• บิ๊กคลีนนิ่งวัดไร่ขิง แค่ล้างวัดอาจไม่พอ

    การปรับภูมิทัศน์จัดระเบียบวัตไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ของพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มองผิวเผินอาจถูกมองว่าสร้างภาพ หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า เจ้าอาวาสคนก่อนหน้าถูกดำเนินคดีกรณียักยอกเงินวัดไปเล่นพนันออนไลน์มากกว่า 300 ล้านบาท ทำเอาพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา คนเข้ามาไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงน้อยลง แต่แท้ที่จริงแล้วอาจเป็นการรื้อโครงสร้างผลประโยชน์ของวัดครั้งใหญ่

    อาทิ ตู้รับบริจาคภายในวัดที่มีถึง 185 ตู้ ถูกยกออกไปเก็บ เหลือเฉพาะตู้รับบริจาคที่จำเป็น จุดจำหน่ายธูปเทียนดอกไม้ก็จัดให้อยู่ในที่เดียวกันด้านหน้าพระอุโบสถ ส่วนร้านจำหน่ายวัตถุมงคลด้านหลังให้ย้ายไปอยู่ด้านหน้า และรื้อโคมไฟที่แขวนบริเวณหลังคาหน้าพระอุโบสถถึงแม่น้ำนครชัยศรีออกทั้งหมด ส่วนร้านกาแฟของนางพชรพร สีเลี้ยง หรือหมอเตย และ พ.จ.อ.ฉัตรชัย สีเลี้ยง คนสนิทนายแย้มปิดกิจการแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มและของฝากที่เป็นสวัสดิการของวัด

    พระราชวชิรสุตาภรณ์เปิดเผยว่า การทำความสะอาดวัดครั้งนี้เพื่อให้ดูสะอาดโปร่งใส รองรับคนที่มากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นการบูรณาการครั้งใหญ่ สิ่งที่รกหูรกตาก็ให้นำออกไป เพื่อให้เกิดความศรัทธามากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ซึ่งจะทำให้โปร่งใสที่สุด สิ่งไหนที่ไม่ดีต้องแก้ไข สาธุชนจะได้เชื่อมั่น

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัดไร่ขิงโปร่งใสจริงหรือไม่ คือการประมูลร้านค้าในงานฉลองเจดีย์วัดไร่ขิง 15 ส.ค.2568 และการประมูลร้านค้าในงานประจำปีวัดไร่ขิง 17 ก.พ.2569 ที่ผ่านมานอกจากจะแข่งกันประมูลสูงถึง 2.5 ล้านบาท ทำราคาสินค้าภายในงานแพงขึ้น ยอดขายไม่ดีแต่ก็คิดว่าทำบุญให้วัดแล้ว ผู้ค้าต้องจ่ายเงินสดเข้ากรรมการวัดภายในวันประมูล ไม่รับเงินโอน แล้วเอาไปให้นายแย้ม คิดเป็นเงิน 17-18 ล้านบาทจะทำอย่างไร นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นพุทธพาณิชย์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างการนำศิลปินแห่งชาติมาเป็นธุระเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่วัดจะแก้ไขอย่างไร

    ก่อนหน้านี้นายวิเชียร วรจีน โฆษกวัดไร่ขิงให้สัมภาษณ์ช่อง 9 ระบุว่าสมัยพระอุบาลีฯ เป็นเจ้าอาวาสมีเงิน 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อนายแย้มเป็นเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่วัดคนเก่าไม่ให้อยู่สักคนเดียว ลดขั้นตอนการเบิกเงินทั้งหมดเป็นการใช้ตามอำเภอใจ และเก็บตู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้ากุฎิ นอกจากการเงินของวัดจะร่อยหรอแล้วยังมีหนี้สินอีกด้วย

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    บิ๊กคลีนนิ่งวัดไร่ขิง แค่ล้างวัดอาจไม่พอ การปรับภูมิทัศน์จัดระเบียบวัตไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ของพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มองผิวเผินอาจถูกมองว่าสร้างภาพ หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า เจ้าอาวาสคนก่อนหน้าถูกดำเนินคดีกรณียักยอกเงินวัดไปเล่นพนันออนไลน์มากกว่า 300 ล้านบาท ทำเอาพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา คนเข้ามาไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงน้อยลง แต่แท้ที่จริงแล้วอาจเป็นการรื้อโครงสร้างผลประโยชน์ของวัดครั้งใหญ่ อาทิ ตู้รับบริจาคภายในวัดที่มีถึง 185 ตู้ ถูกยกออกไปเก็บ เหลือเฉพาะตู้รับบริจาคที่จำเป็น จุดจำหน่ายธูปเทียนดอกไม้ก็จัดให้อยู่ในที่เดียวกันด้านหน้าพระอุโบสถ ส่วนร้านจำหน่ายวัตถุมงคลด้านหลังให้ย้ายไปอยู่ด้านหน้า และรื้อโคมไฟที่แขวนบริเวณหลังคาหน้าพระอุโบสถถึงแม่น้ำนครชัยศรีออกทั้งหมด ส่วนร้านกาแฟของนางพชรพร สีเลี้ยง หรือหมอเตย และ พ.จ.อ.ฉัตรชัย สีเลี้ยง คนสนิทนายแย้มปิดกิจการแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มและของฝากที่เป็นสวัสดิการของวัด พระราชวชิรสุตาภรณ์เปิดเผยว่า การทำความสะอาดวัดครั้งนี้เพื่อให้ดูสะอาดโปร่งใส รองรับคนที่มากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นการบูรณาการครั้งใหญ่ สิ่งที่รกหูรกตาก็ให้นำออกไป เพื่อให้เกิดความศรัทธามากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ซึ่งจะทำให้โปร่งใสที่สุด สิ่งไหนที่ไม่ดีต้องแก้ไข สาธุชนจะได้เชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัดไร่ขิงโปร่งใสจริงหรือไม่ คือการประมูลร้านค้าในงานฉลองเจดีย์วัดไร่ขิง 15 ส.ค.2568 และการประมูลร้านค้าในงานประจำปีวัดไร่ขิง 17 ก.พ.2569 ที่ผ่านมานอกจากจะแข่งกันประมูลสูงถึง 2.5 ล้านบาท ทำราคาสินค้าภายในงานแพงขึ้น ยอดขายไม่ดีแต่ก็คิดว่าทำบุญให้วัดแล้ว ผู้ค้าต้องจ่ายเงินสดเข้ากรรมการวัดภายในวันประมูล ไม่รับเงินโอน แล้วเอาไปให้นายแย้ม คิดเป็นเงิน 17-18 ล้านบาทจะทำอย่างไร นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นพุทธพาณิชย์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างการนำศิลปินแห่งชาติมาเป็นธุระเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่วัดจะแก้ไขอย่างไร ก่อนหน้านี้นายวิเชียร วรจีน โฆษกวัดไร่ขิงให้สัมภาษณ์ช่อง 9 ระบุว่าสมัยพระอุบาลีฯ เป็นเจ้าอาวาสมีเงิน 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อนายแย้มเป็นเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่วัดคนเก่าไม่ให้อยู่สักคนเดียว ลดขั้นตอนการเบิกเงินทั้งหมดเป็นการใช้ตามอำเภอใจ และเก็บตู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้ากุฎิ นอกจากการเงินของวัดจะร่อยหรอแล้วยังมีหนี้สินอีกด้วย #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก

    จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้

    รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

    .
    👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish")

    👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว

    👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย

    👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด

    👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก

    👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    กองทัพรัสเซียเป็นตัวแทนรับมอบเงินรางวัล 15 ล้านรูเบิล จากบริษัท FORES (ФОРЭС) ที่ประกาศไว้สำหรับเครื่องบิน F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตก จากรายงานของ TASS สำนักข่าวของรัสเซีย ระบุว่า ทหารรัสเซียจำนวน 12 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่สามารถทำลายเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ ลำแรกในเขตปฏิบัติการพิเศษจะเป็นผู้ได้รับรางวัล 15 ล้านรูเบิลนี้ รายงานยังระบุอีกว่า พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ที่บริเวณแนวหน้าในเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร โดยมีผู้บัญชาการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย . 👉เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 กองทัพอากาศยูเครนประกาศยืนยันการเสียชีวิตของนักบิน F-16 "อเล็กซี่ เมส" (Alexey Mes / Алексея Меся) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye) โดยมีการกล่าวไว้อาลัยบนเฟสบุ้คของกองบัญชาการทางอากาศว่า "อเล็กซี่ ต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขาบนท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ทำลายขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และ UAV โจมตี 1 ลูก" แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเกิดจากการยิงกันเองโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ 👉 เป็นที่ทราบว่ายูเครนได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และสูญเสียเครื่องแรกในช่วงปลายเดือนเดียวกันระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซีย นักบินผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นคือ Oleksii Mes ("Moonfish") 👉เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2024 FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว 👉ไม่เพียงเท่านี้ ฝนช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย 👉รางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด 👉 สำหรับ FORES (ФОРЭС) เมื่อปี 2023 บริษัทเคยประกาศรางวัลเงินสดสำหรับการทำลายรถถัง Abrams หรือรถถัง Leopard ที่จัดหาโดยชาติตะวันตก และมีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้วหลายครั้ง "Fores จะจ่ายเงิน 5 ล้านรูเบิล (ราว 2.3 ล้านบาท) สำหรับคนแรกที่ทำลายได้ ส่วนการจ่ายรางวัลถัดๆ ไป จะอยู่ที่ 500,000 รูเบิล (ราว 230,000 บาท)" Shmotyev อำนวยการทั่วไปของ Fores กล่าวเมื่อครั้งประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้ทำลายรถถังตะวันตก 👉จากข้อมูลบนเว็บไซต์ บริษัท Fores ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายโพรเพนต์ ที่ทางบริษัทน้ำมันและก๊าซทั้งหลายใช้สำหรับ fracking (การใช้พลังน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทรายฉีดลงไปในชั้นหินดินดาน เพื่อกระเทาะชั้นหิน) ทั้งนี้ สำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ในเมืองยากาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม

    GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง

    การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่

    🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ
    - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ
    - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET
    - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม
    - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด
    - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก
    - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว
    - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin

    GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่ 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GameStop buys bitcoin worth $513 million in crypto push
    (Reuters) -GameStop has purchased bitcoin worth about $513 million, the company said on Wednesday as the ailing video game retailer looks to capitalize on the growing adoption of cryptocurrencies globally.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เสาสัญญาณเเห่งความร่ำรวย
    #พิธีกรรมจิต เเละความศรัทธาในเงินสด

    การสร้างความร่ำรวยแท้จริงนั้น "ง่าย"

    อย่างที่ไม่เคยมีใครบอกคุณมาก่อน
    แต่ความง่ายนี้มีเงื่อนไขสำคัญ

    มันต้องกลายเป็น “กิจวัตร”
    ต้องทำซ้ำ ต้องย้ำต้องวน
    ต้องชัด และต้องศรัทธา

    #กุญแจสำคัญที่สุด คือ
    การล้างกระดานเก่าในจิต
    แล้วแทนที่ด้วยภาพใหม่
    ของความมั่งคั่ง

    จากนั้น #เปิดคลื่นวิทยุของจิต

    ให้รับ-ส่งแค่ช่องสัญญาณเดียว

    ช่องที่ชื่อว่า

    "ฉันมีเงิน ฉันร่ำรวย ฉันสำเร็จ"

    ซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวันทั้งคืน

    อย่าปล่อยให้จิตเปิดรับทุกคลื่น
    เหมือนการฟังวิทยุหลายสถานี
    มีทั้งเพลง ข่าว โฆษณา
    ซึ่งมีสาระก็จริง แต่ไม่เข้มข้น
    และไม่ต่อเนื่องพอจะสร้างอะไรได้เลย

    เพราะมันเพียง
    สะกิดใจไม่กี่วินาที
    แล้วหายวับไป

    หากคุณอยากรวย ต้อง #ถักจิต
    เหมือน การทอผ้า ต้องนั่งทำซ้ำๆ ทุกวัน
    เหมือนการสร้างผืนผ้าขนาดใหญ่
    ที่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี

    หากเปรียบความร่ำรวยเป็นผืนผ้า

    คุณต้องยอมใช้ชีวิต
    ปักเข็มเส้นเดิมทุกวัน
    ไม่มีทางลัด

    #จิตที่แน่วแน่เท่านั้นที่รวยได้

    คุณต้องมีความหมกมุ่นระดับสูงสุด
    หมกมุ่นแบบนักธุรกิจ
    ที่คิดแค่เรื่องเงิน คิดหาเงิน เก็บเงิน
    ขยายเงิน ตั้งบริษัท สร้างอาณาจักร
    แล้วส่งต่อความมั่งคั่งให้รุ่นลูกหลาน

    เพราะจิตของคนรวยจะมีคลื่นเดียว

    “ฉันรวยและฉันกำลังรวย”

    แต่ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ต
    ทำให้จิตคนยุคใหม่อ่อนแอ

    คลื่นสัญญาณถูกรบกวน
    จากข้อมูลสารพัดรูปแบบ
    ทำให้จิตสร้างอะไรไม่ได้เลย
    เพราะมันไม่แน่วแน่พอ
    ไม่มีคลื่นหลักของตัวเอง

    #ฟอร์มจิตให้กลายเป็นพลังสร้าง

    จะเปลี่ยนจิตให้สร้างสิ่งใดเป็นรูปธรรม
    ต้องใช้กลไกแบบเดียวกับ
    การดูละครซีรีส์ที่เราหลงใหล

    อ่านนิยายที่เรารู้สึกว่า “เราเองคือตัวเอก”
    มันต้องอิน ต้องย้ำ ต้องหมกมุ่น
    แล้วเราจะเริ่ม “กลายเป็นสิ่งนั้นจริงๆ”

    คนที่ไม่สำเร็จ เพราะจิตไม่ชัดเจน
    ไม่อิน ไม่เชื่อ ไม่ซ้ำ ใช้ชีวิตแบบดูผ่าน
    ฟังผ่าน แล้วก็หมดวันไปอย่างไร้พลัง

    เริ่มต้นความร่ำรวยจาก "พิธีกรรมเงินสด"

    หากคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า
    “ฉันจะรวย” ให้ตั้งพิธีกรรมของคุณขึ้นมา
    ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

    1.หา #เครื่องยึดเหนี่ยว
    สัญลักษณ์ที่สั่นสะเทือนหัวใจ
    เช่น ทองคำแท่ง เงินสด ที่ดิน
    มาวางบนโต๊ะพิธีของคุณ
    เพื่อย้ำเตือนว่า นี่คือ
    เป้าหมายเดียวของชีวิตช่วงนี้

    2.#ถอนเงินสดออกจากออนไลน์
    อย่าปล่อยให้เงินอยู่แค่ในระบบดิจิทัล
    จิตจะไม่เห็นว่าตัวเองได้รับเงินเลย
    เพราะมันจำแค่ตอนโอนออก

    3.#ให้เงินสดอยู่ตรงหน้าคุณ 24 ชั่วโมง
    วางบนโต๊ะพิธี วางไว้ข้างหัวนอน
    วางตรงกระจกห้องน้ำ
    ถ้าคุณเห็นเงินทุกวัน
    จิตจะเริ่มซึมซับคลื่นความร่ำรวย

    4.#เมื่อเงินสดเริ่มมีแล้ว
    #ให้ขยับไปสู่ทองคำ
    ไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อ “ดูดเงินเพิ่ม”
    ทอง คือ แม่เหล็กเงิน
    ถ้าคุณศรัทธา
    มันจะกลายเป็นสนามแม่เหล็ก
    ดึงดูดความมั่งคั่ง

    5.#คิดวนซ้ำสร้างเงิน เก็บเงิน ซื้อทอง
    เพื่อดูดเงิน ทำจนจิตของคุณ
    เปลี่ยนสนามพลังจากขาดแคลนเป็นมั่งคั่ง

    คุณ คือ #เสาสัญญาณแห่งความร่ำรวย

    เมื่อจิตคุณเปลี่ยน
    พลังงทานทั้งเมืองจะเปลี่ยน
    พลังงานประเทศจะเปลี่ยน
    เพราะเศรษฐกิจรอบตัวคุณ
    จะต้องสนับสนุนให้คุณได้เงิน

    เพราะคุณ คือ #ผู้ถือคลื่นแห่งเงินสด

    ลูกค้าจะเข้ามา หุ้นส่วนจะมาหา
    งานจะไหลมา เพราะคุณ
    กำลังทำพิธีกรรมเงินซ้ำๆ อย่างมีพลัง
    จิตคุณชัดและไม่สั่นไหว

    อย่าอิจฉาใคร
    เพราะทุกคนที่รวยขึ้นรอบตัวคุณ
    คือ เครื่องสะท้อนว่า
    คุณกำลังอยู่ในสนามถูกต้องแล้ว

    บทส่งท้าย: #บูชาเงินสดอย่างมีศรัทธา

    จงดำเนินชีวิตใหม่ให้เหมือน

    #นักบวชแห่งเงินสด

    ผู้ที่เชื่อมั่น ศรัทธา และยึดมั่น
    ในเส้นทางแห่งความมั่งคั่งทุกลมหายใจ

    #ตัดสิ่งไร้สาระทิ้งไป

    ปกป้องพลังจิตอย่างเข้มแข็ง
    ทำทุกอย่างให้ใจมีความสุข
    เพื่อให้กลายเป็นการสร้างเงินที่ยั่งยืน

    เพราะสุดท้ายแล้ว
    “ความสุขและความร่ำรวย”
    คือ สิ่งเดียวกัน คุณไม่มีวันรวยได้จริง
    หากไม่รักหนทางที่กำลังเดิน

    จงหมกมุ่น จงตั้งใจ จงลงมือ จงทำซ้ำ
    แล้วคุณจะไม่เพียงแค่ร่ำรวย
    แต่จะกลายเป็นต้นน้ำแห่งความมั่งคั่ง
    ให้กับผู้คนทั้งแผ่นดิน
    #เสาสัญญาณเเห่งความร่ำรวย #พิธีกรรมจิต เเละความศรัทธาในเงินสด การสร้างความร่ำรวยแท้จริงนั้น "ง่าย" อย่างที่ไม่เคยมีใครบอกคุณมาก่อน แต่ความง่ายนี้มีเงื่อนไขสำคัญ มันต้องกลายเป็น “กิจวัตร” ต้องทำซ้ำ ต้องย้ำต้องวน ต้องชัด และต้องศรัทธา #กุญแจสำคัญที่สุด คือ การล้างกระดานเก่าในจิต แล้วแทนที่ด้วยภาพใหม่ ของความมั่งคั่ง จากนั้น #เปิดคลื่นวิทยุของจิต ให้รับ-ส่งแค่ช่องสัญญาณเดียว ช่องที่ชื่อว่า "ฉันมีเงิน ฉันร่ำรวย ฉันสำเร็จ" ซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวันทั้งคืน อย่าปล่อยให้จิตเปิดรับทุกคลื่น เหมือนการฟังวิทยุหลายสถานี มีทั้งเพลง ข่าว โฆษณา ซึ่งมีสาระก็จริง แต่ไม่เข้มข้น และไม่ต่อเนื่องพอจะสร้างอะไรได้เลย เพราะมันเพียง สะกิดใจไม่กี่วินาที แล้วหายวับไป หากคุณอยากรวย ต้อง #ถักจิต เหมือน การทอผ้า ต้องนั่งทำซ้ำๆ ทุกวัน เหมือนการสร้างผืนผ้าขนาดใหญ่ ที่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี หากเปรียบความร่ำรวยเป็นผืนผ้า คุณต้องยอมใช้ชีวิต ปักเข็มเส้นเดิมทุกวัน ไม่มีทางลัด #จิตที่แน่วแน่เท่านั้นที่รวยได้ คุณต้องมีความหมกมุ่นระดับสูงสุด หมกมุ่นแบบนักธุรกิจ ที่คิดแค่เรื่องเงิน คิดหาเงิน เก็บเงิน ขยายเงิน ตั้งบริษัท สร้างอาณาจักร แล้วส่งต่อความมั่งคั่งให้รุ่นลูกหลาน เพราะจิตของคนรวยจะมีคลื่นเดียว “ฉันรวยและฉันกำลังรวย” แต่ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ต ทำให้จิตคนยุคใหม่อ่อนแอ คลื่นสัญญาณถูกรบกวน จากข้อมูลสารพัดรูปแบบ ทำให้จิตสร้างอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่แน่วแน่พอ ไม่มีคลื่นหลักของตัวเอง #ฟอร์มจิตให้กลายเป็นพลังสร้าง จะเปลี่ยนจิตให้สร้างสิ่งใดเป็นรูปธรรม ต้องใช้กลไกแบบเดียวกับ การดูละครซีรีส์ที่เราหลงใหล อ่านนิยายที่เรารู้สึกว่า “เราเองคือตัวเอก” มันต้องอิน ต้องย้ำ ต้องหมกมุ่น แล้วเราจะเริ่ม “กลายเป็นสิ่งนั้นจริงๆ” คนที่ไม่สำเร็จ เพราะจิตไม่ชัดเจน ไม่อิน ไม่เชื่อ ไม่ซ้ำ ใช้ชีวิตแบบดูผ่าน ฟังผ่าน แล้วก็หมดวันไปอย่างไร้พลัง เริ่มต้นความร่ำรวยจาก "พิธีกรรมเงินสด" หากคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า “ฉันจะรวย” ให้ตั้งพิธีกรรมของคุณขึ้นมา ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 1.หา #เครื่องยึดเหนี่ยว สัญลักษณ์ที่สั่นสะเทือนหัวใจ เช่น ทองคำแท่ง เงินสด ที่ดิน มาวางบนโต๊ะพิธีของคุณ เพื่อย้ำเตือนว่า นี่คือ เป้าหมายเดียวของชีวิตช่วงนี้ 2.#ถอนเงินสดออกจากออนไลน์ อย่าปล่อยให้เงินอยู่แค่ในระบบดิจิทัล จิตจะไม่เห็นว่าตัวเองได้รับเงินเลย เพราะมันจำแค่ตอนโอนออก 3.#ให้เงินสดอยู่ตรงหน้าคุณ 24 ชั่วโมง วางบนโต๊ะพิธี วางไว้ข้างหัวนอน วางตรงกระจกห้องน้ำ ถ้าคุณเห็นเงินทุกวัน จิตจะเริ่มซึมซับคลื่นความร่ำรวย 4.#เมื่อเงินสดเริ่มมีแล้ว #ให้ขยับไปสู่ทองคำ ไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อ “ดูดเงินเพิ่ม” ทอง คือ แม่เหล็กเงิน ถ้าคุณศรัทธา มันจะกลายเป็นสนามแม่เหล็ก ดึงดูดความมั่งคั่ง 5.#คิดวนซ้ำสร้างเงิน เก็บเงิน ซื้อทอง เพื่อดูดเงิน ทำจนจิตของคุณ เปลี่ยนสนามพลังจากขาดแคลนเป็นมั่งคั่ง คุณ คือ #เสาสัญญาณแห่งความร่ำรวย เมื่อจิตคุณเปลี่ยน พลังงทานทั้งเมืองจะเปลี่ยน พลังงานประเทศจะเปลี่ยน เพราะเศรษฐกิจรอบตัวคุณ จะต้องสนับสนุนให้คุณได้เงิน เพราะคุณ คือ #ผู้ถือคลื่นแห่งเงินสด ลูกค้าจะเข้ามา หุ้นส่วนจะมาหา งานจะไหลมา เพราะคุณ กำลังทำพิธีกรรมเงินซ้ำๆ อย่างมีพลัง จิตคุณชัดและไม่สั่นไหว อย่าอิจฉาใคร เพราะทุกคนที่รวยขึ้นรอบตัวคุณ คือ เครื่องสะท้อนว่า คุณกำลังอยู่ในสนามถูกต้องแล้ว บทส่งท้าย: #บูชาเงินสดอย่างมีศรัทธา จงดำเนินชีวิตใหม่ให้เหมือน #นักบวชแห่งเงินสด ผู้ที่เชื่อมั่น ศรัทธา และยึดมั่น ในเส้นทางแห่งความมั่งคั่งทุกลมหายใจ #ตัดสิ่งไร้สาระทิ้งไป ปกป้องพลังจิตอย่างเข้มแข็ง ทำทุกอย่างให้ใจมีความสุข เพื่อให้กลายเป็นการสร้างเงินที่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายแล้ว “ความสุขและความร่ำรวย” คือ สิ่งเดียวกัน คุณไม่มีวันรวยได้จริง หากไม่รักหนทางที่กำลังเดิน จงหมกมุ่น จงตั้งใจ จงลงมือ จงทำซ้ำ แล้วคุณจะไม่เพียงแค่ร่ำรวย แต่จะกลายเป็นต้นน้ำแห่งความมั่งคั่ง ให้กับผู้คนทั้งแผ่นดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์
    #เงินเข้าไม่มีทางออก
    #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก
    #เงินพันดูดเงินหมื่น
    #เงินหมื่นดูดเงินเเสน
    #เงินเเสนดูดเงินล้าน
    พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
    ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด
    และรักตัวเองอย่างสูงสุด
    “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ
    พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น
    ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด…
    แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง
    จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด
    #ให้กับชีวิตของตนเอง
    ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ
    แต่คือ
    “ห้องแห่งพลังศรัทธา
    ในตนเองขั้นสูงสุด”
    👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร?
    คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง
    ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต
    ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป
    เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด
    หรือ แข่งขันกับใคร
    แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย
    อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล
    🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด)
    1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน
    จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง
    เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน
    จุดพร้อมภาวนา:
    “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล
    ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล”
    2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ
    ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ
    นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก
    รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน
    3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น
    การดูดทรัพย์จะเกิดได้
    เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข
    ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด
    หรือ ทำเพราะขาดแคลน
    หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล
    ให้หยุด! แล้วออกไป
    ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน
    เมื่อใจอิ่มจริงๆ
    จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่
    4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ
    ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี
    คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล
    ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที
    เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า
    5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา
    ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า:
    ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น
    ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต
    ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง
    เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ
    “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน”
    6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์
    ห้ามเด็ดขาด:
    ใช้เงินด้วยความกลัว
    ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ
    ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น
    ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน
    7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี
    เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด:
    🧘‍♀️ ช่วงสะสม:
    เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล
    ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น
    เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น
    💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว):
    ใช้เงินเยียวยาหัวใจ
    ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์”
    พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่
    🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์:
    "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์
    ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด
    ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์
    ด้วยความสุขอย่างแท้จริง
    และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ
    ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม"
    🔁 สรุปแก่นลึก:
    ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน...
    แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข”
    หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว
    ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน
    แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง
    ด้วยหัวใจที่สง่างาม
    พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์ #เงินเข้าไม่มีทางออก #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก #เงินพันดูดเงินหมื่น #เงินหมื่นดูดเงินเเสน #เงินเเสนดูดเงินล้าน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด และรักตัวเองอย่างสูงสุด “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด… แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด #ให้กับชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ แต่คือ “ห้องแห่งพลังศรัทธา ในตนเองขั้นสูงสุด” 👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร? คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด หรือ แข่งขันกับใคร แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล 🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด) 1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน จุดพร้อมภาวนา: “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล” 2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน 3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น การดูดทรัพย์จะเกิดได้ เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด หรือ ทำเพราะขาดแคลน หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล ให้หยุด! แล้วออกไป ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน เมื่อใจอิ่มจริงๆ จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่ 4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า 5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า: ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน” 6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเด็ดขาด: ใช้เงินด้วยความกลัว ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน 7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด: 🧘‍♀️ ช่วงสะสม: เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น 💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว): ใช้เงินเยียวยาหัวใจ ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์” พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่ 🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์: "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์ ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์ ด้วยความสุขอย่างแท้จริง และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" 🔁 สรุปแก่นลึก: ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน... แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข” หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สง่างาม พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครปฐม - สีกาเตยและสามี ถูกจับตาเข้ม ปมพัวพันผลประโยชน์จากวัดไร่ขิงนานกว่า 17 ปี มีข้อมูลเส้นทางเงินไหลเวียนมหาศาล ทั้งรีสอร์ต รถหรู และค่ายเพลงส่วนตัว ขณะ ตร. เตรียมพิจารณาออกหมายจับ หากพบความเชื่อมโยง

    วันนี้( 27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในกรณีของนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ “สมีแย้ม” และ “สีกาเตย” และ นางสาวอรัญญวรรณ หรือสีกาเกน สาวคนสนิท ที่มีประเด็นโยงใยกับการยักยอกเงินวัดไปใช้ในกิจการส่วนตัว จนยอดเงินไหลเวียนทะลุกว่า 2,000 ล้านบาท

    ล่าสุด มีรายงานว่าตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาออกหมายจับสีกาเตย และนายฉัตรชัย สามีคนปัจจุบัน หลังพบความเชื่อมโยงกับเงินที่รั่วไหลจากวัดไร่ขิงนานถึง 17 ปี โดยเฉพาะในช่วงหลังการจัดงานประจำปีของวัดที่มักมีการ “ออกรถใหม่” อยู่เสมอ สอดคล้องกับภาพชีวิตหรูหราที่มีการโชว์เงินสด รีสอร์ท ร้านกาแฟ และรถหรูถึง 23 คัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000049665

    #MGROnline #นครปฐม #สมีแย้ม #สีกาเตย #สีกาเกน #วัดไร่ขิง
    นครปฐม - สีกาเตยและสามี ถูกจับตาเข้ม ปมพัวพันผลประโยชน์จากวัดไร่ขิงนานกว่า 17 ปี มีข้อมูลเส้นทางเงินไหลเวียนมหาศาล ทั้งรีสอร์ต รถหรู และค่ายเพลงส่วนตัว ขณะ ตร. เตรียมพิจารณาออกหมายจับ หากพบความเชื่อมโยง • วันนี้( 27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในกรณีของนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ “สมีแย้ม” และ “สีกาเตย” และ นางสาวอรัญญวรรณ หรือสีกาเกน สาวคนสนิท ที่มีประเด็นโยงใยกับการยักยอกเงินวัดไปใช้ในกิจการส่วนตัว จนยอดเงินไหลเวียนทะลุกว่า 2,000 ล้านบาท • ล่าสุด มีรายงานว่าตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาออกหมายจับสีกาเตย และนายฉัตรชัย สามีคนปัจจุบัน หลังพบความเชื่อมโยงกับเงินที่รั่วไหลจากวัดไร่ขิงนานถึง 17 ปี โดยเฉพาะในช่วงหลังการจัดงานประจำปีของวัดที่มักมีการ “ออกรถใหม่” อยู่เสมอ สอดคล้องกับภาพชีวิตหรูหราที่มีการโชว์เงินสด รีสอร์ท ร้านกาแฟ และรถหรูถึง 23 คัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000049665 • #MGROnline #นครปฐม #สมีแย้ม #สีกาเตย #สีกาเกน #วัดไร่ขิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท

    วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน

    พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา

    เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น"

    โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส

    พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี

    โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ

    แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท

    อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน

    ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

    นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน

    จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้

    โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม"

    ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน

    จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ"

    โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้

    ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม

    นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง"

    ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท

    นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น" โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้ โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม" ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ" โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้ ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง" ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    NEWS.CH7.COM
    ข่าวอึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง"
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ
    โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568

    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ


    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์
    ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง

    ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้
    คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ


    สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม
    ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ
    คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
    การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่


    สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด
    เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ
    ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า
    การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์●


    ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน
    ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก●
    ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ
    การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก


    THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST
    ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ
    ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง
    การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ


    การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง
    คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง
    แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า
    การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ●



    รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ
    เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี
    ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว
    การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ●


    ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE
    เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ
    นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่●
    การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้


    สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร
    มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง
    พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน
    การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา


    สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร?
    ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก
    แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา
    การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน





    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568 หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์ ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้ คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่ สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์● ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก● ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ● รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ● ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่● การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้ สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร? ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังศาลฎีกาสั่งจำคุก “เสก โลโซ” 2 ปี 12 เดือน 20 วัน ไม่รอลงอาญา คดีต่อสู้เจ้าพนักงาน-เสพยา-มีอาวุธปืน ขณะตำรวจบุกบ้านปี 60 ด้าน “กานต์ วิภากร” เผยข้อความจากใจเสกถึงลูกทั้ง 3 คน พร้อมมอบเช็คเงินสดหลักล้านไว้ยามฉุกเฉิน สะท้อนความรักและห่วงใยสุดซึ้งก่อนเข้าเรือนจำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000047223

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes


    หลังศาลฎีกาสั่งจำคุก “เสก โลโซ” 2 ปี 12 เดือน 20 วัน ไม่รอลงอาญา คดีต่อสู้เจ้าพนักงาน-เสพยา-มีอาวุธปืน ขณะตำรวจบุกบ้านปี 60 ด้าน “กานต์ วิภากร” เผยข้อความจากใจเสกถึงลูกทั้ง 3 คน พร้อมมอบเช็คเงินสดหลักล้านไว้ยามฉุกเฉิน สะท้อนความรักและห่วงใยสุดซึ้งก่อนเข้าเรือนจำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000047223 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท

    ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา

    ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน

    กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้

    17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance

    18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam

    ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568)

    สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ
    สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ
    DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท,
    โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major
    ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ 17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance 18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568) สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท, โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว

    แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ

    ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow

    ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้

    ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

    ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน

    #Newskit
    แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี

    วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327

    #MGROnline #ทิดแย้ม
    ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี • วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327 • #MGROnline #ทิดแย้ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • Coinbase เข้าซื้อ Deribit มูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาดอนุพันธ์คริปโต Coinbase ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศเข้าซื้อ Deribit ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์คริปโต ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มบริการซื้อขายออปชันคริปโต

    ข้อตกลงนี้ช่วยให้ Coinbase สามารถเข้าถึงตลาดนอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป ซึ่งมีการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจสูงกว่าในสหรัฐฯ นอกจากนี้ Coinbase ยังเตรียมพร้อมสำหรับการขยายบริการในกรณีที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ซื้อขายออปชันคริปโตในประเทศ

    ✅ Coinbase ซื้อ Deribit ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์
    - เป็น การซื้อขายแบบเงินสดและหุ้น โดยมี เงินสด 700 ล้านดอลลาร์ และหุ้น Coinbase 11 ล้านหุ้น

    ✅ ช่วยให้ Coinbase สามารถเข้าถึงตลาดอนุพันธ์คริปโตในเอเชียและยุโรป
    - ตลาดเหล่านี้ มีการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจสูงกว่าสหรัฐฯ

    ✅ Coinbase มีแผนขยายบริการซื้อขายออปชันคริปโตให้กับลูกค้าทั่วโลก
    - ออปชันคริปโต เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพในตลาด

    ✅ หุ้นของ Coinbase เพิ่มขึ้น 5.7% หลังประกาศดีลนี้
    - แม้ว่าหุ้นของบริษัทจะลดลง 21% ในปี 2025

    ✅ ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
    - ประธานาธิบดี Donald Trump ให้การสนับสนุนคริปโตและต้องการให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/coinbase-to-acquire-deribit-in-29-billion-deal-wsj-reports
    Coinbase เข้าซื้อ Deribit มูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายตลาดอนุพันธ์คริปโต Coinbase ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศเข้าซื้อ Deribit ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์คริปโต ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มบริการซื้อขายออปชันคริปโต ข้อตกลงนี้ช่วยให้ Coinbase สามารถเข้าถึงตลาดนอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป ซึ่งมีการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจสูงกว่าในสหรัฐฯ นอกจากนี้ Coinbase ยังเตรียมพร้อมสำหรับการขยายบริการในกรณีที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ซื้อขายออปชันคริปโตในประเทศ ✅ Coinbase ซื้อ Deribit ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ - เป็น การซื้อขายแบบเงินสดและหุ้น โดยมี เงินสด 700 ล้านดอลลาร์ และหุ้น Coinbase 11 ล้านหุ้น ✅ ช่วยให้ Coinbase สามารถเข้าถึงตลาดอนุพันธ์คริปโตในเอเชียและยุโรป - ตลาดเหล่านี้ มีการซื้อขายแบบใช้เลเวอเรจสูงกว่าสหรัฐฯ ✅ Coinbase มีแผนขยายบริการซื้อขายออปชันคริปโตให้กับลูกค้าทั่วโลก - ออปชันคริปโต เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพในตลาด ✅ หุ้นของ Coinbase เพิ่มขึ้น 5.7% หลังประกาศดีลนี้ - แม้ว่าหุ้นของบริษัทจะลดลง 21% ในปี 2025 ✅ ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น - ประธานาธิบดี Donald Trump ให้การสนับสนุนคริปโตและต้องการให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/08/coinbase-to-acquire-deribit-in-29-billion-deal-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Coinbase buys Deribit in $2.9 billion deal to expand crypto options base
    (Reuters) -Coinbase, the largest publicly traded cryptocurrency exchange, said on Thursday it will buy derivatives exchange Deribit in a $2.9 billion deal to expand into the crypto options markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jensen Huang CEO ของ Nvidia ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยเพิ่มขึ้น 49% เป็น $1.5 ล้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ

    แม้ว่าฐานเงินเดือนของ Huang จะอยู่ที่ประมาณ $1 ล้านต่อปี มานาน แต่ความมั่งคั่งของเขามาจาก หุ้น Nvidia ที่เขาถืออยู่ 3.5% ซึ่งมีมูลค่าประมาณ $94 พันล้าน

    นอกจากนี้ Huang ยังได้รับ เงินสดโบนัสเพิ่มขึ้น 50% เป็น $1 ล้าน และ หุ้นรางวัลมูลค่า $38.8 ล้าน ทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาในปี 2025 อยู่ที่ $49.8 ล้าน

    ✅ การปรับขึ้นเงินเดือนครั้งแรกในรอบ 10 ปี
    - ฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้น 49% เป็น $1.5 ล้าน
    - เงินสดโบนัสเพิ่มขึ้น 50% เป็น $1 ล้าน

    ✅ มูลค่าหุ้นของ Huang
    - ถือหุ้น 3.5% ของ Nvidia
    - มูลค่าหุ้นอยู่ที่ประมาณ $94 พันล้าน

    ✅ ค่าตอบแทนรวมในปี 2025
    - รวมเงินเดือน, โบนัส และหุ้นรางวัล $49.8 ล้าน
    - ค่าตอบแทนของพนักงาน Nvidia เฉลี่ยอยู่ที่ $301,233

    ✅ เหตุผลในการปรับขึ้นเงินเดือน
    - คณะกรรมการของ Nvidia ต้องการให้ค่าตอบแทนของ Huang สอดคล้องกับ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ

    https://www.techspot.com/news/107772-nvidia-ceo-jensen-huang-gets-first-pay-raise.html
    Jensen Huang CEO ของ Nvidia ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยเพิ่มขึ้น 49% เป็น $1.5 ล้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ แม้ว่าฐานเงินเดือนของ Huang จะอยู่ที่ประมาณ $1 ล้านต่อปี มานาน แต่ความมั่งคั่งของเขามาจาก หุ้น Nvidia ที่เขาถืออยู่ 3.5% ซึ่งมีมูลค่าประมาณ $94 พันล้าน นอกจากนี้ Huang ยังได้รับ เงินสดโบนัสเพิ่มขึ้น 50% เป็น $1 ล้าน และ หุ้นรางวัลมูลค่า $38.8 ล้าน ทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาในปี 2025 อยู่ที่ $49.8 ล้าน ✅ การปรับขึ้นเงินเดือนครั้งแรกในรอบ 10 ปี - ฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้น 49% เป็น $1.5 ล้าน - เงินสดโบนัสเพิ่มขึ้น 50% เป็น $1 ล้าน ✅ มูลค่าหุ้นของ Huang - ถือหุ้น 3.5% ของ Nvidia - มูลค่าหุ้นอยู่ที่ประมาณ $94 พันล้าน ✅ ค่าตอบแทนรวมในปี 2025 - รวมเงินเดือน, โบนัส และหุ้นรางวัล $49.8 ล้าน - ค่าตอบแทนของพนักงาน Nvidia เฉลี่ยอยู่ที่ $301,233 ✅ เหตุผลในการปรับขึ้นเงินเดือน - คณะกรรมการของ Nvidia ต้องการให้ค่าตอบแทนของ Huang สอดคล้องกับ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ https://www.techspot.com/news/107772-nvidia-ceo-jensen-huang-gets-first-pay-raise.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia CEO Jensen Huang gets first pay raise in a decade, now earns $49.8 million
    Nvidia's stock price was around $0.50 at the start of 2015. Thanks to Team Green providing most of the hardware powering the generative AI revolution, its stock...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในสเปนผู้คนเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นในการใช้เทียน เงินสด และวิทยุแบบใช้แบตเตอรีในยามฉุกเฉิน หลังจากเกิดไฟดับทั่วประเทศ
    ในสเปนผู้คนเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นในการใช้เทียน เงินสด และวิทยุแบบใช้แบตเตอรีในยามฉุกเฉิน หลังจากเกิดไฟดับทั่วประเทศ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมจำนวน 41 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 17 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 186,000 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดเก่าพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
    .
    โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอัคคีภัยบริเวณชุมชนใกล้สำนักงานเขตธนบุรี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ รวมจำนวน 42 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว จำนวน 14 ชุด และรายบุคคล จำนวน 3 ชุด ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท และ พุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรทั้งสิ้น 211,700 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
    .
    รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 397,700 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท . วันนี้ (วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมจำนวน 41 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 17 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 186,000 บาท (หนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ธีระกิตติวัฒนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณตลาดเก่าพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา . โดยวานนี้ (วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568) นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอัคคีภัยบริเวณชุมชนใกล้สำนักงานเขตธนบุรี แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ รวมจำนวน 42 คน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว จำนวน 14 ชุด และรายบุคคล จำนวน 3 ชุด ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท และ พุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 องค์กรทั้งสิ้น 211,700 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) . รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 397,700 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด

    เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย

    บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี)


    แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย


    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี) แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมการควบคุมกระแสเงินสดช่วยให้ธุรกิจมั่นคง ?
    ทำไมการควบคุมกระแสเงินสดช่วยให้ธุรกิจมั่นคง ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ในยูเครน ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านอาหาร และระบบรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟ เกิดการขัดข้องในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคารที่ดำเนินการระบบนี้ ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าในอดีตยูเครนเคยตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซีย

    แอปพลิเคชัน Diya ซึ่งให้บริการออนไลน์แก่ประชาชนก็ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับแอปธนาคารบางแห่งที่มีปัญหาในการทำงาน

    Oleksandr Fediyenko สมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้โพสต์วิดีโอใน Telegram โดยยืนยันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    - ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เกิดการขัดข้อง
    - แอปพลิเคชัน Diya และแอปธนาคารบางแห่งไม่สามารถใช้งานได้

    ✅ สาเหตุของปัญหา
    - เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร
    - ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ การตอบสนองของเจ้าหน้าที่
    - Oleksandr Fediyenko ยืนยันว่าปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ
    - ไม่มีการเชื่อมโยงกับการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ผลกระทบต่อประชาชน
    - ประชาชนต้องใช้เงินสดแทนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/some-electronic-payments-systems-in-ukraine-disrupted
    ในยูเครน ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านอาหาร และระบบรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟ เกิดการขัดข้องในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคารที่ดำเนินการระบบนี้ ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าในอดีตยูเครนเคยตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซีย แอปพลิเคชัน Diya ซึ่งให้บริการออนไลน์แก่ประชาชนก็ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับแอปธนาคารบางแห่งที่มีปัญหาในการทำงาน Oleksandr Fediyenko สมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้โพสต์วิดีโอใน Telegram โดยยืนยันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น - ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เกิดการขัดข้อง - แอปพลิเคชัน Diya และแอปธนาคารบางแห่งไม่สามารถใช้งานได้ ✅ สาเหตุของปัญหา - เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร - ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ ✅ การตอบสนองของเจ้าหน้าที่ - Oleksandr Fediyenko ยืนยันว่าปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ - ไม่มีการเชื่อมโยงกับการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ผลกระทบต่อประชาชน - ประชาชนต้องใช้เงินสดแทนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/some-electronic-payments-systems-in-ukraine-disrupted
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Some electronic payments systems in Ukraine disrupted
    KYIV (Reuters) -Electronic payments systems in post offices, restaurants and the metro system were out of action in Ukraine early on Saturday, according to officials and Reuters witnesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท
    .
    รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้
    .
    เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง . วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท . รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้ . เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน
    .
    การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย
    .
    บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ
    .
    สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง
    .
    การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว
    .
    อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    .
    สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน
    .
    สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย
    .
    ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน
    .
    ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว
    .
    กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้
    (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน
    (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ
    (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม
    (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้
    .
    การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน . การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย . บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ . สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง . การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว . อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว . สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน . สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย . ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน . ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว . กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้ . การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️ไขมันสะสมคือที่ดิน ไกลโคเจนคือหุ้น ✴️ไตรกลีเซอไรด์คือเงินสด และ
    ✴️ น้ำตาลคือ เงินเหรียญ

    ถ้าเปรียบ "ไขมันสะสม" เหมือนทรัพย์สิน - ที่ดิน หุ้น... "Triglyceride" ก็คือ ..กระแสเงินสด มากไป/น้อยไป ก็ไม่ดีทั้งนั้น..

    ผมจะเปรียบเทียบดังนี้

    #ไขมันสะสม ก็คือ ที่ดิน กิจการ บ้าน รถ... คือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ

    #ไกลโคเจน ก็คือ หุ้น... เป็นทรัพย์สินที่สภาพคล่องดีหน่อย...

    #Triglyceride ก์คือ เงินสด แต่เป็นเงินแบ้งค์ใหญ่ๆ หน่อยนะ.. เช่น แบ้งค์ 1,000 แบ้งค์ 500

    #น้ำตาล ก็คือ เงินเหรียญ สภาพคล่องสูงสุด ใช้ง่าย ใช้เร็ว

    ถ้าร่างกายจะใช้เงิน (พลังงาน)... เริ่มจากน้ำตาลก่อนเลย เพราะใช้ได้ง่ายสุด คล่องสุด ได้ผลเร็วสุด แต่ก็หมดเร็ว... ให้นึกถึงว่า เราคึงไม่สะสมเหรียญไว้จนเต็มกระเป๋าหรอกนะ...

    น้ำตาลเวลามันเยอะๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น แบ้งค์พันบ้าง ไปเป็นหุ้นบ้าง หรือที่ดินบ้าง.... มันมีเยอะไม่ได้...

    นี่คือ #สภาพคล่องทางพลังงาน...

    ประเด็นที่เราจะพุดถึงวันนี้คือ สภาพคล่องของเงินสด หรือ Triglyceride นั่นแหละ...

    คนส่วนใหญ่ มักจะมี TG สูงเวอร์วัง ซึ่งเงินสด เวลามันมีมากไป มันกลับทำร้ายร่างกายเรานะ ... ดังนั้น มีมากไปก็ไม่ดี...

    แต่พอเริ่มมาดูแลสุขภาพแบบผิดๆ สุดโต่งไป ในบางคนคิดว่า ยิ่ง TG น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี...

    เห้ยยยย หายใจลึกๆ แล้วดูปากแอดนะ... มันบ่แม่นน!!!

    TG ที่ต่ำ ก็เหมือนเงินสดในมือที่เริ่มจะขาดแคลน มีไม่พอ...

    พอเงินสดมีไม่พอ ตัวแม่ หรือ คอร์ติซอล จะเริ่มไม่สบายใจหละ และจะออกมาปั่้นป่วนระบบในร่างกาย... แล้ว

    เพราะตัวแม่เค้าดูเรื่องของพลังงาน (เงินสด) เป็นหลัก... ต้องมีแบบพอดีๆ ให้อุ่นใจ... มากไปจะมีปัญหากับตัวพ่อ อินซูลิน แต่น้อยไปเมื่อไร ตัวแม่คอร์ติซอลจะออกอาละวาดทันที...

    เราจึงเห็นคนผอมๆ ลีนๆ ดูคล้ายๆ เหมือนจะ Healthy แต่สุดท้ายพบว่า ฮอร์โมนแปรปรวน เหมือนเคสดาราหลายๆ คนที่ออกข่าวกันนนี่หละ หรือสายแข็งหลายๆ คนที่ ขยันออกกำลัง ขยันอด กินก็น้อย แป้งแทบไม่แตะ มองน้ำตาลเป็นของต้องห้ามไปเลยก็มี... ซึ่งมันก็ทำให้ TG หรือเงินสด พร่องลงไป..

    เค้าคงลืมไปแล้วว่า บริบทก่อนหน้าที่ตัดคาร์บ คือ เราอวบอ้วน...

    แต่ปัจจุบันเราผอม ลีน แล้ว จะมาใช้วิธีตัดคาร์บสนิท ตัดโน่นนี่แบบสุดโต่ง มันก็ไม่เกิดผลดี

    แต่ทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย

    สรุป ก็คือ Trigleceride หรือ TG นี่ เปรียบเหมือนเงินสดในกระเป๋าเรานะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มีพอดีๆ ดีที่สุดนะครับ

    Cr.แอดทัช
    ✴️ไขมันสะสมคือที่ดิน ไกลโคเจนคือหุ้น ✴️ไตรกลีเซอไรด์คือเงินสด และ ✴️ น้ำตาลคือ เงินเหรียญ ถ้าเปรียบ "ไขมันสะสม" เหมือนทรัพย์สิน - ที่ดิน หุ้น... "Triglyceride" ก็คือ ..กระแสเงินสด มากไป/น้อยไป ก็ไม่ดีทั้งนั้น.. ผมจะเปรียบเทียบดังนี้ ☞ #ไขมันสะสม ก็คือ ที่ดิน กิจการ บ้าน รถ... คือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ ☞ #ไกลโคเจน ก็คือ หุ้น... เป็นทรัพย์สินที่สภาพคล่องดีหน่อย... ☞ #Triglyceride ก์คือ เงินสด แต่เป็นเงินแบ้งค์ใหญ่ๆ หน่อยนะ.. เช่น แบ้งค์ 1,000 แบ้งค์ 500 ☞ #น้ำตาล ก็คือ เงินเหรียญ สภาพคล่องสูงสุด ใช้ง่าย ใช้เร็ว ถ้าร่างกายจะใช้เงิน (พลังงาน)... เริ่มจากน้ำตาลก่อนเลย เพราะใช้ได้ง่ายสุด คล่องสุด ได้ผลเร็วสุด แต่ก็หมดเร็ว... ให้นึกถึงว่า เราคึงไม่สะสมเหรียญไว้จนเต็มกระเป๋าหรอกนะ... น้ำตาลเวลามันเยอะๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น แบ้งค์พันบ้าง ไปเป็นหุ้นบ้าง หรือที่ดินบ้าง.... มันมีเยอะไม่ได้... นี่คือ #สภาพคล่องทางพลังงาน... ประเด็นที่เราจะพุดถึงวันนี้คือ สภาพคล่องของเงินสด หรือ Triglyceride นั่นแหละ... คนส่วนใหญ่ มักจะมี TG สูงเวอร์วัง ซึ่งเงินสด เวลามันมีมากไป มันกลับทำร้ายร่างกายเรานะ ... ดังนั้น มีมากไปก็ไม่ดี... แต่พอเริ่มมาดูแลสุขภาพแบบผิดๆ สุดโต่งไป ในบางคนคิดว่า ยิ่ง TG น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี... เห้ยยยย หายใจลึกๆ แล้วดูปากแอดนะ... มันบ่แม่นน!!! TG ที่ต่ำ ก็เหมือนเงินสดในมือที่เริ่มจะขาดแคลน มีไม่พอ... พอเงินสดมีไม่พอ ตัวแม่ หรือ คอร์ติซอล จะเริ่มไม่สบายใจหละ และจะออกมาปั่้นป่วนระบบในร่างกาย... แล้ว เพราะตัวแม่เค้าดูเรื่องของพลังงาน (เงินสด) เป็นหลัก... ต้องมีแบบพอดีๆ ให้อุ่นใจ... มากไปจะมีปัญหากับตัวพ่อ อินซูลิน แต่น้อยไปเมื่อไร ตัวแม่คอร์ติซอลจะออกอาละวาดทันที... เราจึงเห็นคนผอมๆ ลีนๆ ดูคล้ายๆ เหมือนจะ Healthy แต่สุดท้ายพบว่า ฮอร์โมนแปรปรวน เหมือนเคสดาราหลายๆ คนที่ออกข่าวกันนนี่หละ หรือสายแข็งหลายๆ คนที่ ขยันออกกำลัง ขยันอด กินก็น้อย แป้งแทบไม่แตะ มองน้ำตาลเป็นของต้องห้ามไปเลยก็มี... ซึ่งมันก็ทำให้ TG หรือเงินสด พร่องลงไป.. เค้าคงลืมไปแล้วว่า บริบทก่อนหน้าที่ตัดคาร์บ คือ เราอวบอ้วน... แต่ปัจจุบันเราผอม ลีน แล้ว จะมาใช้วิธีตัดคาร์บสนิท ตัดโน่นนี่แบบสุดโต่ง มันก็ไม่เกิดผลดี แต่ทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย สรุป ก็คือ Trigleceride หรือ TG นี่ เปรียบเหมือนเงินสดในกระเป๋าเรานะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มีพอดีๆ ดีที่สุดนะครับ Cr.แอดทัช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️ไขมันสะสมคือที่ดิน ไกลโคเจนคือหุ้น ✴️ไตรกลีเซอไรด์คือเงินสด และ
    ✴️ น้ำตาลคือ เงินเหรียญ

    ถ้าเปรียบ "ไขมันสะสม" เหมือนทรัพย์สิน - ที่ดิน หุ้น... "Triglyceride" ก็คือ ..กระแสเงินสด มากไป/น้อยไป ก็ไม่ดีทั้งนั้น..

    ผมจะเปรียบเทียบดังนี้

    #ไขมันสะสม ก็คือ ที่ดิน กิจการ บ้าน รถ... คือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ

    #ไกลโคเจน ก็คือ หุ้น... เป็นทรัพย์สินที่สภาพคล่องดีหน่อย...

    #Triglyceride ก์คือ เงินสด แต่เป็นเงินแบ้งค์ใหญ่ๆ หน่อยนะ.. เช่น แบ้งค์ 1,000 แบ้งค์ 500

    #น้ำตาล ก็คือ เงินเหรียญ สภาพคล่องสูงสุด ใช้ง่าย ใช้เร็ว

    ถ้าร่างกายจะใช้เงิน (พลังงาน)... เริ่มจากน้ำตาลก่อนเลย เพราะใช้ได้ง่ายสุด คล่องสุด ได้ผลเร็วสุด แต่ก็หมดเร็ว... ให้นึกถึงว่า เราคึงไม่สะสมเหรียญไว้จนเต็มกระเป๋าหรอกนะ...

    น้ำตาลเวลามันเยอะๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น แบ้งค์พันบ้าง ไปเป็นหุ้นบ้าง หรือที่ดินบ้าง.... มันมีเยอะไม่ได้...

    นี่คือ #สภาพคล่องทางพลังงาน...

    ประเด็นที่เราจะพุดถึงวันนี้คือ สภาพคล่องของเงินสด หรือ Triglyceride นั่นแหละ...

    คนส่วนใหญ่ มักจะมี TG สูงเวอร์วัง ซึ่งเงินสด เวลามันมีมากไป มันกลับทำร้ายร่างกายเรานะ ... ดังนั้น มีมากไปก็ไม่ดี...

    แต่พอเริ่มมาดูแลสุขภาพแบบผิดๆ สุดโต่งไป ในบางคนคิดว่า ยิ่ง TG น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี...

    เห้ยยยย หายใจลึกๆ แล้วดูปากแอดนะ... มันบ่แม่นน!!!

    TG ที่ต่ำ ก็เหมือนเงินสดในมือที่เริ่มจะขาดแคลน มีไม่พอ...

    พอเงินสดมีไม่พอ ตัวแม่ หรือ คอร์ติซอล จะเริ่มไม่สบายใจหละ และจะออกมาปั่้นป่วนระบบในร่างกาย... แล้ว

    เพราะตัวแม่เค้าดูเรื่องของพลังงาน (เงินสด) เป็นหลัก... ต้องมีแบบพอดีๆ ให้อุ่นใจ... มากไปจะมีปัญหากับตัวพ่อ อินซูลิน แต่น้อยไปเมื่อไร ตัวแม่คอร์ติซอลจะออกอาละวาดทันที...

    เราจึงเห็นคนผอมๆ ลีนๆ ดูคล้ายๆ เหมือนจะ Healthy แต่สุดท้ายพบว่า ฮอร์โมนแปรปรวน เหมือนเคสดาราหลายๆ คนที่ออกข่าวกันนนี่หละ หรือสายแข็งหลายๆ คนที่ ขยันออกกำลัง ขยันอด กินก็น้อย แป้งแทบไม่แตะ มองน้ำตาลเป็นของต้องห้ามไปเลยก็มี... ซึ่งมันก็ทำให้ TG หรือเงินสด พร่องลงไป..

    เค้าคงลืมไปแล้วว่า บริบทก่อนหน้าที่ตัดคาร์บ คือ เราอวบอ้วน...

    แต่ปัจจุบันเราผอม ลีน แล้ว จะมาใช้วิธีตัดคาร์บสนิท ตัดโน่นนี่แบบสุดโต่ง มันก็ไม่เกิดผลดี

    แต่ทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย

    สรุป ก็คือ Trigleceride หรือ TG นี่ เปรียบเหมือนเงินสดในกระเป๋าเรานะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มีพอดีๆ ดีที่สุดนะครับ

    Cr.แอดทัช
    ✴️ไขมันสะสมคือที่ดิน ไกลโคเจนคือหุ้น ✴️ไตรกลีเซอไรด์คือเงินสด และ ✴️ น้ำตาลคือ เงินเหรียญ ถ้าเปรียบ "ไขมันสะสม" เหมือนทรัพย์สิน - ที่ดิน หุ้น... "Triglyceride" ก็คือ ..กระแสเงินสด มากไป/น้อยไป ก็ไม่ดีทั้งนั้น.. ผมจะเปรียบเทียบดังนี้ ☞ #ไขมันสะสม ก็คือ ที่ดิน กิจการ บ้าน รถ... คือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ ☞ #ไกลโคเจน ก็คือ หุ้น... เป็นทรัพย์สินที่สภาพคล่องดีหน่อย... ☞ #Triglyceride ก์คือ เงินสด แต่เป็นเงินแบ้งค์ใหญ่ๆ หน่อยนะ.. เช่น แบ้งค์ 1,000 แบ้งค์ 500 ☞ #น้ำตาล ก็คือ เงินเหรียญ สภาพคล่องสูงสุด ใช้ง่าย ใช้เร็ว ถ้าร่างกายจะใช้เงิน (พลังงาน)... เริ่มจากน้ำตาลก่อนเลย เพราะใช้ได้ง่ายสุด คล่องสุด ได้ผลเร็วสุด แต่ก็หมดเร็ว... ให้นึกถึงว่า เราคึงไม่สะสมเหรียญไว้จนเต็มกระเป๋าหรอกนะ... น้ำตาลเวลามันเยอะๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น แบ้งค์พันบ้าง ไปเป็นหุ้นบ้าง หรือที่ดินบ้าง.... มันมีเยอะไม่ได้... นี่คือ #สภาพคล่องทางพลังงาน... ประเด็นที่เราจะพุดถึงวันนี้คือ สภาพคล่องของเงินสด หรือ Triglyceride นั่นแหละ... คนส่วนใหญ่ มักจะมี TG สูงเวอร์วัง ซึ่งเงินสด เวลามันมีมากไป มันกลับทำร้ายร่างกายเรานะ ... ดังนั้น มีมากไปก็ไม่ดี... แต่พอเริ่มมาดูแลสุขภาพแบบผิดๆ สุดโต่งไป ในบางคนคิดว่า ยิ่ง TG น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี... เห้ยยยย หายใจลึกๆ แล้วดูปากแอดนะ... มันบ่แม่นน!!! TG ที่ต่ำ ก็เหมือนเงินสดในมือที่เริ่มจะขาดแคลน มีไม่พอ... พอเงินสดมีไม่พอ ตัวแม่ หรือ คอร์ติซอล จะเริ่มไม่สบายใจหละ และจะออกมาปั่้นป่วนระบบในร่างกาย... แล้ว เพราะตัวแม่เค้าดูเรื่องของพลังงาน (เงินสด) เป็นหลัก... ต้องมีแบบพอดีๆ ให้อุ่นใจ... มากไปจะมีปัญหากับตัวพ่อ อินซูลิน แต่น้อยไปเมื่อไร ตัวแม่คอร์ติซอลจะออกอาละวาดทันที... เราจึงเห็นคนผอมๆ ลีนๆ ดูคล้ายๆ เหมือนจะ Healthy แต่สุดท้ายพบว่า ฮอร์โมนแปรปรวน เหมือนเคสดาราหลายๆ คนที่ออกข่าวกันนนี่หละ หรือสายแข็งหลายๆ คนที่ ขยันออกกำลัง ขยันอด กินก็น้อย แป้งแทบไม่แตะ มองน้ำตาลเป็นของต้องห้ามไปเลยก็มี... ซึ่งมันก็ทำให้ TG หรือเงินสด พร่องลงไป.. เค้าคงลืมไปแล้วว่า บริบทก่อนหน้าที่ตัดคาร์บ คือ เราอวบอ้วน... แต่ปัจจุบันเราผอม ลีน แล้ว จะมาใช้วิธีตัดคาร์บสนิท ตัดโน่นนี่แบบสุดโต่ง มันก็ไม่เกิดผลดี แต่ทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย สรุป ก็คือ Trigleceride หรือ TG นี่ เปรียบเหมือนเงินสดในกระเป๋าเรานะ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มีพอดีๆ ดีที่สุดนะครับ Cr.แอดทัช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลงทุนอะไรให้ชนะเงินเฟ้อ และได้กระแสเงินสด ?
    ลงทุนอะไรให้ชนะเงินเฟ้อ และได้กระแสเงินสด ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4 คนบริสุทธิ์ด้วยการงาน
    .
    งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ
    .
    ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม
    .
    การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน
    .
    เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น
    .
    เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้
    .
    พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้”
    .
    สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้
    .
    ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ
    ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น
    .
    ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4 คนบริสุทธิ์ด้วยการงาน . งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ . ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม . การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน . เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น . เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้ . พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้” . สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้ . ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น . ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts