• จับสัญญาณเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายบัตรเครดิต : คนเคาะข่าว 14-04-68
    : ประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี”
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #เศรษฐกิจไทย #การใช้จ่ายบัตรเครดิต #สัญญาณเศรษฐกิจ #KTC #ประณยานิถานานนท์ #การเงินส่วนบุคคล #ข่าวเศรษฐกิจ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #นงวดีถนิมมาลย์ #พฤติกรรมผู้บริโภค #thaitimes #แนวโน้มการใช้จ่าย #ธุรกิจการเงิน
    จับสัญญาณเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายบัตรเครดิต : คนเคาะข่าว 14-04-68 : ประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #เศรษฐกิจไทย #การใช้จ่ายบัตรเครดิต #สัญญาณเศรษฐกิจ #KTC #ประณยานิถานานนท์ #การเงินส่วนบุคคล #ข่าวเศรษฐกิจ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #นงวดีถนิมมาลย์ #พฤติกรรมผู้บริโภค #thaitimes #แนวโน้มการใช้จ่าย #ธุรกิจการเงิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ
    .
    นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    .
    วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ
    .
    นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ
    .
    ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ
    .
    ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่
    .
    ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน
    .
    เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว
    .
    โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212
    .........
    Sondhi X
    อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ . นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ . วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ . นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ . ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ . ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร . ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่ . ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน . เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว . โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2158 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกดีเอสไอ เผย อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอสมิน-บอสแซม" คดีดิไอคอน ต้องพิจารณาสำนวนก่อนว่ามีความเห็นแย้งหรือไม่ ภายใน 30 วัน ก่อนส่งอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด

    วันนี้ (8 ม.ค.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ "บอสแซม" ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ "บอสมีน" ผู้ต้องหาที่ 18 ทุกข้อกล่าวหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า โดยขบวนการการทางกฏหมายพนักงานอัยการจะส่งคำสั่งไม่ฟ้องพร้อมความเห็นและเหตุผลกลับมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนั้น กรมฯ จะพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตามที่อัยการแจ้งมา ถ้ากรณีเห็นด้วยคำสั่งไม่ฟ้องนั้นก็เด็ดขาดถือว่าจบ แต่ถ้าเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรจะฟ้องอยู่ก็จะมีความเห็นแย้งไปตามขั้นตอน ซึ่งจะไปที่อัยการสูงสุดให้เป็นผู้ชี้ขาด

    "โดยระเบียบภายในดีเอสไอจะพิจารณาความเห็นแย้งหรือไม่แย้งภายใน 30 วัน ซึ่งจะดูจากตัวสำนวนและเหตุผลที่มี ดูข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย หากเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรให้ศาลพิจารณาเราก็แย้งไป ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าอัยการมีความเห็นอย่างไร เป็นกระบวนการพิจารณาในชั้นอัยการ ถามว่าสิ้นสุดหรือยังก็ตอบว่ายังเพราะยังมีขั้นตอนความเห็นแย้งได้อยู่"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002226

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    โฆษกดีเอสไอ เผย อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอสมิน-บอสแซม" คดีดิไอคอน ต้องพิจารณาสำนวนก่อนว่ามีความเห็นแย้งหรือไม่ ภายใน 30 วัน ก่อนส่งอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด • วันนี้ (8 ม.ค.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ "บอสแซม" ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ "บอสมีน" ผู้ต้องหาที่ 18 ทุกข้อกล่าวหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า โดยขบวนการการทางกฏหมายพนักงานอัยการจะส่งคำสั่งไม่ฟ้องพร้อมความเห็นและเหตุผลกลับมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนั้น กรมฯ จะพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตามที่อัยการแจ้งมา ถ้ากรณีเห็นด้วยคำสั่งไม่ฟ้องนั้นก็เด็ดขาดถือว่าจบ แต่ถ้าเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรจะฟ้องอยู่ก็จะมีความเห็นแย้งไปตามขั้นตอน ซึ่งจะไปที่อัยการสูงสุดให้เป็นผู้ชี้ขาด • "โดยระเบียบภายในดีเอสไอจะพิจารณาความเห็นแย้งหรือไม่แย้งภายใน 30 วัน ซึ่งจะดูจากตัวสำนวนและเหตุผลที่มี ดูข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย หากเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ควรให้ศาลพิจารณาเราก็แย้งไป ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าอัยการมีความเห็นอย่างไร เป็นกระบวนการพิจารณาในชั้นอัยการ ถามว่าสิ้นสุดหรือยังก็ตอบว่ายังเพราะยังมีขั้นตอนความเห็นแย้งได้อยู่" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002226 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 996 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก

    เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักอัยการคดีพิเศษ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก18 ราย ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

    โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำพยานเอกสาร 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท มาส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้วอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะประกอบด้วย นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับสำนวนคดีนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000122994

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก • เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่สำนักอัยการคดีพิเศษ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล หรือบอสพอล กับพวก18 ราย ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ • โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้นำพยานเอกสาร 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท มาส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้วอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะประกอบด้วย นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับสำนวนคดีนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000122994 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 877 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน'
    .
    ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม
    .
    "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน"
    .
    ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด
    .
    พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน' . ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม . "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน" . ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด . พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1878 มุมมอง 0 รีวิว
  • การบริหาร "เงินให้งอกเงย" สู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ "ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน" แค่ปฏิบัติตามกฎง่ายๆ 6 ข้อเท่านั้น! ตอบโจย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ หรือมีการใช้ชีวิตแบบไหน กฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินของคุณได้ดีขึ้น

    —————————

    🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก

    #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment

    —————————

    🔵 1) กฎ 30%

    หมายถึงควร "ใช้จ่ายเพียง 30% ของวงเงินบัตรเครดิต" เช่น วงเงิน 100,000 บาท ไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30,000 บาท

    —————————

    🔵 2) กฎ 70%

    วางแผนในช่วงเกษียณอายุด้วยการหารายได้ “70% ของรายได้ต่อเดือน” เช่น ปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 100,000 บาท ดังนั้นช่วงเกษียณอายุควรหารายได้ทดแทนประมาณ 70% หรือ 70,000 บาท

    —————————

    🔵 3) กฎ 15%

    “ออมอย่างน้อย 15% ของรายได้” เพื่อในช่วงเกษียณอายุ เช่น หากมีรายได้ 100,000 บาท/เดือน ควรออม 15,000 บาท/เดือน

    —————————

    🔵 4) กฎ 4%

    ศึกษาการลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ และควรลงทุนอย่างน้อย 4% ในแต่ละประเภทการลงทุน เช่น งบประมาณการลงทุนรวมทั้งหมด 100,000 บาท ควรแบ่งลงทุน 4,000 บาทสำหรับหุ้น 1 ตัว และลงทุนในกองทุน 4,000 บาท เป็นต้น

    —————————

    🔵 5) กฎของ 115

    นอกจากศึกษาการลงทุนแล้ว ควรคำนวณระยะเวลาที่การลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนเป็น “สามเท่า” ด้วยการใช้เลข 115 หารด้วยอัตราผลตอบแทน เช่น ผลตอบแทน 10% ต่อปี จะได้รับผลตอบสามเท่า เมื่อครบ 11.5 ปี โดยคำนวณจาก 115/10 นั่นเอง

    —————————

    🔵 6) กฎ 24 ชั่วโมง

    ก่อนจะตัดสินใจซื้อของที่มีราคาสูง “ให้รอ 1 วันหรือ 24 ชั่วโมงก่อนค่อยตัดสินใจ” เพื่อให้เราทบทวนว่าสิ่งนั้นจำเป็นกับเรามากน้อยแค่ไหน

    —————————

    การบริหารการเงินที่ยั่งยืน "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่รายได้ที่คุณมี" แต่ขึ้นอยู่กับวินัยและการวางแผนที่รอบคอบ กฎทั้ง 6 ข้อที่แนะนำ ไม่ว่าคุณจะจัดการรายรับ รายจ่าย การออม หรือการลงทุนอย่างไร ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายทางการเงินของคุณได้ และการวางแผนที่ดีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน...

    Reference : BusinessTomorrow
    การบริหาร "เงินให้งอกเงย" สู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ "ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน" แค่ปฏิบัติตามกฎง่ายๆ 6 ข้อเท่านั้น! ตอบโจย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ หรือมีการใช้ชีวิตแบบไหน กฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินของคุณได้ดีขึ้น ————————— 🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment ————————— 🔵 1) กฎ 30% หมายถึงควร "ใช้จ่ายเพียง 30% ของวงเงินบัตรเครดิต" เช่น วงเงิน 100,000 บาท ไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30,000 บาท ————————— 🔵 2) กฎ 70% วางแผนในช่วงเกษียณอายุด้วยการหารายได้ “70% ของรายได้ต่อเดือน” เช่น ปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 100,000 บาท ดังนั้นช่วงเกษียณอายุควรหารายได้ทดแทนประมาณ 70% หรือ 70,000 บาท ————————— 🔵 3) กฎ 15% “ออมอย่างน้อย 15% ของรายได้” เพื่อในช่วงเกษียณอายุ เช่น หากมีรายได้ 100,000 บาท/เดือน ควรออม 15,000 บาท/เดือน ————————— 🔵 4) กฎ 4% ศึกษาการลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ และควรลงทุนอย่างน้อย 4% ในแต่ละประเภทการลงทุน เช่น งบประมาณการลงทุนรวมทั้งหมด 100,000 บาท ควรแบ่งลงทุน 4,000 บาทสำหรับหุ้น 1 ตัว และลงทุนในกองทุน 4,000 บาท เป็นต้น ————————— 🔵 5) กฎของ 115 นอกจากศึกษาการลงทุนแล้ว ควรคำนวณระยะเวลาที่การลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนเป็น “สามเท่า” ด้วยการใช้เลข 115 หารด้วยอัตราผลตอบแทน เช่น ผลตอบแทน 10% ต่อปี จะได้รับผลตอบสามเท่า เมื่อครบ 11.5 ปี โดยคำนวณจาก 115/10 นั่นเอง ————————— 🔵 6) กฎ 24 ชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจซื้อของที่มีราคาสูง “ให้รอ 1 วันหรือ 24 ชั่วโมงก่อนค่อยตัดสินใจ” เพื่อให้เราทบทวนว่าสิ่งนั้นจำเป็นกับเรามากน้อยแค่ไหน ————————— การบริหารการเงินที่ยั่งยืน "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่รายได้ที่คุณมี" แต่ขึ้นอยู่กับวินัยและการวางแผนที่รอบคอบ กฎทั้ง 6 ข้อที่แนะนำ ไม่ว่าคุณจะจัดการรายรับ รายจ่าย การออม หรือการลงทุนอย่างไร ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายทางการเงินของคุณได้ และการวางแผนที่ดีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน... Reference : BusinessTomorrow
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 718 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵เอ็มมานูเอล มาครง – ลูกศิษย์ของตระกูลรอธส์ไชลด์กลายมาเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส?

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส @EmmanuelMacron ผู้ได้รับฉายาว่า “ประธานาธิบดีของคนรวย,” ได้ให้การสนับสนุนการขึ้นภาษีแก่บุคคลที่มีฐานะร่ำรวยและบริษัทขนาดใหญ่ นิวยอร์กไทม์ส กล่าวว่า ประธานาธิบดี “คัดค้านการขึ้นภาษีอย่างแข็งกร้าว,” แต่ มิเชล บาร์เนียร์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่นในการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวของฝรั่งเศส

    👇มาครงได้รับฉายานี้มาได้อย่างไร, และเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลธนาคารชื่อดัง รอธส์ไชลด์ ได้อย่างไร? 👇
    .
    ◻️ เอ็มมานูเอล มาครง เคยทำงานเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนที่ธนาคาร Rothschild & Cie Banque ระหว่างปี ๒๐๐๘ ถึง ๒๐๑๒ หลังจากได้รับการคัดเลือกในช่วงปลายปี ๒๐๐๘, มาครงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนของธนาคารในปี ๒๐๑๐ มาครงได้รับเงินเดือนประมาณ ๒.๙ ล้านยูโร ในขณะที่ทำงานให้กับตระกูล Rothschild, ตามรายงานของ Financial Times
    .
    ◻️ ในช่วงหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี ๒๐๑๗, มาครงถูกตำหนิว่าเป็น "ผู้สมัครรับเลือกตั้งในสาขาการเงิน" เขาลงสมัครในฐานะผู้สมัครอิสระในพรรคการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่สามารถระดมทุนได้อย่างรวดเร็วถึง ๑๓ ล้านยูโร เงินทุนส่วนใหญ่มาจากเครือข่ายธนาคาร, นักการเงิน, และนักธุรกิจที่มีอิทธิพล, ตามรายงานของ Mediapart, ซึ่งเป็นสื่อสืบสวนอิสระของฝรั่งเศส กฎหมายของฝรั่งเศสอนุญาตให้ทีมหาเสียงของมาครงเก็บรายชื่อผู้บริจาคของเขาไว้เป็นความลับ
    .
    ◻️ เมื่อเข้ารับตำแหน่ง, นายมาครงได้ดำเนินมาตรการต่างๆมากมายเพื่อคนรวยและบริษัทต่างๆ โดยได้ลดอัตราภาษีนิติบุคคลอย่างเป็นทางการจาก ๓๓% เหลือ ๒๕%, ลดภาษีสำหรับผู้ผลิต, กำหนดให้เก็บภาษีในอัตราคงที่ ๓๐% สำหรับรายได้จากการลงทุน และแทนที่ภาษีทรัพย์สินสำหรับคนรวยด้วยภาษีสำหรับทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า ๑.๓ ล้านยูโร
    .
    อย่างไรก็ตาม, มาตรการขึ้นภาษี, ซึ่งอาจทำให้มีรายได้ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านยูโรต่อปี, ตามรายงานของ Terra Nova ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยของฝรั่งเศส, ถือเป็นมาตรการชั่วคราว รัฐบาลฝรั่งเศสจำเป็นต้องหาเงิน ๑๑๐,๐๐๐ ล้านยูโรในช่วงหลายปีข้างหน้า, และเงินส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของการลดรายจ่ายของรัฐบาล, ตามรายงานของ NYT
    .
    ตระกูลรอธส์ไชลด์ จัดการอย่างไร จึงนำอาณาจักรทางการเงินของพวกเขากลับมารวมกันอีกครั้งภายใต้การนำของมาครง

    ◻️ ในเดือนกันยายน ๒๐๑๘, FT เรียก เดวิด เดอ โรธส์ไชลด์ ว่าเป็น "ลูกศิษย์" ของมาครง และอ้างถึงนายธนาคารที่ยกย่องประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า "เด็ดขาด," "ฉลาดมาก," "กล้าหาญ," และ "ทำในสิ่งที่เขาพูดว่าจะทำ" เมื่อ FT ถามเกี่ยวกับการ "ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีที่ไม่น่าจะเป็นไปได้" ของมาครง, เดอ โรธส์ไชลด์ ตอบว่า: "โลกได้จัดเรียงแถวกัน"
    .
    ◻️ ตระกูลรอธส์ไชลด์ ดูเหมือนจะมีแรงจูงใจในการสนับสนุนมาครง - ประธานาธิบดีที่คาดเดาได้ซึ่งเล่นงานคนรวย: โครงสร้างธนาคารของตระกูลรอธส์ไชลด์ถูกยึดเป็นของรัฐสองครั้งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสยุคใหม่ - โดยระบอบการปกครองของวีชีในปี ๑๙๔๐ และโดยกลุ่มพันธมิตรสังคมนิยมของประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ มิตแตร์รอง ในปี ๑๙๘๑
    .
    ◻️ ในปี ๑๙๘๔, Eric de Rothschild ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งธนาคารแห่งใหม่ แต่ถูกห้ามใช้ชื่อสกุล ข้อจำกัดดังกล่าวถูกยกเลิกภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Jacques Chirac ในปี ๑๙๘๖, และสถาบันการเงินได้เปลี่ยนชื่อเป็น Rothschild et Associés Banque และต่อมาเป็น Rothschild et Cie. Banque
    .
    ◻️ ในช่วงที่ Macron ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี, Rothschilds ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจการเงินของตน, โดยบริษัทใหญ่ของพวกเขา Rothschilds & Co. ถูกขายเป็นเอกชนในปี ๒๐๒๓ ในข้อตกลงมูลค่า ๓.๗ พันล้านยูโร ที่นำโดยครอบครัว ในเดือนมีนาคม ๒๐๒๓, Reuters เน้นย้ำถึง "การขยายตัวล่าสุดของ Rothschild ในด้านธนาคารส่วนบุคคลและการจัดการสินทรัพย์" และการทำให้ "มีการเคลื่อนไหวและมีพลวัตมาก"
    .
    ในรายงานเชิงลึกด้านมหภาค ประจำเดือนกันยายน, Rothschild & Co. เขียนว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น, และเสริมว่า "คำถามที่ยังคงค้างอยู่ว่าจะประสานความจำเป็นในการมีวินัยทางการเงินกับความต้องการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่หยุดหย่อนได้อย่างไร" จะต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลของ Macron
    .
    🧵EMMANUEL MACRON – ROTHSCHILDS PROTÉGÉ TURNED FRENCH PRESIDENT?

    French President @EmmanuelMacron who has been nicknamed a "president of the rich," has given a nod to tax increases on wealthy individuals and big companies. The New York Times says the president "has vociferously opposed tax increases," but French PM Michel Barnier said there is no other choice for solving France’s widening budget deficit problem.

    👇How did Macron earn his nickname, and how is he linked to the famous Rothschild banking family? 👇
    .
    ◻️ Emmanuel Macron had worked as an investment banker at Rothschild & Cie Banque between 2008 and 2012. Recruited at the end of 2008, Macron was promoted to a partner with the bank in 2010. Macron earned about €2.9 million while working for the Rothschilds, according to the Financial Times.
    .
    ◻️ During his 2017 presidential campaign, Macron was castigated as the "candidate of finance." He ran as an independent candidate with a newly assembled party but managed to quickly raise €13 million. The funds were primarily sourced from a powerful network of bankers, financiers, and businessmen, according to Mediapart, an independent French investigative media. French laws allowed the Macron campaign to keep the list of his donors on the hush.
    .
    ◻️ When assuming office, Macron carried out a string of measures for the rich and companies. He reduced the official corporate tax rate to 25% from 33%, slashed taxes for manufacturers, introduced a flat tax of 30% on investment income, and replaced a wealth tax on the very rich with a tax on real estate assets valued at more than 1.3 million euros.
    .
    However, the tax increase measure, which could bring around €10 billion annually, according to French think tank Terra Nova, is a temporary measure. The French government needs to find €110 billion over the next several years, and most of the sum would be in the form of slashing government spending, according to NYT.
    .
    HOW ROTHSCHILDS MANAGED TO BRING THEIR FINANCIAL EMPIRE TOGETHER AGAIN UNDER MACRON

    ◻️ In September 2018, FT called Macron David de Rothschild's "protégé" and cited the banker as hailing the French president as "decisive," "extremely intelligent," "courageous," and "doing what he said he would do." When asked by FT about Macron's "unlikely ascent to the presidency," de Rothschild responded: "Planets have aligned."
    .
    ◻️ The Rothschilds appear to have a motif in supporting Macron – a predictable president playing in the hands of the rich: the Rothschild banking structure was nationalized twice in modern French history – by the Vichy regime in 1940 and by the Socialist coalition of President François Mitterrand in 1981.
    .
    ◻️ In 1984, Eric de Rothschild received permission to found a new bank but was banned from using the family name. The restriction was lifted under PM Jacques Chirac in 1986, and the financial institution was renamed Rothschild et Associés Banque and later Rothschild et Cie. Banque.
    .
    ◻️ During Macron's presidency, the Rothschilds restructured their financial business, with their major company Rothschilds & Co. being taken private in 2023 in a family-led €3.7 billion deal. In March 2023, Reuters placed emphasis on the Rothschilds "recent expansion into private banking and asset management" and becoming "very active and dynamic."
    .
    In their September macro insights, Rothschild & Co. wrote that the French economy needs a boost, adding that "the lingering question over how to reconcile the need for fiscal discipline with incessant demands for public spending" must be resolved by the Macron government.
    .
    12:30 AM · Oct 8, 2024 · 4,279 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1843343262028886189
    🧵เอ็มมานูเอล มาครง – ลูกศิษย์ของตระกูลรอธส์ไชลด์กลายมาเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส? ประธานาธิบดีฝรั่งเศส @EmmanuelMacron ผู้ได้รับฉายาว่า “ประธานาธิบดีของคนรวย,” ได้ให้การสนับสนุนการขึ้นภาษีแก่บุคคลที่มีฐานะร่ำรวยและบริษัทขนาดใหญ่ นิวยอร์กไทม์ส กล่าวว่า ประธานาธิบดี “คัดค้านการขึ้นภาษีอย่างแข็งกร้าว,” แต่ มิเชล บาร์เนียร์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่นในการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวของฝรั่งเศส 👇มาครงได้รับฉายานี้มาได้อย่างไร, และเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลธนาคารชื่อดัง รอธส์ไชลด์ ได้อย่างไร? 👇 . ◻️ เอ็มมานูเอล มาครง เคยทำงานเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนที่ธนาคาร Rothschild & Cie Banque ระหว่างปี ๒๐๐๘ ถึง ๒๐๑๒ หลังจากได้รับการคัดเลือกในช่วงปลายปี ๒๐๐๘, มาครงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนของธนาคารในปี ๒๐๑๐ มาครงได้รับเงินเดือนประมาณ ๒.๙ ล้านยูโร ในขณะที่ทำงานให้กับตระกูล Rothschild, ตามรายงานของ Financial Times . ◻️ ในช่วงหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี ๒๐๑๗, มาครงถูกตำหนิว่าเป็น "ผู้สมัครรับเลือกตั้งในสาขาการเงิน" เขาลงสมัครในฐานะผู้สมัครอิสระในพรรคการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่สามารถระดมทุนได้อย่างรวดเร็วถึง ๑๓ ล้านยูโร เงินทุนส่วนใหญ่มาจากเครือข่ายธนาคาร, นักการเงิน, และนักธุรกิจที่มีอิทธิพล, ตามรายงานของ Mediapart, ซึ่งเป็นสื่อสืบสวนอิสระของฝรั่งเศส กฎหมายของฝรั่งเศสอนุญาตให้ทีมหาเสียงของมาครงเก็บรายชื่อผู้บริจาคของเขาไว้เป็นความลับ . ◻️ เมื่อเข้ารับตำแหน่ง, นายมาครงได้ดำเนินมาตรการต่างๆมากมายเพื่อคนรวยและบริษัทต่างๆ โดยได้ลดอัตราภาษีนิติบุคคลอย่างเป็นทางการจาก ๓๓% เหลือ ๒๕%, ลดภาษีสำหรับผู้ผลิต, กำหนดให้เก็บภาษีในอัตราคงที่ ๓๐% สำหรับรายได้จากการลงทุน และแทนที่ภาษีทรัพย์สินสำหรับคนรวยด้วยภาษีสำหรับทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า ๑.๓ ล้านยูโร . อย่างไรก็ตาม, มาตรการขึ้นภาษี, ซึ่งอาจทำให้มีรายได้ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านยูโรต่อปี, ตามรายงานของ Terra Nova ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยของฝรั่งเศส, ถือเป็นมาตรการชั่วคราว รัฐบาลฝรั่งเศสจำเป็นต้องหาเงิน ๑๑๐,๐๐๐ ล้านยูโรในช่วงหลายปีข้างหน้า, และเงินส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของการลดรายจ่ายของรัฐบาล, ตามรายงานของ NYT . ตระกูลรอธส์ไชลด์ จัดการอย่างไร จึงนำอาณาจักรทางการเงินของพวกเขากลับมารวมกันอีกครั้งภายใต้การนำของมาครง ◻️ ในเดือนกันยายน ๒๐๑๘, FT เรียก เดวิด เดอ โรธส์ไชลด์ ว่าเป็น "ลูกศิษย์" ของมาครง และอ้างถึงนายธนาคารที่ยกย่องประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า "เด็ดขาด," "ฉลาดมาก," "กล้าหาญ," และ "ทำในสิ่งที่เขาพูดว่าจะทำ" เมื่อ FT ถามเกี่ยวกับการ "ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีที่ไม่น่าจะเป็นไปได้" ของมาครง, เดอ โรธส์ไชลด์ ตอบว่า: "โลกได้จัดเรียงแถวกัน" . ◻️ ตระกูลรอธส์ไชลด์ ดูเหมือนจะมีแรงจูงใจในการสนับสนุนมาครง - ประธานาธิบดีที่คาดเดาได้ซึ่งเล่นงานคนรวย: โครงสร้างธนาคารของตระกูลรอธส์ไชลด์ถูกยึดเป็นของรัฐสองครั้งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสยุคใหม่ - โดยระบอบการปกครองของวีชีในปี ๑๙๔๐ และโดยกลุ่มพันธมิตรสังคมนิยมของประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ มิตแตร์รอง ในปี ๑๙๘๑ . ◻️ ในปี ๑๙๘๔, Eric de Rothschild ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งธนาคารแห่งใหม่ แต่ถูกห้ามใช้ชื่อสกุล ข้อจำกัดดังกล่าวถูกยกเลิกภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Jacques Chirac ในปี ๑๙๘๖, และสถาบันการเงินได้เปลี่ยนชื่อเป็น Rothschild et Associés Banque และต่อมาเป็น Rothschild et Cie. Banque . ◻️ ในช่วงที่ Macron ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี, Rothschilds ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจการเงินของตน, โดยบริษัทใหญ่ของพวกเขา Rothschilds & Co. ถูกขายเป็นเอกชนในปี ๒๐๒๓ ในข้อตกลงมูลค่า ๓.๗ พันล้านยูโร ที่นำโดยครอบครัว ในเดือนมีนาคม ๒๐๒๓, Reuters เน้นย้ำถึง "การขยายตัวล่าสุดของ Rothschild ในด้านธนาคารส่วนบุคคลและการจัดการสินทรัพย์" และการทำให้ "มีการเคลื่อนไหวและมีพลวัตมาก" . ในรายงานเชิงลึกด้านมหภาค ประจำเดือนกันยายน, Rothschild & Co. เขียนว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น, และเสริมว่า "คำถามที่ยังคงค้างอยู่ว่าจะประสานความจำเป็นในการมีวินัยทางการเงินกับความต้องการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่หยุดหย่อนได้อย่างไร" จะต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลของ Macron . 🧵EMMANUEL MACRON – ROTHSCHILDS PROTÉGÉ TURNED FRENCH PRESIDENT? French President @EmmanuelMacron who has been nicknamed a "president of the rich," has given a nod to tax increases on wealthy individuals and big companies. The New York Times says the president "has vociferously opposed tax increases," but French PM Michel Barnier said there is no other choice for solving France’s widening budget deficit problem. 👇How did Macron earn his nickname, and how is he linked to the famous Rothschild banking family? 👇 . ◻️ Emmanuel Macron had worked as an investment banker at Rothschild & Cie Banque between 2008 and 2012. Recruited at the end of 2008, Macron was promoted to a partner with the bank in 2010. Macron earned about €2.9 million while working for the Rothschilds, according to the Financial Times. . ◻️ During his 2017 presidential campaign, Macron was castigated as the "candidate of finance." He ran as an independent candidate with a newly assembled party but managed to quickly raise €13 million. The funds were primarily sourced from a powerful network of bankers, financiers, and businessmen, according to Mediapart, an independent French investigative media. French laws allowed the Macron campaign to keep the list of his donors on the hush. . ◻️ When assuming office, Macron carried out a string of measures for the rich and companies. He reduced the official corporate tax rate to 25% from 33%, slashed taxes for manufacturers, introduced a flat tax of 30% on investment income, and replaced a wealth tax on the very rich with a tax on real estate assets valued at more than 1.3 million euros. . However, the tax increase measure, which could bring around €10 billion annually, according to French think tank Terra Nova, is a temporary measure. The French government needs to find €110 billion over the next several years, and most of the sum would be in the form of slashing government spending, according to NYT. . HOW ROTHSCHILDS MANAGED TO BRING THEIR FINANCIAL EMPIRE TOGETHER AGAIN UNDER MACRON ◻️ In September 2018, FT called Macron David de Rothschild's "protégé" and cited the banker as hailing the French president as "decisive," "extremely intelligent," "courageous," and "doing what he said he would do." When asked by FT about Macron's "unlikely ascent to the presidency," de Rothschild responded: "Planets have aligned." . ◻️ The Rothschilds appear to have a motif in supporting Macron – a predictable president playing in the hands of the rich: the Rothschild banking structure was nationalized twice in modern French history – by the Vichy regime in 1940 and by the Socialist coalition of President François Mitterrand in 1981. . ◻️ In 1984, Eric de Rothschild received permission to found a new bank but was banned from using the family name. The restriction was lifted under PM Jacques Chirac in 1986, and the financial institution was renamed Rothschild et Associés Banque and later Rothschild et Cie. Banque. . ◻️ During Macron's presidency, the Rothschilds restructured their financial business, with their major company Rothschilds & Co. being taken private in 2023 in a family-led €3.7 billion deal. In March 2023, Reuters placed emphasis on the Rothschilds "recent expansion into private banking and asset management" and becoming "very active and dynamic." . In their September macro insights, Rothschild & Co. wrote that the French economy needs a boost, adding that "the lingering question over how to reconcile the need for fiscal discipline with incessant demands for public spending" must be resolved by the Macron government. . 12:30 AM · Oct 8, 2024 · 4,279 Views https://x.com/SputnikInt/status/1843343262028886189
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว