• 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ความอดทน"...คือพลังเงียบ ที่เปลี่ยนชีวิตได้
    Cr.Wiwan Boonya
    "ความอดทน"...คือพลังเงียบ ที่เปลี่ยนชีวิตได้ Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • Protaetia cuprea (or Copper chafer, Rose chafer) and his juicy berries
    Protaetia cuprea (or Copper chafer, Rose chafer) and his juicy berries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุป ใครเตรียมหนี
    หรือจะสองจิตสองใจ
    แต่ที่แน่ๆ

    "เตรียม ชื่อหนัง (ฟ้าใสหัวใจชื่นบาน)"

    อยู่ไม่ได้แล้วเอยน้องแก้ว ต้องขออำลาขอตัวไปก่อน (เครดิต คาราบาว)
    สรุป ใครเตรียมหนี หรือจะสองจิตสองใจ แต่ที่แน่ๆ "เตรียม ชื่อหนัง (ฟ้าใสหัวใจชื่นบาน)" อยู่ไม่ได้แล้วเอยน้องแก้ว ต้องขออำลาขอตัวไปก่อน (เครดิต คาราบาว)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วอชิงตันอาจกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและรีดภาษีกับทั้งรัสเซียและยูเครน หากว่า 2 ชาติคู่อริล้มเหลวไร้ความคืบหน้าใดๆในการยุติความเป็นปรปักษ์ จากคำเตือนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081615

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วอชิงตันอาจกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและรีดภาษีกับทั้งรัสเซียและยูเครน หากว่า 2 ชาติคู่อริล้มเหลวไร้ความคืบหน้าใดๆในการยุติความเป็นปรปักษ์ จากคำเตือนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081615 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude เข้าเบราว์เซอร์แล้ว — ฉลาดขึ้น แต่ก็ต้องระวังมากขึ้น

    Anthropic กำลังทดลองให้ Claude ทำงานในเบราว์เซอร์ Chrome ได้โดยตรง ซึ่งหมายความว่า Claude จะสามารถเห็นหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิดอยู่ คลิกปุ่มต่าง ๆ และกรอกฟอร์มให้ได้ทันที — ฟังดูเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำงานแทนเราในโลกออนไลน์

    Claude for Chrome ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการงานประจำ เช่น จัดตารางนัดหมาย ตอบอีเมล อัปเดตรายงานค่าใช้จ่าย หรือแม้แต่ทดสอบฟีเจอร์เว็บไซต์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์เลย

    แต่ความสามารถนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ “prompt injection” ซึ่งเป็นการซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในเว็บไซต์หรืออีเมล เช่น ข้อความที่มองไม่เห็นที่สั่งให้ Claude ลบไฟล์ ส่งข้อมูล หรือทำธุรกรรมโดยไม่รู้ตัว

    Anthropic ได้ทำการทดสอบแบบ red-teaming พบว่า หากไม่มีระบบป้องกัน Claude มีโอกาสถูกโจมตีสำเร็จถึง 23.6% เช่น มีอีเมลปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นฝ่าย IT ขอให้ลบอีเมลทั้งหมดเพื่อ “ความปลอดภัย” Claude ก็ทำตามทันทีโดยไม่ถามผู้ใช้

    หลังจากเพิ่มระบบป้องกัน เช่น การยืนยันก่อนทำธุรกรรม การจำกัดเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ และการตรวจจับคำสั่งแปลก ๆ Claude สามารถลดอัตราการโจมตีสำเร็จลงเหลือ 11.2% และในบางรูปแบบการโจมตีเฉพาะทาง เช่น การซ่อนคำสั่งใน DOM หรือ URL ก็สามารถลดลงเหลือ 0%

    ตอนนี้ Claude for Chrome ยังอยู่ในช่วงทดลองกับผู้ใช้ Max plan จำนวน 1,000 คน โดย Anthropic ต้องการเรียนรู้จากการใช้งานจริง เพื่อพัฒนาระบบให้ปลอดภัยและพร้อมใช้งานในวงกว้างในอนาคต

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Claude for Chrome เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ Claude ทำงานในเบราว์เซอร์ได้โดยตรง
    Claude สามารถคลิกปุ่ม กรอกฟอร์ม และจัดการงานต่าง ๆ ในหน้าเว็บได้
    ใช้ช่วยจัดตารางนัดหมาย ตอบอีเมล รายงานค่าใช้จ่าย และทดสอบเว็บไซต์
    อยู่ในช่วงทดลองกับผู้ใช้ Max plan จำนวน 1,000 คน
    Anthropic ทำการทดสอบ prompt injection แบบ red-teaming จำนวน 123 เคส
    พบว่าอัตราการโจมตีสำเร็จอยู่ที่ 23.6% ก่อนมีระบบป้องกัน
    หลังเพิ่มระบบป้องกัน เช่น การยืนยันก่อนทำงาน อัตราการโจมตีลดลงเหลือ 11.2%
    การโจมตีแบบซ่อนคำสั่งใน DOM หรือ URL ถูกลดลงเหลือ 0% ด้วยระบบใหม่
    Claude ถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์กลุ่มเสี่ยง เช่น การเงิน เนื้อหาผู้ใหญ่ และคริปโต
    มีระบบ classifier ตรวจจับคำสั่งแปลก ๆ และการเข้าถึงข้อมูลผิดปกติ
    Claude ยังคงขออนุญาตก่อนทำงานที่มีความเสี่ยงสูง แม้ในโหมด autonomous

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Prompt injection เป็นภัยที่เกิดจากการซ่อนคำสั่งในเนื้อหาเว็บที่ AI อ่าน
    Claude for Chrome คล้ายกับแนวคิดของ Copilot for Edge และ Gemini for Chrome
    Google เคยปรับโครงสร้าง Chrome Extension ตั้งแต่ปี 2018 เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัย
    Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์หลักที่ยังไม่รวม AI agent เข้ามาใช้งาน
    การใช้ AI ในเบราว์เซอร์ต้องมีการควบคุมสิทธิ์และการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

    https://www.anthropic.com/news/claude-for-chrome
    🧭 Claude เข้าเบราว์เซอร์แล้ว — ฉลาดขึ้น แต่ก็ต้องระวังมากขึ้น Anthropic กำลังทดลองให้ Claude ทำงานในเบราว์เซอร์ Chrome ได้โดยตรง ซึ่งหมายความว่า Claude จะสามารถเห็นหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิดอยู่ คลิกปุ่มต่าง ๆ และกรอกฟอร์มให้ได้ทันที — ฟังดูเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำงานแทนเราในโลกออนไลน์ Claude for Chrome ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการงานประจำ เช่น จัดตารางนัดหมาย ตอบอีเมล อัปเดตรายงานค่าใช้จ่าย หรือแม้แต่ทดสอบฟีเจอร์เว็บไซต์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์เลย แต่ความสามารถนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ “prompt injection” ซึ่งเป็นการซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในเว็บไซต์หรืออีเมล เช่น ข้อความที่มองไม่เห็นที่สั่งให้ Claude ลบไฟล์ ส่งข้อมูล หรือทำธุรกรรมโดยไม่รู้ตัว Anthropic ได้ทำการทดสอบแบบ red-teaming พบว่า หากไม่มีระบบป้องกัน Claude มีโอกาสถูกโจมตีสำเร็จถึง 23.6% เช่น มีอีเมลปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นฝ่าย IT ขอให้ลบอีเมลทั้งหมดเพื่อ “ความปลอดภัย” Claude ก็ทำตามทันทีโดยไม่ถามผู้ใช้ หลังจากเพิ่มระบบป้องกัน เช่น การยืนยันก่อนทำธุรกรรม การจำกัดเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ และการตรวจจับคำสั่งแปลก ๆ Claude สามารถลดอัตราการโจมตีสำเร็จลงเหลือ 11.2% และในบางรูปแบบการโจมตีเฉพาะทาง เช่น การซ่อนคำสั่งใน DOM หรือ URL ก็สามารถลดลงเหลือ 0% ตอนนี้ Claude for Chrome ยังอยู่ในช่วงทดลองกับผู้ใช้ Max plan จำนวน 1,000 คน โดย Anthropic ต้องการเรียนรู้จากการใช้งานจริง เพื่อพัฒนาระบบให้ปลอดภัยและพร้อมใช้งานในวงกว้างในอนาคต 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Claude for Chrome เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ Claude ทำงานในเบราว์เซอร์ได้โดยตรง ➡️ Claude สามารถคลิกปุ่ม กรอกฟอร์ม และจัดการงานต่าง ๆ ในหน้าเว็บได้ ➡️ ใช้ช่วยจัดตารางนัดหมาย ตอบอีเมล รายงานค่าใช้จ่าย และทดสอบเว็บไซต์ ➡️ อยู่ในช่วงทดลองกับผู้ใช้ Max plan จำนวน 1,000 คน ➡️ Anthropic ทำการทดสอบ prompt injection แบบ red-teaming จำนวน 123 เคส ➡️ พบว่าอัตราการโจมตีสำเร็จอยู่ที่ 23.6% ก่อนมีระบบป้องกัน ➡️ หลังเพิ่มระบบป้องกัน เช่น การยืนยันก่อนทำงาน อัตราการโจมตีลดลงเหลือ 11.2% ➡️ การโจมตีแบบซ่อนคำสั่งใน DOM หรือ URL ถูกลดลงเหลือ 0% ด้วยระบบใหม่ ➡️ Claude ถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์กลุ่มเสี่ยง เช่น การเงิน เนื้อหาผู้ใหญ่ และคริปโต ➡️ มีระบบ classifier ตรวจจับคำสั่งแปลก ๆ และการเข้าถึงข้อมูลผิดปกติ ➡️ Claude ยังคงขออนุญาตก่อนทำงานที่มีความเสี่ยงสูง แม้ในโหมด autonomous ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Prompt injection เป็นภัยที่เกิดจากการซ่อนคำสั่งในเนื้อหาเว็บที่ AI อ่าน ➡️ Claude for Chrome คล้ายกับแนวคิดของ Copilot for Edge และ Gemini for Chrome ➡️ Google เคยปรับโครงสร้าง Chrome Extension ตั้งแต่ปี 2018 เพื่อแก้ปัญหาความปลอดภัย ➡️ Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์หลักที่ยังไม่รวม AI agent เข้ามาใช้งาน ➡️ การใช้ AI ในเบราว์เซอร์ต้องมีการควบคุมสิทธิ์และการตรวจสอบอย่างเข้มงวด https://www.anthropic.com/news/claude-for-chrome
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Piloting Claude for Chrome
    Announcing a pilot test of a new Claude browser extension
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อการส่งพัสดุไปอเมริกา กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินจะรับมือ

    Olimex บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์สจากบัลแกเรีย ประกาศระงับการจัดส่งสินค้าทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ แบบชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป โดยระบุว่า DHL และ UPS ไม่สามารถรับมือกับกฎใหม่ของศุลกากรสหรัฐฯ ได้ จึงแนะนำให้หยุดส่งจนกว่าจะมีวิธีคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมล่วงหน้าอย่างชัดเจน

    กฎใหม่กำหนดให้ผู้ส่งต้องระบุปริมาณวัสดุ เช่น เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียมในสินค้าอย่างละเอียด พร้อมแนบ Certificate of Analysis ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หากไม่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำ ศุลกากรจะถือว่าสินค้าทั้งชิ้นประกอบด้วยวัสดุเหล่านั้นทั้งหมด และเรียกเก็บภาษี 100% ทันที

    ตัวอย่างเช่น แผงวงจร PCB ที่มีร่องทองแดงขนาดเล็ก ก็ถูกตีความว่าเป็นทองแดงทั้งแผ่น และต้องเสียภาษีเต็มจำนวน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกรายย่อยไม่สามารถรับมือได้

    แม้ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่เช่น Mouser และ Digi-Key ยังสามารถจัดส่งได้ เพราะมีทีมงานด้านศุลกากรโดยเฉพาะ แต่ลูกค้ารายย่อยที่สั่งตรงจากผู้ผลิตจะต้องเผชิญกับปัญหาการค้างพัสดุในศุลกากรหลายสัปดาห์ และอาจถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเก็บรักษาเพิ่มเติม

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Olimex ระงับการจัดส่งสินค้าทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2025
    DHL และ UPS ไม่สามารถจัดการกับกฎใหม่ของศุลกากรสหรัฐฯ ได้
    กฎใหม่กำหนดให้ต้องระบุปริมาณวัสดุ เช่น เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียมในสินค้า
    หากไม่มี Certificate of Analysis จะถูกคิดภาษี 100% บนวัสดุทั้งหมด
    PCB ที่มีร่องทองแดงเล็ก ๆ ก็ถูกตีความว่าเป็นทองแดงทั้งแผ่น
    Mouser และ Digi-Key ยังสามารถจัดส่งได้ เพราะมีทีมงานด้านศุลกากร
    ลูกค้ารายย่อยที่สั่งตรงจะเจอปัญหาพัสดุติดค้างในศุลกากรหลายสัปดาห์
    Olimex แนะนำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ สั่งผ่านตัวแทนจำหน่ายแทน
    คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่จะถูกพิจารณาเป็นรายกรณีร่วมกับลูกค้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎใหม่เกิดจากคำสั่งผู้บริหารของสหรัฐฯ ที่ยกเลิกข้อยกเว้น “de minimis” สำหรับสินค้าราคาต่ำ
    ประเทศต่าง ๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ก็ระงับการส่งพัสดุไปสหรัฐฯ เช่นกัน
    การยกเลิก “de minimis” ส่งผลให้สินค้าทุกชิ้นไม่ว่าจะราคาต่ำแค่ไหน ก็ต้องเสียภาษี
    ผู้ให้บริการไปรษณีย์หลายรายหยุดรับพัสดุจากลูกค้าธุรกิจไปยังสหรัฐฯ จนกว่าจะมีแนวทางชัดเจน
    การส่งของแบบ “ของขวัญ” ระหว่างบุคคลที่มูลค่าไม่เกิน $100 ยังสามารถทำได้

    https://olimex.wordpress.com/2025/08/26/we-regret-but-have-to-temporary-suspend-the-shipments-to-usa/
    📦 เมื่อการส่งพัสดุไปอเมริกา กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินจะรับมือ Olimex บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์สจากบัลแกเรีย ประกาศระงับการจัดส่งสินค้าทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ แบบชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป โดยระบุว่า DHL และ UPS ไม่สามารถรับมือกับกฎใหม่ของศุลกากรสหรัฐฯ ได้ จึงแนะนำให้หยุดส่งจนกว่าจะมีวิธีคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมล่วงหน้าอย่างชัดเจน กฎใหม่กำหนดให้ผู้ส่งต้องระบุปริมาณวัสดุ เช่น เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียมในสินค้าอย่างละเอียด พร้อมแนบ Certificate of Analysis ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หากไม่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำ ศุลกากรจะถือว่าสินค้าทั้งชิ้นประกอบด้วยวัสดุเหล่านั้นทั้งหมด และเรียกเก็บภาษี 100% ทันที ตัวอย่างเช่น แผงวงจร PCB ที่มีร่องทองแดงขนาดเล็ก ก็ถูกตีความว่าเป็นทองแดงทั้งแผ่น และต้องเสียภาษีเต็มจำนวน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกรายย่อยไม่สามารถรับมือได้ แม้ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่เช่น Mouser และ Digi-Key ยังสามารถจัดส่งได้ เพราะมีทีมงานด้านศุลกากรโดยเฉพาะ แต่ลูกค้ารายย่อยที่สั่งตรงจากผู้ผลิตจะต้องเผชิญกับปัญหาการค้างพัสดุในศุลกากรหลายสัปดาห์ และอาจถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเก็บรักษาเพิ่มเติม 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Olimex ระงับการจัดส่งสินค้าทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2025 ➡️ DHL และ UPS ไม่สามารถจัดการกับกฎใหม่ของศุลกากรสหรัฐฯ ได้ ➡️ กฎใหม่กำหนดให้ต้องระบุปริมาณวัสดุ เช่น เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียมในสินค้า ➡️ หากไม่มี Certificate of Analysis จะถูกคิดภาษี 100% บนวัสดุทั้งหมด ➡️ PCB ที่มีร่องทองแดงเล็ก ๆ ก็ถูกตีความว่าเป็นทองแดงทั้งแผ่น ➡️ Mouser และ Digi-Key ยังสามารถจัดส่งได้ เพราะมีทีมงานด้านศุลกากร ➡️ ลูกค้ารายย่อยที่สั่งตรงจะเจอปัญหาพัสดุติดค้างในศุลกากรหลายสัปดาห์ ➡️ Olimex แนะนำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ สั่งผ่านตัวแทนจำหน่ายแทน ➡️ คำสั่งซื้อที่ค้างอยู่จะถูกพิจารณาเป็นรายกรณีร่วมกับลูกค้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎใหม่เกิดจากคำสั่งผู้บริหารของสหรัฐฯ ที่ยกเลิกข้อยกเว้น “de minimis” สำหรับสินค้าราคาต่ำ ➡️ ประเทศต่าง ๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ก็ระงับการส่งพัสดุไปสหรัฐฯ เช่นกัน ➡️ การยกเลิก “de minimis” ส่งผลให้สินค้าทุกชิ้นไม่ว่าจะราคาต่ำแค่ไหน ก็ต้องเสียภาษี ➡️ ผู้ให้บริการไปรษณีย์หลายรายหยุดรับพัสดุจากลูกค้าธุรกิจไปยังสหรัฐฯ จนกว่าจะมีแนวทางชัดเจน ➡️ การส่งของแบบ “ของขวัญ” ระหว่างบุคคลที่มูลค่าไม่เกิน $100 ยังสามารถทำได้ https://olimex.wordpress.com/2025/08/26/we-regret-but-have-to-temporary-suspend-the-shipments-to-usa/
    OLIMEX.WORDPRESS.COM
    We regret but have to temporary suspend the shipments to USA
    Starting August 29th, new regulations have come into effect. Both DHL and UPS currently have no working solution, so on their advice, we are temporarily suspending all shipments to the USA effectiv…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gemini 2.5 Flash Image — เมื่อ AI เข้าใจภาพอย่างมี “ความหมาย”

    ในอดีต โมเดลสร้างภาพด้วย AI มักจะเน้นความสวยงาม แต่ขาดความเข้าใจโลกจริง เช่น ถ้าขอให้วาด “แมวถือกล้วยในร้านอาหารหรู” ก็อาจได้ภาพที่ดูดีแต่ไม่สมเหตุสมผล วันนี้ Google เปิดตัว Gemini 2.5 Flash Image ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างภาพสวย แต่ “เข้าใจ” ว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน และทำไม

    Gemini 2.5 Flash Image สามารถรวมหลายภาพเป็นภาพเดียวได้อย่างกลมกลืน เช่น การวางสินค้าลงในฉากใหม่ หรือเปลี่ยนโทนสีห้องด้วยภาพตัวอย่าง นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขภาพด้วยคำสั่งธรรมดา เช่น “ลบคนด้านหลัง” หรือ “เปลี่ยนท่าทางของตัวละคร” โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อน

    สิ่งที่โดดเด่นคือความสามารถในการรักษาความสม่ำเสมอของตัวละคร เช่น ถ้าสร้างภาพตัวละครหนึ่งในฉากต่าง ๆ ตัวละครนั้นจะยังคงหน้าตา เสื้อผ้า และบุคลิกเดิมไว้ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเหมาะกับการสร้างแบรนด์ การ์ตูน หรือสินค้าหลายมุมมอง

    Gemini ยังใช้ความรู้จากโลกจริง เช่น การอ่านภาพวาดมือ การเข้าใจแผนภาพ และการตอบคำถามจากภาพ เพื่อสร้างแอปการเรียนรู้แบบ interactive ได้ทันที

    โมเดลนี้เปิดให้ใช้งานผ่าน Google AI Studio และ Vertex AI โดยมีราคาประมาณ $0.039 ต่อภาพ และทุกภาพจะมีลายน้ำดิจิทัล SynthID ฝังไว้แบบมองไม่เห็น เพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างหรือแก้ไขด้วย AI

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Gemini 2.5 Flash Image เป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพที่ล้ำหน้าที่สุดของ Google
    รองรับการรวมหลายภาพเป็นภาพเดียว (multi-image fusion) ด้วย prompt เดียว
    สามารถแก้ไขภาพแบบเจาะจง เช่น ลบสิ่งของ เปลี่ยนท่าทาง หรือปรับสี ด้วยคำสั่งธรรมดา
    รักษาความสม่ำเสมอของตัวละครในหลายฉากได้อย่างแม่นยำ
    ใช้ความรู้จากโลกจริง เช่น การอ่านภาพวาดมือ และตอบคำถามจากภาพ
    มี template app ใน Google AI Studio สำหรับทดลองและปรับแต่งได้ทันที
    รองรับการสร้างแอปแก้ไขภาพด้วย prompt เดียว เช่น “สร้างแอปใส่ฟิลเตอร์ภาพ”
    เปิดให้ใช้งานผ่าน Gemini API, Google AI Studio และ Vertex AI
    ราคา $30 ต่อ 1 ล้าน output tokens หรือประมาณ $0.039 ต่อภาพ
    ทุกภาพมีลายน้ำ SynthID ฝังไว้เพื่อระบุว่าเป็นภาพจาก AI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini 2.5 Flash Image เป็นโมเดลแรกที่ OpenRouter รองรับการสร้างภาพโดยตรง
    ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Gemini 2.5 Flash ซึ่งเน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ
    DeepMind ระบุว่า Gemini 2.5 มีความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้นจาก reinforcement learning2
    โมเดลนี้สามารถรันผ่าน SDK ที่รองรับ OpenAI API เช่น openai-python และ typescript
    มีการใช้งานร่วมกับ fal.ai เพื่อขยายสู่ชุมชนนักพัฒนา generative media

    https://developers.googleblog.com/en/introducing-gemini-2-5-flash-image/
    🎨 Gemini 2.5 Flash Image — เมื่อ AI เข้าใจภาพอย่างมี “ความหมาย” ในอดีต โมเดลสร้างภาพด้วย AI มักจะเน้นความสวยงาม แต่ขาดความเข้าใจโลกจริง เช่น ถ้าขอให้วาด “แมวถือกล้วยในร้านอาหารหรู” ก็อาจได้ภาพที่ดูดีแต่ไม่สมเหตุสมผล วันนี้ Google เปิดตัว Gemini 2.5 Flash Image ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างภาพสวย แต่ “เข้าใจ” ว่าอะไรควรอยู่ตรงไหน และทำไม Gemini 2.5 Flash Image สามารถรวมหลายภาพเป็นภาพเดียวได้อย่างกลมกลืน เช่น การวางสินค้าลงในฉากใหม่ หรือเปลี่ยนโทนสีห้องด้วยภาพตัวอย่าง นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขภาพด้วยคำสั่งธรรมดา เช่น “ลบคนด้านหลัง” หรือ “เปลี่ยนท่าทางของตัวละคร” โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือซับซ้อน สิ่งที่โดดเด่นคือความสามารถในการรักษาความสม่ำเสมอของตัวละคร เช่น ถ้าสร้างภาพตัวละครหนึ่งในฉากต่าง ๆ ตัวละครนั้นจะยังคงหน้าตา เสื้อผ้า และบุคลิกเดิมไว้ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเหมาะกับการสร้างแบรนด์ การ์ตูน หรือสินค้าหลายมุมมอง Gemini ยังใช้ความรู้จากโลกจริง เช่น การอ่านภาพวาดมือ การเข้าใจแผนภาพ และการตอบคำถามจากภาพ เพื่อสร้างแอปการเรียนรู้แบบ interactive ได้ทันที โมเดลนี้เปิดให้ใช้งานผ่าน Google AI Studio และ Vertex AI โดยมีราคาประมาณ $0.039 ต่อภาพ และทุกภาพจะมีลายน้ำดิจิทัล SynthID ฝังไว้แบบมองไม่เห็น เพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างหรือแก้ไขด้วย AI 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Gemini 2.5 Flash Image เป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพที่ล้ำหน้าที่สุดของ Google ➡️ รองรับการรวมหลายภาพเป็นภาพเดียว (multi-image fusion) ด้วย prompt เดียว ➡️ สามารถแก้ไขภาพแบบเจาะจง เช่น ลบสิ่งของ เปลี่ยนท่าทาง หรือปรับสี ด้วยคำสั่งธรรมดา ➡️ รักษาความสม่ำเสมอของตัวละครในหลายฉากได้อย่างแม่นยำ ➡️ ใช้ความรู้จากโลกจริง เช่น การอ่านภาพวาดมือ และตอบคำถามจากภาพ ➡️ มี template app ใน Google AI Studio สำหรับทดลองและปรับแต่งได้ทันที ➡️ รองรับการสร้างแอปแก้ไขภาพด้วย prompt เดียว เช่น “สร้างแอปใส่ฟิลเตอร์ภาพ” ➡️ เปิดให้ใช้งานผ่าน Gemini API, Google AI Studio และ Vertex AI ➡️ ราคา $30 ต่อ 1 ล้าน output tokens หรือประมาณ $0.039 ต่อภาพ ➡️ ทุกภาพมีลายน้ำ SynthID ฝังไว้เพื่อระบุว่าเป็นภาพจาก AI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini 2.5 Flash Image เป็นโมเดลแรกที่ OpenRouter รองรับการสร้างภาพโดยตรง ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Gemini 2.5 Flash ซึ่งเน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ ➡️ DeepMind ระบุว่า Gemini 2.5 มีความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้นจาก reinforcement learning2 ➡️ โมเดลนี้สามารถรันผ่าน SDK ที่รองรับ OpenAI API เช่น openai-python และ typescript ➡️ มีการใช้งานร่วมกับ fal.ai เพื่อขยายสู่ชุมชนนักพัฒนา generative media https://developers.googleblog.com/en/introducing-gemini-2-5-flash-image/
    DEVELOPERS.GOOGLEBLOG.COM
    Introducing Gemini 2.5 Flash Image, our state-of-the-art image model- Google Developers Blog
    Explore Gemini 2.5 Flash Image, a powerful new image generation and editing model with advanced features and creative control.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อความร้อนจาก AI กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ Google จึงตอบโต้ด้วย “น้ำ”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของดาต้าเซ็นเตอร์ ความร้อนจากชิปประมวลผลก็พุ่งทะยานตามไปด้วย โดยเฉพาะ TPU ของ Google ที่ใช้พลังงานมหาศาลในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ Google จึงเปิดตัวระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มรูปแบบในงาน Hot Chips 2025 ซึ่งไม่ใช่แค่ “ติดตั้งหม้อน้ำ” แต่เป็นการออกแบบใหม่ทั้งระบบตั้งแต่ระดับแร็ค

    ระบบนี้ใช้ CDU (Coolant Distribution Unit) จำนวน 6 ตัวต่อแร็ค โดย 5 ตัวทำงาน และอีก 1 ตัวเป็นสำรองเพื่อให้สามารถซ่อมบำรุงได้โดยไม่ต้องหยุดระบบ CDU ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างน้ำหล่อเย็นกับระบบน้ำของอาคาร โดยไม่ให้ของเหลวทั้งสองฝั่งผสมกัน

    น้ำหล่อเย็นจะถูกส่งผ่านท่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ TPU โดยไหลผ่านชิปแบบต่อเนื่อง (series loop) ซึ่งหมายความว่าชิปตัวท้ายจะได้รับน้ำที่ร้อนกว่าชิปตัวแรก Google จึงออกแบบระบบให้รองรับความร้อนของชิปตัวสุดท้ายเป็นหลัก และใช้ cold plate แบบ split-flow เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน

    ที่น่าสนใจคือ TPUv4 ของ Google ใช้การระบายความร้อนแบบ bare-die ซึ่งคล้ายกับการ “delid” ในวงการ PC enthusiast เพื่อให้ความร้อนถ่ายเทได้ดีขึ้น เพราะ TPUv4 มีการใช้พลังงานมากกว่า TPUv3 ถึง 1.6 เท่า

    Google ยังพบว่า การใช้ปั๊มน้ำกินไฟน้อยกว่าพัดลมถึง 95% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม ซึ่งช่วยลดภาระด้านพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างมหาศาล

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Google เปิดตัวระบบระบายความร้อนด้วยน้ำระดับดาต้าเซ็นเตอร์ในงาน Hot Chips 2025
    ใช้ CDU จำนวน 6 ตัวต่อแร็ค โดยมี 1 ตัวเป็นสำรองเพื่อซ่อมบำรุงโดยไม่ต้องหยุดระบบ
    CDU ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างน้ำหล่อเย็นกับระบบน้ำของอาคาร
    น้ำหล่อเย็นไหลผ่านชิป TPU แบบต่อเนื่อง โดยออกแบบให้รองรับความร้อนของชิปตัวท้าย
    ใช้ cold plate แบบ split-flow เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน
    TPUv4 ใช้การระบายความร้อนแบบ bare-die เพื่อรองรับพลังงานที่สูงขึ้น 1.6 เท่า
    ปั๊มน้ำใช้พลังงานน้อยกว่าพัดลมถึง 95% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
    ระบบใช้ quick-disconnect fittings เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา
    มีระบบตรวจจับการรั่ว ระบบแจ้งเตือน และการบำรุงรักษาแบบมีแผนเพื่อป้องกันปัญหา
    Google ใช้การทดสอบรั่วและการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนใช้งานจริง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Google เตรียมเปิดตัว CDU รุ่นที่ 5 ชื่อ Project Deschutes ในงาน OCP Summit เพื่อใช้ในแร็คระดับ 1MW
    NVIDIA GB300 และ Rebellions AI ก็ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในงาน Hot Chips เช่นกัน
    ระบบของ Rebellions AI ใช้ chiller และ water block สำหรับการสาธิต ML accelerator
    การระบายความร้อนด้วยน้ำมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้อากาศถึง 4,000 เท่าในด้านการนำความร้อน
    ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ต้องออกแบบระบบระบายความร้อนควบคู่กับการจัดการพลังงานอย่างแม่นยำ

    https://chipsandcheese.com/p/googles-liquid-cooling-at-hot-chips
    💧 เมื่อความร้อนจาก AI กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ Google จึงตอบโต้ด้วย “น้ำ” ในยุคที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของดาต้าเซ็นเตอร์ ความร้อนจากชิปประมวลผลก็พุ่งทะยานตามไปด้วย โดยเฉพาะ TPU ของ Google ที่ใช้พลังงานมหาศาลในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ Google จึงเปิดตัวระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มรูปแบบในงาน Hot Chips 2025 ซึ่งไม่ใช่แค่ “ติดตั้งหม้อน้ำ” แต่เป็นการออกแบบใหม่ทั้งระบบตั้งแต่ระดับแร็ค ระบบนี้ใช้ CDU (Coolant Distribution Unit) จำนวน 6 ตัวต่อแร็ค โดย 5 ตัวทำงาน และอีก 1 ตัวเป็นสำรองเพื่อให้สามารถซ่อมบำรุงได้โดยไม่ต้องหยุดระบบ CDU ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างน้ำหล่อเย็นกับระบบน้ำของอาคาร โดยไม่ให้ของเหลวทั้งสองฝั่งผสมกัน น้ำหล่อเย็นจะถูกส่งผ่านท่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ TPU โดยไหลผ่านชิปแบบต่อเนื่อง (series loop) ซึ่งหมายความว่าชิปตัวท้ายจะได้รับน้ำที่ร้อนกว่าชิปตัวแรก Google จึงออกแบบระบบให้รองรับความร้อนของชิปตัวสุดท้ายเป็นหลัก และใช้ cold plate แบบ split-flow เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน ที่น่าสนใจคือ TPUv4 ของ Google ใช้การระบายความร้อนแบบ bare-die ซึ่งคล้ายกับการ “delid” ในวงการ PC enthusiast เพื่อให้ความร้อนถ่ายเทได้ดีขึ้น เพราะ TPUv4 มีการใช้พลังงานมากกว่า TPUv3 ถึง 1.6 เท่า Google ยังพบว่า การใช้ปั๊มน้ำกินไฟน้อยกว่าพัดลมถึง 95% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม ซึ่งช่วยลดภาระด้านพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างมหาศาล 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Google เปิดตัวระบบระบายความร้อนด้วยน้ำระดับดาต้าเซ็นเตอร์ในงาน Hot Chips 2025 ➡️ ใช้ CDU จำนวน 6 ตัวต่อแร็ค โดยมี 1 ตัวเป็นสำรองเพื่อซ่อมบำรุงโดยไม่ต้องหยุดระบบ ➡️ CDU ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างน้ำหล่อเย็นกับระบบน้ำของอาคาร ➡️ น้ำหล่อเย็นไหลผ่านชิป TPU แบบต่อเนื่อง โดยออกแบบให้รองรับความร้อนของชิปตัวท้าย ➡️ ใช้ cold plate แบบ split-flow เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน ➡️ TPUv4 ใช้การระบายความร้อนแบบ bare-die เพื่อรองรับพลังงานที่สูงขึ้น 1.6 เท่า ➡️ ปั๊มน้ำใช้พลังงานน้อยกว่าพัดลมถึง 95% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ➡️ ระบบใช้ quick-disconnect fittings เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา ➡️ มีระบบตรวจจับการรั่ว ระบบแจ้งเตือน และการบำรุงรักษาแบบมีแผนเพื่อป้องกันปัญหา ➡️ Google ใช้การทดสอบรั่วและการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนใช้งานจริง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Google เตรียมเปิดตัว CDU รุ่นที่ 5 ชื่อ Project Deschutes ในงาน OCP Summit เพื่อใช้ในแร็คระดับ 1MW ➡️ NVIDIA GB300 และ Rebellions AI ก็ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในงาน Hot Chips เช่นกัน ➡️ ระบบของ Rebellions AI ใช้ chiller และ water block สำหรับการสาธิต ML accelerator ➡️ การระบายความร้อนด้วยน้ำมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้อากาศถึง 4,000 เท่าในด้านการนำความร้อน ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ต้องออกแบบระบบระบายความร้อนควบคู่กับการจัดการพลังงานอย่างแม่นยำ https://chipsandcheese.com/p/googles-liquid-cooling-at-hot-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว