• #ศรีวัฒนธรรม จะพาไปร่วมกิจกรรมสานกระเป๋า ด้วยซองกาแฟ กับกลุ่มฝึกอาชีพชุมชนช่างนาค-สะพานยาว เขตคลองสาน
    การสานกระเป๋าจากซองกาแฟ เป็นการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ เป็นการประหยัดเงิน และเป็นงานฝีมือที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบงานประดิษฐ์ และรักษ์โลก
    อุปกรณ์
    ซองกาแฟสำเร็จรูปเปล่า
    กรรไกร
    เข็มเย็บผ้า
    ด้าย
    ผ้าสำหรับทำซับใน
    ซิป
    ไม้บรรทัด
    ดินสอ
    วิธีทำ
    เตรียมซองกาแฟ ล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง ตัดก้นและปากซองออก
    พับซองกาแฟตามแนวยาว กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร
    สอดหัวท้ายซองกาแฟเข้าด้วยกัน เย็บแม็กให้ติดกัน
    เริ่มสานซองกาแฟด้วยลายฟันปลา สานจากฐานขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้ขนาดตามต้องการ
    ตัดผ้าสำหรับทำซับในกระเป๋าให้มีขนาดเล็กกว่าใบกระเป๋า เย็บติดกับใบกระเป๋า
    เย็บซิปติดกับปากกระเป๋า
    เทคนิค
    เลือกซองกาแฟที่มีสีสันสวยงาม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
    สามารถสานลายอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ลายตาราง ลายขัด
    เพิ่มสายสะพายกระเป๋า โดยใช้เชือก หนัง หรือวัสดุอื่นๆ
    #อาสาพาสุข #สยามโสภา #ผู้สูงอายุ #ชุมชน #ฝึกอาชีพ #สานกระเป๋า #ตระกร้า #ซองกาแฟ #ชุมชนช่างนาค #เขตคลองสาน #thaitimes #thaitimesชุมชน
    #ศรีวัฒนธรรม จะพาไปร่วมกิจกรรมสานกระเป๋า ด้วยซองกาแฟ กับกลุ่มฝึกอาชีพชุมชนช่างนาค-สะพานยาว เขตคลองสาน การสานกระเป๋าจากซองกาแฟ เป็นการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ เป็นการประหยัดเงิน และเป็นงานฝีมือที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบงานประดิษฐ์ และรักษ์โลก อุปกรณ์ ซองกาแฟสำเร็จรูปเปล่า กรรไกร เข็มเย็บผ้า ด้าย ผ้าสำหรับทำซับใน ซิป ไม้บรรทัด ดินสอ วิธีทำ เตรียมซองกาแฟ ล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง ตัดก้นและปากซองออก พับซองกาแฟตามแนวยาว กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร สอดหัวท้ายซองกาแฟเข้าด้วยกัน เย็บแม็กให้ติดกัน เริ่มสานซองกาแฟด้วยลายฟันปลา สานจากฐานขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้ขนาดตามต้องการ ตัดผ้าสำหรับทำซับในกระเป๋าให้มีขนาดเล็กกว่าใบกระเป๋า เย็บติดกับใบกระเป๋า เย็บซิปติดกับปากกระเป๋า เทคนิค เลือกซองกาแฟที่มีสีสันสวยงาม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ สามารถสานลายอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ลายตาราง ลายขัด เพิ่มสายสะพายกระเป๋า โดยใช้เชือก หนัง หรือวัสดุอื่นๆ #อาสาพาสุข #สยามโสภา #ผู้สูงอายุ #ชุมชน #ฝึกอาชีพ #สานกระเป๋า #ตระกร้า #ซองกาแฟ #ชุมชนช่างนาค #เขตคลองสาน #thaitimes #thaitimesชุมชน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 43 Views 55 0 Reviews
  • #ความเชื่อ#
    #การรับรู้#
    #ความคิด#
    🪷🪷
    _ความเชื่อ (ย่อ)
    ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน
    _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก
    ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    #ความเชื่อ# #การรับรู้# #ความคิด# 🪷🪷 _ความเชื่อ (ย่อ) ลอยน้ำมาจากทางเหนือ กับพระพี่น้อง บางตำนานว่า 3 บางตำนานว่า 5 ถูกอัญเชิญขึ้น ณ วัดโสธรในปัจจุบัน _ การรับรู้ ผู้มิมิตรท่านนึง กล่าวว่า หล่อขึ้นที่เชียงใหม่ (จำตรงตรงนี้ไว้) และเมื่อเกิดสงคราม เข้าประชิดเมือง จึงผูกแพลอยน้ำไป เพื่อรอดจากการเผาทำลาย และมาขึ้นที่วัดโสธรในปัจจุบัน _ ความคิด จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ชุมชนนี้เกิดขึ้นเพราะเป็นย่านการค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นปากอ่าวติดทะเล เมื่อมีชุมชน ก็มีศาสนสถาน (เป็นทุกอารยะธรรม) ในที่นี้ก็คือ วัด และศิลปะในองค์พระ คือ ศิลปะอยุธยาตอนปลาย และถูกแกะขึ้นจากหินทราย แบบหลายชิ้นมาประกอบกัน (ไม่ใช่การหล่อโลหะ) และยังพบพระพุทธรูปศิลปะแบบนี้ อีกหลายวัด ในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ ....จากข้อมูลประกอบ จึงมีข้อสรุปที่ว่า ไม่ได้มาจากที่อื่น คงสร้างและอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก 🙂😊🙏 ท่านผู้อ่านจะเชื่อแบบใด แล้วแต่ท่านเลย เพราะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • อยากเห็นเมืองไทยเข้มงวดเรื่องปืนอย่างจริงจังสักที

    ไทยแลนด์นี้ช่างเป็นแดนดินแห่งการนิยมราวีเข่นฆ่ากันเป็นอาจิณ อาวุธปืนหาซื้อง่ายขายคล่องราวกับมีวางขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ ใครไม่พอใจใครไม่ต้องคุยอะไรกันมาก แค่ควักมันออกมาจ่อไปที่เป้าหมายซึ่งขัดหูขัดตาแล้วเหนี่ยวไกโดยไม่ต้องยับยั้งชั่งใจแม้สักนิด

    โป้ง...ๆๆๆ แล้วก็หายไปกับสายลม

    เกิดมาเป็นคนไทยนี่มันตายง่ายเหลือเกินนะ เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตอนใกล้ตีห้า เลยซอยที่ข้าพเจ้าพักอยู่ไปเล็กน้อยก็มีเสียงดังทำลายบรรยากาศอันสงบ

    ตอนแรกยังนึกว่ารถที่ไหนยางแตก ไม่ก็หม้อแปลงไฟระเบิด มารู้ตอนช่วงสายเกือบสิบโมงจากแม่ที่ไปตลาดกลับมา เล่าว่าเสียงที่ได้ยินนั้นหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งโดนยิงตายคาที่นอนแผ่อยู่ข้างถนน ตำรวจเพิ่งมาจัดการเอาศพไป

    อนาถใจ .. คิดว่าคงไม่สามารถจับคนยิงได้ เพราะตำรวจมาช้าเหลือเกินทั้งที่โรงพักก็อยู่ห่างไปแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

    นี่แหละนะ เด็ก ๆ พ่อแม่ชอบซื้อปืนของเล่นให้ลูก ๆ เล่นยิงใส่กัน พอโตขึ้นมาของปลอมมันไม่พอซะแล้ว ก็เลยไปหาของจริงมาวิ่งไล่ยิงกันต่อ

    สุดท้ายซื้อปืนให้ลูกเล่นแต่เล็กเขาจึงเห็นเป็นสิ่งปกติธรรมดา โตมากับความคิดที่เอะอะไม่สบอารมณ์สิ่งใด เรื่องอะไร ก็ใช้ปืนในการแก้ปัญหา ละครทีวีทุกช่อง แทบทุกเรื่องก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร มีแต่ฉากควักปืนไล่ยิงฆ่ากัน ทั้งพระเอก นางเอก ตัวร้าย นิยมแก้ปัญหาด้วยปืนทั้งสิ้น หมดปัญญาที่มีแล้วหรือไร จึงไม่ใช้เซลล์สมองที่มีหลายล้านเซลล์ให้เป็นประโยชน์ ถ้าคิดบทที่สร้างสรรค์ออกมาไม่ได้ก็เลิกสร้างไปเถอะ ละครไทยคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวการร้ายทำลายสังคมประเทศชาติ ขอยืนยัน

    ประเทศที่ประชาชนนับถือพุทธศาสนาถึง 90%ขึ้น แต่เสือกฆ่ากันตายด้วยปืนเป็นว่าเล่น ก็ไม่รู้ว่านับถือพุทธกันแบบไหน ช่างเป็นศาสนิกที่เลวทรามและเนรคุณต่อศาสนาพุทธ และพระศาสดา

    จิตใจช่างเร่าร้อนดังสัตว์นรกจริง ๆ !

    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #บทความ
    #ปืน
    #ละครไทย
    #thaitimes
    #อาชญากรรม
    #ปัญหาสังคม
    อยากเห็นเมืองไทยเข้มงวดเรื่องปืนอย่างจริงจังสักที ไทยแลนด์นี้ช่างเป็นแดนดินแห่งการนิยมราวีเข่นฆ่ากันเป็นอาจิณ อาวุธปืนหาซื้อง่ายขายคล่องราวกับมีวางขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ ใครไม่พอใจใครไม่ต้องคุยอะไรกันมาก แค่ควักมันออกมาจ่อไปที่เป้าหมายซึ่งขัดหูขัดตาแล้วเหนี่ยวไกโดยไม่ต้องยับยั้งชั่งใจแม้สักนิด โป้ง...ๆๆๆ แล้วก็หายไปกับสายลม เกิดมาเป็นคนไทยนี่มันตายง่ายเหลือเกินนะ เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตอนใกล้ตีห้า เลยซอยที่ข้าพเจ้าพักอยู่ไปเล็กน้อยก็มีเสียงดังทำลายบรรยากาศอันสงบ ตอนแรกยังนึกว่ารถที่ไหนยางแตก ไม่ก็หม้อแปลงไฟระเบิด มารู้ตอนช่วงสายเกือบสิบโมงจากแม่ที่ไปตลาดกลับมา เล่าว่าเสียงที่ได้ยินนั้นหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งโดนยิงตายคาที่นอนแผ่อยู่ข้างถนน ตำรวจเพิ่งมาจัดการเอาศพไป อนาถใจ .. คิดว่าคงไม่สามารถจับคนยิงได้ เพราะตำรวจมาช้าเหลือเกินทั้งที่โรงพักก็อยู่ห่างไปแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร นี่แหละนะ เด็ก ๆ พ่อแม่ชอบซื้อปืนของเล่นให้ลูก ๆ เล่นยิงใส่กัน พอโตขึ้นมาของปลอมมันไม่พอซะแล้ว ก็เลยไปหาของจริงมาวิ่งไล่ยิงกันต่อ สุดท้ายซื้อปืนให้ลูกเล่นแต่เล็กเขาจึงเห็นเป็นสิ่งปกติธรรมดา โตมากับความคิดที่เอะอะไม่สบอารมณ์สิ่งใด เรื่องอะไร ก็ใช้ปืนในการแก้ปัญหา ละครทีวีทุกช่อง แทบทุกเรื่องก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไร มีแต่ฉากควักปืนไล่ยิงฆ่ากัน ทั้งพระเอก นางเอก ตัวร้าย นิยมแก้ปัญหาด้วยปืนทั้งสิ้น หมดปัญญาที่มีแล้วหรือไร จึงไม่ใช้เซลล์สมองที่มีหลายล้านเซลล์ให้เป็นประโยชน์ ถ้าคิดบทที่สร้างสรรค์ออกมาไม่ได้ก็เลิกสร้างไปเถอะ ละครไทยคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวการร้ายทำลายสังคมประเทศชาติ ขอยืนยัน ประเทศที่ประชาชนนับถือพุทธศาสนาถึง 90%ขึ้น แต่เสือกฆ่ากันตายด้วยปืนเป็นว่าเล่น ก็ไม่รู้ว่านับถือพุทธกันแบบไหน ช่างเป็นศาสนิกที่เลวทรามและเนรคุณต่อศาสนาพุทธ และพระศาสดา จิตใจช่างเร่าร้อนดังสัตว์นรกจริง ๆ ! #ข้อคิด #แง่คิด #บทความ #ปืน #ละครไทย #thaitimes #อาชญากรรม #ปัญหาสังคม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 938 Views 0 Reviews
  • วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม

    เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

    คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์

    บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ

    โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่ ขณะที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.6% ท่ามกลางการพุ่งสูงขึ้นของหุ้นญี่ปุ่น

    การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว

    รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/

    #Thaitimes
    วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่ ขณะที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.6% ท่ามกลางการพุ่งสูงขึ้นของหุ้นญี่ปุ่น การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/ #Thaitimes
    TIME.COM
    Japanese Company Investigates Exploding Walkie-Talkies in Lebanon
    Icom Inc., whose brand appears on devices that exploded in Lebanon, said it halted production a decade ago of the model allegedly used in the attacks.
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 1085 Views 0 Reviews
  • ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน

    ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้

    พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก

    “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน”

    ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร

    เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป
    ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี

    นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้

    ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

    นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน

    #Thaitimes
    ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้ พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน” ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1188 Views 0 Reviews
  • ระดมทุนปลอม: สหภาพยุโรปพยายามใช้มาตรการภาษีอาวุธแบบ “สาธารณะ” เพื่อ “สนับสนุนยูเครน”

    รัฐสภายุโรปกำลังพยายามผลักดันให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปใช้มาตรการภาษีอาวุธแบบ “สาธารณะ” และเก็บภาษีอาวุธแบบ “สมัครใจ” เพื่อระดมทุนอาวุธให้ยูเครนในมติที่จะออกในเร็วๆนี้

    การลงคะแนนเสียงในมตินี้ จะเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ในเอกสารดังกล่าว, สมาชิกรัฐสภายุโรป (MEP) แสดง “ความเสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อการลดความช่วยเหลือทางการทหารที่ประเทศสมาชิกมอบให้

    มติดังกล่าวชื่นชมและรับทราบความพยายามของสาธารณะและความคิดริเริ่มระดมทุนจากประชาชนในประเทศสมาชิกหลายประเทศ, ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีการจัดหาอาวุธให้กับยูเครนอย่างต่อเนื่อง มติดังกล่าวยังสนับสนุนความคิดริเริ่มที่คล้ายคลึงกันทั่วทั้งสหภาพยุโรปเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชนในสาเหตุสำคัญนี้
    .
    Fake crowdfunding: EU seeks to astroturf ‘public’ arms tax to ‘support Ukraine’

    The European Parliament is seeking to push EU member states to astroturf crowdfunding and a ‘voluntary’ public arms tax to fund arms for Ukraine in an upcoming resolution.

    A vote on this resolution will take place during the plenary session on Thursday, September 19. In the document, Members of the European Parliament (MEPs) express "deep regret" over the decrease in military aid provided by member states.

    The resolution commends and acknowledges the public efforts and citizen crowdfunding initiatives in several member countries, which have helped ensure a consistent supply of weapons for Ukraine. It further encourages similar initiatives throughout the EU to promote solidarity and public engagement in this vital cause.
    .
    6:32 PM · Sep 19, 2024 · 1,558 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836730190824673413
    ระดมทุนปลอม: สหภาพยุโรปพยายามใช้มาตรการภาษีอาวุธแบบ “สาธารณะ” เพื่อ “สนับสนุนยูเครน” รัฐสภายุโรปกำลังพยายามผลักดันให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปใช้มาตรการภาษีอาวุธแบบ “สาธารณะ” และเก็บภาษีอาวุธแบบ “สมัครใจ” เพื่อระดมทุนอาวุธให้ยูเครนในมติที่จะออกในเร็วๆนี้ การลงคะแนนเสียงในมตินี้ จะเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ในเอกสารดังกล่าว, สมาชิกรัฐสภายุโรป (MEP) แสดง “ความเสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อการลดความช่วยเหลือทางการทหารที่ประเทศสมาชิกมอบให้ มติดังกล่าวชื่นชมและรับทราบความพยายามของสาธารณะและความคิดริเริ่มระดมทุนจากประชาชนในประเทศสมาชิกหลายประเทศ, ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีการจัดหาอาวุธให้กับยูเครนอย่างต่อเนื่อง มติดังกล่าวยังสนับสนุนความคิดริเริ่มที่คล้ายคลึงกันทั่วทั้งสหภาพยุโรปเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชนในสาเหตุสำคัญนี้ . Fake crowdfunding: EU seeks to astroturf ‘public’ arms tax to ‘support Ukraine’ The European Parliament is seeking to push EU member states to astroturf crowdfunding and a ‘voluntary’ public arms tax to fund arms for Ukraine in an upcoming resolution. A vote on this resolution will take place during the plenary session on Thursday, September 19. In the document, Members of the European Parliament (MEPs) express "deep regret" over the decrease in military aid provided by member states. The resolution commends and acknowledges the public efforts and citizen crowdfunding initiatives in several member countries, which have helped ensure a consistent supply of weapons for Ukraine. It further encourages similar initiatives throughout the EU to promote solidarity and public engagement in this vital cause. . 6:32 PM · Sep 19, 2024 · 1,558 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836730190824673413
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing

    19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25%

    เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน

    การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย

    ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5%

    “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้

    ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง

    พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ

    “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ

    ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

    แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้”

    ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3%

    “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “

    ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL

    #Thaitimes
    FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing 19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25% เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5% “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้” ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3% “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “ ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 1193 Views 0 Reviews
  • มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ
    แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567)
    ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด
    หรือ เพิ่มขึ้น 1.33%

    ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน
    (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น
    ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป
    ้เป็นระยะ

    ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ
    ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน
    หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร
    เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา

    ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ
    และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา
    ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา
    หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว

    ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ
    ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ

    ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง
    นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร
    ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน
    ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร
    ออกมาได้ก่อนเสมอ

    สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ
    โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา
    เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ
    โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน
    ออกมา

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥💥มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567) ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.33% 🚩ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป ้เป็นระยะ 🚩ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา 🚩ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว 🚩ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ 🚩ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร ออกมาได้ก่อนเสมอ 🚩สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน ออกมา #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1153 Views 0 Reviews
  • ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย
    ....
    ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ
    ....
    เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา
    "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?"
    ....
    ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า
    "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น"
    แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ"
    ....
    ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน
    #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย .... ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ .... เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?" .... ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น" แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ" .... ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • #จีนตื่นตัวพีเคฟอกขาว
    รายละเอียดดังนี้ บอกเลย ละเอียดยิบจริงๆ
    ---------------------------------------------
    นักร้องอินเทอร์เน็ตหวังมี่เหียน (王冕) ถูกจับกุมเนื่องจากใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-กเ-งิ-นเกือบ 100 ล้านหยวน โดยเขาเคยร้องเพลงที่โด่งดัง "勉为其难" (Mianweiqinan)
    เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สถานีข่าว CCTV รายงานเกี่ยวกับคดี-ฟ-อ-ก-เงินผ่านการให้รางวัลในถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นค-ดีแรกในประเทศที่จั-บกุ-มได้ โดยมีผู้ต้องสงสัย 21 คน รวมถึง 4 คนที่เป็นนักร้องชื่อดังในแพลตฟอร์ม
    ตามรายงานของ CCTV เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตำรวจได้สื-บส-ว-นค-ดีต้มการระดมทุน และพบว่าทรัพย์สินที่ถูกเก็บมานั้นถูกใช้ในการให้รางวัลในถ่ายทอดสด โดยมีเงินที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 ล้านหยวน ผู้ต้องสงสัยในค-ดีห-ล-อ-ก-ล-ว-งได้ติดต่อกับนักร้องออนไลน์คนหนึ่งและเสนอให้ใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-ก-เ-งิ-น
    นักร้องที่เกี่ยวข้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับคือเงินจากการห-ล-อ-ก-ล-ว-ง และหวังมี่เหียนยังเคยขอให้มีส่วนร่วมในการฟอกเพื่อให้ได้ตำแหน่งในอันดับประจำปี
    แม้ว่าสถานีข่าวจะไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แต่จากคลิปที่เผยแพร่ ผู้คนในโลกออนไลน์ได้ระบุถึงผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้รวมถึงหวังมี่เหียน
    ปัจจุบัน-ตำร-ว-จได้จั-บ-กุ-มผู้ต้องสงสัย 4 คน รวมถึงนักร้องออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ในสตูดิโอของนักร้องที่รู้ว่าเป็นการฟอกแต่ยังคงทำเงินจากการกระทำนี้
    ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาของหวังมี่เหียน และบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาได้หยุดอัปเดตมาหลายเดือน โดยโพสต์สุดท้ายของเขาคือเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา
    หวังมี่เหียนเคยเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาที่ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แต่เป็นชายวัย 39 ปี เขาเขียนว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตในช่วงที่สับสนที่สุดคือช่วงที่ยังไม่แก่แต่ไม่ใช่หนุ่มแล้ว" อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะถู-กจั-บในไม่ช้านี้
    หลังจากที่ข่าวถูกเผยแพร่ ผู้คนได้ไปที่บัญชีโซเชียลมีเดียของหวังมี่เหียนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้
    หวังมี่เหียนเริ่มต้นเส้นทางการถ่ายทอดสดออนไลน์ตั้งแต่ปี 2012 และมีผลงานในภาพยนตร์และเพลงหลายเพลง โดยเพลง "勉为其难" ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แต่เขากลับเลือกเส้นทางที่ผิดและทำให้โอกาสที่ดีในชีวิตของเขาสูญเสียไป
    -------------------------------
    ข้อมูลอ้างอิงเดี๋ยวเอาไว้ใต้โพส
    สรุป
    อเมริกา ไต้หวัน ตุรกี จีน อีกไม่นาน ก็ไทย รอติดตาม
    โจ มณฑานี รอรับกรรมนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #จีนตื่นตัวพีเคฟอกขาว รายละเอียดดังนี้ บอกเลย ละเอียดยิบจริงๆ --------------------------------------------- นักร้องอินเทอร์เน็ตหวังมี่เหียน (王冕) ถูกจับกุมเนื่องจากใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-กเ-งิ-นเกือบ 100 ล้านหยวน โดยเขาเคยร้องเพลงที่โด่งดัง "勉为其难" (Mianweiqinan) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม สถานีข่าว CCTV รายงานเกี่ยวกับคดี-ฟ-อ-ก-เงินผ่านการให้รางวัลในถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นค-ดีแรกในประเทศที่จั-บกุ-มได้ โดยมีผู้ต้องสงสัย 21 คน รวมถึง 4 คนที่เป็นนักร้องชื่อดังในแพลตฟอร์ม ตามรายงานของ CCTV เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตำรวจได้สื-บส-ว-นค-ดีต้มการระดมทุน และพบว่าทรัพย์สินที่ถูกเก็บมานั้นถูกใช้ในการให้รางวัลในถ่ายทอดสด โดยมีเงินที่เกี่ยวข้องเกือบ 100 ล้านหยวน ผู้ต้องสงสัยในค-ดีห-ล-อ-ก-ล-ว-งได้ติดต่อกับนักร้องออนไลน์คนหนึ่งและเสนอให้ใช้การให้รางวัลในถ่ายทอดสดเพื่อฟ-อ-ก-เ-งิ-น นักร้องที่เกี่ยวข้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับคือเงินจากการห-ล-อ-ก-ล-ว-ง และหวังมี่เหียนยังเคยขอให้มีส่วนร่วมในการฟอกเพื่อให้ได้ตำแหน่งในอันดับประจำปี แม้ว่าสถานีข่าวจะไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แต่จากคลิปที่เผยแพร่ ผู้คนในโลกออนไลน์ได้ระบุถึงผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้รวมถึงหวังมี่เหียน ปัจจุบัน-ตำร-ว-จได้จั-บ-กุ-มผู้ต้องสงสัย 4 คน รวมถึงนักร้องออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ในสตูดิโอของนักร้องที่รู้ว่าเป็นการฟอกแต่ยังคงทำเงินจากการกระทำนี้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาของหวังมี่เหียน และบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาได้หยุดอัปเดตมาหลายเดือน โดยโพสต์สุดท้ายของเขาคือเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา หวังมี่เหียนเคยเขียนเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาที่ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว แต่เป็นชายวัย 39 ปี เขาเขียนว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตในช่วงที่สับสนที่สุดคือช่วงที่ยังไม่แก่แต่ไม่ใช่หนุ่มแล้ว" อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่คาดคิดว่าตนเองจะถู-กจั-บในไม่ช้านี้ หลังจากที่ข่าวถูกเผยแพร่ ผู้คนได้ไปที่บัญชีโซเชียลมีเดียของหวังมี่เหียนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ หวังมี่เหียนเริ่มต้นเส้นทางการถ่ายทอดสดออนไลน์ตั้งแต่ปี 2012 และมีผลงานในภาพยนตร์และเพลงหลายเพลง โดยเพลง "勉为其难" ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แต่เขากลับเลือกเส้นทางที่ผิดและทำให้โอกาสที่ดีในชีวิตของเขาสูญเสียไป ------------------------------- ข้อมูลอ้างอิงเดี๋ยวเอาไว้ใต้โพส สรุป อเมริกา ไต้หวัน ตุรกี จีน อีกไม่นาน ก็ไทย รอติดตาม โจ มณฑานี รอรับกรรมนะ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1014 Views 0 Reviews
  • เราจะรู้จักคนไม่มีธรรมได้จากอะไร
    ความเห็น ความคิด เรามองไม่เห็นก็จริง
    แต่คำพูดและการกระทำทางกาย ไม่อาจจะปกปิดระดับจิตปัญญาไว้ได้นาน จะปรากฎให้เห็นเสมอ
    เราจะรู้จักคนไม่มีธรรมได้จากอะไร ความเห็น ความคิด เรามองไม่เห็นก็จริง แต่คำพูดและการกระทำทางกาย ไม่อาจจะปกปิดระดับจิตปัญญาไว้ได้นาน จะปรากฎให้เห็นเสมอ
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • ในแอป Thaitimes เป็นที่ที่คุณสามารถเขียนและแชร์เนื้อหาต่าง ๆ กับเพื่อนหรือผู้ติดตามของคุณได้ง่าย ๆ โดยคุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้:

    1. เขียนข้อความ: แบ่งปันความคิด ความรู้สึก หรืออัปเดตสถานะของคุณ
    2. เพิ่ม Hashtags (#): ใช้แฮชแท็กเพื่อให้โพสต์ของคุณเข้าถึงผู้คนที่สนใจในหัวข้อเดียวกัน
    3. Mention เพื่อน (@): แท็กเพื่อนเพื่อกล่าวถึงพวกเขาในโพสต์
    4. วางลิงก์ (Link): แชร์ลิงก์ไปยังเนื้อหาภายนอก เช่น บทความ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ที่คุณอยากแบ่งปัน

    ### ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการโพสต์:
    - Upload Photos: อัปโหลดรูปภาพเพื่อเพิ่มสีสันให้กับโพสต์ของคุณ
    - Create Album: สร้างอัลบั้มเพื่อแชร์รูปหลายรูปในโพสต์เดียว
    - Colored Posts: เลือกสีพื้นหลังให้โพสต์ของคุณโดดเด่น
    - Feelings/Activity: แสดงอารมณ์หรือกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่

    ### การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว:
    ก่อนโพสต์ อย่าลืมเลือกว่าต้องการให้โพสต์ของคุณเป็นสาธารณะ (Public) หรือให้เฉพาะเพื่อน (Friends) เห็นเท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม "Post" เพื่อแชร์เนื้อหาของคุณ

    ### ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ภาพและวิดีโอ:
    - เมื่อคุณอัปโหลด ภาพ หรือ วิดีโอ ลงในโพสต์ ควรระมัดระวังเรื่อง ลิขสิทธิ์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพหรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - การใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์อาจส่งผลให้คุณถูกฟ้องร้อง หรือโดนดำเนินคดีตาม กฎหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทลงโทษที่เข้มงวด
    - ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่คุณแชร์นั้นถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตในการเผยแพร่

    สรุป: ช่องนี้เป็นพื้นที่สำหรับการเขียนและแชร์เรื่องราว ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ลิงก์ได้ง่าย ๆ พร้อมกับตัวเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้โพสต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น อย่าลืมคำนึงถึง กฎหมายลิขสิทธิ์ และ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ในการแชร์เนื้อหาต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
    ในแอป Thaitimes เป็นที่ที่คุณสามารถเขียนและแชร์เนื้อหาต่าง ๆ กับเพื่อนหรือผู้ติดตามของคุณได้ง่าย ๆ โดยคุณสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้: 1. เขียนข้อความ: แบ่งปันความคิด ความรู้สึก หรืออัปเดตสถานะของคุณ 2. เพิ่ม Hashtags (#): ใช้แฮชแท็กเพื่อให้โพสต์ของคุณเข้าถึงผู้คนที่สนใจในหัวข้อเดียวกัน 3. Mention เพื่อน (@): แท็กเพื่อนเพื่อกล่าวถึงพวกเขาในโพสต์ 4. วางลิงก์ (Link): แชร์ลิงก์ไปยังเนื้อหาภายนอก เช่น บทความ วิดีโอ หรือเว็บไซต์ที่คุณอยากแบ่งปัน ### ฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับการโพสต์: - Upload Photos: อัปโหลดรูปภาพเพื่อเพิ่มสีสันให้กับโพสต์ของคุณ - Create Album: สร้างอัลบั้มเพื่อแชร์รูปหลายรูปในโพสต์เดียว - Colored Posts: เลือกสีพื้นหลังให้โพสต์ของคุณโดดเด่น - Feelings/Activity: แสดงอารมณ์หรือกิจกรรมที่คุณกำลังทำอยู่ ### การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว: ก่อนโพสต์ อย่าลืมเลือกว่าต้องการให้โพสต์ของคุณเป็นสาธารณะ (Public) หรือให้เฉพาะเพื่อน (Friends) เห็นเท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม "Post" เพื่อแชร์เนื้อหาของคุณ ### ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ภาพและวิดีโอ: - เมื่อคุณอัปโหลด ภาพ หรือ วิดีโอ ลงในโพสต์ ควรระมัดระวังเรื่อง ลิขสิทธิ์ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น หลีกเลี่ยงการใช้รูปภาพหรือเพลงที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต - การใช้เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์อาจส่งผลให้คุณถูกฟ้องร้อง หรือโดนดำเนินคดีตาม กฎหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีบทลงโทษที่เข้มงวด - ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่คุณแชร์นั้นถูกต้องตามกฎหมายและได้รับอนุญาตในการเผยแพร่ สรุป: ช่องนี้เป็นพื้นที่สำหรับการเขียนและแชร์เรื่องราว ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ลิงก์ได้ง่าย ๆ พร้อมกับตัวเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยให้โพสต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น อย่าลืมคำนึงถึง กฎหมายลิขสิทธิ์ และ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ในการแชร์เนื้อหาต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต
    Like
    10
    0 Comments 6 Shares 990 Views 0 Reviews
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    0 Comments 0 Shares 1018 Views 0 Reviews
  • ❗️คำแถลงสำคัญของโฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ:

    เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน, เปสคอฟ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น และภูมิภาคนี้อยู่ในภาวะระเบิด

    เขายังแจ้งด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะจัดการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียในบริบทของปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ปูตินจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของฟอรัมสตรียูเรเซีย, และอาจจะสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศด้วย

    เครมลินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย นิโคล ปาชินยาน ในการประเมินองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน: "องค์กรนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของอาร์เมเนีย" เปสคอฟ อธิบาย

    รัสเซียยังคงติดต่อกับอาร์เมเนียต่อไป, เนื่องจากเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด, โฆษกเครมลิน กล่าวเสริม

    เกี่ยวกับแถลงการณ์ของนอร์เวย์เกี่ยวกับซีเซียมกัมมันตภาพรังสีที่ชายแดนกับรัสเซีย, เปสคอฟกล่าวว่า ไม่มีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานของรัสเซีย
    .
    ❗️Key statements by Kremlin spokesman Dmitry Peskov:

    Commenting on the developments in Lebanon, Peskov said that this leads to an escalation of tension and the region is in an explosive state.

    He also informed that Russia's President Vladimir Putin will hold a meeting on the development of the Russian Armed Forces in in the context of the special military operation. Putin will also address the participants of the plenary session of the Eurasian Women's Forum, and possibly will have an international telephone conversation.

    The Kremlin categorically disagrees with Armenia's Prime Minister Nikol Pashinyan in his assessment of the Collective Security Treaty Organization: "The organization does not pose any threat to Armenia's sovereignty," Peskov explained.

    Russia continues and will continue contacts with Armenia, it is a close partner, Kremlin spokesman added.

    Regarding Norway's statement about radioactive cesium at the border with Russia, Peskov said that there were no notifications from the Russian services.
    .
    4:41 PM · Sep 18, 2024 · 1,979 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836339866767966589
    ❗️คำแถลงสำคัญของโฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ: 🔸เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน, เปสคอฟ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น และภูมิภาคนี้อยู่ในภาวะระเบิด 🔸เขายังแจ้งด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะจัดการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียในบริบทของปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ปูตินจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของฟอรัมสตรียูเรเซีย, และอาจจะสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศด้วย 🔸เครมลินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย นิโคล ปาชินยาน ในการประเมินองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน: "องค์กรนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของอาร์เมเนีย" เปสคอฟ อธิบาย 🔸รัสเซียยังคงติดต่อกับอาร์เมเนียต่อไป, เนื่องจากเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด, โฆษกเครมลิน กล่าวเสริม 🔸เกี่ยวกับแถลงการณ์ของนอร์เวย์เกี่ยวกับซีเซียมกัมมันตภาพรังสีที่ชายแดนกับรัสเซีย, เปสคอฟกล่าวว่า ไม่มีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานของรัสเซีย . ❗️Key statements by Kremlin spokesman Dmitry Peskov: 🔸Commenting on the developments in Lebanon, Peskov said that this leads to an escalation of tension and the region is in an explosive state. 🔸He also informed that Russia's President Vladimir Putin will hold a meeting on the development of the Russian Armed Forces in in the context of the special military operation. Putin will also address the participants of the plenary session of the Eurasian Women's Forum, and possibly will have an international telephone conversation. 🔸The Kremlin categorically disagrees with Armenia's Prime Minister Nikol Pashinyan in his assessment of the Collective Security Treaty Organization: "The organization does not pose any threat to Armenia's sovereignty," Peskov explained. 🔸Russia continues and will continue contacts with Armenia, it is a close partner, Kremlin spokesman added. 🔸Regarding Norway's statement about radioactive cesium at the border with Russia, Peskov said that there were no notifications from the Russian services. . 4:41 PM · Sep 18, 2024 · 1,979 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836339866767966589
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 817 Views 0 Reviews
  • 18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที!

    ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า?

    หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!)
    18 กย. 67
    11.39 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที! ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า? หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!) 18 กย. 67 11.39 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา
    อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก
    เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ
    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่
    มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล
    ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ
    พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง
    และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย
    มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป
    ชุดข้อมูลแรก
    - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้
    - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา
    -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค
    -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
    -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล
    -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก
    -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ
    -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน
    ----------------------------------------------
    -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้
    -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน
    -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว
    -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส
    -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้
    -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
    -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง
    -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย
    -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์
    -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี"
    -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน
    1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้
    2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก
    3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้
    -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ
    1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม
    2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง
    3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ
    3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม
    (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้)
    3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน
    ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
    เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ
    ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ
    -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว
    -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด
    พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง
    น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน
    รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า
    พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย
    จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ
    เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่ มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป ชุดข้อมูลแรก - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน ---------------------------------------------- -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้ -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้ -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์ -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี" -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน 1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้ 2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก 3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้ -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ 1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม 2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง 3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ 3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้) 3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1169 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

    เดือนนี้ หากรับราชการเป็นข้าราชการข้าของแผ่นดินจะได้ปูนบำเน็จบำนาญอย่างสมฐานะตำแหน่งเกียรติยศ งานวิชาการ งานสวยงาม จะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับความสำเร็จนานัปการไหลหลั่งอย่างต่อเนื่อง เพราะมีดาวรุ่งโรจน์ ชื่อเสียง และความรู้จรมาสู่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดริเริ่มธุรกิจใหม่ๆมีแนวคิดสร้างสรรค์กิจการงานก้าวหน้า ส่งผลทำให้จะคิดอ่านประการใดก็จะเสร็จกิจลุล่วงได้อย่างดี งานที่ติดต่อก็จะประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาเทมาร่ำรวยอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งสมาชิกลูกหลานจะขยันขันแข็ง ฉลาด สติปัญญาดี ส่งผลในเรื่องของการเรียนการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวจะมีความสุขสงบ จะได้คนดีๆไปมาหาสู่ โชคดีมีโอกาสถูกหวยรวยหุ้น
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เดือนนี้ หากรับราชการเป็นข้าราชการข้าของแผ่นดินจะได้ปูนบำเน็จบำนาญอย่างสมฐานะตำแหน่งเกียรติยศ งานวิชาการ งานสวยงาม จะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับความสำเร็จนานัปการไหลหลั่งอย่างต่อเนื่อง เพราะมีดาวรุ่งโรจน์ ชื่อเสียง และความรู้จรมาสู่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดริเริ่มธุรกิจใหม่ๆมีแนวคิดสร้างสรรค์กิจการงานก้าวหน้า ส่งผลทำให้จะคิดอ่านประการใดก็จะเสร็จกิจลุล่วงได้อย่างดี งานที่ติดต่อก็จะประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาเทมาร่ำรวยอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งสมาชิกลูกหลานจะขยันขันแข็ง ฉลาด สติปัญญาดี ส่งผลในเรื่องของการเรียนการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวจะมีความสุขสงบ จะได้คนดีๆไปมาหาสู่ โชคดีมีโอกาสถูกหวยรวยหุ้น ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!”

    คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ...

    เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง...

    โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย”

    เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”...

    อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก”

    ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!!

    และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้...

    แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย...

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180

    #Thaitimes
    “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!” คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ... เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง... โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย” เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”... อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก” ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!! และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้... แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย... https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    “สงครามโลก” ก่อนหรือหลัง “เลือกตั้งอเมริกา”???
    ถึงแม้การเลือกตั้งอเมริกาจะเหลืออีกประมาณเดือนกว่าๆ ใกล้ๆ 2 เดือน...แต่ก็คงไม่น่าถึงกับต้องไปให้ความสำคัญกับการ “ดีเบต” หรือการโต้กันไป-โต้กันมา ระหว่าง 2 ผู้สมัคร คู่ชิง อย่าง “ทรัมป์บ้า” หรือคุณน้อง “กมลา”
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 651 Views 0 Reviews
  • พิจารณาตัวเราเองให้มาก ความคิดการกระทำ อย่าหาบาปใส่ตน
    พิจารณาตัวเราเองให้มาก ความคิดการกระทำ อย่าหาบาปใส่ตน
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า
    เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ

    สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท
    แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์
    ภาพประกอบโดย ศศิ

    เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง

    หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี

    เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน

    เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้

    ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้

    การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่

    แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง

    ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด

    เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน

    ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น

    แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด

    ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก

    สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #สืบสวน
    #ฆาตกรรม
    #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ
    #หนังสือแนะนำ
    #18+
    #ความรุนแรง
    #เนื้อหาทางเพศ
    #thaitimes
    #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์ ภาพประกอบโดย ศศิ เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้ ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้ การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่ แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ . . . . . . . . . . . . . . นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #สืบสวน #ฆาตกรรม #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ #หนังสือแนะนำ #18+ #ความรุนแรง #เนื้อหาทางเพศ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • บันทึกเปิดผนึก

    กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา

    คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง

    แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า

    ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ

    อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้

    เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด

    ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ

    ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร

    คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง

    และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป

    หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น

    เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน

    เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่

    เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด

    เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา

    ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ

    เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น

    เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว

    เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที

    แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์

    ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด

    ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง

    หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง

    ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง

    คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง

    เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว
    เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา

    #thaitimes
    #ความเมตตา
    #ข้อคิด
    #บทความ

    บันทึกเปิดผนึก 📝 กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า 🟢ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ 🟢อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้ 🟢เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด 🟢ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ 🟢ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร 🟢คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น 🟢เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน 🟢เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่ 🟢เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด 🟢เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา 🟢ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ 🟢เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น 🟢เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว 🟢เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 🟢ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที 🟢แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์ ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา #thaitimes #ความเมตตา #ข้อคิด #บทความ
    0 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
  • ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้"
    แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส
    เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น
    ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้
    ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ
    ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ
    นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ
    Cash Flow ไว้ในมือ

    อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า
    เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด
    ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้
    ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้

    ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้
    แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย
    ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้
    #thaitimes
    💥💥ในความคิดเห็นของแอดมิน "เงินสดไม่ใช่หนี้" แต่จริงๆแล้ว เงินสด คือโอกาส เช่น ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายหุ้น ในพอร์ต หลายๆตัว เพื่อเก็บเงินสดไว้ ในบริษัทเบิร์กเชียร์ เพื่อรอโอกาส และจังหวะดีๆ ในการเข้าไปลงทุน ในโอกาสใหม่ๆ นี่คือ ตัวอย่างของการมีกระแส เงินสด หรือ Cash Flow ไว้ในมือ อีกตัวอย่างที่ชัดเจน มากคือ ธุรกิจร้านค้า เช่น SME ถ้าไม่มีเงินสด หรือ กระแสเงินสด ในมือ เพื่อหมุน ต่อลมธุรกิจ ให้ดำเนินต่อไปได้ ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง แบบนี้คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น เงินสด หรือ กระแสเงินสด ไม่ใช่หนี้ แต่คือ โอกาส การนำไปลงทุน และ การต่อลมหาย ให้กับหลายๆธุรกิจใขณะนี้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เงินสดไม่ใช่หนี้ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 577 Views 0 Reviews
  • ภาพดราม่า: ทหารรัสเซียขับไล่การโจมตีของกามิกาเซ่ที่อันตรายถึงชีวิต
    ในท้ายที่สุด นักรบของเราก็ทำลายโดรน FPV ได้ด้วยการขว้างปืนกลไปที่มัน
    “โชคดี” พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของยูเครนที่เผยแพร่วิดีโอ ซึ่งหมายความว่าพวกเรารอดพ้นจากการต่อสู้ครั้งนี้
    ❗️เป็นที่ชัดเจนว่ากองทัพขาดอาวุธต่อต้านโดรน รวมถึงปืนลูกซองธรรมดาอย่างไร
    ภาพดราม่า: ทหารรัสเซียขับไล่การโจมตีของกามิกาเซ่ที่อันตรายถึงชีวิต ▪️ในท้ายที่สุด นักรบของเราก็ทำลายโดรน FPV ได้ด้วยการขว้างปืนกลไปที่มัน ➖ “โชคดี” พวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของยูเครนที่เผยแพร่วิดีโอ ซึ่งหมายความว่าพวกเรารอดพ้นจากการต่อสู้ครั้งนี้ ❗️เป็นที่ชัดเจนว่ากองทัพขาดอาวุธต่อต้านโดรน รวมถึงปืนลูกซองธรรมดาอย่างไร
    0 Comments 0 Shares 142 Views 172 0 Reviews
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 613 Views 0 Reviews
  • #เห็นจะเป็นเพราะรัก
    #มนันยา
    #เรื่องสั้น
    #ของขวัญ
    #ของขวัญวันคริสต์มาส
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน

    วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย

    ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ

    เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน

    วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก

    หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน

    ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป

    เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี

    เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร

    ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า

    มันกัดไหมค่ะ

    มันบินได้หรือเปล่าฮะ

    ขอผมดูหน่อย

    ขอหนูจับหน่อยนะคะ

    นุ่มไหมฮะ

    ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.."

    ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ

    เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน

    ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง

    เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ

    ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่

    เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง

    เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า

    มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    #เห็นจะเป็นเพราะรัก #มนันยา #เรื่องสั้น #ของขวัญ #ของขวัญวันคริสต์มาส #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า มันกัดไหมค่ะ มันบินได้หรือเปล่าฮะ ขอผมดูหน่อย ขอหนูจับหน่อยนะคะ นุ่มไหมฮะ ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.." ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่ เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    0 Comments 0 Shares 445 Views 0 Reviews
  • พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!!

    ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!!

    เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย
    ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว
    จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย
    ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา
    ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย
    ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
    ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต
    รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย
    คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ
    ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก
    ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน……

    ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา
    ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง
    ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง
    แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า
    “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…”
    คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า
    “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล”

    ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush
    เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ
    เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา
    การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า
    “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน”
    หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย
    เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……”

    เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี)
    นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี
    อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา
    แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่
    ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน
    และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก……

    ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน
    ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
    แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น

    เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์
    และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร…
    แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี
    ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น
    คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง
    จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง
    ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน

    วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด
    ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย
    ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน
    แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB
    และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก
    ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์
    อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน
    แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย

    ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
    เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที…
    เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ

    เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม
    อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov

    เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา……

    ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์
    อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ
    ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน
    ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย……

    ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี
    ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย
    ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน
    แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา……
    ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?”
    สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..”
    ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?”
    สื่อ……”#%&฿$€€”

    หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป
    อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute
    คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ
    และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน……
    แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน
    จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี
    มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่

    ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี
    เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น
    แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้
    การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด
    ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน……
    ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน)
    หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน
    คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า
    “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น”

    ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!”

    **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน

    ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ
    อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย
    ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้
    และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน

    หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน
    เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง

    Wiwanda W. Vichit
    พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!! ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน…… ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…” คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล” ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน” หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……” เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี) นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่ ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก…… ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร… แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์ อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที… เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา…… ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์ อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย…… ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา…… ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?” สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..” ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?” สื่อ……”#%&฿$€€” หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน…… แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่ ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้ การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน…… ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน) หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น” ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!” **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้ และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)

    15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่”

    พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่”

    “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน

    ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ
    ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์

    ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป

    ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก
    “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา"

    ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA

    #Thaitimes
    พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป) 15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่” พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่” “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์ ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา" ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • โพสนี้
    #อยากให้ทุกคนรู้ว่าแน๊กชาลีต้องเจอกับอะไร
    #อยากให้รู้ว่าสิ่งที่อิโจตกขาวซากดจิตทุยในกลุ่มส่งผลอย่างไร
    นี่คือสาเหตุที่พี่คิงส์ ต้องใช้เวลากับการขุดให้ลึกถึงก้นเหว
    กับคนชื่อ โจ หรืออิโจตกขาว ซึ่งพี่คิงส์เชื่อว่า คนที่ติดตามหลายๆคน
    ที่ไม่ได้อยู่วงใน หรือเป็นพวกติ่ง DC ไม่มีทางรู้เลย
    โจ ใช้เวลาเยอะมากในแต่ละวัน นั่งวางแผน จะใส่ความน้องยังไง
    จะแก้เกมส์ยังไง ให้คนเข้าข้างอิเหวิง คือ มันจิตป่วยจริงๆนะ
    แล้วบรรยายให้ทุยฟังทีนึงสามสี่ชั่วโมง
    คนที่ฟังนานๆเข้า ก็เชื่อเหมือนลัตติ๊อะไรซักอย่าง
    เนี่ย ปลูกความคิดจนเลยเถิด มาตรร้ายน้องแน๊ก ครอบครัวของเขา
    มันกล่อมแบบไหน พูดยังไง ที่สำคัญ เจตนา
    ทั้งหมด เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
    ทั้งความน่าเชื่อถือในการเป็นหมอดูวว ที่คิดค่าสอนเป็นหมื่นสองหมื่นต่อหัว
    หรือจะเป็นผลประโยชน์อื่นๆที่ได้รับจากอิเหวิง
    ในการคุมเกมส์ใน DC
    แค่เนี๊ย เมิงทำกับแน๊กขนาดนี้เลยเหรอ
    แน๊กถึงขนาดให้เกียรติมัน เชิญเข้าไปชี้แจง
    รู้มั๊ย ทุกคนนะ ที่ได้ฟังคำชี้แจง สี่ห้าคน
    บางคนร้องไห้ สงสารแน๊ก เมื่อรู้ความจริง
    ก็มีอินี่คนเดียว ที่ออกมาพูดไปคนละทาง
    และยังคงซากดจิตหมู่ต่อกับพวกทุย
    บอกตรงๆ อินี่ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์
    ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนไข่เปื่อยจิต
    แต่ไปวินิจฉัยน้อง ไอ่คนฟังก็ฟาย ก็คนพูดก็เปื่อย
    ศีลแม่ม โคดเสมอกันเลย
    อิฉัด
    (อ่านข้อความคอมเม้นในภาพนะครับ จะสว่างวาบ)
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    โพสนี้ #อยากให้ทุกคนรู้ว่าแน๊กชาลีต้องเจอกับอะไร #อยากให้รู้ว่าสิ่งที่อิโจตกขาวซากดจิตทุยในกลุ่มส่งผลอย่างไร นี่คือสาเหตุที่พี่คิงส์ ต้องใช้เวลากับการขุดให้ลึกถึงก้นเหว กับคนชื่อ โจ หรืออิโจตกขาว ซึ่งพี่คิงส์เชื่อว่า คนที่ติดตามหลายๆคน ที่ไม่ได้อยู่วงใน หรือเป็นพวกติ่ง DC ไม่มีทางรู้เลย โจ ใช้เวลาเยอะมากในแต่ละวัน นั่งวางแผน จะใส่ความน้องยังไง จะแก้เกมส์ยังไง ให้คนเข้าข้างอิเหวิง คือ มันจิตป่วยจริงๆนะ แล้วบรรยายให้ทุยฟังทีนึงสามสี่ชั่วโมง คนที่ฟังนานๆเข้า ก็เชื่อเหมือนลัตติ๊อะไรซักอย่าง เนี่ย ปลูกความคิดจนเลยเถิด มาตรร้ายน้องแน๊ก ครอบครัวของเขา มันกล่อมแบบไหน พูดยังไง ที่สำคัญ เจตนา ทั้งหมด เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งความน่าเชื่อถือในการเป็นหมอดูวว ที่คิดค่าสอนเป็นหมื่นสองหมื่นต่อหัว หรือจะเป็นผลประโยชน์อื่นๆที่ได้รับจากอิเหวิง ในการคุมเกมส์ใน DC แค่เนี๊ย เมิงทำกับแน๊กขนาดนี้เลยเหรอ แน๊กถึงขนาดให้เกียรติมัน เชิญเข้าไปชี้แจง รู้มั๊ย ทุกคนนะ ที่ได้ฟังคำชี้แจง สี่ห้าคน บางคนร้องไห้ สงสารแน๊ก เมื่อรู้ความจริง ก็มีอินี่คนเดียว ที่ออกมาพูดไปคนละทาง และยังคงซากดจิตหมู่ต่อกับพวกทุย บอกตรงๆ อินี่ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนไข่เปื่อยจิต แต่ไปวินิจฉัยน้อง ไอ่คนฟังก็ฟาย ก็คนพูดก็เปื่อย ศีลแม่ม โคดเสมอกันเลย อิฉัด (อ่านข้อความคอมเม้นในภาพนะครับ จะสว่างวาบ) #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    Yay
    6
    0 Comments 1 Shares 531 Views 0 Reviews
  • #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน
    ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี
    ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร
    พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ
    แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต
    ต้องรับการบำ บัด จังหวะ
    แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ
    นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน
    และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ
    โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว
    เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง
    มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค
    เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน
    ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่
    สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค
    เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง
    และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง
    ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม
    (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ)
    ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ
    เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด
    ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน
    จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง
    จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว
    ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
    ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67
    อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด
    นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้
    หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ
    อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย
    เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ
    แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ
    แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ
    กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว
    "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด
    พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า
    เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา
    ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก
    จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ
    เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย
    ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า
    "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว"
    คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!!
    หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง
    สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต ต้องรับการบำ บัด จังหวะ แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่ สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ) ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67 อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้ หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว" คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!! หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 1307 Views 0 Reviews
  • นิด้าโพลสำรวจ เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” พบว่าไม่ค่อยเชื่อ35%และไม่เชื่อเลย 22%

    15 กันยายน 2567-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ระหว่างวันที่ 9-11 ก.ย. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและความกังวลของประชาชนต่อรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการบริหารประเทศ

    การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    https://nidapoll.nida.ac.th
    X : https://twitter.com/NIDA_Poll

    #Thaitimes
    นิด้าโพลสำรวจ เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” พบว่าไม่ค่อยเชื่อ35%และไม่เชื่อเลย 22% 15 กันยายน 2567-ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ระหว่างวันที่ 9-11 ก.ย. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความเชื่อมั่นและความกังวลของประชาชนต่อรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการบริหารประเทศ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 https://nidapoll.nida.ac.th X : https://twitter.com/NIDA_Poll #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 429 Views 0 Reviews
  • ทดสอบ ทดลองใช้งาน สื่อสารสังคมออนไลน์ ที่เปิดกว้าง และมีอิสระเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    ทดสอบ ทดลองใช้งาน สื่อสารสังคมออนไลน์ ที่เปิดกว้าง และมีอิสระเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • รู้มั้ย ทำไมผมถึงโพสต์ข้อความทุกวันทุกหลายแพลทฟอร์ม เพราะสมองผมมันคิดอยู่ตลอดเวลา วนอยู่อย่างนั้นแบบนั้นทั้งวันและทุกวัน และซึ่งผมอยู่กับความคิดผมเลยไม่ได้ทำอะไรทางกายเลยเช่นกัน #Emotion_Depression
    รู้มั้ย ทำไมผมถึงโพสต์ข้อความทุกวันทุกหลายแพลทฟอร์ม เพราะสมองผมมันคิดอยู่ตลอดเวลา วนอยู่อย่างนั้นแบบนั้นทั้งวันและทุกวัน และซึ่งผมอยู่กับความคิดผมเลยไม่ได้ทำอะไรทางกายเลยเช่นกัน #Emotion_Depression
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • วิธีล้างสมองคน อย่างแยบยล วิธีที่นักการเมืองบางคน ใช้ครอบงำความคิดคน เพื่อให้เชื่อในสิ่งที่เขาบงการ

    ติดตามเรา :

    https://www.youtube.com/@MindSneak289

    🚩 วิธีล้างสมองคน อย่างแยบยล วิธีที่นักการเมืองบางคน ใช้ครอบงำความคิดคน เพื่อให้เชื่อในสิ่งที่เขาบงการ 🚩ติดตามเรา : https://www.youtube.com/@MindSneak289
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง

    เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก

    “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว

    สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย

    นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว

    สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ , กล่าวเมื่อวันศุกร์
    .
    US recognizes Russian media play important role in reporting truth

    Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda.

    "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said.

    The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media.

    "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated.

    The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday.
    .
    2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    📌สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง📌 เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย “🤣นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ🤣, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว 🤣 สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ 🤣, กล่าวเมื่อวันศุกร์ . US recognizes Russian media play important role in reporting truth Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda. "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said. The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media. "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated. The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday. . 2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ
    ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป
    เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์
    จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน
    ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม
    แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
    ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน

    สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
    ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด
    นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF,
    คนซื้อคนขาย เป็นต้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน 🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF, คนซื้อคนขาย เป็นต้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 778 Views 0 Reviews
  • Sep. 13, 2024

    วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ
    https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ

    มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน

    คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย

    ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ

    ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า...

    "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ"

    80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว
    "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย"
    15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ"
    มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า
    "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ"

    คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง
    "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้
    แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนที่แอบทำธุรกิจค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ
    คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย
    ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ"
    นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต

    เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว

    ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ
    https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19

    ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ
    https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1

    นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ

    สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า

    ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app

    ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ

    มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้

    และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ

    ปล.
    ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ
    ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
    https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    Sep. 13, 2024 วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า... "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ" 80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย" 15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ" มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ" คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนที่แอบทำธุรกิจค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ" นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19 ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1 นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ ปล. ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย

    “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร

    “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย
    .
    Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies

    “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician.

    “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies.
    .
    3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย . Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician. “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies. . 3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    Like
    Wow
    2
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • EP4
    บทสรุปใน part นี้
    ผู้เขียนเองศึกษา เก็บสถิติ เทียบเคียงจากตำราต่างประเทศ และในประเทศ หลายท่าน เอามาคัดกรอง กับ กลุ่มตัวอย่าง ที่ตัวเองศึกษามาตลอด บางอย่างใช่ บางอย่างไม่ใช่ ...ประมวลเข้ากับความคิด และผลลัพธ์ที่เห็นมาตามความเป็นจริง ทั้งกับตนเอง และคนรอบข้าง...
    ผู้เขียนได้หาวิธีสารพัด ดูดวง พึ่งสิ่งศักดิ์วัตถุมงคล เทพเทวา สารพัด ให้ผล "น้อยมาก" ไม่ได้แบบที่เขาโปรโมทกับหรอก วัตถุมงคลนี้ใช้แล้วรวย ...ไม่มีหรอก คนสร้างขายสิรวยแน่ๆ...!! (ผู้เขียนอยู่ในวงการพระมา 30 กว่าปี แต่ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่คนขาย เป็นผู้ซื้อ) ......พลังอำนาจของตัวเลข ก็คล้ายๆกับพลังจักรวาล หรือพลังจิตเรานั่นแหละ มันคือ ของจริง ส่งผลได้จริง. แรง และเร็ว..
    ท่านต้องสัมผัสเอง ลองอ่านบทความทั้งหลายในเพจนี้ไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ข้อพิสูจน์ของท่านเอง...ว่า มันจริงไหม?
    EP4 👉 บทสรุปใน part นี้ ผู้เขียนเองศึกษา เก็บสถิติ เทียบเคียงจากตำราต่างประเทศ และในประเทศ หลายท่าน เอามาคัดกรอง กับ กลุ่มตัวอย่าง ที่ตัวเองศึกษามาตลอด บางอย่างใช่ บางอย่างไม่ใช่ ...ประมวลเข้ากับความคิด และผลลัพธ์ที่เห็นมาตามความเป็นจริง ทั้งกับตนเอง และคนรอบข้าง... ผู้เขียนได้หาวิธีสารพัด ดูดวง พึ่งสิ่งศักดิ์วัตถุมงคล เทพเทวา สารพัด ให้ผล "น้อยมาก" ไม่ได้แบบที่เขาโปรโมทกับหรอก วัตถุมงคลนี้ใช้แล้วรวย ...ไม่มีหรอก คนสร้างขายสิรวยแน่ๆ...!! (ผู้เขียนอยู่ในวงการพระมา 30 กว่าปี แต่ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่คนขาย เป็นผู้ซื้อ) ......พลังอำนาจของตัวเลข ก็คล้ายๆกับพลังจักรวาล หรือพลังจิตเรานั่นแหละ มันคือ ของจริง ส่งผลได้จริง. แรง และเร็ว.. ท่านต้องสัมผัสเอง ลองอ่านบทความทั้งหลายในเพจนี้ไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ข้อพิสูจน์ของท่านเอง...ว่า มันจริงไหม? 🧧
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • ขอแสดงความขอบคุณคุณสนธิลิ้มทองกุล สำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งนี้ คุณสนธิสร้างไทยไทม์เพื่อคนไทย
    ประเทศไทย
    ได้มีความอิสระ ทั้งในด้านความคิด ความรู้ ความสัมพันธ์ การสร้างสรรค์ ฯ ล้วนเป็นสิ่งดีงาม

    #หนักแน่นดั่งหินผา
    🙏ขอแสดงความขอบคุณคุณสนธิลิ้มทองกุล สำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งนี้ คุณสนธิสร้างไทยไทม์เพื่อคนไทย 🇹🇭 ประเทศไทย ได้มีความอิสระ ทั้งในด้านความคิด ความรู้ ความสัมพันธ์ การสร้างสรรค์ ฯ ล้วนเป็นสิ่งดีงาม 🙏 #หนักแน่นดั่งหินผา
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 958 Views 0 Reviews
  • ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี
    ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป
    สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา"
    คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
    สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป"
    ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา
    นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา
    ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
    อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
    ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
    คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา" คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้ การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป" ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร
    และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ)
    ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567
    ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

    จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง
    และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก
    ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง
    แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ
    ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด
    กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย
    เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม
    แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ
    หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก

    สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น
    อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น
    รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น
    โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก
    ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ
    มากกว่า 50% ในปัจจุบัน

    ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง
    และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
    มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด
    ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ
    และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ
    #thaitimes
    💥💥โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ) ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567 ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ 🚩จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก 🚩สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ มากกว่า 50% ในปัจจุบัน 🚩ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1054 Views 0 Reviews
  • #โปรดใช้จักรยานไฟฟ้าในการรับชม
    #และโปรดแสดงความคิดเห็นด้วยความไม่สุภาพ
    อันนี้เป็นข้อมูลนะ คือ เรื่องอิเหวิงมีผัวอยู่แล้ว
    พี่คิงส์ก็ยืนยันตั้งแต่ครั้งแรก กับโพส
    อิเหวิงกามิจ ก็แค่สก็อยกิมจิ ลำยองเกาหลี
    ใครยังไม่ได้อ่านก็ย้อนลงไปอ่านกันเอานะ
    แต่อันนี้คือแฟนเพจส่งมาเยอะจนพี่คิงส์ต้านไม่ไหว
    ไอ่เราก็เท่ห์ซะด้วย ชอบตามใจแฟนเพจ
    เอ่าๆ เรื่องมันเป็นงี้นะ
    เขาว่ากันว่า หนุ่มคนรักเก่าที่เคยเกากามิจ ณ แดนกิมจิ๊ เค้าว่ากันว่า Liu คือตัวจริงเพราะมันบังเอิญอะไรตั้งหลายประการ Liu เพิ่งเล่นติ๊กต๊อกรัวๆ สิงหาคม
    1. สตอรี่ Liu คือที่ถ่ายลงรูปเงา Liu อยู่ซ้าย ชุดเหมือนแม่นางอยู่กลาง เธอคนนั้นอยู่ขวา คนซ้ายขวาทำรูปหัวใจ
    2. Liu อยู่เจจู บังเอิญกับที่คนนั้นกำลังมีงานที่นั่น
    3. Liu พูดว่ารักเจจู อยากเจอกันเร็วๆที่โซล เป็นตอนที่เธอคนนั้นไปร่วมงาน Billboard
    4. Liu พักใกล้บริเวณที่จัดงาน Billboard
    5. Liu ลงรูปสตอรี่เธอคนนั้นพร้อมยืนจิบไวน์ ฉลองหลังจบ Billboard
    6. Liu โพสรูปอาหารสองชามพร้อมหัวใจ
    เอาจริงๆ เรื่องที่อิเหวิงมันต้ม มันไม่ได้ต้มแค่เรื่องผลัว
    มันต้มแล้วต้ำอีก เหลือทุยจำนวนหนึ่งที่โดน อิป้าโจวววตกขาว
    คอยสนตะพาย จูงจมูก
    ภาพในโพส กับข้อมูลทั้งหมดนี้
    ก็ดูภาพกันให้ฉ่ำ อันนี้ไม่ได้คอนเฟิร์มหรือไม่คอนเฟิร์มอะไรนะ
    แต่เรื่องมีผลัวแล้วอะ คอนเฟริ์ม
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #โปรดใช้จักรยานไฟฟ้าในการรับชม #และโปรดแสดงความคิดเห็นด้วยความไม่สุภาพ อันนี้เป็นข้อมูลนะ คือ เรื่องอิเหวิงมีผัวอยู่แล้ว พี่คิงส์ก็ยืนยันตั้งแต่ครั้งแรก กับโพส อิเหวิงกามิจ ก็แค่สก็อยกิมจิ ลำยองเกาหลี ใครยังไม่ได้อ่านก็ย้อนลงไปอ่านกันเอานะ แต่อันนี้คือแฟนเพจส่งมาเยอะจนพี่คิงส์ต้านไม่ไหว ไอ่เราก็เท่ห์ซะด้วย ชอบตามใจแฟนเพจ เอ่าๆ เรื่องมันเป็นงี้นะ เขาว่ากันว่า หนุ่มคนรักเก่าที่เคยเกากามิจ ณ แดนกิมจิ๊ เค้าว่ากันว่า Liu คือตัวจริงเพราะมันบังเอิญอะไรตั้งหลายประการ Liu เพิ่งเล่นติ๊กต๊อกรัวๆ สิงหาคม 1. สตอรี่ Liu คือที่ถ่ายลงรูปเงา Liu อยู่ซ้าย ชุดเหมือนแม่นางอยู่กลาง เธอคนนั้นอยู่ขวา คนซ้ายขวาทำรูปหัวใจ 2. Liu อยู่เจจู บังเอิญกับที่คนนั้นกำลังมีงานที่นั่น 3. Liu พูดว่ารักเจจู อยากเจอกันเร็วๆที่โซล เป็นตอนที่เธอคนนั้นไปร่วมงาน Billboard 4. Liu พักใกล้บริเวณที่จัดงาน Billboard 5. Liu ลงรูปสตอรี่เธอคนนั้นพร้อมยืนจิบไวน์ ฉลองหลังจบ Billboard 6. Liu โพสรูปอาหารสองชามพร้อมหัวใจ เอาจริงๆ เรื่องที่อิเหวิงมันต้ม มันไม่ได้ต้มแค่เรื่องผลัว มันต้มแล้วต้ำอีก เหลือทุยจำนวนหนึ่งที่โดน อิป้าโจวววตกขาว คอยสนตะพาย จูงจมูก ภาพในโพส กับข้อมูลทั้งหมดนี้ ก็ดูภาพกันให้ฉ่ำ อันนี้ไม่ได้คอนเฟิร์มหรือไม่คอนเฟิร์มอะไรนะ แต่เรื่องมีผลัวแล้วอะ คอนเฟริ์ม ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 529 Views 0 Reviews
  • #แน็คกามิน #ชีวิตติดเลข #casestudy

    เห็นข่าวช่วงที่ผ่ามาเกี่ยวกับอินฟลูสาวต่างชาติคนนึงที่มารับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากหลายร่วมกับดาราชายไทยจนโด่งดัง มีรายได้กลับไปเป็นกอบเป็นกำ ข่าวออกมาในเชิงไม่ค่อยจะดี ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของเงินทองผลประโยชน์

    เราเคยถอดค่าเลขของดาราชายไว้เมื่อนานมาแล้ว เพราะเคยฟังสัมภาษณ์ที่เค้าพูดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วทำให้อยากเห็นเลขในชีวิตของเค้า ซึ่งประกอบไปด้วยเลขหลักสองชุดคือ 876 (จากชื่อสกุล) และ 162 (จากวันเกิด) เลขท้าทายในชีวิต 0.3.3.3 เลขกรรม 4

    จากเลขสองชุดนี้ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก (จุดนี้จากชุดเลขวันเกิดก็พอจะคาดเดาได้ – 19.01.1993) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้จะมีแนวทางในการช่วยที่แปลกจากความคิดของคนทั่วไป เป็นคนมีความรับผิดชอบ และไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของเงินทองเสียเท่าไหร่ ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นคุณค่าของเงินทองนะ แต่หมายถึงว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ คือไม่ได้ยึดเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต

    การมีเลขท้าทายในชีวิตเป็นเลข 3 ทำให้เป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม (ตรงกับเลขเส้นทางชีวิตที่เป็นเลข 6 ที่ชอบอยู่บ้าน หรืออยู่กับคนวงเล็กๆ ที่คุ้นเคย) การสื่อสารอาจจะฟังแล้วงงๆ อยู่บ้าง หรือไม่ก็ฟังดูขัดหู เพราะออกแนวถ้าไม่พูดคือไม่พูดเลย แต่ถ้าพูดคือตีแสกหน้าได้ ซึ่งโยงไปได้ถึงเลขกรรม 4 ที่สามารถพูดออกมาตรงๆ โดยไม่เกรงใจใคร ทั้งยังรวมไปถึงการไม่ได้สนใจกฏเกณฑ์ของสังคมเท่าไหร่ การทำงานก็ทำบ้าง หยุดบ้าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวเอง

    ทีนี้ เรามาลองดูเลขของอินฟลูสาวกันดูบ้าง
    เลขหลักสองชุดของเธอคือ 189 กับ 395 เลขท้าทาย 1.1.0.2 เลขกรรม 6

    มาดูเลขชุดแรกของเธอกัน จริงๆ แล้ว 189 เป็นเลขที่ดีมากๆ ถ้ามีอยู่ในตัวนะ เพราะเป็นเลขที่ทำให้มีความสามารถครบรอบด้านในตัว เริ่มตั้งแต่ความคิดริเริ่ม การมีวิสัยทัศน์ที่จะเลือกวิธีที่ดีที่สุดและลงมือทำเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บังเอิญว่าเลข 8 ของเธออยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไปนิดนึง ทำให้ความอดทนต่อเรื่องยุ่งยากวุ่นวายมีไม่มากพอที่จะก้าวไปถึงจุดของความสำเร็จ เรียกว่า เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา เมื่อไหร่ที่เกิดความเบื่อ ไม่รู้สึกสนุก ก็สามารถละทิ้งเรื่องนั้นๆ งานนั้นๆ ไปได้ง่ายๆ (ตรงนี้โยงไปหาเลขกรรม 6 ที่เป็นเลขของความรับผิดชอบ และการคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง)

    ส่วนเลขชุดที่สองของเธอ 395 เป็นเลขเสน่ห์จริงๆ ทำให้คนตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ มีออร่าที่โดดเด่น ในขณะเดียวกัน เลขชุดนี้ก็ยังทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก มีความสนใจต่อเรื่องต่างๆ แบบชั่วครู่ชั่วยาม เบื่อเมื่อไหร่ก็โบกมือลาได้ง่ายๆ เช่นกัน

    เธอมีผลรวมชื่อเป็นเลข 26/8 เมื่อเอาไปอ่านร่วมกับเลขชุดที่สอง 395 ยิ่งตอบโจทย์กับสิ่งที่เธอเลือกทำเป็นอาชีพ งานที่ทำแล้วไม่ต้องเหนื่อยมาก อยู่ท่ามกลางผู้คนและมีสปอต์ไลท์ส่องที่เธอ มีคนชื่นชมและสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้มากๆ ไม่ชอบงานที่มีกฏเกณฑ์หรือยุ่งยากเหนื่อยแรง แล้วก็ต้องเป็นงานที่เป็นเรื่องๆ ไปด้วยนะ เลข 8 ในตำแหน่งนี้ของเธอทำให้เธอยึดเรื่องของผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก (อ่านคุ่กับชุดเลขในวันเกิด รวมถึงเลขท้าทายที่เป็น 1 รวมถึงการที่เธอมีเลข 9 เป็นเลขเส้นทางชีวิต ซึ่งยังมีเลขอีกชุดหนึ่งที่บอกถึงการยึดติดหรือให้ค่ากับวัตถุนิยม ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะต้องอธิบายกันยาว)

    โดยสรุปจากตัวเลขในชีวิต ทำให้เราเห็นตัวตนของทั้งสองคนชัดเจนขึ้น ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูกนะคะ เพราะไม่ได้อยู่ในชีวิตของเค้า แต่เราเชื่อเรื่องอิทธิพลหรือพลังงานที่มีอยู่ในตัวคนแต่ละคนมากกว่า

    ยกมือให้กับดาราชายค่ะ
    #แน็คกามิน #ชีวิตติดเลข #casestudy เห็นข่าวช่วงที่ผ่ามาเกี่ยวกับอินฟลูสาวต่างชาติคนนึงที่มารับงานเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากหลายร่วมกับดาราชายไทยจนโด่งดัง มีรายได้กลับไปเป็นกอบเป็นกำ ข่าวออกมาในเชิงไม่ค่อยจะดี ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของเงินทองผลประโยชน์ เราเคยถอดค่าเลขของดาราชายไว้เมื่อนานมาแล้ว เพราะเคยฟังสัมภาษณ์ที่เค้าพูดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วทำให้อยากเห็นเลขในชีวิตของเค้า ซึ่งประกอบไปด้วยเลขหลักสองชุดคือ 876 (จากชื่อสกุล) และ 162 (จากวันเกิด) เลขท้าทายในชีวิต 0.3.3.3 เลขกรรม 4 จากเลขสองชุดนี้ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก (จุดนี้จากชุดเลขวันเกิดก็พอจะคาดเดาได้ – 19.01.1993) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้จะมีแนวทางในการช่วยที่แปลกจากความคิดของคนทั่วไป เป็นคนมีความรับผิดชอบ และไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของเงินทองเสียเท่าไหร่ ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นคุณค่าของเงินทองนะ แต่หมายถึงว่ามีก็ได้ ไม่มีก็ได้ คือไม่ได้ยึดเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต การมีเลขท้าทายในชีวิตเป็นเลข 3 ทำให้เป็นคนไม่ชอบออกงานสังคม (ตรงกับเลขเส้นทางชีวิตที่เป็นเลข 6 ที่ชอบอยู่บ้าน หรืออยู่กับคนวงเล็กๆ ที่คุ้นเคย) การสื่อสารอาจจะฟังแล้วงงๆ อยู่บ้าง หรือไม่ก็ฟังดูขัดหู เพราะออกแนวถ้าไม่พูดคือไม่พูดเลย แต่ถ้าพูดคือตีแสกหน้าได้ ซึ่งโยงไปได้ถึงเลขกรรม 4 ที่สามารถพูดออกมาตรงๆ โดยไม่เกรงใจใคร ทั้งยังรวมไปถึงการไม่ได้สนใจกฏเกณฑ์ของสังคมเท่าไหร่ การทำงานก็ทำบ้าง หยุดบ้าง ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัวเอง ทีนี้ เรามาลองดูเลขของอินฟลูสาวกันดูบ้าง เลขหลักสองชุดของเธอคือ 189 กับ 395 เลขท้าทาย 1.1.0.2 เลขกรรม 6 มาดูเลขชุดแรกของเธอกัน จริงๆ แล้ว 189 เป็นเลขที่ดีมากๆ ถ้ามีอยู่ในตัวนะ เพราะเป็นเลขที่ทำให้มีความสามารถครบรอบด้านในตัว เริ่มตั้งแต่ความคิดริเริ่ม การมีวิสัยทัศน์ที่จะเลือกวิธีที่ดีที่สุดและลงมือทำเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่บังเอิญว่าเลข 8 ของเธออยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไปนิดนึง ทำให้ความอดทนต่อเรื่องยุ่งยากวุ่นวายมีไม่มากพอที่จะก้าวไปถึงจุดของความสำเร็จ เรียกว่า เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา เมื่อไหร่ที่เกิดความเบื่อ ไม่รู้สึกสนุก ก็สามารถละทิ้งเรื่องนั้นๆ งานนั้นๆ ไปได้ง่ายๆ (ตรงนี้โยงไปหาเลขกรรม 6 ที่เป็นเลขของความรับผิดชอบ และการคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองที่ไม่มีอยู่ในตัวเอง) ส่วนเลขชุดที่สองของเธอ 395 เป็นเลขเสน่ห์จริงๆ ทำให้คนตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ มีออร่าที่โดดเด่น ในขณะเดียวกัน เลขชุดนี้ก็ยังทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก มีความสนใจต่อเรื่องต่างๆ แบบชั่วครู่ชั่วยาม เบื่อเมื่อไหร่ก็โบกมือลาได้ง่ายๆ เช่นกัน เธอมีผลรวมชื่อเป็นเลข 26/8 เมื่อเอาไปอ่านร่วมกับเลขชุดที่สอง 395 ยิ่งตอบโจทย์กับสิ่งที่เธอเลือกทำเป็นอาชีพ งานที่ทำแล้วไม่ต้องเหนื่อยมาก อยู่ท่ามกลางผู้คนและมีสปอต์ไลท์ส่องที่เธอ มีคนชื่นชมและสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้มากๆ ไม่ชอบงานที่มีกฏเกณฑ์หรือยุ่งยากเหนื่อยแรง แล้วก็ต้องเป็นงานที่เป็นเรื่องๆ ไปด้วยนะ เลข 8 ในตำแหน่งนี้ของเธอทำให้เธอยึดเรื่องของผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก (อ่านคุ่กับชุดเลขในวันเกิด รวมถึงเลขท้าทายที่เป็น 1 รวมถึงการที่เธอมีเลข 9 เป็นเลขเส้นทางชีวิต ซึ่งยังมีเลขอีกชุดหนึ่งที่บอกถึงการยึดติดหรือให้ค่ากับวัตถุนิยม ไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะต้องอธิบายกันยาว) โดยสรุปจากตัวเลขในชีวิต ทำให้เราเห็นตัวตนของทั้งสองคนชัดเจนขึ้น ไม่ได้ตัดสินว่าใครผิดใครถูกนะคะ เพราะไม่ได้อยู่ในชีวิตของเค้า แต่เราเชื่อเรื่องอิทธิพลหรือพลังงานที่มีอยู่ในตัวคนแต่ละคนมากกว่า ยกมือให้กับดาราชายค่ะ
    0 Comments 0 Shares 566 Views 0 Reviews
  • ขอพูดถึงงานที่ผมทำอยู่ตอนนี้หน่อยครับ
    งานที่ทำอยู่ตอนนี้ คือ งานพัฒนาซอฟต์แวร์ ในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชั่นหรือโปรแกรม API อันนี้เป็นเว็บแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับร้านอาหาร แต่ไปผูกกับร้านอาหาร ถ้าจะทำใหม่ควรจะทำแบบว่ามีข้อมูลร้านอาหาร ข้อมูลตลาดสดและร้านวัตถุดิบ และข้อมูลวัตถุดิบในสต็อก และระบบจัดการที่อัจฉริยะ และระบบสรุปผลยอดขายและยอดการใช้งานวัตถุดิบ และผมอาจจะพัฒนาระบบวัตถุดิบหมดอายุว่า ถ้าหมดอายุ ให้คัดออก ไม่ให้ใช้ทำอาหาร เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของคนกิน อาหารที่ทำ ต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน
    ผมรับจ้างเป็นโมดูลละ 1500 บาท แต่โปรแกรมตัวเต็มมีทั้งหมด 4 โมดูล หรือ 4 ส่วนการทำงาน หากส่วนการทำงานมีขอบเขตตามที่ลูกค้าแจ้งมันเยอะและใช้เวลาสร้างนาน ผมขอคิดเพิ่มส่วนการทำงานละ 2500 - 3000 บาท ใครอยากใช้บริการของผมแสดงความคิดเห็นมาด้านล่างผมจะได้รับ Requirement จากลูกค้าหน้าใหม่ครับ
    การแก้ไขงานขอคิดโมดูลละ 1500 บาท และคงราคานี้จนกว่าจะมีการพิจารณาขึ้นราคาหากการแก้ไขหรือรีเมคงานขึ้นมาใหม่และสเกลการแก้ไขเยอะมากเกินกว่าที่กำหนดครับ
    ขอพูดถึงงานที่ผมทำอยู่ตอนนี้หน่อยครับ งานที่ทำอยู่ตอนนี้ คือ งานพัฒนาซอฟต์แวร์ ในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชั่นหรือโปรแกรม API อันนี้เป็นเว็บแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับร้านอาหาร แต่ไปผูกกับร้านอาหาร ถ้าจะทำใหม่ควรจะทำแบบว่ามีข้อมูลร้านอาหาร ข้อมูลตลาดสดและร้านวัตถุดิบ และข้อมูลวัตถุดิบในสต็อก และระบบจัดการที่อัจฉริยะ และระบบสรุปผลยอดขายและยอดการใช้งานวัตถุดิบ และผมอาจจะพัฒนาระบบวัตถุดิบหมดอายุว่า ถ้าหมดอายุ ให้คัดออก ไม่ให้ใช้ทำอาหาร เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของคนกิน อาหารที่ทำ ต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน ผมรับจ้างเป็นโมดูลละ 1500 บาท แต่โปรแกรมตัวเต็มมีทั้งหมด 4 โมดูล หรือ 4 ส่วนการทำงาน หากส่วนการทำงานมีขอบเขตตามที่ลูกค้าแจ้งมันเยอะและใช้เวลาสร้างนาน ผมขอคิดเพิ่มส่วนการทำงานละ 2500 - 3000 บาท ใครอยากใช้บริการของผมแสดงความคิดเห็นมาด้านล่างผมจะได้รับ Requirement จากลูกค้าหน้าใหม่ครับ การแก้ไขงานขอคิดโมดูลละ 1500 บาท และคงราคานี้จนกว่าจะมีการพิจารณาขึ้นราคาหากการแก้ไขหรือรีเมคงานขึ้นมาใหม่และสเกลการแก้ไขเยอะมากเกินกว่าที่กำหนดครับ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • Thaitimes Help Center เป็นศูนย์ช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ ตอบคำถาม และให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ ของ Thaitimes ทั้งในด้านการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย รับเรื่องการแจ้งปัญหา ทีมงานพร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes

    ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำและการช่วยเหลือจากทีมงานที่พร้อมจะดูแลคุณ

    #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    Thaitimes Help Center เป็นศูนย์ช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ ตอบคำถาม และให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้งานต่างๆ ของ Thaitimes ทั้งในด้านการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย รับเรื่องการแจ้งปัญหา ทีมงานพร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแพลตฟอร์ม Thaitimes ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมคำแนะนำและการช่วยเหลือจากทีมงานที่พร้อมจะดูแลคุณ #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    Like
    Love
    17
    14 Comments 2 Shares 1362 Views 2 Reviews
  • นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์

    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716

    #Thaitimes
    นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้ ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 745 Views 0 Reviews
  • #ถือว่าแรงมากนะครับป้าโจ
    การที่ป้าจะชอบดราม่า ต้องปรึกฉาหมอบ่อยๆ
    แต่ป้าต้องไม่หมิ่นใคร มันเป็น พรบ.คอมนะป้า
    ทำให้ผู้อื่นเชื่อ และทำให้น้องแน๊กเสื่อมเสีย
    พี่คิงส์ว่าป้าพอเหอะ
    คนที่เข้าไปคุยวงในกับน้องพร้อมๆกับป้า
    ถ้าถอยหมด มีป้านี่แหละ
    ไปร่วมมือกับใครไม่รู้
    ไปรุมน้องแน๊กในตต.
    ที่ผ่านมา น้องก็เจออะไรมาหนักมากแล้ว
    ถ้าป้ามีตา ป้าจะเห็นว่าวันนี้ ควรยืนอยู่ข้างใคร
    ปากป้าโจอ้างเสมอว่าเป็นกลาง
    แต่คนเป็นกลางเค้าไม่แสดงความคิดเห็นแบบนี้นะป้า
    ป้าต้องทำความเข้าใจใหม่ด้วย
    เรื่องกามิจ ไม่มีใครไปทำอะไรเธอได้
    ที่ผ่านมา มันก็คำพูดและการแสดงออกของเธอ
    ที่ทำร้-า-ย ตัวเธอเอง
    อายุมากแล้วป้า อย่าก่อกรรมอีกเลย
    เปื่อย ก็ต้องไปรักฉา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ถือว่าแรงมากนะครับป้าโจ การที่ป้าจะชอบดราม่า ต้องปรึกฉาหมอบ่อยๆ แต่ป้าต้องไม่หมิ่นใคร มันเป็น พรบ.คอมนะป้า ทำให้ผู้อื่นเชื่อ และทำให้น้องแน๊กเสื่อมเสีย พี่คิงส์ว่าป้าพอเหอะ คนที่เข้าไปคุยวงในกับน้องพร้อมๆกับป้า ถ้าถอยหมด มีป้านี่แหละ ไปร่วมมือกับใครไม่รู้ ไปรุมน้องแน๊กในตต. ที่ผ่านมา น้องก็เจออะไรมาหนักมากแล้ว ถ้าป้ามีตา ป้าจะเห็นว่าวันนี้ ควรยืนอยู่ข้างใคร ปากป้าโจอ้างเสมอว่าเป็นกลาง แต่คนเป็นกลางเค้าไม่แสดงความคิดเห็นแบบนี้นะป้า ป้าต้องทำความเข้าใจใหม่ด้วย เรื่องกามิจ ไม่มีใครไปทำอะไรเธอได้ ที่ผ่านมา มันก็คำพูดและการแสดงออกของเธอ ที่ทำร้-า-ย ตัวเธอเอง อายุมากแล้วป้า อย่าก่อกรรมอีกเลย เปื่อย ก็ต้องไปรักฉา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 431 Views 0 Reviews
  • เส้นที่มีชื่อเสียงของ Morpheus ใน The Matrix เกี่ยวกับยาสีน้ําเงินและยาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่ลึกซึ้งและลึกซึ้งกว่าที่แต่ละบุคคลเผชิญในชีวิต - ทางเลือกระหว่างความไม่รู้ที่สะดวกสบายกับความจริงที่ไม่สงบบ่อยครั้ง เมื่อ Morpheus เสนอทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดง เขาไม่ได้เป็นเพียงการเสนอวัตถุที่ง่าย ๆ สองอย่าง แต่สองเส้นทางของการดํารงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง
    คําของมอร์เฟียสเกี่ยวกับยาสีน้ําเงิน
    Morpheus กล่าวกับ Neo:
    "คุณกินยาสีฟ้า - เรื่องจบลง คุณตื่นขึ้นมาบนเตียงของคุณและเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการเชื่อ คุณกินยาสีแดง - คุณอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ และฉันแสดงให้คุณเห็นว่ารูกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน "
    ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสําคัญเพราะมันครอบคลุมแก่นแท้ของสภาพมนุษย์: ทางเลือกระหว่างที่เหลืออยู่ภายในขอบเขตของโลกมายา สิ่งหนึ่งที่สะดวกสบาย คุ้นเคย และดูเหมือนปลอดภัย หรือกล้าที่จะร่วมทุนกับสิ่งที่ไม่รู้จัก ที่ซึ่งความจริงไม่ว่ารุนแรงหรือท้าทายรอคอย
    ความสําคัญที่ลึกซึ้งของยาสีน้ําเงิน
    ยาสีน้ําเงินเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในเมทริกซ์ของภาพลวงตา — การสร้างการโกหก ความจริงครึ่งหนึ่ง และการหลอกลวงที่สร้างความรู้สึกผิด ๆ ของความปลอดภัย ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินด้วยความเต็มใจยอมรับความเป็นจริงที่นําเสนอต่อพวกเขา ชอบความสบายของความไม่รู้มากกว่าความไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นจากความจริง ยาสีน้ําเงินแสดงถึง:
    ความสบายเหนือความจริง: ยาสีน้ําเงินมอบชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดจากการตั้งคําถามที่ท้าทายสถานะ มันช่วยให้คนเราอาศัยอยู่ในฟองสบู่ต่อไป ซึ่งความจริงที่ยากลําบากจะถูกหลีกเลี่ยง และความเป็นจริงที่น่าอึดอัดจะถูกยกเลิก มันเป็นเส้นทางที่ง่ายกว่า หนึ่งที่ลดความไม่เข้าใจทางความคิดและบุคคลสามารถอยู่ในสถานะของความไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข
    การส่งภาพลวงตา: การกินยาสีน้ําเงินเป็นรูปแบบของการยอมแพ้ เป็นการยอมรับของคําบอกเล่าที่ถูกบังคับโดยกองกําลังภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบรรทัดฐานทางสังคม อิทธิพลทางสื่อ หรือวาระทางการเมือง มันหมายถึงการละทิ้งความเป็นอิสระของตนเองและเป็นการส่งไปยังการควบคุมของผู้ที่สร้างภาพลวงตา
    การปฏิเสธการเจริญเติบโต: การเลือกยาสีน้ําเงินเป็นการปฏิเสธการเจริญเติบโตส่วนบุคคลและทางจิตวิญญาณ การเติบโตมักจะผ่านการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ผ่านการตั้งคําถามกับโลกรอบตัวเรา และผ่านการกอดสิ่งที่ไม่รู้จัก ยาสีน้ําเงินในทางตรงกันข้ามคือการปฏิเสธการเดินทางนี้ - การปฏิเสธที่จะเติบโตเพื่อพัฒนาและแสวงหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการดํารงอยู่
    ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก: การตัดสินใจที่จะกินยาสีน้ําเงินมักถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว - ความกลัวในสิ่งที่อยู่เหนือม่านแห่งภาพลวงตา ความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่อาจจะรุนแรง ไม่ให้อภัย หรือแตกต่างอย่างลึกซึ้งกับคําเล่าที่แสนสบายที่ถูกสร้างขึ้น ความกลัวนี้ทําให้คนเป็นอัมพาต ทําให้พวกเขาถูกขังไว้ในสถานะของความพอใจ
    ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงิน
    บุคคลที่เลือกเม็ดสีฟ้ามักจะเป็นคนที่พอใจกับระดับพื้นผิวของชีวิต พวกเขาอาจกลัวการหยุดชะงักของมุมมองโลกของพวกเขาหรือผลกระทบของการท้าทายความเชื่ออย่างลึกซึ้ง บุคคลเหล่านี้อาจ:
    ยึดมั่นกับความคุ้นเคย: พวกเขาถูกดึงดูดไปสู่ความปลอดภัยของสิ่งที่เป็นที่รู้จัก สิ่งที่คาดเดาได้ พวกเขาชอบความสะดวกสบายในการทํากิจวัตรประจําวันและความมั่นใจในการตรวจสอบสังคมมากกว่าความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกับการตั้งคําถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริง
    หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ: ยาสีน้ําเงินแสดงถึงการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความรู้ การที่จะมองโลกที่แท้จริงนั้นต้องมีการกระทํา มันต้องการการตอบสนอง ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินมักจะไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบนี้ แต่ชอบที่จะยังคงสังเกตการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง
    ใช้ชีวิตภายในขอบเขต: ผู้กินยาสีน้ําเงินอาศัยอยู่ในขอบเขตของระบบ ยอมรับข้อจํากัดที่กําหนดไว้กับพวกเขา พวกเขาไม่พยายามที่จะข้ามขอบเขตเหล่านี้ และพวกเขาไม่ต้องการที่จะสํารวจสิ่งที่อยู่เกินกว่านั้น ชีวิตของพวกเขาเป็นลักษณะที่สอดคล้องและยึดมั่นในคําเล่าที่ถูกกําหนดไว้
    ปฏิเสธการเรียกสู่การตื่นรู้: ทางเลือกของยาสีน้ําเงินคือการปฏิเสธการเรียกให้ตื่นรู้ มันเป็นการปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการเดินทางของการค้นพบตัวเอง เพื่อสํารวจความลึกลับที่ลึกซึ้งของชีวิต และเพื่อแสวงหาความจริงที่สูงขึ้น มันคือการปฏิเสธการแสวงหาทางจิตวิญญาณที่นําไปสู่การตรัสรู้
    ผลกระทบที่ลึกซึ้ง
    ทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดงไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในนิยาย แต่เป็นคําอุปมาสําหรับทางเลือกที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตของเรา เราเลือกที่จะนอนหลับ ยอมรับคําโกหกที่ปลอบโยนที่เราได้รับอาหาร หรือเราตื่นขึ้นมาในบางครั้งที่รุนแรง แต่ยังปลดปล่อยความจริง?
    ในปรัชญา Hermetic ทางเลือกนี้เป็นการตัดสินใจที่จะยังคงผูกพันกับโลกของวัตถุ ด้วยภาพลวงตาและสิ่งรบกวน หรือเพื่อแสวงหาความจริงของพระเจ้าซึ่งอยู่เหนือความคลุมหน้าของรูปลักษณ์ ยาสีน้ําเงินคือหนทางแห่งความไม่รู้ นําไปสู่ชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นผิว ที่ซึ่งคนเราถูกควบคุมโดยพลังภายนอก และไม่เคยรู้จักตัวเองหรือโลกอย่างแท้จริง
    สําหรับคนที่เลือกเม็ดสีฟ้า ชีวิตอาจจะดูง่ายขึ้น แต่มันคือชีวิตที่อยู่ในเงา ชีวิตที่แสงแห่งความเข้าใจที่แท้จริงไม่เคยแทรกซึม มันเป็นชีวิตของการเดินละเมอตลอดกาล ที่ซึ่งความลึกลับที่ลึกซึ้งของการดํารงอยู่ตลอดไป และที่ที่ที่วิญญาณยังคงติดอยู่ในคุกของเมทริกซ์
    สรุปแล้ว ยาสีน้ําเงินแสดงถึงมากกว่าทางเลือกง่าย ๆ — มันเป็นสัญลักษณ์ของการตัดสินใจที่จะยังคงอยู่ในความมืดมิด เพื่อยอมรับภาพลวงตา และปฏิเสธความจริงอันลึกซึ้งที่อยู่เหนือไป เป็นการตัดสินใจที่หลายคนตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยสติ หรือ ขาดสติ ทุกวัน แต่สําหรับผู้ที่กล้าที่จะกินยาแดง ผู้ที่เลือกที่จะตื่นรู้และมองโลกอย่างแท้จริง เส้นทางแห่งการค้นพบและการปลดปล่อยที่ลึกซึ้งรออยู่ ทางเลือกเป็นของเราเสมอ และในทางเลือกนั้นมีอํานาจที่จะสร้างความเป็นจริงของเรา
    เส้นที่มีชื่อเสียงของ Morpheus ใน The Matrix เกี่ยวกับยาสีน้ําเงินและยาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่ลึกซึ้งและลึกซึ้งกว่าที่แต่ละบุคคลเผชิญในชีวิต - ทางเลือกระหว่างความไม่รู้ที่สะดวกสบายกับความจริงที่ไม่สงบบ่อยครั้ง เมื่อ Morpheus เสนอทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดง เขาไม่ได้เป็นเพียงการเสนอวัตถุที่ง่าย ๆ สองอย่าง แต่สองเส้นทางของการดํารงอยู่ที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง คําของมอร์เฟียสเกี่ยวกับยาสีน้ําเงิน Morpheus กล่าวกับ Neo: "คุณกินยาสีฟ้า - เรื่องจบลง คุณตื่นขึ้นมาบนเตียงของคุณและเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการเชื่อ คุณกินยาสีแดง - คุณอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ และฉันแสดงให้คุณเห็นว่ารูกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน " ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสําคัญเพราะมันครอบคลุมแก่นแท้ของสภาพมนุษย์: ทางเลือกระหว่างที่เหลืออยู่ภายในขอบเขตของโลกมายา สิ่งหนึ่งที่สะดวกสบาย คุ้นเคย และดูเหมือนปลอดภัย หรือกล้าที่จะร่วมทุนกับสิ่งที่ไม่รู้จัก ที่ซึ่งความจริงไม่ว่ารุนแรงหรือท้าทายรอคอย ความสําคัญที่ลึกซึ้งของยาสีน้ําเงิน ยาสีน้ําเงินเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในเมทริกซ์ของภาพลวงตา — การสร้างการโกหก ความจริงครึ่งหนึ่ง และการหลอกลวงที่สร้างความรู้สึกผิด ๆ ของความปลอดภัย ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินด้วยความเต็มใจยอมรับความเป็นจริงที่นําเสนอต่อพวกเขา ชอบความสบายของความไม่รู้มากกว่าความไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นจากความจริง ยาสีน้ําเงินแสดงถึง: ความสบายเหนือความจริง: ยาสีน้ําเงินมอบชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวดจากการตั้งคําถามที่ท้าทายสถานะ มันช่วยให้คนเราอาศัยอยู่ในฟองสบู่ต่อไป ซึ่งความจริงที่ยากลําบากจะถูกหลีกเลี่ยง และความเป็นจริงที่น่าอึดอัดจะถูกยกเลิก มันเป็นเส้นทางที่ง่ายกว่า หนึ่งที่ลดความไม่เข้าใจทางความคิดและบุคคลสามารถอยู่ในสถานะของความไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข การส่งภาพลวงตา: การกินยาสีน้ําเงินเป็นรูปแบบของการยอมแพ้ เป็นการยอมรับของคําบอกเล่าที่ถูกบังคับโดยกองกําลังภายนอก ไม่ว่าจะเป็นบรรทัดฐานทางสังคม อิทธิพลทางสื่อ หรือวาระทางการเมือง มันหมายถึงการละทิ้งความเป็นอิสระของตนเองและเป็นการส่งไปยังการควบคุมของผู้ที่สร้างภาพลวงตา การปฏิเสธการเจริญเติบโต: การเลือกยาสีน้ําเงินเป็นการปฏิเสธการเจริญเติบโตส่วนบุคคลและทางจิตวิญญาณ การเติบโตมักจะผ่านการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ผ่านการตั้งคําถามกับโลกรอบตัวเรา และผ่านการกอดสิ่งที่ไม่รู้จัก ยาสีน้ําเงินในทางตรงกันข้ามคือการปฏิเสธการเดินทางนี้ - การปฏิเสธที่จะเติบโตเพื่อพัฒนาและแสวงหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการดํารงอยู่ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก: การตัดสินใจที่จะกินยาสีน้ําเงินมักถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัว - ความกลัวในสิ่งที่อยู่เหนือม่านแห่งภาพลวงตา ความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่อาจจะรุนแรง ไม่ให้อภัย หรือแตกต่างอย่างลึกซึ้งกับคําเล่าที่แสนสบายที่ถูกสร้างขึ้น ความกลัวนี้ทําให้คนเป็นอัมพาต ทําให้พวกเขาถูกขังไว้ในสถานะของความพอใจ ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงิน บุคคลที่เลือกเม็ดสีฟ้ามักจะเป็นคนที่พอใจกับระดับพื้นผิวของชีวิต พวกเขาอาจกลัวการหยุดชะงักของมุมมองโลกของพวกเขาหรือผลกระทบของการท้าทายความเชื่ออย่างลึกซึ้ง บุคคลเหล่านี้อาจ: ยึดมั่นกับความคุ้นเคย: พวกเขาถูกดึงดูดไปสู่ความปลอดภัยของสิ่งที่เป็นที่รู้จัก สิ่งที่คาดเดาได้ พวกเขาชอบความสะดวกสบายในการทํากิจวัตรประจําวันและความมั่นใจในการตรวจสอบสังคมมากกว่าความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกับการตั้งคําถามถึงธรรมชาติของความเป็นจริง หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ: ยาสีน้ําเงินแสดงถึงการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับความรู้ การที่จะมองโลกที่แท้จริงนั้นต้องมีการกระทํา มันต้องการการตอบสนอง ผู้ที่เลือกยาสีน้ําเงินมักจะไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบนี้ แต่ชอบที่จะยังคงสังเกตการณ์ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ใช้ชีวิตภายในขอบเขต: ผู้กินยาสีน้ําเงินอาศัยอยู่ในขอบเขตของระบบ ยอมรับข้อจํากัดที่กําหนดไว้กับพวกเขา พวกเขาไม่พยายามที่จะข้ามขอบเขตเหล่านี้ และพวกเขาไม่ต้องการที่จะสํารวจสิ่งที่อยู่เกินกว่านั้น ชีวิตของพวกเขาเป็นลักษณะที่สอดคล้องและยึดมั่นในคําเล่าที่ถูกกําหนดไว้ ปฏิเสธการเรียกสู่การตื่นรู้: ทางเลือกของยาสีน้ําเงินคือการปฏิเสธการเรียกให้ตื่นรู้ มันเป็นการปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการเดินทางของการค้นพบตัวเอง เพื่อสํารวจความลึกลับที่ลึกซึ้งของชีวิต และเพื่อแสวงหาความจริงที่สูงขึ้น มันคือการปฏิเสธการแสวงหาทางจิตวิญญาณที่นําไปสู่การตรัสรู้ ผลกระทบที่ลึกซึ้ง ทางเลือกระหว่างยาสีน้ําเงินและยาสีแดงไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในนิยาย แต่เป็นคําอุปมาสําหรับทางเลือกที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตของเรา เราเลือกที่จะนอนหลับ ยอมรับคําโกหกที่ปลอบโยนที่เราได้รับอาหาร หรือเราตื่นขึ้นมาในบางครั้งที่รุนแรง แต่ยังปลดปล่อยความจริง? ในปรัชญา Hermetic ทางเลือกนี้เป็นการตัดสินใจที่จะยังคงผูกพันกับโลกของวัตถุ ด้วยภาพลวงตาและสิ่งรบกวน หรือเพื่อแสวงหาความจริงของพระเจ้าซึ่งอยู่เหนือความคลุมหน้าของรูปลักษณ์ ยาสีน้ําเงินคือหนทางแห่งความไม่รู้ นําไปสู่ชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นผิว ที่ซึ่งคนเราถูกควบคุมโดยพลังภายนอก และไม่เคยรู้จักตัวเองหรือโลกอย่างแท้จริง สําหรับคนที่เลือกเม็ดสีฟ้า ชีวิตอาจจะดูง่ายขึ้น แต่มันคือชีวิตที่อยู่ในเงา ชีวิตที่แสงแห่งความเข้าใจที่แท้จริงไม่เคยแทรกซึม มันเป็นชีวิตของการเดินละเมอตลอดกาล ที่ซึ่งความลึกลับที่ลึกซึ้งของการดํารงอยู่ตลอดไป และที่ที่ที่วิญญาณยังคงติดอยู่ในคุกของเมทริกซ์ สรุปแล้ว ยาสีน้ําเงินแสดงถึงมากกว่าทางเลือกง่าย ๆ — มันเป็นสัญลักษณ์ของการตัดสินใจที่จะยังคงอยู่ในความมืดมิด เพื่อยอมรับภาพลวงตา และปฏิเสธความจริงอันลึกซึ้งที่อยู่เหนือไป เป็นการตัดสินใจที่หลายคนตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยสติ หรือ ขาดสติ ทุกวัน แต่สําหรับผู้ที่กล้าที่จะกินยาแดง ผู้ที่เลือกที่จะตื่นรู้และมองโลกอย่างแท้จริง เส้นทางแห่งการค้นพบและการปลดปล่อยที่ลึกซึ้งรออยู่ ทางเลือกเป็นของเราเสมอ และในทางเลือกนั้นมีอํานาจที่จะสร้างความเป็นจริงของเรา
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
    ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • #ถึงคราต้องเปิดใจทำไมต้องทำข่าวอิเหวิงกามิน
    พี่คิงส์ฯคิดว่ามีแฟนเพจจำนวนหนึ่งที่รู้สึกสงสัยว่าทำไมเพจคิงส์ฯถึงต้องนำเสนอเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา จุดยืนตามข้อความที่ปักหมูด
    นั่นคือ การยืนหยัดเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ
    เปิดเผยแนวคิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุก
    เราดำเนินการโดยไม่มีใครจ้าง ทำด้วยจิตวิญญาณของคนไทยที่รักประเทศชาติและห่วงใจพี่น้องชาวไทยอย่างแท้จริง
    แต่เพจคิงส์โพธิ์แดงก็ไม่เคยนำเสนอเรื่องน้องเน็กและกามินมาเลย มีแต่เพียงหยิบภาพมาแซวขำๆ ระหว่างเพจนี้ กับเพจ วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร
    แค่นั้น
    ..แต่กรณีนี้ กับเหตุการณ์ที่แปลสภาพจากกามิน เป็นกามิจ มันเป็นเรื่องสำคัญกว่าคำว่าข่าวดารา แจงให้เห็นภาพดังนี้
    1. เน็กชาลี นอกจากความเป็นดารา แต่น้องคือคนไทยคนหนึ่ง ที่มีจิตใจเมตตาเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ที่ชอบช่วยเหลือคน แต่ภาพที่กามินแสดงบนโลกตต. ที่เน็กและคนไทยอดสงสารไม่ได้คือ การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การไลฟ์หามรุ่งห้ามค่ำเพื่อหาทุนเรียนต่อ แล้วสุดท้าย กามิจเองก็ออกมายอมรับว่า ณ เวลานั้น มีเอเจนซี่ ที่ทำให้ตัวกามิจเองมีรายได้จากสติ๊กเกอร์เฉลี่ยวันละสองพันกว่าบาท นั่นหมายความว่า ซีนแรก กามิจและเอเจนซี่เกาหลีต้มเราจนเปื่อย แต่มันไม่จบแค่นั้น กามิจแสดงละครเรียกชาลีเข้าไลฟ์ตลอด แสดงแบ๊วๆ ตรงตามจริตคนไทยที่ชอบดูซีรี่เกาหลี ทั้งสงสารและเอ็นดู ก็กะจะช่วยส่งให้ได้เรียนตามฝันนั่นแหละ ดังนั้นนี่คือข้อแรก ที่ต้องแยกประเด็นให้ชัดว่า นี่คือสิ่งที่คนไทยต้องรู้ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจาก แก๊v คoล ที่คนไทยโดนกันทุกวัน แต่เปลี่ยนเป็นการทำให้สงสาร และส่งติ๊กเกอร์ทางตต. และดูดทรัยพ์คนไทยนี่แหละ
    2. เน็กชาลี แบกรับหลายอย่าง ทั้งความหวังของคนติดตาม และความคิดที่จะพยายามเปลี่ยน ทั้งๆที่รู้ว่าข้อเสียนั้นมากมาย ความดิบ ความสก็อยที่ตัวกามิจเองก็อยากแสดง แต่เน็กเตือนตลอดว่าอย่าทำ ไม่งั้นคนจะไม่รักคุณ ซึ่งเน็กเอง ก็เพิ่งมารู้ไม่นานนี้เองนะครับ ว่ากามิจมีเอเจนซี่ดูแล ตั้งแต่ก่อนที่จะมาไทย
    3. ในเมื่อความจริงปรากฏแบบนี้ ถ้าคุณรู้แบบที่พี่คิงส์รู้ จะไปบอกความจริงเพื่อเตือนคนไทยให้ระมัดระวัง ไม่กลายเป็นพลาดแบบเคสนี้ ซึ่งแน่นอน ถ้าคุณมีใจที่ห่วงคนอื่นเป็น คุณก็จะทำแบบพี่คิงส์
    4. กรณีที่หาว่าพี่คิงส์หวังเรียกยอดไลค์ อันนี้แปลว่าคุณไม่ได้ติดตามเพจนี้มาตั้งแต่ต้น เพจนี้ แม้มีคนติดตามอยู่แค่ครึ่งแสน แต่เราได้ผลิตคลิป และโพสต่างๆที่เป็นข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับคนไทย ยอดทะลุล้าน นับสิบๆคลิป และทะลุหลักแสนในอีกหลายแพลตฟอร์ม ดังนั้น เราไม่ได้รู้สึกกระหายสิ่งเหล่านี้ แม้แต่การผูกบัญชีรายได้กับแพลตฟอร์ม เรายังไม่ทำ เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนที่มีค่ากว่าเงิน
    5. มีคนคอมเม้นว่า พี่คิงส์ ให้หยุดทำข่าวเรื่องนี้เพราะจะทำให้ชาลีเจ็บ พี่คิงส์คิดว่า ตรรกะนี้ผิดเพี้ยนไปมาก คุณมาบอกให้เพจคิงส์ฯหยุดปกป้องคนถูกกระทำ ขอถามกลับว่า ทำไม่คุณไม่ไปบอกให้คนที่กระทำมันหยุดสร้างสตอรี่ทุกวี่วัน มาทำให้คนที่ยังไม่ตื่นรู้ยังหลง และซื้อติ๊กเกอร์ตต.ส่งให้มัน และทำไมคุณไม่คิดว่า สิ่งที่เพจคิงส์เปิดเผย มันคือสิ่งที่อาจจะอยู่ในใจของคนที่รู้ความจริง แต่เค้าพูดไม่ได้ล่ะ อันนี้ต้องกลับไปเรียงลำดับความคิดซะใหม่ เพราะสิ่งที่พี่คิงส์ทำคือการบอกถึงเล่ห์ที่ต่างชาติมองคนไทยเป็นแหล่งรายได้ ด้วยวิธีการที่เราเองก็ไม่เคยเจอมาก่อน และเราควรตั้งรับด้วยความรู้
    6. สำหรับท่านใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามา อาจเป็นแฟนคลับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เรียนด้วยความเคารพว่า เพจนี้ หากพบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราทำข่าวขยี้ทุกพรรค เพราะเพจเราไม่ได้เป็นเพจดาราที่ชี้แจงไปแล้วตั้งแต่ข้อ 1 แต่ถ้าท่านต้องการยืนอยู่ข้างความถูกต้องด้วยเหตุ ด้วยผล โดยไม่เอาวิญญาณไปผูกกับพรรคไหน ท่านจะได้รับความบันเทิงจากความจริงที่เพจนี้ได้นำมาเปิดเผย
    สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้น้องเน็ก ทำความดีต่อไป เป็นคนดีต่อไป อย่างน้อยเพจนี้ ก็เป็นตัวแทนของคนไทย ที่พร้อมปกป้องและยืนเคียงข้างคนดีอย่างเน็กชาลีเสมอ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ถึงคราต้องเปิดใจทำไมต้องทำข่าวอิเหวิงกามิน พี่คิงส์ฯคิดว่ามีแฟนเพจจำนวนหนึ่งที่รู้สึกสงสัยว่าทำไมเพจคิงส์ฯถึงต้องนำเสนอเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา จุดยืนตามข้อความที่ปักหมูด นั่นคือ การยืนหยัดเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ เปิดเผยแนวคิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุก เราดำเนินการโดยไม่มีใครจ้าง ทำด้วยจิตวิญญาณของคนไทยที่รักประเทศชาติและห่วงใจพี่น้องชาวไทยอย่างแท้จริง แต่เพจคิงส์โพธิ์แดงก็ไม่เคยนำเสนอเรื่องน้องเน็กและกามินมาเลย มีแต่เพียงหยิบภาพมาแซวขำๆ ระหว่างเพจนี้ กับเพจ วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร แค่นั้น ..แต่กรณีนี้ กับเหตุการณ์ที่แปลสภาพจากกามิน เป็นกามิจ มันเป็นเรื่องสำคัญกว่าคำว่าข่าวดารา แจงให้เห็นภาพดังนี้ 1. เน็กชาลี นอกจากความเป็นดารา แต่น้องคือคนไทยคนหนึ่ง ที่มีจิตใจเมตตาเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ที่ชอบช่วยเหลือคน แต่ภาพที่กามินแสดงบนโลกตต. ที่เน็กและคนไทยอดสงสารไม่ได้คือ การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การไลฟ์หามรุ่งห้ามค่ำเพื่อหาทุนเรียนต่อ แล้วสุดท้าย กามิจเองก็ออกมายอมรับว่า ณ เวลานั้น มีเอเจนซี่ ที่ทำให้ตัวกามิจเองมีรายได้จากสติ๊กเกอร์เฉลี่ยวันละสองพันกว่าบาท นั่นหมายความว่า ซีนแรก กามิจและเอเจนซี่เกาหลีต้มเราจนเปื่อย แต่มันไม่จบแค่นั้น กามิจแสดงละครเรียกชาลีเข้าไลฟ์ตลอด แสดงแบ๊วๆ ตรงตามจริตคนไทยที่ชอบดูซีรี่เกาหลี ทั้งสงสารและเอ็นดู ก็กะจะช่วยส่งให้ได้เรียนตามฝันนั่นแหละ ดังนั้นนี่คือข้อแรก ที่ต้องแยกประเด็นให้ชัดว่า นี่คือสิ่งที่คนไทยต้องรู้ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจาก แก๊v คoล ที่คนไทยโดนกันทุกวัน แต่เปลี่ยนเป็นการทำให้สงสาร และส่งติ๊กเกอร์ทางตต. และดูดทรัยพ์คนไทยนี่แหละ 2. เน็กชาลี แบกรับหลายอย่าง ทั้งความหวังของคนติดตาม และความคิดที่จะพยายามเปลี่ยน ทั้งๆที่รู้ว่าข้อเสียนั้นมากมาย ความดิบ ความสก็อยที่ตัวกามิจเองก็อยากแสดง แต่เน็กเตือนตลอดว่าอย่าทำ ไม่งั้นคนจะไม่รักคุณ ซึ่งเน็กเอง ก็เพิ่งมารู้ไม่นานนี้เองนะครับ ว่ากามิจมีเอเจนซี่ดูแล ตั้งแต่ก่อนที่จะมาไทย 3. ในเมื่อความจริงปรากฏแบบนี้ ถ้าคุณรู้แบบที่พี่คิงส์รู้ จะไปบอกความจริงเพื่อเตือนคนไทยให้ระมัดระวัง ไม่กลายเป็นพลาดแบบเคสนี้ ซึ่งแน่นอน ถ้าคุณมีใจที่ห่วงคนอื่นเป็น คุณก็จะทำแบบพี่คิงส์ 4. กรณีที่หาว่าพี่คิงส์หวังเรียกยอดไลค์ อันนี้แปลว่าคุณไม่ได้ติดตามเพจนี้มาตั้งแต่ต้น เพจนี้ แม้มีคนติดตามอยู่แค่ครึ่งแสน แต่เราได้ผลิตคลิป และโพสต่างๆที่เป็นข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับคนไทย ยอดทะลุล้าน นับสิบๆคลิป และทะลุหลักแสนในอีกหลายแพลตฟอร์ม ดังนั้น เราไม่ได้รู้สึกกระหายสิ่งเหล่านี้ แม้แต่การผูกบัญชีรายได้กับแพลตฟอร์ม เรายังไม่ทำ เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนที่มีค่ากว่าเงิน 5. มีคนคอมเม้นว่า พี่คิงส์ ให้หยุดทำข่าวเรื่องนี้เพราะจะทำให้ชาลีเจ็บ พี่คิงส์คิดว่า ตรรกะนี้ผิดเพี้ยนไปมาก คุณมาบอกให้เพจคิงส์ฯหยุดปกป้องคนถูกกระทำ ขอถามกลับว่า ทำไม่คุณไม่ไปบอกให้คนที่กระทำมันหยุดสร้างสตอรี่ทุกวี่วัน มาทำให้คนที่ยังไม่ตื่นรู้ยังหลง และซื้อติ๊กเกอร์ตต.ส่งให้มัน และทำไมคุณไม่คิดว่า สิ่งที่เพจคิงส์เปิดเผย มันคือสิ่งที่อาจจะอยู่ในใจของคนที่รู้ความจริง แต่เค้าพูดไม่ได้ล่ะ อันนี้ต้องกลับไปเรียงลำดับความคิดซะใหม่ เพราะสิ่งที่พี่คิงส์ทำคือการบอกถึงเล่ห์ที่ต่างชาติมองคนไทยเป็นแหล่งรายได้ ด้วยวิธีการที่เราเองก็ไม่เคยเจอมาก่อน และเราควรตั้งรับด้วยความรู้ 6. สำหรับท่านใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามา อาจเป็นแฟนคลับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เรียนด้วยความเคารพว่า เพจนี้ หากพบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราทำข่าวขยี้ทุกพรรค เพราะเพจเราไม่ได้เป็นเพจดาราที่ชี้แจงไปแล้วตั้งแต่ข้อ 1 แต่ถ้าท่านต้องการยืนอยู่ข้างความถูกต้องด้วยเหตุ ด้วยผล โดยไม่เอาวิญญาณไปผูกกับพรรคไหน ท่านจะได้รับความบันเทิงจากความจริงที่เพจนี้ได้นำมาเปิดเผย สุดท้าย ขอเป็นกำลังใจให้น้องเน็ก ทำความดีต่อไป เป็นคนดีต่อไป อย่างน้อยเพจนี้ ก็เป็นตัวแทนของคนไทย ที่พร้อมปกป้องและยืนเคียงข้างคนดีอย่างเน็กชาลีเสมอ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 945 Views 0 Reviews
More Results