• ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ
    ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป
    เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์
    จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน
    ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม
    แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
    ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน

    สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
    ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด
    นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF,
    คนซื้อคนขาย เป็นต้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน 🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF, คนซื้อคนขาย เป็นต้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 665 Views 0 Reviews
  • โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร
    และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ)
    ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567
    ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

    จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง
    และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก
    ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง
    แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ
    ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด
    กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย
    เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม
    แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ
    หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก

    สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น
    อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น
    รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น
    โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก
    ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ
    มากกว่า 50% ในปัจจุบัน

    ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง
    และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
    มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด
    ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ
    และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ
    #thaitimes
    💥💥โดยมุมมอง และความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน แอดมินมองว่า ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่มีความเสถียร และมั่นคงที่สุดในยุคปัจจุบัน ล่าสุด ทองคำ(สัญญาซื้อขายทองคำ) ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวาน 12/09/2567 ที่ ราคา 2580.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ 🚩จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ทองคำมีความมั่นคง และ เสถียรมากที่สุดในโลก ในปัจจุบัน ให้สังเกตจาก ค่าเงินดอลลารNสหรัฐ จะแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลง แทบจะไม่มีผลต่อแนวโน้มของราคาทองคำ ที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาทองคำ หรือ สัญญาซื้อขายทองคำ จะผูกติด กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ในการซื้อขาย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็ตาม แต่ราคาทองคำ ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการ หรือ Demand ยังคงมีอยู่มาก 🚩สาเหตุที่ demand หรือความต้องการทองคำในตลาดมีมากขึ้น อันเนื่องมาจาก การกำเนิดขึ้นของกลุ่ม BRICS สมาชิกเช่น รัสเซีย,จีน,อินเดีย,บราซิล,แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยเฉพาะ รัสเซีย,จีน และ อินเดีย คือ 3 ประเทศหลัก ที่มีการซื้อทองคำ เข้ามาตุนใน ธนาคารกลางของประเทศ มากกว่า 50% ในปัจจุบัน 🚩ซึ่งกลุ่ม BRICS มีแนวทางที่จะลดการใช้เงินดอลลาร์ลง และสามารถใช้เงินสกุลอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างกัน มากขึ้น โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้น ภายหลังรัสเซียโดนยึด ทรัพย์สินต่างๆที่ฝากไว้ในต่างประเทศ เช่นที่สหรัฐ และยุโรป เป็นต้น จากการทำสงครามกับยูเครน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #สัญญาซื้อขายทองคำ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 950 Views 0 Reviews
  • 11/09/2567
    ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐผันผวน เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อ
    หนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง

    โดย อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3%
    ในเดือนสิงหาคม

    และดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
    เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส

    รวมทั้ง ราคาฟิวเจอร์สของกองทุนเฟด มีแนวโน้มลดลง
    ในเดือนนี้

    ซึ่งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะ
    ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเล็กน้อย
    เหลือ 25 จุดพื้นฐานในช่วงปลายเดือนนี้
    จาก 5.25-5.50 เป็น 5.00-5.25

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ #thaitimes
    🔥🔥11/09/2567 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐผันผวน เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อ หนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง 🚩โดย อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนสิงหาคม 🚩และดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส 🚩รวมทั้ง ราคาฟิวเจอร์สของกองทุนเฟด มีแนวโน้มลดลง ในเดือนนี้ 🚩ซึ่งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะ ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเล็กน้อย เหลือ 25 จุดพื้นฐานในช่วงปลายเดือนนี้ จาก 5.25-5.50 เป็น 5.00-5.25 ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 785 Views 0 Reviews
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
    หลังจากอ่อนตัวลง 4 วันทำการ
    เนื่องจากผู้ซื้อขายลดการเดิมพันการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลง

    โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน
    และสกุลเงินหลักอื่นๆ ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนมองไปข้างหน้า
    ่อข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หลังจากรายงานการจ้างงาน ที่มีแนวโน้ม
    ลดลงเมื่อวันศุกร์ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของการ
    ปรับลด อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    🔥🔥ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากอ่อนตัวลง 4 วันทำการ เนื่องจากผู้ซื้อขายลดการเดิมพันการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลง 🚩โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน และสกุลเงินหลักอื่นๆ ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนมองไปข้างหน้า ่อข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หลังจากรายงานการจ้างงาน ที่มีแนวโน้ม ลดลงเมื่อวันศุกร์ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดของการ ปรับลด อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 537 Views 0 Reviews
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET
    ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355
    เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5%
    ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย

    1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1
    ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

    2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
    น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้
    (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ
    ผู้พิการ)

    3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

    4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน
    เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้

    5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน
    ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

    6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า
    ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
    สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน
    ที่มีแนวโน้มลดลง

    7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ
    เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น
    เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น

    8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่
    8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท
    8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท
    8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท
    8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท

    *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ
    การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน
    และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่
    เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย
    ทำกำไรออกไป

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    🔥🔥สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355 เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย 🚩1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1 ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย 🚩2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้ (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ ผู้พิการ) 🚩3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท 🚩4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้ 🚩5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 🚩6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน ที่มีแนวโน้มลดลง 🚩7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น 🚩8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่ 8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท 8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท 8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท 8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท 🔥🔥 *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย ทำกำไรออกไป #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 872 Views 339 0 Reviews
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET
    ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355
    เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5%
    ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย

    1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1
    ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

    2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
    น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้
    (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ
    ผู้พิการ)

    3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

    4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน
    เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้

    5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน
    ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

    6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า
    ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
    สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน
    ที่มีแนวโน้มลดลง

    7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ
    เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น
    เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น

    8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่
    8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท
    8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท
    8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท
    8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท

    *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ
    การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน
    และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่
    เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย
    ทำกำไรออกไป

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    🔥🔥สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือ SET ดัชนีปรับตัวขึ้นมากกว่า 75 จุด จาก 1355 เป็น 1427.64 จุด หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัย 🚩1. การตั้งรัฐบาล และ ครม. ของนายก อุ๊งอิ๊ง แพรทองธาร ชินวัตร 1 ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย 🚩2. โครงการดิจิทัลวอลเลต งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท น่าจะเริ่มทะยอยเข้าบัญชี และเริ่มใช้ในปลายเดือนกันยายน นี้ (สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ/ผู้สูงอายุ ผู้พิการ) 🚩3. สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท 🚩4. กระทรวงกการคลังจ่อเปิดกองทุน วายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้าน เริ่มจอง 16-20 กันยายน และเข้าเทรด 10 ตุลาคม 2567 นี้ 🚩5. ค่าเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในรอบ 9 เดือน ล่าสุดอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 🚩6. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง จากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จากเดิม 5.25- 5.5% เป็น 5.00% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง จากภาคการผลิต และ การจ้างงาน ที่มีแนวโน้มลดลง 🚩7. เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fundflow) จากตลาดทุนสหรัฐ เช่น จากหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล ไปยังตลาดทุนอื่นๆ เช่น เข้ามาที่ตลาดหุ้นไทย เป็นต้น 🚩8. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุน ที่ซื้อ-ขาย หุ้นไทย ได้แก่ 8.1 นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อ 15,000 ล้านบาท 8.2 นักลงทุนสถาบัน(กองทุน) ซื้อ 5,641 ล้านบาท 8.3 นักลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ขาย -20,000 ล้านบาท 8.4 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขาย -977 ล้านบาท 🔥🔥 *สิ่งที่น่าจับตามองในสัปดาห์หน้า และระยะยาวคือ การเข้าซื้อครั้งนี้ จะมีความยั่งยืน มากน้อยแค่ไหน และผู้ลงทุน จะลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา เราจะพบว่า เข้าซื้อซักพักนึง แล้วก็เทขาย ทำกำไรออกไป #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    0 Comments 1 Shares 846 Views 0 Reviews
  • แนวโน้มทองคําขึ้น-ลง มาจากปัจจัยอะไร? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

    เท่าที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาทองคำให้ขึ้นหรือลงนั้น มาจากหลากหลายปัจจัย แต่ที่เป็นปัจจัยหลักๆ ที่พบบ่อยๆ นั้นมีไม่มาก และเรามาดูว่าปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อทองคำให้ปรับตัวขึ้น หรือ ลดลงได้อย่างไร และทำไมต้องเป็นเช่นนั้น มาดูกันเลย

    1.ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับทองคำ
    -ดอลลาร์อ่อน ทองคำจะขึ้น
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ทองคำซื้อขายในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ทองคำจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น จึงสร้างความน่าดึงดูดและแรงซื้อทองคำจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

    -ดอลลารแข็งค่า ทองคำจะลง
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ทองคำซื้อขายในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ทองคำก็จะมีราคาแพง และก็จะถูกลดความน่าสนใจในการเข้าซื้อ ตรงกันข้ามนักลงทุนก็จะเทขายทองคำที่มีอยู่เพื่อทำกำไร

    2. เงินเฟ้อ มักจะมีทิศทางเดียวกันกับทองคำ เงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้นทองคำจะปรับตัวขึ้น
    ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในตัวเอง เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อดีดตัวสูงขึ้น ทองคำจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เงินเฟ้อส่งผลต่อ Fiat Money(เงินกระดาษ)ที่มีค่าจากการรับรองของรัฐบาลแต่ละประเทศ และจำเป็นต้องมีสิ่งหนุนหลัง ซึ่งหากเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้มูลค่าของเงินกระดาษเสื่อมลงนั่นเอง

    3. ภาวะสงครามหรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้น
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในโลกล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อทองคำที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ทันที แตกต่างจากเงินธนบัตรหรือหุ้น ที่เมื่อเกิดความไม่มั่นใจหรือประเทศนั้น ๆ ตัดสินใจทำอะไรที่รุนแรงบานปลายก็จะทำให้มูลค่าของสิ่งเหล่านั้นลดลงไป

    แนวโน้มทองคําขึ้น-ลง มาจากปัจจัยอะไร? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เท่าที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาทองคำให้ขึ้นหรือลงนั้น มาจากหลากหลายปัจจัย แต่ที่เป็นปัจจัยหลักๆ ที่พบบ่อยๆ นั้นมีไม่มาก และเรามาดูว่าปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อทองคำให้ปรับตัวขึ้น หรือ ลดลงได้อย่างไร และทำไมต้องเป็นเช่นนั้น มาดูกันเลย 1.ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับทองคำ -ดอลลาร์อ่อน ทองคำจะขึ้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ทองคำซื้อขายในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ทองคำจะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น จึงสร้างความน่าดึงดูดและแรงซื้อทองคำจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น -ดอลลารแข็งค่า ทองคำจะลง เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ทองคำซื้อขายในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ทองคำก็จะมีราคาแพง และก็จะถูกลดความน่าสนใจในการเข้าซื้อ ตรงกันข้ามนักลงทุนก็จะเทขายทองคำที่มีอยู่เพื่อทำกำไร 2. เงินเฟ้อ มักจะมีทิศทางเดียวกันกับทองคำ เงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้นทองคำจะปรับตัวขึ้น ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในตัวเอง เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เมื่อเงินเฟ้อดีดตัวสูงขึ้น ทองคำจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ เงินเฟ้อส่งผลต่อ Fiat Money(เงินกระดาษ)ที่มีค่าจากการรับรองของรัฐบาลแต่ละประเทศ และจำเป็นต้องมีสิ่งหนุนหลัง ซึ่งหากเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นจะทำให้มูลค่าของเงินกระดาษเสื่อมลงนั่นเอง 3. ภาวะสงครามหรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในโลกล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อทองคำที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ทันที แตกต่างจากเงินธนบัตรหรือหุ้น ที่เมื่อเกิดความไม่มั่นใจหรือประเทศนั้น ๆ ตัดสินใจทำอะไรที่รุนแรงบานปลายก็จะทำให้มูลค่าของสิ่งเหล่านั้นลดลงไป
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews