• นี่แหละ โจ๊กเกอร์เมืองไทย รอวันที่ถูกแบทแมนปราบทรราชกำจัดสิ้น เคยเห็นมาสคอทแบทแมนใน คปท. ศปปส. กองทัพธรรม ไปบ้างแล้วครับ สุดยอด คิดถึงมาสคอตแบทแมนครับ
    นี่แหละ โจ๊กเกอร์เมืองไทย รอวันที่ถูกแบทแมนปราบทรราชกำจัดสิ้น เคยเห็นมาสคอทแบทแมนใน คปท. ศปปส. กองทัพธรรม ไปบ้างแล้วครับ สุดยอด คิดถึงมาสคอตแบทแมนครับ
    โจร 500 เอ้ยๆ โจ๊ก 500 แมว 9 ชีวิต แต่ตุยเกินโควต้าไปแล้วรวม 13 ชีวิต ใครยังหลงเชื่อหลงเชียร์ตามกระแสที่สื่อโจ๊กปั่น ระหว่างอาหารเป็นพิษ เพราะรับทานโจ๊กบูด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #บิ๊กโจ๊ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีที่ผมไม่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10000 บาท ไม่อยากเป็นปรสิตให้เพื่อใครทั้งนั้น แต่ก็เป็นเดชะบุญของผมอย่างยิ่งที่ผมตัดสินใจไม่รับเงิน 10000 บาทดิจิทัลแล้ว แต่ผมมีความรู้เรื่องดิจิทัลอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องดิจิทัล แต่จีนเขาก้าวหน้ารุดหน้าไปมากในเรื่องของดิจิทัล แต่คือแยกเป็นพรรคไทยภักดี พรรคสัมมาธิปไตย พรรคไทยไม่ทน คือตั้งพรรคแยก เพราะถ้ารวมยังไงก็แพ้ในศึกหน้า แต่คิดบวกอยู่ว่า 2 พรรคข้างหลังนี้เป็นพรรคที่เก็บไว้เซ้งตอนพรรคไทยภักดีถูกยุบ ผมเชื่อว่า ยุบไม่ยุบยังไงก็ยุบความคิดอันแรงกล้าของประชาชน คปท. กองทัพธรรม ศปปส. ไม่ได้
    ดีที่ผมไม่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10000 บาท ไม่อยากเป็นปรสิตให้เพื่อใครทั้งนั้น แต่ก็เป็นเดชะบุญของผมอย่างยิ่งที่ผมตัดสินใจไม่รับเงิน 10000 บาทดิจิทัลแล้ว แต่ผมมีความรู้เรื่องดิจิทัลอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องดิจิทัล แต่จีนเขาก้าวหน้ารุดหน้าไปมากในเรื่องของดิจิทัล แต่คือแยกเป็นพรรคไทยภักดี พรรคสัมมาธิปไตย พรรคไทยไม่ทน คือตั้งพรรคแยก เพราะถ้ารวมยังไงก็แพ้ในศึกหน้า แต่คิดบวกอยู่ว่า 2 พรรคข้างหลังนี้เป็นพรรคที่เก็บไว้เซ้งตอนพรรคไทยภักดีถูกยุบ ผมเชื่อว่า ยุบไม่ยุบยังไงก็ยุบความคิดอันแรงกล้าของประชาชน คปท. กองทัพธรรม ศปปส. ไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบบนี้ดีแล้ว ถ้า DSI จะเอาผิดมิน อ่อง หล่าย สี จิ้น ผิง หรือ วลาดิมีร์ ปูติน DSI คิดผิดแล้ว แต่ DSI ขอเถอะ อย่าเล่นงาน คปท. ศปปส. กองทัพธรรม เลย ขอร้องนะ ไม่ใช่ยุคธาริตตี๋กร่าง
    แบบนี้ดีแล้ว ถ้า DSI จะเอาผิดมิน อ่อง หล่าย สี จิ้น ผิง หรือ วลาดิมีร์ ปูติน DSI คิดผิดแล้ว แต่ DSI ขอเถอะ อย่าเล่นงาน คปท. ศปปส. กองทัพธรรม เลย ขอร้องนะ ไม่ใช่ยุคธาริตตี๋กร่าง
    "ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์" เผย อธิบดีดีเอสไอ ลงนามเห็นชอบให้อัยการพิเศษ ขอออกหมายจับ ‘หม่อง ชิตตู่‘ พร้อมพวก พบพฤติการณ์ค้ามนุษย์ทั้งในและนอกประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020725

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามคารม แต่ผมทำได้แค่ยืนดูห่างๆ ไม่ต้องการจะเข้าข้างใคร แต่นึกถึงอดีตที่เจ็บปวดอย่าง DSI ทำอะไรไว้กับ คปท. ตอนนี้ถ้า DSI คิดจะเล่นกับ คปท. DSI คิดผิดแล้ว เพราะ คปท เข้มแข็งกว่าครั้งก่อนมาก เพราะมี ศปปส. กองทัพธรรม คณะหลอมรวมประชาชน รวมอยู่ด้วย และเป็นกองหน้าสำคัญของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกด้วย เพราะ กปปส. ที่เคยสู้ที่ผ่านมาสุดท้ายเป็นแค่จำอวดหน้าม่าน สุดท้ายก็ไหลรวมกับคนที่ กปปส. ต่อสู้กันมานาน ผมไม่ได้ดูหมิ่น กปปส. แต่ผมอยากให้สิ่งที่ กปปส. ต่อสู้กันมาไม่สูญเปล่า แต่ขอพันธมิตรฯที่เข้มแข็งต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อประเทศชาติด้วยครับ
    สงครามคารม แต่ผมทำได้แค่ยืนดูห่างๆ ไม่ต้องการจะเข้าข้างใคร แต่นึกถึงอดีตที่เจ็บปวดอย่าง DSI ทำอะไรไว้กับ คปท. ตอนนี้ถ้า DSI คิดจะเล่นกับ คปท. DSI คิดผิดแล้ว เพราะ คปท เข้มแข็งกว่าครั้งก่อนมาก เพราะมี ศปปส. กองทัพธรรม คณะหลอมรวมประชาชน รวมอยู่ด้วย และเป็นกองหน้าสำคัญของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกด้วย เพราะ กปปส. ที่เคยสู้ที่ผ่านมาสุดท้ายเป็นแค่จำอวดหน้าม่าน สุดท้ายก็ไหลรวมกับคนที่ กปปส. ต่อสู้กันมานาน ผมไม่ได้ดูหมิ่น กปปส. แต่ผมอยากให้สิ่งที่ กปปส. ต่อสู้กันมาไม่สูญเปล่า แต่ขอพันธมิตรฯที่เข้มแข็งต่อสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อประเทศชาติด้วยครับ
    “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ” พร้อมคณะ ชงญัตติเปิดเวที “วุฒิสภา” ถล่มการทำหน้าที่ “ดีเอสไอ-ยธ.” ปมปล่อยทุนเทา-ให้สิทธิพิเศษ “นักโทษบางราย” รักษาตัว หวังส่งข้อเสนอให้ “รัฐบาล” ปรับปรุง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020268

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดร่างกฎหมายกาสิโน ขีดเส้นให้มีแค่ 10% เท่านั้น ภาคประชาชนค้านเต็มกำลัง
    .
    มาถึงชั่วโมงนี้แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย แต่คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ภายหลังล่าสุดเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ปี พ.ศ. .... หรือ​ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นร่างผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์​ -​ 1 มีนาคม​ 2568
    .
    สาระสำคัญในพระราชบัญญัติ​ดังกล่าว​ มีการระบุสัดส่วนชัดเจนของกาสิโนตามมาตรา 18 ( 6)​ ที่กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด
    .
    นอกจากนี้ มาตรา 46 ในการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ต้องกำหนดให้มีใบอนุญาตตามจำนวนกิจการหรือธุรกิจในสถานบันเทิงตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตในกิจการใดกิจการหนึ่ง เป็นผู้ได้รับอนุญาตในกิจการอื่นที่ประกอบกันเป็นสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องยื่นคำขอมีใบอนุญาตเป็นรายกิจการใหม่อีก และให้ระบุการได้รับอนุญาตสำหรับกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตอื่นให้ชัดแจ้งไว้ในใบอนุญาตทุกใบด้วย
    .
    มาตรา 63 ผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการดังนี้ (1) จัดให้มีเขตบริเวณของกาสิโนซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นโดยมีรั้วและประตูทางเข้าแยกจากสถานประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่เป็นธุรกิจที่อยู่ในกาสิโนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเล่นพนัน (2) มีการควบคุมการเข้าออกโดย มีการตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนหรือเอกสารระบุตัวตนอื่น พร้อมทั้งภาพถ่ายใบหน้า(4) ตรวจสอบผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันให้เป็นไปตามมาตรา 64 และมาตรา 65
    .
    ด้าน กลุ่มเครือข่ายประชาชน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดกาสิโนในประเทศไทย
    .
    เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี แต่พบว่ามีการบรรจุ “กาสิโน” ไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งกลุ่มผู้คัดค้านเปรียบเปรยว่า เป็นเหมือนการแอบผสมสารพิษลงในอาหาร แม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงตามมาตรา 18 (6) ของร่างกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
    .
    การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งกาสิโน เพราะธุรกิจการพนันมีแต่จะทำให้คุณภาพของสังคมไทยเสื่อมโทรมลง และนำไปสู่ปัญหาสังคมในอนาคต พวกเขาจึงเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อเสนอของภาคประชาชนและแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีให้รับทราบถึงความห่วงใยของประชาชนต่อเรื่องนี้
    ..............
    Sondhi X
    เปิดร่างกฎหมายกาสิโน ขีดเส้นให้มีแค่ 10% เท่านั้น ภาคประชาชนค้านเต็มกำลัง . มาถึงชั่วโมงนี้แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย แต่คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ภายหลังล่าสุดเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ปี พ.ศ. .... หรือ​ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นร่างผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์​ -​ 1 มีนาคม​ 2568 . สาระสำคัญในพระราชบัญญัติ​ดังกล่าว​ มีการระบุสัดส่วนชัดเจนของกาสิโนตามมาตรา 18 ( 6)​ ที่กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด . นอกจากนี้ มาตรา 46 ในการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ต้องกำหนดให้มีใบอนุญาตตามจำนวนกิจการหรือธุรกิจในสถานบันเทิงตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตในกิจการใดกิจการหนึ่ง เป็นผู้ได้รับอนุญาตในกิจการอื่นที่ประกอบกันเป็นสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องยื่นคำขอมีใบอนุญาตเป็นรายกิจการใหม่อีก และให้ระบุการได้รับอนุญาตสำหรับกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตอื่นให้ชัดแจ้งไว้ในใบอนุญาตทุกใบด้วย . มาตรา 63 ผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการดังนี้ (1) จัดให้มีเขตบริเวณของกาสิโนซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นโดยมีรั้วและประตูทางเข้าแยกจากสถานประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่เป็นธุรกิจที่อยู่ในกาสิโนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเล่นพนัน (2) มีการควบคุมการเข้าออกโดย มีการตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนหรือเอกสารระบุตัวตนอื่น พร้อมทั้งภาพถ่ายใบหน้า(4) ตรวจสอบผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันให้เป็นไปตามมาตรา 64 และมาตรา 65 . ด้าน กลุ่มเครือข่ายประชาชน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดกาสิโนในประเทศไทย . เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี แต่พบว่ามีการบรรจุ “กาสิโน” ไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งกลุ่มผู้คัดค้านเปรียบเปรยว่า เป็นเหมือนการแอบผสมสารพิษลงในอาหาร แม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงตามมาตรา 18 (6) ของร่างกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ . การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งกาสิโน เพราะธุรกิจการพนันมีแต่จะทำให้คุณภาพของสังคมไทยเสื่อมโทรมลง และนำไปสู่ปัญหาสังคมในอนาคต พวกเขาจึงเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อเสนอของภาคประชาชนและแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีให้รับทราบถึงความห่วงใยของประชาชนต่อเรื่องนี้ .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Love
    12
    3 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2241 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คปท. ศปปส.-กองทัพธรรม” ยื่นหนังสือ “กฤษฎีกา” คัดค้าน คาสิโน-พนันออนไลน์
    https://www.thai-tai.tv/news/17181/
    “คปท. ศปปส.-กองทัพธรรม” ยื่นหนังสือ “กฤษฎีกา” คัดค้าน คาสิโน-พนันออนไลน์ https://www.thai-tai.tv/news/17181/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • คปท.ผนึก ศปปส.-กองทัพธรรม-อดีต นปช.ยื่น หนังสือจี้ส่งเวชระเบียนการรักษาตัวของ ‘ทักษิณ’ ที่ชั้น 14 รพ.จตำรวจ ถึงนายกฯ ซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้องผู้ป่วยเทวดา พร้อมแสดงจุดยืนต้านกาสิโน "จตุพร" เตือนอุ๊งอิ๊งค์ ถ้าอยากหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006443

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คปท.ผนึก ศปปส.-กองทัพธรรม-อดีต นปช.ยื่น หนังสือจี้ส่งเวชระเบียนการรักษาตัวของ ‘ทักษิณ’ ที่ชั้น 14 รพ.จตำรวจ ถึงนายกฯ ซัดตำรวจ-แพทย์ ส่อปกป้องผู้ป่วยเทวดา พร้อมแสดงจุดยืนต้านกาสิโน "จตุพร" เตือนอุ๊งอิ๊งค์ ถ้าอยากหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006443 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 999 มุมมอง 1 รีวิว
  • คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม พร้อมด้วย “จตุพร พรหมพันธุ์-ทนายนกเขา” นัดรวมตัวที่ทำเนียบฯ 10 โมงเช้า 21 ม.ค.แสดงจุดยืนหยุดเทวดาชั้น 14 ต้านกาสิโน-พนันออนไลน์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006137

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม พร้อมด้วย “จตุพร พรหมพันธุ์-ทนายนกเขา” นัดรวมตัวที่ทำเนียบฯ 10 โมงเช้า 21 ม.ค.แสดงจุดยืนหยุดเทวดาชั้น 14 ต้านกาสิโน-พนันออนไลน์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006137 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💛🇹🇭TikTok@morkeawfanclub #หมอเขียวแฟนคลับ #กองทัพธรรม #คปท #ว่างว่างก็แวะมา
    💛🇹🇭TikTok@morkeawfanclub #หมอเขียวแฟนคลับ #กองทัพธรรม #คปท #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • TikTok@morkeawfanclub #หมอเขีบวแฟนคลับ #กองทัพธรรม #คาสิโน #ว่างว่างก็แวะมา
    TikTok@morkeawfanclub #หมอเขีบวแฟนคลับ #กองทัพธรรม #คาสิโน #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • สะพัดปลัดกระทรวงการคลังระบุ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ไม่ผ่านคุณสมบัติประธานบอร์แบงก์ชาติ แต่ให้ไปถาม "พิชัย" เอาเอง คาดขัดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง เผย 2 แนวทาง เลือก "กุลิศ สมบัติศิริ" อดีตปลัดพลังงาน 1 ในแคนดิเดตที่เหลือ หรือคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น
    .
    วันนี้ (24 ธ.ค.) หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลการตีความทางกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนรายละเอียดในฐานะปลัดกระทรวงการคลังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยข้อมูล
    .
    “มีการคอนเฟิร์มแล้วว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ รายละเอียดต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง” นายลวรณ กล่าว
    .
    ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้มาก่อน ส่วนแนวทางการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติขั้นตอนต่อไปอาจจะออกมาสองแนวทางคือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานคัดเลือก ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะเลือกนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ รมว.คลังพิจารณา หรืออีกแนวทางคือ เริ่มการคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับรายชื่อที่เข้ารับการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มี 3 ราย คือ นายกิตติรัตน์ เสนอโดยกระทรวงการคลัง นายกุลิศ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และนายสุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
    .
    ปรากฎว่าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2567 มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หลังการประชุมผ่านไป 5 ชั่วโมง แต่ไม่มีกรรมการคนใดออกมาให้สัมภาษณ์ รวมทั้งนายสถิตย์เอง ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็เดินทางกลับไปในทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยื่นหนังสือคัดค้านนายกิตติรัตน์ และมีผู้ชุมนุมจากกองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปักหลักชุมนุมหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม
    .
    ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่นายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเมื่อพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี" และข้อ 5 ระบุว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี"
    .
    หากพิจารณาจากตำแหน่งในทางการเมืองของนายกิตติรัตน์ ทั้งในบทบาทของประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย จึงน่าจะเข้าข่ายขัดคุณสมบัติ และอาจจะกลายเป็นปัญหาหากมีผู้ร้องว่าเป็นการแต่งตั้งที่ขัดกฎหมายดังกล่าว
    .
    ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ว่า เรื่องดังกล่าวอาจล่าช้าและจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2568
    ..............
    Sondhi X
    สะพัดปลัดกระทรวงการคลังระบุ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ไม่ผ่านคุณสมบัติประธานบอร์แบงก์ชาติ แต่ให้ไปถาม "พิชัย" เอาเอง คาดขัดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง เผย 2 แนวทาง เลือก "กุลิศ สมบัติศิริ" อดีตปลัดพลังงาน 1 ในแคนดิเดตที่เหลือ หรือคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น . วันนี้ (24 ธ.ค.) หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลการตีความทางกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนรายละเอียดในฐานะปลัดกระทรวงการคลังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยข้อมูล . “มีการคอนเฟิร์มแล้วว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ รายละเอียดต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง” นายลวรณ กล่าว . ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้มาก่อน ส่วนแนวทางการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติขั้นตอนต่อไปอาจจะออกมาสองแนวทางคือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานคัดเลือก ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะเลือกนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ รมว.คลังพิจารณา หรืออีกแนวทางคือ เริ่มการคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับรายชื่อที่เข้ารับการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มี 3 ราย คือ นายกิตติรัตน์ เสนอโดยกระทรวงการคลัง นายกุลิศ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และนายสุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย . ปรากฎว่าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2567 มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หลังการประชุมผ่านไป 5 ชั่วโมง แต่ไม่มีกรรมการคนใดออกมาให้สัมภาษณ์ รวมทั้งนายสถิตย์เอง ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็เดินทางกลับไปในทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยื่นหนังสือคัดค้านนายกิตติรัตน์ และมีผู้ชุมนุมจากกองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปักหลักชุมนุมหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม . ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่นายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเมื่อพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี" และข้อ 5 ระบุว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี" . หากพิจารณาจากตำแหน่งในทางการเมืองของนายกิตติรัตน์ ทั้งในบทบาทของประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย จึงน่าจะเข้าข่ายขัดคุณสมบัติ และอาจจะกลายเป็นปัญหาหากมีผู้ร้องว่าเป็นการแต่งตั้งที่ขัดกฎหมายดังกล่าว . ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ว่า เรื่องดังกล่าวอาจล่าช้าและจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2568 .............. Sondhi X
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1348 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องที่เขียนนี้ ฟังดูแล้วเหมือนนวนิยาย “กรุงเทพมหานครฯ คือ ศูนย์กลางสงครามจารชน ทุกชาติมีจารชนแฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆ” แต่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แห่งที่แสวงหาข่าว “ย่านบาร์ที่เป็นสถานที่เปิด เช่น ถนนคนเดิน ซอยคาวบอย พัฒน์พงษ์ FCCT การสัมมนาต่างตามมหาวิทยาลัยและพื้นที่ชุมนุมทางการเมือง” เป็นต้นมีประวัติเช่นนี้มานานแล้ว “เริ่มต้นในยุคก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา ร่ายยาวมาจนทุกวันนี้” แม้กระทั่ง เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน Peace Corps บางคนเป็น CIA Trained (มาวิเคราะห์อุปนิสัยและมโนสำนึกของคนไทยที่อยู่ในระดับฐานะชนชั้นกลาง)ทุกสถานทูตจะมี “เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง (เปิดเผย) และจารชนมืออาชีพ เช่น CIA, MI 6 หรือ SIS (อังกฤษ), SVR RF (รัสเซีย) MSS (จีน) MOSSAD (อิสราเอล) เป็นต้นก่อนหน้ารัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รถนั่งจารชนก็ติดป้ายรถทูต ต่อมาหลายๆ ประเทศส่งจารชนมามากมายโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักพิธีการทูตที่กำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตไว้จำนวนหนึ่งชัดเจนที่ได้รับสิทธิทางการทูตคุ้มครอง ในสมัยรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จารชนเต็มเมืองและถือสิทธิ์นักการทูต นายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง จึงกำหนดรถราชการองค์ต่างชาติให้ใช้ป้ายสีฟ้าเพื่อแยกแยะ คณะทูตกับเจ้าหน้าที่องค์ต่างชาติต่างๆ และจารชน ซึ่งไม่ใช่ทูตและไม่มีสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองกัมพูชาก็มีจารชนด้วยเช่นกันและครั้งหนึ่ง ๓๐ กว่าปีมาแล้วผมพบกับเลขาเอกสถานทูตเขมรและเข้าใจหน้าที่ของเขาดีว่าเขา “ต้องการอะไร The needed Intelligence Assessment”และในปี ๒๕๕๖ ก่อนการชุมนุม กปท./กองทัพธรรม เลขานุการฝ่ายการเมืองสถาทูตสหรัฐฯ ขอพบผม ๒ ครั้งและเราพบทั้ง ๒ ครั้ง “ผมก็ให้เหตุผลการชุมนุมของ กปท./กองทัพธรรมและยืนหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ชี้แจ้งยืนยันเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อขจัดเผด็จการรัฐสภา (ช่วงนั้นเป็นยุคนางคริสตี้ Christy ซึ่งเข้าข้างฝ่ายระบอบทักษิณ)หลักการสรรหาแหล่งข่าว Human Intelligent ๑. คนมีปมด้อยหรือคิดว่าตัวเองถูกรัฐหรือสังคมเอาผิดอย่างไม่ยุติธรรมทั้งที่ตัวเองผิดเต็มประตู (อย่างที่นายทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน) ๒. คนโลภเห็นแก่เงิน ๓. คนไร้อุดมการณ์ระบอบการเมืองของรัฐนั้นๆ ๔. คนทีความทะเยอทะยานใฝ่สูง ๕. พวกหลงตัวเองโดยเฉพาะนักวิชาการสมเด็จฮุนเซนจึงไม่ได้ลงทุนอะไรมากเลยแต่กลับได้ข่าวที่แทบจะไม่ต้อง “กรอง” เลยโดยเฉพาะ “จุดอ่อนของประเทศไทยที่หน่วยข่าวกรองไทยเราเองประเมินไว้ตามหลัก “รู้เขารู้เรา” ในนายกรัฐมนตรีรับทราบและกำหนดนโยบายแก้ไขในฐานะที่ผมเคยเป็น “ผู้ช่วยเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เป็น ๑ ในกลุ่มผู้วิเคราะห์ข่าวยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีและการต่อต้านการจารกรรม (ขั้นพื้นฐาน คือ การยึดระเบียบการรักษาความปลอดภัยของชาติ ๒๕๔๔)ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้อง “ตั้งประเด็นโดยเฉพาะ ปปช.” ซึ่งสามารถตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนและหาความจริงเท่าที่จะทำได้ ว่านายทักษิณให้คำปรึกษาอะไรบ้าง ที่อาจจะเป็นการเผยความลับที่สุดของชาติ ด้วยการนำเอารายละเอียดหลักการต่างๆ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีมติยกเลิก MOU44 ฉบับทรยศชาติมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบVachara Riddhagni
    เรื่องที่เขียนนี้ ฟังดูแล้วเหมือนนวนิยาย “กรุงเทพมหานครฯ คือ ศูนย์กลางสงครามจารชน ทุกชาติมีจารชนแฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆ” แต่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แห่งที่แสวงหาข่าว “ย่านบาร์ที่เป็นสถานที่เปิด เช่น ถนนคนเดิน ซอยคาวบอย พัฒน์พงษ์ FCCT การสัมมนาต่างตามมหาวิทยาลัยและพื้นที่ชุมนุมทางการเมือง” เป็นต้นมีประวัติเช่นนี้มานานแล้ว “เริ่มต้นในยุคก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา ร่ายยาวมาจนทุกวันนี้” แม้กระทั่ง เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน Peace Corps บางคนเป็น CIA Trained (มาวิเคราะห์อุปนิสัยและมโนสำนึกของคนไทยที่อยู่ในระดับฐานะชนชั้นกลาง)ทุกสถานทูตจะมี “เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมือง (เปิดเผย) และจารชนมืออาชีพ เช่น CIA, MI 6 หรือ SIS (อังกฤษ), SVR RF (รัสเซีย) MSS (จีน) MOSSAD (อิสราเอล) เป็นต้นก่อนหน้ารัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รถนั่งจารชนก็ติดป้ายรถทูต ต่อมาหลายๆ ประเทศส่งจารชนมามากมายโดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักพิธีการทูตที่กำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตไว้จำนวนหนึ่งชัดเจนที่ได้รับสิทธิทางการทูตคุ้มครอง ในสมัยรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จารชนเต็มเมืองและถือสิทธิ์นักการทูต นายกรัฐมนตรี มรว.คึกฤทธิ์ เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง จึงกำหนดรถราชการองค์ต่างชาติให้ใช้ป้ายสีฟ้าเพื่อแยกแยะ คณะทูตกับเจ้าหน้าที่องค์ต่างชาติต่างๆ และจารชน ซึ่งไม่ใช่ทูตและไม่มีสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองกัมพูชาก็มีจารชนด้วยเช่นกันและครั้งหนึ่ง ๓๐ กว่าปีมาแล้วผมพบกับเลขาเอกสถานทูตเขมรและเข้าใจหน้าที่ของเขาดีว่าเขา “ต้องการอะไร The needed Intelligence Assessment”และในปี ๒๕๕๖ ก่อนการชุมนุม กปท./กองทัพธรรม เลขานุการฝ่ายการเมืองสถาทูตสหรัฐฯ ขอพบผม ๒ ครั้งและเราพบทั้ง ๒ ครั้ง “ผมก็ให้เหตุผลการชุมนุมของ กปท./กองทัพธรรมและยืนหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ชี้แจ้งยืนยันเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อขจัดเผด็จการรัฐสภา (ช่วงนั้นเป็นยุคนางคริสตี้ Christy ซึ่งเข้าข้างฝ่ายระบอบทักษิณ)หลักการสรรหาแหล่งข่าว Human Intelligent ๑. คนมีปมด้อยหรือคิดว่าตัวเองถูกรัฐหรือสังคมเอาผิดอย่างไม่ยุติธรรมทั้งที่ตัวเองผิดเต็มประตู (อย่างที่นายทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน) ๒. คนโลภเห็นแก่เงิน ๓. คนไร้อุดมการณ์ระบอบการเมืองของรัฐนั้นๆ ๔. คนทีความทะเยอทะยานใฝ่สูง ๕. พวกหลงตัวเองโดยเฉพาะนักวิชาการสมเด็จฮุนเซนจึงไม่ได้ลงทุนอะไรมากเลยแต่กลับได้ข่าวที่แทบจะไม่ต้อง “กรอง” เลยโดยเฉพาะ “จุดอ่อนของประเทศไทยที่หน่วยข่าวกรองไทยเราเองประเมินไว้ตามหลัก “รู้เขารู้เรา” ในนายกรัฐมนตรีรับทราบและกำหนดนโยบายแก้ไขในฐานะที่ผมเคยเป็น “ผู้ช่วยเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ เป็น ๑ ในกลุ่มผู้วิเคราะห์ข่าวยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีและการต่อต้านการจารกรรม (ขั้นพื้นฐาน คือ การยึดระเบียบการรักษาความปลอดภัยของชาติ ๒๕๔๔)ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้อง “ตั้งประเด็นโดยเฉพาะ ปปช.” ซึ่งสามารถตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนและหาความจริงเท่าที่จะทำได้ ว่านายทักษิณให้คำปรึกษาอะไรบ้าง ที่อาจจะเป็นการเผยความลับที่สุดของชาติ ด้วยการนำเอารายละเอียดหลักการต่างๆ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีมติยกเลิก MOU44 ฉบับทรยศชาติมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบVachara Riddhagni
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องเพราะว่าชีวิตของพระภิกษุสามเณร ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือความอดทน อดทนต่อความยากลำบาก อดกลั้นต่ออารมณ์กระทบ อดออมที่จะไม่แสดงออกถึงกิริยาอาการไม่ดี ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของพระเราที่จะต้องทำให้ได้อย่างนั้น ถือหลักว่าพระภิกษุสามเณรก็คือธรรมเสนา ทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อเป็นทหาร ก็อย่างที่โบราณเขาใส่เอาไว้ในพยัญชนะไทยของเรา ก็คือขยายความว่า ท.ทหารอดทน

    คราวนี้สิ่งที่เราทนนั้นต้องเป็นการทนด้วยการใช้ปัญญา ไม่ใช่ทนแบบควาย..! ความทนด้วยการใช้ปัญญาก็คือ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย พ้นจากวินาทีนี้ไป เราอาจจะเสียชีวิตแล้วก็ได้ ถ้าหากว่าสติปัญญาของเราสมบูรณ์พร้อม เห็นชัดเจนอยู่ในลักษณะแบบนี้ ก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรลำบาก เพราะว่าเราจะพ้นไปแล้ว

    ดังนั้น..นักปฏิบัติธรรมที่ดีจึงต้องมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย แล้วตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า ตายแล้วเรามีพระนิพพานเป็นที่ไปเท่านั้น ไม่ใช่ว่าอะไรก็ทน แต่เป็นการทนแบบไร้ปัญญา ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่เราทนก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร

    การที่เราทนแบบคนมีปัญญา รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย เราก็ต้องเตรียมความพร้อม อย่างที่เคยมีหนังสือ หรือว่าภาพยนตร์ที่เขียนเอาไว้ว่า "ถ้าเหลือชีวิตอยู่อีก ๗ วัน เราจะทำอะไรกันบ้าง ?"จะว่าไปแล้ว คนเขียนก็พอมีส่วนของการเข้าถึงธรรมอยู่บ้าง แต่ยังประมาทจนเกินไป เพราะคิดว่ายังอยู่อีกตั้ง ๗ วัน..!

    ทำอย่างไรที่เราจะรู้ตัวอยู่เสมอว่า หายใจเข้า..ไม่หายใจออก เราก็ตายแล้ว หายใจออก..ไม่หายใจเข้า เราก็ตายอีกเช่นกัน ชีวิตนี้มีความตายเป็นเบื้องหน้า เราจักต้องถึงความตายเป็นแน่แท้ ไม่มีใครล่วงพ้นความตายนี้ไปได้ ก็แปลว่า ต้องมีปัญญาในมรณานุสติอยู่ในระดับที่สูงมาก

    คราวนี้เมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ก็ต้องมีการเตรียมพร้อม การเตรียมพร้อมของเราก็ไม่มีอะไรที่เกินไปกว่า ศีล สมาธิ แล้วก็ปัญญา ในแต่ละวันเราต้องทบทวนว่าศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? เราละเมิดศีลด้วยตนเองหรือไม่ ? เราได้ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? และท้ายที่สุดเรายินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ?

    ในเมื่อศีลของเราสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมแล้ว ก็เป็นอันว่ารอดตัวไปอีกวัน แต่ถ้ามีขาดตกบกพร่อง ต้องตั้งใจทันทีว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจักเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ แล้วตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษาสิกขาบทต่อไป

    ส่วนในเรื่องของสมาธินั้น ถ้าเป็นไปได้ ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดทั้งวัน ถ้าหากว่าไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เช้า ๆ เย็น ๆ ต้องมีเวลาในการภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ว่าจากการที่กระผม/อาตมภาพปฏิบัติมาด้วยตัวเอง ตอนช่วงเช้าภาวนาจนกำลังใจทรงตัวเต็มที่เท่าที่เราทำได้ แต่พอไปทำการทำงาน กระทบกระทั่งกับสารพัดอารมณ์ที่ประเดประดังเข้ามา ก็มักจะไม่พอใช้งาน จึงต้องไปภาวนาเพิ่มเติมตอนพักเที่ยง

    ดังนั้น..เรื่องของอาหารการกิน จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ สักแต่ว่ายัด ๆ เข้าปาก กลืนลงท้องไปให้อิ่มก็พอ เอาเวลาที่เหลือไปภาวนาให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย เราจะได้อาศัยกำลังนั้นทำงานของเราต่อ พอกระทบกระทั่งกับอารมณ์ต่าง ๆ เข้า ก็มักจะพังเสียก่อนที่จะหมดวัน เราจึงต้องมีการภาวนาในช่วงเย็น หรือช่วงค่ำด้วย เพื่อรักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่องกัน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖

    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/community/postid/99/
    เนื่องเพราะว่าชีวิตของพระภิกษุสามเณร ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือความอดทน อดทนต่อความยากลำบาก อดกลั้นต่ออารมณ์กระทบ อดออมที่จะไม่แสดงออกถึงกิริยาอาการไม่ดี ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของพระเราที่จะต้องทำให้ได้อย่างนั้น ถือหลักว่าพระภิกษุสามเณรก็คือธรรมเสนา ทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อเป็นทหาร ก็อย่างที่โบราณเขาใส่เอาไว้ในพยัญชนะไทยของเรา ก็คือขยายความว่า ท.ทหารอดทน คราวนี้สิ่งที่เราทนนั้นต้องเป็นการทนด้วยการใช้ปัญญา ไม่ใช่ทนแบบควาย..! ความทนด้วยการใช้ปัญญาก็คือ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย พ้นจากวินาทีนี้ไป เราอาจจะเสียชีวิตแล้วก็ได้ ถ้าหากว่าสติปัญญาของเราสมบูรณ์พร้อม เห็นชัดเจนอยู่ในลักษณะแบบนี้ ก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรลำบาก เพราะว่าเราจะพ้นไปแล้ว ดังนั้น..นักปฏิบัติธรรมที่ดีจึงต้องมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย แล้วตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า ตายแล้วเรามีพระนิพพานเป็นที่ไปเท่านั้น ไม่ใช่ว่าอะไรก็ทน แต่เป็นการทนแบบไร้ปัญญา ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่เราทนก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร การที่เราทนแบบคนมีปัญญา รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย เราก็ต้องเตรียมความพร้อม อย่างที่เคยมีหนังสือ หรือว่าภาพยนตร์ที่เขียนเอาไว้ว่า "ถ้าเหลือชีวิตอยู่อีก ๗ วัน เราจะทำอะไรกันบ้าง ?"จะว่าไปแล้ว คนเขียนก็พอมีส่วนของการเข้าถึงธรรมอยู่บ้าง แต่ยังประมาทจนเกินไป เพราะคิดว่ายังอยู่อีกตั้ง ๗ วัน..! ทำอย่างไรที่เราจะรู้ตัวอยู่เสมอว่า หายใจเข้า..ไม่หายใจออก เราก็ตายแล้ว หายใจออก..ไม่หายใจเข้า เราก็ตายอีกเช่นกัน ชีวิตนี้มีความตายเป็นเบื้องหน้า เราจักต้องถึงความตายเป็นแน่แท้ ไม่มีใครล่วงพ้นความตายนี้ไปได้ ก็แปลว่า ต้องมีปัญญาในมรณานุสติอยู่ในระดับที่สูงมาก คราวนี้เมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ก็ต้องมีการเตรียมพร้อม การเตรียมพร้อมของเราก็ไม่มีอะไรที่เกินไปกว่า ศีล สมาธิ แล้วก็ปัญญา ในแต่ละวันเราต้องทบทวนว่าศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? เราละเมิดศีลด้วยตนเองหรือไม่ ? เราได้ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? และท้ายที่สุดเรายินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? ในเมื่อศีลของเราสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมแล้ว ก็เป็นอันว่ารอดตัวไปอีกวัน แต่ถ้ามีขาดตกบกพร่อง ต้องตั้งใจทันทีว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจักเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ แล้วตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังรักษาสิกขาบทต่อไป ส่วนในเรื่องของสมาธินั้น ถ้าเป็นไปได้ ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดทั้งวัน ถ้าหากว่าไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เช้า ๆ เย็น ๆ ต้องมีเวลาในการภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ว่าจากการที่กระผม/อาตมภาพปฏิบัติมาด้วยตัวเอง ตอนช่วงเช้าภาวนาจนกำลังใจทรงตัวเต็มที่เท่าที่เราทำได้ แต่พอไปทำการทำงาน กระทบกระทั่งกับสารพัดอารมณ์ที่ประเดประดังเข้ามา ก็มักจะไม่พอใช้งาน จึงต้องไปภาวนาเพิ่มเติมตอนพักเที่ยง ดังนั้น..เรื่องของอาหารการกิน จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ สักแต่ว่ายัด ๆ เข้าปาก กลืนลงท้องไปให้อิ่มก็พอ เอาเวลาที่เหลือไปภาวนาให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย เราจะได้อาศัยกำลังนั้นทำงานของเราต่อ พอกระทบกระทั่งกับอารมณ์ต่าง ๆ เข้า ก็มักจะพังเสียก่อนที่จะหมดวัน เราจึงต้องมีการภาวนาในช่วงเย็น หรือช่วงค่ำด้วย เพื่อรักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่องกัน พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/community/postid/99/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 788 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #พระกรรมฐานสายวัดป่า #กองทัพธรรมพระกรรมฐาน #ขึ้นหน้าฟีดที #หน้าฟีด #เปิดการมองเห็นtiktok
    #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #พระกรรมฐานสายวัดป่า #กองทัพธรรมพระกรรมฐาน #ขึ้นหน้าฟีดที #หน้าฟีด #เปิดการมองเห็นtiktok
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • แนวทางของนักปฏิบัติ,รู้ทันกิเลสในแต่ละขั้น#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์🙏🙏🙏 #นักปฏิบัติธรรม #สายวัดป่า #กองทัพธรรมพระกรรมฐาน #พระอรหันต์ #CapCut
    แนวทางของนักปฏิบัติ,รู้ทันกิเลสในแต่ละขั้น#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์🙏🙏🙏 #นักปฏิบัติธรรม #สายวัดป่า #กองทัพธรรมพระกรรมฐาน #พระอรหันต์ #CapCut
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 922 มุมมอง 90 0 รีวิว