5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ
ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568
หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท
แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง
#Newskit
ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568
หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท
แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง
#Newskit
5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ
ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568
หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท
แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง
#Newskit
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
6 มุมมอง
0 รีวิว