• คนรุ่นใหม่ๆยังไม่เคยอยู่เหตุการณ์ที่ประเทศไทยและกองทัพไทยต้องเผชิญกับการต่อสู้กันซึ่งหน้าแบบนี้ ทำให้มีคนบางกลุ่มหยิบยกเรื่องนี้มาปั่นและสร้างข้อมูลแบบผิดๆ

    ถ้ากองทัพไม่มีความพร้อม ไม่รู้ว่าประเทศเราจะเป็นอย่างไร นี่ขนาดโดนขัดขวางมาตลอดเรื่องอาวุธ

    สำหรับคนอีกกลุ่มที่คัดค้านไม่ให้เรารบ เอาแต่จะให้ไทยเจรจาอย่างเดียว สมมติถ้าเขมรมันมีทัพอากาศ มีเครื่องบินรบ กลุ่มคนเหล่านี้ แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย อาจไม่ได้มานั่งปากแจ๋วอยู่หน้าคอมฯหรอก คงต้องลงไปอยู่ในหลุมหลบภัยแทน

    บางประเทศเราอาจคุยได้ เจรจาได้ แต่บางประเทศมันเป็นที่สันดาน การคุยดีๆกับประเทศเหล่านั้น บางทีเค้าก็ไม่ฟัง ต้องใช้การทหาร หรือใช้กำลังนำไปก่อน

    "กำราบให้เงียบ แล้วค่อยเรียกมาเจรจา!"
    คนรุ่นใหม่ๆยังไม่เคยอยู่เหตุการณ์ที่ประเทศไทยและกองทัพไทยต้องเผชิญกับการต่อสู้กันซึ่งหน้าแบบนี้ ทำให้มีคนบางกลุ่มหยิบยกเรื่องนี้มาปั่นและสร้างข้อมูลแบบผิดๆ ถ้ากองทัพไม่มีความพร้อม ไม่รู้ว่าประเทศเราจะเป็นอย่างไร นี่ขนาดโดนขัดขวางมาตลอดเรื่องอาวุธ สำหรับคนอีกกลุ่มที่คัดค้านไม่ให้เรารบ เอาแต่จะให้ไทยเจรจาอย่างเดียว สมมติถ้าเขมรมันมีทัพอากาศ มีเครื่องบินรบ กลุ่มคนเหล่านี้ แม้จะอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย อาจไม่ได้มานั่งปากแจ๋วอยู่หน้าคอมฯหรอก คงต้องลงไปอยู่ในหลุมหลบภัยแทน บางประเทศเราอาจคุยได้ เจรจาได้ แต่บางประเทศมันเป็นที่สันดาน การคุยดีๆกับประเทศเหล่านั้น บางทีเค้าก็ไม่ฟัง ต้องใช้การทหาร หรือใช้กำลังนำไปก่อน "กำราบให้เงียบ แล้วค่อยเรียกมาเจรจา!"
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!!
    (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68]

    #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!! (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68] #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ศาลนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 “ทักษิณ” 9 ก.ย.นี้ 10.00 น. พร้อมสั่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/20631/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #วิษณุเครืองาม #ศาลฎีกา #คดีทักษิณ #ป่วยทิพย์ #กฎหมาย #สิทธิเสรีภาพ #ไทยไท
    ศาลนัดฟังคำสั่งคดีชั้น 14 “ทักษิณ” 9 ก.ย.นี้ 10.00 น. พร้อมสั่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าฟังด้วย https://www.thai-tai.tv/news/20631/ . #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #วิษณุเครืองาม #ศาลฎีกา #คดีทักษิณ #ป่วยทิพย์ #กฎหมาย #สิทธิเสรีภาพ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง

    นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์
    ความเป็นมา ร.31 รอ.

    กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่

    ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี

    พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน

    พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์

    ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904
    4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน

    - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

    - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์

    - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก

    - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน
    .

    ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์ ความเป็นมา ร.31 รอ. กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่ ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน . ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..กระบวนการเลือกตั้งนายกฯที่ยุคกปปส.ถวายพานให้ประยุทธยึดอำนาจ มีปัญหาจริงๆและชัดเจนด้วย,สร้างปัญหาต่อเนื่องแก่กระบวนการปกครองชัดเจน,วิถีปกครองด้วย,คือไม่กาเลือกโดยตรงจากประชาชนไม่พอ เสือกเขียนกฎหมายไม่ยุบสภาอัตโนมัติด้วยหากนายฯปลิว พ้นสถานะนายกฯไปจะกรณีใดๆต้องเลือกตั้งใหม่ทันที,แต่เหี้ยเมื่อนายกฯไม่ซื่อสัตย์ถูกตัดสินพ้นสถานะนายกฯไปแล้ว,เสือกอิสระสามารถเสนอนายกฯคนใหม่ทันทีได้อีก,รัฐบาลก็ทำงานปกติไป,จนสร้างสงครามในปัจจุบัน,อังเคิลอยากได้อะไรเดี๋ยวจัดให้,"ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" คลิปนี้ข้อความนี้กบฎชัดๆ มันบอกว่าอยากยึดประเทศไทย อยากยิงระเบิดกรุงเทพฯแบบกำลังหันจรวดPHL-03มาระเบิดไทยมาระเบิดกทม.มันคงจัดให้จริงตามมันขอเหมือนตอนนี้แน่นอนๆ.

    https://youtube.com/shorts/xw7GL_V4KCQ?si=D_-UYs_yFxwom2CM
    ..กระบวนการเลือกตั้งนายกฯที่ยุคกปปส.ถวายพานให้ประยุทธยึดอำนาจ มีปัญหาจริงๆและชัดเจนด้วย,สร้างปัญหาต่อเนื่องแก่กระบวนการปกครองชัดเจน,วิถีปกครองด้วย,คือไม่กาเลือกโดยตรงจากประชาชนไม่พอ เสือกเขียนกฎหมายไม่ยุบสภาอัตโนมัติด้วยหากนายฯปลิว พ้นสถานะนายกฯไปจะกรณีใดๆต้องเลือกตั้งใหม่ทันที,แต่เหี้ยเมื่อนายกฯไม่ซื่อสัตย์ถูกตัดสินพ้นสถานะนายกฯไปแล้ว,เสือกอิสระสามารถเสนอนายกฯคนใหม่ทันทีได้อีก,รัฐบาลก็ทำงานปกติไป,จนสร้างสงครามในปัจจุบัน,อังเคิลอยากได้อะไรเดี๋ยวจัดให้,"ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" คลิปนี้ข้อความนี้กบฎชัดๆ มันบอกว่าอยากยึดประเทศไทย อยากยิงระเบิดกรุงเทพฯแบบกำลังหันจรวดPHL-03มาระเบิดไทยมาระเบิดกทม.มันคงจัดให้จริงตามมันขอเหมือนตอนนี้แน่นอนๆ. https://youtube.com/shorts/xw7GL_V4KCQ?si=D_-UYs_yFxwom2CM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คลิปนี้เสมือนเป็นตัวแทนแทนรัฐบาลชุดอดีตนายฯไม่ซื่อสัตย์คนแรกและนายกฯพักงานที่พูดว่า ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา อังเคิลอยากได้อะไรเดียวจัดให้ คงจะจัดให้เขมรยิงระเบิดมากรุงเทพฯเร็วๆนี้ด้วยล่ะ,ข่าวขนPHL03มายิงปลิ้วเต็มโซเชียลแล้ว,ระยะ130กม.เด็กๆ,ขยายอีกอาจ150-190กม.ตามชนิดระเบิดกระสุน,ตกลูกเดียวก็เหี้ยแล้ว,คุณวีระพูดชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้สมคบคิดสมยอมในผลประโยชน์ร่วมกับฮุนเซนชัดเจนจนพูดว่าไส้ศึกและขายชาติทรยศชาติ ฮุนเซนมันยังพูดว่าถ้าอยู่ในเขมรมันคนที่ทำพฤติกรรมแบบนี้มันเรียกว่ากบฎต่อประเทศเขมรมันแล้ว,ทหารไทยเราสมควรจัดการรัฐบาลที่กบฎขายชาติทรยศชาติดั่งฮุนเซนมันว่าเถอะ,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยด้วย.
    ..ยิ่งตอนนี้มันกะจะยิงphl03ถึงเมืองหลวงกทม.เราอีกก็ประกาศกฎอัยการศึกทั้งภาคกลางทั้วภาคตะวันออกทั้งภาคอีสานเลย,หรือทั้งประเทศให้จบคราวเดียวเลย,ยึดอำนาจรัฐบาลกบฎขายชาติอย่างที่ฮุนเซนมันเปรียบเทียบให้ดู.

    ..อีนีัไปทางเขมรหมดแล้วจริงๆ



    https://youtube.com/watch?v=wtWteYRoNg8&si=UhpHgY4y0WQrCLk6
    ..คลิปนี้เสมือนเป็นตัวแทนแทนรัฐบาลชุดอดีตนายฯไม่ซื่อสัตย์คนแรกและนายกฯพักงานที่พูดว่า ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา อังเคิลอยากได้อะไรเดียวจัดให้ คงจะจัดให้เขมรยิงระเบิดมากรุงเทพฯเร็วๆนี้ด้วยล่ะ,ข่าวขนPHL03มายิงปลิ้วเต็มโซเชียลแล้ว,ระยะ130กม.เด็กๆ,ขยายอีกอาจ150-190กม.ตามชนิดระเบิดกระสุน,ตกลูกเดียวก็เหี้ยแล้ว,คุณวีระพูดชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้สมคบคิดสมยอมในผลประโยชน์ร่วมกับฮุนเซนชัดเจนจนพูดว่าไส้ศึกและขายชาติทรยศชาติ ฮุนเซนมันยังพูดว่าถ้าอยู่ในเขมรมันคนที่ทำพฤติกรรมแบบนี้มันเรียกว่ากบฎต่อประเทศเขมรมันแล้ว,ทหารไทยเราสมควรจัดการรัฐบาลที่กบฎขายชาติทรยศชาติดั่งฮุนเซนมันว่าเถอะ,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยด้วย. ..ยิ่งตอนนี้มันกะจะยิงphl03ถึงเมืองหลวงกทม.เราอีกก็ประกาศกฎอัยการศึกทั้งภาคกลางทั้วภาคตะวันออกทั้งภาคอีสานเลย,หรือทั้งประเทศให้จบคราวเดียวเลย,ยึดอำนาจรัฐบาลกบฎขายชาติอย่างที่ฮุนเซนมันเปรียบเทียบให้ดู. ..อีนีัไปทางเขมรหมดแล้วจริงๆ https://youtube.com/watch?v=wtWteYRoNg8&si=UhpHgY4y0WQrCLk6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมร ประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเขมร วัยรุ่นผู้บริสุทธิ์ของเขมร หัวเราะร่าเริงในหมู่บ้านชุมชนเขมรของตนพร้อมและสนับสนุนในการรุกรานคุกคามประเทศไทย,เห็นด้วยต่อการย่ำยีประเทศไทยแม้ธงชาติไทยก็ไม่เว้นผ่านกล้องผ่านคลิปมัน,นี้คือเผ่าพันธุ์เขมร!!!,อย่าอ้างว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป,นี้คือผู้สนับสนุนการรุกรานคุกคามประเทศไทยอย่างชัดเจน.
    ..หมดเวลาการให้อภัยใดๆแล้ว นี้คือสงคราม,และมาหมายจะยิงจรวดใส่กรุงเทพฯเมืองหลวงเราอีก.


    https://youtube.com/shorts/W9v51yVvQAg?si=hOqKLG5cc92L_jsq
    เขมร ประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเขมร วัยรุ่นผู้บริสุทธิ์ของเขมร หัวเราะร่าเริงในหมู่บ้านชุมชนเขมรของตนพร้อมและสนับสนุนในการรุกรานคุกคามประเทศไทย,เห็นด้วยต่อการย่ำยีประเทศไทยแม้ธงชาติไทยก็ไม่เว้นผ่านกล้องผ่านคลิปมัน,นี้คือเผ่าพันธุ์เขมร!!!,อย่าอ้างว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป,นี้คือผู้สนับสนุนการรุกรานคุกคามประเทศไทยอย่างชัดเจน. ..หมดเวลาการให้อภัยใดๆแล้ว นี้คือสงคราม,และมาหมายจะยิงจรวดใส่กรุงเทพฯเมืองหลวงเราอีก. https://youtube.com/shorts/W9v51yVvQAg?si=hOqKLG5cc92L_jsq
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือภาวะสงครามคุณต้องกลับประเทศคุณสถานเดียว,เอกชนไทยทั้งหมดต้องร่วมผลักดันคนเขมรกลับประเทศเขมรด้วยหรือกักกันตัวพิเศษโดยนายจ้างเขมรทั้งหมดต้องแบกรับค่าใช้จ่ายนั้นทั้งหมดด้วย.,ส่งเสริมสนับสนุนต้องการแรงงานคนเขมรมาทำงานตลอดเรื่อยมาอย่างยาวนานแล้ว,ถึงเวลาต้องพอแก่การค้ากำไรได้แล้ว,อธิปไตยชาติไทยต้องมาก่อน.
    ..มันจะยิงจรวดตกใส่กรุงเทพฯและปริมลฑลแล้วพวกมรึงมั่วแต่ปกป้องผลประโยชน์ตนเองใช่มั้ย.



    https://youtube.com/shorts/2A0sFtUwCtA?si=wuTjQGrkt5rjRiBR
    ..นี้คือภาวะสงครามคุณต้องกลับประเทศคุณสถานเดียว,เอกชนไทยทั้งหมดต้องร่วมผลักดันคนเขมรกลับประเทศเขมรด้วยหรือกักกันตัวพิเศษโดยนายจ้างเขมรทั้งหมดต้องแบกรับค่าใช้จ่ายนั้นทั้งหมดด้วย.,ส่งเสริมสนับสนุนต้องการแรงงานคนเขมรมาทำงานตลอดเรื่อยมาอย่างยาวนานแล้ว,ถึงเวลาต้องพอแก่การค้ากำไรได้แล้ว,อธิปไตยชาติไทยต้องมาก่อน. ..มันจะยิงจรวดตกใส่กรุงเทพฯและปริมลฑลแล้วพวกมรึงมั่วแต่ปกป้องผลประโยชน์ตนเองใช่มั้ย. https://youtube.com/shorts/2A0sFtUwCtA?si=wuTjQGrkt5rjRiBR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือภาวะสงคราม รัฐบาลเสือกบอกว่าปะทะ ,ปะทะผีบ้ามันสิยิงตรงใส่ประชาชนชัดเจนกระจายตกใส่ประชาชนคนไทยให้มากที่สุดจนสูญเสียชีวิต,ปะทะคือทหารกับทหารยิงใส่ต่อกัน,นี้เสือกยิงใส่คนไทย,หมดความอดทนกับรัฐบาลนี้แล้วจริงๆ,พรรคร่วมและพรรคหลักจนเป็นรัฐบาลนี้มีสถานะคนทรยศประเทศไทยกบฎต่ออธิปไตยไทยชัดเจน สมยอมเขมรตลอดเรื่อยมาจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ หมายทำลายประเทศไทยหมายร่วมก่อสงครามกับเขมรเพื่อยิงจรวดมาถึงประเทศไทยในโอกาสนี้นี้เอง ใช้ข้ออ้างนี้ผ่านเขมรให้เขมรทำลายประเทศไทยนี้เอง,คลิปทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรามันชัดเจนมากแล้ว,
    ..
    ..ในกรณีสามารถเข้าใจได้อีกว่าทั้งหมดคือแผนสมคบคิดกัน ตลอดเรื่อยมาจนถึงคลิปหลุดนายกฯจนถูกพักงานหน้าที่นายกฯก็เพื่อปกป้องลูกโทนี่ด้วยนี้เอง ให้ออกจากตำแหน่งไปจะได้ไม่มีความผิดใดๆถ้าเขมรลงเกมส์ก่อสงครามขึ้น จะไม่มีใครบัญชาการอย่างเป็นทางการในการสงครามรบนี้มีแค่รักษาการจะพ้นผิดเนียนๆนั้นเอง ลอยลำ หาทางลงได้จากการทำสงครามหากเกิดขึ้น ,รอดจากคำสั่งผิดพลาด รับผิดชอบในคำสั่งสงครามทั้งหมดนั้นเองหากผิดพลาดจึงแกล้งปล่อยคลิปออกมาก่อนให้ฝ่ายกฎหมายไทยตนรับลูกจบสถานะการเป็นนายกฯหรือพักงานก่อนจะพ้นผิดต่างๆภาพลักษณ์ก็ดูดีปกติทันทีได้อีก,เช่นเขมรยิงจรวดใส่กรุงเทพฯหรือโดนปริมลฑล เมื่อนายกฯว่างก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลยอย่างเป็นทางการ รักษาการอาจโดนเบาๆแค่นั้น,ซวยคือประชาชนคนกทม.เรานี้ล่ะหรือปริมลฑล ,จาก130กม. อาจ190กม.แบบประเมินสูงค่าไว้ก่อน ถึงกทม.หรือปริมลฑลแน่นอนถ้ายิงติดพรมแดนไทยใกล้ระยะทางกทม.ที่สุด,ชลบุรีพัทยาระยองถึงแน่นอน,อาจสูญเสียเป็นอันมาก,ใครสะใจก็คนทรยศหมายทำลายไทยทั้งเดอะแก๊งมันนั้นล่ะสะใจ,นี้คือการจัดการไม่เด็ดขาดจริงนั้นเอง ปล่อยลอยนวลคนเลวชั่วพรรคชั่วเลวมาสร้างความเสียหายมากมายต่อเนื่องได้,
    ..ยึดอำนาจจึงหนทางเดียวจริงๆนัยยะขายชาติแสดงพฤติกรรมกิริยาออกมาเป็นอันมากตลอดปีนี้และปีก่อนๆ,เข้าข่ายเดอะแก๊งสมคบคิดทุกๆพรรคได้หมดสิ้นรวมกันชัดเจนจริงๆจากสื่อมากมายนำเสนอสู่กันและกัน.

    ..ราคานี้จะเด็ดขาดแบบใด.,อธิปไตยไทยและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน,แต่นักการเมืองสาระเลวเจ้าสัวชั่วข้าราชการสถุนทหารทรยศระยำบัดสบมันไม่สำนึกเช่นนั้นเลย.
    ..ทหารไทยเราคงต้องทำลายประเทศเขมรจริงๆเสียแล้วเพื่อมิให้เป็นภัยถาวรใดๆอีกแก่ลูกหลานคนไทยเรารุ่นต่อๆไป.,จากตั้งรับ เราต้องบุกเชิงรุกยึดทำลายให้สิ้นซากจริงๆเสียแล้ว,บ่อนคาสิโนทั้งหมดต้องถูกระเบิด,รัฐบาลเขมรคืออาชญากรสงครามแล้ว หน่วยงานราชการเขมรทั้งหมดต้องถูกระเบิด รวมถึงศูนย์ราชการบัญชาใหญ่ย่อยมันทุกๆที่ของเขมรด้วย รวมถึงระบบไฟฟ้าพลังงานในประเทศเขมรทั้งหมดต้องระเบิดทิ้งเพื่อจบสงครามนี้อย่างรวดเร็ว ตึกเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทั้งหมดต้องถูกระเบิดด้วย สามารถเป็นทัพIOของกองทัพเขมรได้แน่นอน ฟอกเงินค้ามนุษย์ในตัวด้วย,อ้างสามารถช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์จากทั่วโลกที่ลักพาตัวที่ถูกหลอกลวงมาทำงานที่เขมรหรือใดๆชั่วเลวในเขมรนี้ช่วยเหลือได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาลจากทุกๆมุมโลกมารวมในประเทศเขมรนี้ก็ได้,หรือปลดปล่อยอะไรต่อมิอะไรที่เลวชั่วร้ายจากดินแดนนี้นั้นเองที่ปกครองโดยฮุนเซนฮุนมาเนตนี้นั้นเอง,
    ..ทหารไทยเราต้องประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศเพื่อเข้าสู่ภาวะสงครามจริงๆจังๆจริงจังได้แล้ว,นี้คือสงครามแล้ว หมายถล่มเมืองหลวงกันแล้ว,รัฐบาลเสือกเงียบเป่าสากนั่งเฉยๆนานพอแล้ว,แอคชั่นช้าเกินพอแล้ว ไม่ต่างจากเขมรที่เราให้โอกาสเจรจาอย่างอดทนอดกลั่นสันติวิธีพอแล้ว,รัฐบาลชุดนี้ก็เช่นกัน คุณหมดเวลาแล้ว พอแล้ว อธิปไตยไทยรอเล่น มาเล่นการเมืองเล่นๆไม่ได้อีกแล้ว ไร้ฝีมือ ขาดประสิทธิภาพ มือไม่ถึงเสือกอยากปกครองมานำประเทศไทยปกครองบริหาร.,ทหารยึดอำนาจนะ!!!!.จบ.

    https://youtube.com/watch?v=jgE8BbF_Vho&si=qgQmvHgMxF2nogNi
    ..นี้คือภาวะสงคราม รัฐบาลเสือกบอกว่าปะทะ ,ปะทะผีบ้ามันสิยิงตรงใส่ประชาชนชัดเจนกระจายตกใส่ประชาชนคนไทยให้มากที่สุดจนสูญเสียชีวิต,ปะทะคือทหารกับทหารยิงใส่ต่อกัน,นี้เสือกยิงใส่คนไทย,หมดความอดทนกับรัฐบาลนี้แล้วจริงๆ,พรรคร่วมและพรรคหลักจนเป็นรัฐบาลนี้มีสถานะคนทรยศประเทศไทยกบฎต่ออธิปไตยไทยชัดเจน สมยอมเขมรตลอดเรื่อยมาจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ หมายทำลายประเทศไทยหมายร่วมก่อสงครามกับเขมรเพื่อยิงจรวดมาถึงประเทศไทยในโอกาสนี้นี้เอง ใช้ข้ออ้างนี้ผ่านเขมรให้เขมรทำลายประเทศไทยนี้เอง,คลิปทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรามันชัดเจนมากแล้ว, .. ..ในกรณีสามารถเข้าใจได้อีกว่าทั้งหมดคือแผนสมคบคิดกัน ตลอดเรื่อยมาจนถึงคลิปหลุดนายกฯจนถูกพักงานหน้าที่นายกฯก็เพื่อปกป้องลูกโทนี่ด้วยนี้เอง ให้ออกจากตำแหน่งไปจะได้ไม่มีความผิดใดๆถ้าเขมรลงเกมส์ก่อสงครามขึ้น จะไม่มีใครบัญชาการอย่างเป็นทางการในการสงครามรบนี้มีแค่รักษาการจะพ้นผิดเนียนๆนั้นเอง ลอยลำ หาทางลงได้จากการทำสงครามหากเกิดขึ้น ,รอดจากคำสั่งผิดพลาด รับผิดชอบในคำสั่งสงครามทั้งหมดนั้นเองหากผิดพลาดจึงแกล้งปล่อยคลิปออกมาก่อนให้ฝ่ายกฎหมายไทยตนรับลูกจบสถานะการเป็นนายกฯหรือพักงานก่อนจะพ้นผิดต่างๆภาพลักษณ์ก็ดูดีปกติทันทีได้อีก,เช่นเขมรยิงจรวดใส่กรุงเทพฯหรือโดนปริมลฑล เมื่อนายกฯว่างก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลยอย่างเป็นทางการ รักษาการอาจโดนเบาๆแค่นั้น,ซวยคือประชาชนคนกทม.เรานี้ล่ะหรือปริมลฑล ,จาก130กม. อาจ190กม.แบบประเมินสูงค่าไว้ก่อน ถึงกทม.หรือปริมลฑลแน่นอนถ้ายิงติดพรมแดนไทยใกล้ระยะทางกทม.ที่สุด,ชลบุรีพัทยาระยองถึงแน่นอน,อาจสูญเสียเป็นอันมาก,ใครสะใจก็คนทรยศหมายทำลายไทยทั้งเดอะแก๊งมันนั้นล่ะสะใจ,นี้คือการจัดการไม่เด็ดขาดจริงนั้นเอง ปล่อยลอยนวลคนเลวชั่วพรรคชั่วเลวมาสร้างความเสียหายมากมายต่อเนื่องได้, ..ยึดอำนาจจึงหนทางเดียวจริงๆนัยยะขายชาติแสดงพฤติกรรมกิริยาออกมาเป็นอันมากตลอดปีนี้และปีก่อนๆ,เข้าข่ายเดอะแก๊งสมคบคิดทุกๆพรรคได้หมดสิ้นรวมกันชัดเจนจริงๆจากสื่อมากมายนำเสนอสู่กันและกัน. ..ราคานี้จะเด็ดขาดแบบใด.,อธิปไตยไทยและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน,แต่นักการเมืองสาระเลวเจ้าสัวชั่วข้าราชการสถุนทหารทรยศระยำบัดสบมันไม่สำนึกเช่นนั้นเลย. ..ทหารไทยเราคงต้องทำลายประเทศเขมรจริงๆเสียแล้วเพื่อมิให้เป็นภัยถาวรใดๆอีกแก่ลูกหลานคนไทยเรารุ่นต่อๆไป.,จากตั้งรับ เราต้องบุกเชิงรุกยึดทำลายให้สิ้นซากจริงๆเสียแล้ว,บ่อนคาสิโนทั้งหมดต้องถูกระเบิด,รัฐบาลเขมรคืออาชญากรสงครามแล้ว หน่วยงานราชการเขมรทั้งหมดต้องถูกระเบิด รวมถึงศูนย์ราชการบัญชาใหญ่ย่อยมันทุกๆที่ของเขมรด้วย รวมถึงระบบไฟฟ้าพลังงานในประเทศเขมรทั้งหมดต้องระเบิดทิ้งเพื่อจบสงครามนี้อย่างรวดเร็ว ตึกเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทั้งหมดต้องถูกระเบิดด้วย สามารถเป็นทัพIOของกองทัพเขมรได้แน่นอน ฟอกเงินค้ามนุษย์ในตัวด้วย,อ้างสามารถช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์จากทั่วโลกที่ลักพาตัวที่ถูกหลอกลวงมาทำงานที่เขมรหรือใดๆชั่วเลวในเขมรนี้ช่วยเหลือได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาลจากทุกๆมุมโลกมารวมในประเทศเขมรนี้ก็ได้,หรือปลดปล่อยอะไรต่อมิอะไรที่เลวชั่วร้ายจากดินแดนนี้นั้นเองที่ปกครองโดยฮุนเซนฮุนมาเนตนี้นั้นเอง, ..ทหารไทยเราต้องประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศเพื่อเข้าสู่ภาวะสงครามจริงๆจังๆจริงจังได้แล้ว,นี้คือสงครามแล้ว หมายถล่มเมืองหลวงกันแล้ว,รัฐบาลเสือกเงียบเป่าสากนั่งเฉยๆนานพอแล้ว,แอคชั่นช้าเกินพอแล้ว ไม่ต่างจากเขมรที่เราให้โอกาสเจรจาอย่างอดทนอดกลั่นสันติวิธีพอแล้ว,รัฐบาลชุดนี้ก็เช่นกัน คุณหมดเวลาแล้ว พอแล้ว อธิปไตยไทยรอเล่น มาเล่นการเมืองเล่นๆไม่ได้อีกแล้ว ไร้ฝีมือ ขาดประสิทธิภาพ มือไม่ถึงเสือกอยากปกครองมานำประเทศไทยปกครองบริหาร.,ทหารยึดอำนาจนะ!!!!.จบ. https://youtube.com/watch?v=jgE8BbF_Vho&si=qgQmvHgMxF2nogNi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ทหารเขมรทำผิดร้ายแรงจริงๆ,ประขาชนเขมรสมยอมสนับสนุนการกระทำของทหารเขมรด้วย,ประชาชนเขมรที่อ้างตนเองว่าคือผู้บริสุทธิ์ ไม่มีใครเลยออกมาว่ากล่าวรัฐบาลตนเองที่ทำผิดวิถีข้อตกลงสันติร่วมกัน ลาดตะเวนคือลาดตะเวน มิใช่ฝังกับระเบิดแบบนี้ถือว่า,ยุติสัมพันธ์ทันทีได้แล้ว,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนเป็นถาวรทันที,ปิดถาวรทุกๆด่านทันที,ตัดไฟฟ้า ทำลายเสาไฟฟ้าทุกๆต้นที่เชื่อมต่อไปเขมร,เรียกฑูตไทยเราทั้งหมดทันที,ผลัดกันฑูตเขมรกลับไปด้วย,ตลอดคนเขมรในไทยที่อ้างตนว่าคือผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดด้วย,กลับไปจัดการฮุนเซนเองหรือตั้งสมาคมต่อต้านฮุนเซนอย่างเป็นทางการไป,แต่ไม่ใช่ในประเทศไทย,อาจย้ายไปก่อการที่ลาวโน้นแทน,เพื่อยึดอำนาจการปกครองคืนจากฮุนเซนเอง,ภาค2ชัดเจนแล้วว่าเขมรต้องจัดการเด็ดขาด,แต่ภาค1ยังสมยอมเขมรอยู่ดูการอนุญาตเปิดด่านให้เขมรเข้าออกไทยได้,,ทหารไทยต้องใช้กฎอัยการศึกในมือให้เด็ดขาด,ถ้ารัฐบาลกากอีกก็ประกาศกฎอัยการศึกทั้งภาคเลยคือทั้งหมดของภาคกลางและภาคตะวันออก,โดยภาคกลางพิเศษเข้มข้นในกรุงเทพและปริมลฑลทั้งหมด,รัฐบาลจะถูกควบคุมทันทีในนัยยะสำคัญนั้น.ทหารไทยเราต้องไม่สูญเสียการสละเปล่าประโยชน์.
    ..เคยนึกเล่นๆตอนทหาคเขมรมันถมคลองคูมันนั้นล่ะ มันอาจฝังระเบิดไว้ด้วยก็ได้ทั้งในคูและรอบๆคูที่มันขุด,เรามีไส้ศึกจริงๆ,ทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา คำนี้มันขายชาติทั้งชุดรัฐบาลแล้ว,เป็นอื่นไม่ได้เลย,รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือปัญหา โดยเฉพาะกฎการเลือกตั้งสส.สว.และนายกฯที่ไม่เลือกโดยตรงจากประชาชน มันผิดวิสัยปกติพื้นฐานของการเลือกผู้นำในระบบประชาธิปไตย,ทหารไทยเราสามารถฉีกและเขียนใหม่ได้,และต้องเป็นทหารที่รักประชาชนจริงๆรักสถาบันจริงๆด้วย,รักชาตินั้นเอง,ทหารสมัยกปปส.ยึดอำนาจถือว่าเสียของที่สุด,กลุ่มอนุรักษ์นิยมเหี้ยบัดสบด้วยทำเสียของเช่นกันหากกำกับทหารจริงถ้ามิใช่ฝ่ายมืด,เรา..ประชาชนนิยมและนิยมกษัตริย์ด้วย,บ้านต้องมีพ่อมีแม่เป็นประธาน ,ไม่เอาประธานาธิบดี และเผด็จการใดๆ,เรา..เอาสถาบันกษัตริย์เราปกติ เพราะนี้คือคู่บุญคู่บ้านคู่เมืองเรามาตลอด กษัตริย์ทุกๆพระองค์พยายามบริหารปกครองบ้านเมืองด้วยธรรมดีมาตลอด,คุณนั้นมีจริงอยู่ พระคุณคู่พระคุณบรรพบุรุษเราทั้งหลายมีจริงอยู่ เราชนรุ่นหลังมิอาจลืมพระคุณท่านที่เสียสละพลีชีพเพื่อขนรุ่นหลังแบบเราๆคนไทยทั้งประเทศได้,
    ..เขมรทำเกินกว่าเหตุแล้ว,มุกบริบทเล่นเกินกว่าเหตุด้วย,แม้จะในใจลึกๆขอให้ไทยยึดประเทศเขมรให้ด้วยจะได้หลุดพ้นหนี้ล้นพ้นตัวจากจีนก็อย่าทำถึงขนาดนี้,ไทยจะยึดทั้งประเทศเขมรให้แน่นอน,จะพื้นที่ให้ลาวปกครอง ให้พื้นที่ให้เวียดนามมาปกครองเขมรด้วย,ไทยคนยึดเขมรจะแบ่งให้ลาวให้เวียดนามและคนเขมรทั้งหมดให้ลาวให้เวียดนามจัดการแน่นอน,จีนจะไม่สามารถถามหาได้อีก หลุดพ้นทันทีของจริง,ส่วนไทยจะเอาที่ๆเคยเป็นของไทยคืนมาสมัยก่อนฝรั่งเศสยึดครองไปแค่นั้น,ไม่เอาคนเขมรด้วย,มาอยู่บนแผ่นดินนั่นๆที่ได้คืนมา,เขมรต้องคืนสู่สามัญเหมือนยุคที่ยังไม่มีชาติเขมรนั้นเอง,อาเชียนเอเชียจะไม่มีชื่อเขมรบนแผ่นที่โลกนั้นเอง.
    ..เขมรทำผิดต่อประเทศไทยจริงๆ.ไม่สมควรให้อภัยใดๆอีก.,ขนาดถอนกำลังทหารยังฝังระเบิดไว้, มันถอยต้องฝังระเบิดไว้แน่ๆ และแล้วก็จริงตามนั้นจริงๆเพราะด้วยสันดานนิสัยมันคนนำและสถุนใต้บัญชามันต้องเล่นไม่ซื่อแน่นอน.,ชาติไม่ซื่อแบบนี้สมควรถูกเขมรแดงฆ่าล้างเผ่าพันธ์จริงๆ,เป็นพิษเป็นภัยแก่คนชาติอื่นไปทั่ว,ก่ออาชญากรรมก็ทั่วโลก,เดอะแก็งคอลเซ็นเตอร์คือของจริง,ค้ามนุษย์ ฟอกตังฟอกเงิน ค้ายาค้าของเถื่อนมืดๆสาระพัดมีแน่นอน,เผลอๆแรปทีเลี่ยนตัวพ่อด้วยใส่ชุดที่ชื่อว่าฮุนเซน,จึงปั่นป่วนไปทั่วโลกเพราะโคตรแรปทีเลี่ยนโลกลูกพี่มันให้ท้าย,ย้ายมาสร้างฐานปฏิบัติการเป็นฮับชั่วเลวในเขมรลูกน้องมันนั้นเองก็ว่า,สัญลักษณ์แข่งกีฬาที่มันเปลี่ยนโลโก้เราเป็นสัญลักษณ์มารซานตานมีเขาควายเขาวัวจึงชัดเจนมาก,เขมรคือฮับฝ่ายมืดแทนพม่าไปแล้วนั้นเอง,จีนฝ่ายมืดก็ให้การสนับสนุนสิ่งชั่วเลวเต็มเขมรด้วยเช่นกัน.,เช่นนั้นสาระพัดตึกชั่วเลวจะสร้างในเขมรไม่ได้,ทหารไทยเราต้องจัดการรัฐบาลสมุนเขาควายเขาวัวฝ่ายมืดพวกนี้ด้วยทันทีเช่นกัน,จากนั้นเราจะสามารถตัดตอนตัดแข้งตัดขามันได้ตลอดต่อเนื่องเลย,รัฐบาลที่ว่าทหารไทยคืแฝ่ายตรงข้ามเรา มันขัดขวางตลอดจึงยากจะจัดการเด็ดขาดฝ่ายมืดภายในเราจริงๆได้ก่อน,เมื่อเราควบคุมจัดการภายในได้ ฝ่ายนอกแบบเขมรถือว่าแก้ปัญหาใดๆต่อไปไม่ยากอะไรเลยแม้deep stateโลกสากลจะย้ายฮับมาเขมรก็รักษาฮับชั่วเลวมันนี้ไม่ได้อีกต่อไป,มีแต่ถูกฝ่ายดีฝ่ายแสงเข้าทำลายพร้อมกันให้สิ้นซากโดยง่าย.
    ..เขมรคือฮับอาชญากรรมโลก ภัยคุกคามชาวโลกขนาดใหญ่ยักษ์ชัดเจน การกำจัดเขมรของชาติทั่วโลกจึงสมควรมาก.

    https://youtube.com/watch?v=8S0SqxGSCK0&feature=shared
    ..ทหารเขมรทำผิดร้ายแรงจริงๆ,ประขาชนเขมรสมยอมสนับสนุนการกระทำของทหารเขมรด้วย,ประชาชนเขมรที่อ้างตนเองว่าคือผู้บริสุทธิ์ ไม่มีใครเลยออกมาว่ากล่าวรัฐบาลตนเองที่ทำผิดวิถีข้อตกลงสันติร่วมกัน ลาดตะเวนคือลาดตะเวน มิใช่ฝังกับระเบิดแบบนี้ถือว่า,ยุติสัมพันธ์ทันทีได้แล้ว,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนเป็นถาวรทันที,ปิดถาวรทุกๆด่านทันที,ตัดไฟฟ้า ทำลายเสาไฟฟ้าทุกๆต้นที่เชื่อมต่อไปเขมร,เรียกฑูตไทยเราทั้งหมดทันที,ผลัดกันฑูตเขมรกลับไปด้วย,ตลอดคนเขมรในไทยที่อ้างตนว่าคือผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดด้วย,กลับไปจัดการฮุนเซนเองหรือตั้งสมาคมต่อต้านฮุนเซนอย่างเป็นทางการไป,แต่ไม่ใช่ในประเทศไทย,อาจย้ายไปก่อการที่ลาวโน้นแทน,เพื่อยึดอำนาจการปกครองคืนจากฮุนเซนเอง,ภาค2ชัดเจนแล้วว่าเขมรต้องจัดการเด็ดขาด,แต่ภาค1ยังสมยอมเขมรอยู่ดูการอนุญาตเปิดด่านให้เขมรเข้าออกไทยได้,,ทหารไทยต้องใช้กฎอัยการศึกในมือให้เด็ดขาด,ถ้ารัฐบาลกากอีกก็ประกาศกฎอัยการศึกทั้งภาคเลยคือทั้งหมดของภาคกลางและภาคตะวันออก,โดยภาคกลางพิเศษเข้มข้นในกรุงเทพและปริมลฑลทั้งหมด,รัฐบาลจะถูกควบคุมทันทีในนัยยะสำคัญนั้น.ทหารไทยเราต้องไม่สูญเสียการสละเปล่าประโยชน์. ..เคยนึกเล่นๆตอนทหาคเขมรมันถมคลองคูมันนั้นล่ะ มันอาจฝังระเบิดไว้ด้วยก็ได้ทั้งในคูและรอบๆคูที่มันขุด,เรามีไส้ศึกจริงๆ,ทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา คำนี้มันขายชาติทั้งชุดรัฐบาลแล้ว,เป็นอื่นไม่ได้เลย,รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือปัญหา โดยเฉพาะกฎการเลือกตั้งสส.สว.และนายกฯที่ไม่เลือกโดยตรงจากประชาชน มันผิดวิสัยปกติพื้นฐานของการเลือกผู้นำในระบบประชาธิปไตย,ทหารไทยเราสามารถฉีกและเขียนใหม่ได้,และต้องเป็นทหารที่รักประชาชนจริงๆรักสถาบันจริงๆด้วย,รักชาตินั้นเอง,ทหารสมัยกปปส.ยึดอำนาจถือว่าเสียของที่สุด,กลุ่มอนุรักษ์นิยมเหี้ยบัดสบด้วยทำเสียของเช่นกันหากกำกับทหารจริงถ้ามิใช่ฝ่ายมืด,เรา..ประชาชนนิยมและนิยมกษัตริย์ด้วย,บ้านต้องมีพ่อมีแม่เป็นประธาน ,ไม่เอาประธานาธิบดี และเผด็จการใดๆ,เรา..เอาสถาบันกษัตริย์เราปกติ เพราะนี้คือคู่บุญคู่บ้านคู่เมืองเรามาตลอด กษัตริย์ทุกๆพระองค์พยายามบริหารปกครองบ้านเมืองด้วยธรรมดีมาตลอด,คุณนั้นมีจริงอยู่ พระคุณคู่พระคุณบรรพบุรุษเราทั้งหลายมีจริงอยู่ เราชนรุ่นหลังมิอาจลืมพระคุณท่านที่เสียสละพลีชีพเพื่อขนรุ่นหลังแบบเราๆคนไทยทั้งประเทศได้, ..เขมรทำเกินกว่าเหตุแล้ว,มุกบริบทเล่นเกินกว่าเหตุด้วย,แม้จะในใจลึกๆขอให้ไทยยึดประเทศเขมรให้ด้วยจะได้หลุดพ้นหนี้ล้นพ้นตัวจากจีนก็อย่าทำถึงขนาดนี้,ไทยจะยึดทั้งประเทศเขมรให้แน่นอน,จะพื้นที่ให้ลาวปกครอง ให้พื้นที่ให้เวียดนามมาปกครองเขมรด้วย,ไทยคนยึดเขมรจะแบ่งให้ลาวให้เวียดนามและคนเขมรทั้งหมดให้ลาวให้เวียดนามจัดการแน่นอน,จีนจะไม่สามารถถามหาได้อีก หลุดพ้นทันทีของจริง,ส่วนไทยจะเอาที่ๆเคยเป็นของไทยคืนมาสมัยก่อนฝรั่งเศสยึดครองไปแค่นั้น,ไม่เอาคนเขมรด้วย,มาอยู่บนแผ่นดินนั่นๆที่ได้คืนมา,เขมรต้องคืนสู่สามัญเหมือนยุคที่ยังไม่มีชาติเขมรนั้นเอง,อาเชียนเอเชียจะไม่มีชื่อเขมรบนแผ่นที่โลกนั้นเอง. ..เขมรทำผิดต่อประเทศไทยจริงๆ.ไม่สมควรให้อภัยใดๆอีก.,ขนาดถอนกำลังทหารยังฝังระเบิดไว้, มันถอยต้องฝังระเบิดไว้แน่ๆ และแล้วก็จริงตามนั้นจริงๆเพราะด้วยสันดานนิสัยมันคนนำและสถุนใต้บัญชามันต้องเล่นไม่ซื่อแน่นอน.,ชาติไม่ซื่อแบบนี้สมควรถูกเขมรแดงฆ่าล้างเผ่าพันธ์จริงๆ,เป็นพิษเป็นภัยแก่คนชาติอื่นไปทั่ว,ก่ออาชญากรรมก็ทั่วโลก,เดอะแก็งคอลเซ็นเตอร์คือของจริง,ค้ามนุษย์ ฟอกตังฟอกเงิน ค้ายาค้าของเถื่อนมืดๆสาระพัดมีแน่นอน,เผลอๆแรปทีเลี่ยนตัวพ่อด้วยใส่ชุดที่ชื่อว่าฮุนเซน,จึงปั่นป่วนไปทั่วโลกเพราะโคตรแรปทีเลี่ยนโลกลูกพี่มันให้ท้าย,ย้ายมาสร้างฐานปฏิบัติการเป็นฮับชั่วเลวในเขมรลูกน้องมันนั้นเองก็ว่า,สัญลักษณ์แข่งกีฬาที่มันเปลี่ยนโลโก้เราเป็นสัญลักษณ์มารซานตานมีเขาควายเขาวัวจึงชัดเจนมาก,เขมรคือฮับฝ่ายมืดแทนพม่าไปแล้วนั้นเอง,จีนฝ่ายมืดก็ให้การสนับสนุนสิ่งชั่วเลวเต็มเขมรด้วยเช่นกัน.,เช่นนั้นสาระพัดตึกชั่วเลวจะสร้างในเขมรไม่ได้,ทหารไทยเราต้องจัดการรัฐบาลสมุนเขาควายเขาวัวฝ่ายมืดพวกนี้ด้วยทันทีเช่นกัน,จากนั้นเราจะสามารถตัดตอนตัดแข้งตัดขามันได้ตลอดต่อเนื่องเลย,รัฐบาลที่ว่าทหารไทยคืแฝ่ายตรงข้ามเรา มันขัดขวางตลอดจึงยากจะจัดการเด็ดขาดฝ่ายมืดภายในเราจริงๆได้ก่อน,เมื่อเราควบคุมจัดการภายในได้ ฝ่ายนอกแบบเขมรถือว่าแก้ปัญหาใดๆต่อไปไม่ยากอะไรเลยแม้deep stateโลกสากลจะย้ายฮับมาเขมรก็รักษาฮับชั่วเลวมันนี้ไม่ได้อีกต่อไป,มีแต่ถูกฝ่ายดีฝ่ายแสงเข้าทำลายพร้อมกันให้สิ้นซากโดยง่าย. ..เขมรคือฮับอาชญากรรมโลก ภัยคุกคามชาวโลกขนาดใหญ่ยักษ์ชัดเจน การกำจัดเขมรของชาติทั่วโลกจึงสมควรมาก. https://youtube.com/watch?v=8S0SqxGSCK0&feature=shared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
    พ.ศ. 2510 บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์เพชรรามา การจราจรยังไม่หนาแน่นมากนัก ผู้คนสามารถเดินข้ามถนนได้อย่างสบายๆ
    ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขยายเมืองไปยังฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยทำการเวนคืนตลาดเฉลิมลาภบริเวณสามแยกประตูน้ำ ให้ยาวไปจรดแยกคลองตัน ตั้งแต่พ.ศ. 2505 เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อไปยังสนามกีฬาหัวหมาก ที่มีแผนก่อสร้างขึ้นรองรับกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ปี 2509 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
    สี่แยกประตูน้ำนี้ หลังจากที่สร้างถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดทั้งสะพานลอยรถข้ามแยก และสะพานลอยคนข้ามถนน แห่งแรกของไทย
    ในยุค 70-80s ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีธุรกิจบริการผุดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอาบอบนวด, ม่านรูด, และสถานบันเทิง มากเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ ก่อนที่จะถูกถนนรัชดาภิเษก แย่งตำแหน่งไปในยุค 90s
    เป็นภาพแปลงสีจากต้นฉบับขาวดำ
    #ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ปี2510

    Cr : Tourist Organization Thailand และ ขอขอบคุณ คุณ Nawin Sakulyuenyong
    ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พ.ศ. 2510 บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์เพชรรามา การจราจรยังไม่หนาแน่นมากนัก ผู้คนสามารถเดินข้ามถนนได้อย่างสบายๆ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขยายเมืองไปยังฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยทำการเวนคืนตลาดเฉลิมลาภบริเวณสามแยกประตูน้ำ ให้ยาวไปจรดแยกคลองตัน ตั้งแต่พ.ศ. 2505 เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อไปยังสนามกีฬาหัวหมาก ที่มีแผนก่อสร้างขึ้นรองรับกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ปี 2509 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สี่แยกประตูน้ำนี้ หลังจากที่สร้างถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดทั้งสะพานลอยรถข้ามแยก และสะพานลอยคนข้ามถนน แห่งแรกของไทย ในยุค 70-80s ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีธุรกิจบริการผุดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอาบอบนวด, ม่านรูด, และสถานบันเทิง มากเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ ก่อนที่จะถูกถนนรัชดาภิเษก แย่งตำแหน่งไปในยุค 90s เป็นภาพแปลงสีจากต้นฉบับขาวดำ #ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ปี2510 Cr : Tourist Organization Thailand และ ขอขอบคุณ คุณ Nawin Sakulyuenyong
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีชาวกัมพูชามากกว่า 53,000 คนที่ทำงานในไทย ได้เดินทางกลับมาตุภูมิ นับตั้งแต่มีคำร้องขอจากรัฐบาล สืบเนื่องจากความตึงเครียดเกี่ยวกับประเด็นชายแดน โดยเจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่ามีอยู่ 13,500 คน ที่ได้รับการจ้างงายภายในประเทศแล้ว อย่างไรก็ตามบางส่วนเลือกที่จะยังอยู่ในไทย และสถานการณ์ยังคงเป็นปกติในกรุงเทพฯ ความตึงเครียดเกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่ชายแดนเท่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069140

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    มีชาวกัมพูชามากกว่า 53,000 คนที่ทำงานในไทย ได้เดินทางกลับมาตุภูมิ นับตั้งแต่มีคำร้องขอจากรัฐบาล สืบเนื่องจากความตึงเครียดเกี่ยวกับประเด็นชายแดน โดยเจ้าหน้าที่เน้นย้ำว่ามีอยู่ 13,500 คน ที่ได้รับการจ้างงายภายในประเทศแล้ว อย่างไรก็ตามบางส่วนเลือกที่จะยังอยู่ในไทย และสถานการณ์ยังคงเป็นปกติในกรุงเทพฯ ความตึงเครียดเกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่ชายแดนเท่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069140 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 923 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากตำแหน่งผู้ใช้: เมื่อการล็อกอินไม่ใช่แค่รหัสผ่านอีกต่อไป

    ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกปี และความผิดพลาดของมนุษย์ยังเป็นสาเหตุหลักของการรั่วไหลข้อมูล นักพัฒนาจึงต้องหาวิธีเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับระบบล็อกอิน — หนึ่งในแนวทางที่ได้ผลคือการใช้ตำแหน่งของผู้ใช้ (geolocation) เป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันตัวตน

    หลักการคือ:
    - ระบบจะเก็บข้อมูลตำแหน่งจากการล็อกอินก่อนหน้า เช่น GPS, IP, หรือเครือข่าย
    - หากมีการพยายามล็อกอินจากตำแหน่งใหม่ ระบบจะตรวจสอบเพิ่มเติม เช่นถาม OTP หรือบล็อกการเข้าถึง
    - ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ล็อกอินจากกรุงเทพเป็นประจำ หากมีการเข้าจากลอนดอนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ระบบจะถือว่า “ผิดปกติ”

    React มีโครงสร้างแบบ component ที่เหมาะกับการใช้ geolocation API ทั้งจาก HTML5 และ React Native — ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งบนเว็บและมือถือ โดยไม่กระทบ UX มากนัก

    Geolocation-based authentication ใช้ตำแหน่งของผู้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันตัวตน
    ช่วยตรวจจับการเข้าถึงจากตำแหน่งที่ไม่คาดคิด และลดความเสี่ยงจากการใช้รหัสผ่านเพียงอย่างเดียว

    React รองรับการใช้ geolocation API ได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    เช่น HTML5 Geolocation API ที่ให้ตำแหน่งแม่นยำ และสามารถใช้ร่วมกับ React hooks ได้

    ระบบจะเก็บตำแหน่งล็อกอินก่อนหน้าเป็น baseline แล้วเปรียบเทียบกับตำแหน่งใหม่
    หากพบความผิดปกติ เช่นการเข้าจากประเทศอื่น จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือบล็อก

    การใช้ geolocation ร่วมกับ multi-factor authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก
    เช่นตรวจจับพฤติกรรมเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ หรือการแชร์บัญชี

    การวิเคราะห์พฤติกรรมจากตำแหน่ง เช่น geographic velocity analysis สามารถตรวจจับการโจมตีได้แม่นยำ
    เช่นการล็อกอินจากนิวยอร์กแล้วอีก 10 นาทีจากโตเกียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ทางกายภาพ

    การรวม geolocation เข้ากับระบบความปลอดภัยอื่น เช่น device fingerprinting และ risk analysis
    ช่วยให้ระบบตอบสนองตามระดับความเสี่ยง เช่นขอ OTP หรือบล็อกทันที

    การใช้ geolocation ยังช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น GDPR และ NIS2
    โดยมีข้อมูลตำแหน่งสำหรับการตรวจสอบการเข้าถึงย้อนหลัง

    https://hackread.com/why-geolocation-react-apps-authentication-process/
    🎙️ เรื่องเล่าจากตำแหน่งผู้ใช้: เมื่อการล็อกอินไม่ใช่แค่รหัสผ่านอีกต่อไป ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกปี และความผิดพลาดของมนุษย์ยังเป็นสาเหตุหลักของการรั่วไหลข้อมูล นักพัฒนาจึงต้องหาวิธีเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับระบบล็อกอิน — หนึ่งในแนวทางที่ได้ผลคือการใช้ตำแหน่งของผู้ใช้ (geolocation) เป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันตัวตน หลักการคือ: - ระบบจะเก็บข้อมูลตำแหน่งจากการล็อกอินก่อนหน้า เช่น GPS, IP, หรือเครือข่าย - หากมีการพยายามล็อกอินจากตำแหน่งใหม่ ระบบจะตรวจสอบเพิ่มเติม เช่นถาม OTP หรือบล็อกการเข้าถึง - ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ล็อกอินจากกรุงเทพเป็นประจำ หากมีการเข้าจากลอนดอนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ระบบจะถือว่า “ผิดปกติ” React มีโครงสร้างแบบ component ที่เหมาะกับการใช้ geolocation API ทั้งจาก HTML5 และ React Native — ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งบนเว็บและมือถือ โดยไม่กระทบ UX มากนัก ✅ Geolocation-based authentication ใช้ตำแหน่งของผู้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันตัวตน ➡️ ช่วยตรวจจับการเข้าถึงจากตำแหน่งที่ไม่คาดคิด และลดความเสี่ยงจากการใช้รหัสผ่านเพียงอย่างเดียว ✅ React รองรับการใช้ geolocation API ได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ เช่น HTML5 Geolocation API ที่ให้ตำแหน่งแม่นยำ และสามารถใช้ร่วมกับ React hooks ได้ ✅ ระบบจะเก็บตำแหน่งล็อกอินก่อนหน้าเป็น baseline แล้วเปรียบเทียบกับตำแหน่งใหม่ ➡️ หากพบความผิดปกติ เช่นการเข้าจากประเทศอื่น จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือบล็อก ✅ การใช้ geolocation ร่วมกับ multi-factor authentication ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก ➡️ เช่นตรวจจับพฤติกรรมเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ หรือการแชร์บัญชี ✅ การวิเคราะห์พฤติกรรมจากตำแหน่ง เช่น geographic velocity analysis สามารถตรวจจับการโจมตีได้แม่นยำ ➡️ เช่นการล็อกอินจากนิวยอร์กแล้วอีก 10 นาทีจากโตเกียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ทางกายภาพ ✅ การรวม geolocation เข้ากับระบบความปลอดภัยอื่น เช่น device fingerprinting และ risk analysis ➡️ ช่วยให้ระบบตอบสนองตามระดับความเสี่ยง เช่นขอ OTP หรือบล็อกทันที ✅ การใช้ geolocation ยังช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น GDPR และ NIS2 ➡️ โดยมีข้อมูลตำแหน่งสำหรับการตรวจสอบการเข้าถึงย้อนหลัง https://hackread.com/why-geolocation-react-apps-authentication-process/
    HACKREAD.COM
    Why You Should Use Geolocation in Your React App’s Authentication Process
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตง.มาแปลกบี้ EXIM BANK สอบจ่ายเงินแม่บ้าน-คนขับรถ

    องค์กรที่ถูกสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส หลังโครงการอาคารสำนักงานถล่ม คนงานเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ เฉกเช่นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคดีตึก สตง.ถล่มไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเกิดเรื่องวุ่นวายกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ (EXIM BANK) เมื่อ สตง. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แก่พนักงาน 22 คน (ไม่รวมกรรมการผู้จัดการใหญ่) กรณีจ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ประกอบด้วย ผู้จัดการสาขาสำนักงานใหญ่ สาขาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด รวม 9 แห่ง และพนักงานธุรการที่เกี่ยวข้อง

    สืบเนื่องมาจากในอดีต ธนาคารฯ มีการจ้างพนักงานภายนอก หรือเอาต์ซอร์ส (Outsource) บางกลุ่ม เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานเดินเอกสารภายในสำนักงาน พนักงานรับ-ส่งเอกสาร และพนักงานขับรถ ผ่านทางบริษัทภายนอก แต่ทางธนาคารฯ ในยุคนั้นมีความเห็นใจว่า พนักงานกลุ่มนี้ได้เงินค่าตอบแทนน้อย หากจะจ่ายผ่านบริษัทฯ จะไม่ถึงมือพนักงาน ทำให้ในสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานกลุ่มนี้โดยตรงมาตั้งแต่ปี 2537 เดือนละประมาณ 800 ถึง 1,500 บาท โดยทางธนาคารฯ จะออกคำสั่งให้ผู้จัดการธนาคารแต่ละสาขาดำเนินการจ่ายเงินก้อนนี้มาทุกปี และมีการทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมเรื่อยมา

    ผ่านมาเกือบ 30 ปี เมื่อปี 2567 สตง. ตรวจสอบบัญชีเอ็กซิมแบงก์ ก่อนระบุว่าการจ่ายเงินบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ในปีงบประมาณ 2565 ไม่เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และสั่งการให้ธนาคารฯ เอาผิดทางวินัยกลุ่มพนักงาน 22 คน ทั้งที่ทั้งหมดทำตามบันทึกภายในที่อนุมัติโดยกรรมการผู้จัดการในอดีต และทำกันมานาน แม้ว่าเอ็กซิมแบงก์จะทำหนังสือชี้แจง แต่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. สตง. สั่งการให้ธนาคารฯ ต้องเอาผิดพนักงานกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด ภายใน 30 วัน อ้างว่าทำให้รัฐเสียหาย 2.87 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นจะเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ลงโทษทางปกครอง ทำให้ธนาคารฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานกลุ่มดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิด ขณะนี้พนักงานทั้งหมดได้ทำหนังสือขอขยายเวลาชี้แจง รวมถึงขอความเป็นธรรมแล้ว

    #Newskit
    สตง.มาแปลกบี้ EXIM BANK สอบจ่ายเงินแม่บ้าน-คนขับรถ องค์กรที่ถูกสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส หลังโครงการอาคารสำนักงานถล่ม คนงานเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ เฉกเช่นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคดีตึก สตง.ถล่มไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเกิดเรื่องวุ่นวายกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ (EXIM BANK) เมื่อ สตง. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แก่พนักงาน 22 คน (ไม่รวมกรรมการผู้จัดการใหญ่) กรณีจ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ประกอบด้วย ผู้จัดการสาขาสำนักงานใหญ่ สาขาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด รวม 9 แห่ง และพนักงานธุรการที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องมาจากในอดีต ธนาคารฯ มีการจ้างพนักงานภายนอก หรือเอาต์ซอร์ส (Outsource) บางกลุ่ม เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานเดินเอกสารภายในสำนักงาน พนักงานรับ-ส่งเอกสาร และพนักงานขับรถ ผ่านทางบริษัทภายนอก แต่ทางธนาคารฯ ในยุคนั้นมีความเห็นใจว่า พนักงานกลุ่มนี้ได้เงินค่าตอบแทนน้อย หากจะจ่ายผ่านบริษัทฯ จะไม่ถึงมือพนักงาน ทำให้ในสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานกลุ่มนี้โดยตรงมาตั้งแต่ปี 2537 เดือนละประมาณ 800 ถึง 1,500 บาท โดยทางธนาคารฯ จะออกคำสั่งให้ผู้จัดการธนาคารแต่ละสาขาดำเนินการจ่ายเงินก้อนนี้มาทุกปี และมีการทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมเรื่อยมา ผ่านมาเกือบ 30 ปี เมื่อปี 2567 สตง. ตรวจสอบบัญชีเอ็กซิมแบงก์ ก่อนระบุว่าการจ่ายเงินบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ในปีงบประมาณ 2565 ไม่เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และสั่งการให้ธนาคารฯ เอาผิดทางวินัยกลุ่มพนักงาน 22 คน ทั้งที่ทั้งหมดทำตามบันทึกภายในที่อนุมัติโดยกรรมการผู้จัดการในอดีต และทำกันมานาน แม้ว่าเอ็กซิมแบงก์จะทำหนังสือชี้แจง แต่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. สตง. สั่งการให้ธนาคารฯ ต้องเอาผิดพนักงานกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด ภายใน 30 วัน อ้างว่าทำให้รัฐเสียหาย 2.87 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นจะเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ลงโทษทางปกครอง ทำให้ธนาคารฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานกลุ่มดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิด ขณะนี้พนักงานทั้งหมดได้ทำหนังสือขอขยายเวลาชี้แจง รวมถึงขอความเป็นธรรมแล้ว #Newskit
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน

    “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้

    เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว

    คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง

    อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก

    สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว

    “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว

    รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน

    ที่มา :
    https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้ เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน ที่มา : https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง

    ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา

    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย

    แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ

    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ

    #Newskit
    ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน

    ///////////

    "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้

    18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก
    หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม

    ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา
    นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
    นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม
    ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร

    เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง
    หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร
    เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ
    สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน /////////// "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้ 18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ////////////////



    พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%

    พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
    อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
    ภาคเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
    ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
    ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    กรุงเทพและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




    #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ
    ข่าวสืบสวน
    #LinFeilong
    #NanthapatWongyai #Inside
    #หลินเฟยหล林飛龍
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% //////////////// พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ ข่าวสืบสวน #LinFeilong #NanthapatWongyai #Inside #หลินเฟยหล林飛龍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร

    ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่

    สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง

    ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน

    นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์

    การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง

    #Newskit
    Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว

    หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว)

    ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู

    สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย

    และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก)

    "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก"

    วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า

    หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง

    ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา"

    บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว) ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก) "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก" วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา" บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชัชชาติ" เปิดศึก "เก็บขยะโลก" เฟ้นหาตัวแทนไทยไปญี่ปุ่น ชวนคนกรุงร่วมมือจัดการขยะเพื่อเมืองสะอาดยั่งยืน!
    https://www.thai-tai.tv/news/20239/
    .
    #SPOGOMIWorldCup #SPOGOMIThailand #ชัชชาติ #เก็บขยะโลก #สิ่งแวดล้อม #กรุงเทพมหานคร #CircularEconomy #NetZero #ขยะมีเจ้าของ #เมืองสะอาด
    "ชัชชาติ" เปิดศึก "เก็บขยะโลก" เฟ้นหาตัวแทนไทยไปญี่ปุ่น ชวนคนกรุงร่วมมือจัดการขยะเพื่อเมืองสะอาดยั่งยืน! https://www.thai-tai.tv/news/20239/ . #SPOGOMIWorldCup #SPOGOMIThailand #ชัชชาติ #เก็บขยะโลก #สิ่งแวดล้อม #กรุงเทพมหานคร #CircularEconomy #NetZero #ขยะมีเจ้าของ #เมืองสะอาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท

    วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ บก.ปปป. ปูพรมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบวัดชื่อดังจำนวน 4 แห่ง ที่มีพระลูกวัดหรือพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันธ์กับสีกากอล์ฟ ประกอบด้วย วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา , วัดใหญ่จอมประสาท จ.สมุทรสาคร , วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร และ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

    สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ก็เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงินต่าง ๆ ของวัดมาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ในทางพฤติกรรมจะยังไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดทางวินัยสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสีกากอล์ฟก็ตาม แต่เนื่องจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระลูกวัด หรือ พระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้บางรายมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่พระเหล่านี้โอนไปให้กับสีกากอล์ฟนั้นเป็นเงินของวัดหรือไม่ และ มีที่ไปที่มาของเงินอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของพระวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการตรวจสอบพบว่าเคยมีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท จึงต้องมีการตรวจสอบยอดเงินดังกล่าวนี้อย่างละเอียด เพื่อให้หายเคลือบแคลงข้อสงสัย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065647

    #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท • วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ บก.ปปป. ปูพรมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบวัดชื่อดังจำนวน 4 แห่ง ที่มีพระลูกวัดหรือพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันธ์กับสีกากอล์ฟ ประกอบด้วย วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา , วัดใหญ่จอมประสาท จ.สมุทรสาคร , วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร และ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร • สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ก็เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงินต่าง ๆ ของวัดมาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ในทางพฤติกรรมจะยังไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดทางวินัยสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสีกากอล์ฟก็ตาม แต่เนื่องจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระลูกวัด หรือ พระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้บางรายมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่พระเหล่านี้โอนไปให้กับสีกากอล์ฟนั้นเป็นเงินของวัดหรือไม่ และ มีที่ไปที่มาของเงินอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของพระวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการตรวจสอบพบว่าเคยมีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท จึงต้องมีการตรวจสอบยอดเงินดังกล่าวนี้อย่างละเอียด เพื่อให้หายเคลือบแคลงข้อสงสัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065647 • #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชัชชาติ" ตรวจงานแอบซุ่ม! ย้ำ "รามคำแหง 21" ดีขึ้น แต่ยังขอออดทนเพื่ออนาคตน้ำไม่ท่วม
    https://www.thai-tai.tv/news/20207/
    .
    #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม #ซอยรามคำแหง21 #เขตวังทองหลาง #น้ำท่วม #ปรับปรุงถนน #กรุงเทพมหานคร #โครงสร้างพื้นฐาน #อดทนเพื่ออนาคต #ซอยนวศรี
    "ชัชชาติ" ตรวจงานแอบซุ่ม! ย้ำ "รามคำแหง 21" ดีขึ้น แต่ยังขอออดทนเพื่ออนาคตน้ำไม่ท่วม https://www.thai-tai.tv/news/20207/ . #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม #ซอยรามคำแหง21 #เขตวังทองหลาง #น้ำท่วม #ปรับปรุงถนน #กรุงเทพมหานคร #โครงสร้างพื้นฐาน #อดทนเพื่ออนาคต #ซอยนวศรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง

    ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง"

    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี

    ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส"

    พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต

    #Newskit
    พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง" ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส" พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อดีต สว.สมชาย' ย้ำอาชญกรรมย่อมทิ้งร่องรอยบี้ตามหากล้องวงจรปิดปมป่วยทิพย์
    https://www.thai-tai.tv/news/20180/
    .
    #สมชายแสวงการ #ทักษิณ #กล้องวงจรปิด #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #โรงพยาบาลตำรวจ #ปปช #อัยการ #ศาลฎีกา #อาชญากรรม #กระบวนการยุติธรรม #ประเทศไทย #ข่าวการเมือง
    'อดีต สว.สมชาย' ย้ำอาชญกรรมย่อมทิ้งร่องรอยบี้ตามหากล้องวงจรปิดปมป่วยทิพย์ https://www.thai-tai.tv/news/20180/ . #สมชายแสวงการ #ทักษิณ #กล้องวงจรปิด #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #โรงพยาบาลตำรวจ #ปปช #อัยการ #ศาลฎีกา #อาชญากรรม #กระบวนการยุติธรรม #ประเทศไทย #ข่าวการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts