• ศาลยกคำร้องทนายตุ๋ย ปิดปากสื่อไม่สำเร็จ ใครบิดเบือนความยุติธรรมคดี "แตงโม" ?
    .
    วันพุธที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีการนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ วันพุธที่ผ่านมาเป็นการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย รวม 2 ปาก ประกอบด้วย กระติก อิศรินทร์ กับ นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม ส่วนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ว่า อีก 2 เดือนครึ่ง คงจะมีคำพิพากษาออกมา
    .
    ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันมีประเด็นสำคัญ คือ ทนายตุ๋ย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ของนายแซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลใน 2 สำนวน สำนวนแรกคือเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต คนที่ถูกกล่าวหามี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา อีกสำนวนหนึ่งเป็นกรณีนักอาชญาวิทยาคนหนึ่ง คาดว่าเป็น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง นักอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ
    .
    ประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างมีพิรุธ มีเงื่อนงำสำคัญเยอะแยะ และแต่ละครั้งที่คนบนเรือออกมาพูด ประชาชนเขาจับสังเกตข้อพิรุธได้ว่า ทำไมพวกคุณถึงพูดไม่เหมือนกันเลย นี่มันเป็นละครของคนบนเรือที่เล่นร่วมกัน เพื่อให้เห็นว่าแตงโมตกน้ำตาย ทำให้คนที่มีความรู้ มีวิจารณญาณ ต้องการแสวงหาความจริง เป็นข้อพิรุธที่คนสงสัยกันทั้งประเทศ ว่า การตายของแตงโมนั้นมีเงื่อนงำ
    .
    ผมอยากจะบอกว่า การฟ้องปิดปากสื่อเป็นการปิดกั้นการแสวงหาความจริง แต่การที่นายแซน นายปอ กับทนายตุ๋ย เดินสายออกอากาศหลายช่อง แถลงข่าวหลายครั้ง พูดถูก พูดผิดไม่รู้โกหกไปอย่างไร พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ก็ต้องผิดยิ่งกว่า เพราะว่าพวกคุณทะลึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในคดีด้วย ยิ่งกว่าบุคคลภายนอกซึ่งเป็นสื่อมวลชน อย่างผม อย่างอาจารย์ปานเทพ และพรรคพวกอีก
    .
    ในช่วงเย็นวันเดียวกัน วันพุธที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องทนายตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของแซน วิศาพัช จำเลย และคนบนเรือ ที่ยื่นเรื่องขอให้ไต่สวนนายอัจฉริยะ อาจารย์ปานเทพ และพรรคพวก กรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ
    .
    หลังจากศาลยกคำร้องแล้ว นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวว่า ในการสืบพยานวันนี้ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดินไปตามปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือนั้น ขอยังไม่ให้ข้อมูล พูดแบบกำกวม ยังรักษาความเท่อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ความเท่มันสูญหายไปตั้งนานแล้ว
    .
    คุณพรศักดิ์ คุณจะเท่ทั้งที เท่ให้มีหลักการ แล้วคุณอย่าคิดมาเคี้ยวผม พวกผมง่ายๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่ คุณคิดผิด คิดใหม่ได้ คุณควรจะกลับไปแล้วพูดกับนายแซน ลูกความคุณ ว่าเวลาพูดอะไร ให้จำๆเอาไว้หน่อยได้ไหมว่าเคยพูดอะไรไว้ อย่าไปพูดขัดแย้งกัน
    .
    สาธุ! คุณพรศักดิ์ ผมภาวนาให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป แล้วผมเชื่ออย่างหนึ่งนะครับ คุณวิศาพัช คุณแซน ทนายพรศักดิ์ นายปอ คุณไม่เชื่อเหมือนผม ไม่เป็นไร เวรกรรมมันมีจริง ใครทำอะไรแตงโมไว้ เวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถึงแน่นอน ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัจจะวาจาตรงนี้ว่า ต้องถึงแน่นอน
    ศาลยกคำร้องทนายตุ๋ย ปิดปากสื่อไม่สำเร็จ ใครบิดเบือนความยุติธรรมคดี "แตงโม" ? . วันพุธที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีการนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ วันพุธที่ผ่านมาเป็นการสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย รวม 2 ปาก ประกอบด้วย กระติก อิศรินทร์ กับ นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ เอ็ม ส่วนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ว่า อีก 2 เดือนครึ่ง คงจะมีคำพิพากษาออกมา . ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันมีประเด็นสำคัญ คือ ทนายตุ๋ย พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ของนายแซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลใน 2 สำนวน สำนวนแรกคือเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต คนที่ถูกกล่าวหามี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา อีกสำนวนหนึ่งเป็นกรณีนักอาชญาวิทยาคนหนึ่ง คาดว่าเป็น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ อาจารย์โต้ง นักอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ . ประเด็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างมีพิรุธ มีเงื่อนงำสำคัญเยอะแยะ และแต่ละครั้งที่คนบนเรือออกมาพูด ประชาชนเขาจับสังเกตข้อพิรุธได้ว่า ทำไมพวกคุณถึงพูดไม่เหมือนกันเลย นี่มันเป็นละครของคนบนเรือที่เล่นร่วมกัน เพื่อให้เห็นว่าแตงโมตกน้ำตาย ทำให้คนที่มีความรู้ มีวิจารณญาณ ต้องการแสวงหาความจริง เป็นข้อพิรุธที่คนสงสัยกันทั้งประเทศ ว่า การตายของแตงโมนั้นมีเงื่อนงำ . ผมอยากจะบอกว่า การฟ้องปิดปากสื่อเป็นการปิดกั้นการแสวงหาความจริง แต่การที่นายแซน นายปอ กับทนายตุ๋ย เดินสายออกอากาศหลายช่อง แถลงข่าวหลายครั้ง พูดถูก พูดผิดไม่รู้โกหกไปอย่างไร พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ก็ต้องผิดยิ่งกว่า เพราะว่าพวกคุณทะลึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในคดีด้วย ยิ่งกว่าบุคคลภายนอกซึ่งเป็นสื่อมวลชน อย่างผม อย่างอาจารย์ปานเทพ และพรรคพวกอีก . ในช่วงเย็นวันเดียวกัน วันพุธที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องทนายตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของแซน วิศาพัช จำเลย และคนบนเรือ ที่ยื่นเรื่องขอให้ไต่สวนนายอัจฉริยะ อาจารย์ปานเทพ และพรรคพวก กรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ . หลังจากศาลยกคำร้องแล้ว นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวว่า ในการสืบพยานวันนี้ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดินไปตามปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือนั้น ขอยังไม่ให้ข้อมูล พูดแบบกำกวม ยังรักษาความเท่อยู่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ความเท่มันสูญหายไปตั้งนานแล้ว . คุณพรศักดิ์ คุณจะเท่ทั้งที เท่ให้มีหลักการ แล้วคุณอย่าคิดมาเคี้ยวผม พวกผมง่ายๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่ คุณคิดผิด คิดใหม่ได้ คุณควรจะกลับไปแล้วพูดกับนายแซน ลูกความคุณ ว่าเวลาพูดอะไร ให้จำๆเอาไว้หน่อยได้ไหมว่าเคยพูดอะไรไว้ อย่าไปพูดขัดแย้งกัน . สาธุ! คุณพรศักดิ์ ผมภาวนาให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป แล้วผมเชื่ออย่างหนึ่งนะครับ คุณวิศาพัช คุณแซน ทนายพรศักดิ์ นายปอ คุณไม่เชื่อเหมือนผม ไม่เป็นไร เวรกรรมมันมีจริง ใครทำอะไรแตงโมไว้ เวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถึงแน่นอน ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัจจะวาจาตรงนี้ว่า ต้องถึงแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยื่นคำขาด ประกาศอเมริกาจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น ถ้าปานามาไม่ลงมือยุติอิทธิพลและการควบคุมของจีนเหนือคลองปานามาทันที ด้านประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ส่งสัญญาณภายหลังพบหารือกับรัฐมนตรีอเมริกันผู้นี้ในกรุงปานามาซิตีเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า อาจทบทวนข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับจีนและธุรกิจของจีน ขณะที่ปักกิ่งยืนยันไม่เคยเข้าร่วมดำเนินการหรือแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามาตามที่คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามกล่าวหา
    .
    แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอซึ่งเดินทางไปเยือนปานามา ได้นำข้อความจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาถ่ายทอดให้ผู้นำปานามาทราบ โดยมุ่งเตือนเรื่องที่จีนปรากฏตัวที่คลองปานามา ผ่านทางบริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่งที่เข้าบริหารท่าเรือ 2 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ ทรัมป์บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อเส้นทางเดินเรือนี้ อีกทั้งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างอเมริกากับปานามาว่าด้วยคลองแห่งนี้ด้วย และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า อเมริกาไม่ยอมรับให้คงสถานะเดิมเช่นนี้ต่อไป และหากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทันที อเมริกาอาจต้องดำเนินการมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนภายใต้สนธิสัญญา
    .
    อย่างไรก็ตาม รูบิโอไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯต้องการให้ปานามาทำอย่างไร หรืออเมริกาจะตอบโต้อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯออกมาว่าเขาเป็นผู้ชนะได้กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ทรัมป์ได้พูดข่มขู่คุกคามหลายครั้งว่า จะเข้ายึดคืนคลองปานามาที่เป็นเส้นทางลัดทำให้สามารถเข้าออกระหว่างฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกได้โดยไม่ต้องเดินเรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้ อเมริกาคือผู้ขุดคลองนี้สำเร็จเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ให้ปานามาในปี 1999
    .
    ทรัมป์กล่าวอ้างลอยๆ ว่า เส้นทางเดินเรือทางยุทธศาสตร์นี้เวลานี้ถูกควบคุมโดยทหารจีน นอกจากนั้นเรือของอเมริกายังถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าเรือของชาติอื่น
    .
    นอกจากนั้น ทรัมป์ยังบอกว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามากลับมาอยู่ในความควบคุมของสหรัฐฯอีกครั้ง ทำให้ถูกวิจารณ์รุนแรงจากทั้งมิตรและศัตรูในละตินอเมริกา ถึงแม้เมื่อวันอาทิตย์ (1) เขาบอกว่า คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง กระนั้นก็ยังยืนยันว่า ปานามาละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้กับสหรัฐฯ และอเมริกาจะยึดคลองปานามาคืน
    .
    สำหรับตัวรูบิโอเอง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมีแนวคิดเกี่ยวกับจีนแบบสายเหยี่ยวแข็งกร้าวมานาน ยังให้สัมภาษณ์ในรายการเมกิน เคลลี ของวิทยุดาวเทียมซีเรียส เอ็กซ์เอ็ม ในสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนอาจใช้ท่าเรือที่บริษัทฮ่องกงเป็นผู้ดำเนินการ ในการปิดคลองปานานากรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีมูลิโน กล่าวถึงการพบหารือกับรูบิโอคราวนี้ว่า เป็นไปด้วยดี และเสริมว่า พร้อมทบทวนธุรกิจบางอย่างของจีนในปานามา ซึ่งรวมถึงการให้สัมปทานบริหารท่าเรือ 2 แห่งจากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ 5 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองปานามาทั้งสองด้านเป็นเวลานาน 25 ปี โดยคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทานคือ บริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง ทั้งนี้เพิ่งมีการต่ออายุสัมปทานเมื่อปี 2021 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
    .
    พวกสมาชิกรัฐสภาและคณะบริหารสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้มีความโน้มเอียงต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าว กล่าวหาว่า สัญญาดังกล่าวคือตัวอย่างการขยายอิทธิพลของจีนในปานามา ซึ่งขัดต่อสนธิสัญญาความเป็นกลางที่ปานามาและอเมริกาลงนามร่วมกันในปี 1977
    .
    ทว่า รัฐบาลปานามาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนคัดค้านการกล่าวอ้างของวอชิงตัน โดยชี้ว่าท่าเรือเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารคลองปานามาที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารจัดการคลองปานามา ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่กำกับดูแลโดยรัฐบาลปานามา
    .
    มูลิโนสำทับด้วยว่า เขาจะไม่ต่ออายุข้อตกลงเข้าร่วมในแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีน ที่ลงนามโดยคณะบริการชุดก่อนหน้านี้ และเสริมว่า เขาไม่คิดว่า มีภัยคุกคามที่แท้จริงต่อความเป็นกลางและความถูกต้องของสนธิสัญญาที่ทำกับอเมริกา รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้สนธิสัญญาด้วยกำลังทหาร อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า จำเป็นต้องมีการหารือแบบตัวต่อตัวกับทรัมป์
    .
    ทางด้านจีนนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงในวันจันทร์ (3) ยืนยันว่า ปักกิ่งไม่มีส่วนร่วมกับการดำเนินการ รวมทั้งไม่เคยเข้าแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามา อีกทั้งยังยอมรับคลองปานามาในฐานะเป็นเส้นทางเดินเรือสากลที่เป็นกลางโดยถาวร
    .
    เห็นกันว่า รูบิโอที่อยู่ระหว่างการทัวร์อเมริกากลางและแคริบเบียน โดยถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งนี้ กำลังพยายามปรับโฟกัสแนวทางการทูตของอเมริกาต่อซีกโลกตะวันตก (หมายถึงอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้) ส่วนหนึ่งก็เพื่อระดมให้ชาติละตินอเมริกาเข้าร่วมการสกัดกั้นพวกผู้อพยพที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐฯโดยผ่านชายแดนทางใต้ของอเมริกา
    .
    นอกจากนั้น การเยือนครั้งนี้ยังสะท้อนเป้าหมายของอเมริกาในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งมั่นต่อต้านการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนในละตินอเมริกา ซึ่งสหรัฐฯถือเป็นเขตหลังบ้านของตน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011133
    ..............
    Sondhi X
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยื่นคำขาด ประกาศอเมริกาจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น ถ้าปานามาไม่ลงมือยุติอิทธิพลและการควบคุมของจีนเหนือคลองปานามาทันที ด้านประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ส่งสัญญาณภายหลังพบหารือกับรัฐมนตรีอเมริกันผู้นี้ในกรุงปานามาซิตีเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า อาจทบทวนข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับจีนและธุรกิจของจีน ขณะที่ปักกิ่งยืนยันไม่เคยเข้าร่วมดำเนินการหรือแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามาตามที่คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามกล่าวหา . แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอซึ่งเดินทางไปเยือนปานามา ได้นำข้อความจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาถ่ายทอดให้ผู้นำปานามาทราบ โดยมุ่งเตือนเรื่องที่จีนปรากฏตัวที่คลองปานามา ผ่านทางบริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่งที่เข้าบริหารท่าเรือ 2 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ ทรัมป์บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อเส้นทางเดินเรือนี้ อีกทั้งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างอเมริกากับปานามาว่าด้วยคลองแห่งนี้ด้วย และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า อเมริกาไม่ยอมรับให้คงสถานะเดิมเช่นนี้ต่อไป และหากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทันที อเมริกาอาจต้องดำเนินการมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนภายใต้สนธิสัญญา . อย่างไรก็ตาม รูบิโอไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯต้องการให้ปานามาทำอย่างไร หรืออเมริกาจะตอบโต้อย่างไร . ทั้งนี้ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯออกมาว่าเขาเป็นผู้ชนะได้กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ทรัมป์ได้พูดข่มขู่คุกคามหลายครั้งว่า จะเข้ายึดคืนคลองปานามาที่เป็นเส้นทางลัดทำให้สามารถเข้าออกระหว่างฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกได้โดยไม่ต้องเดินเรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้ อเมริกาคือผู้ขุดคลองนี้สำเร็จเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ให้ปานามาในปี 1999 . ทรัมป์กล่าวอ้างลอยๆ ว่า เส้นทางเดินเรือทางยุทธศาสตร์นี้เวลานี้ถูกควบคุมโดยทหารจีน นอกจากนั้นเรือของอเมริกายังถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าเรือของชาติอื่น . นอกจากนั้น ทรัมป์ยังบอกว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามากลับมาอยู่ในความควบคุมของสหรัฐฯอีกครั้ง ทำให้ถูกวิจารณ์รุนแรงจากทั้งมิตรและศัตรูในละตินอเมริกา ถึงแม้เมื่อวันอาทิตย์ (1) เขาบอกว่า คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง กระนั้นก็ยังยืนยันว่า ปานามาละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้กับสหรัฐฯ และอเมริกาจะยึดคลองปานามาคืน . สำหรับตัวรูบิโอเอง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมีแนวคิดเกี่ยวกับจีนแบบสายเหยี่ยวแข็งกร้าวมานาน ยังให้สัมภาษณ์ในรายการเมกิน เคลลี ของวิทยุดาวเทียมซีเรียส เอ็กซ์เอ็ม ในสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนอาจใช้ท่าเรือที่บริษัทฮ่องกงเป็นผู้ดำเนินการ ในการปิดคลองปานานากรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน . ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีมูลิโน กล่าวถึงการพบหารือกับรูบิโอคราวนี้ว่า เป็นไปด้วยดี และเสริมว่า พร้อมทบทวนธุรกิจบางอย่างของจีนในปานามา ซึ่งรวมถึงการให้สัมปทานบริหารท่าเรือ 2 แห่งจากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ 5 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองปานามาทั้งสองด้านเป็นเวลานาน 25 ปี โดยคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทานคือ บริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง ทั้งนี้เพิ่งมีการต่ออายุสัมปทานเมื่อปี 2021 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ . พวกสมาชิกรัฐสภาและคณะบริหารสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้มีความโน้มเอียงต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าว กล่าวหาว่า สัญญาดังกล่าวคือตัวอย่างการขยายอิทธิพลของจีนในปานามา ซึ่งขัดต่อสนธิสัญญาความเป็นกลางที่ปานามาและอเมริกาลงนามร่วมกันในปี 1977 . ทว่า รัฐบาลปานามาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนคัดค้านการกล่าวอ้างของวอชิงตัน โดยชี้ว่าท่าเรือเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารคลองปานามาที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารจัดการคลองปานามา ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่กำกับดูแลโดยรัฐบาลปานามา . มูลิโนสำทับด้วยว่า เขาจะไม่ต่ออายุข้อตกลงเข้าร่วมในแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีน ที่ลงนามโดยคณะบริการชุดก่อนหน้านี้ และเสริมว่า เขาไม่คิดว่า มีภัยคุกคามที่แท้จริงต่อความเป็นกลางและความถูกต้องของสนธิสัญญาที่ทำกับอเมริกา รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้สนธิสัญญาด้วยกำลังทหาร อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า จำเป็นต้องมีการหารือแบบตัวต่อตัวกับทรัมป์ . ทางด้านจีนนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงในวันจันทร์ (3) ยืนยันว่า ปักกิ่งไม่มีส่วนร่วมกับการดำเนินการ รวมทั้งไม่เคยเข้าแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามา อีกทั้งยังยอมรับคลองปานามาในฐานะเป็นเส้นทางเดินเรือสากลที่เป็นกลางโดยถาวร . เห็นกันว่า รูบิโอที่อยู่ระหว่างการทัวร์อเมริกากลางและแคริบเบียน โดยถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งนี้ กำลังพยายามปรับโฟกัสแนวทางการทูตของอเมริกาต่อซีกโลกตะวันตก (หมายถึงอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้) ส่วนหนึ่งก็เพื่อระดมให้ชาติละตินอเมริกาเข้าร่วมการสกัดกั้นพวกผู้อพยพที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐฯโดยผ่านชายแดนทางใต้ของอเมริกา . นอกจากนั้น การเยือนครั้งนี้ยังสะท้อนเป้าหมายของอเมริกาในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งมั่นต่อต้านการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนในละตินอเมริกา ซึ่งสหรัฐฯถือเป็นเขตหลังบ้านของตน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011133 .............. Sondhi X
    Angry
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศกำลังอักเสบหนัก ก็เพราะเราคือหนึ่งคนที่เป็นต้นเหตุ

    ค่าฝุ่นยังคงวิกฤตต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะวันนี้ สิบสองปีก่อนตอนที่ข้าพเจ้าย้ายมาอยู่ที่พักปัจจุบันในซอยโชคชัยสี่ ซึ่งห้องอยู่ชั้น5 ชั้นบนสุดของตึก ยืนที่ระเบียงมองออกไปไกล ๆ ทางซ้ายมือจะเห็นตึกช้างตั้งตระหง่านโดดเด่น มาวันนี้ตึกช้างและตึกทั้งหลายหายแวบไปหมด เห็นเพียงม่านขาวหนาหนักเท่านั้น

    เมื่อมองให้ลึกลงไป นี่มาจากนิสัยมักง่าย สบาย ๆ อะไรก็ได้ ไร้วินัย ไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัวของพลเมืองไทยทั้งประเทศเองนี้แหละ จึงทำให้สถานการณ์หลายสิ่งเดินมาถึงจุดนี้ เราจึงต้องแบกรับกรรมที่ก่อร่วมกัน

    เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยไปที่ไหนก็มีแต่กองขยะหลังทำกิจกรรมจบ

    เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยชาชินกับการชอบจอดรถส่วนตัวบนถนนสาธารณะกีดขวางคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น แล้วอ้างว่าถนนสาธารณะ

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยใช้รถโดยเฉพาะคนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ยอมจอดชะลอให้คนข้ามยามเห็นทางม้าลาย ชอบฝ่าไฟแดง ชอบฝ่าไม้กั้นทางรถไฟ ชอบย้อนศร ชอบขับขี่รถขึ้นทางคนเดิน และอีกสารพัดชอบที่เป็นความชั่ว

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยไม่ใส่ใจว่าไฟที่เราจุดเผาจะสร้างความลำบากแก่ใครอย่างไรบ้าง อยากเผาก็เผา

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยคิดตากข้าวก็ตากบนถนนกินเลนไปครึ่งทางตลอดแนว

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยอยากใช้ก็จะใช้ อยากกินก็จะกิน อยากทิ้งตรงไหนก็จะทิ้ง แม้นรู้ดีว่าการกินการใช้การทิ้งของตน สร้างภาระแก่สังคมและโลกใบนี้มากมายมหาศาล

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยบอกว่าผู้มีอำนาจหรือคนมาบริหารประเทศโกงบ้างไม่เป็นไรขอให้เก่งเป็นพอ แม้นจะเก่งในทางโกงก็ตาม

    เหมือนที่คนไทยชอบแซงคิวคนอื่นไม่สนใจใครยืนรอต่อกันอยู่ก่อน ขอแทรกนิด ขอแทรกหน่อยก็เอา

    เหมือนที่คนไทยชอบใช้เส้นสายให้คนรู้จักดำเนินการอะไรให้ทางสะดวกในทุกวงการตั้งแต่ระดับล่างไปยันระดับบนโดยที่ต้องมีใต้โต๊ะ หรือถ้ารู้จักสนิทสนมก็ไม่ต้องจ่าย

    เหมือนที่คนไทยไม่เคยจดจำว่าใครเคยทำเลวทำชั่ว ทำร้ายคนอื่นทำร้ายประเทศไว้มากขนาดไหน แค่เขาใช้ลมปากเข้าหน่อยก็หลงเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาราวกับว่านั่นคือวาจาของทูตสวรรค์

    เหมือนที่คนไทยชอบบอกว่าเรื่องไม่ดีส่วนตัวของคนสาธารณะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องงาน เขาจะเลวจะร้ายอย่างไรฉันไม่สน ขอเสพสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ฉันพอใจได้เท่านั้นแหละ

    และอีกมากมายที่เราคนไทยซึ่งเป็นพันธุ์อย่างนี้มานมนาน แล้วไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังปล่อยให้นิสัยเสียเช่นนี้แอบแฝงอยู่ในตัวตนของเราต่อไป แล้วก็ใช้ชีวิตไปอย่างบ้า ๆ บอ ๆ ไปวัน ๆ แล้วเมื่อไรมันจะถึงวันที่เราหลุดพ้นออกจากดีเอ็นเอนี้ ที่สร้างความอักเสบไปทั่วประเทศได้สักที

    เพราะทุกคนแค่บ่นด่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบระดับบนเพื่อให้พ้นตัว ทว่าปล่อยคนคนหนึ่งให้ยังใช้ชีวิตแบบไร้ความรับผิดชอบต่อไป เพราะคิดอย่างสั้นเอาว่าเป็นหน้าที่ของเขา โดยไม่มองเห็นเลยว่าแล้วตัวเราเองล่ะ

    หน้าที่ของเรา เราทำหน้าที่แล้วหรือยัง


    ถ้าเราไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เราอาจคือฝุ่นพีเอ็ม2.5ที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันอยู่ทุกวันก็เป็นได้

    ที่นี่ประเทศไทย

    #บทความ
    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #คนไทย
    #วิกฤตฝุ่น
    ประเทศกำลังอักเสบหนัก ก็เพราะเราคือหนึ่งคนที่เป็นต้นเหตุ ค่าฝุ่นยังคงวิกฤตต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะวันนี้ สิบสองปีก่อนตอนที่ข้าพเจ้าย้ายมาอยู่ที่พักปัจจุบันในซอยโชคชัยสี่ ซึ่งห้องอยู่ชั้น5 ชั้นบนสุดของตึก ยืนที่ระเบียงมองออกไปไกล ๆ ทางซ้ายมือจะเห็นตึกช้างตั้งตระหง่านโดดเด่น มาวันนี้ตึกช้างและตึกทั้งหลายหายแวบไปหมด เห็นเพียงม่านขาวหนาหนักเท่านั้น เมื่อมองให้ลึกลงไป นี่มาจากนิสัยมักง่าย สบาย ๆ อะไรก็ได้ ไร้วินัย ไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัวของพลเมืองไทยทั้งประเทศเองนี้แหละ จึงทำให้สถานการณ์หลายสิ่งเดินมาถึงจุดนี้ เราจึงต้องแบกรับกรรมที่ก่อร่วมกัน เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยไปที่ไหนก็มีแต่กองขยะหลังทำกิจกรรมจบ เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยชาชินกับการชอบจอดรถส่วนตัวบนถนนสาธารณะกีดขวางคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น แล้วอ้างว่าถนนสาธารณะ เหมือนดังเช่นที่คนไทยใช้รถโดยเฉพาะคนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ยอมจอดชะลอให้คนข้ามยามเห็นทางม้าลาย ชอบฝ่าไฟแดง ชอบฝ่าไม้กั้นทางรถไฟ ชอบย้อนศร ชอบขับขี่รถขึ้นทางคนเดิน และอีกสารพัดชอบที่เป็นความชั่ว เหมือนดังเช่นที่คนไทยไม่ใส่ใจว่าไฟที่เราจุดเผาจะสร้างความลำบากแก่ใครอย่างไรบ้าง อยากเผาก็เผา เหมือนดังเช่นที่คนไทยคิดตากข้าวก็ตากบนถนนกินเลนไปครึ่งทางตลอดแนว เหมือนดังเช่นที่คนไทยอยากใช้ก็จะใช้ อยากกินก็จะกิน อยากทิ้งตรงไหนก็จะทิ้ง แม้นรู้ดีว่าการกินการใช้การทิ้งของตน สร้างภาระแก่สังคมและโลกใบนี้มากมายมหาศาล เหมือนดังเช่นที่คนไทยบอกว่าผู้มีอำนาจหรือคนมาบริหารประเทศโกงบ้างไม่เป็นไรขอให้เก่งเป็นพอ แม้นจะเก่งในทางโกงก็ตาม เหมือนที่คนไทยชอบแซงคิวคนอื่นไม่สนใจใครยืนรอต่อกันอยู่ก่อน ขอแทรกนิด ขอแทรกหน่อยก็เอา เหมือนที่คนไทยชอบใช้เส้นสายให้คนรู้จักดำเนินการอะไรให้ทางสะดวกในทุกวงการตั้งแต่ระดับล่างไปยันระดับบนโดยที่ต้องมีใต้โต๊ะ หรือถ้ารู้จักสนิทสนมก็ไม่ต้องจ่าย เหมือนที่คนไทยไม่เคยจดจำว่าใครเคยทำเลวทำชั่ว ทำร้ายคนอื่นทำร้ายประเทศไว้มากขนาดไหน แค่เขาใช้ลมปากเข้าหน่อยก็หลงเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาราวกับว่านั่นคือวาจาของทูตสวรรค์ เหมือนที่คนไทยชอบบอกว่าเรื่องไม่ดีส่วนตัวของคนสาธารณะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องงาน เขาจะเลวจะร้ายอย่างไรฉันไม่สน ขอเสพสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ฉันพอใจได้เท่านั้นแหละ และอีกมากมายที่เราคนไทยซึ่งเป็นพันธุ์อย่างนี้มานมนาน แล้วไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังปล่อยให้นิสัยเสียเช่นนี้แอบแฝงอยู่ในตัวตนของเราต่อไป แล้วก็ใช้ชีวิตไปอย่างบ้า ๆ บอ ๆ ไปวัน ๆ แล้วเมื่อไรมันจะถึงวันที่เราหลุดพ้นออกจากดีเอ็นเอนี้ ที่สร้างความอักเสบไปทั่วประเทศได้สักที เพราะทุกคนแค่บ่นด่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบระดับบนเพื่อให้พ้นตัว ทว่าปล่อยคนคนหนึ่งให้ยังใช้ชีวิตแบบไร้ความรับผิดชอบต่อไป เพราะคิดอย่างสั้นเอาว่าเป็นหน้าที่ของเขา โดยไม่มองเห็นเลยว่าแล้วตัวเราเองล่ะ หน้าที่ของเรา เราทำหน้าที่แล้วหรือยัง ถ้าเราไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เราอาจคือฝุ่นพีเอ็ม2.5ที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันอยู่ทุกวันก็เป็นได้ ที่นี่ประเทศไทย #บทความ #ข้อคิด #thaitimes #คนไทย #วิกฤตฝุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144

    #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144 • #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000010144

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000010144 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Angry
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1026 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ
    .
    วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
    .
    ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล
    .
    มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี
    .
    สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ . วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น . ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล . มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี . สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    Haha
    Yay
    27
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1913 มุมมอง 1 รีวิว
  • ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น.
    .
    นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน
    .
    สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา
    .
    ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว
    .
    ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน
    .
    นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329
    .........
    Sondhi X
    ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์ . วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น. . นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน . สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา . ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว . ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน . นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2172 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!!

    “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต

    มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง

    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ

    ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!! “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2052 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน
    .
    ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา
    .
    สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย
    .
    พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้
    .
    ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย
    .
    นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง
    .
    ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้
    .
    ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา
    .
    ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน
    .
    สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน
    .
    แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
    .
    สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก
    .
    ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์
    .
    คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์
    .
    ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้
    .
    วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน
    .
    กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย
    .
    อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ชี้ “ดีปซีค” (DeepSeek) แชตบอตเอไอจีน ที่เขย่าหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐฯ ร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ซิลลิคอนแวลลีย์ให้ยิ่งมุ่งมั่นทุ่มเทความสนใจเพื่อเอาชนะจีน . ถึงแม้การเปิดตัวโมเดลล่าสุดของดีปซีค บริษัทสตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในช่วงแรกๆ ถูกกลบจนเงียบสนิทจากข่าวพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แชตบอตของดีปซีค สามารถโค่นยักษ์แชตจีพีทีของค่ายโอเพ่นเอไอ กลายเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบนแอปสโตร์ของแอปเปิลในอเมริกา . สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมไฮเทคของสหรัฐฯ และค่ายตะวันตกโดยรวมนั่งไม่ติด คือ การที่ดีปซีคระบุว่า พัฒนาโมเดลล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า อาร์1 นี้ ด้วยต้นทุนแค่เศษเงินของที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ลงทุนในการพัฒนาเอไอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอิงอยู่กับชิป และซอฟต์แวร์ราคาแพงของเอ็นวิเดีย . พัฒนาการดังกล่าวมีความสำคัญมากเนื่องจากกระแสเอไอที่จุดชนวนจากการเปิดตัวแชตจีพีทีเมื่อปลายปี 2022 นั้น กลายเป็นกระแสร้อนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นไฮเทคในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และโลกตะวันตกอื่นๆ พุ่งแรงไม่มีตกเรื่อยมา โดยเฉพาะทำให้เอ็นวิเดียกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ . ข่าวความฮิตฮอตของดีปซีค กำลังสั่นสะเทือนทั่ววงการเทคโนโลยีของอเมริกา และปลุกเร้าความกังวลสำคัญที่ว่า บรรดาบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ยังควรยึดโมเดลเดิม ด้วยการลงทุนเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์กับเอไอแบบราคาแพงต่อไปหรือไม่ ในเมื่อบริษัทจีนอย่างดีปซีค สามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมด้วยต้นทุนต่ำกว่ามากมาย . นอกจากนั้น ความก้าวหน้าอย่างชัดเจนของดีปซีค ยังควรสร้างความขุ่นเคืองและตระหนกให้แก่วอชิงตัน เนื่องจากมันฟ้องว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค โจ ไบเดน พยายามรักษาสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกาเอาไว้ ด้วยการกีดกันแซงก์ชันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นฮาร์ดแวร์อันจำเป็นสำหรับการพัฒนาเอไอที่ล้ำยุคนั้น กลับไม่ได้ผลโดยสิ้นเชิง . ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นทันควันในวันจันทร์ (27) ว่า การเปิดตัวดีปซีคควรถือเป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมไฮเทคของอเมริกาต้องทุ่มเทความสนใจในการเอาชนะจีน . อย่างไรก็ดี ทรัมป์สำทับว่า นี่อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบิ๊กเทคอเมริกา เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านป็นแสนล้านดอลลาร์ ก็มีโซลูชันแบบเดียวกันได้ . ทางด้าน แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพ่นเอไอ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การมีคู่แข่งใหม่ๆ ทำให้ทั้งวงการมีความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พร้อมชมดีปซีค อาร์1 เป็นโมเดลที่น่าประทับใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสามารถที่นำเสนอจากต้นทุนระดับนั้น เขายังให้สัญญว่า โอเพ่นเอไอ จะเร่งปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมา . ขณะที่ เดวิด แซคส์ ที่ปรึกษาด้านเอไอของทรัมป์และเป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ชี้ว่า ความสำเร็จของดีปซีคยืนยันว่า ทำเนียบขาวตัดสินใจถูกต้องแล้วในการยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเอไอ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อบริษัทเอไอของอเมริกาโดยไม่มีหลักประกันว่า จีนจะไล่ตามไม่ทัน . สำหรับ มาร์ก แอนเดรสเซน นักลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นพันธมิตรอีกคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ดีปซีค อาร์1 เป็น “สปุตนิก โมเมนต์” ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียตปล่อยสปุตนิก กลายเป็นดาวเทียมโคจรรอบโลกดวงแรกของโลก เมื่อปี 1957 โดยเวลานั้นสหรัฐฯ ยังทำเช่นนั้นไม่ได้ โลกตะวันตกจึงทั้งทึ่งและตกตะลึงไปตามๆ กัน . แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเอ็กซ์ทีบี ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าจีนไล่ตามอเมริกาในการแข่งขันด้านเอไอได้เร็วขนาดนี้ เศรษฐศาสตร์ของเอไอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง . สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ โพสต์ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการในวันจันทร์ว่า เอไอต้นทุนต่ำเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน กระนั้น ในที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมที่ดาวอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเตือนว่า ตะวันตกควรจับตาพัฒนาการของจีนอย่างจริงจังมาก . ไมโครซอฟท์นั้นประกาศเอาไว้ว่า ปีนี้มีแผนลงทุนในเอไอ 80,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งอย่างเมตา ก็ประกาศลงทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ . คาดกันไว้ว่าเม็ดเงินเหล่านี้จำนวนมากจะไปตกอยู่กับเอ็นวิเดีย ซึ่งเวลานี้เป็นเจ้าในเรื่องชิปเอไอระดับล้ำยุคที่ใช้กับเอไอ แต่เมื่อมีข่าวดีปชีคออกมา ราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย จึงกลับร่วงหนักถึง 17% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ . ถือว่าสถานการณ์พิเศษมากที่ดีปซีค ซึ่งก็เช่นเดียวกับพวกบริษัทจีนอื่นๆ ถูกมาตรการจำกัดกีดกันของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ระดับล้ำยุคของเอ็นวิเดียได้ กลับสามารถพัฒนาโมเดลเอไอของตนลลจนทัดเทียมกับพวกยักษ์แนวหน้าระดับโลกได้ . วารสาร เอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว ชี้ว่า มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯนั่นเอง ที่ผลักดันให้สตาร์ทอัปจีนอย่างดีปซีค ต้องค้นหาหนทางที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของชิปรุ่นเก่ากว่าเท่าที่จะหาได้ ตลอดจนเน้นการรวมเครือข่ายทรัพยากร และการร่วมมือประสานงานกัน . กระนั้น อีลอน มัสก์ ที่ลงทุนก้อนใหญ่ในชิปเอ็นวิเดียสำหรับบริษัทเอไอของตนเองคือ เอ็กซ์เอไอ รวมทั้งยังเป็นซีอีโอของสเกลเอไอ สตาร์ทอัปชื่อดังแห่งซิลลิคอนแวลลีย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแอมะซอนและเมตา ออกมาแสดงความสงสัยข้องใจว่า ดีปซีค น่าจะแอบเข้าถึงชิปเอช100 ของเอ็นวิเดียอย่างผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ดี เอ็นวิเดียออกคำแถลงยืนยันว่า เทคโนโลยีของดีปซีคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009080 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1807 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment

    นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ

    บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น

    ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ

    ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨💡🌟 สารตั้งต้น...ต้านมะเร็ง ✨💡🌟
    " ซัลโฟราเฟน และ เอ็มไซม์ไมโรซีเนส "
    ✔️จะยังคงอยู่ใน Broccoli เมื่อหั่น🥦+พักไว้ 40 นาที
    ✨💡🌟 สารตั้งต้น...ต้านมะเร็ง ✨💡🌟 " ซัลโฟราเฟน และ เอ็มไซม์ไมโรซีเนส " ✔️จะยังคงอยู่ใน Broccoli เมื่อหั่น🥦+พักไว้ 40 นาที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา
    .
    ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย
    .
    ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป
    .
    โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ
    .
    ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา
    .
    ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย
    .
    โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก
    .
    เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย
    .
    ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา
    .
    ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย
    .
    ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้
    .
    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่
    .
    ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน
    .
    นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา . ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย . ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป . โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ . ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา . ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย . โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก . เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย . ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา . ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย . ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้ . อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่ . ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน . นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1491 มุมมอง 0 รีวิว
  • K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน

    โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น

    ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้)

    รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน

    นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้) รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เอ็มมอบ4แสนให้แม่แบงค์
    เห็นแล้วก็อดอิ่มอกอิ่มใจแทนแม่แบงค์ไม่ได้จริงๆ
    เฝ้าอุตส่าห์ให้ยายเลี้ยงลูกตัวเองอย่างดี
    ฝึกให้แบงค์อดทนด้วยการไม่ส่งเสีย
    หายหัวไปไม่ใช่ไม่รัก แต่มีเป้าหมาย
    ที่จะให้แบงค์รู้จักดิ้นรน เอาชีวิตให้รอด
    เงินก้อนนี้ ถือเป็นการตอบแทน
    ที่แม่ของแบ้งค์ อดทนต่อการไม่ใส่ใจ
    และเมื่อเกิดเหตุ ก็มีความเข้าอกเข้าใจ
    และพร้อมยืนเคียงข้างคนที่กระทำกับลูกจนดับ
    เพราะเค้าเหล่านี้ คือผู้เสียสละ ยอมถูกสังคมตราหน้า
    เพียงเพราะทุกคนอยากช่วยสร้างประสบการณ์
    ให้ลูกชาย ได้เติบโต ที่ไม่ได้ไปต่อ
    มันก็เหตุสุดวิสัยเท่านั้นเอง
    ยินดีกับทั้งผู้ให้ และผู้รับนะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เอ็มมอบ4แสนให้แม่แบงค์ เห็นแล้วก็อดอิ่มอกอิ่มใจแทนแม่แบงค์ไม่ได้จริงๆ เฝ้าอุตส่าห์ให้ยายเลี้ยงลูกตัวเองอย่างดี ฝึกให้แบงค์อดทนด้วยการไม่ส่งเสีย หายหัวไปไม่ใช่ไม่รัก แต่มีเป้าหมาย ที่จะให้แบงค์รู้จักดิ้นรน เอาชีวิตให้รอด เงินก้อนนี้ ถือเป็นการตอบแทน ที่แม่ของแบ้งค์ อดทนต่อการไม่ใส่ใจ และเมื่อเกิดเหตุ ก็มีความเข้าอกเข้าใจ และพร้อมยืนเคียงข้างคนที่กระทำกับลูกจนดับ เพราะเค้าเหล่านี้ คือผู้เสียสละ ยอมถูกสังคมตราหน้า เพียงเพราะทุกคนอยากช่วยสร้างประสบการณ์ ให้ลูกชาย ได้เติบโต ที่ไม่ได้ไปต่อ มันก็เหตุสุดวิสัยเท่านั้นเอง ยินดีกับทั้งผู้ให้ และผู้รับนะครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย

    ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง

    โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569

    นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป

    แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน

    ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ

    สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569 นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • อมนครวัดมาพูดก็คงไม่เชื่อ อ้างคดีลิม กิมยา เป็นเรื่องส่วนตัว
    นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชากำลังดาหน้าออกมาโวยในลักษณะฟ้องโลก ประมาณว่าตำรวจไทยกำลังเป่าคดี เหตุเกิดจาก บิ๊กต่ายไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ว่าปมส่วนตัวที่ว่านั้นมันคืออะไร ยังไง เท่านั้นเอง
    ในกรณีเช่นนี้ต้องเข้าใจว่า จะกี่ยุคกี่สมัย ผบ.ตร.ที่ถูกกำกับดูแลโดยนักการเมือง ก็ไม่สามารถมีอิสระในการทำงานได้เต็มที่ ไม่ว่าใครก็ตาม หากอยู่ในสถานการณ์แบบบิ๊กต่าย คงต้องยอมเสียรังวัด ดีกว่าเสี่ยงจะเสียเก้าอี้
    โดยเฉพาะเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯ ไทย มีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนานกับสมเด็จฯ ฮุนเซน พ่อนายกฯ กัมพูชา มีไมตรีเกื้อหนุนกัน จนคนสงสัย “ทักษิณ-ฮุนเซน” จะแยกแยะได้หรือไม่ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของแต่ละชาติ
    คำพูดของบิ๊กต่าย ที่ว่าคดีนี้ฆ่ากันด้วยเรื่องส่วนตัว เลยยิ่งฟังไม่มีน้ำหนัก เหมือนว่าตำรวจไทยโดนใบสั่งให้รีบสรุปรวบรัดให้มันจบๆ
    และในเรื่องนี้หมากตัวสำคัญก็คือ คนชี้เป้า ซึ่งนั่งรถบัสตามประกบนายลิม กิมยา จากฝั่งเขมรมาถึงใจกลางกรุง คนชี้เป้าที่แท้เป็นน้องชายของนักการเมืองซีกรัฐบาลในปัจจุบัน อาศัยในกรุงพนมเปญ แต่รายนี้ตำรวจไทยและกัมพูชาไม่สามารถตามจับตัวได้
    กลายเป็น “ขอมดำดิน” จนบัดนี้ โดยตำรวจกัมพูชา คลำไม่เจอตัวซะแล้ว ไม่เหมือนตอนตะครุบตัวจ่าเอ็มที่จับได้อย่างไว ขบวนการสังหาร จึงมีคนที่รู้จักนายลิม กิมยา เพียงคนเดียว คือคนชี้เป้า น้องชายนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล
    ส่วนจ่าเอ็ม ก็ไม่รู้ว่าเป้าสังหารของตนเป็นใคร รอให้คนชี้เป้าส่งสัญญาณอย่างเดียว ให้ยิงใครก็ยิง ขบวนการใหญ่แบบนี้ หากใครจะนั่งยันนอนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองเลือด ต้อง “อมนครวัด” มาพูดกันเลยทีเดียว หากจะให้คนเชื่อ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    อมนครวัดมาพูดก็คงไม่เชื่อ อ้างคดีลิม กิมยา เป็นเรื่องส่วนตัว นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชากำลังดาหน้าออกมาโวยในลักษณะฟ้องโลก ประมาณว่าตำรวจไทยกำลังเป่าคดี เหตุเกิดจาก บิ๊กต่ายไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ว่าปมส่วนตัวที่ว่านั้นมันคืออะไร ยังไง เท่านั้นเอง ในกรณีเช่นนี้ต้องเข้าใจว่า จะกี่ยุคกี่สมัย ผบ.ตร.ที่ถูกกำกับดูแลโดยนักการเมือง ก็ไม่สามารถมีอิสระในการทำงานได้เต็มที่ ไม่ว่าใครก็ตาม หากอยู่ในสถานการณ์แบบบิ๊กต่าย คงต้องยอมเสียรังวัด ดีกว่าเสี่ยงจะเสียเก้าอี้ โดยเฉพาะเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกฯ ไทย มีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนานกับสมเด็จฯ ฮุนเซน พ่อนายกฯ กัมพูชา มีไมตรีเกื้อหนุนกัน จนคนสงสัย “ทักษิณ-ฮุนเซน” จะแยกแยะได้หรือไม่ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของแต่ละชาติ คำพูดของบิ๊กต่าย ที่ว่าคดีนี้ฆ่ากันด้วยเรื่องส่วนตัว เลยยิ่งฟังไม่มีน้ำหนัก เหมือนว่าตำรวจไทยโดนใบสั่งให้รีบสรุปรวบรัดให้มันจบๆ และในเรื่องนี้หมากตัวสำคัญก็คือ คนชี้เป้า ซึ่งนั่งรถบัสตามประกบนายลิม กิมยา จากฝั่งเขมรมาถึงใจกลางกรุง คนชี้เป้าที่แท้เป็นน้องชายของนักการเมืองซีกรัฐบาลในปัจจุบัน อาศัยในกรุงพนมเปญ แต่รายนี้ตำรวจไทยและกัมพูชาไม่สามารถตามจับตัวได้ กลายเป็น “ขอมดำดิน” จนบัดนี้ โดยตำรวจกัมพูชา คลำไม่เจอตัวซะแล้ว ไม่เหมือนตอนตะครุบตัวจ่าเอ็มที่จับได้อย่างไว ขบวนการสังหาร จึงมีคนที่รู้จักนายลิม กิมยา เพียงคนเดียว คือคนชี้เป้า น้องชายนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ส่วนจ่าเอ็ม ก็ไม่รู้ว่าเป้าสังหารของตนเป็นใคร รอให้คนชี้เป้าส่งสัญญาณอย่างเดียว ให้ยิงใครก็ยิง ขบวนการใหญ่แบบนี้ หากใครจะนั่งยันนอนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองเลือด ต้อง “อมนครวัด” มาพูดกันเลยทีเดียว หากจะให้คนเชื่อ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอนุมัติหมายจับ“สมหวัง” 3 ข้อหา ผู้ต้องหาจ้างวาน “แ” สังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

    จากกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปีก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจ่าเอ็ม ได้หลบหนีตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะสามารถจับกุมขณะที่จ่แวะพักทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และ ส่งตัว จ่าเอ็ม มาดำเนินคดีในไทย พร้อมสารภาพรับงานจ้างผู้มีพระคุณนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ใน 3 ข้อหา เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว

    #MGROnline #จ่าเอ็ม
    ศาลอนุมัติหมายจับ“สมหวัง” 3 ข้อหา ผู้ต้องหาจ้างวาน “แ” สังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา • จากกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปีก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจ่าเอ็ม ได้หลบหนีตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะสามารถจับกุมขณะที่จ่แวะพักทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และ ส่งตัว จ่าเอ็ม มาดำเนินคดีในไทย พร้อมสารภาพรับงานจ้างผู้มีพระคุณนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ใน 3 ข้อหา เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว • #MGROnline #จ่าเอ็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง

    รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ

    พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน

    จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล

    ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574

    ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568

    นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas)

    อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น

    #Newskit

    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574 ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568 นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 665 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ สน.ชนะสงครามคุมตัว “ชาคิต” คนขับกระบะพา “จ่าเอ็ม” ส่งไปชายแดน สารภาพได้าค่าจ้างมา 4,500 บาท แต่ไม่รู้ว่าไปก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004127

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ สน.ชนะสงครามคุมตัว “ชาคิต” คนขับกระบะพา “จ่าเอ็ม” ส่งไปชายแดน สารภาพได้าค่าจ้างมา 4,500 บาท แต่ไม่รู้ว่าไปก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004127 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสืบนครบาลขยายผลจับกุม “ชาคิต” คนขับกระบะมารับ “จ่าเอ็ม” มือยิงอดีต สส.กัมพูชา พาหลบหนีไปส่งยังจุดข้ามแดน

    วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายชาคิต หรือชำนาญ อายุ 47 ปี ภูมิลำเนา ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.168/2568 ลงวันที่ 13 ม.ค. 68 ข้อหากระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สามารถจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านน็อคดาวน์ไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

    โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ผบช.น.สั่งขยายผลเพิ่มผู้สนับสนุนนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืนรับจ้างวานฆ่าอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธีรเดช พบพยานหลักฐานถึงผู้สนับสนุนดังกล่าวรายหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ไปถึงการวางแผนกับจ่าเอ็มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงหลังเกิดเหตุยังได้เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทา พาจ่าเอ็มหลบหนีไปยังจุดข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.45 น. ซึ่งจากการขยายผลทราบว่าผู้สนับสนุนรายนี้คือ นายชาคิต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004046

    #MGROnline #ชาคิต #คนขับกระบะมา #จ่าเอ็ม
    ตำรวจสืบนครบาลขยายผลจับกุม “ชาคิต” คนขับกระบะมารับ “จ่าเอ็ม” มือยิงอดีต สส.กัมพูชา พาหลบหนีไปส่งยังจุดข้ามแดน • วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายชาคิต หรือชำนาญ อายุ 47 ปี ภูมิลำเนา ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.168/2568 ลงวันที่ 13 ม.ค. 68 ข้อหากระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สามารถจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านน็อคดาวน์ไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี • โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ผบช.น.สั่งขยายผลเพิ่มผู้สนับสนุนนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืนรับจ้างวานฆ่าอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธีรเดช พบพยานหลักฐานถึงผู้สนับสนุนดังกล่าวรายหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ไปถึงการวางแผนกับจ่าเอ็มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงหลังเกิดเหตุยังได้เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทา พาจ่าเอ็มหลบหนีไปยังจุดข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.45 น. ซึ่งจากการขยายผลทราบว่าผู้สนับสนุนรายนี้คือ นายชาคิต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004046 • #MGROnline #ชาคิต #คนขับกระบะมา #จ่าเอ็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.น.เผยตำรวจเร่งขยายผลหาผู้มีพระคุณ คนจ้างวาน “จ่าเอ็ม” สังหาร “ลิม กิมยา” พร้อมออกหมายแดงจับตัวคนชี้เป้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003744

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบช.น.เผยตำรวจเร่งขยายผลหาผู้มีพระคุณ คนจ้างวาน “จ่าเอ็ม” สังหาร “ลิม กิมยา” พร้อมออกหมายแดงจับตัวคนชี้เป้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003744 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ดูทรงคดีลอบสังหาร สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ไม่มีทางสาวไปถึงคนบงการตัวจริง ได้แค่จ๋าเอ็มนี่แหละ เต็มที่ก็คนไทยที่จ้างจ๋าเอ็ม ที่เหลือเพื่อนรักฮวยเซงขอไว้แล้ว
    #7ดอกจิก
    ♣ ดูทรงคดีลอบสังหาร สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ไม่มีทางสาวไปถึงคนบงการตัวจริง ได้แค่จ๋าเอ็มนี่แหละ เต็มที่ก็คนไทยที่จ้างจ๋าเอ็ม ที่เหลือเพื่อนรักฮวยเซงขอไว้แล้ว #7ดอกจิก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จ่าเอ็ม” สารภาพ รับงานจากผู้มีพระคุณที่เป็นพลเรือนคนไทย สังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ในราคา 6 หมื่นบาท จ่ายก่อน 3 หมื่นบาท ติดต่อก่อนลงมือไม่ถึง 24 ชม. เผยตอนแรกปฏิเสธ แต่ยังพยายามตื๊อจนตนเองยอมตกลง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003287

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “จ่าเอ็ม” สารภาพ รับงานจากผู้มีพระคุณที่เป็นพลเรือนคนไทย สังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ในราคา 6 หมื่นบาท จ่ายก่อน 3 หมื่นบาท ติดต่อก่อนลงมือไม่ถึง 24 ชม. เผยตอนแรกปฏิเสธ แต่ยังพยายามตื๊อจนตนเองยอมตกลง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003287 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    Sad
    19
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1307 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts