• คนโกง คิดคดทุรยศต่อชาติ เป็นปัญหาต่อประเทศ มิใช่รัฐธรรมนูญ มิใช่ ม.112

    แต่ MOU 44 ทำในรัฐบาลทักสิน เป็นปัญหา รัฐบาลลูกไม่ยอมแก้ แต่กลับนำมาอ้างเพื่อแบ่งผลประโยชน์กับมะกันและขะแม
    โดยไม่สนใจการเสียสิทธิ์และอธิปไตยทางทะเลอ่าวไทย ตามพระราชโองการของพ่อ ร.๙
    เมื่อ พค. พ.ศ. 2516
    คนโกง คิดคดทุรยศต่อชาติ เป็นปัญหาต่อประเทศ มิใช่รัฐธรรมนูญ มิใช่ ม.112 แต่ MOU 44 ทำในรัฐบาลทักสิน เป็นปัญหา รัฐบาลลูกไม่ยอมแก้ แต่กลับนำมาอ้างเพื่อแบ่งผลประโยชน์กับมะกันและขะแม โดยไม่สนใจการเสียสิทธิ์และอธิปไตยทางทะเลอ่าวไทย ตามพระราชโองการของพ่อ ร.๙ เมื่อ พค. พ.ศ. 2516
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อกลอน

    ป้าเขียนแนวเหน็บแนมแกมพร่ำบ่น
    พวกทำตนเหิมเกริมเพิ่มมุสา
    เบี่ยงประประเด็นแถแถกพูดแหกตา
    รวมหัวมาโกงกินแผ่นดินไทย
    - - ป้าหมู - -

    เอาให้ยับสับให้แหลกพวกแถกแถ
    มันย่ำแย่สันดานหน้าด้านใหญ่
    พูดกลับผิดกลับถูกเล่นลูกไม้
    ช่างงามไส้ยิ่งนักหนักแผ่นดิน
    - - ภ.ภาพวาด - -

    ภาพป่วยทิพย์แบบนี้มีนัยยะ
    มันหมายจะหลอกใครไอ้กังฉิน
    จากนักโทษหนีคดีมีมลทิน
    ข้อหาหมิ่นก็มีชี้ชัดเจน
    - - ป้าหมู - -

    ยังติดหูติดตาเรื่องคราเก่า
    มันห่ามเห่าเสียดสีแล้วหนีเผ่น
    ทั้งกล่าวล้ำคำร้ายมิวายเว้น
    ยังมุ่งเน้นล้มราชฯไอ้ชาติทราม
    - - ภ.ภาพวาด - -

    ขอบคุณป้าหมูค่ะ💖

    #บทกลอน
    #กวี.
    ต่อกลอน ป้าเขียนแนวเหน็บแนมแกมพร่ำบ่น พวกทำตนเหิมเกริมเพิ่มมุสา เบี่ยงประประเด็นแถแถกพูดแหกตา รวมหัวมาโกงกินแผ่นดินไทย - - ป้าหมู - - เอาให้ยับสับให้แหลกพวกแถกแถ มันย่ำแย่สันดานหน้าด้านใหญ่ พูดกลับผิดกลับถูกเล่นลูกไม้ ช่างงามไส้ยิ่งนักหนักแผ่นดิน - - ภ.ภาพวาด - - ภาพป่วยทิพย์แบบนี้มีนัยยะ มันหมายจะหลอกใครไอ้กังฉิน จากนักโทษหนีคดีมีมลทิน ข้อหาหมิ่นก็มีชี้ชัดเจน - - ป้าหมู - - ยังติดหูติดตาเรื่องคราเก่า มันห่ามเห่าเสียดสีแล้วหนีเผ่น ทั้งกล่าวล้ำคำร้ายมิวายเว้น ยังมุ่งเน้นล้มราชฯไอ้ชาติทราม - - ภ.ภาพวาด - - ขอบคุณป้าหมูค่ะ💖 #บทกลอน #กวี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหมาจ่ายค่ารักษา…สุขภาพเด็ก
    ตัดกังวลค่าใช้จ่ายเวลาลูกไม่สบายที่สูงมาก
    นอนคืนเดียวก็คุ้มแล้ว😎😎
    ทางออกๆ🤩🤩🤩

    #AIA #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันเหมาจ่ายเด็ก #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย
    เหมาจ่ายค่ารักษา…สุขภาพเด็ก ตัดกังวลค่าใช้จ่ายเวลาลูกไม่สบายที่สูงมาก นอนคืนเดียวก็คุ้มแล้ว😎😎 ทางออกๆ🤩🤩🤩 #AIA #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #เหมาจ่ายเด็ก #ประกันสุขภาพเด็ก #ประกันเหมาจ่ายเด็ก #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดรสออกงานสีน้ำเงินวิ้งวั้บ
    🛎️👉🏻490.รสจ้า (ปลายทสง+30)🛎️👈🏻
    รอบอก34-36“
    รอบเอว 28-30”
    รอบสะโพก 38-39“
    ความยาวชุด 150 เซนติเมตร
    ชุดเป็นงานสายสานหลัง จนถึงสะโพกค่ะมีซับในให้เรียบร้อยชายกระโปรงเป็นงานชายกระโปรงแบบเสริมชายเอ็นเด้ง
    งานชุดเป็นงานผ้าลูกไม้มีความวิ้งวั้บสวยมากๆเล่นแสงได้สวยมาก
    เดรสออกงานสีน้ำเงินวิ้งวั้บ 🛎️👉🏻490.รสจ้า (ปลายทสง+30)🛎️👈🏻 รอบอก34-36“ รอบเอว 28-30” รอบสะโพก 38-39“ ความยาวชุด 150 เซนติเมตร ชุดเป็นงานสายสานหลัง จนถึงสะโพกค่ะมีซับในให้เรียบร้อยชายกระโปรงเป็นงานชายกระโปรงแบบเสริมชายเอ็นเด้ง งานชุดเป็นงานผ้าลูกไม้มีความวิ้งวั้บสวยมากๆเล่นแสงได้สวยมาก
    Wow
    2
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 1 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22/10/67

    พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง
    ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้

    ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น
    แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง
    เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง

    “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง
    โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด”

    ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก
    จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป

    ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน
    และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ
    เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา”

    ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ

    ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ

    ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ
    สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง”

    พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป
    เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร
    หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา!
    ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า

    ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด
    และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง”

    ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า

    ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย
    แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก”

    ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน
    มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา
    เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง

    ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว”
    ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก

    ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด”

    ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก
    แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม

    ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ

    ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว

    นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น

    ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา

    “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ”

    ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า

    ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง
    กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข
    ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว

    ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์
    ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ
    แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน”

    แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี
    ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว
    และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ

    สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ
    เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง
    แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ
    แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ”

    คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง”

    ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก”

    ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย
    แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก

    หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว
    ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน

    ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้”
    ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ”

    ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว”

    แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ

    ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ”

    แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า

    “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด
    ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก
    จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา”

    อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย
    เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน
    ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้

    ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์
    กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ”

    ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง

    ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง

    ………………………………………………………………………

    ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก

    สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
    ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้
    ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต

    เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน
    และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้

    แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย


    .
    22/10/67 พ่อลูกคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ชายป่า พ่อมีอาชีพปลูกผักและเก็บไปขายในเมือง ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบมีหน้าที่สำคัญคือ ไปโรงเรียนและตั้งใจศึกษาหาความรู้ ลูกชายของคนปลูกผักเป็นเด็กเรียนดีมีมารยาท เป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และผู้ใหญ่ที่พบเห็น แต่มาในระยะหลัง ผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นว่า ลูกมักจะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าที่่บึ้งตึง เหมือนมีเรื่องขุ่นมัวในใจ จึงเรียกเข้ามาคุยด้วยในเย็นวันหนึ่ง “ลูกรัก ระยะหลังมานี้พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยมีความสุขนัก หน้าตาของลูกบึ้งตึงไม่ชวนมอง โดยเฉพาะเวลาที่กลับจากโรงเรียน มีอะไรเกิดขึ้นกับลูก บอกความจริงกับพ่อมาเถิด” ลูกชายไม่่คิดปิดบังพ่อของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเห็นว่า พ่อเหนื่อยเพราะทำงานหนัก จึงไม่อยากรบกวนให้ต้องมากังวลด้วยเรื่องของตนอีก แต่เมื่อพ่อเอ่ยปากถามมาเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องพูดความจริงออกไป ” ที่ห้องของผมมีนักเรียนย้ายมาใหม่ครับ เขาเป็นลูกคนมีเงิน แต่ชอบดูถูกคน และมักรังแกเพื่อนที่อ่อนแอกว่าเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าผมสอบได้คะแนนดี และได้รับคำชมจากครูบ่อย ๆ เขาก็มักพูดจาถากถาง และคอยกลั่นแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา” ลูกชายระบายให้พ่อของเขาฟังอย่างคับแค้นใจ ” แล้วลูกทำอย่างไรเมือโดนเขาแกล้ง” ผู้เป็นพ่อถามต่อ ” ผมพยายามไม่สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมลดละ ผมคิดว่าผมคงทนเขาไปได้อีกไม่นานหรอกครับพ่อ สักวันผมจะต่อยเขา เอาให้เลือดของเขาไหลออกมาล้างปากเสียๆ ของเขาบ้าง” พูดจบ ผู้เป็นลูกก็ตกใจวูบขึ้นมาทันที เพราะนึกได้ว่าตนเองเผลอใช้คำพูดที่รุนแรงออกไป เขาเหลือบมองหน้าพ่อ คิดว่าพ่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะพ่อสอนเขาให้เป็นผู้ชายที่สุภาพบุรุษ ไม่ทำตัวเกกมะเหรกเกเร หาเรื่องชกต่อยกับใคร ทว่า……..พ่อของเขากลับไม่ได้พูดหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา! ลูกชายชั่งใจดูท่าทีของพ่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ” ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้าว แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมอยากให้พวกคนที่ทำกับผมรู้จักความเจ็บปวด และอับอายบ้าง มันจะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง” ผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายแล้วยิ้มน้อย ๆ เขาบอกแก่ลูกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า ” อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก ตัวพ่อเองก็ยากจน ไม่เคยให้ของขวัญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อจะให้ของขวัญแก่ลูก” ลูกชายรู้สึกงุนงงที่จู่ ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกดีใจมาก และเฝ้านับวันรอให้วันเกิดในอีกสามวัน มาถึงเร็ว ๆ ครั้นเมื่อถึงวันเกิดของลูกชาย คนปลูกผักก็นำของขวัญมามอบให้แก่ลูกชายของเขาตามสัญญา เป็นกล่องกระดาษสีขาว และ สีดำ ขนาดใหญ่ อย่างละ 1 กล่อง ” พ่อครับ ทำไมต้องให้ของขวัญแก่ผมตั้งสองชิ้นล่ะครับ ถึงผมจะอยากได้ของขวัญจากพ่อ แต่แค่ชิ้นเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ลูกชายกล่าวด้วยความเกรงใจ ด้วยรู้ว่าพ่อขายผักแต่ละครั้งได้เงินไม่มากนัก ” ลูกรัก พ่อตั้งใจมอบของขวัญให้ลูกเช่นนี้เอง เพราะมันจำเป็นแก่ตัวลูกทั้งสองกล่อง จงรับไปจาก พ่อเถิด” ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อและกล่าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นเขาจึงลงมือแกะเชือกที่ผูกกล่องกระดาษสีขาวออก แต่ก็พบว่า ในกล่องสีขาวนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงคำถาม ” เปิดกล่องสีดำด้วยสิลูกรัก” พ่อของเขากล่าวแทนคำตอบ ลูกชายรีบแกะเชือกที่ผูกกล่องสีดำออก แต่ในกล่องสีดำก็ไม่มีอะไรเลยเช่นเดียวกับกล่องสีขาว นอกจากรูขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะเอาไว้ตรงก้นกล่องเท่านั้น ” พ่อครับ ไม่มีอะไรอยู่เลยนี่ครับ !!!! ” ลูกชายบอกกับพ่อของเขา “พ่อลืมใส่ของลงไปหรือเปล่าครับ หรือเพราะว่ากล่องกระดาษสีดำก้นรั่ว ของที่พ่อใส่ไว้ก็เลยหล่นหายไปโดยที่พ่อไม่รู้ครับ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับบอกว่า ” พ่อคงให้ของขวัญแก่ลูกได้แค่กล่องกระดาษสองใบนี้ แต่ของที่อยู่ข้างใน ! ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องกระดาษสีขาวเป็นกล่องแห่งความสุข ต่อไปนี้เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับสิ่งดี ๆว หรือเรื่องที่ทำให้ลูกมีความสุข ขอให้ลูกเขียนมันลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่งความทุกข์ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์ มัวหมอง ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่องสีดำ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดูด้วยกัน” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้ทำเช่นนี้ แต่ลูกชายก็ยอมทำตามคำขอของพ่อแต่โดยดี ทุก ๆ วันเขาจะนำเศษกระดาษมากมายที่เขียนเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตหย่อนลงไปในกล่องสีขาว และเอาเศษกระดาษอีกมากมายที่เขียนเรื่องราวไม่ดีหย่อนลงไปกล่องสีดำ โดยผู้เป็นพ่อคอยเฝ้ามองการกระทำนี้อยู่เงียบ ๆ สามเดือนผ่านไป เย็นวันหนึ่งลูกชายกลับมาจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าวันไหน ๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะผลุนผลันออกจากบ้านไปอีกครั้ง แต่คนปลูกผักสังเกตเห็นก่อน เขาปราดเข้าไป ฉุดตัวลูกชายไว้และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ” ผมทนไม่ไหวแล้วครับพ่อ พวกคนเลวคนนั้นมันดูถูกพวกเรา มันว่าพ่อเป็นแค่คนปลูกผักยากจน มันว่าเราสองคนเป็นคนชั้นต่ำไม่มีเกียรติ แล้วมันยังขโมยหนังสือเรียนของผมไปทิ้งในถังขยะด้วย ผมจะไปจัดการมัน จะทำให้มันเจ็บและจำไปจนตายเลยที่มันบังอาจมาดูถูกพ่อ” คนปลูกผักไม่ได้โกรธตามลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า “วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุข และทุกข์ใส่ในกล่องสีขาวและกล่องสีดำหรือยัง” ลูกชายประกาศเสียงกร้าวทันทีว่า ” ผมจะไปจัดการพวกคนนั้นก่อน ให้มันรู้ว่าเราจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกเราได้อีก” ” ลูกต้องไปเขียนก่อน” พ่อบอกเสียงเรียบ “เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้นออกดูด้วยกัน” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจะต้องให้เปิดกล่องพวกนั้นในเวลานี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่เด็กดื้อ จึงยอมข่มอารมณ์โกรธลงชั่วคราวแล้วทำตามที่พ่อบอก หลังจากหย่อนกระดาษความสุขความทุกข์ลงในกล่องกระดาษสีขาวสีดำเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงบอกให้ลูกชายยกกล่องกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ” โอ้โห แค่สาม! เดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ผมไม่คิดเลยว่าจะทำให้กล่องสีขาวหนักได้ขนาดนี้” ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง ผู้เป็นพ่อยิ้ม และบอกว่า ” ทีนี้ลูกไปยกกล่องสีดำมาวางตรงนี้ด้วยสิ” ” กล่องสีดำน่าจะหนักกว่านี้อีกนะครับ เพราะว่าผมใส่เรื่องไม่ดีของคนที่ชอบแกล้งผมเอาไว้มากทีเดียว” แต่ทันทีที่ลูกชายยกกล่องกระดาษสีดำขึ้นจากที่ตั้งเดิมของมัน เศษกระดาษมากมายที่เคยอัดแน่นอยู่ภายในก็ร่วงพรูออกมาจากก้นกล่อง บัดนี้ กล่องกระดาษสีดำก็เบาหวิวไร้น้ำหนัก เพราะไม่มีอะไรคงเหลืออยู่ในนั้นแล้ว ลูกชายหันไปมองหน้าพ่อ ” ผมลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ากล่องใบนี้มีรูอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะเก็บเศษกระดาษพวกนี้ไปใส่กล่องใบใหม่นะครับ” แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่า “เก็บไปทำไมล่ะลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้วมันก็คือขยะ ใส่กลับเข้าไปไม่ได้อีก ลูกไปเอาไม้กวาดมากวาดมันทิ้งไปให้หมดเถิด ต่อไปกล่องแห่งความทุกข์ของลูกจะได้ว่างเปล่า ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเหลืออยู่อีก ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลูก จะเต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา” อันที่จริง เมื่อลูกบอกพ่อว่า ลูกทนคนที่กลั่นแกล้งทำร้ายลูกไม่ไหวนั้น พ่อก็ไม่เห็นว่าทำไมลูกจะต้องทนเขาด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องทนเลย เพียงแค่ลูกไม่เก็บเอาสิ่งแย่ ๆ ที่เขาทำกับลูกมาขังไว้กับตัวเอง ไม่ต้องไปทำความรู้จักมัน ความทุกข์นั้นก็ระรานหัวใจของลูกไม่ได้ ดูในกล่องสีขาวสิลูก ความสุขความภูมิใจของลูกตั้งมากมายก็อัดแน่นอยู่ในนั้น ทำไมลูกถึงมองข้ามไป ละทิ้งความทุกข์ซึ่งไร้ประโยชน์ กับชีวิตของลูก แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือ” ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างอัศจรรย์ใจ เขาเพิ่งเข้าใจความหมายของกล่องกระดาษสองใบนั้นอย่างแจ่มชัดในวันนี้เอง ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนคนนั้นค่อย ๆ จางหาย หัวใจผ่อนคลายไม่บีบรัดเหมือนเมื่อครู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ กล่องแห่งความทุกข์ของเขาว่างเปล่าแล้วนั่นเอง ……………………………………………………………………… ช่างน่าฉงนจริง ๆ ที่คนเรามักจะจดจำเรื่องราวที่ทำให้ตนเองเจ็บปวดได้แม่นยำ และยาวนานกว่าความสุขอีกตั้งมากมายที่เราเคยรู้จัก สิ่งที่คนปลูกผักมอบให้เป็นของขวัญแก่ลูกชายไม่ใช่แค่กล่องกระดาษสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ด้วยการละทิ้งความทุกข์ แล้วทำความรู้จักกับความสุขที่มีให้มากกว่าเดิม เพียงการให้ที่แสนจะธรรมดาครั้งเดียวนี้ ก็ทำให้ลูกของเขารู้จักความสุขไปจนตลอดชีวิต เราอาจจะเลี่ยงคนสกปรกที่ชอบโยนขยะและความโสโครกใส่หน้าบ้านเราไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ก้มลงเก็บมันเข้ามาไว้ในบ้าน และกวาดมันทิ้งไปอย่างไม่แยแสได้ แน่นอนว่าการรับมือกับคนพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ถ้าเราทำได้ต่อไปความสกปรกก็จะหายไปจากหน้าบ้านของเราเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมนูวันนี้ "พริกหยวกยัดไส้เบอร์เกอร์หมูบาร์บีคิว"
    วันก่อนเห็นในในทีวีเค้าเอาพริกหนุ่มมายัดไส้
    หมูสับแล้วย่างขายเป็นลูกๆแล้วน่าทานดี
    วันนี้เลยลองทำ โดยใช้พริกหยวกผ่ากลาง
    แล้วเอาปลายช้อนเขี่ยเม็ดและไส้ในออก
    ให้เหลือจุกไว้ไม่งั้นพริกจะแตกทั้งลูกไม่น่าทาน
    ส่วนไส้ใช้หมูสับผสมกับหอมหัวใหญ่สับ เนยเค็ม
    ออริกาโน ใบไทม์ ซอสมะเขือเทศ เกลือนิดหน่อย
    คลุกให้เข้ากัน จากนั้นยัดลงในพริกหยวกจนแน่น
    จากนั้นเอามาย่างกับเตาอบลมร้อนไฟ 200
    ประมาณด้านละ 10 นาที ก่อนที่จะกลับด้าน
    ให้เอาซอสบาร์บีคิวทาแล้วย่างไปอีก 5 นาที
    จนเหลืองหอม หรือจะเอาชีสโรยด้านบนแล้ว
    ย่างอีกทีก็ได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โดยไม่ต้อง
    จิ้มกับอะไรก็อร่อย

    #dedusuanplu6
    เมนูวันนี้ "พริกหยวกยัดไส้เบอร์เกอร์หมูบาร์บีคิว" วันก่อนเห็นในในทีวีเค้าเอาพริกหนุ่มมายัดไส้ หมูสับแล้วย่างขายเป็นลูกๆแล้วน่าทานดี วันนี้เลยลองทำ โดยใช้พริกหยวกผ่ากลาง แล้วเอาปลายช้อนเขี่ยเม็ดและไส้ในออก ให้เหลือจุกไว้ไม่งั้นพริกจะแตกทั้งลูกไม่น่าทาน ส่วนไส้ใช้หมูสับผสมกับหอมหัวใหญ่สับ เนยเค็ม ออริกาโน ใบไทม์ ซอสมะเขือเทศ เกลือนิดหน่อย คลุกให้เข้ากัน จากนั้นยัดลงในพริกหยวกจนแน่น จากนั้นเอามาย่างกับเตาอบลมร้อนไฟ 200 ประมาณด้านละ 10 นาที ก่อนที่จะกลับด้าน ให้เอาซอสบาร์บีคิวทาแล้วย่างไปอีก 5 นาที จนเหลืองหอม หรือจะเอาชีสโรยด้านบนแล้ว ย่างอีกทีก็ได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โดยไม่ต้อง จิ้มกับอะไรก็อร่อย #dedusuanplu6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดรสดำลูกไม้ทั้งชุดงานปักทั้งชุด (ไซด์ใหญ่อก 46-48“ ) ปกติ 550 .
    🎉🎉🛎️👉🏻450 รสจ้า👈🏻🛎️(มีปลายทาง+30.)
    เดรสดำลูกไม้ทั้งชุดงานปักทั้งชุด (ไซด์ใหญ่อก 46-48“ ) ปกติ 550 . 🎉🎉🛎️👉🏻450 รสจ้า👈🏻🛎️(มีปลายทาง+30.)
    Like
    3
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลูกไม้ป่าเพิ่ม #วนเกษตร #Agroforestry
    ปลูกไม้ป่าเพิ่ม #วนเกษตร #Agroforestry
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • 23-09-67/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "3 แยกปากหมา" ทุกวันอาทิตย์ ตอนแรก เอาฤกษ์ ลงวันจันทร์เปิดตัว ครั้งต่อไป ติดตามได้ทุกวันอาทิตย์ ไม่สั้น ไม่ยาว กำลังดี CONCEPT คือ "ด่าเหี้ยสบายใจจัง ด่ากี่ครั้งก็ยังเป็นเหี้ย"

    เลบานอน เฮซบอเลาะห์ vs ยิวเหี้ยเสนียดโลก อุบัติขึ้นแล้ว งานนี้ อียิวเสี้ยนจัด หมดมุก ต้องก่อสงครามย้ายบ้านเท่านั้น ไม่มีเหี้ยอะไรจะเสีย เข้าทางตรีนอิหร่าน กูไม่ต้องออกตัวแรง ปล่อยเฮซบอเลาะห์ขยี้ให้เละ แผนยกพลขึ้นบกประจักษ์ชัดแล้ว เรือรบเหี้ยมะกันเอามาแค่โชว์ ป้องกันเหี้ยอะไรไม่ได้เลย มันเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะจากนี้ ทั้งเยเมน เฮซบอเลาะห์ โดยเลบานอน จะล่ออียิวด้วยไฮเปอร์โซนิคล้วนๆ ของดีจากเปียงยาง เตหะราน ปักกิ่ง มอสโคว์ มาหมด เลือกแดร๊กได้เลย อยากได้รสไหน? ระเบิดเพจเจอร์ หน่วยข่าวกรองรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ทำไมยังปล่อยให้ระเบิด คำตอบคือ มันทำลาย ฆ่าคนได้เฉพาะจุด โดยไม่เลือก เด็ก สตรี ผู้ใหญ่ การศึก ยอมเสียเบี้ยเพื่อแลกขุน จำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่ตามมาคือ "มติเอกฉันท์" ความสามัคคีภายในชาติ ขอบคุณที่มรึงจุดไฟให้คนทั้งโลกรวมตัวต่อกันติดหมดแล้ว นี่ต่างหากที่มรึงพลาดอย่างแรง! จะเล่นบทเหี้ยจัญไร แต่ทำได้แค่ฆ่าคนไม่กี่สิบ แต่สิ่งที่มรึงจะโดนจากผลลัพธ์ของการกระทำ ตายเป็นหมื่นชัวร์ หลายคนไม่เข้าใจ เกมส์สงคราม เพื่อผลแพ้ชนะ ทำไมต้องยอมสละชีวิตผู้บริสุทธิ์ เชิญมรึงไปแหกตาดูประวัติศาสตร์โลกย้อนหลัง 3000 ปี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยอมเสียเมืองทั้งเมืองถูกเผาทั้งเป็น เพื่อแลกพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกู้แผ่นดิน ทั้งหมดมันคือการวางหมากที่ชาญฉลาด และเด็ดขาด อย่าลืมว่า มรึงกำลังสู้อยู่กับใคร? มรึงดูเหี้ยก็รู้แล้ว ฆ่าพลเมืองมันเอง 3000 ตัว ทั้งตึกเวิร์ดเทรด เพียงเพื่อมติ ปล่อยงบ 3 แสนล้านเหรียญ เพื่อไปปล้นอิรัก ข้ออ้างฆ่าซัดดัม แท้จริงยึดทองคำ น้ำมัน เค้ามาเพื่อสนองตัณหาให้บริษัทพลังงานยิว ความจริงคือ ตายพันเพื่อแลกรักษาชีวิตคนนับล้าน จำเป็นต้องทำ เป็นแม่ทัพ โลกสวยไม่ได้! ก็เหมือนชาวปาเลสไตน์ ก่อนจะมาถึงวันนี้ เค้ายอมเอาชีวิต 100000 แลกชีวิตอียิวเหี้ยทั้งแผ่นดิน แล้วก็ทำสำเร็จ ทั้งโลกต่อต้านอียิวเสียหมา อีเนรคุณทันยาถูกหมายศาลโลกเป็นอาชญากรโลก ออกนอกแผ่นดินโดนจับทันที นอกจากหนีไปซุกชาติขี้ข้ายิวเท่านั้น ทั้งโลกมุสลิม กำลังจะตัดการค้ากับอิสราเอลทั้งหมด งานนี้ อยู่ได้ อยู่ไป ดีออก!

    ไอ้สัส! อีแขกภาระตะตามไทยเฉย แบนไม่เข้าเกาหลีใต้ จัดหนัก เหยียดกูเหรอ? ถูกอียุ่นปี่เหยียบหัวมาเกือบศตวรรษ พอลืมตาอ้าปากได้ ทำตัวเองเหมือนเป็นเทพเจ้า อินเดียไม่เที่ยว ไทยไม่เอา อีโสมจะเหลือห่าอะไรอีก ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์เกาหลีใต้ ถูกลูกหลงไปเต็มตรีน หันไปใช้ของในชาติกันเอง ไทยใช้จีน ถูกกว่า แจ่มกว่า ทันสมัยกว่า อีแขกใช้ของผลิตในชาติ แบรนด์จีน แต่ MADE IN INDIA แบบนี้ มิน่า ยอดอีส่ำส่อน ถึงได้ร่วงระนาว ซีรีย์ก็ตก ถูกจีนเขมือบแซงหน้า วงการ K-POP ตกต่ำ หมาไม่แล ทั้งหมด มรึงทำตัวเองทั้งสิ้น หากไม่มีดีพอ อย่าริสะเออะเสนอหน้ายึดแท่นผู้นำเอเซีย หมายังอายแทน? ที่มาว่าทำไม อีโสมขาวแก้เกมส์ มาเปิดคอนเสิร์ต K-POP ที่ไทย ถี่ยิบ เอาวงตำนานมาเล่น เพื่อดึงเรตติ้งกลับ แต่สายไปแล้ว แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก! อิทธิ ไม่ได้กล่าวไว้ เดินหมากผิด คิดสั้น คิดจนตัวตาย ถ้าอีโสมขาวไม่เอาอาเซียน มรึงคือโง่ยิ่งกว่าอียุโรป

    หลายคนยังกังวล เงิน 10000 จะได้มุย? บอกตรง "ขอให้ได้ ขอให้ครบ" เพราะมันหมายถึงจะมีคนเป็นหมู่คณะต้องเข้าคุก ตั้งแต่รมต. นายกฯ คนเซ็นต์ คนอนุมัติ ไม่รอด ไปหมดทั้งองคาพยพ ไม่ว่ารัฐบาลเถื่อน จะเล่นแร่แปรวิญญานยังไง ลูกไม้ขนาดไหน ก็ไม่พ้นส้นตรีนทหารดอกน่ะ เค้าอ่านมรึงออกหมดเกลี้ยงทุกรูขุมขน ไม่งั้น มรึงต้องบูชายันต์อี 6 SEASON ไปทำไมกันล่ะ? มันคือเกมส์ เค้าเล่นเกมส์กันอยู่ อย่าอินมาก วัดกันที่ใครอึดกว่ากัน? เพราะเกจิดัง มองออก รู้นานแล้ว ว่ามันจะจบที่ศาลทุกกรณี? ได้ 10000 มา อย่าเพิ่งดีใจ เพราะมรึงอาจจะต้องชดใช้คืน?(หากวังไม่ช่วย) แต่ใครจะสน เงินเข้าปากหมาแล้ว หมามันใช้ทันทีแน่ กระตุ้นเศรษฐกิจเหรอ? ข้ออ้างทั้งนั้น แผนบ่อนทำลายชาติ ตามใบสั่งเยรูซาเล็ม หมายังมองออก แต่คนมองไม่ออก? เชื่อกูเหอะ ของจริง เค้าไม่มาเสียเวลากับละครปาหี่ ทุกอย่างยัดลงศาลไคฟงเชือดอย่างเดียว เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกประการ คนชงมีเพี๊ยบ มรึงก็เห็นคาตากันอยู่ อีเกรียงไกรเนี่ย แค่หัวหมู่ทะลวงฟัน ของจริงยังมีตามมาอีกเยอะ รอแค่ใบเสร็จเท่านั้น! คนไทยเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จริงเหรอ? มรึงลองถามตัวเองดู?

    อาทิตย์หฤโหด อียิวตายคาที่ 190 ลูกระดมยิงแบบลืมหายใจ ตามเมืองสำคัญ เมืองท่า ทั่วประเทศอิสราเอล ชาวยิวมุดลงถ้ำ หลุมหลบภัยกันหมด ไม่ต้องอยู่แล้วบนดิน เหมือนนายใหญ่มรึงเป๊ะเด๊ะ อีสัตว์นรกเลื้อยคลานเรปทีเรี่ยน ไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันไปเลย! อิรักส่งนักรบช่วยเฮซบอเลาะห์ ดาหน้าถล่มฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง แดร๊กลูกยาวกันอิ่มตลอดสัปดาห์ งานนี้เลือดท่วมแผ่นดินเหี้ยชัวร์! ข้ามวิกแป๊บ : แล้วก็มาตามนัด โปรดเกล้าแล้ว "บิ๊กปู" ผบทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ ยุคเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ป๋าเปรมก็สายวงศ์เทวัญเก่า งานนี้ ใบสั่งวังมาเต็ม รอดู อะไรมันส์ๆ กำลังจะมา เด็กเพ่แดงเค้า มองภาพเห็นชัดยังจ๊ะ? เพ่แดงต้องออก เพื่อไปทำหน้าที่ล้างบางเหี้ยสัดนรกในแผ่นดิน ปล่อยน้องเลิฟขึ้นมาควบคุมกองทัพต่อ อ้าว..แล้วไหง รมต.กลาโหมคนใหม่ จะล้างบางทหารผู้จงรักภักดีมิใช่เหรอ? ดีออก เป็นได้แค่ตำแหน่ง แต่อำนาจไม่มี สั่งใครได้ล่ะ? ทหารเค้าฟังมรึงมุย? สรุปแค่ตำแหน่งหัวโขน ไอ้สัส! รมต.สั่งผบทบ.บ่ได้จ๊ะ กระดูกคนละเบอร์? กูบอกเลย สายวงศ์เทวัญขึ้นเนี่ย ประกบวังน่ะจ๊ะ ไม่ต้องให้แปล ดีออก? ให้รู้บ้าง "ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ มันเป็นยังไง" เชิญมรึงเล่นละครปาหี่หลอกควายไปวันวันเหอะ ควายรอ 10000 มรึงรอหนีออกนอก หมายังรู้? ชัดเจนน่ะ กองทัพขยับแล้ว ล้างบางทหารแตงโม ทหารล้มเจ้า ไม่ได้ขึ้น รอโดนเชือด ปลดประจำการทั้งคณะ กลียุคมันจบแล้ว แสงทำงาน เหี้ยอยู่ไม่ได้ จบน่ะ!

    ปล.จริงดิ? ตัวเล่นหลักแพ้ยับ ถึงตาลูกสมุนขี้ข้าชั้นรอง ทั้งอีจิงโจ้ อีแคน อียุ่นปี่ เตรียมถูกบูชายันต์ได้เลย คราวก่อนศึกแปซิฟิค กองเรือเหี้ยจิงโจ้ ยังไม่ทันจะเขยิบ แค่ตงเฟิงหันหัวไปจ่อเรือธง รัศมี 3000 กม. แม่งหยุดเดินเรือทันที มรึงกล้าหน่อยดิ ริจะโตอย่าปอดแหก จีนก็เลยอดไม่ได้โชว์ของเล่นให้โลกดูเต็มตาซักกะที ช่วยมาเป็นเป้าหน่อย ด้านอีแคนยังเสี้ยนไม่เลิก หลังเคยเสือกสะเออะเสนอหน้าจับเจ้าหญิงหัวเว่ยไป จีนกาหัวหมามรึงนานแล้ว งวดนี้ เจอจีนล่อการค้ายับ ไม่ส่ง ไม่สั่ง ไม่คบ อีแคนดิ้นพล่าน ปากดี ดีให้สุดทาง จำไว้ ไอ้กระจอก! แถมยังจะโดนฝ่ายอีทรัมปป์ พรรคช้าง ล่อพรมแดนต่อ เรื่องผู้อพยพ สร้างกำแพงกั้นใหม่ หลังเคยโดยรถบรรทุกจอดปิดถนนข้ามประเทศ ตอนนี้ อีทรัมปป์กลายเป็นเป้าล่อของอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ หลังประกาศศึกล้างบาง DEEP STATE แยกอเมริกันคน กับอเมริกันควายออกจากกัน ศึกภายในเละเทะ มรึงไม่ใช่คู่ต่อกรรัสเซีย จีน นานแล้ว มันคนละเลเวล หมาทันที เมื่อปูตินสั่งทดสอบนุ๊กที่อาร์คติค ยิงสด LIVE ให้ทั้งโลกดูเต็มตา รอวัน SHOW TIME เท่านั้น เกมส์จิตวิทยา ทำเอาอียูเครน หมอบหมดแล้ว อีเสี้ยนยากำลังจะถูกปฎิวัติ นกรู้ เตรียมหาบันไดลง แต่ยังไง ปูตินหมายหัวมรึงแล้ว ต้องตายโหงตายห่าเท่านั้น เพราะมรึงสั่งฆ่าชาวดอนบาส และชาวบูชา นีโอนาซีจะถูกฆ่าล้างโคตรเกลี้ยงแผ่นดิน คำไหน คำนั้น นี่คือ "ปูติน" เปิดโลกความจริง ไม่ใช่โซเชี่ยลหน้าฉาก จะบอกว่า "ชาติอาเซียน" ในโซเชี่ยลรบกันจะเป็นจะตาย แต่กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง เค้าดีกันเสมอมา ไม่ว่าไทย ขะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ยกเว้นอีเสือเหลือง(อีแอบ) ที่จ้องเสียบหลังไทยเสมอ เพราะเล่นบทขี้อิจฉา แต่ไม่กล้าชนซึ่งหน้า เพราะรู้ดีว่า ลูกเลิฟจีน รัสเซีย อาเซียนจะไม่แตก เหตุเพราะต่างรู้ดีว่า อาเซียนคือเกราะกำบังให้ทุกชาติสมาชิก หากแตกเมื่อไหร่ เหี้ยมันจะโจมตีแต่ละชาติง่ายดาย ไทยไม่เท่าไหร่ เพราะมีมือ 1 โลกดูแลถึง 2 ประเทศ แล้วชาติอาเซียนอื่นล่ะ? ดังนั้น อย่ามาซ่าส์กับไทย อย่ามาเสี้ยม เพราะในความเป็นจริง จีน รัสเซีย เข้ามาอุ้ม เข้ามาช่วย ชาติอาเซียน มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคโควิท มาจนถึงวันนี้ ใครเป็นใคร ภาพยิ่งชัด ปูตินมาเยือนอาเซียน สีจิ้นผิง เยือนอาเซียน ดูขบวนต้อนรับก็พอแล้ว แตกต่างจากเหี้ยทุกรูขุมขน? เกมส์โลกมรึงแพ้ไปแล้ว ยังหน้าด้านจะก่อสงครามล้มกระดานให้ได้ ไม่ต้องถามต่อน่ะ สงครามจะมีมั้ย? เค้าข้ามจุดนั้นไปนานแล้ว ต้องถามว่า "เหี้ยยังจะเหลือแผ่นดินมั้ยดีกว่า?"

    หมี CNN(บิ๊กแจ๊สตบลุงชาญร่วง ชาวปทุมไม่เอาทั้งอีแดง อีส้ม เบื่อการเมือง มาเลือกกันน้อยกว่าครั้งก่อน แต่เสือกชนะขาด หลอกควายต่อยากแล้วสิน่ะ อีเหลิมฉลอง กูสาแก่ใจนัก เขี่ยอีแดงคาสนามเลือกตั้ง นายกอบจ. ใครว่าไม่สำคัญ งบประมาณทั้งนั้น รากฐานเสียง สนามใหญ่ นี่ไง ปชต. มีไว้หาแดร๊ก ขายเสียงกัน ที่ใดมีควายเยอะ ที่นั่น ปชต.เบ่งบาน ระบบที่เหี้ยยิวสร้าง อย่าหวังว่ามันจะทำให้ชาติใดรอด? ปชต.คือเสนียดโลก จำจงดี!)
    23 กย. 67
    12.50 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172707076283787922
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    23-09-67/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "3 แยกปากหมา" ทุกวันอาทิตย์ ตอนแรก เอาฤกษ์ ลงวันจันทร์เปิดตัว ครั้งต่อไป ติดตามได้ทุกวันอาทิตย์ ไม่สั้น ไม่ยาว กำลังดี CONCEPT คือ "ด่าเหี้ยสบายใจจัง ด่ากี่ครั้งก็ยังเป็นเหี้ย" เลบานอน เฮซบอเลาะห์ vs ยิวเหี้ยเสนียดโลก อุบัติขึ้นแล้ว งานนี้ อียิวเสี้ยนจัด หมดมุก ต้องก่อสงครามย้ายบ้านเท่านั้น ไม่มีเหี้ยอะไรจะเสีย เข้าทางตรีนอิหร่าน กูไม่ต้องออกตัวแรง ปล่อยเฮซบอเลาะห์ขยี้ให้เละ แผนยกพลขึ้นบกประจักษ์ชัดแล้ว เรือรบเหี้ยมะกันเอามาแค่โชว์ ป้องกันเหี้ยอะไรไม่ได้เลย มันเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะจากนี้ ทั้งเยเมน เฮซบอเลาะห์ โดยเลบานอน จะล่ออียิวด้วยไฮเปอร์โซนิคล้วนๆ ของดีจากเปียงยาง เตหะราน ปักกิ่ง มอสโคว์ มาหมด เลือกแดร๊กได้เลย อยากได้รสไหน? ระเบิดเพจเจอร์ หน่วยข่าวกรองรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ทำไมยังปล่อยให้ระเบิด คำตอบคือ มันทำลาย ฆ่าคนได้เฉพาะจุด โดยไม่เลือก เด็ก สตรี ผู้ใหญ่ การศึก ยอมเสียเบี้ยเพื่อแลกขุน จำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่ตามมาคือ "มติเอกฉันท์" ความสามัคคีภายในชาติ ขอบคุณที่มรึงจุดไฟให้คนทั้งโลกรวมตัวต่อกันติดหมดแล้ว นี่ต่างหากที่มรึงพลาดอย่างแรง! จะเล่นบทเหี้ยจัญไร แต่ทำได้แค่ฆ่าคนไม่กี่สิบ แต่สิ่งที่มรึงจะโดนจากผลลัพธ์ของการกระทำ ตายเป็นหมื่นชัวร์ หลายคนไม่เข้าใจ เกมส์สงคราม เพื่อผลแพ้ชนะ ทำไมต้องยอมสละชีวิตผู้บริสุทธิ์ เชิญมรึงไปแหกตาดูประวัติศาสตร์โลกย้อนหลัง 3000 ปี นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยอมเสียเมืองทั้งเมืองถูกเผาทั้งเป็น เพื่อแลกพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกู้แผ่นดิน ทั้งหมดมันคือการวางหมากที่ชาญฉลาด และเด็ดขาด อย่าลืมว่า มรึงกำลังสู้อยู่กับใคร? มรึงดูเหี้ยก็รู้แล้ว ฆ่าพลเมืองมันเอง 3000 ตัว ทั้งตึกเวิร์ดเทรด เพียงเพื่อมติ ปล่อยงบ 3 แสนล้านเหรียญ เพื่อไปปล้นอิรัก ข้ออ้างฆ่าซัดดัม แท้จริงยึดทองคำ น้ำมัน เค้ามาเพื่อสนองตัณหาให้บริษัทพลังงานยิว ความจริงคือ ตายพันเพื่อแลกรักษาชีวิตคนนับล้าน จำเป็นต้องทำ เป็นแม่ทัพ โลกสวยไม่ได้! ก็เหมือนชาวปาเลสไตน์ ก่อนจะมาถึงวันนี้ เค้ายอมเอาชีวิต 100000 แลกชีวิตอียิวเหี้ยทั้งแผ่นดิน แล้วก็ทำสำเร็จ ทั้งโลกต่อต้านอียิวเสียหมา อีเนรคุณทันยาถูกหมายศาลโลกเป็นอาชญากรโลก ออกนอกแผ่นดินโดนจับทันที นอกจากหนีไปซุกชาติขี้ข้ายิวเท่านั้น ทั้งโลกมุสลิม กำลังจะตัดการค้ากับอิสราเอลทั้งหมด งานนี้ อยู่ได้ อยู่ไป ดีออก! ไอ้สัส! อีแขกภาระตะตามไทยเฉย แบนไม่เข้าเกาหลีใต้ จัดหนัก เหยียดกูเหรอ? ถูกอียุ่นปี่เหยียบหัวมาเกือบศตวรรษ พอลืมตาอ้าปากได้ ทำตัวเองเหมือนเป็นเทพเจ้า อินเดียไม่เที่ยว ไทยไม่เอา อีโสมจะเหลือห่าอะไรอีก ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว สินค้าแบรนด์เกาหลีใต้ ถูกลูกหลงไปเต็มตรีน หันไปใช้ของในชาติกันเอง ไทยใช้จีน ถูกกว่า แจ่มกว่า ทันสมัยกว่า อีแขกใช้ของผลิตในชาติ แบรนด์จีน แต่ MADE IN INDIA แบบนี้ มิน่า ยอดอีส่ำส่อน ถึงได้ร่วงระนาว ซีรีย์ก็ตก ถูกจีนเขมือบแซงหน้า วงการ K-POP ตกต่ำ หมาไม่แล ทั้งหมด มรึงทำตัวเองทั้งสิ้น หากไม่มีดีพอ อย่าริสะเออะเสนอหน้ายึดแท่นผู้นำเอเซีย หมายังอายแทน? ที่มาว่าทำไม อีโสมขาวแก้เกมส์ มาเปิดคอนเสิร์ต K-POP ที่ไทย ถี่ยิบ เอาวงตำนานมาเล่น เพื่อดึงเรตติ้งกลับ แต่สายไปแล้ว แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก! อิทธิ ไม่ได้กล่าวไว้ เดินหมากผิด คิดสั้น คิดจนตัวตาย ถ้าอีโสมขาวไม่เอาอาเซียน มรึงคือโง่ยิ่งกว่าอียุโรป หลายคนยังกังวล เงิน 10000 จะได้มุย? บอกตรง "ขอให้ได้ ขอให้ครบ" เพราะมันหมายถึงจะมีคนเป็นหมู่คณะต้องเข้าคุก ตั้งแต่รมต. นายกฯ คนเซ็นต์ คนอนุมัติ ไม่รอด ไปหมดทั้งองคาพยพ ไม่ว่ารัฐบาลเถื่อน จะเล่นแร่แปรวิญญานยังไง ลูกไม้ขนาดไหน ก็ไม่พ้นส้นตรีนทหารดอกน่ะ เค้าอ่านมรึงออกหมดเกลี้ยงทุกรูขุมขน ไม่งั้น มรึงต้องบูชายันต์อี 6 SEASON ไปทำไมกันล่ะ? มันคือเกมส์ เค้าเล่นเกมส์กันอยู่ อย่าอินมาก วัดกันที่ใครอึดกว่ากัน? เพราะเกจิดัง มองออก รู้นานแล้ว ว่ามันจะจบที่ศาลทุกกรณี? ได้ 10000 มา อย่าเพิ่งดีใจ เพราะมรึงอาจจะต้องชดใช้คืน?(หากวังไม่ช่วย) แต่ใครจะสน เงินเข้าปากหมาแล้ว หมามันใช้ทันทีแน่ กระตุ้นเศรษฐกิจเหรอ? ข้ออ้างทั้งนั้น แผนบ่อนทำลายชาติ ตามใบสั่งเยรูซาเล็ม หมายังมองออก แต่คนมองไม่ออก? เชื่อกูเหอะ ของจริง เค้าไม่มาเสียเวลากับละครปาหี่ ทุกอย่างยัดลงศาลไคฟงเชือดอย่างเดียว เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกประการ คนชงมีเพี๊ยบ มรึงก็เห็นคาตากันอยู่ อีเกรียงไกรเนี่ย แค่หัวหมู่ทะลวงฟัน ของจริงยังมีตามมาอีกเยอะ รอแค่ใบเสร็จเท่านั้น! คนไทยเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จริงเหรอ? มรึงลองถามตัวเองดู? อาทิตย์หฤโหด อียิวตายคาที่ 190 ลูกระดมยิงแบบลืมหายใจ ตามเมืองสำคัญ เมืองท่า ทั่วประเทศอิสราเอล ชาวยิวมุดลงถ้ำ หลุมหลบภัยกันหมด ไม่ต้องอยู่แล้วบนดิน เหมือนนายใหญ่มรึงเป๊ะเด๊ะ อีสัตว์นรกเลื้อยคลานเรปทีเรี่ยน ไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันกันไปเลย! อิรักส่งนักรบช่วยเฮซบอเลาะห์ ดาหน้าถล่มฐานทัพเหี้ยมะกันทั่วตะวันออกกลาง แดร๊กลูกยาวกันอิ่มตลอดสัปดาห์ งานนี้เลือดท่วมแผ่นดินเหี้ยชัวร์! ข้ามวิกแป๊บ : แล้วก็มาตามนัด โปรดเกล้าแล้ว "บิ๊กปู" ผบทบ.คนใหม่ สายวงศ์เทวัญ ยุคเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ป๋าเปรมก็สายวงศ์เทวัญเก่า งานนี้ ใบสั่งวังมาเต็ม รอดู อะไรมันส์ๆ กำลังจะมา เด็กเพ่แดงเค้า มองภาพเห็นชัดยังจ๊ะ? เพ่แดงต้องออก เพื่อไปทำหน้าที่ล้างบางเหี้ยสัดนรกในแผ่นดิน ปล่อยน้องเลิฟขึ้นมาควบคุมกองทัพต่อ อ้าว..แล้วไหง รมต.กลาโหมคนใหม่ จะล้างบางทหารผู้จงรักภักดีมิใช่เหรอ? ดีออก เป็นได้แค่ตำแหน่ง แต่อำนาจไม่มี สั่งใครได้ล่ะ? ทหารเค้าฟังมรึงมุย? สรุปแค่ตำแหน่งหัวโขน ไอ้สัส! รมต.สั่งผบทบ.บ่ได้จ๊ะ กระดูกคนละเบอร์? กูบอกเลย สายวงศ์เทวัญขึ้นเนี่ย ประกบวังน่ะจ๊ะ ไม่ต้องให้แปล ดีออก? ให้รู้บ้าง "ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ มันเป็นยังไง" เชิญมรึงเล่นละครปาหี่หลอกควายไปวันวันเหอะ ควายรอ 10000 มรึงรอหนีออกนอก หมายังรู้? ชัดเจนน่ะ กองทัพขยับแล้ว ล้างบางทหารแตงโม ทหารล้มเจ้า ไม่ได้ขึ้น รอโดนเชือด ปลดประจำการทั้งคณะ กลียุคมันจบแล้ว แสงทำงาน เหี้ยอยู่ไม่ได้ จบน่ะ! ปล.จริงดิ? ตัวเล่นหลักแพ้ยับ ถึงตาลูกสมุนขี้ข้าชั้นรอง ทั้งอีจิงโจ้ อีแคน อียุ่นปี่ เตรียมถูกบูชายันต์ได้เลย คราวก่อนศึกแปซิฟิค กองเรือเหี้ยจิงโจ้ ยังไม่ทันจะเขยิบ แค่ตงเฟิงหันหัวไปจ่อเรือธง รัศมี 3000 กม. แม่งหยุดเดินเรือทันที มรึงกล้าหน่อยดิ ริจะโตอย่าปอดแหก จีนก็เลยอดไม่ได้โชว์ของเล่นให้โลกดูเต็มตาซักกะที ช่วยมาเป็นเป้าหน่อย ด้านอีแคนยังเสี้ยนไม่เลิก หลังเคยเสือกสะเออะเสนอหน้าจับเจ้าหญิงหัวเว่ยไป จีนกาหัวหมามรึงนานแล้ว งวดนี้ เจอจีนล่อการค้ายับ ไม่ส่ง ไม่สั่ง ไม่คบ อีแคนดิ้นพล่าน ปากดี ดีให้สุดทาง จำไว้ ไอ้กระจอก! แถมยังจะโดนฝ่ายอีทรัมปป์ พรรคช้าง ล่อพรมแดนต่อ เรื่องผู้อพยพ สร้างกำแพงกั้นใหม่ หลังเคยโดยรถบรรทุกจอดปิดถนนข้ามประเทศ ตอนนี้ อีทรัมปป์กลายเป็นเป้าล่อของอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ หลังประกาศศึกล้างบาง DEEP STATE แยกอเมริกันคน กับอเมริกันควายออกจากกัน ศึกภายในเละเทะ มรึงไม่ใช่คู่ต่อกรรัสเซีย จีน นานแล้ว มันคนละเลเวล หมาทันที เมื่อปูตินสั่งทดสอบนุ๊กที่อาร์คติค ยิงสด LIVE ให้ทั้งโลกดูเต็มตา รอวัน SHOW TIME เท่านั้น เกมส์จิตวิทยา ทำเอาอียูเครน หมอบหมดแล้ว อีเสี้ยนยากำลังจะถูกปฎิวัติ นกรู้ เตรียมหาบันไดลง แต่ยังไง ปูตินหมายหัวมรึงแล้ว ต้องตายโหงตายห่าเท่านั้น เพราะมรึงสั่งฆ่าชาวดอนบาส และชาวบูชา นีโอนาซีจะถูกฆ่าล้างโคตรเกลี้ยงแผ่นดิน คำไหน คำนั้น นี่คือ "ปูติน" เปิดโลกความจริง ไม่ใช่โซเชี่ยลหน้าฉาก จะบอกว่า "ชาติอาเซียน" ในโซเชี่ยลรบกันจะเป็นจะตาย แต่กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง เค้าดีกันเสมอมา ไม่ว่าไทย ขะแมร์ พม่า ลาว เวียดนาม ยกเว้นอีเสือเหลือง(อีแอบ) ที่จ้องเสียบหลังไทยเสมอ เพราะเล่นบทขี้อิจฉา แต่ไม่กล้าชนซึ่งหน้า เพราะรู้ดีว่า ลูกเลิฟจีน รัสเซีย อาเซียนจะไม่แตก เหตุเพราะต่างรู้ดีว่า อาเซียนคือเกราะกำบังให้ทุกชาติสมาชิก หากแตกเมื่อไหร่ เหี้ยมันจะโจมตีแต่ละชาติง่ายดาย ไทยไม่เท่าไหร่ เพราะมีมือ 1 โลกดูแลถึง 2 ประเทศ แล้วชาติอาเซียนอื่นล่ะ? ดังนั้น อย่ามาซ่าส์กับไทย อย่ามาเสี้ยม เพราะในความเป็นจริง จีน รัสเซีย เข้ามาอุ้ม เข้ามาช่วย ชาติอาเซียน มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคโควิท มาจนถึงวันนี้ ใครเป็นใคร ภาพยิ่งชัด ปูตินมาเยือนอาเซียน สีจิ้นผิง เยือนอาเซียน ดูขบวนต้อนรับก็พอแล้ว แตกต่างจากเหี้ยทุกรูขุมขน? เกมส์โลกมรึงแพ้ไปแล้ว ยังหน้าด้านจะก่อสงครามล้มกระดานให้ได้ ไม่ต้องถามต่อน่ะ สงครามจะมีมั้ย? เค้าข้ามจุดนั้นไปนานแล้ว ต้องถามว่า "เหี้ยยังจะเหลือแผ่นดินมั้ยดีกว่า?" หมี CNN(บิ๊กแจ๊สตบลุงชาญร่วง ชาวปทุมไม่เอาทั้งอีแดง อีส้ม เบื่อการเมือง มาเลือกกันน้อยกว่าครั้งก่อน แต่เสือกชนะขาด หลอกควายต่อยากแล้วสิน่ะ อีเหลิมฉลอง กูสาแก่ใจนัก เขี่ยอีแดงคาสนามเลือกตั้ง นายกอบจ. ใครว่าไม่สำคัญ งบประมาณทั้งนั้น รากฐานเสียง สนามใหญ่ นี่ไง ปชต. มีไว้หาแดร๊ก ขายเสียงกัน ที่ใดมีควายเยอะ ที่นั่น ปชต.เบ่งบาน ระบบที่เหี้ยยิวสร้าง อย่าหวังว่ามันจะทำให้ชาติใดรอด? ปชต.คือเสนียดโลก จำจงดี!) 23 กย. 67 12.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172707076283787922 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวยเสื้อลูกไม้สีขาวรัชกาลที่๕ใส่กับผ้าถุงอะไรก็สวย#ชุดไทยประยุกต์#เสื้อลูกไม้สีขาว#ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวย
    ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวยเสื้อลูกไม้สีขาวรัชกาลที่๕ใส่กับผ้าถุงอะไรก็สวย#ชุดไทยประยุกต์#เสื้อลูกไม้สีขาว#ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 107 0 รีวิว
  • ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวย เสื้อลูกไม้รัชกาลที่๕ ใส่กับผ้าถุงสีชมพูก็จะออกแนวหวานๆ ใครอยากได้ชุดผ้าไทยไปใส่ให้สวย 👉ไปที่ช่อง ตต.ชื่อ ผ้าไทยงาม หรือค้นหาด้วยคำนี้👉 @phathaiham มีแต่ของสวยๆค่า#ชุดไทย#ชุดไทยประยุกต์#ชุดไทยแฟชั่น#Fashion
    ชุดผ้าไทยใครใส่ก็สวย เสื้อลูกไม้รัชกาลที่๕ ใส่กับผ้าถุงสีชมพูก็จะออกแนวหวานๆ ใครอยากได้ชุดผ้าไทยไปใส่ให้สวย 👉ไปที่ช่อง ตต.ชื่อ ผ้าไทยงาม หรือค้นหาด้วยคำนี้👉 @phathaiham มีแต่ของสวยๆค่า#ชุดไทย#ชุดไทยประยุกต์#ชุดไทยแฟชั่น#Fashion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 86 0 รีวิว
  • ฆ่าลูกไม่ลง! แม้รู้ว่าลูกจะเกิดมาพิการ ไม่ขอยุติการตั้งครรภ์ ทั้งแม่และตายายทุ่มเทดูแลหลานอย่างสุดกำลัง ถึงขั้นยอมออกจากงานประจำ-อดมื้อกินมื้อ พร้อมสู้เพื่อลูกอิ่ม!

    “ตอนช่วงประมาณ 8 เดือนกว่าเกือบ 9 เดือน ใกล้จะคลอดแล้ว หมอตรวจเจอความผิดปกติที่ศีรษะของน้อง มันไม่โตตามเกณฑ์ เหมือนมีน้ำ รักษาไม่ได้เลย ตอนนั้นยังไม่เจอความผิดปกติของขานะ เจอแค่หัวของน้อง หมอก็บอกว่า ยุติการตั้งครรภ์ไหม ก็ถามว่าทำยังไง คือเข้าไปตัดชิ้นส่วนของน้อง ทั้งๆ ที่น้องยังหายใจอยู่ พอได้ยิน หนูก็ช็อกแล้ว ทำใจไม่ได้”

    ไม่ใช่แค่ “ส้มแป้น” คณิศร แสงอุไร ผู้เป็นแม่ที่รับไม่ได้หากต้องยุติการตั้งครรภ์ แต่ตากับยายก็รู้สึกไม่ต่างกัน และไม่อยากสร้างบาปด้วยการจบชีวิตหลาน อยากให้หลานได้มีโอกาสลืมตาดูโลก “ให้เขาออกมาดีกว่า เพราะไหนๆ เขาก็อยากจะเกิดแล้ว ถ้าเกิดมาผิดรูปผิดร่างหรือจะเป็นยังไงก็หลานเรา เลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราก็บอกเขาเลยว่า เราขอไม่ยุติการตั้งครรภ์”

    ขณะที่ตาและยายพร้อมช่วยดูแลหลานพิการที่จะเกิดมา แต่ผู้เป็นพ่อที่ทำให้ลูกเกิด กลับทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะคำว่าพิการ “วันที่รู้ช่วงใกล้คลอดว่า น้องไม่สมประกอบ น้องมีความผิดปกติ ก็โทรไปบอกเขาก่อน เขาก็รับรู้เรื่อง ..วันต่อมา เราก็โทรไปอีก ไม่รับสาย ..ตั้งแต่ที่ยังไม่คลอดจนคลอด ก็ติดต่อไม่ได้เลย หลังจากที่รู้ว่าลูกสาวของเราพิการ”

    ปัจจุบัน “น้องบุญรักษา” อายุ 6 ขวบ มีภาวะหัวโตหรือที่เรียกว่า เด็กหัวบาตร และแขนขาพิการผิดรูป นั่งไม่ได้ ขับถ่ายเองไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่และตายายไม่เคยคิดเสียใจกับสภาพที่น้องเป็น แต่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสดูแลน้อง

    “(ถาม-ตอนเห็นหน้าน้องหลังคลอด คุณตารู้สึกยังไงบ้าง?) ไม่รู้สึกเสียใจ ยังไงก็เป็นหลานของเรา เราภูมิใจที่เขาเกิดมา และเลือกครอบครัวของเราที่จะเป็นผู้ดูแลเขา เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดในชีวิตหนึ่งที่เขาอยู่กับเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือน้อย ตรงนี้เราก็ทุ่มเทให้กับเขา”

    ความพิการและเจ็บป่วยของน้องบุญรักษาทำให้น้องต้องเข้า-ออก รพ.บ่อยๆ บางครั้งต้องอยู่ รพ.นานนับเดือน จึงส่งผลให้แม่ และตากับยาย ต้องทยอยลาออกจากงานประจำ เพื่อดูแลน้องบุญรักษา “ตอนนั้นยายทำงานร้านยาเป็นผู้ช่วยเภสัช เขาจ้างเราคนเดียว เราก็ผลัดกันลากับเจ้าส้มไปเฝ้าหลาน ทางเภสัชก็สงสารและเข้าใจ แต่ร้านเขาก็ต้องเปิดทุกวัน เราก็ขอลาออกก่อนแล้วกัน เพื่อให้ส้มยังทำงานได้ แต่สุดท้ายร่างกายเรามันก็รับไม่ไหว เพราะเป็นเนื้องอกและความดันด้วย ก็ต้องดึงเจ้าส้มมาเฝ้าอีก เพราะน้องอยู่ในห้องวิกฤต”

    “ก่อนคลอด หนูทำงานร้านเบอเกอร์ พอลาคลอด แล้วรู้ว่าลูกพิการ ช่วงนั้นน้องบุญรักษาต้องอยู่ที่ รพ. เกือบ 1 เดือนเต็มๆ แล้วลูกผิดปกติ เราเลยต้องขอลาออก”

    “ตอนแรกพ่อทำงานบริษัทอยู่ พอหลานเราต้องไป รพ.บ่อย เราต้องหยุดงานบ่อย ทางบริษัทก็ตำหนิ เราก็ออกจากงานมาดูแลหลาน แล้วก็ไปเช่าแท็กซี่มาขับเพื่อพยุงไปก่อน เพราะมันเป็นพาหนะในการพาหลานเดินทางไป รพ.ด้วย”

    ไม่ใช่แค่รายได้หดหายหลังออกจากงานประจำทั้ง 3 คน แต่วิกฤตใหญ่ที่ตามมาคือบ้านถูกยึด เพราะส่งไม่ไหว “ช่วงนั้นแย่ บ้านโดนยึด โชคดีมีเพื่อนของยายเขาให้มาอยู่ที่นวนคร เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เขาเลยให้ครอบครัวหนูไปอยู่ฟรีๆ ให้เราจ่ายแค่ค่าไฟค่าน้ำเอง ก็ขอขอบพระคุณเพื่อนยายมากที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเพื่อนยาย ครอบครัวหนูคงต้องไปพึ่งวัด”

    ปัจจุบันส้มแป้นกับลูกๆ และตายายย้ายมาอยู่ที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยเธอช่วยตาหารายได้ด้วยการขายของออนไลน์ เช่น ขนมอบกรอบ และไส้กรอกอีสาน ซึ่งไส้กรอกอีสานทำเองทุกขั้นตอน หลังได้สูตรจากผู้ใจบุญ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรายได้จากการขายของออนไลน์และขับแท็กซี่ของตา ยังไม่ค่อยครอบคลุมรายจ่ายของครอบครัว แม้อาศัยเบี้ยคนชราของยาย และเบี้ยพิการของน้องบุญรักษาแล้วก็ตาม

    “ตอนนี้รายได้จากการขายของยังพอบรรเทาด้วยการซื้อนม ซื้อแพมเพิสของน้องไปได้ ส่วนตัวของหนู ตา ยาย ไม่เป็นไร อดมื้อกินมื้อได้..”

    ขณะที่ตา ยอมรับว่า “รายได้จากการวิ่งแท็กซี่บางทีชักหน้าไม่ถึงหลัง เราก็ติดค่าเช่าไว้ก่อน เราก็เอาเงินตรงนั้นมาหมุนในครอบครัวก่อน ..(ถาม-รายจ่ายหลักๆ ตอนนี้มีอะไรบ้าง?) ค่าบ้านค่าน้ำไฟ ค่าน้องต้นน้ำไปโรงเรียน ค่านม ค่าแพมเพิส และพวกยูนิซัน (ถาม-โห แสดงว่าน่าจะเกิดปัญหาขัดสนไหม?) ขัดสนแน่นอนเลย”

    ด้านน้องต้นน้ำ พี่สาวของน้องบุญรักษา ซึ่งเป็นเด็กเรียนดี ยอมรับว่า เข้าใจดีถึงความยากลำบากของครอบครัว “(ถาม-หนูเข้าใจความลำบากไหมมันเป็นยังไง?) บางทีก็ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน (ถาม-ตอนนี้ต้นน้ำเรียนอยู่ชั้นไหน?) ป.5 (ถาม-ได้เกรดเท่าไหร่?) เกรด 4 (โห แล้วตอนนี้หนูเริ่มมีความฝัน โตขึ้นอยากเป็นอะไร เคยคิดไว้หรือยัง?) เป็นหมอ (ถาม-ทำไมล่ะ?) จะได้รักษาน้อง”

    ขณะที่ยาย แม้ปัจจุบันจะมีเนื้องอกที่บริเวณหลังหลายจุด แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพื่อตรวจรักษา เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้หลานกินอิ่มมากกว่า

    ทุกคนสู้สุดตัว เพื่อน้องบุญรักษา ไม่ใช่แค่เรื่องกิน แต่รวมถึงเรื่องนอน เพราะหมอเคยบอกว่า น้องบุญรักษาสามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงพร้อมอดหลับอดนอนเพื่อน้อง “(ถาม-กลางคืนไม่มีใครได้นอนพร้อมกัน?) ไม่มี แบ่งกันหลับ เพราะน้องพร้อมที่จะชักตลอดเวลา พอเขาชักขึ้นมา เราต้องช่วยกันเลย...”

    หวังให้ลูกมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด!

    “ทุกๆ วัน แม่จะบอกน้องบุญรักษาอยู่กับแม่ก่อนนะ เพราะหมอบอกว่า น้องพร้อมไปได้ทุกเมื่อเลย เราต้องคอยดูน้องทุกวันทุกวินาทีว่า น้องยังหายใจไหม น้องเป็นอะไรไหม คือพยายามให้เขาอยู่สู้กับแม่ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าตอนไหนที่หนูไม่ไหวแล้ว ก็ขอให้หนูไปแบบไม่เจ็บไม่ปวด ไปแบบสบาย อย่าทรมานนะลูก ให้หนูไปตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่กับตายายนะ”

    6 ปีแล้วที่น้องบุญรักษาเกิดมาพร้อมกับความพิการ แม้น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่น้องคงรับรู้ได้ว่าทุกคนรักและห่วงน้องมากแค่ไหน หากน้องพูดได้ น้องคงอยากขอบคุณแม่ ตา และยายที่ตัดสินใจไม่ยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้น

    ติดตามเรื่องราวความรักความทุ่มเทของแม่และตายายที่มีต่อน้องบุญรักษาได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “บุญรักษานะลูก”
    วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 9.00-9.30 น.
    ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมอบกรอบและไส้กรอกอีสานของส้มแป้น เพื่อให้มีทุนดูแลรักษาพยาบาลลูก ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก ต้นน้ำ บุญรักษา หรือโทรไปได้ที่ 099-278-3163 หากต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.คณิศร แสงอุไร เลขที่บัญชี 108-0-71624-6)

    #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #รักไม่มีเงื่อนไข #พิการ #สู้เพื่อหลาน
    ฆ่าลูกไม่ลง! แม้รู้ว่าลูกจะเกิดมาพิการ ไม่ขอยุติการตั้งครรภ์ ทั้งแม่และตายายทุ่มเทดูแลหลานอย่างสุดกำลัง ถึงขั้นยอมออกจากงานประจำ-อดมื้อกินมื้อ พร้อมสู้เพื่อลูกอิ่ม! “ตอนช่วงประมาณ 8 เดือนกว่าเกือบ 9 เดือน ใกล้จะคลอดแล้ว หมอตรวจเจอความผิดปกติที่ศีรษะของน้อง มันไม่โตตามเกณฑ์ เหมือนมีน้ำ รักษาไม่ได้เลย ตอนนั้นยังไม่เจอความผิดปกติของขานะ เจอแค่หัวของน้อง หมอก็บอกว่า ยุติการตั้งครรภ์ไหม ก็ถามว่าทำยังไง คือเข้าไปตัดชิ้นส่วนของน้อง ทั้งๆ ที่น้องยังหายใจอยู่ พอได้ยิน หนูก็ช็อกแล้ว ทำใจไม่ได้” ไม่ใช่แค่ “ส้มแป้น” คณิศร แสงอุไร ผู้เป็นแม่ที่รับไม่ได้หากต้องยุติการตั้งครรภ์ แต่ตากับยายก็รู้สึกไม่ต่างกัน และไม่อยากสร้างบาปด้วยการจบชีวิตหลาน อยากให้หลานได้มีโอกาสลืมตาดูโลก “ให้เขาออกมาดีกว่า เพราะไหนๆ เขาก็อยากจะเกิดแล้ว ถ้าเกิดมาผิดรูปผิดร่างหรือจะเป็นยังไงก็หลานเรา เลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราก็บอกเขาเลยว่า เราขอไม่ยุติการตั้งครรภ์” ขณะที่ตาและยายพร้อมช่วยดูแลหลานพิการที่จะเกิดมา แต่ผู้เป็นพ่อที่ทำให้ลูกเกิด กลับทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะคำว่าพิการ “วันที่รู้ช่วงใกล้คลอดว่า น้องไม่สมประกอบ น้องมีความผิดปกติ ก็โทรไปบอกเขาก่อน เขาก็รับรู้เรื่อง ..วันต่อมา เราก็โทรไปอีก ไม่รับสาย ..ตั้งแต่ที่ยังไม่คลอดจนคลอด ก็ติดต่อไม่ได้เลย หลังจากที่รู้ว่าลูกสาวของเราพิการ” ปัจจุบัน “น้องบุญรักษา” อายุ 6 ขวบ มีภาวะหัวโตหรือที่เรียกว่า เด็กหัวบาตร และแขนขาพิการผิดรูป นั่งไม่ได้ ขับถ่ายเองไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่และตายายไม่เคยคิดเสียใจกับสภาพที่น้องเป็น แต่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสดูแลน้อง “(ถาม-ตอนเห็นหน้าน้องหลังคลอด คุณตารู้สึกยังไงบ้าง?) ไม่รู้สึกเสียใจ ยังไงก็เป็นหลานของเรา เราภูมิใจที่เขาเกิดมา และเลือกครอบครัวของเราที่จะเป็นผู้ดูแลเขา เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดในชีวิตหนึ่งที่เขาอยู่กับเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือน้อย ตรงนี้เราก็ทุ่มเทให้กับเขา” ความพิการและเจ็บป่วยของน้องบุญรักษาทำให้น้องต้องเข้า-ออก รพ.บ่อยๆ บางครั้งต้องอยู่ รพ.นานนับเดือน จึงส่งผลให้แม่ และตากับยาย ต้องทยอยลาออกจากงานประจำ เพื่อดูแลน้องบุญรักษา “ตอนนั้นยายทำงานร้านยาเป็นผู้ช่วยเภสัช เขาจ้างเราคนเดียว เราก็ผลัดกันลากับเจ้าส้มไปเฝ้าหลาน ทางเภสัชก็สงสารและเข้าใจ แต่ร้านเขาก็ต้องเปิดทุกวัน เราก็ขอลาออกก่อนแล้วกัน เพื่อให้ส้มยังทำงานได้ แต่สุดท้ายร่างกายเรามันก็รับไม่ไหว เพราะเป็นเนื้องอกและความดันด้วย ก็ต้องดึงเจ้าส้มมาเฝ้าอีก เพราะน้องอยู่ในห้องวิกฤต” “ก่อนคลอด หนูทำงานร้านเบอเกอร์ พอลาคลอด แล้วรู้ว่าลูกพิการ ช่วงนั้นน้องบุญรักษาต้องอยู่ที่ รพ. เกือบ 1 เดือนเต็มๆ แล้วลูกผิดปกติ เราเลยต้องขอลาออก” “ตอนแรกพ่อทำงานบริษัทอยู่ พอหลานเราต้องไป รพ.บ่อย เราต้องหยุดงานบ่อย ทางบริษัทก็ตำหนิ เราก็ออกจากงานมาดูแลหลาน แล้วก็ไปเช่าแท็กซี่มาขับเพื่อพยุงไปก่อน เพราะมันเป็นพาหนะในการพาหลานเดินทางไป รพ.ด้วย” ไม่ใช่แค่รายได้หดหายหลังออกจากงานประจำทั้ง 3 คน แต่วิกฤตใหญ่ที่ตามมาคือบ้านถูกยึด เพราะส่งไม่ไหว “ช่วงนั้นแย่ บ้านโดนยึด โชคดีมีเพื่อนของยายเขาให้มาอยู่ที่นวนคร เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เขาเลยให้ครอบครัวหนูไปอยู่ฟรีๆ ให้เราจ่ายแค่ค่าไฟค่าน้ำเอง ก็ขอขอบพระคุณเพื่อนยายมากที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเพื่อนยาย ครอบครัวหนูคงต้องไปพึ่งวัด” ปัจจุบันส้มแป้นกับลูกๆ และตายายย้ายมาอยู่ที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยเธอช่วยตาหารายได้ด้วยการขายของออนไลน์ เช่น ขนมอบกรอบ และไส้กรอกอีสาน ซึ่งไส้กรอกอีสานทำเองทุกขั้นตอน หลังได้สูตรจากผู้ใจบุญ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรายได้จากการขายของออนไลน์และขับแท็กซี่ของตา ยังไม่ค่อยครอบคลุมรายจ่ายของครอบครัว แม้อาศัยเบี้ยคนชราของยาย และเบี้ยพิการของน้องบุญรักษาแล้วก็ตาม “ตอนนี้รายได้จากการขายของยังพอบรรเทาด้วยการซื้อนม ซื้อแพมเพิสของน้องไปได้ ส่วนตัวของหนู ตา ยาย ไม่เป็นไร อดมื้อกินมื้อได้..” ขณะที่ตา ยอมรับว่า “รายได้จากการวิ่งแท็กซี่บางทีชักหน้าไม่ถึงหลัง เราก็ติดค่าเช่าไว้ก่อน เราก็เอาเงินตรงนั้นมาหมุนในครอบครัวก่อน ..(ถาม-รายจ่ายหลักๆ ตอนนี้มีอะไรบ้าง?) ค่าบ้านค่าน้ำไฟ ค่าน้องต้นน้ำไปโรงเรียน ค่านม ค่าแพมเพิส และพวกยูนิซัน (ถาม-โห แสดงว่าน่าจะเกิดปัญหาขัดสนไหม?) ขัดสนแน่นอนเลย” ด้านน้องต้นน้ำ พี่สาวของน้องบุญรักษา ซึ่งเป็นเด็กเรียนดี ยอมรับว่า เข้าใจดีถึงความยากลำบากของครอบครัว “(ถาม-หนูเข้าใจความลำบากไหมมันเป็นยังไง?) บางทีก็ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน (ถาม-ตอนนี้ต้นน้ำเรียนอยู่ชั้นไหน?) ป.5 (ถาม-ได้เกรดเท่าไหร่?) เกรด 4 (โห แล้วตอนนี้หนูเริ่มมีความฝัน โตขึ้นอยากเป็นอะไร เคยคิดไว้หรือยัง?) เป็นหมอ (ถาม-ทำไมล่ะ?) จะได้รักษาน้อง” ขณะที่ยาย แม้ปัจจุบันจะมีเนื้องอกที่บริเวณหลังหลายจุด แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพื่อตรวจรักษา เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้หลานกินอิ่มมากกว่า ทุกคนสู้สุดตัว เพื่อน้องบุญรักษา ไม่ใช่แค่เรื่องกิน แต่รวมถึงเรื่องนอน เพราะหมอเคยบอกว่า น้องบุญรักษาสามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงพร้อมอดหลับอดนอนเพื่อน้อง “(ถาม-กลางคืนไม่มีใครได้นอนพร้อมกัน?) ไม่มี แบ่งกันหลับ เพราะน้องพร้อมที่จะชักตลอดเวลา พอเขาชักขึ้นมา เราต้องช่วยกันเลย...” หวังให้ลูกมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด! “ทุกๆ วัน แม่จะบอกน้องบุญรักษาอยู่กับแม่ก่อนนะ เพราะหมอบอกว่า น้องพร้อมไปได้ทุกเมื่อเลย เราต้องคอยดูน้องทุกวันทุกวินาทีว่า น้องยังหายใจไหม น้องเป็นอะไรไหม คือพยายามให้เขาอยู่สู้กับแม่ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าตอนไหนที่หนูไม่ไหวแล้ว ก็ขอให้หนูไปแบบไม่เจ็บไม่ปวด ไปแบบสบาย อย่าทรมานนะลูก ให้หนูไปตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่กับตายายนะ” 6 ปีแล้วที่น้องบุญรักษาเกิดมาพร้อมกับความพิการ แม้น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่น้องคงรับรู้ได้ว่าทุกคนรักและห่วงน้องมากแค่ไหน หากน้องพูดได้ น้องคงอยากขอบคุณแม่ ตา และยายที่ตัดสินใจไม่ยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้น ติดตามเรื่องราวความรักความทุ่มเทของแม่และตายายที่มีต่อน้องบุญรักษาได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “บุญรักษานะลูก” วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 9.00-9.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมอบกรอบและไส้กรอกอีสานของส้มแป้น เพื่อให้มีทุนดูแลรักษาพยาบาลลูก ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก ต้นน้ำ บุญรักษา หรือโทรไปได้ที่ 099-278-3163 หากต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.คณิศร แสงอุไร เลขที่บัญชี 108-0-71624-6) #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #รักไม่มีเงื่อนไข #พิการ #สู้เพื่อหลาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 957 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสื้อลูกไม้สีขาวทรงรัชกาลที่๕ ใส่สวยตลอดกาล ใส่กับผ้าถุงลายไทยสวยสุดๆ
    สนใจไปที่ช่อง ตต. : ผ้าไทยงาม (@phathaiham)
    เสื้อลูกไม้สีขาวทรงรัชกาลที่๕ ใส่สวยตลอดกาล ใส่กับผ้าถุงลายไทยสวยสุดๆ สนใจไปที่ช่อง ตต. : ผ้าไทยงาม (@phathaiham)
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 117 0 รีวิว
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1394 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว

    ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง

    บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย
    หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย)

    นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ

    ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.)
    ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

    ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก

    นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด

    “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
    นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

    “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่

    ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907

    #ภูหินร่องกล้า
    #พิษณุโลก
    #ท่องเที่ยว

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย) นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.) ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907 #ภูหินร่องกล้า #พิษณุโลก #ท่องเที่ยว ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ลูกไม้ #วนเกษตร
    #ลูกไม้ #วนเกษตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 6 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า การเงิน: จะพอมีพอใช้ ยังไม่สามารถที่จะซื้อของฟุ่มเฟือยได้ ความรัก:หากใครมีความลับปกปิดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนอกใจหรือเรื่องอื่นๆจะถูกจับได้ คนโสด: จะมีแต่คนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ: เกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย เลือด ประจำเดือน น้ำเหลืองไม่ดี ระบบปัสสาวะ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย ให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด เเละอาจจะมีคนมาพูดดีทำดีด้วยเพื่อต้องการให้เราช่วยเรื่องงาน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: ระวังทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด:จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาพูดคุยคบหา สุขภาพ: โรคในช่องท้อง สายตาไม่ดี ปวดตา ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ให้ตรวจเช็คลมยางให้ดี ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับล้อรถ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: จะมีงานมาก ต้องรีบสะสาง การเงิน: จะมีรายจ่ายหนักๆ มีโอกาสที่จะติดขัดได้อาจต้องไปกู้ยืม ความรัก:ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรงอาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด:จะมีพ่อหม้ายแม่หม้ายเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือจะมีคนที่ไม่ตรงสเปคเลยเข้ามาชอบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีโชคจากงาน อาจได้รับงานโปรเจคใหญ่ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยๆงามๆ ของเกี่ยวกับผู้หญิงเสริมสวย ความรัก: ระวังคนเก่าๆเช่นคนคุยเก่าแฟนเก่าจะเข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับคนรัก คนโสด:ยังไม่มีเวลาออกไปเจอใคร เพราะยุ่งอยู่กับเรื่องงานและธุรกิจ สุขภาพ: ปวดเมื่อยข้อมือเส้นเอ็น ปวดไหล่ปวดคอ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: งานค่อนข้างหนักแต่มีความรุ่งเรืองก้าวหน้าดี ต้องใช้ความอดทน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง รถ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ยังไม่เจอคนถูกใจ สุขภาพ:ปวดขา ข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน ระวังน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ง่าย ให้ระวังอันตรายจากของมีคม การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน เพราะอาจจะมองเห็นไม่ชัด #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาจุกจิกทะเลาะกับผู้ร่วมงานหรือ เจอคนค่อนข้างที่จะจุกจิกจู้จี้เจ้าระเบียบ ควรทำงานให้รอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับค่าประกัน ค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ หรืออาจนำไปให้คนในครอบครัวคนใกล้ตัวใกล้ชิด ความรัก:หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด:จะมีคนจากที่ทำงานเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:ระวังโรคประจำตัวกำเริบ โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีศัตรูคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้รอบคอบและประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ การเงิน: ใครมีเจ้าหนี้ระวังถูกทวงตาม จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนรักไม่สนใจ ความรักจืดชืดควรจะหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ้าง คนโสด:ยังไม่เจอคนถูกใจ หรือบางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน หรือกับการเลี้ยงสัตว์ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ปวดข้อเข่า การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่ระวังจะหลงทาง ไม่ควรไปในเส้นทางใหม่ ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พ่อรักลูกไม่ผิด
    ลูกโตมีครอบครัวย่อมต้องมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้
    ก็เลยเลือกให้หุ้นส่วนบริษัทที่ครอบครอง
    ที่ดินธรณีสงฆ์ ซึ่งน้องแพ มีหุ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์
    ยายที่บริจาค บริจาคให้วัด แต่ป๋าเหนาะไปหาทาง
    เปลี่ยนแร่แปรธาติให้โทนี่ นรกจะกินกะบาลไหมอะ
    อยากได้แม้กระทั่งที่ดินของวัด ส่วนหนึ่งเป็นหนามกอล์ฟ
    อีกส่วนหนึ่งเฉือนให้เอกชนไปทำคอนโด
    ค-ดี-ธรณี สงฆ์ จะนำมาซึ่งการขาดจริยธรรม
    เพราะค-ดี-นี้ศาลตัดสินแล้ว มีคนเข้าซังเตแล้วด้วย
    เป็นนายกก็ไม่ล่าย เป็นรัฐมนตรีก็ไม่ล่าย
    โทนี่ โทนาฟ นช. สรุป เอ็งรักลูกจริงมั๊ยฟร๊ะ
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พ่อรักลูกไม่ผิด ลูกโตมีครอบครัวย่อมต้องมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้ ก็เลยเลือกให้หุ้นส่วนบริษัทที่ครอบครอง ที่ดินธรณีสงฆ์ ซึ่งน้องแพ มีหุ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ยายที่บริจาค บริจาคให้วัด แต่ป๋าเหนาะไปหาทาง เปลี่ยนแร่แปรธาติให้โทนี่ นรกจะกินกะบาลไหมอะ อยากได้แม้กระทั่งที่ดินของวัด ส่วนหนึ่งเป็นหนามกอล์ฟ อีกส่วนหนึ่งเฉือนให้เอกชนไปทำคอนโด ค-ดี-ธรณี สงฆ์ จะนำมาซึ่งการขาดจริยธรรม เพราะค-ดี-นี้ศาลตัดสินแล้ว มีคนเข้าซังเตแล้วด้วย เป็นนายกก็ไม่ล่าย เป็นรัฐมนตรีก็ไม่ล่าย โทนี่ โทนาฟ นช. สรุป เอ็งรักลูกจริงมั๊ยฟร๊ะ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 ล้านเสียงแห่งความฝัน
    อันดับ 1 ของโพลมโน
    หรือจะสู้ชีวิตจริงที่ต้องเจอ
    แพ้ทุกสนาม ทำใจให้ได้ก่อนพรรคถูกยุบ
    ไอโอปั่นไม่ขึ้น ไลฟ์แถลงคนดูหลักร้อย
    โหวตอะไรก็แพ้
    ที่เหลือไว้แค่ความทรงจำ ที่คนไทยไม่ลืม
    ว่าในอดีตเคยมีพรรคใจต่ำที่ต้องการล้มสถาบันกษัตริย์ที่คนไทยรัก
    และเป็นประวัติศาสตร์ที่จะลบชื่อพรรคทรามนี้ด้วยเสียงของประชาชน
    คนไทย ก็แค่อยากลองของใหม่ แต่หางโผล่เค้าก็ผลักไส
    ดูผลคะแนนเลือกตั้ง อบจ. แพ้กันเป็นแสนคะแนน
    หนำมั๊ยพวกเมิง ไม่มีคนไทยที่ไหน เค้าอยากให้ลูกตัวเองขายกีเสรี
    ไม่มีใครอยากให้หลานตัวเองถ่ายเอวีถูกกฏหมาย
    ไม่มีใครอยากให้ลูกไม่กตัญญูตามที่ก้าวไกลปั่นหัว เยาวชน
    ไม่มีใครอยากยกประเทศไทยให้เมกา ด้วยการล้มสถาบัน
    พวกคอมมิว นิส หลงยุค
    ปรีดีย์ก่อนจากไป ยังออกมาขอโทษและรู้สึกผิดพลาดกับสิ่งทีทำไป
    แต่พวกเอ็งก็เอามาแสวงหาประโยชน์เพียงเพื่อหวังให้ร้ายสถาบัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    14 ล้านเสียงแห่งความฝัน อันดับ 1 ของโพลมโน หรือจะสู้ชีวิตจริงที่ต้องเจอ แพ้ทุกสนาม ทำใจให้ได้ก่อนพรรคถูกยุบ ไอโอปั่นไม่ขึ้น ไลฟ์แถลงคนดูหลักร้อย โหวตอะไรก็แพ้ ที่เหลือไว้แค่ความทรงจำ ที่คนไทยไม่ลืม ว่าในอดีตเคยมีพรรคใจต่ำที่ต้องการล้มสถาบันกษัตริย์ที่คนไทยรัก และเป็นประวัติศาสตร์ที่จะลบชื่อพรรคทรามนี้ด้วยเสียงของประชาชน คนไทย ก็แค่อยากลองของใหม่ แต่หางโผล่เค้าก็ผลักไส ดูผลคะแนนเลือกตั้ง อบจ. แพ้กันเป็นแสนคะแนน หนำมั๊ยพวกเมิง ไม่มีคนไทยที่ไหน เค้าอยากให้ลูกตัวเองขายกีเสรี ไม่มีใครอยากให้หลานตัวเองถ่ายเอวีถูกกฏหมาย ไม่มีใครอยากให้ลูกไม่กตัญญูตามที่ก้าวไกลปั่นหัว เยาวชน ไม่มีใครอยากยกประเทศไทยให้เมกา ด้วยการล้มสถาบัน พวกคอมมิว นิส หลงยุค ปรีดีย์ก่อนจากไป ยังออกมาขอโทษและรู้สึกผิดพลาดกับสิ่งทีทำไป แต่พวกเอ็งก็เอามาแสวงหาประโยชน์เพียงเพื่อหวังให้ร้ายสถาบัน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลูกไม้ป่ามาหกปี โตบ้างเล็กบ้าง ตอนนี้กลายเป็นป่าย่อมๆ พอใจที่ได้เพิ่มต้นไม้ให้แผ่นดินครับ...
    ปลูกไม้ป่ามาหกปี โตบ้างเล็กบ้าง ตอนนี้กลายเป็นป่าย่อมๆ พอใจที่ได้เพิ่มต้นไม้ให้แผ่นดินครับ...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่กำลังสนใจว่าเมื่อปลูกแล้ว ตลาดอาจจะไม่กว้าง แต่การแข่งขันไม่สูง แต่เป็นต้นไม้ที่ปลูกไม่ยาก การเอาใจใส่อาจจะสูง นั่นคือ "ต้นวานิลลา"
    🌻โปรดติดตามตอนต่อไป🪴
    ขอขอบคุณภาพจาก
    รศ.ดร.พัชรียา บุญกอแก้ว
    ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่กำลังสนใจว่าเมื่อปลูกแล้ว ตลาดอาจจะไม่กว้าง แต่การแข่งขันไม่สูง แต่เป็นต้นไม้ที่ปลูกไม่ยาก การเอาใจใส่อาจจะสูง นั่นคือ "ต้นวานิลลา" 🌻โปรดติดตามตอนต่อไป🪴 ขอขอบคุณภาพจาก รศ.ดร.พัชรียา บุญกอแก้ว ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts