• NVIDIA จับมือ TSMC ใช้เทคโนโลยี A16 สำหรับ GPU รุ่น Feynman

    รายงานล่าสุดเผยว่า NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกและรายเดียวของ TSMC สำหรับกระบวนการผลิต A16 (1.6nm) ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับ GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Feynman โดยจะต่อยอดจากรุ่น Rubin ที่วางแผนเปิดตัวในปี 2026–2027 การใช้ A16 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็ว 8–10% ลดการใช้พลังงาน 15–20% และเพิ่มความหนาแน่นของชิป 7–10% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี N2P.

    เทคโนโลยี A16 ใช้โครงสร้าง Nanosheet พร้อมระบบ Super Power Rail (SPR) ที่ช่วยปรับปรุงการส่งพลังงานจากด้านหลังของชิป ทำให้เหมาะกับงาน AI และ High-Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นตลาดที่ NVIDIA ครองความเป็นผู้นำอยู่แล้ว การเป็นลูกค้ารายแรกยังทำให้ NVIDIA ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง.

    แผนการผลิตระบุว่าโรงงาน P3 ของ TSMC ในเมืองเกาสงจะเริ่มผลิตชิป A16 ในปี 2027 เพื่อตอบสนองต่อโรดแมปของ NVIDIA ที่วางแผนเปิดตัว GPU Feynman ในปี 2028 โดยก่อนหน้านั้น NVIDIA จะใช้ชิป Rubin ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P (3nm) และ Rubin Ultra ที่ใช้ N2P (2nm).

    ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง NVIDIA และ TSMC ในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทเพิ่งฉลองการผลิตเวเฟอร์ Blackwell บนแผ่นดินสหรัฐเป็นครั้งแรก และกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาลจากตลาด AI และดาต้าเซ็นเตอร์.

    สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง
    NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกของ TSMC สำหรับ A16
    ใช้กับ GPU รุ่น Feynman ที่คาดว่าจะเปิดตัวปี 2028
    ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง

    เทคโนโลยี A16 มีประสิทธิภาพสูงกว่า N2P
    ความเร็วเพิ่มขึ้น 8–10%
    ลดการใช้พลังงาน 15–20%
    ความหนาแน่นชิปสูงขึ้น 7–10%

    โรงงาน P3 ของ TSMC จะเริ่มผลิตในปี 2027
    รองรับโรดแมป GPU Rubin และ Feynman
    สอดคล้องกับความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและตลาด
    คู่แข่งอย่าง AMD, Google, Microsoft อาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตามทัน
    ความต้องการสูงอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดด้านซัพพลาย

    ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการผลิต
    การผลิตชิปขั้นสูงใช้ทรัพยากรและพลังงานมหาศาล
    อาจกระทบต่อความยั่งยืนหากไม่มีมาตรการจัดการที่ดี

    https://wccftech.com/nvidia-first-only-customer-for-tsmc-a16-process-node-for-next-gen-feynman-gpus/
    📰 NVIDIA จับมือ TSMC ใช้เทคโนโลยี A16 สำหรับ GPU รุ่น Feynman 🔧 รายงานล่าสุดเผยว่า NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกและรายเดียวของ TSMC สำหรับกระบวนการผลิต A16 (1.6nm) ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับ GPU รุ่นใหม่ในตระกูล Feynman โดยจะต่อยอดจากรุ่น Rubin ที่วางแผนเปิดตัวในปี 2026–2027 การใช้ A16 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็ว 8–10% ลดการใช้พลังงาน 15–20% และเพิ่มความหนาแน่นของชิป 7–10% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี N2P. ⚡ เทคโนโลยี A16 ใช้โครงสร้าง Nanosheet พร้อมระบบ Super Power Rail (SPR) ที่ช่วยปรับปรุงการส่งพลังงานจากด้านหลังของชิป ทำให้เหมาะกับงาน AI และ High-Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นตลาดที่ NVIDIA ครองความเป็นผู้นำอยู่แล้ว การเป็นลูกค้ารายแรกยังทำให้ NVIDIA ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง. 🏭 แผนการผลิตระบุว่าโรงงาน P3 ของ TSMC ในเมืองเกาสงจะเริ่มผลิตชิป A16 ในปี 2027 เพื่อตอบสนองต่อโรดแมปของ NVIDIA ที่วางแผนเปิดตัว GPU Feynman ในปี 2028 โดยก่อนหน้านั้น NVIDIA จะใช้ชิป Rubin ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P (3nm) และ Rubin Ultra ที่ใช้ N2P (2nm). 🌍 ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง NVIDIA และ TSMC ในยุคที่ความต้องการชิป AI พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองบริษัทเพิ่งฉลองการผลิตเวเฟอร์ Blackwell บนแผ่นดินสหรัฐเป็นครั้งแรก และกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาลจากตลาด AI และดาต้าเซ็นเตอร์. 📌 สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง ✅ NVIDIA เป็นลูกค้ารายแรกของ TSMC สำหรับ A16 ➡️ ใช้กับ GPU รุ่น Feynman ที่คาดว่าจะเปิดตัวปี 2028 ➡️ ได้สิทธิ์เข้าถึงกำลังการผลิตก่อนคู่แข่ง ✅ เทคโนโลยี A16 มีประสิทธิภาพสูงกว่า N2P ➡️ ความเร็วเพิ่มขึ้น 8–10% ➡️ ลดการใช้พลังงาน 15–20% ➡️ ความหนาแน่นชิปสูงขึ้น 7–10% ✅ โรงงาน P3 ของ TSMC จะเริ่มผลิตในปี 2027 ➡️ รองรับโรดแมป GPU Rubin และ Feynman ➡️ สอดคล้องกับความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น ‼️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและตลาด ⛔ คู่แข่งอย่าง AMD, Google, Microsoft อาจเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อตามทัน ⛔ ความต้องการสูงอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดด้านซัพพลาย ‼️ ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการผลิต ⛔ การผลิตชิปขั้นสูงใช้ทรัพยากรและพลังงานมหาศาล ⛔ อาจกระทบต่อความยั่งยืนหากไม่มีมาตรการจัดการที่ดี https://wccftech.com/nvidia-first-only-customer-for-tsmc-a16-process-node-for-next-gen-feynman-gpus/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Reportedly The First & Only Customer For TSMC's Bleeding-Edge A16 Process Node, Utilizing For Next-Gen GPUs
    NVIDIA is reportedly the only customer in line for TSMC's next-gen A16 process technology, eyeing it for future GPUs such as Feynman.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่”

    AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI

    อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์

    สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D
    ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD
    คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม

    คุณสมบัติที่คาดการณ์
    8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache
    ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior
    ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC

    เป้าหมายการปรับปรุง
    เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม
    ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว
    ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    🖥️ “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่” AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์ สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D ➡️ ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD ➡️ คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม ✅ คุณสมบัติที่คาดการณ์ ➡️ 8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache ➡️ ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior ➡️ ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ✅ เป้าหมายการปรับปรุง ➡️ เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม ➡️ ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว ⛔ ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z”

    บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต

    แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ

    สรุปสาระสำคัญ
    Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z
    สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\
    รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\

    การทำงานของ Windows Object Manager
    Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง
    ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U)

    ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป
    Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z
    ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้
    ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด

    https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    💻 “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z” บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z ➡️ สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\ ➡️ รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\ ✅ การทำงานของ Windows Object Manager ➡️ Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง ➡️ ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U) ✅ ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป ➡️ Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z ➡️ ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.36

    บรรพบุรุษ หรือผู้สืบสันดานก่อนหน้า เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในทางสังคมและวัฒนธรรม แต่ในทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะหมวดว่าด้วยมรดก คำนี้กลับมีนัยที่จำกัดและเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งเพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการรับและถ่ายโอนทรัพย์สิน บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดให้ "บรรพบุรุษ" คือบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิตในลำดับญาติ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดลำดับ ทายาทโดยธรรม โดยลำดับของทายาทโดยธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย และ ลุง ป้า น้า อา ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็น "ผู้สืบสันดานก่อนหน้า" ในความหมายกว้าง แต่ในทางกฎหมายเฉพาะเจาะจงเมื่อพิจารณาสิทธิในการรับมรดก บิดามารดา และ ปู่ ย่า ตา ยาย นั้นเองที่จัดอยู่ในกลุ่มบรรพบุรุษโดยตรงของผู้ตายตามหลักความสัมพันธ์ทางสายโลหิต กฎหมายได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์นี้ โดยกำหนดให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาเป็นทายาทในลำดับต้นๆ ที่มีสิทธิรับมรดก การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาได้รับมรดกพร้อมกันนั้น เป็นการสะท้อนแนวคิดทางกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทั้งในแนวลง (สู่ลูกหลาน) และในแนวย้อนขึ้น (สู่บรรพบุรุษผู้ให้กำเนิด) พร้อมกันไปหากผู้ตายไม่มีผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานคนใดตายไปก่อน การพิจารณาสิทธิของบรรพบุรุษ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะเข้ามามีบทบาทในลำดับถัดไปตามหลักเกณฑ์การแบ่งมรดก การกำหนดสถานะทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงไม่ใช่เพียงการยกย่องตามจารีต แต่เป็นการกำหนดตัวบุคคลที่มีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าถือครองทรัพย์สินของผู้ตายตามเจตนารมณ์ที่สันนิษฐานของกฎหมายและหลักการยุติธรรมในการจัดสรรทรัพย์สินภายในครอบครัว การทำความเข้าใจมิติทางกฎหมายของคำว่าบรรพบุรุษจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนมรดกและการจัดการทรัพย์สินเพื่อป้องกันข้อพิพาทอันอาจเกิดขึ้นในภายหลัง

    การสืบสันดานตามกฎหมายยังขยายขอบเขตไปถึงเรื่อง "การรับมรดกแทนที่" ที่อนุญาตให้ผู้สืบสันดานของทายาทโดยธรรมที่ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดกแทนที่ในส่วนแบ่งที่ทายาทผู้นั้นจะพึงได้รับ หากบุคคลนั้นเป็นผู้สืบสันดานลำดับที่ 1 หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ซึ่งหลักการนี้เป็นการรับรองและขยายแนวคิดการสืบทอดสายโลหิตต่อเนื่องไปอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในบริบทของการรับมรดกแทนที่ บรรพบุรุษไม่สามารถเข้ามารับมรดกแทนที่ได้ การรับมรดกแทนที่จำกัดเฉพาะในแนวลงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายมรดกที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทรัพย์สินไปยังคนรุ่นหลังมากกว่าในแนวย้อนขึ้น กฎหมายมรดกยังคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของความสัมพันธ์ โดยมีการกำหนด "เหตุแห่งการถูกกำจัดมิให้รับมรดก" หรือ "การเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก" ซึ่งเป็นการตัดสิทธิของทายาท รวมถึงบรรพบุรุษ หากได้กระทำการอันเป็นความร้ายแรงต่อเจ้ามรดก เช่น ฆ่าหรือพยายามฆ่า หรือฟ้องร้องใส่ร้ายว่าเจ้ามรดกกระทำความผิดที่มีโทษหนัก การกำหนดเหตุผลในการตัดสิทธิเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางสายโลหิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วยความเคารพและการปฏิบัติต่อกันตามหลักศีลธรรมอันดีงามด้วย นอกเหนือจากทายาทโดยธรรมแล้ว เจ้ามรดกยังมีสิทธิทำ "พินัยกรรม" เพื่อกำหนดให้บุคคลใดๆ รวมถึงบรรพบุรุษของตน ได้รับทรัพย์สินตามที่ตนปรารถนาตามเจตนารมณ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิจากการเป็นทายาทโดยธรรมหรือไม่ก็ตาม การทำพินัยกรรมจึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในการแสดงเจตจำนงสุดท้ายของเจ้ามรดกในการจัดการทรัพย์สินของตน ซึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือบทบัญญัติว่าด้วยการแบ่งมรดกตามลำดับทายาทโดยธรรม แต่ทั้งนี้การทำพินัยกรรมก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและห้ามมิให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้รับพินัยกรรมที่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย การพิจารณาความสมบูรณ์และผลบังคับของพินัยกรรมจึงเป็นอีกมิติหนึ่งที่นักกฎหมายและประชาชนต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อทำให้การสืบทอดมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม

    โดยสรุปแล้ว คำว่า "บรรพบุรุษ" ในบริบทของมรดกและครอบครัวตามกฎหมายนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำที่กล่าวถึงผู้ให้กำเนิด แต่เป็นการกำหนดสถานะและสิทธิในการรับการถ่ายโอนทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิต การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงลำดับทายาทโดยธรรม ข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับมรดกแทนที่ และการถูกกำจัดมิให้รับมรดก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวและป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย การให้ความเคารพต่อความหมายทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงเป็นรากฐานสำคัญของการสืบทอดทรัพย์สินที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้ตายและกฎหมายบ้านเมือง
    บทความกฎหมาย EP.36 บรรพบุรุษ หรือผู้สืบสันดานก่อนหน้า เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งในทางสังคมและวัฒนธรรม แต่ในทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะหมวดว่าด้วยมรดก คำนี้กลับมีนัยที่จำกัดและเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งเพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการรับและถ่ายโอนทรัพย์สิน บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดให้ "บรรพบุรุษ" คือบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิตในลำดับญาติ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดลำดับ ทายาทโดยธรรม โดยลำดับของทายาทโดยธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ได้แก่ ผู้สืบสันดาน บิดามารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย และ ลุง ป้า น้า อา ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็น "ผู้สืบสันดานก่อนหน้า" ในความหมายกว้าง แต่ในทางกฎหมายเฉพาะเจาะจงเมื่อพิจารณาสิทธิในการรับมรดก บิดามารดา และ ปู่ ย่า ตา ยาย นั้นเองที่จัดอยู่ในกลุ่มบรรพบุรุษโดยตรงของผู้ตายตามหลักความสัมพันธ์ทางสายโลหิต กฎหมายได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์นี้ โดยกำหนดให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาเป็นทายาทในลำดับต้นๆ ที่มีสิทธิรับมรดก การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้สืบสันดานและบิดามารดาได้รับมรดกพร้อมกันนั้น เป็นการสะท้อนแนวคิดทางกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทั้งในแนวลง (สู่ลูกหลาน) และในแนวย้อนขึ้น (สู่บรรพบุรุษผู้ให้กำเนิด) พร้อมกันไปหากผู้ตายไม่มีผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานคนใดตายไปก่อน การพิจารณาสิทธิของบรรพบุรุษ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ก็จะเข้ามามีบทบาทในลำดับถัดไปตามหลักเกณฑ์การแบ่งมรดก การกำหนดสถานะทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงไม่ใช่เพียงการยกย่องตามจารีต แต่เป็นการกำหนดตัวบุคคลที่มีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายในการเข้าถือครองทรัพย์สินของผู้ตายตามเจตนารมณ์ที่สันนิษฐานของกฎหมายและหลักการยุติธรรมในการจัดสรรทรัพย์สินภายในครอบครัว การทำความเข้าใจมิติทางกฎหมายของคำว่าบรรพบุรุษจึงเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนมรดกและการจัดการทรัพย์สินเพื่อป้องกันข้อพิพาทอันอาจเกิดขึ้นในภายหลัง การสืบสันดานตามกฎหมายยังขยายขอบเขตไปถึงเรื่อง "การรับมรดกแทนที่" ที่อนุญาตให้ผู้สืบสันดานของทายาทโดยธรรมที่ถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดก มีสิทธิรับมรดกแทนที่ในส่วนแบ่งที่ทายาทผู้นั้นจะพึงได้รับ หากบุคคลนั้นเป็นผู้สืบสันดานลำดับที่ 1 หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ซึ่งหลักการนี้เป็นการรับรองและขยายแนวคิดการสืบทอดสายโลหิตต่อเนื่องไปอีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในบริบทของการรับมรดกแทนที่ บรรพบุรุษไม่สามารถเข้ามารับมรดกแทนที่ได้ การรับมรดกแทนที่จำกัดเฉพาะในแนวลงเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายมรดกที่ให้ความสำคัญกับการสืบทอดทรัพย์สินไปยังคนรุ่นหลังมากกว่าในแนวย้อนขึ้น กฎหมายมรดกยังคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของความสัมพันธ์ โดยมีการกำหนด "เหตุแห่งการถูกกำจัดมิให้รับมรดก" หรือ "การเป็นผู้ไม่สมควรได้รับมรดก" ซึ่งเป็นการตัดสิทธิของทายาท รวมถึงบรรพบุรุษ หากได้กระทำการอันเป็นความร้ายแรงต่อเจ้ามรดก เช่น ฆ่าหรือพยายามฆ่า หรือฟ้องร้องใส่ร้ายว่าเจ้ามรดกกระทำความผิดที่มีโทษหนัก การกำหนดเหตุผลในการตัดสิทธิเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางสายโลหิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องประกอบด้วยความเคารพและการปฏิบัติต่อกันตามหลักศีลธรรมอันดีงามด้วย นอกเหนือจากทายาทโดยธรรมแล้ว เจ้ามรดกยังมีสิทธิทำ "พินัยกรรม" เพื่อกำหนดให้บุคคลใดๆ รวมถึงบรรพบุรุษของตน ได้รับทรัพย์สินตามที่ตนปรารถนาตามเจตนารมณ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิจากการเป็นทายาทโดยธรรมหรือไม่ก็ตาม การทำพินัยกรรมจึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดในการแสดงเจตจำนงสุดท้ายของเจ้ามรดกในการจัดการทรัพย์สินของตน ซึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือบทบัญญัติว่าด้วยการแบ่งมรดกตามลำดับทายาทโดยธรรม แต่ทั้งนี้การทำพินัยกรรมก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและห้ามมิให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้รับพินัยกรรมที่มีข้อจำกัดตามกฎหมาย การพิจารณาความสมบูรณ์และผลบังคับของพินัยกรรมจึงเป็นอีกมิติหนึ่งที่นักกฎหมายและประชาชนต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อทำให้การสืบทอดมรดกเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม โดยสรุปแล้ว คำว่า "บรรพบุรุษ" ในบริบทของมรดกและครอบครัวตามกฎหมายนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำที่กล่าวถึงผู้ให้กำเนิด แต่เป็นการกำหนดสถานะและสิทธิในการรับการถ่ายโอนทรัพย์สินของบุคคลที่อยู่เหนือขึ้นไปตามสายโลหิต การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงลำดับทายาทโดยธรรม ข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับมรดกแทนที่ และการถูกกำจัดมิให้รับมรดก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวและป้องกันข้อพิพาททางกฎหมาย การให้ความเคารพต่อความหมายทางกฎหมายของบรรพบุรุษจึงเป็นรากฐานสำคัญของการสืบทอดทรัพย์สินที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้ตายและกฎหมายบ้านเมือง
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents”

    Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง

    สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

    อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Antigravity IDE
    เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025
    ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง

    คุณสมบัติเด่น
    Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย
    โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น
    ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้

    เสียงตอบรับจากผู้ใช้
    ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ
    แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว
    การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    📰 “Google เปิดตัว Antigravity IDE – ก้าวใหม่ของการเขียนโค้ดด้วยทีม AI Agents” Google ได้เปิดตัว Antigravity IDE เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ควบคู่กับโมเดล Gemini 3 โดยชูจุดเด่นว่าเป็นสภาพแวดล้อมการพัฒนา (IDE) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีม AI agents ทำงานร่วมกันได้เหมือนทีมมนุษย์จริง ๆ นักพัฒนาสามารถปล่อยให้ AI วางแผน สร้างไฟล์ และทดสอบโค้ดได้โดยไม่ต้องสั่งทีละขั้นตอน ทำให้มนุษย์มีบทบาทใหม่คือ “สถาปนิกโซลูชัน” มากกว่าการลงมือเขียนโค้ดทุกบรรทัดเอง สิ่งที่ทำให้ Antigravity แตกต่างคือการใช้ multi-agent system ที่สามารถแบ่งงานย่อย เช่น การดีบัก การสร้าง UI หรือการจัดการ API ให้กับ AI แต่ละตัวที่ทำงานคู่ขนานกันได้ นอกจากนี้ยังมี โหมดการจัดการงานสองแบบ ได้แก่ Planning Mode สำหรับโครงการซับซ้อน และ Fast Mode สำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว พร้อมระบบ Artifacts ที่บันทึกผลลัพธ์เป็นเอกสาร ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากนักพัฒนายังไม่แรงเท่าที่ Google คาดหวัง หลายคนชื่นชมความสามารถในการเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็มีข้อวิจารณ์ว่าเครื่องมือยัง “half-baked” หรือยังไม่สมบูรณ์ บางครั้งทำงานช้า มีบั๊ก และพบปัญหาในการจัดการภาพหรือการทำงานที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องคอยปรับแก้เองอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้าน ความปลอดภัย ที่นักวิจัยด้านไซเบอร์เตือนว่า Antigravity อาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่หวังดีแทรกโค้ดอันตรายผ่านไฟล์การตั้งค่าได้ หากผู้ใช้ทำงานใน “trusted workspace” โดยไม่ระวัง อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือขโมยข้อมูล ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในองค์กรใหญ่ ๆ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Antigravity IDE ➡️ เปิดตัวพร้อม Gemini 3 เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2025 ➡️ ใช้ทีม AI agents ทำงานคู่ขนานเหมือนทีมมนุษย์จริง ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Multi-agent system สำหรับแบ่งงานย่อย ➡️ โหมด Planning และ Fast Mode จัดการงานได้ยืดหยุ่น ➡️ ระบบ Artifacts บันทึกผลลัพธ์ตรวจสอบได้ ✅ เสียงตอบรับจากผู้ใช้ ➡️ ชื่นชมความเข้าใจบริบทและการทำงานอัตโนมัติ ➡️ แต่ยังถูกวิจารณ์ว่า “half-baked” มีบั๊กและทำงานช้า ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ นักวิจัยพบช่องโหว่ที่อาจเปิดทางให้มัลแวร์แทรกตัว ⛔ การใช้ trusted workspace โดยไม่ระวังอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://www.slashgear.com/2037355/google-antigravity-ai-coding-tool/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google's Newest Tool Is A Big Leap Forward For AI Coding - SlashGear
    Google launched a new tool for developers to use multiple AI agents to accomplish different parts of coding simultaneously. We tested it. He's what we found.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน

    FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย
    เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง

    เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์
    NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม
    ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11
    ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS
    รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta
    เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot

    เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่
    nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python
    nixos-init เขียนด้วย Rust
    อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6
    NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง
    การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้

    https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    🐧 NixOS 25.11 เปิดตัวพร้อม GNOME 49, COSMIC Beta และ FirewallD เพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ Linux เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ทีมพัฒนา NixOS ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ NixOS 25.11 (โค้ดเนม Xantusia) โดยใช้ Linux Kernel 6.12 LTS เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการรองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ซึ่งเป็นเดสก์ท็อปที่พัฒนาโดย System76 ด้วยภาษา Rust ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมการทำงาน 🔐 FirewallD และการจัดการระบบที่ทันสมัย เวอร์ชันนี้เพิ่มการรองรับ FirewallD ซึ่งสามารถทำงานเป็นบริการแยก หรือใช้เป็น backend ของระบบ firewall เดิมใน NixOS ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ rEFInd boot manager สำหรับระบบ UEFI และ Secure Boot กับ Limine bootloader เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบูตเครื่อง ⚙️ เครื่องมือใหม่และการอัปเดตซอฟต์แวร์ NixOS 25.11 มาพร้อมกับ nixos-rebuild-ng ที่เขียนใหม่ด้วย Python เพื่อปรับปรุงการจัดการระบบ และ nixos-init ที่ใช้ Rust ทำให้การสร้าง initrd ไม่ต้องพึ่ง interpreter อีกต่อไป รวมถึงการอัปเดต toolchain เช่น LLVM 21, GCC 14 และ CMake 4 พร้อมกับซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 🌐 การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ และแนวโน้ม ทีมพัฒนาได้ถอดซอฟต์แวร์ที่ยังใช้ Qt5 ออก เช่น KDE Gear และ Plasma รุ่นเก่า เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปยัง KDE Plasma 6 และ KDE Gear 25.08 นอกจากนี้ NetworkManager จะไม่ติดตั้งปลั๊กอิน VPN มาโดยค่าเริ่มต้นอีกต่อไป ผู้ใช้ต้องกำหนดเอง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดการอัปเดต NixOS 25.11 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ รองรับ GNOME 49 และ COSMIC Beta ➡️ เพิ่ม FirewallD, rEFInd และ Secure Boot ✅ เครื่องมือและซอฟต์แวร์ใหม่ ➡️ nixos-rebuild-ng เขียนใหม่ด้วย Python ➡️ nixos-init เขียนด้วย Rust ➡️ อัปเดต LLVM 21, GCC 14, CMake 4, Syncthing 2.0.0 และ PostgreSQL 17 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Qt5-based KDE Gear และ Plasma ถูกถอดออก ต้องย้ายไป Plasma 6 ⛔ NetworkManager ไม่ติดตั้ง VPN plugins โดยค่าเริ่มต้น ต้องกำหนดเอง ⛔ การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าเจอปัญหาความเข้ากันได้ https://9to5linux.com/nixos-25-11-released-with-gnome-49-cosmic-beta-and-firewalld-support
    9TO5LINUX.COM
    NixOS 25.11 Released with GNOME 49, COSMIC Beta, and FirewallD Support - 9to5Linux
    NixOS 25.11 independent distribution is now available for download with Linux 6.12 LTS, GNOME 49, and more.
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้

    นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

    มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้
    การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70%

    ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม
    การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา
    นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น
    ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า
    เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้

    มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
    รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์
    ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์

    ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
    ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ
    ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม

    ทางเลือกใหม่ในการหา REEs
    ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่
    พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้

    ความท้าทายและข้อจำกัด
    เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    💎 ขุมทรัพย์ในกองขยะถ่านหิน งานวิจัยใหม่เผยว่า “เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ในสหรัฐฯ อาจซ่อนแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements – REEs) มูลค่ากว่า 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูงได้ นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสพบว่า เถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาถ่านหิน มีการสะสมของแร่ธาตุหายากมากกว่าถ่านหินดิบถึง 4–10 เท่า เนื่องจากเมื่อเผาไหม้ ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอนและกำมะถันหายไป เหลือเพียงแร่ธาตุที่ไม่เผาไหม้ เช่น ควอตซ์และ REEs ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุสูงขึ้นโดยธรรมชาติ ⚙️ มูลค่ามหาศาลและศักยภาพการใช้ การประเมินล่าสุดระบุว่า มูลค่ารวมของ REEs ในเถ้าถ่านสหรัฐฯ อาจสูงถึง 165 พันล้านดอลลาร์ โดยมีส่วนที่สามารถสกัดได้จริงราว 97 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณสำรองที่มีอยู่ในประเทศถึง 8 เท่า หากสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนที่ปัจจุบันครองตลาดกว่า 70% 🌱 ผลพลอยได้ด้านสิ่งแวดล้อม การนำเถ้าถ่านมาใช้สกัดแร่ธาตุหายากยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะกองเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 มักก่อให้เกิดมลพิษต่อดินและน้ำ หากสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม 🔮 ทางเลือกอื่น ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา นอกจากเถ้าถ่านแล้ว ยังมีการค้นพบแหล่ง REEs จาก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และแม้กระทั่ง พืชบางชนิดที่สามารถสะสมแร่ธาตุหายากในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำ “phytomining” หรือการทำเหมืองด้วยพืชในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เถ้าถ่านจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีแร่ธาตุหายากเข้มข้น ➡️ ความเข้มข้นสูงกว่าในถ่านหินดิบ 4–10 เท่า ➡️ เกิดจากการเผาไหม้ที่เหลือแร่ธาตุไม่เผาไหม้ ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ➡️ รวมมูลค่า REEs ในเถ้าถ่านราว 165 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ส่วนที่สกัดได้จริงประมาณ 97 พันล้านดอลลาร์ ✅ ผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ ลดปัญหากองขยะเถ้าถ่านที่ก่อมลพิษ ➡️ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการกากอุตสาหกรรม ✅ ทางเลือกใหม่ในการหา REEs ➡️ ภูเขาไฟที่ดับแล้วอาจเป็นแหล่งใหม่ ➡️ พืชบางชนิดสามารถสะสมแร่ธาตุหายากได้ ‼️ ความท้าทายและข้อจำกัด ⛔ เทคโนโลยีสกัดยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนสูงก่อนนำไปใช้จริง https://www.sciencealert.com/almost-100-billion-worth-of-rare-earth-elements-may-be-buried-in-the-us
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Almost $100 Billion Worth of Rare Earth Elements May Be Buried in The US
    The waste left over from spent fossil fuel may contain a treasure trove of rare-earth elements worth billions of dollars.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ปัญหา: Imgur บล็อกผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร

    Imgur ตัดสินใจบล็อกการเข้าถึงจาก UK ทำให้ลิงก์ภาพจำนวนมากที่ยังคงฝังอยู่ในเว็บบอร์ดเก่า, Reddit, เอกสาร หรือ README ของโปรเจกต์ต่าง ๆ กลายเป็น “Unavailable” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่าแม้แต่การหาภาพ Shader ของ Minecraft ก็ไม่สามารถดูได้เพราะภาพทั้งหมดหายไป

    ทำไมไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป
    แม้ VPN จะเป็นวิธีแก้ที่ง่าย แต่ผู้เขียนไม่เลือกใช้เพราะเพิ่งอัปเกรดอินเทอร์เน็ตเป็น 2.5Gbps และไม่อยากให้ความเร็วตก อีกทั้งการติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ (มือถือ, แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป) เป็นเรื่องยุ่งยากและไม่สะดวก จึงมองหาวิธีที่ทำงานได้อัตโนมัติในระดับเครือข่าย

    วิธีแก้: Proxy ระดับเครือข่าย
    ผู้เขียนใช้ Pi-hole เพื่อดัก DNS, Traefik สำหรับการ Routing, และ Gluetun เชื่อมต่อ VPN ภายใน Container จากนั้นใช้ Nginx เป็น Proxy ที่ทำ TCP passthrough โดยไม่แตะต้อง TLS ทำให้ทุกการร้องขอไปยัง i.imgur.com ถูกส่งผ่าน VPN อัตโนมัติ และภาพกลับมาปรากฏตามปกติบนทุกอุปกรณ์ในบ้าน

    ผลลัพธ์และข้อคิด
    ระบบนี้ทำให้การเข้าถึง Imgur เป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องติดตั้ง VPN เพิ่มบนเครื่องใด ๆ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบต่อการใช้งานจริง ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ “อาจจะดูโอเวอร์” แต่สะอาดและยั่งยืนสำหรับคนที่ชอบทำ Homelab และต้องการความสะดวกสบาย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาที่เกิดขึ้น
    Imgur บล็อกผู้ใช้ใน UK ทำให้ภาพในเว็บบอร์ดและเอกสารจำนวนมากหายไป
    ตัวอย่างเช่น Shader ของ Minecraft ที่ไม่สามารถดูภาพตัวอย่างได้

    เหตุผลที่ไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป
    อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2.5Gbps ไม่อยากให้ตกจากการใช้ VPN
    การติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ยุ่งยากและไม่สะดวก

    วิธีแก้ที่ใช้
    Pi-hole ดัก DNS และส่งไปยัง Traefik
    Gluetun เชื่อมต่อ VPN และ Nginx ทำ Proxy แบบ passthrough
    ทุกอุปกรณ์ในบ้านเข้าถึง Imgur ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม

    ผลลัพธ์
    ภาพจาก Imgur กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
    ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบการใช้งาน

    คำเตือน/ข้อสังเกต
    ระบบนี้ซับซ้อนและอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ต้องมีความรู้ด้าน Docker, Nginx, และการจัดการ VPN เพื่อดูแลระบบให้ปลอดภัย

    https://blog.tymscar.com/posts/imgurukproxy/
    🚫 ปัญหา: Imgur บล็อกผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร Imgur ตัดสินใจบล็อกการเข้าถึงจาก UK ทำให้ลิงก์ภาพจำนวนมากที่ยังคงฝังอยู่ในเว็บบอร์ดเก่า, Reddit, เอกสาร หรือ README ของโปรเจกต์ต่าง ๆ กลายเป็น “Unavailable” ผู้เขียนยกตัวอย่างว่าแม้แต่การหาภาพ Shader ของ Minecraft ก็ไม่สามารถดูได้เพราะภาพทั้งหมดหายไป 🔧 ทำไมไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป แม้ VPN จะเป็นวิธีแก้ที่ง่าย แต่ผู้เขียนไม่เลือกใช้เพราะเพิ่งอัปเกรดอินเทอร์เน็ตเป็น 2.5Gbps และไม่อยากให้ความเร็วตก อีกทั้งการติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ (มือถือ, แล็ปท็อป, เดสก์ท็อป) เป็นเรื่องยุ่งยากและไม่สะดวก จึงมองหาวิธีที่ทำงานได้อัตโนมัติในระดับเครือข่าย 🏗️ วิธีแก้: Proxy ระดับเครือข่าย ผู้เขียนใช้ Pi-hole เพื่อดัก DNS, Traefik สำหรับการ Routing, และ Gluetun เชื่อมต่อ VPN ภายใน Container จากนั้นใช้ Nginx เป็น Proxy ที่ทำ TCP passthrough โดยไม่แตะต้อง TLS ทำให้ทุกการร้องขอไปยัง i.imgur.com ถูกส่งผ่าน VPN อัตโนมัติ และภาพกลับมาปรากฏตามปกติบนทุกอุปกรณ์ในบ้าน 📡 ผลลัพธ์และข้อคิด ระบบนี้ทำให้การเข้าถึง Imgur เป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องติดตั้ง VPN เพิ่มบนเครื่องใด ๆ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบต่อการใช้งานจริง ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ “อาจจะดูโอเวอร์” แต่สะอาดและยั่งยืนสำหรับคนที่ชอบทำ Homelab และต้องการความสะดวกสบาย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้น ➡️ Imgur บล็อกผู้ใช้ใน UK ทำให้ภาพในเว็บบอร์ดและเอกสารจำนวนมากหายไป ➡️ ตัวอย่างเช่น Shader ของ Minecraft ที่ไม่สามารถดูภาพตัวอย่างได้ ✅ เหตุผลที่ไม่ใช้ VPN แบบทั่วไป ➡️ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2.5Gbps ไม่อยากให้ตกจากการใช้ VPN ➡️ การติดตั้ง VPN บนทุกอุปกรณ์ยุ่งยากและไม่สะดวก ✅ วิธีแก้ที่ใช้ ➡️ Pi-hole ดัก DNS และส่งไปยัง Traefik ➡️ Gluetun เชื่อมต่อ VPN และ Nginx ทำ Proxy แบบ passthrough ➡️ ทุกอุปกรณ์ในบ้านเข้าถึง Imgur ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม ✅ ผลลัพธ์ ➡️ ภาพจาก Imgur กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ความหน่วงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กระทบการใช้งาน ‼️ คำเตือน/ข้อสังเกต ⛔ ระบบนี้ซับซ้อนและอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ต้องมีความรู้ด้าน Docker, Nginx, และการจัดการ VPN เพื่อดูแลระบบให้ปลอดภัย https://blog.tymscar.com/posts/imgurukproxy/
    BLOG.TYMSCAR.COM
    Imgur Geo-Blocked the UK, So I Geo-Unblocked My Entire Network
    Imgur started blocking UK users. Rather than installing a VPN on every device, I set up a network-wide proxy that tunnels Imgur traffic through a VPN automatically.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • “HashJack – ช่องโหว่ใหม่ที่ซ่อนคำสั่งใน URL ทำให้ AI Browser ถูกควบคุม”

    ช่องโหว่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
    HashJack ถูกค้นพบโดยบริษัท Cato Networks เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 เป็นตัวอย่างแรกของเทคนิค Indirect Prompt Injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ในส่วน URL fragment หลังเครื่องหมาย # ซึ่งปกติแล้วเว็บเซิร์ฟเวอร์จะไม่อ่าน แต่ AI Assistants กลับอ่านและนำไปปฏิบัติ ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยเป็นเครื่องมือโจมตีได้โดยไม่ต้องแฮ็กเว็บจริง

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    คำสั่งที่ซ่อนอยู่สามารถทำให้ AI แนะนำข้อมูลผิด ๆ เช่น คำแนะนำทางการแพทย์ที่เป็นอันตราย, หลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (credential theft) หรือแม้กระทั่งสั่งให้ AI ดึงข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้ (data exfiltration) ในโหมด agentic ที่ AI ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น เพราะ AI อาจถูกสั่งให้เปิดพอร์ตระบบหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นมัลแวร์

    การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี
    Microsoft แก้ไขช่องโหว่สำหรับ Copilot บน Edge เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025
    Perplexity แก้ไข Comet Browser เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025
    Google ยังไม่ได้แก้ไข Gemini บน Chrome โดยให้เหตุผลว่าเป็น “พฤติกรรมที่ตั้งใจ” และจัดระดับความรุนแรงต่ำ ทำให้ผู้ใช้ยังคงเสี่ยงอยู่ในปัจจุบัน

    บทเรียนที่ได้
    HashJack แสดงให้เห็นว่า AI Browser Assistants มีความเสี่ยงใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะพวกมันอ่านข้อมูลที่มนุษย์มองข้าม เช่น URL fragment การค้นพบนี้เตือนอุตสาหกรรมว่า การออกแบบ AI ต้องคำนึงถึงการจัดการข้อมูลที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เพื่อป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    HashJack คือช่องโหว่ใหม่
    ใช้สัญลักษณ์ # ใน URL เพื่อซ่อนคำสั่ง
    เป็นตัวอย่างแรกของ Indirect Prompt Injection

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    ข้อมูลเข้าสู่ระบบอาจถูกขโมย
    AI อาจให้คำแนะนำทางการแพทย์ที่ผิด
    เสี่ยงต่อการดึงข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ

    การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี
    Microsoft และ Perplexity แก้ไขแล้ว
    Google Gemini ยังไม่ได้แก้ไข

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    หลีกเลี่ยงการใช้ Gemini บน Chrome จนกว่าจะมีการแก้ไข
    ระวังเว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยแต่มี URL fragment แปลก ๆ
    อย่าเปิดเผยข้อมูลสำคัญผ่าน AI Assistants โดยไม่ตรวจสอบ

    https://hackread.com/hashjack-attack-url-control-ai-browser-behavior/
    📰 “HashJack – ช่องโหว่ใหม่ที่ซ่อนคำสั่งใน URL ทำให้ AI Browser ถูกควบคุม” 🔎 ช่องโหว่ที่ไม่เคยมีมาก่อน HashJack ถูกค้นพบโดยบริษัท Cato Networks เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 เป็นตัวอย่างแรกของเทคนิค Indirect Prompt Injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ในส่วน URL fragment หลังเครื่องหมาย # ซึ่งปกติแล้วเว็บเซิร์ฟเวอร์จะไม่อ่าน แต่ AI Assistants กลับอ่านและนำไปปฏิบัติ ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยเป็นเครื่องมือโจมตีได้โดยไม่ต้องแฮ็กเว็บจริง ⚠️ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น คำสั่งที่ซ่อนอยู่สามารถทำให้ AI แนะนำข้อมูลผิด ๆ เช่น คำแนะนำทางการแพทย์ที่เป็นอันตราย, หลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (credential theft) หรือแม้กระทั่งสั่งให้ AI ดึงข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้ (data exfiltration) ในโหมด agentic ที่ AI ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น เพราะ AI อาจถูกสั่งให้เปิดพอร์ตระบบหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นมัลแวร์ 🏢 การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี ⭐ Microsoft แก้ไขช่องโหว่สำหรับ Copilot บน Edge เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ⭐ Perplexity แก้ไข Comet Browser เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ⭐ Google ยังไม่ได้แก้ไข Gemini บน Chrome โดยให้เหตุผลว่าเป็น “พฤติกรรมที่ตั้งใจ” และจัดระดับความรุนแรงต่ำ ทำให้ผู้ใช้ยังคงเสี่ยงอยู่ในปัจจุบัน 🌐 บทเรียนที่ได้ HashJack แสดงให้เห็นว่า AI Browser Assistants มีความเสี่ยงใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะพวกมันอ่านข้อมูลที่มนุษย์มองข้าม เช่น URL fragment การค้นพบนี้เตือนอุตสาหกรรมว่า การออกแบบ AI ต้องคำนึงถึงการจัดการข้อมูลที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เพื่อป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ HashJack คือช่องโหว่ใหม่ ➡️ ใช้สัญลักษณ์ # ใน URL เพื่อซ่อนคำสั่ง ➡️ เป็นตัวอย่างแรกของ Indirect Prompt Injection ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ ข้อมูลเข้าสู่ระบบอาจถูกขโมย ➡️ AI อาจให้คำแนะนำทางการแพทย์ที่ผิด ➡️ เสี่ยงต่อการดึงข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ ✅ การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ Microsoft และ Perplexity แก้ไขแล้ว ➡️ Google Gemini ยังไม่ได้แก้ไข ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Gemini บน Chrome จนกว่าจะมีการแก้ไข ⛔ ระวังเว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยแต่มี URL fragment แปลก ๆ ⛔ อย่าเปิดเผยข้อมูลสำคัญผ่าน AI Assistants โดยไม่ตรวจสอบ https://hackread.com/hashjack-attack-url-control-ai-browser-behavior/
    HACKREAD.COM
    HashJack Attack Uses URL ‘#’ to Control AI Browser Behavior
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • Archinstall 3.0.14 เปิดตัว: ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง Removable Location ได้แล้ว

    Archinstall รุ่น 3.0.14 มาพร้อมความสามารถใหม่ที่ให้ผู้ใช้ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง removable location ได้โดยตรง ซึ่งช่วยให้การจัดการระบบที่มีหลายดิสก์หรือการติดตั้งแบบพกพาง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง regex ให้รองรับ white-space และลบสัญลักษณ์ | ที่ไม่จำเป็นในการตรวจสอบค่า partition unit.

    การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงระบบ
    รุ่นนี้แก้ไขปัญหาหลายอย่าง เช่น
    ปัญหา --needed argument ที่ทำให้ไม่สามารถ re-install ได้
    ปัญหา f-string ใน snapshot debug installation
    ปัญหา manual partitioning ที่แสดงหน้าจอว่างเปล่า
    ปัญหา GRUB fallback-from-removable logic

    นอกจากนี้ยังปรับปรุง Snapper-Grub integration ให้ทำงานคล้าย Timeshift สำหรับ snapshots.

    การใช้งานและการอัปเดต
    Archinstall 3.0.14 พร้อมใช้งานแล้วใน Arch Linux stable repositories และสามารถอัปเดตได้ทันทีด้วยคำสั่ง sudo pacman -Sy archinstall. รุ่นนี้จะเป็นค่าเริ่มต้นใน Arch Linux ISO snapshot วันที่ 1 ธันวาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ที่ติดตั้งใหม่สามารถใช้ฟีเจอร์ล่าสุดได้ทันที.

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Arch Linux
    การเพิ่มฟีเจอร์ removable UEFI bootloader location ถือเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น การติดตั้งบน external drive หรือการทำ dual-boot หลายระบบโดยไม่กระทบ bootloader หลักของเครื่อง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Archinstall 3.0.14
    ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง removable location ได้
    ปรับปรุง regex ให้รองรับ white-space และลบ | ที่ไม่จำเป็น

    การแก้ไขบั๊ก
    ปัญหา --needed argument
    ปัญหา f-string ใน snapshot debug
    ปัญหา manual partitioning หน้าจอว่าง
    ปัญหา GRUB fallback-from-removable logic

    การปรับปรุงระบบ
    Snapper-Grub integration ทำงานคล้าย Timeshift
    พร้อมใช้งานใน Arch Linux stable repositories

    การอัปเดตและการใช้งาน
    ใช้คำสั่ง sudo pacman -Sy archinstall เพื่ออัปเดต
    จะเป็นค่าเริ่มต้นใน Arch Linux ISO snapshot 1 ธันวาคม 2025

    ข้อควรระวัง
    การติดตั้ง bootloader ไปยัง removable location หากตั้งค่าผิดอาจทำให้ระบบไม่บูต
    ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับการจัดการ partition ควรระวังการแก้ไขค่า unit
    การใช้ Snapper-Grub integration ต้องเข้าใจการทำงานของ snapshots มิฉะนั้นอาจทำให้ระบบ revert ผิดพลาด

    https://9to5linux.com/archinstall-3-0-14-allows-installing-an-uefi-bootloader-to-removable-locations
    📰 Archinstall 3.0.14 เปิดตัว: ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง Removable Location ได้แล้ว Archinstall รุ่น 3.0.14 มาพร้อมความสามารถใหม่ที่ให้ผู้ใช้ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง removable location ได้โดยตรง ซึ่งช่วยให้การจัดการระบบที่มีหลายดิสก์หรือการติดตั้งแบบพกพาง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง regex ให้รองรับ white-space และลบสัญลักษณ์ | ที่ไม่จำเป็นในการตรวจสอบค่า partition unit. 🔧 การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงระบบ รุ่นนี้แก้ไขปัญหาหลายอย่าง เช่น ⭐ ปัญหา --needed argument ที่ทำให้ไม่สามารถ re-install ได้ ⭐ ปัญหา f-string ใน snapshot debug installation ⭐ ปัญหา manual partitioning ที่แสดงหน้าจอว่างเปล่า ⭐ ปัญหา GRUB fallback-from-removable logic นอกจากนี้ยังปรับปรุง Snapper-Grub integration ให้ทำงานคล้าย Timeshift สำหรับ snapshots. ⚡ การใช้งานและการอัปเดต Archinstall 3.0.14 พร้อมใช้งานแล้วใน Arch Linux stable repositories และสามารถอัปเดตได้ทันทีด้วยคำสั่ง sudo pacman -Sy archinstall. รุ่นนี้จะเป็นค่าเริ่มต้นใน Arch Linux ISO snapshot วันที่ 1 ธันวาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ที่ติดตั้งใหม่สามารถใช้ฟีเจอร์ล่าสุดได้ทันที. 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Arch Linux การเพิ่มฟีเจอร์ removable UEFI bootloader location ถือเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น การติดตั้งบน external drive หรือการทำ dual-boot หลายระบบโดยไม่กระทบ bootloader หลักของเครื่อง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Archinstall 3.0.14 ➡️ ติดตั้ง UEFI Bootloader ไปยัง removable location ได้ ➡️ ปรับปรุง regex ให้รองรับ white-space และลบ | ที่ไม่จำเป็น ✅ การแก้ไขบั๊ก ➡️ ปัญหา --needed argument ➡️ ปัญหา f-string ใน snapshot debug ➡️ ปัญหา manual partitioning หน้าจอว่าง ➡️ ปัญหา GRUB fallback-from-removable logic ✅ การปรับปรุงระบบ ➡️ Snapper-Grub integration ทำงานคล้าย Timeshift ➡️ พร้อมใช้งานใน Arch Linux stable repositories ✅ การอัปเดตและการใช้งาน ➡️ ใช้คำสั่ง sudo pacman -Sy archinstall เพื่ออัปเดต ➡️ จะเป็นค่าเริ่มต้นใน Arch Linux ISO snapshot 1 ธันวาคม 2025 ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การติดตั้ง bootloader ไปยัง removable location หากตั้งค่าผิดอาจทำให้ระบบไม่บูต ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับการจัดการ partition ควรระวังการแก้ไขค่า unit ⛔ การใช้ Snapper-Grub integration ต้องเข้าใจการทำงานของ snapshots มิฉะนั้นอาจทำให้ระบบ revert ผิดพลาด https://9to5linux.com/archinstall-3-0-14-allows-installing-an-uefi-bootloader-to-removable-locations
    9TO5LINUX.COM
    Archinstall 3.0.14 Allows UEFI Bootloader Installation to Removable Locations - 9to5Linux
    Archinstall 3.0.14 Arch Linux menu-based installer is now available with a new dialog to install the UEFI bootloader to a removable location.
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • Solus 4.8 เปิดตัวแล้ว: Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5 และอีกมากมาย

    Solus 4.8 (โค้ดเนม Opportunity) เปิดตัวพร้อม Linux Kernel 6.17 และเดสก์ท็อปใหม่ล่าสุด ได้แก่ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3 และ Xfce 4.20 โดย GNOME edition ได้ยกเลิกการใช้ X11 session เป็นค่าเริ่มต้น และหันไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความทันสมัยของระบบ

    การเปลี่ยนแปลงระบบและแพ็กเกจ
    Solus 4.8 ใช้ Polaris package repository ใหม่ ทำให้สามารถลบ symbolic links ที่ใช้สำหรับ Usr-Merge compatibility และอัปเดต systemd package ได้ นอกจากนี้ยังมีการลบ Python 2 ออกจาก repository และ live ISO อย่างถาวร พร้อมทั้งยกเลิก Solus Software Center โดยหันไปใช้ GNOME Software และ Plasma Discover แทนในการจัดการแอปพลิเคชัน

    ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่
    รุ่นนี้มาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด เช่น Mozilla Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5, และ Mesa 25.2.6 graphics stack รวมถึง girepository 2.0 และ systemd 257.10 ทำให้ผู้ใช้ได้รับระบบที่ทันสมัยและเสถียรยิ่งขึ้น

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม
    เนื่องจาก Solus เป็น rolling-release ผู้ใช้เดิมไม่จำเป็นต้องติดตั้งใหม่ เพียงอัปเดตผ่าน package manager ก็จะได้รับฟีเจอร์ทั้งหมดทันที รุ่นใหม่นี้ยังปรับปรุงการจัดการโมดูล 32-bit ให้เบาลง และเปิดใช้งาน homed และ userdb modules เพื่อรองรับการจัดการผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์หลักใน Solus 4.8
    ใช้ Linux Kernel 6.17
    Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3, Xfce 4.20
    GNOME edition ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น

    การเปลี่ยนแปลงระบบ
    ใช้ Polaris package repository ใหม่
    ลบ Python 2 ออกจากระบบ
    ยกเลิก Solus Software Center

    ซอฟต์แวร์ใหม่
    Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5
    Mesa 25.2.6 graphics stack
    systemd 257.10

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม
    อัปเดตผ่าน package manager ได้ทันที
    โมดูล 32-bit ถูกทำให้เบาลง
    เปิดใช้งาน homed และ userdb modules

    ข้อควรระวัง
    การยกเลิก X11 อาจทำให้บางแอปที่ยังไม่รองรับ Wayland มีปัญหา
    การลบ Python 2 อาจกระทบกับสคริปต์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต
    การยกเลิก Solus Software Center อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวไปใช้ GNOME Software หรือ Plasma Discover

    https://9to5linux.com/solus-4-8-released-with-linux-kernel-6-17-gnome-49-kde-plasma-6-5-and-more
    📰 Solus 4.8 เปิดตัวแล้ว: Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5 และอีกมากมาย Solus 4.8 (โค้ดเนม Opportunity) เปิดตัวพร้อม Linux Kernel 6.17 และเดสก์ท็อปใหม่ล่าสุด ได้แก่ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3 และ Xfce 4.20 โดย GNOME edition ได้ยกเลิกการใช้ X11 session เป็นค่าเริ่มต้น และหันไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความทันสมัยของระบบ ⚙️ การเปลี่ยนแปลงระบบและแพ็กเกจ Solus 4.8 ใช้ Polaris package repository ใหม่ ทำให้สามารถลบ symbolic links ที่ใช้สำหรับ Usr-Merge compatibility และอัปเดต systemd package ได้ นอกจากนี้ยังมีการลบ Python 2 ออกจาก repository และ live ISO อย่างถาวร พร้อมทั้งยกเลิก Solus Software Center โดยหันไปใช้ GNOME Software และ Plasma Discover แทนในการจัดการแอปพลิเคชัน 🌐 ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่ รุ่นนี้มาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด เช่น Mozilla Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5, และ Mesa 25.2.6 graphics stack รวมถึง girepository 2.0 และ systemd 257.10 ทำให้ผู้ใช้ได้รับระบบที่ทันสมัยและเสถียรยิ่งขึ้น 🔄 การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม เนื่องจาก Solus เป็น rolling-release ผู้ใช้เดิมไม่จำเป็นต้องติดตั้งใหม่ เพียงอัปเดตผ่าน package manager ก็จะได้รับฟีเจอร์ทั้งหมดทันที รุ่นใหม่นี้ยังปรับปรุงการจัดการโมดูล 32-bit ให้เบาลง และเปิดใช้งาน homed และ userdb modules เพื่อรองรับการจัดการผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์หลักใน Solus 4.8 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.17 ➡️ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3, Xfce 4.20 ➡️ GNOME edition ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น ✅ การเปลี่ยนแปลงระบบ ➡️ ใช้ Polaris package repository ใหม่ ➡️ ลบ Python 2 ออกจากระบบ ➡️ ยกเลิก Solus Software Center ✅ ซอฟต์แวร์ใหม่ ➡️ Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5 ➡️ Mesa 25.2.6 graphics stack ➡️ systemd 257.10 ✅ การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม ➡️ อัปเดตผ่าน package manager ได้ทันที ➡️ โมดูล 32-bit ถูกทำให้เบาลง ➡️ เปิดใช้งาน homed และ userdb modules ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การยกเลิก X11 อาจทำให้บางแอปที่ยังไม่รองรับ Wayland มีปัญหา ⛔ การลบ Python 2 อาจกระทบกับสคริปต์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต ⛔ การยกเลิก Solus Software Center อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวไปใช้ GNOME Software หรือ Plasma Discover https://9to5linux.com/solus-4-8-released-with-linux-kernel-6-17-gnome-49-kde-plasma-6-5-and-more
    9TO5LINUX.COM
    Solus 4.8 Released with Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5, and More - 9to5Linux
    Solus 4.8 distribution is now available for download with Linux 6.17 and featuring updated GNOME, KDE Plasma, Budgie, and Xfce editions.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ศึกสองแอป System Monitor บน Linux

    Mission Center และ Resources เป็นสองแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ Linux ตรวจสอบการทำงานของระบบ ทั้งคู่ใช้ GTK4 และ libadwaita ทำให้หน้าตาโมเดิร์นและเข้ากับ GNOME Desktop ได้ดี แต่แนวทางต่างกัน: Mission Center เน้นรายละเอียดเชิงลึกของฮาร์ดแวร์ทันทีที่เปิดใช้งาน ส่วน Resources เน้นความเรียบง่ายและแสดงข้อมูลแอปควบคู่กับฮาร์ดแวร์ในมุมมองเดียว

    ประสิทธิภาพและการใช้ทรัพยากร
    Mission Center ใช้ GPU acceleration เพื่อแสดงกราฟ ทำให้ CPU ใช้งานน้อยมาก แม้จะแสดงข้อมูลแบบละเอียดก็ยังใช้ RAM ประมาณ 168MB ขณะที่ Resources ใช้หน่วยความจำเพียง 136MB และ CPU ก็เบามากเช่นกัน แม้จะไม่มีการยืนยันว่าใช้ GPU acceleration แต่ก็ยังคงทำงานได้ลื่นไหล ความแตกต่างด้านทรัพยากรถือว่าน้อย แต่ผู้ใช้ที่มี RAM จำกัดอาจเลือก Resources ได้เปรียบกว่า

    ฟีเจอร์จัดการ Process
    ทั้งสองแอปมีฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น หยุด, ยุติ, หรือดูรายละเอียดของ Process แต่ Mission Center โดดเด่นด้วยการจัดการ Service ผ่าน Systemd โดยตรง เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ GUI แทนการใช้ CLI ส่วน Resources มีลูกเล่นซ่อน เช่น การปรับค่า Niceness และการเปลี่ยน CPU affinity ของ Process ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งการทำงานเชิงลึกบนเครื่องที่มีหลายคอร์

    เทรนด์ GNOME และอนาคต
    ในปี 2025 GNOME 49 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น การควบคุมสื่อจาก Lock Screen, การปรับความสว่างต่อจอแยก, และแอปใหม่อย่าง Showtime (แทน Totem) และ Papers (แทน Evince) สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า GNOME กำลังพัฒนา ecosystem ให้ครบวงจรและใช้งานง่ายขึ้น แอปอย่าง Mission Center และ Resources จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสที่ทำให้ Linux Desktop มีความทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Mission Center
    เน้นรายละเอียดฮาร์ดแวร์ทันทีที่เปิดใช้งาน
    ใช้ GPU acceleration ลดภาระ CPU
    มีฟีเจอร์จัดการ Service ผ่าน Systemd

    Resources
    แสดงข้อมูลแอปและฮาร์ดแวร์ควบคู่กัน
    ใช้ RAM น้อยกว่า Mission Center
    ปรับ Niceness และ CPU affinity ได้

    เทรนด์ GNOME 49
    เพิ่มแอปใหม่ เช่น Showtime และ Papers
    ฟีเจอร์ Lock Screen Media Control และปรับความสว่างต่อจอ

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ที่มี RAM จำกัดควรเลือก Resources เพราะ Mission Center ใช้ RAM มากกว่า
    การปรับ Niceness หรือ CPU affinity ใน Resources หากตั้งค่าผิดอาจทำให้ระบบไม่เสถียร
    การจัดการ Service ผ่าน Mission Center แม้สะดวก แต่หากหยุด Service สำคัญโดยไม่รู้ อาจทำให้ระบบล่ม

    https://itsfoss.com/mission-center-vs-resources/
    🖥️ ศึกสองแอป System Monitor บน Linux Mission Center และ Resources เป็นสองแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ Linux ตรวจสอบการทำงานของระบบ ทั้งคู่ใช้ GTK4 และ libadwaita ทำให้หน้าตาโมเดิร์นและเข้ากับ GNOME Desktop ได้ดี แต่แนวทางต่างกัน: Mission Center เน้นรายละเอียดเชิงลึกของฮาร์ดแวร์ทันทีที่เปิดใช้งาน ส่วน Resources เน้นความเรียบง่ายและแสดงข้อมูลแอปควบคู่กับฮาร์ดแวร์ในมุมมองเดียว ⚡ ประสิทธิภาพและการใช้ทรัพยากร Mission Center ใช้ GPU acceleration เพื่อแสดงกราฟ ทำให้ CPU ใช้งานน้อยมาก แม้จะแสดงข้อมูลแบบละเอียดก็ยังใช้ RAM ประมาณ 168MB ขณะที่ Resources ใช้หน่วยความจำเพียง 136MB และ CPU ก็เบามากเช่นกัน แม้จะไม่มีการยืนยันว่าใช้ GPU acceleration แต่ก็ยังคงทำงานได้ลื่นไหล ความแตกต่างด้านทรัพยากรถือว่าน้อย แต่ผู้ใช้ที่มี RAM จำกัดอาจเลือก Resources ได้เปรียบกว่า 🔧 ฟีเจอร์จัดการ Process ทั้งสองแอปมีฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น หยุด, ยุติ, หรือดูรายละเอียดของ Process แต่ Mission Center โดดเด่นด้วยการจัดการ Service ผ่าน Systemd โดยตรง เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ GUI แทนการใช้ CLI ส่วน Resources มีลูกเล่นซ่อน เช่น การปรับค่า Niceness และการเปลี่ยน CPU affinity ของ Process ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งการทำงานเชิงลึกบนเครื่องที่มีหลายคอร์ 🌐 เทรนด์ GNOME และอนาคต ในปี 2025 GNOME 49 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น การควบคุมสื่อจาก Lock Screen, การปรับความสว่างต่อจอแยก, และแอปใหม่อย่าง Showtime (แทน Totem) และ Papers (แทน Evince) สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า GNOME กำลังพัฒนา ecosystem ให้ครบวงจรและใช้งานง่ายขึ้น แอปอย่าง Mission Center และ Resources จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสที่ทำให้ Linux Desktop มีความทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Mission Center ➡️ เน้นรายละเอียดฮาร์ดแวร์ทันทีที่เปิดใช้งาน ➡️ ใช้ GPU acceleration ลดภาระ CPU ➡️ มีฟีเจอร์จัดการ Service ผ่าน Systemd ✅ Resources ➡️ แสดงข้อมูลแอปและฮาร์ดแวร์ควบคู่กัน ➡️ ใช้ RAM น้อยกว่า Mission Center ➡️ ปรับ Niceness และ CPU affinity ได้ ✅ เทรนด์ GNOME 49 ➡️ เพิ่มแอปใหม่ เช่น Showtime และ Papers ➡️ ฟีเจอร์ Lock Screen Media Control และปรับความสว่างต่อจอ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ที่มี RAM จำกัดควรเลือก Resources เพราะ Mission Center ใช้ RAM มากกว่า ⛔ การปรับ Niceness หรือ CPU affinity ใน Resources หากตั้งค่าผิดอาจทำให้ระบบไม่เสถียร ⛔ การจัดการ Service ผ่าน Mission Center แม้สะดวก แต่หากหยุด Service สำคัญโดยไม่รู้ อาจทำให้ระบบล่ม https://itsfoss.com/mission-center-vs-resources/
    ITSFOSS.COM
    Mission Center vs. Resources: The Ultimate Linux System Monitor Showdown
    Two of the best GUI-based system monitors for desktop Linux users. Which one is better of the two? Let's find out.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251129 #TechRadar

    AI อาจทำให้หลายงานหายไป
    มีรายงานใหม่ที่ทำให้ผู้บริหารทั่วโลกเริ่มกังวล เพราะผลการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริหารมองว่าตอนนี้บริษัทมีพนักงานมากเกินความจำเป็นราว 10-19% และในอีกสามปีข้างหน้าอาจเกินถึง 30-50% สาเหตุหลักคือการนำ AI มาใช้ในงานประจำ เช่น งานหลังบ้าน งานบริการลูกค้า และงานเริ่มต้นด้านการเงินหรือ HR ที่ AI สามารถทำแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายองค์กรจึงเริ่มคิดใหม่ว่าบทบาทของคนจะเปลี่ยนไปเป็นการทำงานร่วมกับ AI มากกว่าทำงานแทน AI โดยตรง ขณะเดียวกัน Amazon เองก็ยอมรับว่า AI จะทำให้คนทำงานบางส่วนลดลง แม้จะมีงานใหม่เกิดขึ้น แต่ภาพรวมคือจำนวนคนทำงานอาจลดลงในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/another-major-survey-warns-ai-could-lead-to-major-job-cuts-at-your-business

    แฮกเกอร์โจมตีผู้ใช้ Zendesk
    กลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่เคยโจมตี Salesforce ตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ Zendesk โดยใช้วิธีสร้างโดเมนปลอมกว่า 40 แห่งเพื่อหลอกให้คนกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางครั้งถึงขั้นส่งตั๋วซัพพอร์ตปลอมเข้าไปในระบบ Zendesk เพื่อแพร่มัลแวร์และขโมยสิทธิ์การเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่ากลยุทธ์นี้อันตรายมาก เพราะมันเจาะตรงไปที่ทีมซัพพอร์ตที่มักต้องตอบสนองอย่างเร่งด่วน ทำให้มีโอกาสตกหลุมพรางสูง แม้จะมีข่าวโยงไปถึงการโจมตี Discord แต่กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง
    https://www.techradar.com/pro/security/zendesk-users-targeted-by-scattered-lapsus-usd-hunters-hackers-and-fake-support-sites

    ยุโรปนำหน้าด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แต่สหราชอาณาจักรเริ่มตามไม่ทัน
    รายงาน Digital Quality of Life Index 2025 ของ Surfshark เผยว่าประเทศในยุโรปครองอันดับต้น ๆ ด้านความปลอดภัยดิจิทัล เช่น ฟินแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส แต่สหราชอาณาจักรกลับตกอันดับจากที่เคยอยู่อันดับ 6 ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปี 2024 ลงมาอยู่อันดับ 39 ในปีนี้ แม้ยังมีจุดแข็งเรื่องการคุ้มครองข้อมูลตามมาตรฐาน GDPR แต่ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยกลับช้ากว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังมีจุดเด่นด้าน AI ที่ติดอันดับ 4 ของโลก ซึ่งอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-tops-the-charts-in-digital-security-but-the-uk-might-be-quickly-falling-behind-says-surfshark

    OnePlus 15 เตรียมวางขายในสหรัฐฯ หลังผ่านการอนุมัติ
    สมาร์ทโฟน OnePlus 15 ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับคะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาวจาก TechRadar กำลังจะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ หลังผ่านการรับรองจาก FCC ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนวางขาย รุ่นนี้โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ และกล้องที่ยอดเยี่ยม จนถูกยกให้ “ดีกว่าสมบูรณ์แบบ” ราคาที่คาดว่าจะเริ่มต้นราว 899.99 ดอลลาร์ ถือเป็นการกลับมาท้าทายตลาดที่มักถูกครองโดย Samsung และ Google Pixel
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-clears-its-final-hurdle-for-a-us-launch-heres-why-we-gave-the-flagship-a-rare-five-stars

    รัฐบาลอังกฤษกดดันบริษัทโทรคมนาคมให้โปร่งใสเรื่องราคา
    รัฐบาลอังกฤษโดยรัฐมนตรีการคลังและรัฐมนตรีเทคโนโลยีออกมาเรียกร้องให้บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น BT/EE, Vodafone, Sky และ TalkTalk แสดงรายละเอียดราคาที่ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าถูกขึ้นราคาที่ไม่คาดคิด โดยต้องเปลี่ยนจากการแจ้งเป็นเปอร์เซ็นต์มาเป็นตัวเลขจริงเป็นปอนด์และเพนนี นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง 5G SA ภายในปี 2030 และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับกิกะบิตครอบคลุม 99% ภายในปี 2032
    https://www.techradar.com/pro/uk-government-tells-telecoms-to-do-more-to-protect-customers

    หลายเขตในลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์
    มีรายงานว่าหลายสภาท้องถิ่นในกรุงลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ระบบบริการประชาชนบางส่วนหยุดชะงัก การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากเพราะกระทบต่อข้อมูลและการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่นที่ประชาชนพึ่งพาอยู่ทุกวัน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐก็เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์เช่นกัน และจำเป็นต้องเร่งเสริมมาตรการป้องกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/multiple-london-councils-affected-by-apparent-cyberattack

    Cybersecurity Burnout: เมื่อโลกดิจิทัลทำให้คนทำงานหมดแรง
    ในวงการไซเบอร์ ความเร็วและแรงกดดันคือเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้าสะสมจนกลายเป็น “burnout” ที่กระทบทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน งานวิจัยล่าสุดเผยว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์รู้สึกเหนื่อยล้าในปีที่ผ่านมา และ 69% บอกว่ามันแย่ลงเรื่อย ๆ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวบุคคล แต่ยังทำให้ทีมอ่อนแรง เสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ทางออกคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุน ลดภาระงาน และใช้บริการเสริมอย่าง MDR ที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า “การป้องกันภัยไซเบอร์” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของคนด้วย
    https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all

    Infosys กับแนวคิดทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    Narayana Murthy ผู้ร่วมก่อตั้ง Infosys จุดกระแสอีกครั้งด้วยการเสนอให้พนักงานทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมองว่านี่คือ “ความขยันที่แท้จริง” แต่เสียงวิจารณ์กลับดังสนั่น เพราะหลักฐานจาก WHO และการทดลองในหลายประเทศ เช่น ไอซ์แลนด์และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าการทำงานสั้นลงกลับทำให้ผลผลิตและสุขภาพดีขึ้น การผลักดันให้ทำงานหนักเกินไปจึงถูกมองว่าเป็นการละเลยความเป็นอยู่ของคนทำงาน และอาจย้อนกลับมาทำร้ายองค์กรเอง
    https://www.techradar.com/pro/infosys-co-founder-once-again-calls-for-longer-than-70-hour-weeks-and-no-hes-not-joking

    ChatGPT อายุครบ 3 ปี: จากกล่องข้อความสู่เครื่องมือสารพัด
    จากวันที่เปิดตัวในปี 2022 ในฐานะ “การทดลองวิจัย” ChatGPT กลายเป็นหนึ่งในแอปที่โตเร็วที่สุดในโลก และวันนี้มันไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนอีเมล แต่เป็นผู้ช่วยที่ทำได้ทั้งวางแผนทริป สร้างสไลด์ ดีบักโค้ด ไปจนถึงสร้างภาพและเสียง สามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเบื้องหลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก GPT-3.5 จนถึง GPT-5.1 พร้อมความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ แม้ยังไม่ถึงขั้น “AGI” อย่างที่หลายคนฝัน แต่ก็เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้ AI ในชีวิตประจำวันไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt-turns-3-on-sunday-heres-how-far-its-really-come-and-where-its-heading-next

    Amazon Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN แล้ว
    ข่าวดีสำหรับสายสตรีมมิ่ง Amazon ปล่อยอัปเดต Vega OS ให้ Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างประเทศและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้ทันที อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเพียง NordVPN และ IPVanish ที่พร้อมใช้งานบนระบบใหม่ ส่วนเจ้าอื่นยังตามไม่ทัน การมาของฟีเจอร์นี้ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์สตรีมมิ่งให้ปลอดภัยและหลากหลายขึ้น
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-support-lands-on-next-gen-amazon-fire-tv-stick-but-only-two-vpns-are-ready

    ช่องโหว่ใหม่ใน AI Browser: แค่ “#” ก็โดนเจาะได้
    นักวิจัยเผยเทคนิค “HashJack” ที่ใช้เพียงการใส่ข้อความหลังเครื่องหมาย # ใน URL ก็สามารถสั่งการ AI assistant ในเบราว์เซอร์ให้ทำงานตามคำสั่งแฝงได้ โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว หน้าจอยังแสดงเว็บปกติ แต่เบื้องหลังข้อมูลอาจถูกส่งออกไปหรือถูกบิดเบือน นี่คือช่องโหว่ที่ทำให้การใช้ AI browser เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบแนบเนียน และยากต่อการตรวจจับ การป้องกันจึงต้องเข้มงวดทั้งที่ระดับเครื่องและการออกแบบระบบ ไม่ใช่แค่การตรวจสอบทราฟฟิกทั่วไป
    https://www.techradar.com/pro/thats-not-very-trendy-of-them-ai-browsers-can-be-hacked-with-a-simple-hashtag-experts-warn

    Malicious LLMs: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้างมัลแวร์
    นักวิจัยเตือนว่าระบบ AI ที่ถูกปรับแต่งอย่างไม่ถูกต้องสามารถกลายเป็น “ผู้ช่วยสร้างมัลแวร์” ให้แม้แต่แฮกเกอร์มือใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์คำสั่งก็สามารถสร้างโค้ดอันตรายที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ทันที นี่คือการเปิดประตูให้ภัยไซเบอร์แพร่กระจายเร็วกว่าเดิม และทำให้โลกดิจิทัลเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้างมากขึ้น ปัญหานี้สะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสรรค์ แต่ยังอาจเป็นอาวุธหากถูกใช้ผิดทาง
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-llms-are-letting-even-unskilled-hackers-to-craft-dangerous-new-malware

    Tapo RV30 Max Plus: หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาดิ่ง
    ใครที่มีปัญหาขนสุนัขเต็มบ้านคงยิ้มได้ เพราะ Tapo RV30 Max Plus ลดราคาหนักในช่วง Black Friday ทำให้การจัดการบ้านสะอาดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงเอง รุ่นนี้ถูกรีวิวว่าใช้งานง่าย ดูดแรง และช่วยประหยัดเวลาได้มาก การลดราคาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/tackling-a-sea-of-dog-hair-was-a-daily-headache-for-me-until-i-bought-this-robot-vacuum

    Cloudways vs InMotion Hosting: ศึกโฮสติ้ง WordPress
    สำหรับคนทำเว็บไซต์ WordPress การเลือกโฮสติ้งคือเรื่องสำคัญ บทความนี้เปรียบเทียบ Cloudways และ InMotion Hosting ว่าใครตอบโจทย์มากกว่ากัน ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร การสนับสนุนลูกค้า และราคา ผลลัพธ์คือแต่ละเจ้าเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Cloudways เด่นเรื่องความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง ส่วน InMotion Hosting โดดเด่นด้านบริการลูกค้าและความคุ้มค่า
    https://www.techradar.com/pro/website-hosting/cloudways-vs-inmotion-hosting-which-is-better-for-wordpress-sites

    Commodore 64 กลับมาอีกครั้งหลังหายไป 30 ปี
    เครื่องคอมพิวเตอร์ในตำนาน Commodore 64 ที่เคยครองใจคนยุค 80 กำลังกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานสมัยใหม่ แต่ก็เป็นการปลุกความทรงจำและความหลงใหลในเทคโนโลยีคลาสสิก หลายคนมองว่ามันคือ “ของสะสม” มากกว่าคอมพิวเตอร์จริง ๆ และการกลับมาครั้งนี้ก็สร้างกระแสความตื่นเต้นในหมู่แฟน ๆ ได้ไม่น้อย
    https://www.techradar.com/computing/the-commodore-64-is-back-on-the-production-line-for-the-first-time-in-30-years-and-i-want-it-even-if-it-makes-zero-sense

    ระวังอีเมลหลอกลวงช่วงโบนัสคริสต์มาส
    ใกล้ช่วงโบนัสปลายปี แฮกเกอร์ก็ไม่พลาดโอกาสปลอมอีเมลหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ โดยอ้างว่าเป็นการแจ้งโบนัสหรือสิทธิพิเศษ เพื่อให้เหยื่อคลิกและกรอกข้อมูลส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงนี้ต้องตรวจสอบอีเมลอย่างละเอียด เพราะการโจมตีลักษณะนี้แพร่หลายมากขึ้น และอาจทำให้สูญเสียข้อมูลหรือเงินโดยไม่รู้ตัว
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/excited-for-your-christmas-bonus-so-are-scammers-so-check-your-emails-carefully
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251129 #TechRadar 🧑‍💻 AI อาจทำให้หลายงานหายไป มีรายงานใหม่ที่ทำให้ผู้บริหารทั่วโลกเริ่มกังวล เพราะผลการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริหารมองว่าตอนนี้บริษัทมีพนักงานมากเกินความจำเป็นราว 10-19% และในอีกสามปีข้างหน้าอาจเกินถึง 30-50% สาเหตุหลักคือการนำ AI มาใช้ในงานประจำ เช่น งานหลังบ้าน งานบริการลูกค้า และงานเริ่มต้นด้านการเงินหรือ HR ที่ AI สามารถทำแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายองค์กรจึงเริ่มคิดใหม่ว่าบทบาทของคนจะเปลี่ยนไปเป็นการทำงานร่วมกับ AI มากกว่าทำงานแทน AI โดยตรง ขณะเดียวกัน Amazon เองก็ยอมรับว่า AI จะทำให้คนทำงานบางส่วนลดลง แม้จะมีงานใหม่เกิดขึ้น แต่ภาพรวมคือจำนวนคนทำงานอาจลดลงในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/another-major-survey-warns-ai-could-lead-to-major-job-cuts-at-your-business 🔒 แฮกเกอร์โจมตีผู้ใช้ Zendesk กลุ่ม Scattered Lapsus$ Hunters ที่เคยโจมตี Salesforce ตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ Zendesk โดยใช้วิธีสร้างโดเมนปลอมกว่า 40 แห่งเพื่อหลอกให้คนกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางครั้งถึงขั้นส่งตั๋วซัพพอร์ตปลอมเข้าไปในระบบ Zendesk เพื่อแพร่มัลแวร์และขโมยสิทธิ์การเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่ากลยุทธ์นี้อันตรายมาก เพราะมันเจาะตรงไปที่ทีมซัพพอร์ตที่มักต้องตอบสนองอย่างเร่งด่วน ทำให้มีโอกาสตกหลุมพรางสูง แม้จะมีข่าวโยงไปถึงการโจมตี Discord แต่กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/zendesk-users-targeted-by-scattered-lapsus-usd-hunters-hackers-and-fake-support-sites 🌍 ยุโรปนำหน้าด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แต่สหราชอาณาจักรเริ่มตามไม่ทัน รายงาน Digital Quality of Life Index 2025 ของ Surfshark เผยว่าประเทศในยุโรปครองอันดับต้น ๆ ด้านความปลอดภัยดิจิทัล เช่น ฟินแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส แต่สหราชอาณาจักรกลับตกอันดับจากที่เคยอยู่อันดับ 6 ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปี 2024 ลงมาอยู่อันดับ 39 ในปีนี้ แม้ยังมีจุดแข็งเรื่องการคุ้มครองข้อมูลตามมาตรฐาน GDPR แต่ความก้าวหน้าด้านความปลอดภัยกลับช้ากว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังมีจุดเด่นด้าน AI ที่ติดอันดับ 4 ของโลก ซึ่งอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-tops-the-charts-in-digital-security-but-the-uk-might-be-quickly-falling-behind-says-surfshark 📱 OnePlus 15 เตรียมวางขายในสหรัฐฯ หลังผ่านการอนุมัติ สมาร์ทโฟน OnePlus 15 ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับคะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาวจาก TechRadar กำลังจะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ หลังผ่านการรับรองจาก FCC ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนวางขาย รุ่นนี้โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ และกล้องที่ยอดเยี่ยม จนถูกยกให้ “ดีกว่าสมบูรณ์แบบ” ราคาที่คาดว่าจะเริ่มต้นราว 899.99 ดอลลาร์ ถือเป็นการกลับมาท้าทายตลาดที่มักถูกครองโดย Samsung และ Google Pixel 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-clears-its-final-hurdle-for-a-us-launch-heres-why-we-gave-the-flagship-a-rare-five-stars 📡 รัฐบาลอังกฤษกดดันบริษัทโทรคมนาคมให้โปร่งใสเรื่องราคา รัฐบาลอังกฤษโดยรัฐมนตรีการคลังและรัฐมนตรีเทคโนโลยีออกมาเรียกร้องให้บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เช่น BT/EE, Vodafone, Sky และ TalkTalk แสดงรายละเอียดราคาที่ชัดเจนขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าถูกขึ้นราคาที่ไม่คาดคิด โดยต้องเปลี่ยนจากการแจ้งเป็นเปอร์เซ็นต์มาเป็นตัวเลขจริงเป็นปอนด์และเพนนี นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง 5G SA ภายในปี 2030 และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับกิกะบิตครอบคลุม 99% ภายในปี 2032 🔗 https://www.techradar.com/pro/uk-government-tells-telecoms-to-do-more-to-protect-customers 🏙️ หลายเขตในลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ มีรายงานว่าหลายสภาท้องถิ่นในกรุงลอนดอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ระบบบริการประชาชนบางส่วนหยุดชะงัก การโจมตีครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากเพราะกระทบต่อข้อมูลและการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่นที่ประชาชนพึ่งพาอยู่ทุกวัน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐก็เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์เช่นกัน และจำเป็นต้องเร่งเสริมมาตรการป้องกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/multiple-london-councils-affected-by-apparent-cyberattack 🛡️ Cybersecurity Burnout: เมื่อโลกดิจิทัลทำให้คนทำงานหมดแรง ในวงการไซเบอร์ ความเร็วและแรงกดดันคือเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้าสะสมจนกลายเป็น “burnout” ที่กระทบทั้งสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน งานวิจัยล่าสุดเผยว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์รู้สึกเหนื่อยล้าในปีที่ผ่านมา และ 69% บอกว่ามันแย่ลงเรื่อย ๆ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่ตัวบุคคล แต่ยังทำให้ทีมอ่อนแรง เสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น ทางออกคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุน ลดภาระงาน และใช้บริการเสริมอย่าง MDR ที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า “การป้องกันภัยไซเบอร์” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของคนด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all ⏱️ Infosys กับแนวคิดทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ Narayana Murthy ผู้ร่วมก่อตั้ง Infosys จุดกระแสอีกครั้งด้วยการเสนอให้พนักงานทำงาน 72 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมองว่านี่คือ “ความขยันที่แท้จริง” แต่เสียงวิจารณ์กลับดังสนั่น เพราะหลักฐานจาก WHO และการทดลองในหลายประเทศ เช่น ไอซ์แลนด์และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่าการทำงานสั้นลงกลับทำให้ผลผลิตและสุขภาพดีขึ้น การผลักดันให้ทำงานหนักเกินไปจึงถูกมองว่าเป็นการละเลยความเป็นอยู่ของคนทำงาน และอาจย้อนกลับมาทำร้ายองค์กรเอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/infosys-co-founder-once-again-calls-for-longer-than-70-hour-weeks-and-no-hes-not-joking 🤖 ChatGPT อายุครบ 3 ปี: จากกล่องข้อความสู่เครื่องมือสารพัด จากวันที่เปิดตัวในปี 2022 ในฐานะ “การทดลองวิจัย” ChatGPT กลายเป็นหนึ่งในแอปที่โตเร็วที่สุดในโลก และวันนี้มันไม่ใช่แค่เครื่องมือเขียนอีเมล แต่เป็นผู้ช่วยที่ทำได้ทั้งวางแผนทริป สร้างสไลด์ ดีบักโค้ด ไปจนถึงสร้างภาพและเสียง สามปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเบื้องหลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจาก GPT-3.5 จนถึง GPT-5.1 พร้อมความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ แม้ยังไม่ถึงขั้น “AGI” อย่างที่หลายคนฝัน แต่ก็เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนใช้ AI ในชีวิตประจำวันไปแล้วอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt-turns-3-on-sunday-heres-how-far-its-really-come-and-where-its-heading-next 📺 Amazon Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN แล้ว ข่าวดีสำหรับสายสตรีมมิ่ง Amazon ปล่อยอัปเดต Vega OS ให้ Fire TV Stick รุ่นใหม่รองรับ VPN เป็นครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างประเทศและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้ทันที อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเพียง NordVPN และ IPVanish ที่พร้อมใช้งานบนระบบใหม่ ส่วนเจ้าอื่นยังตามไม่ทัน การมาของฟีเจอร์นี้ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์สตรีมมิ่งให้ปลอดภัยและหลากหลายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/vpn-support-lands-on-next-gen-amazon-fire-tv-stick-but-only-two-vpns-are-ready ⚠️ ช่องโหว่ใหม่ใน AI Browser: แค่ “#” ก็โดนเจาะได้ นักวิจัยเผยเทคนิค “HashJack” ที่ใช้เพียงการใส่ข้อความหลังเครื่องหมาย # ใน URL ก็สามารถสั่งการ AI assistant ในเบราว์เซอร์ให้ทำงานตามคำสั่งแฝงได้ โดยผู้ใช้ไม่รู้ตัว หน้าจอยังแสดงเว็บปกติ แต่เบื้องหลังข้อมูลอาจถูกส่งออกไปหรือถูกบิดเบือน นี่คือช่องโหว่ที่ทำให้การใช้ AI browser เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบแนบเนียน และยากต่อการตรวจจับ การป้องกันจึงต้องเข้มงวดทั้งที่ระดับเครื่องและการออกแบบระบบ ไม่ใช่แค่การตรวจสอบทราฟฟิกทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/thats-not-very-trendy-of-them-ai-browsers-can-be-hacked-with-a-simple-hashtag-experts-warn 🧑‍💻 Malicious LLMs: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้างมัลแวร์ นักวิจัยเตือนว่าระบบ AI ที่ถูกปรับแต่งอย่างไม่ถูกต้องสามารถกลายเป็น “ผู้ช่วยสร้างมัลแวร์” ให้แม้แต่แฮกเกอร์มือใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์คำสั่งก็สามารถสร้างโค้ดอันตรายที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ทันที นี่คือการเปิดประตูให้ภัยไซเบอร์แพร่กระจายเร็วกว่าเดิม และทำให้โลกดิจิทัลเสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้างมากขึ้น ปัญหานี้สะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสรรค์ แต่ยังอาจเป็นอาวุธหากถูกใช้ผิดทาง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-llms-are-letting-even-unskilled-hackers-to-craft-dangerous-new-malware 🤖 Tapo RV30 Max Plus: หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาดิ่ง ใครที่มีปัญหาขนสุนัขเต็มบ้านคงยิ้มได้ เพราะ Tapo RV30 Max Plus ลดราคาหนักในช่วง Black Friday ทำให้การจัดการบ้านสะอาดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงเอง รุ่นนี้ถูกรีวิวว่าใช้งานง่าย ดูดแรง และช่วยประหยัดเวลาได้มาก การลดราคาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/tackling-a-sea-of-dog-hair-was-a-daily-headache-for-me-until-i-bought-this-robot-vacuum 🌐 Cloudways vs InMotion Hosting: ศึกโฮสติ้ง WordPress สำหรับคนทำเว็บไซต์ WordPress การเลือกโฮสติ้งคือเรื่องสำคัญ บทความนี้เปรียบเทียบ Cloudways และ InMotion Hosting ว่าใครตอบโจทย์มากกว่ากัน ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร การสนับสนุนลูกค้า และราคา ผลลัพธ์คือแต่ละเจ้าเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Cloudways เด่นเรื่องความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง ส่วน InMotion Hosting โดดเด่นด้านบริการลูกค้าและความคุ้มค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-hosting/cloudways-vs-inmotion-hosting-which-is-better-for-wordpress-sites 🕹️ Commodore 64 กลับมาอีกครั้งหลังหายไป 30 ปี เครื่องคอมพิวเตอร์ในตำนาน Commodore 64 ที่เคยครองใจคนยุค 80 กำลังกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานสมัยใหม่ แต่ก็เป็นการปลุกความทรงจำและความหลงใหลในเทคโนโลยีคลาสสิก หลายคนมองว่ามันคือ “ของสะสม” มากกว่าคอมพิวเตอร์จริง ๆ และการกลับมาครั้งนี้ก็สร้างกระแสความตื่นเต้นในหมู่แฟน ๆ ได้ไม่น้อย 🔗 https://www.techradar.com/computing/the-commodore-64-is-back-on-the-production-line-for-the-first-time-in-30-years-and-i-want-it-even-if-it-makes-zero-sense 📧 ระวังอีเมลหลอกลวงช่วงโบนัสคริสต์มาส ใกล้ช่วงโบนัสปลายปี แฮกเกอร์ก็ไม่พลาดโอกาสปลอมอีเมลหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ โดยอ้างว่าเป็นการแจ้งโบนัสหรือสิทธิพิเศษ เพื่อให้เหยื่อคลิกและกรอกข้อมูลส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงนี้ต้องตรวจสอบอีเมลอย่างละเอียด เพราะการโจมตีลักษณะนี้แพร่หลายมากขึ้น และอาจทำให้สูญเสียข้อมูลหรือเงินโดยไม่รู้ตัว ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/excited-for-your-christmas-bonus-so-are-scammers-so-check-your-emails-carefully
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251129 #securityonline

    Google เร่งพัฒนาแว่นตา AI เตรียมเปิดตัวปลายปี 2026
    Google กำลังกลับมาลุยตลาดแว่นตาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้จับมือกับ Foxconn ในการผลิตฮาร์ดแวร์ และใช้การออกแบบจาก Samsung พร้อมชิป Qualcomm เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ รุ่นใหม่นี้จะใช้ระบบเลนส์ waveguide และมีกล้องในตัวเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI ขั้นสูง โครงการนี้ไม่ใช่การต่อยอดจาก Project Aura ที่เคยเปิดตัว แต่เป็นอีกเส้นทางที่เดินคู่ขนานกันไป ขณะนี้อยู่ในขั้นทดสอบการผลิตจำนวนเล็ก และหากทุกอย่างราบรื่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2026 จุดแข็งของ Google คือการผสาน Gemini AI เข้ากับ Android XR ทำให้ ecosystem สมบูรณ์และพร้อมแข่งขันกับ Meta, Apple และค่ายอื่น ๆ ที่กำลังเตรียมแว่นตา AI เช่นกัน
    https://securityonline.info/google-assembles-foxconn-samsung-supply-chain-for-q4-2026-ai-glasses-launch

    EU เปิดสอบ Apple Maps และ Apple Ads อาจเข้าข่าย Gatekeeper
    หลังจากที่ Safari, iOS, iPadOS และ App Store ถูกจัดอยู่ในสถานะ Gatekeeper ภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ตอนนี้ Apple Maps และ Apple Ads กำลังถูกตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีผู้ใช้งานถึงเกณฑ์หรือไม่ หากถูกจัดเป็น Gatekeeper จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด เช่น ห้ามเอื้อประโยชน์ให้บริการตัวเอง และห้ามผูกขาดผู้ใช้ใน ecosystem ของ Apple อย่างไรก็ตาม Apple ไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่า Apple Maps มีผู้ใช้น้อยมากในยุโรป และ Apple Ads ก็ไม่ได้มีอิทธิพลในตลาดเทียบกับ Google หรือ Meta การสอบสวนนี้จะใช้เวลา 45 วันก่อนจะมีการตัดสินใจ
    https://securityonline.info/eu-launches-probe-are-apple-maps-apple-ads-next-for-dma-gatekeeper-status

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Kvrocks เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์ Admin
    Apache ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในฐานข้อมูล Kvrocks ซึ่งเป็น NoSQL ที่ทำงานคล้าย Redis โดยมีช่องโหว่สำคัญ CVE-2025-59790 ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้คำสั่ง RESET เพื่อยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น Admin ได้ทันที นอกจากนี้ยังมี CVE-2025-59792 ที่ทำให้คำสั่ง MONITOR เผยข้อมูลรหัสผ่านแบบ plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 และได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.14.0 ความเสี่ยงนี้ถือว่าร้ายแรงเพราะอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges

    CISA เตือนช่องโหว่ OpenPLC ถูกโจมตีจริงในระบบอุตสาหกรรม
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2021-26829 เข้าไปในรายการ Known Exploited Vulnerabilities หลังพบว่ามีการโจมตีจริงในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ช่องโหว่นี้เป็น Stored XSS ที่อยู่ใน OpenPLC ScadaBR ทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังโค้ดอันตรายไว้ในระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าการตั้งค่า โค้ดจะทำงานทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุม session ของผู้ดูแลและอาจแทรกแซงกระบวนการอุตสาหกรรมได้ CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA รีบอัปเดตเพื่อป้องกันความเสียหาย
    https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829

    ข้อมูลผู้ใช้ OpenAI API รั่วจากเหตุ Mixpanel ถูกแฮก
    OpenAI ยืนยันว่ามีข้อมูลผู้ใช้ API รั่วไหล แต่ไม่ใช่จากระบบของตนเองโดยตรง ต้นเหตุเกิดจาก Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ OpenAI ใช้สำหรับติดตามการใช้งาน API โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลออกไปได้ ข้อมูลที่รั่วประกอบด้วยชื่อ อีเมล ข้อมูลตำแหน่งโดยประมาณ และรายละเอียดเบราว์เซอร์ แต่ไม่มีรหัสผ่าน API key หรือข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel ทันที และเตือนผู้ใช้ให้ระวังการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่อาจตามมา เนื่องจากข้อมูลที่รั่วสามารถถูกนำไปใช้สร้างอีเมลปลอมที่ดูน่าเชื่อถือได้
    https://securityonline.info/openai-api-users-exposed-in-mixpanel-security-breach

    Google ลดโควตาฟรีรายวันสำหรับโมเดล Gemini 3 Pro และ Nano Banana Pro
    Google ประกาศปรับนโยบายการใช้งาน API ของโมเดล AI โดยลดโควตาฟรีรายวันลง ทำให้ผู้ใช้งานต้องพิจารณาเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นและความต้องการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Google ยังคงผลักดัน Gemini ให้เป็นแกนหลักของ ecosystem AI ที่เชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของบริษัท
    https://securityonline.info/google-cuts-free-daily-quota-for-gemini-3-pro-and-nano-banana-pro-ai-models

    Pixel 10 เปิดโหมดนำทางประหยัดพลังงานใน Google Maps
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Pixel 10 โดยเพิ่มโหมดนำทางแบบประหยัดพลังงานใน Google Maps ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ถึง 4 ชั่วโมง ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องเดินทางไกลและไม่สะดวกชาร์จมือถือบ่อย ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและความทนทานของแบตเตอรี่
    https://securityonline.info/pixel-10-exclusive-google-maps-launches-power-saving-navigation-mode-for-4-hour-battery-boost

    AWS เปิดตัว Route 53 Accelerated Recovery รับประกันกู้คืนภายใน 60 นาที
    Amazon Web Services (AWS) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Route 53 ที่ชื่อ Accelerated Recovery โดยรับประกันการกู้คืนระบบ DNS ภายในเวลาไม่เกิน 60 นาที ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรที่ต้องพึ่งพาบริการออนไลน์ตลอดเวลา ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ AWS ในตลาดคลาวด์
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/aws-guarantees-60-minute-recovery-time-with-new-route-53-accelerated-recovery
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251129 #securityonline 🕶️ Google เร่งพัฒนาแว่นตา AI เตรียมเปิดตัวปลายปี 2026 Google กำลังกลับมาลุยตลาดแว่นตาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้จับมือกับ Foxconn ในการผลิตฮาร์ดแวร์ และใช้การออกแบบจาก Samsung พร้อมชิป Qualcomm เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ รุ่นใหม่นี้จะใช้ระบบเลนส์ waveguide และมีกล้องในตัวเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI ขั้นสูง โครงการนี้ไม่ใช่การต่อยอดจาก Project Aura ที่เคยเปิดตัว แต่เป็นอีกเส้นทางที่เดินคู่ขนานกันไป ขณะนี้อยู่ในขั้นทดสอบการผลิตจำนวนเล็ก และหากทุกอย่างราบรื่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2026 จุดแข็งของ Google คือการผสาน Gemini AI เข้ากับ Android XR ทำให้ ecosystem สมบูรณ์และพร้อมแข่งขันกับ Meta, Apple และค่ายอื่น ๆ ที่กำลังเตรียมแว่นตา AI เช่นกัน 🔗 https://securityonline.info/google-assembles-foxconn-samsung-supply-chain-for-q4-2026-ai-glasses-launch 🇪🇺 EU เปิดสอบ Apple Maps และ Apple Ads อาจเข้าข่าย Gatekeeper หลังจากที่ Safari, iOS, iPadOS และ App Store ถูกจัดอยู่ในสถานะ Gatekeeper ภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ตอนนี้ Apple Maps และ Apple Ads กำลังถูกตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีผู้ใช้งานถึงเกณฑ์หรือไม่ หากถูกจัดเป็น Gatekeeper จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด เช่น ห้ามเอื้อประโยชน์ให้บริการตัวเอง และห้ามผูกขาดผู้ใช้ใน ecosystem ของ Apple อย่างไรก็ตาม Apple ไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่า Apple Maps มีผู้ใช้น้อยมากในยุโรป และ Apple Ads ก็ไม่ได้มีอิทธิพลในตลาดเทียบกับ Google หรือ Meta การสอบสวนนี้จะใช้เวลา 45 วันก่อนจะมีการตัดสินใจ 🔗 https://securityonline.info/eu-launches-probe-are-apple-maps-apple-ads-next-for-dma-gatekeeper-status ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Kvrocks เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์ Admin Apache ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในฐานข้อมูล Kvrocks ซึ่งเป็น NoSQL ที่ทำงานคล้าย Redis โดยมีช่องโหว่สำคัญ CVE-2025-59790 ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้คำสั่ง RESET เพื่อยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น Admin ได้ทันที นอกจากนี้ยังมี CVE-2025-59792 ที่ทำให้คำสั่ง MONITOR เผยข้อมูลรหัสผ่านแบบ plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 และได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.14.0 ความเสี่ยงนี้ถือว่าร้ายแรงเพราะอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges 🏭 CISA เตือนช่องโหว่ OpenPLC ถูกโจมตีจริงในระบบอุตสาหกรรม หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2021-26829 เข้าไปในรายการ Known Exploited Vulnerabilities หลังพบว่ามีการโจมตีจริงในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ช่องโหว่นี้เป็น Stored XSS ที่อยู่ใน OpenPLC ScadaBR ทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังโค้ดอันตรายไว้ในระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าการตั้งค่า โค้ดจะทำงานทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุม session ของผู้ดูแลและอาจแทรกแซงกระบวนการอุตสาหกรรมได้ CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA รีบอัปเดตเพื่อป้องกันความเสียหาย 🔗 https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829 🔐 ข้อมูลผู้ใช้ OpenAI API รั่วจากเหตุ Mixpanel ถูกแฮก OpenAI ยืนยันว่ามีข้อมูลผู้ใช้ API รั่วไหล แต่ไม่ใช่จากระบบของตนเองโดยตรง ต้นเหตุเกิดจาก Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ OpenAI ใช้สำหรับติดตามการใช้งาน API โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลออกไปได้ ข้อมูลที่รั่วประกอบด้วยชื่อ อีเมล ข้อมูลตำแหน่งโดยประมาณ และรายละเอียดเบราว์เซอร์ แต่ไม่มีรหัสผ่าน API key หรือข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel ทันที และเตือนผู้ใช้ให้ระวังการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่อาจตามมา เนื่องจากข้อมูลที่รั่วสามารถถูกนำไปใช้สร้างอีเมลปลอมที่ดูน่าเชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/openai-api-users-exposed-in-mixpanel-security-breach 🤖 Google ลดโควตาฟรีรายวันสำหรับโมเดล Gemini 3 Pro และ Nano Banana Pro Google ประกาศปรับนโยบายการใช้งาน API ของโมเดล AI โดยลดโควตาฟรีรายวันลง ทำให้ผู้ใช้งานต้องพิจารณาเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นและความต้องการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Google ยังคงผลักดัน Gemini ให้เป็นแกนหลักของ ecosystem AI ที่เชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของบริษัท 🔗 https://securityonline.info/google-cuts-free-daily-quota-for-gemini-3-pro-and-nano-banana-pro-ai-models 🗺️ Pixel 10 เปิดโหมดนำทางประหยัดพลังงานใน Google Maps Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Pixel 10 โดยเพิ่มโหมดนำทางแบบประหยัดพลังงานใน Google Maps ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ถึง 4 ชั่วโมง ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องเดินทางไกลและไม่สะดวกชาร์จมือถือบ่อย ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและความทนทานของแบตเตอรี่ 🔗 https://securityonline.info/pixel-10-exclusive-google-maps-launches-power-saving-navigation-mode-for-4-hour-battery-boost ☁️ AWS เปิดตัว Route 53 Accelerated Recovery รับประกันกู้คืนภายใน 60 นาที Amazon Web Services (AWS) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Route 53 ที่ชื่อ Accelerated Recovery โดยรับประกันการกู้คืนระบบ DNS ภายในเวลาไม่เกิน 60 นาที ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรที่ต้องพึ่งพาบริการออนไลน์ตลอดเวลา ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ AWS ในตลาดคลาวด์ ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/aws-guarantees-60-minute-recovery-time-with-new-route-53-accelerated-recovery
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • เกม Flick Solitaire ถูกลบออกจาก Steam ในรัสเซีย

    Valve ถูกกล่าวหาว่าลบเกม Flick Solitaire ออกจาก Steam ในรัสเซียตามคำร้องของรัฐบาล เนื่องจากเกมมีเด็คไพ่ที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ขณะที่ Apple และ Google ปฏิเสธคำร้องเดียวกัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มเกมระดับโลก

    รายงานระบุว่า Roskomnadzor หน่วยงานกำกับดูแลของรัสเซียได้ส่งคำร้องไปยัง Valve, Apple และ Google ให้ลบเกม Flick Solitaire ออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีเด็คไพ่ที่ “ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ” Valve ตอบสนองโดยลบเกมออกจาก Steam ในรัสเซีย แต่ Apple และ Google ปฏิเสธที่จะทำตาม ทำให้เกมยังคงมีให้ดาวน์โหลดใน App Store และ Google Play

    จุดยืนของผู้พัฒนา Flick Games
    Ian Masters ผู้ก่อตั้ง Flick Games ยืนยันว่าเกมของเขามีเด็คไพ่ที่สร้างโดยศิลปิน LGBTQ+ และไม่เคยเซ็นเซอร์เนื้อหาแม้ในประเทศที่มีกฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ เขากล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่ความตื่นตัวทางสังคม แต่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” พร้อมเน้นว่าการมีตัวตนของ LGBTQ+ ในเกมเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้เล่นในประเทศที่ยังมีการกีดกัน

    ผลกระทบต่อวงการเกมและเสรีภาพดิจิทัล
    กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างของแพลตฟอร์มระดับโลกในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากรัฐบาล การที่ Valveยอมทำตามคำร้องถูกมองว่าเป็นการ “บั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น” ขณะที่ Apple และ Google เลือกปกป้องเนื้อหาของผู้พัฒนา นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกม ตามคำร้องของรัฐบาลรัสเซียในอดีต ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้เล่นทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์การลบเกม
    Roskomnadzor ร้องขอให้ Valve, Apple, Google ลบเกม Flick Solitaire
    Valve ทำตาม แต่ Apple และ Google ปฏิเสธ

    จุดยืนของผู้พัฒนา
    Ian Masters ยืนยันไม่เซ็นเซอร์เนื้อหา LGBTQ+
    มองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ “wokeness”

    ผลกระทบต่อวงการเกม
    Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกมตามคำร้องรัฐบาลรัสเซีย
    กรณีนี้สร้างคำถามเรื่องเสรีภาพและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การยอมตามแรงกดดันรัฐบาลอาจบั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น
    ความไม่โปร่งใสในการจัดการเนื้อหาอาจกระทบความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม

    https://wccftech.com/valve-accused-of-removing-games-from-steam-at-russia-request-flick-solitaire/
    🎮 เกม Flick Solitaire ถูกลบออกจาก Steam ในรัสเซีย Valve ถูกกล่าวหาว่าลบเกม Flick Solitaire ออกจาก Steam ในรัสเซียตามคำร้องของรัฐบาล เนื่องจากเกมมีเด็คไพ่ที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ขณะที่ Apple และ Google ปฏิเสธคำร้องเดียวกัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มเกมระดับโลก รายงานระบุว่า Roskomnadzor หน่วยงานกำกับดูแลของรัสเซียได้ส่งคำร้องไปยัง Valve, Apple และ Google ให้ลบเกม Flick Solitaire ออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีเด็คไพ่ที่ “ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ” Valve ตอบสนองโดยลบเกมออกจาก Steam ในรัสเซีย แต่ Apple และ Google ปฏิเสธที่จะทำตาม ทำให้เกมยังคงมีให้ดาวน์โหลดใน App Store และ Google Play 🏳️‍🌈 จุดยืนของผู้พัฒนา Flick Games Ian Masters ผู้ก่อตั้ง Flick Games ยืนยันว่าเกมของเขามีเด็คไพ่ที่สร้างโดยศิลปิน LGBTQ+ และไม่เคยเซ็นเซอร์เนื้อหาแม้ในประเทศที่มีกฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ เขากล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่ความตื่นตัวทางสังคม แต่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” พร้อมเน้นว่าการมีตัวตนของ LGBTQ+ ในเกมเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้เล่นในประเทศที่ยังมีการกีดกัน 🌍 ผลกระทบต่อวงการเกมและเสรีภาพดิจิทัล กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างของแพลตฟอร์มระดับโลกในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากรัฐบาล การที่ Valveยอมทำตามคำร้องถูกมองว่าเป็นการ “บั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น” ขณะที่ Apple และ Google เลือกปกป้องเนื้อหาของผู้พัฒนา นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกม ตามคำร้องของรัฐบาลรัสเซียในอดีต ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้เล่นทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์การลบเกม ➡️ Roskomnadzor ร้องขอให้ Valve, Apple, Google ลบเกม Flick Solitaire ➡️ Valve ทำตาม แต่ Apple และ Google ปฏิเสธ ✅ จุดยืนของผู้พัฒนา ➡️ Ian Masters ยืนยันไม่เซ็นเซอร์เนื้อหา LGBTQ+ ➡️ มองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ “wokeness” ✅ ผลกระทบต่อวงการเกม ➡️ Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกมตามคำร้องรัฐบาลรัสเซีย ➡️ กรณีนี้สร้างคำถามเรื่องเสรีภาพและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การยอมตามแรงกดดันรัฐบาลอาจบั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น ⛔ ความไม่โปร่งใสในการจัดการเนื้อหาอาจกระทบความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม https://wccftech.com/valve-accused-of-removing-games-from-steam-at-russia-request-flick-solitaire/
    WCCFTECH.COM
    Valve Has Been Accused of Removing a Solitaire Game with LGBTQ+ Card Decks From Steam In Russia At Government's Request
    Valve has been accused of removing a solitaire game from Steam in Russia at the request of the Russian government over its LGBTQ+ card decks.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย

    เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ

    ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก
    CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่

    เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์
    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

    ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน
    การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของการหยุดชะงัก
    ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง
    ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว

    ผลกระทบต่อการซื้อขาย
    ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด

    เวลาและความรุนแรง
    เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า

    ความหมายต่ออนาคต
    สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว
    จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที
    ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    🌡️ ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ 💹 ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่ 🕒 เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของการหยุดชะงัก ➡️ ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง ➡️ ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อการซื้อขาย ➡️ ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด ✅ เวลาและความรุนแรง ➡️ เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว ➡️ จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที ⛔ ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • “Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อมซัพพอร์ต Linux แบบวันเดียว”

    Qualcomm Technologies ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการ ปล่อยแพตช์ซัพพอร์ต Linux สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ภายในวันเดียวหลังจากเปิดตัวชิปใหม่ ถือเป็นการยกระดับแนวคิด developer-first ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการ upstream ที่ยืดเยื้อ

    รายละเอียดฟีเจอร์ที่ถูก upstream
    รองรับ Qualcomm Oryon CPUs พร้อม DVFS และการจัดการพลังงาน
    ระบบ I/O ความเร็วสูง เช่น PCIe, USB 3.0, UFS 4.1
    โมดูลการเชื่อมต่อ WCN7851 สำหรับ Wi-Fi และ Bluetooth
    ซับซิสเต็ม Hexagon DSP สำหรับงาน audio และ compute
    หน่วยประมวลผลภาพและเสียง เช่น Iris VPU, Adreno GPU, WSA8845/WCD9395 codecs

    ความสำคัญต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การ upstream แบบทันทีนี้ทำให้นักพัฒนาสามารถทดลองใช้ Debian image ที่พร้อมบูตได้ทันที พร้อมเข้าถึงแพตช์บน Linux kernel mailing lists โดยไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ สิ่งนี้ช่วยลด “time-to-market” และสร้างความมั่นใจว่าฟีเจอร์ใหม่จะถูกทดสอบและปรับปรุงอย่างรวดเร็วโดยชุมชน

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศ
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI inference, multimedia และการประมวลผลกราฟิกขั้นสูง การที่ Qualcomm เปิดให้เข้าถึง upstream ได้ทันทีจึงเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่และการสร้างระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปล่อยแพตช์ทันที
    Qualcomm upstream ซัพพอร์ต Linux ภายในวันเดียวหลังเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5
    Debian image พร้อมใช้งานสำหรับนักพัฒนา

    ฟีเจอร์หลักที่รองรับ
    Oryon CPUs, PCIe, USB 3.0, UFS 4.1
    Iris VPU, Adreno GPU, Hexagon DSP, Audio codecs

    ผลต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    ลดเวลาในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่
    เปิดให้ทดสอบและปรับปรุงโดยนักพัฒนาทั่วโลก

    ข้อควรระวัง
    ฟีเจอร์บางส่วน เช่น Display และ GPU device tree ยังไม่ถูก upstream เต็มรูปแบบ
    ต้องติดตามการอัปเดตแพตช์เพิ่มเติมในอนาคต

    https://www.qualcomm.com/developer/blog/2025/10/same-day-snapdragon-8-elite-gen-5-upstream-linux-support
    📰 “Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 พร้อมซัพพอร์ต Linux แบบวันเดียว” Qualcomm Technologies ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการ ปล่อยแพตช์ซัพพอร์ต Linux สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ภายในวันเดียวหลังจากเปิดตัวชิปใหม่ ถือเป็นการยกระดับแนวคิด developer-first ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการ upstream ที่ยืดเยื้อ 🔧 รายละเอียดฟีเจอร์ที่ถูก upstream 🎗️ รองรับ Qualcomm Oryon CPUs พร้อม DVFS และการจัดการพลังงาน 🎗️ ระบบ I/O ความเร็วสูง เช่น PCIe, USB 3.0, UFS 4.1 🎗️ โมดูลการเชื่อมต่อ WCN7851 สำหรับ Wi-Fi และ Bluetooth 🎗️ ซับซิสเต็ม Hexagon DSP สำหรับงาน audio และ compute 🎗️ หน่วยประมวลผลภาพและเสียง เช่น Iris VPU, Adreno GPU, WSA8845/WCD9395 codecs 🌐 ความสำคัญต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส การ upstream แบบทันทีนี้ทำให้นักพัฒนาสามารถทดลองใช้ Debian image ที่พร้อมบูตได้ทันที พร้อมเข้าถึงแพตช์บน Linux kernel mailing lists โดยไม่ต้องลงทะเบียนใด ๆ สิ่งนี้ช่วยลด “time-to-market” และสร้างความมั่นใจว่าฟีเจอร์ใหม่จะถูกทดสอบและปรับปรุงอย่างรวดเร็วโดยชุมชน 🚀 ผลกระทบต่อระบบนิเวศ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ถูกออกแบบเพื่อรองรับงาน AI inference, multimedia และการประมวลผลกราฟิกขั้นสูง การที่ Qualcomm เปิดให้เข้าถึง upstream ได้ทันทีจึงเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่และการสร้างระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปล่อยแพตช์ทันที ➡️ Qualcomm upstream ซัพพอร์ต Linux ภายในวันเดียวหลังเปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 ➡️ Debian image พร้อมใช้งานสำหรับนักพัฒนา ✅ ฟีเจอร์หลักที่รองรับ ➡️ Oryon CPUs, PCIe, USB 3.0, UFS 4.1 ➡️ Iris VPU, Adreno GPU, Hexagon DSP, Audio codecs ✅ ผลต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส ➡️ ลดเวลาในการเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เปิดให้ทดสอบและปรับปรุงโดยนักพัฒนาทั่วโลก ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ฟีเจอร์บางส่วน เช่น Display และ GPU device tree ยังไม่ถูก upstream เต็มรูปแบบ ⛔ ต้องติดตามการอัปเดตแพตช์เพิ่มเติมในอนาคต https://www.qualcomm.com/developer/blog/2025/10/same-day-snapdragon-8-elite-gen-5-upstream-linux-support
    WWW.QUALCOMM.COM
    Same-day upstream Linux support for Snapdragon 8 Elite Gen 5 mobile platform
    Initial kernel and subsystem support for new Snapdragon 8 Elite Gen 5 posted for review. Learn what’s in the patches and how you can start working with them.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • AV Linux 25: ดิสโทรสายมัลติมีเดียรุ่นใหม่
    AV Linux 25 ถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยใช้ฐานจาก MX Linux 25 “Infinity” และ Debian 13 “Trixie” จุดเด่นคือการนำเดสก์ท็อป Enlightenment 0.27.1 มาใช้ พร้อมตัวช่วยตั้งค่าแรกเริ่ม (first-run wizard) เพื่อให้ผู้ใช้ใหม่สามารถปรับแต่งระบบได้ง่ายขึ้น.

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
    เมนูคลิกขวาแบบ Openbox
    ธีมใหม่ “Ease” ทั้งโหมด Light และ Dark
    การเชื่อมโยง GTK4 theme กับ libadwaita
    คลังธีมเสริมสำหรับ Enlightenment และ GTK
    เครื่องมือเฉพาะของ AV Linux เช่น Wine4VST สำหรับปลั๊กอินเสียง Windows, Quickemu สำหรับ VM, และ PACPL/FFmpeg สำหรับแปลงไฟล์เสียงและวิดีโอ.

    เครื่องมือมัลติมีเดียครบชุด
    AV Linux 25 มาพร้อมโปรแกรมยอดนิยมสำหรับงานสร้างสรรค์ เช่น Ardour, Kdenlive, Cinelerra-GG, GIMP, Inkscape และรองรับ AppImage เพื่อให้ติดตั้งแอปที่ไม่มีใน repo ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุง PipeWire ให้ทำงานได้เสถียรและมี latency ต่ำ เหมาะสำหรับงานเสียงแบบมืออาชีพ.

    ประสิทธิภาพและรุ่นใหม่ MX Moksha
    ภายในใช้ Liquorix 6.12 LTS kernel ที่ปรับแต่งสำหรับงาน real-time audio พร้อมการจัดการ IRQ แบบ threaded เพื่อให้ตอบสนองเร็วขึ้น อีกทั้งยังมีรุ่นใหม่ MX Moksha 25 ที่ใช้เดสก์ท็อป Moksha (พัฒนาจาก Enlightenment โดย Bodhi Linux) สำหรับผู้ที่ต้องการระบบเบาและปรับแต่งเองได้.

    สรุปสาระสำคัญ
    ฐานจาก MX Linux 25 และ Debian 13
    ใช้ Enlightenment 0.27.1 พร้อม wizard ตั้งค่าแรกเริ่ม

    ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้มัลติมีเดีย
    เมนูคลิกขวา, ธีม Ease, GTK4-libadwaita integration

    เครื่องมือมัลติมีเดียครบชุด
    Ardour, Kdenlive, Cinelerra-GG, GIMP, Inkscape, PipeWire ที่เสถียรขึ้น

    รองรับปลั๊กอิน Windows และ VM
    Wine4VST, Quickemu, PACPL, FFmpeg

    ต้องการฮาร์ดแวร์ที่รองรับ real-time kernel
    หากเครื่องไม่รองรับ อาจไม่เสถียรสำหรับงานเสียง

    MX Moksha รุ่นใหม่เน้นความเบา
    ผู้ใช้ต้องปรับแต่งเองมากขึ้น

    https://9to5linux.com/av-linux-25-multimedia-production-distro-brings-enlightenment-to-mx-linux-25
    🎶 AV Linux 25: ดิสโทรสายมัลติมีเดียรุ่นใหม่ AV Linux 25 ถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ โดยใช้ฐานจาก MX Linux 25 “Infinity” และ Debian 13 “Trixie” จุดเด่นคือการนำเดสก์ท็อป Enlightenment 0.27.1 มาใช้ พร้อมตัวช่วยตั้งค่าแรกเริ่ม (first-run wizard) เพื่อให้ผู้ใช้ใหม่สามารถปรับแต่งระบบได้ง่ายขึ้น. 🖥️ ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ 💠 เมนูคลิกขวาแบบ Openbox 💠 ธีมใหม่ “Ease” ทั้งโหมด Light และ Dark 💠 การเชื่อมโยง GTK4 theme กับ libadwaita 💠 คลังธีมเสริมสำหรับ Enlightenment และ GTK 💠 เครื่องมือเฉพาะของ AV Linux เช่น Wine4VST สำหรับปลั๊กอินเสียง Windows, Quickemu สำหรับ VM, และ PACPL/FFmpeg สำหรับแปลงไฟล์เสียงและวิดีโอ. 🎨 เครื่องมือมัลติมีเดียครบชุด AV Linux 25 มาพร้อมโปรแกรมยอดนิยมสำหรับงานสร้างสรรค์ เช่น Ardour, Kdenlive, Cinelerra-GG, GIMP, Inkscape และรองรับ AppImage เพื่อให้ติดตั้งแอปที่ไม่มีใน repo ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังปรับปรุง PipeWire ให้ทำงานได้เสถียรและมี latency ต่ำ เหมาะสำหรับงานเสียงแบบมืออาชีพ. ⚙️ ประสิทธิภาพและรุ่นใหม่ MX Moksha ภายในใช้ Liquorix 6.12 LTS kernel ที่ปรับแต่งสำหรับงาน real-time audio พร้อมการจัดการ IRQ แบบ threaded เพื่อให้ตอบสนองเร็วขึ้น อีกทั้งยังมีรุ่นใหม่ MX Moksha 25 ที่ใช้เดสก์ท็อป Moksha (พัฒนาจาก Enlightenment โดย Bodhi Linux) สำหรับผู้ที่ต้องการระบบเบาและปรับแต่งเองได้. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฐานจาก MX Linux 25 และ Debian 13 ➡️ ใช้ Enlightenment 0.27.1 พร้อม wizard ตั้งค่าแรกเริ่ม ✅ ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้มัลติมีเดีย ➡️ เมนูคลิกขวา, ธีม Ease, GTK4-libadwaita integration ✅ เครื่องมือมัลติมีเดียครบชุด ➡️ Ardour, Kdenlive, Cinelerra-GG, GIMP, Inkscape, PipeWire ที่เสถียรขึ้น ✅ รองรับปลั๊กอิน Windows และ VM ➡️ Wine4VST, Quickemu, PACPL, FFmpeg ‼️ ต้องการฮาร์ดแวร์ที่รองรับ real-time kernel ⛔ หากเครื่องไม่รองรับ อาจไม่เสถียรสำหรับงานเสียง ‼️ MX Moksha รุ่นใหม่เน้นความเบา ⛔ ผู้ใช้ต้องปรับแต่งเองมากขึ้น https://9to5linux.com/av-linux-25-multimedia-production-distro-brings-enlightenment-to-mx-linux-25
    9TO5LINUX.COM
    AV Linux 25 Multimedia Production Distro Brings Enlightenment to MX Linux 25 - 9to5Linux
    AV Linux 25 distribution designed for music and video production is now available for download based on MX Linux 25.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.35

    นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล

    ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม

    ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    บทความกฎหมาย EP.35 นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline

    The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง
    https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack

    One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM
    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล
    https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam

    Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0
    Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0

    Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens
    ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต
    https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens

    500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends
    Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline 🛡️ The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง 🔗 https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack ✨ One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam ⚙️ Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0 Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0 💰 Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต 🔗 https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens 💻 500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    SECURITYONLINE.INFO
    The "Korean Leaks" Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    Qilin & North Korean hackers launch "Korean Leaks," a massive supply chain attack on South Korea's financial sector via a compromised MSP.
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel

    TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน

    Intel ยืนยันความโปร่งใส
    Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป

    เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A
    Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo
    กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน

    Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่
    ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล

    ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก
    อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย
    หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด

    ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A
    หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    ⚖️ ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน 🏢 Intel ยืนยันความโปร่งใส Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป 💻 เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo ➡️ กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน ✅ Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่ ➡️ ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล ✅ ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก ➡️ อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย ⛔ หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด ‼️ ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A ⛔ หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง

    บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก.

    สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้
    NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน.

    จุดเด่นของการออกแบบ
    การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น.

    ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต
    DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses
    เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay

    ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM
    รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน

    ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1
    มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน

    รองรับ 10GbE networking
    เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K

    DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก

    ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท
    ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ

    https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    💾 DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้ NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน. 📈 จุดเด่นของการออกแบบ การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น. 🔮 ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses ➡️ เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay ✅ ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM ➡️ รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน ✅ ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ➡️ มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน ✅ รองรับ 10GbE networking ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K ‼️ DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก ‼️ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท ⛔ ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    BLOG.BRIANCMOSES.COM
    DIY NAS: 2026 Edition
    An 8-bay DIY NAS with 10GbE networking, TrueNAS 25.10.0.1, an Intel N355 CPU, 32GB of DDR5 RAM, and a smallish form factor that occupies less than 20 liters of your office space.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools

    ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด.

    สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools
    องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่:
    การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง
    การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration)
    ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation)
    การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา.

    ประโยชน์และข้อควรระวัง
    CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด.

    ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM
    ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย.

    สรุปสาระสำคัญ
    CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์
    ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด

    ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์
    AWS, Azure, Google Cloud

    ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration
    ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว

    ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ
    เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance

    ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable
    มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE

    หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec

    การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง
    อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด

    https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    ☁️ คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด. 🔎 สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่: 🎗️ การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง 🎗️ การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration) 🎗️ ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation) 🎗️ การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา. 🛡️ ประโยชน์และข้อควรระวัง CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด. 🏢 ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์ ➡️ ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด ✅ ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์ ➡️ AWS, Azure, Google Cloud ✅ ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration ➡️ ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว ✅ ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ ➡️ เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance ✅ ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable ➡️ มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE ‼️ หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec ‼️ การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง ⛔ อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CSPM buyer’s guide: How to choose the best cloud security posture management tools
    With hybrid multicloud environments becoming prevalent across all industries, it pays to invest in the right CSPM tools to minimize risk, protect cloud assets, and manage compliance.
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants

    TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode.

    AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง.

    TicNote ในฐานะ Agentic OS
    TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
    Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI
    Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน
    Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล
    AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์
    AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ.

    การใช้งานและแพ็กเกจราคา
    TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ:
    Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร
    Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง
    Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน).

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker
    ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล

    ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition
    รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม

    มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business
    ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday

    เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์

    ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน

    ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ

    https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    📊 ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode. AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง. 🧠 TicNote ในฐานะ Agentic OS TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่: 🔷 Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI 🔷 Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน 🔷 Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล 🔷 AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์ 🔷 AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ. 💼 การใช้งานและแพ็กเกจราคา TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ: 🔷 Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร 🔷 Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง 🔷 Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน). 🔐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker ➡️ ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล ✅ ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition ➡️ รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม ✅ มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business ➡️ ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday ✅ เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์ ‼️ ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน ‼️ ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    HACKREAD.COM
    AI Meeting Assistants Are Rising – But Is Your Data Safe? A Deep Look at TicNote AI
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • ฟอนต์ใหม่จาก Google: Sans Flex

    Google ได้เปิดตัวฟอนต์โอเพ่นซอร์สใหม่ชื่อ Sans Flex ภายใต้ SIL Open Font License โดยออกแบบโดย David Berlow ฟอนต์นี้ถูกพัฒนาให้เป็น “next-gen brand typeface” ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายมิติ เช่น น้ำหนัก ความกว้าง ขนาดเชิงสายตา ความเอียง และปลายตัวอักษรที่โค้งมน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกสไตล์ที่เหมาะสมกับงานออกแบบได้จากไฟล์เดียว.

    ความยืดหยุ่นและการใช้งาน
    Sans Flex เป็นฟอนต์แบบ variable font ที่รวมหลายสไตล์ไว้ในไฟล์เดียว แทนที่จะต้องดาวน์โหลดหลายไฟล์เหมือนฟอนต์ทั่วไป จุดเด่นคือการแสดงผลที่ชัดเจนบนหน้าจอความละเอียดสูงและระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกับ fractional scaling ซึ่งช่วยให้ตัวอักษรคมชัดและอ่านง่ายขึ้น.

    การติดตั้งและข้อจำกัด
    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Sans Flex ได้จากเว็บไซต์ทางการ และติดตั้งบน Ubuntu หรือ Linux distribution อื่น ๆ ได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือ ฟีเจอร์ variable font ยังไม่รองรับเต็มที่บน Linux Desktop ทำให้เมื่อใช้งานแบบ system-wide จะได้เพียงสไตล์ปกติ ไม่สามารถปรับแต่งได้ตามที่ฟอนต์รองรับ.

    ผลกระทบต่อวงการออกแบบ
    การเปิดตัว Sans Flex ถือเป็นการผลักดันวงการฟอนต์โอเพ่นซอร์สให้เติบโตต่อไป นักออกแบบและนักพัฒนาเว็บมองว่าฟอนต์นี้จะช่วยให้การออกแบบ UI/UX มีความทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งยังลดภาระการจัดการไฟล์ฟอนต์จำนวนมาก เพราะรวมทุกสไตล์ไว้ในไฟล์เดียว.

    สรุปสาระสำคัญ
    Google เปิดตัวฟอนต์ใหม่ชื่อ Sans Flex
    เป็นโอเพ่นซอร์สภายใต้ SIL Open Font License

    ฟอนต์แบบ Variable Font รองรับการปรับแต่ง 5 มิติ
    น้ำหนัก, ความกว้าง, ขนาดเชิงสายตา, ความเอียง, ปลายตัวอักษรโค้งมน

    ออกแบบมาเพื่อหน้าจอสมัยใหม่และความละเอียดสูง
    ช่วยลดจำนวนไฟล์ฟอนต์ที่ต้องติดตั้ง

    สามารถติดตั้งบน Ubuntu และ Linux อื่น ๆ ได้ง่าย
    ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการของ Google

    ฟีเจอร์ Variable Font ยังไม่รองรับเต็มที่บน Linux Desktop
    ใช้งานแบบ system-wide จะได้เพียงสไตล์ปกติ

    อาจยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งขั้นสูงบน Linux
    ต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับเต็มรูปแบบ

    https://itsfoss.com/news/google-sans-flex/
    🖋️ ฟอนต์ใหม่จาก Google: Sans Flex Google ได้เปิดตัวฟอนต์โอเพ่นซอร์สใหม่ชื่อ Sans Flex ภายใต้ SIL Open Font License โดยออกแบบโดย David Berlow ฟอนต์นี้ถูกพัฒนาให้เป็น “next-gen brand typeface” ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายมิติ เช่น น้ำหนัก ความกว้าง ขนาดเชิงสายตา ความเอียง และปลายตัวอักษรที่โค้งมน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกสไตล์ที่เหมาะสมกับงานออกแบบได้จากไฟล์เดียว. 💻 ความยืดหยุ่นและการใช้งาน Sans Flex เป็นฟอนต์แบบ variable font ที่รวมหลายสไตล์ไว้ในไฟล์เดียว แทนที่จะต้องดาวน์โหลดหลายไฟล์เหมือนฟอนต์ทั่วไป จุดเด่นคือการแสดงผลที่ชัดเจนบนหน้าจอความละเอียดสูงและระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกับ fractional scaling ซึ่งช่วยให้ตัวอักษรคมชัดและอ่านง่ายขึ้น. 🌐 การติดตั้งและข้อจำกัด ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Sans Flex ได้จากเว็บไซต์ทางการ และติดตั้งบน Ubuntu หรือ Linux distribution อื่น ๆ ได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือ ฟีเจอร์ variable font ยังไม่รองรับเต็มที่บน Linux Desktop ทำให้เมื่อใช้งานแบบ system-wide จะได้เพียงสไตล์ปกติ ไม่สามารถปรับแต่งได้ตามที่ฟอนต์รองรับ. 📈 ผลกระทบต่อวงการออกแบบ การเปิดตัว Sans Flex ถือเป็นการผลักดันวงการฟอนต์โอเพ่นซอร์สให้เติบโตต่อไป นักออกแบบและนักพัฒนาเว็บมองว่าฟอนต์นี้จะช่วยให้การออกแบบ UI/UX มีความทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งยังลดภาระการจัดการไฟล์ฟอนต์จำนวนมาก เพราะรวมทุกสไตล์ไว้ในไฟล์เดียว. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google เปิดตัวฟอนต์ใหม่ชื่อ Sans Flex ➡️ เป็นโอเพ่นซอร์สภายใต้ SIL Open Font License ✅ ฟอนต์แบบ Variable Font รองรับการปรับแต่ง 5 มิติ ➡️ น้ำหนัก, ความกว้าง, ขนาดเชิงสายตา, ความเอียง, ปลายตัวอักษรโค้งมน ✅ ออกแบบมาเพื่อหน้าจอสมัยใหม่และความละเอียดสูง ➡️ ช่วยลดจำนวนไฟล์ฟอนต์ที่ต้องติดตั้ง ✅ สามารถติดตั้งบน Ubuntu และ Linux อื่น ๆ ได้ง่าย ➡️ ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการของ Google ‼️ ฟีเจอร์ Variable Font ยังไม่รองรับเต็มที่บน Linux Desktop ⛔ ใช้งานแบบ system-wide จะได้เพียงสไตล์ปกติ ‼️ อาจยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งขั้นสูงบน Linux ⛔ ต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรองรับเต็มรูปแบบ https://itsfoss.com/news/google-sans-flex/
    ITSFOSS.COM
    Google Just Made Its Sleek New Font Open Source
    Everything you need to know about Google Sans Flex.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
More Results