• ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 5

    คณะกรรมาธิการ 1919 the Senate Overman Committee ได้ลงความเห็นว่า Guaranty Trust มี บทบาทสูง และทำอย่างสม่ำเสมอ ในการสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมันในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นการปฏิบัติตัวอย่างไม่เป็นกลาง ตามคำให้การของนาย Becker เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา

    ที่สำคัญ การสนับสนุนทางการเงิน แก่เยอรมัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการผิดกฏหมายเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันนั้น Guaranty Trust ก็ให้การสนับสนุนทางการเงิน กับฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้นด้วย มันเป็นเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดจรรยาบรรณ อย่างร้ายแรงของ Guaranty Trust อีกด้วย

    แต่ฤทธิเดชความพลิกแพลงของนักการเงินวอลสตรีท ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายราย ที่ทำให้แผนการชั่วร้ายของกลุ่มการเงินวอลสตรีท ประสบความสำเร็จ

    Count Jacques Minotto เป็นตัวละครอีกรายหนึ่ง ที่โยงการปฏิวัติ Bolsheviks ในรัสเซียกับกลุ่มธนาคารเยอรมัน และการจารกรรมในอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์ค
    Jacques Minotto เกิดเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1891 ที่เบอร์ลิน พ่อเป็นชาวออสเตรียนที่มีเชื้อเจ้า ส่วนแม่เป็นเยอรมัน Minotto เรียนหนังสือที่เบอร์ลิน เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานที่ Deutsche Bank ในเบอร์ลินเมื่อปี 1912 ทำงานที่นั่นไม่นานเท่าไหร่ เขาก็ถูกส่งตัวมาเป็นผู้ช่วยของ Hugo Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการของธนาคาร และเป็นตัวแทนของ Deutsche Bank ที่นิวยอร์ค เรียกว่าเป็นเด็กเส้น อยู่นิวยอร์คได้ 1 ปี นาย Minotto เด็กเส้นก็ถูกส่งไปอยู่ Deutsche Bank ที่ลอนดอน ทำให้เขาได้วนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง ของนักการเมืองและนักการฑูต

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มก่อตัว Minotto กลับมาอยู่ที่อเมริกา และได้มีโอกาสพบกับ Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมันประจำอเมริกา หลังจากนั้น Minotto ก็เลยเปลี่ยนที่ทำงาน ย้ายมาทำงานหน้าที่ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์คแทน และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาย Max May ซึ่งเป็นกรรมการด้านนโยบายฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust เป็น Max May ที่ Olof Aschberg นายธนาคารของพวก Bolsheviks เดินตามต้อยๆ

    เดือนตุลาคม 1914 Guaranty Trust ส่ง Minotto ไปอเมริกาใต้ เพื่อไปทำการสำรวจ และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ธุรกิจการเงิน และการค้าในแถบนั้น และก็เหมือนชีวิตในลอนดอน และนิวยอร์ค Minotto พาตัวเองเข้าสู่สังคมชั้นสูง แท้จริงแล้ว ภาระกิจของ Minotto ในลาตินอเมริกาคือ หาทางให้ Guaranty Trust สามารถเป็นตัวกลาง ในการระดมเงินทุนให้เยอรมัน แทนตลาดลอนดอน ซึ่งขณะนั้นปฏิเสธที่จะทำ เนื่องจากอังกฤษกำลังทำสงครามอยู่กับเยอรมัน

    เอะ คราวนี้อังกฤษเกิดมีจรรยาบรรณ อย่าเพิ่งเข้าใจเป็นอย่างนั้น อังกฤษไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเยอรมันมากกว่า อะไรที่จะเกิดประโยชน์กับเยอรมัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ทางใด อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มากว่าร้อยปี เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่เยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่อีกเรื่องนึง

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 6

    เมื่อ Minotto เดินทางกลับมานิวยอร์ค เขากลับมาคบค้ากับ Count Von Berntorff ต่อ และพยายาม สมัครเข้าไปอยู่ในหน่วยข่าวกรอง ของกองทัพเรืออเมริกัน แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้น เขาถูกจับ ข้อหาจัดกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมเยอรมัน ขณะถูกจับ Minotto ทำงานอยู่ที่โรงงานในชิคาโก ให้กับพ่อตาของเขา Louis Swift เจ้าของบริษัท Swift & Co ซึ่งทำอุตสาหกรรมส่งเนื้อสัตว์แช่แข็ง พ่อตาใช้พันธบัตร จำนวน 50,000 เหรียญ ประกัน Minotto ออกมา แต่ตอนหลังคุณพ่อตา ก็ถูกจับข้อหาโปรเยอรมันเช่นเดียวกัน

    เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าไม่ แน่ใจ แต่คุณพ่อตานี้ เป็นพี่ชาย ของ Major Harold H. Swift ที่ร่วมเดินทางไป Petrograd กับ William Boyce Thompson ในคณะภารกิจกาชาด Red Cross Mission เพื่อรัสเซีย ในปี 1917 ที่จะเล่าต่อไปด้วย

    นาย Josef Caillaux เป็นนักการเมืองชื่อดังของฝรั่งเศส เขารู้จักและเที่ยวเตร่กับ Minotto ที่ลาตินอเมริกา เมื่อตอนที่ Minotto ไปทำภาระกิจให้ Guaranty Trust

    ปี 1911 Caillaux ได้เป็นรัฐมนตรีคลัง และในปีเดียวกัน เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส และมี John Louis Malvy เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเขา หลังจากนั้นไม่กี่ปี คุณนาย Caillaux ก็ปฏิบัติการฆาตกรรม นาย Calmette บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศส Figaro อัยการตั้งข้อหาว่า คุณนาย Caillaux ฆ่า Calmette เพื่อปิดปากไม่ให้ Calmette ตีพิมพ์เอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง

    เหตุการณ์นี้ทำให้นาย Caillaux และคุณนายใจโหด หนีออกไปจากฝรั่งเศส และไปอยู่ที่แถบลาตินอเมริกา จน Minotto ได้ไปพบ และในที่สุด Minotto กับครอบครัว Caillaux ก็สนิทสนมกลมเกลียว ท่องเที่ยวด้วยกันไปทั่วอเมริกาใต้ เมื่อได้กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง ครอบครัว Caillaux พักอยู่ที่ Biarrtiz ในฐานะแขกของ Paul Bolo-Pasha ซึ่งเป็นสายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในฝรั่งเศส

    ในเดือนกรกฏาคม 1915 Minotto เดินทางจากอิตาลีมาฝรั่งเศสและพบกับครอบครัว Caillaux ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ครอบครัว Caillauxเป็นแขกรับเชิญของ Bolo-Pasha และพักที่ Biarrtiz อย่างเคย

    ภาระกิจของ Bolo-Pasha ที่ฝรั่งเศสคือ เพื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเยอรมัน ผ่านหนังสือพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศสคือ Le Temps และ Figaro หลังจากนั้น Bolo-Pasha ก็เดินทางไปนิวยอร์ค เพื่อพบกับ Von Pavenstedt สายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในอเมริกา และเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธุ์ระดับลึก กับ Amsinck & Co ของ Guaranty Trust ที่ กลุ่ม Morgan เป็นเจ้าของ

    มันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ของพวกโคตรแสบและชั่วจริงๆ
    Severance Johnson เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The Enemy Within เกี่ยวกับ Caillaux และ Malvy ซึ่งพยายามทำการปฏิวัติที่เรี ยกว่า French Bolsheviks ในฝรั่งเศสปี 1918 แต่ไม่สำเร็จว่า “ถ้าการปฏิวัติทำสำเร็จ Malvy ก็คงจะเป็น Trotsky แห่งฝรั่งเศส และ Caillaux ก็คงจะเป็น Lenin”

    Caillaux และ Malvy ได้ ร่วมกันตั้งพรรคสังคมนิยมหัวรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส โดยใช้เงินทุนของเยอรมัน และถูกจับตัวขึ้นศาล ในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากการไต่สวนของศาล เกี่ยวกับการกระทำเป็นสายลับในฝรั่งเศสในปี 1919 และมีการสืบพยานเกี่ยวกับธนาคารในนิวยอร์ค และสัมพันธ์ของพวกธนาคารกับพวก สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งระบุว่า มีการเชื่อมโยงระหว่าง Count Minotto กับ Caillaux และ Guaranty Trust กับDeutsche Bank และการร่วมมือระหว่าง Hugo Schimdt ของ Deutsche Bank กับ Max May ของ Guaranty Trust

    ต่อมาในปลายปี 1922 Max May ได้เป็นกรรมการของธนาคาร Ruskombank และเป็นตัวแทนของกลุ่ม Guaranty Trust ซึ่งถือหุ้นอยู่ในธนาคารดังกล่าว

    สรุปว่า นาย Max May ของ Guaranty Trust เกี่ยวโยงกับการระดมเงินทุน อย่างไม่ถูกกฏหมายให้แก่เยอรมัน เพื่อทำการจารกรรมในอเมริกา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ Max May ก็เกี่ยวโยง โดยทางอ้อมกับพวกปฏิวัติ Bolsheviks และเกี่ยวโดยตรงกับการตั้งธนาคาร Ruskombank ธนาคารระหว่างประเทศแห่งแรกในสหภาพโซเวียต

    อาจจะยังเร็วไป ที่จะสรุปว่า การกระทำ ที่ทั้งผิดกฏหมายและผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงเหล่านี้ มีคำอธิบายอย่างไร อาจมีผู้สรุปชั้นแรกตรงไปตรงมา ว่า น่าจะมาจากความต้องการทำกำไร ความงกในการทำธุรกิจ ของกลุ่มนักการเงิน แต่มันจะเป็นแค่นั้นแน่หรือ…

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 5 คณะกรรมาธิการ 1919 the Senate Overman Committee ได้ลงความเห็นว่า Guaranty Trust มี บทบาทสูง และทำอย่างสม่ำเสมอ ในการสนับสนุนทางการเงินแก่เยอรมันในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นการปฏิบัติตัวอย่างไม่เป็นกลาง ตามคำให้การของนาย Becker เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของอเมริกา ที่สำคัญ การสนับสนุนทางการเงิน แก่เยอรมัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการผิดกฏหมายเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกันนั้น Guaranty Trust ก็ให้การสนับสนุนทางการเงิน กับฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้นด้วย มันเป็นเรื่องของการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดจรรยาบรรณ อย่างร้ายแรงของ Guaranty Trust อีกด้วย แต่ฤทธิเดชความพลิกแพลงของนักการเงินวอลสตรีท ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ยังมีตัวละครสำคัญอีกหลายราย ที่ทำให้แผนการชั่วร้ายของกลุ่มการเงินวอลสตรีท ประสบความสำเร็จ Count Jacques Minotto เป็นตัวละครอีกรายหนึ่ง ที่โยงการปฏิวัติ Bolsheviks ในรัสเซียกับกลุ่มธนาคารเยอรมัน และการจารกรรมในอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์ค Jacques Minotto เกิดเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1891 ที่เบอร์ลิน พ่อเป็นชาวออสเตรียนที่มีเชื้อเจ้า ส่วนแม่เป็นเยอรมัน Minotto เรียนหนังสือที่เบอร์ลิน เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานที่ Deutsche Bank ในเบอร์ลินเมื่อปี 1912 ทำงานที่นั่นไม่นานเท่าไหร่ เขาก็ถูกส่งตัวมาเป็นผู้ช่วยของ Hugo Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการของธนาคาร และเป็นตัวแทนของ Deutsche Bank ที่นิวยอร์ค เรียกว่าเป็นเด็กเส้น อยู่นิวยอร์คได้ 1 ปี นาย Minotto เด็กเส้นก็ถูกส่งไปอยู่ Deutsche Bank ที่ลอนดอน ทำให้เขาได้วนเวียนอยู่ในสังคมชั้นสูง ของนักการเมืองและนักการฑูต เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มก่อตัว Minotto กลับมาอยู่ที่อเมริกา และได้มีโอกาสพบกับ Count Von Bernstorff ฑูตเยอรมันประจำอเมริกา หลังจากนั้น Minotto ก็เลยเปลี่ยนที่ทำงาน ย้ายมาทำงานหน้าที่ Guaranty Trust Company ในนิวยอร์คแทน และอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาย Max May ซึ่งเป็นกรรมการด้านนโยบายฝ่ายต่างประเทศของ Guaranty Trust เป็น Max May ที่ Olof Aschberg นายธนาคารของพวก Bolsheviks เดินตามต้อยๆ เดือนตุลาคม 1914 Guaranty Trust ส่ง Minotto ไปอเมริกาใต้ เพื่อไปทำการสำรวจ และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง ธุรกิจการเงิน และการค้าในแถบนั้น และก็เหมือนชีวิตในลอนดอน และนิวยอร์ค Minotto พาตัวเองเข้าสู่สังคมชั้นสูง แท้จริงแล้ว ภาระกิจของ Minotto ในลาตินอเมริกาคือ หาทางให้ Guaranty Trust สามารถเป็นตัวกลาง ในการระดมเงินทุนให้เยอรมัน แทนตลาดลอนดอน ซึ่งขณะนั้นปฏิเสธที่จะทำ เนื่องจากอังกฤษกำลังทำสงครามอยู่กับเยอรมัน เอะ คราวนี้อังกฤษเกิดมีจรรยาบรรณ อย่าเพิ่งเข้าใจเป็นอย่างนั้น อังกฤษไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเยอรมันมากกว่า อะไรที่จะเกิดประโยชน์กับเยอรมัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ทางใด อังกฤษจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มากว่าร้อยปี เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่เยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่อีกเรื่องนึง นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 6 เมื่อ Minotto เดินทางกลับมานิวยอร์ค เขากลับมาคบค้ากับ Count Von Berntorff ต่อ และพยายาม สมัครเข้าไปอยู่ในหน่วยข่าวกรอง ของกองทัพเรืออเมริกัน แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้น เขาถูกจับ ข้อหาจัดกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมเยอรมัน ขณะถูกจับ Minotto ทำงานอยู่ที่โรงงานในชิคาโก ให้กับพ่อตาของเขา Louis Swift เจ้าของบริษัท Swift & Co ซึ่งทำอุตสาหกรรมส่งเนื้อสัตว์แช่แข็ง พ่อตาใช้พันธบัตร จำนวน 50,000 เหรียญ ประกัน Minotto ออกมา แต่ตอนหลังคุณพ่อตา ก็ถูกจับข้อหาโปรเยอรมันเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าไม่ แน่ใจ แต่คุณพ่อตานี้ เป็นพี่ชาย ของ Major Harold H. Swift ที่ร่วมเดินทางไป Petrograd กับ William Boyce Thompson ในคณะภารกิจกาชาด Red Cross Mission เพื่อรัสเซีย ในปี 1917 ที่จะเล่าต่อไปด้วย นาย Josef Caillaux เป็นนักการเมืองชื่อดังของฝรั่งเศส เขารู้จักและเที่ยวเตร่กับ Minotto ที่ลาตินอเมริกา เมื่อตอนที่ Minotto ไปทำภาระกิจให้ Guaranty Trust ปี 1911 Caillaux ได้เป็นรัฐมนตรีคลัง และในปีเดียวกัน เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส และมี John Louis Malvy เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเขา หลังจากนั้นไม่กี่ปี คุณนาย Caillaux ก็ปฏิบัติการฆาตกรรม นาย Calmette บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศส Figaro อัยการตั้งข้อหาว่า คุณนาย Caillaux ฆ่า Calmette เพื่อปิดปากไม่ให้ Calmette ตีพิมพ์เอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้นาย Caillaux และคุณนายใจโหด หนีออกไปจากฝรั่งเศส และไปอยู่ที่แถบลาตินอเมริกา จน Minotto ได้ไปพบ และในที่สุด Minotto กับครอบครัว Caillaux ก็สนิทสนมกลมเกลียว ท่องเที่ยวด้วยกันไปทั่วอเมริกาใต้ เมื่อได้กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง ครอบครัว Caillaux พักอยู่ที่ Biarrtiz ในฐานะแขกของ Paul Bolo-Pasha ซึ่งเป็นสายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในฝรั่งเศส ในเดือนกรกฏาคม 1915 Minotto เดินทางจากอิตาลีมาฝรั่งเศสและพบกับครอบครัว Caillaux ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ครอบครัว Caillauxเป็นแขกรับเชิญของ Bolo-Pasha และพักที่ Biarrtiz อย่างเคย ภาระกิจของ Bolo-Pasha ที่ฝรั่งเศสคือ เพื่อทำการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเยอรมัน ผ่านหนังสือพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศสคือ Le Temps และ Figaro หลังจากนั้น Bolo-Pasha ก็เดินทางไปนิวยอร์ค เพื่อพบกับ Von Pavenstedt สายลับระดับหัวหน้าของเยอรมัน ที่ปฏิบัติภาระกิจอยู่ในอเมริกา และเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธุ์ระดับลึก กับ Amsinck & Co ของ Guaranty Trust ที่ กลุ่ม Morgan เป็นเจ้าของ มันเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ของพวกโคตรแสบและชั่วจริงๆ Severance Johnson เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง The Enemy Within เกี่ยวกับ Caillaux และ Malvy ซึ่งพยายามทำการปฏิวัติที่เรี ยกว่า French Bolsheviks ในฝรั่งเศสปี 1918 แต่ไม่สำเร็จว่า “ถ้าการปฏิวัติทำสำเร็จ Malvy ก็คงจะเป็น Trotsky แห่งฝรั่งเศส และ Caillaux ก็คงจะเป็น Lenin” Caillaux และ Malvy ได้ ร่วมกันตั้งพรรคสังคมนิยมหัวรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส โดยใช้เงินทุนของเยอรมัน และถูกจับตัวขึ้นศาล ในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากการไต่สวนของศาล เกี่ยวกับการกระทำเป็นสายลับในฝรั่งเศสในปี 1919 และมีการสืบพยานเกี่ยวกับธนาคารในนิวยอร์ค และสัมพันธ์ของพวกธนาคารกับพวก สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งระบุว่า มีการเชื่อมโยงระหว่าง Count Minotto กับ Caillaux และ Guaranty Trust กับDeutsche Bank และการร่วมมือระหว่าง Hugo Schimdt ของ Deutsche Bank กับ Max May ของ Guaranty Trust ต่อมาในปลายปี 1922 Max May ได้เป็นกรรมการของธนาคาร Ruskombank และเป็นตัวแทนของกลุ่ม Guaranty Trust ซึ่งถือหุ้นอยู่ในธนาคารดังกล่าว สรุปว่า นาย Max May ของ Guaranty Trust เกี่ยวโยงกับการระดมเงินทุน อย่างไม่ถูกกฏหมายให้แก่เยอรมัน เพื่อทำการจารกรรมในอเมริกา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ Max May ก็เกี่ยวโยง โดยทางอ้อมกับพวกปฏิวัติ Bolsheviks และเกี่ยวโดยตรงกับการตั้งธนาคาร Ruskombank ธนาคารระหว่างประเทศแห่งแรกในสหภาพโซเวียต อาจจะยังเร็วไป ที่จะสรุปว่า การกระทำ ที่ทั้งผิดกฏหมายและผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงเหล่านี้ มีคำอธิบายอย่างไร อาจมีผู้สรุปชั้นแรกตรงไปตรงมา ว่า น่าจะมาจากความต้องการทำกำไร ความงกในการทำธุรกิจ ของกลุ่มนักการเงิน แต่มันจะเป็นแค่นั้นแน่หรือ… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 1

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรของธุรกิจการเงิน การอุตสาหกรรมและการค้าของอเม ริกา ถูกครอบงำโดยยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่มคือ Standard Oil- Rockefeller Enterprise กลุ่มหนึ่ง และ Morgan อีกกลุ่มหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่ม น่าจะตีกัน แต่แปลก นอกจากไม่ตีกันแล้ว ยังจับมือร่วมกัน เพื่อครอบงำอาณาจักรธุรกิจของอเมริกาอีกด้วย โดยใช้วิธีการถือหุ้น และเป็นกรรมการบริษัท ไขว้กันไปมา มันเป็นการครอบงำ ที่แนบเนียน ยากที่คนภายนอกจะดูออก

    กลุ่ม Rockefeller เน้น การผูกขาดด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันStandard Oil ที่ใหญ่คับอเมริกา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมทั้ง ลงทุนในการสร้างทางรถไฟ พร้อมถือหุ้นส่วนใหญ่ใน กองทุนทองแดง กองทุนถลุงแร่ กองทุนยาสูบ แค่นั้นคงใหญ่ไม่พอ กลุ่มนี้จึงไปถือหุ้นส่วนใหญ่ใน National City Bank ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุด และรวมไปถึง บริษัทเงินทุนใหญ่ของอเมริกาคือ United State Trust Company และ Hanover Nation Bank และบริษัทประกันชีวิตระดับใหญ่ต่างๆ อีกด้วย

    ส่วนกลุ่ม Morgan เน้นการผูกขาดด้านอุตสาหกรรมเหล็ก การขนส่งทางเรือ การสร้างทางรถไฟ อุตสาหกรรมด้านเครื่องไฟฟ้า รวมถึง General Electric ยางพารา และสถาบันการเงิน เช่น National Bank of Commerce, the Chase National Bank, New York Life Insurance และ Guaranty Trust Company ที่มีบทบาทสำคัญ
    J.P. Morgan และ Guaranty Trust ถูกพาดพิง ว่าพัวพันเกือบตลอดระยะเวลา และเกือบทุกเรื่องราว เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียนี้ มารู้จักประวัติของกลุ่มนี้กันหน่อย

    ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กลุ่ม Guaranty Trust ยังเป็นของพวกตระกูล Harriman แต่เมื่อพี่ใหญ่ Edward Henry Harriman ตายในปี ค.ศ.1909 Morgan และพวก จึงเข้าไปกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดของ Harriman และกลายเป็นเจ้าของ Guaranty Trust รวมทั้งบริษัทประกันในเครือแทน ต่อมาในปีเดียวกัน Morgan ก็ไล่ซื้อหุ้นของบริษัทอื่นๆ เพิ่มอีก และเอาเข้ามาอยู่ในชื่อของ Guaranty Trust หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 Guaranty Trust และ Bankers Trust จึงเป็นบริษัททรัสต์ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสองของอเมริกา และทั้ง 2 กลุ่มบริษัท เป็นของกลุ่มทุน Morgan

    เห็นใยแมงมุมคร่าวๆ ของธุรกิจ ของยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ในช่วงแรกแล้วนะครับ

    ยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ต่างเข้าไปมีส่วน เกี่ยวพัน กับการสนับสนุนเงินทุนให้กับพวกปฏิวัติ Bolsheviks ตั้งแต่ก่อน ค.ศ.1917 แล้ว ไม่มากก็น้อย

    มีบันทึกแสดงว่า ค.ศ.1913 สำนักงานกฏหมาย Sullivan & Cromwell มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของปานามา เรื่องนี้อยู่ในบันทึกการไต่สวนของรัฐสภาในปี 1913 ซึ่งชี้แจงโดยสมาชิกสภา Rainey

    “….การปฏิวัติที่เกี่ยวกับช่องแคบปานามา ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐบาล(อเมริกา) นี้เข้าไปมีส่วนแล้ว การปฏิวัติก็คงทำไม่สำเร็จแน่ มันเป็นการกระทำของรัฐบาลนี้ ที่ผิดตามสนธิสัญญา ค.ศ.1846 มันเป็นการปฏิวัติ ที่ทำโดยนักปฏิวัติชาวปานามา 10 ถึง 12 คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Panama Railroad & Steamship ซึ่งทำงานอยู่ในนิวยอร์ค และอยู่ในความดูแลของนาย William Nelson Cromwell และพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศในวอชิงตัน บุคคลเหล่านี้ รู้เรื่องการปฏิวัติที่กำลังจะ เกิดขึ้น อย่างดี วัตถุประสงค์ของการปฏิวัติ ก็เพื่อเข้าไปยึดโคลัมเบีย เพื่อจะครอบครอง คลองปานามา ด้วยการใช้เงิน 40 ล้านเหรียญ ”

    “ผมจะเสนอข้อพิสูจน์ เป็นเอกสาร ที่ประกาศอิสรภาพ ซึ่งประกาศในปานามา วันที่ 3 พฤศจิกายน 1903 เป็นเอกสารซึ่งจัดเตรียมขึ้นในนครนิวยอร์ค โดย สำนักงานของ Nelson Cromwell….”
    เอกสารตัวอย่างอีกรายการ ที่แสดงให้เห็น ถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ของพวก Wall Street ที่ ดำเนินการในนิวยอร์คคือ การปฏิวัติในจีน ปี ค.ศ.1912 ซึ่งนำโดยนายซุนยัดเซ็น (Sun Yat-sen) แม้ว่าสุดท้ายแล้ว การเข้าไปยุ่งกับการปฏิวัติของกลุ่มนักการเงินนี้ จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร จะยังไม่เห็นชัด แต่เจตนาและบทบาทของนักการเงินนิวยอร์คเหล่านั้น ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ถึงจำนวนเงิน ข้อมูลของสมาคมลับทางฝั่งจีนที่ให้ร่วมมือ รวมทั้งมีรายการส่งอาวุธ ที่ต้องการให้ซื้อและส่งให้ทางเรือด้วย

    กลุ่มนักการเงินนิวยอร์ค ที่ร่วมกันปฏิวัติกับซุนยัดเซ็น มีชื่อนาย Charles B. Hill ทนายจากสำนักงาน Hunt, Hill & Betts ซึ่งในปี ค.ศ.1912 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 165 ถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค แต่ในปี 1917 ย้ายไปอยู่ที่ 120 บรอดเวย์

    นาย Charles B. Hill นี้ เป็นกรรมการของหลายบริษัทในเครือ Westinghouse, Bryant Electric, Perkins Electric Switch และ Westinghouse Lamp ทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือของ Westinghouse Electric ที่มีสำนักงานในนิวยอร์คอยู่ที่ เลขที่ 120 Broadway และนาย Charles R. Crane ผู้ที่จัดตั้งบริษัทในเครือ Westinghouse ในรัสเซีย ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการทำปฏิวัติของพวก Bolsheviks และเขาก็เดินทางไปรัสเซีย พร้อมกับกลุ่มของ Trotsky ในช่วงเดือนมีนาคม 1917

    การดำเนินงานของ Hill Syndicate ที่เมืองจีนในปี 1910 ถูกบันทึกไว้ในหลักฐาน เรียกว่า Laurence Boothe Papers ที่เก็บอยู่ใน Hoover Institute เอกสาร ชุดนี้มี 110 รายการ รวมทั้งจดหมาย ของซุนยัดเซ็น ที่ติดต่อกับชาวอเมริกันที่หนุนหลังเขา และเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกอเมริกันสนับสนุนทางการเงิน ซุนยัดเซ็น สัญญากับ Hill Syndicate ที่จะจัดการให้สัมปทานรถไฟ ธนาคาร และสัมปทานการค้าอีกหลายรายการ หลังจากการปฏิวัติที่จีนทำสำเร็จ
    อีกกรณีที่แสดงว่า เป็นการปฏิวัติ ที่มีการสนับสนุนโดยกลุ่มธุรกิจการ เงินในนิวยอร์ค คือ การปฏิวัติที่ Mexico ใน ปี 1915-1916 สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกา ถูกกล่าวหาและถูกดำเนินคดีในนิวยอร์คเมื่อเดือนพฤษภาคม 1917 ว่าได้มีการพยายามโยงเอารัฐบาลอเมริกัน ไปเกี่ยวพันกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น โดยพยายามขนย้ายอาวุธยุทธภันฑ์ ที่จัดส่งไปให้สัมพันธมิตรในยุโรป โดยมีการจ่ายเงิน ให้ส่งอาวุธนั้นไปให้นักปฏิวัติชาวเม็กซิกันคือ Pancho Villa แทน โดยการจ่ายเงินผ่าน Guaranty Trust เป็นจำนวนเงิน 380,000 เหรียญ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1915

    การเกี่ยวพันของกลุ่มวอลสตรีท กับการปฏิวัติของเม็กซิกันนี้ ได้ปรากฏอยู่ในจดหมายของนาย Linclon Steffens คอมมิวนิสต์อเมริกัน ที่มีไปถึง Colonel House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ของประธานาธิบดี Wilson และได้มีการรายงานอยู่ใน นสพ. New York Times เรื่อง “Texas Revolution (การซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริง ของการปฏิวัติพวก Bolsheviks)” ว่าเป็นการร่วมมือกัน ระหว่างพวกเยอรมันกับพวก Bolsheviks

    และจากการให้การของ John A Walls อัยการเขตประจำเมือง Brownsville Texas ต่อคณะกรรมาธิการ 1919 Fall Committee ซึ่งส่งมอบเอกสาร ที่มีหลักฐานแสดงว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างผลประโยชน์ในอเมริกา, พวก Bolsheviks, กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเยอรมัน และกองกำลังของ Carranza ในเม็กซิโก

    รัฐบาล Carranza นี้ ได้ชื่อว่า เป็นรัฐบาลแรกในโลก ที่มีการปกครองที่ใช้รัฐธรรมนูญแบบเดียวกับของโซเวียต (ซึ่งร่างตามแบบของ Trotsky) และได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มวอลสตรีทให้เป็นรัฐบาล

    การปฏิวัติ Carranza ไม่ มีทางสำเร็จได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน ด้านอาวุธยุทธภัณฑ์จากอเมริกา และไม่สามารถจะอยู่ในอำนาจได้นาน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากอเมริกา

    การปฏิวัติรัสเซียของกลุ่ม Bolsheviks ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มี นายธนาคารชาวสวีเดน Olof Aschberg เป็นตัวกลางประสาน กลุ่มวอลสตรีท กับอีกหลายๆฝ่าย ก็คงไม่สำเร็จเหมือนกัน

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 2

    ยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในเดือนสิงหาคม 1914 ส่วนอเมริกายังไม่เข้าร่วมทำสงครามโลก และประกาศตัวเป็นกลาง ภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ ประเทศที่ประกาศตัวเป็นกลาง ไม่สามารถให้เงินกู้ กับประเทศที่กำลังทำสงครามได้ มันเป็นเรื่องของการขัดต่อกฏหมาย และขัดศีลธรรม แต่ดูเหมือนกลุ่มวอลสตรีท และอเมริกา จะไม่เห็นว่า 2 เรื่องนี้ เป็นปัญหาแต่อย่างใด

    และน้อยคนที่จะรู้ว่า เมื่ออังกฤษจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น อังกฤษเองก็กำลังถังแตก เงินคงคลังหมดเกลี้ยง รัฐบาลอังกฤษปิดปากแน่นสนิท ไม่ให้ประชาชนและสื่อรู้เรื่อง แต่อังกฤษก็ยังเดินหน้าตามแผนเข้าสู่สงครามโลก เนื่องจากมีเป้าหมายชัดเจนที่จะขจัดเยอรมัน ให้ออกไปจากเส้นทางตามแผนสู่การ เป็นมหาอำนาจใหญ่ หมายเลขหนึ่งของโลก ที่อังกฤษวางไว้ แค่เป็นจักรภพอังกฤษ มันใหญ๋ไม่พอ สำหรับชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ของเท้าซ้าย

    อังกฤษทำได้อย่างไร ทำสงครามทั้งๆที่ไม่มีเงิน อังกฤษทำได้เพราะมี กลุ่ม Morgan จัดการให้ Morgan ได้รับมอบหมายจากอังกฤษ ให้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของอังกฤษเพื่อระดมทุน โดยการออกพันธบัตรสงคราม ( War Bond) ในปี 1915 แถม และระดมทุนเผื่อฝรั่งเศสอีกด้วย อังกฤษ รวมทั้งฝรั่งเศส เข้าสู่สงครามโลกด้วยการกู้ยืมเงินจากอเมริกา ที่บอกว่าเป็นกลางและไม่ร่วมทำสงครามด้วย !

    J.P. Morgan ตะแบงว่าไม่ใช่เป็นเงินให้กู้เพื่อทำสงคราม แต่เป็นเพียงวิธีการจัดการ เพื่อให้เอาเงินไปใช้ ในด้านการค้าขายระหว่างประเทศเท่านั้น มีปัญหาไหม

    จะมีปัญหาได้อย่างไร เพราะผู้ที่ออกมาอธิบาย สนันสนุนการออกพันธบัตร War Bond ของ Morgan คือ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา

    ประธานาธิบดี Wilson ทำหน้าที่ เหมือนเป็นผู้รับประกันการขายพันธบัตร ( underwriter) เขาบอกว่า มันเป็นพันธบัตรที่ออกขายในอเมริกา เพื่อนำเงินที่ได้จากการขาย ไปให้รัฐบาลต่างชาติ ใช้เป็นเงินคงคลัง หรือเงินเก็บน่ะ เขาไม่ได้เอาไปใช้ในการสงคราม ในทางปฏิบัติ อังกฤษและฝรั่งเศส นำเงินที่ได้รับ ลงบัญชีเป็นเงินฝากในประเทศของตัว และใช้เป็นหลักประกันในการสั่งซื้อสินค้า และยุทธภัณฑ์ต่างๆ จากอเมริกา เพื่อใช้ในการทำสงคราม มันผิดกฏหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางตรงไหน
    นี่มันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว นักการเงินของเขา ยังคิดตะแบงได้ขนาดนี้ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจะพลิกแพลงขนาดไหน แต่สมันน้อยอย่าเพิ่งขวัญอ่อนตกใจ มันก็ใช้สูตรเดิมๆ นั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อเรียก เติมลูกเล่น สลับขั้นตอนเข้าไปอีกหน่อย แค่นั้นเราก็มึน คิดตามมันกันไม่ทันไปค่อนโลก แต่ถ้าเราไม่ว่าง่ายเชื่อมันไปหมด ในสิ่งที่มันสร้างมาหลอกเรา เราก็รู้ทันมันได้ ฝรั่งมันไม่ได้ฉลาดเก่งกว่าเรานักหรอกครับ

    แค่ออกพันธบัตร War Bond ให้อังกฤษกับฝรั่งเศส สงครามโลกคงไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ ดังนั้น กลุ่มนักการเงินของอเมริกา จึงต้องสนับสนุนเงินกู้ให้รัสเซียด้วย ตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อให้มีเงินมาร่วมทำสงครามสู้กับฝ่ายเยอรมัน ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตร หรืออังกฤษต้องการ

    เจ้ามือให้เงินกู้ลูกค้ารอบวงแบบนี้ เจ้ามือคงปิดทางเจ๊งไว้เรียบร้อยแล้ว

    มีหลักฐานเป็นเอกสารของกระทรวง ต่างประเทศ ที่แสดงว่า National City Bank ซึ่งมีกลุ่ม Stillman และ Rockefeller เป็นเจ้าของ และ Guaranty Trust ซึ่งเป็นของกลุ่ม Morgan ได้ร่วมกันให้เงินกู้ก้อนใหญ่แก่รัสเซีย ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงคราม และเป็นการให้กู้หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศ ได้แจ้งกับกลุ่มผู้ให้กู้ว่า เป็นการผิดกฏหมายระหว่างประเทศ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 1 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรของธุรกิจการเงิน การอุตสาหกรรมและการค้าของอเม ริกา ถูกครอบงำโดยยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่มคือ Standard Oil- Rockefeller Enterprise กลุ่มหนึ่ง และ Morgan อีกกลุ่มหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่ม น่าจะตีกัน แต่แปลก นอกจากไม่ตีกันแล้ว ยังจับมือร่วมกัน เพื่อครอบงำอาณาจักรธุรกิจของอเมริกาอีกด้วย โดยใช้วิธีการถือหุ้น และเป็นกรรมการบริษัท ไขว้กันไปมา มันเป็นการครอบงำ ที่แนบเนียน ยากที่คนภายนอกจะดูออก กลุ่ม Rockefeller เน้น การผูกขาดด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันStandard Oil ที่ใหญ่คับอเมริกา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมทั้ง ลงทุนในการสร้างทางรถไฟ พร้อมถือหุ้นส่วนใหญ่ใน กองทุนทองแดง กองทุนถลุงแร่ กองทุนยาสูบ แค่นั้นคงใหญ่ไม่พอ กลุ่มนี้จึงไปถือหุ้นส่วนใหญ่ใน National City Bank ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุด และรวมไปถึง บริษัทเงินทุนใหญ่ของอเมริกาคือ United State Trust Company และ Hanover Nation Bank และบริษัทประกันชีวิตระดับใหญ่ต่างๆ อีกด้วย ส่วนกลุ่ม Morgan เน้นการผูกขาดด้านอุตสาหกรรมเหล็ก การขนส่งทางเรือ การสร้างทางรถไฟ อุตสาหกรรมด้านเครื่องไฟฟ้า รวมถึง General Electric ยางพารา และสถาบันการเงิน เช่น National Bank of Commerce, the Chase National Bank, New York Life Insurance และ Guaranty Trust Company ที่มีบทบาทสำคัญ J.P. Morgan และ Guaranty Trust ถูกพาดพิง ว่าพัวพันเกือบตลอดระยะเวลา และเกือบทุกเรื่องราว เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียนี้ มารู้จักประวัติของกลุ่มนี้กันหน่อย ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กลุ่ม Guaranty Trust ยังเป็นของพวกตระกูล Harriman แต่เมื่อพี่ใหญ่ Edward Henry Harriman ตายในปี ค.ศ.1909 Morgan และพวก จึงเข้าไปกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดของ Harriman และกลายเป็นเจ้าของ Guaranty Trust รวมทั้งบริษัทประกันในเครือแทน ต่อมาในปีเดียวกัน Morgan ก็ไล่ซื้อหุ้นของบริษัทอื่นๆ เพิ่มอีก และเอาเข้ามาอยู่ในชื่อของ Guaranty Trust หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 Guaranty Trust และ Bankers Trust จึงเป็นบริษัททรัสต์ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสองของอเมริกา และทั้ง 2 กลุ่มบริษัท เป็นของกลุ่มทุน Morgan เห็นใยแมงมุมคร่าวๆ ของธุรกิจ ของยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ในช่วงแรกแล้วนะครับ ยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ต่างเข้าไปมีส่วน เกี่ยวพัน กับการสนับสนุนเงินทุนให้กับพวกปฏิวัติ Bolsheviks ตั้งแต่ก่อน ค.ศ.1917 แล้ว ไม่มากก็น้อย มีบันทึกแสดงว่า ค.ศ.1913 สำนักงานกฏหมาย Sullivan & Cromwell มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของปานามา เรื่องนี้อยู่ในบันทึกการไต่สวนของรัฐสภาในปี 1913 ซึ่งชี้แจงโดยสมาชิกสภา Rainey “….การปฏิวัติที่เกี่ยวกับช่องแคบปานามา ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐบาล(อเมริกา) นี้เข้าไปมีส่วนแล้ว การปฏิวัติก็คงทำไม่สำเร็จแน่ มันเป็นการกระทำของรัฐบาลนี้ ที่ผิดตามสนธิสัญญา ค.ศ.1846 มันเป็นการปฏิวัติ ที่ทำโดยนักปฏิวัติชาวปานามา 10 ถึง 12 คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Panama Railroad & Steamship ซึ่งทำงานอยู่ในนิวยอร์ค และอยู่ในความดูแลของนาย William Nelson Cromwell และพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศในวอชิงตัน บุคคลเหล่านี้ รู้เรื่องการปฏิวัติที่กำลังจะ เกิดขึ้น อย่างดี วัตถุประสงค์ของการปฏิวัติ ก็เพื่อเข้าไปยึดโคลัมเบีย เพื่อจะครอบครอง คลองปานามา ด้วยการใช้เงิน 40 ล้านเหรียญ ” “ผมจะเสนอข้อพิสูจน์ เป็นเอกสาร ที่ประกาศอิสรภาพ ซึ่งประกาศในปานามา วันที่ 3 พฤศจิกายน 1903 เป็นเอกสารซึ่งจัดเตรียมขึ้นในนครนิวยอร์ค โดย สำนักงานของ Nelson Cromwell….” เอกสารตัวอย่างอีกรายการ ที่แสดงให้เห็น ถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ของพวก Wall Street ที่ ดำเนินการในนิวยอร์คคือ การปฏิวัติในจีน ปี ค.ศ.1912 ซึ่งนำโดยนายซุนยัดเซ็น (Sun Yat-sen) แม้ว่าสุดท้ายแล้ว การเข้าไปยุ่งกับการปฏิวัติของกลุ่มนักการเงินนี้ จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร จะยังไม่เห็นชัด แต่เจตนาและบทบาทของนักการเงินนิวยอร์คเหล่านั้น ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ถึงจำนวนเงิน ข้อมูลของสมาคมลับทางฝั่งจีนที่ให้ร่วมมือ รวมทั้งมีรายการส่งอาวุธ ที่ต้องการให้ซื้อและส่งให้ทางเรือด้วย กลุ่มนักการเงินนิวยอร์ค ที่ร่วมกันปฏิวัติกับซุนยัดเซ็น มีชื่อนาย Charles B. Hill ทนายจากสำนักงาน Hunt, Hill & Betts ซึ่งในปี ค.ศ.1912 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 165 ถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค แต่ในปี 1917 ย้ายไปอยู่ที่ 120 บรอดเวย์ นาย Charles B. Hill นี้ เป็นกรรมการของหลายบริษัทในเครือ Westinghouse, Bryant Electric, Perkins Electric Switch และ Westinghouse Lamp ทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือของ Westinghouse Electric ที่มีสำนักงานในนิวยอร์คอยู่ที่ เลขที่ 120 Broadway และนาย Charles R. Crane ผู้ที่จัดตั้งบริษัทในเครือ Westinghouse ในรัสเซีย ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการทำปฏิวัติของพวก Bolsheviks และเขาก็เดินทางไปรัสเซีย พร้อมกับกลุ่มของ Trotsky ในช่วงเดือนมีนาคม 1917 การดำเนินงานของ Hill Syndicate ที่เมืองจีนในปี 1910 ถูกบันทึกไว้ในหลักฐาน เรียกว่า Laurence Boothe Papers ที่เก็บอยู่ใน Hoover Institute เอกสาร ชุดนี้มี 110 รายการ รวมทั้งจดหมาย ของซุนยัดเซ็น ที่ติดต่อกับชาวอเมริกันที่หนุนหลังเขา และเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกอเมริกันสนับสนุนทางการเงิน ซุนยัดเซ็น สัญญากับ Hill Syndicate ที่จะจัดการให้สัมปทานรถไฟ ธนาคาร และสัมปทานการค้าอีกหลายรายการ หลังจากการปฏิวัติที่จีนทำสำเร็จ อีกกรณีที่แสดงว่า เป็นการปฏิวัติ ที่มีการสนับสนุนโดยกลุ่มธุรกิจการ เงินในนิวยอร์ค คือ การปฏิวัติที่ Mexico ใน ปี 1915-1916 สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกา ถูกกล่าวหาและถูกดำเนินคดีในนิวยอร์คเมื่อเดือนพฤษภาคม 1917 ว่าได้มีการพยายามโยงเอารัฐบาลอเมริกัน ไปเกี่ยวพันกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น โดยพยายามขนย้ายอาวุธยุทธภันฑ์ ที่จัดส่งไปให้สัมพันธมิตรในยุโรป โดยมีการจ่ายเงิน ให้ส่งอาวุธนั้นไปให้นักปฏิวัติชาวเม็กซิกันคือ Pancho Villa แทน โดยการจ่ายเงินผ่าน Guaranty Trust เป็นจำนวนเงิน 380,000 เหรียญ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1915 การเกี่ยวพันของกลุ่มวอลสตรีท กับการปฏิวัติของเม็กซิกันนี้ ได้ปรากฏอยู่ในจดหมายของนาย Linclon Steffens คอมมิวนิสต์อเมริกัน ที่มีไปถึง Colonel House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ของประธานาธิบดี Wilson และได้มีการรายงานอยู่ใน นสพ. New York Times เรื่อง “Texas Revolution (การซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริง ของการปฏิวัติพวก Bolsheviks)” ว่าเป็นการร่วมมือกัน ระหว่างพวกเยอรมันกับพวก Bolsheviks และจากการให้การของ John A Walls อัยการเขตประจำเมือง Brownsville Texas ต่อคณะกรรมาธิการ 1919 Fall Committee ซึ่งส่งมอบเอกสาร ที่มีหลักฐานแสดงว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างผลประโยชน์ในอเมริกา, พวก Bolsheviks, กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเยอรมัน และกองกำลังของ Carranza ในเม็กซิโก รัฐบาล Carranza นี้ ได้ชื่อว่า เป็นรัฐบาลแรกในโลก ที่มีการปกครองที่ใช้รัฐธรรมนูญแบบเดียวกับของโซเวียต (ซึ่งร่างตามแบบของ Trotsky) และได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มวอลสตรีทให้เป็นรัฐบาล การปฏิวัติ Carranza ไม่ มีทางสำเร็จได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน ด้านอาวุธยุทธภัณฑ์จากอเมริกา และไม่สามารถจะอยู่ในอำนาจได้นาน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากอเมริกา การปฏิวัติรัสเซียของกลุ่ม Bolsheviks ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มี นายธนาคารชาวสวีเดน Olof Aschberg เป็นตัวกลางประสาน กลุ่มวอลสตรีท กับอีกหลายๆฝ่าย ก็คงไม่สำเร็จเหมือนกัน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 2 ยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในเดือนสิงหาคม 1914 ส่วนอเมริกายังไม่เข้าร่วมทำสงครามโลก และประกาศตัวเป็นกลาง ภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ ประเทศที่ประกาศตัวเป็นกลาง ไม่สามารถให้เงินกู้ กับประเทศที่กำลังทำสงครามได้ มันเป็นเรื่องของการขัดต่อกฏหมาย และขัดศีลธรรม แต่ดูเหมือนกลุ่มวอลสตรีท และอเมริกา จะไม่เห็นว่า 2 เรื่องนี้ เป็นปัญหาแต่อย่างใด และน้อยคนที่จะรู้ว่า เมื่ออังกฤษจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น อังกฤษเองก็กำลังถังแตก เงินคงคลังหมดเกลี้ยง รัฐบาลอังกฤษปิดปากแน่นสนิท ไม่ให้ประชาชนและสื่อรู้เรื่อง แต่อังกฤษก็ยังเดินหน้าตามแผนเข้าสู่สงครามโลก เนื่องจากมีเป้าหมายชัดเจนที่จะขจัดเยอรมัน ให้ออกไปจากเส้นทางตามแผนสู่การ เป็นมหาอำนาจใหญ่ หมายเลขหนึ่งของโลก ที่อังกฤษวางไว้ แค่เป็นจักรภพอังกฤษ มันใหญ๋ไม่พอ สำหรับชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ของเท้าซ้าย อังกฤษทำได้อย่างไร ทำสงครามทั้งๆที่ไม่มีเงิน อังกฤษทำได้เพราะมี กลุ่ม Morgan จัดการให้ Morgan ได้รับมอบหมายจากอังกฤษ ให้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของอังกฤษเพื่อระดมทุน โดยการออกพันธบัตรสงคราม ( War Bond) ในปี 1915 แถม และระดมทุนเผื่อฝรั่งเศสอีกด้วย อังกฤษ รวมทั้งฝรั่งเศส เข้าสู่สงครามโลกด้วยการกู้ยืมเงินจากอเมริกา ที่บอกว่าเป็นกลางและไม่ร่วมทำสงครามด้วย ! J.P. Morgan ตะแบงว่าไม่ใช่เป็นเงินให้กู้เพื่อทำสงคราม แต่เป็นเพียงวิธีการจัดการ เพื่อให้เอาเงินไปใช้ ในด้านการค้าขายระหว่างประเทศเท่านั้น มีปัญหาไหม จะมีปัญหาได้อย่างไร เพราะผู้ที่ออกมาอธิบาย สนันสนุนการออกพันธบัตร War Bond ของ Morgan คือ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ประธานาธิบดี Wilson ทำหน้าที่ เหมือนเป็นผู้รับประกันการขายพันธบัตร ( underwriter) เขาบอกว่า มันเป็นพันธบัตรที่ออกขายในอเมริกา เพื่อนำเงินที่ได้จากการขาย ไปให้รัฐบาลต่างชาติ ใช้เป็นเงินคงคลัง หรือเงินเก็บน่ะ เขาไม่ได้เอาไปใช้ในการสงคราม ในทางปฏิบัติ อังกฤษและฝรั่งเศส นำเงินที่ได้รับ ลงบัญชีเป็นเงินฝากในประเทศของตัว และใช้เป็นหลักประกันในการสั่งซื้อสินค้า และยุทธภัณฑ์ต่างๆ จากอเมริกา เพื่อใช้ในการทำสงคราม มันผิดกฏหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางตรงไหน นี่มันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว นักการเงินของเขา ยังคิดตะแบงได้ขนาดนี้ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจะพลิกแพลงขนาดไหน แต่สมันน้อยอย่าเพิ่งขวัญอ่อนตกใจ มันก็ใช้สูตรเดิมๆ นั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อเรียก เติมลูกเล่น สลับขั้นตอนเข้าไปอีกหน่อย แค่นั้นเราก็มึน คิดตามมันกันไม่ทันไปค่อนโลก แต่ถ้าเราไม่ว่าง่ายเชื่อมันไปหมด ในสิ่งที่มันสร้างมาหลอกเรา เราก็รู้ทันมันได้ ฝรั่งมันไม่ได้ฉลาดเก่งกว่าเรานักหรอกครับ แค่ออกพันธบัตร War Bond ให้อังกฤษกับฝรั่งเศส สงครามโลกคงไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ ดังนั้น กลุ่มนักการเงินของอเมริกา จึงต้องสนับสนุนเงินกู้ให้รัสเซียด้วย ตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อให้มีเงินมาร่วมทำสงครามสู้กับฝ่ายเยอรมัน ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตร หรืออังกฤษต้องการ เจ้ามือให้เงินกู้ลูกค้ารอบวงแบบนี้ เจ้ามือคงปิดทางเจ๊งไว้เรียบร้อยแล้ว มีหลักฐานเป็นเอกสารของกระทรวง ต่างประเทศ ที่แสดงว่า National City Bank ซึ่งมีกลุ่ม Stillman และ Rockefeller เป็นเจ้าของ และ Guaranty Trust ซึ่งเป็นของกลุ่ม Morgan ได้ร่วมกันให้เงินกู้ก้อนใหญ่แก่รัสเซีย ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงคราม และเป็นการให้กู้หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศ ได้แจ้งกับกลุ่มผู้ให้กู้ว่า เป็นการผิดกฏหมายระหว่างประเทศ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Doomscrolling: The Game — เมื่อการเลื่อนหน้าจอกลายเป็นเกมที่ทั้งเสียดสีและเสพติด”

    David Friedman นักเขียนจาก Ironic Sans ได้สร้างเกมที่ไม่เหมือนใครในชื่อว่า “Doomscrolling: The Game” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมของผู้คนที่เลื่อนฟีดข่าวอย่างไม่หยุดยั้งจนรู้สึกหดหู่ หรือที่เรียกว่า doomscrolling โดยเขาตั้งคำถามว่า “ถ้า Doom เป็นเกมที่เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น จะเป็นอย่างไร?” และคำตอบก็คือเกมนี้ — ที่คุณไม่ต้องกระโดด ไม่ต้องเคลื่อนที่ด้านข้าง แค่เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ

    เกมนี้เริ่มต้นจากความล้มเหลว เพราะ GPT-4 ไม่สามารถเข้าใจแนวคิด “เลื่อนลง = พื้นหลังเลื่อนขึ้น” ได้เลย แต่เมื่อ GPT-5 เปิดตัว Friedman กลับมาลองใหม่ และสามารถสร้างต้นแบบเกมได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยใช้ vibe coding และการทดลองผ่าน “lab pages” ที่ให้เขาปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น สีพื้นหลัง, รูปแบบใยแมงมุม, หรือดีไซน์แผ่นป้ายข่าว

    ตัวเกมมีระบบที่กระตุ้นให้ผู้เล่นเคลื่อนไหว เช่น อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า, กำแพงไฟที่ไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป, และสิ่งกีดขวางอย่างใยแมงมุมหรือกำแพงอิฐ นอกจากนี้ยังมี “แผ่นป้ายข่าว” ที่แสดงพาดหัวข่าวจริงจาก RSS ของ New York Times เพื่อสร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง — อ่านแล้วหดหู่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนต่อ

    แม้ Friedman จะไม่ใช่นักพัฒนาเกมมืออาชีพ แต่เขาใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างเกมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และเปิดให้เล่นฟรีทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป โดยสามารถบันทึกเกมไว้ในหน้าจอหลักให้เหมือนแอปจริงได้

    จุดเด่นของ Doomscrolling: The Game
    เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น — ไม่มีการเคลื่อนที่ด้านข้างหรือกระโดด
    ได้แรงบันดาลใจจากเกม Doom และพฤติกรรม doomscrolling
    ใช้ GPT-5 ในการสร้างต้นแบบเกมภายในเวลาอันสั้น
    ใช้ vibe coding และ lab pages เพื่อปรับแต่งองค์ประกอบเกม

    ระบบเกมที่กระตุ้นให้เคลื่อนไหว
    อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า
    กำแพงไฟไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป
    มีสิ่งกีดขวาง เช่น ใยแมงมุมและกำแพงอิฐ
    มี health potion และระบบบันทึกระยะทางที่ทำได้

    การผสานข่าวจริงเข้ากับเกม
    ใช้ RSS feed จาก New York Times แสดงพาดหัวข่าวบนแผ่นป้าย
    ข่าวไม่มีผลต่อเกม แต่สร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง
    ผู้เล่นอาจถูกดึงดูดให้หยุดอ่านข่าวระหว่างเล่น
    เป็นการเสียดสีพฤติกรรมเสพข่าวที่ไม่มีวันจบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมนี้เป็นตัวอย่างของ “vibe-coded” project ที่ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์
    Friedman ใช้ lab pages เพื่อปรับค่ากราฟิก เช่น ใยแมงมุมและแผ่นป้าย
    เกมสามารถเล่นได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อปอย่างลื่นไหล
    มีผู้เล่นบางรายรายงานปัญหาเรื่องการเลื่อนหน้าจอบนบางเบราว์เซอร์

    https://ironicsans.ghost.io/doomscrolling-the-game/
    🕹️ “Doomscrolling: The Game — เมื่อการเลื่อนหน้าจอกลายเป็นเกมที่ทั้งเสียดสีและเสพติด” David Friedman นักเขียนจาก Ironic Sans ได้สร้างเกมที่ไม่เหมือนใครในชื่อว่า “Doomscrolling: The Game” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพฤติกรรมของผู้คนที่เลื่อนฟีดข่าวอย่างไม่หยุดยั้งจนรู้สึกหดหู่ หรือที่เรียกว่า doomscrolling โดยเขาตั้งคำถามว่า “ถ้า Doom เป็นเกมที่เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น จะเป็นอย่างไร?” และคำตอบก็คือเกมนี้ — ที่คุณไม่ต้องกระโดด ไม่ต้องเคลื่อนที่ด้านข้าง แค่เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ เกมนี้เริ่มต้นจากความล้มเหลว เพราะ GPT-4 ไม่สามารถเข้าใจแนวคิด “เลื่อนลง = พื้นหลังเลื่อนขึ้น” ได้เลย แต่เมื่อ GPT-5 เปิดตัว Friedman กลับมาลองใหม่ และสามารถสร้างต้นแบบเกมได้ภายใน 2 ชั่วโมง โดยใช้ vibe coding และการทดลองผ่าน “lab pages” ที่ให้เขาปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น สีพื้นหลัง, รูปแบบใยแมงมุม, หรือดีไซน์แผ่นป้ายข่าว ตัวเกมมีระบบที่กระตุ้นให้ผู้เล่นเคลื่อนไหว เช่น อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า, กำแพงไฟที่ไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป, และสิ่งกีดขวางอย่างใยแมงมุมหรือกำแพงอิฐ นอกจากนี้ยังมี “แผ่นป้ายข่าว” ที่แสดงพาดหัวข่าวจริงจาก RSS ของ New York Times เพื่อสร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง — อ่านแล้วหดหู่แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนต่อ แม้ Friedman จะไม่ใช่นักพัฒนาเกมมืออาชีพ แต่เขาใช้ AI เป็นเครื่องมือในการสร้างเกมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และเปิดให้เล่นฟรีทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป โดยสามารถบันทึกเกมไว้ในหน้าจอหลักให้เหมือนแอปจริงได้ ✅ จุดเด่นของ Doomscrolling: The Game ➡️ เล่นด้วยการเลื่อนหน้าจอเท่านั้น — ไม่มีการเคลื่อนที่ด้านข้างหรือกระโดด ➡️ ได้แรงบันดาลใจจากเกม Doom และพฤติกรรม doomscrolling ➡️ ใช้ GPT-5 ในการสร้างต้นแบบเกมภายในเวลาอันสั้น ➡️ ใช้ vibe coding และ lab pages เพื่อปรับแต่งองค์ประกอบเกม ✅ ระบบเกมที่กระตุ้นให้เคลื่อนไหว ➡️ อัปเกรดอาวุธทุก 100 ตัวที่ฆ่า ➡️ กำแพงไฟไล่ตามถ้าหยุดนานเกินไป ➡️ มีสิ่งกีดขวาง เช่น ใยแมงมุมและกำแพงอิฐ ➡️ มี health potion และระบบบันทึกระยะทางที่ทำได้ ✅ การผสานข่าวจริงเข้ากับเกม ➡️ ใช้ RSS feed จาก New York Times แสดงพาดหัวข่าวบนแผ่นป้าย ➡️ ข่าวไม่มีผลต่อเกม แต่สร้างบรรยากาศ doomscrolling อย่างแท้จริง ➡️ ผู้เล่นอาจถูกดึงดูดให้หยุดอ่านข่าวระหว่างเล่น ➡️ เป็นการเสียดสีพฤติกรรมเสพข่าวที่ไม่มีวันจบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมนี้เป็นตัวอย่างของ “vibe-coded” project ที่ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ ➡️ Friedman ใช้ lab pages เพื่อปรับค่ากราฟิก เช่น ใยแมงมุมและแผ่นป้าย ➡️ เกมสามารถเล่นได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อปอย่างลื่นไหล ➡️ มีผู้เล่นบางรายรายงานปัญหาเรื่องการเลื่อนหน้าจอบนบางเบราว์เซอร์ https://ironicsans.ghost.io/doomscrolling-the-game/
    IRONICSANS.GHOST.IO
    Doomscrolling: The Game
    Can a game work where all you do is scroll?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ:

    ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต
    - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด
    - **ระบบ**: iOS/Android
    - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ

    ### 2. **FireChat (Mesh Network)**
    - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่
    - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล
    - **ระบบ**: iOS/Android

    ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)**
    - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต
    - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม
    - **ระบบ**: Android เท่านั้น

    ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล**
    - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์
    - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้

    ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา**
    - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ

    ---

    ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้:
    - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat
    - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar
    - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS
    - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต)

    > **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ

    เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ!
    แอปพลิเคชันสำหรับ **การติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต (เน็ต)** ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี **Bluetooth, ระบบ Mesh Network (เครือข่ายใยแมงมุม) หรือสัญญาณวิทยุ** แทนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปกติ นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจ: ### 1. **Bridgefy (บลูทูธ + Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: เชื่อมต่อผ่าน **บลูทูธ** ในระยะใกล้ (~100 เมตร) หรือส่งต่อข้อความแบบ **Mesh Network** ในพื้นที่กว้าง (เช่น ในคอนเสิร์ตหรือชุมชน) โดยไม่ใช้เน็ต - **เหมาะกับ**: พื้นที่คนเยอะ, งานกิจกรรมกลางแจ้ง, ภัยพิบัติที่สัญญาณขาด - **ระบบ**: iOS/Android - **ข้อควรรู้**: ต้องมีคนใช้แอปในบริเวณนั้นเพื่อส่งต่อข้อความ ### 2. **FireChat (Mesh Network)** - **วิธีทำงาน**: สร้างเครือข่ายเฉพาะกิจผ่าน **บลูทูธ/Wi-Fi Direct** โดยอุปกรณ์รอบตัวช่วยส่งข้อความแบบลูกโซ่ - **เหมาะกับ**: เหตุการณ์ฉุกเฉิน, พื้นที่ห่างไกล - **ระบบ**: iOS/Android ### 3. **Briar (บลูทูธ/Wi-Fi Direct + Tor)** - **วิธีทำงาน**: เน้น **ความเป็นส่วนตัวสูง** เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ/Wi-Fi Direct หรือใช้ Tor เมื่อมีเน็ต - **เหมาะกับ**: ผู้ต้องการความปลอดภัย, นักกิจกรรม - **ระบบ**: Android เท่านั้น ### 4. **Walkie-Talkie แบบดิจิทัล** - **เช่น Zello**: ทำงานผ่าน **สัญญาณมือถือพื้นฐาน (2G/3G/4G)** แบบไม่กินเน็ต (ใช้เครือข่ายเสียงปกติ) แต่ต้องมีสัญญาณโทรศัพท์ - **เหมาะกับ**: สถานที่สัญญาณอ่อน แต่ยังพอโทรออกได้ ### 5. **แอป SMS/ข้อความธรรมดา** - **เช่น Google Messages, Signal**: ส่ง **SMS แบบไม่ใช้เน็ต** ได้ (เฉพาะข้อความล้วน) แต่ต้องมีสัญญาณเครือข่ายมือถือ --- ### สถานการณ์ที่แนะนำให้ใช้: - **ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่มีคนจำนวนมากในพื้นที่**: Bridgefy, FireChat - **เน้นความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย**: Briar - **มีสัญญาณโทรศัพท์พื้นฐาน (แต่ไม่มีเน็ต)**: Zello หรือ SMS - **การสื่อสารระยะใกล้สุด**: เชื่อมต่อบลูทูธแบบ **Device to Device** (เช่น แชร์ไฟล์ผ่าน ShareIt โดยไม่ใช้เน็ต) > ⚠️ **ข้อจำกัด**: แอปเหล่านี้มักมี **ระยะส่งสัญญาณสั้น** (100 เมตร) และต้องการ **ผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่** เพื่อขยายเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ เลือกใช้ตามสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ของคุณนะครับ! 😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ-อังกฤษผวา ปูตินจ่อเอาคืนปฏิบัติการใยแมงมุม : คนเคาะข่าว 05-06-68
    อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร
    #คนเคาะข่าว #ปูติน #ใยแมงมุม #ปฏิบัติการลับ #สหรัฐอังกฤษ #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #วิเคราะห์ความมั่นคง #สงครามไซเบอร์ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #การเมืองโลก #รัสเซีย #thaitimes #ข่าวกรอง #ความมั่นคงระหว่างประเทศ
    สหรัฐ-อังกฤษผวา ปูตินจ่อเอาคืนปฏิบัติการใยแมงมุม : คนเคาะข่าว 05-06-68 อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร #คนเคาะข่าว #ปูติน #ใยแมงมุม #ปฏิบัติการลับ #สหรัฐอังกฤษ #ข่าวต่างประเทศ #Geopolitics #วิเคราะห์ความมั่นคง #สงครามไซเบอร์ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #การเมืองโลก #รัสเซีย #thaitimes #ข่าวกรอง #ความมั่นคงระหว่างประเทศ
    Like
    Love
    Yay
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • ถอดสลัก...ปรับชีวิต...
    ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก

    หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้

    คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้

    1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย

    - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ
    - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด
    - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน
    - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด

    โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด

    2. การทำความสะอาดบ้าน

    หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

    3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่

    ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน

    4. การอบบ้าน ประกอบด้วย

    - ธูปหอม 1 ห่อ
    - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ
    แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้
    - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน

    เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้)

    หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน

    ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ถอดสลัก...ปรับชีวิต... ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้ คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด 2. การทำความสะอาดบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน 4. การอบบ้าน ประกอบด้วย - ธูปหอม 1 ห่อ - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้ - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้) หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1236 มุมมอง 0 รีวิว
  • การบ้านการเมือง.……ที่รุ่นย่ายายของน้องฟ้าต้องส่งเสียงมั่ง!!!

    พ้นวันโกหกแห่งโลกไปได้ ค่อยโล่งใจหน่อย เพราะจะได้กลับมาอ่านข่าวอย่างมนุษย์มะนากะเขาได้บ้าง...
    โดยเฉพาะประเด็นฮ็อทฮิตของวีรกรรมอาจารย์ล้มล้างที่ได้รับทุนมหิดลไปเพื่อกลับมา”สนองคุณ”ให้กับประเทศที่ครอบครัวโคตรเง่าได้เข้ามาพึ่งในพระบารมี พระบรมโพธิสมภาร...จนรอดพ้นไปจากความอดอยากและแร้นแค้นในดินแดนไกลโพ้น
    การที่จะเป็นคนสอนหนังสือ...โดยใช้วิชาการที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความชิงชัง…… เอาสิ่งที่ตั้งอยู่มาวิจารณ์ว่าควรจะเป็นอย่างนั้นมีข้อเสียอย่างนี้...ไม่ต้องไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเลย ไปถามลูกอีช่างติที่ไหนก็ได้...

    ทุกประเทศมีปัญหาในการปกครองแทบทั้งสิ้น มากน้อยมีระดับต่างกัน
    ประชาชนถูกปิดหูปิดตา หรือ ถูกกั๊กข้อมูล แม้แต่ในประเทศที่ว่ากันว่ามีประชาธิปไตยสูงสุด....สหรัฐอเมริกา!!
    เอาง่ายๆ...คดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ (1963) ที่ถูกถูไถให้จบลงด้วย“แพะ” สองคน แถมด้วยน้องชาย โรเบิร์ต เคนเนดี้ ที่ต้องมาตายไปตามกัน
    ข้อมูลหลักฐาน ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ประธานาธิบดีก็ยังไม่มีใครกล้าแตะต้อง เอกสารยังผนึกแน่นเป็นความลับมานานกว่าห้าสิบปี
    ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นฝีมือของซีไอเอ...
    แต่...ไม่ล้วงลึก
    หลายคนที่พยายามจะล้วง...หากแต่ข้อมูลที่ได้นั้น ช่างสับสน และเป็นการให้ข้อมูลแบบวนในอ่าง รวมถึงรายชื่อผู้เกี่ยวข้องแต่ละคน ผสมกับเส้นสายสัมพันธ์ทางการการเมืองที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่มีมากมาย......ต่อให้เทวดามาช่วยสางก็ยังหาทางออกและสาวถึงต้นตอไม่ได้
    เริ่มจาก

    David Rockefeller อภิมหาเศรษฐีที่ควบคุม Council on Foreign Relations หรือ CFR หรือ องค์กรความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ทีการทำงานเป็นเงาซ้อนชั้นบนของหน่วยงานซีไอเอ และเป็นผู้ก่อตั้ง
    ตึก World Trade รวมทั้งเป็นผู้ช่วยกำหนดนโยบายของ New World Order

    Allen Dulles (ผู้อำนวยการซีไอเอที่เคนเนดี้ให้ลงจากตำแหน่ง),

    John Foster Dulles (พี่ชายของ Allen Dulles ที่มีตำแหน่งเป็นรมต. ต่างประเทศ และเป็นเขยในตระกูลร๊อคกี้เฟลเล่อร์ โดยการแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเดวิด),

    Prescott Bush (บิดาของ George H.W. Bush) ที่มีกลุ่มหัวกระโหลกกระดูกไขว้จาก Yale ร่วมประสานงาน

    Clarence Douglas Dillon รัฐมนตรีคลัง (ลูกอภิมหาเศรษฐี และเป็นอดีตทูตอเมริกาประจำฝรั่งเศส ที่สนับสนุนเหล่ากบฏอัลจีเรียในการโค่นปธน. เดอ โกลด์)

    และยังมีอีกมากมายที่อยู่ในขบวนการต่อต้าน ปธน. เคนเนดี้ ที่มีอยู่หลายกลุ่ม เช่น กลุ่มนายทุนน้ำมันเท็กซัส, กลุ่มหนุนหลังคิวบา และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกนับร้อย
    ถ้าไม่ใช่”ขบวนการที่ใหญ่จริง” ใหญ่จนเหนืออำนาจรัฐไม่มีทางสาวได้
    นั้นหมายถึง...อเมริกาหาใด้มีเอกเทศในทางปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างที่หน้าฉากได้วาดไว้ไม่....!!

    ข่าวดีคือ...จากนี้ไปเราจะได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยไปเพราะทรัมป์ได้ลงนาม(2018) ในการที่จะเปิดเผยเอกสารลับทั้งหลายให้ปรากฏตามชาวโลก……มาช้าดีกว่าไม่มา...
    และเหล่านักเขียนก็คงไม่ต้องยั้งมือ หรือ อ้อมแอ้มกันอีกแล้วเพราะกุญแจดอกที่ใหญ่ที่สุด ได้เพิ่งสิ้นชีพไปเมื่อ 2017...David Rockefeller
    ที่มีอายุสิริรวม 101 ปี
    ประชาชนอเมริกันจะได้รู้เสียทีว่า...กลไกของบ้านเมืองตัวเองนั้น มันเป็นสายใยแมงมุม ที่ประธานาธิบดีเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ทำงานไปตามระบบทุน...ถ้าไม่อยู่ในอาณัติหรือหัวแข็งเกินไปคุมไม่อยู่...ก็ต้องเก็บกวาดให้พ้นเส้นทาง

    หรือฝรั่งเศส...ที่เสื้อกั๊กเหลืองออกมาอาละวาด จนกลายพันธ์ุไปเป็นก่อวินาศกรรมอาทิตย์ละวันนั้น เพราะเริ่มจากประธานาธิบดีมาครงได้ออกตัวชัดเจนว่ารับใช้กลุ่มทุน และมีข้อตุกติกกับการทำไซด์ไลน์ในธุรกิจบางประการผ่านทางองครักษ์ส่วนตัว นาย อเล็กซองดร์ เบอนัลลา
    ที่ฝ่ายค้านในรัฐบาลพยายามจี้คดีเพื่อค้นหาความกระจ่าง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรค En Marche ของมาครง เช่น ขอเอกสารการจ้าง
    เอกสารเกี่ยวกับนายเบอนัลลา และ ประวัติ...รวมทั้งอื่นๆ
    แต่.……ทุกอย่างเงียบ...
    ประธานาธิบดีไม่มีคำตอบให้ แถมยังปากดี..บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น
    ไม่ว่าจะเป็น การลากผู้ประท้วงออกมาซ้อม,พกปืนโดยไม่มีใบอนุญาต,
    มีพาสปอร์ตระดับทูตมากกว่าหนึ่งเล่ม และได้รับสินบนมาจากมหาเศรษฐีรัสเซีย นั้น.....เป็นเรื่องจิ๊บจ้อยเหมือนกับคลื่นในถ้วยชาเท่านั้นเอง

    ทีนี้มาดูว่า ประชาชนจะรู้สึกยังไง หรือจริงๆแล้วเขาอยู่ในการปกครองแบบไหน ทุกคนออกจะสับสน ทั้งๆที่เลือกนายมาครงมานี้ เขาเป็นตัวเลือกที่น่าจะมีตำหนิน้อยสุด (ความจริงแล้ว คือ รู้จักเบื้องหลังน้อยสุด)
    ตัวเก็งที่มาแรงแต่ทีแรกนั้นคือ ฟรังซัวส์ ฟียง (François Fillon)
    ที่เป็นคนเก่งมีประวัติการทำงานมาอย่างโชกโชน แต่โดนขุดคุ้ยในเรื่องการรับสินบน และเมียตัวเองมีชื่อในสภารับเดือนมานานถึงสิบห้าปี เป็นเงินนับล้าน
    เท่านั้นไม่พอยังมีชื่อลูกสาวทั้งสองมารับเงินเดือนในฐานะผู้ช่วยงานอีก
    งานนี้ เรียกได้ว่า แหกโค้ง พลิกคว่ำไปมาช่วงสุดท้าย
    เลยเหลือตัวเลือกเพียง มาครงและ มารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคขวาจัดแต่ไม่ค่อยปราชญ์เปรื่องนัก อีกทั้งบิดาของเธอ Jean-Marie Le Pen คือหนึ่งในกบฏอัลจีเรียที่ต่อต้านปธน. เดอ โกลล์ (ตั้งแต่ยังดำรงยศนายพล)
    ลูกสาวเลยยังเป็นที่กังขาของประชาชน...

    หรือบรูไน...ที่กำลังจะประกาศเป็นกฏหมายที่ถือชัดเจนตามหลักของอิสลาม เรื่องผิดลูกผิดเมียผิดผัวของชาวบ้าน, เป็นเพศที่ผิดไปจากการกำเนิด ที่มีโทษรุนแรงถึงปาหินประหารชีวิต
    ที่ดูเหมือนเหล่า HRW จะออกมาต่อต้านแบบอ่อยๆ ไม่มีการกำหนดการของ sanctions หรือ boycotts ใดๆให้รำคาญใจพระราชาธิบดี เพราะสินค้าขาออกของประเทศมีอยู่เพียงสองอย่าง คือ น้ำมันกับก๊าซ ที่ทำให้ประชากรห้าแสนของพระองค์มีรายได้ต่อคน/ต่อปี $82,000 ...น้ำไฟฟรี สวัสดีการทุกอย่างฟรี

    ก็มีที่ส่งเสียงหน่อยก็คือ นาย จอร์จ คลูนี่ ที่ได้ชัดชวนให้เหล่าเซเลป
    เลิกใช้บริการโรงแรมห้าดาวต่างๆที่เจ้าของคือพระราชาธิบดีแห่งบรูไน
    ซึ่ง....เชื่อว่า...ท่านคงไม่สน โนแคร์ กับเศรษฐีดาราพวกนั้นเท่าไหร่นัก เรื่องของบ้านเมือง พระบัญญัติตามศาสนาที่พระองค์จะต้องดำรงไว้

    สรุปว่า....การเมืองบ้านใครบ้านมัน อย่าเห็นว่าสวนบ้านอื่นนั้นเขียวกว่าของเรา อย่าทำตัวเป็นกบเลือกนาย
    ที่สำคัญ...อย่าด่าบ้านเมืองตัวเองให้คนอื่นฟัง หรือ สาระแนคิดแก้ไขนั่นนี่ หากยังไม่มีผลงานที่สร้างบารมีมากพอ
    แล้วพอถูกจี้...ถูกกระแสตีกลับ กลับหน้าด้านบอกว่า……ไม่ได้พูดถึงเมืองไทย...

    อ้าว...เรียกอาจารย์ล้มล้างอย่างเดียวคงไม่โก้แล้วละ ต้องเรียกว่า
    แถมให้อีกด้วย...ว่า...หน้าตัวเม.……เอ๊ยยยย....หน้าอิสตรี!!!

    Wiwanda W. Vichit
    การบ้านการเมือง.……ที่รุ่นย่ายายของน้องฟ้าต้องส่งเสียงมั่ง!!! พ้นวันโกหกแห่งโลกไปได้ ค่อยโล่งใจหน่อย เพราะจะได้กลับมาอ่านข่าวอย่างมนุษย์มะนากะเขาได้บ้าง... โดยเฉพาะประเด็นฮ็อทฮิตของวีรกรรมอาจารย์ล้มล้างที่ได้รับทุนมหิดลไปเพื่อกลับมา”สนองคุณ”ให้กับประเทศที่ครอบครัวโคตรเง่าได้เข้ามาพึ่งในพระบารมี พระบรมโพธิสมภาร...จนรอดพ้นไปจากความอดอยากและแร้นแค้นในดินแดนไกลโพ้น การที่จะเป็นคนสอนหนังสือ...โดยใช้วิชาการที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความชิงชัง…… เอาสิ่งที่ตั้งอยู่มาวิจารณ์ว่าควรจะเป็นอย่างนั้นมีข้อเสียอย่างนี้...ไม่ต้องไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเลย ไปถามลูกอีช่างติที่ไหนก็ได้... ทุกประเทศมีปัญหาในการปกครองแทบทั้งสิ้น มากน้อยมีระดับต่างกัน ประชาชนถูกปิดหูปิดตา หรือ ถูกกั๊กข้อมูล แม้แต่ในประเทศที่ว่ากันว่ามีประชาธิปไตยสูงสุด....สหรัฐอเมริกา!! เอาง่ายๆ...คดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ (1963) ที่ถูกถูไถให้จบลงด้วย“แพะ” สองคน แถมด้วยน้องชาย โรเบิร์ต เคนเนดี้ ที่ต้องมาตายไปตามกัน ข้อมูลหลักฐาน ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ประธานาธิบดีก็ยังไม่มีใครกล้าแตะต้อง เอกสารยังผนึกแน่นเป็นความลับมานานกว่าห้าสิบปี ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นฝีมือของซีไอเอ... แต่...ไม่ล้วงลึก หลายคนที่พยายามจะล้วง...หากแต่ข้อมูลที่ได้นั้น ช่างสับสน และเป็นการให้ข้อมูลแบบวนในอ่าง รวมถึงรายชื่อผู้เกี่ยวข้องแต่ละคน ผสมกับเส้นสายสัมพันธ์ทางการการเมืองที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่มีมากมาย......ต่อให้เทวดามาช่วยสางก็ยังหาทางออกและสาวถึงต้นตอไม่ได้ เริ่มจาก David Rockefeller อภิมหาเศรษฐีที่ควบคุม Council on Foreign Relations หรือ CFR หรือ องค์กรความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ทีการทำงานเป็นเงาซ้อนชั้นบนของหน่วยงานซีไอเอ และเป็นผู้ก่อตั้ง ตึก World Trade รวมทั้งเป็นผู้ช่วยกำหนดนโยบายของ New World Order Allen Dulles (ผู้อำนวยการซีไอเอที่เคนเนดี้ให้ลงจากตำแหน่ง), John Foster Dulles (พี่ชายของ Allen Dulles ที่มีตำแหน่งเป็นรมต. ต่างประเทศ และเป็นเขยในตระกูลร๊อคกี้เฟลเล่อร์ โดยการแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเดวิด), Prescott Bush (บิดาของ George H.W. Bush) ที่มีกลุ่มหัวกระโหลกกระดูกไขว้จาก Yale ร่วมประสานงาน Clarence Douglas Dillon รัฐมนตรีคลัง (ลูกอภิมหาเศรษฐี และเป็นอดีตทูตอเมริกาประจำฝรั่งเศส ที่สนับสนุนเหล่ากบฏอัลจีเรียในการโค่นปธน. เดอ โกลด์) และยังมีอีกมากมายที่อยู่ในขบวนการต่อต้าน ปธน. เคนเนดี้ ที่มีอยู่หลายกลุ่ม เช่น กลุ่มนายทุนน้ำมันเท็กซัส, กลุ่มหนุนหลังคิวบา และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกนับร้อย ถ้าไม่ใช่”ขบวนการที่ใหญ่จริง” ใหญ่จนเหนืออำนาจรัฐไม่มีทางสาวได้ นั้นหมายถึง...อเมริกาหาใด้มีเอกเทศในทางปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างที่หน้าฉากได้วาดไว้ไม่....!! ข่าวดีคือ...จากนี้ไปเราจะได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยไปเพราะทรัมป์ได้ลงนาม(2018) ในการที่จะเปิดเผยเอกสารลับทั้งหลายให้ปรากฏตามชาวโลก……มาช้าดีกว่าไม่มา... และเหล่านักเขียนก็คงไม่ต้องยั้งมือ หรือ อ้อมแอ้มกันอีกแล้วเพราะกุญแจดอกที่ใหญ่ที่สุด ได้เพิ่งสิ้นชีพไปเมื่อ 2017...David Rockefeller ที่มีอายุสิริรวม 101 ปี ประชาชนอเมริกันจะได้รู้เสียทีว่า...กลไกของบ้านเมืองตัวเองนั้น มันเป็นสายใยแมงมุม ที่ประธานาธิบดีเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ทำงานไปตามระบบทุน...ถ้าไม่อยู่ในอาณัติหรือหัวแข็งเกินไปคุมไม่อยู่...ก็ต้องเก็บกวาดให้พ้นเส้นทาง หรือฝรั่งเศส...ที่เสื้อกั๊กเหลืองออกมาอาละวาด จนกลายพันธ์ุไปเป็นก่อวินาศกรรมอาทิตย์ละวันนั้น เพราะเริ่มจากประธานาธิบดีมาครงได้ออกตัวชัดเจนว่ารับใช้กลุ่มทุน และมีข้อตุกติกกับการทำไซด์ไลน์ในธุรกิจบางประการผ่านทางองครักษ์ส่วนตัว นาย อเล็กซองดร์ เบอนัลลา ที่ฝ่ายค้านในรัฐบาลพยายามจี้คดีเพื่อค้นหาความกระจ่าง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรค En Marche ของมาครง เช่น ขอเอกสารการจ้าง เอกสารเกี่ยวกับนายเบอนัลลา และ ประวัติ...รวมทั้งอื่นๆ แต่.……ทุกอย่างเงียบ... ประธานาธิบดีไม่มีคำตอบให้ แถมยังปากดี..บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็น การลากผู้ประท้วงออกมาซ้อม,พกปืนโดยไม่มีใบอนุญาต, มีพาสปอร์ตระดับทูตมากกว่าหนึ่งเล่ม และได้รับสินบนมาจากมหาเศรษฐีรัสเซีย นั้น.....เป็นเรื่องจิ๊บจ้อยเหมือนกับคลื่นในถ้วยชาเท่านั้นเอง ทีนี้มาดูว่า ประชาชนจะรู้สึกยังไง หรือจริงๆแล้วเขาอยู่ในการปกครองแบบไหน ทุกคนออกจะสับสน ทั้งๆที่เลือกนายมาครงมานี้ เขาเป็นตัวเลือกที่น่าจะมีตำหนิน้อยสุด (ความจริงแล้ว คือ รู้จักเบื้องหลังน้อยสุด) ตัวเก็งที่มาแรงแต่ทีแรกนั้นคือ ฟรังซัวส์ ฟียง (François Fillon) ที่เป็นคนเก่งมีประวัติการทำงานมาอย่างโชกโชน แต่โดนขุดคุ้ยในเรื่องการรับสินบน และเมียตัวเองมีชื่อในสภารับเดือนมานานถึงสิบห้าปี เป็นเงินนับล้าน เท่านั้นไม่พอยังมีชื่อลูกสาวทั้งสองมารับเงินเดือนในฐานะผู้ช่วยงานอีก งานนี้ เรียกได้ว่า แหกโค้ง พลิกคว่ำไปมาช่วงสุดท้าย เลยเหลือตัวเลือกเพียง มาครงและ มารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคขวาจัดแต่ไม่ค่อยปราชญ์เปรื่องนัก อีกทั้งบิดาของเธอ Jean-Marie Le Pen คือหนึ่งในกบฏอัลจีเรียที่ต่อต้านปธน. เดอ โกลล์ (ตั้งแต่ยังดำรงยศนายพล) ลูกสาวเลยยังเป็นที่กังขาของประชาชน... หรือบรูไน...ที่กำลังจะประกาศเป็นกฏหมายที่ถือชัดเจนตามหลักของอิสลาม เรื่องผิดลูกผิดเมียผิดผัวของชาวบ้าน, เป็นเพศที่ผิดไปจากการกำเนิด ที่มีโทษรุนแรงถึงปาหินประหารชีวิต ที่ดูเหมือนเหล่า HRW จะออกมาต่อต้านแบบอ่อยๆ ไม่มีการกำหนดการของ sanctions หรือ boycotts ใดๆให้รำคาญใจพระราชาธิบดี เพราะสินค้าขาออกของประเทศมีอยู่เพียงสองอย่าง คือ น้ำมันกับก๊าซ ที่ทำให้ประชากรห้าแสนของพระองค์มีรายได้ต่อคน/ต่อปี $82,000 ...น้ำไฟฟรี สวัสดีการทุกอย่างฟรี ก็มีที่ส่งเสียงหน่อยก็คือ นาย จอร์จ คลูนี่ ที่ได้ชัดชวนให้เหล่าเซเลป เลิกใช้บริการโรงแรมห้าดาวต่างๆที่เจ้าของคือพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ซึ่ง....เชื่อว่า...ท่านคงไม่สน โนแคร์ กับเศรษฐีดาราพวกนั้นเท่าไหร่นัก เรื่องของบ้านเมือง พระบัญญัติตามศาสนาที่พระองค์จะต้องดำรงไว้ สรุปว่า....การเมืองบ้านใครบ้านมัน อย่าเห็นว่าสวนบ้านอื่นนั้นเขียวกว่าของเรา อย่าทำตัวเป็นกบเลือกนาย ที่สำคัญ...อย่าด่าบ้านเมืองตัวเองให้คนอื่นฟัง หรือ สาระแนคิดแก้ไขนั่นนี่ หากยังไม่มีผลงานที่สร้างบารมีมากพอ แล้วพอถูกจี้...ถูกกระแสตีกลับ กลับหน้าด้านบอกว่า……ไม่ได้พูดถึงเมืองไทย... อ้าว...เรียกอาจารย์ล้มล้างอย่างเดียวคงไม่โก้แล้วละ ต้องเรียกว่า แถมให้อีกด้วย...ว่า...หน้าตัวเม.……เอ๊ยยยย....หน้าอิสตรี!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1196 มุมมอง 0 รีวิว