• "ปานเทพ" โต้ "ปอ-แซน" มีพิรุธ ย้ำจำลอง "แตงโม" ตกเรือ ค้นหา "ประเด็นแห่งคดี"
    .
    ปานเทพโต้ปอ-แซนแถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลองแตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน
    .
    วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรมริเวอร์ไลน์ เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.นนทบุรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ตอบโต้นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ และนายวิศาพัช มโนมันรัตน์ หรือแซน ที่แถลงข่าวการทดสอบเหตุการณ์จำลองการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาว ที่กล่าวหาว่าเป็นการจำลองไม่ตรงกัน 100% ว่า ที่การทดลองไม่ตกตรงนั้น ไม่ตกตรงนี้ เพราะไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ประเด็นคือคำให้การของแซน วิศาพัช ที่ให้การว่าแตงโมตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ และคนบนเรือทั้งหมดในการออกรายการโหนกระแส กล่าวว่าไม่เห็นการตกเรือและไม่เห็นอะไรเลย ตกแล้วหายไปเลย จึงเห็นว่าการพูดในครั้งนั้นเป็นประเด็นแห่งคดี
    .
    อีกทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วพบว่า ไม่มีลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์บนเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเกาะท้ายเรือ กาบเรือนั้นไม่มี ส่วนบนเบาะเรือด้านท้ายสุดไม่มีดีเอ็นเอของแตงโม แม้กระทั่งแซน วิศาพัชก็ไม่มี เรื่องนี้จึงมีพิรุธตั้งแต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอทดสอบตามคำให้การว่าแซน วิศาพัช เห็นคนเดียว จึงทดสอบตามนั้น เพราะเป็นประเด็นแห่งคดีที่อยู่ในสำนวนในชั้นศาล ซึ่งเราต้องยึดประเด็นนี้ คือตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ แม้จะมีการท้วงแต่ก็ได้พยายามทดลอง
    .
    ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่แซน วิศาพัช อ้างว่าจำชุดไม่ได้ เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนออกรายการหนึ่งว่าตัวเองถอดคอนแทคเลนส์ ถอดแว่นตา ตาเจ็บ มองไม่เห็นอะไรเลย จากเดิมที่บอกว่าเห็นอยู่คนเดียว คำแถลงหรือคำให้การไม่ย้อนแย้งหรือ เพราะอ้างว่าเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเล็กกว่าการมองเห็นคน ทำให้เราเห็นพิรุธจากสิ่งที่พูดออกมา และที่อาสาสมัครสวมเสื้อชูชีพ เพราะการทดสอบที่ผ่านมา ตำรวจและสื่อมวลชนก็สวมเสื้อชูชีพเช่นกัน ทำไมถึงตำหนิการทำงานของภาคประชาชน และมีอาสาสมัคร 3 คน ตัดสินใจไม่สวมเสื้อชูชีพให้ดู จะได้หมดข้ออ้าง และเป็นที่ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่เหมาะกับการปัสสาวะเพราะจะเปียกไปถึงเอว ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเปิดของสงวนต่อหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่เฉียงๆ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ส่วนการตกด้านซ้ายหรือหงายหลัง ไม่ว่าตกไปทางไหนก็พิสูจน์ชัดว่าไม่โดนใบพัดเรือ
    .
    ส่วนที่นายตนุภัทรและแซน วิศาพัช แถลงข่าวในวันนี้ นายปานเทพเห็นว่ามีพิรุธอย่างมาก เพราะ 3 ปีที่แล้ว ปอ ตนุภัทร อ้างว่าขับเรือไม่เห็นอะไรเลย บัดนี้จะเห็นทุกอย่าง เกาะอยู่ที่เครื่องยนต์ รอ 10 วินาที เห็นไปหมด มันต่างจากคำให้การต่อศาล และสำนวนคดีที่แจ้งกับตำรวจหรือไม่ ถ้าคุณรู้ว่ามีการเกาะอยู่ 10 วินาทีจริง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมไม่ช่วยคุณแตงโม 10 วินาที ไม่เห็นหรือว่ามีคนตกน้ำแล้วช่วยไว้ได้ทัน แต่ 3 ปีที่แล้วให้การว่าตกน้ำแล้วหายไปเลย ไม่รู้อยู่ที่ไหน มืดมาก บัดนี้บอกว่าเห็น 10 วินาทีแต่ไม่ช่วยเพื่อน เราเห็นว่ามีพิรุธและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเราคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสิ่งที่ทำจะต้องมีคนดิ้น แต่ถ้าดิ้นเป็น ออกอาการสมเหตุสมผล สังคมก็เชื่อ แต่ทุกคนรู้ทันกันหมดว่าผิดปกติ ถ้ายอกว่าเป็นเท็จก็ต้องมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าจะแสดงออกตามอำเภอใจเพื่อเป็นเหตุอ้าง ต้องทำเอง แต่บัดนี้ยังไม่เห็น และบาดแผลทางขวาของแตงโมเกิดขึ้นไม่ได้ และศาลอาญายกฟ้อง 21 ตำรวจที่ฟ้องนายอัจฉริย เรืองรัตนพงษ์ ว่า ต้นขาขวาเป็นแผลเดี่ยว ลึก เรียบ เป็นไปไม่ได้ที่เกิดจากใบพัดเรือในการตกด้านซ้าย ทุกอย่างขัดแย้งหมด
    .
    "จะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ประชาชนเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงเห็นว่าคำแถลงของคุณปอ (นายตนุภัทร) ซึ่งหายไปหลายปี แล้วคุณก็ยุติไปแล้วในคดีกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงจะรับรู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องของผลทางกฎหมายและการตัดสินก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลแห่งกรรมมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่คุณพูดวันนี้ไม่สามารถมีคำอธิยายอย่างสมเหตุสมผลได้ในประเด็นแห่งคดี เราต้องไม่ตกในมายาคติที่เขาจะชวนไปตกหัวเรือ กระโดดตีลังกาด้านซ้าย ด้านขวา เอาประเด็นแห่งคดี และที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างไร"
    .
    นายปานเทพ กล่าวว่า ที่อ้างว่าต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ คนเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นอาสาสมัครที่ต้องขออนุญาต เพราะเขาเป็นคนเสียสละ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแม่เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ และเมื่อคนบนเรือขัดแย้งก็เป็นพยานหลักฐานเช่นเดียวกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004962
    .........
    Sondhi X
    "ปานเทพ" โต้ "ปอ-แซน" มีพิรุธ ย้ำจำลอง "แตงโม" ตกเรือ ค้นหา "ประเด็นแห่งคดี" . ปานเทพโต้ปอ-แซนแถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลองแตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน . วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรมริเวอร์ไลน์ เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.นนทบุรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ตอบโต้นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ และนายวิศาพัช มโนมันรัตน์ หรือแซน ที่แถลงข่าวการทดสอบเหตุการณ์จำลองการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาว ที่กล่าวหาว่าเป็นการจำลองไม่ตรงกัน 100% ว่า ที่การทดลองไม่ตกตรงนั้น ไม่ตกตรงนี้ เพราะไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ประเด็นคือคำให้การของแซน วิศาพัช ที่ให้การว่าแตงโมตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ และคนบนเรือทั้งหมดในการออกรายการโหนกระแส กล่าวว่าไม่เห็นการตกเรือและไม่เห็นอะไรเลย ตกแล้วหายไปเลย จึงเห็นว่าการพูดในครั้งนั้นเป็นประเด็นแห่งคดี . อีกทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วพบว่า ไม่มีลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์บนเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเกาะท้ายเรือ กาบเรือนั้นไม่มี ส่วนบนเบาะเรือด้านท้ายสุดไม่มีดีเอ็นเอของแตงโม แม้กระทั่งแซน วิศาพัชก็ไม่มี เรื่องนี้จึงมีพิรุธตั้งแต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอทดสอบตามคำให้การว่าแซน วิศาพัช เห็นคนเดียว จึงทดสอบตามนั้น เพราะเป็นประเด็นแห่งคดีที่อยู่ในสำนวนในชั้นศาล ซึ่งเราต้องยึดประเด็นนี้ คือตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ แม้จะมีการท้วงแต่ก็ได้พยายามทดลอง . ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่แซน วิศาพัช อ้างว่าจำชุดไม่ได้ เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนออกรายการหนึ่งว่าตัวเองถอดคอนแทคเลนส์ ถอดแว่นตา ตาเจ็บ มองไม่เห็นอะไรเลย จากเดิมที่บอกว่าเห็นอยู่คนเดียว คำแถลงหรือคำให้การไม่ย้อนแย้งหรือ เพราะอ้างว่าเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเล็กกว่าการมองเห็นคน ทำให้เราเห็นพิรุธจากสิ่งที่พูดออกมา และที่อาสาสมัครสวมเสื้อชูชีพ เพราะการทดสอบที่ผ่านมา ตำรวจและสื่อมวลชนก็สวมเสื้อชูชีพเช่นกัน ทำไมถึงตำหนิการทำงานของภาคประชาชน และมีอาสาสมัคร 3 คน ตัดสินใจไม่สวมเสื้อชูชีพให้ดู จะได้หมดข้ออ้าง และเป็นที่ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่เหมาะกับการปัสสาวะเพราะจะเปียกไปถึงเอว ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเปิดของสงวนต่อหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่เฉียงๆ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ส่วนการตกด้านซ้ายหรือหงายหลัง ไม่ว่าตกไปทางไหนก็พิสูจน์ชัดว่าไม่โดนใบพัดเรือ . ส่วนที่นายตนุภัทรและแซน วิศาพัช แถลงข่าวในวันนี้ นายปานเทพเห็นว่ามีพิรุธอย่างมาก เพราะ 3 ปีที่แล้ว ปอ ตนุภัทร อ้างว่าขับเรือไม่เห็นอะไรเลย บัดนี้จะเห็นทุกอย่าง เกาะอยู่ที่เครื่องยนต์ รอ 10 วินาที เห็นไปหมด มันต่างจากคำให้การต่อศาล และสำนวนคดีที่แจ้งกับตำรวจหรือไม่ ถ้าคุณรู้ว่ามีการเกาะอยู่ 10 วินาทีจริง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมไม่ช่วยคุณแตงโม 10 วินาที ไม่เห็นหรือว่ามีคนตกน้ำแล้วช่วยไว้ได้ทัน แต่ 3 ปีที่แล้วให้การว่าตกน้ำแล้วหายไปเลย ไม่รู้อยู่ที่ไหน มืดมาก บัดนี้บอกว่าเห็น 10 วินาทีแต่ไม่ช่วยเพื่อน เราเห็นว่ามีพิรุธและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเราคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสิ่งที่ทำจะต้องมีคนดิ้น แต่ถ้าดิ้นเป็น ออกอาการสมเหตุสมผล สังคมก็เชื่อ แต่ทุกคนรู้ทันกันหมดว่าผิดปกติ ถ้ายอกว่าเป็นเท็จก็ต้องมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าจะแสดงออกตามอำเภอใจเพื่อเป็นเหตุอ้าง ต้องทำเอง แต่บัดนี้ยังไม่เห็น และบาดแผลทางขวาของแตงโมเกิดขึ้นไม่ได้ และศาลอาญายกฟ้อง 21 ตำรวจที่ฟ้องนายอัจฉริย เรืองรัตนพงษ์ ว่า ต้นขาขวาเป็นแผลเดี่ยว ลึก เรียบ เป็นไปไม่ได้ที่เกิดจากใบพัดเรือในการตกด้านซ้าย ทุกอย่างขัดแย้งหมด . "จะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ประชาชนเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงเห็นว่าคำแถลงของคุณปอ (นายตนุภัทร) ซึ่งหายไปหลายปี แล้วคุณก็ยุติไปแล้วในคดีกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงจะรับรู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องของผลทางกฎหมายและการตัดสินก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลแห่งกรรมมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่คุณพูดวันนี้ไม่สามารถมีคำอธิยายอย่างสมเหตุสมผลได้ในประเด็นแห่งคดี เราต้องไม่ตกในมายาคติที่เขาจะชวนไปตกหัวเรือ กระโดดตีลังกาด้านซ้าย ด้านขวา เอาประเด็นแห่งคดี และที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างไร" . นายปานเทพ กล่าวว่า ที่อ้างว่าต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ คนเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นอาสาสมัครที่ต้องขออนุญาต เพราะเขาเป็นคนเสียสละ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแม่เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ และเมื่อคนบนเรือขัดแย้งก็เป็นพยานหลักฐานเช่นเดียวกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004962 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    21
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 968 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยาลดกรด

    ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง

    จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12

    ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค :

    -โรคโลหิตจาง
    -ความเสียหายของเส้นประสาท
    -ปัญหาเกี่ยวกับจิต
    -สมองเสื่อม (Dementia)

    ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente:

    "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้"

    การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร

    เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า

    วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ :

    การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน

    การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์
    สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ

    การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า :

    “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น "

    และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ :

    -โรคซึมเศร้า
    -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
    -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร
    -โรคหัวใจและมะเร็ง

    รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง:

    -ไข่อินทรีย์
    -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์
    -ไก่อินทรีย์
    -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า
    -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ

    ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา

    ยาลดกรด 2

    ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด:
    คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร

    อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ

    ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ

    เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา:

    ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

    ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา

    สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต

    แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ

    Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด

    กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย

    การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้:

    Salmonella
    Campylobacter
    อหิวาตกโรค
    Listeria
    Giardia
    C. difficile
    การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ:
    โรคปอดบวม
    วัณโรค
    ไทฟอยด์
    บิด

    ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome

    ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ

    อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis)

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง:

    มะเร็งกระเพาะอาหาร
    โรคภูมิแพ้
    โรคหอบหืด
    อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์
    โลหิตจาง
    โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ
    โรคนิ่วในถุงน้ำดี
    โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์
    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC)
    โรคไวรัสตับอักเสบ
    โรคกระดูกพรุน
    โรคเบาหวานประเภท 1
    และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก!

    มะเร็งกระเพาะอาหาร

    โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ

    ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า :
    โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง

    แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น

    ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori
    ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร

    อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้

    ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์

    ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

    หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์

    โรคแพ้ภูมิ

    กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า
    การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม

    เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

    ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ

    โรคหอบหืด

    ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา

    เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก

    ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง

    สรุป

    อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด

    การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง

    Cr. Santi Manadee
    #ยาลดกรด ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12 ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค : -โรคโลหิตจาง -ความเสียหายของเส้นประสาท -ปัญหาเกี่ยวกับจิต -สมองเสื่อม (Dementia) ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente: "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้" การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ : การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์ สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า : “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น " และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ : -โรคซึมเศร้า -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร -โรคหัวใจและมะเร็ง รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง: -ไข่อินทรีย์ -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์ -ไก่อินทรีย์ -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา ยาลดกรด 2 ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด: คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา: ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้: Salmonella Campylobacter อหิวาตกโรค Listeria Giardia C. difficile การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ: โรคปอดบวม วัณโรค ไทฟอยด์ บิด ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง: มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์ โลหิตจาง โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC) โรคไวรัสตับอักเสบ โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานประเภท 1 และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก! มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า : โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้ ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์ ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์ โรคแพ้ภูมิ กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ โรคหอบหืด ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง สรุป อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 13 มกราคม 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยตอนหนึ่งระบุว่า ในการประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ตามที่กระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอ และให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา

    เมื่อกฎหมายตัวนี้ผ่านใช้เมื่อไร รอไป 10 ปี จะเห็นผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้

    ถ้าคิดว่าการพนัน,ยาเสพติด,ขายตัวผิดกฎหมายก็ทำให้ถูก ต่อไปข่มขืน,ฆ่าคนตายผิดกฎหมายก็ทำให้ถูกได้เหมือนกัน จัดพื้นที่ให้ยิงคน,ข่มขืนแล้วมีหมอเตรียมเข้าไปรักษาเหยื่อไม่ให้ตาย

    เยี่ยม...

    https://www.youtube.com/live/tAg8rS3Bzq4?si=hYJo84fLLdXo7htK
    วันที่ 13 มกราคม 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยตอนหนึ่งระบุว่า ในการประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ตามที่กระทรวงการคลังเป็นผู้เสนอ และให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เมื่อกฎหมายตัวนี้ผ่านใช้เมื่อไร รอไป 10 ปี จะเห็นผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ถ้าคิดว่าการพนัน,ยาเสพติด,ขายตัวผิดกฎหมายก็ทำให้ถูก ต่อไปข่มขืน,ฆ่าคนตายผิดกฎหมายก็ทำให้ถูกได้เหมือนกัน จัดพื้นที่ให้ยิงคน,ข่มขืนแล้วมีหมอเตรียมเข้าไปรักษาเหยื่อไม่ให้ตาย เยี่ยม... https://www.youtube.com/live/tAg8rS3Bzq4?si=hYJo84fLLdXo7htK
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกผู้นำแคลิฟอร์เนียหนักหน่วงขึ้น ต่อกรณีจัดการกับไฟฟ้าที่กำลังเผาผลาญลอสแองเจลิส ทำให้ทางผู้ว่าการรัฐตอบโต้ ด้วยการกระตุ้นให้เขาลงพื้นที่มาดูสภาพความเสียหายด้วยตนเอง
    .
    "ไฟป่ายังคงโหมกระพือในแอลเอ พวกนักการเมืองที่ไร้ความสามารถ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดับไฟได้" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "นี่คือหนึ่งในหายนะครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่สามารถดับไฟเท่านั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?"
    .
    กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย จากพรรคเดโมแครต ซึ่งตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์มาช้านาน ตอบโต้กลับระหว่างการสัมภาษณ์หนึ่งซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ (12 ม.ค.) แต่ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงประนีประนอม "การตอบโต้กลับคำดูหมิ่นด่าทอของทรัมป์ เราอาจต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน" เขากล่าวกับเอ็นบีซี "เจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งทุกคนที่เขาทะเลาะด้วยคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี"
    .
    ผู้ว่าการรัฐกล่าวต่อว่า "แต่ผมเรียกร้องให้เขาเดินทางมาดูด้วยตาตนเอง เราต้องการทำมันด้วยสปิริตแห่งการเปิดกว้าง ไม่ใช่ใจที่ปิดกั้น เขาคือว่าที่ประธานาธิบดี" พร้อมเผยว่าจนถึงตอนนี้ ทรัมป์ ยังไม่ตอบสนองใดๆ ต่อคำเชิญของเขา
    .
    บ่อยครั้งที่ ทรัมป์ กระทบกระทั่งกับ นิวซัม บุคคลที่ถูกมองว่าอาจก้าวมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2028 และแม้วิพากษ์วิจารณ์แนวทางรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าในอดีตที่ผ่านมา ทรัมป์ เองก็เคยขู่ตัดงบบริหารจัดการไฟป่าของรัฐบาลที่ป้อนแก่แคลิฟอร์เนีย หากได้รับเลือกตั้ง ท่ามกลางข้อพิพาทกับ นิวซัม เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ
    .
    "ในจิตวิญญาณของประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ เราต้องไม่นำโศกนาฏกรรมของมนุษย์มาเป็นเรื่องทางการเมือง หรือแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือน" นิวซัม เขียนตอบโต้ทรัมป์ แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ "ผมขอเชิญคุณมายังแคลิฟอร์เนียอีกครั้ง พบเจอกับอเมริกันชนที่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้นี้ มาดูหายนะด้วยตาตนเอง เข้าร่วมกับผลและคนอื่นๆ ในการขอบคุณวีรบุรุษนักดับเพลิงและทีมตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง นี่คือสไตล์ของเขา เราจริงจังกับคำพูดของเขา" ผู้ว่าการรัฐอ้างถึงคำขู่ของทรัมป์ เกี่ยวกับการตัดงบช่วยเหลือ
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและระดับท้องถิ่นในแคลิฟอร์เนีย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในขณะที่ทรัมป์และสมาชิกรีพับลิกันรายอื่นๆ เช่นเดียวกันประชาชนที่บ้านถูกไฟเผาไหม้หรือเสี่ยงถูกเพลิงทำลายล้าง ส่งเสียงเรียกร้องขอคำตอบเกี่ยวกับแผนและการเตรียมการรับมือวิกฤตของทางรัฐ
    .
    จนถึงตอนนี้ไฟป่าครั้งเลวร้ายได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 16 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 150,000 คน และสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 12,000 หลัง ถูกทำลาย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐ "บ้านอันงดงามหลายพันหลังหายวับไป และอีกมากจะสูญเสียเร็วๆ นี้ มีคนเสียชีวิตอยู่ในทุกพื้นที่" ทรัมป์โพสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003511
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกผู้นำแคลิฟอร์เนียหนักหน่วงขึ้น ต่อกรณีจัดการกับไฟฟ้าที่กำลังเผาผลาญลอสแองเจลิส ทำให้ทางผู้ว่าการรัฐตอบโต้ ด้วยการกระตุ้นให้เขาลงพื้นที่มาดูสภาพความเสียหายด้วยตนเอง . "ไฟป่ายังคงโหมกระพือในแอลเอ พวกนักการเมืองที่ไร้ความสามารถ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดับไฟได้" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "นี่คือหนึ่งในหายนะครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่สามารถดับไฟเท่านั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?" . กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย จากพรรคเดโมแครต ซึ่งตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์มาช้านาน ตอบโต้กลับระหว่างการสัมภาษณ์หนึ่งซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ (12 ม.ค.) แต่ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงประนีประนอม "การตอบโต้กลับคำดูหมิ่นด่าทอของทรัมป์ เราอาจต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน" เขากล่าวกับเอ็นบีซี "เจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งทุกคนที่เขาทะเลาะด้วยคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี" . ผู้ว่าการรัฐกล่าวต่อว่า "แต่ผมเรียกร้องให้เขาเดินทางมาดูด้วยตาตนเอง เราต้องการทำมันด้วยสปิริตแห่งการเปิดกว้าง ไม่ใช่ใจที่ปิดกั้น เขาคือว่าที่ประธานาธิบดี" พร้อมเผยว่าจนถึงตอนนี้ ทรัมป์ ยังไม่ตอบสนองใดๆ ต่อคำเชิญของเขา . บ่อยครั้งที่ ทรัมป์ กระทบกระทั่งกับ นิวซัม บุคคลที่ถูกมองว่าอาจก้าวมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2028 และแม้วิพากษ์วิจารณ์แนวทางรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าในอดีตที่ผ่านมา ทรัมป์ เองก็เคยขู่ตัดงบบริหารจัดการไฟป่าของรัฐบาลที่ป้อนแก่แคลิฟอร์เนีย หากได้รับเลือกตั้ง ท่ามกลางข้อพิพาทกับ นิวซัม เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ . "ในจิตวิญญาณของประเทศที่ยิ่งใหญ่นี้ เราต้องไม่นำโศกนาฏกรรมของมนุษย์มาเป็นเรื่องทางการเมือง หรือแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือน" นิวซัม เขียนตอบโต้ทรัมป์ แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ "ผมขอเชิญคุณมายังแคลิฟอร์เนียอีกครั้ง พบเจอกับอเมริกันชนที่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้นี้ มาดูหายนะด้วยตาตนเอง เข้าร่วมกับผลและคนอื่นๆ ในการขอบคุณวีรบุรุษนักดับเพลิงและทีมตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง นี่คือสไตล์ของเขา เราจริงจังกับคำพูดของเขา" ผู้ว่าการรัฐอ้างถึงคำขู่ของทรัมป์ เกี่ยวกับการตัดงบช่วยเหลือ . พวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและระดับท้องถิ่นในแคลิฟอร์เนีย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในขณะที่ทรัมป์และสมาชิกรีพับลิกันรายอื่นๆ เช่นเดียวกันประชาชนที่บ้านถูกไฟเผาไหม้หรือเสี่ยงถูกเพลิงทำลายล้าง ส่งเสียงเรียกร้องขอคำตอบเกี่ยวกับแผนและการเตรียมการรับมือวิกฤตของทางรัฐ . จนถึงตอนนี้ไฟป่าครั้งเลวร้ายได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 16 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 150,000 คน และสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 12,000 หลัง ถูกทำลาย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐ "บ้านอันงดงามหลายพันหลังหายวับไป และอีกมากจะสูญเสียเร็วๆ นี้ มีคนเสียชีวิตอยู่ในทุกพื้นที่" ทรัมป์โพสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003511 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 911 มุมมอง 0 รีวิว
  • #impromptuspeech

    ต้องย้อนไปในช่วงวัย 8 ขวด ในความที่เป็นเด็ก'ช่างพูด' แม้จะพูดรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ครูคงเห็นแวว จึงเสนอให้ไปทดลองแข่งทักษะวิชาการในด้านนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า 'Impromptu Speech' มากเท่าไหร่นัก แต่มีความคิดหนึ่งมันปรากฎในมโนทวารว่า ถ้าได้ลองอะไรใหม่ ๆ มันคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก เพราะฉะนั้นผมจึงตอบรับคำเชิญจากครูที่เคารพ

    หลังจากบทสนทนาในวันนั้น ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณ 7 วัน ครูเรียกให้ไปพบเพื่อรับสคริป์ จะได้เอาไปท่องจำเพราะการ Impromptu Speech เป็นภาษาอังกฤษนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องที่ได้ต้องฝึกหัดมันมักจะเกี่ยวกับ introduce myself (เรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวฉัน) และ my family (ครอบครัวของฉัน)

    ความรู้สึกตอนที่ฝึกต่อหน้าครู ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียงรายดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่โชคยังดีที่มียังมีซับอยู่ใต้ข้อความแต่ละประโยค ซึ่งในตอนนั้นครูยังให้กำลังใจด้วยการพูดประมาณว่าให้ยึดถือสํานวนสุภาษิต 'ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น' แหมมม ถ้ายึดสำนวนนี้คงได้สำเร็จอย่างที่ใจหวังเป็นแน่แท้

    เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา ไม่อยากอารัมภบทมากจนเกินไป ขอตัดภาพไปที่วันพวกเราแข่งเลยละกัน แต่ก็จะขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า "เมื่อก่อนการแข่งขันทักษะวิชาการสมัยประถมผมอยู่นั้น เขาจะแบ่งออกอยู่เป็น 4 ช่วงคือ แข่งระดับศูนย์การศึกษา ระดับเขตพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับชาติ ซึ่งนักแข่งทุกผู้ทุกคนก็จะคาดหวังระดับชาติกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    หากพูดถึงการแข่งขันระดับศูนย์การศึกษา ในวันนั้นผู้ที่ลงแข่ง Impromptu Speech มี 3 โรงเรียน โดยหนึ่งในนั้นมีโรงเรียนของผมนี่เอง ซึ่งตอนที่ออกไปพูดต่อหน้ากรรมการ ในใจคิดว่า 'เราจะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอดครูจะว่าไง' ส่วนทางร่างกายมันสั่งว่าให้สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ talk เรื่องที่ตัวเองฝึกมาแบบไม่มีอะไรติดขัดเลยซักกะนิดเดียว เมื่อออกจากห้อง ความมั่นใจมันพลุ่งพล่านมาจากไหนก็ไม่รู้เพราะรู้สึกมีเซ้นว่าเราจะชนะอย่างเป็นแน่ พอถึงวันประกาศผล จะไม่บอกว่าชนะหรือไม่ชนะแต่จะบอกแค่ว่าคุณได้ไปต่อ

    การเตรียมตัวแข่งในระดับเขตพื้นที่ พวกเราได้ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะท่องทุกวัน ฝึกทุกวัน จนจำขึ้นใจ แต่ทั้งครูและผมยังไม่รู้ว่าการแข่งในระดับเขตนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น

    เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันแข่งขัน ก่อนที่จะ talk กรรมการให้จับฉลากเพื่อให้พูดตามหัวข้อนั้น ๆ ซึ่งสามารถจับฉลากได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยที่ครั้งแรกจับได้หัวข้อที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลยแม้แต่นิด พอครั้งที่ 2 ภาวนาว่าจะได้หัวข้อที่เราต้องการ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย หัวข้อที่ได้มันจำไม่ค่อยจะแม่น จึงใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเลือกหัวข้อที่จำได้แม่นที่สุด แล้วพูดออกไปอย่างมั่นใจโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงอะไรเลยทั้งสิ้น

    พอพูดจบ กรรมการที่มีศักดิ์เป็นครูฝรั่งก็ทำท่าทำทางเหมือนมีคำถามอยู่ในหัวใจ 'How old are you.' คำถามง่ายๆที่สามารถนำหัวใจเคลื่อนย้ายลงไปที่ตาตุ่มได้โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าคำถามนั้นมันแปลว่าอะไร ก็เลยตอบไปแบบมั่วๆว่า 'My name is phattaradnai katiwong' บรรยากาศที่อึมครึมกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของกรรมการทั้ง 5 คน ความรู้สึกกังวลกับคำถามกลับแปรผันเป็นความมึนงงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหัวเราะกัน

    พอออกมาจากห้อง ก็เลยเล่าให้ครูฟัง เมื่อรับรู้รับทราบแล้วครูก็หัวเราะเช่นเดียวกัน แล้วก็เอ่ยประโยคนึงออกมาประมาณว่า 'ครั้งหน้าเอาใหม่นะเดี๋ยวครูจะฝึกประโยคสนทนาของเธอด้วย' แหมทำไปได้

    หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองไปนั่งคาเฟ่กินกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อ.แม่อาย อย่างสบายใจเฉิบ

    แต่ขอบอกเลยว่าประสบการณ์การแข่งขันอะไรต่างๆ มันยังไม่จบเพียงแค่นี้หรอก ยังมีด้านอื่นที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงมากอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นหากท่านผู้อ่านทั้งหลายต้องการให้เล่า ผมนั้นก็จะหาเวลาดั้นด้นขึ้นมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านด้วย ความสบายใจอย่างเป็นที่สุด
    ----
    ภาพนี้ไปเสาะหานานมาก
    กว่าจะประสบพบเจอ
    #impromptuspeech ต้องย้อนไปในช่วงวัย 8 ขวด ในความที่เป็นเด็ก'ช่างพูด' แม้จะพูดรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ครูคงเห็นแวว จึงเสนอให้ไปทดลองแข่งทักษะวิชาการในด้านนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า 'Impromptu Speech' มากเท่าไหร่นัก แต่มีความคิดหนึ่งมันปรากฎในมโนทวารว่า ถ้าได้ลองอะไรใหม่ ๆ มันคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก เพราะฉะนั้นผมจึงตอบรับคำเชิญจากครูที่เคารพ หลังจากบทสนทนาในวันนั้น ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณ 7 วัน ครูเรียกให้ไปพบเพื่อรับสคริป์ จะได้เอาไปท่องจำเพราะการ Impromptu Speech เป็นภาษาอังกฤษนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องที่ได้ต้องฝึกหัดมันมักจะเกี่ยวกับ introduce myself (เรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวฉัน) และ my family (ครอบครัวของฉัน) ความรู้สึกตอนที่ฝึกต่อหน้าครู ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียงรายดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่โชคยังดีที่มียังมีซับอยู่ใต้ข้อความแต่ละประโยค ซึ่งในตอนนั้นครูยังให้กำลังใจด้วยการพูดประมาณว่าให้ยึดถือสํานวนสุภาษิต 'ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น' แหมมม ถ้ายึดสำนวนนี้คงได้สำเร็จอย่างที่ใจหวังเป็นแน่แท้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา ไม่อยากอารัมภบทมากจนเกินไป ขอตัดภาพไปที่วันพวกเราแข่งเลยละกัน แต่ก็จะขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า "เมื่อก่อนการแข่งขันทักษะวิชาการสมัยประถมผมอยู่นั้น เขาจะแบ่งออกอยู่เป็น 4 ช่วงคือ แข่งระดับศูนย์การศึกษา ระดับเขตพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับชาติ ซึ่งนักแข่งทุกผู้ทุกคนก็จะคาดหวังระดับชาติกันทั้งหมดทั้งสิ้น หากพูดถึงการแข่งขันระดับศูนย์การศึกษา ในวันนั้นผู้ที่ลงแข่ง Impromptu Speech มี 3 โรงเรียน โดยหนึ่งในนั้นมีโรงเรียนของผมนี่เอง ซึ่งตอนที่ออกไปพูดต่อหน้ากรรมการ ในใจคิดว่า 'เราจะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอดครูจะว่าไง' ส่วนทางร่างกายมันสั่งว่าให้สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ talk เรื่องที่ตัวเองฝึกมาแบบไม่มีอะไรติดขัดเลยซักกะนิดเดียว เมื่อออกจากห้อง ความมั่นใจมันพลุ่งพล่านมาจากไหนก็ไม่รู้เพราะรู้สึกมีเซ้นว่าเราจะชนะอย่างเป็นแน่ พอถึงวันประกาศผล จะไม่บอกว่าชนะหรือไม่ชนะแต่จะบอกแค่ว่าคุณได้ไปต่อ การเตรียมตัวแข่งในระดับเขตพื้นที่ พวกเราได้ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะท่องทุกวัน ฝึกทุกวัน จนจำขึ้นใจ แต่ทั้งครูและผมยังไม่รู้ว่าการแข่งในระดับเขตนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันแข่งขัน ก่อนที่จะ talk กรรมการให้จับฉลากเพื่อให้พูดตามหัวข้อนั้น ๆ ซึ่งสามารถจับฉลากได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยที่ครั้งแรกจับได้หัวข้อที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลยแม้แต่นิด พอครั้งที่ 2 ภาวนาว่าจะได้หัวข้อที่เราต้องการ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย หัวข้อที่ได้มันจำไม่ค่อยจะแม่น จึงใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเลือกหัวข้อที่จำได้แม่นที่สุด แล้วพูดออกไปอย่างมั่นใจโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงอะไรเลยทั้งสิ้น พอพูดจบ กรรมการที่มีศักดิ์เป็นครูฝรั่งก็ทำท่าทำทางเหมือนมีคำถามอยู่ในหัวใจ 'How old are you.' คำถามง่ายๆที่สามารถนำหัวใจเคลื่อนย้ายลงไปที่ตาตุ่มได้โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าคำถามนั้นมันแปลว่าอะไร ก็เลยตอบไปแบบมั่วๆว่า 'My name is phattaradnai katiwong' บรรยากาศที่อึมครึมกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของกรรมการทั้ง 5 คน ความรู้สึกกังวลกับคำถามกลับแปรผันเป็นความมึนงงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหัวเราะกัน พอออกมาจากห้อง ก็เลยเล่าให้ครูฟัง เมื่อรับรู้รับทราบแล้วครูก็หัวเราะเช่นเดียวกัน แล้วก็เอ่ยประโยคนึงออกมาประมาณว่า 'ครั้งหน้าเอาใหม่นะเดี๋ยวครูจะฝึกประโยคสนทนาของเธอด้วย' แหมทำไปได้ หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองไปนั่งคาเฟ่กินกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อ.แม่อาย อย่างสบายใจเฉิบ แต่ขอบอกเลยว่าประสบการณ์การแข่งขันอะไรต่างๆ มันยังไม่จบเพียงแค่นี้หรอก ยังมีด้านอื่นที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงมากอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นหากท่านผู้อ่านทั้งหลายต้องการให้เล่า ผมนั้นก็จะหาเวลาดั้นด้นขึ้นมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านด้วย ความสบายใจอย่างเป็นที่สุด ---- ภาพนี้ไปเสาะหานานมาก กว่าจะประสบพบเจอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่น่ากังวลด้านการนำเสนอข้อมูลของเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ Los Angeles (L.A.) คือการที่มีการนำเสนอภาพและวิดีโอ ป้าย HOLLYWOOD ที่กำลังโดนไฟลุกไหม้ ซึ่งในความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดย A.I.
    จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ถูกบิดเบือน

    #ไฟไหม้แอลเอ
    สิ่งที่น่ากังวลด้านการนำเสนอข้อมูลของเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ Los Angeles (L.A.) คือการที่มีการนำเสนอภาพและวิดีโอ ป้าย HOLLYWOOD ที่กำลังโดนไฟลุกไหม้ ซึ่งในความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดย A.I. จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าโลกเต็มไปด้วยข้อมูลที่ถูกบิดเบือน #ไฟไหม้แอลเอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ”

    ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น

    ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์

    มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์
    - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ

    - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร

    ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก

    ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง

    “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก”

    “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ”

    การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง

    "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น"

    แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย

    ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

    “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017

    ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ”
    “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

    การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก"

    ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก
    🎯กรีนแลนด์
    ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

    🎯อ่าวเม็กซิโก
    ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม”

    🎯แคนาดา
    ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า”

    🎯คลองปานามา
    “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด”

    ❌“ไม่ขาย”
    ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย”

    “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

    “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี
    .
    ลิ้งค์ต้นทาง:
    https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ” ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์ - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก” “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ” การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น" แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017 ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ” “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก" ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก 🎯กรีนแลนด์ ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” 🎯อ่าวเม็กซิโก ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม” 🎯แคนาดา ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า” 🎯คลองปานามา “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด” ❌“ไม่ขาย” ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย” “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี . ลิ้งค์ต้นทาง: https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชมพู่ อารยา" แท็กถึง "หวานเจี๊ยบ ผจก."
    ประโยคสั้นๆแต่ชวนเอ๊ะ ทำเอาชาวเน็ตต่อมเผือกกระตุก เกิดอะไรขึ้น?
    "ชมพู่ อารยา" แท็กถึง "หวานเจี๊ยบ ผจก." ประโยคสั้นๆแต่ชวนเอ๊ะ ทำเอาชาวเน็ตต่อมเผือกกระตุก เกิดอะไรขึ้น?
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 71 0 รีวิว
  • #เหรียญหอยเหรียญนี้สำคัญมากค่ะ
    ....

    คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย

    คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย มีบรรพบุรุษมาจากไหน
    ไม่ว่าจะเป็น ยุคทวารวดี หรือยุคฟูนัน หรือยุคศรีเกษตร พวกเราคือลูกหลานของบรรพบุรุษที่อพยพมาอยู่ดินแดนบนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราถึงเจอหลักฐานโบราณที่มีลวดลาย ลักษณะเหมือนกัน

    แผ่นดินโบราณ หลักฐานโบราณ หลักฐานแผ่นดินโบราณที่เกิดแผ่นดินไหว ที่ทำให้เกิดสึนามิขนาดยักษ์(ตำนานน้ำท่วมโลก)เข้าทำลายแผ่นดินที่เห็นในรูปบนโพสต์นี้ แผ่นดินแห่งนี้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล

    ** โพสต์นี้จะมีเหรียญทั้งหมด 6 เหรียญ(มีรูปภาพจินตนการของเพลโตเพิ่ม1ภาพ) ที่เป็นแบบเหมือนกัน4เหรียญ แต่มีเหรียญอยู่สองเหรียญที่มีรายละเอียดเพิ่มบนเหรียญทั้งสองด้านคือรอยของแผ่นดินไหวทั้งสองเหรียญเป็นเหรียญที่เจอกันคนละที่

    ** เราดูเหรียญแรก และเหรียญที่สอง ไปพร้อมกัน ลักษณะเหรียญเหมือนกัน แต่ เหรียญที่พบพม่า เหรียญด้านขวามือ มีรอยแยกแผ่นดิน เพิ่มมาอีกเส้นหนึ่ง แต่เหรียญที่พบในประเทศไทย (ปัจจุบัน เหรียญอยู่ในการดูแลของผู้เขียน) เหรียญด้านขวามือไม่มีรอยแยกแผ่นดิน

    เหรียญหอย2เหรียญนี้ รูปร่างคล้ายแผ่นดินแอตแลนติส(มีภาพประกอบ) เวลาที่เราพูดแอตแลนติสเราต้องพูดถึง เพลโต เขาได้พูดถึง อาณาจักรโบราณเป็นตำนานที่เล่าขานต่อๆ มาว่า เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรและเป็นผืนแผ่นดิน ซึ่งเมื่อ 12000 กว่าปีก่อน เพลโตยังกล่าวไว้อีกว่าแอตแลนติสได้จมลงใต้น้ำเพียงเวลาแค่วันกับคืน

    เพลโตได้ทำรูปภาพแผ่นดินที่มีลักษณะคล้ายหอย เพลโตไม่มีหลักฐานโบราณใด แต่ผู้เขียนมีหลักฐานโบราณเป็นเหรียญสำริดรูปหอย(ที่เรียกแตกต่างกัน เช่นเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร หรือเหรียญฟูนัน) ที่มีรอยแยกของแผ่นดิน ซึ่งเดิมเราคิดว่า มีเพียงเหรียญเดียว แต่ตอนนี้เราพบหลักฐานโบราณซึ่งเหรียญมีลักษณะเหมือนกัน รอยแยกแผ่นดินเหมือนกัน และผู้เขียนคิดว่า เหรียญหอยที่มีรอยแยกแผ่นดินต้องมีมากกว่าเหรียญเป็นแน่ ซึ่งเหรียญทั้งสองนี้ถูกทำมาเหมือนๆกันทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันให้กับผู้เขียนว่า เหตุการณ์ รอยแผ่นดินแยก แผ่นดินไหว น้ำท่วมโลกครั้งนั้น เหรียญถูกทำมาเพื่อให้คนรุ่นหลังรู้ความจริงรู้ว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษถูกทำลายเพราะ ภัยพิบัติอุทกภัย

    ต่อไปจะเล่า ความสำคัญของเหรียญที่มีรายละเอียดอยู่ในเหรียญเป็นบันทึกของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญที่อพยพหนีภัยพิบัติมาจากแผ่นดินกลางทะเล ภัยพิบัติที่เกิด ถูกทำไว้บนเหรียญหอย หรือเหรียญที่เราเรียกว่า เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตรทุกเหรียญมีรูปแบบหลายร้อยแบบบนเหรียญ เหรียญหอยก็แค่1แบบเท่านั้น แต่ทุกเหรียญจะบันทึกเรื่องเดียวกัน เรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ เรื่องน้ำทำลายแผ่นดิน ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ารูปที่อยู่บนเหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรจะซ่อนความลับของอดีตจะซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทย คนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ เกี่ยวข้องกับอีกหลายประเทศที่มีอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่อยู่บนแผ่นดินนั้นที่อยู่ตามขอบมหาสมุทรอินเดีย

    เหรียญหอยก็เช่นกัน เหรียญหอยเป็นเหรียญที่ถูกทำในยุค ฟูนัน ทวารวดี และ ศรีเกษตร เป็นเหรียญที่เห็นเหมือนรูปหอยเท่านั้นเอง ทำไมเราเขียนแบบนั้น แล้วทำไมคนอ่านๆหรือเขียนที่ผ่านมามองแค่เหมือนหอย ทำไมไม่มองให้ละเอียดและมองทั้ง2ด้านของเหรียญ และฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรก็ไม่ได้มีเหรียญหอยแบบเดียวมีเป็นร้อยๆเหรียญแต่ละเหรียญมี2ด้านก็ไม่เหมือนกัน และหอยเองก็มี3-4แบบแต่ละแบบก็มี2ด้านอธิบายบนเหรียญแตกต่างกัน

    เหรียญหอยด้านตัวหอย ภาพด้านบนของตัวหอยของเหรียญอธิบายบนเหรียญว่ามีการทำภาพเหมือนคลื่นวิทยุเป็น3-4ขีดบนตัวหอย จะถูกทำเป็นสัญลักษณ์แทนคลื่นแผ่นดินไหวไว้บนรูปภาพคล้ายหอยและบนเหรียญที่เหมือนรูปหอยและภาพแบบนี้ จะมีอยู่บนที่บนเหรียญรูปหอย ทุกๆเหรียญ ขอให้ดูภาพบนเหรียญที่มีรูปตัวหอยจะเข้าใจที่จริงรูปหอยจะเป็นแผ่นดินข้างบนเป็นเหมือนคลื่นวิทยุขอให้เข้าใจเขาสื่อว่าแผ่นดินที่เห็นกำลังไหว(สัญลักษณ์แผ่นดินไหว)คือแผ่นดินไหวส่วนข้างล่างของแผ่นดิน(ที่เว้าเข้าไปเป็นสึนามิกำลังฝ่า(พุ่งเข้าแผ่นดิน)แผ่นดินเข้าไปทำลายแผ่นดินส่วนใน ตัวหอย(แผ่นดิน)เวลาดูเหรียญหอยให้ดู2ด้านจะเป็นภาพคนละแบบแต่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

    เหรียญทวารวดี เป็นเหรียญที่บันทึกถึงเผ่าพันธุ์ที่อพยพหนีภัยภิบัติจากทะเลและได้ทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญ ว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดินของเขา เมื่ออพยพมาปลอดภัย ใครขึ้นบกตรงไหนก็ผสมกับคนพื้นเมืองสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีอาณาจักรก็ได้มีการทำบันทึกถึงบรรพบุรุษของพวกเขา ทำให้มีการพบเจอเหรียญ เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร เหรียญทั้ง 3 แหล่งมีรูปแบบ แบบเดียวกัน แต่แตกต่างแค่ศิลป์เท่านั้น บนเหรียญมีการทำเป็นภาพ แทนเมืองแทนแผ่นดิน(ดูประกอบกับผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึกโบราณ) แทนน้ำ (มวลน้ำขนาดใหญ่ที่เข้าไปทำลายเมืองตั้งแต่เริ่มต้น มวลน้ำที่ปัจจุบันเรียกว่าสึนามิ)อดีตคือน้ำท่วมโลก.

    บทความและนูปภาพโดย
    คุณทราวิฑะ นอกกกรอบ

    #เหรียญหอยเหรียญนี้สำคัญมากค่ะ .... คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย คนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และคนไทย มีบรรพบุรุษมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็น ยุคทวารวดี หรือยุคฟูนัน หรือยุคศรีเกษตร พวกเราคือลูกหลานของบรรพบุรุษที่อพยพมาอยู่ดินแดนบนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเราถึงเจอหลักฐานโบราณที่มีลวดลาย ลักษณะเหมือนกัน แผ่นดินโบราณ หลักฐานโบราณ หลักฐานแผ่นดินโบราณที่เกิดแผ่นดินไหว ที่ทำให้เกิดสึนามิขนาดยักษ์(ตำนานน้ำท่วมโลก)เข้าทำลายแผ่นดินที่เห็นในรูปบนโพสต์นี้ แผ่นดินแห่งนี้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล ** โพสต์นี้จะมีเหรียญทั้งหมด 6 เหรียญ(มีรูปภาพจินตนการของเพลโตเพิ่ม1ภาพ) ที่เป็นแบบเหมือนกัน4เหรียญ แต่มีเหรียญอยู่สองเหรียญที่มีรายละเอียดเพิ่มบนเหรียญทั้งสองด้านคือรอยของแผ่นดินไหวทั้งสองเหรียญเป็นเหรียญที่เจอกันคนละที่ ** เราดูเหรียญแรก และเหรียญที่สอง ไปพร้อมกัน ลักษณะเหรียญเหมือนกัน แต่ เหรียญที่พบพม่า เหรียญด้านขวามือ มีรอยแยกแผ่นดิน เพิ่มมาอีกเส้นหนึ่ง แต่เหรียญที่พบในประเทศไทย (ปัจจุบัน เหรียญอยู่ในการดูแลของผู้เขียน) เหรียญด้านขวามือไม่มีรอยแยกแผ่นดิน เหรียญหอย2เหรียญนี้ รูปร่างคล้ายแผ่นดินแอตแลนติส(มีภาพประกอบ) เวลาที่เราพูดแอตแลนติสเราต้องพูดถึง เพลโต เขาได้พูดถึง อาณาจักรโบราณเป็นตำนานที่เล่าขานต่อๆ มาว่า เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรและเป็นผืนแผ่นดิน ซึ่งเมื่อ 12000 กว่าปีก่อน เพลโตยังกล่าวไว้อีกว่าแอตแลนติสได้จมลงใต้น้ำเพียงเวลาแค่วันกับคืน เพลโตได้ทำรูปภาพแผ่นดินที่มีลักษณะคล้ายหอย เพลโตไม่มีหลักฐานโบราณใด แต่ผู้เขียนมีหลักฐานโบราณเป็นเหรียญสำริดรูปหอย(ที่เรียกแตกต่างกัน เช่นเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร หรือเหรียญฟูนัน) ที่มีรอยแยกของแผ่นดิน ซึ่งเดิมเราคิดว่า มีเพียงเหรียญเดียว แต่ตอนนี้เราพบหลักฐานโบราณซึ่งเหรียญมีลักษณะเหมือนกัน รอยแยกแผ่นดินเหมือนกัน และผู้เขียนคิดว่า เหรียญหอยที่มีรอยแยกแผ่นดินต้องมีมากกว่าเหรียญเป็นแน่ ซึ่งเหรียญทั้งสองนี้ถูกทำมาเหมือนๆกันทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันให้กับผู้เขียนว่า เหตุการณ์ รอยแผ่นดินแยก แผ่นดินไหว น้ำท่วมโลกครั้งนั้น เหรียญถูกทำมาเพื่อให้คนรุ่นหลังรู้ความจริงรู้ว่าแผ่นดินของบรรพบุรุษถูกทำลายเพราะ ภัยพิบัติอุทกภัย ต่อไปจะเล่า ความสำคัญของเหรียญที่มีรายละเอียดอยู่ในเหรียญเป็นบันทึกของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญที่อพยพหนีภัยพิบัติมาจากแผ่นดินกลางทะเล ภัยพิบัติที่เกิด ถูกทำไว้บนเหรียญหอย หรือเหรียญที่เราเรียกว่า เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตรทุกเหรียญมีรูปแบบหลายร้อยแบบบนเหรียญ เหรียญหอยก็แค่1แบบเท่านั้น แต่ทุกเหรียญจะบันทึกเรื่องเดียวกัน เรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ เรื่องน้ำทำลายแผ่นดิน ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ารูปที่อยู่บนเหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรจะซ่อนความลับของอดีตจะซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องทั้งคนไทย คนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ เกี่ยวข้องกับอีกหลายประเทศที่มีอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่อยู่บนแผ่นดินนั้นที่อยู่ตามขอบมหาสมุทรอินเดีย เหรียญหอยก็เช่นกัน เหรียญหอยเป็นเหรียญที่ถูกทำในยุค ฟูนัน ทวารวดี และ ศรีเกษตร เป็นเหรียญที่เห็นเหมือนรูปหอยเท่านั้นเอง ทำไมเราเขียนแบบนั้น แล้วทำไมคนอ่านๆหรือเขียนที่ผ่านมามองแค่เหมือนหอย ทำไมไม่มองให้ละเอียดและมองทั้ง2ด้านของเหรียญ และฟูนัน เหรียญทวารวดี และ เหรียญศรีเกษตรก็ไม่ได้มีเหรียญหอยแบบเดียวมีเป็นร้อยๆเหรียญแต่ละเหรียญมี2ด้านก็ไม่เหมือนกัน และหอยเองก็มี3-4แบบแต่ละแบบก็มี2ด้านอธิบายบนเหรียญแตกต่างกัน เหรียญหอยด้านตัวหอย ภาพด้านบนของตัวหอยของเหรียญอธิบายบนเหรียญว่ามีการทำภาพเหมือนคลื่นวิทยุเป็น3-4ขีดบนตัวหอย จะถูกทำเป็นสัญลักษณ์แทนคลื่นแผ่นดินไหวไว้บนรูปภาพคล้ายหอยและบนเหรียญที่เหมือนรูปหอยและภาพแบบนี้ จะมีอยู่บนที่บนเหรียญรูปหอย ทุกๆเหรียญ ขอให้ดูภาพบนเหรียญที่มีรูปตัวหอยจะเข้าใจที่จริงรูปหอยจะเป็นแผ่นดินข้างบนเป็นเหมือนคลื่นวิทยุขอให้เข้าใจเขาสื่อว่าแผ่นดินที่เห็นกำลังไหว(สัญลักษณ์แผ่นดินไหว)คือแผ่นดินไหวส่วนข้างล่างของแผ่นดิน(ที่เว้าเข้าไปเป็นสึนามิกำลังฝ่า(พุ่งเข้าแผ่นดิน)แผ่นดินเข้าไปทำลายแผ่นดินส่วนใน ตัวหอย(แผ่นดิน)เวลาดูเหรียญหอยให้ดู2ด้านจะเป็นภาพคนละแบบแต่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เหรียญทวารวดี เป็นเหรียญที่บันทึกถึงเผ่าพันธุ์ที่อพยพหนีภัยภิบัติจากทะเลและได้ทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญ ว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดินของเขา เมื่ออพยพมาปลอดภัย ใครขึ้นบกตรงไหนก็ผสมกับคนพื้นเมืองสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีอาณาจักรก็ได้มีการทำบันทึกถึงบรรพบุรุษของพวกเขา ทำให้มีการพบเจอเหรียญ เหรียญฟูนัน เหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร เหรียญทั้ง 3 แหล่งมีรูปแบบ แบบเดียวกัน แต่แตกต่างแค่ศิลป์เท่านั้น บนเหรียญมีการทำเป็นภาพ แทนเมืองแทนแผ่นดิน(ดูประกอบกับผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึกโบราณ) แทนน้ำ (มวลน้ำขนาดใหญ่ที่เข้าไปทำลายเมืองตั้งแต่เริ่มต้น มวลน้ำที่ปัจจุบันเรียกว่าสึนามิ)อดีตคือน้ำท่วมโลก. บทความและนูปภาพโดย คุณทราวิฑะ นอกกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังคม โลก เกิดอะไรขึ้นหนอ สังคมเมืองหลวงมีPM 25
    สังคม โลก เกิดอะไรขึ้นหนอ สังคมเมืองหลวงมีPM 25
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ

    จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI)

    ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา

    การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์)

    การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง

    ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น

    เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน
    2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้
    (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4
    (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน
    (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน
    ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2
    4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด

    ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9
    (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2
    ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37

    สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี

    สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1)

    ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย

    มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน

    ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ)

    เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร
    “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).”
    นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”.

    สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่

    โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
    จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า
    1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด
    2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ
    3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้
    4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้

    ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่

    ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง

    เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต):
    1. ICAO Safety Report 2024Edition
    2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022
    3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37
    4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB
    5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/
    6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย
    7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18)
    10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS
    11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266
    12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash
    13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269
    14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/



    EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI) ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์) การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน 2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้ (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4 (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9 (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2 ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37 สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1) ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ) เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).” นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”. สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่ โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า 1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด 2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ 3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้ 4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต): 1. ICAO Safety Report 2024Edition 2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022 3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37 4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB 5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/ 6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย 7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18) 10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS 11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266 12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash 13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269 14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลจังหวีดนนทบุรี นัดสืบพยานคดี แตงโม ธิดาคุณแม่แจงไม่อยากให้รื้อคดีลูกสาวเสียชีวิตปริษนา ย้ำหลักฐานเก่า ยอมรับเหนื่อยหารื้อคดีขึ้นทำใหม่“แซน”อ้างมีขบวรการตอบทรัพย์ยืนยันไม่กังวล
    .
    วันนี้( 26 ธ.ค.)เมื่อเวลา 09.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ผู้เกี่ยวข้องในคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดาขึ้นเรือเร็วสปีทโบทเสียชีวิตไปอย่างเป็นปริศนา โดยมีผู้เกี่ยวข้องในคดีจำนวน 5 คน อยู่บนเรือที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นผลให้มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจนขั้นตอนอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ที่ผ่านมาเกือบ 3ปีแล้ว
    .
    ศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีหมายนัดบุคคลที่เกี่ยวข้องนัดไต่สวนสืบพยานฯทางคดีเพิ่มเติมในบางส่วน อาทิ แม่แตงโม พร้อมทนายเดชา กระติก แซนพร้อมทนายตุ้ย และจ็อบ โดยมีสื่อมวลชนเฝ้าติดตามรายงานข่าวอย่างต่อเนื่องบริเวณหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี
    .
    แซนกล่าวว่าขอชี้แจงเหตุผลเดียวยุคนี้มันเป็นมุมมืดของกระบวนการยุติธรรมปล่อยให้นักร้องนักตบทรัพย์ออกมาทำได้อย่างอุกอาจ มากล่าวหาหน่วยงานรัฐมากล่าวหาผู้ต้องหามากล่าวหาจำเลยได้โดยที่ไม่มีใครทำอะไรเป็นยุคมืดของขบวนการยุติธรรมตอนนี้ตนไม่ขอบอกว่ามีคนพยายามตบทรัพย์ อยู่หรือไม่เจ้าตัวน่าจะทราบดี ถ้าคนที่เจตนาจะทำต้องลองถามเขาดูว่าเขาคิดแบบนั้นหรือเปล่า พยายามกล่าวหาทุกคนบนเรือ คิดไปอย่างอื่นไม่ได้ ในการรื้อคดีตนก็รู้สึกยินดีถ้ามีหลักฐานอะไรช่วยนำมาให้ช่วยพิจารณา จะได้สิ้นข้อสงสัย ถ้าพวกตนผิดยุคนี้คงไม่เอาไว้
    .
    ตนอยากฝากถึงคุณหมอประเด็นที่ออกมาพูด ว่าตัดคุณหมอจากพยานคดีนี้ไม่ทราบว่าคุณหมอมีหน้าที่ทำหน้าที่อะไรกับคดีนี้ตั้งแต่แรก คุณหมอถึงใช้คำว่าถูกตัด ตนไม่กังวลใจ ขบวนการมาถึงขนาดนี้แค่กังวลว่าจะล่าช้าอยากให้ขบวนการเสร็จสิ้นโดยเร็ว จริงๆตนไม่อยากฟ้องใคร จบคดีก็ไม่อยากมาศาล คนขี้ฟ้องทำตัวเหมือนเด็กๆไม่รู้ใครเขียนคำฟ้องและเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนหมา ตนไม่ได้มีเจตนาแค่ลงภาพกับสัตว์เลี้ยงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว วันนี้ทัวร์มาลงตนอีกรอบอยากฝากบอกประชาชนเวลาฟังอยากให้คิดตามด้วย อย่ามาด่าคนอื่นที่คุณไม่รู้จักเพราะถ้าคุณโดนด่าคุณก็ไม่ชอบเหมือนกัน
    .
    ตนเคยถามว่าที่คุณออกมาพูดว่ามีคลิปตนไม่เคยได้รับคำตอบสัก 1 ครั้ง ที่เห็นว่ามีใครออกมาเอามีดกรีดขา ใครเป็นคนสั่งพูดว่าจะเปิดมา 2 ปี 10 เดือน ปัจจุบันอยากถามว่าไหนคลิป ตนเลยถามว่าศาลไหน คุณเคยมาสักครั้งไหม ศาลที่คุณไปเปิดคือศาลหมิ่นประมาทคดีหมิ่นประมาทของคุณเกี่ยวอะไรกับคดีของเรา จะมาบอกว่าให้ไปดูในศาลอย่ามาปัดเก่งคำว่าหลักฐานใหม่หลักฐานเก่าขอให้มีก่อนคิดว่าวิจารณ์โดยสุจริต อยู่ดีๆมาฟ้องตนข้อหาหมิ่นประมาท อยากให้ใจกว้าง มีหลักฐานอะไรมาเปิดได้เลยมาบอกว่าเดี๋ยวจะกลัวว่าจะโดนเปลี่ยนแปลงหลักฐานเปิดมาจะได้จบ อยากให้มาเล่าความคิดโดยรวมให้ฟังหน่อยถ้าไม่ใช่เป็นแบบที่ตนบอกแล้วมันเกิดอะไรขึ้นใครฆ่าใครใครทำอะไร ตนอยากทราบเหมือนกันว่าคิดอะไรในความคิดของเขา พอพูดความจริงหาว่าโกหก อยากให้ทำตัวให้ทันยุคทันสมัย ยุคนี้เป็นยุคที่กฎหมายกำลังจะบังคับใช้สมรสเท่าเทียมถ้าแฟนหัวโปกมาเรียกนายจะไม่ติดถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่ควรทำตัวให้ทันยุคทันสมัย
    นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของแซน กล่าวว่าทุกคนทำหน้าที่อยากจะพิสูจน์ความจริงแซน บอกว่าให้พิสูจน์มาได้เลย อย่างตนดูสำนวนคดีสิ่งที่นำเสนอออกไปกับสิ่งที่อยู่ในสำนวน มันแตกต่างกันแต่ตนเปิดเผยไม่ได้ ส่วนคนบนเรือยินดีถ้าอยากให้พิสูจน์
    .
    ทางด้านทนายเดชากล่าวว่า วันนี้ตนมาศาลในฐานะทนายแม่แตงโม เดินทางมาแถลงศาลขอเลื่อนคดีเพื่อที่จะรอว่าอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งเรื่องรื้อฟื้นคดีหรือแก้ฟ้องตามที่นายอัจฉริยะมายื่นเรื่อง หลัง 29 มกราคม มีเวลาถึงเดือนเมษายน พิจารณาคดีเสร็จเวลา 2 เดือนครึ่ง เขียนคำพิพากษา 1 เดือน ส่งให้อธิบดี 1 เดือน ประมาณเดือนเมษายน ถ้าอัยการสูงสุดมีคำสั่งจะแก้ฟ้องมายื่นที่ศาลนนทบุรีได้ได้
    นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่จิ๋ม กล่าวว่าวันนี้เดินทางมาในฐานะโจทก์ร่วม ส่วนตัวตนไม่อยากให้รื้อคดีมันเรื่องมากหลักฐานใหม่ก็ไม่มี มีแต่หลักฐานเก่า 2-3 ปีที่แล้ว อยากฝากบอกน้องแตงโมว่าให้ช่วยแม่เรื่องคดี จากที่คดีผิดให้เป็นคดีที่ถูกต้อง ทุกคนบนเรือปิดปากเงียบจะไปเอาหลักฐานที่ไหน ตนคิดว่าแล้วแต่เวรกรรม ตนไม่เคยรู้จักคุณอัจฉริยะมาก่อนไม่เคยเสวนาหรือสังสรรค์กัน มีครั้งเดียวที่ควงขึ้นบันไดเลื่อนที่ตำรวจไซเบอร์ เนื่องจากบันไดเลื่อนเสีย
    .
    ส่วนจะไปปรึกษาเรื่องคดีไม่เคยคุยกัน คดีนี้ฟังแล้วเหนื่อยถ้าจะรื้อขอหลักฐานมาให้ตนดูสักอย่างคดีนี้เขายังมาเอาหลักฐานของคุณแม่ฟ้องศาลเอง แม่ต้องมาถอนออกแล้วก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย คดีแตงโมนานแล้วถ้ามีต้องมาโชว์ก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนของจำเลย 6 คน มีการพูดคุยกันปกติ ที่สนิทมากคือแซน ส่วนกระติ๊กโดนไต่สวนนาน 3 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน แม่คุยกับคนบนเรือได้ทุกคน เลิกโกรธแล้วลูกของตนเสียไปนานจะเอากลับคืนมาคงไม่ได้แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000124109
    ..............
    Sondhi X
    ศาลจังหวีดนนทบุรี นัดสืบพยานคดี แตงโม ธิดาคุณแม่แจงไม่อยากให้รื้อคดีลูกสาวเสียชีวิตปริษนา ย้ำหลักฐานเก่า ยอมรับเหนื่อยหารื้อคดีขึ้นทำใหม่“แซน”อ้างมีขบวรการตอบทรัพย์ยืนยันไม่กังวล . วันนี้( 26 ธ.ค.)เมื่อเวลา 09.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ผู้เกี่ยวข้องในคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดาขึ้นเรือเร็วสปีทโบทเสียชีวิตไปอย่างเป็นปริศนา โดยมีผู้เกี่ยวข้องในคดีจำนวน 5 คน อยู่บนเรือที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นผลให้มีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจนขั้นตอนอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ที่ผ่านมาเกือบ 3ปีแล้ว . ศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีหมายนัดบุคคลที่เกี่ยวข้องนัดไต่สวนสืบพยานฯทางคดีเพิ่มเติมในบางส่วน อาทิ แม่แตงโม พร้อมทนายเดชา กระติก แซนพร้อมทนายตุ้ย และจ็อบ โดยมีสื่อมวลชนเฝ้าติดตามรายงานข่าวอย่างต่อเนื่องบริเวณหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี . แซนกล่าวว่าขอชี้แจงเหตุผลเดียวยุคนี้มันเป็นมุมมืดของกระบวนการยุติธรรมปล่อยให้นักร้องนักตบทรัพย์ออกมาทำได้อย่างอุกอาจ มากล่าวหาหน่วยงานรัฐมากล่าวหาผู้ต้องหามากล่าวหาจำเลยได้โดยที่ไม่มีใครทำอะไรเป็นยุคมืดของขบวนการยุติธรรมตอนนี้ตนไม่ขอบอกว่ามีคนพยายามตบทรัพย์ อยู่หรือไม่เจ้าตัวน่าจะทราบดี ถ้าคนที่เจตนาจะทำต้องลองถามเขาดูว่าเขาคิดแบบนั้นหรือเปล่า พยายามกล่าวหาทุกคนบนเรือ คิดไปอย่างอื่นไม่ได้ ในการรื้อคดีตนก็รู้สึกยินดีถ้ามีหลักฐานอะไรช่วยนำมาให้ช่วยพิจารณา จะได้สิ้นข้อสงสัย ถ้าพวกตนผิดยุคนี้คงไม่เอาไว้ . ตนอยากฝากถึงคุณหมอประเด็นที่ออกมาพูด ว่าตัดคุณหมอจากพยานคดีนี้ไม่ทราบว่าคุณหมอมีหน้าที่ทำหน้าที่อะไรกับคดีนี้ตั้งแต่แรก คุณหมอถึงใช้คำว่าถูกตัด ตนไม่กังวลใจ ขบวนการมาถึงขนาดนี้แค่กังวลว่าจะล่าช้าอยากให้ขบวนการเสร็จสิ้นโดยเร็ว จริงๆตนไม่อยากฟ้องใคร จบคดีก็ไม่อยากมาศาล คนขี้ฟ้องทำตัวเหมือนเด็กๆไม่รู้ใครเขียนคำฟ้องและเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนหมา ตนไม่ได้มีเจตนาแค่ลงภาพกับสัตว์เลี้ยงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว วันนี้ทัวร์มาลงตนอีกรอบอยากฝากบอกประชาชนเวลาฟังอยากให้คิดตามด้วย อย่ามาด่าคนอื่นที่คุณไม่รู้จักเพราะถ้าคุณโดนด่าคุณก็ไม่ชอบเหมือนกัน . ตนเคยถามว่าที่คุณออกมาพูดว่ามีคลิปตนไม่เคยได้รับคำตอบสัก 1 ครั้ง ที่เห็นว่ามีใครออกมาเอามีดกรีดขา ใครเป็นคนสั่งพูดว่าจะเปิดมา 2 ปี 10 เดือน ปัจจุบันอยากถามว่าไหนคลิป ตนเลยถามว่าศาลไหน คุณเคยมาสักครั้งไหม ศาลที่คุณไปเปิดคือศาลหมิ่นประมาทคดีหมิ่นประมาทของคุณเกี่ยวอะไรกับคดีของเรา จะมาบอกว่าให้ไปดูในศาลอย่ามาปัดเก่งคำว่าหลักฐานใหม่หลักฐานเก่าขอให้มีก่อนคิดว่าวิจารณ์โดยสุจริต อยู่ดีๆมาฟ้องตนข้อหาหมิ่นประมาท อยากให้ใจกว้าง มีหลักฐานอะไรมาเปิดได้เลยมาบอกว่าเดี๋ยวจะกลัวว่าจะโดนเปลี่ยนแปลงหลักฐานเปิดมาจะได้จบ อยากให้มาเล่าความคิดโดยรวมให้ฟังหน่อยถ้าไม่ใช่เป็นแบบที่ตนบอกแล้วมันเกิดอะไรขึ้นใครฆ่าใครใครทำอะไร ตนอยากทราบเหมือนกันว่าคิดอะไรในความคิดของเขา พอพูดความจริงหาว่าโกหก อยากให้ทำตัวให้ทันยุคทันสมัย ยุคนี้เป็นยุคที่กฎหมายกำลังจะบังคับใช้สมรสเท่าเทียมถ้าแฟนหัวโปกมาเรียกนายจะไม่ติดถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่ควรทำตัวให้ทันยุคทันสมัย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของแซน กล่าวว่าทุกคนทำหน้าที่อยากจะพิสูจน์ความจริงแซน บอกว่าให้พิสูจน์มาได้เลย อย่างตนดูสำนวนคดีสิ่งที่นำเสนอออกไปกับสิ่งที่อยู่ในสำนวน มันแตกต่างกันแต่ตนเปิดเผยไม่ได้ ส่วนคนบนเรือยินดีถ้าอยากให้พิสูจน์ . ทางด้านทนายเดชากล่าวว่า วันนี้ตนมาศาลในฐานะทนายแม่แตงโม เดินทางมาแถลงศาลขอเลื่อนคดีเพื่อที่จะรอว่าอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งเรื่องรื้อฟื้นคดีหรือแก้ฟ้องตามที่นายอัจฉริยะมายื่นเรื่อง หลัง 29 มกราคม มีเวลาถึงเดือนเมษายน พิจารณาคดีเสร็จเวลา 2 เดือนครึ่ง เขียนคำพิพากษา 1 เดือน ส่งให้อธิบดี 1 เดือน ประมาณเดือนเมษายน ถ้าอัยการสูงสุดมีคำสั่งจะแก้ฟ้องมายื่นที่ศาลนนทบุรีได้ได้ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่จิ๋ม กล่าวว่าวันนี้เดินทางมาในฐานะโจทก์ร่วม ส่วนตัวตนไม่อยากให้รื้อคดีมันเรื่องมากหลักฐานใหม่ก็ไม่มี มีแต่หลักฐานเก่า 2-3 ปีที่แล้ว อยากฝากบอกน้องแตงโมว่าให้ช่วยแม่เรื่องคดี จากที่คดีผิดให้เป็นคดีที่ถูกต้อง ทุกคนบนเรือปิดปากเงียบจะไปเอาหลักฐานที่ไหน ตนคิดว่าแล้วแต่เวรกรรม ตนไม่เคยรู้จักคุณอัจฉริยะมาก่อนไม่เคยเสวนาหรือสังสรรค์กัน มีครั้งเดียวที่ควงขึ้นบันไดเลื่อนที่ตำรวจไซเบอร์ เนื่องจากบันไดเลื่อนเสีย . ส่วนจะไปปรึกษาเรื่องคดีไม่เคยคุยกัน คดีนี้ฟังแล้วเหนื่อยถ้าจะรื้อขอหลักฐานมาให้ตนดูสักอย่างคดีนี้เขายังมาเอาหลักฐานของคุณแม่ฟ้องศาลเอง แม่ต้องมาถอนออกแล้วก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย คดีแตงโมนานแล้วถ้ามีต้องมาโชว์ก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนของจำเลย 6 คน มีการพูดคุยกันปกติ ที่สนิทมากคือแซน ส่วนกระติ๊กโดนไต่สวนนาน 3 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน แม่คุยกับคนบนเรือได้ทุกคน เลิกโกรธแล้วลูกของตนเสียไปนานจะเอากลับคืนมาคงไม่ได้แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000124109 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1138 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยเมนให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนกาซ่าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ยะห์ยา ซารีกล่าวว่า แม้ว่าจะมีระเบิดนิวเคลียร์ทิ้งลงที่ซานา เมืองหลวงของเยเมน เขาก็ยังคงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อไป

    เป็นเรื่องที่น่าคิด หากเยเมนมีพรมแดนติดต่อกับอิสราเอล เช่น ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หรือซีเรีย จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่ขาดระบบป้องกันภัยทางอากาศ
    เยเมนให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนกาซ่าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยะห์ยา ซารีกล่าวว่า แม้ว่าจะมีระเบิดนิวเคลียร์ทิ้งลงที่ซานา เมืองหลวงของเยเมน เขาก็ยังคงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อไป เป็นเรื่องที่น่าคิด หากเยเมนมีพรมแดนติดต่อกับอิสราเอล เช่น ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หรือซีเรีย จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่ขาดระบบป้องกันภัยทางอากาศ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โอมมวยถูกคู่กับอิป้าเชื่อมจิตเจงๆ
    ในที่สุด แฝด 2 ผ. ก็จะได้ถูกเปิดความจริงให้สังคมได้รู้ละนะ
    สิ่งที่พี่คิงส์พยายามสื่อสารมาตลอด
    อยากดึงสติป้านิดนึง
    การไปออกตัว สนับสนุน และพยายามให้นังแฝด 2 ผ
    ที่ก่อความเสียห า ย นับร้อย มูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน
    และมี KADEE คาที่ SAN หลักต๋านนี่เพียบนะ
    ถ้าดันทุกรัง ให้ไปพัวพันกับสาวเกานะ
    บอกเลย พังนะ และทุกอย่างจะพังเพราะป้านะ
    โGงคนไทย ไปเปย์สาวเกา คิดเอา
    ถ้าหลักต๋านปรากฏ จะเกิดอะไรขึ้น
    นี่คือความหวังดีนะ ไม่รีบเท จะไม่ทันเอานะ
    ป้าเชื่ออิแฝดซะทุกอย่าง เอาว่าหลักต๋านเฉพาะที่พี่คิงส์มี
    ป้าไม่เคยเห็นแน่นวล เยอะอิ๊บอ๋าย
    พาสาวกป้าไปปกป้องมิจ ไม่ได้ดูแหดดูตี๋เลยอะป้า
    เออ พี่คิงส์นี่ก็มีมุมใจดีเนาะ 5555555
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #โอมมวยถูกคู่กับอิป้าเชื่อมจิตเจงๆ ในที่สุด แฝด 2 ผ. ก็จะได้ถูกเปิดความจริงให้สังคมได้รู้ละนะ สิ่งที่พี่คิงส์พยายามสื่อสารมาตลอด อยากดึงสติป้านิดนึง การไปออกตัว สนับสนุน และพยายามให้นังแฝด 2 ผ ที่ก่อความเสียห า ย นับร้อย มูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน และมี KADEE คาที่ SAN หลักต๋านนี่เพียบนะ ถ้าดันทุกรัง ให้ไปพัวพันกับสาวเกานะ บอกเลย พังนะ และทุกอย่างจะพังเพราะป้านะ โGงคนไทย ไปเปย์สาวเกา คิดเอา ถ้าหลักต๋านปรากฏ จะเกิดอะไรขึ้น นี่คือความหวังดีนะ ไม่รีบเท จะไม่ทันเอานะ ป้าเชื่ออิแฝดซะทุกอย่าง เอาว่าหลักต๋านเฉพาะที่พี่คิงส์มี ป้าไม่เคยเห็นแน่นวล เยอะอิ๊บอ๋าย พาสาวกป้าไปปกป้องมิจ ไม่ได้ดูแหดดูตี๋เลยอะป้า เออ พี่คิงส์นี่ก็มีมุมใจดีเนาะ 5555555 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลวดลายบนหลักฐานโบราณ ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะมีตัวอักษร เช่น เหรียญดินเผา เหรียญสำริดทวารวดี ศรีเกษตร ฟูนัน ศรีวิชัย ผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึก ลูกปัด ลวดลายหม้อบ้านเชียง ก็เหมือนไดอารี ของบรรพบุรุษเรา หนีตายและอพยพมาจากดินแดนทวีปกุมารีกันดัม เกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดิน หนีตายมาอย่างไร ได้บันทึกในหลักฐานโบราณต่างๆ รู้ได้อย่างไร ก็เริ่มอ่านเหรียญ ถึงเข้าใจบรรพบุรุษ ท่านต้องการให้เรารู้ว่า บรรพบุรุษไทยเรามาจาก ทวีปกุมารีกันดัม
    ลวดลายบนหลักฐานโบราณ ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะมีตัวอักษร เช่น เหรียญดินเผา เหรียญสำริดทวารวดี ศรีเกษตร ฟูนัน ศรีวิชัย ผังเมืองบนแผ่นหน้ากลองมโหระทึก ลูกปัด ลวดลายหม้อบ้านเชียง ก็เหมือนไดอารี ของบรรพบุรุษเรา หนีตายและอพยพมาจากดินแดนทวีปกุมารีกันดัม เกิดอะไรขึ้นบนแผ่นดิน หนีตายมาอย่างไร ได้บันทึกในหลักฐานโบราณต่างๆ รู้ได้อย่างไร ก็เริ่มอ่านเหรียญ ถึงเข้าใจบรรพบุรุษ ท่านต้องการให้เรารู้ว่า บรรพบุรุษไทยเรามาจาก ทวีปกุมารีกันดัม
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตะวันตกกล้ามั้ย!
    ปูตินกำลังท้าทาย!

    “ลองดูมั้ย! ผมให้พวกเขานำระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดมารวมไว้ที่เคียฟที่เดียวเลย แล้วเราจะโจมตีด้วยขีปนาวุธ Oreshnik! มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระบบพวกนั้นจะยิงมันตกได้มั้ย!”
    ตะวันตกกล้ามั้ย! ปูตินกำลังท้าทาย! “ลองดูมั้ย! ผมให้พวกเขานำระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดมารวมไว้ที่เคียฟที่เดียวเลย แล้วเราจะโจมตีด้วยขีปนาวุธ Oreshnik! มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระบบพวกนั้นจะยิงมันตกได้มั้ย!”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 758 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่ออังกฤษป้ายสีนักธุรกิจจีนว่าเป็นสายลับ บิดคำพิพากษาของศาล กรณีของเจ้าชายแอนดรูว์และ “สายลับจีน” โดยบทวิเคราะห์ของArnaud Bertrand เขียนในXระบุว่า การดำเนินการของสื่อของอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าหวาดระแวงเกี่ยวกับ “ภัยสีเหลือง” ที่สุดที่เคยพบเห็นเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว จะพบว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง ในทางปฏิบัติแล้ว หมายความว่าชาวจีนทุกคน - ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีนด้วยซ้ำ อาจเป็นใครก็ได้ที่มีความเชื่อมโยงกับจีน - จะถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวร หากพวกเขามีความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในสหราชอาณาจักรก่อนอื่น มาดูกันว่าสื่อมีแนวคิดเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างไร พาดหัวข่าวระบุว่า “สายลับจีนเชื่อมโยงกับเจ้าชายแอนดรูว์ ส.ส. เตือนว่าเขาไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย” (The Independent: independent.co.uk/news/uk/politi… ) “เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับสายลับกับเจ้าชายแอนดรูว์อาจทำให้มีการเปิดโปงภัยคุกคามจากจีนมากขึ้น”(The Guardian: theguardian.com/world/2024/dec… ) "'สายลับ' ชาวจีนที่เชื่อมโยงกับเจ้าชายแอนดรูว์เป็นเพียง 'ส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็ง' เท่านั้น" (Politico: politico.eu/article/china-… )สื่อหลักทุกสำนักข่าวของอังกฤษที่รายงานเกี่ยวกับเรื่อง "สายลับจีน" ต่างพากันวาดภาพอันชั่วร้ายของการแทรกซึมเข้าสู่ระดับสูงสุดของสังคมอังกฤษ โดยถือเป็น "หลักฐาน" ของ "ภัยคุกคามอันเลวร้ายจากจีน"ทั้งหมดนี้ไม่เป็นความความจริและเหลือเชื่อ เมื่อคุณพิจารณาความเป็นจริงของคดี (อ่านคำพิพากษาของศาลได้ที่นี่: judiciary.uk/judgments/h6-v… ) ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลักฐานใดๆ ของการจารกรรม ไม่มีหลักฐานของการกระทำผิดใดๆ เลย จริงๆ แล้วไม่มีข้อกล่าวหาใดๆ เลยเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ไม่มีเลย ไม่มีเลย ไม่มีเลยแต่ในความเป็นจริงแล้วคดีของรัฐบาลประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:- นายหยางมีความเชื่อมโยงกับสถาบันของจีน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกงานแนวร่วมและพรรคคอมมิวนิสต์) ซึ่งศาลเองก็ยอมรับว่า "อาจใช้ได้กับนักธุรกิจชาวจีนทุกคน"- เขาถูกกล่าวหาว่าไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเหล่านี้และป้ายสีว่าเขาโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ - ทั้ๆที่เขายอมรับว่าความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" สำหรับนักธุรกิจจีน (ซึ่งเป็นเพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการดำเนินธุรกิจในจีน)แม้ว่าศาลจะยอมรับในคำพิพากษาว่า "ไม่มีหลักฐานมากมาย" ที่สนับสนุนความเชื่อมโยงเหล่านี้ในตอนแรก- เขาสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญของอังกฤษ (โดยเฉพาะเจ้าชายแอนดรูว์) ผ่านทางโครงการธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Pitch@Palace ซึ่งรัฐบาลอังกฤษโต้แย้งว่า "สามารถนำมาใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลในบางจุดในอนาคตได้ แม้ว่าศาลจะเขียนว่า "อาจเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจปกติ" ก็ตามนั่นแหละ นั่นคือกรณีทั้งหมดจริงๆสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน: judiciary.uk/judgments/h6-v… นั่นคือกรณีทั้งหมดจริงๆไม่มีหลักฐานหรือข้อกล่าวหา (!), เกี่ยวกับการจารกรรมในคดีที่สื่อทั้งหมดนำเสนอว่าเป็น "สายลับจีน" ความผิดของนายหยางคือการเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่มีความเชื่อมโยงกับสถาบันของจีน ซึ่งศาลเองก็ยอมรับว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับชนชั้นนำอังกฤษผ่านการร่วมทุนทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเพียงแค่ความจริงที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้สามารถ "ใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลในบางจุดในอนาคต  แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวร แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าเขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นหรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสมก็ตามและนี่คือจุดที่ทุกอย่างกลายเป็นโลกดิสโทเปียอย่างแท้จริง นายหยางถูกห้ามเข้าสหราชอาณาจักรอย่างถาวรโดยไม่ได้อ้างกฎหมายหรือหลักฐานการกระทำผิดใดๆ แต่อยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์โบราณที่เรียกว่า "พระราชอำนาจพิเศษ" รัฐบาลไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด พวกเขาเพียงแค่ต้องโต้แย้งว่าเป็นเรื่อง "สมเหตุสมผล" ที่จะคิดว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเขาสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างอิทธิพลในสักวันหนึ่งลองคิดดูว่าสิ่งนี้มีความหมายอย่างไรในทางปฏิบัติ นักธุรกิจชาวจีนที่:- พัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในสหราชอาณาจักร (ซึ่งมักจำเป็นต่อการทำธุรกิจ)- มีความสัมพันธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับสถาบันของจีน (ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้เกือบเสมอ)- ถือเป็นการไม่แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเหล่านี้อาจถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวรโดยไม่ต้องก่ออาชญากรรมหรือกระทำผิดใดๆ รัฐบาลเพียงแค่ต้องโบกไม้กายสิทธิ์แห่ง "ความมั่นคงแห่งชาติ" และเสนอแนะความเสี่ยงในอนาคตตามทฤษฎีสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือสื่อตะวันตกล้มเหลวในการตรวจสอบเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง แทนที่จะตั้งคำถามว่าทำไมคนๆ หนึ่งจึงถูกตราหน้าว่าเป็น "สายลับ" และถูกห้ามเข้าประเทศเพียงเพราะไม่มีหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับการจารกรรม พวกเขากลับขยายความหวาดระแวงด้วยพาดหัวข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกและอ้างคำพูดของสมาชิกรัฐสภาที่เตือนว่านี่เป็นเพียง "ส่วนเล็กๆ ของเรื่องใหญ่" และเขา "ไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย"โดยพื้นฐานแล้ว เรากำลังเฝ้าดูการสร้างกรอบกฎหมายสำหรับการเลือกปฏิบัติต่อพลเมืองจีน (และอาจรวมถึงผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับจีนด้วย) โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่รัฐบาลคิดว่าพวกเขาอาจทำในอนาคตโดยอาศัยพื้นฐานง่ายๆ ว่าพวกเขาเป็นชาวจีน ในขณะที่สื่อมวลชนก็เชียร์การกัดกร่อนหลักการทางกฎหมายและศีลธรรมพื้นฐานนี้ด้วยวาทกรรม "สายลับ" ที่ยั่วยุและไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานของคาฟคาทั้งสิ้นลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจีนเริ่มสั่งห้ามนักธุรกิจชาวอังกฤษเข้าประเทศอย่างถาวร เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์กับสถาบันของอังกฤษ และพัฒนาความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่จีนที่ "สามารถใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลได้ ซึ่งหมายถึงนักธุรกิจชาวอังกฤษเกือบทั้งหมดในจีนที่มีอาวุโสในระดับหนึ่ง ดังนั้น เราจะต้องเผชิญหน้ากับการเนรเทศชุมชนธุรกิจชาวอังกฤษออกจากจีนเกือบทั้งหมด...แม้แต่จากมุมมองของผลประโยชน์ของชาติอังกฤษแล้ว ก็ไม่สมเหตุสมผลเลย พวกเขาควรต้องการให้นักธุรกิจชาวจีนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาทำธุรกิจที่นั่น เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อธุรกิจ หากพวกเขากังวลว่าความสัมพันธ์เหล่านี้อาจถูกนำมาใช้เพื่อมีอิทธิพลที่ไม่เหมาะสม การตอบสนองของพวกเขาควรเสริมสร้างมาตรการต่อต้านการทุจริตในประเทศ ไม่ใช่ห้ามนักธุรกิจชาวจีนสร้างความสัมพันธ์ที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ แนวทางนี้ไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของอังกฤษ แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาโดยสร้างผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศคดีของหยาง เติงโป ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าเศร้าอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชาติตะวันตกต้องคลี่คลายสิ่งที่ชาติตะวันตกอ้างว่าเป็น "ค่านิยมพื้นฐาน" ของตน เมื่อเราเริ่มลงโทษผู้คนไม่ใช่เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ แต่เพราะสิ่งที่พวกเขาอาจทำในทางทฤษฎีเพราะสัญชาติของพวกเขา เรากำลังก้าวข้ามเส้นที่ควรทำให้ผู้ที่เชื่อในหลักนิติธรรมและความยุติธรรมขั้นพื้นฐานวิตกกังวล สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่ทำให้เรามีความยุติธรรมน้อยลงเท่านั้น หากสิ่งนี้ไม่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับทิศทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป ฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรจะทำให้เกิดขึ้นได้
    สื่ออังกฤษป้ายสีนักธุรกิจจีนว่าเป็นสายลับ บิดคำพิพากษาของศาล กรณีของเจ้าชายแอนดรูว์และ “สายลับจีน” โดยบทวิเคราะห์ของArnaud Bertrand เขียนในXระบุว่า การดำเนินการของสื่อของอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าหวาดระแวงเกี่ยวกับ “ภัยสีเหลือง” ที่สุดที่เคยพบเห็นเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว จะพบว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง ในทางปฏิบัติแล้ว หมายความว่าชาวจีนทุกคน - ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีนด้วยซ้ำ อาจเป็นใครก็ได้ที่มีความเชื่อมโยงกับจีน - จะถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวร หากพวกเขามีความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในสหราชอาณาจักรก่อนอื่น มาดูกันว่าสื่อมีแนวคิดเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างไร พาดหัวข่าวระบุว่า “สายลับจีนเชื่อมโยงกับเจ้าชายแอนดรูว์ ส.ส. เตือนว่าเขาไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย” (The Independent: independent.co.uk/news/uk/politi… ) “เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับสายลับกับเจ้าชายแอนดรูว์อาจทำให้มีการเปิดโปงภัยคุกคามจากจีนมากขึ้น”(The Guardian: theguardian.com/world/2024/dec… ) "'สายลับ' ชาวจีนที่เชื่อมโยงกับเจ้าชายแอนดรูว์เป็นเพียง 'ส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็ง' เท่านั้น" (Politico: politico.eu/article/china-… )สื่อหลักทุกสำนักข่าวของอังกฤษที่รายงานเกี่ยวกับเรื่อง "สายลับจีน" ต่างพากันวาดภาพอันชั่วร้ายของการแทรกซึมเข้าสู่ระดับสูงสุดของสังคมอังกฤษ โดยถือเป็น "หลักฐาน" ของ "ภัยคุกคามอันเลวร้ายจากจีน"ทั้งหมดนี้ไม่เป็นความความจริและเหลือเชื่อ เมื่อคุณพิจารณาความเป็นจริงของคดี (อ่านคำพิพากษาของศาลได้ที่นี่: judiciary.uk/judgments/h6-v… ) ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีหลักฐานใดๆ ของการจารกรรม ไม่มีหลักฐานของการกระทำผิดใดๆ เลย จริงๆ แล้วไม่มีข้อกล่าวหาใดๆ เลยเกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ไม่มีเลย ไม่มีเลย ไม่มีเลยแต่ในความเป็นจริงแล้วคดีของรัฐบาลประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:- นายหยางมีความเชื่อมโยงกับสถาบันของจีน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกงานแนวร่วมและพรรคคอมมิวนิสต์) ซึ่งศาลเองก็ยอมรับว่า "อาจใช้ได้กับนักธุรกิจชาวจีนทุกคน"- เขาถูกกล่าวหาว่าไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเหล่านี้และป้ายสีว่าเขาโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ - ทั้ๆที่เขายอมรับว่าความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" สำหรับนักธุรกิจจีน (ซึ่งเป็นเพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการดำเนินธุรกิจในจีน)แม้ว่าศาลจะยอมรับในคำพิพากษาว่า "ไม่มีหลักฐานมากมาย" ที่สนับสนุนความเชื่อมโยงเหล่านี้ในตอนแรก- เขาสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญของอังกฤษ (โดยเฉพาะเจ้าชายแอนดรูว์) ผ่านทางโครงการธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Pitch@Palace ซึ่งรัฐบาลอังกฤษโต้แย้งว่า "สามารถนำมาใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลในบางจุดในอนาคตได้ แม้ว่าศาลจะเขียนว่า "อาจเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจปกติ" ก็ตามนั่นแหละ นั่นคือกรณีทั้งหมดจริงๆสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน: judiciary.uk/judgments/h6-v… นั่นคือกรณีทั้งหมดจริงๆไม่มีหลักฐานหรือข้อกล่าวหา (!), เกี่ยวกับการจารกรรมในคดีที่สื่อทั้งหมดนำเสนอว่าเป็น "สายลับจีน" ความผิดของนายหยางคือการเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่มีความเชื่อมโยงกับสถาบันของจีน ซึ่งศาลเองก็ยอมรับว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับชนชั้นนำอังกฤษผ่านการร่วมทุนทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเพียงแค่ความจริงที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้สามารถ "ใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลในบางจุดในอนาคต  แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวร แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าเขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นหรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสมก็ตามและนี่คือจุดที่ทุกอย่างกลายเป็นโลกดิสโทเปียอย่างแท้จริง นายหยางถูกห้ามเข้าสหราชอาณาจักรอย่างถาวรโดยไม่ได้อ้างกฎหมายหรือหลักฐานการกระทำผิดใดๆ แต่อยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์โบราณที่เรียกว่า "พระราชอำนาจพิเศษ" รัฐบาลไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด พวกเขาเพียงแค่ต้องโต้แย้งว่าเป็นเรื่อง "สมเหตุสมผล" ที่จะคิดว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเขาสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างอิทธิพลในสักวันหนึ่งลองคิดดูว่าสิ่งนี้มีความหมายอย่างไรในทางปฏิบัติ นักธุรกิจชาวจีนที่:- พัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในสหราชอาณาจักร (ซึ่งมักจำเป็นต่อการทำธุรกิจ)- มีความสัมพันธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับสถาบันของจีน (ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้เกือบเสมอ)- ถือเป็นการไม่แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงเหล่านี้อาจถูกแบนจากสหราชอาณาจักรอย่างถาวรโดยไม่ต้องก่ออาชญากรรมหรือกระทำผิดใดๆ รัฐบาลเพียงแค่ต้องโบกไม้กายสิทธิ์แห่ง "ความมั่นคงแห่งชาติ" และเสนอแนะความเสี่ยงในอนาคตตามทฤษฎีสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือสื่อตะวันตกล้มเหลวในการตรวจสอบเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง แทนที่จะตั้งคำถามว่าทำไมคนๆ หนึ่งจึงถูกตราหน้าว่าเป็น "สายลับ" และถูกห้ามเข้าประเทศเพียงเพราะไม่มีหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับการจารกรรม พวกเขากลับขยายความหวาดระแวงด้วยพาดหัวข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกและอ้างคำพูดของสมาชิกรัฐสภาที่เตือนว่านี่เป็นเพียง "ส่วนเล็กๆ ของเรื่องใหญ่" และเขา "ไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย"โดยพื้นฐานแล้ว เรากำลังเฝ้าดูการสร้างกรอบกฎหมายสำหรับการเลือกปฏิบัติต่อพลเมืองจีน (และอาจรวมถึงผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับจีนด้วย) โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่รัฐบาลคิดว่าพวกเขาอาจทำในอนาคตโดยอาศัยพื้นฐานง่ายๆ ว่าพวกเขาเป็นชาวจีน ในขณะที่สื่อมวลชนก็เชียร์การกัดกร่อนหลักการทางกฎหมายและศีลธรรมพื้นฐานนี้ด้วยวาทกรรม "สายลับ" ที่ยั่วยุและไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานของคาฟคาทั้งสิ้นลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจีนเริ่มสั่งห้ามนักธุรกิจชาวอังกฤษเข้าประเทศอย่างถาวร เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์กับสถาบันของอังกฤษ และพัฒนาความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่จีนที่ "สามารถใช้ประโยชน์" เพื่อสร้างอิทธิพลได้ ซึ่งหมายถึงนักธุรกิจชาวอังกฤษเกือบทั้งหมดในจีนที่มีอาวุโสในระดับหนึ่ง ดังนั้น เราจะต้องเผชิญหน้ากับการเนรเทศชุมชนธุรกิจชาวอังกฤษออกจากจีนเกือบทั้งหมด...แม้แต่จากมุมมองของผลประโยชน์ของชาติอังกฤษแล้ว ก็ไม่สมเหตุสมผลเลย พวกเขาควรต้องการให้นักธุรกิจชาวจีนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาทำธุรกิจที่นั่น เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อธุรกิจ หากพวกเขากังวลว่าความสัมพันธ์เหล่านี้อาจถูกนำมาใช้เพื่อมีอิทธิพลที่ไม่เหมาะสม การตอบสนองของพวกเขาควรเสริมสร้างมาตรการต่อต้านการทุจริตในประเทศ ไม่ใช่ห้ามนักธุรกิจชาวจีนสร้างความสัมพันธ์ที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ แนวทางนี้ไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของอังกฤษ แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาโดยสร้างผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศคดีของหยาง เติงโป ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าเศร้าอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชาติตะวันตกต้องคลี่คลายสิ่งที่ชาติตะวันตกอ้างว่าเป็น "ค่านิยมพื้นฐาน" ของตน เมื่อเราเริ่มลงโทษผู้คนไม่ใช่เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ แต่เพราะสิ่งที่พวกเขาอาจทำในทางทฤษฎีเพราะสัญชาติของพวกเขา เรากำลังก้าวข้ามเส้นที่ควรทำให้ผู้ที่เชื่อในหลักนิติธรรมและความยุติธรรมขั้นพื้นฐานวิตกกังวล สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่ทำให้เรามีความยุติธรรมน้อยลงเท่านั้น หากสิ่งนี้ไม่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับทิศทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไป ฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรจะทำให้เกิดขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มีคนนึงที่โกหก"
    โจทย์ยากมาก ไม่รู้เลยว่าใคร!!!

    บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซา:
    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราพบว่าจำนวนรถบรรทุกเพิ่มขึ้นอย่างมาก เรามีคณะผู้แทนของสหประชาชาติเดินทางไปทางเหนือของกาซาเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
    .
    ทอม เฟล็ตเชอร์ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการด้านมนุษยธรรมและผู้ประสานงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน (UNReliefChief):
    วันนี้กาซาอยู่ในภาวะวิกฤตที่สุด มันเป็นสถานที่ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    "มีคนนึงที่โกหก" โจทย์ยากมาก ไม่รู้เลยว่าใคร!!! บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซา: ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราพบว่าจำนวนรถบรรทุกเพิ่มขึ้นอย่างมาก เรามีคณะผู้แทนของสหประชาชาติเดินทางไปทางเหนือของกาซาเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น . ทอม เฟล็ตเชอร์ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการด้านมนุษยธรรมและผู้ประสานงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน (UNReliefChief): วันนี้กาซาอยู่ในภาวะวิกฤตที่สุด มันเป็นสถานที่ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • เราสู้กับรัฐบาลโจร ต้องสู้ถึงที่สุดและต้องชนะ .เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทำงานด้วยความรอบคอบ ทำไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้เพราะเราร้องเรียนแล้ววางไว้ด้วยว่า ถ้าคุณไม่ทำ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แล้วเราจะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฏร ท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา และสส.ทุกคนรวมทั้ง สว.ด้วย .ผมชี้แจงให้ฟังว่าถ้าท่านไม่ยกเลิก MOU2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ เท่ากับว่าเราได้ใส่กุญแจมือพวก สส.ที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อนาคตข้างหน้า แผ่นดินเปลี่ยนไป ผู้มีอำนาจชุดใหม่เข้ามา ก็สามารถใช้ประเด็นนี้เล่นงานพวก สส.และสว.ตลอดจนคณะรัฐมนตรีในข้อหาขายชาติ รวมถึงการที่ไปร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ข้าราชการทุกคนได้สำเหนียก รู้ว่าความจริงที่มีหนึ่งเดียวนั้น พระบรมราชโองการ 2516 นั้น จำเป็นต้องยึดถือให้มั่น .ผมอายุมากแล้ว นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรงวดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง สู้ครั้งนี้ ถ้าจะสู้ถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว .พ่อแม่พี่น้องครับ พวกแกนนำเก่าๆพากันพูดว่า ไม่มีมวลชนแล้วพวกเรา วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดม ทุกคนมาด้วยใจใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่ต้องลงกัน จะมามากกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า
    เราสู้กับรัฐบาลโจร ต้องสู้ถึงที่สุดและต้องชนะ .เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทำงานด้วยความรอบคอบ ทำไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้เพราะเราร้องเรียนแล้ววางไว้ด้วยว่า ถ้าคุณไม่ทำ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แล้วเราจะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฏร ท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา และสส.ทุกคนรวมทั้ง สว.ด้วย .ผมชี้แจงให้ฟังว่าถ้าท่านไม่ยกเลิก MOU2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ เท่ากับว่าเราได้ใส่กุญแจมือพวก สส.ที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อนาคตข้างหน้า แผ่นดินเปลี่ยนไป ผู้มีอำนาจชุดใหม่เข้ามา ก็สามารถใช้ประเด็นนี้เล่นงานพวก สส.และสว.ตลอดจนคณะรัฐมนตรีในข้อหาขายชาติ รวมถึงการที่ไปร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ข้าราชการทุกคนได้สำเหนียก รู้ว่าความจริงที่มีหนึ่งเดียวนั้น พระบรมราชโองการ 2516 นั้น จำเป็นต้องยึดถือให้มั่น .ผมอายุมากแล้ว นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรงวดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง สู้ครั้งนี้ ถ้าจะสู้ถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว .พ่อแม่พี่น้องครับ พวกแกนนำเก่าๆพากันพูดว่า ไม่มีมวลชนแล้วพวกเรา วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดม ทุกคนมาด้วยใจใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่ต้องลงกัน จะมามากกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว

    วันนี้(9 ธ.ค.) ภายหลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
    โดยผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) นายสนธิ ได้ให้สัมภาษณเกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังจากยื่นหนังสือแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

    “พี่น้องครับผมจะตอบคําถามว่า เราจะลงถนนเมื่อไหร่ พี่น้องครับ เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทํางานด้วยความรอบคอบ รอบคอบแปลว่าอะไร

    ทําไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะเราร้องเรียนแล้วเราก็วางเอาไว้ด้วยว่าถ้าคุณไม่ทําวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าคุณไม่ทําอันนี้จะเกิดอะไรขึ้น

    แล้วเราก็จะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฎร ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ สส.ทุกคน รวมทั้ง สว.ด้วย ชี้แจงให้ฟังว่า ถ้าท่านไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000118257

    #MGROnline #MOU44 #JC2544 #เกาะกูด #กัมพูชา #ไหล่ทวีป #พื้นที่ทับซ้อน #สนธิลิ้มทองกุล
    “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว • วันนี้(9 ธ.ค.) ภายหลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) นายสนธิ ได้ให้สัมภาษณเกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังจากยื่นหนังสือแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้ • “พี่น้องครับผมจะตอบคําถามว่า เราจะลงถนนเมื่อไหร่ พี่น้องครับ เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทํางานด้วยความรอบคอบ รอบคอบแปลว่าอะไร • ทําไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะเราร้องเรียนแล้วเราก็วางเอาไว้ด้วยว่าถ้าคุณไม่ทําวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าคุณไม่ทําอันนี้จะเกิดอะไรขึ้น • แล้วเราก็จะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฎร ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ สส.ทุกคน รวมทั้ง สว.ด้วย ชี้แจงให้ฟังว่า ถ้าท่านไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000118257 • #MGROnline #MOU44 #JC2544 #เกาะกูด #กัมพูชา #ไหล่ทวีป #พื้นที่ทับซ้อน #สนธิลิ้มทองกุล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.12เชื่อว่าหลายคนรอฟังอยู่! สถานการณ์ซีเรียลอกคราบ! อัสซาดหนีหลบภัยเหรอ? ทำไมฝ่ายกบฎยึดง่ายปุยมุย? ทหาร SAA ที่ผ่านมา ดาหน้าไล่ฆ่าเหี้ยไอซิส ตายเกลื่อน หายไปไหน? สื่อเสี้ยมชง "ทหารถอดใจ" จริงเหรอ? อะเลปโป จุดเคลื่อนไหวใหญ่ หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ใครจะทำอะไร ยังไง เมื่อไหร่? ช้าก่อน แล้วคิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรก สำหรับ "แผนเมืองร้าง" จับโป๊ะแตก ว่าทำไม กองทัพรัสเซีย ถึงได้นิ่ง ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร? มองมุมกลับ หากอยากจะล้างบางทั้งขบวนการขายชาติที่เหี้ย C เข้ามา ก็ต้องทำแบบอัฟกานิสถาน ล่อให้เข้ามายึด แล้วถอนรากถอนโคนทีเดียว ยังไม่มีซับซ้อนอีกเยอะ อยู่ดีดี รัสเซียทำไมถึงปล่อย? สู้กับเหี้ยมาเกือบ 10 ปี เพื่อปล่อยให้กบฎยึดง่ายดาย มันใช่เหรอ? อาวุธมี กำลังพลก็มี งั้นลองมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น กองกำลังที่เข้ามาเติม เข้ามาเสริม อยู่ในร่างไหนกัน? ทั้งอิรัก เลบานอน เยเมน WAGNER เติมเข้ามาในซีเรีย จ้องที่ราบสูงโกลาน แล้วทำไม ปล่อย?คำตอบที่น่าคิดคือ ใครบอกล่ะว่า "กบฎที่เข้ามายึดเพื่อเปลี่ยนซีเรีย ใช่เหี้ย C กำกับทั้งหมดหรือไม่" หมีเอ๊ะใจ ที่ชาวบ้านไม่ต่อต้านเลย เหมือนเชิญชวนให้เข้ามาง่ายดาย แล้วอัสซาดเผ่นหนีเหรอ? ตอนต่อสู้กับเหี้ยไอซิส ยังสู้ปักหลัก ไม่หนีไปไหน แค่กองกำลังกลุ่มเดียว ทำไมต้องเผ่น? คิดสิจ๊ะ อย่าเชื่อแค่ที่ตาเห็น หูได้ยิน ใช้สมองไตร่ตรองตามมา อัสซาดซี้กับปูติน มีเหรอ จะปล่อยให้ยึดง่ายๆ แปลว่า มันต้องมีอะไรสอดไส้คาราเมล แผนการศึก ยากนักจะหยั่งถึง กี่ครั้งที่เหี้ยถูกปูตินหลอกปั่นหัวจนหมุน ทำไมขั้วใหม่จะไม่รู้ หากเสียซีเรีย อิรัก ถาวร เยรูซาเล็มไปแน่ อะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเกมส์นี้ ซีเรียมีทั้งรัสเซีย อิหร่าน จีน หนุนอยู่ เข้าไม่ได้ หากไม่ปล่อยให้เข้า มันถึงมีอะไรซ่อนเงื่อนอีกเยอะ แผนคืออะไร?ไม่อยากจะคิดร้ายมากจนเกินไป จนกวาดล้างบางเหี้ยไอซิสด้วยระเบิดหนักเหรอ คิดอีกแง่ กลุ่มกบฎที่มา มันใช่เหี้ย C ทั้งหมดหรือไม่? เพราะมีแห่มาจากอิรัก เลบานอน อิหร่านด้วย มันถึงยังต้องรอดูไปก่อนว่า อะไรจะเกิดขึ้น? ทำให้คิดถึงแผนลิเบีย ที่นายพลฮาฟเตอร์ ยึดทั้งแผ่นดิน แต่ปล่อยเมืองหลวงไว้ เป็นแค่สัญลักษณ์ เพื่อการต่อรอง ลดการสูญเสียของปนะชาชน ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นดอกน่ะ อาวุธขั้วใหม่มีเยอะ กองกำลังก็มหาศาล แล้วทำไมแค่กลุ่มกองโจรกบฎถึงเข้าได้ง่ายดาย หากไม่ปล่อยให้เข้ามา เพื่อวัตถุประสงค์อะไร นั่นคือสิ่งที่ต้องรอดู? ยุทธพิชัยสงคราม เห็นกันบ่อย "แผนเมืองร้าง" ดึงข้าศึกเข้ามาอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด แล้วจัดการทีเดียว คำถามคือ ใครสั่งให้เล่นแผนนี้? หากไม่ใช่ WAGNER กลยุทธหลากหลาย รบชนะทุกสมรภูมิ เพราะศัตรูดักทางไม่ได้ ไล่ไม่ทันเกจิ กูรู ใครคิดยังไง หมีไม่รู้? แต่หมีรู้ว่า นี่คือ "กับดัก" ชัวร์ และลางสังหรณ์หมีแม่นซะด้วย ให้เหตุผลไปแล้วว่า ทำไม? กว่าจะฝ่าด่านเข้ามาได้ มรึงต้องเจออะไรบ้าง? มันง่ายไปมุย? โปรดสังเกตุ ประชาชนชาวซีเรีย ไม่ขัดขืน และกลุ่มต่อต้านตะวันตก ก็ไม่แสดงตัว แปลว่าเค้าคุยกันจบแล้วชิมิ? ต้องรอดูว่าจากนี้ อะไรจะเกิดขึ้น ปิดประตูกระทืบเหี้ยเหรอ? หรือว่า กบฎที่เข้ามาเนี่ย มันไม่ใช่กบฎตัวจริง แต่เป็นกองกำลังรวมโลกอาหรับ มรึงเคยคิดบ้างมั้ย? เพื่ออะไร? ขับไล่ฐานทัพเหี้ยมะกันในบ่อน้ำมันซีเรีย หากจากนี้ บ่อน้ำมันซีเรีย อิรัก ยังคงให้เหี้ยขนส่งต่อได้อีก หรือขยายฐานกำลังส่งเพิ่มได้ ค่อยเชื่อว่า เป็นฝีมือเหี้ย CIA แต่ตอนนี้ รอหลังควันจางก่อน ทุกอย่างจึงจะสะเด็ดน้ำอะไรที่สื่อรายงาน ไม่เคยตรงกับความเป็นจริง แม้แต่สื่อไทย ก็รายงานตามน้ำ ตามสื่อทั้งโลกแจ้ง ใครจะหาความจริงเจอ หากมรึงไม่นำฝ่ายตะวันออกกลาง โลกอาหรับมาเปิดเผย 2 ด้าน มรึงจะรู้ความจริงจากที่ไหน? ที่น่าแปลกคือ ถอดร่างกบฎซีเรีย นี่มันกองกำลังตุรกีนี่หว่า? แอร์โดกัน ปูติน คุยอะไรกัน? อัสซาดออกไปเพื่อ? งานนี้ ระวัง "หน้าแหกกันทั้งโลก" อยู่ดีดี ไก่งวงมาได้ไง? หากไม่ได้โดนเชิญ ไก่งวงยอมผิดใจปูตินเพื่อเหี้ยวอชิงตันขาลงเหรอ? อย่าลืมว่าอะไรรออยู่ที่ซีเรีย มันมีเคิร์กกบฎในซีเรียที่เฝ้าบ่อน้ำมันอยู่ไงล่ะ ใครที่แอร์โดกันอยากจะฆ่าล้างโคตรมากที่สุด เลบานอนส่งมา อิรักส่งมา เป้าหมายเดียวกันคือ บ่อน้ำมันที่ไอ้อีเคิร์กกบฎเฝ้าเนี่ยแหละ พ่วงฐานทัพค่ายทหารอเมริกัน จับโป๊ะแตกได้หลายอย่าง ประเด็น ไม่ได้อยู่ที่มรึงยึดได้ แต่อยู่ที่ว่า มรึงจะอยู่ต่อยังไงมากกว่า?ไอ้อีตัวบุกเข้ามา ทำไม จะไม่คิดล่วงหน้าว่าจะจัดการยังไงต่อไป ยามศึก ฝุ่นตลบ ควันกระจาย เนี่นแหละ เค้าถึงเรียก "กลยุทธสร้างความสับสน" ใครที่มองแต่ภายนอก จะเห็นแค่ซีเรียถูกยึด แต่ผู้ที่ใช้สติ ปัญญา จะมองลึกกว่านั้น ว่าอะไร ทำไม ยังไง? ซีเรียคือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีน เป็นแหล่งผ่านท่อแก็สรัสเซีย-อาหรับ มีเหรอ จะปล่อย? กบฎเคิร์กในตุรกีที่เข้ามา ก็กลายร่างเป็นกองกำลังตุรกี ออกตัว ออกหน้า มันชักจะยังไง? ดูแค่เครื่องแบบไม่ได้ดอก แผนสอดไส้คาราเมลมีเยอะ ขนาดทหารนาโต้ยังกลายร่างเป็นทหารยูเครนเลย ใครออกตัวแรงตอนนี้ ยั้งไว้ก่อน เวลาความจริงปรากฎจะกลับหลังหันไม่ทัน หมีมองมีหลายปัจจัยมันย้อยแย้งไม่สมจริง ไม่มีเหตุผล ไม่สอดรับ นอกจากมันคือ แผนสลับร่าง เปลี่ยนตัวผู้เล่น นี่ขนาด "อัสซาด" ชนะการเลือกตั้งแบบปชต.ถล่มทลาย ทำไมต้องหนีด้วย มีอำนาจสิทธิ์เต็มเหนี่ยว การไปเยือนมอสโคว์ล่าสุด อาจจะเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ มีนอก มีใน ชัวร์? เมื่อจับยาม 3 ตาดูแล้ว ก็จะได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น กลุ่มกบฎไม่ใช่ของเหี้ย CIA แต่เป็นกองกำลังตุรกี แล้วทำไมถึงเลือกเข้ามายึดอะเลปโป ต้องการบ่อน้ำมัน ไล่ฆ่าเคิร์กกบฎ หรือเขมือบดินแดนซีเรีย คำถามนี้ ต้องไปถามปูติน?เพราะก่อนหน้านี้ แอร์โดกันได้พบปูตินคุยส่วนตัวกันแล้ว นี่แหละ ถึงได้สงสัยว่า "แผนสับขาหลอก" เพราะต่อให้ตุรกีจะอยากได้ซีเรียไว้ แต่หากรัสเซียไม่ยอม อีไก่งวงก็ทำไม่ได้ เพราะรายได้กว่า 40% ทั้งประเทศ มาจากรัสเซีย ทั้งพลังงาน อาหาร เทคโนโลยี อาวุธ การท่องเที่ยว รัสเซียอุ้มไก่งวงถึงรอด แล้วจะมาก่อศัตรูกับปูตินทำไม? แอร์โดกันไม่ได้โง่ขนาดนั้น หรือสมรู้ร่วมคิดกัน ทำอะไรบางอย่าง เพื่อกวาดล้างบางทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย อิรัก อันนี้สิ ถึงค่อยมีเหตุผลสอดคล้องบ้าง เนื่องจาก กองทัพตุรกี มีความพร้อมมากว่า SAA ไม่แปลกหากจะใช้มืออาชีพกว่าเข้าไปเจาะไข่แดงเหี้ยที่บ่อน้ำมันทั้งซีเรีย อิรัก ด้านเหี้ยวอชิงตัน หลังผลัดใบใหม่ อีทรัมปป์ มีเหรอจะไม่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า อย่าลืมว่า นายพลสุไลมานี่ ตายในยุคทรัมปป์น่ะ ทั้งหมด มันมีที่มาที่ไปสิ่งที่เหี้ยต้องการคือก่อ WWIII แล้วใครจะโง่มาหลงเป็นเหยื่อ เพราะอเมริกันมันไม่อยากจะรบเอง ส่งอีโง่ NATO EU ไปตายห่าแทนไงล่ะ แล้วทำไม ซีเรีย รัสเซีย ต้องรบเอง ส่งไก่งวงไปถอนรากถอนโคนเหี้ยบ้างไม่ได้ นี่คือจุดแตกหัก NATO เพราะอีไก่งวงเป็นสมาชิกนาโต้ ที่จะชนกับนาโต้ซะเอง เหมือนบทสคริปต์ที่เขียนรอไว้แล้ว! รอดู ยังไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ขอให้มั่นใจว่า ทั้งหมดคือ "หมากบนกระดาน" ที่ทั้งปูติน แอร์โดกัน อัสซาด คาเมเนอี แม้แต่ MBS อาจจะรู้เห็นเป็นใจด้วย คำถามคือ แล้วมันจะจบตรงไหน? นั่นแหละ ที่ต้องรอดู รอติดตาม หลังควันจาง!ปล.ยังจำตอน WAGNER หักหลังปูตินได้มุย? แล้วไปโผล่เบลารุสเฉย ยึดพรมแดน ประจัญหน้าอีโปล ยังจำตอนเหี้ยไอซิสถูกกวาดล้างมั้ย? นับตั้งแต่รัสเซียตั้งฐานทัพอากาศในซีเรีย ตั้งแต่นั้น เหี้ยไอซิสหายวับ ไอ้ที่ยึดได้ เหลือแค่บ่อน้ำมันที่มีอีเคิร์กกบฎเฝ้า กับค่ายหทารมะกัน ที่ถูกลอบโจมตีเช้าเย็น ยื้อมาเป็น 10 ปี ยังไม่มีปัญญายึดอัสซาดได้ อยู่ดีดี กองกำลังอีไก่งวงมา อัสซาดเผ่นทันที แปลว่ามันต้องมีนอก มีใน ชัวร์ และแผนนี้ ไม่ได้ออกจากวอชิงตัน แต่อาจมาจากเครมลิน โดยมี WAGNER วางกับดักไว้ คำถามคือ WAGNER ในซีเรียหายไปไหนหมด? ยึดง่ายดายแบบนี้ ตี ได้ 2 แบบ คือสุ่มหัวกัน กับ อีแอร์โดกันหักหลัง แต่มันจะโง่เหรอ เพราะทะเลดำ กองเรือรบรัสเซียเต็มไปหมด ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคไปถึงอังการ่าง่ายดาย ตายได้ทุกเมื่อถึงได้บอกไงว่า "ยังไม่สะเด็ดน้ำ" อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป แต่อย่างน้อย ก็ยังดี ที่กบฎซีเรียคืออีไก่งวง เพราะมันควบคุมง่ายกว่ากองกำลังเหี้ยไอซิส เพราะรู้ดีว่า ใครคือเจ้านายมรึง? คุยกับหัว ง่ายกว่าคุยกับพวกคลั่งลัทธิ รัสเซียถล่มใส่กองกำลังเหี้ยกบฎ(ตุรกี) ตายห่านับพัน คือจุดเดียวที่ยังถอนข้อสังสัยหมีไม่ได้ หรือว่า ปล่อยข่าวปลอมลวง? แล้วทำไม กบฎซีเรียปลอมอยู่ดีดี ก็ถอดชุด ใส่เครื่องแบบทหารตุรกีแทน เรื่องแบบนี้ หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าใครเป็นใคร กำลังจะทำอะไร ใครเคลื่อนไหว นี่คือสิ่งที่หมีระแวงอยู่ ว่าปูตินมีแผนอะไรกันแน่ และแอร์โดกันจะร่วมมือ หรือหักหลังกันแน่ รออีก 2-3 วัน เดี๋ยวก็รู้ เพราะความจริงมีแค่เพียง 1 เดียวแต่ตอนนี้ เริ่มมั่นใจ ว่าเกมส์นี้ ไม่ได้ออกจากวอชิงตัน เพราะมันวุ่นวายอยู่กับการเอาตัวรอด ทั้งเรื่องภายใน และภายนอก มันจะไปสนใจซีเรียทำไมอีก เรื่องมันจบไปนานแล้ว ขอชื่นชมผู้อยู่เบื้องหลังแผนนี้ มรึงสับขาหลอก ปั่นควายโลกจนหัวหมุน แบบเดียวกับที่ WAGNER จะบุกมอสโคว์นั่นแหละ ไม่จัดใหญ่ เหยื่อจะกินเบ็ดเหรอ? ลองใช้สติ ปัญญา ไตร่ตรอง อย่าเชื่อหมีทุกอย่าง กูแค่ชี้เป้า และจับโป๊ะให้ดูว่า มันง่ายเกินไปมุย? มันสะดวกโยธินบูรณะเกินไปมั้ย? หมาก 3 ชั้น อ่านง่าย ก็ไม่ใช่ปูตินสิ กูละชอบกลียุคตรงนี้แหละ "ความสับสนวุ่นวายคือคีย์" หน่วยข่าวกรองต้องรู้อะไรดีดีมาแน่ รอรัสเซียแถลงก่อน รออิหร่านแถลงก่อน ถึงค่อยขับโป๊ะอีกที แต่ละฝ่ายไม่เขยิบยิ่งน่าสงสัย ว่าสมรู้ร่วมคิด ล่อเอาเหี้ยไปไม่เป็น ช็อคกันทั้งโลก!หมี CNN(มาช้าไปหน่อย เพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ และวิเคราะห์ตีประเด็นให้แตก มาช้ายังดีกว่าไม่มาน่ะจ๊ะ อย่าเพิ่งดิ้น ละครฉากใหญ่นี้ ตัวบงการต้องมั่นใจ ถึงกล้าเสี่ยง ผมีชักจะห่วงค่ายทหารมะกันในซีเรีย อิรัก แล้วสิ เพราะมันเองก็ยังไม่รู้ 100% ว่าไอ้กลุ่มกบฎซีเรียกลายร่างนี้ จะมาดี หรือมาร้าย ไม่แน่ อาจวางแผนยึดบ่อน้ำมันซีเรียแทนมรึงก็ได้ ไม่ว่าใครจะยึด สุดท้ายอยู่ที่ปูติน ว่าจะอนุญาติหรือไม่? กลียุคคือความสับสนวุ่นวาย อย่าแกว่ง นิ่งไว้ พอดีข่าวสารอัพเดท ข่าวช็อคโลกมาวันอาทิตย์ เป็นวันที่ต้องโพสคอลัมน์ 3 แยกปากหมาพอดี ก็ใช้ชื่อตอนนี้ไปเลย)08 ธันวาคม 6716.30 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.12เชื่อว่าหลายคนรอฟังอยู่! สถานการณ์ซีเรียลอกคราบ! อัสซาดหนีหลบภัยเหรอ? ทำไมฝ่ายกบฎยึดง่ายปุยมุย? ทหาร SAA ที่ผ่านมา ดาหน้าไล่ฆ่าเหี้ยไอซิส ตายเกลื่อน หายไปไหน? สื่อเสี้ยมชง "ทหารถอดใจ" จริงเหรอ? อะเลปโป จุดเคลื่อนไหวใหญ่ หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ใครจะทำอะไร ยังไง เมื่อไหร่? ช้าก่อน แล้วคิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรก สำหรับ "แผนเมืองร้าง" จับโป๊ะแตก ว่าทำไม กองทัพรัสเซีย ถึงได้นิ่ง ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร? มองมุมกลับ หากอยากจะล้างบางทั้งขบวนการขายชาติที่เหี้ย C เข้ามา ก็ต้องทำแบบอัฟกานิสถาน ล่อให้เข้ามายึด แล้วถอนรากถอนโคนทีเดียว ยังไม่มีซับซ้อนอีกเยอะ อยู่ดีดี รัสเซียทำไมถึงปล่อย? สู้กับเหี้ยมาเกือบ 10 ปี เพื่อปล่อยให้กบฎยึดง่ายดาย มันใช่เหรอ? อาวุธมี กำลังพลก็มี งั้นลองมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น กองกำลังที่เข้ามาเติม เข้ามาเสริม อยู่ในร่างไหนกัน? ทั้งอิรัก เลบานอน เยเมน WAGNER เติมเข้ามาในซีเรีย จ้องที่ราบสูงโกลาน แล้วทำไม ปล่อย?คำตอบที่น่าคิดคือ ใครบอกล่ะว่า "กบฎที่เข้ามายึดเพื่อเปลี่ยนซีเรีย ใช่เหี้ย C กำกับทั้งหมดหรือไม่" หมีเอ๊ะใจ ที่ชาวบ้านไม่ต่อต้านเลย เหมือนเชิญชวนให้เข้ามาง่ายดาย แล้วอัสซาดเผ่นหนีเหรอ? ตอนต่อสู้กับเหี้ยไอซิส ยังสู้ปักหลัก ไม่หนีไปไหน แค่กองกำลังกลุ่มเดียว ทำไมต้องเผ่น? คิดสิจ๊ะ อย่าเชื่อแค่ที่ตาเห็น หูได้ยิน ใช้สมองไตร่ตรองตามมา อัสซาดซี้กับปูติน มีเหรอ จะปล่อยให้ยึดง่ายๆ แปลว่า มันต้องมีอะไรสอดไส้คาราเมล แผนการศึก ยากนักจะหยั่งถึง กี่ครั้งที่เหี้ยถูกปูตินหลอกปั่นหัวจนหมุน ทำไมขั้วใหม่จะไม่รู้ หากเสียซีเรีย อิรัก ถาวร เยรูซาเล็มไปแน่ อะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเกมส์นี้ ซีเรียมีทั้งรัสเซีย อิหร่าน จีน หนุนอยู่ เข้าไม่ได้ หากไม่ปล่อยให้เข้า มันถึงมีอะไรซ่อนเงื่อนอีกเยอะ แผนคืออะไร?ไม่อยากจะคิดร้ายมากจนเกินไป จนกวาดล้างบางเหี้ยไอซิสด้วยระเบิดหนักเหรอ คิดอีกแง่ กลุ่มกบฎที่มา มันใช่เหี้ย C ทั้งหมดหรือไม่? เพราะมีแห่มาจากอิรัก เลบานอน อิหร่านด้วย มันถึงยังต้องรอดูไปก่อนว่า อะไรจะเกิดขึ้น? ทำให้คิดถึงแผนลิเบีย ที่นายพลฮาฟเตอร์ ยึดทั้งแผ่นดิน แต่ปล่อยเมืองหลวงไว้ เป็นแค่สัญลักษณ์ เพื่อการต่อรอง ลดการสูญเสียของปนะชาชน ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นดอกน่ะ อาวุธขั้วใหม่มีเยอะ กองกำลังก็มหาศาล แล้วทำไมแค่กลุ่มกองโจรกบฎถึงเข้าได้ง่ายดาย หากไม่ปล่อยให้เข้ามา เพื่อวัตถุประสงค์อะไร นั่นคือสิ่งที่ต้องรอดู? ยุทธพิชัยสงคราม เห็นกันบ่อย "แผนเมืองร้าง" ดึงข้าศึกเข้ามาอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด แล้วจัดการทีเดียว คำถามคือ ใครสั่งให้เล่นแผนนี้? หากไม่ใช่ WAGNER กลยุทธหลากหลาย รบชนะทุกสมรภูมิ เพราะศัตรูดักทางไม่ได้ ไล่ไม่ทันเกจิ กูรู ใครคิดยังไง หมีไม่รู้? แต่หมีรู้ว่า นี่คือ "กับดัก" ชัวร์ และลางสังหรณ์หมีแม่นซะด้วย ให้เหตุผลไปแล้วว่า ทำไม? กว่าจะฝ่าด่านเข้ามาได้ มรึงต้องเจออะไรบ้าง? มันง่ายไปมุย? โปรดสังเกตุ ประชาชนชาวซีเรีย ไม่ขัดขืน และกลุ่มต่อต้านตะวันตก ก็ไม่แสดงตัว แปลว่าเค้าคุยกันจบแล้วชิมิ? ต้องรอดูว่าจากนี้ อะไรจะเกิดขึ้น ปิดประตูกระทืบเหี้ยเหรอ? หรือว่า กบฎที่เข้ามาเนี่ย มันไม่ใช่กบฎตัวจริง แต่เป็นกองกำลังรวมโลกอาหรับ มรึงเคยคิดบ้างมั้ย? เพื่ออะไร? ขับไล่ฐานทัพเหี้ยมะกันในบ่อน้ำมันซีเรีย หากจากนี้ บ่อน้ำมันซีเรีย อิรัก ยังคงให้เหี้ยขนส่งต่อได้อีก หรือขยายฐานกำลังส่งเพิ่มได้ ค่อยเชื่อว่า เป็นฝีมือเหี้ย CIA แต่ตอนนี้ รอหลังควันจางก่อน ทุกอย่างจึงจะสะเด็ดน้ำอะไรที่สื่อรายงาน ไม่เคยตรงกับความเป็นจริง แม้แต่สื่อไทย ก็รายงานตามน้ำ ตามสื่อทั้งโลกแจ้ง ใครจะหาความจริงเจอ หากมรึงไม่นำฝ่ายตะวันออกกลาง โลกอาหรับมาเปิดเผย 2 ด้าน มรึงจะรู้ความจริงจากที่ไหน? ที่น่าแปลกคือ ถอดร่างกบฎซีเรีย นี่มันกองกำลังตุรกีนี่หว่า? แอร์โดกัน ปูติน คุยอะไรกัน? อัสซาดออกไปเพื่อ? งานนี้ ระวัง "หน้าแหกกันทั้งโลก" อยู่ดีดี ไก่งวงมาได้ไง? หากไม่ได้โดนเชิญ ไก่งวงยอมผิดใจปูตินเพื่อเหี้ยวอชิงตันขาลงเหรอ? อย่าลืมว่าอะไรรออยู่ที่ซีเรีย มันมีเคิร์กกบฎในซีเรียที่เฝ้าบ่อน้ำมันอยู่ไงล่ะ ใครที่แอร์โดกันอยากจะฆ่าล้างโคตรมากที่สุด เลบานอนส่งมา อิรักส่งมา เป้าหมายเดียวกันคือ บ่อน้ำมันที่ไอ้อีเคิร์กกบฎเฝ้าเนี่ยแหละ พ่วงฐานทัพค่ายทหารอเมริกัน จับโป๊ะแตกได้หลายอย่าง ประเด็น ไม่ได้อยู่ที่มรึงยึดได้ แต่อยู่ที่ว่า มรึงจะอยู่ต่อยังไงมากกว่า?ไอ้อีตัวบุกเข้ามา ทำไม จะไม่คิดล่วงหน้าว่าจะจัดการยังไงต่อไป ยามศึก ฝุ่นตลบ ควันกระจาย เนี่นแหละ เค้าถึงเรียก "กลยุทธสร้างความสับสน" ใครที่มองแต่ภายนอก จะเห็นแค่ซีเรียถูกยึด แต่ผู้ที่ใช้สติ ปัญญา จะมองลึกกว่านั้น ว่าอะไร ทำไม ยังไง? ซีเรียคือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีน เป็นแหล่งผ่านท่อแก็สรัสเซีย-อาหรับ มีเหรอ จะปล่อย? กบฎเคิร์กในตุรกีที่เข้ามา ก็กลายร่างเป็นกองกำลังตุรกี ออกตัว ออกหน้า มันชักจะยังไง? ดูแค่เครื่องแบบไม่ได้ดอก แผนสอดไส้คาราเมลมีเยอะ ขนาดทหารนาโต้ยังกลายร่างเป็นทหารยูเครนเลย ใครออกตัวแรงตอนนี้ ยั้งไว้ก่อน เวลาความจริงปรากฎจะกลับหลังหันไม่ทัน หมีมองมีหลายปัจจัยมันย้อยแย้งไม่สมจริง ไม่มีเหตุผล ไม่สอดรับ นอกจากมันคือ แผนสลับร่าง เปลี่ยนตัวผู้เล่น นี่ขนาด "อัสซาด" ชนะการเลือกตั้งแบบปชต.ถล่มทลาย ทำไมต้องหนีด้วย มีอำนาจสิทธิ์เต็มเหนี่ยว การไปเยือนมอสโคว์ล่าสุด อาจจะเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ มีนอก มีใน ชัวร์? เมื่อจับยาม 3 ตาดูแล้ว ก็จะได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น กลุ่มกบฎไม่ใช่ของเหี้ย CIA แต่เป็นกองกำลังตุรกี แล้วทำไมถึงเลือกเข้ามายึดอะเลปโป ต้องการบ่อน้ำมัน ไล่ฆ่าเคิร์กกบฎ หรือเขมือบดินแดนซีเรีย คำถามนี้ ต้องไปถามปูติน?เพราะก่อนหน้านี้ แอร์โดกันได้พบปูตินคุยส่วนตัวกันแล้ว นี่แหละ ถึงได้สงสัยว่า "แผนสับขาหลอก" เพราะต่อให้ตุรกีจะอยากได้ซีเรียไว้ แต่หากรัสเซียไม่ยอม อีไก่งวงก็ทำไม่ได้ เพราะรายได้กว่า 40% ทั้งประเทศ มาจากรัสเซีย ทั้งพลังงาน อาหาร เทคโนโลยี อาวุธ การท่องเที่ยว รัสเซียอุ้มไก่งวงถึงรอด แล้วจะมาก่อศัตรูกับปูตินทำไม? แอร์โดกันไม่ได้โง่ขนาดนั้น หรือสมรู้ร่วมคิดกัน ทำอะไรบางอย่าง เพื่อกวาดล้างบางทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย อิรัก อันนี้สิ ถึงค่อยมีเหตุผลสอดคล้องบ้าง เนื่องจาก กองทัพตุรกี มีความพร้อมมากว่า SAA ไม่แปลกหากจะใช้มืออาชีพกว่าเข้าไปเจาะไข่แดงเหี้ยที่บ่อน้ำมันทั้งซีเรีย อิรัก ด้านเหี้ยวอชิงตัน หลังผลัดใบใหม่ อีทรัมปป์ มีเหรอจะไม่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า อย่าลืมว่า นายพลสุไลมานี่ ตายในยุคทรัมปป์น่ะ ทั้งหมด มันมีที่มาที่ไปสิ่งที่เหี้ยต้องการคือก่อ WWIII แล้วใครจะโง่มาหลงเป็นเหยื่อ เพราะอเมริกันมันไม่อยากจะรบเอง ส่งอีโง่ NATO EU ไปตายห่าแทนไงล่ะ แล้วทำไม ซีเรีย รัสเซีย ต้องรบเอง ส่งไก่งวงไปถอนรากถอนโคนเหี้ยบ้างไม่ได้ นี่คือจุดแตกหัก NATO เพราะอีไก่งวงเป็นสมาชิกนาโต้ ที่จะชนกับนาโต้ซะเอง เหมือนบทสคริปต์ที่เขียนรอไว้แล้ว! รอดู ยังไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ขอให้มั่นใจว่า ทั้งหมดคือ "หมากบนกระดาน" ที่ทั้งปูติน แอร์โดกัน อัสซาด คาเมเนอี แม้แต่ MBS อาจจะรู้เห็นเป็นใจด้วย คำถามคือ แล้วมันจะจบตรงไหน? นั่นแหละ ที่ต้องรอดู รอติดตาม หลังควันจาง!ปล.ยังจำตอน WAGNER หักหลังปูตินได้มุย? แล้วไปโผล่เบลารุสเฉย ยึดพรมแดน ประจัญหน้าอีโปล ยังจำตอนเหี้ยไอซิสถูกกวาดล้างมั้ย? นับตั้งแต่รัสเซียตั้งฐานทัพอากาศในซีเรีย ตั้งแต่นั้น เหี้ยไอซิสหายวับ ไอ้ที่ยึดได้ เหลือแค่บ่อน้ำมันที่มีอีเคิร์กกบฎเฝ้า กับค่ายหทารมะกัน ที่ถูกลอบโจมตีเช้าเย็น ยื้อมาเป็น 10 ปี ยังไม่มีปัญญายึดอัสซาดได้ อยู่ดีดี กองกำลังอีไก่งวงมา อัสซาดเผ่นทันที แปลว่ามันต้องมีนอก มีใน ชัวร์ และแผนนี้ ไม่ได้ออกจากวอชิงตัน แต่อาจมาจากเครมลิน โดยมี WAGNER วางกับดักไว้ คำถามคือ WAGNER ในซีเรียหายไปไหนหมด? ยึดง่ายดายแบบนี้ ตี ได้ 2 แบบ คือสุ่มหัวกัน กับ อีแอร์โดกันหักหลัง แต่มันจะโง่เหรอ เพราะทะเลดำ กองเรือรบรัสเซียเต็มไปหมด ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคไปถึงอังการ่าง่ายดาย ตายได้ทุกเมื่อถึงได้บอกไงว่า "ยังไม่สะเด็ดน้ำ" อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป แต่อย่างน้อย ก็ยังดี ที่กบฎซีเรียคืออีไก่งวง เพราะมันควบคุมง่ายกว่ากองกำลังเหี้ยไอซิส เพราะรู้ดีว่า ใครคือเจ้านายมรึง? คุยกับหัว ง่ายกว่าคุยกับพวกคลั่งลัทธิ รัสเซียถล่มใส่กองกำลังเหี้ยกบฎ(ตุรกี) ตายห่านับพัน คือจุดเดียวที่ยังถอนข้อสังสัยหมีไม่ได้ หรือว่า ปล่อยข่าวปลอมลวง? แล้วทำไม กบฎซีเรียปลอมอยู่ดีดี ก็ถอดชุด ใส่เครื่องแบบทหารตุรกีแทน เรื่องแบบนี้ หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าใครเป็นใคร กำลังจะทำอะไร ใครเคลื่อนไหว นี่คือสิ่งที่หมีระแวงอยู่ ว่าปูตินมีแผนอะไรกันแน่ และแอร์โดกันจะร่วมมือ หรือหักหลังกันแน่ รออีก 2-3 วัน เดี๋ยวก็รู้ เพราะความจริงมีแค่เพียง 1 เดียวแต่ตอนนี้ เริ่มมั่นใจ ว่าเกมส์นี้ ไม่ได้ออกจากวอชิงตัน เพราะมันวุ่นวายอยู่กับการเอาตัวรอด ทั้งเรื่องภายใน และภายนอก มันจะไปสนใจซีเรียทำไมอีก เรื่องมันจบไปนานแล้ว ขอชื่นชมผู้อยู่เบื้องหลังแผนนี้ มรึงสับขาหลอก ปั่นควายโลกจนหัวหมุน แบบเดียวกับที่ WAGNER จะบุกมอสโคว์นั่นแหละ ไม่จัดใหญ่ เหยื่อจะกินเบ็ดเหรอ? ลองใช้สติ ปัญญา ไตร่ตรอง อย่าเชื่อหมีทุกอย่าง กูแค่ชี้เป้า และจับโป๊ะให้ดูว่า มันง่ายเกินไปมุย? มันสะดวกโยธินบูรณะเกินไปมั้ย? หมาก 3 ชั้น อ่านง่าย ก็ไม่ใช่ปูตินสิ กูละชอบกลียุคตรงนี้แหละ "ความสับสนวุ่นวายคือคีย์" หน่วยข่าวกรองต้องรู้อะไรดีดีมาแน่ รอรัสเซียแถลงก่อน รออิหร่านแถลงก่อน ถึงค่อยขับโป๊ะอีกที แต่ละฝ่ายไม่เขยิบยิ่งน่าสงสัย ว่าสมรู้ร่วมคิด ล่อเอาเหี้ยไปไม่เป็น ช็อคกันทั้งโลก!หมี CNN(มาช้าไปหน่อย เพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ และวิเคราะห์ตีประเด็นให้แตก มาช้ายังดีกว่าไม่มาน่ะจ๊ะ อย่าเพิ่งดิ้น ละครฉากใหญ่นี้ ตัวบงการต้องมั่นใจ ถึงกล้าเสี่ยง ผมีชักจะห่วงค่ายทหารมะกันในซีเรีย อิรัก แล้วสิ เพราะมันเองก็ยังไม่รู้ 100% ว่าไอ้กลุ่มกบฎซีเรียกลายร่างนี้ จะมาดี หรือมาร้าย ไม่แน่ อาจวางแผนยึดบ่อน้ำมันซีเรียแทนมรึงก็ได้ ไม่ว่าใครจะยึด สุดท้ายอยู่ที่ปูติน ว่าจะอนุญาติหรือไม่? กลียุคคือความสับสนวุ่นวาย อย่าแกว่ง นิ่งไว้ พอดีข่าวสารอัพเดท ข่าวช็อคโลกมาวันอาทิตย์ เป็นวันที่ต้องโพสคอลัมน์ 3 แยกปากหมาพอดี ก็ใช้ชื่อตอนนี้ไปเลย)08 ธันวาคม 6716.30 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-12-67/02 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.45 ชื่อตอนว่า "HIDDEN TRUE TARGET" โป๊ะแตก! หากทฤษฎีนี้เป็นจริง จะตอบโจทย์ได้ทุกข้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่หมีคิดเลย? งัดคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ ตอนพิเศษ(สมรภูมิซีเรียใหม่) คิดอยู่นาน เพิ่งจะมาปิ๊งไอเดีย รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ตายเดี่ยว จะเกิดอะไรขึ้น (หาก)ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิด เพื่ออะไรบางอย่าง ตอบโจทย์ทุกความต้องการทุกฝ่ายวินวินได้สำเร็จ หากเป็นจริง กูบอกเลยมันส์แน่? อะไรที่แอร์โดกันฝังใจ นั่นคือเคิร์กกบฎ อะไรที่อัสซาดอยากปลดแอก คือบ่อน้ำมัน และกองกำลังเหี้ยมะกัน รวมชาติซีเรีย อะไรที่ปูตินอยากได้ แผนเชื่อมท่อแก็สรัสเซีย-ซีเรีย-ตะวันออกกลาง เมื่อความต้องการทั้ง 3 เข้ามาผูกเอี่ยวกัน จึงต้องมีการหาข้อสรุป และทำให้พึงพอใจทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเดินหน้าต่อโลกยุคใหม่ กับโครงการเมกะโปรเจคอีกมากที่รออยู่ แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความสงบสุข มั่นคง ถาวร ดอกนี้ จึงต้องใช้บริการ "กองทัพออตโตมานผู้ยิ่งใหญ่" เข้ามากวาดล้างบางอิทธิพล NATO และสหรัฐ ให้สิ้นซาก ทำไมต้องไก่งวง เพราะมันเป็นสมาชิก NATO ไงล่ะ ไม่ใช่รัฐบาลอัสซาด(ซีเรีย) แผนคือ หากอัสซาดยินยอม ยกแผ่นดินบางส่วนให้อีเคริ์กกบฎเอาไปตั้งรัฐอิสระสมหวังดั่งใจในซีเรีย โดยมีข้อกำหนด และเงื่อนไข รวมทั้งถอนถอด ควบคุมกองกำลังให้อยู่ในเฉพาะเขตแดนพิเศษ ซีเรียได้แผ่นดินทั้งหมดคืน เคิร์กได้บ้านอยู่ถาวร ตั้งรัฐเป็นประเทศตามหวัง แถมอีแอร์โดกัน ไม่ต้องปวดหัวเรื่องอีเคิร์กบฎกตลอดกาล เพราะมันจะย้ายจากตุรกี อิรัก เข้ามาอยู่รวมกันที่ซีเรียทั้งหมด หลังประกาศตั้งเป็นรัฐอิสระ(ประเทศ)สำเร็จ ไก่งวงเท่ากับกำจัดศัตรูถาวรไปในตัว โดยแลกกับการส่งกองกำลังเข้าซีเรียเพื่อปลดแอกซีเรียออกจาก NATO และสหรัฐ รวมถึงแหล่งบ่อน้ำมันด้วย ดอกนี้ เท่ากับดึงเคิร์กกบฎย้ายขั้ว เข้ามาซีเรียนั่นเอง เอาไปเลย พื้นที่เฉพาะ หรือไม่ มรึงก็ตายให้หมด ล้างเผ่าพันธุ์เคิร์กกันไปเลย นี่คือหนทางรอดทางเดียว ด้านสหรัฐ หากไม่มีกลุ่มกบฎเคิร์ก ก็อยู่ยาก ทั้งในซีเรีย อิรัก ที่มาว่าทำไม เลบานอน อิหร่าน อิรัก ส่งกองกำลังเข้ามาซีเรีย เพื่อเป้าหมายที่ราบสูงโกลาน ในช่วงเวลาที่กบฎซีเรียรุกรานอยู่ ตอบโจทย์ได้ทันที ซีเรียจะได้ที่ราบสูงโกลานคืน และเยรูซาเล็มจะแตกในไม่ช้า ด้านรัสเซีย จะได้ผลประโยชน์เต็มเหนี่ยว ทั้งในทะเลดำ และในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในตะวันออกกลาง จับมือตุรกี คุยซีเรีย เพื่อให้ร่วมมือกัน ทะเลาะกันไป ก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ ปัญหาที่ขวางทางอยู่คือ "เคิร์ก" นี่คือปมเดียว หากแก้ได้ทุกอย่างจะฉลุยทันที และเหี้ยจะไร้ที่พึง กองกำลังสหรัฐไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีเจ้าถิ่นคอยแบ็คอัพ เพราะขั้วใหม่ส่งกองกำลังชุดใหญ่เข้าซีเรียแล้วตอนนี้ ไม่ได้จะเข้ามาขับไล่ กองกำลังกบฎซีเรียดอกน่ะ ตอบโจทย์ได้ว่า ทำไมชาวบ้านไม่แตกตื่น ทำไม SAA ถึงต้องย้ายออก เพื่อเปิดทางให้กองกำลังตุรกี เข้ามาปฎิบัติการกวาดล้างบางเหี้ยแทน เพราะเป็นชาติ NATO เหมือนกัน โดยที่ผ่านมา เหี้ยอ้างตลอด ว่ารัฐบาลอัสซาด ไม่เป็นปชต. แต่งวดนี้ อัสซาดแค่ย้ายก้นไปอยู่มอสโคว์ซักพัก รอให้ขยี้เหี้ยให้จบก่อน ค่อยย้ายกลับ คำถามคือ เมื่ออีไกง่วงปฎิบัติสำเร็จแล้วจะคืนพื้นที่ให้อัสซาดหรือไม่ คำตอบคือ ซีเรียเองก็ไม่ได้ปล่อยให้มรึงทำทุกอย่างได้สะดวกโยธินบูรณะทุกอย่างดอกน่ะ ในซีเรีย ยังมีกองกำลังรัสเซียอยู่ ฐานทัพรัสเซียอยู่ ไหนจะอิหร่าน ไหนจะ WAGNER หากมรึงไม่รบกันเอง ดอกนี้ ยิ่งชัด ร่วมกันตี เป้าหมายเดียวกัน ภาพใหญ่ปรากฎทันที! หลังหลายคนสงสัย S-400 ทำไมถึงถูกยึด อย่าเรียกว่ายึดเลย ส่งต่อให้ใช้น่าจะเหมาะกว่า เพราะไก่งวงก็มี S-400 อยู่แล้วน่ะ รู้การใช้งานดี แค่ส่งมอบอาวุธเอาไปใช้ต่อล้างบางเหี้ย ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เหตุเพราะ ซีเรีย ตุรกี มีปัญหาพิพากกันมายาวนาน เพราะเรื่องกบฎเคิร์ก และเชื่อว่า บ่อน้ำมันซีเรีย ก็อยู่ในสายตาไก่งวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น 10 ปี ก่อน คงไม่ร่วมมือเหี้ยเข้ามาบุกซีเรีย สร้างไอซิสไปเข่นฆ่าชาวซีเรียดอกน่ะ ดอกนี้ อัสซาดต้องทำใจ อะไรที่ผ่านมาก็ต้องยอมให้ผ่านไป เพื่อเป้าหมายรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวให้สำเร็จ รักษาแผ่นดินส่วนใหญ่เอาไว้ ควบคุมเคิร์กให้อยู่ในพื้นที่พิเศษเฉพาะ ดีกว่าปล่อยให้มันถูกศัตรูเอาไปใช้งานเป็นภัยต่อความมั่นคงซีเรียซะเอง ล่าสุด กองทัพไก่งวงในคราบกบฎซีเรีย เปิดคุก ปล่อยนักโทษเดนตายออกมา ทั้งหมดคือ "เหี้ยไอซิสทั้งนั้น" เพื่ออะไร จับอาวุธสู้กับใคร? อย่าลืมเจ้าของไอซิสเก่าก็คือ "ตุรกี" รอดู หากทฤษฎีที่หมีบอกว่า ปูติน แอร์โดกัน อัสซาด สมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายที่มันต้องทำคือ แย่งบ่อน้ำมันคืนจากเคิร์กกบฎ และขับไล่กองกำลังต่างชาติออกไป ยกเว้นรัสเซีย ดอกนี้ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าจริง แต่หากกองทัพไก่งวง ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ เปิดทางให้ฐานทัพมะกันขยายได้ หรือเคิร์กกบฎขยายพื้นที่บ่อน้ำมันเพิ่ม ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตุรกีเกลียดอีเคิร์กเข้าไส้ แปลว่าอีไก่งวงถูกร่างทรงเข้าแทรกแล้ว นั่นคือ แอร์โดกันถูกปลดอำนาจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจอีกฝ่ายเป็นคนเดินเกมส์ ถึงเวลานั่น ค่อยมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริงอีกที เพราะตอนนี้ ฝุ่นตลบ จะคิดอย่างไร ก็ไม่มีทางสว่างโปร่งใสได้แน่ รอควันจางเท่านั้น ตัวละครจะโผล่มาเอง แค่มาบอกแนวทาง แนวคิดอีกอย่าง เพื่อหาคำตอบ ตอบโจทย์ทั้งหมดได้ เพราะดูเหมือนช่องโหว่เยอะเกิน มันง่ายดายมากจนเกินไป เหมือนกับจงใจให้เกิด ให้เป็นไป รัสเซียเท่านั้นที่รู้ ในยามศึกสงคราม "สงครามข่าวสาร" คือสิ่งที่จำเป็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นเป้าหมายหลัก ใช้กันเยอะ ไม่ว่าสงครามใดในโลก กูไม่ใช่เทวดา กูแค่จับผิด และพยายามมองทะลุหมอกควันหนาเหล่านี้ ให้เห็นร่างจริง ผู้อยู่เบื้องหลังจริงก่อน ถึงจะเดาทางต่อได้แม่นยำ หมากตานี้ อำมะหิตน่ะ ไก่งวงอยู่ดีดี จะบุกซีเรียไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง? หากไม่มีใครสั่ง หรือแบ็คอัพ ใครล่ะ ที่ตุรกี ซีเรีย อิหร่าน เกรงใจ? เอาไปคิดเอง?หมี CNN(หมากที่เดินไปแล้ว อย่าคิดว่ากลับตาลปัตรไม่ได้ ทุกหมาก ทุกตา หลอกล่อได้หมด ขั้วใหม่กำลังจะทำอะไร ภายนอกสื่อตี เหี้ยตัดกำลังรัสเซีย แต่หมีกลับมองว่า นี่คือ 1 ในหมากที่ถูกวางให้เดินเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยู่ที่ตัวละครถัดไป ใครจะโผล่ แล้วมันจะตอบคำตอบได้เองว่า ทฤษฎีสมคบคิดจริงหรือไม่? เพราะยามศึกเท็จคือจริง จริงคือเท็จ) 08 ธันวาคม 6717.52 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts