• เมื่อวันอังคารที่ 03 กันยายน 2567ที่ผ่านมา
    มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของหุ้น NVDA
    ของบริษัท อินวิเดีย NVIDIA Corporation
    (ผู้ผลิตชิปประมวลผล ทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิค)
    ที่อยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ สหรัฐอเมริกา
    มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด ได้หายไป
    มากกว่า 2.80 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    9.54 ล้านล้านบาทใน 1 วัน หลังจากที่ราคาร่วงลง -10%

    นับเป็นการสูญเสีย มูลค่าตามราคาตลาดในหุ้น 1 ตัว
    เพียงวันเดียว ที่มากที่สุด ในประวัติศาสตร์
    ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ก่อตั้งมา
    ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิป
    และเซมิคอนดัคเตอร์ทั่วโลก ร่วงลงเช่นกัน

    ที่มา : cnbc

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #NVDA #NVIDIA #thaitimes
    🔥🔥เมื่อวันอังคารที่ 03 กันยายน 2567ที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของหุ้น NVDA ของบริษัท อินวิเดีย NVIDIA Corporation (ผู้ผลิตชิปประมวลผล ทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิค) ที่อยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ สหรัฐอเมริกา มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด ได้หายไป มากกว่า 2.80 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.54 ล้านล้านบาทใน 1 วัน หลังจากที่ราคาร่วงลง -10% 🚩นับเป็นการสูญเสีย มูลค่าตามราคาตลาดในหุ้น 1 ตัว เพียงวันเดียว ที่มากที่สุด ในประวัติศาสตร์ ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ก่อตั้งมา ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิป และเซมิคอนดัคเตอร์ทั่วโลก ร่วงลงเช่นกัน ที่มา : cnbc #หุ้นติดดอย #การลงทุน #NVDA #NVIDIA #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 0 รีวิว
  • คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำกลับมาอีกครั้ง
    วันนี้ 04/09/2567 ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทร่วงลง
    ในวันอังคาร โดย S&P 500 ลดลงมากกว่า 2% และ
    Nasdaq Composite ลดลงมากกว่า 3%
    เนื่องจากนักลงทุนลดความเชื่อมั่นที่มีต่อ AI ลง
    ท่ามกลางการเทขายหุ้นในตลาดทั่วไปที่เร่งตัวขึ้น
    หลังจากที่มีข้อมูลเศรษฐกิจ และข้อมูลการผลิต(PMI)
    ที่ไม่สู้ดีนัก

    โดยดัชนี S&P 500, Nasdaq และ Dow ร่วงลงมากที่สุด
    นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

    ส่วนหุ้นของชิป ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย Nvidia
    ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ร่วงลงเกือบ -10% และ
    ดัชนีชิปของวอลล์สตรีท ดัชนีชิป PHLX ลดลงร้อยละ 8

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นสหรัฐ #ภาวะเศรษฐกิจ
    #thaitimes
    🔥🔥คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำกลับมาอีกครั้ง วันนี้ 04/09/2567 ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทร่วงลง ในวันอังคาร โดย S&P 500 ลดลงมากกว่า 2% และ Nasdaq Composite ลดลงมากกว่า 3% เนื่องจากนักลงทุนลดความเชื่อมั่นที่มีต่อ AI ลง ท่ามกลางการเทขายหุ้นในตลาดทั่วไปที่เร่งตัวขึ้น หลังจากที่มีข้อมูลเศรษฐกิจ และข้อมูลการผลิต(PMI) ที่ไม่สู้ดีนัก 🚩โดยดัชนี S&P 500, Nasdaq และ Dow ร่วงลงมากที่สุด นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 🚩ส่วนหุ้นของชิป ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI ร่วงลงเกือบ -10% และ ดัชนีชิปของวอลล์สตรีท ดัชนีชิป PHLX ลดลงร้อยละ 8 ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นสหรัฐ #ภาวะเศรษฐกิจ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 734 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย
    ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation
    หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย
    มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน
    เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้

    จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA
    ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011
    เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น
    โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ
    Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง
    หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008

    จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย
    หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี
    หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว
    สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้
    เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks
    (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า
    มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024
    ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น

    ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้
    มากกว่า 75%

    สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก
    ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย
    ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ
    และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้
    แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น

    จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย
    เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก
    ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ
    ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น
    และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง

    นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์
    ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์
    ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่
    ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    💥💥มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้ 💥จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011 เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 💥จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้ เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024 ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น 🚩ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้ มากกว่า 75% 🚩สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้ แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น 🚩จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง 🚩นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 0 รีวิว
  • Black Monday 5 สิงหา 2024 วันเดียวตลาดหุ้นสหรัฐฯ มูลค่าหายไปกว่า 1.93 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจาก Nasdaq ร่วงลงกว่า 1,000 จุด เจ้าหน้าที่กล่าวว่า Nasdaq ไม่เคยต่ำขนาดนี้มาก่อน

    5 สิงหาคม 2567 -ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ 5สิงหาคม เนื่องมาจากแรงเทขายในตลาดโลกที่มุ่งเป้าไปที่ความกลัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอย ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นร่วงลง 12% ซึ่งถือเป็นวันตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ Black Monday เมื่อปี 1987 สำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 1,031 จุด หรือ 2.6% ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 4.1% และดัชนี S&P 500 ลดลง 3.2%

    ความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ เป็นสาเหตุหลักของการล่มสลายของตลาดทุนตลาดการเงินโลก หลังจากรายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ เลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    #Thaitimes
    Black Monday 5 สิงหา 2024 วันเดียวตลาดหุ้นสหรัฐฯ มูลค่าหายไปกว่า 1.93 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจาก Nasdaq ร่วงลงกว่า 1,000 จุด เจ้าหน้าที่กล่าวว่า Nasdaq ไม่เคยต่ำขนาดนี้มาก่อน 5 สิงหาคม 2567 -ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ 5สิงหาคม เนื่องมาจากแรงเทขายในตลาดโลกที่มุ่งเป้าไปที่ความกลัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอย ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นร่วงลง 12% ซึ่งถือเป็นวันตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ Black Monday เมื่อปี 1987 สำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 1,031 จุด หรือ 2.6% ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 4.1% และดัชนี S&P 500 ลดลง 3.2% ความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ เป็นสาเหตุหลักของการล่มสลายของตลาดทุนตลาดการเงินโลก หลังจากรายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ เลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว