• คนที่มีชีวิตที่สมบูรณ์
    มักจะไม่วิพากย์วิจารณ์
    หรือก้าวก่ายชีวิตของคนอื่น

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    คนที่มีชีวิตที่สมบูรณ์ มักจะไม่วิพากย์วิจารณ์ หรือก้าวก่ายชีวิตของคนอื่น จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • เว้นระยะห่าง
    กับคนที่ไม่ชอบ
    และไม่มีความจำเป็น
    ที่จะต้องพยายาม
    ทำให้เขาหันมาชอบ

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    เว้นระยะห่าง กับคนที่ไม่ชอบ และไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องพยายาม ทำให้เขาหันมาชอบ จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแค่ไม่ถอดใจ
    วันที่สดใสของเรา
    ย่อมมาถึงอย่างแน่นอน

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    ขอแค่ไม่ถอดใจ วันที่สดใสของเรา ย่อมมาถึงอย่างแน่นอน จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวะพร้อม
    ของทุกคนไม่เท่ากัน

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    จังหวะพร้อม ของทุกคนไม่เท่ากัน จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้าก็หยุดพัก
    ใคาไหวปล่อยเขาไปก่อน

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    ล้าก็หยุดพัก ใคาไหวปล่อยเขาไปก่อน จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งใช้ชีวิตอย่าง
    จริงจังเท่าไหร่
    ก็จะยิ่งลำบาก
    กับการใช้ชีวิต
    มากขึ้นเท่านั้น

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    ยิ่งใช้ชีวิตอย่าง จริงจังเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลำบาก กับการใช้ชีวิต มากขึ้นเท่านั้น จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • การขอความช่วยเหลือ
    ไม่ใช่ความอ่อนแอ
    แต่แสดงถึงความตั้งใจ
    ที่จะหาทางแก้ไข

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    การขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่แสดงถึงความตั้งใจ ที่จะหาทางแก้ไข จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าหนีจากชีวิต
    และความรู้สึก
    ของตัวเอง

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    อย่าหนีจากชีวิต และความรู้สึก ของตัวเอง จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพราะโลกใจร้าย
    กับการ"หลีกหนี"มากไป
    ทุกคนจึงติดนิสัย
    "ไม่กล้าหลีกหนี"จนเกินไป

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    เพราะโลกใจร้าย กับการ"หลีกหนี"มากไป ทุกคนจึงติดนิสัย "ไม่กล้าหลีกหนี"จนเกินไป จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • จงใส่ใจตัวเอง
    เป็นอันดับแรก

    จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    จงใส่ใจตัวเอง เป็นอันดับแรก จากหนังสือ |จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จิตวิทยาสบายใจใช้ชีวิตในแบบตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    หลายวันมานี้
    ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป
    เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป

    อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป

    ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว...

    ....................

    ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น
    ในต้นฤดูร้อนแบบนี้

    ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน

    แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย
    สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว

    บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น...

    ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว

    ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน...

    ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น
    ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน....

    ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน

    อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก

    ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม

    "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม

    ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก...

    ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร

    บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง

    ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม

    หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น...

    ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ

    ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย
    ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้

    ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง

    ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ

    ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่

    ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่
    ในความคิดตอนนั้น...

    ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้

    ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น

    บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....?

    ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว
    ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา

    จวบจนความมืดมาเยือน...
    คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด..

    ...............

    ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด
    นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ...
    จนฟ้าสว่าง....

    ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม...

    อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!!

    ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น

    ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร

    ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน

    ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่....

    ไม่มีเสียงนก
    "มันคงยังไม่ตื่น.."
    ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว...

    ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม....

    ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน
    มือไวเท่าความคิด !!!!

    ผมทลายกับดักผมทันที
    หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก...

    มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น

    ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ
    ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก....

    ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา...

    .......................

    ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว

    ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ...
    .
    .
    .
    ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย....

    .........................

    "กับดัก"
    เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ
    ' ล ม ห ว น '
    สมัยที่ผมยังเด็ก... หลายวันมานี้ ความเย็นของอากาศยามเช้าเริ่มหายไป เป็นสัญญานว่าฤดูหนาวกำลังจากไป อากาศยามเช้าเริ่มร้อนมากขึ้น และมันคงจะทวีความร้อนแรง มากขึ้นไป ฤดูร้อน....เดินทางมาถึงแล้ว... .................... ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้น ในต้นฤดูร้อนแบบนี้ ตลิ่งริมแม่นำ้โขง ที่แม่บ้านเคยลงไปปลูกหอม กระเทียม คะน้า ก็เริ่มจะทิ้งร้าง อาจจะมีก็เพียง ต้นมะเขือที่เจริญเติบโตมาจาก แม่บ้านมักจะโยน มะเขือเน่าๆ ออกไปทางหน้าต่างครัว พอได้นำ้ได้แดด ก็เติบโต ออกผลให้ได้พอเก็บกิน แปลงปลูกผักคงเหลือแต่ต้นข้าวโพด ที่หักฝักแล้ว ยืนต้นตาย สุมทุมพุ่มไม้ วัชพืชต่างๆ ต่างแย่งขึ้นกัน จนสูงท่วมหัว บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะไปนั่งเล่น ดูนก ดูไม้ไปเรื่อย ผมสังเกตเห็นนกกระจอกบ้าน ตัวเล็กๆ มันมักจะมาส่งทะเลาะกัน เสียงดัง โวยวาย แย่งเศษเมล็ดข้าวโพดที่แห้งคาต้น... ผมเกิดความคิดแว่บหนึ่งขึ้นมาในหัว ผมอยากจะจับนกพวกนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้าน... ผมเริ่มคิดวิธีการที่จะจับนกเหล่านั้น ผมคิดอยู่หลายวิธี และหลายวัน จนผมได้วิธีการที่คิดว่า จับนกได้แน่นอน.... ผมเห็นพื้นที่ว่าง ข้างๆ บาร์ปริ้นซ์ (บาร์ปริ๊นซ์ ปัจจุบันคือ ร้านสุขโขสโมสร) จะมีกองอิฐแดง ที่มีคนทิ้งไว้หลายก้อน อิฐแดงสมัยก่อนนั้น ก้อนจะมีขนาดใหญ่กว่าอิฐแดงปัจจุบันมากนัก เรียกว่าแต่ละก้อน ความยาวเกือบๆ ฟุตเลยทีเดียว ทั้งหนาทั้งหนัก ผมสังเกตดูว่าอิฐแดงนี้ไม่น่าจะมีเจ้าของ เพราะมันถูกทิ้งไว้นานแล้ว คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มทะยอย ขนอิฐแดง 4-5 ก้อน มาเก็บไว้ "บ้านผี" ข้างบ้านผม "บ้านผี" ที่ว่านี้ อยู่ติดกับบาร์ปริ้นซ์ ด้านทิศใต้ ซึ่งผนังด้านหนึ่งของบ้านผีนี้ ติดกับบ้านของผม ที่ผมเรียกบ้านผี เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้าง ผมกับพี่น้องมักจะเอาตาแนบกับรอยแตก บนผนังไม้ เพื่อดูว่าในบ้านมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร เรียกกันไปตามจินตนาการแห่งวัยเด็ก... ผมขนมากองหน้าบ้านผี จนหาเวลาเหมาะๆ ช่วงที่อาม่า แม่ แม่บ้าน ไม่ทันสังเกต ผมเริ่มทะยอยขนอิฐแดงนี้ ลงไปชั้นล่างของบ้าน คือแถวๆครัว ตรงห้องเก็บเครื่องมือและผลผลิตทางการเกษตร บ้านของผมนั้น จะมีประตูแนวราบ ที่เปิดขึ้นเพื้อลงไปสู่ตลิ่ง ด้านล่าง ผมทะยอยขนก้อนอิฐลงไปที่แปลงผักทิ้งร้าง ผมเลือกเอาชัยภูมิเหมาะๆ สำหรับตั้ง "กับดักนกกระจอกบ้าน" ของผม หลายๆวันที่ผมเฝ้าดูพฤติกรรมของนกว่าจะลงมาจิกกินเศษข้าวโพด ตรงไหน บริเวณไหนที่นกลงมากที่สุด ผมจะเริ่มตรงนั้น... ผมเริ่มใช้อิฐแดง วางสันด้านยาวไปบนพื้นดิน โดยเรียงเหมือนคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านหนึ่งของด้านสี่เหลี่ยมนี้ ผมใช้อิฐแดงอีกก้อนวางพาดให้เป็นทรงหมาแหงน และแน่นอน ผมได้เตรียมไ้่ม้ไผ่ ที่เหลาแบนๆ ที่ใช้สานเพื่อทำภาชนะบรรจุถ่านไม้ ที่แม่ผม พาเรียกว่า "กระทอถ่าน" ลงมาด้วย ผมใช้ไม่ไผ่นี้เป็นตัวคำ้อิฐก้อนนี้ไว้ ผมกลับขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ แล้วกลับลงมาด้วยของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ผมเอากาวลาเท็กซ์ ลงมา พร้อมกับข้าวสาร1กำมือน้อยๆ ผมใช้กาวลาเท็กซ์ ทาที่ไม้ไผ่แบนๆด้านที่เปิดออกไปหานก แล้วผมเอาข้าวสาร มาโรยบนไม้ไผ่ ไม่นาน ข้าวสาร จำนวนหนึ่งก็ติดบนไม้ไผ่ ในความคิดตอนนั้น... ถ้านกลงมาหาของกิน พอมันเห็นข้าวสารที่ติดบนไม้ไผ่ มันจะต้องจิกแต่ข้าวสารนั้นถูกติดกาวไว้ มันต้องออกแรงจิก พอมันจิกแรงๆเข้า ไม้ไผ่ที่คำ้อิฐก็จะล้ม อิฐก็จะลงมาปิดคอกที่ผมสร้างไว้ ผมตระเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ในช่วงสายของวันนั้น บ่ายวันนั้นทั้งวัน ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากลงไปเฝ้าดูห่างๆว่าอิฐก้อนนั้นมันปิดลงมาหรือยัง ....? ผมเฝ้าอยู่ จนเย็น ก็ต้องขึ้นบ้าน เพราะอาม่า ตามตัวแล้ว ผมอาบนำ้ทานข้าวเย็นด้วยใจที่พะวงไปถึงกับดักผม ตลอดเวลา จวบจนความมืดมาเยือน... คืนนั้น ผมหลับไปด้วยหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด.. ............... ผมตื่นแต่เช้าก่อนฟ้าสาง บรรยากาศรอบตัวยังเต็มไปด้วยความมืด นอนรอเวลาฟ้าสว่างด้วยใจจดจ่อ... จนฟ้าสว่าง.... ผมแอบลงไปส่องดูตรงกับดักของผม... อิฐก้อนบน ถูกปิดลงมาแล้ว....!!!!! ทั้งดีใจระคนตื่นเต้น ว่าจะมีนกกี่ตัวในนั้น ผมรอจน กินข้าวเช้าแล้ว ซึ่งปกติ ผมจะออกไปวิ่งเล่น อาม่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมแอบลงไปที่วางกับดัก พร้อมกับ ตะกร้าพลาสติกมีตาถี่และฝาปิด นัยว่าจะได้เอานกใส่ตะกร้านี้ ขึ้นบ้าน ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่กับดักผมพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว หูก็คอยฟังเสียงนกในกับดัก แต่.... ไม่มีเสียงนก "มันคงยังไม่ตื่น.." ในใจก็คิดไปต่างๆนานา แต่ที่แน่นอนคือ วันนี้ได้เลี้ยงนกแน่นอนแล้ว... ผมค่อยๆขยับอิฐให้เป็นช่อง แล้วล้วงมือลงไปในกับดักอิฐแดงของผม.... ผมสัมผัสอะไรบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่นก แน่นอน มือไวเท่าความคิด !!!! ผมทลายกับดักผมทันที หนูตัวเขื่องพุ่งสวนออกจากกับดัก... มันคงเข้าไปหาเศษอาหาร หรือข้าวสารกิน เลยติดกับดักนั้น ผมทิ้งตัวลงนั้นกับพื้นดินริมตลิ่ง จนคลายความตกใจ ผมค่อยๆกลับขึ้นบ้าน พร้อมกับล้างเท้าเอาเศษดินออก.... ผมเริ่มต้นฤดูร้อนในปีนั้นด้วยความตื่นเต้น และมันกลายเป็นความทรงจำ ที่ตรึงอยู่ในใจของผม ตั้งแต่นั้น...เป็นต้นมา... ....................... ทุกๆครั้งที่ผมผ่านไปที่ตลิ่งริมแม่นำ้ มองเห็นแปลงผักรกร้าง วัชพืชสูงท่วมหัว ผมมักจะคิดถึงฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตในวัยเด็กของผมอยู่เสมอ... . . . ฤดูร้อนและความสนุกของชีวิตวัยเด็ก ที่ไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย.... ......................... "กับดัก" เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 5 มีนาคม 2560 ที่เพจ ' ล ม ห ว น '
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ประกาศยกเลิกการเปิดตัว GPU Falcon Shores สำหรับงาน AI และ HPC โดยจะใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับรุ่นต่อไปที่ชื่อว่า Jaguar Shores แทน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาด้านซอฟต์แวร์ที่ทำให้ Gaudi 3 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ AI ของ Intel มีการใช้งานจำกัด

    Michelle Johnston Holthaus รักษาการ CEO ของ Intel กล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากความคิดเห็นของอุตสาหกรรม และ Falcon Shores จะถูกใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ Jaguar Shores แทน

    Falcon Shores ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ AI และ HPC ของ Intel แต่ Intel ตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เชิงพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท

    Falcon Shores เป็นการออกแบบแบบ multi-chiplet ที่มี Xe-HPC GPU chiplets สำหรับงาน AI และ HPC ที่มีการประมวลผลแบบขนานสูง การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Intel ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI และ HPC ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-cancels-falcon-shores-gpu-for-ai-workloads-jaguar-shores-to-be-successor
    Intel ได้ประกาศยกเลิกการเปิดตัว GPU Falcon Shores สำหรับงาน AI และ HPC โดยจะใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับรุ่นต่อไปที่ชื่อว่า Jaguar Shores แทน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาด้านซอฟต์แวร์ที่ทำให้ Gaudi 3 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ AI ของ Intel มีการใช้งานจำกัด Michelle Johnston Holthaus รักษาการ CEO ของ Intel กล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากความคิดเห็นของอุตสาหกรรม และ Falcon Shores จะถูกใช้เป็นชิปทดสอบภายในเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ Jaguar Shores แทน Falcon Shores ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์ AI และ HPC ของ Intel แต่ Intel ตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เชิงพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท Falcon Shores เป็นการออกแบบแบบ multi-chiplet ที่มี Xe-HPC GPU chiplets สำหรับงาน AI และ HPC ที่มีการประมวลผลแบบขนานสูง การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Intel ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI และ HPC ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-cancels-falcon-shores-gpu-for-ai-workloads-jaguar-shores-to-be-successor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ (US Copyright Office) ประกาศว่าเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์จะไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์เลย การตัดสินใจนี้มีผลกระทบต่อภาพยนตร์และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยกเว้นในกรณีที่เครื่องมือ AI ถูกใช้เพื่อพัฒนางานที่มีอยู่ก่อนแล้ว

    สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานฉบับที่สองเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นที่ระดับการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในงานที่สร้างโดย AI ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตัดสินว่าลิขสิทธิ์สามารถนำไปใช้กับงานเหล่านั้นได้หรือไม่ รายงานระบุว่าการใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสร้างสรรค์ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม

    นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความคิดเห็นจากสมาคมภาพยนตร์และองค์กรการค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ระบบ AI ในการปรับอายุของนักแสดง การลบวัตถุออกจากฉาก และอื่นๆ การใช้ AI ในลักษณะนี้ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม

    การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยและเหมาะสมกับยุคของปัญญาประดิษฐ์ โดยมีการเรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ รายงานฉบับแรกที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคมได้เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหา deepfake และรายงานฉบับที่สามที่จะเผยแพร่ในอนาคตจะเน้นที่การฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดล AI โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

    การบันทึกขั้นตอนการทำงานของคุณกับ AI เป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการยืนยันว่ามีการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในกระบวนการสร้างเนื้อหา

    https://www.techspot.com/news/106562-us-copyright-office-rules-out-copyright-ai-created.html
    สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ (US Copyright Office) ประกาศว่าเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์จะไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์เลย การตัดสินใจนี้มีผลกระทบต่อภาพยนตร์และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยกเว้นในกรณีที่เครื่องมือ AI ถูกใช้เพื่อพัฒนางานที่มีอยู่ก่อนแล้ว สำนักงานลิขสิทธิ์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานฉบับที่สองเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นที่ระดับการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในงานที่สร้างโดย AI ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตัดสินว่าลิขสิทธิ์สามารถนำไปใช้กับงานเหล่านั้นได้หรือไม่ รายงานระบุว่าการใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการสร้างสรรค์ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความคิดเห็นจากสมาคมภาพยนตร์และองค์กรการค้าอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ระบบ AI ในการปรับอายุของนักแสดง การลบวัตถุออกจากฉาก และอื่นๆ การใช้ AI ในลักษณะนี้ไม่จำกัดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่การใช้ AI เพื่อสร้างงานที่มีการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ต้องการการวิเคราะห์เพิ่มเติม การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยและเหมาะสมกับยุคของปัญญาประดิษฐ์ โดยมีการเรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ รายงานฉบับแรกที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคมได้เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับปัญหา deepfake และรายงานฉบับที่สามที่จะเผยแพร่ในอนาคตจะเน้นที่การฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดล AI โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ การบันทึกขั้นตอนการทำงานของคุณกับ AI เป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการยืนยันว่ามีการมีส่วนร่วมของมนุษย์ในกระบวนการสร้างเนื้อหา https://www.techspot.com/news/106562-us-copyright-office-rules-out-copyright-ai-created.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Copyright Office rules out copyright for AI created content without human input
    Movies and other complex works created through AI means cannot be copyrighted, except when these AI tools are used to further develop pre-existing content. The US Copyright...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในรูปแบบของแชทบอทที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ได้อย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 เด็กชายอายุ 14 ปีในฟลอริดาได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแชทบอทที่มีลักษณะเหมือนจริง และในที่สุดเขาก็ยิงตัวเองเสียชีวิตในห้องน้ำของเขาเอง เรื่องนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของ AI ต่อสุขภาพจิตของผู้คน

    นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น ชายชาวเบลเยียมที่ฆ่าตัวตายหลังจากแชทบอทกระตุ้นความคิดที่มืดมนเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศ และวัยรุ่นในเท็กซัสที่ถูกแชทบอทกระตุ้นให้ทำร้ายตัวเองและแม่ของเขา

    AI ยังมีผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างภาพลวงตา (deepfake) ที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งและทำลายชื่อเสียงของผู้คน ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงอายุ 14 ปีในปี 2024 ที่ถูกกลั่นแกล้งจนฆ่าตัวตายหลังจากเพื่อนร่วมชั้นสร้างภาพลวงตาเปลือยของเธอ

    การใช้ AI ในสังคมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้ใช้งาน ChatGPT มากกว่า 200 ล้านคนต่อสัปดาห์ และ Meta AI มีผู้ใช้งานเกือบ 500 ล้านคนต่อเดือน. การเติบโตนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ และมีการเรียกร้องให้มีการตั้งกฎระเบียบเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของผู้คน เช่น การติดป้ายเตือนทางจิตวิทยา การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพจิต และการยืนยันอายุสำหรับผู้เยาว์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/opinion-chatbots-arent-just-harmless-fun-artificial-intelligence-is-already-killing-kids
    ข่าวนี้เล่าถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในรูปแบบของแชทบอทที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ได้อย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 เด็กชายอายุ 14 ปีในฟลอริดาได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแชทบอทที่มีลักษณะเหมือนจริง และในที่สุดเขาก็ยิงตัวเองเสียชีวิตในห้องน้ำของเขาเอง เรื่องนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของ AI ต่อสุขภาพจิตของผู้คน นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น ชายชาวเบลเยียมที่ฆ่าตัวตายหลังจากแชทบอทกระตุ้นความคิดที่มืดมนเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศ และวัยรุ่นในเท็กซัสที่ถูกแชทบอทกระตุ้นให้ทำร้ายตัวเองและแม่ของเขา AI ยังมีผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างภาพลวงตา (deepfake) ที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งและทำลายชื่อเสียงของผู้คน ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงอายุ 14 ปีในปี 2024 ที่ถูกกลั่นแกล้งจนฆ่าตัวตายหลังจากเพื่อนร่วมชั้นสร้างภาพลวงตาเปลือยของเธอ การใช้ AI ในสังคมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้ใช้งาน ChatGPT มากกว่า 200 ล้านคนต่อสัปดาห์ และ Meta AI มีผู้ใช้งานเกือบ 500 ล้านคนต่อเดือน. การเติบโตนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ และมีการเรียกร้องให้มีการตั้งกฎระเบียบเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของผู้คน เช่น การติดป้ายเตือนทางจิตวิทยา การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพจิต และการยืนยันอายุสำหรับผู้เยาว์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/opinion-chatbots-arent-just-harmless-fun-artificial-intelligence-is-already-killing-kids
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Chatbots aren’t just harmless fun. Artificial intelligence is already killing kids
    It’s critical to understand how readily accessible these bots are. With the proliferation of AI, anyone with Internet access can talk to a fake 'companion.'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • โกโก้ป๋า

    วัตถุประสงค์

    เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป

    ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้

    ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม

    ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้

    ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท

    BELIEVE THE TRUTH

    ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ

    AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY

    หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ
    นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน"

    ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2

    การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล
    การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา

    เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์
    นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้

    ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ

    ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30
    การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส
    หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ

    Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง

    การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน "

    Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์"

    "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ "

    American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org

    และเพิ่งระลึกไว้ว่า

    เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย

    Cr. Santi Manadee
    โกโก้ป๋า วัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้ ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้ ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท BELIEVE THE TRUTH ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน" ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้ ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30 การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน " Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์" "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ " American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org และเพิ่งระลึกไว้ว่า เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน
    .
    เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย
    .
    ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ
    .
    1. ความรับผิดชอบ
    2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
    3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ
    .
    ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้
    ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์
    ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด
    ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ)
    ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร
    ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้
    ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People)
    .
    มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป
    .
    สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ
    ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน
    ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
    ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน
    ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น
    ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
    ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน
    ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก
    ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door)
    ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข
    ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
    ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ
    ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี
    .
    ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน
    .
    มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน!
    .
    ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand
    #PfizerThailand #ไฟเซอร์
    #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์
    [PR NEWS]
    การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน . เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย . ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ . 1. ความรับผิดชอบ 2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม 3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ . ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้ ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์ ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ) ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People) . มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป . สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door) ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี . ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน . มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน! . ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand #PfizerThailand #ไฟเซอร์ #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์ [PR NEWS]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังตรวจสอบว่า DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลของ OpenAI อย่างผิดกฎหมายเพื่อฝึกโมเดล AI ของตนหรือไม่ มีรายงานว่า Microsoft และ OpenAI ได้เริ่มการสอบสวนร่วมกันหลังจากที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ Microsoft พบว่ากลุ่มที่เชื่อมโยงกับ DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลจำนวนมากผ่าน API ของ OpenAI

    แม้ว่าผู้พัฒนาสามารถจ่ายเงินเพื่อใช้ข้อมูลนี้ในแอปพลิเคชันของตนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ Microsoft สงสัยว่าการกระทำของ DeepSeek อาจละเมิดข้อกำหนดการให้บริการของ OpenAI การสอบสวนนี้เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว และขณะนี้กำลังถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น

    โฆษกของ OpenAI ปฏิเสธที่จะยืนยันการขโมยข้อมูล แต่กล่าวว่าบริษัทใช้มาตรการป้องกันที่ทันสมัยเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของตน นอกจากนี้ OpenAI ยังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้โมเดล AI ของตนตกไปอยู่ในมือของศัตรูและคู่แข่งจากต่างประเทศ

    David Sacks, ผู้ดูแลด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาว, กล่าวว่ามี "หลักฐานที่ชัดเจน" ว่า DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลของ OpenAI อย่างไม่ถูกต้องและอาจผิดกฎหมาย Microsoft ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ขณะที่ DeepSeek ไม่สามารถติดต่อได้เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อขัดแย้งนี้

    https://www.techspot.com/news/106551-microsoft-investigating-if-deepseek-illegally-accessed-openai-data.html
    Microsoft กำลังตรวจสอบว่า DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลของ OpenAI อย่างผิดกฎหมายเพื่อฝึกโมเดล AI ของตนหรือไม่ มีรายงานว่า Microsoft และ OpenAI ได้เริ่มการสอบสวนร่วมกันหลังจากที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ Microsoft พบว่ากลุ่มที่เชื่อมโยงกับ DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลจำนวนมากผ่าน API ของ OpenAI แม้ว่าผู้พัฒนาสามารถจ่ายเงินเพื่อใช้ข้อมูลนี้ในแอปพลิเคชันของตนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ Microsoft สงสัยว่าการกระทำของ DeepSeek อาจละเมิดข้อกำหนดการให้บริการของ OpenAI การสอบสวนนี้เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว และขณะนี้กำลังถูกพิจารณาว่าเป็นการละเมิดข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น โฆษกของ OpenAI ปฏิเสธที่จะยืนยันการขโมยข้อมูล แต่กล่าวว่าบริษัทใช้มาตรการป้องกันที่ทันสมัยเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของตน นอกจากนี้ OpenAI ยังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อป้องกันไม่ให้โมเดล AI ของตนตกไปอยู่ในมือของศัตรูและคู่แข่งจากต่างประเทศ David Sacks, ผู้ดูแลด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาว, กล่าวว่ามี "หลักฐานที่ชัดเจน" ว่า DeepSeek ได้เข้าถึงข้อมูลของ OpenAI อย่างไม่ถูกต้องและอาจผิดกฎหมาย Microsoft ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ขณะที่ DeepSeek ไม่สามารถติดต่อได้เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อขัดแย้งนี้ https://www.techspot.com/news/106551-microsoft-investigating-if-deepseek-illegally-accessed-openai-data.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft is investigating if DeepSeek illegally accessed OpenAI data to train its AI model
    According to unnamed sources cited by Bloomberg, the probe started last fall after Microsoft's security researchers discovered that a group linked to DeepSeek had accessed a large...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถาม: โรงเรียนมีจดหมาย แจ้ง เชิญชวน ให้ลูกสาวฉีด วซ ป้องกัน HPV จำเป็นหรือไม่?

    ตอบ: อ่านข้อมูลให้รอบด้าน แล้วชั่งใจเองว่าคุ้มกับความเสี่ยงมั้ย?

    ข่าวเรื่องญี่ปุ่นประกาศไม่แนะนำว่าต้องฉีด HPV Vaccine หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556)
    http://sanevax.org/breaking-news-japan-and-hpv-vaccines/
    http://sanevax.org/hpv-vaccines-japan-requires-disclosure-of-side-effects/
    ข่าวเกี่ยวกับความกังวลของชาวสหรัฐต่อ HPV Vaccine ก็หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556)
    http://www.drugs.com/news/citing-japan-pulls-recommendations-hpv-vaccines-45158.html
    http://www.pharmalive.com/parental-fears-toward-hpv-vaccines-growing
    ส่วนอันนี้เป็นบทความทางวิชาการที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ที่ไม่ต้องการฉีด HPV Vaccine ในสหรัฐครับ(เข้าถึงเมื่อ 11 กันยายน 2556)
    http://pediatrics.aappublications.org/content/early/2013/03/12/peds.2012-2384.abstract
    https://www.facebook.com/share/p/1D2n5ZH5n2/

    ลูกดับ หลังโรงเรียนพาหมอมาฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV)
    ตรึกตรองให้จงดี ความรู้คือเกราะป้องกัน
    ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวครับ
    https://t.me/ThChildJabVictems/1537

    คลิปการสัมภาษณ์ ดร. เชอรรี่ เทนเพนนี่ เรื่องวัคซีน HPV & วัคซีนในเด็ก
    คลิป 4 นาทีอธิบายเรื่องการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ : https://vt.tiktok.com/ZSYCGuqoM/
    เนื้อหาเรื่องวัคซีน HPV & เด็ก
    - กลโกงในการทดสอบความปลอดภัย
    - สารเคมี ในวัคซีน
    - ผลข้างเคียง
    - ประสิทธิผลของวัคซีน HPV
    - ลำดับการป่วย | ปัจจัยความเสี่ยง | วิธีป้องกัน/รักษามะเร็งปากมดลูก
    - วัคซีนในเด็ก & การดีท็อกซ์
    - Homeopathy | Borax | CDS
    ท่านสามารถชมคลิปได้ที่ :https://www.rookon.com/?p=1173
    ขอบคุณครับ 🙏🏼
    https://www.facebook.com/share/v/KfmPF1N9zLio9CCJ/?mibextid=oFDknk
    https://www.rookon.com/?p=1173
    https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=h79pFPh_nCdXBQqaPljyYg&s=19
    ถาม: โรงเรียนมีจดหมาย แจ้ง เชิญชวน ให้ลูกสาวฉีด วซ ป้องกัน HPV จำเป็นหรือไม่? ตอบ: อ่านข้อมูลให้รอบด้าน แล้วชั่งใจเองว่าคุ้มกับความเสี่ยงมั้ย? ข่าวเรื่องญี่ปุ่นประกาศไม่แนะนำว่าต้องฉีด HPV Vaccine หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556) http://sanevax.org/breaking-news-japan-and-hpv-vaccines/ http://sanevax.org/hpv-vaccines-japan-requires-disclosure-of-side-effects/ ข่าวเกี่ยวกับความกังวลของชาวสหรัฐต่อ HPV Vaccine ก็หาอ่านได้ที่นี่ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556) http://www.drugs.com/news/citing-japan-pulls-recommendations-hpv-vaccines-45158.html http://www.pharmalive.com/parental-fears-toward-hpv-vaccines-growing ส่วนอันนี้เป็นบทความทางวิชาการที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ที่ไม่ต้องการฉีด HPV Vaccine ในสหรัฐครับ(เข้าถึงเมื่อ 11 กันยายน 2556) http://pediatrics.aappublications.org/content/early/2013/03/12/peds.2012-2384.abstract https://www.facebook.com/share/p/1D2n5ZH5n2/ ลูกดับ หลังโรงเรียนพาหมอมาฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV) ตรึกตรองให้จงดี ความรู้คือเกราะป้องกัน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวครับ https://t.me/ThChildJabVictems/1537 คลิปการสัมภาษณ์ ดร. เชอรรี่ เทนเพนนี่ เรื่องวัคซีน HPV & วัคซีนในเด็ก คลิป 4 นาทีอธิบายเรื่องการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ : https://vt.tiktok.com/ZSYCGuqoM/ เนื้อหาเรื่องวัคซีน HPV & เด็ก - กลโกงในการทดสอบความปลอดภัย - สารเคมี ในวัคซีน - ผลข้างเคียง - ประสิทธิผลของวัคซีน HPV - ลำดับการป่วย | ปัจจัยความเสี่ยง | วิธีป้องกัน/รักษามะเร็งปากมดลูก - วัคซีนในเด็ก & การดีท็อกซ์ - Homeopathy | Borax | CDS ท่านสามารถชมคลิปได้ที่ :https://www.rookon.com/?p=1173 ขอบคุณครับ 🙏🏼 https://www.facebook.com/share/v/KfmPF1N9zLio9CCJ/?mibextid=oFDknk https://www.rookon.com/?p=1173 https://x.com/Thaipithaksith/status/1816343960094400787?t=h79pFPh_nCdXBQqaPljyYg&s=19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • แค่เรียนรู้
    ไม่สู้ทำจนเคยชิน

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    แค่เรียนรู้ ไม่สู้ทำจนเคยชิน จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราจะประสบ
    ความสำเร็จ
    ก็ต่อเมื่อเรารู้จัก
    ความยืดหยุ่น

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    เราจะประสบ ความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อเรารู้จัก ความยืดหยุ่น จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอกาสใหม่ๆ
    ไม่มีทางเข้าหา
    คนที่ไม่กล้าลงมือทำ
    และคิดลบกับทุกเรื่อง

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    โอกาสใหม่ๆ ไม่มีทางเข้าหา คนที่ไม่กล้าลงมือทำ และคิดลบกับทุกเรื่อง จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราสามารถ
    ทำไปคิดไปได้

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    เราสามารถ ทำไปคิดไปได้ จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าอ่านแล้วไม่ทำ
    20นาทีผ่านไป
    เราก็จะลืม

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    ถ้าอ่านแล้วไม่ทำ 20นาทีผ่านไป เราก็จะลืม จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลลัพธ์จะเกิดขึ้น
    เมื่อเราลงมือทำเท่านั้น

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    ผลลัพธ์จะเกิดขึ้น เมื่อเราลงมือทำเท่านั้น จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไปก่อน
    เดี๋ยวดีเอง

    จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    ทำไปก่อน เดี๋ยวดีเอง จากหนังสือ |คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #คนชนะทำแล้วแก้คนแพ้มัวแต่คิดไม่ได้ทำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts