• DripDropper – มัลแวร์สายแสบที่ “เจาะแล้วเย็บ” เพื่อครองเซิร์ฟเวอร์

    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อว่า DripDropper ถูกค้นพบโดยทีม Red Canary ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกประหลาด: มันเจาะช่องโหว่ใน Apache ActiveMQ เพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ Linux จากนั้น...มัน “แพตช์” ช่องโหว่นั้นเอง เพื่อกันไม่ให้แฮกเกอร์คนอื่นเข้ามาได้อีก

    ช่องโหว่ที่ใช้คือ CVE-2023-46604 ซึ่งเป็นช่องโหว่ระดับวิกฤตในโปรโตคอล OpenWire ของ ActiveMQ ที่เปิดให้รันคำสั่ง shell ได้โดยไม่ต้องยืนยันสิทธิ์ แม้จะถูกแพตช์มาตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังมีหลายระบบที่ไม่ได้อัปเดต

    หลังจากเจาะเข้าไปได้ DripDropper จะติดตั้ง Sliver implant เพื่อควบคุมระบบแบบลับ ๆ และเปลี่ยนค่า sshd ให้สามารถล็อกอินแบบ root ได้ จากนั้นจะดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์ที่ถูกเข้ารหัสไว้จาก Dropbox โดยใช้ bearer token แบบ hardcoded

    DripDropper จะปล่อยไฟล์มัลแวร์สองตัว: ตัวแรกใช้ cron job เพื่อรันอย่างต่อเนื่องและติดต่อ Dropbox เพื่อรับคำสั่งใหม่ ส่วนตัวที่สองมีชื่อสุ่ม 8 ตัวอักษร และปรับแต่ง SSH เพื่อเปิดช่องทางลับผ่านบัญชี “games”

    สุดท้าย มัลแวร์จะดาวน์โหลดไฟล์ JAR ที่ถูกแพตช์จาก Apache Maven เพื่อแทนที่ไฟล์เดิมที่มีช่องโหว่ ทำให้ระบบดูเหมือนปลอดภัยจาก vulnerability scanner แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ไปแล้ว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    DripDropper เป็นมัลแวร์ที่โจมตีระบบ Linux ผ่านช่องโหว่ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ
    ช่องโหว่นี้เปิดให้รันคำสั่ง shell โดยไม่ต้องยืนยันสิทธิ์
    หลังเจาะเข้าไป มัลแวร์จะติดตั้ง Sliver implant เพื่อควบคุมระบบ
    ปรับแต่ง sshd ให้ล็อกอินแบบ root ได้
    ดาวน์โหลดมัลแวร์จาก Dropbox โดยใช้ bearer token แบบ hardcoded
    DripDropper เป็นไฟล์ PyInstaller ELF ที่ต้องใช้รหัสผ่านในการรัน
    ปล่อยไฟล์มัลแวร์สองตัว: ตัวหนึ่งใช้ cron job และอีกตัวปรับแต่ง SSH ผ่านบัญชี “games”
    ดาวน์โหลดไฟล์ JAR ที่ถูกแพตช์จาก Apache Maven เพื่อปิดช่องโหว่
    การแพตช์ช่องโหว่ช่วยปิดทางให้แฮกเกอร์คนอื่นเข้าไม่ได้ และหลบการตรวจจับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Sliver เป็นเครื่องมือ pentest ที่ถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อควบคุมระบบแบบลับ
    การใช้ Dropbox เป็นช่องทางควบคุมมัลแวร์พบในมัลแวร์อื่น เช่น CHIMNEYSWEEP และ Mustang Panda
    การแพตช์หลังการโจมตีเคยเกิดขึ้นในยุค 1990s ระหว่างกลุ่มไวรัสที่แข่งขันกัน
    ช่องโหว่ CVE-2023-46604 ได้รับคะแนน CVSS 10 เต็ม ถือว่าอันตรายสูงสุด
    การใช้ cron job ใน /etc/cron.* เป็นวิธีทั่วไปในการทำให้มัลแวร์รันต่อเนื่อง
    การเปลี่ยน shell ของบัญชี “games” เป็น /bin/sh เปิดช่องให้รันคำสั่งลับ

    https://hackread.com/dripdropper-malware-exploits-linux-flaw-patche-lock-out/
    🧨 DripDropper – มัลแวร์สายแสบที่ “เจาะแล้วเย็บ” เพื่อครองเซิร์ฟเวอร์ มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อว่า DripDropper ถูกค้นพบโดยทีม Red Canary ซึ่งมีพฤติกรรมแปลกประหลาด: มันเจาะช่องโหว่ใน Apache ActiveMQ เพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ Linux จากนั้น...มัน “แพตช์” ช่องโหว่นั้นเอง เพื่อกันไม่ให้แฮกเกอร์คนอื่นเข้ามาได้อีก ช่องโหว่ที่ใช้คือ CVE-2023-46604 ซึ่งเป็นช่องโหว่ระดับวิกฤตในโปรโตคอล OpenWire ของ ActiveMQ ที่เปิดให้รันคำสั่ง shell ได้โดยไม่ต้องยืนยันสิทธิ์ แม้จะถูกแพตช์มาตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังมีหลายระบบที่ไม่ได้อัปเดต หลังจากเจาะเข้าไปได้ DripDropper จะติดตั้ง Sliver implant เพื่อควบคุมระบบแบบลับ ๆ และเปลี่ยนค่า sshd ให้สามารถล็อกอินแบบ root ได้ จากนั้นจะดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์ที่ถูกเข้ารหัสไว้จาก Dropbox โดยใช้ bearer token แบบ hardcoded DripDropper จะปล่อยไฟล์มัลแวร์สองตัว: ตัวแรกใช้ cron job เพื่อรันอย่างต่อเนื่องและติดต่อ Dropbox เพื่อรับคำสั่งใหม่ ส่วนตัวที่สองมีชื่อสุ่ม 8 ตัวอักษร และปรับแต่ง SSH เพื่อเปิดช่องทางลับผ่านบัญชี “games” สุดท้าย มัลแวร์จะดาวน์โหลดไฟล์ JAR ที่ถูกแพตช์จาก Apache Maven เพื่อแทนที่ไฟล์เดิมที่มีช่องโหว่ ทำให้ระบบดูเหมือนปลอดภัยจาก vulnerability scanner แต่จริง ๆ แล้วถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ไปแล้ว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ DripDropper เป็นมัลแวร์ที่โจมตีระบบ Linux ผ่านช่องโหว่ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ ➡️ ช่องโหว่นี้เปิดให้รันคำสั่ง shell โดยไม่ต้องยืนยันสิทธิ์ ➡️ หลังเจาะเข้าไป มัลแวร์จะติดตั้ง Sliver implant เพื่อควบคุมระบบ ➡️ ปรับแต่ง sshd ให้ล็อกอินแบบ root ได้ ➡️ ดาวน์โหลดมัลแวร์จาก Dropbox โดยใช้ bearer token แบบ hardcoded ➡️ DripDropper เป็นไฟล์ PyInstaller ELF ที่ต้องใช้รหัสผ่านในการรัน ➡️ ปล่อยไฟล์มัลแวร์สองตัว: ตัวหนึ่งใช้ cron job และอีกตัวปรับแต่ง SSH ผ่านบัญชี “games” ➡️ ดาวน์โหลดไฟล์ JAR ที่ถูกแพตช์จาก Apache Maven เพื่อปิดช่องโหว่ ➡️ การแพตช์ช่องโหว่ช่วยปิดทางให้แฮกเกอร์คนอื่นเข้าไม่ได้ และหลบการตรวจจับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Sliver เป็นเครื่องมือ pentest ที่ถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อควบคุมระบบแบบลับ ➡️ การใช้ Dropbox เป็นช่องทางควบคุมมัลแวร์พบในมัลแวร์อื่น เช่น CHIMNEYSWEEP และ Mustang Panda ➡️ การแพตช์หลังการโจมตีเคยเกิดขึ้นในยุค 1990s ระหว่างกลุ่มไวรัสที่แข่งขันกัน ➡️ ช่องโหว่ CVE-2023-46604 ได้รับคะแนน CVSS 10 เต็ม ถือว่าอันตรายสูงสุด ➡️ การใช้ cron job ใน /etc/cron.* เป็นวิธีทั่วไปในการทำให้มัลแวร์รันต่อเนื่อง ➡️ การเปลี่ยน shell ของบัญชี “games” เป็น /bin/sh เปิดช่องให้รันคำสั่งลับ https://hackread.com/dripdropper-malware-exploits-linux-flaw-patche-lock-out/
    HACKREAD.COM
    New DripDropper Malware Exploits Linux Flaw Then Patches It Lock Rivals Out
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอนตี้ไวรัสปลอมที่กลายเป็นสายลับ – เมื่อมือถือกลายเป็นเครื่องมือสอดแนม

    ตั้งแต่ต้นปี 2025 นักวิจัยจาก Doctor Web พบมัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ที่ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB เพื่อหลอกผู้ใช้ Android ในรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐ

    ตัวแอปมีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียบนโล่ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเปิดใช้งานจะรันการสแกนปลอม พร้อมแสดงผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่มเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    หลังติดตั้ง มัลแวร์จะขอสิทธิ์เข้าถึงทุกอย่าง ตั้งแต่ตำแหน่ง, กล้อง, ไมโครโฟน, ข้อความ, รายชื่อ, ไปจนถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ และ Android Accessibility Service ซึ่งช่วยให้มันทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยมอย่าง Gmail, Telegram และ WhatsApp

    มัลแวร์จะรัน background service หลายตัว เช่น DataSecurity, SoundSecurity และ CameraSecurity โดยตรวจสอบทุกนาทีว่าทำงานอยู่หรือไม่ และรีสตาร์ตทันทีหากหยุด

    มันสามารถสตรีมเสียงจากไมค์, วิดีโอจากกล้อง, ข้อมูลหน้าจอแบบเรียลไทม์ และอัปโหลดข้อมูลทุกอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) รวมถึงภาพ, รายชื่อ, SMS, ประวัติการโทร และแม้แต่ข้อมูลแบตเตอรี่

    ที่น่ากลัวคือ มันสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกลบ โดยใช้ Accessibility Service เพื่อบล็อกการถอนการติดตั้ง หากผู้ใช้รู้ตัวว่าถูกโจมตี

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    มัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB
    มีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    รันการสแกนปลอมพร้อมผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่ม
    ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง, กล้อง, ไมค์, SMS, รายชื่อ, และสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
    ใช้ Accessibility Service เพื่อทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยม
    รัน background service หลายตัวและตรวจสอบทุกนาที
    สตรีมเสียง, วิดีโอ, หน้าจอ และอัปโหลดข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    ป้องกันการลบตัวเองโดยใช้ Accessibility Service
    อินเทอร์เฟซของมัลแวร์มีเฉพาะภาษารัสเซีย แสดงว่าเจาะจงเป้าหมายเฉพาะ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มัลแวร์ถูกเขียนด้วยภาษา Kotlin และใช้ coroutine ในการจัดการ background task
    ใช้การเชื่อมต่อ socket กับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อรับคำสั่งแบบเรียลไทม์
    คำสั่งที่รับได้รวมถึงการเปิด/ปิดการป้องกัน, อัปโหลด log, และดึงข้อมูลจากอุปกรณ์
    การใช้ Accessibility Service เป็นเทคนิคที่มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้กันแพร่หลาย
    การปลอมตัวเป็นแอปที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐเป็นเทคนิคที่ใช้หลอกเป้าหมายเฉพาะ
    Android Security Patch เดือนสิงหาคม 2025 ได้แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบ

    https://hackread.com/fake-antivirus-app-android-malware-spy-russian-users/
    📖 แอนตี้ไวรัสปลอมที่กลายเป็นสายลับ – เมื่อมือถือกลายเป็นเครื่องมือสอดแนม ตั้งแต่ต้นปี 2025 นักวิจัยจาก Doctor Web พบมัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ที่ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB เพื่อหลอกผู้ใช้ Android ในรัสเซีย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวแอปมีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียบนโล่ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อเปิดใช้งานจะรันการสแกนปลอม พร้อมแสดงผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่มเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลังติดตั้ง มัลแวร์จะขอสิทธิ์เข้าถึงทุกอย่าง ตั้งแต่ตำแหน่ง, กล้อง, ไมโครโฟน, ข้อความ, รายชื่อ, ไปจนถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ และ Android Accessibility Service ซึ่งช่วยให้มันทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยมอย่าง Gmail, Telegram และ WhatsApp มัลแวร์จะรัน background service หลายตัว เช่น DataSecurity, SoundSecurity และ CameraSecurity โดยตรวจสอบทุกนาทีว่าทำงานอยู่หรือไม่ และรีสตาร์ตทันทีหากหยุด มันสามารถสตรีมเสียงจากไมค์, วิดีโอจากกล้อง, ข้อมูลหน้าจอแบบเรียลไทม์ และอัปโหลดข้อมูลทุกอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) รวมถึงภาพ, รายชื่อ, SMS, ประวัติการโทร และแม้แต่ข้อมูลแบตเตอรี่ ที่น่ากลัวคือ มันสามารถป้องกันตัวเองจากการถูกลบ โดยใช้ Accessibility Service เพื่อบล็อกการถอนการติดตั้ง หากผู้ใช้รู้ตัวว่าถูกโจมตี 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ มัลแวร์ Android.Backdoor.916.origin ปลอมตัวเป็นแอปแอนตี้ไวรัสชื่อ GuardCB ➡️ มีไอคอนคล้ายโลโก้ธนาคารกลางรัสเซียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ➡️ รันการสแกนปลอมพร้อมผลตรวจจับไวรัสแบบสุ่ม ➡️ ขอสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง, กล้อง, ไมค์, SMS, รายชื่อ, และสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ ➡️ ใช้ Accessibility Service เพื่อทำตัวเป็น keylogger และควบคุมแอปยอดนิยม ➡️ รัน background service หลายตัวและตรวจสอบทุกนาที ➡️ สตรีมเสียง, วิดีโอ, หน้าจอ และอัปโหลดข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ➡️ ป้องกันการลบตัวเองโดยใช้ Accessibility Service ➡️ อินเทอร์เฟซของมัลแวร์มีเฉพาะภาษารัสเซีย แสดงว่าเจาะจงเป้าหมายเฉพาะ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มัลแวร์ถูกเขียนด้วยภาษา Kotlin และใช้ coroutine ในการจัดการ background task ➡️ ใช้การเชื่อมต่อ socket กับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมเพื่อรับคำสั่งแบบเรียลไทม์ ➡️ คำสั่งที่รับได้รวมถึงการเปิด/ปิดการป้องกัน, อัปโหลด log, และดึงข้อมูลจากอุปกรณ์ ➡️ การใช้ Accessibility Service เป็นเทคนิคที่มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้กันแพร่หลาย ➡️ การปลอมตัวเป็นแอปที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐเป็นเทคนิคที่ใช้หลอกเป้าหมายเฉพาะ ➡️ Android Security Patch เดือนสิงหาคม 2025 ได้แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงระบบ https://hackread.com/fake-antivirus-app-android-malware-spy-russian-users/
    HACKREAD.COM
    Fake Antivirus App Spreads Android Malware to Spy on Russian Users
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำที่ไม่ปลอดภัย – เมื่อไซเบอร์สงครามเริ่มจากก๊อกน้ำ

    ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดเหตุการณ์สองครั้งที่สะท้อนถึงภัยคุกคามไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในยุโรป ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซีย

    เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ เมื่อมีผู้เจาะระบบควบคุมและเปิดวาล์วปล่อยน้ำเป็นเวลาราว 4 ชั่วโมง แม้จะไม่มีความเสียหาย แต่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบจริงได้ โดยมีวิดีโอเผยแพร่บน Telegram ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Z-Pentest Alliance ที่มีแนวโน้มสนับสนุนรัสเซีย

    เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในโปแลนด์ เมื่อรองนายกรัฐมนตรี Krzysztof Gawkowski เปิดเผยว่ามีความพยายามโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ทันเวลา เขาเปรียบเทียบว่า “รัสเซียอาจไม่ส่งรถถัง แต่ส่งมัลแวร์แทน”

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้เป็น “การหยั่งเชิง” ที่อาจนำไปสู่การโจมตีขนาดใหญ่ในอนาคต โดยเฉพาะระบบน้ำที่มักขาดงบประมาณและบุคลากรด้านไซเบอร์

    แม้ผู้โจมตีจะดูเหมือนมือสมัครเล่น แต่การควบคุมระบบจริงได้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และการใช้ช่องโหว่ เช่น รหัสผ่านอ่อนแอ หรือ HMI ที่เปิดให้เข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นจุดอ่อนที่พบได้ทั่วไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เกิดเหตุโจมตีไซเบอร์ที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ โดยเปิดวาล์วปล่อยน้ำ 4 ชั่วโมง
    โปแลนด์สกัดการโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่ได้ทันเวลา
    กลุ่ม Z-Pentest Alliance ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีในนอร์เวย์
    วิดีโอการโจมตีถูกเผยแพร่บน Telegram พร้อมเพลงรัสเซีย
    ผู้โจมตีใช้ HMI ที่เปิดผ่านอินเทอร์เน็ตและรหัสผ่านอ่อนแอ
    ไม่มีความเสียหายทางกายภาพ แต่มีการควบคุมระบบจริง
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็นการ “หยั่งเชิง” ก่อนการโจมตีใหญ่
    ระบบน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญแต่ขาดการป้องกัน
    สหรัฐฯ และยุโรปควรใช้เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือน
    โครงการ Cyber Peace Initiative และ DEF CON Franklin เสนอความช่วยเหลือฟรีแก่ระบบน้ำ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โปแลนด์เผชิญการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียวันละ 300 ครั้ง
    ในปี 2024 รัสเซียเคยโจมตีระบบน้ำในเท็กซัสจนถังน้ำล้น
    ระบบน้ำในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตรวจสอบไซเบอร์เต็มรูปแบบ
    การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) มักใช้กลุ่มแฮกเกอร์มือสมัครเล่นเป็นตัวแทน
    การโจมตีระบบน้ำสามารถสร้างความหวาดกลัวและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน
    การควบคุมวาล์วแบบเรียลไทม์แสดงถึงความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการที่ร้ายแรง

    https://www.csoonline.com/article/4042449/russia-linked-european-attacks-renew-concerns-over-water-cybersecurity.html
    🕵️‍♂️ น้ำที่ไม่ปลอดภัย – เมื่อไซเบอร์สงครามเริ่มจากก๊อกน้ำ ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดเหตุการณ์สองครั้งที่สะท้อนถึงภัยคุกคามไซเบอร์ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในยุโรป ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซีย เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ เมื่อมีผู้เจาะระบบควบคุมและเปิดวาล์วปล่อยน้ำเป็นเวลาราว 4 ชั่วโมง แม้จะไม่มีความเสียหาย แต่แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบจริงได้ โดยมีวิดีโอเผยแพร่บน Telegram ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Z-Pentest Alliance ที่มีแนวโน้มสนับสนุนรัสเซีย เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในโปแลนด์ เมื่อรองนายกรัฐมนตรี Krzysztof Gawkowski เปิดเผยว่ามีความพยายามโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ทันเวลา เขาเปรียบเทียบว่า “รัสเซียอาจไม่ส่งรถถัง แต่ส่งมัลแวร์แทน” ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การโจมตีลักษณะนี้เป็น “การหยั่งเชิง” ที่อาจนำไปสู่การโจมตีขนาดใหญ่ในอนาคต โดยเฉพาะระบบน้ำที่มักขาดงบประมาณและบุคลากรด้านไซเบอร์ แม้ผู้โจมตีจะดูเหมือนมือสมัครเล่น แต่การควบคุมระบบจริงได้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และการใช้ช่องโหว่ เช่น รหัสผ่านอ่อนแอ หรือ HMI ที่เปิดให้เข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นจุดอ่อนที่พบได้ทั่วไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เกิดเหตุโจมตีไซเบอร์ที่เขื่อน Bremanger ในนอร์เวย์ โดยเปิดวาล์วปล่อยน้ำ 4 ชั่วโมง ➡️ โปแลนด์สกัดการโจมตีระบบน้ำของเมืองใหญ่ได้ทันเวลา ➡️ กลุ่ม Z-Pentest Alliance ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีในนอร์เวย์ ➡️ วิดีโอการโจมตีถูกเผยแพร่บน Telegram พร้อมเพลงรัสเซีย ➡️ ผู้โจมตีใช้ HMI ที่เปิดผ่านอินเทอร์เน็ตและรหัสผ่านอ่อนแอ ➡️ ไม่มีความเสียหายทางกายภาพ แต่มีการควบคุมระบบจริง ➡️ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป็นการ “หยั่งเชิง” ก่อนการโจมตีใหญ่ ➡️ ระบบน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญแต่ขาดการป้องกัน ➡️ สหรัฐฯ และยุโรปควรใช้เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือน ➡️ โครงการ Cyber Peace Initiative และ DEF CON Franklin เสนอความช่วยเหลือฟรีแก่ระบบน้ำ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โปแลนด์เผชิญการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียวันละ 300 ครั้ง ➡️ ในปี 2024 รัสเซียเคยโจมตีระบบน้ำในเท็กซัสจนถังน้ำล้น ➡️ ระบบน้ำในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตรวจสอบไซเบอร์เต็มรูปแบบ ➡️ การโจมตีระบบ OT (Operational Technology) มักใช้กลุ่มแฮกเกอร์มือสมัครเล่นเป็นตัวแทน ➡️ การโจมตีระบบน้ำสามารถสร้างความหวาดกลัวและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน ➡️ การควบคุมวาล์วแบบเรียลไทม์แสดงถึงความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการที่ร้ายแรง https://www.csoonline.com/article/4042449/russia-linked-european-attacks-renew-concerns-over-water-cybersecurity.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Russia-linked European attacks renew concerns over water cybersecurity
    Suspected sabotage in Norway and a foiled cyberattack in Poland highlight the growing risk to under-protected water utilities, experts warn.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย

    การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า

    รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์

    แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2%
    หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel
    หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10%
    Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป
    โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก
    SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel
    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025
    Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle
    Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank
    BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel
    ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    💬 Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์ แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ➡️ หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ➡️ หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10% ➡️ Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป ➡️ โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก ➡️ SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel ➡️ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025 ➡️ Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle ➡️ Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank ➡️ BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel ➡️ ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel in talks with large investors for equity boost at discount, CNBC reports
    (Reuters) -Intel is in talks with other large investors to receive an equity infusion at a discounted price, CNBC reported on Wednesday, just days after the chipmaker got a $2 billion capital injection from SoftBank Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปีกเดียวเปลี่ยนโลก – เมื่อไฮโดรเจนกลายเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 บริษัทเทคโนโลยีจากฝรั่งเศส SHZ Advanced Technologies ประกาศความร่วมมือกับ JetZero สตาร์ตอัปด้านอากาศยานจากแคลิฟอร์เนีย เพื่อพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนแบบ “blended wing-body” หรือ “ปีกผสมลำตัว” ซึ่งมีดีไซน์คล้ายตัว V ที่ทั้งลำตัวและปีกทำหน้าที่ร่วมกันในการสร้างแรงยก

    เป้าหมายของโครงการคือการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ โดยใช้ไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีพลังงานต่อมวลสูงแต่ต้องเก็บในอุณหภูมิ -253°C และใช้พื้นที่มากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป

    SHZ พัฒนาเทคโนโลยีถังเก็บไฮโดรเจนที่ไม่ใช้รูปทรงกระบอกแบบเดิม ทำให้สามารถฝังเข้าไปในโครงสร้างของเครื่องบิน Z4 ได้โดยไม่เสียพื้นที่ผู้โดยสาร JetZero ระบุว่าเครื่องบินต้นแบบขนาด 250 ที่นั่งจะพร้อมบินในปี 2027 ภายใต้การสนับสนุนจาก NASA

    แม้ว่า Airbus จะชะลอแผนการผลิตเครื่องบินไฮโดรเจน และ Boeing ยังไม่มั่นใจในความคุ้มค่าทางพาณิชย์ แต่ JetZero และ SHZ ยังคงเดินหน้าด้วยความเชื่อมั่นว่า “ดีไซน์ใหม่ + เชื้อเพลิงใหม่” คือคำตอบของการบินแห่งอนาคต

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    SHZ Advanced Technologies จากฝรั่งเศสร่วมมือกับ JetZero เพื่อพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจน
    เครื่องบินใช้ดีไซน์ blended wing-body ที่ลดแรงเสียดทานและเพิ่มประสิทธิภาพ
    โครงการอยู่ภายใต้การสนับสนุนจาก NASA เพื่อออกแบบระบบจัดเก็บและจ่ายไฮโดรเจนเหลว
    ไฮโดรเจนมีพลังงานต่อมวลสูง แต่ต้องเก็บในอุณหภูมิ -253°C และใช้พื้นที่มาก
    SHZ พัฒนาถังเก็บไฮโดรเจนแบบใหม่ที่ไม่ใช้รูปทรงกระบอก
    เครื่องบินรุ่น Z4 จะมีที่นั่ง 250 ที่นั่ง และต้นแบบจะพร้อมบินในปี 2027
    JetZero ได้รับการสนับสนุนจาก United Airlines และมีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนครึ่งหนึ่ง
    Airbus ชะลอแผนเครื่องบินไฮโดรเจน และยกเลิกเป้าหมายปี 2035
    Boeing ยังไม่มั่นใจในความคุ้มค่าทางพาณิชย์ของการบินด้วยไฮโดรเจน
    ดีไซน์ blended wing-body เคยใช้ใน B-2 bomber และโครงการ X-48 ของ NASA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    EasyJet เป็นสายการบินยุโรปรายแรกที่ร่วมมือกับ JetZero เพื่อหาแนวทางลดคาร์บอน
    การบินด้วยไฮโดรเจนสามารถลดการปล่อย CO₂ ได้ถึง 100% หากใช้ไฮโดรเจนสีเขียว
    เทคโนโลยีถังเก็บไฮโดรเจนแบบแบนช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มพื้นที่ใช้งาน
    การออกแบบ blended wing-body ยังช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความเสถียรในการบิน
    NASA มีแผนสนับสนุนการบินพลังงานสะอาดผ่านโครงการ Sustainable Flight National Partnership
    ตลาดเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า $100 พันล้านภายในปี 2040

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/french-firm-teams-up-with-jetzero-on-hydrogen-powered-flight
    ✈️ ปีกเดียวเปลี่ยนโลก – เมื่อไฮโดรเจนกลายเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต ในเดือนสิงหาคม 2025 บริษัทเทคโนโลยีจากฝรั่งเศส SHZ Advanced Technologies ประกาศความร่วมมือกับ JetZero สตาร์ตอัปด้านอากาศยานจากแคลิฟอร์เนีย เพื่อพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนแบบ “blended wing-body” หรือ “ปีกผสมลำตัว” ซึ่งมีดีไซน์คล้ายตัว V ที่ทั้งลำตัวและปีกทำหน้าที่ร่วมกันในการสร้างแรงยก เป้าหมายของโครงการคือการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ โดยใช้ไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีพลังงานต่อมวลสูงแต่ต้องเก็บในอุณหภูมิ -253°C และใช้พื้นที่มากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป SHZ พัฒนาเทคโนโลยีถังเก็บไฮโดรเจนที่ไม่ใช้รูปทรงกระบอกแบบเดิม ทำให้สามารถฝังเข้าไปในโครงสร้างของเครื่องบิน Z4 ได้โดยไม่เสียพื้นที่ผู้โดยสาร JetZero ระบุว่าเครื่องบินต้นแบบขนาด 250 ที่นั่งจะพร้อมบินในปี 2027 ภายใต้การสนับสนุนจาก NASA แม้ว่า Airbus จะชะลอแผนการผลิตเครื่องบินไฮโดรเจน และ Boeing ยังไม่มั่นใจในความคุ้มค่าทางพาณิชย์ แต่ JetZero และ SHZ ยังคงเดินหน้าด้วยความเชื่อมั่นว่า “ดีไซน์ใหม่ + เชื้อเพลิงใหม่” คือคำตอบของการบินแห่งอนาคต 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ SHZ Advanced Technologies จากฝรั่งเศสร่วมมือกับ JetZero เพื่อพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจน ➡️ เครื่องบินใช้ดีไซน์ blended wing-body ที่ลดแรงเสียดทานและเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ โครงการอยู่ภายใต้การสนับสนุนจาก NASA เพื่อออกแบบระบบจัดเก็บและจ่ายไฮโดรเจนเหลว ➡️ ไฮโดรเจนมีพลังงานต่อมวลสูง แต่ต้องเก็บในอุณหภูมิ -253°C และใช้พื้นที่มาก ➡️ SHZ พัฒนาถังเก็บไฮโดรเจนแบบใหม่ที่ไม่ใช้รูปทรงกระบอก ➡️ เครื่องบินรุ่น Z4 จะมีที่นั่ง 250 ที่นั่ง และต้นแบบจะพร้อมบินในปี 2027 ➡️ JetZero ได้รับการสนับสนุนจาก United Airlines และมีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนครึ่งหนึ่ง ➡️ Airbus ชะลอแผนเครื่องบินไฮโดรเจน และยกเลิกเป้าหมายปี 2035 ➡️ Boeing ยังไม่มั่นใจในความคุ้มค่าทางพาณิชย์ของการบินด้วยไฮโดรเจน ➡️ ดีไซน์ blended wing-body เคยใช้ใน B-2 bomber และโครงการ X-48 ของ NASA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ EasyJet เป็นสายการบินยุโรปรายแรกที่ร่วมมือกับ JetZero เพื่อหาแนวทางลดคาร์บอน ➡️ การบินด้วยไฮโดรเจนสามารถลดการปล่อย CO₂ ได้ถึง 100% หากใช้ไฮโดรเจนสีเขียว ➡️ เทคโนโลยีถังเก็บไฮโดรเจนแบบแบนช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มพื้นที่ใช้งาน ➡️ การออกแบบ blended wing-body ยังช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มความเสถียรในการบิน ➡️ NASA มีแผนสนับสนุนการบินพลังงานสะอาดผ่านโครงการ Sustainable Flight National Partnership ➡️ ตลาดเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า $100 พันล้านภายในปี 2040 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/french-firm-teams-up-with-jetzero-on-hydrogen-powered-flight
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French firm teams up with JetZero on hydrogen-powered flight
    PARIS (Reuters) -A French technology startup unveiled plans on Wednesday to work with clean-aircraft venture JetZero to explore a potential hydrogen-powered variant of its futuristic all-wing design.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิธรรมเดินหน้าฟ้อง "ธนพร" หมิ่นประมาท ไม่สนคำขอโทษ ย้ำปล่อยเป็นหน้าที่ทนาย!
    https://www.thai-tai.tv/news/21046/
    .
    #ภูมิธรรม #ธนพรศรี #ฟ้องหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย
    ภูมิธรรมเดินหน้าฟ้อง "ธนพร" หมิ่นประมาท ไม่สนคำขอโทษ ย้ำปล่อยเป็นหน้าที่ทนาย! https://www.thai-tai.tv/news/21046/ . #ภูมิธรรม #ธนพรศรี #ฟ้องหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าจริง,ถือว่าสิ้นหวังในวิถีปกครองของประเทศไทยเราเลย,อนาคตมีแต่ประชาชนจะถูกควบคุมทุกๆรูปแบบ ถูกเขียนกฎหมายมากมายออกมาบังคับใข้ประชาชนแบบครอบงำหมด เช่นพรบ.ห้ามชุมชนในที่สาธารณะคือตัวอย่างชัดเจนทางสาธารณะโดยฝีมือลงแก,เพราะเรา..ประชาชนรับรู้ความจริงหมดแล้วว่าทั้งหมดคือเดอะแก๊งเดียวกัน,มีทางเดียวคือนักการเมืองทั้งหมดถูกพักงานห้ามเล่นการเมืองชั่วคราวสัก10-20ปี,ให้มีนายกฯพระราชทาน อาจให้บิ๊กปู พนาเป็นนายกฯพระราชทาน,มีทีมงานสนับสนุนช่วยเหลือเช่นคณะรวมพลังแผ่นดินไทย ซึ่งมีอาสนธิเป็นที่ปรึกษาเอกแก่นายกฯพระราชทาน บิ๊กปูคุมทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจทั่วประเทศอยู่แล้ว สายประชาชนด้านบริหารจัดการทัพเศรษฐกิจการเงินการตังก็เชื่อมด้วยเครือข่ายคณะภาคประชาชนคนไทยเราคือคณะรวมพลังแผ่นดินไทย แม้มีเหี้ยปะปนขึ้นเวทีหวังผลอวยนายตนก็เถอะสามารถถีบออกไปได้เพราะไม่บริสุทธิ์ใจจริงใจต่อการทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนจริง หมายเอาวังวนเดิมกลับมาอีกซึ่งโลกไปไกลแล้วด้วย อันตรายมีทั่วไทย ภูมิคุ้มกันประเทศไทยเราตกต่ำอ่อนแอมากนานแล้วนั้นเอง ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ,ลุงตู่ไม่บริสุทธิ์แล้วจากภาค2ยึดคืนพื้นที่ได้ถึง11จุดจากเขมร ส่วนตัวเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะปล่อยละเลยการทำหน้าของช่วงลุงยึดอำนาจโดยกปปส.ถวายพานให้ตั้งแต่ปี2557ถึงเพื่อไทยมาจัดตั้งรัฐบาลจะเหี้ยได้ขนาดนี้ไม่ผลักดันเขมรออกจากดินแดนไทยเลย,ตำตาของแท้ แม้ได้เลือกตั้งเป็นรัฐบาลยุคลุง มีนโยบายชัดเจนในการถีบเขมรออกจากดินแดนไทยมั้ยหรือยกเลิกmou43,44นี้ฝ่ายเดียวได้เพราะรุกรานผ่านเขตแดนมาอยู่แบบบ้านหนองจานนี้ก็ด้วย เรายกเลิกmouฝ่ายเดียวก็ได้ไม่ผิดอะไร,
    ..สรุปไม่ไว้วางใจลุงตู่นั้นเองแล้วตอนนี้,อำนาจรัฐบาลชุดนี้ต้องเร่งรีบให้หมดไปทั้งหมดทันทีด้วย,จะเอาใครขึ้นมาเป็นนายกฯช่วงนี้ ยอมรับว่าไร้ราคาหมดในฝ่ายพวกเล่นการเมือง,ต้องนายกฯพระราชทานอย่างเดียว, บิ๊กปูไม่อยากทำก็ให้บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานแทนก็ได้,แต่ตามหลักโหร บิ๊กปูคือผบ.พนา เหมาะสมสุด เพราะเชื่อมทหารกับภาคประชาชนได้ และบิ๊กกุ้งก็เชื่อมประชาชนไม่แพ้กัน,ภาพลักษณ์บิ๊กปู ที่ทำงานหลังฉากสามารถสร้างความตกตะลึงแก่ต่างชาติไทยหากได้เป็นนายกฯ,แล้วอาจเชื่อมประเทศไมตรีทั่วโลกได้สบายๆนั้นเอง,มี2ท่านนี้ล่ะ บิ๊กปู หรือบิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานเลยก็ว่า,ลุงตู่ไปแล้วอย่าเอามาอีกเลย,แค่เรื่องพรมแดนเขมรที่ปล่อยปะละเลยก็เหี้ยพอแล้ว,ให้ลุงอยู่สงบๆตามช่วงอายุวัยท่านเถอะ,สิ่งบางอย่างห้ามผ่านได้ก็ข้าม เดียวมีคนเล่นงานลุงในสาระพัดเรื่องตอนแก่อีก,ขุดจนป่าช้าพัง เผลอๆอาจเจออาชญากร ข้อหาอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในไทยจากวัคซีนอีก เพราะทั่วโลกพิสูจน์ความผิดจริงแล้วว่าสมคบคิดกันจริง ปกปิดประชาชนในการรับวัคซีนอาวุธชีวภาพสังหารประชาชนภายใต้ช่วงตนบริหารจัดการปกครองในประเทศนั้นๆ,กฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กเริ่มจัดการผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว,ดับอนาถทั้งคณะล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=OP5gFqcyHxA&si=PZsCO5f42mN2wMvZ
    ถ้าจริง,ถือว่าสิ้นหวังในวิถีปกครองของประเทศไทยเราเลย,อนาคตมีแต่ประชาชนจะถูกควบคุมทุกๆรูปแบบ ถูกเขียนกฎหมายมากมายออกมาบังคับใข้ประชาชนแบบครอบงำหมด เช่นพรบ.ห้ามชุมชนในที่สาธารณะคือตัวอย่างชัดเจนทางสาธารณะโดยฝีมือลงแก,เพราะเรา..ประชาชนรับรู้ความจริงหมดแล้วว่าทั้งหมดคือเดอะแก๊งเดียวกัน,มีทางเดียวคือนักการเมืองทั้งหมดถูกพักงานห้ามเล่นการเมืองชั่วคราวสัก10-20ปี,ให้มีนายกฯพระราชทาน อาจให้บิ๊กปู พนาเป็นนายกฯพระราชทาน,มีทีมงานสนับสนุนช่วยเหลือเช่นคณะรวมพลังแผ่นดินไทย ซึ่งมีอาสนธิเป็นที่ปรึกษาเอกแก่นายกฯพระราชทาน บิ๊กปูคุมทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจทั่วประเทศอยู่แล้ว สายประชาชนด้านบริหารจัดการทัพเศรษฐกิจการเงินการตังก็เชื่อมด้วยเครือข่ายคณะภาคประชาชนคนไทยเราคือคณะรวมพลังแผ่นดินไทย แม้มีเหี้ยปะปนขึ้นเวทีหวังผลอวยนายตนก็เถอะสามารถถีบออกไปได้เพราะไม่บริสุทธิ์ใจจริงใจต่อการทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชนจริง หมายเอาวังวนเดิมกลับมาอีกซึ่งโลกไปไกลแล้วด้วย อันตรายมีทั่วไทย ภูมิคุ้มกันประเทศไทยเราตกต่ำอ่อนแอมากนานแล้วนั้นเอง ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ,ลุงตู่ไม่บริสุทธิ์แล้วจากภาค2ยึดคืนพื้นที่ได้ถึง11จุดจากเขมร ส่วนตัวเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะปล่อยละเลยการทำหน้าของช่วงลุงยึดอำนาจโดยกปปส.ถวายพานให้ตั้งแต่ปี2557ถึงเพื่อไทยมาจัดตั้งรัฐบาลจะเหี้ยได้ขนาดนี้ไม่ผลักดันเขมรออกจากดินแดนไทยเลย,ตำตาของแท้ แม้ได้เลือกตั้งเป็นรัฐบาลยุคลุง มีนโยบายชัดเจนในการถีบเขมรออกจากดินแดนไทยมั้ยหรือยกเลิกmou43,44นี้ฝ่ายเดียวได้เพราะรุกรานผ่านเขตแดนมาอยู่แบบบ้านหนองจานนี้ก็ด้วย เรายกเลิกmouฝ่ายเดียวก็ได้ไม่ผิดอะไร, ..สรุปไม่ไว้วางใจลุงตู่นั้นเองแล้วตอนนี้,อำนาจรัฐบาลชุดนี้ต้องเร่งรีบให้หมดไปทั้งหมดทันทีด้วย,จะเอาใครขึ้นมาเป็นนายกฯช่วงนี้ ยอมรับว่าไร้ราคาหมดในฝ่ายพวกเล่นการเมือง,ต้องนายกฯพระราชทานอย่างเดียว, บิ๊กปูไม่อยากทำก็ให้บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานแทนก็ได้,แต่ตามหลักโหร บิ๊กปูคือผบ.พนา เหมาะสมสุด เพราะเชื่อมทหารกับภาคประชาชนได้ และบิ๊กกุ้งก็เชื่อมประชาชนไม่แพ้กัน,ภาพลักษณ์บิ๊กปู ที่ทำงานหลังฉากสามารถสร้างความตกตะลึงแก่ต่างชาติไทยหากได้เป็นนายกฯ,แล้วอาจเชื่อมประเทศไมตรีทั่วโลกได้สบายๆนั้นเอง,มี2ท่านนี้ล่ะ บิ๊กปู หรือบิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานเลยก็ว่า,ลุงตู่ไปแล้วอย่าเอามาอีกเลย,แค่เรื่องพรมแดนเขมรที่ปล่อยปะละเลยก็เหี้ยพอแล้ว,ให้ลุงอยู่สงบๆตามช่วงอายุวัยท่านเถอะ,สิ่งบางอย่างห้ามผ่านได้ก็ข้าม เดียวมีคนเล่นงานลุงในสาระพัดเรื่องตอนแก่อีก,ขุดจนป่าช้าพัง เผลอๆอาจเจออาชญากร ข้อหาอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในไทยจากวัคซีนอีก เพราะทั่วโลกพิสูจน์ความผิดจริงแล้วว่าสมคบคิดกันจริง ปกปิดประชาชนในการรับวัคซีนอาวุธชีวภาพสังหารประชาชนภายใต้ช่วงตนบริหารจัดการปกครองในประเทศนั้นๆ,กฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กเริ่มจัดการผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว,ดับอนาถทั้งคณะล่ะ. https://youtube.com/watch?v=OP5gFqcyHxA&si=PZsCO5f42mN2wMvZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล

    แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย

    รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้

    องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด

    ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ

    MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้
    รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี
    สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร
    โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
    AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ
    กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI
    โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3
    โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3
    องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง
    AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide”
    บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน
    การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์
    การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่
    การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว
    CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    🧠 AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้ องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้ ➡️ รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี ➡️ สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร ➡️ โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ➡️ AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ ➡️ กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI ➡️ โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3 ➡️ โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3 ➡️ องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง ➡️ AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide” ➡️ บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน ➡️ การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์ ➡️ การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่ ➡️ การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว ➡️ CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    95% of generative AI implementations in enterprise 'have no measurable impact on P&L', says MIT — flawed integration cited as why AI projects underperform
    AI is a powerful tool, but only if used correctly. | The study shows that AI tools must adjust to the organization’s processes for it to work effectively.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ Phison ต้องออกโรงสู้ข่าวปลอม – SSD บน Windows 11 กับความเข้าใจผิดที่อาจสร้างความเสียหาย

    เรื่องเริ่มต้นจากการที่มีรายงานว่าอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2025 (KB5063878 และ KB5062660) ส่งผลให้ SSD หลายรุ่นเกิดปัญหา โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก

    ในช่วงแรก มีการกล่าวอ้างว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ของ Phison เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลัก แต่ Phison ได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ของตนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ อุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

    สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้น คือมีเอกสารปลอมที่ถูกเผยแพร่ในหมู่ลูกค้า โดยอ้างว่าเป็นการสื่อสารจาก Phison ซึ่งระบุรุ่นคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน Phison จึงต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธเอกสารดังกล่าวอย่างหนักแน่น พร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

    Phison ยังยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสืบสวนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรอย่างเต็มที่

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    มีรายงานว่าอัปเดต Windows 11 KB5063878 และ KB5062660 ส่งผลให้ SSD หลายรุ่นเกิดปัญหา
    ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ ทำให้ SSD บางรุ่นล้มเหลว
    มีการกล่าวอ้างว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ของ Phison ได้รับผลกระทบหลัก
    Phison ยืนยันว่าอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
    มีเอกสารปลอมที่อ้างว่าเป็นการสื่อสารจาก Phison ถูกเผยแพร่ในหมู่ลูกค้า
    เอกสารปลอมระบุรุ่นคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
    Phison ปฏิเสธเอกสารดังกล่าวอย่างหนักแน่น และดำเนินการทางกฎหมาย
    Phison กำลังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสืบสวนและแก้ไขปัญหา
    แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของ Phison ออกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025
    Phison ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรอย่างเต็มที่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ปัญหานี้ไม่จำกัดเฉพาะ SSD แต่ยังส่งผลต่อ HDD บางรุ่นด้วย
    การอัปเดต Windows ที่มีปัญหาอาจส่งผลต่อระบบกู้คืนข้อมูลของผู้ใช้
    ผู้ผลิต SSD รายอื่น เช่น Western Digital ก็พบปัญหาคล้ายกัน
    การเผยแพร่เอกสารปลอมในวงการเทคโนโลยีอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่น
    การสื่อสารอย่างโปร่งใสจากผู้ผลิตเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการวิกฤต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-takes-legal-action-over-falsified-leaked-document-on-windows-ssd-issues-says-it-continues-to-investigate-reports-of-problems
    🎙️ เมื่อ Phison ต้องออกโรงสู้ข่าวปลอม – SSD บน Windows 11 กับความเข้าใจผิดที่อาจสร้างความเสียหาย เรื่องเริ่มต้นจากการที่มีรายงานว่าอัปเดตความปลอดภัยของ Windows 11 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2025 (KB5063878 และ KB5062660) ส่งผลให้ SSD หลายรุ่นเกิดปัญหา โดยเฉพาะเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก ในช่วงแรก มีการกล่าวอ้างว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ของ Phison เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลัก แต่ Phison ได้ออกมายืนยันว่าไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ของตนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ อุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้น คือมีเอกสารปลอมที่ถูกเผยแพร่ในหมู่ลูกค้า โดยอ้างว่าเป็นการสื่อสารจาก Phison ซึ่งระบุรุ่นคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน Phison จึงต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธเอกสารดังกล่าวอย่างหนักแน่น พร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Phison ยังยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสืบสวนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรอย่างเต็มที่ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ มีรายงานว่าอัปเดต Windows 11 KB5063878 และ KB5062660 ส่งผลให้ SSD หลายรุ่นเกิดปัญหา ➡️ ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ ทำให้ SSD บางรุ่นล้มเหลว ➡️ มีการกล่าวอ้างว่า SSD ที่ใช้คอนโทรลเลอร์ของ Phison ได้รับผลกระทบหลัก ➡️ Phison ยืนยันว่าอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ➡️ มีเอกสารปลอมที่อ้างว่าเป็นการสื่อสารจาก Phison ถูกเผยแพร่ในหมู่ลูกค้า ➡️ เอกสารปลอมระบุรุ่นคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ➡️ Phison ปฏิเสธเอกสารดังกล่าวอย่างหนักแน่น และดำเนินการทางกฎหมาย ➡️ Phison กำลังร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสืบสวนและแก้ไขปัญหา ➡️ แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของ Phison ออกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 ➡️ Phison ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรอย่างเต็มที่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ปัญหานี้ไม่จำกัดเฉพาะ SSD แต่ยังส่งผลต่อ HDD บางรุ่นด้วย ➡️ การอัปเดต Windows ที่มีปัญหาอาจส่งผลต่อระบบกู้คืนข้อมูลของผู้ใช้ ➡️ ผู้ผลิต SSD รายอื่น เช่น Western Digital ก็พบปัญหาคล้ายกัน ➡️ การเผยแพร่เอกสารปลอมในวงการเทคโนโลยีอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่น ➡️ การสื่อสารอย่างโปร่งใสจากผู้ผลิตเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการวิกฤต https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-takes-legal-action-over-falsified-leaked-document-on-windows-ssd-issues-says-it-continues-to-investigate-reports-of-problems
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Phison takes legal action over falsified 'leaked' document on Windows SSD issues — says it continues to investigate reports of problems
    "We wish to state unequivocally that the document in question—reproduced below—is neither an official nor unofficial communication from Phison."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกคนรู้ ภูมิธรรมไม่รู้!! [21/8/68]

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ภูมิธรรม
    #การเมืองไทย
    #ฝ่ายค้าน
    #กบฏทางการเมือง
    ทุกคนรู้ ภูมิธรรมไม่รู้!! [21/8/68] #TruthFromThailand #scambodia #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #ภูมิธรรม #การเมืองไทย #ฝ่ายค้าน #กบฏทางการเมือง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • TouristDigiPay – เมื่อคริปโตกลายเป็นกุญแจฟื้นการท่องเที่ยวไทย

    ประเทศไทยกำลังเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซา ด้วยโครงการ “TouristDigiPay” มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet เพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต

    โครงการนี้จะเริ่มในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 และดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ “regulatory sandbox” ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ

    นักท่องเที่ยวจะไม่จ่ายเงินด้วยคริปโตโดยตรง แต่จะต้องแปลงผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ e-wallet ที่ใช้จ่ายเป็นเงินบาทเท่านั้น โดยจำกัดการใช้จ่ายรายเดือนสูงสุด 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กจะถูกจำกัดไว้ที่ 50,000 บาท ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ

    เหตุผลหลักคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่ลดลงถึง 34% ในครึ่งปีแรกของ 2025

    นอกจากนี้ ประเทศอื่นก็เริ่มใช้คริปโตในภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น ภูฏานที่ร่วมมือกับ Binance Pay, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโต และแม้แต่ Blue Origin ของ Jeff Bezos ก็รับ Bitcoin กับ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    โครงการ TouristDigiPay เปิดให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet
    ดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ regulatory sandbox
    หน่วยงานกำกับดูแลประกอบด้วยกระทรวงการคลัง, ธปท., ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยว
    นักท่องเที่ยวไม่จ่ายคริปโตโดยตรง แต่ใช้เงินบาทผ่านระบบหลังบ้าน
    จำกัดการใช้จ่ายรายเดือนที่ 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กที่ 50,000 บาท
    ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ
    เป้าหมายคือกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ซบเซา โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน
    ตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 2025 อยู่ที่ 16.8 ล้านคน ลดลงจาก 17.7 ล้านคนในปีที่แล้ว
    รัฐบาลลดเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2025 จาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน
    รองนายกฯ และ รมว.คลังระบุว่าโครงการนี้ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดและบัตรเครดิต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ภูฏานร่วมมือกับ Binance Pay เพื่อเปิดรับคริปโตในภาคการท่องเที่ยว
    สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโตผ่าน Crypto.com
    Blue Origin รับ Bitcoin และ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ
    ประเทศไทยกำลังพิจารณาให้คริปโตเชื่อมกับบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายในประเทศ
    มีแผนรวมตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายเดียวเพื่อความคล่องตัวของนักลงทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/thailands-usd15b-touristdigipay-scheme-will-let-visitors-convert-crypto-to-baht-18-month-pilot-program-is-engineered-to-revive-slumping-tourism-in-the-region
    🎙️ TouristDigiPay – เมื่อคริปโตกลายเป็นกุญแจฟื้นการท่องเที่ยวไทย ประเทศไทยกำลังเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซา ด้วยโครงการ “TouristDigiPay” มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet เพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรเครดิต โครงการนี้จะเริ่มในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 และดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ “regulatory sandbox” ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นักท่องเที่ยวจะไม่จ่ายเงินด้วยคริปโตโดยตรง แต่จะต้องแปลงผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ e-wallet ที่ใช้จ่ายเป็นเงินบาทเท่านั้น โดยจำกัดการใช้จ่ายรายเดือนสูงสุด 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กจะถูกจำกัดไว้ที่ 50,000 บาท ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ เหตุผลหลักคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะจากจีนที่ลดลงถึง 34% ในครึ่งปีแรกของ 2025 นอกจากนี้ ประเทศอื่นก็เริ่มใช้คริปโตในภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน เช่น ภูฏานที่ร่วมมือกับ Binance Pay, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโต และแม้แต่ Blue Origin ของ Jeff Bezos ก็รับ Bitcoin กับ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ โครงการ TouristDigiPay เปิดให้นักท่องเที่ยวแปลงคริปโตเป็นเงินบาทผ่าน e-wallet ➡️ ดำเนินการเป็นเวลา 18 เดือนในรูปแบบ regulatory sandbox ➡️ หน่วยงานกำกับดูแลประกอบด้วยกระทรวงการคลัง, ธปท., ปปง., ก.ล.ต. และกระทรวงการท่องเที่ยว ➡️ นักท่องเที่ยวไม่จ่ายคริปโตโดยตรง แต่ใช้เงินบาทผ่านระบบหลังบ้าน ➡️ จำกัดการใช้จ่ายรายเดือนที่ 500,000 บาท และร้านค้าขนาดเล็กที่ 50,000 บาท ➡️ ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกตัดออกจากโครงการ ➡️ เป้าหมายคือกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ซบเซา โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน ➡️ ตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 2025 อยู่ที่ 16.8 ล้านคน ลดลงจาก 17.7 ล้านคนในปีที่แล้ว ➡️ รัฐบาลลดเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2025 จาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน ➡️ รองนายกฯ และ รมว.คลังระบุว่าโครงการนี้ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดและบัตรเครดิต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ภูฏานร่วมมือกับ Binance Pay เพื่อเปิดรับคริปโตในภาคการท่องเที่ยว ➡️ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้จ่ายค่าโดยสารสายการบินด้วยคริปโตผ่าน Crypto.com ➡️ Blue Origin รับ Bitcoin และ Ether สำหรับการท่องเที่ยวอวกาศ ➡️ ประเทศไทยกำลังพิจารณาให้คริปโตเชื่อมกับบัตรเครดิตเพื่อใช้จ่ายในประเทศ ➡️ มีแผนรวมตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายเดียวเพื่อความคล่องตัวของนักลงทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/thailands-usd15b-touristdigipay-scheme-will-let-visitors-convert-crypto-to-baht-18-month-pilot-program-is-engineered-to-revive-slumping-tourism-in-the-region
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • FreeVPN.One – VPN ที่ควรปกป้องคุณ กลับกลายเป็นสายลับในเบราว์เซอร์

    VPN คือเครื่องมือที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว แต่กรณีของ FreeVPN.One กลับกลายเป็นฝันร้ายด้านความปลอดภัย เมื่อ Koi Security เปิดเผยว่า ส่วนขยายนี้แอบจับภาพหน้าจอทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าไป แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของนักพัฒนาที่ไม่เปิดเผยตัวตน

    FreeVPN.One มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 ราย และได้รับตรา “Featured” จาก Google Chrome ซึ่งควรจะหมายถึงความปลอดภัยและคุณภาพ แต่เบื้องหลังกลับมีการขอสิทธิ์เข้าถึงแท็บ, สคริปต์ และ URL ทั้งหมด ซึ่งเปิดช่องให้แทรกโค้ดเข้าไปในทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เยี่ยมชม

    เมื่อหน้าเว็บโหลดเสร็จในไม่กี่วินาที ส่วนขยายจะใช้ API พิเศษของ Chrome เพื่อจับภาพหน้าจอแบบเงียบ ๆ แล้วส่งไปยังโดเมน aitd.one พร้อมข้อมูล URL, tab ID และรหัสผู้ใช้เฉพาะ โดยไม่มีการแจ้งเตือนหรือขออนุญาตจากผู้ใช้เลย

    แม้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวจะระบุว่าการจับภาพจะเกิดขึ้นเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ “AI Threat Detection” แต่ Koi Security พบว่า FreeVPN.One ทำการเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้ใช้จะเปิดฟีเจอร์นั้นหรือไม่ก็ตาม

    ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ นักพัฒนาได้เปลี่ยนโดเมนและเพิ่มการเข้ารหัส AES-256 พร้อม RSA key wrapping เพื่อปกปิดการส่งข้อมูล และยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นเจ้าของจริงของส่วนขยายนี้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    FreeVPN.One เป็นส่วนขยาย VPN บน Chrome ที่มีผู้ใช้งานกว่า 100,000 ราย
    ส่วนขยายนี้แอบจับภาพหน้าจอทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้า โดยไม่แจ้งให้ทราบ
    ภาพหน้าจอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ aitd.one พร้อม URL, tab ID และรหัสผู้ใช้
    ใช้ API captureVisibleTab() ของ Chrome เพื่อจับภาพแบบเงียบ
    ขอสิทธิ์เข้าถึงแท็บ, สคริปต์ และ URL ทั้งหมด ซึ่งเปิดช่องให้แทรกโค้ด
    นโยบายความเป็นส่วนตัวระบุว่าการจับภาพจะเกิดเมื่อเปิดใช้ “AI Threat Detection”
    Koi Security พบว่าการจับภาพเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ไม่ได้เปิดฟีเจอร์นั้น
    นักพัฒนาเปลี่ยนโดเมนและเพิ่มการเข้ารหัส AES-256 เพื่อปกปิดการส่งข้อมูล
    ไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นเจ้าของส่วนขยายนี้จริง ๆ
    Koi Security พยายามติดต่อขอข้อมูลจากนักพัฒนา แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ส่วนขยายนี้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่เวอร์ชัน 3.0.3 ในเดือนเมษายน 2025
    เวอร์ชันล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 เริ่มจับภาพหน้าจอแบบเต็มรูปแบบ
    การเข้ารหัสข้อมูลใช้ AES-256-GCM พร้อม RSA key wrapping เพื่อซ่อนการส่งข้อมูล
    ข้อมูลที่ถูกเก็บรวมถึง IP, ตำแหน่ง, อุปกรณ์ และถูกเข้ารหัสแบบ Base64
    ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store แม้จะถูกเปิดโปงแล้ว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/a-popular-vpn-extension-for-google-chrome-has-been-screenshotting-every-page-users-visit-freevpn-one-flagged-over-enormous-privacy-concerns
    🎙️ FreeVPN.One – VPN ที่ควรปกป้องคุณ กลับกลายเป็นสายลับในเบราว์เซอร์ VPN คือเครื่องมือที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว แต่กรณีของ FreeVPN.One กลับกลายเป็นฝันร้ายด้านความปลอดภัย เมื่อ Koi Security เปิดเผยว่า ส่วนขยายนี้แอบจับภาพหน้าจอทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าไป แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของนักพัฒนาที่ไม่เปิดเผยตัวตน FreeVPN.One มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 ราย และได้รับตรา “Featured” จาก Google Chrome ซึ่งควรจะหมายถึงความปลอดภัยและคุณภาพ แต่เบื้องหลังกลับมีการขอสิทธิ์เข้าถึงแท็บ, สคริปต์ และ URL ทั้งหมด ซึ่งเปิดช่องให้แทรกโค้ดเข้าไปในทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เยี่ยมชม เมื่อหน้าเว็บโหลดเสร็จในไม่กี่วินาที ส่วนขยายจะใช้ API พิเศษของ Chrome เพื่อจับภาพหน้าจอแบบเงียบ ๆ แล้วส่งไปยังโดเมน aitd.one พร้อมข้อมูล URL, tab ID และรหัสผู้ใช้เฉพาะ โดยไม่มีการแจ้งเตือนหรือขออนุญาตจากผู้ใช้เลย แม้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวจะระบุว่าการจับภาพจะเกิดขึ้นเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์ “AI Threat Detection” แต่ Koi Security พบว่า FreeVPN.One ทำการเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้ใช้จะเปิดฟีเจอร์นั้นหรือไม่ก็ตาม ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ นักพัฒนาได้เปลี่ยนโดเมนและเพิ่มการเข้ารหัส AES-256 พร้อม RSA key wrapping เพื่อปกปิดการส่งข้อมูล และยังไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นเจ้าของจริงของส่วนขยายนี้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ FreeVPN.One เป็นส่วนขยาย VPN บน Chrome ที่มีผู้ใช้งานกว่า 100,000 ราย ➡️ ส่วนขยายนี้แอบจับภาพหน้าจอทุกเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้า โดยไม่แจ้งให้ทราบ ➡️ ภาพหน้าจอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ aitd.one พร้อม URL, tab ID และรหัสผู้ใช้ ➡️ ใช้ API captureVisibleTab() ของ Chrome เพื่อจับภาพแบบเงียบ ➡️ ขอสิทธิ์เข้าถึงแท็บ, สคริปต์ และ URL ทั้งหมด ซึ่งเปิดช่องให้แทรกโค้ด ➡️ นโยบายความเป็นส่วนตัวระบุว่าการจับภาพจะเกิดเมื่อเปิดใช้ “AI Threat Detection” ➡️ Koi Security พบว่าการจับภาพเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ไม่ได้เปิดฟีเจอร์นั้น ➡️ นักพัฒนาเปลี่ยนโดเมนและเพิ่มการเข้ารหัส AES-256 เพื่อปกปิดการส่งข้อมูล ➡️ ไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นเจ้าของส่วนขยายนี้จริง ๆ ➡️ Koi Security พยายามติดต่อขอข้อมูลจากนักพัฒนา แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ส่วนขยายนี้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่เวอร์ชัน 3.0.3 ในเดือนเมษายน 2025 ➡️ เวอร์ชันล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 เริ่มจับภาพหน้าจอแบบเต็มรูปแบบ ➡️ การเข้ารหัสข้อมูลใช้ AES-256-GCM พร้อม RSA key wrapping เพื่อซ่อนการส่งข้อมูล ➡️ ข้อมูลที่ถูกเก็บรวมถึง IP, ตำแหน่ง, อุปกรณ์ และถูกเข้ารหัสแบบ Base64 ➡️ ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store แม้จะถูกเปิดโปงแล้ว https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/a-popular-vpn-extension-for-google-chrome-has-been-screenshotting-every-page-users-visit-freevpn-one-flagged-over-enormous-privacy-concerns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kirin 9020 – ชิปที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือสัญลักษณ์ของการยืนหยัด

    Huawei กลับมาอย่างสง่างามในเวทีสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ ด้วยการเปิดตัว Kirin 9020 ซึ่งเป็นชิป SoC ที่รวมโมเด็ม 5G และโมดูล RF front-end ที่ผลิตในประเทศจีนทั้งหมด ถือเป็นครั้งแรกที่ Huawei สามารถรวมเทคโนโลยี 5G แบบครบวงจรไว้ในชิปเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก

    Kirin 9020 ถูกใช้ในสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 70 และ Pura 80 โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Huawei หลังจากเก็บงำข้อมูลชิปมานานกว่า 5 ปี การเปิดเผยครั้งนี้ไม่ใช่แค่การโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการประกาศความมั่นใจในความสามารถด้านการออกแบบและผลิตชิปของจีน

    ชิปนี้ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยีระดับ 7 นาโนเมตร แม้จะไม่มีเครื่องมือลิทโธกราฟีขั้นสูงจากตะวันตก แต่ก็สามารถผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงได้สำเร็จ โดยเฉพาะการรวมโมเด็ม 5G ซึ่งต้องรองรับคลื่นความถี่หลากหลาย, การจัดการสัญญาณแบบ beamforming และการเข้ารหัสขั้นสูง

    นอกจากโมเด็มแล้ว Huawei ยังสามารถผลิต RF front-end module ได้เอง ซึ่งรวมถึง power amplifier, low-noise amplifier, antenna switch และ filter ที่เคยถูกครอบครองโดยบริษัทอเมริกันอย่าง Broadcom และ Qorvo

    ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ที่พึ่งพาตนเอง และ Kirin 9020 ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของการยืนหยัดท่ามกลางการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Huawei เปิดตัว Kirin 9020 ซึ่งรวมโมเด็ม 5G และ RF front-end module ที่ผลิตในจีน
    ใช้ในสมาร์ตโฟน Mate 70 และ Pura 80 พร้อมการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Huawei
    ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยี 7nm-class แม้ไม่มีเครื่องมือลิทโธกราฟีขั้นสูง
    โมเด็ม 5G รองรับคลื่น sub-6 GHz และ mmWave พร้อมเทคนิค OFDM, MU-MIMO, beamforming
    RF front-end module รวม power amplifier, low-noise amplifier, antenna switch และ filter
    Huawei เคยปิดบังข้อมูลชิปมานานกว่า 5 ปี ก่อนจะเปิดเผยอย่างมั่นใจในปี 2025
    Kirin 9020 เป็นการพัฒนาแบบ incremental จาก Kirin 9010 ไม่ใช่การออกแบบใหม่ทั้งหมด
    การรวมโมเด็ม 5G เข้ากับ SoC เป็นสิ่งที่แม้แต่ Apple ยังไม่สามารถทำได้
    ชิปนี้แสดงถึงความสามารถของจีนในการผลิตชิป RF-intensive โดยไม่พึ่งพาตะวันตก
    Kirin 9020 กลายเป็นสัญลักษณ์ของการยืนหยัดต่อการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ยืนยันชื่อชิปผ่านภาพหน้าจอหลังอัปเดตระบบของผู้ใช้ Pura 80
    SMIC เคยผลิตชิป 7nm ให้ Huawei ตั้งแต่ Kirin 980 โดยใช้เทคโนโลยีของ TSMC
    การเปิดเผยข้อมูลชิปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จาก “ความลับ” สู่ “ความมั่นใจ”
    จีนมีแผนสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ที่พึ่งพาตนเองเต็มรูปแบบ
    การผลิต RF front-end module เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในอุปกรณ์ 5G เพราะต้องใช้วัสดุเฉพาะและเทคนิคขั้นสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-kirin-9020-integrates-5g-modem-china-made-5g-fem-chip-symbolizes-resilience-to-u-s-sanctions
    🎙️ Kirin 9020 – ชิปที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือสัญลักษณ์ของการยืนหยัด Huawei กลับมาอย่างสง่างามในเวทีสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ ด้วยการเปิดตัว Kirin 9020 ซึ่งเป็นชิป SoC ที่รวมโมเด็ม 5G และโมดูล RF front-end ที่ผลิตในประเทศจีนทั้งหมด ถือเป็นครั้งแรกที่ Huawei สามารถรวมเทคโนโลยี 5G แบบครบวงจรไว้ในชิปเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก Kirin 9020 ถูกใช้ในสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 70 และ Pura 80 โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Huawei หลังจากเก็บงำข้อมูลชิปมานานกว่า 5 ปี การเปิดเผยครั้งนี้ไม่ใช่แค่การโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการประกาศความมั่นใจในความสามารถด้านการออกแบบและผลิตชิปของจีน ชิปนี้ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยีระดับ 7 นาโนเมตร แม้จะไม่มีเครื่องมือลิทโธกราฟีขั้นสูงจากตะวันตก แต่ก็สามารถผลิตชิปที่มีความซับซ้อนสูงได้สำเร็จ โดยเฉพาะการรวมโมเด็ม 5G ซึ่งต้องรองรับคลื่นความถี่หลากหลาย, การจัดการสัญญาณแบบ beamforming และการเข้ารหัสขั้นสูง นอกจากโมเด็มแล้ว Huawei ยังสามารถผลิต RF front-end module ได้เอง ซึ่งรวมถึง power amplifier, low-noise amplifier, antenna switch และ filter ที่เคยถูกครอบครองโดยบริษัทอเมริกันอย่าง Broadcom และ Qorvo ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ที่พึ่งพาตนเอง และ Kirin 9020 ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของการยืนหยัดท่ามกลางการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Huawei เปิดตัว Kirin 9020 ซึ่งรวมโมเด็ม 5G และ RF front-end module ที่ผลิตในจีน ➡️ ใช้ในสมาร์ตโฟน Mate 70 และ Pura 80 พร้อมการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Huawei ➡️ ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยี 7nm-class แม้ไม่มีเครื่องมือลิทโธกราฟีขั้นสูง ➡️ โมเด็ม 5G รองรับคลื่น sub-6 GHz และ mmWave พร้อมเทคนิค OFDM, MU-MIMO, beamforming ➡️ RF front-end module รวม power amplifier, low-noise amplifier, antenna switch และ filter ➡️ Huawei เคยปิดบังข้อมูลชิปมานานกว่า 5 ปี ก่อนจะเปิดเผยอย่างมั่นใจในปี 2025 ➡️ Kirin 9020 เป็นการพัฒนาแบบ incremental จาก Kirin 9010 ไม่ใช่การออกแบบใหม่ทั้งหมด ➡️ การรวมโมเด็ม 5G เข้ากับ SoC เป็นสิ่งที่แม้แต่ Apple ยังไม่สามารถทำได้ ➡️ ชิปนี้แสดงถึงความสามารถของจีนในการผลิตชิป RF-intensive โดยไม่พึ่งพาตะวันตก ➡️ Kirin 9020 กลายเป็นสัญลักษณ์ของการยืนหยัดต่อการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ยืนยันชื่อชิปผ่านภาพหน้าจอหลังอัปเดตระบบของผู้ใช้ Pura 80 ➡️ SMIC เคยผลิตชิป 7nm ให้ Huawei ตั้งแต่ Kirin 980 โดยใช้เทคโนโลยีของ TSMC ➡️ การเปิดเผยข้อมูลชิปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จาก “ความลับ” สู่ “ความมั่นใจ” ➡️ จีนมีแผนสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ที่พึ่งพาตนเองเต็มรูปแบบ ➡️ การผลิต RF front-end module เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในอุปกรณ์ 5G เพราะต้องใช้วัสดุเฉพาะและเทคนิคขั้นสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-kirin-9020-integrates-5g-modem-china-made-5g-fem-chip-symbolizes-resilience-to-u-s-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ

    เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว

    หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง

    แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง

    อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป
    Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน
    แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries
    เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B
    Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป”
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้
    การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์
    มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG
    TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์
    การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน
    Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน
    Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    🎙️ CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป ➡️ Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน ➡️ แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries ➡️ เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B ➡️ Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป” ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ➡️ การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์ ➡️ มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG ➡️ TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์ ➡️ การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน ➡️ Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน ➡️ Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung 9100 Pro 8TB – SSD ที่เร็วที่สุด พร้อมความจุทะลุขีดจำกัด

    Samsung ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ในซีรีส์ 9100 Pro ขนาด 8TB ซึ่งถือเป็นรุ่นที่เร็วและใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้บริโภค โดยใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่สามารถทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้สูงถึง 14,800 MB/s และเขียนข้อมูลได้ถึง 13,400 MB/s ซึ่งเร็วกว่า SSD รุ่นก่อนหน้าที่ใช้ PCIe 4.0 เกือบเท่าตัว

    SSD รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระดับสูง เช่น นักสร้างคอนเทนต์, นักเล่นเกม, และผู้ใช้ที่ต้องการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถติดตั้งเกมได้ถึง 80 เกม หากแต่ละเกมมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 90GB

    Samsung ยังออกแบบให้รองรับการใช้งานใน PlayStation 5 และมีรุ่นที่มาพร้อมฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานที่ความเร็วสูงสุดได้นานขึ้นโดยไม่เกิดการ throttle

    แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย โดยรุ่น 8TB มีราคาเปิดตัวที่ประมาณ $1,050 (หรือ €964.99) และรุ่นที่มีฮีตซิงก์อยู่ที่ประมาณ $1,150 (หรือ €983.99) อย่างไรก็ตาม ราคานี้อาจลดลงเมื่อวางจำหน่ายจริงในตลาด

    Samsung ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto และ NAND แบบ TLC ที่ผลิตเอง พร้อม DRAM cache ขนาด 8GB และรับประกันการเขียนข้อมูลได้ถึง 4,800TB ภายในระยะเวลา 5 ปี

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Samsung เปิดตัว SSD 9100 Pro รุ่น 8TB ใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0
    ความเร็วในการอ่าน/เขียนสูงสุดอยู่ที่ 14,800/13,400 MB/s
    มีรุ่นที่มาพร้อมฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนและรักษาความเร็ว
    รองรับการใช้งานใน PlayStation 5 แม้มีขนาดสูงขึ้น
    สามารถติดตั้งเกมได้ประมาณ 80 เกม หากแต่ละเกมมีขนาดเฉลี่ย 90GB
    ราคาประมาณ $1,050 สำหรับรุ่นธรรมดา และ $1,150 สำหรับรุ่นมีฮีตซิงก์
    ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto และ NAND TLC ที่ผลิตโดย Samsung เอง
    DRAM cache ขนาด 8GB และรับประกันการเขียนข้อมูล 4,800TB ใน 5 ปี
    มีอัตราความเสียหายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 0.58%
    เป็นหนึ่งใน SSD PCIe 5.0 ขนาด 8TB ที่มีวางจำหน่ายในตลาด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SSD รุ่นนี้เปิดตัวในงาน NVIDIA GTC เพื่อโชว์ศักยภาพด้าน AI และงานหนัก
    มีการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานดีขึ้นถึง 49% จากรุ่นก่อนหน้า
    ใช้คอนโทรลเลอร์ขนาด 5nm ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน
    มีความสามารถในการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงถึง 2.2M/2.6M IOPS
    คาดว่าราคาขายจริงในตลาดอาจลดลงเหลือประมาณ $800

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/samsungs-fastest-consumer-ssd-raises-its-capacity-cap-8tb-9100-pro-to-arrive-in-september
    🎙️ Samsung 9100 Pro 8TB – SSD ที่เร็วที่สุด พร้อมความจุทะลุขีดจำกัด Samsung ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ในซีรีส์ 9100 Pro ขนาด 8TB ซึ่งถือเป็นรุ่นที่เร็วและใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้บริโภค โดยใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่สามารถทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้สูงถึง 14,800 MB/s และเขียนข้อมูลได้ถึง 13,400 MB/s ซึ่งเร็วกว่า SSD รุ่นก่อนหน้าที่ใช้ PCIe 4.0 เกือบเท่าตัว SSD รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระดับสูง เช่น นักสร้างคอนเทนต์, นักเล่นเกม, และผู้ใช้ที่ต้องการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถติดตั้งเกมได้ถึง 80 เกม หากแต่ละเกมมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 90GB Samsung ยังออกแบบให้รองรับการใช้งานใน PlayStation 5 และมีรุ่นที่มาพร้อมฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนสะสม ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานที่ความเร็วสูงสุดได้นานขึ้นโดยไม่เกิดการ throttle แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย โดยรุ่น 8TB มีราคาเปิดตัวที่ประมาณ $1,050 (หรือ €964.99) และรุ่นที่มีฮีตซิงก์อยู่ที่ประมาณ $1,150 (หรือ €983.99) อย่างไรก็ตาม ราคานี้อาจลดลงเมื่อวางจำหน่ายจริงในตลาด Samsung ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto และ NAND แบบ TLC ที่ผลิตเอง พร้อม DRAM cache ขนาด 8GB และรับประกันการเขียนข้อมูลได้ถึง 4,800TB ภายในระยะเวลา 5 ปี 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Samsung เปิดตัว SSD 9100 Pro รุ่น 8TB ใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0 ➡️ ความเร็วในการอ่าน/เขียนสูงสุดอยู่ที่ 14,800/13,400 MB/s ➡️ มีรุ่นที่มาพร้อมฮีตซิงก์เพื่อป้องกันความร้อนและรักษาความเร็ว ➡️ รองรับการใช้งานใน PlayStation 5 แม้มีขนาดสูงขึ้น ➡️ สามารถติดตั้งเกมได้ประมาณ 80 เกม หากแต่ละเกมมีขนาดเฉลี่ย 90GB ➡️ ราคาประมาณ $1,050 สำหรับรุ่นธรรมดา และ $1,150 สำหรับรุ่นมีฮีตซิงก์ ➡️ ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto และ NAND TLC ที่ผลิตโดย Samsung เอง ➡️ DRAM cache ขนาด 8GB และรับประกันการเขียนข้อมูล 4,800TB ใน 5 ปี ➡️ มีอัตราความเสียหายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 0.58% ➡️ เป็นหนึ่งใน SSD PCIe 5.0 ขนาด 8TB ที่มีวางจำหน่ายในตลาด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SSD รุ่นนี้เปิดตัวในงาน NVIDIA GTC เพื่อโชว์ศักยภาพด้าน AI และงานหนัก ➡️ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานดีขึ้นถึง 49% จากรุ่นก่อนหน้า ➡️ ใช้คอนโทรลเลอร์ขนาด 5nm ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน ➡️ มีความสามารถในการอ่าน/เขียนแบบสุ่มสูงถึง 2.2M/2.6M IOPS ➡️ คาดว่าราคาขายจริงในตลาดอาจลดลงเหลือประมาณ $800 https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/samsungs-fastest-consumer-ssd-raises-its-capacity-cap-8tb-9100-pro-to-arrive-in-september
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ยิ่งเป็นกำลังทหารเขมร เคลื่อนย้ายชัดเจนมาไทย,ยิ่งหมดสิทธิและห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด,ยิงเด็กๆเราจนเสียชีวิตคา7/11เกือบทั้งครอบครัว ยิงโรงพยาบาลไทย เสือกยังมีหน้าอยากมารักษาในประเทศไทยอีก,เขมรสันดานเลวต้องไม่มีที่ยืนใดๆบนแผ่นดินไทย,จริงๆต้องผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด จะสถานะใดอาจไปประเทศโลกที่สามก็ได้,ในภาวะสงครามนี้,สงบจึงค่อยกลับเขมรมึง,นีัยังอ้างสาระพัดอีกตลอดถึงแรงงานก็ด้วย,ปะปนมาก่อการร้ายทั่วกรุงฯจะหาว่าไม่เดือด,ระเบิดสาระพัดบอมในหลายๆตึกจะเกิดอะไรขึ้น,ยิ่งรัฐบาลสภาพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจใดๆได้อีกเลย,ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริง สส.ทั้งสภา ต้องถูกจำคุกทั้งหมดเพราะเรา..ประชาชนเชื่อว่าคือพวกเดียวกันทั้งหมด,แกนนำพรรคหลักและพรรคร่วมต้องโทษประหารชีวิตด้วย เพราะแต่ละบริบทพวกนี้ไม่สนใจอธิปไตยดินแดนไทยภัยรุกรานจริงๆเลย หมาหยอกไก่,ปล่อยไก่ให้จังหวะเขมรเรื่อย ตลอดจังหวะไทยจะรบชนะเขมรเด็ดขาดอยู่แล้วเสือกขัดขวางเสีย,นี้คือกิริยาไส้ศึกขัดขวางชัดๆ รีบวิ่งแล่นไปอยากหยุดยิงกับเขมรเร็วๆโน้น เราประชาชนทั้งประเทศแม้เด็ก7-8ขวบก็ดูออก.
    ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ยิ่งเป็นกำลังทหารเขมร เคลื่อนย้ายชัดเจนมาไทย,ยิ่งหมดสิทธิและห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด,ยิงเด็กๆเราจนเสียชีวิตคา7/11เกือบทั้งครอบครัว ยิงโรงพยาบาลไทย เสือกยังมีหน้าอยากมารักษาในประเทศไทยอีก,เขมรสันดานเลวต้องไม่มีที่ยืนใดๆบนแผ่นดินไทย,จริงๆต้องผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด จะสถานะใดอาจไปประเทศโลกที่สามก็ได้,ในภาวะสงครามนี้,สงบจึงค่อยกลับเขมรมึง,นีัยังอ้างสาระพัดอีกตลอดถึงแรงงานก็ด้วย,ปะปนมาก่อการร้ายทั่วกรุงฯจะหาว่าไม่เดือด,ระเบิดสาระพัดบอมในหลายๆตึกจะเกิดอะไรขึ้น,ยิ่งรัฐบาลสภาพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจใดๆได้อีกเลย,ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริง สส.ทั้งสภา ต้องถูกจำคุกทั้งหมดเพราะเรา..ประชาชนเชื่อว่าคือพวกเดียวกันทั้งหมด,แกนนำพรรคหลักและพรรคร่วมต้องโทษประหารชีวิตด้วย เพราะแต่ละบริบทพวกนี้ไม่สนใจอธิปไตยดินแดนไทยภัยรุกรานจริงๆเลย หมาหยอกไก่,ปล่อยไก่ให้จังหวะเขมรเรื่อย ตลอดจังหวะไทยจะรบชนะเขมรเด็ดขาดอยู่แล้วเสือกขัดขวางเสีย,นี้คือกิริยาไส้ศึกขัดขวางชัดๆ รีบวิ่งแล่นไปอยากหยุดยิงกับเขมรเร็วๆโน้น เราประชาชนทั้งประเทศแม้เด็ก7-8ขวบก็ดูออก.
    ชนชาติทรยศลอบกัด พอป่วยหนักขึ้นมา ชาวเน็ตเขมรร้องขอให้ไทยรับรักษา แถมมีบางส่วนอ้างว่าไทยเล่นของใส่ ป่วยอยู่ตรงไหนก็สายตรงนั้นแหละ มนุษยธรรมไม่มีให้ชนชาติมึง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" เข้าศาลรัฐธรรมนูญ คดี "คลิปเสียงฮุนเซน" ลุ้นชี้ชะตาเก้าอี้นายกฯ 29 ส.ค.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/21047/
    .
    #แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #คลิปฮุนเซน #นายก #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย

    "แพทองธาร" เข้าศาลรัฐธรรมนูญ คดี "คลิปเสียงฮุนเซน" ลุ้นชี้ชะตาเก้าอี้นายกฯ 29 ส.ค.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/21047/ . #แพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #คลิปฮุนเซน #นายก #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • อึ้งทั้งโลก!!! กัมพูชาแถลงจุดยืน! ยันไม่สร้างข่าวปลอม ย้ำการเจรจาสันติต้องทำอย่างจริงใจ พร้อมขอให้ไทยปล่อยทหารเขมร
    https://www.thai-tai.tv/news/21048/
    .
    #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ข่าวปลอม #ชายแดนไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย

    อึ้งทั้งโลก!!! กัมพูชาแถลงจุดยืน! ยันไม่สร้างข่าวปลอม ย้ำการเจรจาสันติต้องทำอย่างจริงใจ พร้อมขอให้ไทยปล่อยทหารเขมร https://www.thai-tai.tv/news/21048/ . #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ข่าวปลอม #ชายแดนไทย #ข่าวการเมือง #ไทยไทด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว

  • กองกำลังบูรพา ตรวจสอบกล่องวัตถุต้องสงสัย ถูกทิ้งในไร่อ้อย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้างในมีซิมมือถือ จำนวน 395 หมายเลข พร้อมเครื่องสำอาง และเสื้อผ้า เร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง คาดอาจเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์-กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ

    เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าซิมมือถือจำนวนมากอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ หรือเป็นเครื่องมือสนับสนุนเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้าเพื่อหลอกลวงทางการเงินโดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้เก็บของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่
    กองกำลังบูรพา ตรวจสอบกล่องวัตถุต้องสงสัย ถูกทิ้งในไร่อ้อย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้างในมีซิมมือถือ จำนวน 395 หมายเลข พร้อมเครื่องสำอาง และเสื้อผ้า เร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง คาดอาจเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์-กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าซิมมือถือจำนวนมากอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ หรือเป็นเครื่องมือสนับสนุนเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้าเพื่อหลอกลวงทางการเงินโดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้เก็บของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปจากฝ่ายเขมรที่ปีนต้นไม้ส่องดูทหารไทยที่จุดผ่อนปรนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
    คลิปจากฝ่ายเขมรที่ปีนต้นไม้ส่องดูทหารไทยที่จุดผ่อนปรนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แผ่นดินไหว 5.4 นอกชายฝั่งเมียนมา! แรงสั่นสะเทือนถึงกรุงเทพฯ ย่านอโศก-พร้อมพงษ์
    https://www.thai-tai.tv/news/21049/
    .
    #แผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวเมียนมา #ภัยธรรมชาติ #กรุงเทพ #ข่าววันนี้ #ไทยไทด้วย

    แผ่นดินไหว 5.4 นอกชายฝั่งเมียนมา! แรงสั่นสะเทือนถึงกรุงเทพฯ ย่านอโศก-พร้อมพงษ์ https://www.thai-tai.tv/news/21049/ . #แผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวเมียนมา #ภัยธรรมชาติ #กรุงเทพ #ข่าววันนี้ #ไทยไทด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทาน
    ศีล
    มรรค
    ปล่อยวาง
    ปัญญา
    #ไม่คิดไม่เกิด
    ทาน ศีล มรรค ปล่อยวาง ปัญญา #ไม่คิดไม่เกิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์จัดใหญ่! “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 16” โชว์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครู ดันเศรษฐกิจฐานรากและ Soft Power ไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21050/
    .
    #อัตลักษณ์แห่งสยาม16 #งานหัตถกรรมไทย #SACIT #กระทรวงพาณิชย์ #SoftPower #เศรษฐกิจไทย #ไทยไทด้วย

    กระทรวงพาณิชย์จัดใหญ่! “อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 16” โชว์งานหัตถศิลป์ไทยระดับครู ดันเศรษฐกิจฐานรากและ Soft Power ไทย https://www.thai-tai.tv/news/21050/ . #อัตลักษณ์แห่งสยาม16 #งานหัตถกรรมไทย #SACIT #กระทรวงพาณิชย์ #SoftPower #เศรษฐกิจไทย #ไทยไทด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวเมียนมาร์เกือบ 200 ชีวิต หนีภัยความไม่สงบมาขอหลบภัยที่อ.พบพระ จ.ตาก ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม กว่าหนึ่งเดือน ไทยรับดูแลช่วยเหลือจนสถานความขัดแย้งในบ้านเขาคลี่คลาย ชาวเมียนมาร์คลายกังวล ทหารไทยจึงอำนวยความสะดวกส่งกลับเรียบร้อย แต่บทพิสูจน์มนุษยธรรมแบบนี้ ไอ้สส.พรรคส้ม วิโรจน์ โรม รอมฏอน ไม่เคยคิดจะเอ่ยถึง เพราะเอ่ยแล้วทหารได้เครดิต
    #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพรัตน์ซัด คำชี้แจงอุ๊งอิ๊ง ไปลอกฝรั่งมา!! [21/8/68]

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #อุ๊งอิ๊ง
    #นพรัตน์
    #การเมืองไทย
    #เฟคนิวส์
    นพรัตน์ซัด คำชี้แจงอุ๊งอิ๊ง ไปลอกฝรั่งมา!! [21/8/68] #TruthFromThailand #scambodia #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #อุ๊งอิ๊ง #นพรัตน์ #การเมืองไทย #เฟคนิวส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 0 รีวิว