• VPN ฟรีที่ไม่ฟรี – มัลแวร์ขโมยข้อมูลแฝงใน GitHub

    นักวิจัยจาก Cyfirma พบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้ GitHub เป็นช่องทางเผยแพร่ โดยปลอมตัวเป็นเครื่องมือยอดนิยม เช่น “Free VPN for PC” และ “Minecraft Skin Changer” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียด—ทำให้ดูน่าเชื่อถือ

    เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ Launch.exe ภายใน ZIP:
    - มัลแวร์จะถอดรหัสสตริง Base64 ที่ซ่อนด้วยข้อความภาษาฝรั่งเศส
    - สร้างไฟล์ DLL ชื่อ msvcp110.dll ในโฟลเดอร์ AppData
    - โหลด DLL แบบ dynamic และเรียกฟังก์ชัน GetGameData() เพื่อเริ่ม payload สุดท้าย

    มัลแวร์นี้คือ Lumma Stealer ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และกระเป๋าเงินคริปโต โดยใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น:
    - memory injection
    - DLL side-loading
    - sandbox evasion
    - process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe

    การวิเคราะห์มัลแวร์ทำได้ยาก เพราะมีการใช้ anti-debugging เช่น IsDebuggerPresent() และการบิดเบือนโครงสร้างโค้ด

    ข้อมูลจากข่าว
    - มัลแวร์ Lumma Stealer ถูกปลอมเป็น VPN ฟรีและ Minecraft mods บน GitHub
    - ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งเพื่อหลอกผู้ใช้
    - เมื่อเปิดไฟล์ Launch.exe จะถอดรหัส Base64 และสร้าง DLL ใน AppData
    - DLL ถูกโหลดแบบ dynamic และเรียกฟังก์ชันเพื่อเริ่ม payload
    - ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น memory injection, DLL side-loading, sandbox evasion
    - ใช้ process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe
    - มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และ crypto wallets
    - GitHub repository ที่ใช้ชื่อ SAMAIOEC เป็นแหล่งเผยแพร่หลัก

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ห้ามดาวน์โหลด VPN ฟรีหรือ game mods จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะ GitHub ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ
    - ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำติดตั้งซับซ้อนควรถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย
    - หลีกเลี่ยงการรันไฟล์ .exe จากแหล่งที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะในโฟลเดอร์ AppData
    - ควรใช้แอนติไวรัสที่มีระบบตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่การสแกนไฟล์
    - ตรวจสอบ Task Manager และระบบว่ามี MSBuild.exe หรือ aspnet_regiis.exe ทำงานผิดปกติหรือไม่
    - หากพบ DLL ในโฟลเดอร์ Roaming หรือ Temp ควรตรวจสอบทันที

    https://www.techradar.com/pro/criminals-are-using-a-dangerous-fake-free-vpn-to-spread-malware-via-github-heres-how-to-stay-safe
    VPN ฟรีที่ไม่ฟรี – มัลแวร์ขโมยข้อมูลแฝงใน GitHub นักวิจัยจาก Cyfirma พบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้ GitHub เป็นช่องทางเผยแพร่ โดยปลอมตัวเป็นเครื่องมือยอดนิยม เช่น “Free VPN for PC” และ “Minecraft Skin Changer” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียด—ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ Launch.exe ภายใน ZIP: - มัลแวร์จะถอดรหัสสตริง Base64 ที่ซ่อนด้วยข้อความภาษาฝรั่งเศส - สร้างไฟล์ DLL ชื่อ msvcp110.dll ในโฟลเดอร์ AppData - โหลด DLL แบบ dynamic และเรียกฟังก์ชัน GetGameData() เพื่อเริ่ม payload สุดท้าย มัลแวร์นี้คือ Lumma Stealer ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และกระเป๋าเงินคริปโต โดยใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น: - memory injection - DLL side-loading - sandbox evasion - process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe การวิเคราะห์มัลแวร์ทำได้ยาก เพราะมีการใช้ anti-debugging เช่น IsDebuggerPresent() และการบิดเบือนโครงสร้างโค้ด ✅ ข้อมูลจากข่าว - มัลแวร์ Lumma Stealer ถูกปลอมเป็น VPN ฟรีและ Minecraft mods บน GitHub - ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งเพื่อหลอกผู้ใช้ - เมื่อเปิดไฟล์ Launch.exe จะถอดรหัส Base64 และสร้าง DLL ใน AppData - DLL ถูกโหลดแบบ dynamic และเรียกฟังก์ชันเพื่อเริ่ม payload - ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น memory injection, DLL side-loading, sandbox evasion - ใช้ process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe - มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และ crypto wallets - GitHub repository ที่ใช้ชื่อ SAMAIOEC เป็นแหล่งเผยแพร่หลัก ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ห้ามดาวน์โหลด VPN ฟรีหรือ game mods จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะ GitHub ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ - ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำติดตั้งซับซ้อนควรถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย - หลีกเลี่ยงการรันไฟล์ .exe จากแหล่งที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะในโฟลเดอร์ AppData - ควรใช้แอนติไวรัสที่มีระบบตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่การสแกนไฟล์ - ตรวจสอบ Task Manager และระบบว่ามี MSBuild.exe หรือ aspnet_regiis.exe ทำงานผิดปกติหรือไม่ - หากพบ DLL ในโฟลเดอร์ Roaming หรือ Temp ควรตรวจสอบทันที https://www.techradar.com/pro/criminals-are-using-a-dangerous-fake-free-vpn-to-spread-malware-via-github-heres-how-to-stay-safe
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์

    HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน

    จุดเด่นของ HoloMem:
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า)
    - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า)
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร)

    HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร
    - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many)
    - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK
    - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์
    - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ
    - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล
    - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์ HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน จุดเด่นของ HoloMem: - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า) - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า) - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร) HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์ - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์ - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ

    เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า

    นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)

    ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)

    ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา

    นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
    - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
    - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
    - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
    - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
    - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
    - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
    - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
    - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
    - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ

    https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ) ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง) ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่ - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford scientists create light from "darkness" and no it's not magic
    Scientists over at the University of Oxford have managed to generate light out of "darkness" and there is no magic involved here, just pure science.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกายและใช้งานใต้น้ำมีมากขึ้น การชาร์จแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเทคโนโลยีไร้สายแบบเดิม เช่น RF หรือแม่เหล็กไฟฟ้า มีข้อจำกัดด้านระยะทางและการรบกวนสัญญาณ

    นักวิจัยจาก Korea Institute of Science and Technology (KIST) และ Korea University จึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่โดยใช้คลื่นเสียง (ultrasound) ซึ่งสามารถทะลุผ่านน้ำและเนื้อเยื่อมนุษย์ได้ดีกว่า RF และไม่รบกวนอุปกรณ์อื่น

    ทีมงานนำโดย Dr. Sunghoon Hur และ Prof. Hyun-Cheol Song สร้างตัวรับคลื่นเสียงแบบยืดหยุ่นจากวัสดุ piezoelectric ที่สามารถติดกับผิวหนังหรือพื้นผิวโค้งได้ และสามารถส่งพลังงานได้ถึง:

    - 20 มิลลิวัตต์ผ่านน้ำลึก 3 ซม.
    - 7 มิลลิวัตต์ผ่านผิวหนังลึก 3 ซม.

    พลังงานนี้เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เซ็นเซอร์สวมใส่หรืออุปกรณ์ฝังในร่างกาย และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย

    อีกทีมวิจัยยังพัฒนา US-TENGDF-B ซึ่งเป็น triboelectric nanogenerator ที่ใช้ ultrasound เพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นจากระยะไกล โดยสามารถสร้างแรงดัน 26 โวลต์ และจ่ายพลังงาน 6.7 มิลลิวัตต์จากระยะ 35 มม. แม้จะอยู่ในสภาพโค้งงอ

    เทคโนโลยีเหล่านี้เปิดทางให้กับอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น pacemaker, neurostimulator หรือแม้แต่โดรนใต้น้ำ ที่สามารถทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือชาร์จบ่อย ๆ

    https://www.neowin.net/news/scientists-summon-ultrasonic-tech-that-charges-devices-through-water-and-even-skin/
    ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกายและใช้งานใต้น้ำมีมากขึ้น การชาร์จแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเทคโนโลยีไร้สายแบบเดิม เช่น RF หรือแม่เหล็กไฟฟ้า มีข้อจำกัดด้านระยะทางและการรบกวนสัญญาณ นักวิจัยจาก Korea Institute of Science and Technology (KIST) และ Korea University จึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่โดยใช้คลื่นเสียง (ultrasound) ซึ่งสามารถทะลุผ่านน้ำและเนื้อเยื่อมนุษย์ได้ดีกว่า RF และไม่รบกวนอุปกรณ์อื่น ทีมงานนำโดย Dr. Sunghoon Hur และ Prof. Hyun-Cheol Song สร้างตัวรับคลื่นเสียงแบบยืดหยุ่นจากวัสดุ piezoelectric ที่สามารถติดกับผิวหนังหรือพื้นผิวโค้งได้ และสามารถส่งพลังงานได้ถึง: - 20 มิลลิวัตต์ผ่านน้ำลึก 3 ซม. - 7 มิลลิวัตต์ผ่านผิวหนังลึก 3 ซม. พลังงานนี้เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เซ็นเซอร์สวมใส่หรืออุปกรณ์ฝังในร่างกาย และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย อีกทีมวิจัยยังพัฒนา US-TENGDF-B ซึ่งเป็น triboelectric nanogenerator ที่ใช้ ultrasound เพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นจากระยะไกล โดยสามารถสร้างแรงดัน 26 โวลต์ และจ่ายพลังงาน 6.7 มิลลิวัตต์จากระยะ 35 มม. แม้จะอยู่ในสภาพโค้งงอ เทคโนโลยีเหล่านี้เปิดทางให้กับอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น pacemaker, neurostimulator หรือแม้แต่โดรนใต้น้ำ ที่สามารถทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือชาร์จบ่อย ๆ https://www.neowin.net/news/scientists-summon-ultrasonic-tech-that-charges-devices-through-water-and-even-skin/
    WWW.NEOWIN.NET
    Scientists summon ultrasonic tech that charges devices through water and even skin
    Thanks to new research, an ultrasonic tech has been developed that sneaks through skin and water to wirelessly charge devices.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • ในช่วงที่ผู้ใช้ Windows 10 ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดเป็น Windows 11 หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น ข่าวนี้จึงเปิดเผยว่าไม่ว่าจะเลือก Windows 10 หรือ 11 ระบบจะเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ในลักษณะเดียวกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:

    1. ข้อมูลที่จำเป็น (Required data)
     – ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัย อัปเดตระบบ และให้บริการคลาวด์ เช่น Find My Device, Windows Search, Defender, Voice typing ฯลฯ
     – รวมถึงข้อมูลการตั้งค่าเครื่อง, การเชื่อมต่อเครือข่าย, ประสิทธิภาพระบบ, รายการแอปและไดรเวอร์ที่ติดตั้ง

    2. ข้อมูลเพิ่มเติม (Optional data)
     – ผู้ใช้สามารถเลือกส่งได้ เช่น ประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์, การพิมพ์, การเขียน, การใช้แอป, การตั้งค่าระบบ
     – Microsoft ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์และแก้ไขปัญหา

    ผู้ใช้ทั่วไปสามารถปรับระดับการส่งข้อมูลได้ใน Settings > Privacy > Diagnostics and feedback และเปิดเครื่องมือ Diagnostic Data Viewer เพื่อดูข้อมูลที่ถูกส่งออกไป ซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 1GB

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทั่วไปมีสิทธิ์จำกัดในการควบคุมข้อมูลที่ส่งออก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับลูกค้าองค์กรที่สามารถจัดการได้ละเอียดกว่า

    ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 10 และ 11 มีนโยบายการเก็บข้อมูลแบบเดียวกันตั้งแต่เวอร์ชัน 1903 ขึ้นไป
    - ข้อมูลแบ่งเป็น 2 ประเภท: Required และ Optional
    - Required data รวมถึงข้อมูลการตั้งค่าเครื่อง, การเชื่อมต่อ, ประสิทธิภาพ และรายการแอป
    - Optional data รวมถึงประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์, การพิมพ์, การใช้แอป และการตั้งค่า
    - ผู้ใช้สามารถปรับระดับการส่งข้อมูลได้ใน Settings > Privacy > Diagnostics and feedback
    - Diagnostic Data Viewer ช่วยให้ผู้ใช้ดูข้อมูลที่ถูกส่งออกไปได้
    - ลูกค้าองค์กรมีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลได้ละเอียดกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถปิดการส่งข้อมูลทั้งหมดได้ มีเพียงการเลือก “น้อยที่สุด” เท่านั้น
    - การใช้บริการที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ เช่น Find My Device หรือ Voice typing จะส่งข้อมูลเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ
    - การเปิด Diagnostic Data Viewer จะใช้พื้นที่ในเครื่องประมาณ 1GB
    - ผู้ใช้ที่ไม่เข้าใจระบบ telemetry อาจไม่รู้ว่าข้อมูลส่วนตัวถูกส่งออกไป
    - การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวใน Windows ต้องปรับด้วยตัวเอง มิฉะนั้นระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่อาจไม่ปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/this-is-the-data-windows-collects-about-you/
    ในช่วงที่ผู้ใช้ Windows 10 ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดเป็น Windows 11 หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น ข่าวนี้จึงเปิดเผยว่าไม่ว่าจะเลือก Windows 10 หรือ 11 ระบบจะเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ในลักษณะเดียวกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก: 1. ข้อมูลที่จำเป็น (Required data)  – ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัย อัปเดตระบบ และให้บริการคลาวด์ เช่น Find My Device, Windows Search, Defender, Voice typing ฯลฯ  – รวมถึงข้อมูลการตั้งค่าเครื่อง, การเชื่อมต่อเครือข่าย, ประสิทธิภาพระบบ, รายการแอปและไดรเวอร์ที่ติดตั้ง 2. ข้อมูลเพิ่มเติม (Optional data)  – ผู้ใช้สามารถเลือกส่งได้ เช่น ประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์, การพิมพ์, การเขียน, การใช้แอป, การตั้งค่าระบบ  – Microsoft ใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์และแก้ไขปัญหา ผู้ใช้ทั่วไปสามารถปรับระดับการส่งข้อมูลได้ใน Settings > Privacy > Diagnostics and feedback และเปิดเครื่องมือ Diagnostic Data Viewer เพื่อดูข้อมูลที่ถูกส่งออกไป ซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 1GB อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทั่วไปมีสิทธิ์จำกัดในการควบคุมข้อมูลที่ส่งออก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับลูกค้าองค์กรที่สามารถจัดการได้ละเอียดกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 10 และ 11 มีนโยบายการเก็บข้อมูลแบบเดียวกันตั้งแต่เวอร์ชัน 1903 ขึ้นไป - ข้อมูลแบ่งเป็น 2 ประเภท: Required และ Optional - Required data รวมถึงข้อมูลการตั้งค่าเครื่อง, การเชื่อมต่อ, ประสิทธิภาพ และรายการแอป - Optional data รวมถึงประวัติการใช้งานเบราว์เซอร์, การพิมพ์, การใช้แอป และการตั้งค่า - ผู้ใช้สามารถปรับระดับการส่งข้อมูลได้ใน Settings > Privacy > Diagnostics and feedback - Diagnostic Data Viewer ช่วยให้ผู้ใช้ดูข้อมูลที่ถูกส่งออกไปได้ - ลูกค้าองค์กรมีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลได้ละเอียดกว่าผู้ใช้ทั่วไป ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถปิดการส่งข้อมูลทั้งหมดได้ มีเพียงการเลือก “น้อยที่สุด” เท่านั้น - การใช้บริการที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ เช่น Find My Device หรือ Voice typing จะส่งข้อมูลเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ - การเปิด Diagnostic Data Viewer จะใช้พื้นที่ในเครื่องประมาณ 1GB - ผู้ใช้ที่ไม่เข้าใจระบบ telemetry อาจไม่รู้ว่าข้อมูลส่วนตัวถูกส่งออกไป - การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวใน Windows ต้องปรับด้วยตัวเอง มิฉะนั้นระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่อาจไม่ปลอดภัย https://www.neowin.net/news/this-is-the-data-windows-collects-about-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    This is the data Windows collects about you
    From crashes to clicks, here's what Windows knows about you, and how much control you really have over this data harvesting.
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ขอบคุณทหารเกาหลีเหนือ ที่ช่วยปลดปล่อยแคว้นคูร์กส์ จากการรุกรานข้ามชายแดนโดยกองกำลังยูเครนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ท่านผู้นำคิม จองอึน ประกาศกร้าว เปียงยางพร้อมให้การสนับสนุนทุกความพยายามของมอสโก แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065921

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ขอบคุณทหารเกาหลีเหนือ ที่ช่วยปลดปล่อยแคว้นคูร์กส์ จากการรุกรานข้ามชายแดนโดยกองกำลังยูเครนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ท่านผู้นำคิม จองอึน ประกาศกร้าว เปียงยางพร้อมให้การสนับสนุนทุกความพยายามของมอสโก แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065921 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • อาเซอร์ไบจานยืนยันข้อตกลงส่งออกก๊าซไปยังซีเรียโดยผ่านทางตุรกี

    นอกจากนี้สำนักข่าว i24 ของอิสราเอลยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในระหว่างการเยือนอาเซอร์ไบจานของอะห์หมัด อัล-ชารา (อัล-โจลานี) ผู้ปกครองซีเรีย เขาได้แอบพบปะกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลเพื่อหารือเกี่ยวกับ:
    - การป้องกัน "ภัยคุกคามจากอิหร่าน" ในซีเรีย
    - การกำจัดกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และปาเลสไตน์ในเลบานอน
    - สถานการณ์ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในกาซา
    - และที่น่าสนใจคือ การจัดตั้งเครือข่ายอิสราเอลในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย
    อาเซอร์ไบจานยืนยันข้อตกลงส่งออกก๊าซไปยังซีเรียโดยผ่านทางตุรกี นอกจากนี้สำนักข่าว i24 ของอิสราเอลยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในระหว่างการเยือนอาเซอร์ไบจานของอะห์หมัด อัล-ชารา (อัล-โจลานี) ผู้ปกครองซีเรีย เขาได้แอบพบปะกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลเพื่อหารือเกี่ยวกับ: - การป้องกัน "ภัยคุกคามจากอิหร่าน" ในซีเรีย - การกำจัดกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และปาเลสไตน์ในเลบานอน - สถานการณ์ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในกาซา - และที่น่าสนใจคือ การจัดตั้งเครือข่ายอิสราเอลในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • "จอนนี่ มือปราบ" เผยไม่เสียแรงต่อสู้! อธิบดีกรมพัฒน์ฯ ลงพื้นที่สิรินธร หาทางออกปมที่ดิน 387 ครอบครัว ไม่คิดดำเนินคดีใคร ยกเคสจอนนี่เป็นโมเดลนำร่องช่วยชาวบ้านทั่วประเทศให้มีที่ดินทำกิน ปิดฉากดรามารีสอร์ตรุกที่นิคมฯ ที่อย่างสมศักดิ์ศรี

    วันนี้ (12 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจชื่อดังและอินฟลูเอนเซอร์คนดัง โพสต์ภาพและข้อความอัพเดตความคืบหน้าคดีสร้างรีสอร์ตรุกที่นิคมสร้างตนเองลําโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ว่า ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ค.) นายกันตพงษ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่เป็นคู่กรณีฟ้องร้องกับผม ที่เป็นข่าวดัง เรื่องรีสอร์ทของผม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065648

    #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    "จอนนี่ มือปราบ" เผยไม่เสียแรงต่อสู้! อธิบดีกรมพัฒน์ฯ ลงพื้นที่สิรินธร หาทางออกปมที่ดิน 387 ครอบครัว ไม่คิดดำเนินคดีใคร ยกเคสจอนนี่เป็นโมเดลนำร่องช่วยชาวบ้านทั่วประเทศให้มีที่ดินทำกิน ปิดฉากดรามารีสอร์ตรุกที่นิคมฯ ที่อย่างสมศักดิ์ศรี • วันนี้ (12 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจชื่อดังและอินฟลูเอนเซอร์คนดัง โพสต์ภาพและข้อความอัพเดตความคืบหน้าคดีสร้างรีสอร์ตรุกที่นิคมสร้างตนเองลําโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ว่า ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ค.) นายกันตพงษ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่เป็นคู่กรณีฟ้องร้องกับผม ที่เป็นข่าวดัง เรื่องรีสอร์ทของผม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065648 • #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • หลังเสร็จสิ้นภารกิจในมาเลเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่า่งประเทศของรัสเซีย มุ่งหน้าสู่เกาหลีเหนือทันที เพื่อเข้าร่วมการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์รอบที่สองกับผู้นำคิม
    หลังเสร็จสิ้นภารกิจในมาเลเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่า่งประเทศของรัสเซีย มุ่งหน้าสู่เกาหลีเหนือทันที เพื่อเข้าร่วมการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์รอบที่สองกับผู้นำคิม
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 0 Reviews
  • AMD Zen 6 – ซีพียูยุคใหม่ที่เพิ่มคอร์ เพิ่มแคช และปรับโครงสร้างให้ฉลาดขึ้น

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Ryzen รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยล่าสุดมีการส่งตัวอย่าง (engineering samples) ให้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมแล้ว เช่น ผู้ผลิตเมนบอร์ดและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ปรับแต่ง

    Zen 6 จะเป็นการ “พัฒนาเชิงวิวัฒนาการ” จาก Zen 5 มากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม โดยมีจุดเด่นหลายด้าน:
    - จำนวนคอร์ต่อ CCD เพิ่มขึ้นเป็น 12 คอร์ในรุ่น Classic และ 16 คอร์ในรุ่น Dense
    - แคช L3 ต่อ CCD เพิ่มขึ้นเป็น 48 MB
    - มีการออกแบบ memory controller แบบใหม่เป็น “dual IMC” แม้จะยังใช้ dual-channel เหมือนเดิม
    - รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้น
    - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในระบบ Boost หรือ Curve Optimizer ทำให้ซอฟต์แวร์ปรับแต่งเดิมยังใช้ได้

    แม้จะยังไม่ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า Zen 6 จะวางจำหน่ายช่วงกลางถึงปลายปี 2026 ซึ่งจะชนกับ Intel Nova Lake-S ที่มีสูงสุดถึง 52 คอร์

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้พันธมิตรแล้ว เช่น ผู้ผลิตเมนบอร์ด
    - Zen 6 เป็นการพัฒนาต่อจาก Zen 5 แบบ “วิวัฒนาการ” ไม่ใช่ “ปฏิวัติ”
    - CCD รุ่นใหม่มี 12–16 คอร์ และแคช L3 สูงสุด 48 MB ต่อ CCD
    - มีการออกแบบ dual IMC แต่ยังใช้ dual-channel memory layout
    - รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้น
    - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน Boost Algorithms และ Curve Optimizer
    - คาดว่า Zen 6 จะเปิดตัวกลางถึงปลายปี 2026
    - อาจมีรุ่นสูงสุดถึง 24 คอร์ 48 เธรด พร้อมแคชรวม 96 MB หรือมากกว่านั้นในรุ่น X3D

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - Zen 6 ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน “tape-out” อย่างเป็นทางการ อาจมีความล่าช้าในการผลิต
    - การเพิ่มจำนวนคอร์และแคชอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้องใช้เมนบอร์ดที่รองรับ
    - dual IMC อาจทำให้บางเมนบอร์ดรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
    - การแข่งขันกับ Intel Nova Lake-S ที่มี 52 คอร์อาจทำให้ AMD ต้องเร่งพัฒนาให้ทัน
    - ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นประโยชน์จากจำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น หากไม่ได้ใช้งานแบบมัลติทาสก์หรือประมวลผลหนัก

    https://wccftech.com/amd-ryzen-zen-6-cpu-samples-distributed-architecture-evolution-more-cores-per-ccd-new-dual-imc-design/
    AMD Zen 6 – ซีพียูยุคใหม่ที่เพิ่มคอร์ เพิ่มแคช และปรับโครงสร้างให้ฉลาดขึ้น AMD กำลังเตรียมเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Ryzen รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยล่าสุดมีการส่งตัวอย่าง (engineering samples) ให้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมแล้ว เช่น ผู้ผลิตเมนบอร์ดและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ปรับแต่ง Zen 6 จะเป็นการ “พัฒนาเชิงวิวัฒนาการ” จาก Zen 5 มากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม โดยมีจุดเด่นหลายด้าน: - จำนวนคอร์ต่อ CCD เพิ่มขึ้นเป็น 12 คอร์ในรุ่น Classic และ 16 คอร์ในรุ่น Dense - แคช L3 ต่อ CCD เพิ่มขึ้นเป็น 48 MB - มีการออกแบบ memory controller แบบใหม่เป็น “dual IMC” แม้จะยังใช้ dual-channel เหมือนเดิม - รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้น - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในระบบ Boost หรือ Curve Optimizer ทำให้ซอฟต์แวร์ปรับแต่งเดิมยังใช้ได้ แม้จะยังไม่ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า Zen 6 จะวางจำหน่ายช่วงกลางถึงปลายปี 2026 ซึ่งจะชนกับ Intel Nova Lake-S ที่มีสูงสุดถึง 52 คอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD ส่งตัวอย่าง Zen 6 ให้พันธมิตรแล้ว เช่น ผู้ผลิตเมนบอร์ด - Zen 6 เป็นการพัฒนาต่อจาก Zen 5 แบบ “วิวัฒนาการ” ไม่ใช่ “ปฏิวัติ” - CCD รุ่นใหม่มี 12–16 คอร์ และแคช L3 สูงสุด 48 MB ต่อ CCD - มีการออกแบบ dual IMC แต่ยังใช้ dual-channel memory layout - รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้น - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน Boost Algorithms และ Curve Optimizer - คาดว่า Zen 6 จะเปิดตัวกลางถึงปลายปี 2026 - อาจมีรุ่นสูงสุดถึง 24 คอร์ 48 เธรด พร้อมแคชรวม 96 MB หรือมากกว่านั้นในรุ่น X3D ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - Zen 6 ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน “tape-out” อย่างเป็นทางการ อาจมีความล่าช้าในการผลิต - การเพิ่มจำนวนคอร์และแคชอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้องใช้เมนบอร์ดที่รองรับ - dual IMC อาจทำให้บางเมนบอร์ดรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ - การแข่งขันกับ Intel Nova Lake-S ที่มี 52 คอร์อาจทำให้ AMD ต้องเร่งพัฒนาให้ทัน - ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นประโยชน์จากจำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น หากไม่ได้ใช้งานแบบมัลติทาสก์หรือประมวลผลหนัก https://wccftech.com/amd-ryzen-zen-6-cpu-samples-distributed-architecture-evolution-more-cores-per-ccd-new-dual-imc-design/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen "Zen 6" CPU Samples Already Distributed, Architecture To Be A "Evolution" With More Cores Per CCD, New "Dual" IMC Design
    New details for next-gen AMD Ryzen CPUs based on the Zen 6 architecture have been revealed by 1usmus, pointing to an evolutionary design.
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • Outlook ล่มทั่วโลก – Microsoft เร่งแก้ไขหลังผู้ใช้เดือดร้อนหลายชั่วโมง

    ช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ตามเวลา UTC ผู้ใช้ Outlook ทั่วโลกเริ่มรายงานปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอีเมลได้ ไม่ว่าจะผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แอปมือถือ หรือโปรแกรม Outlook บนเดสก์ท็อป โดยเฉพาะในช่วงเช้าของฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเวลาทำงาน ทำให้เกิดความวุ่นวายในการติดต่อสื่อสารขององค์กรและบุคคลทั่วไป

    Microsoft ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากการตั้งค่าระบบ authentication ที่ผิดพลาด และได้เริ่ม deploy การแก้ไขแบบเร่งด่วนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมตรวจสอบการตั้งค่าคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย

    แม้จะใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ในที่สุด Microsoft ก็ประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาในโครงสร้างพื้นฐานเป้าหมายแล้ว และกำลังขยายการ deploy ไปยังผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้ดูแลระบบสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรหัสเหตุการณ์ EX1112414 ใน Microsoft 365 Admin Center

    https://www.techradar.com/pro/live/outlook-down-microsoft-email-platform-apparently-suffering-major-outage-heres-what-we-know
    Outlook ล่มทั่วโลก – Microsoft เร่งแก้ไขหลังผู้ใช้เดือดร้อนหลายชั่วโมง ช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ตามเวลา UTC ผู้ใช้ Outlook ทั่วโลกเริ่มรายงานปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอีเมลได้ ไม่ว่าจะผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แอปมือถือ หรือโปรแกรม Outlook บนเดสก์ท็อป โดยเฉพาะในช่วงเช้าของฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเวลาทำงาน ทำให้เกิดความวุ่นวายในการติดต่อสื่อสารขององค์กรและบุคคลทั่วไป Microsoft ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากการตั้งค่าระบบ authentication ที่ผิดพลาด และได้เริ่ม deploy การแก้ไขแบบเร่งด่วนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมตรวจสอบการตั้งค่าคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ในที่สุด Microsoft ก็ประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาในโครงสร้างพื้นฐานเป้าหมายแล้ว และกำลังขยายการ deploy ไปยังผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้ดูแลระบบสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรหัสเหตุการณ์ EX1112414 ใน Microsoft 365 Admin Center https://www.techradar.com/pro/live/outlook-down-microsoft-email-platform-apparently-suffering-major-outage-heres-what-we-know
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js

    MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel

    เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย

    แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน

    บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที

    ข้อมูลจากข่าว
    - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง
    - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ
    - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep
    - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน
    - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping
    - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว
    - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี
    - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก
    - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ
    - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที ✅ ข้อมูลจากข่าว - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    WWW.TECHRADAR.COM
    Nearly a million browsers affected by more malicious browser extensions - here's what we know
    Hundreds of extensions were found, putting almost a million people at risk
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • Medusa Ridge – AMD เตรียมปล่อย Ryzen Zen 6 ที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และรองรับแรมแรงกว่าเดิม

    AMD กำลังส่งตัวอย่างโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ “Medusa Ridge” ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ให้กับพันธมิตร เช่น OEM และนักออกแบบแพลตฟอร์ม โดยมีการอัปเกรดทั้งในส่วนของ CCD (Core Complex Die) และ cIOD (Client I/O Die)

    Zen 6 จะผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N2 (2 นาโนเมตร) ซึ่งมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์สูงกว่ารุ่นก่อนอย่าง Zen 5 ที่ใช้ N4P ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD ได้ถึง 12 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 48 MB ต่อ CCD

    ยังไม่ชัดเจนว่า AMD จะใช้การจัดวางแบบ CCX เดียว 12 คอร์ หรือแบ่งเป็น 2 CCX (6 คอร์ + 24 MB L3 ต่อ CCX) แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ

    ส่วน cIOD ก็มีการอัปเกรดจาก 6 นาโนเมตรเป็น 5 หรือ 4 นาโนเมตร โดยเน้นการปรับปรุง memory controller ใหม่แบบ “dual memory controller architecture” ซึ่งยังคงใช้ 2 ช่อง DDR5 ต่อซ็อกเก็ต แต่สามารถรองรับความเร็วแรมที่สูงขึ้น เพื่อไล่ตาม Intel ให้ทัน

    แม้เทคโนโลยีการเร่งความเร็วซีพียู เช่น PBO และ Curve Optimizer จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่การสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Hydra ก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD กำลังส่งตัวอย่างโปรเซสเซอร์ “Medusa Ridge” ที่ใช้ Zen 6 ให้พันธมิตร
    - Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N2 (2 นาโนเมตร) ซึ่งมีความหนาแน่นสูง
    - คาดว่าจะเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 48 MB
    - ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ CCX เดียวหรือแบ่งเป็น 2 CCX ต่อ CCD
    - cIOD ถูกอัปเกรดเป็น 5 หรือ 4 นาโนเมตร พร้อม dual memory controller architecture
    - รองรับ DDR5 2 ช่องต่อซ็อกเก็ต แต่สามารถเพิ่มความเร็วแรมได้มากขึ้น
    - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี PBO และ Curve Optimizer
    - Hydra tuning software ยังคงรองรับ Zen 6 ได้ตามปกติ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ยังไม่มีการประกาศ “tape-out” อย่างเป็นทางการของ Zen 6 จาก AMD
    - การเพิ่มจำนวนคอร์และแคชอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้องใช้เมนบอร์ดที่รองรับ
    - การเปลี่ยนแปลงใน memory controller อาจทำให้เมนบอร์ดรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
    - การใช้เทคโนโลยี 2 นาโนเมตรยังอยู่ในช่วง risk production อาจมีความล่าช้าในการผลิตจริง
    - ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นประโยชน์จากจำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น หากไม่ได้ใช้งานแบบมัลติทาสก์หรือประมวลผลหนัก


    https://www.techpowerup.com/338854/amd-sampling-next-gen-ryzen-desktop-medusa-ridge-sees-incremental-ipc-upgrade-new-ciod
    Medusa Ridge – AMD เตรียมปล่อย Ryzen Zen 6 ที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และรองรับแรมแรงกว่าเดิม AMD กำลังส่งตัวอย่างโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ “Medusa Ridge” ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ให้กับพันธมิตร เช่น OEM และนักออกแบบแพลตฟอร์ม โดยมีการอัปเกรดทั้งในส่วนของ CCD (Core Complex Die) และ cIOD (Client I/O Die) Zen 6 จะผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N2 (2 นาโนเมตร) ซึ่งมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์สูงกว่ารุ่นก่อนอย่าง Zen 5 ที่ใช้ N4P ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD ได้ถึง 12 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 48 MB ต่อ CCD ยังไม่ชัดเจนว่า AMD จะใช้การจัดวางแบบ CCX เดียว 12 คอร์ หรือแบ่งเป็น 2 CCX (6 คอร์ + 24 MB L3 ต่อ CCX) แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน cIOD ก็มีการอัปเกรดจาก 6 นาโนเมตรเป็น 5 หรือ 4 นาโนเมตร โดยเน้นการปรับปรุง memory controller ใหม่แบบ “dual memory controller architecture” ซึ่งยังคงใช้ 2 ช่อง DDR5 ต่อซ็อกเก็ต แต่สามารถรองรับความเร็วแรมที่สูงขึ้น เพื่อไล่ตาม Intel ให้ทัน แม้เทคโนโลยีการเร่งความเร็วซีพียู เช่น PBO และ Curve Optimizer จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่การสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Hydra ก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD กำลังส่งตัวอย่างโปรเซสเซอร์ “Medusa Ridge” ที่ใช้ Zen 6 ให้พันธมิตร - Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N2 (2 นาโนเมตร) ซึ่งมีความหนาแน่นสูง - คาดว่าจะเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 48 MB - ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ CCX เดียวหรือแบ่งเป็น 2 CCX ต่อ CCD - cIOD ถูกอัปเกรดเป็น 5 หรือ 4 นาโนเมตร พร้อม dual memory controller architecture - รองรับ DDR5 2 ช่องต่อซ็อกเก็ต แต่สามารถเพิ่มความเร็วแรมได้มากขึ้น - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี PBO และ Curve Optimizer - Hydra tuning software ยังคงรองรับ Zen 6 ได้ตามปกติ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ยังไม่มีการประกาศ “tape-out” อย่างเป็นทางการของ Zen 6 จาก AMD - การเพิ่มจำนวนคอร์และแคชอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้องใช้เมนบอร์ดที่รองรับ - การเปลี่ยนแปลงใน memory controller อาจทำให้เมนบอร์ดรุ่นเก่าไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ - การใช้เทคโนโลยี 2 นาโนเมตรยังอยู่ในช่วง risk production อาจมีความล่าช้าในการผลิตจริง - ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นประโยชน์จากจำนวนคอร์ที่เพิ่มขึ้น หากไม่ได้ใช้งานแบบมัลติทาสก์หรือประมวลผลหนัก https://www.techpowerup.com/338854/amd-sampling-next-gen-ryzen-desktop-medusa-ridge-sees-incremental-ipc-upgrade-new-ciod
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Sampling Next-Gen Ryzen Desktop "Medusa Ridge," Sees Incremental IPC Upgrade, New cIOD
    AMD is reportedly sampling its next-generation Ryzen desktop processor powered by the "Zen 6" microarchitecture, codenamed "Medusa Ridge," to close industry partners, such as platform designers and OEMs, says Yuri Bubliy, aka 1usmus, author of the Hydra tuning software, and the now-retired DRAM Calc...
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปลี่ยนเอนจิน JavaScript เก่า – ปิดช่องโหว่ที่หลงเหลือมานานกว่า 30 ปี

    ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุค Internet Explorer 3.0 เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน Microsoft ได้พัฒนา JScript ซึ่งเป็น dialect ของ JavaScript ที่ใช้ในเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ บน Windows แม้ว่า IE จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ JScript กลับยังคงอยู่ในระบบ Windows รุ่นใหม่ ๆ และกลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

    ล่าสุด Microsoft ประกาศว่าใน Windows 11 รุ่น 24H2 จะมีการเปลี่ยนเอนจิน JScript แบบเก่าไปใช้ JScript9Legacy ซึ่งเป็น runtime ใหม่ที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ—ระบบจะเปลี่ยนให้อัตโนมัติ

    JScript9Legacy พัฒนาบนพื้นฐานของ Chakra engine ที่เคยใช้ใน Internet Explorer 9 และถูกออกแบบมาเพื่อ:
    - ปรับปรุงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ cross-site scripting (XSS)
    - เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ JavaScript objects
    - ใช้นโยบายการรันสคริปต์ที่เข้มงวดขึ้น

    Microsoft ระบุว่าแม้จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของสคริปต์เดิม แต่ก็เปิดทางให้ผู้ใช้ระดับองค์กรสามารถ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมได้ หากมีความจำเป็น โดยต้องติดต่อผ่าน Windows Services Hub

    ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เปลี่ยนจาก JScript engine แบบเก่าไปใช้ JScript9Legacy ใน Windows 11 รุ่น 24H2
    - JScript9Legacy พัฒนาบน Chakra engine ที่เคยใช้ใน IE9
    - ระบบจะเปลี่ยนให้อัตโนมัติ ไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการเอง
    - เอนจินใหม่มีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย เช่น ป้องกัน XSS และจัดการ object ได้ดีขึ้น
    - Microsoft ยังคงออกอัปเดตด้านความปลอดภัยรายเดือนสำหรับสคริปต์
    - ผู้ใช้ระดับองค์กรสามารถขอ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมได้ผ่าน Windows Services Hub

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - แม้จะไม่มีผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ แต่ Microsoft ยอมรับว่าอาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์เดิมบางประเภท
    - การใช้ JScript engine แบบเก่าในระบบที่ยังไม่ได้อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว
    - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบสคริปต์ที่ใช้งานอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับ JScript9Legacy
    - การ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมควรทำด้วยความระมัดระวัง และเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ
    - นักพัฒนาและองค์กรควรเริ่มวางแผนย้ายออกจาก JScript ไปใช้มาตรฐาน JavaScript สมัยใหม่ที่ปลอดภัยกว่า

    https://www.techspot.com/news/108625-microsoft-replaced-legacy-javascript-engine-improve-security-windows.html
    Microsoft เปลี่ยนเอนจิน JavaScript เก่า – ปิดช่องโหว่ที่หลงเหลือมานานกว่า 30 ปี ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุค Internet Explorer 3.0 เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน Microsoft ได้พัฒนา JScript ซึ่งเป็น dialect ของ JavaScript ที่ใช้ในเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ บน Windows แม้ว่า IE จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ JScript กลับยังคงอยู่ในระบบ Windows รุ่นใหม่ ๆ และกลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ล่าสุด Microsoft ประกาศว่าใน Windows 11 รุ่น 24H2 จะมีการเปลี่ยนเอนจิน JScript แบบเก่าไปใช้ JScript9Legacy ซึ่งเป็น runtime ใหม่ที่ปลอดภัยและทันสมัยกว่า โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ—ระบบจะเปลี่ยนให้อัตโนมัติ JScript9Legacy พัฒนาบนพื้นฐานของ Chakra engine ที่เคยใช้ใน Internet Explorer 9 และถูกออกแบบมาเพื่อ: - ปรับปรุงความปลอดภัยจากการโจมตีแบบ cross-site scripting (XSS) - เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ JavaScript objects - ใช้นโยบายการรันสคริปต์ที่เข้มงวดขึ้น Microsoft ระบุว่าแม้จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของสคริปต์เดิม แต่ก็เปิดทางให้ผู้ใช้ระดับองค์กรสามารถ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมได้ หากมีความจำเป็น โดยต้องติดต่อผ่าน Windows Services Hub ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เปลี่ยนจาก JScript engine แบบเก่าไปใช้ JScript9Legacy ใน Windows 11 รุ่น 24H2 - JScript9Legacy พัฒนาบน Chakra engine ที่เคยใช้ใน IE9 - ระบบจะเปลี่ยนให้อัตโนมัติ ไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการเอง - เอนจินใหม่มีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย เช่น ป้องกัน XSS และจัดการ object ได้ดีขึ้น - Microsoft ยังคงออกอัปเดตด้านความปลอดภัยรายเดือนสำหรับสคริปต์ - ผู้ใช้ระดับองค์กรสามารถขอ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมได้ผ่าน Windows Services Hub ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - แม้จะไม่มีผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ แต่ Microsoft ยอมรับว่าอาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์เดิมบางประเภท - การใช้ JScript engine แบบเก่าในระบบที่ยังไม่ได้อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่รู้จักแล้ว - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบสคริปต์ที่ใช้งานอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับ JScript9Legacy - การ rollback กลับไปใช้ JScript เดิมควรทำด้วยความระมัดระวัง และเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ - นักพัฒนาและองค์กรควรเริ่มวางแผนย้ายออกจาก JScript ไปใช้มาตรฐาน JavaScript สมัยใหม่ที่ปลอดภัยกว่า https://www.techspot.com/news/108625-microsoft-replaced-legacy-javascript-engine-improve-security-windows.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft replaces legacy JavaScript engine to improve security in Windows 11
    Microsoft officially retired JScript years ago, along with proper support for the original Internet Explorer browser. However, the JScript engine still lingers in modern Windows installations, posing...
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555
    เหรียญหลวงพ่อทวด เนื้อทองแดงรมดำ (สร้าง 5555 เหรียญ โค้ดเลเซอร์ + ยิงเลเซอร์หมายเลข ๒๒๐๕ ) รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 5 วาระ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาด นิรันตรายสุดยอด ทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภมั่งคั่ง ค้าขาย ร่ำรวย เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เจรจาการงาน ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555 ด้านหน้า หลวงพ่อทวดนั้งสมาธิเต็มองค์ ขอบเหรียญมีเม็กไข่ปลา 180 เม็ด หมายถึง หัวใจของพระคาถาทั้ง 108 พระคาถา ข้างหลัง เป็นรูปใบโพธิ์ ภายใน มีพญาครุฑ เหนือยันต์ "รับทรัพย์" พ่อท่านเขียน ขอบล่าง มียันต์ " นะเงิน นะมี "พ่อท่านเขียว >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555 เหรียญหลวงพ่อทวด เนื้อทองแดงรมดำ (สร้าง 5555 เหรียญ โค้ดเลเซอร์ + ยิงเลเซอร์หมายเลข ๒๒๐๕ ) รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสก 5 วาระ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาด นิรันตรายสุดยอด ทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภมั่งคั่ง ค้าขาย ร่ำรวย เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เจรจาการงาน ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่น50ปี ธนาคารไทยพาณิชย์ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปี2555 ด้านหน้า หลวงพ่อทวดนั้งสมาธิเต็มองค์ ขอบเหรียญมีเม็กไข่ปลา 180 เม็ด หมายถึง หัวใจของพระคาถาทั้ง 108 พระคาถา ข้างหลัง เป็นรูปใบโพธิ์ ภายใน มีพญาครุฑ เหนือยันต์ "รับทรัพย์" พ่อท่านเขียน ขอบล่าง มียันต์ " นะเงิน นะมี "พ่อท่านเขียว >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด!

    ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090

    งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น!

    ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025  
    • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)  
    • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D  
    • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral

    แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025  
    • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070  
    • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่  
    • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

    วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม

    มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด! ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090 งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น! ✅ ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025   • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)   • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D   • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral ✅ แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025   • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070   • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่   • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ✅ วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม ✅ มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • เข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ และนักธุรกิจ โดนเล่นงาน "ร่ำรวยผิดปกติ" เงินไม่สอดคล้องกับยศนายดาบ ไม่มีท่าทีจะอ่อนกำลัง ล่าสุดประเด็นสร้างรีสอร์ทรุกล้ำเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ทุกครั้งที่โดนก็สวนกลับแบบทันควัน หลายฝ่ายมองว่าคลิปวิจารณ์และไล่ "นายกฯ อิ๊งค์" คือปฐมบทของมรสุมครั้งนี้ มือปราบอินดี้ตั้งการ์ดรอ เพราะลึกๆ ทราบดีถึงผลกระทบที่ตามมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064843

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เข้าสู่ช่วงฤดูมรสุมของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ และนักธุรกิจ โดนเล่นงาน "ร่ำรวยผิดปกติ" เงินไม่สอดคล้องกับยศนายดาบ ไม่มีท่าทีจะอ่อนกำลัง ล่าสุดประเด็นสร้างรีสอร์ทรุกล้ำเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ทุกครั้งที่โดนก็สวนกลับแบบทันควัน หลายฝ่ายมองว่าคลิปวิจารณ์และไล่ "นายกฯ อิ๊งค์" คือปฐมบทของมรสุมครั้งนี้ มือปราบอินดี้ตั้งการ์ดรอ เพราะลึกๆ ทราบดีถึงผลกระทบที่ตามมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064843 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 1 Shares 562 Views 0 Reviews
  • อดีตตำรวจอินฟลูฯ คนดัง "จอนนี่ มือปราบ" โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถูกนักการเมืองบางรายสกัดกั้น เผยยังไม่คิดลงสนามเลือกตั้ง แต่เตือนแรง หากถูกรังแกเกินไป จะลุกขึ้นสู้แทนชาวบ้าน พร้อมเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสภา

    วันนี้ (9 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนไม่เคยคิดจะเล่นการเมือง หรือลง ส.ส. แต่อย่างใด ลาออกจากตำรวจมา ก็จะมาหากินทำธุรกิจโดยสุจริต เพื่อเลี้ยงครอบครัว และมาเป็นสื่อกระบอกเสียงช่วยชาวบ้าน ในรูปแบบของตน

    “และจะมาลุยปราบยานรก เอาแบบให้ชัดเจน เด็ดขาด!!!”

    ทราบข้อมูลมา ว่ามีนักการเมืองกลั่นแกล้งเวลานี้ สกัด เกรงกลัวผมจะลง ส.ส.แข่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064703

    #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    อดีตตำรวจอินฟลูฯ คนดัง "จอนนี่ มือปราบ" โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถูกนักการเมืองบางรายสกัดกั้น เผยยังไม่คิดลงสนามเลือกตั้ง แต่เตือนแรง หากถูกรังแกเกินไป จะลุกขึ้นสู้แทนชาวบ้าน พร้อมเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในสภา • วันนี้ (9 ก.ค.) ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่มือปราบ" อดีตตำรวจ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนไม่เคยคิดจะเล่นการเมือง หรือลง ส.ส. แต่อย่างใด ลาออกจากตำรวจมา ก็จะมาหากินทำธุรกิจโดยสุจริต เพื่อเลี้ยงครอบครัว และมาเป็นสื่อกระบอกเสียงช่วยชาวบ้าน ในรูปแบบของตน • “และจะมาลุยปราบยานรก เอาแบบให้ชัดเจน เด็ดขาด!!!” • ทราบข้อมูลมา ว่ามีนักการเมืองกลั่นแกล้งเวลานี้ สกัด เกรงกลัวผมจะลง ส.ส.แข่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064703 • #Thaitimes #MGROnline #จอนนี่มือปราบ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • ..มีรัฐบาลใหม่ น่าจะสิ้นสุดการปกปิดได้และต้องมาจากนายกฯพระราชทานยิ่งดี,อนาคตงานหนักด้วย,ค่าจริงความจริงต้องเปิดเผยแก่ประชาชนให้รับรู้,ปิดบังมานานเกินไปต้องแต่ยุคโควิด ต่างชาติก็ระบุชัดว่าพื้นฐานเนื้อวัคซีนโควิดมีแน่นอน3ตัว คือเอดส์ มะเร็ง และซาร์ตัดแต่ง,เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราเป็นเอดส์ส่วนใหญ่แน่นอนจากถูกบังคับฉีดวัคซีนมาตัังแต่ระดับอนุบาล ขึ้นประถมก็ลาป่วยกันตรึมเพราะเริ่มออกฤทธิ์ ฉีดประถมต้น ขึ้นประถมปลายก็เริ่มป่วยไข้บ่อยขึ้น ฉีดประถมปลายก็ไปป่วยนั้นนี้โน้นตอนมัธยมต้น,ฉีดมัธยมต้นก็ออกฤทธิ์มัธยมปลาย เป็นต้น เด็กๆป่วยต่างจากยุควัยรุ่นในอดีตป่วยมากนะ,วิ่งเล่นกีฬาดีๆก็วูบก็เหนื่อยผิดปกติ,เดินขบวนกีฬาถูกแดดนิดหน่อยก็เป็นลมง่ายๆ,คนเฒ่าคนแก่คนชราก็จัดงานศพไปวัดไปป่าช้าตรึมบ่อยขึ้น,ทหารตำรวจว่าแข็งแรงออกกำลังกายปกติก็ขึ้นเป็นข่าววูบตายเสีย, หมอพยาบาลยิ่งโหด รับคนละ5เข็มอย่างน้อย ไฟเซอร์อีกที่คุยทับกัน,เข็มหลอดแบบอีลิทต่างชาติผู้นำหัวๆก็ไม่ว่าหรอก หรือน้ำเกลือน้ำแร่ก็ตาม แต่ประชาชนเสี่ยงสูงชัดเจนทั่วไทย,นี้คือวาระแห่งชาติไทยที่รัฐบาลนายกฯพระราชทานคนใหม่ต้องชัดเจนจริงใจในด้านนี้และต้องถีบต้องจบรัฐบาลชุดปัจจุบันสิ้นขาดจากอำนาจรัฐปัจจุบันโดยเร็ว,ทั้งสุขภาพ ทั้งปากท้องประชาชนและอธิปไตยชาติไทยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น,เห็นข่าวมันโคตรเบื่อหน่ายจริงๆ มันต้องจบต้องเปลี่ยนจริงๆ

    https://youtu.be/P9W9AFF-E30?si=gm9782JgTpdyug98
    ..มีรัฐบาลใหม่ น่าจะสิ้นสุดการปกปิดได้และต้องมาจากนายกฯพระราชทานยิ่งดี,อนาคตงานหนักด้วย,ค่าจริงความจริงต้องเปิดเผยแก่ประชาชนให้รับรู้,ปิดบังมานานเกินไปต้องแต่ยุคโควิด ต่างชาติก็ระบุชัดว่าพื้นฐานเนื้อวัคซีนโควิดมีแน่นอน3ตัว คือเอดส์ มะเร็ง และซาร์ตัดแต่ง,เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราเป็นเอดส์ส่วนใหญ่แน่นอนจากถูกบังคับฉีดวัคซีนมาตัังแต่ระดับอนุบาล ขึ้นประถมก็ลาป่วยกันตรึมเพราะเริ่มออกฤทธิ์ ฉีดประถมต้น ขึ้นประถมปลายก็เริ่มป่วยไข้บ่อยขึ้น ฉีดประถมปลายก็ไปป่วยนั้นนี้โน้นตอนมัธยมต้น,ฉีดมัธยมต้นก็ออกฤทธิ์มัธยมปลาย เป็นต้น เด็กๆป่วยต่างจากยุควัยรุ่นในอดีตป่วยมากนะ,วิ่งเล่นกีฬาดีๆก็วูบก็เหนื่อยผิดปกติ,เดินขบวนกีฬาถูกแดดนิดหน่อยก็เป็นลมง่ายๆ,คนเฒ่าคนแก่คนชราก็จัดงานศพไปวัดไปป่าช้าตรึมบ่อยขึ้น,ทหารตำรวจว่าแข็งแรงออกกำลังกายปกติก็ขึ้นเป็นข่าววูบตายเสีย, หมอพยาบาลยิ่งโหด รับคนละ5เข็มอย่างน้อย ไฟเซอร์อีกที่คุยทับกัน,เข็มหลอดแบบอีลิทต่างชาติผู้นำหัวๆก็ไม่ว่าหรอก หรือน้ำเกลือน้ำแร่ก็ตาม แต่ประชาชนเสี่ยงสูงชัดเจนทั่วไทย,นี้คือวาระแห่งชาติไทยที่รัฐบาลนายกฯพระราชทานคนใหม่ต้องชัดเจนจริงใจในด้านนี้และต้องถีบต้องจบรัฐบาลชุดปัจจุบันสิ้นขาดจากอำนาจรัฐปัจจุบันโดยเร็ว,ทั้งสุขภาพ ทั้งปากท้องประชาชนและอธิปไตยชาติไทยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น,เห็นข่าวมันโคตรเบื่อหน่ายจริงๆ มันต้องจบต้องเปลี่ยนจริงๆ https://youtu.be/P9W9AFF-E30?si=gm9782JgTpdyug98
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก

    MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง
    - งานทั่วไป (general-purpose)
    - งานเรียลไทม์ (real-time)
    - และงาน AI บน edge

    ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing

    GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI  
    • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล  
    • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF

    เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:  
    • ซีพียู IP แบบ general-purpose  
    • หน่วยเร่ง AI inference  
    • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว

    RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge  
    • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก

    GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง  
    • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย  
    • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด

    ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม

    คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ)

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง - งานทั่วไป (general-purpose) - งานเรียลไทม์ (real-time) - และงาน AI บน edge ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing ✅ GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI   • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล   • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF ✅ เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:   • ซีพียู IP แบบ general-purpose   • หน่วยเร่ง AI inference   • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว ✅ RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge   • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก ✅ GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง   • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย   • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด ✅ ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม ✅ คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ) https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย

    ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก

    ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์)

    LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม  
    • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน  
    • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%  
    • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

    ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต  
    • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า  
    • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ

    ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม  
    • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง

    LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin  
    • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ  
    • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่

    Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน

    ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    ปกติแล้ว ภายในสมาร์ตโฟน ชิปจะถูกวางอยู่บนแผ่นซับสเตรต แล้ว “ลูกบอลบัดกรี” (solder balls) จะเชื่อมระหว่างชิปกับเมนบอร์ด → แต่ LG Innotek เสนอว่า แทนที่จะใช้ลูกบอลเชื่อมแบบเดิม ให้ใช้แท่งทองแดง (Copper Posts) วางบนซับสเตรตก่อน แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีอีกที → ทำให้สามารถ “ลดช่องว่างระหว่างจุดเชื่อมต่อ” ลงได้ถึง 20% แบบไม่เสียประสิทธิภาพเลย ข้อดีไม่ใช่แค่บางลง → แต่ระบบนี้ทำให้ ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า → และทนความร้อนในขั้นตอนผลิตมากขึ้น → ไม่เสียรูปง่ายเหมือนลูกบอลดีบุก ตอนนี้ LG Innotek มีสิทธิบัตร Copper Post แล้วกว่า 40 ใบ และเตรียมใช้กับแพ็กเกจ RF-SiP (สำหรับโมเด็ม, เครื่องขยายสัญญาณ, ตัวกรองคลื่น) และ FC-CSP (สำหรับแอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์) ✅ LG Innotek พัฒนาโครงสร้าง Copper Post แทน solder balls แบบเดิม   • วางแท่งทองแดงบน substrate → แล้วค่อยวางลูกบอลบัดกรีด้านบน   • ลดระยะห่างระหว่าง solder ได้ถึง ~20%   • ทำให้สมาร์ตโฟนบางลง และเหลือพื้นที่ใส่แบตฯ หรือชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ✅ ช่วยเพิ่มการระบายความร้อน + ความทนทานในกระบวนการผลิต   • ทองแดงนำความร้อนดีกว่าดีบุกบัดกรี 7 เท่า   • ไม่เสียรูปแม้ในความร้อนสูงขั้นตอนประกอบ ✅ ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวน (signal degradation) ที่เกิดจากความร้อนสะสม   • เหมาะกับสมาร์ตโฟนรุ่นสูงที่มีการส่งข้อมูลความเร็วสูง ✅ LG Innotek ลงทุนวิจัยตั้งแต่ปี 2021 โดยใช้ 3D simulation และ digital twin   • ปัจจุบันมีสิทธิบัตรแล้วราว 40 ใบ   • เตรียมใช้งานจริงกับ RF-SiP และ FC-CSP บนสมาร์ตโฟน–อุปกรณ์สวมใส่ ‼️ Copper Post ยังไม่ใช่โซลูชันที่ผ่าน mass adoption → ต้องรอผู้ผลิตนำไปใช้งานจริงอย่างแพร่หลายในตลาดก่อน ‼️ ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แม่นยำสูง → หากควบคุมไม่ดี อาจเกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/lg-innotek-to-slim-down-smartphones-by-replacing-solder-balls-with-copper-posts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    LG Innotek to slim down smartphones by replacing solder balls with copper posts
    LG Innotek introduced Copper Post packaging technology, which replaces traditional solder balls in semiconductor substrates, enabling slimmer, denser, and cooler smartphone designs.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Jack Dorsey ใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์นั่งสร้างแอปแชตที่เรียกว่า “IRC vibes” แบบยุคก่อนอินเทอร์เน็ตครองโลก — ชื่อว่า Bitchat → ใช้ Bluetooth mesh network ในการส่งข้อความแบบ hop–by–hop จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง → ไม่ต้องมีเบอร์โทร, อีเมล, เซิร์ฟเวอร์ หรือบัญชีใด ๆ → ความเป็นส่วนตัวสุดขีด และเหมาะมากในสถานการณ์ที่ “เน็ตถูกตัด หรือถูกเซ็นเซอร์”

    แล้วมันทำงานยังไง?
    - เครื่องแต่ละเครื่องจะเป็น node ในเครือข่าย mesh
    - ข้อความจะเดินทางแบบ “relay” จาก node สู่ node
    - ถ้ามีเครื่องอื่นอยู่ในระยะ ~300 เมตร ก็สามารถขยายเครือข่ายได้เรื่อย ๆ ผ่าน “สะพาน” (bridge)
    - ข้อความจะถูกลบอัตโนมัติ และเก็บเฉพาะในเครื่องคุณ

    มีระบบ group chat แบบใช้ hashtag → เช่น #rescue, #party2025 → สามารถตั้งรหัสผ่านเข้าแต่ละ room ได้

    ตัวแอปตอนนี้ยังอยู่ในเวอร์ชัน TestFlight (iOS Beta) และมีเอกสาร whitepaper บน GitHub → เตรียมเปิดฟีเจอร์ WiFi Direct เร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มระยะส่งอีกหลายเท่า

    Bitchat คือแอปแชตแบบ peer-to-peer ผ่าน Bluetooth mesh network  
    • ไม่ต้องใช้ WiFi, อินเทอร์เน็ต, หรือเซิร์ฟเวอร์กลาง  
    • ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ — ไม่มีบัญชี, เบอร์, อีเมล

    สามารถสื่อสารได้ระยะ ~300 เมตร ผ่านการส่งข้อความแบบ relay ระหว่างอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กัน  
    • แต่ละเครื่องช่วยกระจายเครือข่ายคล้าย walkie-talkie อัจฉริยะ

    ข้อความไม่เก็บบน server — เก็บแค่ในเครื่องและหายเองตามค่า default

    รองรับ group chat แบบ hashtag rooms + ใส่รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย

    สร้างโดย Jack Dorsey คนเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ → เป็นโครงการทดลองด้าน mesh networking + ความเป็นส่วนตัว

    กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ (TestFlight เต็มแล้ว 10,000 คน) → เตรียมเปิดเวอร์ชันเต็มเร็ว ๆ นี้

    https://www.techspot.com/news/108585-jack-dorsey-launches-bitchat-messaging-app-works-without.html
    Jack Dorsey ใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์นั่งสร้างแอปแชตที่เรียกว่า “IRC vibes” แบบยุคก่อนอินเทอร์เน็ตครองโลก — ชื่อว่า Bitchat → ใช้ Bluetooth mesh network ในการส่งข้อความแบบ hop–by–hop จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง → ไม่ต้องมีเบอร์โทร, อีเมล, เซิร์ฟเวอร์ หรือบัญชีใด ๆ → ความเป็นส่วนตัวสุดขีด และเหมาะมากในสถานการณ์ที่ “เน็ตถูกตัด หรือถูกเซ็นเซอร์” แล้วมันทำงานยังไง? - เครื่องแต่ละเครื่องจะเป็น node ในเครือข่าย mesh - ข้อความจะเดินทางแบบ “relay” จาก node สู่ node - ถ้ามีเครื่องอื่นอยู่ในระยะ ~300 เมตร ก็สามารถขยายเครือข่ายได้เรื่อย ๆ ผ่าน “สะพาน” (bridge) - ข้อความจะถูกลบอัตโนมัติ และเก็บเฉพาะในเครื่องคุณ มีระบบ group chat แบบใช้ hashtag → เช่น #rescue, #party2025 → สามารถตั้งรหัสผ่านเข้าแต่ละ room ได้ ตัวแอปตอนนี้ยังอยู่ในเวอร์ชัน TestFlight (iOS Beta) และมีเอกสาร whitepaper บน GitHub → เตรียมเปิดฟีเจอร์ WiFi Direct เร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มระยะส่งอีกหลายเท่า ✅ Bitchat คือแอปแชตแบบ peer-to-peer ผ่าน Bluetooth mesh network   • ไม่ต้องใช้ WiFi, อินเทอร์เน็ต, หรือเซิร์ฟเวอร์กลาง   • ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ — ไม่มีบัญชี, เบอร์, อีเมล ✅ สามารถสื่อสารได้ระยะ ~300 เมตร ผ่านการส่งข้อความแบบ relay ระหว่างอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กัน   • แต่ละเครื่องช่วยกระจายเครือข่ายคล้าย walkie-talkie อัจฉริยะ ✅ ข้อความไม่เก็บบน server — เก็บแค่ในเครื่องและหายเองตามค่า default ✅ รองรับ group chat แบบ hashtag rooms + ใส่รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย ✅ สร้างโดย Jack Dorsey คนเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ → เป็นโครงการทดลองด้าน mesh networking + ความเป็นส่วนตัว ✅ กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ (TestFlight เต็มแล้ว 10,000 คน) → เตรียมเปิดเวอร์ชันเต็มเร็ว ๆ นี้ https://www.techspot.com/news/108585-jack-dorsey-launches-bitchat-messaging-app-works-without.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Jack Dorsey launches Bitchat, a messaging app that works without internet, servers, or accounts
    The app, now available in beta for Apple's TestFlight users, was announced by Dorsey on Sunday. He described the project as a personal experiment with mesh networking,...
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • จีนเรื่มเปิดหน้ามากขึ้น!!

    เรือรบของกองทัพเรือจีนที่ปฏิบัติการจากฐานทัพใน "จิบูตี" ได้ยิงเลเซอร์ไปที่เครื่องบินสอดแนมของกองทัพอากาศเยอรมนีซึ่งบินอยู่เหนือทะเลแดง ทำให้อุปกรณ์ของเครื่องบิน “พร่ามัว” ไปชั่วขณะ ในขณะที่เครื่องบินสอดแนมของเยอรมันกำลังทำภารกิจเก็บข้อมูลข่าวกรองเพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮูตีภายใต้ข้ออ้างเพื่อ "ปกป้องการเดินเรือ" ภายใต้กรอบปฏิบัติการ "ASPIDES" ของยุโรป

    ล่าสุดกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนีประกาศว่าได้เรียกเอกอัครราชทูตของจีนมารับทราบถึงการประท้วงการกระทำดังกล่าวของจีนว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และยังคุกคามชีวิตของลูกเรือเครื่องบินของเยอรมนีด้วย
    จีนเรื่มเปิดหน้ามากขึ้น!! เรือรบของกองทัพเรือจีนที่ปฏิบัติการจากฐานทัพใน "จิบูตี" ได้ยิงเลเซอร์ไปที่เครื่องบินสอดแนมของกองทัพอากาศเยอรมนีซึ่งบินอยู่เหนือทะเลแดง ทำให้อุปกรณ์ของเครื่องบิน “พร่ามัว” ไปชั่วขณะ ในขณะที่เครื่องบินสอดแนมของเยอรมันกำลังทำภารกิจเก็บข้อมูลข่าวกรองเพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮูตีภายใต้ข้ออ้างเพื่อ "ปกป้องการเดินเรือ" ภายใต้กรอบปฏิบัติการ "ASPIDES" ของยุโรป ล่าสุดกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนีประกาศว่าได้เรียกเอกอัครราชทูตของจีนมารับทราบถึงการประท้วงการกระทำดังกล่าวของจีนว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และยังคุกคามชีวิตของลูกเรือเครื่องบินของเยอรมนีด้วย
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ”

    ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน

    ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ

    ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน

    34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ  
    • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี  
    • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้

    21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต  
    • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ

    77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง

    บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม  
    • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting  
    • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite

    Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย

    https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    ลองนึกภาพว่าคุณต้องเข้าออฟฟิศที่ทาสีเทาๆ มีไฟเพดานที่ทำให้ปวดตา โต๊ะจัดเป็นแถวแบบโรงเรียนประถม และไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทุกวัน... → นั่นแหละคือสิ่งที่พนักงานในอังกฤษจำนวนมากรู้สึกกับสถานที่ทำงานของพวกเขา → และผลสำรวจจาก Kinly พบว่า 34% ถึงขั้นคิดจะลาออกเพราะดีไซน์ออฟฟิศน่าเบื่อ! → โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 25–34 ปี บางคน “ลาออกไปแล้วจริง ๆ” ต้นเหตุไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามนะครับ → 21% บอกว่าที่ทำงานแบบนี้กระทบ “สุขภาพจิต” โดยตรง → สร้างความรู้สึกแย่ หมดไฟ และไม่อยากมาทำงาน ข่าวดีก็คือ บริษัทจำนวนมากในอังกฤษเริ่ม หันมาใช้เทคโนโลยี AV เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศออฟฟิศ → มีทั้งจอภาพ เสียง ระบบเซ็นเซอร์ และสื่อมัลติมีเดีย → เพื่อช่วยให้พื้นที่ทำงานมีชีวิตชีวา สดชื่นขึ้น และเสริมจินตนาการ ที่น่าสนใจคือ 65% ของผู้เชี่ยวชาญ AV บอกว่าออฟฟิศควรมีความสวยงาม “พอ ๆ กับฟังก์ชัน” → และตอนนี้ มากกว่า 2 ใน 3 ของทีม AV เริ่มทำงานร่วมกับฝ่าย HR โดยตรงเพื่อดูแลสุขภาวะพนักงาน ✅ 34% ของพนักงานชาวอังกฤษคิดจะลาออกเพราะออฟฟิศน่าเบื่อ   • โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25–34 ปี   • เกือบครึ่งเคย “ลาออกจริง” เพราะเหตุผลนี้ ✅ 21% บอกว่าสภาพแวดล้อมออฟฟิศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต   • ความน่าเบื่อ ความอึดอัด แสงไม่เหมาะสม สีทึม ทำให้หมดไฟ ✅ 77% ของผู้เชี่ยวชาญ AV เชื่อว่าออฟฟิศที่น่ามองส่งผลต่อผลิตภาพโดยตรง ✅ บริษัทมากกว่าครึ่งในอังกฤษ เริ่มใช้เทคโนโลยีภาพและเสียงมาปรับสภาพแวดล้อม   • เช่น ป้ายดิจิทัล จอแสดงผล เสียงประกอบ ambient lighting   • ใช้เพื่อรองรับพนักงาน neurodiverse และเชื่อมโยงพนักงาน remote–onsite ✅ Kinly CEO ย้ำว่า “ออฟฟิศไม่ใช่แค่สวย แต่เป็นกลยุทธ์” ที่ต้องวางแผนแบบมีเป้าหมาย https://www.techspot.com/news/108577-workers-quitting-over-their-depressing-offices-but-av.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Some workers are quitting over their depressing office designs, but AV tech is helping
    Most offices are bland, dull, miserable boxes, with migraine-inducing lighting and drab colors. They certainly don't make occupants happy to come into work, and can even affect...
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
More Results