• 'ฮุนเซน' เคลื่อนไหว!!!
    'ฮุนเซน' เคลื่อนไหว!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning my dear friends 🥰
    Hope you have a great day 👍💯🤩
    Good morning my dear friends 🥰 Hope you have a great day 👍💯🤩
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีฐานยุทธศาสตร์ทางทหารของ “อิสราเอล” หลายครั้ง ซึ่งเรายังคงไม่มีโอกาสได้รายงาน ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ผู้คนไม่รู้ว่าขีปนาวุธอิหร่านแม่นยำแค่ไหน และสร้างความเสียหายไปมากเพียงใดในหลายๆ แห่ง”

    ช่อง 13 ของอิสราเอลกล่าวยอมรับ:
    “ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีฐานยุทธศาสตร์ทางทหารของ “อิสราเอล” หลายครั้ง ซึ่งเรายังคงไม่มีโอกาสได้รายงาน ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ผู้คนไม่รู้ว่าขีปนาวุธอิหร่านแม่นยำแค่ไหน และสร้างความเสียหายไปมากเพียงใดในหลายๆ แห่ง” ช่อง 13 ของอิสราเอลกล่าวยอมรับ:
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ท่าทางของ "จอร์เจีย เมโลนี" ผู้นำอิตาลี ตอกย้ำกระแสข่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก สามเกลอนิยมโค้ก ที่ประกอบไปด้วยผู้นำจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
    ท่าทางของ "จอร์เจีย เมโลนี" ผู้นำอิตาลี ตอกย้ำกระแสข่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก สามเกลอนิยมโค้ก ที่ประกอบไปด้วยผู้นำจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผมเรียกมันว่าการขโมย แต่ทางกฎหมายมันไม่ถือว่าเป็นการขโมยด้วยซ้ำ มันคือการปล้นโดยตรง" - ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวโจมตีการที่ชาติตะวันตกยึดเงินตราต่างประเทศและทองคำสำรองของรัสเซีย โดยกล่าวว่าไม่ใช่เพียงการโจรกรรม แต่เป็นการปล้นสะดมโดยตรง!!!

    https://web.facebook.com/share/v/191kGF8B9V/
    "ผมเรียกมันว่าการขโมย แต่ทางกฎหมายมันไม่ถือว่าเป็นการขโมยด้วยซ้ำ มันคือการปล้นโดยตรง" - ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวโจมตีการที่ชาติตะวันตกยึดเงินตราต่างประเทศและทองคำสำรองของรัสเซีย โดยกล่าวว่าไม่ใช่เพียงการโจรกรรม แต่เป็นการปล้นสะดมโดยตรง!!! https://web.facebook.com/share/v/191kGF8B9V/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep299 (live)
    รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย รวมพลังขับไล่คนขายชาติ 28 มิ.ย. อนุสาวรีย์ชัย

    คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=2FoDH7-nh-s

    #Live #sondhitalk
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep299 (live) รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย รวมพลังขับไล่คนขายชาติ 28 มิ.ย. อนุสาวรีย์ชัย • คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=2FoDH7-nh-s • #Live #sondhitalk
    Like
    Love
    24
    2 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 2 รีวิว
  • เปิด Firefox แล้วจอดำ หรืออยู่ดี ๆ ก็ปิดตัวเองไปเฉย ๆ — อาการนี้หลายคนเจอหลังอัปเดตเป็น Firefox 140 ได้ไม่กี่วัน ล่าสุด Mozilla ออก Firefox 140.0.1 เพื่อแก้จุดที่หลายเครื่องโดน “DLL injection” แล้วทำให้บราวเซอร์แครชตั้งแต่เปิด

    ส่วนคนที่ใช้ธีมสีเข้มหรือ dark mode ก็อาจเคยเจอ “ตัวหนังสือสีดำบนพื้นหลังดำ” ใน sidebar ที่ทำให้อ่านแทบไม่ได้ — อัปเดตนี้ก็แก้ให้แล้วเรียบร้อย

    ใครใช้ Windows 10/11 สามารถเข้าไปที่เมนู Help > About Firefox เพื่ออัปเดต หรือโหลดจาก firefox.com หรือ Microsoft Store ได้เลย

    สำหรับ Firefox 140 ตัวหลักที่เพิ่งออกวันที่ 24 มิ.ย. ก็มีของใหม่เพียบ เช่น:
    - ย่อ/ขยาย pinned tab ได้ตอนใช้ vertical tabs
    - สั่ง unload tab ผ่านคลิกขวา
    - รองรับ search engine แบบ custom
    - ลบ Pocket ออกจาก new tab แล้ว เพราะ Mozilla ปิดบริการไปแล้ว

    https://www.neowin.net/news/mozilla-fixes-firefox-crashes-on-startup-and-other-issues/
    เปิด Firefox แล้วจอดำ หรืออยู่ดี ๆ ก็ปิดตัวเองไปเฉย ๆ — อาการนี้หลายคนเจอหลังอัปเดตเป็น Firefox 140 ได้ไม่กี่วัน ล่าสุด Mozilla ออก Firefox 140.0.1 เพื่อแก้จุดที่หลายเครื่องโดน “DLL injection” แล้วทำให้บราวเซอร์แครชตั้งแต่เปิด ส่วนคนที่ใช้ธีมสีเข้มหรือ dark mode ก็อาจเคยเจอ “ตัวหนังสือสีดำบนพื้นหลังดำ” ใน sidebar ที่ทำให้อ่านแทบไม่ได้ — อัปเดตนี้ก็แก้ให้แล้วเรียบร้อย ใครใช้ Windows 10/11 สามารถเข้าไปที่เมนู Help > About Firefox เพื่ออัปเดต หรือโหลดจาก firefox.com หรือ Microsoft Store ได้เลย สำหรับ Firefox 140 ตัวหลักที่เพิ่งออกวันที่ 24 มิ.ย. ก็มีของใหม่เพียบ เช่น: - ย่อ/ขยาย pinned tab ได้ตอนใช้ vertical tabs - สั่ง unload tab ผ่านคลิกขวา - รองรับ search engine แบบ custom - ลบ Pocket ออกจาก new tab แล้ว เพราะ Mozilla ปิดบริการไปแล้ว https://www.neowin.net/news/mozilla-fixes-firefox-crashes-on-startup-and-other-issues/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mozilla fixes Firefox crashes on startup and other issues
    Mozilla has released a small update for the Firefox browser to address crashes on startup and problems with dark themes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจคิดว่าชิป AI หรือคลาวด์คือปัญหาใหญ่ของยุคนี้ — แต่จริง ๆ แล้วศูนย์ข้อมูล AI ทั้งหลายมีอีกสิ่งที่ “กินไม่อั้น” ยิ่งกว่า…นั่นคือ “ไฟฟ้า”

    Meta หนึ่งในบริษัทที่ลงทุนใน AI หนักมาก (ตั้งเป้าใช้ $65 พันล้านในด้านนี้) เริ่มเผชิญ “คอขวดด้านพลังงาน” อย่างหนัก เลยต้องเดินเกมสองด้าน:

    1️⃣ หันไปซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด จากบริษัท Invenergy ทั้งแสงอาทิตย์และลม รวมกัน 1,800 เมกะวัตต์ (MW)

    2️⃣ ขุดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เก่าในรัฐอิลลินอยส์กลับมาใช้งานอีกครั้ง เป็นเวลานาน 20 ปี!

    3️⃣ ยังไม่พอ Meta ยังประกาศหา “พันธมิตรด้านพลังงานนิวเคลียร์ใหม่” ในสหรัฐอีกด้วย เพราะวางแผนจะสร้างไฟนิวเคลียร์ใหม่ให้ได้ 1–4 กิกะวัตต์ (GW) ภายในต้นทศวรรษ 2030

    แม้พลังงานหมุนเวียนจะสะอาดและดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ไม่สามารถให้พลังงานได้ “แน่นอนทุกวินาที” เหมือนนิวเคลียร์ ทำให้ในระยะยาว Meta และบริษัทเทคอื่น ๆ ต้องพึ่งไฟแบบ “เสถียรคงที่” มากขึ้น

    ✅ Meta เซ็นสัญญากับ Invenergy เพื่อซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่ม 791 MW  
    • ครอบคลุมพลังงานแสงอาทิตย์และลม  
    • เพิ่มจากข้อตกลงเดิมปีที่แล้วอีก 760 MW → รวมกลายเป็น 1,800 MW

    ✅ พลังงานหมุนเวียนมาจากโครงการในรัฐ Ohio, Arkansas, Texas  
    • ใช้ป้อนศูนย์ข้อมูลของ Meta ในพื้นที่นั้น ๆ

    ✅ Meta ประกาศแผนหาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีก 1–4 GW ภายในต้นปี 2030  
    • เปิด RFP หาผู้พัฒนาใหม่จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    ✅ ร่วมกับบริษัท Constellation เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในรัฐ Illinois  
    • โรงงานนี้หยุดทำงานไปตั้งแต่ปี 2017 จากปัญหาขาดทุน  
    • Meta จะใช้พลังงานจากโรงงานนี้อีกอย่างน้อย 20 ปี

    ✅ ความต้องการไฟฟ้าจาก AI Data Center กลายเป็นแรงผลักดันให้ Big Tech หันมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานโดยตรง

    https://www.neowin.net/news/meta-is-now-using-every-possible-source-to-power-its-data-centers/
    หลายคนอาจคิดว่าชิป AI หรือคลาวด์คือปัญหาใหญ่ของยุคนี้ — แต่จริง ๆ แล้วศูนย์ข้อมูล AI ทั้งหลายมีอีกสิ่งที่ “กินไม่อั้น” ยิ่งกว่า…นั่นคือ “ไฟฟ้า” Meta หนึ่งในบริษัทที่ลงทุนใน AI หนักมาก (ตั้งเป้าใช้ $65 พันล้านในด้านนี้) เริ่มเผชิญ “คอขวดด้านพลังงาน” อย่างหนัก เลยต้องเดินเกมสองด้าน: 1️⃣ หันไปซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด จากบริษัท Invenergy ทั้งแสงอาทิตย์และลม รวมกัน 1,800 เมกะวัตต์ (MW) 2️⃣ ขุดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เก่าในรัฐอิลลินอยส์กลับมาใช้งานอีกครั้ง เป็นเวลานาน 20 ปี! 3️⃣ ยังไม่พอ Meta ยังประกาศหา “พันธมิตรด้านพลังงานนิวเคลียร์ใหม่” ในสหรัฐอีกด้วย เพราะวางแผนจะสร้างไฟนิวเคลียร์ใหม่ให้ได้ 1–4 กิกะวัตต์ (GW) ภายในต้นทศวรรษ 2030 แม้พลังงานหมุนเวียนจะสะอาดและดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ไม่สามารถให้พลังงานได้ “แน่นอนทุกวินาที” เหมือนนิวเคลียร์ ทำให้ในระยะยาว Meta และบริษัทเทคอื่น ๆ ต้องพึ่งไฟแบบ “เสถียรคงที่” มากขึ้น ✅ Meta เซ็นสัญญากับ Invenergy เพื่อซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่ม 791 MW   • ครอบคลุมพลังงานแสงอาทิตย์และลม   • เพิ่มจากข้อตกลงเดิมปีที่แล้วอีก 760 MW → รวมกลายเป็น 1,800 MW ✅ พลังงานหมุนเวียนมาจากโครงการในรัฐ Ohio, Arkansas, Texas   • ใช้ป้อนศูนย์ข้อมูลของ Meta ในพื้นที่นั้น ๆ ✅ Meta ประกาศแผนหาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีก 1–4 GW ภายในต้นปี 2030   • เปิด RFP หาผู้พัฒนาใหม่จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ✅ ร่วมกับบริษัท Constellation เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในรัฐ Illinois   • โรงงานนี้หยุดทำงานไปตั้งแต่ปี 2017 จากปัญหาขาดทุน   • Meta จะใช้พลังงานจากโรงงานนี้อีกอย่างน้อย 20 ปี ✅ ความต้องการไฟฟ้าจาก AI Data Center กลายเป็นแรงผลักดันให้ Big Tech หันมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานโดยตรง https://www.neowin.net/news/meta-is-now-using-every-possible-source-to-power-its-data-centers/
    WWW.NEOWIN.NET
    Meta is now using every possible source to power its data centers
    After investing in nuclear power plants, Meta is now turning to renewable energy to power its data centers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้ Excel มี Copilot ช่วยเขียนสูตร, สร้างกราฟ, สรุปข้อมูลได้เก่งแล้ว แต่ยัง “ไม่สามารถสั่งให้สร้างข้อความใหม่แบบอิสระ” ได้ผ่านฟังก์ชันในเซลล์โดยตรง

    Google เลยถือโอกาสออกหมัดสวน ด้วยฟังก์ชันใหม่ใน Sheets ที่ใช้ Gemini แบบเต็มรูปแบบ โดยใช้สูตรง่าย ๆ คือ:

    =AI("ข้อความคำสั่ง",[range])


    ยกตัวอย่างเช่น:

    =AI("วิเคราะห์ความรู้สึกของอีเมลลูกค้า", C2)

    =AI("ร่างอีเมลตอบกลับรีวิวจากช่อง A2 ถึง G2")

    หมายความว่าตอนนี้ คุณสามารถให้เซลล์เขียนอีเมล, สรุปข้อความ, จัดประเภท, หรือวิเคราะห์อารมณ์ได้เลย! ไม่ต้องเขียนโค้ด ไม่ต้องเปิด Gemini นอกไฟล์ด้วยซ้ำ

    Microsoft Excel ยังไม่มีฟีเจอร์แบบนี้ — แม้จะมี Copilot แต่ยังใช้สั่งการผ่าน sidebar หรือ task pane เป็นหลัก ไม่สามารถพิมพ์สูตรในเซลล์แบบนี้ได้โดยตรง

    https://www.neowin.net/news/google-sheets-gets-exciting-gemini-feature-that-is-still-missing-in-excel/
    ก่อนหน้านี้ Excel มี Copilot ช่วยเขียนสูตร, สร้างกราฟ, สรุปข้อมูลได้เก่งแล้ว แต่ยัง “ไม่สามารถสั่งให้สร้างข้อความใหม่แบบอิสระ” ได้ผ่านฟังก์ชันในเซลล์โดยตรง Google เลยถือโอกาสออกหมัดสวน ด้วยฟังก์ชันใหม่ใน Sheets ที่ใช้ Gemini แบบเต็มรูปแบบ โดยใช้สูตรง่าย ๆ คือ: =AI("ข้อความคำสั่ง",[range]) ยกตัวอย่างเช่น: =AI("วิเคราะห์ความรู้สึกของอีเมลลูกค้า", C2) =AI("ร่างอีเมลตอบกลับรีวิวจากช่อง A2 ถึง G2") หมายความว่าตอนนี้ คุณสามารถให้เซลล์เขียนอีเมล, สรุปข้อความ, จัดประเภท, หรือวิเคราะห์อารมณ์ได้เลย! ไม่ต้องเขียนโค้ด ไม่ต้องเปิด Gemini นอกไฟล์ด้วยซ้ำ Microsoft Excel ยังไม่มีฟีเจอร์แบบนี้ — แม้จะมี Copilot แต่ยังใช้สั่งการผ่าน sidebar หรือ task pane เป็นหลัก ไม่สามารถพิมพ์สูตรในเซลล์แบบนี้ได้โดยตรง https://www.neowin.net/news/google-sheets-gets-exciting-gemini-feature-that-is-still-missing-in-excel/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Sheets gets exciting Gemini feature that is still missing in Excel
    Google has rolled out a brand new AI function in Sheets, which allows for text generation for summaries, sentiment analysis, and more. Similar capabilities are not present in Copilot for Excel yet.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อก่อนหลายองค์กรชอบแนวคิด “มัลติคลาวด์” — ใช้ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud หรืออื่น ๆ พร้อมกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเลี่ยง vendor lock-in

    แต่ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นคือ การใช้หลายคลาวด์มีต้นทุนสูงมาก, ทั้งในด้านเงิน, ทักษะทีม, และความปลอดภัย เช่น:
    - ทีมไอทีต้องเชี่ยวชาญคลาวด์หลายเจ้าพร้อมกัน (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้)
    - นโยบายความปลอดภัยทำให้ต้องเขียนแยกกันทุกคลาวด์
    - ระบบ billing ของคลาวด์อ่านยากเหมือนงบการเงินรวมกับเกมโชว์

    องค์กรจึงเริ่ม หันไปใช้คลาวด์เจ้าเดียวหรือแค่ 1–2 เจ้าเท่านั้น, เพื่อคุมต้นทุน และลดความซับซ้อน

    บางองค์กรถึงขั้น “ย้ายกลับมาใช้ระบบภายใน” เช่น Zoom ที่ซื้อ GPU มาติดตั้งเอง เพราะควบคุมความเร็วและต้นทุนได้มากกว่า

    อีกเทรนด์คือการหันไปใช้ container (คอนเทนเนอร์) แทน VM แบบเก่า เพราะยืดหยุ่นกว่า และเคลื่อนย้ายระหว่างคลาวด์ได้ง่ายขึ้น — แต่ต้องจัดการ security เฉพาะทางของ container ด้วย

    ✅ หลายองค์กรเริ่มลดจำนวนผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อควบคุมความซับซ้อนและค่าใช้จ่าย  
    • จากเดิมที่ใช้ 3–4 เจ้า เหลือแค่ 1–2 รายหลัก เช่น AWS + Azure

    ✅ “มัลติคลาวด์” เพิ่มภาระทีมไอทีและเสี่ยง security policy ไม่สอดคล้องกัน  
    • วิศวกรคลาวด์มักถนัดแค่ 1–2 แพลตฟอร์มเท่านั้น  
    • การทำ automation หรือ IaC ข้ามคลาวด์ทำได้ยากมาก

    ✅ ต้นทุนของคลาวด์มีความไม่แน่นอนสูง และระบบคิดเงินเข้าใจยาก  
    • มีค่า data transfer, failover, pricing models ที่เปลี่ยนบ่อย  
    • เรียกว่า “cloud sticker shock” เมื่อต้องเจอบิลรายเดือนครั้งแรก

    ✅ บางองค์กรเลือก repatriation – ย้ายกลับมาใช้งาน on-premises หรือ hybrid cloud แทน  
    • เช่น Zoom และบริษัทที่ต้องใช้ GPU หนัก ๆ สำหรับ AI

    ✅ คอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกหลัก  
    • ทำให้การโยก workload ง่ายขึ้น  
    • แต่ต้องเข้าใจ security model สำหรับ container เป็นพิเศษ

    ✅ เครื่องมืออย่าง CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) ช่วยรวม policy ความปลอดภัยจากหลายคลาวด์  
    • ลดปัญหา “tool sprawl” และความสับสนในทีม security

    ✅ แนะนำให้เริ่มจาก risk analysis ชัดเจนก่อนเลือก tool  
    • ใช้เครื่องมือพื้นฐานของคลาวด์เจ้าเดิมก่อนซื้อของแพงจาก third-party

    https://www.csoonline.com/article/4010489/how-to-make-your-multicloud-security-more-effective.html
    เมื่อก่อนหลายองค์กรชอบแนวคิด “มัลติคลาวด์” — ใช้ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud หรืออื่น ๆ พร้อมกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเลี่ยง vendor lock-in แต่ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นคือ การใช้หลายคลาวด์มีต้นทุนสูงมาก, ทั้งในด้านเงิน, ทักษะทีม, และความปลอดภัย เช่น: - ทีมไอทีต้องเชี่ยวชาญคลาวด์หลายเจ้าพร้อมกัน (ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้) - นโยบายความปลอดภัยทำให้ต้องเขียนแยกกันทุกคลาวด์ - ระบบ billing ของคลาวด์อ่านยากเหมือนงบการเงินรวมกับเกมโชว์ องค์กรจึงเริ่ม หันไปใช้คลาวด์เจ้าเดียวหรือแค่ 1–2 เจ้าเท่านั้น, เพื่อคุมต้นทุน และลดความซับซ้อน บางองค์กรถึงขั้น “ย้ายกลับมาใช้ระบบภายใน” เช่น Zoom ที่ซื้อ GPU มาติดตั้งเอง เพราะควบคุมความเร็วและต้นทุนได้มากกว่า อีกเทรนด์คือการหันไปใช้ container (คอนเทนเนอร์) แทน VM แบบเก่า เพราะยืดหยุ่นกว่า และเคลื่อนย้ายระหว่างคลาวด์ได้ง่ายขึ้น — แต่ต้องจัดการ security เฉพาะทางของ container ด้วย ✅ หลายองค์กรเริ่มลดจำนวนผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อควบคุมความซับซ้อนและค่าใช้จ่าย   • จากเดิมที่ใช้ 3–4 เจ้า เหลือแค่ 1–2 รายหลัก เช่น AWS + Azure ✅ “มัลติคลาวด์” เพิ่มภาระทีมไอทีและเสี่ยง security policy ไม่สอดคล้องกัน   • วิศวกรคลาวด์มักถนัดแค่ 1–2 แพลตฟอร์มเท่านั้น   • การทำ automation หรือ IaC ข้ามคลาวด์ทำได้ยากมาก ✅ ต้นทุนของคลาวด์มีความไม่แน่นอนสูง และระบบคิดเงินเข้าใจยาก   • มีค่า data transfer, failover, pricing models ที่เปลี่ยนบ่อย   • เรียกว่า “cloud sticker shock” เมื่อต้องเจอบิลรายเดือนครั้งแรก ✅ บางองค์กรเลือก repatriation – ย้ายกลับมาใช้งาน on-premises หรือ hybrid cloud แทน   • เช่น Zoom และบริษัทที่ต้องใช้ GPU หนัก ๆ สำหรับ AI ✅ คอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกหลัก   • ทำให้การโยก workload ง่ายขึ้น   • แต่ต้องเข้าใจ security model สำหรับ container เป็นพิเศษ ✅ เครื่องมืออย่าง CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) ช่วยรวม policy ความปลอดภัยจากหลายคลาวด์   • ลดปัญหา “tool sprawl” และความสับสนในทีม security ✅ แนะนำให้เริ่มจาก risk analysis ชัดเจนก่อนเลือก tool   • ใช้เครื่องมือพื้นฐานของคลาวด์เจ้าเดิมก่อนซื้อของแพงจาก third-party https://www.csoonline.com/article/4010489/how-to-make-your-multicloud-security-more-effective.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to make your multicloud security more effective
    From containing costs to knowing what to keep in-house or not here is how to sesurely manage your multicloud environment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณคิดว่าเรื่องคริปโตคือแค่เทรนด์การลงทุน... FATF อยากให้เราคิดใหม่ เพราะตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่า คริปโตกลายเป็นช่องทางหลักของการฟอกเงิน, การหลอกลวง, และการสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ

    จากรายงานล่าสุดของ FATF ระบุว่า:
    - มีเงินคริปโตที่อาจมาจากกิจกรรมผิดกฎหมายสูงถึง $51,000 ล้านในปี 2024
    - แต่จาก 138 ประเทศที่ FATF ตรวจสอบ มีแค่ 40 ประเทศเท่านั้น ที่มีระบบควบคุมตามมาตรฐาน
    - ทำให้การ “หลบกฎหมาย” สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย — เพราะคริปโตเคลื่อนข้ามพรมแดนได้เร็วมาก

    เรื่องนี้ไม่ได้แค่ในเชิงสถิติ เพราะ FATF ยังเตือนว่า พวกที่ใช้ stablecoin (เหรียญที่ผูกกับเงินจริง) กลายเป็นกลไกหลักของกลุ่มผิดกฎหมาย เช่น เกาหลีเหนือ, ผู้ก่อการร้าย, และขบวนการค้ายาเสพติด

    ตัวอย่างล่าสุดคือ FBI ยืนยันว่า เกาหลีเหนือขโมยคริปโตมูลค่ากว่า $1.5 พันล้านจาก ByBit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ — เป็นการโจรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/global-financial-crime-watchdog-calls-for-action-on-crypto-risks
    ถ้าคุณคิดว่าเรื่องคริปโตคือแค่เทรนด์การลงทุน... FATF อยากให้เราคิดใหม่ เพราะตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่า คริปโตกลายเป็นช่องทางหลักของการฟอกเงิน, การหลอกลวง, และการสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ จากรายงานล่าสุดของ FATF ระบุว่า: - มีเงินคริปโตที่อาจมาจากกิจกรรมผิดกฎหมายสูงถึง $51,000 ล้านในปี 2024 - แต่จาก 138 ประเทศที่ FATF ตรวจสอบ มีแค่ 40 ประเทศเท่านั้น ที่มีระบบควบคุมตามมาตรฐาน - ทำให้การ “หลบกฎหมาย” สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย — เพราะคริปโตเคลื่อนข้ามพรมแดนได้เร็วมาก เรื่องนี้ไม่ได้แค่ในเชิงสถิติ เพราะ FATF ยังเตือนว่า พวกที่ใช้ stablecoin (เหรียญที่ผูกกับเงินจริง) กลายเป็นกลไกหลักของกลุ่มผิดกฎหมาย เช่น เกาหลีเหนือ, ผู้ก่อการร้าย, และขบวนการค้ายาเสพติด ตัวอย่างล่าสุดคือ FBI ยืนยันว่า เกาหลีเหนือขโมยคริปโตมูลค่ากว่า $1.5 พันล้านจาก ByBit เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ — เป็นการโจรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/global-financial-crime-watchdog-calls-for-action-on-crypto-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Global financial crime watchdog calls for action on crypto risks
    PARIS (Reuters) -The Financial Action Task Force (FATF), a global financial crime watchdog, on Thursday called on countries to take stronger action to combat illicit finance in crypto assets, warning that gaps in regulation could have global repercussions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปปีที่แล้ว CoreWeave เคยเสนอยื่นซื้อกิจการ Core Scientific มาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเงิน $1.02 พันล้าน แต่ถูกปฏิเสธเพราะทาง CoreSci มองว่ามูลค่าดังกล่าวยังต่ำกว่าความเป็นจริง

    เวลาผ่านไป…ดูเหมือนสถานการณ์เปลี่ยนครับ เพราะวันนี้ WSJ รายงานว่า ทั้งสองบริษัท “กลับมาเจรจากันใหม่” และอาจปิดดีลได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    อะไรคือเหตุผลเบื้องหลัง? เพราะตอนนี้บริษัท AI อย่าง CoreWeave ต้องการ “แหล่งพลังงานราคาถูกและพร้อมใช้งานได้ทันที” — ซึ่งตรงกับสิ่งที่ CoreSci มีอยู่ เพราะศูนย์เหมืองคริปโตต้องใช้ไฟมหาศาลระดับหลายร้อยเมกะวัตต์อยู่แล้ว และมีสัญญาโรงไฟฟ้าระยะยาวพร้อมใช้งาน

    นอกจากนี้ ทั้งคู่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมกันไปเมื่อกลางปี 2024 โดย CoreSci จะจัดหาโครงสร้างพื้นฐาน 200 เมกะวัตต์ให้ CoreWeave ใช้กับการประมวลผล AI

    ✅ CoreWeave กำลังเจรจาซื้อกิจการ Core Scientific อีกครั้ง หลังเคยถูกปฏิเสธเมื่อปีที่แล้ว  
    • รอบก่อนเสนอซื้อที่ $1.02 พันล้าน หรือ $5.75/หุ้น แต่โดนปัดตกว่า “ราคาต่ำเกินไป”

    ✅ ดีลใหม่นี้มีมูลค่ายังไม่เปิดเผย และยังอยู่ระหว่างเจรจา  
    • หากสำเร็จ อาจเสร็จสิ้นภายในไม่กี่สัปดาห์

    ✅ Core Scientific ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว $4 พันล้าน  
    • ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 8% หลังมีข่าวเจรจา

    ✅ ทั้งสองบริษัทมีสัญญาระยะยาวร่วมกันอยู่แล้ว  
    • CoreSci ให้พลังงาน 200MW สำหรับศูนย์ AI ของ CoreWeave  
    • เป็นระบบพลังงานระดับ “High-performance computing infrastructure”

    ✅ เทรนด์ในอุตสาหกรรมตอนนี้: บริษัท AI ซื้อหรือร่วมมือกับผู้ขุดเหมืองคริปโตเพื่อแย่งพลังงานราคาถูก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/27/coreweave-in-talks-to-buy-core-scientific-wsj-reports
    ย้อนกลับไปปีที่แล้ว CoreWeave เคยเสนอยื่นซื้อกิจการ Core Scientific มาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเงิน $1.02 พันล้าน แต่ถูกปฏิเสธเพราะทาง CoreSci มองว่ามูลค่าดังกล่าวยังต่ำกว่าความเป็นจริง เวลาผ่านไป…ดูเหมือนสถานการณ์เปลี่ยนครับ เพราะวันนี้ WSJ รายงานว่า ทั้งสองบริษัท “กลับมาเจรจากันใหม่” และอาจปิดดีลได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อะไรคือเหตุผลเบื้องหลัง? เพราะตอนนี้บริษัท AI อย่าง CoreWeave ต้องการ “แหล่งพลังงานราคาถูกและพร้อมใช้งานได้ทันที” — ซึ่งตรงกับสิ่งที่ CoreSci มีอยู่ เพราะศูนย์เหมืองคริปโตต้องใช้ไฟมหาศาลระดับหลายร้อยเมกะวัตต์อยู่แล้ว และมีสัญญาโรงไฟฟ้าระยะยาวพร้อมใช้งาน นอกจากนี้ ทั้งคู่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมกันไปเมื่อกลางปี 2024 โดย CoreSci จะจัดหาโครงสร้างพื้นฐาน 200 เมกะวัตต์ให้ CoreWeave ใช้กับการประมวลผล AI ✅ CoreWeave กำลังเจรจาซื้อกิจการ Core Scientific อีกครั้ง หลังเคยถูกปฏิเสธเมื่อปีที่แล้ว   • รอบก่อนเสนอซื้อที่ $1.02 พันล้าน หรือ $5.75/หุ้น แต่โดนปัดตกว่า “ราคาต่ำเกินไป” ✅ ดีลใหม่นี้มีมูลค่ายังไม่เปิดเผย และยังอยู่ระหว่างเจรจา   • หากสำเร็จ อาจเสร็จสิ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ ✅ Core Scientific ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว $4 พันล้าน   • ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 8% หลังมีข่าวเจรจา ✅ ทั้งสองบริษัทมีสัญญาระยะยาวร่วมกันอยู่แล้ว   • CoreSci ให้พลังงาน 200MW สำหรับศูนย์ AI ของ CoreWeave   • เป็นระบบพลังงานระดับ “High-performance computing infrastructure” ✅ เทรนด์ในอุตสาหกรรมตอนนี้: บริษัท AI ซื้อหรือร่วมมือกับผู้ขุดเหมืองคริปโตเพื่อแย่งพลังงานราคาถูก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/27/coreweave-in-talks-to-buy-core-scientific-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    CoreWeave in talks to buy Core Scientific, WSJ reports
    (Reuters) -CoreWeave is in talks to buy Core Scientific, after the bitcoin miner rejected an earlier deal from the cloud provider last year, the Wall Street Journal reported on Thursday, citing people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่ข่าวใหม่ว่าหลายคนกลัวว่า AI จะมาชิงงานเราไป — แต่สิ่งที่ ManpowerGroup ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานระดับโลกพบ คือ "แทนที่บริษัทจะเลิกจ้าง" จริง ๆ แล้วกลับเริ่ม มองหาพนักงานที่มีทักษะแบบใหม่ เพื่อ “ทำงานกับ AI” มากกว่าจะ “แข่งขันกับมัน”

    จากการสำรวจนายจ้างกว่า 40,000 รายใน 42 ประเทศ พวกเขาพบว่า:
    - งานที่เน้น การตัดสินใจทางจริยธรรม, การจัดการทีม, การคิดเชิงกลยุทธ์ และการบริการลูกค้า ยัง “ยากมาก” ที่ AI จะทำแทนได้
    - แต่ งานระดับเริ่มต้นในสายออฟฟิศ (เช่น งานเอกสาร, เขียนรายงาน, งานตรวจสอบข้อมูล) กำลังถูก AI แย่งพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจคือ: AI ไม่ได้ใช้แค่ “ฝ่ายนายจ้าง” เท่านั้น — ผู้สมัครงานเองก็ใช้ AI ด้วย!
    - เขียนเรซูเม่ 500 ใบในวันเดียว
    - ใช้บอตตอบสัมภาษณ์เบื้องต้น
    - หรือใช้ AI ผ่านการทดสอบแบบเลือกตอบ (แม้มีแค่ 17% ที่ยอมรับว่าเคยโกงก็ตาม)

    พอทั้งสองฝั่งใช้ AI คู่กัน แปลว่า “ปริมาณ–ความเร็ว–ความเนียน” ไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป สิ่งที่องค์กรต้องหาคือ “คนที่ยังเป็นมนุษย์และเป็นทีมที่ดีได้” นั่นเอง

    ✅ 1 ใน 4 คนทั่วโลกทำงานที่ “มีแนวโน้มถูกแทนบางส่วน” โดย Generative AI  
    • อ้างอิงรายงานของ ILO (องค์การแรงงานระหว่างประเทศ)

    ✅ แต่ “งานที่เสี่ยงถูกแทนทั้งหมด” ยังมีสัดส่วนไม่มากนักในตอนนี้

    ✅ ทักษะที่ AI ยังแทนไม่ได้และนายจ้างให้ความสำคัญสูงสุด ได้แก่  
    • การคิดเชิงจริยธรรม  
    • การจัดการทีม  
    • การบริการลูกค้า  
    • การวางกลยุทธ์

    ✅ การใช้ AI ช่วยลดเวลาในการทำงานของสายออฟฟิศได้ 30–50%  
    • แต่จะคุ้มจริงก็ต่อเมื่อเวลาเหล่านั้นถูกใช้เพื่อทำสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ เช่น คิดสร้างสรรค์ หรือวางแผนระยะยาว

    ✅ ManpowerGroup พบว่าเทรนด์การ “จ้างงานตามศักยภาพ” แทน “ทักษะที่มีปัจจุบัน” เริ่มเด่นชัดขึ้น  
    • เช่น คนที่เรียนรู้ง่าย, สื่อสารเก่ง, และเข้ากับทีมได้ดี

    ✅ การใช้ AI ในการสรรหาพนักงานเริ่มแพร่หลาย เช่น  
    • ใช้สร้างคำอธิบายงาน  
    • คัดกรองใบสมัครเบื้องต้น  
    • แต่ยังไม่ใช้สัมภาษณ์แทนมนุษย์เต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/27/ai039s-arrival-at-work-reshaping-employers039-hunt-for-talent
    ไม่ใช่ข่าวใหม่ว่าหลายคนกลัวว่า AI จะมาชิงงานเราไป — แต่สิ่งที่ ManpowerGroup ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานระดับโลกพบ คือ "แทนที่บริษัทจะเลิกจ้าง" จริง ๆ แล้วกลับเริ่ม มองหาพนักงานที่มีทักษะแบบใหม่ เพื่อ “ทำงานกับ AI” มากกว่าจะ “แข่งขันกับมัน” จากการสำรวจนายจ้างกว่า 40,000 รายใน 42 ประเทศ พวกเขาพบว่า: - งานที่เน้น การตัดสินใจทางจริยธรรม, การจัดการทีม, การคิดเชิงกลยุทธ์ และการบริการลูกค้า ยัง “ยากมาก” ที่ AI จะทำแทนได้ - แต่ งานระดับเริ่มต้นในสายออฟฟิศ (เช่น งานเอกสาร, เขียนรายงาน, งานตรวจสอบข้อมูล) กำลังถูก AI แย่งพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจคือ: AI ไม่ได้ใช้แค่ “ฝ่ายนายจ้าง” เท่านั้น — ผู้สมัครงานเองก็ใช้ AI ด้วย! - เขียนเรซูเม่ 500 ใบในวันเดียว - ใช้บอตตอบสัมภาษณ์เบื้องต้น - หรือใช้ AI ผ่านการทดสอบแบบเลือกตอบ (แม้มีแค่ 17% ที่ยอมรับว่าเคยโกงก็ตาม) พอทั้งสองฝั่งใช้ AI คู่กัน แปลว่า “ปริมาณ–ความเร็ว–ความเนียน” ไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป สิ่งที่องค์กรต้องหาคือ “คนที่ยังเป็นมนุษย์และเป็นทีมที่ดีได้” นั่นเอง ✅ 1 ใน 4 คนทั่วโลกทำงานที่ “มีแนวโน้มถูกแทนบางส่วน” โดย Generative AI   • อ้างอิงรายงานของ ILO (องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ✅ แต่ “งานที่เสี่ยงถูกแทนทั้งหมด” ยังมีสัดส่วนไม่มากนักในตอนนี้ ✅ ทักษะที่ AI ยังแทนไม่ได้และนายจ้างให้ความสำคัญสูงสุด ได้แก่   • การคิดเชิงจริยธรรม   • การจัดการทีม   • การบริการลูกค้า   • การวางกลยุทธ์ ✅ การใช้ AI ช่วยลดเวลาในการทำงานของสายออฟฟิศได้ 30–50%   • แต่จะคุ้มจริงก็ต่อเมื่อเวลาเหล่านั้นถูกใช้เพื่อทำสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ เช่น คิดสร้างสรรค์ หรือวางแผนระยะยาว ✅ ManpowerGroup พบว่าเทรนด์การ “จ้างงานตามศักยภาพ” แทน “ทักษะที่มีปัจจุบัน” เริ่มเด่นชัดขึ้น   • เช่น คนที่เรียนรู้ง่าย, สื่อสารเก่ง, และเข้ากับทีมได้ดี ✅ การใช้ AI ในการสรรหาพนักงานเริ่มแพร่หลาย เช่น   • ใช้สร้างคำอธิบายงาน   • คัดกรองใบสมัครเบื้องต้น   • แต่ยังไม่ใช้สัมภาษณ์แทนมนุษย์เต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/27/ai039s-arrival-at-work-reshaping-employers039-hunt-for-talent
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI's arrival at work reshaping employers' hunt for talent
    Predictions of imminent AI-driven mass unemployment are likely overblown, but employers will seek workers with different skills as the technology matures, a top executive at global recruiter ManpowerGroup told AFP at Paris's Vivatech trade fair.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันนี้บริษัทเทคโนโลยีต่างพูดถึงว่า AI ทำให้คนทำงานได้เร็วขึ้น ผลิตได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง แต่ความจริงคือ...หลายบริษัทกลับใช้ AI เป็นเหตุผลในการปลดพนักงาน แล้วเราควรรู้สึกดียังไง?

    Bernie Sanders ให้สัมภาษณ์ในรายการ Joe Rogan Experience โดยตั้งคำถามว่า "ถ้าเราสร้าง AI เพื่อให้คนทำงานง่ายขึ้น ทำไมถึงเอาเวลาที่เหลือไปไล่คนออก?" เขาเสนอทางเลือกใหม่: "ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (4 วัน) โดยไม่ลดเงินเดือน"

    เขายกตัวอย่างประเทศอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่กำลังทดลองสัปดาห์ทำงาน 4 วัน โดยผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าสนใจ:
    - รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น 8%
    - ความเหนื่อยล้าของพนักงานลดลง 10%
    - ความเครียดลดลง 35%
    - และในกรณีของ Microsoft Japan — ผลิตภาพเพิ่มขึ้นถึง 40%

    แต่ในโลกจริงกลับตรงข้าม — บริษัทยักษ์ใหญ่ยังปลดพนักงานนับพัน เช่น Microsoft เพิ่งประกาศเลย์ออฟอีกครั้ง แม้กำลังทุ่มงบกว่า $80 พันล้านดอลลาร์ พัฒนา AI ภายในปีเดียว

    สรุปคือ: “AI ควรให้เวลาคืนกลับคนทำงาน ไม่ใช่พรากงานไปจากพวกเขา”

    https://www.techspot.com/news/108462-bernie-sanders-productivity-boosting-ai-mean-4-day.html
    ทุกวันนี้บริษัทเทคโนโลยีต่างพูดถึงว่า AI ทำให้คนทำงานได้เร็วขึ้น ผลิตได้มากขึ้นในเวลาน้อยลง แต่ความจริงคือ...หลายบริษัทกลับใช้ AI เป็นเหตุผลในการปลดพนักงาน แล้วเราควรรู้สึกดียังไง? Bernie Sanders ให้สัมภาษณ์ในรายการ Joe Rogan Experience โดยตั้งคำถามว่า "ถ้าเราสร้าง AI เพื่อให้คนทำงานง่ายขึ้น ทำไมถึงเอาเวลาที่เหลือไปไล่คนออก?" เขาเสนอทางเลือกใหม่: "ลดชั่วโมงทำงานเหลือ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (4 วัน) โดยไม่ลดเงินเดือน" เขายกตัวอย่างประเทศอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่กำลังทดลองสัปดาห์ทำงาน 4 วัน โดยผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าสนใจ: - รายได้บริษัทเพิ่มขึ้น 8% - ความเหนื่อยล้าของพนักงานลดลง 10% - ความเครียดลดลง 35% - และในกรณีของ Microsoft Japan — ผลิตภาพเพิ่มขึ้นถึง 40% แต่ในโลกจริงกลับตรงข้าม — บริษัทยักษ์ใหญ่ยังปลดพนักงานนับพัน เช่น Microsoft เพิ่งประกาศเลย์ออฟอีกครั้ง แม้กำลังทุ่มงบกว่า $80 พันล้านดอลลาร์ พัฒนา AI ภายในปีเดียว สรุปคือ: “AI ควรให้เวลาคืนกลับคนทำงาน ไม่ใช่พรากงานไปจากพวกเขา” https://www.techspot.com/news/108462-bernie-sanders-productivity-boosting-ai-mean-4-day.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bernie Sanders says AI's "productivity boost" should mean 4-day workweeks, not layoffs
    During a recent interview on the Joe Rogan Experience, Sanders pointed out that the extra time that workers save through the use of AI tools should be...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาหนึ่งของเกมยุคนี้คือกราฟิกมันสวยมากจน “VRAM ไม่พอ” โดยเฉพาะกับ GPU กลาง ๆ ที่มีแค่ 8–12GB — เกมใหม่บางเกมอาจกินไปเกือบ 20–24GB เลย

    AMD เลยเสนอไอเดียใหม่: แทนที่จะโหลดโมเดลสามมิติอย่างต้นไม้ทั้งหมดใส่ในหน่วยความจำ…ทำไมไม่ให้ GPU “สร้าง” มันสด ๆ ด้วยอัลกอริธึมไปเลย?

    พวกเขาใช้สิ่งที่เรียกว่า work graphs ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ใน DirectX 12 Ultimate เพื่อให้ GPU สร้างป่าเต็มฉากขึ้นมาแบบ procedural ได้ในขณะรันจริง! เดโมนี้รันบน Radeon RX 7900 XTX แบบลื่น ๆ ที่ 1080p โดยใช้แค่ 51KB VRAM แทน 34.8GB — ต่างกันระดับ “เรือบรรทุกกับเรือกระป๋อง” เลยทีเดียว

    ไม่ใช่แค่เบา — ต้นไม้ยังดูดี มีใบไหวตามลม เปลี่ยนตามฤดูกาล และจัดการ LOD แบบไม่มี pop-in ให้เสียอารมณ์ด้วย

    ✅ AMD พัฒนาเทคนิคใช้ work graphs (mesh nodes) เพื่อให้ GPU สร้างต้นไม้/พืชพรรณแบบ procedural ในขณะเล่นเกม  
    • ลด VRAM ที่ต้องใช้จาก 34.8GB เหลือแค่ 51KB ได้จริง  
    • ไม่มีการเก็บโมเดลไว้ในวิดีโอเมโมรีหรือระบบไฟล์เลย

    ✅ เดโมรันบน Radeon RX 7900 XTX ที่ 1080p ได้อย่างลื่นไหล  
    • แม้จะเกินขนาด VRAM สูงสุดของการ์ด (24GB) ไปมาก แต่ไม่สะดุดเพราะประมวลผลสด

    ✅ ต้นไม้ในฉากสามารถเปลี่ยนฤดูกาล เคลื่อนไหวตามลม และจัดการ LOD โดยไม่เกิดอาการกระตุกหรือ pop-in

    ✅ เทคนิคนี้คล้ายแนวคิด “Neural Texture Compression” ของ Nvidia  
    • Nvidia ใช้ AI สร้าง texture แบบสดใน GPU เพื่อลดขนาด texture file 90–95%  
    • ต่างกันตรงที่ AMD สร้าง geometry (3D) ส่วน Nvidia สร้างภาพผิวสัมผัส (texture)

    ✅ หากถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย จะช่วยลดต้นทุน VRAM และเปิดทางให้ GPU ระดับกลางเล่นเกมคุณภาพสูงได้มากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/108461-amd-demo-shows-procedural-generation-cutting-vram-usage.html
    ปัญหาหนึ่งของเกมยุคนี้คือกราฟิกมันสวยมากจน “VRAM ไม่พอ” โดยเฉพาะกับ GPU กลาง ๆ ที่มีแค่ 8–12GB — เกมใหม่บางเกมอาจกินไปเกือบ 20–24GB เลย AMD เลยเสนอไอเดียใหม่: แทนที่จะโหลดโมเดลสามมิติอย่างต้นไม้ทั้งหมดใส่ในหน่วยความจำ…ทำไมไม่ให้ GPU “สร้าง” มันสด ๆ ด้วยอัลกอริธึมไปเลย? พวกเขาใช้สิ่งที่เรียกว่า work graphs ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ใน DirectX 12 Ultimate เพื่อให้ GPU สร้างป่าเต็มฉากขึ้นมาแบบ procedural ได้ในขณะรันจริง! เดโมนี้รันบน Radeon RX 7900 XTX แบบลื่น ๆ ที่ 1080p โดยใช้แค่ 51KB VRAM แทน 34.8GB — ต่างกันระดับ “เรือบรรทุกกับเรือกระป๋อง” เลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เบา — ต้นไม้ยังดูดี มีใบไหวตามลม เปลี่ยนตามฤดูกาล และจัดการ LOD แบบไม่มี pop-in ให้เสียอารมณ์ด้วย ✅ AMD พัฒนาเทคนิคใช้ work graphs (mesh nodes) เพื่อให้ GPU สร้างต้นไม้/พืชพรรณแบบ procedural ในขณะเล่นเกม   • ลด VRAM ที่ต้องใช้จาก 34.8GB เหลือแค่ 51KB ได้จริง   • ไม่มีการเก็บโมเดลไว้ในวิดีโอเมโมรีหรือระบบไฟล์เลย ✅ เดโมรันบน Radeon RX 7900 XTX ที่ 1080p ได้อย่างลื่นไหล   • แม้จะเกินขนาด VRAM สูงสุดของการ์ด (24GB) ไปมาก แต่ไม่สะดุดเพราะประมวลผลสด ✅ ต้นไม้ในฉากสามารถเปลี่ยนฤดูกาล เคลื่อนไหวตามลม และจัดการ LOD โดยไม่เกิดอาการกระตุกหรือ pop-in ✅ เทคนิคนี้คล้ายแนวคิด “Neural Texture Compression” ของ Nvidia   • Nvidia ใช้ AI สร้าง texture แบบสดใน GPU เพื่อลดขนาด texture file 90–95%   • ต่างกันตรงที่ AMD สร้าง geometry (3D) ส่วน Nvidia สร้างภาพผิวสัมผัส (texture) ✅ หากถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย จะช่วยลดต้นทุน VRAM และเปิดทางให้ GPU ระดับกลางเล่นเกมคุณภาพสูงได้มากขึ้น https://www.techspot.com/news/108461-amd-demo-shows-procedural-generation-cutting-vram-usage.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD demo shows procedural generation slashing VRAM use from 35 GB to just 51 KB
    A new research paper from AMD explains how procedurally generating certain 3D objects in real-time-rendered scenes, like trees and other vegetation, can reduce VRAM usage by orders...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราเคยได้ยินคำว่า AI ถูกฝึกจาก “อินเทอร์เน็ต” หรือ “ฐานข้อมูลสาธารณะ” ใช่ไหมครับ แต่ข่าวนี้แฉว่า Anthropic ซื้อ “หนังสือเล่มจริง” มาจำนวนมหาศาลแล้ว “ตัดสัน ฉีกสแกน” เพื่อใช้เป็นข้อมูลเทรน AI โดยที่ ไม่มีแผนเผยแพร่ digital copy นั้นต่อสาธารณะ ด้วยซ้ำ

    ที่พีคคือ ในคดีความล่าสุด ศาลบางส่วนกลับเห็นว่า “การทำลายหนังสือแล้วแปลงเป็นดิจิทัล” แบบนี้ถือเป็น “การเปลี่ยนรูปแบบที่เพียงพอ” (transformative) ตามหลัก fair use — คือใช้แล้วไม่ละเมิดลิขสิทธิ์

    ฝั่งนักวิจารณ์ไม่เห็นด้วย โดยระบุว่า AI อย่าง Claude แม้จะดูฉลาด แต่บางครั้งก็ “หลุดโควตจากหนังสือแบบคำต่อคำ” ซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิด

    ที่สำคัญกว่านั้นคือ คดีนี้ไม่ใช่จบแค่นี้ — ศาลยังให้ Anthropic “ต้องไปขึ้นศาลอีกรอบ” ในเดือนธันวาคมนี้ ฐานนำ “ไฟล์หนังสือเถื่อน” (pirated eBook library) ไปฝึกโมเดล โดยอาจถูกปรับ สูงสุด $150,000 ต่อเล่ม

    https://www.techspot.com/news/108463-anthropic-destroyed-millions-physical-books-train-ai-court.html
    เราเคยได้ยินคำว่า AI ถูกฝึกจาก “อินเทอร์เน็ต” หรือ “ฐานข้อมูลสาธารณะ” ใช่ไหมครับ แต่ข่าวนี้แฉว่า Anthropic ซื้อ “หนังสือเล่มจริง” มาจำนวนมหาศาลแล้ว “ตัดสัน ฉีกสแกน” เพื่อใช้เป็นข้อมูลเทรน AI โดยที่ ไม่มีแผนเผยแพร่ digital copy นั้นต่อสาธารณะ ด้วยซ้ำ ที่พีคคือ ในคดีความล่าสุด ศาลบางส่วนกลับเห็นว่า “การทำลายหนังสือแล้วแปลงเป็นดิจิทัล” แบบนี้ถือเป็น “การเปลี่ยนรูปแบบที่เพียงพอ” (transformative) ตามหลัก fair use — คือใช้แล้วไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ฝั่งนักวิจารณ์ไม่เห็นด้วย โดยระบุว่า AI อย่าง Claude แม้จะดูฉลาด แต่บางครั้งก็ “หลุดโควตจากหนังสือแบบคำต่อคำ” ซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิด ที่สำคัญกว่านั้นคือ คดีนี้ไม่ใช่จบแค่นี้ — ศาลยังให้ Anthropic “ต้องไปขึ้นศาลอีกรอบ” ในเดือนธันวาคมนี้ ฐานนำ “ไฟล์หนังสือเถื่อน” (pirated eBook library) ไปฝึกโมเดล โดยอาจถูกปรับ สูงสุด $150,000 ต่อเล่ม https://www.techspot.com/news/108463-anthropic-destroyed-millions-physical-books-train-ai-court.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Anthropic destroyed millions of physical books to train its AI, court documents reveal
    Buried in the details of a recent split ruling against Anthropic is a surprising revelation: the generative AI company destroyed millions of physical books by cutting off...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมมุติว่าเราซื้อโทรศัพท์มาใช้ แต่กลับไม่สามารถโหลดแอปจากที่ไหนก็ได้ ต้องผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายผ่านระบบในแอปของเจ้าของระบบเอง (In-App Payment) ซึ่งโดนหักค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก... แบบนี้มันยุติธรรมจริงหรือ?

    วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar และ **** Durbin มองว่าไม่ยุติธรรมเลย — พวกเขาจึงรื้อฟื้นร่าง “Open App Markets Act” ซึ่งเคยล้มไปในปี 2021 เพราะถูกล็อบบี้โดย Big Tech ทั้ง Apple, Google, Amazon และ Meta

    เป้าหมายของกฎหมายนี้คือ:
    - บังคับให้ Apple และ Google เปิดให้ “ติดตั้งแอปจากที่อื่น” (sideload)
    - อนุญาตให้ใช้ระบบจ่ายเงินอื่นที่ไม่ใช่ของเจ้าของแพลตฟอร์ม
    - ส่งเสริมการแข่งขัน ลดค่าธรรมเนียม และคืนอำนาจให้ผู้บริโภคและนักพัฒนา

    ผู้สนับสนุนกฎหมายยังรวมถึง Spotify, Epic Games และกลุ่มผู้บริโภค เช่น American Economic Liberties Project และ Y Combinator

    แต่ศึกนี้ไม่ง่าย เพราะแค่ครั้งก่อน บริษัทยักษ์ก็ทุ่มล็อบบี้กว่า $100 ล้าน เพื่อเบรกไม่ให้ร่างกฎหมายเข้าสภาเลยด้วยซ้ำ

    https://www.techspot.com/news/108466-us-senators-introduce-bipartisan-bill-enable-third-party.html
    สมมุติว่าเราซื้อโทรศัพท์มาใช้ แต่กลับไม่สามารถโหลดแอปจากที่ไหนก็ได้ ต้องผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายผ่านระบบในแอปของเจ้าของระบบเอง (In-App Payment) ซึ่งโดนหักค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก... แบบนี้มันยุติธรรมจริงหรือ? วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar และ Dick Durbin มองว่าไม่ยุติธรรมเลย — พวกเขาจึงรื้อฟื้นร่าง “Open App Markets Act” ซึ่งเคยล้มไปในปี 2021 เพราะถูกล็อบบี้โดย Big Tech ทั้ง Apple, Google, Amazon และ Meta เป้าหมายของกฎหมายนี้คือ: - บังคับให้ Apple และ Google เปิดให้ “ติดตั้งแอปจากที่อื่น” (sideload) - อนุญาตให้ใช้ระบบจ่ายเงินอื่นที่ไม่ใช่ของเจ้าของแพลตฟอร์ม - ส่งเสริมการแข่งขัน ลดค่าธรรมเนียม และคืนอำนาจให้ผู้บริโภคและนักพัฒนา ผู้สนับสนุนกฎหมายยังรวมถึง Spotify, Epic Games และกลุ่มผู้บริโภค เช่น American Economic Liberties Project และ Y Combinator แต่ศึกนี้ไม่ง่าย เพราะแค่ครั้งก่อน บริษัทยักษ์ก็ทุ่มล็อบบี้กว่า $100 ล้าน เพื่อเบรกไม่ให้ร่างกฎหมายเข้าสภาเลยด้วยซ้ำ https://www.techspot.com/news/108466-us-senators-introduce-bipartisan-bill-enable-third-party.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Senators introduce bipartisan bill to enable third-party app stores on iPhones
    The "Open App Markets Act," introduced by Senators Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar, and Dick Durbin, aims to promote competition and strengthen consumer protections...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น

    ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย

    ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น:
    - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้
    - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ

    ✅ James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง  
    • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่  
    • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก

    ✅ ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b  
    • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)  
    • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)  
    • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล

    ✅ เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST  
    • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b  
    • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere

    ✅ คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย  
    • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว

    ✅ บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk”

    https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติใช้กล้องอินฟราเรด MIRI ของ James Webb ช่วย “เบลอแสงจ้า” จากดาวแม่คือ TWA 7 (ดาวขนาดเล็กในกลุ่มดาวปั๊มหรือ Antlia) เพื่อให้มองเห็นวัตถุจาง ๆ ใกล้เคียงได้ชัดขึ้น ผลลัพธ์คือเจอจุดสว่างสีส้ม ๆ ที่อยู่ห่างจากดาวแม่ไปราว 50 เท่าของระยะห่างโลก–ดวงอาทิตย์ ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ควรจะมีดาวเคราะห์พอดี ทั้งความสว่างและสีของมันยังตรงกับโมเดลที่ใช้คำนวณไว้สำหรับดาวเคราะห์มวลเท่า ๆ กับ “ดาวเสาร์อายุน้อยที่เย็น” อีกด้วย ถ้าได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์จริง TWA 7 b จะกลายเป็น: - ดาวเคราะห์ต่างระบบ “มวลเบาที่สุด” ที่มองเห็นได้ด้วยวิธีนี้ - หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง work graphs และการกรองแสงดาวแม่เริ่มใช้ได้จริงในการล่าดาวเคราะห์รอบใหม่ ๆ ✅ James Webb พบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกจากภาพของตัวเอง   • ใช้กล้อง MIRI ในย่าน mid-infrared เพื่อกรองแสงดาวแม่   • เป้าหมายอยู่ในระบบดาว TWA 7 ห่าง 111 ปีแสงจากโลก ✅ ดาวเคราะห์ได้รับชื่อว่า TWA 7 b   • อยู่ห่างจากดาวแม่ราว 50 หน่วย AU (Earth–Sun distance)   • มวลประมาณ 0.3 เท่าของดาวพฤหัสบดี (ใกล้เคียงดาวเสาร์)   • อุณหภูมิราว 47°C (120°F) — ถือว่าเย็นในบริบทจักรวาล ✅ เดโมภาพมาจากการรวมภาพของกล้อง VLT (ESO) กับ MIRI ของ JWST   • จุดสว่างส้มทางขวาบนคือตัว TWA 7 b   • วงสีน้ำเงินคือแผ่นเศษซากจาก VLT Sphere ✅ คาดว่า TWA 7 b เป็นดาวเคราะห์ที่เกิดจากเศษซากในระบบอายุน้อย   • ช่วยศึกษากระบวนการเกิดดาวเคราะห์ในยุคต้นของระบบดาว ✅ บทความวิจัยเผยแพร่ในวารสาร Nature ในชื่อ “Evidence for a sub-Jovian planet in the young TWA 7 disk” https://www.techspot.com/news/108469-webb-telescope-discovers-photographs-first-exoplanet.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Webb telescope discovers and photographs its first exoplanet
    They used Webb's mid-infrared instrument to suppress the overwhelming glare from the host star, revealing faint objects that would have been too dim to spot otherwise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • แต่เดิม Windows คือราชาเรื่องเล่นเกมบนพีซี ส่วน SteamOS ที่ใช้ Linux เป็นฐานมักถูกมองว่า “เข้ากันกับเกมน้อย + ช้ากว่า” โดยเฉพาะในยุค Steam Machine ที่ล้มไม่เป็นท่า

    แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้วครับ — Ars Technica ทดลองเล่นเกม 5 เกมบน Legion Go S รุ่นที่มี SteamOS และ Windows ปรากฏว่า 4 ใน 5 เกมวิ่งลื่นกว่าอย่างชัดเจนบน SteamOS

    ยิ่งในเกม Returnal ที่ความละเอียด 1920×1200 บนกราฟิกระดับ High — SteamOS วิ่งได้เฉลี่ย 33 FPS แต่ Windows ทำได้แค่ 18 FPS เท่านั้นเอง ทั้งที่ใช้ไดรเวอร์ของ Lenovo เหมือนกัน

    ความลื่นนี้ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่เกิดจาก:
    - Proton: เทคโนโลยีที่ทำให้เกม Windows เล่นบน Linux ได้คล่องขึ้นเรื่อย ๆ
    - SteamOS ใช้ทรัพยากรคอมฯ น้อย: เพราะไม่มีระบบพื้นหลังยุ่งยากแบบ Windows

    แน่นอนว่า Windows ยังมีข้อดีคือรองรับเกมได้กว้างกว่ามาก แต่ถ้าคุณมีเครื่อง handheld อย่าง Legion Go S รุ่นที่ “เลือกลง SteamOS ได้เลย” — ก็คงน่าสนใจไม่น้อยครับ

    ✅ Ars Technica ทดสอบเกม 5 เกมบน Lenovo Legion Go S ทั้งบน Windows 11 และ SteamOS  
    • 4 ใน 5 เกม SteamOS ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า  
    • เกม Returnal ชัดเจนสุด: SteamOS ได้ 33 FPS, ส่วน Windows เหลือแค่ 18 FPS

    ✅ SteamOS ได้เปรียบเพราะใช้ Proton แปลโค้ดเกม Windows เป็น Linux อย่างมีประสิทธิภาพ  
    • Proton พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนรันเกม Windows ได้ดีขึ้นมาก

    ✅ SteamOS ไม่มีบรรดา background process ที่ Windows มักมี ทำให้ลื่นกว่าในเครื่องพกพา

    ✅ แม้ใช้ Windows ก็ยังพอแก้ได้โดย “ลงไดรเวอร์ของ Asus แทน Lenovo”  
    • ช่วยให้บางเกมเช่น Homeworld 3 ดีขึ้นจนไล่ทัน SteamOS  
    • แต่ SteamOS ยังคงชนะในภาพรวม

    ✅ Lenovo Legion Go S เป็นเครื่องพกพาที่ขายทั้งรุ่น Windows และ SteamOS  
    • รุ่น SteamOS ราคาถูกกว่า และพร้อมเล่นเกมได้เลย

    https://www.techspot.com/news/108468-new-benchmarks-show-steamos-outperforming-windows-11-lenovo.html
    แต่เดิม Windows คือราชาเรื่องเล่นเกมบนพีซี ส่วน SteamOS ที่ใช้ Linux เป็นฐานมักถูกมองว่า “เข้ากันกับเกมน้อย + ช้ากว่า” โดยเฉพาะในยุค Steam Machine ที่ล้มไม่เป็นท่า แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้วครับ — Ars Technica ทดลองเล่นเกม 5 เกมบน Legion Go S รุ่นที่มี SteamOS และ Windows ปรากฏว่า 4 ใน 5 เกมวิ่งลื่นกว่าอย่างชัดเจนบน SteamOS ยิ่งในเกม Returnal ที่ความละเอียด 1920×1200 บนกราฟิกระดับ High — SteamOS วิ่งได้เฉลี่ย 33 FPS แต่ Windows ทำได้แค่ 18 FPS เท่านั้นเอง ทั้งที่ใช้ไดรเวอร์ของ Lenovo เหมือนกัน ความลื่นนี้ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่เกิดจาก: - Proton: เทคโนโลยีที่ทำให้เกม Windows เล่นบน Linux ได้คล่องขึ้นเรื่อย ๆ - SteamOS ใช้ทรัพยากรคอมฯ น้อย: เพราะไม่มีระบบพื้นหลังยุ่งยากแบบ Windows แน่นอนว่า Windows ยังมีข้อดีคือรองรับเกมได้กว้างกว่ามาก แต่ถ้าคุณมีเครื่อง handheld อย่าง Legion Go S รุ่นที่ “เลือกลง SteamOS ได้เลย” — ก็คงน่าสนใจไม่น้อยครับ ✅ Ars Technica ทดสอบเกม 5 เกมบน Lenovo Legion Go S ทั้งบน Windows 11 และ SteamOS   • 4 ใน 5 เกม SteamOS ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า   • เกม Returnal ชัดเจนสุด: SteamOS ได้ 33 FPS, ส่วน Windows เหลือแค่ 18 FPS ✅ SteamOS ได้เปรียบเพราะใช้ Proton แปลโค้ดเกม Windows เป็น Linux อย่างมีประสิทธิภาพ   • Proton พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนรันเกม Windows ได้ดีขึ้นมาก ✅ SteamOS ไม่มีบรรดา background process ที่ Windows มักมี ทำให้ลื่นกว่าในเครื่องพกพา ✅ แม้ใช้ Windows ก็ยังพอแก้ได้โดย “ลงไดรเวอร์ของ Asus แทน Lenovo”   • ช่วยให้บางเกมเช่น Homeworld 3 ดีขึ้นจนไล่ทัน SteamOS   • แต่ SteamOS ยังคงชนะในภาพรวม ✅ Lenovo Legion Go S เป็นเครื่องพกพาที่ขายทั้งรุ่น Windows และ SteamOS   • รุ่น SteamOS ราคาถูกกว่า และพร้อมเล่นเกมได้เลย https://www.techspot.com/news/108468-new-benchmarks-show-steamos-outperforming-windows-11-lenovo.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New benchmarks show SteamOS outperforming Windows 11 on Lenovo's handheld PC
    A recent Ars Technica report tested five demanding PC games on Lenovo's Legion Go S handheld, running both Windows 11 and the latest SteamOS. In most cases,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่สร้างชื่อจากโมเดลภาษาขั้นสูง “R1” ซึ่งเคยเทรนด้วย GPU มากถึง 50,000 ตัว (รวม H20, H800, H100) ที่ได้มาจากกองทุน High-Flyer Capital

    แต่ตอนนี้ปัญหาคือ H20 กลายเป็นชิปต้องห้าม จากมาตรการคุมส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ — ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ DeepSeek ไม่สามารถหา GPU ใหม่มาใช้งานได้อีก

    สิ่งที่น่าห่วงคือ:
    - ผู้ใช้งานของ R1 จำนวนมากรันอยู่บน H20 → ตอนนี้เริ่มใช้งานติดขัด
    - R2 ยังไม่เสร็จดี ซีอีโอของ DeepSeek ก็ยังไม่พอใจผลลัพธ์เท่าที่ควร
    - ถ้า R2 เปิดตัวได้ไม่แรงพอ อาจเสียจังหวะให้คู่แข่งคนอื่นแซงในตลาด LLM จีน

    นี่สะท้อนว่าบริษัท AI จีนยังพึ่งพา ฮาร์ดแวร์ + ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ อย่างลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะ CUDA stack ของ Nvidia ที่ยังไม่มีทางออกที่เทียบเท่าได้ง่าย ๆ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-disruptor-deepseeks-next-gen-model-delayed-by-nvidia-h20-restrictions-short-supply-of-accelerators-hinders-development
    DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่สร้างชื่อจากโมเดลภาษาขั้นสูง “R1” ซึ่งเคยเทรนด้วย GPU มากถึง 50,000 ตัว (รวม H20, H800, H100) ที่ได้มาจากกองทุน High-Flyer Capital แต่ตอนนี้ปัญหาคือ H20 กลายเป็นชิปต้องห้าม จากมาตรการคุมส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ — ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ DeepSeek ไม่สามารถหา GPU ใหม่มาใช้งานได้อีก สิ่งที่น่าห่วงคือ: - ผู้ใช้งานของ R1 จำนวนมากรันอยู่บน H20 → ตอนนี้เริ่มใช้งานติดขัด - R2 ยังไม่เสร็จดี ซีอีโอของ DeepSeek ก็ยังไม่พอใจผลลัพธ์เท่าที่ควร - ถ้า R2 เปิดตัวได้ไม่แรงพอ อาจเสียจังหวะให้คู่แข่งคนอื่นแซงในตลาด LLM จีน นี่สะท้อนว่าบริษัท AI จีนยังพึ่งพา ฮาร์ดแวร์ + ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ อย่างลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะ CUDA stack ของ Nvidia ที่ยังไม่มีทางออกที่เทียบเท่าได้ง่าย ๆ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-disruptor-deepseeks-next-gen-model-delayed-by-nvidia-h20-restrictions-short-supply-of-accelerators-hinders-development
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติ SSD ที่ใช้ NAND แบบ QLC มักจะราคาถูกและความจุเยอะ แต่มีปัญหาเรื่อง “เขียนข้อมูลช้า” และความทนทานต่ำกว่า TLC หรือ MLC แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะเมื่อ SLC cache หมด

    Micron เลยเสนอทางออกใหม่ในรุ่น 2600 — ด้วยแนวคิดที่ว่า "ไม่ต้องใช้ SLC cache อย่างเดียว...แต่เปลี่ยนพื้นที่ NAND ไป-มาเป็น SLC → TLC → QLC ตามสถานการณ์"

    โดยเทคนิค Adaptive Write Technology จะทำแบบนี้:
    - เริ่มเขียนข้อมูลใหม่ใน SLC mode (เร็วที่สุด)
    - เมื่อ SLC cache เต็ม → เปลี่ยนเป็น TLC mode ชั่วคราว
    - เมื่อ TLC เต็ม → เก็บข้อมูลไว้ใน QLC mode ขณะ idle แล้วคืนพื้นที่ SLC/TLC มารอใช้งานใหม่

    ผลคือ SSD สามารถวิ่งเร็วได้ ต่อเนื่องแม้ไม่มี DRAM แถมลด latency ได้ระดับ 12–50 ไมโครวินาทีเท่านั้น — ถือว่าเร็วมากสำหรับ QLC ครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/micron-2600-qlc-ssd-uses-flexible-caching-to-offer-tlc-like-performance-7-200-mb-s-reads-and-6-500-mb-s-writes-push-the-limits-of-pcie-4-0
    ปกติ SSD ที่ใช้ NAND แบบ QLC มักจะราคาถูกและความจุเยอะ แต่มีปัญหาเรื่อง “เขียนข้อมูลช้า” และความทนทานต่ำกว่า TLC หรือ MLC แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะเมื่อ SLC cache หมด Micron เลยเสนอทางออกใหม่ในรุ่น 2600 — ด้วยแนวคิดที่ว่า "ไม่ต้องใช้ SLC cache อย่างเดียว...แต่เปลี่ยนพื้นที่ NAND ไป-มาเป็น SLC → TLC → QLC ตามสถานการณ์" โดยเทคนิค Adaptive Write Technology จะทำแบบนี้: - เริ่มเขียนข้อมูลใหม่ใน SLC mode (เร็วที่สุด) - เมื่อ SLC cache เต็ม → เปลี่ยนเป็น TLC mode ชั่วคราว - เมื่อ TLC เต็ม → เก็บข้อมูลไว้ใน QLC mode ขณะ idle แล้วคืนพื้นที่ SLC/TLC มารอใช้งานใหม่ ผลคือ SSD สามารถวิ่งเร็วได้ ต่อเนื่องแม้ไม่มี DRAM แถมลด latency ได้ระดับ 12–50 ไมโครวินาทีเท่านั้น — ถือว่าเร็วมากสำหรับ QLC ครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/micron-2600-qlc-ssd-uses-flexible-caching-to-offer-tlc-like-performance-7-200-mb-s-reads-and-6-500-mb-s-writes-push-the-limits-of-pcie-4-0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้

    ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel

    จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก

    แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%)

    และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้ ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%) และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองหลักของยูเครน (GUR / ГУР - Головне управління розвідки) เผยแพร่วิดีโอช่วงเวลาที่โดรนเข้าทำการโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 Triumph บนคาบสมุทรไครเมียของรัสเซีย

    การโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับระบบเรดาร์ควบคุมอเนกประสงค์ 92N2E จำนวน 2 ตัว เรดาร์ตรวจจับ 91N6E จำนวน 2 ตัว และเครื่องยิง S-400 หนึ่งตัว
    หน่วยข่าวกรองหลักของยูเครน (GUR / ГУР - Головне управління розвідки) เผยแพร่วิดีโอช่วงเวลาที่โดรนเข้าทำการโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 Triumph บนคาบสมุทรไครเมียของรัสเซีย การโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับระบบเรดาร์ควบคุมอเนกประสงค์ 92N2E จำนวน 2 ตัว เรดาร์ตรวจจับ 91N6E จำนวน 2 ตัว และเครื่องยิง S-400 หนึ่งตัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ?

    นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย

    - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ
    - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์

    สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก

    ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT

    ✅ พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน  
    • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล

    ✅ มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์  
    • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี

    ✅ พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  
    • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล

    ✅ เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  
    • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ”

    ✅ หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง

    ✅ Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น  
    • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน  
    • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น  
    • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน

    https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ? นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์ สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT ✅ พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน   • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล ✅ มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์   • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี ✅ พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล ✅ เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ   • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ” ✅ หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง ✅ Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น   • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน   • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น   • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำเหตุการณ์เมื่อปี 2024 ที่ซอฟต์แวร์ CrowdStrike ทำ Windows ล่มทั่วโลกได้ไหมครับ? Microsoft รับบทเรียนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์นั้นว่าระบบปฏิบัติการไม่ควรถูกผูกติดกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสในระดับ kernel (แกนระบบ) มากเกินไป

    แผน Windows Resiliency Initiative (WRI) จึงถูกประกาศที่งาน Ignite 2024 โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน:

    1️⃣ สร้าง ecosystem ร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender

    2️⃣ ออกคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับองค์กร

    3️⃣ ปรับโครงสร้างระบบ Windows ให้สามารถ “ฟื้นตัวได้ไว” หากเกิดปัญหา

    หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ย้ายเครื่องมือป้องกันไวรัส “ออกจาก kernel” ไปทำงานใน user mode ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงระบบล่มทั้งเครื่องเวลาซอฟต์แวร์ภายนอกทำงานผิดพลาด

    นอกจากนี้ Windows 11 24H2 ยังจะได้ของใหม่ เช่น Quick Machine Recovery, ระบบ crash screen ที่ใช้ง่ายขึ้น, การ reboot ที่เร็วขึ้น รวมถึงแนวคิด Cloud PC สำรองไว้เผื่อเครื่องหลักพัง (ผ่าน Windows 365 Reserve)

    ✅ Microsoft ประกาศ Windows Resiliency Initiative (WRI) เพื่อเสริมความมั่นคงให้แพลตฟอร์ม Windows  
    • ร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender  
    • เน้น ecosystem, แนวทางปฏิบัติ, และการเปลี่ยนแปลงระดับโค้ด

    ✅ เปลี่ยนวิธีทำงานของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส → ย้ายออกจากระดับ kernel ไปอยู่ user mode  
    • ลดความเสี่ยง system crash กรณีซอฟต์แวร์ภายนอกล่ม  
    • กำลังทดสอบ private preview กับพาร์ตเนอร์ด้านความปลอดภัย

    ✅ Bitdefender และ CrowdStrike ยืนยันว่าแนวทางใหม่นี้ “ลดช่องโหว่” และ “เสริมประสิทธิภาพระบบ”  
    • เป็นทิศทางใหม่ของ “endpoint security platform” ที่เน้นเสถียรภาพควบคู่กับความปลอดภัย

    ✅ Windows 11 24H2 จะมาพร้อมฟีเจอร์ความมั่นคงใหม่ เช่น:  
    • Quick Machine Recovery  
    • Crash screen ที่เรียบง่าย  
    • Connected Cache ที่ประหยัด bandwidth  
    • Universal Print แบบใหม่สำหรับการพิมพ์ปลอดภัย  
    • Windows 365 Reserve ให้ย้ายไปใช้ Cloud PC ชั่วคราวเมื่อเครื่องหลักใช้งานไม่ได้

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-wants-to-avoid-another-disastrous-crowdstrike-pr-abomination-and-heres-how-it-wants-to-do-it
    จำเหตุการณ์เมื่อปี 2024 ที่ซอฟต์แวร์ CrowdStrike ทำ Windows ล่มทั่วโลกได้ไหมครับ? Microsoft รับบทเรียนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์นั้นว่าระบบปฏิบัติการไม่ควรถูกผูกติดกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสในระดับ kernel (แกนระบบ) มากเกินไป แผน Windows Resiliency Initiative (WRI) จึงถูกประกาศที่งาน Ignite 2024 โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน: 1️⃣ สร้าง ecosystem ร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender 2️⃣ ออกคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับองค์กร 3️⃣ ปรับโครงสร้างระบบ Windows ให้สามารถ “ฟื้นตัวได้ไว” หากเกิดปัญหา หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ย้ายเครื่องมือป้องกันไวรัส “ออกจาก kernel” ไปทำงานใน user mode ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงระบบล่มทั้งเครื่องเวลาซอฟต์แวร์ภายนอกทำงานผิดพลาด นอกจากนี้ Windows 11 24H2 ยังจะได้ของใหม่ เช่น Quick Machine Recovery, ระบบ crash screen ที่ใช้ง่ายขึ้น, การ reboot ที่เร็วขึ้น รวมถึงแนวคิด Cloud PC สำรองไว้เผื่อเครื่องหลักพัง (ผ่าน Windows 365 Reserve) ✅ Microsoft ประกาศ Windows Resiliency Initiative (WRI) เพื่อเสริมความมั่นคงให้แพลตฟอร์ม Windows   • ร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender   • เน้น ecosystem, แนวทางปฏิบัติ, และการเปลี่ยนแปลงระดับโค้ด ✅ เปลี่ยนวิธีทำงานของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส → ย้ายออกจากระดับ kernel ไปอยู่ user mode   • ลดความเสี่ยง system crash กรณีซอฟต์แวร์ภายนอกล่ม   • กำลังทดสอบ private preview กับพาร์ตเนอร์ด้านความปลอดภัย ✅ Bitdefender และ CrowdStrike ยืนยันว่าแนวทางใหม่นี้ “ลดช่องโหว่” และ “เสริมประสิทธิภาพระบบ”   • เป็นทิศทางใหม่ของ “endpoint security platform” ที่เน้นเสถียรภาพควบคู่กับความปลอดภัย ✅ Windows 11 24H2 จะมาพร้อมฟีเจอร์ความมั่นคงใหม่ เช่น:   • Quick Machine Recovery   • Crash screen ที่เรียบง่าย   • Connected Cache ที่ประหยัด bandwidth   • Universal Print แบบใหม่สำหรับการพิมพ์ปลอดภัย   • Windows 365 Reserve ให้ย้ายไปใช้ Cloud PC ชั่วคราวเมื่อเครื่องหลักใช้งานไม่ได้ https://www.techradar.com/pro/microsoft-wants-to-avoid-another-disastrous-crowdstrike-pr-abomination-and-heres-how-it-wants-to-do-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว