• ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨
    🌟 จุดเด่น:
    - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK
    หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา
    - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้)
    - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ
    - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ
    🔑 จุดบวก :
    - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ
    - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว
    📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722
    ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ

    #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    ขายอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น สุดยอดทำเล 3.2 ล้าน เจ้าของขายเอง 🏢✨ 🌟 จุดเด่น: - 📍 ทำเลที่ตั้ง: https://shorturl.asia/xCQbK หน้าจอย คาร์แคร์ ต.บ้านป้อม อ.อยุธยา จ.อยุธยา - 🏷️ ราคา: 3,200,000 บาท (สามารถต่อรองได้) - 📏 หน้ากว้าง 4 เมตร สูง ~6 เมตร ลึก ~ 14 เมตร และพื้นที่จอดรถ - 🛠️ น้ำพร้อม ไฟพร้อม พร้อมเข้าอยู่หรือเปิดกิจการ 🔑 จุดบวก : - ใกล้วัดวรเชษฐ์ วัดกษัตราธิราช วัดไชยวัฒนาราม ออกถนน 347 ขึ้นเหนือ หรือเข้ากรุงเทพฯ ง่ายมากๆ - เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลาย, ปล่อยเช่า, อยู่อาศัย หรือขายสินค้าให้นักท่องเที่ยว 📞 สนใจติดต่อ: ลุงเล็ก 081-7328722 ปล. ลุงเป็นคน Analog ไม่เล่น Social รบกวนโทรฯ เป็นหลักนะครับ #อยุธยา #ตึกแถวอยุธยา #อาคารพาณิชย์ #วัดวรเชษฐ์ #วัดกษัตราธิราช #วัดไชยวัฒนาราม #บุพเพสันนิวาส #มองดูเรือ #โรตีอยุธยา #ของฝากอยุธยา #ลงทุนอยุธยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกอัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้อง ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก 17 ราย แต่สั่งไม่ฟ้อง แซม ยุรนันท์ - มีน พีชญา ดาราสาว เหตุพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ส่งอธ.ดีเอสไอเห็นแย้งหรือไม่
    .
    วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีระหว่าง นายณัฏฐ์ ธนาพิพัฒน์ดลภัค กับพวก ผู้กล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์รกุล ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการใน ลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ใน ท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 649,912,290 บาท นั้น
    .
    เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วมีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้
    .
    1. สั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1,นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ 2, นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบอสแล็ป ผู้ต้องหาที่ 3,นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ผู้ต้องหาที่ 5,นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ผูตองหาที่ 6, น.สนัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ผู้ต้องหาที่ 7,น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ผู้ตองหาที่ 8, นายนันทธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ผู้ต้องหาที่ 9,นายธวิณทรภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ผูตองหาที่ 10, น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ผู้ต้องหาที่ 11,น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี ผู้ต้องหาที่ 12, นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 13,นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อบ ผู้ต้องหาที่ 14, นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ผู้ต้องหาที่ 15,นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ผู้ต้องหาที่ 16 และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ผู้ต้องหาที่ 19ตามข้อกล่าวหา
    .
    ฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็ง โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบ ธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54, พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2)
    พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของ ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ตามความเห็นพนักงานสอบสวน
    .
    2. สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมีน ผู้ต้องหาที่ 18 ตามข้อกล่าวหา ฐาน "ร่วมกันน้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยผ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54,พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติแก่ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก่ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการ กูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 แย้งความเห็นพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 ต่อศาลอาญาใน วันนี้
    .
    ส่วนผู้ต้องหาที่ 17 และ 18 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาและจะดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002167
    .........
    Sondhi X
    โฆษกอัยการสูงสุด แถลงสั่งฟ้อง ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก 17 ราย แต่สั่งไม่ฟ้อง แซม ยุรนันท์ - มีน พีชญา ดาราสาว เหตุพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ส่งอธ.ดีเอสไอเห็นแย้งหรือไม่ . วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีระหว่าง นายณัฏฐ์ ธนาพิพัฒน์ดลภัค กับพวก ผู้กล่าวหาบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์รกุล ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 19 คน ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการใน ลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ใน ท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน คิดเป็นค่าเสียหายรวมประมาณ 649,912,290 บาท นั้น . เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากและเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้สำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้วมีความเห็นและคำสั่ง ดังนี้ . 1. สั่งฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1,นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาที่ 2, นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือบอสแล็ป ผู้ต้องหาที่ 3,นายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ผู้ต้องหาที่ 5,นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ หรือบอสหมอเอก ผูตองหาที่ 6, น.สนัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย ผู้ต้องหาที่ 7,น.ส.ญาสิกัญจณ์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสโซดา ผู้ตองหาที่ 8, นายนันทธรัฐ เชาวนปรีชา หรือบอสโอม ผู้ต้องหาที่ 9,นายธวิณทรภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือบอสวิน ผูตองหาที่ 10, น.ส.กนกธร ปูรณะสุคนธ์ หรือบอสแม่หญิง ผู้ต้องหาที่ 11,น.ส.เสาวภา วงษ์สาขา หรือบอสอูมมี ผู้ต้องหาที่ 12, นายเชษฐ์ณภัฏ อภิพัฒนกานต์ หรือบอสทอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 13,นายหัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ หรือบอสป๊อบ ผู้ต้องหาที่ 14, นางวิไลลักษณ์ ยาวิชัย หรือบอสจอย ผู้ต้องหาที่ 15,นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ หรือบอสออฟ ผู้ต้องหาที่ 16 และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ ผู้ต้องหาที่ 19ตามข้อกล่าวหา . ฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็ง โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบ ธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54, พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของ ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ตามความเห็นพนักงานสอบสวน . 2. สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแชม ผู้ต้องหาที่ 17 และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมีน ผู้ต้องหาที่ 18 ตามข้อกล่าวหา ฐาน "ร่วมกันน้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยผ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 19, 20, 38, 46, 47, 54,พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 3, 6, 18, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติแก่ไขเพามเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 พระราชกำหนดการกูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11/1, 12, 15 พระราชบัญญัติแก่ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2534 มาตรา 3 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการ กูยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 3, 4, 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติวาด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 8 แย้งความเห็นพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งฟ้องตามความเห็นของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 17 ต่อศาลอาญาใน วันนี้ . ส่วนผู้ต้องหาที่ 17 และ 18 ซึ่งพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลอาญาและจะดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002167 ......... Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชา นาย ลิม คิมยา ถูกมือปืนสังหารอุกอาจข้างวัดบวรฯ ได้ก่อเกิดคำถามมากมาย

    #ลิมคิมยา #ลอบยิงกลางกรุงเทพ #ใบสั่งฆ่าจากใคร? #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    คดีนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชา นาย ลิม คิมยา ถูกมือปืนสังหารอุกอาจข้างวัดบวรฯ ได้ก่อเกิดคำถามมากมาย #ลิมคิมยา #ลอบยิงกลางกรุงเทพ #ใบสั่งฆ่าจากใคร? #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 77 0 รีวิว
  • มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237693617828500
    มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237693617828500
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/eEIlblNYew8
    AH 4848 ดุอาอฺเมื่อเกิดความทุกข์
    โดย อาจารย์มุสตอฟา อยู่เป็นสุข
    17.11.67 @ มัสยิดอันวาริซซุนนะห์ (คลองเคล็ด) กรุงเทพฯ
    .....................................................................
    😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕
    ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่
    🌐 website http://www.alhamdtv.com​​
    ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV
    🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/
    🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​
    ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่
    ธนาคารกสิกรไทย
    บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์
    A/C No. 013-3-47916-3 หรือ
    พร้อมเพย์ 0864018121
    ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ
    (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ)
    จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ
    ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน
    #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    https://youtu.be/eEIlblNYew8 AH 4848 ดุอาอฺเมื่อเกิดความทุกข์ โดย อาจารย์มุสตอฟา อยู่เป็นสุข 17.11.67 @ มัสยิดอันวาริซซุนนะห์ (คลองเคล็ด) กรุงเทพฯ ..................................................................... 😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕 ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่ 🌐 website http://www.alhamdtv.com​​ ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV 🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/ 🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​ ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์ A/C No. 013-3-47916-3 หรือ พร้อมเพย์ 0864018121 ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ) จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/N6BfxgAD7YY
    AH 4847 ลบล้างความผิดบาป
    โดย อาจารย์มุบาร็อก นาคนาวา
    17.11.67 @ มัสยิดอันวาริซซุนนะห์ (คลองเคล็ด) กรุงเทพฯ
    .....................................................................
    😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕
    ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่
    🌐 website http://www.alhamdtv.com​​
    ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV
    🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/
    🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​
    ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่
    ธนาคารกสิกรไทย
    บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์
    A/C No. 013-3-47916-3 หรือ
    พร้อมเพย์ 0864018121
    ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ
    (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ)
    จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ
    ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน
    #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    https://youtu.be/N6BfxgAD7YY AH 4847 ลบล้างความผิดบาป โดย อาจารย์มุบาร็อก นาคนาวา 17.11.67 @ มัสยิดอันวาริซซุนนะห์ (คลองเคล็ด) กรุงเทพฯ ..................................................................... 😍เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน📕 ติดตามงานของ Alhamdulillah GROUP ได้ที่ 🌐 website http://www.alhamdtv.com​​ ▶️ Youtube : https://www.youtube.com/user/AlhamdTV 🎧 Podcast : https://alhamdtv.podbean.com/ 🔵 Facebook : https://www.facebook.com/alhamtv/​​ ติดต่อ และร่วมสนับสนุนกลุ่ม "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย บัญชี นายกิระเดช ชวานนท์ A/C No. 013-3-47916-3 หรือ พร้อมเพย์ 0864018121 ❤ เรียนให้พี่น้องทราบว่า ทุกคลิปที่เผยแพร่ผ่าน Facebook หรือ Youtube : Alhamdulillah Group ทางทีมงาน"ฮาลาล" ให้พี่น้องในการนำไปเผยแพร่ต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมาทางทีมงานครับ (ยกเว้นผู้ที่นำไปตัดต่อบิดเบือนเนื้อหา หรือ เพื่อนำไปทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อความรู้ในอิสลาม และสร้างความแตกแยกในสังคม ทางทีมงานฯ ขอที่จะ "ไม่ฮาลาล" ให้ครับ) จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และขอเชิญชวนพี่น้องมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ทำหน้าที่ "เป็นสะพานของงานดะอฺวะฮฺ" ด้วยกันครับ ญะซากุมุลลอฮุค็อยรอน #alhamdulillahGROUP #อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺกรุ๊ป #สะพานของงานดะอฺวะฮฺ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อนยอนสู่ปีนัง ขบวนรถไฟ My Sawasdee

    หลังการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการขบวนรถพิเศษ My Sawasdee เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ ในช่วงวันหยุดยาวของมาเลเซีย นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ล่าสุดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา เปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษ My Sawasdee Penang Edition เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ให้บริการระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2567 ถึง 5 ม.ค.2568

    เฟซบุ๊ก "แซม ญาณบ้าน" นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้บริการ เปิดเผยว่า ขบวนรถดังกล่าวจำหน่ายตั๋วเที่ยวเดียวในราคา 45 ริงกิต (ประมาณ 346 บาท) เน้นสำหรับชาวมาเลเซียที่จะไปเที่ยวหาดใหญ่ เพราะออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 7 โมงเช้า ถึงปลายทางหาดใหญ่ประมาณเที่ยงวัน ส่วนขากลับออกจากหาดใหญ่เวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จอดที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อลงตราประทับจากตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก่อนจอดส่งผู้โดยสารตามรายทาง รวม 5 สถานี

    ก่อนเข้าสถานีปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่จะกำชับเรื่องการกรอกบัตรขาเข้าดิจิทัลของมาเลเซีย (MDAC) สำหรับชาวต่างชาติ และต้องนำสิ่งของทุกอย่างลงจากรถไฟ รวมทั้งน้ำดื่มและอาหาร เข้า ตม. เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

    ตู้โดยสารที่ใช้เป็นตู้โดยสารปรับอากาศ คล้ายรถนั่งปรับอากาศชั้น 2 ในไทย เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์ ให้นั่งรอในขบวนรถระหว่าง ตม. ไทยและมาเลเซียลงตราประทับนักท่องเที่ยวขาออกจากมาเลเซีย ไปขบวน 950 และ 46 ให้หมดก่อน ประมาณ 30 นาทีจึงให้ผู้โดยสารออกมาลงตราประทับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีผู้โดยสารขึ้นระหว่างทางก่อนถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ก็ปล่อยขบวนรถก่อนเวลาเกือบ 20 นาที แต่ปรากฎว่าต้องรอหลีกให้รถไฟ KTM Komuter มาถึงทีหลังให้แซงไปก่อน ถึงจะออกรถได้

    แม้จะถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 21.36 น. ตามเวลามาเลเซีย แต่ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไม่ทันรอบ 21.30 น. ต้องรอเรือรอบถัดไป 23.00 น. ถึงจะเข้าไปบนเกาะปีนัง จึงแนะว่าถ้าไม่เร่งรีบก็น่าสนใจ แต่ถ้าต้องทำเวลาจริงๆ ใช้บริการ KTM Komuter ดีกว่า เพราะใช้เวลาจากสถานีปาดังเบซาร์ ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธไม่ถึง 2 ชั่วโมง

    สำหรับความคืบหน้าการเดินรถไฟ บัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย รายงานว่า นายวง ฮอน ไว ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งรัฐปีนัง กล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งรัฐปีนัง เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงต้นปี 2568

