• บทความนี้กล่าวถึงวิธีป้องกันไม่ให้ อุปกรณ์สตรีมมิ่ง เช่น Fire Stick, Roku, Chromecast และ Apple TV ติดตามพฤติกรรมการรับชมของคุณ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มักรวบรวมข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการค้นหา การตั้งค่า และการโต้ตอบกับโฆษณา เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานและแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย

    แม้ว่าการเก็บข้อมูลบางส่วนจะจำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐาน แต่การเก็บข้อมูลที่มากเกินไปอาจทำให้คุณสูญเสียความเป็นส่วนตัวและตกอยู่ใน "วงจำกัดของข้อมูล" (filter bubble) ซึ่งจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลาย

    ✅ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    - ตรวจสอบและปิดการตั้งค่าการติดตามในอุปกรณ์สตรีมมิ่ง
    - จำกัดการติดตามโฆษณาและเลือกไม่รับโฆษณาแบบเจาะจง

    ✅ การใช้ VPN
    - ใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลและปกปิดที่อยู่ IP

    ✅ การจัดการคำสั่งเสียง
    - ปิดการใช้งานคำสั่งเสียงหรือใช้งานอย่างระมัดระวัง

    ✅ การตัดการเชื่อมต่อเมื่อไม่ใช้งาน
    - ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากอินเทอร์เน็ตเมื่อไม่ได้ใช้งาน

    ✅ คำแนะนำเฉพาะสำหรับอุปกรณ์
    - Apple TV: ปิดการติดตามในแอปและการวิเคราะห์
    - Google Chromecast: ปิดการวิเคราะห์และการปรับแต่งโฆษณา
    - Roku: ปิดการติดตามโฆษณาและการเข้าถึงไมโครโฟน
    - Amazon Fire TV: ปิดการเก็บข้อมูลการใช้งานและโฆษณาแบบเจาะจง

    https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/is-your-streaming-device-tracking-your-tv-viewing-habits-yes-but-heres-how-to-stop-it/
    บทความนี้กล่าวถึงวิธีป้องกันไม่ให้ อุปกรณ์สตรีมมิ่ง เช่น Fire Stick, Roku, Chromecast และ Apple TV ติดตามพฤติกรรมการรับชมของคุณ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มักรวบรวมข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการค้นหา การตั้งค่า และการโต้ตอบกับโฆษณา เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานและแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย แม้ว่าการเก็บข้อมูลบางส่วนจะจำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐาน แต่การเก็บข้อมูลที่มากเกินไปอาจทำให้คุณสูญเสียความเป็นส่วนตัวและตกอยู่ใน "วงจำกัดของข้อมูล" (filter bubble) ซึ่งจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลาย ✅ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว - ตรวจสอบและปิดการตั้งค่าการติดตามในอุปกรณ์สตรีมมิ่ง - จำกัดการติดตามโฆษณาและเลือกไม่รับโฆษณาแบบเจาะจง ✅ การใช้ VPN - ใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลและปกปิดที่อยู่ IP ✅ การจัดการคำสั่งเสียง - ปิดการใช้งานคำสั่งเสียงหรือใช้งานอย่างระมัดระวัง ✅ การตัดการเชื่อมต่อเมื่อไม่ใช้งาน - ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากอินเทอร์เน็ตเมื่อไม่ได้ใช้งาน ✅ คำแนะนำเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ - Apple TV: ปิดการติดตามในแอปและการวิเคราะห์ - Google Chromecast: ปิดการวิเคราะห์และการปรับแต่งโฆษณา - Roku: ปิดการติดตามโฆษณาและการเข้าถึงไมโครโฟน - Amazon Fire TV: ปิดการเก็บข้อมูลการใช้งานและโฆษณาแบบเจาะจง https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/is-your-streaming-device-tracking-your-tv-viewing-habits-yes-but-heres-how-to-stop-it/
    WWW.ZDNET.COM
    How to prevent your streaming device from tracking your viewing habits (and why it makes a difference)
    Your Fire Stick, Roku, and other streaming devices collect your personal data for various reasons. If you're uncomfortable with that, here's how to get peace of mind.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • Commvault ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญใน Command Center ซึ่งเป็นคอนโซลการจัดการแบบเว็บสำหรับการปกป้องข้อมูลและการสำรองข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CV-2025-34028 และสามารถถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตบนระบบที่ติดตั้งบน Linux และ Windows โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ Server-Side Request Forgery (SSRF) ซึ่งสามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) โดยใช้ไฟล์ ZIP ที่มีโค้ด JSP ที่เป็นอันตราย การโจมตีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อระบบที่มีการจัดการข้อมูลสำคัญ

    Commvault ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในเวอร์ชัน 11.38.20 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตระบบทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรแยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก

    ✅ ช่องโหว่ใน Command Center
    - ช่องโหว่ SSRF สามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE)
    - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน

    ✅ ผลกระทบต่อระบบ
    - ระบบที่ใช้ Command Center อาจถูกโจมตีและนำไปสู่การสูญเสียข้อมูล
    - การโจมตีสามารถส่งผลต่อการสำรองข้อมูลและการกู้คืนระบบ

    ✅ การตอบสนองของ Commvault
    - ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 11.38.20 เพื่อแก้ไขช่องโหว่
    - แนะนำให้แยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก

    ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    - ผู้ใช้งานควรอัปเดตระบบทันทีและตรวจสอบว่าระบบถูกโจมตีหรือไม่
    - ควรตั้งค่าการจำกัดการเข้าถึงผ่านไฟร์วอลล์

    https://www.csoonline.com/article/3970946/critical-commvault-ssrf-could-allow-attackers-to-execute-code-remotely.html
    Commvault ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญใน Command Center ซึ่งเป็นคอนโซลการจัดการแบบเว็บสำหรับการปกป้องข้อมูลและการสำรองข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CV-2025-34028 และสามารถถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตบนระบบที่ติดตั้งบน Linux และ Windows โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ Server-Side Request Forgery (SSRF) ซึ่งสามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) โดยใช้ไฟล์ ZIP ที่มีโค้ด JSP ที่เป็นอันตราย การโจมตีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อระบบที่มีการจัดการข้อมูลสำคัญ Commvault ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในเวอร์ชัน 11.38.20 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตระบบทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรแยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก ✅ ช่องโหว่ใน Command Center - ช่องโหว่ SSRF สามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อระบบ - ระบบที่ใช้ Command Center อาจถูกโจมตีและนำไปสู่การสูญเสียข้อมูล - การโจมตีสามารถส่งผลต่อการสำรองข้อมูลและการกู้คืนระบบ ✅ การตอบสนองของ Commvault - ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 11.38.20 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ - แนะนำให้แยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ - ผู้ใช้งานควรอัปเดตระบบทันทีและตรวจสอบว่าระบบถูกโจมตีหรือไม่ - ควรตั้งค่าการจำกัดการเข้าถึงผ่านไฟร์วอลล์ https://www.csoonline.com/article/3970946/critical-commvault-ssrf-could-allow-attackers-to-execute-code-remotely.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Commvault warns of critical Command Center flaw
    The flaw, tracked as CV-2025-34028, could allow remote attackers to execute arbitrary code without authentication on affected Linux as well as Windows installations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

    ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก

    ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ
    - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด
    - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา

    ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน
    - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน
    - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง

    ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย
    - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WWW.TECHRADAR.COM
    Top employee monitoring app leaks 21 million screenshots on thousands of users
    WorkComposer leaking screenshots of user activity on the clear web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลก โดยใช้เทคโนโลยี CoWoS-L ซึ่งสามารถรองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² และใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ทั่วไป การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน

    โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยมีการใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่สามารถรองรับการใช้พลังงานระดับ kilowatt-class เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ

    ✅ การใช้เทคโนโลยี CoWoS-L
    - รองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm²
    - ใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD

    ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล
    - เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน
    - ใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน

    ✅ การจัดการพลังงานระดับ kilowatt-class
    - ใช้ monolithic power management ICs (PMICs) และ embedded deep trench capacitors (eDTC)
    - ช่วยลดความต้านทานและเพิ่มความเสถียรของระบบ

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาด AI
    - โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-mulls-massive-1000w-class-multi-chiplet-processors-with-40x-the-performance-of-standard-models
    TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลก โดยใช้เทคโนโลยี CoWoS-L ซึ่งสามารถรองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² และใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ทั่วไป การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยมีการใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่สามารถรองรับการใช้พลังงานระดับ kilowatt-class เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ ✅ การใช้เทคโนโลยี CoWoS-L - รองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² - ใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล - เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน - ใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน ✅ การจัดการพลังงานระดับ kilowatt-class - ใช้ monolithic power management ICs (PMICs) และ embedded deep trench capacitors (eDTC) - ช่วยลดความต้านทานและเพิ่มความเสถียรของระบบ ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาด AI - โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-mulls-massive-1000w-class-multi-chiplet-processors-with-40x-the-performance-of-standard-models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์:

    1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร?
    - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร?

    2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง?
    - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่?

    3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่?
    - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่?

    4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง?
    - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร?

    5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025?
    - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร?

    6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร?
    - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร?

    7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP?
    - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร?

    8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่?
    - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่?

    9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่?
    - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง?

    🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร?
    - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร?

    https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์: 1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร? - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร? 2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง? - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่? 3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่? - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่? 4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง? - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร? 5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025? - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร? 6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร? - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร? 7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP? - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร? 8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่? - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่? 9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่? - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง? 🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร? - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร? https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 key questions security leaders must ask at RSA 2025
    Agentic AI, platform hype, identity management, and economic uncertainty will dominate the RSA agenda. But discussions with fellow attendees will provide the real payoff.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากชิป M4 โดยชิป M5 นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผล AI โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm N3P ของ TSMC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์

    นอกจากนี้ Apple ยังมุ่งเน้นการพัฒนา Neural Engine รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผลได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที เพื่อรองรับการใช้งาน AI เช่น การถอดเสียงแบบเรียลไทม์และการประมวลผลภาพ/วิดีโอที่ชาญฉลาด

    ✅ การใช้เทคโนโลยี 3nm N3P ของ TSMC
    - ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - มีคุณสมบัติการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น

    ✅ Neural Engine รุ่นใหม่
    - รองรับการประมวลผล AI ได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที
    - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การถอดเสียงและการประมวลผลภาพ

    ✅ การพัฒนา SoIC และการบรรจุชิปแบบ 2.5D
    - แยก CPU และ GPU เพื่อการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น
    - เพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วงในการประมวลผล

    ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
    - คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ได้ 15–25% และเพิ่มประสิทธิภาพ GPU สำหรับงานสร้างสรรค์

    ✅ การเปิดตัวในอุปกรณ์ใหม่
    - MacBook Pro รุ่น M5 จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025
    - iPad Pro รุ่น M5 จะตามมาในต้นปี 2026

    https://computercity.com/hardware/processors/apples-m5-chip-to-debut-in-late-2025-with-big-performance-gains
    Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากชิป M4 โดยชิป M5 นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผล AI โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm N3P ของ TSMC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ นอกจากนี้ Apple ยังมุ่งเน้นการพัฒนา Neural Engine รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผลได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที เพื่อรองรับการใช้งาน AI เช่น การถอดเสียงแบบเรียลไทม์และการประมวลผลภาพ/วิดีโอที่ชาญฉลาด ✅ การใช้เทคโนโลยี 3nm N3P ของ TSMC - ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - มีคุณสมบัติการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น ✅ Neural Engine รุ่นใหม่ - รองรับการประมวลผล AI ได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การถอดเสียงและการประมวลผลภาพ ✅ การพัฒนา SoIC และการบรรจุชิปแบบ 2.5D - แยก CPU และ GPU เพื่อการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น - เพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วงในการประมวลผล ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม - คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ได้ 15–25% และเพิ่มประสิทธิภาพ GPU สำหรับงานสร้างสรรค์ ✅ การเปิดตัวในอุปกรณ์ใหม่ - MacBook Pro รุ่น M5 จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 - iPad Pro รุ่น M5 จะตามมาในต้นปี 2026 https://computercity.com/hardware/processors/apples-m5-chip-to-debut-in-late-2025-with-big-performance-gains
    COMPUTERCITY.COM
    Apple’s M5 Chip to Debut in Late 2025 With Big Performance Gains
    Apple’s silicon roadmap continues to march forward, and all eyes are now on the highly anticipated M5 chip, expected to debut in late 2025. Positioned as the
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ripple ซึ่งเป็นบริษัทคริปโตเคอเรนซีชื่อดัง กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยในไลบรารีซอฟต์แวร์ xrpl.js ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับ XRP Ledger โดยมีผู้ไม่หวังดีเข้าถึงบัญชี NPM ของนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ Ripple และอัปโหลดโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตและเงินที่เก็บไว้ในนั้น

    ✅ การโจมตีผ่านบัญชี NPM ของนักพัฒนา Ripple
    - ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงบัญชี NPM และแก้ไขไลบรารี xrpl.js
    - เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 2.14.2, 4.2.1, 4.2.2, 4.2.3 และ 4.2.4

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    - ไลบรารีที่ถูกแก้ไขถูกดาวน์โหลดประมาณ 450 ครั้งก่อนที่จะถูกลบออก
    - ผู้ใช้งานที่ใช้ไลบรารีนี้อาจสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโต

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - XRP Ledger Foundation แนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเกรดไลบรารีเป็นเวอร์ชัน 4.2.5 ทันที
    - โค้ดที่เป็นอันตรายไม่ได้อยู่ใน GitHub repository ของ Ripple

    ✅ ความสำคัญของ XRP Ledger
    - XRP Ledger เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมและการจัดการบัญชีในเครือข่าย XRP

    https://www.techradar.com/pro/security/ripple-cryptocurrency-software-library-hit-by-major-security-issue-wallets-under-threat
    Ripple ซึ่งเป็นบริษัทคริปโตเคอเรนซีชื่อดัง กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยในไลบรารีซอฟต์แวร์ xrpl.js ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับ XRP Ledger โดยมีผู้ไม่หวังดีเข้าถึงบัญชี NPM ของนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ Ripple และอัปโหลดโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตและเงินที่เก็บไว้ในนั้น ✅ การโจมตีผ่านบัญชี NPM ของนักพัฒนา Ripple - ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงบัญชี NPM และแก้ไขไลบรารี xrpl.js - เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 2.14.2, 4.2.1, 4.2.2, 4.2.3 และ 4.2.4 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน - ไลบรารีที่ถูกแก้ไขถูกดาวน์โหลดประมาณ 450 ครั้งก่อนที่จะถูกลบออก - ผู้ใช้งานที่ใช้ไลบรารีนี้อาจสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโต ✅ การแก้ไขปัญหา - XRP Ledger Foundation แนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเกรดไลบรารีเป็นเวอร์ชัน 4.2.5 ทันที - โค้ดที่เป็นอันตรายไม่ได้อยู่ใน GitHub repository ของ Ripple ✅ ความสำคัญของ XRP Ledger - XRP Ledger เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมและการจัดการบัญชีในเครือข่าย XRP https://www.techradar.com/pro/security/ripple-cryptocurrency-software-library-hit-by-major-security-issue-wallets-under-threat
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • AWS และ Microsoft ได้ประกาศหยุดโครงการศูนย์ข้อมูลบางส่วนในต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทไม่ได้ยกเลิกโครงการที่ได้ลงนามไว้แล้ว โดย AWS ยังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับ Generative AI และงานพื้นฐานบนแพลตฟอร์มของตน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการปรับตัวของบริษัทในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน

    ✅ AWS หยุดการเจรจาเช่าศูนย์ข้อมูลบางส่วนในต่างประเทศ
    - การหยุดนี้เป็นการจัดการความจุที่เป็นกิจวัตร ไม่ใช่การลดความสนใจใน AI
    - โครงการที่ลงนามแล้วจะยังคงดำเนินการต่อไป

    ✅ Microsoft หยุดโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ในโอไฮโอ
    - การหยุดนี้เป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    ✅ การลงทุนในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป
    - AWS ลงทุน 8.3 พันล้านดอลลาร์ในรัฐมหาราษฏระ อินเดีย และ 11 พันล้านดอลลาร์ในจอร์เจีย
    - Microsoft ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคต่างๆ

    ✅ ผลกระทบจากภาษีของทรัมป์
    - ภาษีที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการลงทุนในต่างประเทศ

    https://www.techradar.com/pro/aws-joins-microsoft-in-pausing-data-center-projects-is-ai-demand-falling-off
    AWS และ Microsoft ได้ประกาศหยุดโครงการศูนย์ข้อมูลบางส่วนในต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทไม่ได้ยกเลิกโครงการที่ได้ลงนามไว้แล้ว โดย AWS ยังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับ Generative AI และงานพื้นฐานบนแพลตฟอร์มของตน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการปรับตัวของบริษัทในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ✅ AWS หยุดการเจรจาเช่าศูนย์ข้อมูลบางส่วนในต่างประเทศ - การหยุดนี้เป็นการจัดการความจุที่เป็นกิจวัตร ไม่ใช่การลดความสนใจใน AI - โครงการที่ลงนามแล้วจะยังคงดำเนินการต่อไป ✅ Microsoft หยุดโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ในโอไฮโอ - การหยุดนี้เป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ✅ การลงทุนในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป - AWS ลงทุน 8.3 พันล้านดอลลาร์ในรัฐมหาราษฏระ อินเดีย และ 11 พันล้านดอลลาร์ในจอร์เจีย - Microsoft ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคต่างๆ ✅ ผลกระทบจากภาษีของทรัมป์ - ภาษีที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการลงทุนในต่างประเทศ https://www.techradar.com/pro/aws-joins-microsoft-in-pausing-data-center-projects-is-ai-demand-falling-off
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Max ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เคยรู้จักในชื่อ HBO Max ได้เริ่มดำเนินการปราบปรามการแชร์รหัสผ่าน โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Extra Member ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มสมาชิกในบัญชีได้ในราคา $7.99 ต่อเดือนในสหรัฐฯ ฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการแชร์รหัสผ่านและเพิ่มรายได้จากการสมัครสมาชิก

    ✅ การเพิ่มสมาชิกในบัญชี Max
    - ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มสมาชิกในบัญชีได้ในราคา $7.99 ต่อเดือน
    - สมาชิกที่เพิ่มจะมีบัญชีแยกต่างหากพร้อมข้อมูลการเข้าสู่ระบบของตัวเอง

    ✅ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Extra Member
    - สมาชิกที่เพิ่มสามารถสตรีมได้เพียงหนึ่งอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
    - ฟีเจอร์นี้ยังไม่รองรับผู้ใช้งานที่สมัครผ่านแพ็กเกจรวม

    ✅ การเปิดตัวในสหรัฐฯ
    - ฟีเจอร์ Extra Member เปิดตัวในสหรัฐฯ และคาดว่าจะขยายไปยังภูมิภาคอื่นในอนาคต

    ✅ การจัดการโปรไฟล์ผู้ใช้งาน
    - ผู้ใช้งานสามารถโอนโปรไฟล์ที่มีประวัติการดูและการตั้งค่าไปยังบัญชีใหม่ได้

    https://www.techradar.com/streaming/hbo-max/sorry-maxs-password-crackdown-just-got-serious-heres-how-much-it-will-cost-to-add-an-extra-member-to-your-subscription
    Max ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เคยรู้จักในชื่อ HBO Max ได้เริ่มดำเนินการปราบปรามการแชร์รหัสผ่าน โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Extra Member ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มสมาชิกในบัญชีได้ในราคา $7.99 ต่อเดือนในสหรัฐฯ ฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการแชร์รหัสผ่านและเพิ่มรายได้จากการสมัครสมาชิก ✅ การเพิ่มสมาชิกในบัญชี Max - ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มสมาชิกในบัญชีได้ในราคา $7.99 ต่อเดือน - สมาชิกที่เพิ่มจะมีบัญชีแยกต่างหากพร้อมข้อมูลการเข้าสู่ระบบของตัวเอง ✅ ข้อจำกัดของฟีเจอร์ Extra Member - สมาชิกที่เพิ่มสามารถสตรีมได้เพียงหนึ่งอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน - ฟีเจอร์นี้ยังไม่รองรับผู้ใช้งานที่สมัครผ่านแพ็กเกจรวม ✅ การเปิดตัวในสหรัฐฯ - ฟีเจอร์ Extra Member เปิดตัวในสหรัฐฯ และคาดว่าจะขยายไปยังภูมิภาคอื่นในอนาคต ✅ การจัดการโปรไฟล์ผู้ใช้งาน - ผู้ใช้งานสามารถโอนโปรไฟล์ที่มีประวัติการดูและการตั้งค่าไปยังบัญชีใหม่ได้ https://www.techradar.com/streaming/hbo-max/sorry-maxs-password-crackdown-just-got-serious-heres-how-much-it-will-cost-to-add-an-extra-member-to-your-subscription
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงศูนย์ข้อมูล AI ในจีนที่กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้ทรัพยากรไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยมีการขาย GPU Nvidia RTX 4090D ที่ไม่ได้ใช้งานออกสู่ตลาดเพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว GPU เหล่านี้มี VRAM ขนาด 48GB และถูกปรับปรุงใหม่ก่อนการขาย ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของศูนย์ข้อมูล AI ในการจัดการทรัพยากรและการลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

    ✅ การขาย GPU Nvidia RTX 4090D ที่ไม่ได้ใช้งาน
    - GPU เหล่านี้มี VRAM ขนาด 48GB และถูกปรับปรุงใหม่ก่อนการขาย
    - ราคาขายอยู่ระหว่าง 20,000 ถึง 40,000 หยวน หรือประมาณ 2,735 ถึง 5,470 ดอลลาร์สหรัฐ

    ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรไม่เต็มประสิทธิภาพ
    - ศูนย์ข้อมูล AI ต้องมีอัตราการใช้งานมากกว่า 70% ถึง 75% เพื่อสร้างกำไร
    - อัตราการใช้งานปัจจุบันต่ำกว่า 20% ทำให้ทรัพยากรจำนวนมากไม่ได้ใช้งาน

    ✅ การปรับปรุง GPU เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย
    - GPU ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบ blower-style เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบ multi-GPU

    ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกชิป AI
    - รัฐบาลสหรัฐฯ ได้จำกัดการส่งออกชิป Nvidia H20 และ AMD MI308 ไปยังจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-data-centers-refurbing-and-selling-rtx-4090s-due-to-overcapacity-48gb-models-sell-for-up-to-usd5-500
    ข่าวนี้กล่าวถึงศูนย์ข้อมูล AI ในจีนที่กำลังเผชิญกับปัญหาการใช้ทรัพยากรไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยมีการขาย GPU Nvidia RTX 4090D ที่ไม่ได้ใช้งานออกสู่ตลาดเพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว GPU เหล่านี้มี VRAM ขนาด 48GB และถูกปรับปรุงใหม่ก่อนการขาย ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของศูนย์ข้อมูล AI ในการจัดการทรัพยากรและการลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ✅ การขาย GPU Nvidia RTX 4090D ที่ไม่ได้ใช้งาน - GPU เหล่านี้มี VRAM ขนาด 48GB และถูกปรับปรุงใหม่ก่อนการขาย - ราคาขายอยู่ระหว่าง 20,000 ถึง 40,000 หยวน หรือประมาณ 2,735 ถึง 5,470 ดอลลาร์สหรัฐ ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรไม่เต็มประสิทธิภาพ - ศูนย์ข้อมูล AI ต้องมีอัตราการใช้งานมากกว่า 70% ถึง 75% เพื่อสร้างกำไร - อัตราการใช้งานปัจจุบันต่ำกว่า 20% ทำให้ทรัพยากรจำนวนมากไม่ได้ใช้งาน ✅ การปรับปรุง GPU เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย - GPU ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบ blower-style เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบ multi-GPU ✅ ผลกระทบจากข้อจำกัดการส่งออกชิป AI - รัฐบาลสหรัฐฯ ได้จำกัดการส่งออกชิป Nvidia H20 และ AMD MI308 ไปยังจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-data-centers-refurbing-and-selling-rtx-4090s-due-to-overcapacity-48gb-models-sell-for-up-to-usd5-500
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง Cloud-Native Application Protection Platforms (CNAPPs) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระบบคลาวด์ โดย CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท ได้แก่ CIEM, CWPP, CASB, และ CSPM เพื่อสร้างโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ เช่น API Security, Container Security, และ Infrastructure-as-Code (IaC) Security

    ✅ CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท
    - CIEM: จัดการการเข้าถึงและความเสี่ยง
    - CWPP: ปกป้องโค้ดในระบบคลาวด์และการทำงานใน runtime
    - CASB: จัดการการยืนยันตัวตนและการเข้ารหัส
    - CSPM: รวมข้อมูลภัยคุกคามและการแก้ไข

    ✅ การขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ
    - ครอบคลุม API Security, Container Security, และ IaC Security
    - รองรับการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน SaaS

    ✅ การพัฒนา CNAPPs อย่างรวดเร็ว
    - CNAPPs ช่วยลดข้อผิดพลาดในการตั้งค่าระบบและเพิ่มความปลอดภัยใน pipeline การพัฒนา
    - ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคามและการแก้ไข

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาด CNAPPs
    - Google ซื้อ Wiz และ Check Point Software ยุติการขาย CloudGuard CNAPP
    - Fortinet ซื้อ Lacework และเปลี่ยนชื่อเป็น FortiCNAPP

    https://www.csoonline.com/article/573629/cnapp-buyers-guide-top-tools-compared.html
    บทความนี้กล่าวถึง Cloud-Native Application Protection Platforms (CNAPPs) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระบบคลาวด์ โดย CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท ได้แก่ CIEM, CWPP, CASB, และ CSPM เพื่อสร้างโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ เช่น API Security, Container Security, และ Infrastructure-as-Code (IaC) Security ✅ CNAPPs รวมฟังก์ชันจากเครื่องมือ 4 ประเภท - CIEM: จัดการการเข้าถึงและความเสี่ยง - CWPP: ปกป้องโค้ดในระบบคลาวด์และการทำงานใน runtime - CASB: จัดการการยืนยันตัวตนและการเข้ารหัส - CSPM: รวมข้อมูลภัยคุกคามและการแก้ไข ✅ การขยายฟังก์ชันไปยังด้านอื่นๆ - ครอบคลุม API Security, Container Security, และ IaC Security - รองรับการจัดการข้อมูลและแอปพลิเคชัน SaaS ✅ การพัฒนา CNAPPs อย่างรวดเร็ว - CNAPPs ช่วยลดข้อผิดพลาดในการตั้งค่าระบบและเพิ่มความปลอดภัยใน pipeline การพัฒนา - ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคามและการแก้ไข ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาด CNAPPs - Google ซื้อ Wiz และ Check Point Software ยุติการขาย CloudGuard CNAPP - Fortinet ซื้อ Lacework และเปลี่ยนชื่อเป็น FortiCNAPP https://www.csoonline.com/article/573629/cnapp-buyers-guide-top-tools-compared.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CNAPP buyer’s guide: Top cloud-native app protection platforms compared
    Cloud-native application protection platforms (CNAPPs) aim to provide a complete cloud security solution, but some are more complete than others.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวทาง Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรือระบบใดๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะเริ่มต้นใช้งาน Zero Trust แต่ยังมีความท้าทายด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญ

    ✅ Zero Trust เป็นแนวทางที่เน้นการตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง
    - องค์กรต้องตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงทุกครั้ง แม้จะอยู่ภายในเครือข่าย
    - การนำ Zero Trust มาใช้ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ องค์กรส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้งาน Zero Trust
    - 63% ขององค์กรทั่วโลกมีการนำ Zero Trust มาใช้ในบางส่วน
    - 58% ขององค์กรยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น โดยครอบคลุมเพียง 50% ของระบบ

    ✅ การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ
    - การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและกระบวนการ
    - การสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น

    ✅ การจัดการความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการใช้งาน
    - Zero Trust อาจเพิ่มความยุ่งยากในการใช้งาน แต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
    - การสร้างกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อรับฟังความคิดเห็นช่วยลดผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน

    ✅ การสร้างกรอบการทำงานเพื่อช่วยในการนำ Zero Trust มาใช้
    - การใช้กรอบการทำงานช่วยให้องค์กรสามารถจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - กรอบการทำงานช่วยประเมินความสามารถในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคาม

    https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวทาง Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรือระบบใดๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะเริ่มต้นใช้งาน Zero Trust แต่ยังมีความท้าทายด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญ ✅ Zero Trust เป็นแนวทางที่เน้นการตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง - องค์กรต้องตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงทุกครั้ง แม้จะอยู่ภายในเครือข่าย - การนำ Zero Trust มาใช้ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ องค์กรส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้งาน Zero Trust - 63% ขององค์กรทั่วโลกมีการนำ Zero Trust มาใช้ในบางส่วน - 58% ขององค์กรยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น โดยครอบคลุมเพียง 50% ของระบบ ✅ การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ - การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและกระบวนการ - การสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น ✅ การจัดการความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและการใช้งาน - Zero Trust อาจเพิ่มความยุ่งยากในการใช้งาน แต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย - การสร้างกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อรับฟังความคิดเห็นช่วยลดผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้งาน ✅ การสร้างกรอบการทำงานเพื่อช่วยในการนำ Zero Trust มาใช้ - การใช้กรอบการทำงานช่วยให้องค์กรสามารถจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ - กรอบการทำงานช่วยประเมินความสามารถในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคาม https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Security leaders shed light on their zero trust journeys
    Most CISOs recognize the improved security posture zero trust will bring. But cultural and technological changes make for an arduous path that takes business savvy and technical acumen to navigate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ

    ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail
    - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ
    - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta
    - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP)
    - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ

    ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ
    - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์

    ✅ การจัดการผ่าน Admin Console
    - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล

    https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Data Classification Labels สำหรับ Gmail ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกฎการป้องกันข้อมูล เช่น การป้องกันไม่ให้ส่งอีเมลที่มีข้อมูลภายในออกนอกองค์กร หรือการติดป้ายกำกับ "Confidential" ให้กับข้อความที่มีข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ ✅ ฟีเจอร์ Data Classification Labels พร้อมใช้งานใน Gmail - ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูลสำคัญด้วยการติดป้ายกำกับ - ป้ายกำกับสามารถกำหนดได้ทั้งแบบกำหนดเองและแบบที่ใช้ร่วมกับ Google Drive ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์ตั้งแต่ช่วง Beta - เพิ่มการติดป้ายกำกับอัตโนมัติผ่านกฎ Data Loss Prevention (DLP) - เพิ่มฟีเจอร์ "Sensitive Content Snippets" เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกตั้งกฎ ✅ การรองรับการใช้งานบนมือถือ - ฟีเจอร์นี้รองรับทั้ง Android และ iOS เพื่อให้การป้องกันข้อมูลครอบคลุมทุกอุปกรณ์ ✅ การจัดการผ่าน Admin Console - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในระดับโดเมน กลุ่ม หรือผู้ใช้งานรายบุคคล https://www.neowin.net/news/data-classifications-labels-for-gmail-leaves-open-beta-now-generally-available/
    WWW.NEOWIN.NET
    Data classifications labels for Gmail leaves open beta, now generally available
    Data classification labels are handy for organizing sensitive emails. Now, Google has made them widely available for Gmail customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ปรับปรุงความสามารถของ Copilot ใน Word เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ้างอิงข้อมูล โดยผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารขนาดใหญ่และโฟลเดอร์ทั้งหมดได้ ซึ่งช่วยให้การสร้างและตรวจสอบเอกสารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การอัปเดตนี้ยังรวมถึงการรองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุดถึง 1.5 ล้านคำ หรือ 3,000 หน้า และการอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการ ในฟีเจอร์ Draft with Copilot

    ✅ การอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ทั้งหมด
    - ผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ใน OneDrive หรือ SharePoint
    - หากโฟลเดอร์มีไฟล์มากกว่า 10 ไฟล์ Copilot จะเลือกอ้างอิงจากไฟล์ล่าสุด 10 ไฟล์

    ✅ รองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์
    - รองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุด 1.5 ล้านคำหรือ 3,000 หน้า
    - สามารถอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการในฟีเจอร์ Draft with Copilot

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ ใน Word
    - การจัดการโน้ตเสียง (voice notes) ที่ดีขึ้น
    - การถอดเสียงเป็นเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าหรือแบบกำหนดเอง

    ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ใน Word for the Web
    - ฟีเจอร์การอ้างอิงโฟลเดอร์พร้อมใช้งานใน Word for the Web แล้ว
    - การรองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายน 2025

    https://www.neowin.net/news/microsoft-now-lets-you-reference-massive-documents-and-entire-folders-in-word/
    Microsoft ได้ปรับปรุงความสามารถของ Copilot ใน Word เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ้างอิงข้อมูล โดยผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารขนาดใหญ่และโฟลเดอร์ทั้งหมดได้ ซึ่งช่วยให้การสร้างและตรวจสอบเอกสารมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การอัปเดตนี้ยังรวมถึงการรองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุดถึง 1.5 ล้านคำ หรือ 3,000 หน้า และการอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการ ในฟีเจอร์ Draft with Copilot ✅ การอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ทั้งหมด - ผู้ใช้งานสามารถอ้างอิงข้อมูลจากโฟลเดอร์ใน OneDrive หรือ SharePoint - หากโฟลเดอร์มีไฟล์มากกว่า 10 ไฟล์ Copilot จะเลือกอ้างอิงจากไฟล์ล่าสุด 10 ไฟล์ ✅ รองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์ - รองรับเอกสารที่มีความยาวสูงสุด 1.5 ล้านคำหรือ 3,000 หน้า - สามารถอ้างอิงไฟล์ได้สูงสุด 20 รายการในฟีเจอร์ Draft with Copilot ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ ใน Word - การจัดการโน้ตเสียง (voice notes) ที่ดีขึ้น - การถอดเสียงเป็นเทมเพลตที่สร้างไว้ล่วงหน้าหรือแบบกำหนดเอง ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ใน Word for the Web - ฟีเจอร์การอ้างอิงโฟลเดอร์พร้อมใช้งานใน Word for the Web แล้ว - การรองรับเอกสารขนาดใหญ่และการอ้างอิงหลายไฟล์จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายน 2025 https://www.neowin.net/news/microsoft-now-lets-you-reference-massive-documents-and-entire-folders-in-word/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft now lets you reference massive documents and entire folders in Word
    Microsoft is making some changes to Copilot in Word, allowing you to reference entire folders and much larger documents.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 เมษายน 2568-แถลงการณ์จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้จับกุมผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกไปให้ผู้อื่นทำก่อนจะส่งต่อไปให้อดีตนายตำรวจยศพลตำรวจเอกนายหนึ่งคัดลอก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2566 นั้นหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) รู้สึกเสียใจยิ่งกับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้หลักสูตรฯ ในครั้งนี้ และขอเรียนว่า หลักสูตรฯ ได้รับการประสานจาก บช.สอท. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และหลักสูตรฯ ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาโดยตลอดหลักสูตรฯ ขอเรียนว่า "ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีครั้งนี้ มิใช่ศิษย์เก่าและมิได้เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย" แต่ได้อาศัยโอกาสกระทำการดังกล่าวจากการเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตรโดยที่เจ้าหน้าที่มีได้สังเกตพิรุธ (รายละเอียดอยู่ในขั้นตอนคดี) ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของหลักสูตรได้ให้ข้อมูลและแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานข้อมูลเพิ่มเติมทางการสอบสวน และหากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในกรณีนี้หรือกรณีอื่น คณะนิติศาสตร์จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับการจัดการในกรณีอื่น ๆ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะนิติศาสตร์ ขอยืนยันเจตจำนงในอันที่จะรักษามาตรฐานการจัดการศึกษา การให้ปริญญา ตลอดจน คุณภาพบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาของไทยอนึ่ง หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) เป็นหลักสูตรที่เปิดขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 สำหรับบุคคลทั่วไปที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งมาแล้วเข้าศึกษานอกเวลาราชการเพื่อให้ได้รับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตอีกปริญญาหนึ่งคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย23 เมษายน 2568
    23 เมษายน 2568-แถลงการณ์จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้จับกุมผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกไปให้ผู้อื่นทำก่อนจะส่งต่อไปให้อดีตนายตำรวจยศพลตำรวจเอกนายหนึ่งคัดลอก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2566 นั้นหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) รู้สึกเสียใจยิ่งกับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้หลักสูตรฯ ในครั้งนี้ และขอเรียนว่า หลักสูตรฯ ได้รับการประสานจาก บช.สอท. ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และหลักสูตรฯ ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาโดยตลอดหลักสูตรฯ ขอเรียนว่า "ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีครั้งนี้ มิใช่ศิษย์เก่าและมิได้เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย" แต่ได้อาศัยโอกาสกระทำการดังกล่าวจากการเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตรโดยที่เจ้าหน้าที่มีได้สังเกตพิรุธ (รายละเอียดอยู่ในขั้นตอนคดี) ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของหลักสูตรได้ให้ข้อมูลและแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานข้อมูลเพิ่มเติมทางการสอบสวน และหากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในกรณีนี้หรือกรณีอื่น คณะนิติศาสตร์จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับการจัดการในกรณีอื่น ๆ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะนิติศาสตร์ ขอยืนยันเจตจำนงในอันที่จะรักษามาตรฐานการจัดการศึกษา การให้ปริญญา ตลอดจน คุณภาพบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาของไทยอนึ่ง หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) เป็นหลักสูตรที่เปิดขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 สำหรับบุคคลทั่วไปที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดสาขาหนึ่งมาแล้วเข้าศึกษานอกเวลาราชการเพื่อให้ได้รับปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตอีกปริญญาหนึ่งคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย23 เมษายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่เรียกว่า Direct-to-Chip Liquid Cooling เพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานและน้ำในศูนย์ข้อมูล AI โดยระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 25 เท่า และลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบระเหยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการออกแบบและค่าใช้จ่ายที่สูง

    ✅ ระบบระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip Liquid Cooling
    - ใช้แผ่นเย็น (cold plates) ที่ติดตั้งบน GPU, CPU และส่วนประกอบที่สร้างความร้อน
    - ระบบนี้เป็นแบบวงจรปิด (closed-loop) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย

    ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล AI
    - ระบบนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องทำความเย็นแบบกลไก (mechanical chillers)
    - รองรับการใช้น้ำอุ่นในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน

    ✅ การออกแบบที่รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
    - ใช้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนแบบของเหลวต่อของเหลว (liquid-to-liquid heat exchangers)
    - รองรับการจัดการความร้อนสูงถึง 2 เมกะวัตต์

    ✅ ความร่วมมือกับ Schneider Electric
    - Nvidia ได้พัฒนาการออกแบบร่วมกับ Schneider Electric เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการติดตั้ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-aims-to-solve-ais-water-consumption-problems-with-direct-to-chip-cooling-claims-300x-improvement-with-closed-loop-systems
    Nvidia ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่เรียกว่า Direct-to-Chip Liquid Cooling เพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานและน้ำในศูนย์ข้อมูล AI โดยระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 25 เท่า และลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบระเหยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการออกแบบและค่าใช้จ่ายที่สูง ✅ ระบบระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip Liquid Cooling - ใช้แผ่นเย็น (cold plates) ที่ติดตั้งบน GPU, CPU และส่วนประกอบที่สร้างความร้อน - ระบบนี้เป็นแบบวงจรปิด (closed-loop) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล AI - ระบบนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องทำความเย็นแบบกลไก (mechanical chillers) - รองรับการใช้น้ำอุ่นในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน ✅ การออกแบบที่รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ - ใช้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนแบบของเหลวต่อของเหลว (liquid-to-liquid heat exchangers) - รองรับการจัดการความร้อนสูงถึง 2 เมกะวัตต์ ✅ ความร่วมมือกับ Schneider Electric - Nvidia ได้พัฒนาการออกแบบร่วมกับ Schneider Electric เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการติดตั้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-aims-to-solve-ais-water-consumption-problems-with-direct-to-chip-cooling-claims-300x-improvement-with-closed-loop-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1Password ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแพลตฟอร์ม XAM (Extended Access Management) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการจัดการการเข้าถึงข้อมูลในองค์กร โดยฟีเจอร์เหล่านี้รวมถึงการปรับปรุงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance) และการจัดการ AI Agentic ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกับ AI มีความปลอดภัยมากขึ้น

    ✅ เพิ่มความสามารถด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดการการเข้าถึง
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ทีม IT สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่พนักงานใช้เข้าถึงแอปพลิเคชันได้
    - มีการเพิ่มตัวเลือกการเข้าถึงแอปพลิเคชันแบบคลิกเดียว

    ✅ การจัดการ AI Agentic ที่ปลอดภัย
    - มี SDK ใหม่สำหรับนักพัฒนาเพื่อสร้าง workflow ที่ปลอดภัยสำหรับ AI
    - สามารถสร้าง API keys ที่มีขอบเขตการใช้งานเฉพาะเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูล

    ✅ การจัดเก็บข้อมูล AI Agent ใน vault ที่ปลอดภัย
    - AI Agent สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้โดยไม่เสี่ยงต่อความปลอดภัย
    - มีระบบ audit logs เพื่อบันทึกการใช้งาน

    ✅ ความร่วมมือกับ Drata เพื่อเพิ่มความสามารถด้าน compliance
    - ช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบและบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่อง

    https://www.techradar.com/pro/security/1password-unveils-new-security-and-agentic-ai-capabilities-for-xam-platform
    1Password ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแพลตฟอร์ม XAM (Extended Access Management) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและการจัดการการเข้าถึงข้อมูลในองค์กร โดยฟีเจอร์เหล่านี้รวมถึงการปรับปรุงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance) และการจัดการ AI Agentic ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกับ AI มีความปลอดภัยมากขึ้น ✅ เพิ่มความสามารถด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดการการเข้าถึง - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ทีม IT สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่พนักงานใช้เข้าถึงแอปพลิเคชันได้ - มีการเพิ่มตัวเลือกการเข้าถึงแอปพลิเคชันแบบคลิกเดียว ✅ การจัดการ AI Agentic ที่ปลอดภัย - มี SDK ใหม่สำหรับนักพัฒนาเพื่อสร้าง workflow ที่ปลอดภัยสำหรับ AI - สามารถสร้าง API keys ที่มีขอบเขตการใช้งานเฉพาะเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูล ✅ การจัดเก็บข้อมูล AI Agent ใน vault ที่ปลอดภัย - AI Agent สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้โดยไม่เสี่ยงต่อความปลอดภัย - มีระบบ audit logs เพื่อบันทึกการใช้งาน ✅ ความร่วมมือกับ Drata เพื่อเพิ่มความสามารถด้าน compliance - ช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบและบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่อง https://www.techradar.com/pro/security/1password-unveils-new-security-and-agentic-ai-capabilities-for-xam-platform
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์

    ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux
    - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores
    - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม

    ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5%
    - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก

    ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่
    - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
    - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra 9 285K ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงในซีรีส์ Arrow Lake โดยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพบนระบบปฏิบัติการ Linux เพิ่มขึ้นถึง 6% หลังจากการอัปเดต BIOS และไดรเวอร์ใหม่ นอกจากนี้ Intel ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ "200S Boost" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำและการประมวลผล โดยฟีเจอร์นี้ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์ ✅ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 6% บนระบบปฏิบัติการ Linux - การปรับปรุงนี้เกิดจากการอัปเดต BIOS และการปรับปรุงการจัดการงานบนแกนประมวลผลแบบ P/E cores - การทดสอบบน Ubuntu 25.04 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในงานแบบ single-core และการเล่นเกม ✅ ฟีเจอร์ "200S Boost" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโอเวอร์คล็อก - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลได้ถึง 7.5% - ครอบคลุมการรับประกันฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก ✅ Arrow Lake ใช้การออกแบบแกนประมวลผลแบบใหม่ - การออกแบบแกนประมวลผลแบบ P/E cores ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - การจัดการงานบนแกนประมวลผลได้รับการปรับปรุงใน Linux kernel ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง - Intel ยังคงพัฒนา BIOS และไดรเวอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Arrow Lake https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-9-285k-performance-sees-6-percent-improvement-on-linux-arrow-lake-boosts-even-without-new-200s-boost-bios
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alex Haydock ได้สร้างบล็อกชื่อ Infected Systems โดยใช้ Nintendo Wii รุ่นปี 2006 เป็นเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นการทดลองที่น่าสนใจในการใช้ฮาร์ดแวร์เก่าและระบบปฏิบัติการ NetBSD ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส โดย Haydock ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้ผ่านช่องทาง Homebrew ของ Wii และใช้แอปพลิเคชัน Lighttpd และ Caddy ในการจัดการเซิร์ฟเวอร์

    ✅ ใช้ Nintendo Wii รุ่นปี 2006 เป็นเซิร์ฟเวอร์
    - Haydock เลือกใช้ Wii เนื่องจากมี CPU PowerPC ที่รองรับ NetBSD
    - ระบบปฏิบัติการ NetBSD เวอร์ชันล่าสุดสำหรับ Wii ถูกปล่อยในเดือนธันวาคม 2024

    ✅ การติดตั้งระบบปฏิบัติการผ่านช่องทาง Homebrew
    - Haydock ใช้ SD Card ขนาด 32GB และ Raspberry Pi Imager ในการติดตั้ง
    - ระบบปฏิบัติการสามารถใช้งานได้เหมือน PC ทั่วไปผ่านคีย์บอร์ด USB

    ✅ การจัดการเซิร์ฟเวอร์ด้วย Lighttpd และ Caddy
    - Lighttpd ใช้เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ และ Caddy ใช้เป็น Reverse Proxy
    - การเข้ารหัสและการจัดการใบรับรองทำผ่าน ACME

    ✅ โปรเจกต์นี้เป็นการทดลองที่สนุกและสร้างสรรค์
    - Haydock ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์อาจไม่รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่เป็นการทดลองที่น่าสนใจ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/2006-nintendo-wii-hacked-to-run-infected-systems-blog-uses-open-source-netbsd
    Alex Haydock ได้สร้างบล็อกชื่อ Infected Systems โดยใช้ Nintendo Wii รุ่นปี 2006 เป็นเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นการทดลองที่น่าสนใจในการใช้ฮาร์ดแวร์เก่าและระบบปฏิบัติการ NetBSD ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส โดย Haydock ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้ผ่านช่องทาง Homebrew ของ Wii และใช้แอปพลิเคชัน Lighttpd และ Caddy ในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ ✅ ใช้ Nintendo Wii รุ่นปี 2006 เป็นเซิร์ฟเวอร์ - Haydock เลือกใช้ Wii เนื่องจากมี CPU PowerPC ที่รองรับ NetBSD - ระบบปฏิบัติการ NetBSD เวอร์ชันล่าสุดสำหรับ Wii ถูกปล่อยในเดือนธันวาคม 2024 ✅ การติดตั้งระบบปฏิบัติการผ่านช่องทาง Homebrew - Haydock ใช้ SD Card ขนาด 32GB และ Raspberry Pi Imager ในการติดตั้ง - ระบบปฏิบัติการสามารถใช้งานได้เหมือน PC ทั่วไปผ่านคีย์บอร์ด USB ✅ การจัดการเซิร์ฟเวอร์ด้วย Lighttpd และ Caddy - Lighttpd ใช้เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ และ Caddy ใช้เป็น Reverse Proxy - การเข้ารหัสและการจัดการใบรับรองทำผ่าน ACME ✅ โปรเจกต์นี้เป็นการทดลองที่สนุกและสร้างสรรค์ - Haydock ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์อาจไม่รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่เป็นการทดลองที่น่าสนใจ https://www.tomshardware.com/software/linux/2006-nintendo-wii-hacked-to-run-infected-systems-blog-uses-open-source-netbsd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความรับผิดชอบและการเติบโต นโยบายนี้รวมถึงการห้ามโอนย้ายตำแหน่งภายในบริษัทสำหรับพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ และการห้ามสมัครงานใหม่ในบริษัทเป็นเวลา 2 ปีสำหรับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง

    ✅ นโยบายใหม่มุ่งเน้นการจัดการพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ
    - พนักงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกใส่ในแผนปรับปรุงผลการปฏิบัติงาน (Performance Improvement Plans - PIPs)
    - หากไม่สามารถปรับปรุงได้ตามเกณฑ์ พนักงานสามารถเลือกออกจากบริษัทโดยสมัครใจผ่านข้อตกลง Global Voluntary Separation Agreement (GVSA)

    ✅ การห้ามโอนย้ายตำแหน่งและสมัครงานใหม่
    - พนักงานที่มีคะแนนประเมินต่ำกว่า 60 จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนย้ายตำแหน่งภายในบริษัท
    - ผู้ที่ออกจากบริษัทในระหว่างหรือหลังแผน PIPs จะไม่สามารถสมัครงานใหม่ใน Microsoft ได้เป็นเวลา 2 ปี

    ✅ การใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยผู้จัดการในการสนทนา
    - ผู้จัดการสามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อฝึกฝนการสนทนาที่สร้างสรรค์หรือท้าทายกับพนักงาน

    ✅ นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร
    - Microsoft ได้เริ่มการเลิกจ้างพนักงานตามผลการปฏิบัติงานตั้งแต่ต้นปี 2025

    https://www.techspot.com/news/107640-microsoft-introduces-strict-new-policies-low-performers-adds.html
    Microsoft ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความรับผิดชอบและการเติบโต นโยบายนี้รวมถึงการห้ามโอนย้ายตำแหน่งภายในบริษัทสำหรับพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ และการห้ามสมัครงานใหม่ในบริษัทเป็นเวลา 2 ปีสำหรับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง ✅ นโยบายใหม่มุ่งเน้นการจัดการพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานต่ำ - พนักงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกใส่ในแผนปรับปรุงผลการปฏิบัติงาน (Performance Improvement Plans - PIPs) - หากไม่สามารถปรับปรุงได้ตามเกณฑ์ พนักงานสามารถเลือกออกจากบริษัทโดยสมัครใจผ่านข้อตกลง Global Voluntary Separation Agreement (GVSA) ✅ การห้ามโอนย้ายตำแหน่งและสมัครงานใหม่ - พนักงานที่มีคะแนนประเมินต่ำกว่า 60 จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนย้ายตำแหน่งภายในบริษัท - ผู้ที่ออกจากบริษัทในระหว่างหรือหลังแผน PIPs จะไม่สามารถสมัครงานใหม่ใน Microsoft ได้เป็นเวลา 2 ปี ✅ การใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยผู้จัดการในการสนทนา - ผู้จัดการสามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อฝึกฝนการสนทนาที่สร้างสรรค์หรือท้าทายกับพนักงาน ✅ นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร - Microsoft ได้เริ่มการเลิกจ้างพนักงานตามผลการปฏิบัติงานตั้งแต่ต้นปี 2025 https://www.techspot.com/news/107640-microsoft-introduces-strict-new-policies-low-performers-adds.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft tightens policies for low performers, adds voluntary exit plan
    In an internal email seen by Business Insider, Microsoft's new chief people officer Amy Coleman wrote about new and enhanced tools that would help accelerate high performance...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านปุ่ม "End Task" บนแถบงาน (Taskbar) โดยไม่ต้องเปิด Task Manager ซึ่งฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการแอปพลิเคชันที่ค้างหรือหยุดทำงาน

    ✅ ปุ่ม "End Task" ช่วยให้ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถคลิกขวาที่ไอคอนแอปบนแถบงานและเลือก "End Task" เพื่อปิดแอป
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยลดขั้นตอนที่เคยต้องเปิด Task Manager

    ✅ ฟีเจอร์นี้ต้องเปิดใช้งานใน Settings > System > For Developers
    - ผู้ใช้ต้องเปิดการตั้งค่า "End Task" ในส่วน For Developers ก่อนใช้งาน
    - ไม่จำเป็นต้องเปิด Developer Mode

    ✅ ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพมากกว่า "Close Window"
    - "End Task" จะปิดกระบวนการทั้งหมดของแอปพลิเคชัน ในขณะที่ "Close Window" อาจปล่อยให้กระบวนการบางส่วนยังคงทำงานอยู่

    ✅ ฟีเจอร์นี้มีใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2
    - ฟีเจอร์นี้เริ่มปรากฏใน Insider builds และขณะนี้มีในเวอร์ชัน 24H2 ที่กำลังทยอยเปิดตัว

    https://www.techspot.com/news/107636-new-windows-11-setting-users-kill-stubborn-apps.html
    Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านปุ่ม "End Task" บนแถบงาน (Taskbar) โดยไม่ต้องเปิด Task Manager ซึ่งฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการแอปพลิเคชันที่ค้างหรือหยุดทำงาน ✅ ปุ่ม "End Task" ช่วยให้ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถคลิกขวาที่ไอคอนแอปบนแถบงานและเลือก "End Task" เพื่อปิดแอป - ฟีเจอร์นี้ช่วยลดขั้นตอนที่เคยต้องเปิด Task Manager ✅ ฟีเจอร์นี้ต้องเปิดใช้งานใน Settings > System > For Developers - ผู้ใช้ต้องเปิดการตั้งค่า "End Task" ในส่วน For Developers ก่อนใช้งาน - ไม่จำเป็นต้องเปิด Developer Mode ✅ ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพมากกว่า "Close Window" - "End Task" จะปิดกระบวนการทั้งหมดของแอปพลิเคชัน ในขณะที่ "Close Window" อาจปล่อยให้กระบวนการบางส่วนยังคงทำงานอยู่ ✅ ฟีเจอร์นี้มีใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 - ฟีเจอร์นี้เริ่มปรากฏใน Insider builds และขณะนี้มีในเวอร์ชัน 24H2 ที่กำลังทยอยเปิดตัว https://www.techspot.com/news/107636-new-windows-11-setting-users-kill-stubborn-apps.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows 11 adds taskbar 'End Task' button for killing frozen apps
    For years, the standard response to a frozen app was either to reboot the system or summon Task Manager – often by pressing Ctrl + Alt +...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังวางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและลดความซับซ้อนในโครงสร้างองค์กร โดยการลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม และแก้ไขปัญหาการจัดการที่ซับซ้อนในระดับกลาง

    ✅ Intel วางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20%
    - การลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร
    - CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ระบุว่าการลดจำนวนพนักงานเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก

    ✅ การลดจำนวนพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์
    - Intel เผชิญกับต้นทุนที่สูงและกำไรที่ลดลงในกลุ่ม PC และ Data Center
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการปรับกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อแข่งขันกับ Nvidia

    ✅ Intel มีการปรับโครงสร้างทีมผู้นำ
    - กลุ่มชิปสำคัญรายงานตรงต่อ CEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

    ✅ การลดจำนวนพนักงานในปี 2024 มีผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 15,000 คน
    - การลดจำนวนพนักงานในปี 2025 จะมีผลกระทบมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/intel-to-cut-over-20-of-workforce-bloomberg-news-reports
    Intel กำลังวางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและลดความซับซ้อนในโครงสร้างองค์กร โดยการลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม และแก้ไขปัญหาการจัดการที่ซับซ้อนในระดับกลาง ✅ Intel วางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% - การลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร - CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ระบุว่าการลดจำนวนพนักงานเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ✅ การลดจำนวนพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ - Intel เผชิญกับต้นทุนที่สูงและกำไรที่ลดลงในกลุ่ม PC และ Data Center - การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการปรับกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อแข่งขันกับ Nvidia ✅ Intel มีการปรับโครงสร้างทีมผู้นำ - กลุ่มชิปสำคัญรายงานตรงต่อ CEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ✅ การลดจำนวนพนักงานในปี 2024 มีผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 15,000 คน - การลดจำนวนพนักงานในปี 2025 จะมีผลกระทบมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/intel-to-cut-over-20-of-workforce-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel to cut over 20% of workforce, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Intel is set to unveil plans this week to slash more than 20% of its workforce, in a move to streamline operations and reduce bureaucratic inefficiencies, Bloomberg News reported on Tuesday, citing a person familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดการเงินด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ รวมถึง กองทุน ETF และ คริปโตเคอร์เรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแนวทาง America First และสร้างความหลากหลายในบริการของบริษัท

    ✅ Trump Media เปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ในตลาดการเงิน
    - รวมถึงกองทุน ETF ที่สนับสนุนแนวทาง America First และผลิตภัณฑ์คริปโตเคอร์เรนซี
    - กองทุนเหล่านี้คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    ✅ ความร่วมมือกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors
    - Trump Media ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors
    - Crypto.com ได้รับการยืนยันจาก SEC ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการสอบสวนในปี 2024

    ✅ Trump Media มีการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหลายรูปแบบ
    - รวมถึง Trump NFTs, meme coin และการถือหุ้นในบริษัทผลิต Bitcoin ชื่อ American Bitcoin

    ✅ การจัดการทรัพย์สินของ Trump Media อยู่ในความดูแลของครอบครัว Trump
    - ทรัพย์สินและธุรกิจของ Trump Media มูลค่า $2.7 พันล้าน ถูกจัดการโดยลูกๆ ของ Trump

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/trump-media-pushes-forward-with-pivot-to-crypto-etf-plans
    Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump กำลังขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดการเงินด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ รวมถึง กองทุน ETF และ คริปโตเคอร์เรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแนวทาง America First และสร้างความหลากหลายในบริการของบริษัท ✅ Trump Media เปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ในตลาดการเงิน - รวมถึงกองทุน ETF ที่สนับสนุนแนวทาง America First และผลิตภัณฑ์คริปโตเคอร์เรนซี - กองทุนเหล่านี้คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ✅ ความร่วมมือกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors - Trump Media ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com และ Yorkville Advisors - Crypto.com ได้รับการยืนยันจาก SEC ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการสอบสวนในปี 2024 ✅ Trump Media มีการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหลายรูปแบบ - รวมถึง Trump NFTs, meme coin และการถือหุ้นในบริษัทผลิต Bitcoin ชื่อ American Bitcoin ✅ การจัดการทรัพย์สินของ Trump Media อยู่ในความดูแลของครอบครัว Trump - ทรัพย์สินและธุรกิจของ Trump Media มูลค่า $2.7 พันล้าน ถูกจัดการโดยลูกๆ ของ Trump https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/trump-media-pushes-forward-with-pivot-to-crypto-etf-plans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump Media pushes forward with pivot to crypto, ETF plans
    (Reuters) -U.S. President Donald Trump's social media firm, Trump Media & Technology Group, said on Tuesday it had reached a binding agreement to roll out an array of retail investment products, including crypto, in its latest bid to diversify into financial services.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวคิด Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระบบ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรืออุปกรณ์ใดๆ ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายขององค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

    ✅ องค์กรทั่วโลกกว่า 63% ได้นำกลยุทธ์ Zero Trust มาใช้บางส่วน
    - จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2024 พบว่า 58% ขององค์กรเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
    - มีเพียงไม่ถึง 50% ของสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมด้วย Zero Trust

    ✅ Zero Trust ต้องการการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี
    - การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการนำเทคโนโลยี เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Privileged Access Management (PAM) มาใช้
    - ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

    ✅ การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้นำธุรกิจ
    - การสร้างความเข้าใจและการฝึกอบรมเป็นสิ่งสำคัญ

    ✅ Zero Trust ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความปลอดภัยได้อย่างละเอียด
    - เช่น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามระดับความสำคัญของข้อมูล
    - ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวคิด Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระบบ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรืออุปกรณ์ใดๆ ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายขององค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ✅ องค์กรทั่วโลกกว่า 63% ได้นำกลยุทธ์ Zero Trust มาใช้บางส่วน - จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2024 พบว่า 58% ขององค์กรเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น - มีเพียงไม่ถึง 50% ของสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมด้วย Zero Trust ✅ Zero Trust ต้องการการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี - การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการนำเทคโนโลยี เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Privileged Access Management (PAM) มาใช้ - ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ✅ การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง - การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้นำธุรกิจ - การสร้างความเข้าใจและการฝึกอบรมเป็นสิ่งสำคัญ ✅ Zero Trust ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความปลอดภัยได้อย่างละเอียด - เช่น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามระดับความสำคัญของข้อมูล - ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Security leaders shed light on their zero trust journeys
    Most CISOs recognize the improved security posture zero trust will bring. But cultural and technological changes make for an arduous path that takes business savvy and technical acumen to navigate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ofcom ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านดิจิทัลของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศห้ามการเช่าหมายเลขโทรศัพท์ Global Titles เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด โดยหมายเลขเหล่านี้สามารถถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดีในการเบี่ยงเบนสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงรหัสความปลอดภัยที่ส่งจากธนาคาร นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ได้

    ✅ Ofcom ห้ามการเช่าหมายเลข Global Titles เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
    - Global Titles เป็นหมายเลขโทรศัพท์พิเศษที่ใช้ในเครือข่ายมือถือเพื่อให้สายโทรศัพท์และข้อความถึงผู้รับที่ตั้งใจ
    - ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้หมายเลขเหล่านี้เพื่อเบี่ยงเบนสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงรหัสความปลอดภัย

    ✅ การห้ามเช่า Global Titles มีผลตั้งแต่วันนี้
    - การห้ามเช่าใหม่มีผลทันที และการเช่าที่มีอยู่จะถูกยกเลิกในวันที่ 22 เมษายน 2026
    - ธุรกิจที่ใช้ Global Titles อย่างถูกต้องจะมีเวลาในการจัดการทางเลือกอื่น

    ✅ Ofcom ระบุว่าการห้ามนี้จะช่วยเพิ่มการป้องกันผู้บริโภค
    - การห้ามนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้หมายเลข Global Titles ตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี
    - ช่วยปกป้องผู้ใช้มือถือและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่สำคัญ

    ✅ Ofcom ดำเนินการหลังจากความพยายามของอุตสาหกรรมล้มเหลว
    - อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและศูนย์ความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NCSC) ทราบถึงภัยคุกคามจาก Global Titles มานานแล้ว

    https://www.neowin.net/news/ofcom-takes-decisive-action-against-powerful-tool-of-malicious-actors/
    Ofcom ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านดิจิทัลของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศห้ามการเช่าหมายเลขโทรศัพท์ Global Titles เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด โดยหมายเลขเหล่านี้สามารถถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดีในการเบี่ยงเบนสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงรหัสความปลอดภัยที่ส่งจากธนาคาร นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ได้ ✅ Ofcom ห้ามการเช่าหมายเลข Global Titles เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด - Global Titles เป็นหมายเลขโทรศัพท์พิเศษที่ใช้ในเครือข่ายมือถือเพื่อให้สายโทรศัพท์และข้อความถึงผู้รับที่ตั้งใจ - ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้หมายเลขเหล่านี้เพื่อเบี่ยงเบนสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงรหัสความปลอดภัย ✅ การห้ามเช่า Global Titles มีผลตั้งแต่วันนี้ - การห้ามเช่าใหม่มีผลทันที และการเช่าที่มีอยู่จะถูกยกเลิกในวันที่ 22 เมษายน 2026 - ธุรกิจที่ใช้ Global Titles อย่างถูกต้องจะมีเวลาในการจัดการทางเลือกอื่น ✅ Ofcom ระบุว่าการห้ามนี้จะช่วยเพิ่มการป้องกันผู้บริโภค - การห้ามนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้หมายเลข Global Titles ตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี - ช่วยปกป้องผู้ใช้มือถือและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่สำคัญ ✅ Ofcom ดำเนินการหลังจากความพยายามของอุตสาหกรรมล้มเหลว - อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและศูนย์ความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NCSC) ทราบถึงภัยคุกคามจาก Global Titles มานานแล้ว https://www.neowin.net/news/ofcom-takes-decisive-action-against-powerful-tool-of-malicious-actors/
    WWW.NEOWIN.NET
    Ofcom takes decisive action against powerful tool of malicious actors
    Ofcom has announced that it's banning the leasing of Global Titles to help protect people from malicious actors who use Global Titles to intercept calls and messages.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts