• เทสลา ไชน่า (Tesla China) รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนปี 2567 ทะลุ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการในจีน ยอดขายเดือนธันวาคมแตะ 83,000 คัน ทำลายสถิติยอดขายรายเดือน เพิ่มขึ้น 12.8% จากเดือนพฤศจิกายน

    อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกของเทสลาในปี 2567 อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี แม้ว่าปีนี้เทสลาจะผลิตรถยนต์ได้ 1.77 ล้านคันทั่วโลก

    เทสลายังลงทุนเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ EV โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้งสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพิ่มกว่า 11,500 แห่งทั่วโลก เพิ่มขึ้น 19% ทำให้ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรวมกว่า 67,000 แห่ง เทสลายังวางแผนเปิดตัวสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่ V4 (V4 Supercharger) ในจีนตั้งแต่ปี 2568

    นอกจากนี้ โรงงานเมกะแฟกทอรี (Megafactory) ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมกะแพก” (Megapack) ได้เริ่มทดลองผลิตแล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยโรงงานคาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มกำลังได้ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2568

    #MGROnline #เทสลา #เทสลาไชน่า

    เทสลา ไชน่า (Tesla China) รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนปี 2567 ทะลุ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการในจีน ยอดขายเดือนธันวาคมแตะ 83,000 คัน ทำลายสถิติยอดขายรายเดือน เพิ่มขึ้น 12.8% จากเดือนพฤศจิกายน • อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกของเทสลาในปี 2567 อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี แม้ว่าปีนี้เทสลาจะผลิตรถยนต์ได้ 1.77 ล้านคันทั่วโลก • เทสลายังลงทุนเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ EV โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้งสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพิ่มกว่า 11,500 แห่งทั่วโลก เพิ่มขึ้น 19% ทำให้ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรวมกว่า 67,000 แห่ง เทสลายังวางแผนเปิดตัวสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่ V4 (V4 Supercharger) ในจีนตั้งแต่ปี 2568 • นอกจากนี้ โรงงานเมกะแฟกทอรี (Megafactory) ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมกะแพก” (Megapack) ได้เริ่มทดลองผลิตแล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยโรงงานคาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มกำลังได้ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2568 • #MGROnline #เทสลา #เทสลาไชน่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ
    .
    ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย
    .
    โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน
    .
    อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา
    .
    เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009
    .
    โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ
    .
    ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์
    .
    เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา
    .
    เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน
    .
    เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ"
    .
    แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด"
    .
    รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532
    ..............
    Sondhi X
    ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว . เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ . ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย . โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน . อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่" . พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา . เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009 . โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ . ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์ . เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา . เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน . เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ" . แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด" . รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1149 มุมมอง 1 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1265 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000%

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์

    นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445

    #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก • จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000% • อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ • การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์ • นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ • มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445 • #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงยืนยันคดีเขย่าขวัญปีใหม่ 2 คดีถูกสอบฐานะคดีก่อการร้าย หลังพบบังเอิญอย่างน่าสงสัยใช้ Turo แอปเช่ารถชื่อดังเจ้าเดียวกัน ภาพล่าสุดแฉหลังรถไซเบอร์ทรัคมีดอกไม้ไฟคล้ายระเบิดและกระป๋องแก๊สปิคนิกเต็มคันจุดระเบิดหน้าโรงแรมทรัมป์ในลาส เวกัส ตั้งเป้าชี้หาความเกี่ยวข้องคดีอดีตทหารอเมริกันประกาศสวามิภักดิ IS แชมซุด-ดิน แจ็บบาร์ (Shamsud-Din Jabbar) วัย 42 ปีขับพุ่งชนคนในถนนเบอร์เบินชื่อดังตั้งแต่สมัยอดีตอาณานิคมฝรั่งเศสในเมืองนิวออร์ลีนส

    หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯรายงานวานนี้(1 ม.ค)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ได้รับการรายงานสรุปเกี่ยวกับคดีรถไซเบอร์ทรัคระเบิดหน้าโรงแรมทรัมป์สูง 64 ชั้นในเมืองลาสเวกัส เปิดเผยในค่ำวันพุธ(1)ว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและชุมชนข่าวกรองลับสหรัฐฯกำลังสอบสวนว่า คดีรถเทสลาไซเบอร์ระเบิดระเนมีความเกี่ยวข้องกับคดีการโจมตีที่เมืองนิวออร์ลีนส์ (New Orleans) หรือไม่ ที่มีอดีตทหารสหรัฐฯเกิดในรัฐเทกซัสแต่ประกาศสวามิภักดิ์ IS วัย 42 ปี แชมซุด-ดิน แจ็บบาร์( Shamsud-Din Jabbar) เป็นผู้ก่อเหตุ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 15 ราย บาดเจ็บหลายสิบคน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9680000000371

    #MGROnline #รถไซเบอร์ทรัค #ระเบิด #โรงแรมทรัมป์
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงยืนยันคดีเขย่าขวัญปีใหม่ 2 คดีถูกสอบฐานะคดีก่อการร้าย หลังพบบังเอิญอย่างน่าสงสัยใช้ Turo แอปเช่ารถชื่อดังเจ้าเดียวกัน ภาพล่าสุดแฉหลังรถไซเบอร์ทรัคมีดอกไม้ไฟคล้ายระเบิดและกระป๋องแก๊สปิคนิกเต็มคันจุดระเบิดหน้าโรงแรมทรัมป์ในลาส เวกัส ตั้งเป้าชี้หาความเกี่ยวข้องคดีอดีตทหารอเมริกันประกาศสวามิภักดิ IS แชมซุด-ดิน แจ็บบาร์ (Shamsud-Din Jabbar) วัย 42 ปีขับพุ่งชนคนในถนนเบอร์เบินชื่อดังตั้งแต่สมัยอดีตอาณานิคมฝรั่งเศสในเมืองนิวออร์ลีนส • หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯรายงานวานนี้(1 ม.ค)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ได้รับการรายงานสรุปเกี่ยวกับคดีรถไซเบอร์ทรัคระเบิดหน้าโรงแรมทรัมป์สูง 64 ชั้นในเมืองลาสเวกัส เปิดเผยในค่ำวันพุธ(1)ว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและชุมชนข่าวกรองลับสหรัฐฯกำลังสอบสวนว่า คดีรถเทสลาไซเบอร์ระเบิดระเนมีความเกี่ยวข้องกับคดีการโจมตีที่เมืองนิวออร์ลีนส์ (New Orleans) หรือไม่ ที่มีอดีตทหารสหรัฐฯเกิดในรัฐเทกซัสแต่ประกาศสวามิภักดิ์ IS วัย 42 ปี แชมซุด-ดิน แจ็บบาร์( Shamsud-Din Jabbar) เป็นผู้ก่อเหตุ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 15 ราย บาดเจ็บหลายสิบคน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000000371 • #MGROnline #รถไซเบอร์ทรัค #ระเบิด #โรงแรมทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บ 7 คน หลังรถกระบะไฟฟ้า "ไซเบอร์ทรัค" ของเทสลา จู่ๆ เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    .
    เควิด แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของลาสเวกัส เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า รถไฟฟ้าขับมาจอดบริเวณด้านหน้าประตูทางเท้าที่เป็นบานกระจกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ก่อนเกิด "ระเบิดตูมสนั่น"
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ
    .
    แม็คมาฮิล บอกว่า "มีผู้เสียชีวิต 1 รายภายในรถไซเบอร์ทรัค" และมีอีก 7 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
    .
    ด้าน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "คณะทำงานระดับสูงของเทสลาทั้งหมด เวลานี้กำลังสืบสวนประเด็นดังกล่าว" พร้อมบอกว่า "เราไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน"
    .
    มัสก์ ซึ่งสนับสนุน ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน และได้รับการเสนอชื่อจากตัวแทนรีพับลิกันให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดหนึ่งที่จะทำหน้าที่ตัดลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล ระบุว่าเขาจะโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติม "ทันทีที่เราทราบเรื่องใดๆ"
    .
    ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดแล้ว และสั่งการให้คณะทำงานของเขามอบความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลกลางใดๆ ที่จำเป็น
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน เพิ่งได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่กำลังฉลองปีใหม่ในนิวออร์ลีนส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย
    .
    แม็คมาฮิล พูดถึงเหตุโจมตีดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้โยงทั้ง 2 เหตุการณ์อย่างชัดเจน และบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ในลาสเวกัส "กำลังใช้ทุกมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็น สำหรับคงความปลอดภัยแก่ชุมชนของเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000233
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และบาดเจ็บ 7 คน หลังรถกระบะไฟฟ้า "ไซเบอร์ทรัค" ของเทสลา จู่ๆ เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ . เควิด แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของลาสเวกัส เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า รถไฟฟ้าขับมาจอดบริเวณด้านหน้าประตูทางเท้าที่เป็นบานกระจกของโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ก่อนเกิด "ระเบิดตูมสนั่น" . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรม ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ . แม็คมาฮิล บอกว่า "มีผู้เสียชีวิต 1 รายภายในรถไซเบอร์ทรัค" และมีอีก 7 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย . ด้าน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่า "คณะทำงานระดับสูงของเทสลาทั้งหมด เวลานี้กำลังสืบสวนประเด็นดังกล่าว" พร้อมบอกว่า "เราไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" . มัสก์ ซึ่งสนับสนุน ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน และได้รับการเสนอชื่อจากตัวแทนรีพับลิกันให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดหนึ่งที่จะทำหน้าที่ตัดลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล ระบุว่าเขาจะโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติม "ทันทีที่เราทราบเรื่องใดๆ" . ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดแล้ว และสั่งการให้คณะทำงานของเขามอบความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลกลางใดๆ ที่จำเป็น . ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดน เพิ่งได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุคนร้ายขับรถพุ่งชนผู้คนที่กำลังฉลองปีใหม่ในนิวออร์ลีนส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย . แม็คมาฮิล พูดถึงเหตุโจมตีดังกล่าวด้วย แต่ไม่ได้โยงทั้ง 2 เหตุการณ์อย่างชัดเจน และบอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ในลาสเวกัส "กำลังใช้ทุกมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็น สำหรับคงความปลอดภัยแก่ชุมชนของเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000233 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1138 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ?
    .
    ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4
    .
    #บูรพาไม่แพ้
    บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ? . ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4 . #บูรพาไม่แพ้
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิงคโปร์กำลังจะหายไปจริงไหม? ... แล้วไทยล่ะ
    .
    เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X รีทวีตข่าวระบุหัวข้อว่า "วิกฤตเด็กแรกเกิดในสิงคโปร์ : หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยแก้ไขได้หรือไม่? (🇸🇬 SINGAPORE’S BABY CRISIS: WILL ROBOTS SAVE THE DAY?)" พร้อมกันนั้น มัสก์ได้เขียนข้อความเสริมด้วยว่า
    .
    "สิงคโปร์ (และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ) กำลังจะหายไป (Singapore (and many other countries) are going extinct)"
    .
    เมื่อย้อนไปดูต้นทางของข่าวนี้พบว่ามาจากรายงานข่าวของนิตยสารนิวส์วีค (Newsweek) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ระบุว่า จำนวนแรงงานของประเทศสิงคโปร์นั้นหดตัวลง 3 ปีติดต่อกัน ท่ามกลางการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเกิด
    .
    "จากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower; MOM) ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้ สัดส่วนของประชากรสิงคโปร์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงเล็กน้อยเหลือ 68.2% จาก 68.6 % ในปี 2023" รายงานของนิวส์วีกระบุ และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า
    .
    ทุกวันนี้ อัตราการเกิดของสิงคโปร์ (Total Fertility Rate หรือ TFR) นั้นลดลงต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เหลือเพียง 0.97 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งตัวเลข TFR ดังกล่าวนั้นต่ำกว่า 2.1 คน ซึ่งเป็นระดับที่จำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ นั่นแปลว่า ผู้สูงอายุมากขึ้น คนงานน้อยลง และกำลังแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงบริการส่งอาหาร
    .
    นอกจากนี้ยัง มีการคาดหมายกันว่า ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) หรืออีก 6 ปีข้างหน้นี้เอง ชาวสิงคโปร์เกือบ 1 ใน 4 จะมีอายุมากกว่า 65 ปี และอัตราส่วนของคนทำงานก็จะลดลง เหลือคนทำงาน 4 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คนเท่านั้น (เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน คือ ในปี 2557 ซึ่งอัตราส่วนคนทำงาน 6 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน)
    .
    ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงพยายามกำลังเร่งรัดให้มีการจ้างผู้สูงอายุให้มากขึ้น และในบางงานก็ปรับมาใช้หุ่นยนต์แทน ทำให้ทุกวันนี้สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของหุ่นยนต์ช่วยทำงานสูงเป็นอันดับสองของโลก
    .
    เมื่อทวีตดังกล่าวเผยแพร่ออกไป บัญชี X ของ Global Statistics ก็ให้ข้อมูลเสริมขึ้นมาว่า ในบรรดาประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงรวดเร็วที่สุดในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ ค.ศ.1950-2024) นั้นใน 5 อันดับแรกมีรายชื่อของประเทศไทยอยู่ด้วย โดยประเทศ 5 อันดับแรก ที่มีอัตราการเกิดลดลงมากที่สุดในช่วง 7 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วย
    .
    1. เกาหลีใต้ 88%
    2. จีน 83%
    3. ไทย 81%
    4. ญี่ปุ่น 80%
    5. อิหร่าน 75%
    .
    แล้ว คุณมองประเด็นนี้ยังไง? ประเทศไทยกำลังจะหายไปเหมือนสิงคโปร์ไหม? ... หรือจริง ๆ แล้วคนไทยไม่ต้องกังวล เพราะทุกวันนี้ยังไงแรงงานไทยถูกแทนที่ด้วยแรงงานพม่า ลาว เขมร ไปหมดอยู่แล้ว 🫥🧐😆😵
    .
    .
    ที่มา >> Singapore Gets Bad News Amid Sinking Birth Rate
    https://www.newsweek.com/singapore-bad-news-sinking-birth-rate-1994530
    สิงคโปร์กำลังจะหายไปจริงไหม? ... แล้วไทยล่ะ . เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X รีทวีตข่าวระบุหัวข้อว่า "วิกฤตเด็กแรกเกิดในสิงคโปร์ : หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยแก้ไขได้หรือไม่? (🇸🇬 SINGAPORE’S BABY CRISIS: WILL ROBOTS SAVE THE DAY?)" พร้อมกันนั้น มัสก์ได้เขียนข้อความเสริมด้วยว่า . "สิงคโปร์ (และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ) กำลังจะหายไป (Singapore (and many other countries) are going extinct)" . เมื่อย้อนไปดูต้นทางของข่าวนี้พบว่ามาจากรายงานข่าวของนิตยสารนิวส์วีค (Newsweek) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ระบุว่า จำนวนแรงงานของประเทศสิงคโปร์นั้นหดตัวลง 3 ปีติดต่อกัน ท่ามกลางการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเกิด . "จากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower; MOM) ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้ สัดส่วนของประชากรสิงคโปร์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงเล็กน้อยเหลือ 68.2% จาก 68.6 % ในปี 2023" รายงานของนิวส์วีกระบุ และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า . ทุกวันนี้ อัตราการเกิดของสิงคโปร์ (Total Fertility Rate หรือ TFR) นั้นลดลงต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เหลือเพียง 0.97 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งตัวเลข TFR ดังกล่าวนั้นต่ำกว่า 2.1 คน ซึ่งเป็นระดับที่จำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ นั่นแปลว่า ผู้สูงอายุมากขึ้น คนงานน้อยลง และกำลังแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงบริการส่งอาหาร . นอกจากนี้ยัง มีการคาดหมายกันว่า ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) หรืออีก 6 ปีข้างหน้นี้เอง ชาวสิงคโปร์เกือบ 1 ใน 4 จะมีอายุมากกว่า 65 ปี และอัตราส่วนของคนทำงานก็จะลดลง เหลือคนทำงาน 4 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คนเท่านั้น (เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน คือ ในปี 2557 ซึ่งอัตราส่วนคนทำงาน 6 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน) . ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงพยายามกำลังเร่งรัดให้มีการจ้างผู้สูงอายุให้มากขึ้น และในบางงานก็ปรับมาใช้หุ่นยนต์แทน ทำให้ทุกวันนี้สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของหุ่นยนต์ช่วยทำงานสูงเป็นอันดับสองของโลก . เมื่อทวีตดังกล่าวเผยแพร่ออกไป บัญชี X ของ Global Statistics ก็ให้ข้อมูลเสริมขึ้นมาว่า ในบรรดาประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงรวดเร็วที่สุดในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ ค.ศ.1950-2024) นั้นใน 5 อันดับแรกมีรายชื่อของประเทศไทยอยู่ด้วย โดยประเทศ 5 อันดับแรก ที่มีอัตราการเกิดลดลงมากที่สุดในช่วง 7 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วย . 1. เกาหลีใต้ 88% 2. จีน 83% 3. ไทย 81% 4. ญี่ปุ่น 80% 5. อิหร่าน 75% . แล้ว คุณมองประเด็นนี้ยังไง? ประเทศไทยกำลังจะหายไปเหมือนสิงคโปร์ไหม? ... หรือจริง ๆ แล้วคนไทยไม่ต้องกังวล เพราะทุกวันนี้ยังไงแรงงานไทยถูกแทนที่ด้วยแรงงานพม่า ลาว เขมร ไปหมดอยู่แล้ว 🫥🧐😆😵 . . ที่มา >> Singapore Gets Bad News Amid Sinking Birth Rate https://www.newsweek.com/singapore-bad-news-sinking-birth-rate-1994530
    WWW.NEWSWEEK.COM
    Singapore gets bad news amid sinking birth rate
    Despite its graying population, the city-state boasts a higher workforce participation rate than many major cities, including New York.
    Like
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในการอภัยโทษ ฮันเตอร์ ลูกชายของเขา จะบ่อนทำลายความซื่อสัตย์สุจริตของอเมริกา จากเสียงประณามของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยบ่งชี้ว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่วข้องกับบุตรชายตนเอง
    .
    เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง โทษฐานโกหกในประเด็นเดี่ยวกับการใช้สารเสพติดในใบเอกสารขอซื้ออาวุธปืน ครั้งที่เขาซื้อปืนพกลูกโม่กระบอกหนึ่งในปี 2018 ส่วนอีกคดีแยกกัน เขายอมรับสารภาพผิดในความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงภาษี 3 กระทง และความผิดลหุโทษเกี่ยวเนื่องกับภาษีอีก 6 กระทง ในเดือนกันยายน โดยที่ศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนตุลาคม
    .
    ในข้อความที่เขียนตอบโพสต์ของ เดวิด มาร์คัส นักธุรกิจด้วยกัน บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อีลอน มัสก์ ระบุว่า "ผมไม่แคร์อะไรกับเรื่องยาเสพติดหรอก แต่การบ่อนทำลายความซื่อสัตย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเลย"
    .
    ไม่นานหลังจากได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์รายนี้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระทรวงแห่งนี้จะดำเนินงานอยู่รอบนอกขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ไบเดน แถลงว่าได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้ฮันเตอร์ ไบเดน อย่างสมบูรณ์แบบและปราศจากเงื่อนไข ครอบคลุมทุกคดีความที่ลูกชายของเขาก่อหรืออาจก่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ในระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 ธันวาคม 2024 ในนั้นรวมถึงในทุกๆ ความผิดหรือทุกการดำเนินคดี
    .
    ประธานาธิบดีรายนี้อ้างว่าลูกชายของเขาถูกเจาะจงดำเนินคดีและดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ทางครอบครัว พร้อมเน้นย้ำว่า "คนทั่วไปแทบไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาทางอาญาใดๆ เลย ในโทษฐานเพียงแค่คนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มอาวุธปืน" พร้อมระบุว่าคดีที่เอาผิดกับฮันเตอร์นั้น เข้าข่าย "การดำเนินคดีโดยผิดพลาด (miscarriage of justice)" ซึ่งว่ากันว่าพวกฝ่ายค้านรีพับลิกันอยู่เบื้องหลัง
    .
    ด้านทำเนียบขาวระบุในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อภัยโทษให้ลูกชาย ส่วนหนึ่งสืบเนื่องเพราะกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาจะยังคงตามประหัตประหาร ฮันเตอร์ ไบเดน ในอนาคต ในนั้นรวมถึงหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว
    .
    นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เหล่านักการเมืองคนดังจากรีพับลิกันหลายคน กล่าวหาลูกชายของเขาทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อค้าเร่ของประธานาธิบดี ในการต่อรองคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหานี้
    .
    ในความเห็นเกี่ยวกับการอภัยโทษครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล เมื่อวันอาทิตย์ (30 ธ.ย.) ว่าการตัดสินใจของไบเดน ถือเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
    .
    "การอภัยโทษที่ โจ ให้ ฮันเตอร์ นั้นครอบคลุมถึงกลุ่ม J-6 Hostages ที่ต้องติดคุกมานานหลายปีแล้วด้วยไหม? ช่างเป็นการล่วงละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" ทรัมป์ โพสต์ โดยอ้างถึงกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองที่ถูกตัดสินจำคุกจากการบุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
    .
    นอกจาก ทรัมป์ แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความขุ่นเคืองต่อการตัดสินใจของไบเดนเช่นกัน ขณะเดียวกัน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า การอภัยโทษครั้งนี้คือการล้อเลียนประชาธิปไตย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116110
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในการอภัยโทษ ฮันเตอร์ ลูกชายของเขา จะบ่อนทำลายความซื่อสัตย์สุจริตของอเมริกา จากเสียงประณามของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยบ่งชี้ว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่วข้องกับบุตรชายตนเอง . เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง โทษฐานโกหกในประเด็นเดี่ยวกับการใช้สารเสพติดในใบเอกสารขอซื้ออาวุธปืน ครั้งที่เขาซื้อปืนพกลูกโม่กระบอกหนึ่งในปี 2018 ส่วนอีกคดีแยกกัน เขายอมรับสารภาพผิดในความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงภาษี 3 กระทง และความผิดลหุโทษเกี่ยวเนื่องกับภาษีอีก 6 กระทง ในเดือนกันยายน โดยที่ศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนตุลาคม . ในข้อความที่เขียนตอบโพสต์ของ เดวิด มาร์คัส นักธุรกิจด้วยกัน บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อีลอน มัสก์ ระบุว่า "ผมไม่แคร์อะไรกับเรื่องยาเสพติดหรอก แต่การบ่อนทำลายความซื่อสัตย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเลย" . ไม่นานหลังจากได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์รายนี้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระทรวงแห่งนี้จะดำเนินงานอยู่รอบนอกขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ไบเดน แถลงว่าได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้ฮันเตอร์ ไบเดน อย่างสมบูรณ์แบบและปราศจากเงื่อนไข ครอบคลุมทุกคดีความที่ลูกชายของเขาก่อหรืออาจก่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ในระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 ธันวาคม 2024 ในนั้นรวมถึงในทุกๆ ความผิดหรือทุกการดำเนินคดี . ประธานาธิบดีรายนี้อ้างว่าลูกชายของเขาถูกเจาะจงดำเนินคดีและดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ทางครอบครัว พร้อมเน้นย้ำว่า "คนทั่วไปแทบไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาทางอาญาใดๆ เลย ในโทษฐานเพียงแค่คนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มอาวุธปืน" พร้อมระบุว่าคดีที่เอาผิดกับฮันเตอร์นั้น เข้าข่าย "การดำเนินคดีโดยผิดพลาด (miscarriage of justice)" ซึ่งว่ากันว่าพวกฝ่ายค้านรีพับลิกันอยู่เบื้องหลัง . ด้านทำเนียบขาวระบุในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อภัยโทษให้ลูกชาย ส่วนหนึ่งสืบเนื่องเพราะกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาจะยังคงตามประหัตประหาร ฮันเตอร์ ไบเดน ในอนาคต ในนั้นรวมถึงหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว . นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เหล่านักการเมืองคนดังจากรีพับลิกันหลายคน กล่าวหาลูกชายของเขาทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อค้าเร่ของประธานาธิบดี ในการต่อรองคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหานี้ . ในความเห็นเกี่ยวกับการอภัยโทษครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล เมื่อวันอาทิตย์ (30 ธ.ย.) ว่าการตัดสินใจของไบเดน ถือเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม . "การอภัยโทษที่ โจ ให้ ฮันเตอร์ นั้นครอบคลุมถึงกลุ่ม J-6 Hostages ที่ต้องติดคุกมานานหลายปีแล้วด้วยไหม? ช่างเป็นการล่วงละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" ทรัมป์ โพสต์ โดยอ้างถึงกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองที่ถูกตัดสินจำคุกจากการบุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 . นอกจาก ทรัมป์ แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความขุ่นเคืองต่อการตัดสินใจของไบเดนเช่นกัน ขณะเดียวกัน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า การอภัยโทษครั้งนี้คือการล้อเลียนประชาธิปไตย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116110 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 853 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความบ้าของอีลอน มัสก์ที่เขย่าอุตสาหกรรมEVในปี 2014 อีลอนได้ “เปิดเผย” ความลับของ Tesla ให้กับ BMW ทุกคนคิดว่าเขาบ้าแต่ “การกระทำอันเป็นการกุศล” นี้กลับกลายเป็นการดำเนินธุรกิจที่โหดและเฉียบแหลมที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจองค์กรขณะนั้นBMW พร้อมที่จะครองตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในยุโรป: BMW มีแบรนด์ที่ทรงพลัง มีวิศวกรรมรถยนต์ชั้นเลิศ และพวกเขามีกลยุทธ์การตลาดที่สมบูรณ์แบบแต่พวกเขาได้คาดเดาผิดๆ เกี่ยวกับ "ของขวัญ" ของอีลอน มัสก์ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการเดิมพัน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐขณะที่ BMW กำลังลงนามสัญญาผลิตแบตเตอรี่...อีลอน มัสก์ประกาศเปิดตัวโรงงานกิกะแฟคทอรี่ ซึ่งเป็นโรงงานที่ได้รับการออกแบบให้ผลิตแบตเตอรี่ได้มากกว่าที่ทั้งโลกผลิตได้ในปี 2013ในวันที่ 12 มิถุนายน 2014 อีลอนได้เผยแพร่โพสต์บล็อกที่มีหัวข้อว่า“สิทธิบัตรทั้งหมดของเราเป็นของคุณ”เขาประกาศว่า Tesla จะมอบสิทธิบัตรทั้งหมดของตนฟรีโลกแห่งยานยนต์คิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว แต่ความบ้าคลั่งนี้มีความอัจฉริยะซ่อนอยู่:แต่นั่นยังไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่กล้าหาญที่สุดของเขา...นี่คือเหตุผลที่ BMW ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน: ขณะนั้นปี2014  Tesla มีปัญหา 2 ประการ:• ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีขนาดเล็กเกินไป• ไม่มีใครสร้างสถานีชาร์จอีลอน มัสก์ตระหนักดีว่า เทสลาไม่สามารถชนะเพียงลำพังได้ พวกเขาจำเป็นต้องขยายตลาดทั้งหมดเขาจึงได้ทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน:อีลอน มัสก์ใช้ความใจบุญเป็นอาวุธ ด้วยการให้สิทธิบัตร Tesla เพื่อ• ส่งเสริมให้ผู้อื่นสร้างรถยนต์ไฟฟ้า• โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ขยายเพิ่มขึ้น• ทำให้เทคโนโลยีของตนเป็นมาตรฐานขณะที่ BMW มุ่งเน้นไปที่การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา แต่อีลอน มัสก์เล่นเกมที่ใหญ่กว่านี้:Gigafactory ไม่ได้มีแค่แบตเตอรี่เท่านั้น มันเป็นเรื่องของขนาดในขณะที่คู่แข่งใช้สิทธิบัตรของ Tesla เพื่อไล่ตาม อีลอน มัสก์ได้สร้างอาณาจักรที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ถูกกว่าใครๆ อยู่แล้วสิทธิบัตรของ Tesla ทำให้คนอื่นๆ ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยี EVแต่หากไม่มีขนาดของ Tesla พวกเขาไม่สามารถแข่งขันในเรื่องต้นทุนได้BMW ได้เรียนรู้บทเรียนนี้ด้วยวิธีที่ยากลำบาก:• ต้นทุนแบตเตอรี่ของ Tesla: 187 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ kWh• ต้นทุนแบตเตอรี่ของ BMW: 280 เหรียญสหรัฐฯ/kWhช่องว่างก็ยิ่งกว้างขึ้น และ“ของขวัญ” จริงๆ แล้วเป็นกับดักภายในปี 2016 Tesla ผลิตแบตเตอรี่ได้ราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 60%การ "แจกฟรี" สิทธิบัตรมีดังต่อไปนี้:• ทำให้เทคโนโลยีของ Tesla กลายเป็นมาตรฐาน• ได้ให้คนอื่นมาตรวจสอบตลาด• ในขณะที่ Tesla สร้างข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่ไม่อาจเอาชนะได้ นี่คือความฉลาดทางยุทธศาสตร์แต่สิ่งที่ทุกคนพลาดไปก็คือ:นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเอาชนะ BMW เท่านั้นอีลอนพิสูจน์บางอย่างที่มีค่ายิ่งกว่านั้น:ในยุคดิจิทัล ยิ่งให้ ยิ่งได้ ด้วยวิธีเปิด เอาชนะความลับ พวกเขาแบ่งปันอย่างมีกลยุทธ์เพื่อ:• สร้างระบบนิเวศ• กำหนดมาตรฐาน• สร้างเอฟเฟกต์เครือข่ายในขณะที่ยังรักษาข้อได้เปรียบการแข่งขันที่สำคัญทั้งในด้านขนาดและการดำเนินการนี่คือเหตุผลว่าทำไมการเข้าใจเทคโนโลยีเกิดใหม่จึงไม่เพียงพอ…นวัตกรรมที่แท้จริงมาจากการมองภาพรวม:เทคโนโลยีสามารถสร้างมูลค่าผ่านความร่วมมือ ไม่ใช่แค่การแข่งขันเพียงอย่างเดียวได้อย่างไรเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ความสำเร็จเกิดจาก:• ความเปิดกว้างเชิงกลยุทธ์ Openess • เทคโนโลยีเพื่อรองรับความก้าวหน้าของมนุษย์ไม่ใช่แค่ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ…ดังนั้น“ความร่วมมือ” อยู่ใน DNA ของ Tesla และ อีลอน มัสก์  รวมถึงผู้ติดตามของอีลอน  ไม่ได้มาจาก “แนวคิดผลรวมเป็นศูนย์” ที่ทุกคนต้องสูญเสียแต่ผู้ชนะในปัจจุบันคือเปิดว้างไม่กั๊กเทคโนโลยี
    ความบ้าของอีลอน มัสก์ที่เขย่าอุตสาหกรรมEVในปี 2014 อีลอนได้ “เปิดเผย” ความลับของ Tesla ให้กับ BMW ทุกคนคิดว่าเขาบ้าแต่ “การกระทำอันเป็นการกุศล” นี้กลับกลายเป็นการดำเนินธุรกิจที่โหดและเฉียบแหลมที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจองค์กรขณะนั้นBMW พร้อมที่จะครองตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในยุโรป: BMW มีแบรนด์ที่ทรงพลัง มีวิศวกรรมรถยนต์ชั้นเลิศ และพวกเขามีกลยุทธ์การตลาดที่สมบูรณ์แบบแต่พวกเขาได้คาดเดาผิดๆ เกี่ยวกับ "ของขวัญ" ของอีลอน มัสก์ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการเดิมพัน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐขณะที่ BMW กำลังลงนามสัญญาผลิตแบตเตอรี่...อีลอน มัสก์ประกาศเปิดตัวโรงงานกิกะแฟคทอรี่ ซึ่งเป็นโรงงานที่ได้รับการออกแบบให้ผลิตแบตเตอรี่ได้มากกว่าที่ทั้งโลกผลิตได้ในปี 2013ในวันที่ 12 มิถุนายน 2014 อีลอนได้เผยแพร่โพสต์บล็อกที่มีหัวข้อว่า“สิทธิบัตรทั้งหมดของเราเป็นของคุณ”เขาประกาศว่า Tesla จะมอบสิทธิบัตรทั้งหมดของตนฟรีโลกแห่งยานยนต์คิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว แต่ความบ้าคลั่งนี้มีความอัจฉริยะซ่อนอยู่:แต่นั่นยังไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่กล้าหาญที่สุดของเขา...นี่คือเหตุผลที่ BMW ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน: ขณะนั้นปี2014  Tesla มีปัญหา 2 ประการ:• ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีขนาดเล็กเกินไป• ไม่มีใครสร้างสถานีชาร์จอีลอน มัสก์ตระหนักดีว่า เทสลาไม่สามารถชนะเพียงลำพังได้ พวกเขาจำเป็นต้องขยายตลาดทั้งหมดเขาจึงได้ทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน:อีลอน มัสก์ใช้ความใจบุญเป็นอาวุธ ด้วยการให้สิทธิบัตร Tesla เพื่อ• ส่งเสริมให้ผู้อื่นสร้างรถยนต์ไฟฟ้า• โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ขยายเพิ่มขึ้น• ทำให้เทคโนโลยีของตนเป็นมาตรฐานขณะที่ BMW มุ่งเน้นไปที่การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา แต่อีลอน มัสก์เล่นเกมที่ใหญ่กว่านี้:Gigafactory ไม่ได้มีแค่แบตเตอรี่เท่านั้น มันเป็นเรื่องของขนาดในขณะที่คู่แข่งใช้สิทธิบัตรของ Tesla เพื่อไล่ตาม อีลอน มัสก์ได้สร้างอาณาจักรที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ถูกกว่าใครๆ อยู่แล้วสิทธิบัตรของ Tesla ทำให้คนอื่นๆ ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยี EVแต่หากไม่มีขนาดของ Tesla พวกเขาไม่สามารถแข่งขันในเรื่องต้นทุนได้BMW ได้เรียนรู้บทเรียนนี้ด้วยวิธีที่ยากลำบาก:• ต้นทุนแบตเตอรี่ของ Tesla: 187 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ kWh• ต้นทุนแบตเตอรี่ของ BMW: 280 เหรียญสหรัฐฯ/kWhช่องว่างก็ยิ่งกว้างขึ้น และ“ของขวัญ” จริงๆ แล้วเป็นกับดักภายในปี 2016 Tesla ผลิตแบตเตอรี่ได้ราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 60%การ "แจกฟรี" สิทธิบัตรมีดังต่อไปนี้:• ทำให้เทคโนโลยีของ Tesla กลายเป็นมาตรฐาน• ได้ให้คนอื่นมาตรวจสอบตลาด• ในขณะที่ Tesla สร้างข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่ไม่อาจเอาชนะได้ นี่คือความฉลาดทางยุทธศาสตร์แต่สิ่งที่ทุกคนพลาดไปก็คือ:นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเอาชนะ BMW เท่านั้นอีลอนพิสูจน์บางอย่างที่มีค่ายิ่งกว่านั้น:ในยุคดิจิทัล ยิ่งให้ ยิ่งได้ ด้วยวิธีเปิด เอาชนะความลับ พวกเขาแบ่งปันอย่างมีกลยุทธ์เพื่อ:• สร้างระบบนิเวศ• กำหนดมาตรฐาน• สร้างเอฟเฟกต์เครือข่ายในขณะที่ยังรักษาข้อได้เปรียบการแข่งขันที่สำคัญทั้งในด้านขนาดและการดำเนินการนี่คือเหตุผลว่าทำไมการเข้าใจเทคโนโลยีเกิดใหม่จึงไม่เพียงพอ…นวัตกรรมที่แท้จริงมาจากการมองภาพรวม:เทคโนโลยีสามารถสร้างมูลค่าผ่านความร่วมมือ ไม่ใช่แค่การแข่งขันเพียงอย่างเดียวได้อย่างไรเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ความสำเร็จเกิดจาก:• ความเปิดกว้างเชิงกลยุทธ์ Openess • เทคโนโลยีเพื่อรองรับความก้าวหน้าของมนุษย์ไม่ใช่แค่ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ…ดังนั้น“ความร่วมมือ” อยู่ใน DNA ของ Tesla และ อีลอน มัสก์  รวมถึงผู้ติดตามของอีลอน  ไม่ได้มาจาก “แนวคิดผลรวมเป็นศูนย์” ที่ทุกคนต้องสูญเสียแต่ผู้ชนะในปัจจุบันคือเปิดว้างไม่กั๊กเทคโนโลยี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน
    .
    มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
    .
    ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ
    .
    กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
    .
    คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต
    .
    ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย
    .
    สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้
    .
    สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่
    .
    ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย
    .
    ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า
    .
    นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน . มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง . ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ . กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา . คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต . ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย . สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ . นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ . สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่ . ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย . ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า . นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1420 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา
    .
    ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า
    .
    นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19
    .
    ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม
    .
    ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
    .
    ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.)
    .
    สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน
    .
    แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น
    .
    เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก
    .
    ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์
    .
    ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย
    .
    อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว
    .
    นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252
    ..............
    Sondhi X
    ไบเดนเตรียมเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับทรัมป์ และยืนยันจะไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ทรัมป์ไม่ยอมทำเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วยข้ออ้างว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เริ่มจัดตั้งคณะบริหาร ทางด้านเดโมแครตกลับไล่หาแพะรับผิดชอบความพ่ายแพ้ของแฮร์ริส โดยเพโลซี อดีตประธานสภาล่างชี้ว่า ถ้าไบเดนถอนตัวเร็วขึ้น เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ . โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 สามารถกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยหลังคว้าชัยขาดลอยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา . ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) ว่าไบเดนจะพบทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ซึ่งการพบกันระหว่างประธานาธิบดีที่กำลังจะหมดวาระกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้เชิญโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เยี่ยมเยียนทำเนียบขาว แต่กลับอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ตนเองถูกโกงเลือกตั้งและนำไปสู่การก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 . นอกจากนั้นทรัมป์ยังแหกธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการไม่ไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนในวันที่ 20 ม.ค.ปีเดียวกัน แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่า ไบเดนจะไปร่วมพิธีดังกล่าวของทรัมป์ต้นปีหน้า . นอกจากนี้ ช่วงต้นปีหน้าไบเดนจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกคนที่ต้องถ่ายโอนอำนาจคืนให้ประธานาธิบดีคนก่อนตนเอง โดยครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้คือตอนที่ประธานาธิบดีเบนจามิน แฮร์ริสัน ส่งคืนทำเนียบขาวให้โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 . ทรัมป์ อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์วัย 78 ปี กวาดชัยชนะท่วมท้นกว่าครั้งที่แล้ว แม้ถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา ถูกดำเนินการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้งตอนที่เป็นประธานาธิบดี และถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานตีตราว่า เป็นเผด็จการฟาสซิสต์ก็ตาม . ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลล์พบว่า สิ่งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกังวลมากที่สุดคือปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยุคไบเดนภายหลังอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 . ไบเดน วัย 81 ปี ที่ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกรกฎาคมท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอายุ สุขภาพ และความเฉียบคมทางความคิดนั้น โทรแสดงความยินดีกับทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย.) . สมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนมองหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่รับไม้ต่อเป็นตัวแทนพรรคก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 100 วัน . แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ไบเดนถอนตัวช้าเกินไป แถมประกาศรับรองแฮร์ริสทันที ทำให้เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการหยั่งเสียงรอบไพรมารีที่อาจทำให้พรรคมีแคนดิเดตให้เลือกมากขึ้น . เพโลซีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีบทบาทสำคัญในการกล่อมให้ไบเดนยอมถอนตัว ตั้งข้อสังเกตว่า การทบทวนผลการเลือกตั้งควรมุ่งที่จุดแข็งของแฮร์ริสที่สามารถกระตุ้นความหวังของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและทำให้แคมเปญหาเสียงมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างมาก . ขณะที่เดโมแครตกำลังหาแพะรับบาป ทรัมป์ได้เริ่มฟอร์มคณะบริหารสมัยที่ 2 ด้วยการแต่งตั้งซูซี ไวลส์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และเป็นการแต่งตั้งสมาชิกคณะบริหารคนแรกของทรัมป์ . ตัวเก็งคนอื่นๆ ในคณะบริหารทรัมป์ 2 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรเบิร์ต เคนเนดี้ จูเนียร์ แกนนำการต่อต้านวัคซีนที่ทรัมป์ประกาศว่า จะได้รับบทบาทสำคัญด้านสุขอนามัย . อีกคนคือ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก ที่อาจรับหน้าที่ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล หลังจากนายใหญ่สเปซเอ็กซ์, เทสลา และเอ็กซ์ ที่มีอุดมการณ์การเมืองปีกขวาผู้นี้ ให้การสนับสนุนทรัมป์สุดตัว . นอกจากนั้นยังคาดว่า ทรัมป์จะยกเลิกนโยบายสำคัญของไบเดนหลายอย่าง โดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ผู้นี้เตรียมกลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ปฏิเสธแนวคิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แถมประกาศเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108252 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1054 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก
    .
    มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล
    .
    ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร
    .
    นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน
    .
    ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย
    .
    แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน
    .
    มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง
    .
    รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง
    .
    ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน . กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์ . ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก . มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล . ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร . นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน . ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย . แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน . มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง . รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง . ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 942 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
    .
    ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
    .
    วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
    .
    ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
    .
    แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
    .
    จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    .
    กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
    .
    ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
    .
    ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
    .
    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
    .
    นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1632 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา
    .
    เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ
    .
    ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง
    .
    “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ”
    .
    และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท
    .
    “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส”
    .
    พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย
    ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ”
    .
    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน
    .
    และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์
    .
    เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน
    โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ
    .
    ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994
    .........
    Sondhi X
    ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้ . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา . เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ . ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง . “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ” . และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท . “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส” . พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ” . ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน . และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์ . เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ . ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994 ......... Sondhi X
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1435 มุมมอง 0 รีวิว
  • อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ประกาศแจกเงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ให้คนที่ลงชื่อในคำร้องออนไลน์ของเขา เกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐธรรมนูญอเมริกา แต่ด้วยพิธีมอบรางวัลเป็นครั้งแรกจัดขึ้นที่กิจกรรมของพีเอซี องค์กรความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ มันจึงก่อคำถามต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการแจกเงินดังกล่าว
    .
    มัสก์ มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ แก่ผู้เข้าร่วมงานรายหนึ่ง ในกิจกรรมของพีเอซี ในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีเป้าหมายระดมเสียงสนับสนับสนุนหนุนหลัง ทรัมป์ และผู้คว้าเงินดังกล่าวมีชื่อว่านายจอห์น เดรเฮอร์ อ้างอิงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน "ว่าแต่ คุณจอห์นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ" มัสก์พูดติดตลกขณะยื่นเช็คให้เดรเฮอร์
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เงินก้อนนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่ามัสก์กำลังใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของเขาเพื่อชี้นำการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ระหว่างทรัมป์ กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต
    .
    มัสก์ ได้ก่อตั้งกลุ่ม America PAC ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ หน้าที่หลักๆ ขององค์กรนี้คือการระดมคนไปลงทะเบียนเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ ซึ่งหมายถึงรัฐที่ผลการเลือกตั้งคาดเดาได้ยากว่าจะเทไปทางพรรคใด อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณต่างๆ บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาในการทำให้ได้ตามเป้าหมาย
    .
    จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ให้สัมภาษณ์กับรายการ "มีท เดอะ เกรส" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) ว่าแผนของมัสก์ ในการมอบเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในเพนซิลเวเนีย "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และ "มันเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอาจทำการตรวจสอบ"
    .
    ข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการจ่ายเงินดังกล่าว ผุดขึ้นมาไม่หยุดในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ในขณะที่พวกเชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่ามีหลายมาตราของกฎหมายรัฐบาลกลางที่ห้ามจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียง
    .
    การจ่ายเงินผู้คนโดยมีเจตนาชักนำหรือให้รางวัลแก่บุคคลนั้นๆ สำหรับลงคะแนนโหวตและลงทะเบียยโหวต ถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายรัฐบาลกลาง และมีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก โดยข้อห้ามนั้นไม่ใช่ครอบคลุมเฉพาะการจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งของมีค่าอื่นๆ อย่างเช่นสุราหรือลอตเตอรี่
    .
    กิจกรรมในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก ถือเป็นวันที่ 3 ในรอบหลายวันที่จัดขึ้นในเพนซิลเวเนีย รัฐที่ทาง มัสก์ กำลังวาดภาพศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ว่าเป็นศึกครั้งสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำแบบเดียวกัน
    .
    เขาบอกในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ว่า ถ้า แฮร์ริส เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ มันจะเป็นศึกเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
    .
    มัสก์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่มีคนพยายามลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่กล้าท้าทายและเปลี่ยนแปลงระบบเดิมๆ ในแบบที่แฮร์ริสไม่มีวันทำได้ และการที่ไม่มีใครคิดจะลอบสังหารแฮร์ริสนั้น ก็เพราะเธอเป็นแค่หุ่นเชิด
    .
    ในคำร้องทางออนไลน์ที่มัสก์ขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อ มีใจความว่า "การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2 รับรองเสรีภาพในการพูดและสิทธิในการครอบครองอาวุธ ด้วยการลงชื่อด้านล่างนี้หมายความว่าข้าพเจ้าประกาศสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2"
    .
    บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ (19 ต.ค.) จำเป็นต้องลงนามในคำร้องดังกล่าว ซึ่งเปิดทางให้ทาง America PAC รวบรวมรายละเอียดการติดต่อของบรรดาผู้สิทธิเลือกตั้งที่มีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ เพื่อใช้ข้อมูลการติดต่อนี้สำหรับโน้มน้าวและกระตุ้นให้พวกเขาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้ทรัมป์
    .
    สำหรับ มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ได้มอบทุนแก่ทาง America PAC ไปแล้วอย่างน้อย 75 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางกลุ่มเป็นส่วนสำคัญยิ่งในความพยายามของทรัมป์ ในการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัย
    .
    มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้ยกระดับสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ถึงขั้นกลายมาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย
    .
    ในทางกลับกัน ทางฝั่งทรัมป์ก็รับปากว่า ถ้าได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะแต่งตั้งมัสก์ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101221
    ..............
    Sondhi X
    อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ประกาศแจกเงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ให้คนที่ลงชื่อในคำร้องออนไลน์ของเขา เกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐธรรมนูญอเมริกา แต่ด้วยพิธีมอบรางวัลเป็นครั้งแรกจัดขึ้นที่กิจกรรมของพีเอซี องค์กรความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ มันจึงก่อคำถามต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการแจกเงินดังกล่าว . มัสก์ มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ แก่ผู้เข้าร่วมงานรายหนึ่ง ในกิจกรรมของพีเอซี ในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีเป้าหมายระดมเสียงสนับสนับสนุนหนุนหลัง ทรัมป์ และผู้คว้าเงินดังกล่าวมีชื่อว่านายจอห์น เดรเฮอร์ อ้างอิงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน "ว่าแต่ คุณจอห์นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ" มัสก์พูดติดตลกขณะยื่นเช็คให้เดรเฮอร์ . สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เงินก้อนนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่ามัสก์กำลังใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของเขาเพื่อชี้นำการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ระหว่างทรัมป์ กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต . มัสก์ ได้ก่อตั้งกลุ่ม America PAC ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ หน้าที่หลักๆ ขององค์กรนี้คือการระดมคนไปลงทะเบียนเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ ซึ่งหมายถึงรัฐที่ผลการเลือกตั้งคาดเดาได้ยากว่าจะเทไปทางพรรคใด อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณต่างๆ บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาในการทำให้ได้ตามเป้าหมาย . จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ให้สัมภาษณ์กับรายการ "มีท เดอะ เกรส" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) ว่าแผนของมัสก์ ในการมอบเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในเพนซิลเวเนีย "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และ "มันเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอาจทำการตรวจสอบ" . ข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการจ่ายเงินดังกล่าว ผุดขึ้นมาไม่หยุดในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ในขณะที่พวกเชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่ามีหลายมาตราของกฎหมายรัฐบาลกลางที่ห้ามจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียง . การจ่ายเงินผู้คนโดยมีเจตนาชักนำหรือให้รางวัลแก่บุคคลนั้นๆ สำหรับลงคะแนนโหวตและลงทะเบียยโหวต ถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายรัฐบาลกลาง และมีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก โดยข้อห้ามนั้นไม่ใช่ครอบคลุมเฉพาะการจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งของมีค่าอื่นๆ อย่างเช่นสุราหรือลอตเตอรี่ . กิจกรรมในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก ถือเป็นวันที่ 3 ในรอบหลายวันที่จัดขึ้นในเพนซิลเวเนีย รัฐที่ทาง มัสก์ กำลังวาดภาพศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ว่าเป็นศึกครั้งสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำแบบเดียวกัน . เขาบอกในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ว่า ถ้า แฮร์ริส เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ มันจะเป็นศึกเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ . มัสก์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่มีคนพยายามลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่กล้าท้าทายและเปลี่ยนแปลงระบบเดิมๆ ในแบบที่แฮร์ริสไม่มีวันทำได้ และการที่ไม่มีใครคิดจะลอบสังหารแฮร์ริสนั้น ก็เพราะเธอเป็นแค่หุ่นเชิด . ในคำร้องทางออนไลน์ที่มัสก์ขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อ มีใจความว่า "การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2 รับรองเสรีภาพในการพูดและสิทธิในการครอบครองอาวุธ ด้วยการลงชื่อด้านล่างนี้หมายความว่าข้าพเจ้าประกาศสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2" . บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ (19 ต.ค.) จำเป็นต้องลงนามในคำร้องดังกล่าว ซึ่งเปิดทางให้ทาง America PAC รวบรวมรายละเอียดการติดต่อของบรรดาผู้สิทธิเลือกตั้งที่มีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ เพื่อใช้ข้อมูลการติดต่อนี้สำหรับโน้มน้าวและกระตุ้นให้พวกเขาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้ทรัมป์ . สำหรับ มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ได้มอบทุนแก่ทาง America PAC ไปแล้วอย่างน้อย 75 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางกลุ่มเป็นส่วนสำคัญยิ่งในความพยายามของทรัมป์ ในการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัย . มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้ยกระดับสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ถึงขั้นกลายมาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย . ในทางกลับกัน ทางฝั่งทรัมป์ก็รับปากว่า ถ้าได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะแต่งตั้งมัสก์ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101221 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 939 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจAround the world 13 ส.ค.2567

    โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เปิดใจให้สัมภาษณ์สดกับ อีลอน มัสก์ ผ่านทางแพลตฟอร์ม X เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตามเวลาในสหรัฐฯ ขณะที่การตั้งวงคุยระหว่าง 2 มหาเศรษฐีคนดังต้องเผชิญอุปสรรคทางเทคนิคจนทำให้ล่าช้าไปกว่า 40 นาที
    .
    มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของเทสลา สเปซเอ็กซ์ รวมถึง X ออกมาโทษเหตุขัดข้องว่าเกิดจากปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์แบบ denial-of-service attack หรือ DoS ซึ่งหมายถึงการระดมส่งคำขอเข้าถึงข้อมูลหรือ traffic จำนวนมหาศาลเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มใช้การไม่ได้ ทว่าคำกล่าวอ้างนี้ก็ยังไม่ได้การพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่
    .
    ทางด้านของ ทรัมป์ พยายามมองปัญหาในเชิงบวกด้วยการกล่าวแสดงความยินดีกับ มัสก์ ว่ามีแฟนคลับแห่เข้ามาฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม โดยในบางช่วงนั้นพบว่ามีผู้เข้าร่วมรับฟังการสนทนามากถึง 1.3 ล้านคน
    .
    ทรัมป์ และ มัสก์ ต่างป้อนคำสรรเสริญเยินยอกันไปมาหลายครั้ง โดยเจ้าของเทสลาได้กล่าวชื่นชมความกล้าหาญของอดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งผ่านประสบการณ์ถูกลอบสังหารมาหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ ทรัมป์ ก็ชม มัสก์ ว่าเป็นนายจ้างใจเด็ดที่กล้าไล่ออกพวกพนักงานซึ่งออกมาเรียกร้องเงื่อนไขการทำงานที่ดีกว่าเดิม
    .
    “คุณเป็นนักตัดที่ยอดเยี่ยมที่สุด (the greatest cutter)” ทรัมป์ กล่าว “ผมหมายความว่า ผมเห็นสิ่งที่คุณทำ คุณเดินเข้าไปแล้วก็บอกว่า อยากลาออกเหรอ? คนพวกนั้นนัดหยุดงานประท้วง ผมไม่ขอพูดนะว่าบริษัทไหน แต่เอาเป็นว่าพวกเขานัดหยุดงาน แล้วคุณก็บอกว่า โอเค พวกคุณออกไปให้หมดเลย”
    .
    มัสก์ ออกมาประกาศสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทันที หลังเกิดความพยายามลอบสังหารผู้แทนรีพับลิกันรายนี้ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แม้ว่า ทรัมป์ จะมีจุดยืนคัดค้านมาตรการอุดหนุนผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลาก็ตามที
    .
    มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกผู้นี้เคยสนับสนุนประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งปี 2020 ก่อนจะค่อยๆ โน้มเอียงมาสู่ขั้วการเมืองฝ่ายขวา
    .
    “ผมคิดว่าเรากำลังเดินมาถึงทางแยกแห่งโชคชะตา ทางแยกแห่งอารยธรรม และผมเชื่อว่าเราจำเป็นต้องเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งเส้นทางที่ถูกต้องนั้นก็คือคุณ” มัสก์ กล่าวสรุปในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์
    .
    การสนทนากับ มัสก์ ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ ทรัมป์ ได้ระบายความไม่พอใจ การใส่ไคล้โจมตีบุคคล รวมถึงกระพือข้อมูลเท็จต่างๆ ที่เขามักหยิบยกมาอ้างอยู่เป็นประจำ
    .
    มัสก์ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมป์ เป็นผู้นำในการพูดคุยโดยไม่โต้แย้งหรือท้าทายคำพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อ ทรัมป์ อ้างว่าประเทศอื่นๆ “ส่งอาชญากร” จากในเรือนจำของพวกเขาเข้ามายังสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนทางใต้ รวมถึงเรื่องราคาเบคอนที่แพงขึ้น 4-5 เท่า เป็นต้น
    .
    ผลการศึกษาพบว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่ รวมถึงพวกที่หลบหนีเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้มีสถิติก่ออาชญากรรมสูงกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด
    .
    การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ยังเป็นความพยายามล่าสุดของ ทรัมป์ ที่จะดึงความสนใจมาจากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างโมเมนตัมให้พรรคเดโมแครตกลับมาทำคะแนนนิยมตีตื้นและระดมเงินบริจาคได้อย่างมหาศาลทันที หลังจากที่ประกาศรับตำแหน่งผู้แทนพรรคต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งถอนตัวจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค.
    .
    ทรัมป์ เอ่ยโจมตี แฮร์ริส อยู่หลายครั้ง โดยเรียกเธอว่าเป็นพวก “ชั้นเลว” (third rate) “ไร้ศักยภาพ” (incompetent) และ “พวกคลั่งฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” (radical left lunatic) ก่อนที่จู่ๆ จะหันมาชมรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายว่าดูสวยคล้ายกับ เมลาเนีย ทรัมป์
    .
    “เธอดูเหมือนนักแสดงที่สวยที่สุด” ทรัมป์ เอ่ยถึงภาพวาด แฮร์ริส ซึ่งถูกนำไปลงปกนิตยสารไทม์ส
    .
    “มันเป็นภาพวาด และเอาจริงๆ นะผมว่าเธอดูคล้ายกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่... เมลาเนีย”
    .
    ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่พรรคเดโมแครตตัดสินใจเปลี่ยนเอา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคแทนที่ ไบเดน
    .
    “เธอไม่เคยให้สัมภาษณ์แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากที่แผนต้มตุ๋นนี้เริ่มขึ้น” ทรัมป์ กล่าว พร้อมอ้างว่าการที่ ไบเดน ถอนตัวนั้นแท้ที่จริงเป็นการถูก “รัฐประหาร” (coup) จากคนในพรรคต่างหาก
    .
    ทรัมป์ เคยมีคะแนนนิยมนำ ไบเดน ในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ ที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. ทว่าเวลานี้กลับถูก แฮร์ริส ทำคะแนนแซงหน้าได้แล้วในบางรัฐ
    .
    อดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยแสดงจุดยืนต่อต้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอดเริ่มปรับท่าทีใหม่หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจาก มัสก์ โดยเขากล่าวเมื่อวานนี้ (12) ว่า รถอีวีที่ผลิตโดยเทสลานั้น “ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ”
    .
    ทรัมป์ ยังเอ่ยชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าบรรดาผู้นำชาติปรปักษ์ของสหรัฐฯ เหล่านี้ “กำลังทำผลงานได้ดีเยี่ยม” (at the top of their game)
    .
    อีลอน มัสก์ ได้ปลดล็อคบัญชี X หรืออดีตทวิตเตอร์ให้กับ ทรัมป์ เพียง 1 เดือนหลังจากที่เข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อปี 2022 โดยก่อนหน้านั้นทวิตเตอร์ได้ระงับบัญชีของ ทรัมป์ แบบถาวรตามหลังเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 เนื่องจากเกรงว่าอดีตผู้นำรายนี้จะใช้มันเป็นเครื่องมือปลุกปั่นความรุนแรงอีก
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.youtube.com/live/RphoakH6Dm0?si=AivfkUG18lfrEvth

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจAround the world 13 ส.ค.2567 โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เปิดใจให้สัมภาษณ์สดกับ อีลอน มัสก์ ผ่านทางแพลตฟอร์ม X เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) ตามเวลาในสหรัฐฯ ขณะที่การตั้งวงคุยระหว่าง 2 มหาเศรษฐีคนดังต้องเผชิญอุปสรรคทางเทคนิคจนทำให้ล่าช้าไปกว่า 40 นาที . มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของเทสลา สเปซเอ็กซ์ รวมถึง X ออกมาโทษเหตุขัดข้องว่าเกิดจากปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์แบบ denial-of-service attack หรือ DoS ซึ่งหมายถึงการระดมส่งคำขอเข้าถึงข้อมูลหรือ traffic จำนวนมหาศาลเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มใช้การไม่ได้ ทว่าคำกล่าวอ้างนี้ก็ยังไม่ได้การพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ . ทางด้านของ ทรัมป์ พยายามมองปัญหาในเชิงบวกด้วยการกล่าวแสดงความยินดีกับ มัสก์ ว่ามีแฟนคลับแห่เข้ามาฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม โดยในบางช่วงนั้นพบว่ามีผู้เข้าร่วมรับฟังการสนทนามากถึง 1.3 ล้านคน . ทรัมป์ และ มัสก์ ต่างป้อนคำสรรเสริญเยินยอกันไปมาหลายครั้ง โดยเจ้าของเทสลาได้กล่าวชื่นชมความกล้าหาญของอดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งผ่านประสบการณ์ถูกลอบสังหารมาหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ ทรัมป์ ก็ชม มัสก์ ว่าเป็นนายจ้างใจเด็ดที่กล้าไล่ออกพวกพนักงานซึ่งออกมาเรียกร้องเงื่อนไขการทำงานที่ดีกว่าเดิม . “คุณเป็นนักตัดที่ยอดเยี่ยมที่สุด (the greatest cutter)” ทรัมป์ กล่าว “ผมหมายความว่า ผมเห็นสิ่งที่คุณทำ คุณเดินเข้าไปแล้วก็บอกว่า อยากลาออกเหรอ? คนพวกนั้นนัดหยุดงานประท้วง ผมไม่ขอพูดนะว่าบริษัทไหน แต่เอาเป็นว่าพวกเขานัดหยุดงาน แล้วคุณก็บอกว่า โอเค พวกคุณออกไปให้หมดเลย” . มัสก์ ออกมาประกาศสนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทันที หลังเกิดความพยายามลอบสังหารผู้แทนรีพับลิกันรายนี้ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แม้ว่า ทรัมป์ จะมีจุดยืนคัดค้านมาตรการอุดหนุนผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลาก็ตามที . มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกผู้นี้เคยสนับสนุนประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งปี 2020 ก่อนจะค่อยๆ โน้มเอียงมาสู่ขั้วการเมืองฝ่ายขวา . “ผมคิดว่าเรากำลังเดินมาถึงทางแยกแห่งโชคชะตา ทางแยกแห่งอารยธรรม และผมเชื่อว่าเราจำเป็นต้องเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งเส้นทางที่ถูกต้องนั้นก็คือคุณ” มัสก์ กล่าวสรุปในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ . การสนทนากับ มัสก์ ในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ ทรัมป์ ได้ระบายความไม่พอใจ การใส่ไคล้โจมตีบุคคล รวมถึงกระพือข้อมูลเท็จต่างๆ ที่เขามักหยิบยกมาอ้างอยู่เป็นประจำ . มัสก์ เปิดพื้นที่ให้ ทรัมป์ เป็นผู้นำในการพูดคุยโดยไม่โต้แย้งหรือท้าทายคำพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ตัวอย่างเช่นเมื่อ ทรัมป์ อ้างว่าประเทศอื่นๆ “ส่งอาชญากร” จากในเรือนจำของพวกเขาเข้ามายังสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนทางใต้ รวมถึงเรื่องราคาเบคอนที่แพงขึ้น 4-5 เท่า เป็นต้น . ผลการศึกษาพบว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่ รวมถึงพวกที่หลบหนีเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ไม่ได้มีสถิติก่ออาชญากรรมสูงกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด . การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ยังเป็นความพยายามล่าสุดของ ทรัมป์ ที่จะดึงความสนใจมาจากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างโมเมนตัมให้พรรคเดโมแครตกลับมาทำคะแนนนิยมตีตื้นและระดมเงินบริจาคได้อย่างมหาศาลทันที หลังจากที่ประกาศรับตำแหน่งผู้แทนพรรคต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งถอนตัวจากศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ค. . ทรัมป์ เอ่ยโจมตี แฮร์ริส อยู่หลายครั้ง โดยเรียกเธอว่าเป็นพวก “ชั้นเลว” (third rate) “ไร้ศักยภาพ” (incompetent) และ “พวกคลั่งฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” (radical left lunatic) ก่อนที่จู่ๆ จะหันมาชมรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายว่าดูสวยคล้ายกับ เมลาเนีย ทรัมป์ . “เธอดูเหมือนนักแสดงที่สวยที่สุด” ทรัมป์ เอ่ยถึงภาพวาด แฮร์ริส ซึ่งถูกนำไปลงปกนิตยสารไทม์ส . “มันเป็นภาพวาด และเอาจริงๆ นะผมว่าเธอดูคล้ายกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่... เมลาเนีย” . ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่พรรคเดโมแครตตัดสินใจเปลี่ยนเอา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นผู้แทนพรรคแทนที่ ไบเดน . “เธอไม่เคยให้สัมภาษณ์แม้แต่ครั้งเดียวหลังจากที่แผนต้มตุ๋นนี้เริ่มขึ้น” ทรัมป์ กล่าว พร้อมอ้างว่าการที่ ไบเดน ถอนตัวนั้นแท้ที่จริงเป็นการถูก “รัฐประหาร” (coup) จากคนในพรรคต่างหาก . ทรัมป์ เคยมีคะแนนนิยมนำ ไบเดน ในรัฐสมรภูมิสำคัญๆ ที่คาดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. ทว่าเวลานี้กลับถูก แฮร์ริส ทำคะแนนแซงหน้าได้แล้วในบางรัฐ . อดีตผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเคยแสดงจุดยืนต่อต้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอดเริ่มปรับท่าทีใหม่หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจาก มัสก์ โดยเขากล่าวเมื่อวานนี้ (12) ว่า รถอีวีที่ผลิตโดยเทสลานั้น “ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ” . ทรัมป์ ยังเอ่ยชมประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าบรรดาผู้นำชาติปรปักษ์ของสหรัฐฯ เหล่านี้ “กำลังทำผลงานได้ดีเยี่ยม” (at the top of their game) . อีลอน มัสก์ ได้ปลดล็อคบัญชี X หรืออดีตทวิตเตอร์ให้กับ ทรัมป์ เพียง 1 เดือนหลังจากที่เข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์เมื่อปี 2022 โดยก่อนหน้านั้นทวิตเตอร์ได้ระงับบัญชีของ ทรัมป์ แบบถาวรตามหลังเหตุจลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 เนื่องจากเกรงว่าอดีตผู้นำรายนี้จะใช้มันเป็นเครื่องมือปลุกปั่นความรุนแรงอีก . ที่มา: รอยเตอร์ https://www.youtube.com/live/RphoakH6Dm0?si=AivfkUG18lfrEvth #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 0 รีวิว