคือเรื่องมหัศจรรย์การจากกันเป็นเรื่องปกติ
    #หนังสือน่าอ่าน #ปัญหาชีวิต #กำลังใจ
    ปัญหา เป็นสิ่งที่ทุกชีวิตไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ...บางปัญหาเป็นสิ่งที่เมื่อเข้ามา เพื่อให้เราได้แก้ แล้วแกร่งขึ้น ...บางปัญหาเข้ามาในชีวิตเพื่อให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ยังหลงเหลือนั้นมีคุณค่าแค่ไหน ...บางปัญหาเข้ามาเพื่อให้รู้ว่าความแน่นแฟ้นในครอบครัวนั้นสำคัญเช่นไร ...และในบางเวลาวิธีแก้ปัญหาก็ไม่สำคัญเท่ากับกำลังใจจากคนข้างๆก็พอ ถอดบทเรียนจากหนังสือ | การพบกันคือเรื่องมหัศจรรย์ การจากกันเป็นเรื่องปกติ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #การพบกันคือเรื่องมหัศจรรย์การจากกันเป็นเรื่องปกติ #หนังสือน่าอ่าน #ปัญหาชีวิต #กำลังใจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์"

    การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่

    เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส.

    แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี

    แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้

    นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้

    ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี

    "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน"

    นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง

    ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น

    อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง

    "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม"

    "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม"

    นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่

    "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน"

    "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย"

    เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน

    "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน"

    เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า

    #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    ชวนกรีดดีลฟ้า-แดง "คนรุ่นใหม่หาประโยชน์" การประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค. มีเพียงวาระเดียว คือการเข้าร่วมรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือเชิญแก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีความพยายามร่วมรัฐบาลของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเก้าอี้ 1 รัฐมนตรี และ 1 รัฐมนตรีช่วยรออยู่ เป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้ทางการเมืองมานานกว่า 23 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ผ่านความขัดแย้งทั้งในสภาและนอกสภาในการชุมนุมกลุ่ม กปปส. แต่สัญญาณในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2566) นายเดชอิศม์เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ทีแรกปฎิเสธไม่พูดถึง ตอนหลังยอมรับไปเจอกันจริง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันนโยบายพรรค กระทั่งการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามี สส.ปชป. 16 คน นำโดยนายเดชอิศม์ โหวตสวนมติพรรค หนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ครั้งล่าสุด สส.ปชป. 25 คน งดออกเสียง ตามมติพรรคที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ สส.ปชป. กลุ่มนายเฉลิมชัย 21 คน สนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว มีเพียง 4 สส. ที่ไม่ยอม ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลุ่มนายเฉลิมชัยซึ่งเป็นเสียงข้างมากได้ นายเดชอิศม์ อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ความรัก ความเข้าใจ และการให้อภัยกัน ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา กับปัจจุบันไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ แนวคิด การพัฒนาประเทศ ไม่เหมือนกัน ดังนั้น พอถึงเวลาที่เราพูดคุยกันได้ ที่เรารักกัน เป็นสิ่งที่ดีงาม ส่วนที่นายชวนคัดค้านนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีความคิดเห็นเป็นสองฝ่าย แต่เมื่อมีมติของพรรคก็ต้องปฏิบัติตาม จากนี้ถ้ามีคนในพรรคโหวตแตกต่างจากมติของพรรคคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ส่วนนายสรวงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าจะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลร่วมกัน ส่วนโควตารัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีตนไม่ขอก้าวล่วง ส่วนความขัดแย้งระหว่างสองพรรค เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ปัจจุบันมั่นใจว่าในสภาฯ ทุกคน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติไปได้ด้วยดี "ไม่มี สส.พรรคเพื่อไทยคัดค้าน ขอให้นำคำสัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์เป็นที่ตั้ง ว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ พรรคของพวกเราร่วมต่อสู้กันมานาน แต่วันนี้มาถึงคนรุ่นใหม่ ที่มาดูแลพรรค ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ส่วนแนวทางการทำงานเราไปด้วยกันได้แน่นอน" นายสรวงศ์ กล่าวว่า ในอดีตอุดมการณ์ทางการเมืองของเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ไม่เหมือนกันเลย แต่วันนี้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค หัวหน้าทั้ง 2 พรรค รวมถึงเลขาฯ และสมาชิกพรรคทุกคน มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ต้องได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะประเทศชาติถอยหลังไปมาก ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินหน้าร่วมกัน อะไรไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ส่วนข้อกล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า คำนี้ฮิตเหลือเกิน ก็แล้วแต่ ทุกอย่างมองกันที่ผลงาน ต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ตนขออย่างเดียวให้โอกาสนายกฯ และ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงาน ถ้าทำอะไรผิด หรือไม่ดีค่อยร้องเรียน ไม่ใช่ออกมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ดูที่ผลงาน ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนกรณีซุกหุ้นของ น.ส.แพทองธาร มีทีมกฎหมายดูอยู่แล้ว และคิดว่าจะไม่เป็นประเด็น อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง "วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรม โดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม" "ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ผมต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ นายราเมศ รัตนะเชวง อดีดโฆษกพรรคฯ เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ผมรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้ผมสนับสนุนพรรคที่ผมบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้านผมทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่า แม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จุดยืนผมยังเหมือนเดิม" นายชวนกล่าวอีกว่า มติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่า เขามาเชิญ ความจริง ตนคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาท ก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเชิญ คนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่า พรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์ แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ "การเรียกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย ตนอยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของ กก.บห.พรรคชุดปัจจุบัน" "ยอมรับว่าผมเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคฯ ที่ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และผมได้หารือกับนายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายสรรเพชญ ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคฯเป็นอย่างไร ก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย" เมื่อถามว่าคนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของนายชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า มันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว ตนเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจเพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคฯ คนที่ 9 ยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคฯเท่ากับรุ่นก่อน "ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย ซึ่งไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์ยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน" เมื่อถามว่านายชวนจะลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปล่วงหน้า #Newskit #พรรคประชาธิปัตย์ #รัฐบาลแพทองธาร
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1352 มุมมอง 0 รีวิว