    #Newskit
    ต่อนยอนสู่ปีนัง ขบวนรถไฟ My Sawasdee หลังการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย ประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการขบวนรถพิเศษ My Sawasdee เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ ในช่วงวันหยุดยาวของมาเลเซีย นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ล่าสุดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ผ่านมา เปิดตัวรถไฟขบวนพิเศษ My Sawasdee Penang Edition เส้นทางจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง ไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ให้บริการระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2567 ถึง 5 ม.ค.2568 เฟซบุ๊ก "แซม ญาณบ้าน" นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ใช้บริการ เปิดเผยว่า ขบวนรถดังกล่าวจำหน่ายตั๋วเที่ยวเดียวในราคา 45 ริงกิต (ประมาณ 346 บาท) เน้นสำหรับชาวมาเลเซียที่จะไปเที่ยวหาดใหญ่ เพราะออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 7 โมงเช้า ถึงปลายทางหาดใหญ่ประมาณเที่ยงวัน ส่วนขากลับออกจากหาดใหญ่เวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จอดที่สถานีปาดังเบซาร์ เพื่อลงตราประทับจากตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก่อนจอดส่งผู้โดยสารตามรายทาง รวม 5 สถานี ก่อนเข้าสถานีปาดังเบซาร์ เจ้าหน้าที่จะกำชับเรื่องการกรอกบัตรขาเข้าดิจิทัลของมาเลเซีย (MDAC) สำหรับชาวต่างชาติ และต้องนำสิ่งของทุกอย่างลงจากรถไฟ รวมทั้งน้ำดื่มและอาหาร เข้า ตม. เพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ตู้โดยสารที่ใช้เป็นตู้โดยสารปรับอากาศ คล้ายรถนั่งปรับอากาศชั้น 2 ในไทย เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์ ให้นั่งรอในขบวนรถระหว่าง ตม. ไทยและมาเลเซียลงตราประทับนักท่องเที่ยวขาออกจากมาเลเซีย ไปขบวน 950 และ 46 ให้หมดก่อน ประมาณ 30 นาทีจึงให้ผู้โดยสารออกมาลงตราประทับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่มีผู้โดยสารขึ้นระหว่างทางก่อนถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ก็ปล่อยขบวนรถก่อนเวลาเกือบ 20 นาที แต่ปรากฎว่าต้องรอหลีกให้รถไฟ KTM Komuter มาถึงทีหลังให้แซงไปก่อน ถึงจะออกรถได้ แม้จะถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 21.36 น. ตามเวลามาเลเซีย แต่ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไม่ทันรอบ 21.30 น. ต้องรอเรือรอบถัดไป 23.00 น. ถึงจะเข้าไปบนเกาะปีนัง จึงแนะว่าถ้าไม่เร่งรีบก็น่าสนใจ แต่ถ้าต้องทำเวลาจริงๆ ใช้บริการ KTM Komuter ดีกว่า เพราะใช้เวลาจากสถานีปาดังเบซาร์ ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธไม่ถึง 2 ชั่วโมง สำหรับความคืบหน้าการเดินรถไฟ บัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย รายงานว่า นายวง ฮอน ไว ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งรัฐปีนัง กล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งรัฐปีนัง เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงต้นปี 2568 #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจเกาหลีใต้วันจันทร์ (6 ม.ค.) ประกาศการสอบสวนระหว่างประเทศหลังพบมีอีเมลลึกลับอ้างตัวเป็นทนายญี่ปุ่นประกาศอยู่เบื้องหลังการตกของเครื่องบินเชจูแอร์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ปีที่แล้วที่สนามบินมูอัน ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 179 คน

    โคเรียไทม์สของเกาหลีใต้รายงานวันจันทร์ (6 ม.ค.) ว่า ตำรวจเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์วันจันทร์ (6) ว่า กำลังจะเดินหน้าการสอบสวนร่วมระหว่างประเทศในคดีการตกของเครื่องโบอิ้ง 737-800 ของเชจูแอร์ (หรือเจจูแอร์ ) ไฟลต์ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน และเครื่องตกวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.) สังหารคนบนเครื่องไป 179 คนจากทั้งหมด 181 คนบนเครื่อง และมีผู้รอดชีวิตมาได้แค่ 2 คน

    โดยในการแถลงระบุว่าเป็นการสอบสวนข้ามชาติต่ออีเมลลึกลับจากญี่ปุ่นประกาศอ้างความรับผิดชอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000001765

    #MGROnline #เชจูแอร์
    ตำรวจเกาหลีใต้วันจันทร์ (6 ม.ค.) ประกาศการสอบสวนระหว่างประเทศหลังพบมีอีเมลลึกลับอ้างตัวเป็นทนายญี่ปุ่นประกาศอยู่เบื้องหลังการตกของเครื่องบินเชจูแอร์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ปีที่แล้วที่สนามบินมูอัน ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 179 คน • โคเรียไทม์สของเกาหลีใต้รายงานวันจันทร์ (6 ม.ค.) ว่า ตำรวจเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์วันจันทร์ (6) ว่า กำลังจะเดินหน้าการสอบสวนร่วมระหว่างประเทศในคดีการตกของเครื่องโบอิ้ง 737-800 ของเชจูแอร์ (หรือเจจูแอร์ ) ไฟลต์ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน และเครื่องตกวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.) สังหารคนบนเครื่องไป 179 คนจากทั้งหมด 181 คนบนเครื่อง และมีผู้รอดชีวิตมาได้แค่ 2 คน • โดยในการแถลงระบุว่าเป็นการสอบสวนข้ามชาติต่ออีเมลลึกลับจากญี่ปุ่นประกาศอ้างความรับผิดชอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000001765 • #MGROnline #เชจูแอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุรีรัมย์- แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ถูกสาวแสบอ้างเป็น จนท.สถานทูต หลอกจะพาไปทำงานที่ออสเตรเลีย สูญเงินรายละ 6 หมื่นถึง 1.2 แสน รวมกว่า 6 ล้าน ก่อนปล่อยลอยแพที่สนามบิน ญาติ ตร.โดนหลอกด้วย โอดบางคนกู้ยืมมาหวังได้ค่าแรงเดือนหลักแสนกลับเป็นหนี้สินเพิ่ม จัดหางานรุดลงพื้นที่รับคำร้องและสอบข้อเท็จจริง พร้อมแจ้งความเอาผิดนายหน้าเถื่อนแสบ

    วันนี้ (7 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรีสมชาย ละอองทอง จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ นำทีมเจ้าหน้าที่จัดหางานลงพื้นที่ สภ.พุทไธสง เพื่อรับคำร้องและสอบสวนข้อเท็จจริงจากแรงงานที่ถูก น.ส.ธมลวรรณ หรือออย อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง หลอกลวงจะพาไปทำงานเกษตร โรงแรม และร้านอาหาร ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ปล่อยลอยแพที่สนามบิน และโรงแรมที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เดินทางไปทำงานจริงตามที่กล่าวอ้าง สูญเงินรายละ 60,000 - 120,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมคำร้องและหลักฐานจากแรงงานผู้เสียหาย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง เพื่อเอาผิดตามกับ น.ส.ออย นายหน้าแสบที่หลอกลวงแรงงานด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001666

    #MGROnline #บุรีรัมย์ #ออสเตรเลีย
    บุรีรัมย์- แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน ถูกสาวแสบอ้างเป็น จนท.สถานทูต หลอกจะพาไปทำงานที่ออสเตรเลีย สูญเงินรายละ 6 หมื่นถึง 1.2 แสน รวมกว่า 6 ล้าน ก่อนปล่อยลอยแพที่สนามบิน ญาติ ตร.โดนหลอกด้วย โอดบางคนกู้ยืมมาหวังได้ค่าแรงเดือนหลักแสนกลับเป็นหนี้สินเพิ่ม จัดหางานรุดลงพื้นที่รับคำร้องและสอบข้อเท็จจริง พร้อมแจ้งความเอาผิดนายหน้าเถื่อนแสบ • วันนี้ (7 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ร้อยตรีสมชาย ละอองทอง จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ นำทีมเจ้าหน้าที่จัดหางานลงพื้นที่ สภ.พุทไธสง เพื่อรับคำร้องและสอบสวนข้อเท็จจริงจากแรงงานที่ถูก น.ส.ธมลวรรณ หรือออย อายุ 28 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.พุทไธสง หลอกลวงจะพาไปทำงานเกษตร โรงแรม และร้านอาหาร ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ปล่อยลอยแพที่สนามบิน และโรงแรมที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เดินทางไปทำงานจริงตามที่กล่าวอ้าง สูญเงินรายละ 60,000 - 120,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมคำร้องและหลักฐานจากแรงงานผู้เสียหาย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พุทไธสง เพื่อเอาผิดตามกับ น.ส.ออย นายหน้าแสบที่หลอกลวงแรงงานด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001666 • #MGROnline #บุรีรัมย์ #ออสเตรเลีย
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝั่งธนยังต้องทน ก่อสร้างตลอดปี

    นับตั้งแต่ฝั่งธนบุรีมีการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บนถนนพระรามที่ 2 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) บนถนนสุขสวัสดิ์ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถนนประชาธิปก มาตั้งแต่ปี 2565 ทำการจราจรติดขัดทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นแล้ว ในปี 2568 มีการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งทางยกระดับและรถไฟฟ้า คราวนี้กระทบโซนปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี ถึงถนนพุทธมณฑล สาย 4

    เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.2568 เวลา 22.00 น. จะปิดสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชั่น และถนนสุทธาวาส เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ระหว่างแยกพรานนก สถานีรถไฟธนบุรี ข้ามสะพานไปยังฝั่งถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เพื่อไปออกถนนบรมราชชนนี สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน ถึงถนนกาญจนาภิเษก ได้รับผลกระทบ

    โดยผู้รับจ้างจะรื้อถอนสะพานข้ามแยกดังกล่าวเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ OR2 จากนั้นจะก่อสร้างสะพานทดแทน ในเดือน ธ.ค.2569 และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือน มิ.ย.2571 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีครึ่ง

    อย่างต่อมา คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี) ช่วงพุทธมณฑลสาย 3-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตร ปีงบประมาณ 2568 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,490 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการคำนวณราคากลาง

    อีกโครงการหนึ่ง คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน–บางบัวทอง (M9) ระยะทาง 38 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กทม. กับ อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี

    สำหรับส่วนต่อขยายถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ที่จะแบ่งเบาการจราจรถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี ได้แก่ โครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 2-ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,532 ล้านบาท ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 72.14% คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือน มิ.ย.2568 และโครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 3-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 สิ้นสุดบริเวณตรงข้ามปากซอยกระทุ่มล้ม 9 อ.สามพราน จ.นครปฐม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,299.90 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 720 วัน สิ้นสุดสัญญาเดือน ก.ย.2569

    #Newskit
    ฝั่งธนยังต้องทน ก่อสร้างตลอดปี นับตั้งแต่ฝั่งธนบุรีมีการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บนถนนพระรามที่ 2 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) บนถนนสุขสวัสดิ์ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถนนประชาธิปก มาตั้งแต่ปี 2565 ทำการจราจรติดขัดทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นแล้ว ในปี 2568 มีการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งทางยกระดับและรถไฟฟ้า คราวนี้กระทบโซนปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี ถึงถนนพุทธมณฑล สาย 4 เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.2568 เวลา 22.00 น. จะปิดสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชั่น และถนนสุทธาวาส เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ระหว่างแยกพรานนก สถานีรถไฟธนบุรี ข้ามสะพานไปยังฝั่งถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เพื่อไปออกถนนบรมราชชนนี สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน ถึงถนนกาญจนาภิเษก ได้รับผลกระทบ โดยผู้รับจ้างจะรื้อถอนสะพานข้ามแยกดังกล่าวเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ OR2 จากนั้นจะก่อสร้างสะพานทดแทน ในเดือน ธ.ค.2569 และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือน มิ.ย.2571 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีครึ่ง อย่างต่อมา คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี) ช่วงพุทธมณฑลสาย 3-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตร ปีงบประมาณ 2568 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,490 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการคำนวณราคากลาง อีกโครงการหนึ่ง คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน–บางบัวทอง (M9) ระยะทาง 38 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กทม. กับ อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี สำหรับส่วนต่อขยายถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ที่จะแบ่งเบาการจราจรถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี ได้แก่ โครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 2-ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,532 ล้านบาท ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 72.14% คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือน มิ.ย.2568 และโครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 3-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 สิ้นสุดบริเวณตรงข้ามปากซอยกระทุ่มล้ม 9 อ.สามพราน จ.นครปฐม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,299.90 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 720 วัน สิ้นสุดสัญญาเดือน ก.ย.2569 #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!!

    เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว

    ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

    โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย

    จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้

    1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

    หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 มกราคม 2568

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!! เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้ 1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง 2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200 หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423 จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 มกราคม 2568 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่

    โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์

    กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก

    นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส

    อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ

    #Newskit
    มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์ กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศจาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!!

    เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว

    ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

    โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย

    จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้

    1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

    หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 มกราคม 2568

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    ประกาศจาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!! เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้ 1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง 2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200 หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423 จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 มกราคม 2568 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง

    จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว

    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927

    #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง • จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว • ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927 • #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • อบรมอาสาตำรวจจีน ฉาวอธิบายไม่เคลียร์ ภาพพจน์โปลิศไทยพัง
    .
    กลายเป็นเรื่องอลหม่านที่ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมาแล้วสำหรับกรณีที่ 'ทนายแจม' ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์พร้อมภาพประกาศข้อความภาษาจีน ลักษณะเป็นการเปิดรับสมัครคนจีนมาอบรม ‘อาสาตำรวจคนจีน’ อ้างต้นสังกัดทั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย มีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาท
    .
    ภาพที่ปรากฏออกมามีการอ้างว่าเป็นการดำเนินการของ Dr. Zhang Li ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ถ้าเป็นการอบรมให้ความรู้ทั่วไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่นี่มีข้อมูลออกมาว่ามีการแจกใบประกาศและป้ายห้อยคอที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับผู้สำเร็จการอบรม ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้
    .
    พอเรื่องเริ่มแดงขึ้นมาแทนที่สังคมจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ มหาวิทยาลัยสยาม แต่กลับปรากฏว่าแต่ละฝ่ายเลือกที่จะตอบคำถามแบบไม่ตอบคำถามที่ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น
    .
    สำนักตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาอ้างแค่ว่าได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรเท่านั้น ซึ่งการระบุในทำนองนี้แม้จะเป็นการทำให้ปัญหาถูกปัดพ้นตัวออกไป แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมอบใบประกาศและป้ายห้อยคอเช่นนั้น
    .
    พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ชี้แจงว่า"เบื้องต้น ได้เห็นพยานหลักฐาน เป็นจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัย ฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยสยาม เขาขอความอนุเคราะห์วิทยากรพิเศษไปบรรยาย จึงได้ส่งรองผู้กำกับสืบสวนไปบรรยาย และ ปรากฏตามสื่อ ไปบรรยาย เข้ารับการอบรมจริง แต่ไม่ทราบว่ากี่วัน เบื้องต้นไปบรรยายเพียง 1 วัน"
    .
    ขณะที่ ในฝั่งของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสยามเองก็ยังไม่ให้ความชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางรายออกมาระบุว่าไม่ได้มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรม หรือแม้แต่อำนาจหน้าที่ของDr. Zhang Li ภายในมหาวิทยาลัยสยามนั้นก็ยังเป็นประเด็นที่ผู้บริหารก็ออกมายืนยันว่าไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติแต่อย่างใด และที่สำคัญมหาวิทยาลัยสยามเองอาจถูกนำชื่อไปแอบอ้างหรือไม่ ภายหลังพบว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเขียนขื่อว่าของมหาวิทยาลัยสยามเป็น 'มหาลัยสยาม' ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทย
    .
    ประเด็นใหญ่และสำคัญของเรื่องนี้ คือ ข้อห่วงกังวลที่ว่าจะมีการนำเอาใบประกาศหรือตราสัญลักษณ์ของทางราชการนี้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบหรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการก่ออาชญากรรมหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ เป็นเพราะต่างทราบกันดีว่าปัจจุบันมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินทางมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจ หรือ นักศึกษาตามโครงการต่างๆของสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนจีนแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ รวมไปถึงการตั้งตัวเป็นมาเฟียเสียเองเพื่อประทุษร้ายคนจีนในประเทศไทย หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า 'แก๊งจีนเทา' หลายกรณีตำรวจไทยก็ตามจับได้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่ตำรวจไทยยังตามไม่ถึงต้นตอ
    .
    ดังนั้น การอบรมในลักษณะนี้ อาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้มีการแอบอ้างเอาชื่อของหน่วยงานภาครัฐของไทยไปกระทำความผิดตามกฎหมายอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับเหยื่อที่คนจีนที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของขบวนการนอกกฎหมายเท่าใดนัก
    .
    ประเทศไทยกำลังเดินไปได้สวยในฐานะเป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อย่าให้ภาพลักษณ์ที่ดีต้องเสียไปเพราะการกระทำในลักษณะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในเบื้องต้นที่จะทำได้ในเวลานี้ คือ การที่ทุกฝ่ายออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจน เพื่อปิดโอกาสของผู้ไม่หวังดีนำเรื่องนี้ไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดต่อไป
    ..........
    Sondhi X
    อบรมอาสาตำรวจจีน ฉาวอธิบายไม่เคลียร์ ภาพพจน์โปลิศไทยพัง . กลายเป็นเรื่องอลหม่านที่ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมาแล้วสำหรับกรณีที่ 'ทนายแจม' ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์พร้อมภาพประกาศข้อความภาษาจีน ลักษณะเป็นการเปิดรับสมัครคนจีนมาอบรม ‘อาสาตำรวจคนจีน’ อ้างต้นสังกัดทั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย มีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาท . ภาพที่ปรากฏออกมามีการอ้างว่าเป็นการดำเนินการของ Dr. Zhang Li ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ถ้าเป็นการอบรมให้ความรู้ทั่วไปก็คงไม่เป็นอะไร แต่นี่มีข้อมูลออกมาว่ามีการแจกใบประกาศและป้ายห้อยคอที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับผู้สำเร็จการอบรม ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้ . พอเรื่องเริ่มแดงขึ้นมาแทนที่สังคมจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ มหาวิทยาลัยสยาม แต่กลับปรากฏว่าแต่ละฝ่ายเลือกที่จะตอบคำถามแบบไม่ตอบคำถามที่ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น . สำนักตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาอ้างแค่ว่าได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรเท่านั้น ซึ่งการระบุในทำนองนี้แม้จะเป็นการทำให้ปัญหาถูกปัดพ้นตัวออกไป แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมอบใบประกาศและป้ายห้อยคอเช่นนั้น . พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ชี้แจงว่า"เบื้องต้น ได้เห็นพยานหลักฐาน เป็นจดหมายเชิญจากทางมหาวิทยาลัย ฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยสยาม เขาขอความอนุเคราะห์วิทยากรพิเศษไปบรรยาย จึงได้ส่งรองผู้กำกับสืบสวนไปบรรยาย และ ปรากฏตามสื่อ ไปบรรยาย เข้ารับการอบรมจริง แต่ไม่ทราบว่ากี่วัน เบื้องต้นไปบรรยายเพียง 1 วัน" . ขณะที่ ในฝั่งของผู้บริหารมหาวิทยาลัยสยามเองก็ยังไม่ให้ความชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางรายออกมาระบุว่าไม่ได้มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรม หรือแม้แต่อำนาจหน้าที่ของDr. Zhang Li ภายในมหาวิทยาลัยสยามนั้นก็ยังเป็นประเด็นที่ผู้บริหารก็ออกมายืนยันว่าไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติแต่อย่างใด และที่สำคัญมหาวิทยาลัยสยามเองอาจถูกนำชื่อไปแอบอ้างหรือไม่ ภายหลังพบว่าเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเขียนขื่อว่าของมหาวิทยาลัยสยามเป็น 'มหาลัยสยาม' ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทย . ประเด็นใหญ่และสำคัญของเรื่องนี้ คือ ข้อห่วงกังวลที่ว่าจะมีการนำเอาใบประกาศหรือตราสัญลักษณ์ของทางราชการนี้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบหรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ . ทั้งนี้ เป็นเพราะต่างทราบกันดีว่าปัจจุบันมีคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินทางมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว ประกอบธุรกิจ หรือ นักศึกษาตามโครงการต่างๆของสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง ไม่เพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีคนจีนแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ รวมไปถึงการตั้งตัวเป็นมาเฟียเสียเองเพื่อประทุษร้ายคนจีนในประเทศไทย หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า 'แก๊งจีนเทา' หลายกรณีตำรวจไทยก็ตามจับได้ แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่ตำรวจไทยยังตามไม่ถึงต้นตอ . ดังนั้น การอบรมในลักษณะนี้ อาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้มีการแอบอ้างเอาชื่อของหน่วยงานภาครัฐของไทยไปกระทำความผิดตามกฎหมายอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับเหยื่อที่คนจีนที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยที่ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของขบวนการนอกกฎหมายเท่าใดนัก . ประเทศไทยกำลังเดินไปได้สวยในฐานะเป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก อย่าให้ภาพลักษณ์ที่ดีต้องเสียไปเพราะการกระทำในลักษณะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในเบื้องต้นที่จะทำได้ในเวลานี้ คือ การที่ทุกฝ่ายออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจน เพื่อปิดโอกาสของผู้ไม่หวังดีนำเรื่องนี้ไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิดต่อไป .......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 1 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีพร้อมสามี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในวันปีใหม่ เผย ประทานพรให้แข็งแรง ดูแลบ้านเมืองให้สงบ บอกได้รับน้ำมนต์รู้สึกสบายใจ

    เช้าวันนี้(3 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และอาคารสัมฤทธิ์ ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ รับประทานพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และการทำงาน

    โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงในเวลา 09.25 น. สวมชุดไทยเรือนต้น สีฟ้าคราม จากนั้นได้วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านข้างพระอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส ได้เข้ากราบสักการะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร ก่อนเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนักอรุณ และสักการะพระประธานในพระอุโบสถ

    ต่อมาเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ประทานพร ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆ ลง ซึ่งเป็นความตั้งใจของตนอยู่แล้วที่อยากให้ประเทศชาติสงบสุข จึงรู้สึกสบายใจหลังได้รับน้ำมนต์ ซึ่งตนก็อยากให้สื่อเข้าไปรับน้ำมนต์ด้วยเพราะปีนี้ทำงานหนักมาด้วยกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000580

    #MGROnline #สมเด็จพระสังฆราชฯ
    นายกรัฐมนตรีพร้อมสามี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในวันปีใหม่ เผย ประทานพรให้แข็งแรง ดูแลบ้านเมืองให้สงบ บอกได้รับน้ำมนต์รู้สึกสบายใจ • เช้าวันนี้(3 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช และอาคารสัมฤทธิ์ ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถนนเฟื่องนคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ รับประทานพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต และการทำงาน • โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงในเวลา 09.25 น. สวมชุดไทยเรือนต้น สีฟ้าคราม จากนั้นได้วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านข้างพระอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส ได้เข้ากราบสักการะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่อาคารสัมฤทธิ์วิทยากร ก่อนเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนักอรุณ และสักการะพระประธานในพระอุโบสถ • ต่อมาเวลา 10.20 น. นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้ประทานพร ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆ ลง ซึ่งเป็นความตั้งใจของตนอยู่แล้วที่อยากให้ประเทศชาติสงบสุข จึงรู้สึกสบายใจหลังได้รับน้ำมนต์ ซึ่งตนก็อยากให้สื่อเข้าไปรับน้ำมนต์ด้วยเพราะปีนี้ทำงานหนักมาด้วยกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000000580 • #MGROnline #สมเด็จพระสังฆราชฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจเกาหลีใต้บุกค้นสำนักงานของสายการบินเชจู แอร์ บริษัทผู้บริหารจัดการท่าอากาศยานมูอัน รวมถึงสำนักงานการบินพลเรือนประจำภูมิภาคของกระทรวงคมนาคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมเครื่องบินเชจู แอร์เมื่อช่วงสิ้นปีที่มีผู้เสียชีวิตถึง 179 คน และเป็นอุบัติเหตุการบินครั้งเลวร้ายที่สุดของเกาหลีใต้
    .
    เที่ยวบิน 2216 ของเชจู แอร์ ที่ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในกรุงเทพฯ มุ่งหน้าเมืองมูอัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดเนื่องจากล้อไม่กาง ทำให้ส่วนท้องเครื่องบินไถลไปตามรันเวย์และชนกับแผงคอนกรีตที่สุดรันเวย์ก่อนระเบิดพร้อมกับเกิดเพลิงลุกท่วมเมื่อวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 179 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 2 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้งหมด 181 คน
    .
    กล่องดำทั้ง 2 กล่องของเที่ยวบินนี้ถูกค้นพบเก็บกู้มาได้แล้ว และจู จองวาน รัฐมนตรีช่วยคมนาคมฝ่ายการบินพลเรือน แถลงในวันพฤหัสฯ (2) ว่า การแปลงข้อมูลจากกล่องดำที่เป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบิน ให้เป็นไฟล์เสียงนั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนกล่องดำอีกกล่องหนึ่งที่เป็นบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งปรากฏว่าได้รับความเสียหายนั้น ได้จัดส่งไปให้ทางอเมริกาช่วยวิเคราะห์แล้ว
    .
    วันเดียวกันนั้น ตำรวจจังหวัดชอลลาแถลงว่า ได้ยกกำลังเข้าค้นสำนักงานบริษัทผู้ดำเนินการท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ซึ่งเป็นจุดที่เที่ยวบิน 2216 ของเชจู แอร์ประสบอุบัติเหตุ สำนักงานการบินพลเรือนประจำภูมิภาคของกระทรวงคมนาคมในเมืองมูอัน และสำนักงานของเชจู แอร์ในกรุงโซล เพื่อยึดเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ตลอดจนถึงการดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ ภายในสนามบิน
    .
    สำนักข่าวยอนฮัปรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ว่า การเข้าตรวจค้นคราวนี้ใช้หมายค้นซึ่งได้รับอนุมัติโดยอิงกับข้อกล่าวหาว่ามีการประมาทเลินเล่อของผู้ประกอบวิชาชีพจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
    .
    เวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอากาศหลายคนซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับสาเหตุของการระเบิดของเครื่องบิน กำลังพุ่งความสนใจไปที่การถมคันทางที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเสาสัญญาณบอกตำแหน่งแนวกึ่งกลางรันเวย์ที่ใช้นำทางในการลงจอด โดยที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นระบุว่า อยู่ใกล้ปลายรันเวย์มากเกินไป
    .
    นัจเมดิน เมชเกติ ศาสตราจารย์วิศวกรรมของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ชี้ว่า โครงสร้างตายตัวของเสาสัญญาณดังกล่าวถูกพิสูจน์แล้วว่ามีอันตราย เมื่อเครื่องบินไถลเข้าชน และเสริมว่า เสาสัญญาณนำทางของสนามบินมูอันมีแนวโน้มว่า ติดตั้งอยู่บนโครงสร้างคอนกรีตแทนที่จะเป็นเสาหรือหอโลหะตามมาตรฐานทั่วไป
    .
    ขณะที่รัฐมนตรีช่วยจู บอกว่า กระทรวงคมนาคมกำลังตรวจสอบอุปกรณ์ระบุตำแหน่งแนวกึ่งกลางรันเวย์ในสนามบินทั่วประเทศ
    .
    การสอบสวนเหตุโศกนาฏกรรมเที่ยวบินเชจู แอร์ ที่ดำเนินกันอยู่ในขณะนี้ นอกจากทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นทีเอสบี) สำนักงานการบินกลางของรัฐบาลสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) และตัวแทนจากบริษัทโบอิ้งร่วมตรวจสอบด้วย
    .
    นอกจากนั้น เกาหลีใต้ยังประกาศตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ทุกลำที่ดำเนินการโดยสายการบินของเกาหลีใต้ โดยเน้นที่ชุดฐานล้อที่ดูเหมือนขัดข้องระหว่างเกิดอุบัติเหตุเมื่อวันอาทิตย์
    .
    ชอย ซังม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ต้องเร่งดำเนินการทันที หากการตรวจสอบดังกล่าวพบปัญหาใดๆ นอกจากนั้น กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องตรวจสอบการซ่อมบำรุงอย่างละเอียด รวมทั้งให้ความรู้และการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม
    .
    ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยว่าสายการบิน 6 แห่งของเกาหลีใต้ใช้เครื่องโบอิ้ง 737-800 รวมทั้งสิ้น 101 ลำ
    .
    ชอยยังขอให้ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมทั้งขอให้ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่โพสต์ข้อความประสงค์ร้ายและข่าวปลอมเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมนี้บนโซเชียลมีเดีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000529
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจเกาหลีใต้บุกค้นสำนักงานของสายการบินเชจู แอร์ บริษัทผู้บริหารจัดการท่าอากาศยานมูอัน รวมถึงสำนักงานการบินพลเรือนประจำภูมิภาคของกระทรวงคมนาคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมเครื่องบินเชจู แอร์เมื่อช่วงสิ้นปีที่มีผู้เสียชีวิตถึง 179 คน และเป็นอุบัติเหตุการบินครั้งเลวร้ายที่สุดของเกาหลีใต้ . เที่ยวบิน 2216 ของเชจู แอร์ ที่ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในกรุงเทพฯ มุ่งหน้าเมืองมูอัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดเนื่องจากล้อไม่กาง ทำให้ส่วนท้องเครื่องบินไถลไปตามรันเวย์และชนกับแผงคอนกรีตที่สุดรันเวย์ก่อนระเบิดพร้อมกับเกิดเพลิงลุกท่วมเมื่อวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 179 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 2 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้งหมด 181 คน . กล่องดำทั้ง 2 กล่องของเที่ยวบินนี้ถูกค้นพบเก็บกู้มาได้แล้ว และจู จองวาน รัฐมนตรีช่วยคมนาคมฝ่ายการบินพลเรือน แถลงในวันพฤหัสฯ (2) ว่า การแปลงข้อมูลจากกล่องดำที่เป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบิน ให้เป็นไฟล์เสียงนั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนกล่องดำอีกกล่องหนึ่งที่เป็นบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งปรากฏว่าได้รับความเสียหายนั้น ได้จัดส่งไปให้ทางอเมริกาช่วยวิเคราะห์แล้ว . วันเดียวกันนั้น ตำรวจจังหวัดชอลลาแถลงว่า ได้ยกกำลังเข้าค้นสำนักงานบริษัทผู้ดำเนินการท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ซึ่งเป็นจุดที่เที่ยวบิน 2216 ของเชจู แอร์ประสบอุบัติเหตุ สำนักงานการบินพลเรือนประจำภูมิภาคของกระทรวงคมนาคมในเมืองมูอัน และสำนักงานของเชจู แอร์ในกรุงโซล เพื่อยึดเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ตลอดจนถึงการดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ ภายในสนามบิน . สำนักข่าวยอนฮัปรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ว่า การเข้าตรวจค้นคราวนี้ใช้หมายค้นซึ่งได้รับอนุมัติโดยอิงกับข้อกล่าวหาว่ามีการประมาทเลินเล่อของผู้ประกอบวิชาชีพจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต . เวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอากาศหลายคนซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับสาเหตุของการระเบิดของเครื่องบิน กำลังพุ่งความสนใจไปที่การถมคันทางที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเสาสัญญาณบอกตำแหน่งแนวกึ่งกลางรันเวย์ที่ใช้นำทางในการลงจอด โดยที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นระบุว่า อยู่ใกล้ปลายรันเวย์มากเกินไป . นัจเมดิน เมชเกติ ศาสตราจารย์วิศวกรรมของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ชี้ว่า โครงสร้างตายตัวของเสาสัญญาณดังกล่าวถูกพิสูจน์แล้วว่ามีอันตราย เมื่อเครื่องบินไถลเข้าชน และเสริมว่า เสาสัญญาณนำทางของสนามบินมูอันมีแนวโน้มว่า ติดตั้งอยู่บนโครงสร้างคอนกรีตแทนที่จะเป็นเสาหรือหอโลหะตามมาตรฐานทั่วไป . ขณะที่รัฐมนตรีช่วยจู บอกว่า กระทรวงคมนาคมกำลังตรวจสอบอุปกรณ์ระบุตำแหน่งแนวกึ่งกลางรันเวย์ในสนามบินทั่วประเทศ . การสอบสวนเหตุโศกนาฏกรรมเที่ยวบินเชจู แอร์ ที่ดำเนินกันอยู่ในขณะนี้ นอกจากทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นทีเอสบี) สำนักงานการบินกลางของรัฐบาลสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) และตัวแทนจากบริษัทโบอิ้งร่วมตรวจสอบด้วย . นอกจากนั้น เกาหลีใต้ยังประกาศตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ทุกลำที่ดำเนินการโดยสายการบินของเกาหลีใต้ โดยเน้นที่ชุดฐานล้อที่ดูเหมือนขัดข้องระหว่างเกิดอุบัติเหตุเมื่อวันอาทิตย์ . ชอย ซังม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ต้องเร่งดำเนินการทันที หากการตรวจสอบดังกล่าวพบปัญหาใดๆ นอกจากนั้น กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องตรวจสอบการซ่อมบำรุงอย่างละเอียด รวมทั้งให้ความรู้และการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม . ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยว่าสายการบิน 6 แห่งของเกาหลีใต้ใช้เครื่องโบอิ้ง 737-800 รวมทั้งสิ้น 101 ลำ . ชอยยังขอให้ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมทั้งขอให้ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่โพสต์ข้อความประสงค์ร้ายและข่าวปลอมเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมนี้บนโซเชียลมีเดีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000529 .............. Sondhi X
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1214 มุมมอง 0 รีวิว
  • PTT Station และบางจากปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และพรีเมี่ยม GSH95 ลดลง 0.30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 3 ม.ค. 2568 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป

    โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 44.24, GSH95 = 35.95, E20 = 33.84, GSH91 = 35.58, E85 = 33.59, พรีเมี่ยม GSH95 = 44.54, HSD = 32.94, พรีเมี่ยมดีเซล = 44.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้น ยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

    #MGROnline #ราคาขายปลีก #น้ำมันเบนซิน #แก๊สโซฮอล์
    PTT Station และบางจากปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด และพรีเมี่ยม GSH95 ลดลง 0.30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม มีผล 3 ม.ค. 2568 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป • โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 44.24, GSH95 = 35.95, E20 = 33.84, GSH91 = 35.58, E85 = 33.59, พรีเมี่ยม GSH95 = 44.54, HSD = 32.94, พรีเมี่ยมดีเซล = 44.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้น ยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร • #MGROnline #ราคาขายปลีก #น้ำมันเบนซิน #แก๊สโซฮอล์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรถไฟฯ พร้อมรองรับผู้โดยสารเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง กำชับเข้มงวดความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน เผยภาพรวมวันที่ 1 ม.ค. ผู้ใช้บริการรถไฟเกือบ 1.1 แสนคน

    นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ช่วงเช้าของวันนี้ (2 มกราคม 2568) ยังคงมีผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของขบวนรถทางไกล และขบวนรถชานเมือง ซึ่งการรถไฟฯ ได้เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเคร่งครัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000351

    #MGROnline #การรถไฟแห่งประเทศไทย
    การรถไฟฯ พร้อมรองรับผู้โดยสารเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง กำชับเข้มงวดความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน เผยภาพรวมวันที่ 1 ม.ค. ผู้ใช้บริการรถไฟเกือบ 1.1 แสนคน • นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ช่วงเช้าของวันนี้ (2 มกราคม 2568) ยังคงมีผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของขบวนรถทางไกล และขบวนรถชานเมือง ซึ่งการรถไฟฯ ได้เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเคร่งครัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000351 • #MGROnline #การรถไฟแห่งประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้านี้อากาศเย็นสบาย ดอนเมือง กรุงเทพฯ
    #บันทึกไว้ในความทรงจำ
    #บันทึกความเย็นของปี
    เช้านี้อากาศเย็นสบาย ดอนเมือง กรุงเทพฯ #บันทึกไว้ในความทรงจำ #บันทึกความเย็นของปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้านี้อากาศเย็นสบาย ดอนเมือง กรุงเทพฯ
    #บันทึกไว้ในความทรงจำ
    #บันทึกความเย็นของปี
    เช้านี้อากาศเย็นสบาย ดอนเมือง กรุงเทพฯ #บันทึกไว้ในความทรงจำ #บันทึกความเย็นของปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิฉัน..เป็นชาววีแกน ไม่กินเนื้อสัตว์
    แต่..ทำไม มาแนะนำร้านอร่อย ?
    ------------------------
    ตอบ เพราะคนแบบฉันมีน้อย ประมาณ 1 ในหมื่นคน
    เป็นคนส่วนน้อย ในขณะที่เพื่อนๆทุกคนของฉันกินเนื้อสัตว์
    และ ส่วนมากก็ชอบมาเที่ยวที่เมืองไทย

    ฉันเกิด ที่ กรุงเทพฯ พ่อคนจีนแม่เป็นชาวเชียงใหม่
    มรดกของแม่ คือ ที่ดินบ้านสวนที่ อ.ฝาง
    และ บ้าน 2 หลังอยู่ หน้า มช. และ ท่าแพซอย4
    ที่ต้องดูแล จึงปล่อยเช่าผ่านนายหน้า Airbnb
    ส่วนมากเป็นฝาหรั่งต่างชาติ เพราะค่าเช่าแพง
    คืนละ 4,500 บาท (คงไม่มีคนไทยสนใจเช่า)

    ฝาหรั่ง ที่มาพัก ต้องการคำแนะนำ พวกเค้าจะโทรมาปรึกษาว่า
    จะไปเที่ยวที่ไหน? กินอะไรดี? อาหารพื้นเมืองอะไรอร่อย?
    ก็จัดหาคำตอบให้ และก็ได้ผลที่ดี จากชาวเชียงใหม่.

    โดยที่ดิฉัน ไม่เคยไปชิมเลย
    ------------------------
    บางร้าน คนไทยบอกว่า "ไม่อร่อย บ่อลำ" แต่ฝาหรั่งชอบ
    เช่น ไส้อั่วเก๊าบ่าขาม*** ที่ ตลาดสดแม่เหี๊ยะ
    กลายเป็นร้านดังเพราะ นักชิมที่มีชื่อว่า Mr. Mark Weins
    โด่งดังใน YouTube มาชิมไส้อั่วเป็นครั้งแรกในชีวิตเค้า
    ยังไม่ได้ไปชิมร้านอื่น..(ตามคลิป)
    ------------------------
    *** "เก๊าบ่าขาม" เป็น ภาษาพื้นเมืองล้านนา
    เก๊า แปลว่า โคนต้นไม้
    บ่าขาม แปลว่า ต้นมะขาม
    แปลรวม คือ ร้านนี้(ดั้งเดิม)ขายอยู่ที่ใต้ต้นมะขาม
    ดิฉัน..เป็นชาววีแกน ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่..ทำไม มาแนะนำร้านอร่อย ? ------------------------ ตอบ เพราะคนแบบฉันมีน้อย ประมาณ 1 ในหมื่นคน เป็นคนส่วนน้อย ในขณะที่เพื่อนๆทุกคนของฉันกินเนื้อสัตว์ และ ส่วนมากก็ชอบมาเที่ยวที่เมืองไทย ฉันเกิด ที่ กรุงเทพฯ พ่อคนจีนแม่เป็นชาวเชียงใหม่ มรดกของแม่ คือ ที่ดินบ้านสวนที่ อ.ฝาง และ บ้าน 2 หลังอยู่ หน้า มช. และ ท่าแพซอย4 ที่ต้องดูแล จึงปล่อยเช่าผ่านนายหน้า Airbnb ส่วนมากเป็นฝาหรั่งต่างชาติ เพราะค่าเช่าแพง คืนละ 4,500 บาท (คงไม่มีคนไทยสนใจเช่า) ฝาหรั่ง ที่มาพัก ต้องการคำแนะนำ พวกเค้าจะโทรมาปรึกษาว่า จะไปเที่ยวที่ไหน? กินอะไรดี? อาหารพื้นเมืองอะไรอร่อย? ก็จัดหาคำตอบให้ และก็ได้ผลที่ดี จากชาวเชียงใหม่. โดยที่ดิฉัน ไม่เคยไปชิมเลย ------------------------ บางร้าน คนไทยบอกว่า "ไม่อร่อย บ่อลำ" แต่ฝาหรั่งชอบ เช่น ไส้อั่วเก๊าบ่าขาม*** ที่ ตลาดสดแม่เหี๊ยะ กลายเป็นร้านดังเพราะ นักชิมที่มีชื่อว่า Mr. Mark Weins โด่งดังใน YouTube มาชิมไส้อั่วเป็นครั้งแรกในชีวิตเค้า ยังไม่ได้ไปชิมร้านอื่น..(ตามคลิป) ------------------------ *** "เก๊าบ่าขาม" เป็น ภาษาพื้นเมืองล้านนา เก๊า แปลว่า โคนต้นไม้ บ่าขาม แปลว่า ต้นมะขาม แปลรวม คือ ร้านนี้(ดั้งเดิม)ขายอยู่ที่ใต้ต้นมะขาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • แน่นเหมือนเดิม!! ปชช.แห่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ หลังฉลองปีใหม่ ทำให้การจราจรถนนเอเชียผ่านชัยนาท –สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา รถมากต่อเนื่องจำนวมมาก มีชะลอตัวเป็นช่วงๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000175

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แน่นเหมือนเดิม!! ปชช.แห่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ หลังฉลองปีใหม่ ทำให้การจราจรถนนเอเชียผ่านชัยนาท –สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา รถมากต่อเนื่องจำนวมมาก มีชะลอตัวเป็นช่วงๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000175 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1282 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีกรมคุมประพฤติ อวยพรเดินทางปลอดภัย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 คดีเมาขับถูกจับ 233 คดี คุมประพฤติยอดสะสม 5 วัน 4,020 คดี

    วันนี้ (1 ม.ค.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 โดยในวันที่ 31 ธ.ค.67 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 225 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 223 คดี และคดีขับเสพ 2 คดี ทั้งนี้ สรุปยอดสะสม 5 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (วันที่ 27-31 ธ.ค.67) มีคดีคุมประพฤติรวม 4,020 คดี จำแนกดังนี้ คดีขับรถขณะเมาสุรา 3,884 คดี (ร้อยละ 96.62) , คดีขับเสพ 132 คดี (ร้อยละ 3.28) และ คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.10) ส่วนจังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ (397 คดี) กรุงเทพมหานคร (294 คดี) และ สมุทรปราการ (258 คดี)

    พ.ต.ต.สุริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมคุมประพฤติขอส่งความสุขให้กับประชาชน ด้วยความห่วงใย สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยการผสานกำลังสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมประพฤติ และภาคีเครือข่าย ได้สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้นบริเวณทางสายรองที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ รวม 106 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 393 คน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9680000000082

    #MGROnline #กรมคุมประพฤติ
    อธิบดีกรมคุมประพฤติ อวยพรเดินทางปลอดภัย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 คดีเมาขับถูกจับ 233 คดี คุมประพฤติยอดสะสม 5 วัน 4,020 คดี • วันนี้ (1 ม.ค.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 โดยในวันที่ 31 ธ.ค.67 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 225 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 223 คดี และคดีขับเสพ 2 คดี ทั้งนี้ สรุปยอดสะสม 5 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (วันที่ 27-31 ธ.ค.67) มีคดีคุมประพฤติรวม 4,020 คดี จำแนกดังนี้ คดีขับรถขณะเมาสุรา 3,884 คดี (ร้อยละ 96.62) , คดีขับเสพ 132 คดี (ร้อยละ 3.28) และ คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.10) ส่วนจังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ (397 คดี) กรุงเทพมหานคร (294 คดี) และ สมุทรปราการ (258 คดี) • พ.ต.ต.สุริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมคุมประพฤติขอส่งความสุขให้กับประชาชน ด้วยความห่วงใย สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยการผสานกำลังสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมประพฤติ และภาคีเครือข่าย ได้สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้นบริเวณทางสายรองที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ รวม 106 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 393 คน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000000082 • #MGROnline #กรมคุมประพฤติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว