• 🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น
    Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20%

    Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด

    ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30%

    อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี
    - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา
    - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019
    - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
    - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม
    - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว
    - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน
    AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ

    https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    🤖 AI กับอนาคตของงานระดับเริ่มต้น Dario Amodei CEO ของ Anthropic เตือนว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายงานปัญญาชนหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานสูงถึง 20% Amodei ระบุว่า AI กำลังแทนที่งานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด ข้อมูลจาก SignalFire พบว่า การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และสตาร์ทอัพก็ลดการจ้างงานลงกว่า 30% อย่างไรก็ตาม บางบริษัท เช่น Klarna และ Duolingo เริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจากประสิทธิภาพของ AI ยังไม่สามารถทดแทนแรงงานได้เต็มที่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ภายใน 5 ปี - อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยี, การเงิน, กฎหมาย และที่ปรึกษา - การจ้างงานบัณฑิตใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 - สตาร์ทอัพลดการจ้างงานลงกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน - บางบริษัทเริ่มกลับมาจ้างมนุษย์อีกครั้ง เนื่องจาก AI ยังมีข้อจำกัด ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - รัฐบาลและบริษัท AI ควรเตรียมมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ - การว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% หากไม่มีการปรับตัวที่เหมาะสม - AI อาจไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่แทนที่แรงงานในระยะยาว - OpenAI CEO เสนอแนวทาง Universal Basic Income (UBI) แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของแรงงาน AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจ https://www.techspot.com/news/108111-ai-could-erase-half-all-entry-level-white.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI could erase half of all entry-level white-collar jobs within five years, warns Anthropic CEO
    Amodei made his comments during an interview with Axios. He said that AI companies and the government needed to stop "sugar-coating" the potential mass elimination of jobs...
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก,
    ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย,
    ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย
    ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย,
    ..
    https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก, ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย, ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย, .. https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ชัดเจนคือแผนเบียงเบนความสนใจ,บิดหักกลบกระแสข่าวหรืออีกนัยยะท้าทายสถาบันในตัวจับมือต่างชาติล้มสถาบันทางอ้อมให้สิ้นความศรัทธาเชื่อมั่น,ยุคไหนสมัยไหนเราจะไม่ปล่อยไก่เปิดช่องให้ข้างบ้านมาแสดงปั่นหน้าเราแบบนี้,ถ้าเอาจริงๆนะไม่ร่วมมือกับเขมรมันหรือสมคบคิดมันแค่ให้บทเรียนปิดด่าน,หยุดการค้าขายด้วยทุกๆกรณี,ตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมด,ผลักดันแรงงานเขมรทั้งหมดออกนอกประเทศ,ประทับตีตราห้ามคนเหล่านี้เข้ามาซ้ำอีกด้วย,พื้นๆเอาแค่นี้ก่อน สงบการพูดคุยทั้งหมด,ไล่รัฐบาลปัจจุบันออก ใช้กรณีอัตราเร่ง ม.114ก็ได้ ขยายยุบพรรคให้รวดเร็วตัดตอนพวกทรยศสมคบคิดศัตรูไปในตัวในฐานอำนาจรัฐบังหน้า,เขมรไม่ต้องไปรบไปใส่ใจมันเลย,มันตายเองก็ว่า,แค่เป็นหนีักับจีนก็จะสิ้นชาติเขมรแล้ว,อนาคตคนเขมรจะจัดการกันเองภายในแน่นอนแบบพม่านั้นล่ะและเราห้ามรับคนเขมรเหมือนพม่าทุกๆกรณี,ผลักดันให้ไปเวียดนามไปลาวหรือข้ามทะเลไปบรูไนเอง,ไทยไม่ต้อนรับคนเนรคุณและคนชาติทรยศทุกๆกรณี,ตอนเขมรฆ่าล้างกันเองคือบทเรียนสันดานคนเขมรแท้จริง เราไม่ควรช่วยเหลือจริงๆ.
    ชัดเจนคือแผนเบียงเบนความสนใจ,บิดหักกลบกระแสข่าวหรืออีกนัยยะท้าทายสถาบันในตัวจับมือต่างชาติล้มสถาบันทางอ้อมให้สิ้นความศรัทธาเชื่อมั่น,ยุคไหนสมัยไหนเราจะไม่ปล่อยไก่เปิดช่องให้ข้างบ้านมาแสดงปั่นหน้าเราแบบนี้,ถ้าเอาจริงๆนะไม่ร่วมมือกับเขมรมันหรือสมคบคิดมันแค่ให้บทเรียนปิดด่าน,หยุดการค้าขายด้วยทุกๆกรณี,ตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมด,ผลักดันแรงงานเขมรทั้งหมดออกนอกประเทศ,ประทับตีตราห้ามคนเหล่านี้เข้ามาซ้ำอีกด้วย,พื้นๆเอาแค่นี้ก่อน สงบการพูดคุยทั้งหมด,ไล่รัฐบาลปัจจุบันออก ใช้กรณีอัตราเร่ง ม.114ก็ได้ ขยายยุบพรรคให้รวดเร็วตัดตอนพวกทรยศสมคบคิดศัตรูไปในตัวในฐานอำนาจรัฐบังหน้า,เขมรไม่ต้องไปรบไปใส่ใจมันเลย,มันตายเองก็ว่า,แค่เป็นหนีักับจีนก็จะสิ้นชาติเขมรแล้ว,อนาคตคนเขมรจะจัดการกันเองภายในแน่นอนแบบพม่านั้นล่ะและเราห้ามรับคนเขมรเหมือนพม่าทุกๆกรณี,ผลักดันให้ไปเวียดนามไปลาวหรือข้ามทะเลไปบรูไนเอง,ไทยไม่ต้อนรับคนเนรคุณและคนชาติทรยศทุกๆกรณี,ตอนเขมรฆ่าล้างกันเองคือบทเรียนสันดานคนเขมรแท้จริง เราไม่ควรช่วยเหลือจริงๆ.
    งดเผยแพร่ภาพเคลื่อนทัพทหารไทยนะพี่น้อง แม้ทหารพร้อมปกป้องประเทศ แต่ก็กลายเป็นเข้าแผนไอ้เชี้ยแม้วมัน ที่ต้องการให้ทหารโฟกัสชายแดน แทนตัวมัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ขอความร่วมมือ
    #งดเผยแพร่ภาพเคลื่อนทัพทหารไทย
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • 📣สุดระทึกเสมือนจริงราวกับฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์ 🎬 เดอะมอลล์โคราชปฏิบัติการแผนฝึกซ้อมหนีไฟ ปลอดภัยได้มาตรฐาน🔥

    📍หน่วยกู้ชีพ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และผู้ร่วมสังเกตการณ์จากสถานประกอบการต่างๆทั่วโคราช ร่วมฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟประจำปี 2568 ในวันที่ 29 พ.ค.2569 เวลา 08.30 น ที่จุดรวมพลลานมอลล์พาร์ค ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช

    โดยมีจำนวนผู้เข้าฝึกอบรม 1,200 คน รวมทั้งผู้บริหาร พนักงานและผู้แทนขาย

    โครงการฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟ เป็นโครงการที่เดอะมอลล์โคราชได้จัดขึ้นทุกปี ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้พนักงานได้ฝึกซ้อมหนีไฟ โดยเตรียมความพร้อมในการป้องกันอัคคีภัย รู้เส้นทางหนีไฟและวิธีการหนีไฟอย่างถูกต้อง พร้อมเรียนรู้วิธีการรับมือระงับเหตุขั้นต้นและขั้นรุนแรงได้ ให้เกิดการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงและอุปกรณ์ผจญเพลิง
    รวมถึงการให้พนักงานฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตในการดูแลตนเองและการดูแลลูกค้าให้ปลอดภัยสูงสุดเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้น

    อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ให้แนวทางการช่วยเหลือพนักงาน และบุคคลอื่นๆ ทรัพย์สินต่างๆให้ปลอดภัยอีกด้วย

    ซึ่งโครงการนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิกู้ภัยในการฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟ โดยสร้างเหตุการณ์อัคคีภัยจำลองเสมือนจริง ณ บริเวณจุดปิดปรับปรุงร้าน Discount Outlet ชั้น 2 อาคารใหม่ และมีการอพยพอย่างมีแบบแผน

    📍โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์พีระยุทธ สานุกูล ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา พร้อมด้วย ร.ต.อ.อานนท์ ผ่านกระโทก รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา, นายวิเศษ ทองใบ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สวัสดิการคุ้มครองแรงงาน จ.นม.,และนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

    เพื่อให้ทุกท่านได้อุ่นใจทุกครั้งที่มาใช้บริการที่เดอะมอลล์โคราช เราจึงใส่ใจทุกความปลอดภัยให้เป็นมากกว่ามาตรฐาน
    📣สุดระทึกเสมือนจริงราวกับฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์ 🎬 เดอะมอลล์โคราชปฏิบัติการแผนฝึกซ้อมหนีไฟ ปลอดภัยได้มาตรฐาน🔥 📍หน่วยกู้ชีพ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และผู้ร่วมสังเกตการณ์จากสถานประกอบการต่างๆทั่วโคราช ร่วมฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟประจำปี 2568 ในวันที่ 29 พ.ค.2569 เวลา 08.30 น ที่จุดรวมพลลานมอลล์พาร์ค ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช โดยมีจำนวนผู้เข้าฝึกอบรม 1,200 คน รวมทั้งผู้บริหาร พนักงานและผู้แทนขาย โครงการฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟ เป็นโครงการที่เดอะมอลล์โคราชได้จัดขึ้นทุกปี ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้พนักงานได้ฝึกซ้อมหนีไฟ โดยเตรียมความพร้อมในการป้องกันอัคคีภัย รู้เส้นทางหนีไฟและวิธีการหนีไฟอย่างถูกต้อง พร้อมเรียนรู้วิธีการรับมือระงับเหตุขั้นต้นและขั้นรุนแรงได้ ให้เกิดการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงและอุปกรณ์ผจญเพลิง รวมถึงการให้พนักงานฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตในการดูแลตนเองและการดูแลลูกค้าให้ปลอดภัยสูงสุดเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้น อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ให้แนวทางการช่วยเหลือพนักงาน และบุคคลอื่นๆ ทรัพย์สินต่างๆให้ปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งโครงการนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิกู้ภัยในการฝึกซ้อมแผนอพยพหนีไฟ โดยสร้างเหตุการณ์อัคคีภัยจำลองเสมือนจริง ณ บริเวณจุดปิดปรับปรุงร้าน Discount Outlet ชั้น 2 อาคารใหม่ และมีการอพยพอย่างมีแบบแผน 📍โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์พีระยุทธ สานุกูล ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา พร้อมด้วย ร.ต.อ.อานนท์ ผ่านกระโทก รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา, นายวิเศษ ทองใบ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สวัสดิการคุ้มครองแรงงาน จ.นม.,และนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกท่านได้อุ่นใจทุกครั้งที่มาใช้บริการที่เดอะมอลล์โคราช เราจึงใส่ใจทุกความปลอดภัยให้เป็นมากกว่ามาตรฐาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด

    การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022
    - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022
    - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ
    - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย
    - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น
    - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้
    - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น
    - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่

    https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022 - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022 - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้ - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่ https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    More workers say they'll quit instead of going back to the office full time
    The report comes from researchers at King's College London (KCL) and King's Business School. They analyzed over a million data points from the UK government's Labour Force...
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ..สินค้าคนรับมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเสียหาย,ประเด็นคือคนทำงานนี้คือของใครที่แท้จริง,คนพวกนี้เป็นแรงงานคนไทยหรือแรงงานต่างด้าวต่างชาติด้วย,ถ้าคนไทยด้วยกันเองทำแบบนี้มันสามารถแก้ไขปรับปรุงหรือดำเนินการภายในไม่ยากหรือตัดปัญหาที่ต้นเหตุได้ง่าย,แต่ปัจจุบันต่างด้าวเยอะมาก ยิ่งทำงานในไทยก็มากมายหลายสาขา ไปเจอหัวหน้างานเหี้ยๆอีก มันสามารถใส่ความคิดว่า ไม่ใช่ของกู ยิ่งของคนไทย พังแบบไหนก็ชั่งมันคิดได้สบายๆ,มาตรฐานการทำงานขนส่งถูกว่าติดลบตกประเมินได้ทันทีในคลิปสถานที่นี้.
    https://youtube.com/shorts/s15qVJ9wJb0?si=7tb8Yf9P3mOtAV09
    ..สินค้าคนรับมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเสียหาย,ประเด็นคือคนทำงานนี้คือของใครที่แท้จริง,คนพวกนี้เป็นแรงงานคนไทยหรือแรงงานต่างด้าวต่างชาติด้วย,ถ้าคนไทยด้วยกันเองทำแบบนี้มันสามารถแก้ไขปรับปรุงหรือดำเนินการภายในไม่ยากหรือตัดปัญหาที่ต้นเหตุได้ง่าย,แต่ปัจจุบันต่างด้าวเยอะมาก ยิ่งทำงานในไทยก็มากมายหลายสาขา ไปเจอหัวหน้างานเหี้ยๆอีก มันสามารถใส่ความคิดว่า ไม่ใช่ของกู ยิ่งของคนไทย พังแบบไหนก็ชั่งมันคิดได้สบายๆ,มาตรฐานการทำงานขนส่งถูกว่าติดลบตกประเมินได้ทันทีในคลิปสถานที่นี้. https://youtube.com/shorts/s15qVJ9wJb0?si=7tb8Yf9P3mOtAV09
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง
    .
    เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม
    .
    โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง . เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม . โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ..ความเห็นส่วนตัวครับ,ยามเฝ้าแผ่นดิน(เราคือประชาชน,ทหารภาคประชาชน)วงเล็บแบบนี้ไปด้วย เสมือนใส่จิตวิญญาณในสถานะว่าเราคือคนของแผ่นดินไทยแบบชัดเจนทันทีไปในตัวเลย.
    ..อนาคตสามารถต่อยอดสถานะตัวแทนภาคประชาชนไปได้หลากหลายลักษณะ หรือเสมือนทัพใหญ่มีกองกำลังทางทหารภาคประชาชนที่40-50ล้านคน,จัดเป็นทัพย่อยต่างๆสาระพัดทัพ,อาทิ ทัพตัวแทนภาคการปกครอง,ทำหน้าที่ยึดฐานอำนาจภาคการปกครองของประเทศปกป้องประชาชนคนทั้งประเทศระดับแรกต้นและหลัก,วางรากฐานทัพย่อยๆให้มั่นคง สร้างทหารภาคประชาชนรุ่นใหม่ๆได้ต่อเนื่อง,ใช้สัก20-30ล้านคนกาลงคะแนนเสียงสนับสนุนตัวแทนภาคประชาชนจริงขึ้นไปปกครองประเทศกำหนดทิศทางประเทศในทางที่ดีได้เต็มที่สมบูรณ์สุดซอยชัดเจนด้วย.,ทัพย่อยอื่นๆสร้างสรรค์จัดทัพตามสภาวะการณ์สงครามทั้งระยะสั้น กลาง ยาว อนาคต ก็ว่าไปหรือเร่งด่วนฉุกเฉินก็จัดทัพประสานกำลังคนได้ทันที,
    ..การประท้วงหรือชุมนุม เรามันยุคน้ำหมากแล้วจะไปประท้วงชุมนุมแบบเก่าๆสมัยขับไล่โทนี่คงไม่ไหวแล้วบวกมีมุกพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะมาสร้างกำแพงเบรคปิดกั้นประชาชนอีกของคนไม่ดีคิดหมากมาแก้ห้ามไล่ห้ามขับกูไล่กูออกง่ายๆก็ว่า,เหนื่อยร่วมชุมนุมขับไล่ก็แย่แล้วมาเจอมุกเบรคห้ามไล่กูคนชั่วง่ายๆอีก อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยพะนะ,มุกซาตานมันกลัวถูกคนดีๆมาไล่มันนัันล่ะ,จึงต้องจัดหมากนี้เลย,คือกลุ่มภาคประชาชนจริงๆ.
    ..มีทุนมีตังสนับสนุนหน่อยคงดีมากๆอาทิ มี878อำเภอ มีสำนักงานรอรับประสานงานระดับอำเภอพอสัก878ที่,สมาชิกมีตัวยืนในแต่ละหมู่บ้านสักหมู่บ้านหรือชุมชนนั้นๆ1ถึง2คนก็คงดี สมาชิกในหมู่บ้านและหรือชุมชนนั้นๆอาจกว่า100คนก็ตาม,คนเหล่านี้อาจช่วยเชื่อมประสานงานกับระดับอำเภอแทนสะดวกได้นอกจากทางตรงเรียลไทม์แบบในเน็ต,หรือด้านธุรกรรมเอกสารนั้นเองก็ว่าประสานงานอาจดีกว่า,มี7-8หมื่นหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ 100กว่าคนสมาชิกแต่ละหมู่บ้านชุมชนก็พื้นๆคือ7-8ล้านคนสมาชิกกันเลย,มีอะไรๆข่าวสารข้อมูลค่าจริงไหนๆก็แจ้งลงไป ประสานงานทำความเข้าใจประชุมกันระดับหมู่บ้านได้,อาทิ ได้นายกฯจากภาคประชาชนแล้ว,นายกฯประสานสำนักงานประชุมหมู่บ้านทุกๆหมู่บ้านทั่วประเทศพร้อมกัน เรื่องรับเงินสนับสนุนประกอบสัมมาอาชีพยืนด้วยขาตนเอง งบลงไปในทุกๆหมู่บ้านและชุมชนคนละ10ล้านบาทหรือ7-8แสนล้านบาททั่วประเทศ,ประชาชนคนไหนสนใจประกอบสัมมาอาชีพอะไรมายืมตังไม่เสียดอกเบี้ยได้,บริหารจัดการโดยสำนักงานตัวแทนนี้ภาคประชาชน,ช่วยคนหมู่บ้านนั้นๆได้ทันที1,000คนหากยืมคนละ10,000บาท,ช่วยได้100คนหากยืมคนละ100,000บาท,ช่วย200คนหากยืมคนละ50,000บาท,หรือเกือบทั้งหมู่บ้านเลยนะ,ใกล้ชิดปัญหา สามารถบริหารจัดการปัญหาทันทีผ่านสำนักงานนั้นๆ,ประชุมการข่าวอื่นๆใดๆหรือภัยใดๆที่เกี่ยวกับความมั่นคั่งใดๆของชาติจะรวดเร็วทันทีด้วย,เช่นภัยคนต่างด้าวมามากไป สามารถลงมติผลักดันกลับทั้งหมดก่อนได้,เคลียร์คนไทยล้วนๆไว้ก่อน,ปัญหาภัยมั่งคั่งของชาติต่างๆจะคลายแก้ไขทันทีอย่างมากเช่นการรักษาพยายาลคนต่างด้าวต่างชาติที่มาแย่งชิงบุคลากรพยาบาลเราจนไม่พอก็จะหมดไปทันที ยาที่เพียงพอต่อคนไทยตนเองก่อน,และสาระพัดปัญหาโกลาหลใดๆที่เป็นเครื่องมือคนไม่ดีจะหมดไปทันทีด้วยเป็นต้น,นี้ก็ประชุมแจ้งค่าจริงได้หรือประชุมลงมติยึดบ่อน้ำมันคืนทั้งหมดในประเทศก็ได้ แจ้งรายละเอียดความจริงทัังหมดผ่านการประชุมของหมู่บ้านในหัวข้อสำคัญทั้งหมดและเอกสารออนไลน์หรือเอกสารรายละเอียดได้,เมื่อต้นเหตุปัญหาถูกจัดการ ต้นทุนถูกๆจะเกิดขึ้น ค่าน้ำมัน ซื้อในราคาถูกๆลิตรละ1-2บาทในประเทศแบบอิหร่าน,ราคาปุ๋ยเกษตรกรไทยอาจซื้อถูกๆของ21-0-0จากการกลั่นปิโตรเลียมที่กระสอบ30กก.กระสอบละ3-5บาทเป็นต้น เฉพาะคนไทยเราและภายในประเทศเท่านั้น,ค่าไฟฟ้าจะถูกลงทั่วประเทศด้วยทันที ค่าขนส่งต่างๆจะถูงลงทันที การขนส่งสินค้าจะไม่แพง ข้าวของจะราคาถูก คนจะใช้จ่ายไม่แพง ต้นทุนทั้งประเทศถูกหมด ส่งออกจะขายในราคาตลาดโลก สินค้าไทยเราจะแข่งขันได้ในทันที ภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายจะหมดไปถูกลง,กำไรจะเกิดแก่ทุกๆคนไทย,ไม่รวมร้านค้ากองทุนหมู่บ้านอีกที่ตังชาวบ้านคนไทยจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชนและภายในประเทศไทย ประชาชนจะมีความรู้จริงถึงตังที่ออกไปนอกประเทศและความเสียหายที่เกิดขึ้น,ตลอดถึงทุกๆคนไทยมีกองทุนหมู่บ้านจริงเป็นของตนเองและรัฐฐะอัดตังสนับสนุนจริงเข้าไปในแต่ละหมู่บ้านชุมชนผ่านกองทุนตน,ตังที่ประชาชนนำฝากเองเข้ากองทุนอีกที่ทำสัมมาอาชีพต่างๆมีรายได้มีกำไรเกิดขึ้นอาจฝากรวมกันทั้งค้าขายออนไลน์ออฟไลน์มีร้านค้ามีตลาดชุมชนตน อาจกว่าคนละ1ล้านบาทต่อปี 40-50ล้านคน อาจสะพัดจริงในรากพื้นฐานหรือพื้นๆคือ40-50ล้านล้านบาทต่อปีของจริงมิใช่เอาพวกกิจการบริษัทต่างๆทั้งมหาชนและไม่ใช่มหาชนมาคิดมาเฉลี่ยคำนวนด้วยเลย,แต่มาจากการสะพัดตังจริงของชาวบ้านประชาชนคนไทยภายในประเทศจริงๆก็ว่า,นี้ไม่รวมรายได้รายรับจากภาครัฐบาลของประชาชนทำรายได้ตังจริงจากทรัพยากรมีค่ามากมายที่ยึดคืนมาทำเองจากเอกชนต่างชาติและเอกชนไทยที่ผูกขาดเหมือนในอดีตอีกนะ,อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีอีกแบบบันทึกบัญชีจริงมิใช่แอบๆหลบๆซ่อนคตโกงทุจริตแบบในอดีตที่ปกครองกากๆที่เคยเป็นมา.
    ..ตอนนี้ประชาชนถูกทำลายให้อ่อนแอจากการปกครองของdeep stateข้ามชาติประจำประเทศไทยจากอดีตคือคณะกบฎ2475ถึงปัจจุบันก็ว่า,ปกครองให้ยากจน ให้โง่ ให้อ่อนแอ ให้เป็นหนี้ท่วมหัวล้นพ้นตัวเช่นหนี้กยศ.อยากเรียนต้องเป็นหนี้,มันมุ่งทำลายไทยตั้งแต่เยาวชนไทยกันเลยก็ว่า,กลุ่มภาคมหาประชาชนจึงต้องถือกำเนิดขึ้น,กบฎคนไทยรุ่นสุดท้ายต้องจบสิ้นในรุ่นเรา.,บ้านเมืองไทยต้องเคลียร์เราเองก่อน,และสิ้นแรกนี้จะเกิดได้ ไม่มีเหี้ยใครมาวุ่นวายในการจัดการคือถีบต่างชาติต่างด้าวทั้งหมดออกจากประเทศไทยไปในทุกๆกรณีนี้ก่อน,เปิดบ้านรับคนอื่นคนนอกมาอยู่ในบ้านตนเองนานพอแล้ว,จากนั้นย่อมสะดวกเคลียร์อะไรทำความสะอาดแบบใดๆย่อมทำง่ายขึ้นทันที.,อย่าเข้าใจผิดว่าปัญหาต่างๆไม่ได้มาจากต่างชาติต่างด้าว นัยยะปัญหามากมายหรือส่วนเกินไม่น้อยมาจากต่างด้าวต่างชาตินีัสะสมมูลเหตุเรื่อยมา,บริษัทกิจการใดๆอยากได้แรงงานถูกต่างด้าวต้องย้ายฐานย้ายโรงงานตามมันไปเลย,ชาติไทยต้องมาก่อน ทรัมป์มันยังเอาอเมริกามันก่อนนะ,เม็กซิโกมันยังสร้างกำแพงปิดพรมแดนเลย,ประเทศไทยเราปกครองเลอะเทอะนานแล้ว ผีบ้าแบบยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาตินั้นล่ะ.
    ..วิถีปกครองที่ล้มเหลว รัฐฐะล้มเหลว ผู้ปกครองผู้มีอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง ขี้ขลาดหวาดกลัว,ประชาชนจึงมั่นคงดักดานในความยากจนไร้ยุติธรรมค้ำชูแผ่นดินตรดำรงไว้ในความยุติธรรมนั้นความดีนั้นๆ,ทหารยึดอำนาจก็เสียของ จนผีบ้าสร้างการเลือกนายกฯเสือกไม่ต้องเลือกตั้งตรงจากประชาชนได้,นายกฯไม่ซื่อสัตย์พรรคนั้นๆเสือกไม่โดยยุบเพราะเลือกนายกฯมาจากพรรคตนๆนั้นล่ะ,เสือกยังได้เสนอนายกฯคนใหม่คนต่อๆไปได้อีกโน้น,ประเทศไทยเราเหี้ยจริงๆนะ,เหีัยไม่เหี้ยดูบ่อน้ำมันไทยตนถ้าทำเองทัังหมดร่ำรวยในคนไทยทุกๆคนนานแล้ว,บ่อทองคำอีก ขุดเข้าคลังสำรองประเทศไทยตนเองมันมั่นคั่งโคตรๆเลยแล้ว,เรามีผู้นำผู้ปกครองผู้มีอำนาจที่ทรยศเป็นกบฎต่อประชาชนคนไทยตนเองเสียเองจริงๆนะ.,แม้แต่คนเรียนจบสูงๆที่มีเต็มทั่วทั้งประเทศ ส่วนใหญ่ยิ่งไร้ค่านัก ตำแหน่งมากมายเต็มระบบราชการไทยแต่มิอาจปกป้องอธิปไตยแผ่นดินดินไทยบนตำแหน่งอำนาจหน้าที่ที่ตนเองปฎิบัติทำงานบนแผ่นดินไทยตนเองนีัได้เลย,แดกตังแผ่นดิน,กินเงินหลวงกินเงินเดือนงบประมาณแผ่นดินตนชั่งเสียของนัก.
    ..ความเห็นส่วนตัวครับ,ยามเฝ้าแผ่นดิน(เราคือประชาชน,ทหารภาคประชาชน)วงเล็บแบบนี้ไปด้วย เสมือนใส่จิตวิญญาณในสถานะว่าเราคือคนของแผ่นดินไทยแบบชัดเจนทันทีไปในตัวเลย. ..อนาคตสามารถต่อยอดสถานะตัวแทนภาคประชาชนไปได้หลากหลายลักษณะ หรือเสมือนทัพใหญ่มีกองกำลังทางทหารภาคประชาชนที่40-50ล้านคน,จัดเป็นทัพย่อยต่างๆสาระพัดทัพ,อาทิ ทัพตัวแทนภาคการปกครอง,ทำหน้าที่ยึดฐานอำนาจภาคการปกครองของประเทศปกป้องประชาชนคนทั้งประเทศระดับแรกต้นและหลัก,วางรากฐานทัพย่อยๆให้มั่นคง สร้างทหารภาคประชาชนรุ่นใหม่ๆได้ต่อเนื่อง,ใช้สัก20-30ล้านคนกาลงคะแนนเสียงสนับสนุนตัวแทนภาคประชาชนจริงขึ้นไปปกครองประเทศกำหนดทิศทางประเทศในทางที่ดีได้เต็มที่สมบูรณ์สุดซอยชัดเจนด้วย.,ทัพย่อยอื่นๆสร้างสรรค์จัดทัพตามสภาวะการณ์สงครามทั้งระยะสั้น กลาง ยาว อนาคต ก็ว่าไปหรือเร่งด่วนฉุกเฉินก็จัดทัพประสานกำลังคนได้ทันที, ..การประท้วงหรือชุมนุม เรามันยุคน้ำหมากแล้วจะไปประท้วงชุมนุมแบบเก่าๆสมัยขับไล่โทนี่คงไม่ไหวแล้วบวกมีมุกพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะมาสร้างกำแพงเบรคปิดกั้นประชาชนอีกของคนไม่ดีคิดหมากมาแก้ห้ามไล่ห้ามขับกูไล่กูออกง่ายๆก็ว่า,เหนื่อยร่วมชุมนุมขับไล่ก็แย่แล้วมาเจอมุกเบรคห้ามไล่กูคนชั่วง่ายๆอีก อ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยพะนะ,มุกซาตานมันกลัวถูกคนดีๆมาไล่มันนัันล่ะ,จึงต้องจัดหมากนี้เลย,คือกลุ่มภาคประชาชนจริงๆ. ..มีทุนมีตังสนับสนุนหน่อยคงดีมากๆอาทิ มี878อำเภอ มีสำนักงานรอรับประสานงานระดับอำเภอพอสัก878ที่,สมาชิกมีตัวยืนในแต่ละหมู่บ้านสักหมู่บ้านหรือชุมชนนั้นๆ1ถึง2คนก็คงดี สมาชิกในหมู่บ้านและหรือชุมชนนั้นๆอาจกว่า100คนก็ตาม,คนเหล่านี้อาจช่วยเชื่อมประสานงานกับระดับอำเภอแทนสะดวกได้นอกจากทางตรงเรียลไทม์แบบในเน็ต,หรือด้านธุรกรรมเอกสารนั้นเองก็ว่าประสานงานอาจดีกว่า,มี7-8หมื่นหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ 100กว่าคนสมาชิกแต่ละหมู่บ้านชุมชนก็พื้นๆคือ7-8ล้านคนสมาชิกกันเลย,มีอะไรๆข่าวสารข้อมูลค่าจริงไหนๆก็แจ้งลงไป ประสานงานทำความเข้าใจประชุมกันระดับหมู่บ้านได้,อาทิ ได้นายกฯจากภาคประชาชนแล้ว,นายกฯประสานสำนักงานประชุมหมู่บ้านทุกๆหมู่บ้านทั่วประเทศพร้อมกัน เรื่องรับเงินสนับสนุนประกอบสัมมาอาชีพยืนด้วยขาตนเอง งบลงไปในทุกๆหมู่บ้านและชุมชนคนละ10ล้านบาทหรือ7-8แสนล้านบาททั่วประเทศ,ประชาชนคนไหนสนใจประกอบสัมมาอาชีพอะไรมายืมตังไม่เสียดอกเบี้ยได้,บริหารจัดการโดยสำนักงานตัวแทนนี้ภาคประชาชน,ช่วยคนหมู่บ้านนั้นๆได้ทันที1,000คนหากยืมคนละ10,000บาท,ช่วยได้100คนหากยืมคนละ100,000บาท,ช่วย200คนหากยืมคนละ50,000บาท,หรือเกือบทั้งหมู่บ้านเลยนะ,ใกล้ชิดปัญหา สามารถบริหารจัดการปัญหาทันทีผ่านสำนักงานนั้นๆ,ประชุมการข่าวอื่นๆใดๆหรือภัยใดๆที่เกี่ยวกับความมั่นคั่งใดๆของชาติจะรวดเร็วทันทีด้วย,เช่นภัยคนต่างด้าวมามากไป สามารถลงมติผลักดันกลับทั้งหมดก่อนได้,เคลียร์คนไทยล้วนๆไว้ก่อน,ปัญหาภัยมั่งคั่งของชาติต่างๆจะคลายแก้ไขทันทีอย่างมากเช่นการรักษาพยายาลคนต่างด้าวต่างชาติที่มาแย่งชิงบุคลากรพยาบาลเราจนไม่พอก็จะหมดไปทันที ยาที่เพียงพอต่อคนไทยตนเองก่อน,และสาระพัดปัญหาโกลาหลใดๆที่เป็นเครื่องมือคนไม่ดีจะหมดไปทันทีด้วยเป็นต้น,นี้ก็ประชุมแจ้งค่าจริงได้หรือประชุมลงมติยึดบ่อน้ำมันคืนทั้งหมดในประเทศก็ได้ แจ้งรายละเอียดความจริงทัังหมดผ่านการประชุมของหมู่บ้านในหัวข้อสำคัญทั้งหมดและเอกสารออนไลน์หรือเอกสารรายละเอียดได้,เมื่อต้นเหตุปัญหาถูกจัดการ ต้นทุนถูกๆจะเกิดขึ้น ค่าน้ำมัน ซื้อในราคาถูกๆลิตรละ1-2บาทในประเทศแบบอิหร่าน,ราคาปุ๋ยเกษตรกรไทยอาจซื้อถูกๆของ21-0-0จากการกลั่นปิโตรเลียมที่กระสอบ30กก.กระสอบละ3-5บาทเป็นต้น เฉพาะคนไทยเราและภายในประเทศเท่านั้น,ค่าไฟฟ้าจะถูกลงทั่วประเทศด้วยทันที ค่าขนส่งต่างๆจะถูงลงทันที การขนส่งสินค้าจะไม่แพง ข้าวของจะราคาถูก คนจะใช้จ่ายไม่แพง ต้นทุนทั้งประเทศถูกหมด ส่งออกจะขายในราคาตลาดโลก สินค้าไทยเราจะแข่งขันได้ในทันที ภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายจะหมดไปถูกลง,กำไรจะเกิดแก่ทุกๆคนไทย,ไม่รวมร้านค้ากองทุนหมู่บ้านอีกที่ตังชาวบ้านคนไทยจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชนและภายในประเทศไทย ประชาชนจะมีความรู้จริงถึงตังที่ออกไปนอกประเทศและความเสียหายที่เกิดขึ้น,ตลอดถึงทุกๆคนไทยมีกองทุนหมู่บ้านจริงเป็นของตนเองและรัฐฐะอัดตังสนับสนุนจริงเข้าไปในแต่ละหมู่บ้านชุมชนผ่านกองทุนตน,ตังที่ประชาชนนำฝากเองเข้ากองทุนอีกที่ทำสัมมาอาชีพต่างๆมีรายได้มีกำไรเกิดขึ้นอาจฝากรวมกันทั้งค้าขายออนไลน์ออฟไลน์มีร้านค้ามีตลาดชุมชนตน อาจกว่าคนละ1ล้านบาทต่อปี 40-50ล้านคน อาจสะพัดจริงในรากพื้นฐานหรือพื้นๆคือ40-50ล้านล้านบาทต่อปีของจริงมิใช่เอาพวกกิจการบริษัทต่างๆทั้งมหาชนและไม่ใช่มหาชนมาคิดมาเฉลี่ยคำนวนด้วยเลย,แต่มาจากการสะพัดตังจริงของชาวบ้านประชาชนคนไทยภายในประเทศจริงๆก็ว่า,นี้ไม่รวมรายได้รายรับจากภาครัฐบาลของประชาชนทำรายได้ตังจริงจากทรัพยากรมีค่ามากมายที่ยึดคืนมาทำเองจากเอกชนต่างชาติและเอกชนไทยที่ผูกขาดเหมือนในอดีตอีกนะ,อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีอีกแบบบันทึกบัญชีจริงมิใช่แอบๆหลบๆซ่อนคตโกงทุจริตแบบในอดีตที่ปกครองกากๆที่เคยเป็นมา. ..ตอนนี้ประชาชนถูกทำลายให้อ่อนแอจากการปกครองของdeep stateข้ามชาติประจำประเทศไทยจากอดีตคือคณะกบฎ2475ถึงปัจจุบันก็ว่า,ปกครองให้ยากจน ให้โง่ ให้อ่อนแอ ให้เป็นหนี้ท่วมหัวล้นพ้นตัวเช่นหนี้กยศ.อยากเรียนต้องเป็นหนี้,มันมุ่งทำลายไทยตั้งแต่เยาวชนไทยกันเลยก็ว่า,กลุ่มภาคมหาประชาชนจึงต้องถือกำเนิดขึ้น,กบฎคนไทยรุ่นสุดท้ายต้องจบสิ้นในรุ่นเรา.,บ้านเมืองไทยต้องเคลียร์เราเองก่อน,และสิ้นแรกนี้จะเกิดได้ ไม่มีเหี้ยใครมาวุ่นวายในการจัดการคือถีบต่างชาติต่างด้าวทั้งหมดออกจากประเทศไทยไปในทุกๆกรณีนี้ก่อน,เปิดบ้านรับคนอื่นคนนอกมาอยู่ในบ้านตนเองนานพอแล้ว,จากนั้นย่อมสะดวกเคลียร์อะไรทำความสะอาดแบบใดๆย่อมทำง่ายขึ้นทันที.,อย่าเข้าใจผิดว่าปัญหาต่างๆไม่ได้มาจากต่างชาติต่างด้าว นัยยะปัญหามากมายหรือส่วนเกินไม่น้อยมาจากต่างด้าวต่างชาตินีัสะสมมูลเหตุเรื่อยมา,บริษัทกิจการใดๆอยากได้แรงงานถูกต่างด้าวต้องย้ายฐานย้ายโรงงานตามมันไปเลย,ชาติไทยต้องมาก่อน ทรัมป์มันยังเอาอเมริกามันก่อนนะ,เม็กซิโกมันยังสร้างกำแพงปิดพรมแดนเลย,ประเทศไทยเราปกครองเลอะเทอะนานแล้ว ผีบ้าแบบยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาตินั้นล่ะ. ..วิถีปกครองที่ล้มเหลว รัฐฐะล้มเหลว ผู้ปกครองผู้มีอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง ขี้ขลาดหวาดกลัว,ประชาชนจึงมั่นคงดักดานในความยากจนไร้ยุติธรรมค้ำชูแผ่นดินตรดำรงไว้ในความยุติธรรมนั้นความดีนั้นๆ,ทหารยึดอำนาจก็เสียของ จนผีบ้าสร้างการเลือกนายกฯเสือกไม่ต้องเลือกตั้งตรงจากประชาชนได้,นายกฯไม่ซื่อสัตย์พรรคนั้นๆเสือกไม่โดยยุบเพราะเลือกนายกฯมาจากพรรคตนๆนั้นล่ะ,เสือกยังได้เสนอนายกฯคนใหม่คนต่อๆไปได้อีกโน้น,ประเทศไทยเราเหี้ยจริงๆนะ,เหีัยไม่เหี้ยดูบ่อน้ำมันไทยตนถ้าทำเองทัังหมดร่ำรวยในคนไทยทุกๆคนนานแล้ว,บ่อทองคำอีก ขุดเข้าคลังสำรองประเทศไทยตนเองมันมั่นคั่งโคตรๆเลยแล้ว,เรามีผู้นำผู้ปกครองผู้มีอำนาจที่ทรยศเป็นกบฎต่อประชาชนคนไทยตนเองเสียเองจริงๆนะ.,แม้แต่คนเรียนจบสูงๆที่มีเต็มทั่วทั้งประเทศ ส่วนใหญ่ยิ่งไร้ค่านัก ตำแหน่งมากมายเต็มระบบราชการไทยแต่มิอาจปกป้องอธิปไตยแผ่นดินดินไทยบนตำแหน่งอำนาจหน้าที่ที่ตนเองปฎิบัติทำงานบนแผ่นดินไทยตนเองนีัได้เลย,แดกตังแผ่นดิน,กินเงินหลวงกินเงินเดือนงบประมาณแผ่นดินตนชั่งเสียของนัก.
    ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568
    ประเทศไทยไร้ทางออก คนเลวต้องไม่มีที่ยืนในสังคม...(uncut)
    สนธิ ลิ้มทองกุล

    สมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน
    "ทวงความถูกต้องให้คนไทย"
    คลิ๊กลิงค์ : https://shorturl.asia/ksaHh
    0 Comments 0 Shares 158 Views 178 0 Reviews
  • ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • ปัญหาภายในของซาอุดีอาระเบียมีหลากหลายประเด็นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม. ปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันที่มากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ปัญหาสังคมรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 และปัญหาการทุจริต. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมรวมถึงการขยายตัวของเมืองที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ มลพิษทางดิน และปัญหาการขาดแคลนน้ำ.
    รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาภายในซาอุดีอาระเบีย:
    ปัญหาทางเศรษฐกิจ:
    การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน: ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันมากเกินไปทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก.
    ขาดดุลงบประมาณ: ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงทำให้ซาอุดีอาระเบียประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ.
    การกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ: ซาอุดีอาระเบียพยายามกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นผ่านโครงการวิสัยทัศน์ 2030.
    ปัญหาการทุจริต: มีรายงานการทุจริตในระบบราชการซาอุดีอาระเบีย.
    ปัญหาสังคม:
    ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ: ยังคงมีความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในซาอุดีอาระเบีย.
    ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030: บางกลุ่มมีความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 ที่รัฐบาลพยายามนำมาใช้.
    การอพยพออกนอกประเทศ: มีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากขึ้นที่อพยพออกนอกประเทศ เนื่องจากความไม่พอใจในสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ.
    แรงงานต่างชาติ: ซาอุดีอาระเบียพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานทักษะต่ำ และอาจเผชิญกับปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน.
    ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม:
    มลพิษทางอากาศ: ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของตะวันออกกลาง.
    มลพิษทางดิน: การขุดเจาะน้ำมันและการขยายตัวของเมืองทำให้เกิดมลพิษทางดิน.
    ปัญหาการขาดแคลนน้ำ: พื้นที่เพาะปลูกสามในสี่เสื่อมโทรม และประชากร 60% ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ.
    ปัญหาการใช้พลังงาน: การใช้เครื่องปรับอากาศปริมาณมากส่งผลต่อปัญหาการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก.
    ปัญหาภายในของซาอุดีอาระเบียมีหลากหลายประเด็นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม. ปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันที่มากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ปัญหาสังคมรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 และปัญหาการทุจริต. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมรวมถึงการขยายตัวของเมืองที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ มลพิษทางดิน และปัญหาการขาดแคลนน้ำ. รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาภายในซาอุดีอาระเบีย: ปัญหาทางเศรษฐกิจ: การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน: ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันมากเกินไปทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ขาดดุลงบประมาณ: ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงทำให้ซาอุดีอาระเบียประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ. การกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ: ซาอุดีอาระเบียพยายามกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นผ่านโครงการวิสัยทัศน์ 2030. ปัญหาการทุจริต: มีรายงานการทุจริตในระบบราชการซาอุดีอาระเบีย. ปัญหาสังคม: ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ: ยังคงมีความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในซาอุดีอาระเบีย. ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030: บางกลุ่มมีความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 ที่รัฐบาลพยายามนำมาใช้. การอพยพออกนอกประเทศ: มีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากขึ้นที่อพยพออกนอกประเทศ เนื่องจากความไม่พอใจในสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ. แรงงานต่างชาติ: ซาอุดีอาระเบียพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานทักษะต่ำ และอาจเผชิญกับปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม: มลพิษทางอากาศ: ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของตะวันออกกลาง. มลพิษทางดิน: การขุดเจาะน้ำมันและการขยายตัวของเมืองทำให้เกิดมลพิษทางดิน. ปัญหาการขาดแคลนน้ำ: พื้นที่เพาะปลูกสามในสี่เสื่อมโทรม และประชากร 60% ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ. ปัญหาการใช้พลังงาน: การใช้เครื่องปรับอากาศปริมาณมากส่งผลต่อปัญหาการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • 12 เมืองในสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตของงานและเงินเดือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์สูงสุด

    บทความนี้ วิเคราะห์เมืองที่มีโอกาสเติบโตด้านอาชีพความปลอดภัยไซเบอร์ โดยพิจารณาจาก แนวโน้มการจ้างงาน, ค่าครองชีพ และการลงทุนจากบริษัทร่วมทุน ซึ่งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับอนาคตของตนเอง

    🔍 ปัจจัยสำคัญในการเลือกเมืองสำหรับอาชีพความปลอดภัยไซเบอร์
    ✅ แนวโน้มอาชีพ
    - เมืองที่มีตำแหน่งงานมากขึ้น ช่วยให้โอกาสเติบโตในสายอาชีพดีขึ้น
    - การเพิ่มขึ้นของเงินเดือน สะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาดแรงงาน

    ✅ ค่าครองชีพ
    - รายได้สูงอาจถูกลดค่าลงในพื้นที่ที่มีค่าครองชีพสูง
    - การย้ายจากเมืองที่มีค่าครองชีพสูงไปยังเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำ ช่วยให้เงินเดือนมีมูลค่ามากขึ้น

    ✅ การลงทุนจากบริษัทร่วมทุน (Venture Capital)
    - เมืองที่มีการลงทุนสูง มักมีโอกาสเติบโตทางอาชีพที่มั่นคงกว่า
    - การลงทุนในเทคโนโลยี ช่วยกระตุ้นความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์

    🏆 12 เมืองที่มีการเติบโตของงานและเงินเดือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์สูงสุดในปี 2025
    ✅ Indianapolis – มีอัตราเพิ่มขึ้นของเงินเดือนสูงสุดที่ 17.2%
    ✅ Raleigh, N.C. – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 59%
    ✅ Cleveland – มีอัตราเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานสูงสุดที่ 60%
    ✅ Kansas City, Mo. – มีการเติบโตของเงินเดือน 13.7%
    ✅ San Francisco – เงินเดือนเฉลี่ยสูงสุดที่ $157,660
    ✅ Columbus, Ohio – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 34.3%
    ✅ Pittsburgh – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 22.5%
    ✅ Omaha, Neb. – มีการเติบโตของเงินเดือน 10.6%
    ✅ Cincinnati – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 34.1%
    ✅ Seattle – มีการเติบโตของเงินเดือน 13.3%
    ✅ Boston – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 14.6%
    ✅ Birmingham, Ala. – มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในกลุ่ม

    ‼️ ค่าครองชีพในบางเมืองอาจลดมูลค่าของเงินเดือนลง
    - เช่น San Francisco และ Seattle มีค่าครองชีพสูง ทำให้รายได้จริงลดลง

    ‼️ บางเมืองอาจมีการเติบโตของตำแหน่งงานลดลง
    - เช่น Seattle มีอัตราการจ้างงานลดลง 8.6%

    https://www.csoonline.com/article/3988368/top-12-us-cities-for-cybersecurity-job-and-salary-growth.html
    12 เมืองในสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตของงานและเงินเดือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์สูงสุด บทความนี้ วิเคราะห์เมืองที่มีโอกาสเติบโตด้านอาชีพความปลอดภัยไซเบอร์ โดยพิจารณาจาก แนวโน้มการจ้างงาน, ค่าครองชีพ และการลงทุนจากบริษัทร่วมทุน ซึ่งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับอนาคตของตนเอง 🔍 ปัจจัยสำคัญในการเลือกเมืองสำหรับอาชีพความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ แนวโน้มอาชีพ - เมืองที่มีตำแหน่งงานมากขึ้น ช่วยให้โอกาสเติบโตในสายอาชีพดีขึ้น - การเพิ่มขึ้นของเงินเดือน สะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาดแรงงาน ✅ ค่าครองชีพ - รายได้สูงอาจถูกลดค่าลงในพื้นที่ที่มีค่าครองชีพสูง - การย้ายจากเมืองที่มีค่าครองชีพสูงไปยังเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำ ช่วยให้เงินเดือนมีมูลค่ามากขึ้น ✅ การลงทุนจากบริษัทร่วมทุน (Venture Capital) - เมืองที่มีการลงทุนสูง มักมีโอกาสเติบโตทางอาชีพที่มั่นคงกว่า - การลงทุนในเทคโนโลยี ช่วยกระตุ้นความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ 🏆 12 เมืองที่มีการเติบโตของงานและเงินเดือนด้านความปลอดภัยไซเบอร์สูงสุดในปี 2025 ✅ Indianapolis – มีอัตราเพิ่มขึ้นของเงินเดือนสูงสุดที่ 17.2% ✅ Raleigh, N.C. – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 59% ✅ Cleveland – มีอัตราเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานสูงสุดที่ 60% ✅ Kansas City, Mo. – มีการเติบโตของเงินเดือน 13.7% ✅ San Francisco – เงินเดือนเฉลี่ยสูงสุดที่ $157,660 ✅ Columbus, Ohio – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 34.3% ✅ Pittsburgh – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 22.5% ✅ Omaha, Neb. – มีการเติบโตของเงินเดือน 10.6% ✅ Cincinnati – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 34.1% ✅ Seattle – มีการเติบโตของเงินเดือน 13.3% ✅ Boston – มีการเติบโตของตำแหน่งงาน 14.6% ✅ Birmingham, Ala. – มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในกลุ่ม ‼️ ค่าครองชีพในบางเมืองอาจลดมูลค่าของเงินเดือนลง - เช่น San Francisco และ Seattle มีค่าครองชีพสูง ทำให้รายได้จริงลดลง ‼️ บางเมืองอาจมีการเติบโตของตำแหน่งงานลดลง - เช่น Seattle มีอัตราการจ้างงานลดลง 8.6% https://www.csoonline.com/article/3988368/top-12-us-cities-for-cybersecurity-job-and-salary-growth.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Top 12 US cities for cybersecurity job and salary growth
    These dozen cities stand out as the most promising destinations for cybersecurity professionals due to their strong job growth, rising salaries, and long-term career potential.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • พรรคประชาชวย เลืoดไหลยังไม่พอ เย่วไหลไม่หยุด ชนชั้นแรงงานในพื้นที่ของพรรคทยอยถอนตัว รายล่าสุด ผู้ช่วยสส. ของไอ่เชตวัน เพราะพรรคเลิกสนับสนุน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    พรรคประชาชวย เลืoดไหลยังไม่พอ เย่วไหลไม่หยุด ชนชั้นแรงงานในพื้นที่ของพรรคทยอยถอนตัว รายล่าสุด ผู้ช่วยสส. ของไอ่เชตวัน เพราะพรรคเลิกสนับสนุน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • สาวๆเตรียมเฮ 'แรงงาน' เร่งแก้กฎหมาย 'ประจำเดือนมา ลางานได้'
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ปรากฎว่ามีข่าวดีในทางสังคมที่ประชาชนโดยเฉพาะคนทำงานที่เป็นสุภาพสตรีควรรู้ไว้ คือ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการเปิดโอกาสให้สุภาพสตรีที่เป็น 'วันนั้นของเดือน' สามารถใช้สิทธิลางานได้โดยยังได้รับค่าจ้างตามเดิม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000047776

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    สาวๆเตรียมเฮ 'แรงงาน' เร่งแก้กฎหมาย 'ประจำเดือนมา ลางานได้' . ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ปรากฎว่ามีข่าวดีในทางสังคมที่ประชาชนโดยเฉพาะคนทำงานที่เป็นสุภาพสตรีควรรู้ไว้ คือ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการเปิดโอกาสให้สุภาพสตรีที่เป็น 'วันนั้นของเดือน' สามารถใช้สิทธิลางานได้โดยยังได้รับค่าจ้างตามเดิม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000047776 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 538 Views 0 Reviews
  • หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ
    โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568

    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ


    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์
    ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง

    ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้
    คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ


    สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม
    ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ
    คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
    การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่


    สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด
    เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ
    ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า
    การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์●


    ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน
    ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก●
    ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ
    การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก


    THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST
    ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ
    ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง
    การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ


    การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง
    คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง
    แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า
    การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ●



    รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ
    เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี
    ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว
    การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ●


    ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE
    เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ
    นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่●
    การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้


    สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร
    มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง
    พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน
    การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา


    สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร?
    ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก
    แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา
    การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน





    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568 หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์ ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้ คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่ สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์● ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก● ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ● รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ● ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่● การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้ สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร? ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน
    0 Comments 0 Shares 399 Views 0 Reviews
  • NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน

    เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง

    เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้

    ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน

    ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน

    #Newskit
    NT วุ่นสหภาพค้านแหลก AIS ขอซื้อลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน เรื่องวุ่นๆ ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รัฐวิสาหกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เมื่อเว็บไซต์ The Mature ของอดีตนักข่าวไอทีค่ายใหญ่ เผยแพร่หนังสือที่นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ลงนามเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ขอซื้อฐานลูกค้ามือถือ รวมทั้งพิจารณาการแก้ไขและยกเลิกสัญญาการให้บริการมือถือบนคลื่น 700 MHz รวมทั้งลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยทั้งหมด โดยขอเช่าใช้และขอสิทธิบริหารโครงข่ายบรอดแบนด์ของ NT ระบุว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และเป็นโอกาสของ NT ในการสร้างรายได้ที่มั่นคง เรื่องนี้ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ออกมาคัดค้าน เนื่องจากคลื่นความถี่เป็นทรัพย์สินของชาติ ควรอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์ รวมถึงข้อเสนอดังกล่าวคล้ายการแปรรูป NT ทางอ้อม อาจส่งผลกระทบต่อพนักงาน NT ทั้งในด้านการจ้างงาน บทบาทหน้าที่ และอนาคตในสายงาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NT ไม่สนับสนุนข้อเสนอของเอไอเอส และให้กระทรวงดีอี คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดีอี ยืนยันว่า การเสนอซื้อฐานลูกค้ามือถือและบรอดแบนด์รายย่อย แม้จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ต้องเปิดกว้างรับข้อเสนอจากทุกราย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ NT และยังต้องรับผิดชอบพนักงาน NT ที่จะถูกโอนย้ายไปด้วย ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้และมีหลายปัจจัยต้องพิจารณา ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ด NT และยังต้องดูผลประกอบการของธุรกิจบรอดแบนด์ จึงยังจะไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ ขณะที่เอไอเอสทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงหรือความคืบหน้าใดๆ โดยหากมีพัฒนาการที่สำคัญ บริษัทจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป ส่วนแหล่งข่าวจาก กสทช. กล่าวกับเว็บไซต์ MGR Online ว่า ลูกค้ามือถือ-บรอดแบนด์ซื้อขายกันไม่ได้ ต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้า จะบังคับให้ย้ายหรือโอนย้ายโดยไม่แจ้งลูกค้าไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดกรณีแบบนี้มาก่อน ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์รายย่อยประมาณ 2 ล้านราย ฐานลูกค้ามือถือ NT Mobile ที่มาจาก TOT Mobile เดิม ราว 3 แสนราย ที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz. จะหมดอายุในวันที่ 3 ส.ค.นี้ และ My by NT ที่มาจาก CAT Telecom เดิมบนคลื่นความถี่ 700 MHz. ราว 2.17 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระบบเติมเงิน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • กระตุ้นให้ถูกจุด หยุด ‘แจกเงิน’ : [Biz Talk]

    สภาพเศรษฐกิจไทย มีปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ มากกว่าจะห่วงฐานเสียง ด้วยการเดินหน้านโยบายแจกเงิน /หอการค้าไทย เห็นด้วยที่รัฐ ชะลอ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เฟส 3-4 โยกงบ 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้พัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจในโครงการที่จำเป็น เพิ่มเม็ดเงินในห่วงโซ่ธุรกิจและแรงงานทั่วประเทศ
    กระตุ้นให้ถูกจุด หยุด ‘แจกเงิน’ : [Biz Talk] สภาพเศรษฐกิจไทย มีปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ มากกว่าจะห่วงฐานเสียง ด้วยการเดินหน้านโยบายแจกเงิน /หอการค้าไทย เห็นด้วยที่รัฐ ชะลอ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เฟส 3-4 โยกงบ 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้พัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจในโครงการที่จำเป็น เพิ่มเม็ดเงินในห่วงโซ่ธุรกิจและแรงงานทั่วประเทศ
    0 Comments 0 Shares 349 Views 30 0 Reviews
  • 7-Eleven ในญี่ปุ่นเริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ส่งของอัตโนมัติ

    7-Eleven เริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ส่งของอัตโนมัติในเขตชานเมืองโตเกียวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีนี้ในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการทดลองหุ่นยนต์ส่งของของ 7-Eleven
    ✅ หุ่นยนต์ส่งของถูกพัฒนาโดย Suzuki และ Lomby
    - เป็น หุ่นยนต์แบบมีล้อที่สามารถเคลื่อนที่บนทางเท้าได้เอง

    ✅ สามารถส่งสินค้าไปยังบ้านของลูกค้าได้โดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
    - หุ่นยนต์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 6 กม./ชม. และสามารถรับรู้สัญญาณจราจรได้

    ✅ มีระบบควบคุมระยะไกลโดยมนุษย์เพื่อช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
    - หากหุ่นยนต์ติดขัด ผู้ควบคุมสามารถสื่อสารกับคนรอบข้างผ่านไมโครโฟน

    ✅ โครงการทดลองนี้จะดำเนินไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026
    - เพื่อ ประเมินความสามารถของหุ่นยนต์ในการช่วยลดภาระงานของพนักงานส่งของ

    ✅ พื้นที่ทดลองอยู่ในเขต Minami-Osawa ซึ่งมีภูมิประเทศที่ท้าทายสำหรับผู้สูงอายุ
    - 7-Eleven ต้องการทดสอบว่าหุ่นยนต์สามารถช่วยเหลือชุมชนที่มีประชากรสูงวัยได้หรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/japan039s-7-eleven-trials-autonomous-delivery-robots
    7-Eleven ในญี่ปุ่นเริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ส่งของอัตโนมัติ 7-Eleven เริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ส่งของอัตโนมัติในเขตชานเมืองโตเกียวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีนี้ในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการทดลองหุ่นยนต์ส่งของของ 7-Eleven ✅ หุ่นยนต์ส่งของถูกพัฒนาโดย Suzuki และ Lomby - เป็น หุ่นยนต์แบบมีล้อที่สามารถเคลื่อนที่บนทางเท้าได้เอง ✅ สามารถส่งสินค้าไปยังบ้านของลูกค้าได้โดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน - หุ่นยนต์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 6 กม./ชม. และสามารถรับรู้สัญญาณจราจรได้ ✅ มีระบบควบคุมระยะไกลโดยมนุษย์เพื่อช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน - หากหุ่นยนต์ติดขัด ผู้ควบคุมสามารถสื่อสารกับคนรอบข้างผ่านไมโครโฟน ✅ โครงการทดลองนี้จะดำเนินไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026 - เพื่อ ประเมินความสามารถของหุ่นยนต์ในการช่วยลดภาระงานของพนักงานส่งของ ✅ พื้นที่ทดลองอยู่ในเขต Minami-Osawa ซึ่งมีภูมิประเทศที่ท้าทายสำหรับผู้สูงอายุ - 7-Eleven ต้องการทดสอบว่าหุ่นยนต์สามารถช่วยเหลือชุมชนที่มีประชากรสูงวัยได้หรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/japan039s-7-eleven-trials-autonomous-delivery-robots
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan's 7-Eleven trials autonomous delivery robots
    Japan's 7-Eleven began trialling autonomous delivery robots in a Tokyo suburb for the first time on May 19 to test their viability in the rapidly ageing country.
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • AI ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

    รายงานจาก องค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (ILO) ระบุว่า งานที่ผู้หญิงทำมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจาก AI มากกว่างานที่ผู้ชายทำ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจาก AI กำลังเข้ามาแทนที่งานด้านธุรการและงานเอกสาร เช่น งานเลขานุการ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงานของผู้หญิง
    ✅ 9.6% ของงานที่ผู้หญิงทำมีแนวโน้มถูกเปลี่ยนแปลงโดย AI เทียบกับ 3.5% ของงานที่ผู้ชายทำ
    - งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือธุรการและงานเอกสาร

    ✅ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานเลขานุการและงานด้านเอกสารในองค์กร
    - ทำให้ ตำแหน่งงานเหล่านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

    ✅ ประเทศที่มีรายได้สูงได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำ
    - เนื่องจาก องค์กรในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการนำ AI มาใช้มากขึ้น

    ✅ ILO เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อความเท่าเทียมทางเพศในตลาดแรงงาน
    - หากไม่มีมาตรการรองรับ ผู้หญิงอาจเผชิญกับความท้าทายในการหางานใหม่

    ✅ การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีอาจช่วยให้ผู้หญิงปรับตัวเข้ากับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลง
    - เช่น การเรียนรู้ทักษะด้าน AI และการวิเคราะห์ข้อมูล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/ai-poses-a-bigger-threat-to-women039s-work-than-men039s-says-report
    AI ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย รายงานจาก องค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (ILO) ระบุว่า งานที่ผู้หญิงทำมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจาก AI มากกว่างานที่ผู้ชายทำ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจาก AI กำลังเข้ามาแทนที่งานด้านธุรการและงานเอกสาร เช่น งานเลขานุการ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงานของผู้หญิง ✅ 9.6% ของงานที่ผู้หญิงทำมีแนวโน้มถูกเปลี่ยนแปลงโดย AI เทียบกับ 3.5% ของงานที่ผู้ชายทำ - งานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือธุรการและงานเอกสาร ✅ AI กำลังเข้ามาแทนที่งานเลขานุการและงานด้านเอกสารในองค์กร - ทำให้ ตำแหน่งงานเหล่านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ✅ ประเทศที่มีรายได้สูงได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำ - เนื่องจาก องค์กรในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการนำ AI มาใช้มากขึ้น ✅ ILO เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อความเท่าเทียมทางเพศในตลาดแรงงาน - หากไม่มีมาตรการรองรับ ผู้หญิงอาจเผชิญกับความท้าทายในการหางานใหม่ ✅ การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีอาจช่วยให้ผู้หญิงปรับตัวเข้ากับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลง - เช่น การเรียนรู้ทักษะด้าน AI และการวิเคราะห์ข้อมูล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/20/ai-poses-a-bigger-threat-to-women039s-work-than-men039s-says-report
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI poses a bigger threat to women's work, than men's, says report
    GENEVA (Reuters) -Jobs traditionally done by women are more vulnerable to the impact of artificial intelligence than those done by men, especially in high-income countries, a report by the United Nations' International Labour Organization showed on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • สสปท.ห่วงความปลอดภัยแรงงาน เผยเฉพาะกทม. มีมากกว่า 60 สถานีที่ต้องขุดอุโมงค์แนวใต้ดิน แนะทำกำแพงกันดินเพื่อความปลอดภัย
    https://www.thai-tai.tv/news/18780/
    สสปท.ห่วงความปลอดภัยแรงงาน เผยเฉพาะกทม. มีมากกว่า 60 สถานีที่ต้องขุดอุโมงค์แนวใต้ดิน แนะทำกำแพงกันดินเพื่อความปลอดภัย https://www.thai-tai.tv/news/18780/
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ..เอาจริงๆนะ ,กยศ.ในเวลานี้ยุคสมัยนี้ยุบไปเถอะ,นักเรียนไทยสมควรได้เรียนฟรีทั้งหมดเมื่อก้าวเข้าสถานศึกษานั้นๆแล้ว,อยากเรียนต้องได้เรียนและฟรีค่าเล่าเรียนทัังหมดด้วย มีผลย้อนหลังก่อนมีกยศ.ถือกำหนดขึ้นก็ว่า,ประโยชน์ใดๆให้ตกแก่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาคนไทยเราทั้งหมดเป็นอันล้างหนี้ไป,(นี้ไม่นับรวมมโนผีบ้าของพวกgesara&nesaraนะที่ว่าล้างหนี้เล่าเรียนทั้งหมด,ล้างหนี้ประชาชนทั้งหมดในประเทศนั้นๆที่gesara&nesaraทำงานในชาตินั้นๆก็ว่า)
    ..
    ..ถ้าเยาวชนและครอบครัวคนเป็นหนีักยศ.มาร่วมกันตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนด้วยคงดี พาญาติมิตรพ่อแม่พี่น้องมาเข้าร่วมด้วย ตลอดคนเกษตรไทบ้านมาร่วมอีกทั่วประเทศหรือคนไทยคนเกษตรมีหนี้ใดๆก็ว่าประชาชนทั่วไป มาร่วมกันสร้างพรรคของมวลมหาประชาชนกันคงดีแน่ อาจกว่า30-40ล้านคนโน้น คนไทยหนีัตรึมเพราะคณะปกครองชนชั้นปกครองวางสนุ๊คกับเจ้าหนี้ให้คนไทยมีหนี้เยอะๆจะได้เสียอิสระภาพ เสียที่ดินเสียบ้านเสียไร่เสียนา จะหยุดประเทศไทยนี้ง่ายขึ้น ทาสหนี้ควบคุมง่ายด้วยมันว่า,
    ..พรรคthaitime(เวลาของเราประชาชนคนไทยมาถึงแล้วก็ว่า)ก่อตั้งได้คงยอดเยี่ยมแบบครั้งหนึ่งพันธมิตรเสื้อเหลืองไล่มารภัยของชาติไทยออกจากประเทศได้,แต่ไม่สุดซอย มุกนั้นกปปส.ชิงเอาแดกต่อยอดกระแสเสียของจนถึงปัจจุบัน.
    ..กยศ.ไม่ต้องมีก็ได้,ลากไส้ออกมานี้คือการทุจริตไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน,บวกเป็นไปเพื่อทำลายเยาวชนคนไทยลูกหลานเราอีก,หน้าที่รัฐปกครองคือส่งลูกหลานคนไทยเรียนฟรีทุกๆกรณีหรือสามารถเข้าทำงานเป็นกำลังแรงงานในระบบราชการไทยได้สร้างชาติไทยให้มั่นคงด้วยลูกหลานเราเอง,ส่วนใครที่ไม่ได้เข้าทำงานในระบบรัฐที่รัฐส่งเล่าเรียนจนจบป.ตรีพร้อมทำงานได้ทันทีก็ต่อยอดสัมมาอาชีพทั่วไทยสร้างชาติไทยแต่ละมุมแต่ละด้านกันสบายใจได้,ไม่ใช่รัฐผีบ้าตามทวงหนี้ลูกหลานคนไทยตนเองแบบนี้เรียกตังคืน,ทีบ่อน้ำมันไม่เรียกคืนจริงจังบ้างเพราะไปเสียโง่เสียเปรียบเสียโอกาสสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งแก่ประเทศชาติตนเอง,สัมปทานจบประถมก็พอแล้วเสือกต่ออนุญาตต่อรอจบมออีก ไม่พอไม่ทวงคืนเสือกรอมันจบมหาลัยด้วย,จบเสร็จ3-4ปีเสือกต่ออนุญาตมันตลอดชีพเลยโน้น,ไม่ทวงคืนแบบทวงตังลูกหลานตนที่เล่าเรียนเพื่อหาความรู้มาร่วมสร้างสรรค์ไทยตนเลย,เสือกสนับสนุนส่งเสริมต่างชาติมาดึงชิงเอาตังคนไทยไปบนแผ่นดินไทยตน,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวเป็นหายนะ&ภัยร้ายแรงเสียเองต่อมาตุภูมิบ้านเกิดเมืองนอนประเทศชาติไทยตนเองเสียเอง.
    ..รัฐล้มเหลว

    https://www.youtube.com/live/8URjK2feSt0?si=eL-7QPD7kM2roaGQ
    ..เอาจริงๆนะ ,กยศ.ในเวลานี้ยุคสมัยนี้ยุบไปเถอะ,นักเรียนไทยสมควรได้เรียนฟรีทั้งหมดเมื่อก้าวเข้าสถานศึกษานั้นๆแล้ว,อยากเรียนต้องได้เรียนและฟรีค่าเล่าเรียนทัังหมดด้วย มีผลย้อนหลังก่อนมีกยศ.ถือกำหนดขึ้นก็ว่า,ประโยชน์ใดๆให้ตกแก่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาคนไทยเราทั้งหมดเป็นอันล้างหนี้ไป,(นี้ไม่นับรวมมโนผีบ้าของพวกgesara&nesaraนะที่ว่าล้างหนี้เล่าเรียนทั้งหมด,ล้างหนี้ประชาชนทั้งหมดในประเทศนั้นๆที่gesara&nesaraทำงานในชาตินั้นๆก็ว่า) .. ..ถ้าเยาวชนและครอบครัวคนเป็นหนีักยศ.มาร่วมกันตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนด้วยคงดี พาญาติมิตรพ่อแม่พี่น้องมาเข้าร่วมด้วย ตลอดคนเกษตรไทบ้านมาร่วมอีกทั่วประเทศหรือคนไทยคนเกษตรมีหนี้ใดๆก็ว่าประชาชนทั่วไป มาร่วมกันสร้างพรรคของมวลมหาประชาชนกันคงดีแน่ อาจกว่า30-40ล้านคนโน้น คนไทยหนีัตรึมเพราะคณะปกครองชนชั้นปกครองวางสนุ๊คกับเจ้าหนี้ให้คนไทยมีหนี้เยอะๆจะได้เสียอิสระภาพ เสียที่ดินเสียบ้านเสียไร่เสียนา จะหยุดประเทศไทยนี้ง่ายขึ้น ทาสหนี้ควบคุมง่ายด้วยมันว่า, ..พรรคthaitime(เวลาของเราประชาชนคนไทยมาถึงแล้วก็ว่า)ก่อตั้งได้คงยอดเยี่ยมแบบครั้งหนึ่งพันธมิตรเสื้อเหลืองไล่มารภัยของชาติไทยออกจากประเทศได้,แต่ไม่สุดซอย มุกนั้นกปปส.ชิงเอาแดกต่อยอดกระแสเสียของจนถึงปัจจุบัน. ..กยศ.ไม่ต้องมีก็ได้,ลากไส้ออกมานี้คือการทุจริตไม่ซื่อสัตย์ชัดเจน,บวกเป็นไปเพื่อทำลายเยาวชนคนไทยลูกหลานเราอีก,หน้าที่รัฐปกครองคือส่งลูกหลานคนไทยเรียนฟรีทุกๆกรณีหรือสามารถเข้าทำงานเป็นกำลังแรงงานในระบบราชการไทยได้สร้างชาติไทยให้มั่นคงด้วยลูกหลานเราเอง,ส่วนใครที่ไม่ได้เข้าทำงานในระบบรัฐที่รัฐส่งเล่าเรียนจนจบป.ตรีพร้อมทำงานได้ทันทีก็ต่อยอดสัมมาอาชีพทั่วไทยสร้างชาติไทยแต่ละมุมแต่ละด้านกันสบายใจได้,ไม่ใช่รัฐผีบ้าตามทวงหนี้ลูกหลานคนไทยตนเองแบบนี้เรียกตังคืน,ทีบ่อน้ำมันไม่เรียกคืนจริงจังบ้างเพราะไปเสียโง่เสียเปรียบเสียโอกาสสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งแก่ประเทศชาติตนเอง,สัมปทานจบประถมก็พอแล้วเสือกต่ออนุญาตต่อรอจบมออีก ไม่พอไม่ทวงคืนเสือกรอมันจบมหาลัยด้วย,จบเสร็จ3-4ปีเสือกต่ออนุญาตมันตลอดชีพเลยโน้น,ไม่ทวงคืนแบบทวงตังลูกหลานตนที่เล่าเรียนเพื่อหาความรู้มาร่วมสร้างสรรค์ไทยตนเลย,เสือกสนับสนุนส่งเสริมต่างชาติมาดึงชิงเอาตังคนไทยไปบนแผ่นดินไทยตน,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวเป็นหายนะ&ภัยร้ายแรงเสียเองต่อมาตุภูมิบ้านเกิดเมืองนอนประเทศชาติไทยตนเองเสียเอง. ..รัฐล้มเหลว https://www.youtube.com/live/8URjK2feSt0?si=eL-7QPD7kM2roaGQ
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • ..ดรากอนเนียน&แรปทีเลี่ยนมันสามารถโคลนมนุษย์ได้นานแล้ว,จีนก็ด้วย ,แรงงานจีนโดยมากอาจเชื่อได้ว่าที่ทำงานทำงานให้กับccpของฝ่ายมืดส่วนใหญ่จะเอาพวกโคลนจีนนี้ขึ้นมาจากแลบอุโมงค์ใต้ดินเพื่อมาทำก่อสร้างมากมายที่ใช้แรงงานประเภทคนทำมีมือมีเท้าแบบคนทำเป็นอันมากจึงสำเร็จรวดเร็ว ตกตายไปในงานเสี่ยงๆสูงก็โคลนคนใหม่มาทำได้ต่อเนื่อง24ชม.,บางครัังในคลิปนี้ตัวจริงหรือตัวปลอมเราก็ไม่รู้,มันโคลนกันได้แล้วบวกฝังชิปความจำ&ทรงจำเก่ากลับคืนให้ตัวโคลนใหม่ได้สบายๆด้วย,ผีชีวะคือตัวอย่างที่ดีในหนังนั้น,พวกมันบอกผ่านหนังผ่านสื่อแจ้งเราล่วงหน้าแล้วก็ว่า,และใช้ดารานักร้องระดับโลกสื่อบอกเราว่าจะลงมืออะไรเป็นลำดับต่อไปก็ด้วยตามแผนที่มันวางไว้.
    https://youtube.com/shorts/xLTcb-rezt0?si=1iEz2xCBQizTHKn4
    ..ดรากอนเนียน&แรปทีเลี่ยนมันสามารถโคลนมนุษย์ได้นานแล้ว,จีนก็ด้วย ,แรงงานจีนโดยมากอาจเชื่อได้ว่าที่ทำงานทำงานให้กับccpของฝ่ายมืดส่วนใหญ่จะเอาพวกโคลนจีนนี้ขึ้นมาจากแลบอุโมงค์ใต้ดินเพื่อมาทำก่อสร้างมากมายที่ใช้แรงงานประเภทคนทำมีมือมีเท้าแบบคนทำเป็นอันมากจึงสำเร็จรวดเร็ว ตกตายไปในงานเสี่ยงๆสูงก็โคลนคนใหม่มาทำได้ต่อเนื่อง24ชม.,บางครัังในคลิปนี้ตัวจริงหรือตัวปลอมเราก็ไม่รู้,มันโคลนกันได้แล้วบวกฝังชิปความจำ&ทรงจำเก่ากลับคืนให้ตัวโคลนใหม่ได้สบายๆด้วย,ผีชีวะคือตัวอย่างที่ดีในหนังนั้น,พวกมันบอกผ่านหนังผ่านสื่อแจ้งเราล่วงหน้าแล้วก็ว่า,และใช้ดารานักร้องระดับโลกสื่อบอกเราว่าจะลงมืออะไรเป็นลำดับต่อไปก็ด้วยตามแผนที่มันวางไว้. https://youtube.com/shorts/xLTcb-rezt0?si=1iEz2xCBQizTHKn4
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป

    Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley
    ✅ Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา
    - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน
    - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ

    ✅ OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI
    - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้

    ✅ ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
    - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ✅ Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์
    - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์

    https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    ยุคแห่งการถกเถียงอย่างเปิดเผยใน Silicon Valley กำลังจางหายไป Silicon Valley เคยเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงาน แต่ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีเริ่มเข้มงวดกับการแสดงความเห็นของพนักงานมากขึ้น โดยมีการ ไล่ออกพนักงานที่ประท้วง, ปิดกั้นโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ และจำกัดการติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแล 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน Silicon Valley ✅ Microsoft ไล่ออกพนักงานที่ประท้วงการมีส่วนร่วมของบริษัทในสงครามอิสราเอล-กาซา - พนักงานสองคน ถูกไล่ออกหลังจากขัดจังหวะงานที่มี Bill Gates และ Satya Nadella ✅ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มปฏิเสธคำร้องของพนักงานและลบโพสต์วิพากษ์วิจารณ์จากฟอรัมภายใน - รวมถึง การเตือนพนักงานไม่ให้รั่วไหลข้อมูลไปยังสื่อ ✅ OpenAI ถูกกล่าวหาว่ามีข้อตกลงที่จำกัดพนักงานไม่ให้แจ้งเตือนหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ AI - พนักงานบางคน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ SEC เกี่ยวกับข้อจำกัดนี้ ✅ ตลาดแรงงานด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานจำนวนมาก - ตั้งแต่ปี 2023 มีการปลดพนักงานมากกว่า 500,000 คนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ Google, Meta และ Amazon มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทรัมป์ - ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคณะกรรมการเปิดตัวของทรัมป์ https://www.techspot.com/news/107955-tech-workers-face-retaliation-companies-crack-down-protests.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Silicon Valley's era of open debate fades as companies clamp down on employee dissent
    In recent years, Silicon Valley has witnessed a sharp shift in how major technology companies respond to employee activism and internal dissent. Once known for a culture...
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • ..เอาจริงๆนะ ระหว่างโรงงานจีนกับโรงงานญี่ปุ่นในไทย,ไม่ต่างกันเพราะค้ากำไรมหาศาลในไทยและประชาชนคนไทยไม่ได้อะไรมากนักแค่ชนชั้นแรงงานสร้างยอดขายกำไรแก่โรงงานนั้นๆ,จริงๆต้องผลักดันออกไปให้หมดและส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยพัฒนาศักยภาพเอง คนไทยสร้างโรงงานบนแผ่นดินไทยเอง สร้างเม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเข้ามาประเทศเราเอา กำหนดเงื่อนไขกติกาสวัสดิการที่ดีๆแก่คนไทยเอง คิดสร้างสรรสุขภาพงานคู่ขนานสุขภาพร่างกายจิตใจคนร่วมงานกันเองได้สบาย แบบ30บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจริงๆแทบไม่ต้องเสียอะไร พื้นฐานโครงการคือฟรีทุกๆโรคแต่ยังไม่เล่นมุก30บาทรักษาทุกๆโรคอยู่ สมควรยกเลิกและรักษาฟรีเฉพาะคนไทยเราจริงๆ.
    ..สรุปรัฐบาลนี้สร้างหายนะมากมายจริงๆจะเปิดบ่อนคาสิโนนี้ล่ะคือตัวชี้วัดได้เลย,ไม่มีในนโยบายหาเสียงหลักใดๆช่วงเลือกตัังเลยของพรรคการเมืองและมันคือเรื่องอบายมุขด้วย พรรคไม่ซื่อสัตย์ต่อการหาเสียงเพื่อวางนโยบายบริหารจัดการประเทศ ถือว่าสามารถถูกยุบพรรคหมดสถานะแบบอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์นั้นหลุดจากการเป็นนายกเลย,เมื่อพรรคถูกยุบ จริงๆเมื่อสส.ก่อกำเนิดมาจากพรรคคือใช้พรรคสมัครเป็นสส.ก็คือมีตัวตนจากพรรค มิใช่อิสระจากพรรค สมัครสส.ในนามพรรคนั้นๆเสมือนเนื้อเดียวกัน,เมื่อพรรคถูกยุบ สถานะสภาพสส.ต้องหมดสถานะและคุณสมบัติทันทีเช่นอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หมดสถานะนายกฯ จริงๆพรรคต้องรับผิดชอบความผิดอย่างเต็มที่ร่วมด้วยที่พรรคมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ประจำพรรคทำหน้าที่สำคัญหัวหอกนำพาประเทศแต่กลับไม่ได้รับการลงโทษอะไร อยู่ดีมีสุขเหมือนเล่นขายของขายชาติง่ายๆชาติประเทศไทยเป็นของเล่นนั้นเอง,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดขนาดใหญ่,ไม่แปลกใจที่ชาติไทยเราสามารถพบหายนะหลากหลายทิศทางจากต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยอิสระเหยียบย้ำสัมมาอาชีพและวิถีดำรงชีวิตที่สงบสุขบนแผ่นดินไทยตนเอง,
    ..นายกฯผู้นำประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนใหม่ทันทีและอย่างรวดเร็วจะรอเดือนหน้าไม่ได้รอ,ชีวิตคนไทยเสี่ยงสูงมา2ปีแล้วและภาวะสงครามตังดุเดือดวิกฤติระดับโลกด้วย,อดีตอาวุธคือการทำสงคราม,ปัจจุบันคือตังเป็นอาวุธสงครามโดยประชาชนคนไทยยังตระหนักน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่ร้ายแรงจริงต่อสงครามตังนี้ที่บิดเบือนว่าสงครามเศรษฐกิจที่ใช้กันเรื่อยๆมา,ไม่เจาะชี้ให้คนไทยเห็นภัยร้ายชัดเจนจริงเข้าใจจริงตรงกันอย่างรวดเร็วและร่วมกันสร้างแม่ทัพผู้นำรบเป็นนายกมากฝีมือเข้าสู้รบในสนามสงครามโลกของยุคใหม่นี้,เสือกบ้าบอเขียนกฎหมายเลือกตั้งปัญญาอ่อน เด็กเล่นขายของในลานบ้านกลางแจ้ง,กำเนิดผู้นำที่ไร้ฝีมือเรื่อยมาตลอดจนขายชาติขายบ้านขายเมืองขายที่ดินไทยขายแผ่นดินประเทศไทยอย่างสนุกสนาน กำเนิดก่อเกิดอบายมุขมากมายทำลายคนไทยในชาติตนเองเองเช่นจีนสูบฝิ่น,คนจีนทั้งชาติขี้ยาเสื่อมสภาพอ่อนแอต่อข้าศึกศัตรูต่างชาติแบบพวกฝรั่งต่างแดนทันที.
    ..ภัยร้ายแรงตอนนี้คือต้องสร้างผู้นำคนใหม่เท่านั้นจริงๆและแทนที่ทันที.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/VG5XkXrdYRA?si=csmRQ4bIvdBJsYyH
    ..เอาจริงๆนะ ระหว่างโรงงานจีนกับโรงงานญี่ปุ่นในไทย,ไม่ต่างกันเพราะค้ากำไรมหาศาลในไทยและประชาชนคนไทยไม่ได้อะไรมากนักแค่ชนชั้นแรงงานสร้างยอดขายกำไรแก่โรงงานนั้นๆ,จริงๆต้องผลักดันออกไปให้หมดและส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยพัฒนาศักยภาพเอง คนไทยสร้างโรงงานบนแผ่นดินไทยเอง สร้างเม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเข้ามาประเทศเราเอา กำหนดเงื่อนไขกติกาสวัสดิการที่ดีๆแก่คนไทยเอง คิดสร้างสรรสุขภาพงานคู่ขนานสุขภาพร่างกายจิตใจคนร่วมงานกันเองได้สบาย แบบ30บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจริงๆแทบไม่ต้องเสียอะไร พื้นฐานโครงการคือฟรีทุกๆโรคแต่ยังไม่เล่นมุก30บาทรักษาทุกๆโรคอยู่ สมควรยกเลิกและรักษาฟรีเฉพาะคนไทยเราจริงๆ. ..สรุปรัฐบาลนี้สร้างหายนะมากมายจริงๆจะเปิดบ่อนคาสิโนนี้ล่ะคือตัวชี้วัดได้เลย,ไม่มีในนโยบายหาเสียงหลักใดๆช่วงเลือกตัังเลยของพรรคการเมืองและมันคือเรื่องอบายมุขด้วย พรรคไม่ซื่อสัตย์ต่อการหาเสียงเพื่อวางนโยบายบริหารจัดการประเทศ ถือว่าสามารถถูกยุบพรรคหมดสถานะแบบอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์นั้นหลุดจากการเป็นนายกเลย,เมื่อพรรคถูกยุบ จริงๆเมื่อสส.ก่อกำเนิดมาจากพรรคคือใช้พรรคสมัครเป็นสส.ก็คือมีตัวตนจากพรรค มิใช่อิสระจากพรรค สมัครสส.ในนามพรรคนั้นๆเสมือนเนื้อเดียวกัน,เมื่อพรรคถูกยุบ สถานะสภาพสส.ต้องหมดสถานะและคุณสมบัติทันทีเช่นอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หมดสถานะนายกฯ จริงๆพรรคต้องรับผิดชอบความผิดอย่างเต็มที่ร่วมด้วยที่พรรคมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ประจำพรรคทำหน้าที่สำคัญหัวหอกนำพาประเทศแต่กลับไม่ได้รับการลงโทษอะไร อยู่ดีมีสุขเหมือนเล่นขายของขายชาติง่ายๆชาติประเทศไทยเป็นของเล่นนั้นเอง,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดขนาดใหญ่,ไม่แปลกใจที่ชาติไทยเราสามารถพบหายนะหลากหลายทิศทางจากต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยอิสระเหยียบย้ำสัมมาอาชีพและวิถีดำรงชีวิตที่สงบสุขบนแผ่นดินไทยตนเอง, ..นายกฯผู้นำประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนใหม่ทันทีและอย่างรวดเร็วจะรอเดือนหน้าไม่ได้รอ,ชีวิตคนไทยเสี่ยงสูงมา2ปีแล้วและภาวะสงครามตังดุเดือดวิกฤติระดับโลกด้วย,อดีตอาวุธคือการทำสงคราม,ปัจจุบันคือตังเป็นอาวุธสงครามโดยประชาชนคนไทยยังตระหนักน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่ร้ายแรงจริงต่อสงครามตังนี้ที่บิดเบือนว่าสงครามเศรษฐกิจที่ใช้กันเรื่อยๆมา,ไม่เจาะชี้ให้คนไทยเห็นภัยร้ายชัดเจนจริงเข้าใจจริงตรงกันอย่างรวดเร็วและร่วมกันสร้างแม่ทัพผู้นำรบเป็นนายกมากฝีมือเข้าสู้รบในสนามสงครามโลกของยุคใหม่นี้,เสือกบ้าบอเขียนกฎหมายเลือกตั้งปัญญาอ่อน เด็กเล่นขายของในลานบ้านกลางแจ้ง,กำเนิดผู้นำที่ไร้ฝีมือเรื่อยมาตลอดจนขายชาติขายบ้านขายเมืองขายที่ดินไทยขายแผ่นดินประเทศไทยอย่างสนุกสนาน กำเนิดก่อเกิดอบายมุขมากมายทำลายคนไทยในชาติตนเองเองเช่นจีนสูบฝิ่น,คนจีนทั้งชาติขี้ยาเสื่อมสภาพอ่อนแอต่อข้าศึกศัตรูต่างชาติแบบพวกฝรั่งต่างแดนทันที. ..ภัยร้ายแรงตอนนี้คือต้องสร้างผู้นำคนใหม่เท่านั้นจริงๆและแทนที่ทันที. .. ..https://youtube.com/shorts/VG5XkXrdYRA?si=csmRQ4bIvdBJsYyH
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • สสปท. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพแรงงานและสร้างการรับรู้ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เพื่อรองรับแรงงานเข้าสู่วัยสูงอายุ รุ่น 2
    https://www.thai-tai.tv/news/18681/
    สสปท. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพแรงงานและสร้างการรับรู้ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เพื่อรองรับแรงงานเข้าสู่วัยสูงอายุ รุ่น 2 https://www.thai-tai.tv/news/18681/
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
More Results