• 🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️
    แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!

    วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว
    👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน

    https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    🔊รู้กันยังว่า วัคซีน HPV ฉีดแล้วตุยได้😬 ไม่ต่างกับ แว๊กซ์โคขวิด💉☠️ แถมที่บอกว่า ป้องกันมะเร็งก็โม้แบบไม่มีงานวิจัยอะไรรองรับ 💥 ใครจะให้ลูกหลานฉีด หาข้อมูลเพิ่มเติ่มหน่อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!! วัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV Gardasil คร่าอนาคตวัยรุ่น 📌Merck ถูกฟ้องปิดบังผลข้างเคียงร้ายแรง ทำให้วัยรุ่นหลายรายต้องพิการถาวร -เสี่ยงมะเร็งชนิดอื่น ขณะบริษัท กอบโกยกำไร 8 พันล้าน$ จากวัคซีนนี้ในปีเดียว 👉Merck ผู้ผลิตยารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ที่อ้างความปลอดภัยแต่พบผลข้างเคียงร้ายแรง ทั้งไมเกรน ปัญหาความจำ อัมพาตเป็นช่วง ปัญหาหัวใจ และกระเพาะอาหารอ่อนแรง ส่งผลให้วัยรุ่นบางรายพิการถาวร แม้สร้างกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ด้าน RFK Jr. ว่าที่รัฐมนตรีรัฐบาลทรัมป์ ประกาศจะเข้มงวดกับบริษัทยาที่เรียกว่า "องค์กรอาชญากรรม" ขณะที่ Merck มีประวัติจ่ายค่าเสียหายพันล้านดอลลาร์จากกรณียา Vioxx และถูกกล่าวหาทดลองยาในยูเครน #imctnews รายงาน https://www.facebook.com/share/p/1KoJZe36Ab/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เวลา 13.00 น. มีการประชุมผู้จัดการทีม นักกีฬา และผู้ตัดสิน โดยท่านผู้แทนสมาคมฯ นายอรรคพล กุลประดิษฐ์ ได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และผู้ตัดสินที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ประเภทวีลแชร์ ณ อาคารอเนกประสงค์ ได้ทราบข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งคอบข้อสงสัย จากนั้นวิทยากรสมาคมฯ ได้ทำความเข้าต่างในกฎกติกาประเภท 3x3 และ 5x5 เพื่อให้นำไปปฎิบัติได้ถูกต้อง คงความยุติธรรม เริ่มการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26-31 มกราคม 2568 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลางจันทบุรี
    วันนี้เวลา 13.00 น. มีการประชุมผู้จัดการทีม นักกีฬา และผู้ตัดสิน โดยท่านผู้แทนสมาคมฯ นายอรรคพล กุลประดิษฐ์ ได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และผู้ตัดสินที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ประเภทวีลแชร์ ณ อาคารอเนกประสงค์ ได้ทราบข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งคอบข้อสงสัย จากนั้นวิทยากรสมาคมฯ ได้ทำความเข้าต่างในกฎกติกาประเภท 3x3 และ 5x5 เพื่อให้นำไปปฎิบัติได้ถูกต้อง คงความยุติธรรม เริ่มการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26-31 มกราคม 2568 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลางจันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตารางการแข่งขัน Wheelchairs Basketball ประเภท 5x5 ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 28-31 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    ตารางการแข่งขัน Wheelchairs Basketball ประเภท 5x5 ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 28-31 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตารางการแข่งขัน Wheelchairs Basketball ประเภท 3x3 ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 26-27 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    ตารางการแข่งขัน Wheelchairs Basketball ประเภท 3x3 ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ 26-27 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wheelchairs Basketball มีกำหนดแข่งขันในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี แบ่งเป็นประเภท 5x5 และ 3x3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 26-31 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    Wheelchairs Basketball มีกำหนดแข่งขันในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี แบ่งเป็นประเภท 5x5 และ 3x3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 26-31 มค 68 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wheelchairs Basketball ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี ประจำปี 2568 แบ่งเป็นประเภท 3x3 เริ่มแข่งวันที่ 26-27 มค 68 และประเภท 5x5 เริ่มวันที่ 28-31 มค 68 ณ โรงยิม ฯ สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    Wheelchairs Basketball ในกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ จ.จันทบุรี ประจำปี 2568 แบ่งเป็นประเภท 3x3 เริ่มแข่งวันที่ 26-27 มค 68 และประเภท 5x5 เริ่มวันที่ 28-31 มค 68 ณ โรงยิม ฯ สนามกีฬากลาง จ.จันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ
    นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
    ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท
    ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน
    ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี
    ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน

    พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า

    เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า

    อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย

    “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย

    “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก

    พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล

    ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในสังคมไทยสมัยนี้ ยังมีคนดีเหลืออยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียวก็ตามที แต่เพราะการทำความดีของเค้าเหล่านั้น มันก็ทำให้โลกนี้โดยเฉพาะสังคมไทยมันยังน่าอยู่มากขึ้น และยังมีความหวังและความสุขอยู่บ้าง สาธุ กับคนดีที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนในสังคมไทย ความดีไม่เคยไปไหน ความดีจะคอยคุ้มครองคนดีอยู่เสมอๆ ขอขอบคุณคุณที่เป็นคนดี ขอบคุณครับ ที่ช่วยเหลือผู้พิการนะครับ ใช่ว่าเค้าอยากจะเกิดมาพิการ ผู้พิการน่าสงสาร พวกเค้าก็มีหัวใจเหมือนกัน แถมยังเป็นคนดีกว่าคนปกติทั่วไปเยอะมาก ไม่เหมือนกันกับคนปกติ ที่ทำตัวพิการดวงใจมืดบอด เห็นแล้วก็สาธุ ขอขอบคุณคุณที่ช่วยเหลือผู้พิการดวงตาบอด แต่ใจไม่บอดนะครับผม ผมขอให้คุณโชคดีและมีความสุขนะครับ
    ในสังคมไทยสมัยนี้ ยังมีคนดีเหลืออยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือเดียวก็ตามที แต่เพราะการทำความดีของเค้าเหล่านั้น มันก็ทำให้โลกนี้โดยเฉพาะสังคมไทยมันยังน่าอยู่มากขึ้น และยังมีความหวังและความสุขอยู่บ้าง สาธุ กับคนดีที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนในสังคมไทย ความดีไม่เคยไปไหน ความดีจะคอยคุ้มครองคนดีอยู่เสมอๆ ขอขอบคุณคุณที่เป็นคนดี ขอบคุณครับ ที่ช่วยเหลือผู้พิการนะครับ ใช่ว่าเค้าอยากจะเกิดมาพิการ ผู้พิการน่าสงสาร พวกเค้าก็มีหัวใจเหมือนกัน แถมยังเป็นคนดีกว่าคนปกติทั่วไปเยอะมาก ไม่เหมือนกันกับคนปกติ ที่ทำตัวพิการดวงใจมืดบอด เห็นแล้วก็สาธุ ขอขอบคุณคุณที่ช่วยเหลือผู้พิการดวงตาบอด แต่ใจไม่บอดนะครับผม ผมขอให้คุณโชคดีและมีความสุขนะครับ
    พนักงานร้านสุกี้ตี๋น้อย ดูแลลูกค้าตาบอด เห็นแล้วใจฟู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 86 0 รีวิว
  • จิ๋ม ล๊อค จู๋ เกิดขึ้นได้ในมนุษย์ (18+)

    ศัพท์ทางการแพทย์ เรียกว่า Vaginismus

    ปัญหา คือ หลังเสร็จกามกิจ ฝ่ายชายดึงจู๋(ไม่ออก) เกิดจาก จิ๋ม บีบ+รัด จู๋(อย่างรุนแรง) มีเกิดขึ้นจริง และแพทย์สามารถช่วยแก้ไขได้ คือ ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด.

    สาเหตุ เกิดจาก #ภาวะความผิดปกติของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor Dysfunction) คือ ภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการหดตัวหรือคลายตัวของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ตามที่ต้องการ เกิดในสตรี ทำให้การทำงานของช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์เกิดความผิดปกติ จะทำให้ไม่สามารถคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการรัดองคชาติของฝ่ายชาย(ดึงไม่ออก)

    การแก้ไข แพทย์ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อกับฝ่ายหญิง

    ***คำเตือน หากปล่อยไว้นาน จู๋ฝ่ายชายอาจพิการถาวร***

    -------------------------------
    ภาพแรก สอดใส่ไม่เข้า คงไม่มีปัญหาอะไรกับแพทย์และรพ.
    ภาพที่สอง เสร็จกิจแล้วดึงไม่ออก ต้องใช้ผ้าปูที่นอนห่อทั้งสองคน รีบนำส่ง รพ.ด่วน
    จิ๋ม ล๊อค จู๋ เกิดขึ้นได้ในมนุษย์ (18+) ศัพท์ทางการแพทย์ เรียกว่า Vaginismus ปัญหา คือ หลังเสร็จกามกิจ ฝ่ายชายดึงจู๋(ไม่ออก) เกิดจาก จิ๋ม บีบ+รัด จู๋(อย่างรุนแรง) มีเกิดขึ้นจริง และแพทย์สามารถช่วยแก้ไขได้ คือ ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด. สาเหตุ เกิดจาก #ภาวะความผิดปกติของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor Dysfunction) คือ ภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการหดตัวหรือคลายตัวของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ตามที่ต้องการ เกิดในสตรี ทำให้การทำงานของช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์เกิดความผิดปกติ จะทำให้ไม่สามารถคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการรัดองคชาติของฝ่ายชาย(ดึงไม่ออก) การแก้ไข แพทย์ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อกับฝ่ายหญิง ***คำเตือน หากปล่อยไว้นาน จู๋ฝ่ายชายอาจพิการถาวร*** ------------------------------- ภาพแรก สอดใส่ไม่เข้า คงไม่มีปัญหาอะไรกับแพทย์และรพ. ภาพที่สอง เสร็จกิจแล้วดึงไม่ออก ต้องใช้ผ้าปูที่นอนห่อทั้งสองคน รีบนำส่ง รพ.ด่วน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## อดีตรองประธาน Pfizer ออกโรงมาแฉ วัคซีน mRNA...!!! ##
    ..
    ..
    Michael Yeadon อดีตรองประธาน Pfizer เปิดเผยข้อมูล โดยอ้างว่าวัคซีนโควิดแบบ mRNA ถูกออกแบบมาโดยเจตนาเพื่อทำร้าย ทำให้ พิการ และ สังหาร ผู้คน โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ ลดอัตราการเจริญพันธุ์ของมนุษย์
    .
    Michael Yeadon เคยเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ รองประธานบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ไฟเซอร์ (Pfizer Inc.)
    .
    เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไบโอเทค ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย แต่เส้นทางอาชีพของเขากลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดคิด โดยเขาได้เป็นแกนนำในการต่อต้านวัคซีนในช่วงโควิด และถูก Fact Check โจมตีบ่อยครั้ง...
    ...
    ...
    ก็ฟังหูไว้หูครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้...
    หากใครอ่านข้อมูลเรื่องพวกนี้มามากพอ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้ไปนานแล้ว
    ...
    ...
    คลิป
    https://x.com/shadowofezra/status/1872665139213918651
    https://x.com/FreeThinkerFit/status/1654346036499062785
    ## อดีตรองประธาน Pfizer ออกโรงมาแฉ วัคซีน mRNA...!!! ## .. .. Michael Yeadon อดีตรองประธาน Pfizer เปิดเผยข้อมูล โดยอ้างว่าวัคซีนโควิดแบบ mRNA ถูกออกแบบมาโดยเจตนาเพื่อทำร้าย ทำให้ พิการ และ สังหาร ผู้คน โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ ลดอัตราการเจริญพันธุ์ของมนุษย์ . Michael Yeadon เคยเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ รองประธานบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ไฟเซอร์ (Pfizer Inc.) . เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไบโอเทค ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย แต่เส้นทางอาชีพของเขากลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดคิด โดยเขาได้เป็นแกนนำในการต่อต้านวัคซีนในช่วงโควิด และถูก Fact Check โจมตีบ่อยครั้ง... ... ... ก็ฟังหูไว้หูครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้... หากใครอ่านข้อมูลเรื่องพวกนี้มามากพอ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้ไปนานแล้ว ... ... คลิป https://x.com/shadowofezra/status/1872665139213918651 https://x.com/FreeThinkerFit/status/1654346036499062785
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความพิกลของสังคมตลาดล่าง กับสวนสัตว์มนุษย์
    การตุยของแบงก์เลสเตอร์ สะท้อนความพิกลพิการของสังคมไทยในหลายมิติเช่นเรื่องของคอนเทนต์ขยะ เอาใจตลาดล่างที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย มีดัชนีชี้วัดความสําเร็จเป็นยอดวิวยอดไลก์ที่คอนเทนต์กากกาก พวกนี้โกยรัวรัว
    คนสมัยนี้คิดแกล้งกันแรงแรง เหยียบย่ําความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของคนโดนใจคนไทยเรียกเสียงฮาเป็นคลิปที่ได้ยอดวิวยอดไลก์สูง นี่แหละที่เป็นความประหลาดผิดเพี้ยนของสังคม เวลาแบงค์เลสเตอร์โดนแกล้งเพื่อทําเป็นคอนเทนต์ขยะ จะเห็นเลยว่าคนแกล้งจะหัวเราะสนุกสนานกันจริงจัง
    ส่งต่อความสนุกเกรดต่ําพวกนี้ไปสู่ผู้ชมในโลกโซเชียลเมื่อมีการขุดคลิปย้อนหลังมาดูกันจะเห็นเลยว่าคอนเทนต์ขยะแนวที่เรียกว่า ฮิวแมนซู อย่างที่แบงก์เลสเตอร์เป็นพระเอกนั้นมันดูน่าอนาถน่าสงสารจับใจ
    ความยากจนของแบงก์เลสเตอร์ทําให้เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนมีเงิน ที่ไร้รสนิยมทั้งโขยง เอาเงินมาเป็นตัวล่อให้เขาต้องยอมทําเรื่องบ้าบ้าบอบอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
    จากเด็กกตัญญูขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย แบงก์เลสเตอร์ประสบความสําเร็จในการสร้างตัวตนให้กลายเป็นแร็ปเปอร์ขายพวงมาลัยตั้งแต่ประมาณสี่ปีก่อน ทั้งที่มีความเอ๋อๆ อยู่บ้างแต่เขาก็มีความสามารถในการร้องเพลงแร็ปจนลูกค้ายอมควักเงินอุดหนุนพวงมาลัยเพราะประทับใจในความสามารถส่วนนี้
    แต่อาชีพขายพวงมาลัยก็คือขายพวงมาลัย แบงค์เลสเตอร์พยายามผลักดันตัวเองไปสู่ชีวิตอีกระดับที่ดีกว่าถึงขั้นได้ออกรายการตี 10 ให้พิธีกร ซักถามพูดคุยอย่างออกรสมาแล้วแต่เทปนั้นของตีสิบมีปัญหาอย่างแรงจนวิทวัสต้องสั่งลบทิ้งในเวลาต่อมา
    เหตุจากแบงก์เลสเตอร์โม้ออกทีวีเพลินเกินจริงไปเยอะ เช่นอ้างว่าได้เล่นหนังของพจน์อานนท์ รู้จักกับซุปตาร์ อย่างณเดชน์และญาญ่า อ้างว่าพี่เบิร์ดธงชัยชวนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตตลอดจนจะได้ไปแสดงคอนเสิร์ตกับมิลลิแร็ปเปอร์หญิงดังถึงต่างประเทศ
    แบงก์เลสเตอร์ต้องร่วงลงมาที่เดิมเพราะมีปัญหาแยกไม่ออกระหว่างโลกความจริงกับจินตนาการส่วนตัว ก็มีผลให้แบงก์เลสเตอร์ต้องกลับมาหากินแถวตลาดล่างเหมือนเดิม จนมาถึงการจ้างซดเหล้าสามแบรนด์แบรนด์ละหนึ่งหมื่นบาท แล้วฤทธิ์เล่าปริมาณมากที่เข้าสู่ร่างกายในเวลาอันสั้นก็คร่าชีวิตเขาไปจบสิ้นชีวิตอินฟลูผู้น่าสงสารในวัยแค่ยี่สิบเอ็ดปี
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความพิกลของสังคมตลาดล่าง กับสวนสัตว์มนุษย์ การตุยของแบงก์เลสเตอร์ สะท้อนความพิกลพิการของสังคมไทยในหลายมิติเช่นเรื่องของคอนเทนต์ขยะ เอาใจตลาดล่างที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย มีดัชนีชี้วัดความสําเร็จเป็นยอดวิวยอดไลก์ที่คอนเทนต์กากกาก พวกนี้โกยรัวรัว คนสมัยนี้คิดแกล้งกันแรงแรง เหยียบย่ําความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของคนโดนใจคนไทยเรียกเสียงฮาเป็นคลิปที่ได้ยอดวิวยอดไลก์สูง นี่แหละที่เป็นความประหลาดผิดเพี้ยนของสังคม เวลาแบงค์เลสเตอร์โดนแกล้งเพื่อทําเป็นคอนเทนต์ขยะ จะเห็นเลยว่าคนแกล้งจะหัวเราะสนุกสนานกันจริงจัง ส่งต่อความสนุกเกรดต่ําพวกนี้ไปสู่ผู้ชมในโลกโซเชียลเมื่อมีการขุดคลิปย้อนหลังมาดูกันจะเห็นเลยว่าคอนเทนต์ขยะแนวที่เรียกว่า ฮิวแมนซู อย่างที่แบงก์เลสเตอร์เป็นพระเอกนั้นมันดูน่าอนาถน่าสงสารจับใจ ความยากจนของแบงก์เลสเตอร์ทําให้เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนมีเงิน ที่ไร้รสนิยมทั้งโขยง เอาเงินมาเป็นตัวล่อให้เขาต้องยอมทําเรื่องบ้าบ้าบอบอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน จากเด็กกตัญญูขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย แบงก์เลสเตอร์ประสบความสําเร็จในการสร้างตัวตนให้กลายเป็นแร็ปเปอร์ขายพวงมาลัยตั้งแต่ประมาณสี่ปีก่อน ทั้งที่มีความเอ๋อๆ อยู่บ้างแต่เขาก็มีความสามารถในการร้องเพลงแร็ปจนลูกค้ายอมควักเงินอุดหนุนพวงมาลัยเพราะประทับใจในความสามารถส่วนนี้ แต่อาชีพขายพวงมาลัยก็คือขายพวงมาลัย แบงค์เลสเตอร์พยายามผลักดันตัวเองไปสู่ชีวิตอีกระดับที่ดีกว่าถึงขั้นได้ออกรายการตี 10 ให้พิธีกร ซักถามพูดคุยอย่างออกรสมาแล้วแต่เทปนั้นของตีสิบมีปัญหาอย่างแรงจนวิทวัสต้องสั่งลบทิ้งในเวลาต่อมา เหตุจากแบงก์เลสเตอร์โม้ออกทีวีเพลินเกินจริงไปเยอะ เช่นอ้างว่าได้เล่นหนังของพจน์อานนท์ รู้จักกับซุปตาร์ อย่างณเดชน์และญาญ่า อ้างว่าพี่เบิร์ดธงชัยชวนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตตลอดจนจะได้ไปแสดงคอนเสิร์ตกับมิลลิแร็ปเปอร์หญิงดังถึงต่างประเทศ แบงก์เลสเตอร์ต้องร่วงลงมาที่เดิมเพราะมีปัญหาแยกไม่ออกระหว่างโลกความจริงกับจินตนาการส่วนตัว ก็มีผลให้แบงก์เลสเตอร์ต้องกลับมาหากินแถวตลาดล่างเหมือนเดิม จนมาถึงการจ้างซดเหล้าสามแบรนด์แบรนด์ละหนึ่งหมื่นบาท แล้วฤทธิ์เล่าปริมาณมากที่เข้าสู่ร่างกายในเวลาอันสั้นก็คร่าชีวิตเขาไปจบสิ้นชีวิตอินฟลูผู้น่าสงสารในวัยแค่ยี่สิบเอ็ดปี ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23-12-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP7 หนาวเนื้อ ห่มเนื้อ จึงหายหนาว!

    ไอ้สัส! เช้านี้ ล่อ 19 องศา กลางกรุง! ใครบ่นร้อน? เชิญมาอาบน้ำบ้านกูได้ เครื่องทำความร้อนเสีย กระต๊าก กระต๊าก! นี่มันน้ำจากขั้วโลกเหนือนี่หว่า? มันหนาวจัดสุดขีดตั้งแต่ ตี 1 ครึ่งแล้ว คารังอีไก่ หงส์จิกไก่ตายคารังไก่ หนาวยาว ตั้งแต่เปิดยันจบฤดูกาลแน่ มรึงจะเทพไปไหน? อีเรือจมแล้วจมอีก หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้มันส์ ตัวละครใหม่เข้ามาท้าทาย ยิ่งเข้าใกล้ BOXING DAY มรึงเตรียมแหกตาดูจุใจกันไปเลย 3 นัดติด ขอบคุณเพื่อนท็อฟฟี่ ที่ช่วยเตะตัดขาพญาสิงห์ที่กำลังห้าวเป้ง ให้ได้รู้ตัว ปีนี้ เค้าจองถ้วยแชมป์ไว้ล่วงหน้าแล้ว FA จัดให้ พรีเมียร์ลีคการละคร แทงกันไปสิ เจ้ามือแดร๊กรวบ? หงส์เจอไก่ ไม่มีนัดไหนยิงต่ำกว่า 3 เม็ด แทงสูงเข้าวินทะลุเป้า มรึงยิงกันโหดไปป่ะ นัดเดียว 9 ลูก ไอ้สัด ไม่ใช่แชร์บอลน่ะมรึง?

    อีเด สายเหลือง ปากดีน่ะมรึง? มรึงระวังตัวเองให้ดีดีเหอะ ไปรับงานเค้ามา ออกตัวแรงมักจะตายตอนจบ ชี้นำสังคมเหรอ คนฟังมรึงมีแต่ควาย? เพราะไร้สมอง เด็กแถวบ้านยังอายแทน ควายได้อีก? ส่วนอีแม่ ไม่ต้องถาม นับแบงค์อย่างเดียว เวรกรรมมีจริง เลือดเป็นพิษ ผีอีโม ไม่ปล่อยมรึงลอยนวลดอก ตามกันไปเผาผีกันต่อชาติหน้า มหากาพย์แรงแค้น ชาตินี้กูตาย ชาติหน้ามรึงตาย อโหสิกรรม แล้วตัดกรรมซะ ภาวนาให้อีอัยกวยสูงไม่สุดไม่รื้อคดีใหม่ จะอ้างเหี้ยอะไรก็ช่าง หลักฐาน คาตา อะไรเป็นอะไร ควายยังรู้ จงแถ จงเหี้ยให้สุดซอย แล้วจบที่ขุมนรกซะน่ะมรึง? แสงคือความจริง แล้วเมื่อแสงทำงาน จะไม่มีไอ้อีหน้าไหน หยุดความจริงได้ นั่นแปลว่า มันไม่จบแค่รื้อคดีหรือไม่ แต่มันจะกลายเป็นวาระแห่งชาติ ส่งสัญญานเบื้องบน หากไม่อยากให้ขบวนการยุติธรรมต้องตายทั้งระบบ หยุดเลือดชั่วซะ ทุกความอัปรีย์ที่มรึงพบเห็นในวันนี้ มันจะมลายสลายไปทันที เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วทหารมาเดินพาเหรดลงถนน โดยส่งลูกหลานบางระจันรุ่นที่ 99 ออกมาขับเคลื่อน วิญญานผีอีโม รับรู้แล้วว่า ชาวอโยธยาจะไม่ทอดทิ้งเธอให้เดียวดาย U WILL NEVER WALK ALONE ใครเคยให้สัมภาษณ์อะไรเอาไว้ ระวังให้ดีดี เพราะให้การเท็จ มันจะย้อนศรมรึง มรึงจะแต่งเรื่องยังไงก็ช่าง มันจะจบที่ หลัง 20.36 น. พวกมรึงไม่ได้เห็นผีอีโมอีกแล้ว ปากคำมันจะฆ่ามรึงเอง!

    สิ่งที่รอคอยกำลังจะมา? ขั้วใหม่รออะไร? ฟองสบู่แตก ระบบการเงินโลกเก่าพังพินาศฉิบหาย เพราะอุ้มดอลล่าร์ จนตายห่าทั้งกะปิ? อีทรัมปป์เตรียมสั่งพิมพ์แบงค์มโหฬาร ชาวโลกถาม? ใครจะจ่าย? มีแต่เศษกระดาษ มีแต่ควายที่รับ? เอาไปเผาเหรอจ๊ะ? เชื่อเหอะว่า สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องทำก่อน คือจัดการเรื่องภายในบ้าน ทั้งผู้อพยพ ทั้งปากท้อง ทั้งศัตรูการเมือง มรึงจะมีเวลาไปยุ่งกับรัสเซียน้อยลง และปล่อยให้ไอ้อีนาโต้ หมาหน้าโง่ ไปตายห่าแทน ปล่อย EU แบกดอลล่าร์ต่อ ควายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? ประชากรควายทั่วยุโรป มรึงรู้ตัวบ้างมั้ยว่า "หาเงินส่งให้อียิวมาเป็นศตวรรษ ผ่านผู้นำขี้ข้ายิวทุกยุคทุกสมัย" รัสเซียอ่านเกมส์ทะลุ ถึงได้กล้าเปิดหน้าแลก เกมส์นุ๊กต้องมา บุกยึดต้องมี ขยายพื้นที่เข้ายุโรปกลาง แต่จะไม่เร่งเดิน แต่จะให้ยุโรปเห็นสภาพความจริงเอง เมื่อรู้ตัวว่าเป็นควาย มันจะย้ายขั้วเองโดยอัตโนมัติ ที่มาว่าทำไมตอนนี้ ยุโรปเรียกร้องพลังงานรัสเซียคืน บีบผู้นำมรึงเองจนเก้าอี้หัก ด้านเอเซีย ก็ใช่ย่อย โกยสิจ๊ะ สงครามมา อะไรมีค่าที่สุด "เสบียง" ถึงได้เลือกทำสงครามใหญ่หน้าหนาวไงล่ะ เพราะรัสเซียมีอาหารตุนไว้เพี๊ยบ พลังงานล้นทะลัก แจกจ่ายสบายตรีน แต่ยุโรปไม่มี ยังต้องแบมือขอ ใครมองมุมไหน มรึงก็แพ้ตั้งแต่เริ่ม? ขนาดกลางบางกอก ยัง 19 องศาเช้านี้ ยุโรปไม่ต้องถาม หนาวตายห่าไปเท่าไหร่แล้ว? ฮีทเตอร์ไม่มา ค่าไฟไม่มี เพราะระบบพื้นฐานมันพังไปหมดแล้ว ยังจะมีหนาวตายอีกเยอะ รอดู?

    จะหมาไปถึงไหนกันจ๊ะ? เหี้ยมะกัน "หน้าแหกยับ" F-18 ชั้นสูง คุยไว้เยอะ ร่วงคาตา ฮูตีตบหน้าออกสื่อ "กูสอยเอง ดีออก" ตอแหลไม่เลิก เหี้ยมะกันอ้างยิงกันเอง ยังจะมีควายเชื่อมุย? ควายแล้ว ควายอีก ควายไม่ปรึกษาใคร โปรตะวันตก กลายร่างเป็นควายกันหมดโลกแล้วรึ? จนควายต้องออกมาเรียกร้อง โปรดเรียกกูใหม่ว่า "กระบือ" เพราะไอ้อีมนุษย์ควายมันเอาชื่อกูไปใช้หมดแล้ว เทคโนโลยีสู้เค้าไม่ได้ แผนการก็อ่อนหัด เก่งแต่จัดฉาก ตอแหลไปวันวัน สู้จริง อย่างหมา! อ้าว..เงียบกริบเชียวน่ะมรึง! ข่าวเยรูซาเล็มตามสื่อควายหายไปไหนกันหมด? อ๋อ..จุกอก โดนสอย กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จนลิ้นจุกปากอยู่ไงจ๊ะ? อีเนรคุณทันยา หายหัวเชียวมรึง? ปากเก่ง ปากดี อยู่ไหนจ๊ะ? หลังอีไก่งวงเข้าไปผลัดแผ่นดินใหม่ให้ซีเรีย ข่าวเงียบทันควัน เพราะโดนรมควันอยู่จ๊ะ ควันดินปืนฟุ้งกระจาย ไก่งวงทำงานเร็วเชียวน่ะมรึง หลังจ้องบ่อน้ำมันซีเรียมานาน กูมายึดคืน ให้กูซะดีดี ค่ายทหารมะกันเตรียมเผ่น งวดนี้ ของจริง F-16 กว่า 200 ลำ เตรียมดาหน้าถล่มม้วนเดียวจบ จะอยู่ให้โง่รึจ๊ะ? รู้แล้วชิมิ? ทำไมต้อง "ออตโตมาน" ทหารซีเรีย อิรัก เก็บแรงเอาไว้ หน้าที่มรึงคือ ที่ราบสูงโกลาน เป้าหมายชัด!

    สิ้นปีนี้มีอะไรรึจ๊ะ? โปรไฟไหม้มาเต็ม โปรล้างบางมาชัด! รัสเซียเก็บกวาดเคียฟ 3 ฮอ เก็บกวาดเยรูซาเล็ม ไก่งวงเก็บกวาดบ่อน้ำมันเคิร์ด ยุโรปเก็บกวาดผู้นำขี้ข้ายิว ขวาจัดแจ้งเกิด มาเต็มตรีน! ค่าไฟ ภาษี ค่าใช้จ่ายท่วมหัว รายการชักดาบมาทั่วยุโรป เศรษฐกิจพังยับ โรงงานปิด คนตกงาน สวัสดิการไม่มี คลังถังแตก ชีวิตดี๊ดี กับปชต.หอมหวน แดร๊กกันต่อสิจ๊ะ? เกมส์โลกไม่เขยิบ เกมส์ไทยจะแซงหน้าได้ไง? ทุกอย่างมันไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเลือกแล้ว แต่ขี้ข้าเหี้ยหาช่องลงบันไดอยู่ อีปินส์สิ้นชาติ อีขะแมร์สิ้นฤทธิ์ ไม่มีจีน มรึงก็ NOBODY ย้ำว่า อย่าห่วงอโยธยา เพราะไม่ว่าเหี้ยจะส่งเรือเหี้ยอะไรเข้ามา คือถูกล้อมหมด จีนเค้าปักหมุดรอไว้แล้ว รัสเซียเตรียมขนของหนักเข้ามาอ่าวไทย ไม่ได้ยิงใคร แค่ขู่ให้รู้ว่า กูพร้อมฆ่า หากมรึงต้องการ? เกาะคูริว ใกล้แค่นี้ สั่งแป๊บเดียวก็มาถึง? จบเรื่องอีว้าแดง เรื่องเกาะกูด แค่ละครปาหี่คั่นฉาก MOU44 เป็นแค่เรียกน้ำย่อย อำนาจอธิปไตยไทย อยู่ในมือพ่อหลวงท่าน ไม่เซ็นต์ ไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ อยากลองดี กองทัพไทยพร้อมเชือด มาสิ ไอ้สัส! กองทัพของวัง ไม่ใช่ของมรึง ดีออก? จะปีใหม่แล้ว คิดใหม่ ทำใหม่ เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่าน่ะ?

    ปล.ที่มาว่าทำไม บรรดาอีพ่อมดยิวหาแดร๊ก เทหุ้น ขายหุ้นเกลื่อน ต่างพากันอุ้มเงินสดไว้ในมือ เพราะไม่มีความแน่นอนในสินทรัพย์ เงินในมือไปแปรรูปเป็นทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในเอเซียดีกว่ายุโรป อเมริกา เพราะเข็มทิศโลกชี้ไปทางนี้อีก 100 ปี อีบุฟเฟ่ต์ หัวหมอ อียิวมันจมูกไว วอลล์สตรีทแค่ตลาดหลอกควาย ดูดเงินมรึงเอาไปปั่นไปกลับ หาแดร๊กมาเป็นศตวรรษ ภาคผลิตไม่มีจริง แค่ตัวกลางดักแดร๊กส่วนต่าง อเมริกามันไม่มีตัวตนนานแล้ว อยู่ได้เพราะควายมันเยอะ อยู่ได้เพราะเล่นแต่กฎหมา เจอของจริง โลกเอาจริง หมา..ไปไม่เป็น! อีโสมขาว เพิ่งจะสำนึก จะสิ้นปี ยอดนักท่องเที่ยวร่วงไม่ถึงเป้า สั่งสอนเป็นแค่ไก่อย่าริชูคอเป็นพญาหงส์(เกี่ยวมั้ยเนี่ย? อินเกิน) พอ BP แตกวง หมดสัญญา ไปฉายเดี่ยวกันหมด รายได้หดหายแบบหน้ามือเป้นหลังส้นตรีน เป็นไงล่ะ ไปทำกับเค้าไว้เยอะ ก่อน LS จะมา ศิลปินต่างชาติโดนกันไปเท่าไหร่แล้ว เวรกรรมมีจริง มรึงไม่ต้องดูไกล? อีขะแมร์โจมตีไทยรายวัน จัดฉากสนิทอีเหลี่ยม หวังเสี้ยมไทยแตก แล้วมรึงดู ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว จีนตบหน้าหงาย ขุดคลองฟูนันเตโช เมกะโปรเจคใหญ่ ที่หวังดูดเงินเข้าไม่ผ่านไทย เจ๊งไม่เป็นท่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ไม่มีใครหนีกรรมพ้นดอก" ไม่ว่าจะเรื่องอะไร? กรรมมีวิธีของมันเอง กรรมมันจะตามล่าไม่สิ้นสุด ยิ่งหนี ยิ่งเจอ ทางเดียวที่จะต่อสู้กับกรรมได้ คือ "รับกรรม และชดใช้กรรมซะ" แล้วมันจะจากไปเอง?

    ปล.2 สุขภาพต้องดี จิตใจต้องแจ่มใส อะไรที่เป็นขยะในสมอง เอามันออกไปก่อนข้ามปี ปลงแล้วใจจะเบาลง ปลงแล้วสติจะกลับมา ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ใครเครียดอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องหนี้ ค่าใช้จ่าย ขอให้รู้ไว้ว่า มีคนที่ลำบากกว่ามรึงอีกเยอะ คนพิการ คนสู้ชีวิต หาเช้ากินค่ำ แค่เท้ายังเดินได้ กินอาหารรู้รสชาด มือ แขน ยังทำงานได้ดี สติยังมีอยู่ อัลไซเมอร์ยังไม่เรียกหา มรึงยังจะต้องการอะไรอีก? ทรัพย์สินแค่ของนอกกาย มีเท่าไหร่ มรึงก็ไม่ได้ครอบครองดอก แม้แต่ร่างกายมรึงเอง ยังต้องลาจากกัน หาเงินแต่พอดี อย่าหาเงินเพื่อทรมานตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่มรึงหาได้ แต่อยู่ที่มรึงจ่ายต่างหาก หากคิดอะไรไม่ออก ให้ไปหาวัด? คิดเอาเอง เค้ามีแต่ปล่อยหมาเข้าวัด หมามันพูดไม่ได้ ต้องมีคนให้อาหารมัน มรึงยังพูดได้ ยังสื่อสารภาษาคนได้ ไม่มีอดตายดอกน่ะ คนอดตายมีแค่ ไม่ทำห่าอะไรเลยต่างหาก! กินแค่ 3 มื้อ พออิ่ม ยังต้องการอะไรอีก?

    หมี CNN(เปิดเช้าวันจันทร์ด้วยหงส์ แต่จบลงด้วยหมา หมายังดี มันยังซื่อสัตย์ แต่คนใจหมา แม้แต่แผ่นดินเกิด ยังเนรคุณได้ คนกับหมา คือเพื่อนกัน หมารู้คุณคน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนรู้คุณนาย คำว่าสัตว์ประเสริฐ คือมีโอกาสมากกว่าเดรัจฉาน แต่ใจคนยากหยั่งถึง ใจเป็นบาป มรึงก็ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน สติถึงต้องมี แดร๊กเหล้าแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปไล่ยิงคน แค่เด็กเช็คบิล มรึงไม่ต้องตอแหล ยิงซ้ำเนี่ย คือ "ชัด" โทสะมรึงชิมิ งั้นกฎหมายก็เด็ดขาดเช่นกัน ขาดสติ คือขาดความเป็นมนุษย์ มรึงไม่ใช่คน)
    23 ธันวาคม 67(ใกล้คริสต์มาสแล้ว เดี๋ยวเปิดเพลงให้ฟัง "ซาตานคลอส อิส คัมมิ้ง ฟัคกิ้งยิว")
    11.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    23-12-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP7 หนาวเนื้อ ห่มเนื้อ จึงหายหนาว! ไอ้สัส! เช้านี้ ล่อ 19 องศา กลางกรุง! ใครบ่นร้อน? เชิญมาอาบน้ำบ้านกูได้ เครื่องทำความร้อนเสีย กระต๊าก กระต๊าก! นี่มันน้ำจากขั้วโลกเหนือนี่หว่า? มันหนาวจัดสุดขีดตั้งแต่ ตี 1 ครึ่งแล้ว คารังอีไก่ หงส์จิกไก่ตายคารังไก่ หนาวยาว ตั้งแต่เปิดยันจบฤดูกาลแน่ มรึงจะเทพไปไหน? อีเรือจมแล้วจมอีก หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว ปีนี้มันส์ ตัวละครใหม่เข้ามาท้าทาย ยิ่งเข้าใกล้ BOXING DAY มรึงเตรียมแหกตาดูจุใจกันไปเลย 3 นัดติด ขอบคุณเพื่อนท็อฟฟี่ ที่ช่วยเตะตัดขาพญาสิงห์ที่กำลังห้าวเป้ง ให้ได้รู้ตัว ปีนี้ เค้าจองถ้วยแชมป์ไว้ล่วงหน้าแล้ว FA จัดให้ พรีเมียร์ลีคการละคร แทงกันไปสิ เจ้ามือแดร๊กรวบ? หงส์เจอไก่ ไม่มีนัดไหนยิงต่ำกว่า 3 เม็ด แทงสูงเข้าวินทะลุเป้า มรึงยิงกันโหดไปป่ะ นัดเดียว 9 ลูก ไอ้สัด ไม่ใช่แชร์บอลน่ะมรึง? อีเด สายเหลือง ปากดีน่ะมรึง? มรึงระวังตัวเองให้ดีดีเหอะ ไปรับงานเค้ามา ออกตัวแรงมักจะตายตอนจบ ชี้นำสังคมเหรอ คนฟังมรึงมีแต่ควาย? เพราะไร้สมอง เด็กแถวบ้านยังอายแทน ควายได้อีก? ส่วนอีแม่ ไม่ต้องถาม นับแบงค์อย่างเดียว เวรกรรมมีจริง เลือดเป็นพิษ ผีอีโม ไม่ปล่อยมรึงลอยนวลดอก ตามกันไปเผาผีกันต่อชาติหน้า มหากาพย์แรงแค้น ชาตินี้กูตาย ชาติหน้ามรึงตาย อโหสิกรรม แล้วตัดกรรมซะ ภาวนาให้อีอัยกวยสูงไม่สุดไม่รื้อคดีใหม่ จะอ้างเหี้ยอะไรก็ช่าง หลักฐาน คาตา อะไรเป็นอะไร ควายยังรู้ จงแถ จงเหี้ยให้สุดซอย แล้วจบที่ขุมนรกซะน่ะมรึง? แสงคือความจริง แล้วเมื่อแสงทำงาน จะไม่มีไอ้อีหน้าไหน หยุดความจริงได้ นั่นแปลว่า มันไม่จบแค่รื้อคดีหรือไม่ แต่มันจะกลายเป็นวาระแห่งชาติ ส่งสัญญานเบื้องบน หากไม่อยากให้ขบวนการยุติธรรมต้องตายทั้งระบบ หยุดเลือดชั่วซะ ทุกความอัปรีย์ที่มรึงพบเห็นในวันนี้ มันจะมลายสลายไปทันที เมื่อฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วทหารมาเดินพาเหรดลงถนน โดยส่งลูกหลานบางระจันรุ่นที่ 99 ออกมาขับเคลื่อน วิญญานผีอีโม รับรู้แล้วว่า ชาวอโยธยาจะไม่ทอดทิ้งเธอให้เดียวดาย U WILL NEVER WALK ALONE ใครเคยให้สัมภาษณ์อะไรเอาไว้ ระวังให้ดีดี เพราะให้การเท็จ มันจะย้อนศรมรึง มรึงจะแต่งเรื่องยังไงก็ช่าง มันจะจบที่ หลัง 20.36 น. พวกมรึงไม่ได้เห็นผีอีโมอีกแล้ว ปากคำมันจะฆ่ามรึงเอง! สิ่งที่รอคอยกำลังจะมา? ขั้วใหม่รออะไร? ฟองสบู่แตก ระบบการเงินโลกเก่าพังพินาศฉิบหาย เพราะอุ้มดอลล่าร์ จนตายห่าทั้งกะปิ? อีทรัมปป์เตรียมสั่งพิมพ์แบงค์มโหฬาร ชาวโลกถาม? ใครจะจ่าย? มีแต่เศษกระดาษ มีแต่ควายที่รับ? เอาไปเผาเหรอจ๊ะ? เชื่อเหอะว่า สิ่งที่อีทรัมปป์ต้องทำก่อน คือจัดการเรื่องภายในบ้าน ทั้งผู้อพยพ ทั้งปากท้อง ทั้งศัตรูการเมือง มรึงจะมีเวลาไปยุ่งกับรัสเซียน้อยลง และปล่อยให้ไอ้อีนาโต้ หมาหน้าโง่ ไปตายห่าแทน ปล่อย EU แบกดอลล่าร์ต่อ ควายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? ประชากรควายทั่วยุโรป มรึงรู้ตัวบ้างมั้ยว่า "หาเงินส่งให้อียิวมาเป็นศตวรรษ ผ่านผู้นำขี้ข้ายิวทุกยุคทุกสมัย" รัสเซียอ่านเกมส์ทะลุ ถึงได้กล้าเปิดหน้าแลก เกมส์นุ๊กต้องมา บุกยึดต้องมี ขยายพื้นที่เข้ายุโรปกลาง แต่จะไม่เร่งเดิน แต่จะให้ยุโรปเห็นสภาพความจริงเอง เมื่อรู้ตัวว่าเป็นควาย มันจะย้ายขั้วเองโดยอัตโนมัติ ที่มาว่าทำไมตอนนี้ ยุโรปเรียกร้องพลังงานรัสเซียคืน บีบผู้นำมรึงเองจนเก้าอี้หัก ด้านเอเซีย ก็ใช่ย่อย โกยสิจ๊ะ สงครามมา อะไรมีค่าที่สุด "เสบียง" ถึงได้เลือกทำสงครามใหญ่หน้าหนาวไงล่ะ เพราะรัสเซียมีอาหารตุนไว้เพี๊ยบ พลังงานล้นทะลัก แจกจ่ายสบายตรีน แต่ยุโรปไม่มี ยังต้องแบมือขอ ใครมองมุมไหน มรึงก็แพ้ตั้งแต่เริ่ม? ขนาดกลางบางกอก ยัง 19 องศาเช้านี้ ยุโรปไม่ต้องถาม หนาวตายห่าไปเท่าไหร่แล้ว? ฮีทเตอร์ไม่มา ค่าไฟไม่มี เพราะระบบพื้นฐานมันพังไปหมดแล้ว ยังจะมีหนาวตายอีกเยอะ รอดู? จะหมาไปถึงไหนกันจ๊ะ? เหี้ยมะกัน "หน้าแหกยับ" F-18 ชั้นสูง คุยไว้เยอะ ร่วงคาตา ฮูตีตบหน้าออกสื่อ "กูสอยเอง ดีออก" ตอแหลไม่เลิก เหี้ยมะกันอ้างยิงกันเอง ยังจะมีควายเชื่อมุย? ควายแล้ว ควายอีก ควายไม่ปรึกษาใคร โปรตะวันตก กลายร่างเป็นควายกันหมดโลกแล้วรึ? จนควายต้องออกมาเรียกร้อง โปรดเรียกกูใหม่ว่า "กระบือ" เพราะไอ้อีมนุษย์ควายมันเอาชื่อกูไปใช้หมดแล้ว เทคโนโลยีสู้เค้าไม่ได้ แผนการก็อ่อนหัด เก่งแต่จัดฉาก ตอแหลไปวันวัน สู้จริง อย่างหมา! อ้าว..เงียบกริบเชียวน่ะมรึง! ข่าวเยรูซาเล็มตามสื่อควายหายไปไหนกันหมด? อ๋อ..จุกอก โดนสอย กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จนลิ้นจุกปากอยู่ไงจ๊ะ? อีเนรคุณทันยา หายหัวเชียวมรึง? ปากเก่ง ปากดี อยู่ไหนจ๊ะ? หลังอีไก่งวงเข้าไปผลัดแผ่นดินใหม่ให้ซีเรีย ข่าวเงียบทันควัน เพราะโดนรมควันอยู่จ๊ะ ควันดินปืนฟุ้งกระจาย ไก่งวงทำงานเร็วเชียวน่ะมรึง หลังจ้องบ่อน้ำมันซีเรียมานาน กูมายึดคืน ให้กูซะดีดี ค่ายทหารมะกันเตรียมเผ่น งวดนี้ ของจริง F-16 กว่า 200 ลำ เตรียมดาหน้าถล่มม้วนเดียวจบ จะอยู่ให้โง่รึจ๊ะ? รู้แล้วชิมิ? ทำไมต้อง "ออตโตมาน" ทหารซีเรีย อิรัก เก็บแรงเอาไว้ หน้าที่มรึงคือ ที่ราบสูงโกลาน เป้าหมายชัด! สิ้นปีนี้มีอะไรรึจ๊ะ? โปรไฟไหม้มาเต็ม โปรล้างบางมาชัด! รัสเซียเก็บกวาดเคียฟ 3 ฮอ เก็บกวาดเยรูซาเล็ม ไก่งวงเก็บกวาดบ่อน้ำมันเคิร์ด ยุโรปเก็บกวาดผู้นำขี้ข้ายิว ขวาจัดแจ้งเกิด มาเต็มตรีน! ค่าไฟ ภาษี ค่าใช้จ่ายท่วมหัว รายการชักดาบมาทั่วยุโรป เศรษฐกิจพังยับ โรงงานปิด คนตกงาน สวัสดิการไม่มี คลังถังแตก ชีวิตดี๊ดี กับปชต.หอมหวน แดร๊กกันต่อสิจ๊ะ? เกมส์โลกไม่เขยิบ เกมส์ไทยจะแซงหน้าได้ไง? ทุกอย่างมันไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเลือกแล้ว แต่ขี้ข้าเหี้ยหาช่องลงบันไดอยู่ อีปินส์สิ้นชาติ อีขะแมร์สิ้นฤทธิ์ ไม่มีจีน มรึงก็ NOBODY ย้ำว่า อย่าห่วงอโยธยา เพราะไม่ว่าเหี้ยจะส่งเรือเหี้ยอะไรเข้ามา คือถูกล้อมหมด จีนเค้าปักหมุดรอไว้แล้ว รัสเซียเตรียมขนของหนักเข้ามาอ่าวไทย ไม่ได้ยิงใคร แค่ขู่ให้รู้ว่า กูพร้อมฆ่า หากมรึงต้องการ? เกาะคูริว ใกล้แค่นี้ สั่งแป๊บเดียวก็มาถึง? จบเรื่องอีว้าแดง เรื่องเกาะกูด แค่ละครปาหี่คั่นฉาก MOU44 เป็นแค่เรียกน้ำย่อย อำนาจอธิปไตยไทย อยู่ในมือพ่อหลวงท่าน ไม่เซ็นต์ ไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ อยากลองดี กองทัพไทยพร้อมเชือด มาสิ ไอ้สัส! กองทัพของวัง ไม่ใช่ของมรึง ดีออก? จะปีใหม่แล้ว คิดใหม่ ทำใหม่ เอาตัวให้รอดก่อนดีกว่าน่ะ? ปล.ที่มาว่าทำไม บรรดาอีพ่อมดยิวหาแดร๊ก เทหุ้น ขายหุ้นเกลื่อน ต่างพากันอุ้มเงินสดไว้ในมือ เพราะไม่มีความแน่นอนในสินทรัพย์ เงินในมือไปแปรรูปเป็นทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในเอเซียดีกว่ายุโรป อเมริกา เพราะเข็มทิศโลกชี้ไปทางนี้อีก 100 ปี อีบุฟเฟ่ต์ หัวหมอ อียิวมันจมูกไว วอลล์สตรีทแค่ตลาดหลอกควาย ดูดเงินมรึงเอาไปปั่นไปกลับ หาแดร๊กมาเป็นศตวรรษ ภาคผลิตไม่มีจริง แค่ตัวกลางดักแดร๊กส่วนต่าง อเมริกามันไม่มีตัวตนนานแล้ว อยู่ได้เพราะควายมันเยอะ อยู่ได้เพราะเล่นแต่กฎหมา เจอของจริง โลกเอาจริง หมา..ไปไม่เป็น! อีโสมขาว เพิ่งจะสำนึก จะสิ้นปี ยอดนักท่องเที่ยวร่วงไม่ถึงเป้า สั่งสอนเป็นแค่ไก่อย่าริชูคอเป็นพญาหงส์(เกี่ยวมั้ยเนี่ย? อินเกิน) พอ BP แตกวง หมดสัญญา ไปฉายเดี่ยวกันหมด รายได้หดหายแบบหน้ามือเป้นหลังส้นตรีน เป็นไงล่ะ ไปทำกับเค้าไว้เยอะ ก่อน LS จะมา ศิลปินต่างชาติโดนกันไปเท่าไหร่แล้ว เวรกรรมมีจริง มรึงไม่ต้องดูไกล? อีขะแมร์โจมตีไทยรายวัน จัดฉากสนิทอีเหลี่ยม หวังเสี้ยมไทยแตก แล้วมรึงดู ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว จีนตบหน้าหงาย ขุดคลองฟูนันเตโช เมกะโปรเจคใหญ่ ที่หวังดูดเงินเข้าไม่ผ่านไทย เจ๊งไม่เป็นท่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ไม่มีใครหนีกรรมพ้นดอก" ไม่ว่าจะเรื่องอะไร? กรรมมีวิธีของมันเอง กรรมมันจะตามล่าไม่สิ้นสุด ยิ่งหนี ยิ่งเจอ ทางเดียวที่จะต่อสู้กับกรรมได้ คือ "รับกรรม และชดใช้กรรมซะ" แล้วมันจะจากไปเอง? ปล.2 สุขภาพต้องดี จิตใจต้องแจ่มใส อะไรที่เป็นขยะในสมอง เอามันออกไปก่อนข้ามปี ปลงแล้วใจจะเบาลง ปลงแล้วสติจะกลับมา ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ใครเครียดอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องหนี้ ค่าใช้จ่าย ขอให้รู้ไว้ว่า มีคนที่ลำบากกว่ามรึงอีกเยอะ คนพิการ คนสู้ชีวิต หาเช้ากินค่ำ แค่เท้ายังเดินได้ กินอาหารรู้รสชาด มือ แขน ยังทำงานได้ดี สติยังมีอยู่ อัลไซเมอร์ยังไม่เรียกหา มรึงยังจะต้องการอะไรอีก? ทรัพย์สินแค่ของนอกกาย มีเท่าไหร่ มรึงก็ไม่ได้ครอบครองดอก แม้แต่ร่างกายมรึงเอง ยังต้องลาจากกัน หาเงินแต่พอดี อย่าหาเงินเพื่อทรมานตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่มรึงหาได้ แต่อยู่ที่มรึงจ่ายต่างหาก หากคิดอะไรไม่ออก ให้ไปหาวัด? คิดเอาเอง เค้ามีแต่ปล่อยหมาเข้าวัด หมามันพูดไม่ได้ ต้องมีคนให้อาหารมัน มรึงยังพูดได้ ยังสื่อสารภาษาคนได้ ไม่มีอดตายดอกน่ะ คนอดตายมีแค่ ไม่ทำห่าอะไรเลยต่างหาก! กินแค่ 3 มื้อ พออิ่ม ยังต้องการอะไรอีก? หมี CNN(เปิดเช้าวันจันทร์ด้วยหงส์ แต่จบลงด้วยหมา หมายังดี มันยังซื่อสัตย์ แต่คนใจหมา แม้แต่แผ่นดินเกิด ยังเนรคุณได้ คนกับหมา คือเพื่อนกัน หมารู้คุณคน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนรู้คุณนาย คำว่าสัตว์ประเสริฐ คือมีโอกาสมากกว่าเดรัจฉาน แต่ใจคนยากหยั่งถึง ใจเป็นบาป มรึงก็ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน สติถึงต้องมี แดร๊กเหล้าแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ไปไล่ยิงคน แค่เด็กเช็คบิล มรึงไม่ต้องตอแหล ยิงซ้ำเนี่ย คือ "ชัด" โทสะมรึงชิมิ งั้นกฎหมายก็เด็ดขาดเช่นกัน ขาดสติ คือขาดความเป็นมนุษย์ มรึงไม่ใช่คน) 23 ธันวาคม 67(ใกล้คริสต์มาสแล้ว เดี๋ยวเปิดเพลงให้ฟัง "ซาตานคลอส อิส คัมมิ้ง ฟัคกิ้งยิว") 11.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 646 มุมมอง 0 รีวิว
  • การหย่าร้างในสมัยจีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ ในเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> พูดถึงการหย่าร้างแบบสมัครใจทั้งสองฝ่ายหรือที่เรียกว่า ‘เหอหลี’ (和离) บ่อยครั้ง ชวนให้ Storyฯ คิดถึงนิยายและซีรีส์ไม่น้อยที่กล่าวถึงการเลิกรากันด้วยวิธีต่างๆ

    วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการหย่าร้างหรือเลิกราของสามีภรรยาในจีนโบราณว่ามีกี่วิธี

    วิธีแรกคือบุรุษเป็นฝ่ายทิ้งสตรี หรือที่เรียกว่า ‘ซิว’ (休) หรือ ‘ชู’ (出) หรือ ‘ชวี่’ (去) โดยมีหลักการว่า ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ (七出,三不去) ซึ่งเป็นหลักการที่เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) และพัฒนาขึ้นมาเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ผ่านหลายยุคหลายสมัย

    มีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึงหลักการ ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ นี้โดยละเอียด เพื่อนเพจสามารถหาอ่านดูได้ Storyฯ ขอพูดแบบสรุปว่า หากภรรยาเข้าข่ายประการใดประการหนึ่งในเจ็ดประการนี้สามีและ/หรือพ่อแม่สามีสามารถขับภรรยาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายหญิง ขอเพียงสองฝ่ายรับทราบและมีพยานลงนามรับรู้ถือว่าจบ แต่หากฝ่ายชายทิ้งเมียโดยไม่เข้าข่ายเจ็ดข้อนี้ ก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย อย่างในสมัยถังคือให้ไปเป็นแรงงานหนักหนึ่งปีครึ่ง และเจ็ดประการนี้คือ (1) ไม่เชื่อฟังพ่อแม่สามี (2) ไม่มีบุตรชาย (3) คบชู้สู่ชาย (4) หึงหวงสามี (5) มีโรคร้ายหรือพิการ (6) ปากไม่ดี และ (7) ลักขโมย

    และแม้ว่าภรรยาจะเข้าข่ายเจ็ดประการนี้ แต่หากมีความจำเป็นหนึ่งในสามลักษณะนี้ กฎหมายก็ห้ามไม่ให้บุรุษทิ้งเมีย กล่าวคือ (ก) ภรรยาเมื่อถูกทิ้งและขับออกจากเรือนของสามีแล้วจะไม่มีที่ไป เช่น ตอนแต่งงานพ่อแม่ของสตรียังมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้เสียไปแล้ว (ข) ได้เคยร่วมไว้ทุกข์ให้พ่อแม่สามีนานสามปีแล้ว ถือว่ามีความกตัญญูอย่างยิ่งยวดจนไม่อาจขับไล่ และ (ค) สามีแต่งภรรยามาตอนยากจน พอรวยแล้วจะทิ้งเมีย ทำไม่ได้ หากใครฝ่าฝืนก็มีบทลงโทษทางกฎหมายเช่นกัน อย่างในสมัยถังคือโบยหนึ่งร้อยครั้ง

    การเลิกราแบบที่สองคือ ‘อี้เจวี๋ย’ (义绝 /ตัดสัมพันธ์) หรือการบังคับหย่าโดยอำนาจศาลหรือที่ว่าการท้องถิ่น ปรากฏครั้งแรกในประมวลกฎหมายถัง ซึ่งถูกประกาศใช้ในยุคถังเกาจง (ฮ่องเต้องค์ที่สามแห่งราชวงศ์ถัง) เมื่อปีค.ศ. 653 เป็นกรณีที่ฝ่ายหญิงถูกสามีหรือคนในบ้านสามีกระทำรุนแรง เช่น ตบตีทำร้ายร่างกายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด บังคับให้ภรรยาไปหลับนอนกับชายอื่น เอาเมียไปขาย หรือมีการประทุษร้ายรุนแรงต่อครอบครัวจนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้แล้ว เช่น ฆ่าพ่อแม่ของอีกฝ่าย เป็นต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้ ไม่ว่าฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจฟ้องหย่าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีกฎหมายนี้ แม้ว่าสตรีจะร้องทุกข์เพื่อขอหย่ายังมักถูกตัดสินให้รับโทษด้วยเพราะถูกมองว่าการร้องเรียนสามีหรือครอบครัวสามีเป็นการกระทำที่ไม่ถูกจรรยาของสตรี แต่เมื่อมีกฎหมายรองรับแล้ว การบังคับหย่าจึงเป็นเส้นทางสู่อิสรภาพของสตรีวิธีหนึ่ง และเป็นการตัดสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลอีกด้วย

    และการเลิกราแบบสุดท้ายคือการหย่าร้างแบบสมัครใจทั้งสองฝ่ายหรือที่เรียกว่า ‘เหอหลี’ (和离) ซึ่งว่ากันว่ามีปฏิบัติกันมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยราชวงศ์ฉิน แต่... มันไม่ได้เป็นกฎหมายบังคับใช้จวบจนสมัยถัง โดยประมวลกฎหมายแห่งถังบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อสามีภรรยาไม่พอใจซึ่งกันและกันจนไม่สามารถอยู่ร่วมครองเรือนกันต่อไปได้แล้วนั้น ให้เลิกรากันได้โดยไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมาย

    แม้ว่าบทกฎหมายดังกล่าวจะถูกใช้ต่อมาอีกหลายยุคสมัย แต่ไม่มีการอธิบายหลักการนี้เพิ่มเติม และในปัจจุบันยังมีบทความวิเคราะห์ที่ให้ความคิดเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับเลิกโดยสมัครใจนี้ในบริบทของสังคมจีนโบราณ ทั้งนี้ ในบริบทของสังคมจีนโบราณ การแต่งงานถูกมองว่าเป็นการเกี่ยวดองของสองตระกูลที่ได้รับการยินยอมจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายและไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น อย่างที่กล่าวในตอนต้น การเลิกหรือขับเมียยังสามารถทำได้โดยพ่อแม่ของฝ่ายชาย และการถูกบังคับหย่าโดยคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นการกระทำที่ตัดสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล จึงเป็นที่กังขาว่า การเลิกราโดยสมัครใจเป็นการตัดสินใจร่วมของคนสองคนเท่านั้นจริงหรือ

    จะเห็นได้ว่า นับแต่สมัยถังมามีบทกฎหมายที่คุ้มครองสตรีในการสมรสมากขึ้น แต่กระนั้น บุรุษก็ยังมีทางเลือกมากกว่าสตรี โดยอาจใช้ข้ออ้างของ ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ มาใช้เป็นเหตุผลในการทิ้งเมีย และหากบุรุษไม่ยินยอมเลิกรา สตรีก็หย่าขาดจากสามีไม่ได้ยกเว้นเกิดกรณีร้ายแรงพอที่จะฟ้องหย่าได้

    อย่างไรก็ดี ในยุคสมัยต่อๆ มามีการเพิ่มเติมข้ออนุโลมให้สตรีใช้เป็นเหตุผลการหย่าร้างได้อีกแต่ไม่มาก ตัวอย่างเช่น ในสมัยหมิงมีการกำหนดไว้ว่า หากสามีหายตัวไปไม่กลับบ้านนานเกินสามปี ภรรยาสามารถยกเลิกพันธะสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยมีเอกสารราชการยืนยัน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.manmankan.com/dy2013/202401/20764.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinacourt.org/article/detail/2022/11/id/7011234.shtml
    https://www.legal-theory.org/?mod=info&act=view&id=21560
    http://www.legaldaily.com.cn/fxjy/content/2021-05/12/content_8503165.html
    http://law.newdu.com/uploads/202401/31/201005130115.pdf
    https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/11/id/5563896.shtml

    #ทำนองรักกังวานแดนดิน #การหย่าร้าง #เหอหลี #สาระจีน
    การหย่าร้างในสมัยจีนโบราณ สวัสดีค่ะ ในเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> พูดถึงการหย่าร้างแบบสมัครใจทั้งสองฝ่ายหรือที่เรียกว่า ‘เหอหลี’ (和离) บ่อยครั้ง ชวนให้ Storyฯ คิดถึงนิยายและซีรีส์ไม่น้อยที่กล่าวถึงการเลิกรากันด้วยวิธีต่างๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการหย่าร้างหรือเลิกราของสามีภรรยาในจีนโบราณว่ามีกี่วิธี วิธีแรกคือบุรุษเป็นฝ่ายทิ้งสตรี หรือที่เรียกว่า ‘ซิว’ (休) หรือ ‘ชู’ (出) หรือ ‘ชวี่’ (去) โดยมีหลักการว่า ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ (七出,三不去) ซึ่งเป็นหลักการที่เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) และพัฒนาขึ้นมาเป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ผ่านหลายยุคหลายสมัย มีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึงหลักการ ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ นี้โดยละเอียด เพื่อนเพจสามารถหาอ่านดูได้ Storyฯ ขอพูดแบบสรุปว่า หากภรรยาเข้าข่ายประการใดประการหนึ่งในเจ็ดประการนี้สามีและ/หรือพ่อแม่สามีสามารถขับภรรยาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายหญิง ขอเพียงสองฝ่ายรับทราบและมีพยานลงนามรับรู้ถือว่าจบ แต่หากฝ่ายชายทิ้งเมียโดยไม่เข้าข่ายเจ็ดข้อนี้ ก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย อย่างในสมัยถังคือให้ไปเป็นแรงงานหนักหนึ่งปีครึ่ง และเจ็ดประการนี้คือ (1) ไม่เชื่อฟังพ่อแม่สามี (2) ไม่มีบุตรชาย (3) คบชู้สู่ชาย (4) หึงหวงสามี (5) มีโรคร้ายหรือพิการ (6) ปากไม่ดี และ (7) ลักขโมย และแม้ว่าภรรยาจะเข้าข่ายเจ็ดประการนี้ แต่หากมีความจำเป็นหนึ่งในสามลักษณะนี้ กฎหมายก็ห้ามไม่ให้บุรุษทิ้งเมีย กล่าวคือ (ก) ภรรยาเมื่อถูกทิ้งและขับออกจากเรือนของสามีแล้วจะไม่มีที่ไป เช่น ตอนแต่งงานพ่อแม่ของสตรียังมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้เสียไปแล้ว (ข) ได้เคยร่วมไว้ทุกข์ให้พ่อแม่สามีนานสามปีแล้ว ถือว่ามีความกตัญญูอย่างยิ่งยวดจนไม่อาจขับไล่ และ (ค) สามีแต่งภรรยามาตอนยากจน พอรวยแล้วจะทิ้งเมีย ทำไม่ได้ หากใครฝ่าฝืนก็มีบทลงโทษทางกฎหมายเช่นกัน อย่างในสมัยถังคือโบยหนึ่งร้อยครั้ง การเลิกราแบบที่สองคือ ‘อี้เจวี๋ย’ (义绝 /ตัดสัมพันธ์) หรือการบังคับหย่าโดยอำนาจศาลหรือที่ว่าการท้องถิ่น ปรากฏครั้งแรกในประมวลกฎหมายถัง ซึ่งถูกประกาศใช้ในยุคถังเกาจง (ฮ่องเต้องค์ที่สามแห่งราชวงศ์ถัง) เมื่อปีค.ศ. 653 เป็นกรณีที่ฝ่ายหญิงถูกสามีหรือคนในบ้านสามีกระทำรุนแรง เช่น ตบตีทำร้ายร่างกายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด บังคับให้ภรรยาไปหลับนอนกับชายอื่น เอาเมียไปขาย หรือมีการประทุษร้ายรุนแรงต่อครอบครัวจนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้แล้ว เช่น ฆ่าพ่อแม่ของอีกฝ่าย เป็นต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้ ไม่ว่าฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจฟ้องหย่าได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีกฎหมายนี้ แม้ว่าสตรีจะร้องทุกข์เพื่อขอหย่ายังมักถูกตัดสินให้รับโทษด้วยเพราะถูกมองว่าการร้องเรียนสามีหรือครอบครัวสามีเป็นการกระทำที่ไม่ถูกจรรยาของสตรี แต่เมื่อมีกฎหมายรองรับแล้ว การบังคับหย่าจึงเป็นเส้นทางสู่อิสรภาพของสตรีวิธีหนึ่ง และเป็นการตัดสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลอีกด้วย และการเลิกราแบบสุดท้ายคือการหย่าร้างแบบสมัครใจทั้งสองฝ่ายหรือที่เรียกว่า ‘เหอหลี’ (和离) ซึ่งว่ากันว่ามีปฏิบัติกันมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยราชวงศ์ฉิน แต่... มันไม่ได้เป็นกฎหมายบังคับใช้จวบจนสมัยถัง โดยประมวลกฎหมายแห่งถังบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อสามีภรรยาไม่พอใจซึ่งกันและกันจนไม่สามารถอยู่ร่วมครองเรือนกันต่อไปได้แล้วนั้น ให้เลิกรากันได้โดยไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมาย แม้ว่าบทกฎหมายดังกล่าวจะถูกใช้ต่อมาอีกหลายยุคสมัย แต่ไม่มีการอธิบายหลักการนี้เพิ่มเติม และในปัจจุบันยังมีบทความวิเคราะห์ที่ให้ความคิดเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับเลิกโดยสมัครใจนี้ในบริบทของสังคมจีนโบราณ ทั้งนี้ ในบริบทของสังคมจีนโบราณ การแต่งงานถูกมองว่าเป็นการเกี่ยวดองของสองตระกูลที่ได้รับการยินยอมจากพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายและไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น อย่างที่กล่าวในตอนต้น การเลิกหรือขับเมียยังสามารถทำได้โดยพ่อแม่ของฝ่ายชาย และการถูกบังคับหย่าโดยคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นการกระทำที่ตัดสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล จึงเป็นที่กังขาว่า การเลิกราโดยสมัครใจเป็นการตัดสินใจร่วมของคนสองคนเท่านั้นจริงหรือ จะเห็นได้ว่า นับแต่สมัยถังมามีบทกฎหมายที่คุ้มครองสตรีในการสมรสมากขึ้น แต่กระนั้น บุรุษก็ยังมีทางเลือกมากกว่าสตรี โดยอาจใช้ข้ออ้างของ ‘เจ็ดขับสามไม่ไป’ มาใช้เป็นเหตุผลในการทิ้งเมีย และหากบุรุษไม่ยินยอมเลิกรา สตรีก็หย่าขาดจากสามีไม่ได้ยกเว้นเกิดกรณีร้ายแรงพอที่จะฟ้องหย่าได้ อย่างไรก็ดี ในยุคสมัยต่อๆ มามีการเพิ่มเติมข้ออนุโลมให้สตรีใช้เป็นเหตุผลการหย่าร้างได้อีกแต่ไม่มาก ตัวอย่างเช่น ในสมัยหมิงมีการกำหนดไว้ว่า หากสามีหายตัวไปไม่กลับบ้านนานเกินสามปี ภรรยาสามารถยกเลิกพันธะสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยมีเอกสารราชการยืนยัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.manmankan.com/dy2013/202401/20764.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinacourt.org/article/detail/2022/11/id/7011234.shtml https://www.legal-theory.org/?mod=info&act=view&id=21560 http://www.legaldaily.com.cn/fxjy/content/2021-05/12/content_8503165.html http://law.newdu.com/uploads/202401/31/201005130115.pdf https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/11/id/5563896.shtml #ทำนองรักกังวานแดนดิน #การหย่าร้าง #เหอหลี #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง
    ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน
    เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้
    ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ
    เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง
    ............
    แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ
    เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ
    ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา
    อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ
    บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา
    โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้
    รับผลอย่างไร
    ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน
    แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ
    ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ
    มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย
    หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง
    ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง
    ร่อนไปทัว
    มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม
    ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน
    ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี
    ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย
    เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม
    ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย
    คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน
    ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน
    ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น
    และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย
    ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน
    รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน
    พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม
    ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก
    มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย
    ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทันระบอบทักษิณยุคแรกต้องอึ้ง ในวันที่น้องหลายคน เกิดไม่ทัน หรือโตไม่ทัน เวลาที่มีคนรุ่นก่อน เล่าว่าระบอบทักษิณมันยังงั้นอย่างงี้ ก็จะมีกลุ่มอีกฝัง ใช้วาทะกรรมว่า ระบอบทักษิณ เป็นเพียงภาพวาดให้หวาด กลัว ตลอด ไม่มีอยู่จริง ............ แต่วันนี้ คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เริ่มอึ้งซ้ำๆ เมื่อทักษิณได้กลับมาบนแผ่นดินไทยอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นการที่รับโทษแบบเทวดา อ้าวป๋วย แต่ว่ายน้ำ ชกมวย เดินพบปะแฟนคลับ บินไปนั่นไปนี่ โดยไม่เกรงว่า คนที่ช่วยให้ออกมา โดยไม่ต้องเหยียบคูกแม้แต่วินาทีเดียว จะต้องได้ รับผลอย่างไร ทั้งๆที่ อ้างว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ทำทุกอย่าง ให้ระบบนิติรัฐเหมือนต้องพิกลพิการ ถามคนไทยที่ไม่ใช่แฟนคลับเค้า ทุกคนซิ มีใคร เชื่อว่าโทนี่ ป๋วยสาหััส ขนาดเส้นเอนเปื่อยยุ่ย หรือตามรายละเอียดที่ระบุอ้างบ้าง ก็เห็นอยู่ตำตา ป๋วยตรงไหนฟร๊ะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง ร่อนไปทัว มันบาดใจกับความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม ที่คนรุ่นก่อน เคยเจอมาก่อน ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก่อนยุคลุงตู่ คนใต้รู้ดี ถนนภาคใต้ กากสุดละ ท่านชวนหลีกภัย เคยประสานผ่านชัชชาติ ซึ่งขณะนั้นดูแลคมนาคม ให้ช่วยจัดงบในการทำถนนให้คนใต้ด้วย คุณรู้มั๊ย ทักษิณว่าไง จังหวัดไหน ภาคไหน ไม่เลือกผม ก็เอาไว้ทีหลังละกัน ประโยคนี้ ที่ออกจากปากนายกที่ชื่อทักษิณในขณะนั้น และได้เคยลั่นอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์หน้าตาลอย ผ่านโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน รวมถึง สัมปทาน การแข่งขันในการประมูลงาน พรรคพวกของโทนี่ แม้กระทั่งบริษัทของโอ๊ค คือฮาวคัม ชนะมันแทบทุกหน่วยงาน บริษัทธรรมดา ไม่มีทางที่จะได้ลืมตาอ้าปาก มันยังมีอีกเยอะ ค่อยดูๆไป แล้วจะกระจ่าย ว่าระบอบทักษิณ คือแบบไหน รับรอง หนำ จนนั่งไม่ติดครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • โกทรมีโอกาสรอด เพราะบทเรียนในอดีตเปิดช่องโหว่
    ถึงเวลาที่โกทร เจ้าพ่อปราจีนจะสิ้นอิสรภาพเข้าไปอยู่ในคู่กับมือปูน ติดตามทั้งหกเนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดี กรณีคดีจ้างวานคิล ที่มีเจ้าพ่ออยู่เบื้องหลังคําสั่งคิล ย่อมผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี ที่สําคัญหลังเหยื่อตุยคดีความจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้วจึงเชื่อกันว่า เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล มีโอกาสที่โกธรจะหลุดจากคดีเนื่องจากมือปืนของโกธร 2 คนให้การสารภาพในลักษณะสมอ้างว่า
    ลงมือรัวคิลสอจอโต้งด้วยเรื่องส่วนตัวเหตุจากความบันดาลโทสะถูก สอจอโต้งตบหัวขณะที่มือปูนอีกสี่คนก็ให้การสอดรับไปในทางเดียวกัน โดยกันตัวโกธรไปจากฉากนองเลือ.ดอ้างว่าตอนเกิดเหตุโกธรเข้าไปนอนแล้วไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แม้ในทางสืบสวนรูปคดีส่อเค้าว่าการสังหาน สจโต้งคือการวางแผน รวมค่ายอย่างแยบยลถึงขั้นลงทุนใช้บ้านตัวเองเป็นสถานที่ลงมือ
    แต่การพิสูจน์ในศาลเป็นอีกเรื่องหนึ่งการนําเสนอให้ศาลเชื่อในน้ำหนักของพยานหลักฐานในเมื่อพยานทุกคนในที่เกิดเหตุให้การไปในทางเดียวกัน ในลักษณะเตี๊ยมกันมาแล้วเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะสาวไปถึงคนบงการโดยเฉพาะสองมือปูนของโกธรพร้อมจะรับการติดคุกเองด้วยการยอมรับผิดเอง ไม่ยอมเปิดปากซัดทอดใครทั้งสิ้น
    ในอดีตก็เคยมีคดีดังซึ่งมือปูนยอมติดคุกเอง ไม่ยอมพาดพิงถึงผู้จ้างวานเป็นผลให้กฎหมายทําอะไรคนสั่งการไม่ได้ต่อให้รู้ทั้งรู้ก็ตาม ย้อนไปเมื่อปี2533 เคยเกิดคดีดังสนั่นเมือง
    เมื่อนายบุญสิทธิ์อายุ 47 ปีเจ้าของกิจการบางกอกแฮมตราหมูตัวเดียว ถูกมือปูนชุดยีนส์รัวคิลด้วยปูนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่ม กระสุ.นเจาะเกราะ รถเปอโย ขณะเสี่ยบางกอกแฮมนั่งรถของทนายความประจําตัวออกจากบ้าน มือปูนสาดกระสูนจากกระจกหน้าต่างฝั่งซ้ายกระสูนเจาะร่างเสี่ยดัง
    ทั้งที่ปกติเสี่ยบุญสิทธิ์ระวังตัวมาตลอดเพราะรู้ว่าอริจ้องเอาชีวิต ถึงขั้นเตรียมกระเป๋าเจมส์บอนด์เสริมเหล็กไว้ป้องกันกระสูนปูนแต่วันนั้นไม่ทันยกกันเลยจบชีวิต
    หลังการลงมือตํารวจนครบาลรู้ในทันที สาเหตุเป็นเรื่องการคิลล้างแค้นอย่างแน่นอนเป็นผลต่อเนื่องมาจากคดียิ..งป๋าตงเจ็บ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฟลาวเวอร์เอ็กซ์เพรสส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์คู่แข่งอีกธุรกิจของเสี่ยบุญสิทธิ์ จึงทำให้นายบุญสิทธิ์ใช้ปูนเป็นเครื่องมือกําจัดคู่แข่ง ส่งมือปูนสองคนใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปืนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่มเป็นอาวุธถล่มยิ.งป๋าตง ใจกลางกรุงกระสุนเจาะขมับป๋าตงแม้ไม่ถึงตุย
    แต่ก็พิการตาบอดสนิททั้งสองข้างต้องอยู่ในโลกมืดไปชั่วชีวิตต่อมาตํารวจจับมือปูนและคนบงการได้ซึ่งก็คือน้องชายของนายบุญสิทธิ์ ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์มวยชื่อดังรวมถึงตัวนายบุญสิทธิ์เองด้วย แต่มือปูนไม่ซัดทอดศาลก็เลยยกฟ้องในส่วนของคนจ้างวานจากปี 2530 มาถึงปี 2531 ดังนั้นเหตุการณ์ของโกทร ก็คงไม่แตกต่างกับเรื่องในอดีตอย่างแน่นอน
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    โกทรมีโอกาสรอด เพราะบทเรียนในอดีตเปิดช่องโหว่ ถึงเวลาที่โกทร เจ้าพ่อปราจีนจะสิ้นอิสรภาพเข้าไปอยู่ในคู่กับมือปูน ติดตามทั้งหกเนื่องจากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดี กรณีคดีจ้างวานคิล ที่มีเจ้าพ่ออยู่เบื้องหลังคําสั่งคิล ย่อมผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี ที่สําคัญหลังเหยื่อตุยคดีความจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้วจึงเชื่อกันว่า เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล มีโอกาสที่โกธรจะหลุดจากคดีเนื่องจากมือปืนของโกธร 2 คนให้การสารภาพในลักษณะสมอ้างว่า ลงมือรัวคิลสอจอโต้งด้วยเรื่องส่วนตัวเหตุจากความบันดาลโทสะถูก สอจอโต้งตบหัวขณะที่มือปูนอีกสี่คนก็ให้การสอดรับไปในทางเดียวกัน โดยกันตัวโกธรไปจากฉากนองเลือ.ดอ้างว่าตอนเกิดเหตุโกธรเข้าไปนอนแล้วไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แม้ในทางสืบสวนรูปคดีส่อเค้าว่าการสังหาน สจโต้งคือการวางแผน รวมค่ายอย่างแยบยลถึงขั้นลงทุนใช้บ้านตัวเองเป็นสถานที่ลงมือ แต่การพิสูจน์ในศาลเป็นอีกเรื่องหนึ่งการนําเสนอให้ศาลเชื่อในน้ำหนักของพยานหลักฐานในเมื่อพยานทุกคนในที่เกิดเหตุให้การไปในทางเดียวกัน ในลักษณะเตี๊ยมกันมาแล้วเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะสาวไปถึงคนบงการโดยเฉพาะสองมือปูนของโกธรพร้อมจะรับการติดคุกเองด้วยการยอมรับผิดเอง ไม่ยอมเปิดปากซัดทอดใครทั้งสิ้น ในอดีตก็เคยมีคดีดังซึ่งมือปูนยอมติดคุกเอง ไม่ยอมพาดพิงถึงผู้จ้างวานเป็นผลให้กฎหมายทําอะไรคนสั่งการไม่ได้ต่อให้รู้ทั้งรู้ก็ตาม ย้อนไปเมื่อปี2533 เคยเกิดคดีดังสนั่นเมือง เมื่อนายบุญสิทธิ์อายุ 47 ปีเจ้าของกิจการบางกอกแฮมตราหมูตัวเดียว ถูกมือปูนชุดยีนส์รัวคิลด้วยปูนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่ม กระสุ.นเจาะเกราะ รถเปอโย ขณะเสี่ยบางกอกแฮมนั่งรถของทนายความประจําตัวออกจากบ้าน มือปูนสาดกระสูนจากกระจกหน้าต่างฝั่งซ้ายกระสูนเจาะร่างเสี่ยดัง ทั้งที่ปกติเสี่ยบุญสิทธิ์ระวังตัวมาตลอดเพราะรู้ว่าอริจ้องเอาชีวิต ถึงขั้นเตรียมกระเป๋าเจมส์บอนด์เสริมเหล็กไว้ป้องกันกระสูนปูนแต่วันนั้นไม่ทันยกกันเลยจบชีวิต หลังการลงมือตํารวจนครบาลรู้ในทันที สาเหตุเป็นเรื่องการคิลล้างแค้นอย่างแน่นอนเป็นผลต่อเนื่องมาจากคดียิ..งป๋าตงเจ็บ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฟลาวเวอร์เอ็กซ์เพรสส่งออกดอกไม้ประดิษฐ์คู่แข่งอีกธุรกิจของเสี่ยบุญสิทธิ์ จึงทำให้นายบุญสิทธิ์ใช้ปูนเป็นเครื่องมือกําจัดคู่แข่ง ส่งมือปูนสองคนใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปืนจุดสามห้าเจ็ดแม็กนั่มเป็นอาวุธถล่มยิ.งป๋าตง ใจกลางกรุงกระสุนเจาะขมับป๋าตงแม้ไม่ถึงตุย แต่ก็พิการตาบอดสนิททั้งสองข้างต้องอยู่ในโลกมืดไปชั่วชีวิตต่อมาตํารวจจับมือปูนและคนบงการได้ซึ่งก็คือน้องชายของนายบุญสิทธิ์ ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์มวยชื่อดังรวมถึงตัวนายบุญสิทธิ์เองด้วย แต่มือปูนไม่ซัดทอดศาลก็เลยยกฟ้องในส่วนของคนจ้างวานจากปี 2530 มาถึงปี 2531 ดังนั้นเหตุการณ์ของโกทร ก็คงไม่แตกต่างกับเรื่องในอดีตอย่างแน่นอน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Sad
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/12/67

    หมากเม่า หรือ มะเม่า,ต้นเม่า,เม่า,หมากเม่าหลวง,มะเม่าหลวง,หมากเม้า,มัดเซ,เม่าเสี้ยน,มะเม่าขน,หมากเม่า,เม่าหลวง,มะเม่าไฟ (Antidesma Thwaitesianum)


    ประโยชน์การใช้สอย
    * ผลมะเม่าสุกจะมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยชะลอความแก่ชราได้อีกด้วย
    * รสฝาดของผลมะเม่าสุก จะมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งไม่ให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมหรือเปราะง่าย
    * รสขมของมะเม่าจะมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกันน้อยลง จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจล้มเหลวได้
    * ทั้งห้าส่วนของมะเม่าใช้ต้มดื่มเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะได้ (ผล, ราก, ต้น, ใบ, ดอก)
    * น้ำมะเม่าสกัดเข้มข้นใช้เป็นอาหารบำรุงสุขภาพได้ดีเหมือนน้ำลูกพรุนสกัดเข้มข้น มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
    * ผลสุกช่วยบำรุงสายตา
    * ต้น, รากช่วยขับโลหิต
    * ผลสุกมะเม่ามีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต 
    * ผลสุกมีสรรพคุณทางยาช่วยขับเสมหะ
    * ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบาย
    * ต้น, รากช่วยขับปัสสาวะ
    * ต้น, รากช่วยแก้มดลูกพิการ
    * ต้น, รากช่วยแก้มดลูกอักเสบช้ำบวม 
    * ต้น, รากช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี
    * ต้น, รากช่วยขับน้ำคาวปลา 
    * ต้น, รากช่วยบำรุงไต 
    * ต้น, รากช่วยแก้เส้นเอ็นพิการ

    https://vt.tiktok.com/ZSjTpTSny/
    9/12/67 หมากเม่า หรือ มะเม่า,ต้นเม่า,เม่า,หมากเม่าหลวง,มะเม่าหลวง,หมากเม้า,มัดเซ,เม่าเสี้ยน,มะเม่าขน,หมากเม่า,เม่าหลวง,มะเม่าไฟ (Antidesma Thwaitesianum) ประโยชน์การใช้สอย * ผลมะเม่าสุกจะมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยชะลอความแก่ชราได้อีกด้วย * รสฝาดของผลมะเม่าสุก จะมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งไม่ให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมหรือเปราะง่าย * รสขมของมะเม่าจะมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกันน้อยลง จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจล้มเหลวได้ * ทั้งห้าส่วนของมะเม่าใช้ต้มดื่มเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะได้ (ผล, ราก, ต้น, ใบ, ดอก) * น้ำมะเม่าสกัดเข้มข้นใช้เป็นอาหารบำรุงสุขภาพได้ดีเหมือนน้ำลูกพรุนสกัดเข้มข้น มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ * ผลสุกช่วยบำรุงสายตา * ต้น, รากช่วยขับโลหิต * ผลสุกมะเม่ามีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต  * ผลสุกมีสรรพคุณทางยาช่วยขับเสมหะ * ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบาย * ต้น, รากช่วยขับปัสสาวะ * ต้น, รากช่วยแก้มดลูกพิการ * ต้น, รากช่วยแก้มดลูกอักเสบช้ำบวม  * ต้น, รากช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี * ต้น, รากช่วยขับน้ำคาวปลา  * ต้น, รากช่วยบำรุงไต  * ต้น, รากช่วยแก้เส้นเอ็นพิการ https://vt.tiktok.com/ZSjTpTSny/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร 4 จังหวัด มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช พร้อมมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์
    .
    ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวมจำนวน 400 คัน ใน โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 1,160,000 บาท เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิต และเพื่อให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้
    และในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มูลนิธิฯ ยังได้มอบจักรยานใน “โครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร” ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 5 แห่ง รวมจักรยานจำนวน 100 คัน อุปกรณ์กีฬา จำนวน 5 ชุด หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น พร้อมค่าพาหนะโรงเรียนละ 2,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 165,950 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่ประสบปัญหาการเดินทางมาโรงเรียน แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร การแบ่งปัน และการดูแลสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินงานทั้งสองโครงการในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,325,950 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันเก้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร 4 จังหวัด มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช พร้อมมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ . ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว อุตรดิตถ์ ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวมจำนวน 400 คัน ใน โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 1,160,000 บาท เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิต และเพื่อให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มูลนิธิฯ ยังได้มอบจักรยานใน “โครงการ จักรยานเพื่อน้องสัญจร” ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 5 แห่ง รวมจักรยานจำนวน 100 คัน อุปกรณ์กีฬา จำนวน 5 ชุด หน้ากากอนามัย 2,500 ชิ้น พร้อมค่าพาหนะโรงเรียนละ 2,000 บาท คิดเป็นมูลค่า 165,950 บาท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่ประสบปัญหาการเดินทางมาโรงเรียน แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร การแบ่งปัน และการดูแลสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินงานทั้งสองโครงการในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,325,950 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันเก้าร้อยห้าสิบบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ . ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุน คุก รอ อัยการศึกโสมขาวพิการ : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    ยุน คุก รอ อัยการศึกโสมขาวพิการ : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ จากผู้พิการทางสายตา
    ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ จากผู้พิการทางสายตา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว
    บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย
    ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น
    ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง
    ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย
    อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร
    ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 764 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กรายงานด็กบราซิลตายหลังฉีดวัคซีนศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตรายงานในวารสารการแพทย์13 กุมภาพันธ์ 2024การยืนยันสาเหตุ ความเกี่ยวข้อง จากวัคซีน ประกอบด้วยการชันสูตรศพอย่างละเอียด ร่วมกับเงื่อนเวลาหลังฉีด ลักษณะ ผลกระทบที่มีลักษณะ เฉพาะตัวของวัคซีน ตามที่มีการรวบรวมรายงานไว้ (พร้อมทั้งมีการแจกแจงกลไกการเกิดแล้ว)และการแยกโรคอื่นออกไปในกรณีที่ยังไม่เสียชีวิตการพิสูจน์ในลักษณะเช่นนี้ ที่เราเคยทำมาต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งล้านบาท ต่อคน และเมื่อเสียชีวิต การชันสูตรศพในลักษณะดังกล่าวต้องกระทำอย่างละเอียดอย่างเช่น รายงานในเด็กตายรายนี้ แต่ถ้าทำการวิเคราะห์เจาะลึกตามที่นักวิทยาศาสตร์เยอรมันรายงาน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลมากกว่านี้และนี่เป็นสิ่งที่ทางการ นำมากล่าวเป็นข้ออ้างว่าไม่มีข้อพิสูจน์ อย่างอำมหิตจาก “คนปกติ” ที่ได้รับวัคซีนเพราะได้รับคำยืนยันว่าปลอดภัยและป้องกันโรคได้ กลับต้องเสียชีวิต พิการ มีผลกระทบตามติดมาหลังจากนั้นมากมาย ไม่นับคนเปราะบางซึ่งหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากวัคซีนกลับเสียชีวิตเร็วขึ้นและมีคำอธิบายว่ามีโรคประจำตัวเปราะบางอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเสียชีวิตไปก็เป็นข้ออธิบายได้!!!!1- หยุดฉีดโควิดวัคซีน ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ฉีดซ้ำ และในเด็กตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป2- หยุดเทคโนโลยีนี้ ที่นำมาใช้กับวัคซีนชนิดอื่นทั้งหมด จนกว่าที่จะปรับปรุงอันตรายและพิสูจน์ว่าปลอดภัยจริง3- คนที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการเยียวยาและพร้อมกับลงโทษคนที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวพันและปฏิเสธความช่วยเหลือที่ ต้องให้แก่ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้4-ไม่มีใครปลอดภัยจริงแม้ว่าขณะนี้ยังดูปกติ เพราะโรคต่างๆเกิดขึ้นได้แม้ฉีดไปแล้วเป็นปี ดังเช่น การตายกระทันหันเฉียบพลัน เส้นเลือดตัน แตก ในสมอง การปะทุของมะเร็งที่หายแล้วเป็น 10 ปี รวมทั้งมะเร็งที่เกิดขึ้นชนิดร้ายแรงในคนอายุน้อยและไม่มีประวัติครอบครัว โรคสมองอักเสบไขสันหลังอักเสบ สมองเสื่อม พากินสัน โรคลมชัก5-คนที่รอดชีวิตถึงขณะนี้ รักษาตัวให้ดีที่สุดโรคประจำตัวต้องคุมได้ 100% กินหรือเข้าใกล้การกินแบบมังสวิรัติ งดเนื้อสัตว์บก แป้งน้อย ขนมน้อยที่สุด ออกกำลังตากแดด ขิงข่าตะไคร้ขมิ้นชันกระชายขาวพริกไทยดำ กินเป็นยาถอนพิษ และรวมถึง กันชง และควบคุมด้วยกัญชาในปริมาณน้อยขึ้นอยู่กับกรณีเด็กบราซิลที่ตายจากหัวใจอักเสบในรายงานนี้โรคหัวใจอักเสบในวัยเด็กเป็นโรคที่ ”พบได้น้อย” ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ คณะ ได้รายงานกรณีการเสียชีวิตของเด็กจากโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังจากได้รับวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เด็กชายอายุ 7 ขวบได้รับวัคซีน COVIDmRNA เข็มแรก และมีอาการข้ออักเสบและมีไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง ระดับโปรตีนซีรีแอคทีฟสูง (C reactive protein) อาการเลวลงอย่างรวดเร็วและผู้ป่วยเสียชีวิต การชันสูตรศพ พบการสะสมของไฟบรินในเยื่อหุ้มหัวใจ และบริเวณที่มีเลือดออกในกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ลิ้นหัวใจปกติ พบการอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจกระจายทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยลิมโฟไซต์ T CD8+ และฮิสทิโอไซต์ ปริมาณแอนติสเตรปโตไลซิน O (ASO) ไทเตอร์สูง ทำให้ต้องพิจารณาว่าการมีโรคข้ออักเสบ และระดับ ASO สูง และหัวใจอักเสบ เข้าเกณฑ์ การวินิจฉัย ของไข้รูมาติก (rheumatic fever) หรือไม่แต่ เด็กรายนี้ “ไม่พบลักษณะสำคัญ” ของไข้รูมาติค ที่เมื่อมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแล้ว ตาม เกณฑ์การวินิจฉัย ควรจะต้องพบ ลิ้นหัวใจผิดปกติ และ Aschoff nodule ร้อยละ 90 ในกรณี ผู้เสียชีวิตรายนี้ ความสัมพันธ์ตามเวลาหลังฉีดวัคซีน mRNA ทำให้ ระบุการเป็นสาเหตุของหัวใจอักเสบ และต่อจากนี้ เมื่อเกิดมีหัวใจอักเสบเกิดขึ้น ต้องรวมวัคซีนเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วยกลไก น่าจะอธิบาย แบบเดียวกันกับเอ็กโซโซมและอนุภาคนาโนไขมัน ซึ่งนำไปสู่พายุไซโตไคน์ (cytokine storm) ได้ จากที่มีรายงานพิสูจน์กลไกมาแล้วสาเหตุความ ผิดปกติและเสียชีวิต ต้อง คำนึงถึงวัคซีน COVID-19mRNA เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุตรง หรือเป็น ปัจจัยสนับสนุน
    เด็กรายงานด็กบราซิลตายหลังฉีดวัคซีนศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตรายงานในวารสารการแพทย์13 กุมภาพันธ์ 2024การยืนยันสาเหตุ ความเกี่ยวข้อง จากวัคซีน ประกอบด้วยการชันสูตรศพอย่างละเอียด ร่วมกับเงื่อนเวลาหลังฉีด ลักษณะ ผลกระทบที่มีลักษณะ เฉพาะตัวของวัคซีน ตามที่มีการรวบรวมรายงานไว้ (พร้อมทั้งมีการแจกแจงกลไกการเกิดแล้ว)และการแยกโรคอื่นออกไปในกรณีที่ยังไม่เสียชีวิตการพิสูจน์ในลักษณะเช่นนี้ ที่เราเคยทำมาต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งล้านบาท ต่อคน และเมื่อเสียชีวิต การชันสูตรศพในลักษณะดังกล่าวต้องกระทำอย่างละเอียดอย่างเช่น รายงานในเด็กตายรายนี้ แต่ถ้าทำการวิเคราะห์เจาะลึกตามที่นักวิทยาศาสตร์เยอรมันรายงาน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลมากกว่านี้และนี่เป็นสิ่งที่ทางการ นำมากล่าวเป็นข้ออ้างว่าไม่มีข้อพิสูจน์ อย่างอำมหิตจาก “คนปกติ” ที่ได้รับวัคซีนเพราะได้รับคำยืนยันว่าปลอดภัยและป้องกันโรคได้ กลับต้องเสียชีวิต พิการ มีผลกระทบตามติดมาหลังจากนั้นมากมาย ไม่นับคนเปราะบางซึ่งหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากวัคซีนกลับเสียชีวิตเร็วขึ้นและมีคำอธิบายว่ามีโรคประจำตัวเปราะบางอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเสียชีวิตไปก็เป็นข้ออธิบายได้!!!!1- หยุดฉีดโควิดวัคซีน ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ฉีดซ้ำ และในเด็กตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป2- หยุดเทคโนโลยีนี้ ที่นำมาใช้กับวัคซีนชนิดอื่นทั้งหมด จนกว่าที่จะปรับปรุงอันตรายและพิสูจน์ว่าปลอดภัยจริง3- คนที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการเยียวยาและพร้อมกับลงโทษคนที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวพันและปฏิเสธความช่วยเหลือที่ ต้องให้แก่ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้4-ไม่มีใครปลอดภัยจริงแม้ว่าขณะนี้ยังดูปกติ เพราะโรคต่างๆเกิดขึ้นได้แม้ฉีดไปแล้วเป็นปี ดังเช่น การตายกระทันหันเฉียบพลัน เส้นเลือดตัน แตก ในสมอง การปะทุของมะเร็งที่หายแล้วเป็น 10 ปี รวมทั้งมะเร็งที่เกิดขึ้นชนิดร้ายแรงในคนอายุน้อยและไม่มีประวัติครอบครัว โรคสมองอักเสบไขสันหลังอักเสบ สมองเสื่อม พากินสัน โรคลมชัก5-คนที่รอดชีวิตถึงขณะนี้ รักษาตัวให้ดีที่สุดโรคประจำตัวต้องคุมได้ 100% กินหรือเข้าใกล้การกินแบบมังสวิรัติ งดเนื้อสัตว์บก แป้งน้อย ขนมน้อยที่สุด ออกกำลังตากแดด ขิงข่าตะไคร้ขมิ้นชันกระชายขาวพริกไทยดำ กินเป็นยาถอนพิษ และรวมถึง กันชง และควบคุมด้วยกัญชาในปริมาณน้อยขึ้นอยู่กับกรณีเด็กบราซิลที่ตายจากหัวใจอักเสบในรายงานนี้โรคหัวใจอักเสบในวัยเด็กเป็นโรคที่ ”พบได้น้อย” ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ คณะ ได้รายงานกรณีการเสียชีวิตของเด็กจากโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังจากได้รับวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เด็กชายอายุ 7 ขวบได้รับวัคซีน COVIDmRNA เข็มแรก และมีอาการข้ออักเสบและมีไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง ระดับโปรตีนซีรีแอคทีฟสูง (C reactive protein) อาการเลวลงอย่างรวดเร็วและผู้ป่วยเสียชีวิต การชันสูตรศพ พบการสะสมของไฟบรินในเยื่อหุ้มหัวใจ และบริเวณที่มีเลือดออกในกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ลิ้นหัวใจปกติ พบการอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจกระจายทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยลิมโฟไซต์ T CD8+ และฮิสทิโอไซต์ ปริมาณแอนติสเตรปโตไลซิน O (ASO) ไทเตอร์สูง ทำให้ต้องพิจารณาว่าการมีโรคข้ออักเสบ และระดับ ASO สูง และหัวใจอักเสบ เข้าเกณฑ์ การวินิจฉัย ของไข้รูมาติก (rheumatic fever) หรือไม่แต่ เด็กรายนี้ “ไม่พบลักษณะสำคัญ” ของไข้รูมาติค ที่เมื่อมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแล้ว ตาม เกณฑ์การวินิจฉัย ควรจะต้องพบ ลิ้นหัวใจผิดปกติ และ Aschoff nodule ร้อยละ 90 ในกรณี ผู้เสียชีวิตรายนี้ ความสัมพันธ์ตามเวลาหลังฉีดวัคซีน mRNA ทำให้ ระบุการเป็นสาเหตุของหัวใจอักเสบ และต่อจากนี้ เมื่อเกิดมีหัวใจอักเสบเกิดขึ้น ต้องรวมวัคซีนเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วยกลไก น่าจะอธิบาย แบบเดียวกันกับเอ็กโซโซมและอนุภาคนาโนไขมัน ซึ่งนำไปสู่พายุไซโตไคน์ (cytokine storm) ได้ จากที่มีรายงานพิสูจน์กลไกมาแล้วสาเหตุความ ผิดปกติและเสียชีวิต ต้อง คำนึงถึงวัคซีน COVID-19mRNA เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุตรง หรือเป็น ปัจจัยสนับสนุน
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า?
    ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้
    เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล”
    “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น
    ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย
    ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น
    นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล"
    ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา
    เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา
    แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ?
    ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน
    ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก
    ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง
    ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น
    การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989
    ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์
    แต่ยังมีอีก...
    เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน
    ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า
    เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ
    ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร
    เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย
    จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ
    แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง?
    การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง
    ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้!
    บทสรุป
    ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน
    มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม"
    ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้
    https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3...
    ผู้เขียน : Ty Bollinger
    ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี
    🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี)
    🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia
    🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น)
    🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai)
    🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana)
    🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์
    🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero)
    🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste)
    🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน)
    🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี)
    🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz
    🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า
    🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ)
    🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living
    🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ
    🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste)
    🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956
    🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ)
    🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม
    🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile)
    🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช
    🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN)
    🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม
    ขอเพิ่มเติม
    🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent)
    🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax)
    🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate)
    🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์
    🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา)
    🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ
    🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์
    (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม)
    เป็นต้น
    https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny
    ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า? ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้ เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล” “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล" ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ? ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989 ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์ แต่ยังมีอีก... เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง? การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้! บทสรุป ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม" ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้ https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3... ผู้เขียน : Ty Bollinger ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี 🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี) 🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia 🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น) 🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai) 🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana) 🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์ 🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero) 🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste) 🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน) 🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี) 🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz 🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า 🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ) 🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living 🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ 🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste) 🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956 🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ) 🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม 🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile) 🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช 🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN) 🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม ขอเพิ่มเติม 🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent) 🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax) 🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate) 🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์ 🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา) 🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ 🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์ (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม) เป็นต้น https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1256 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts