• ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568

    ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568 ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI)

    รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร

    แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023

    ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล
    ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI
    ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม
    เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ
    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน
    โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023
    ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด
    การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม
    Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น
    ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด
    การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน

    https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    🛡️ “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI) รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล ➡️ ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI ➡️ ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม ➡️ เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ ➡️ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น ➡️ กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน ➡️ โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ➡️ ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด ➡️ การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม ➡️ Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น ➡️ ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด ➡️ การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    WWW.TECHRADAR.COM
    US Department of War reduces cybersecurity training, tells soldiers to focus on their mission
    Cybersecurity training is apparently no longer a priority for the US armed forces
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%”

    ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน

    ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ

    ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้
    ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล
    เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา
    ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน
    ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90%
    ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ
    โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing”
    Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ
    การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล
    การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ
    Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก
    การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    🌊 “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%” ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025 แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล ➡️ เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา ➡️ ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน ➡️ ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% ➡️ ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ ➡️ โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” ➡️ Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล ➡️ การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ ➡️ Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก ➡️ การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Disaster Recovery ยุคใหม่: แผนรับมือภัยไซเบอร์และภัยธรรมชาติต้องเปลี่ยน — จากสำรองข้อมูลสู่การฟื้นธุรกิจในไม่กี่นาที”

    ในอดีต การสำรองข้อมูลและแผนฟื้นฟูระบบ (Disaster Recovery หรือ DR) เป็นเรื่องของฝ่ายไอทีและกฎหมายเท่านั้น แต่ในปี 2025 ทุกองค์กรต้องหันมาจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะภัยคุกคามไม่ได้มาแค่จากไวรัสหรือไฟดับ แต่รวมถึง ransomware ที่สร้างโดย AI, ภัยธรรมชาติจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง, และความเสี่ยงจากระบบ cloud และ SaaS ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของธุรกิจ

    บทความจาก CSO Online ได้สรุปแนวทางใหม่ในการวางแผน DR และ Business Continuity (BC) ที่ไม่ใช่แค่การสำรองข้อมูล แต่คือการ “ฟื้นธุรกิจให้กลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่นาที” โดยใช้แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) และเทคโนโลยีอย่าง AI, backup-as-a-service (BaaS), และ disaster recovery-as-a-service (DRaaS) เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ

    องค์กรต้องเริ่มจากการสร้างทีมข้ามสายงานที่รวมฝ่ายความปลอดภัย, กฎหมาย, การสื่อสาร, และฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อวางแผนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เขียนแผนแล้วเก็บไว้เฉย ๆ ต้องมีการทดสอบจริง เช่น tabletop exercise แบบ gamified ที่ช่วยให้ทีมเข้าใจสถานการณ์จริง และรู้หน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุ

    นอกจากนี้ยังต้องปรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลจากแบบ 3-2-1 ไปเป็น 3-2-1-1-0 โดยเพิ่มการสำรองแบบ air-gapped และเป้าหมาย “zero error” เพื่อรับมือกับ ransomware และความผิดพลาดของระบบ โดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและแนะนำจุดที่ควรสำรอง

    สุดท้ายคือการจัดการหลังเกิดเหตุ — ไม่ใช่แค่กู้ข้อมูลกลับมา แต่ต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น และใช้ข้อมูลสำรองเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก เช่น การใช้ backup เพื่อทำ inference หรือวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DR และ BC กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับ C-suite และได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น
    แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) คือการฟื้นฟูเฉพาะระบบที่จำเป็นก่อน
    เทคโนโลยีที่ใช้ ได้แก่ AI, BaaS, DRaaS, และระบบ backup อัตโนมัติ
    กลยุทธ์สำรองข้อมูลใหม่คือ 3-2-1-1-0 โดยเพิ่ม air-gapped backup และ zero error
    การทดสอบแผนควรใช้ tabletop exercise แบบ gamified เพื่อให้ทีมเข้าใจจริง
    การจัดการหลังเกิดเหตุต้องมี post-mortem และใช้ backup เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
    Gartner คาดว่า 85% ขององค์กรขนาดใหญ่จะใช้ BaaS ภายในปี 2029
    AI จะถูกใช้ในการจัดการ backup และ restore อย่างอัตโนมัติมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MVB คล้ายกับแนวคิด Minimum Viable Product (MVP) แต่ใช้กับระบบธุรกิจ
    DRaaS ช่วยให้ธุรกิจสามารถ failover ไปยังระบบสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    Gamified tabletop exercise ช่วยให้การฝึกซ้อมไม่เป็นแค่การอ่านสไลด์
    Agentic AI คือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง เช่น การสำรองข้อมูล
    การใช้ backup เพื่อ inference คือการนำข้อมูลเก่ามาวิเคราะห์เชิงลึก เช่น พฤติกรรมลูกค้า

    https://www.csoonline.com/article/515730/business-continuity-and-disaster-recovery-planning-the-basics.html
    🧯 “Disaster Recovery ยุคใหม่: แผนรับมือภัยไซเบอร์และภัยธรรมชาติต้องเปลี่ยน — จากสำรองข้อมูลสู่การฟื้นธุรกิจในไม่กี่นาที” ในอดีต การสำรองข้อมูลและแผนฟื้นฟูระบบ (Disaster Recovery หรือ DR) เป็นเรื่องของฝ่ายไอทีและกฎหมายเท่านั้น แต่ในปี 2025 ทุกองค์กรต้องหันมาจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะภัยคุกคามไม่ได้มาแค่จากไวรัสหรือไฟดับ แต่รวมถึง ransomware ที่สร้างโดย AI, ภัยธรรมชาติจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง, และความเสี่ยงจากระบบ cloud และ SaaS ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของธุรกิจ บทความจาก CSO Online ได้สรุปแนวทางใหม่ในการวางแผน DR และ Business Continuity (BC) ที่ไม่ใช่แค่การสำรองข้อมูล แต่คือการ “ฟื้นธุรกิจให้กลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่นาที” โดยใช้แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) และเทคโนโลยีอย่าง AI, backup-as-a-service (BaaS), และ disaster recovery-as-a-service (DRaaS) เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ องค์กรต้องเริ่มจากการสร้างทีมข้ามสายงานที่รวมฝ่ายความปลอดภัย, กฎหมาย, การสื่อสาร, และฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อวางแผนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เขียนแผนแล้วเก็บไว้เฉย ๆ ต้องมีการทดสอบจริง เช่น tabletop exercise แบบ gamified ที่ช่วยให้ทีมเข้าใจสถานการณ์จริง และรู้หน้าที่ของตนเองเมื่อเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังต้องปรับกลยุทธ์การสำรองข้อมูลจากแบบ 3-2-1 ไปเป็น 3-2-1-1-0 โดยเพิ่มการสำรองแบบ air-gapped และเป้าหมาย “zero error” เพื่อรับมือกับ ransomware และความผิดพลาดของระบบ โดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและแนะนำจุดที่ควรสำรอง สุดท้ายคือการจัดการหลังเกิดเหตุ — ไม่ใช่แค่กู้ข้อมูลกลับมา แต่ต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น และใช้ข้อมูลสำรองเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก เช่น การใช้ backup เพื่อทำ inference หรือวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DR และ BC กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับ C-suite และได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น ➡️ แนวคิด Minimum Viable Business (MVB) คือการฟื้นฟูเฉพาะระบบที่จำเป็นก่อน ➡️ เทคโนโลยีที่ใช้ ได้แก่ AI, BaaS, DRaaS, และระบบ backup อัตโนมัติ ➡️ กลยุทธ์สำรองข้อมูลใหม่คือ 3-2-1-1-0 โดยเพิ่ม air-gapped backup และ zero error ➡️ การทดสอบแผนควรใช้ tabletop exercise แบบ gamified เพื่อให้ทีมเข้าใจจริง ➡️ การจัดการหลังเกิดเหตุต้องมี post-mortem และใช้ backup เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ➡️ Gartner คาดว่า 85% ขององค์กรขนาดใหญ่จะใช้ BaaS ภายในปี 2029 ➡️ AI จะถูกใช้ในการจัดการ backup และ restore อย่างอัตโนมัติมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MVB คล้ายกับแนวคิด Minimum Viable Product (MVP) แต่ใช้กับระบบธุรกิจ ➡️ DRaaS ช่วยให้ธุรกิจสามารถ failover ไปยังระบบสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ➡️ Gamified tabletop exercise ช่วยให้การฝึกซ้อมไม่เป็นแค่การอ่านสไลด์ ➡️ Agentic AI คือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง เช่น การสำรองข้อมูล ➡️ การใช้ backup เพื่อ inference คือการนำข้อมูลเก่ามาวิเคราะห์เชิงลึก เช่น พฤติกรรมลูกค้า https://www.csoonline.com/article/515730/business-continuity-and-disaster-recovery-planning-the-basics.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Disaster recovery and business continuity: How to create an effective plan
    A well-structured — and well-rehearsed — business continuity and disaster recovery plan is more urgent than ever. Here’s how to keep your company up and running through interruptions of any kind.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 2 : “ขวาง 1”

    อิรักเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน นานแสนนานก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเริ่ม เรียกว่าเป็นมณฑลด่านนอก ซึ่งประกอบด้วย เมือง Basra, Bagdad และ Mosul อังกฤษนักล่าฯ จากเกาะใหญ่ฯ เรียกมณฑลนี่ว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) แม้จะเป็นด่านนอก แต่มีความสำคัญกับออตโตมาน เพราะฉะนั้นจึงมีความเชื่อมทางชะตากรรมและทิศทางของเมืองร่วมกัน

    แต่บางครั้งด้วยการคมนาคมที่ขลุกขลัก ทำให้หลายครั้ง อิรัก เหมือนถูกโดดเดี่ยว ไม่รู้ทิศทางเลี้ยวของนายเหนือ ปล่อยให้อิรักหลงทางและเป็นเหยื่อเผชิญศึกอยู่แต่ลำพัง

    อิรักเริ่มคบค้ากับนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯ ผ่านการค้าของ English East India ซึ่งนักล่าเปิดสำนักหว่านไว้ทั่ว สำนักพวกนี้ มีหน้าที่เปิดเผยเป็นตัวแทนค้าขาย ให้กับรัฐบาลและพ่อค้าชาวอังกฤษ แต่หน้าที่หลักที่ปกปิดไว้ คือ สืบราชการลับ ครอบงำ กำกับดูแล ผู้ปกครองอาณาบริเวณที่ชาวเกาะไปตั้งสำนักอยู่ เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นหน่วยงานช่างไม้ ทำหน้าที่เหลาไม้เสี้ยม ไม้ขัด ไม้ขวาง ไว้ตามบ้านเหยื่อต่าง ๆ

    สำหรับนักล่าชาวเกาะใหญ่ อิรักอยู่ในเส้นทางติดต่อระหว่างเกาะใหญ่ของนักล่ากับอินเดีย กล่องดวงใจของ นักล่า

    อิรักมีขนาดกำลังดี ทั้งในแง่พลเมืองและเศรษฐกิจ พอมีเรื่องให้ทำมาค้าขาย ไม่ให้หน่วยงานช่างไม้เหงา นักล่าจึงตั้งโรงงานขึ้นใน Basra ตั้งแต่ ค.ศ. 1763 ความสัมพันธ์ระหว่างนักล่ากับอิรัก จึงไม่ใช่แบบหลวม ๆ แม้โรงงานจะไม่ค่อยได้ผลมากนัก แต่นักล่าก็พอใจที่จะให้มีโรงงาน เพื่อคนของตัวจะได้นั่งเหลาไม้อยู่แถวนั้น เพราะนักล่าเกี่ยวเอาคูเวต (Kuwait) เมืองที่มีท่าเรือน้ำลึกอยู่แถวนั้นเอาไว้ด้วย ดังนั้นแถบนี้ จึงเหมือนเป็นเส้นทางที่นักล่าวางไว้ให้เป็นทางหนี หรือทางไล่ หากออตโตมานมีปัญหาอะไร รับมือไม่ไหวก็กระโดดก้าวผ่านอิรักไปคูเวต ลงเรือหนี หรือทำกลับกัน ย้อนกลับไปเอาไม้มาเพิ่ม เข้าทางคูเวตก็ได้เช่นเดียวกัน เป็นการวางจุดที่ทำให้นักล่าเคลื่อนไหวได้คล่องตัว
    พวก Mamluk เป็นผู้ได้รับอำนาจจากออตโตมานให้ปกครองอิรักในช่วงนั้น แต่ Mamluk เหม็นหน้าผู้ปกครองออตโตมานอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงพยายามผูกสัมพันธ์กับอังกฤษ สัมพันธ์ระหว่างอิรักกับอังกฤษ จึงสมประโยชน์กัน

    ค.ศ. 1798 Mamluk ยอมให้อังกฤษ มาร่วมนั่งพิจารณาคดี ในห้องพิจารณาคดีที่ Bagdad นับเป็นความคืบหน้าของอังกฤษไม่น้อย และในที่สุดอังกฤษก็ตั้งสถานกงสุลใน Bagdad เมื่อ ค.ศ. 1802 การค้าขายระหว่างอังกฤษและอิรักก็ก้าวหน้าขึ้นอีก โดยเฉพาะเรื่องการทอผ้า อังกฤษตั้งโรงงานทอผ้าในอิรัก และในที่สุด อังกฤษก็ชักจูงให้อิรักซื้อเรือกลไฟ และตั้งกิจการไปรษณีย์โทรเลข วางเสาไปทั่วเขตได้ โดยอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการ
    สิ่งหนึ่งที่เหล่านักล่าอาณานิคมชอบขายให้แก่เหยื่อ คือ กิจการโทรเลข เพราะเป็นช่องทางที่ข้อมูลของเหยื่อจะหล่นมาถึงผู้ติดตั้ง ระบบและเสา เป็นของแถม หรือจริง ๆ เป็นของหลัก ที่มีค่ามากสำหรับนักล่า เป็นงานจารกรรมข่าวกรอง ที่เหยื่อไม่เคยรู้ตัว ไม่ต่างกับการติดตั้งโทรศัพท์ ในสมัยต่อมา และดาวเทียมในระยะเวลาไม่นานมานี้ พอนึกภาพออกกันไหมครับ ยิ่งตอนหลังนี้ มีโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไอ้ป๊อด อีแป้ด อากู อะไรพวกนี้ มันเป็นเครื่องมือการดูดข้อมูลของเหยื่อทั้งสิ้น ถ้านึกกันไม่ทัน ก็คิดว่าผมเล่าฝันให้ฟังก็แล้วกัน

    อาจจะเป็นเพราะมีระยะความชิดใกล้มากไป ระหว่างพวก Mamluk กับอังกฤษ ค.ศ. 1831 พวก Mamluks ก็ถูกออตโตมานปลดกลางอากาศ ออกจากการเป็นผู้ปกครองอิรัก และออตโตมานก็เริ่มคุมเข้มอิรักใหม่ แต่การค้าขายติดต่อกับอังกฤษก็ยังดำเนินต่อไปคล้ายเหมือนเดิม

    อิทธิพลของฝรั่งตะวันตก ฝังรากลึกอยู่ในอิรัก ฝรั่งแนะนำให้อิรักปฏิรูปบ้านเมืองในเรื่องที่ดิน ให้มีการซื้อขายได้ และมีเศรษฐกิจแบบเปิดกว้าง อิรักเชื่อฟัง เดินตามที่ฝรั่งจูง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ตัวเจริญ และทันสมัยอย่างที่ฝรั่งกล่อม ในที่สุดชาวอิรัก ซึ่งเคยมีชื่อเสียงในการเป็นช่างฝีมือ โดยเฉพาะในการทอพรม แกะสลักไม้ ก็ค่อย ๆ เหลือน้อยลง กลายเป็นช่างฝีมือเปิดปิดเครื่องจักรโรงงานให้ฝรั่งตะวันตกแทน

    ตลอดศตวรรษที่ 19 อังกฤษพอใจกับการได้ประโยชน์ ในการตั้งโรงงานไม้เหลาอยู่ที่อิรักนี้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายมาก และได้ผลตามที่ต้องการ แต่เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 20 ออตโตมานชักเบื่อที่จะต้องถูกฝรั่งชาติเดียวหลอก จึงพยายามคบค้ากับฝรั่งชาติอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะกับรัสเซียและเยอรมัน การแข่งขันมีมากขึ้น ไม้เสี้ยม ไม้ขัด ไม้ขวาง ทำท่าจะไม่พอใช้ ช่างไม้ชาวอังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น

    การมาถึงของเส้นทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ทำให้หัวคิ้วของนักล่า ขมวดผูกเป็นเงื่อนตาย นี่ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่แอบเก็บฝังลึกไว้ในหัวสมองของชาวเกาะใหญ่ กลางคืนแทบไม่กล้านอน กลัวหลับแล้วละเมอถึงความลับ ชาวบ้านจะรู้กันหมด ?

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 2 : “ขวาง 1” อิรักเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน นานแสนนานก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเริ่ม เรียกว่าเป็นมณฑลด่านนอก ซึ่งประกอบด้วย เมือง Basra, Bagdad และ Mosul อังกฤษนักล่าฯ จากเกาะใหญ่ฯ เรียกมณฑลนี่ว่า เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) แม้จะเป็นด่านนอก แต่มีความสำคัญกับออตโตมาน เพราะฉะนั้นจึงมีความเชื่อมทางชะตากรรมและทิศทางของเมืองร่วมกัน แต่บางครั้งด้วยการคมนาคมที่ขลุกขลัก ทำให้หลายครั้ง อิรัก เหมือนถูกโดดเดี่ยว ไม่รู้ทิศทางเลี้ยวของนายเหนือ ปล่อยให้อิรักหลงทางและเป็นเหยื่อเผชิญศึกอยู่แต่ลำพัง อิรักเริ่มคบค้ากับนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯ ผ่านการค้าของ English East India ซึ่งนักล่าเปิดสำนักหว่านไว้ทั่ว สำนักพวกนี้ มีหน้าที่เปิดเผยเป็นตัวแทนค้าขาย ให้กับรัฐบาลและพ่อค้าชาวอังกฤษ แต่หน้าที่หลักที่ปกปิดไว้ คือ สืบราชการลับ ครอบงำ กำกับดูแล ผู้ปกครองอาณาบริเวณที่ชาวเกาะไปตั้งสำนักอยู่ เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นหน่วยงานช่างไม้ ทำหน้าที่เหลาไม้เสี้ยม ไม้ขัด ไม้ขวาง ไว้ตามบ้านเหยื่อต่าง ๆ สำหรับนักล่าชาวเกาะใหญ่ อิรักอยู่ในเส้นทางติดต่อระหว่างเกาะใหญ่ของนักล่ากับอินเดีย กล่องดวงใจของ นักล่า อิรักมีขนาดกำลังดี ทั้งในแง่พลเมืองและเศรษฐกิจ พอมีเรื่องให้ทำมาค้าขาย ไม่ให้หน่วยงานช่างไม้เหงา นักล่าจึงตั้งโรงงานขึ้นใน Basra ตั้งแต่ ค.ศ. 1763 ความสัมพันธ์ระหว่างนักล่ากับอิรัก จึงไม่ใช่แบบหลวม ๆ แม้โรงงานจะไม่ค่อยได้ผลมากนัก แต่นักล่าก็พอใจที่จะให้มีโรงงาน เพื่อคนของตัวจะได้นั่งเหลาไม้อยู่แถวนั้น เพราะนักล่าเกี่ยวเอาคูเวต (Kuwait) เมืองที่มีท่าเรือน้ำลึกอยู่แถวนั้นเอาไว้ด้วย ดังนั้นแถบนี้ จึงเหมือนเป็นเส้นทางที่นักล่าวางไว้ให้เป็นทางหนี หรือทางไล่ หากออตโตมานมีปัญหาอะไร รับมือไม่ไหวก็กระโดดก้าวผ่านอิรักไปคูเวต ลงเรือหนี หรือทำกลับกัน ย้อนกลับไปเอาไม้มาเพิ่ม เข้าทางคูเวตก็ได้เช่นเดียวกัน เป็นการวางจุดที่ทำให้นักล่าเคลื่อนไหวได้คล่องตัว พวก Mamluk เป็นผู้ได้รับอำนาจจากออตโตมานให้ปกครองอิรักในช่วงนั้น แต่ Mamluk เหม็นหน้าผู้ปกครองออตโตมานอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงพยายามผูกสัมพันธ์กับอังกฤษ สัมพันธ์ระหว่างอิรักกับอังกฤษ จึงสมประโยชน์กัน ค.ศ. 1798 Mamluk ยอมให้อังกฤษ มาร่วมนั่งพิจารณาคดี ในห้องพิจารณาคดีที่ Bagdad นับเป็นความคืบหน้าของอังกฤษไม่น้อย และในที่สุดอังกฤษก็ตั้งสถานกงสุลใน Bagdad เมื่อ ค.ศ. 1802 การค้าขายระหว่างอังกฤษและอิรักก็ก้าวหน้าขึ้นอีก โดยเฉพาะเรื่องการทอผ้า อังกฤษตั้งโรงงานทอผ้าในอิรัก และในที่สุด อังกฤษก็ชักจูงให้อิรักซื้อเรือกลไฟ และตั้งกิจการไปรษณีย์โทรเลข วางเสาไปทั่วเขตได้ โดยอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการ สิ่งหนึ่งที่เหล่านักล่าอาณานิคมชอบขายให้แก่เหยื่อ คือ กิจการโทรเลข เพราะเป็นช่องทางที่ข้อมูลของเหยื่อจะหล่นมาถึงผู้ติดตั้ง ระบบและเสา เป็นของแถม หรือจริง ๆ เป็นของหลัก ที่มีค่ามากสำหรับนักล่า เป็นงานจารกรรมข่าวกรอง ที่เหยื่อไม่เคยรู้ตัว ไม่ต่างกับการติดตั้งโทรศัพท์ ในสมัยต่อมา และดาวเทียมในระยะเวลาไม่นานมานี้ พอนึกภาพออกกันไหมครับ ยิ่งตอนหลังนี้ มีโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไอ้ป๊อด อีแป้ด อากู อะไรพวกนี้ มันเป็นเครื่องมือการดูดข้อมูลของเหยื่อทั้งสิ้น ถ้านึกกันไม่ทัน ก็คิดว่าผมเล่าฝันให้ฟังก็แล้วกัน อาจจะเป็นเพราะมีระยะความชิดใกล้มากไป ระหว่างพวก Mamluk กับอังกฤษ ค.ศ. 1831 พวก Mamluks ก็ถูกออตโตมานปลดกลางอากาศ ออกจากการเป็นผู้ปกครองอิรัก และออตโตมานก็เริ่มคุมเข้มอิรักใหม่ แต่การค้าขายติดต่อกับอังกฤษก็ยังดำเนินต่อไปคล้ายเหมือนเดิม อิทธิพลของฝรั่งตะวันตก ฝังรากลึกอยู่ในอิรัก ฝรั่งแนะนำให้อิรักปฏิรูปบ้านเมืองในเรื่องที่ดิน ให้มีการซื้อขายได้ และมีเศรษฐกิจแบบเปิดกว้าง อิรักเชื่อฟัง เดินตามที่ฝรั่งจูง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ตัวเจริญ และทันสมัยอย่างที่ฝรั่งกล่อม ในที่สุดชาวอิรัก ซึ่งเคยมีชื่อเสียงในการเป็นช่างฝีมือ โดยเฉพาะในการทอพรม แกะสลักไม้ ก็ค่อย ๆ เหลือน้อยลง กลายเป็นช่างฝีมือเปิดปิดเครื่องจักรโรงงานให้ฝรั่งตะวันตกแทน ตลอดศตวรรษที่ 19 อังกฤษพอใจกับการได้ประโยชน์ ในการตั้งโรงงานไม้เหลาอยู่ที่อิรักนี้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายมาก และได้ผลตามที่ต้องการ แต่เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 20 ออตโตมานชักเบื่อที่จะต้องถูกฝรั่งชาติเดียวหลอก จึงพยายามคบค้ากับฝรั่งชาติอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะกับรัสเซียและเยอรมัน การแข่งขันมีมากขึ้น ไม้เสี้ยม ไม้ขัด ไม้ขวาง ทำท่าจะไม่พอใช้ ช่างไม้ชาวอังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น การมาถึงของเส้นทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ทำให้หัวคิ้วของนักล่า ขมวดผูกเป็นเงื่อนตาย นี่ยังไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่แอบเก็บฝังลึกไว้ในหัวสมองของชาวเกาะใหญ่ กลางคืนแทบไม่กล้านอน กลัวหลับแล้วละเมอถึงความลับ ชาวบ้านจะรู้กันหมด ? สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Stark เปิดตัว Vanta Sea Drone — โดรนเรืออัจฉริยะเพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยคุกคามยุคใหม่”

    ในยุคที่ข้อมูลและพลังงานไหลผ่านสายเคเบิลใต้น้ำเป็นหลัก ความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก ล่าสุดบริษัท Stark จากอังกฤษ-เยอรมนี ได้เปิดตัวเรือโดรนอัจฉริยะรุ่นใหม่ชื่อว่า Vanta-4 และ Vanta-6 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจลาดตระเวนและป้องกันภัยคุกคามต่อสายเคเบิลใต้น้ำโดยเฉพาะ

    เรือ Vanta ถูกทดสอบในภารกิจ NATO ชื่อ REPMUS/Dynamic Messenger 2025 ที่ประเทศโปรตุเกส โดยมีบทบาทในภารกิจหลากหลาย เช่น การคุ้มกันเป้าหมายสำคัญ, ควบคุมท่าเรือ, ตรวจสอบเป้าหมายที่อยู่ไกลเกินสายตา และลาดตระเวนกลางคืนเพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรอง

    Vanta-4 มีความยาว 4 เมตร ส่วน Vanta-6 ยาว 6 เมตร ทั้งสองรุ่นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 900 ไมล์ทะเล (ประมาณ 1,667 กม.) และติดตั้งเซนเซอร์ขั้นสูง เช่น กล้องอินฟราเรด, กล้องออปติค, เรดาร์ค้นหา และระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบปรับเปลี่ยนได้

    จุดเด่นของ Vanta คือการออกแบบให้ผลิตได้จำนวนมากในราคาประหยัด พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะชื่อ Minerva ที่สามารถสั่งการแบบฝูง (swarm) และทำงานร่วมกับโดรนทางอากาศ เช่น Virtus ซึ่งเป็นโดรน VTOL แบบโจมตีของ Stark

    Stark ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Sequoia Capital, Thiel Capital และ NATO Innovation Fund โดยมีมูลค่าบริษัทล่าสุดอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์ และระดมทุนไปแล้วกว่า 92 ล้านดอลลาร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Stark เปิดตัวเรือโดรน Vanta-4 และ Vanta-6 สำหรับภารกิจทางทะเล
    ทดสอบในภารกิจ NATO REPMUS/Dynamic Messenger 2025 ที่โปรตุเกส
    Vanta-4 ยาว 4 เมตร / Vanta-6 ยาว 6 เมตร / วิ่งได้ไกลถึง 900 ไมล์ทะเล
    ติดตั้งเซนเซอร์ขั้นสูง เช่น กล้องอินฟราเรด, เรดาร์, ระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบปรับเปลี่ยน
    ใช้ระบบควบคุม Minerva ที่รองรับการสั่งการแบบฝูงและทำงานร่วมกับโดรนอากาศ
    ภารกิจที่ทดสอบรวมถึงคุ้มกันเป้าหมาย, ควบคุมท่าเรือ, ตรวจสอบเป้าหมายไกลสายตา, ลาดตระเวนกลางคืน
    ออกแบบเพื่อผลิตจำนวนมากในราคาประหยัด
    Stark ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ และมีมูลค่าบริษัท 500 ล้านดอลลาร์
    มีสำนักงานในอังกฤษ, มิวนิก และเคียฟ พร้อมโรงงานผลิตในสหราชอาณาจักร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของโลก และเป็นเส้นทางหลักของการค้าทางทะเล
    การโจมตีสายเคเบิลใต้น้ำเคยเกิดขึ้นในทะเลบอลติกจาก “กองเรือเงา” ของรัสเซีย
    โดรนเรือแบบ USV (Unmanned Surface Vessel) กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุทธศาสตร์ทางทะเล
    ระบบควบคุมแบบ swarm ช่วยให้สามารถลาดตระเวนพื้นที่กว้างโดยใช้กำลังคนน้อย
    การใช้เซนเซอร์แบบ modular ช่วยให้ปรับภารกิจได้ตามสถานการณ์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/undersea-cable-attacks-drive-sea-drone-development-starks-vanta-unmanned-vessels-could-be-an-affordable-solution-to-protecting-vital-infrastructure
    🌊 “Stark เปิดตัว Vanta Sea Drone — โดรนเรืออัจฉริยะเพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำจากภัยคุกคามยุคใหม่” ในยุคที่ข้อมูลและพลังงานไหลผ่านสายเคเบิลใต้น้ำเป็นหลัก ความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้กลายเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก ล่าสุดบริษัท Stark จากอังกฤษ-เยอรมนี ได้เปิดตัวเรือโดรนอัจฉริยะรุ่นใหม่ชื่อว่า Vanta-4 และ Vanta-6 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจลาดตระเวนและป้องกันภัยคุกคามต่อสายเคเบิลใต้น้ำโดยเฉพาะ เรือ Vanta ถูกทดสอบในภารกิจ NATO ชื่อ REPMUS/Dynamic Messenger 2025 ที่ประเทศโปรตุเกส โดยมีบทบาทในภารกิจหลากหลาย เช่น การคุ้มกันเป้าหมายสำคัญ, ควบคุมท่าเรือ, ตรวจสอบเป้าหมายที่อยู่ไกลเกินสายตา และลาดตระเวนกลางคืนเพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรอง Vanta-4 มีความยาว 4 เมตร ส่วน Vanta-6 ยาว 6 เมตร ทั้งสองรุ่นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 900 ไมล์ทะเล (ประมาณ 1,667 กม.) และติดตั้งเซนเซอร์ขั้นสูง เช่น กล้องอินฟราเรด, กล้องออปติค, เรดาร์ค้นหา และระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบปรับเปลี่ยนได้ จุดเด่นของ Vanta คือการออกแบบให้ผลิตได้จำนวนมากในราคาประหยัด พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะชื่อ Minerva ที่สามารถสั่งการแบบฝูง (swarm) และทำงานร่วมกับโดรนทางอากาศ เช่น Virtus ซึ่งเป็นโดรน VTOL แบบโจมตีของ Stark Stark ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Sequoia Capital, Thiel Capital และ NATO Innovation Fund โดยมีมูลค่าบริษัทล่าสุดอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์ และระดมทุนไปแล้วกว่า 92 ล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Stark เปิดตัวเรือโดรน Vanta-4 และ Vanta-6 สำหรับภารกิจทางทะเล ➡️ ทดสอบในภารกิจ NATO REPMUS/Dynamic Messenger 2025 ที่โปรตุเกส ➡️ Vanta-4 ยาว 4 เมตร / Vanta-6 ยาว 6 เมตร / วิ่งได้ไกลถึง 900 ไมล์ทะเล ➡️ ติดตั้งเซนเซอร์ขั้นสูง เช่น กล้องอินฟราเรด, เรดาร์, ระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบปรับเปลี่ยน ➡️ ใช้ระบบควบคุม Minerva ที่รองรับการสั่งการแบบฝูงและทำงานร่วมกับโดรนอากาศ ➡️ ภารกิจที่ทดสอบรวมถึงคุ้มกันเป้าหมาย, ควบคุมท่าเรือ, ตรวจสอบเป้าหมายไกลสายตา, ลาดตระเวนกลางคืน ➡️ ออกแบบเพื่อผลิตจำนวนมากในราคาประหยัด ➡️ Stark ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ และมีมูลค่าบริษัท 500 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีสำนักงานในอังกฤษ, มิวนิก และเคียฟ พร้อมโรงงานผลิตในสหราชอาณาจักร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของโลก และเป็นเส้นทางหลักของการค้าทางทะเล ➡️ การโจมตีสายเคเบิลใต้น้ำเคยเกิดขึ้นในทะเลบอลติกจาก “กองเรือเงา” ของรัสเซีย ➡️ โดรนเรือแบบ USV (Unmanned Surface Vessel) กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุทธศาสตร์ทางทะเล ➡️ ระบบควบคุมแบบ swarm ช่วยให้สามารถลาดตระเวนพื้นที่กว้างโดยใช้กำลังคนน้อย ➡️ การใช้เซนเซอร์แบบ modular ช่วยให้ปรับภารกิจได้ตามสถานการณ์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/undersea-cable-attacks-drive-sea-drone-development-starks-vanta-unmanned-vessels-could-be-an-affordable-solution-to-protecting-vital-infrastructure
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Photonicat 2 คอมพิวเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์ส — แบตอึด 24 ชั่วโมง, รองรับ 5G, NVMe และปรับแต่งได้ทุกพอร์ต”

    ถ้า MacGyver ต้องเลือกคอมพิวเตอร์พกพาสักเครื่อง เขาอาจเลือก Photonicat 2 — อุปกรณ์ขนาดเท่าก้อนอิฐที่รวมทุกสิ่งไว้ในตัวเดียว ทั้งแบตเตอรี่ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง, พอร์ตเชื่อมต่อรอบตัว, หน้าจอแสดงสถานะ, และระบบปฏิบัติการแบบเปิดซอร์สที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ

    Photonicat 2 เป็นรุ่นต่อยอดจาก Photonicat 1 ที่เคยเปิดตัวในฐานะเราเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์ส โดยรุ่นใหม่นี้ยังคงแนวคิดเดิม แต่เพิ่มประสิทธิภาพอย่างชัดเจน ด้วยชิป Rockchip RK3576 แบบ 8 คอร์ ที่แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า รองรับ RAM สูงสุด 16GB LPDDR5 และ eMMC สูงสุด 128GB พร้อมช่อง NVMe ขนาด 2230 สำหรับขยายพื้นที่เก็บข้อมูล

    ตัวเครื่องมีขนาด 154 x 78 x 32 มม. น้ำหนักประมาณ 485 กรัมเมื่อรวมแบตเตอรี่ ใช้แบตเตอรี่ 18650 จำนวน 4 ก้อน ให้พลังงานใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 24 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จเร็วผ่าน USB-C PD 30W

    ด้านการเชื่อมต่อ Photonicat 2 รองรับ dual gigabit Ethernet, HDMI 4K60, USB-C, USB 3.0, microSD, nano-SIM และช่องต่อเสาอากาศภายนอกสูงสุด 4 จุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ 5G หรือ Wi-Fi ในพื้นที่ห่างไกล

    หน้าจอ LCD ด้านหน้าสามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ความเร็วเน็ต, อุณหภูมิ CPU, สถานะแบตเตอรี่ และ IP address โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าจอผ่าน JSON ได้ตามต้องการ

    ระบบปฏิบัติการรองรับ Linux kernel 6.12+, Debian, OpenWrt และ Android build script พร้อมรองรับ KVM virtualization ทำให้สามารถใช้งานเป็นทั้งคอมพิวเตอร์พกพา, เราเตอร์, NAS, หรือแม้แต่ UPS สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย

    Photonicat 2 เปิดระดมทุนผ่าน Kickstarter และสามารถระดมทุนเกินเป้าหมายภายในเวลาไม่กี่วัน โดยมีแผนจัดส่งทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายน 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Photonicat 2 เป็นคอมพิวเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์สรุ่นใหม่จาก Photonicat
    ใช้ชิป Rockchip RK3576 แบบ 8 คอร์ แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า
    รองรับ RAM สูงสุด 16GB LPDDR5 และ eMMC สูงสุด 128GB
    มีช่อง NVMe ขนาด 2230 สำหรับขยายพื้นที่เก็บข้อมูล
    ใช้แบตเตอรี่ 18650 จำนวน 4 ก้อน ใช้งานได้สูงสุด 24 ชั่วโมง
    รองรับการชาร์จเร็วผ่าน USB-C PD 30W
    มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: Ethernet, HDMI 4K, USB-C, USB 3.0, microSD, nano-SIM
    รองรับเสาอากาศภายนอกสูงสุด 4 จุด
    หน้าจอ LCD แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งได้ผ่าน JSON
    รองรับ Linux kernel 6.12+, Debian, OpenWrt และ Android build script
    ใช้งานได้ทั้งเป็นคอมพิวเตอร์, เราเตอร์, NAS หรือ UPS
    ระดมทุนผ่าน Kickstarter และจัดส่งทั่วโลกใน พ.ย. 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RK3576 เป็นชิป ARM ที่เน้นประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน
    NVMe 2230 เป็นฟอร์แมต SSD ขนาดเล็กที่นิยมใช้ในอุปกรณ์พกพา
    OpenWrt เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเราเตอร์ที่เน้นความปลอดภัยและการปรับแต่ง
    KVM virtualization ช่วยให้ Photonicat 2 รันหลายระบบพร้อมกันได้
    การใช้ JSON ปรับแต่งหน้าจอช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมอินเทอร์เฟซได้ละเอียด

    https://www.techradar.com/pro/if-mcgyver-bought-a-pc-it-would-probably-be-the-photonicat-brick-like-computer-has-built-in-24-hr-battery-ports-agogo-sim-slot-external-antennas-nvme-slot-and-is-open-source
    🧱 “Photonicat 2 คอมพิวเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์ส — แบตอึด 24 ชั่วโมง, รองรับ 5G, NVMe และปรับแต่งได้ทุกพอร์ต” ถ้า MacGyver ต้องเลือกคอมพิวเตอร์พกพาสักเครื่อง เขาอาจเลือก Photonicat 2 — อุปกรณ์ขนาดเท่าก้อนอิฐที่รวมทุกสิ่งไว้ในตัวเดียว ทั้งแบตเตอรี่ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง, พอร์ตเชื่อมต่อรอบตัว, หน้าจอแสดงสถานะ, และระบบปฏิบัติการแบบเปิดซอร์สที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ Photonicat 2 เป็นรุ่นต่อยอดจาก Photonicat 1 ที่เคยเปิดตัวในฐานะเราเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์ส โดยรุ่นใหม่นี้ยังคงแนวคิดเดิม แต่เพิ่มประสิทธิภาพอย่างชัดเจน ด้วยชิป Rockchip RK3576 แบบ 8 คอร์ ที่แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า รองรับ RAM สูงสุด 16GB LPDDR5 และ eMMC สูงสุด 128GB พร้อมช่อง NVMe ขนาด 2230 สำหรับขยายพื้นที่เก็บข้อมูล ตัวเครื่องมีขนาด 154 x 78 x 32 มม. น้ำหนักประมาณ 485 กรัมเมื่อรวมแบตเตอรี่ ใช้แบตเตอรี่ 18650 จำนวน 4 ก้อน ให้พลังงานใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 24 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จเร็วผ่าน USB-C PD 30W ด้านการเชื่อมต่อ Photonicat 2 รองรับ dual gigabit Ethernet, HDMI 4K60, USB-C, USB 3.0, microSD, nano-SIM และช่องต่อเสาอากาศภายนอกสูงสุด 4 จุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ 5G หรือ Wi-Fi ในพื้นที่ห่างไกล หน้าจอ LCD ด้านหน้าสามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ความเร็วเน็ต, อุณหภูมิ CPU, สถานะแบตเตอรี่ และ IP address โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าจอผ่าน JSON ได้ตามต้องการ ระบบปฏิบัติการรองรับ Linux kernel 6.12+, Debian, OpenWrt และ Android build script พร้อมรองรับ KVM virtualization ทำให้สามารถใช้งานเป็นทั้งคอมพิวเตอร์พกพา, เราเตอร์, NAS, หรือแม้แต่ UPS สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย Photonicat 2 เปิดระดมทุนผ่าน Kickstarter และสามารถระดมทุนเกินเป้าหมายภายในเวลาไม่กี่วัน โดยมีแผนจัดส่งทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายน 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Photonicat 2 เป็นคอมพิวเตอร์พกพาแบบเปิดซอร์สรุ่นใหม่จาก Photonicat ➡️ ใช้ชิป Rockchip RK3576 แบบ 8 คอร์ แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า ➡️ รองรับ RAM สูงสุด 16GB LPDDR5 และ eMMC สูงสุด 128GB ➡️ มีช่อง NVMe ขนาด 2230 สำหรับขยายพื้นที่เก็บข้อมูล ➡️ ใช้แบตเตอรี่ 18650 จำนวน 4 ก้อน ใช้งานได้สูงสุด 24 ชั่วโมง ➡️ รองรับการชาร์จเร็วผ่าน USB-C PD 30W ➡️ มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: Ethernet, HDMI 4K, USB-C, USB 3.0, microSD, nano-SIM ➡️ รองรับเสาอากาศภายนอกสูงสุด 4 จุด ➡️ หน้าจอ LCD แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งได้ผ่าน JSON ➡️ รองรับ Linux kernel 6.12+, Debian, OpenWrt และ Android build script ➡️ ใช้งานได้ทั้งเป็นคอมพิวเตอร์, เราเตอร์, NAS หรือ UPS ➡️ ระดมทุนผ่าน Kickstarter และจัดส่งทั่วโลกใน พ.ย. 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RK3576 เป็นชิป ARM ที่เน้นประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน ➡️ NVMe 2230 เป็นฟอร์แมต SSD ขนาดเล็กที่นิยมใช้ในอุปกรณ์พกพา ➡️ OpenWrt เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเราเตอร์ที่เน้นความปลอดภัยและการปรับแต่ง ➡️ KVM virtualization ช่วยให้ Photonicat 2 รันหลายระบบพร้อมกันได้ ➡️ การใช้ JSON ปรับแต่งหน้าจอช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมอินเทอร์เฟซได้ละเอียด https://www.techradar.com/pro/if-mcgyver-bought-a-pc-it-would-probably-be-the-photonicat-brick-like-computer-has-built-in-24-hr-battery-ports-agogo-sim-slot-external-antennas-nvme-slot-and-is-open-source
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Peppy Pulse Aura 5G — เราเตอร์พกพาอัจฉริยะที่รวม Wi-Fi 7, ความจุ 256GB และปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือไว้ในขนาดเท่ากระเป๋าสตางค์”

    ในยุคที่การเดินทางและการทำงานนอกสถานที่กลายเป็นเรื่องปกติ Peppy Pulse ได้เปิดตัว Aura 5G Router รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเป็น “เพื่อนร่วมทางดิจิทัล” โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทาง, digital nomad และผู้ใช้ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เสถียรและปลอดภัยทุกที่ทุกเวลา

    Aura 5G Router มีสองรุ่นให้เลือก: Aura Pro และ Aura Ultra โดยรุ่น Ultra มาพร้อมกับ Wi-Fi 7, RAM 8GB, ความจุ 256GB และระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ส่วนรุ่น Pro รองรับ Wi-Fi 6, RAM 4GB และความจุ 64GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

    จุดเด่นของ Aura คือการรองรับทั้ง eSIM และ SIM การ์ดแบบคู่ พร้อมระบบ “dual SIM smart switching” ที่สามารถเลือกเครือข่ายที่แรงที่สุดโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางข้ามประเทศหรือพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่แน่นอน

    ตัวเครื่องมีหน้าจอสัมผัสในตัวสำหรับตรวจสอบสถานะและตั้งค่า โดยไม่ต้องใช้แอปเสริม และใช้แบตเตอรี่ขนาด 6000mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 45W พร้อมดีไซน์เรียบหรู ไม่มีเสาอากาศภายนอก แต่ใช้ระบบภายในแบบ high-gain เพื่อรักษาความบางและพกพาง่าย

    Aura Ultra ใช้ชิป Snapdragon X75 ซึ่งเป็นชิปโมเด็มระดับสูงที่รองรับ 5G แบบเต็มรูปแบบ ส่วน Aura Pro ใช้ Snapdragon X62 ที่รองรับ 5G เช่นกันแต่ในระดับรองลงมา

    แม้จะมีขนาดเพียง 140 x 70 x 14 มม. และหนัก 300 กรัม แต่ Aura ก็รวมฟีเจอร์ระดับเรือธงไว้ครบถ้วน และสามารถใช้เป็นฮับสำหรับแชร์อินเทอร์เน็ตให้กับหลายอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Aura 5G Router มีสองรุ่น: Aura Pro และ Aura Ultra
    Aura Ultra รองรับ Wi-Fi 7, RAM 8GB, ความจุ 256GB และปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ
    Aura Pro รองรับ Wi-Fi 6, RAM 4GB, ความจุ 64GB
    รองรับ eSIM และ SIM การ์ดแบบคู่ พร้อมระบบ smart switching
    ใช้ชิป Snapdragon X75 (Ultra) และ X62 (Pro)
    มีหน้าจอสัมผัสในตัว ไม่ต้องใช้แอปเสริม
    แบตเตอรี่ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W
    ดีไซน์ไม่มีเสาอากาศภายนอก ใช้ระบบ high-gain ภายใน
    ขนาด 140 x 70 x 14 มม. น้ำหนัก 300 กรัม
    ใช้เป็นฮับแชร์อินเทอร์เน็ตให้หลายอุปกรณ์ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi 7 มีความเร็วสูงสุดถึง 46Gbps และ latency ต่ำกว่า Wi-Fi 6
    Snapdragon X75 รองรับ 5G Advanced และ mmWave พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น
    eSIM ช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครือข่ายได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน SIM การ์ด
    ระบบ smart switching ช่วยลดการหลุดสัญญาณในพื้นที่ที่มีเครือข่ายไม่เสถียร
    การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์พกพา

    https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-most-beautiful-5g-mobile-router-ever-built-it-even-supports-wi-fi-7-and-offers-256gb-storage-plus-a-fingerprint-reader
    📶 “Peppy Pulse Aura 5G — เราเตอร์พกพาอัจฉริยะที่รวม Wi-Fi 7, ความจุ 256GB และปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือไว้ในขนาดเท่ากระเป๋าสตางค์” ในยุคที่การเดินทางและการทำงานนอกสถานที่กลายเป็นเรื่องปกติ Peppy Pulse ได้เปิดตัว Aura 5G Router รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเป็น “เพื่อนร่วมทางดิจิทัล” โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทาง, digital nomad และผู้ใช้ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เสถียรและปลอดภัยทุกที่ทุกเวลา Aura 5G Router มีสองรุ่นให้เลือก: Aura Pro และ Aura Ultra โดยรุ่น Ultra มาพร้อมกับ Wi-Fi 7, RAM 8GB, ความจุ 256GB และระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ส่วนรุ่น Pro รองรับ Wi-Fi 6, RAM 4GB และความจุ 64GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป จุดเด่นของ Aura คือการรองรับทั้ง eSIM และ SIM การ์ดแบบคู่ พร้อมระบบ “dual SIM smart switching” ที่สามารถเลือกเครือข่ายที่แรงที่สุดโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางข้ามประเทศหรือพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่แน่นอน ตัวเครื่องมีหน้าจอสัมผัสในตัวสำหรับตรวจสอบสถานะและตั้งค่า โดยไม่ต้องใช้แอปเสริม และใช้แบตเตอรี่ขนาด 6000mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 45W พร้อมดีไซน์เรียบหรู ไม่มีเสาอากาศภายนอก แต่ใช้ระบบภายในแบบ high-gain เพื่อรักษาความบางและพกพาง่าย Aura Ultra ใช้ชิป Snapdragon X75 ซึ่งเป็นชิปโมเด็มระดับสูงที่รองรับ 5G แบบเต็มรูปแบบ ส่วน Aura Pro ใช้ Snapdragon X62 ที่รองรับ 5G เช่นกันแต่ในระดับรองลงมา แม้จะมีขนาดเพียง 140 x 70 x 14 มม. และหนัก 300 กรัม แต่ Aura ก็รวมฟีเจอร์ระดับเรือธงไว้ครบถ้วน และสามารถใช้เป็นฮับสำหรับแชร์อินเทอร์เน็ตให้กับหลายอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Aura 5G Router มีสองรุ่น: Aura Pro และ Aura Ultra ➡️ Aura Ultra รองรับ Wi-Fi 7, RAM 8GB, ความจุ 256GB และปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ➡️ Aura Pro รองรับ Wi-Fi 6, RAM 4GB, ความจุ 64GB ➡️ รองรับ eSIM และ SIM การ์ดแบบคู่ พร้อมระบบ smart switching ➡️ ใช้ชิป Snapdragon X75 (Ultra) และ X62 (Pro) ➡️ มีหน้าจอสัมผัสในตัว ไม่ต้องใช้แอปเสริม ➡️ แบตเตอรี่ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W ➡️ ดีไซน์ไม่มีเสาอากาศภายนอก ใช้ระบบ high-gain ภายใน ➡️ ขนาด 140 x 70 x 14 มม. น้ำหนัก 300 กรัม ➡️ ใช้เป็นฮับแชร์อินเทอร์เน็ตให้หลายอุปกรณ์ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi 7 มีความเร็วสูงสุดถึง 46Gbps และ latency ต่ำกว่า Wi-Fi 6 ➡️ Snapdragon X75 รองรับ 5G Advanced และ mmWave พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ➡️ eSIM ช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครือข่ายได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน SIM การ์ด ➡️ ระบบ smart switching ช่วยลดการหลุดสัญญาณในพื้นที่ที่มีเครือข่ายไม่เสถียร ➡️ การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอุปกรณ์พกพา https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-most-beautiful-5g-mobile-router-ever-built-it-even-supports-wi-fi-7-and-offers-256gb-storage-plus-a-fingerprint-reader
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC ลดพีคพลังงาน EUV ลง 44% — ประหยัดไฟ 190 ล้าน kWh ภายในปี 2030 พร้อมขยายสู่เครื่องจักรอื่น”

    TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเดินหน้าโครงการ “EUV Dynamic Energy Saving Program” ซึ่งเริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนกันยายน 2025 ที่โรงงาน Fab 15B, 18A และ 18B โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานของเครื่อง EUV lithography ที่ขึ้นชื่อว่ากินไฟมหาศาล

    ผลลัพธ์เบื้องต้นน่าประทับใจ: TSMC สามารถลดการใช้พลังงานช่วงพีคของเครื่อง EUV ลงได้ถึง 44% โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือผลผลิต และคาดว่าจะประหยัดไฟรวม 190 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนลง 101,000 ตัน

    แม้ TSMC จะไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงเทคนิคของระบบนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจใช้การปรับพลังงานตามสถานะการทำงานแบบเรียลไทม์ เช่น หากไม่มีเวเฟอร์รอการประมวลผล เครื่องจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบในคลีนรูมอย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ TSMC ยังมีแผนขยายระบบประหยัดพลังงานนี้ไปยังเครื่อง DUV และโมดูลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ lithography เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของโรงงาน และจะใช้ระบบนี้เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานใหม่ทุกแห่ง เช่น Fab 21 เฟส 2 ในรัฐแอริโซนา

    แม้การประหยัดไฟ 190 ล้าน kWh จะดูมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับการใช้พลังงานรวมของ TSMC ในปี 2024 ที่สูงถึง 25.55 พันล้าน kWh ก็ยังถือเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น โดยกว่า 53.9% ของพลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปกับระบบสนับสนุนต่าง ๆ เช่น ระบบทำความเย็นและกรองอากาศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    TSMC เริ่มใช้ EUV Dynamic Energy Saving Program ตั้งแต่ ก.ย. 2025
    ลดพีคพลังงานของเครื่อง EUV lithography ได้ถึง 44%
    คาดว่าจะประหยัดไฟรวม 190 ล้าน kWh ภายในปี 2030
    ลดการปล่อยคาร์บอนลง 101,000 ตัน
    เริ่มใช้งานที่โรงงาน Fab 15B, 18A และ 18B
    จะใช้เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานใหม่ เช่น Fab 21 เฟส 2
    มีแผนขยายไปยังเครื่อง DUV และโมดูลอื่น ๆ
    ระบบอาจใช้การปรับพลังงานตามสถานะการทำงานแบบเรียลไทม์
    ในปี 2024 TSMC ใช้พลังงานรวม 25.55 พันล้าน kWh
    พลังงานกว่า 53.9% ถูกใช้กับระบบสนับสนุน ไม่ใช่เครื่องผลิตโดยตรง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เครื่อง EUV ของ ASML ใช้พลังงานสูงถึงหลายร้อยกิโลวัตต์ต่อเครื่อง
    การลดพีคพลังงานช่วยลดความจำเป็นในการขยายระบบไฟฟ้าในโรงงาน
    ระบบ adaptive power scaling ถูกใช้ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น data center และ cloud infrastructure
    การลดพลังงานในคลีนรูม เช่น fan filter units และระบบทำความเย็น มีผลต่อคุณภาพเวเฟอร์โดยตรง
    TSMC ยังมีโครงการรีไซเคิลสารทำความเย็นเพื่อลดคาร์บอนเพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-reduces-peak-power-consumption-of-euv-tools-by-44-percent-company-to-save-190-million-kilowatt-hours-of-electricity-by-2030
    ⚡ “TSMC ลดพีคพลังงาน EUV ลง 44% — ประหยัดไฟ 190 ล้าน kWh ภายในปี 2030 พร้อมขยายสู่เครื่องจักรอื่น” TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเดินหน้าโครงการ “EUV Dynamic Energy Saving Program” ซึ่งเริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนกันยายน 2025 ที่โรงงาน Fab 15B, 18A และ 18B โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานของเครื่อง EUV lithography ที่ขึ้นชื่อว่ากินไฟมหาศาล ผลลัพธ์เบื้องต้นน่าประทับใจ: TSMC สามารถลดการใช้พลังงานช่วงพีคของเครื่อง EUV ลงได้ถึง 44% โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือผลผลิต และคาดว่าจะประหยัดไฟรวม 190 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนลง 101,000 ตัน แม้ TSMC จะไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงเทคนิคของระบบนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจใช้การปรับพลังงานตามสถานะการทำงานแบบเรียลไทม์ เช่น หากไม่มีเวเฟอร์รอการประมวลผล เครื่องจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบในคลีนรูมอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ TSMC ยังมีแผนขยายระบบประหยัดพลังงานนี้ไปยังเครื่อง DUV และโมดูลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ lithography เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของโรงงาน และจะใช้ระบบนี้เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานใหม่ทุกแห่ง เช่น Fab 21 เฟส 2 ในรัฐแอริโซนา แม้การประหยัดไฟ 190 ล้าน kWh จะดูมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับการใช้พลังงานรวมของ TSMC ในปี 2024 ที่สูงถึง 25.55 พันล้าน kWh ก็ยังถือเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น โดยกว่า 53.9% ของพลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปกับระบบสนับสนุนต่าง ๆ เช่น ระบบทำความเย็นและกรองอากาศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ TSMC เริ่มใช้ EUV Dynamic Energy Saving Program ตั้งแต่ ก.ย. 2025 ➡️ ลดพีคพลังงานของเครื่อง EUV lithography ได้ถึง 44% ➡️ คาดว่าจะประหยัดไฟรวม 190 ล้าน kWh ภายในปี 2030 ➡️ ลดการปล่อยคาร์บอนลง 101,000 ตัน ➡️ เริ่มใช้งานที่โรงงาน Fab 15B, 18A และ 18B ➡️ จะใช้เป็นมาตรฐานสำหรับโรงงานใหม่ เช่น Fab 21 เฟส 2 ➡️ มีแผนขยายไปยังเครื่อง DUV และโมดูลอื่น ๆ ➡️ ระบบอาจใช้การปรับพลังงานตามสถานะการทำงานแบบเรียลไทม์ ➡️ ในปี 2024 TSMC ใช้พลังงานรวม 25.55 พันล้าน kWh ➡️ พลังงานกว่า 53.9% ถูกใช้กับระบบสนับสนุน ไม่ใช่เครื่องผลิตโดยตรง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เครื่อง EUV ของ ASML ใช้พลังงานสูงถึงหลายร้อยกิโลวัตต์ต่อเครื่อง ➡️ การลดพีคพลังงานช่วยลดความจำเป็นในการขยายระบบไฟฟ้าในโรงงาน ➡️ ระบบ adaptive power scaling ถูกใช้ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น data center และ cloud infrastructure ➡️ การลดพลังงานในคลีนรูม เช่น fan filter units และระบบทำความเย็น มีผลต่อคุณภาพเวเฟอร์โดยตรง ➡️ TSMC ยังมีโครงการรีไซเคิลสารทำความเย็นเพื่อลดคาร์บอนเพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-reduces-peak-power-consumption-of-euv-tools-by-44-percent-company-to-save-190-million-kilowatt-hours-of-electricity-by-2030
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ทอ.คนใหม่พูดแบบนี้ เอาหัวใจคนไทยไปได้เลย (2/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ผบทอ
    #กองทัพอากาศ
    #กองทัพไทย
    ผบ.ทอ.คนใหม่พูดแบบนี้ เอาหัวใจคนไทยไปได้เลย (2/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ผบทอ #กองทัพอากาศ #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Windows 11 25H2 มาแล้ว — อัปเดตที่เบากว่าอากาศ แต่มีผลต่อการสนับสนุนระยะยาว”

    Microsoft ปล่อยอัปเดตประจำปีสำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 แต่กลับสร้างความแปลกใจให้กับผู้ใช้จำนวนมาก เพราะมันแทบไม่มีอะไรใหม่เลยเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า 24H2

    อัปเดตนี้มาในรูปแบบ “enablement package” ซึ่งหมายความว่าเครื่องที่ใช้ 24H2 อยู่แล้วมีฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดอยู่ในระบบแล้ว เพียงแค่เปิดใช้งานผ่านการรีบูต ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่หรือรอการติดตั้งนาน

    ฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกพูดถึง เช่น การปรับปรุง Start Menu ให้สามารถปิดคำแนะนำจาก Microsoft ได้ และการเพิ่มฟีเจอร์ AI Actions ใน File Explorer ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะ 25H2 เพราะผู้ใช้ 24H2 ก็จะได้รับฟีเจอร์เหล่านี้ผ่านอัปเดต KB5065789 เช่นกัน

    สิ่งที่ 25H2 มีเหนือกว่า คือการรีเซ็ต “นาฬิกาการสนับสนุน” โดยผู้ใช้ Home และ Pro จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มอีก 24 เดือน ส่วน Enterprise และ Education จะได้ถึง 36 เดือน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับองค์กรที่ต้องการวางแผนระยะยาว

    ด้านความปลอดภัย Microsoft ระบุว่า 25H2 มีการปรับปรุงระบบตรวจจับช่องโหว่ทั้งในขั้นตอน build และ runtime โดยใช้ AI ช่วยในการเขียนโค้ดอย่างปลอดภัย รวมถึงการลบฟีเจอร์เก่าอย่าง PowerShell 2.0 และ WMI command line ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป

    แม้จะดูเหมือนอัปเดตที่ไม่มีอะไรใหม่ แต่สำหรับผู้ดูแลระบบหรือองค์กร การเปลี่ยนไปใช้ 25H2 อาจเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การเลิกสนับสนุน Windows 10 และการปรับนโยบายด้านความปลอดภัยให้ทันสมัย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Windows 11 25H2 เป็นอัปเดตแบบ enablement package ที่เปิดฟีเจอร์ผ่านการรีบูต
    ฟีเจอร์ใหม่ เช่น Start Menu แบบปรับแต่งได้ และ AI Actions ใน File Explorer มีใน 24H2 ด้วย
    อัปเดต KB5065789 สำหรับ 24H2 มีฟีเจอร์เดียวกับ 25H2
    25H2 รีเซ็ตระยะเวลาการสนับสนุน: Home/Pro ได้ 24 เดือน, Enterprise/Education ได้ 36 เดือน
    มีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI และการลบฟีเจอร์เก่า
    การติดตั้งใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่
    Microsoft ใช้ระบบ rollout แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยดูจากความเข้ากันได้ของเครื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบ enablement package เคยใช้ใน Windows 10 เช่น การอัปเดตจาก 1903 ไป 1909
    ฟีเจอร์ AI Actions ใน File Explorer รวมถึง Visual Search, ลบพื้นหลัง, เบลอภาพ และลบวัตถุ
    การอัปเดตผ่าน eKB ช่วยลดขนาดไฟล์ลงถึง 40% และลดความเสี่ยงจากการติดตั้ง
    การรีเซ็ตการสนับสนุนช่วยให้องค์กรวางแผนการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
    ผู้ใช้ที่เปิด “Get the latest updates as soon as they’re available” จะได้รับ 25H2 ก่อน

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-out-now-but-be-warned-this-is-one-of-the-strangest-upgrades-ever
    🪟 “Windows 11 25H2 มาแล้ว — อัปเดตที่เบากว่าอากาศ แต่มีผลต่อการสนับสนุนระยะยาว” Microsoft ปล่อยอัปเดตประจำปีสำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 25H2 อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 แต่กลับสร้างความแปลกใจให้กับผู้ใช้จำนวนมาก เพราะมันแทบไม่มีอะไรใหม่เลยเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า 24H2 อัปเดตนี้มาในรูปแบบ “enablement package” ซึ่งหมายความว่าเครื่องที่ใช้ 24H2 อยู่แล้วมีฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดอยู่ในระบบแล้ว เพียงแค่เปิดใช้งานผ่านการรีบูต ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่หรือรอการติดตั้งนาน ฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกพูดถึง เช่น การปรับปรุง Start Menu ให้สามารถปิดคำแนะนำจาก Microsoft ได้ และการเพิ่มฟีเจอร์ AI Actions ใน File Explorer ก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะ 25H2 เพราะผู้ใช้ 24H2 ก็จะได้รับฟีเจอร์เหล่านี้ผ่านอัปเดต KB5065789 เช่นกัน สิ่งที่ 25H2 มีเหนือกว่า คือการรีเซ็ต “นาฬิกาการสนับสนุน” โดยผู้ใช้ Home และ Pro จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มอีก 24 เดือน ส่วน Enterprise และ Education จะได้ถึง 36 เดือน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับองค์กรที่ต้องการวางแผนระยะยาว ด้านความปลอดภัย Microsoft ระบุว่า 25H2 มีการปรับปรุงระบบตรวจจับช่องโหว่ทั้งในขั้นตอน build และ runtime โดยใช้ AI ช่วยในการเขียนโค้ดอย่างปลอดภัย รวมถึงการลบฟีเจอร์เก่าอย่าง PowerShell 2.0 และ WMI command line ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป แม้จะดูเหมือนอัปเดตที่ไม่มีอะไรใหม่ แต่สำหรับผู้ดูแลระบบหรือองค์กร การเปลี่ยนไปใช้ 25H2 อาจเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การเลิกสนับสนุน Windows 10 และการปรับนโยบายด้านความปลอดภัยให้ทันสมัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Windows 11 25H2 เป็นอัปเดตแบบ enablement package ที่เปิดฟีเจอร์ผ่านการรีบูต ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ เช่น Start Menu แบบปรับแต่งได้ และ AI Actions ใน File Explorer มีใน 24H2 ด้วย ➡️ อัปเดต KB5065789 สำหรับ 24H2 มีฟีเจอร์เดียวกับ 25H2 ➡️ 25H2 รีเซ็ตระยะเวลาการสนับสนุน: Home/Pro ได้ 24 เดือน, Enterprise/Education ได้ 36 เดือน ➡️ มีการปรับปรุงด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจจับช่องโหว่ด้วย AI และการลบฟีเจอร์เก่า ➡️ การติดตั้งใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ➡️ Microsoft ใช้ระบบ rollout แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยดูจากความเข้ากันได้ของเครื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบ enablement package เคยใช้ใน Windows 10 เช่น การอัปเดตจาก 1903 ไป 1909 ➡️ ฟีเจอร์ AI Actions ใน File Explorer รวมถึง Visual Search, ลบพื้นหลัง, เบลอภาพ และลบวัตถุ ➡️ การอัปเดตผ่าน eKB ช่วยลดขนาดไฟล์ลงถึง 40% และลดความเสี่ยงจากการติดตั้ง ➡️ การรีเซ็ตการสนับสนุนช่วยให้องค์กรวางแผนการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ➡️ ผู้ใช้ที่เปิด “Get the latest updates as soon as they’re available” จะได้รับ 25H2 ก่อน https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-out-now-but-be-warned-this-is-one-of-the-strangest-upgrades-ever
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Geran-3: โดรนเจ็ตรัสเซียที่ต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ — เมื่อความเร็วและความฉลาดกลายเป็นอาวุธใหม่ในสนามรบยูเครน”

    ในสงครามรัสเซีย–ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องอย่างดุเดือด โดรนกลายเป็นอาวุธหลักที่ทั้งสองฝ่ายใช้โจมตีและป้องกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรัสเซียได้เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “Geran-3” ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ Shahed-238 จากอิหร่าน โดยมีจุดเด่นคือ “เครื่องยนต์เจ็ท” และ “ระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์” ที่ทำให้ยูเครนรับมือได้ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    Geran-3 มีความเร็วสูงถึง 600 กม./ชม. และบินได้สูงถึง 9,000 เมตร ทำให้หลุดพ้นจากการตรวจจับด้วยอาวุธพื้นฐานหรือระบบเสียงแบบเดิมที่ใช้กับ Shahed รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังติดตั้งหัวรบระเบิดแรงสูง (HE-FRAG-I) และบางรุ่นใช้หัวรบแบบ thermobaric ที่สามารถเจาะเป้าหมายที่มีการป้องกันแน่นหนาได้

    สิ่งที่ทำให้ Geran-3 น่ากลัวยิ่งขึ้นคือระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW countermeasures) ที่สามารถตรวจจับพื้นที่ที่มีการรบกวนสัญญาณดาวเทียม และหลีกเลี่ยงเส้นทางเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การใช้ระบบรบกวนสัญญาณของยูเครนไม่สามารถหยุดยั้งโดรนรุ่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ยูเครนได้ตอบโต้ด้วยการพัฒนา “โดรนสกัดกั้น” ที่สามารถไล่ล่าและทำลาย Geran-3 ได้โดยเฉพาะ พร้อมเสริมกำลังด้วยทีมยิงเคลื่อนที่และขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน อย่างไรก็ตาม การโจมตีล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ใช้ Geran-3 จำนวนมากพร้อมกับขีปนาวุธ Iskander-K ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิต 13 รายและบาดเจ็บกว่า 130 คน

    การวิเคราะห์ซากโดรนที่ตกในยูเครนพบว่า Geran-3 ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศกว่า 50 รายการ รวมถึงจากสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และจีน ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมอาวุธ แม้รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Geran-3 เป็นโดรนโจมตีแบบเจ็ทที่พัฒนาจาก Shahed-238 ของอิหร่าน
    ความเร็วสูงสุดประมาณ 600 กม./ชม. และบินได้สูงถึง 9,000 เมตร
    ติดตั้งหัวรบ HE-FRAG-I และบางรุ่นใช้หัวรบ thermobaric
    มีระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่หลีกเลี่ยงพื้นที่รบกวนสัญญาณดาวเทียม
    ใช้เครื่องยนต์ Tolou-10 หรือ Tolou-13 ซึ่งเป็นรุ่นลอกแบบจาก PBS TJ100 ของเช็ก
    ขนาดลำตัวประมาณ 3.5 เมตร ปีกกว้าง 3 เมตร น้ำหนักรวมประมาณ 380 กก.
    มีชิ้นส่วนจากต่างประเทศกว่า 50 รายการ รวมถึงจากชาติตะวันตกและจีน
    การโจมตีล่าสุดในยูเครนใช้ Geran-3 ร่วมกับ Iskander-K ทำให้เกิดความเสียหายหนัก
    ยูเครนตอบโต้ด้วยโดรนสกัดกั้นและระบบยิงเคลื่อนที่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Shahed-238 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในอิหร่านเมื่อปลายปี 2023
    โดรนเจ็ทมีข้อได้เปรียบด้านความเร็วและการหลบหลีก แต่มีข้อจำกัดด้านระยะทาง
    Thermobaric warhead สร้างแรงระเบิดจากแรงดันอากาศ เหมาะกับการเจาะเป้าหมายในอาคาร
    ระบบ Sky Fortress ของยูเครนใช้เสียงในการตรวจจับโดรน แต่ Geran-3 มีเสียงต่างจากรุ่นก่อน
    การใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศสะท้อนถึงช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี

    https://www.slashgear.com/1979250/russia-jet-powered-attack-drone-electronic-warfare-immunity/
    ✈️ “Geran-3: โดรนเจ็ตรัสเซียที่ต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ — เมื่อความเร็วและความฉลาดกลายเป็นอาวุธใหม่ในสนามรบยูเครน” ในสงครามรัสเซีย–ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องอย่างดุเดือด โดรนกลายเป็นอาวุธหลักที่ทั้งสองฝ่ายใช้โจมตีและป้องกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรัสเซียได้เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “Geran-3” ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ Shahed-238 จากอิหร่าน โดยมีจุดเด่นคือ “เครื่องยนต์เจ็ท” และ “ระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์” ที่ทำให้ยูเครนรับมือได้ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด Geran-3 มีความเร็วสูงถึง 600 กม./ชม. และบินได้สูงถึง 9,000 เมตร ทำให้หลุดพ้นจากการตรวจจับด้วยอาวุธพื้นฐานหรือระบบเสียงแบบเดิมที่ใช้กับ Shahed รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังติดตั้งหัวรบระเบิดแรงสูง (HE-FRAG-I) และบางรุ่นใช้หัวรบแบบ thermobaric ที่สามารถเจาะเป้าหมายที่มีการป้องกันแน่นหนาได้ สิ่งที่ทำให้ Geran-3 น่ากลัวยิ่งขึ้นคือระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW countermeasures) ที่สามารถตรวจจับพื้นที่ที่มีการรบกวนสัญญาณดาวเทียม และหลีกเลี่ยงเส้นทางเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การใช้ระบบรบกวนสัญญาณของยูเครนไม่สามารถหยุดยั้งโดรนรุ่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยูเครนได้ตอบโต้ด้วยการพัฒนา “โดรนสกัดกั้น” ที่สามารถไล่ล่าและทำลาย Geran-3 ได้โดยเฉพาะ พร้อมเสริมกำลังด้วยทีมยิงเคลื่อนที่และขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน อย่างไรก็ตาม การโจมตีล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ใช้ Geran-3 จำนวนมากพร้อมกับขีปนาวุธ Iskander-K ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิต 13 รายและบาดเจ็บกว่า 130 คน การวิเคราะห์ซากโดรนที่ตกในยูเครนพบว่า Geran-3 ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศกว่า 50 รายการ รวมถึงจากสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และจีน ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมอาวุธ แม้รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Geran-3 เป็นโดรนโจมตีแบบเจ็ทที่พัฒนาจาก Shahed-238 ของอิหร่าน ➡️ ความเร็วสูงสุดประมาณ 600 กม./ชม. และบินได้สูงถึง 9,000 เมตร ➡️ ติดตั้งหัวรบ HE-FRAG-I และบางรุ่นใช้หัวรบ thermobaric ➡️ มีระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่หลีกเลี่ยงพื้นที่รบกวนสัญญาณดาวเทียม ➡️ ใช้เครื่องยนต์ Tolou-10 หรือ Tolou-13 ซึ่งเป็นรุ่นลอกแบบจาก PBS TJ100 ของเช็ก ➡️ ขนาดลำตัวประมาณ 3.5 เมตร ปีกกว้าง 3 เมตร น้ำหนักรวมประมาณ 380 กก. ➡️ มีชิ้นส่วนจากต่างประเทศกว่า 50 รายการ รวมถึงจากชาติตะวันตกและจีน ➡️ การโจมตีล่าสุดในยูเครนใช้ Geran-3 ร่วมกับ Iskander-K ทำให้เกิดความเสียหายหนัก ➡️ ยูเครนตอบโต้ด้วยโดรนสกัดกั้นและระบบยิงเคลื่อนที่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Shahed-238 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในอิหร่านเมื่อปลายปี 2023 ➡️ โดรนเจ็ทมีข้อได้เปรียบด้านความเร็วและการหลบหลีก แต่มีข้อจำกัดด้านระยะทาง ➡️ Thermobaric warhead สร้างแรงระเบิดจากแรงดันอากาศ เหมาะกับการเจาะเป้าหมายในอาคาร ➡️ ระบบ Sky Fortress ของยูเครนใช้เสียงในการตรวจจับโดรน แต่ Geran-3 มีเสียงต่างจากรุ่นก่อน ➡️ การใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศสะท้อนถึงช่องโหว่ในการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี https://www.slashgear.com/1979250/russia-jet-powered-attack-drone-electronic-warfare-immunity/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Russia Now Has Jet-Powered Attack Drones Immune To Electronic Warfare - SlashGear
    Jet propulsion drones, similar to the Shahed ones used in Iran, are being deployed by Russia against Ukraine. However, Ukraine may already have an answer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผบ.ทอ." คนใหม่ ย้ำจุดยืน ไม่ต้องการสงครามแต่ถ้าต้องการสันติภาพ เราต้อง ‘พร้อมรบ’
    https://www.thai-tai.tv/news/21694/
    .
    #ผบ.ทอ. #บิ๊กคิม #เสกสรรคันธา #กองทัพอากาศ #รับส่งหน้าที่ #พร้อมรบเพื่อสันติภาพ #GRIPEN #ทหารไทย
    "ผบ.ทอ." คนใหม่ ย้ำจุดยืน ไม่ต้องการสงครามแต่ถ้าต้องการสันติภาพ เราต้อง ‘พร้อมรบ’ https://www.thai-tai.tv/news/21694/ . #ผบ.ทอ. #บิ๊กคิม #เสกสรรคันธา #กองทัพอากาศ #รับส่งหน้าที่ #พร้อมรบเพื่อสันติภาพ #GRIPEN #ทหารไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ช่องโหว่ Tile Tracker เปิดทางให้ถูกสะกดรอย — เมื่ออุปกรณ์ติดตามกลายเป็นเครื่องมือของผู้ล่า”

    Tile Tracker ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตามผ่าน Bluetooth ที่นิยมใช้กันทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ หลังจากทีมนักวิจัยจาก Georgia Institute of Technology ค้นพบว่า Tile มีการออกแบบที่เปิดช่องให้บุคคลอื่นสามารถติดตามเจ้าของอุปกรณ์ได้ โดยไม่ต้องมีสิทธิ์เข้าถึงใด ๆ

    ปัญหาหลักคือ Tile ส่งข้อมูล MAC address และรหัสเฉพาะของอุปกรณ์ออกไปแบบ “ไม่เข้ารหัส” ผ่าน Bluetooth ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่มีอุปกรณ์รับสัญญาณ เช่น โทรศัพท์หรือเสาอากาศ RF สามารถดักจับข้อมูลเหล่านี้ได้ และติดตามตำแหน่งของเจ้าของ Tile ได้อย่างต่อเนื่อง

    แม้ Tile จะเคยเพิ่มระบบป้องกันการสะกดรอยในปี 2023 เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แอบใส่ Tile ในกระเป๋าคนอื่น แต่ช่องโหว่ที่ค้นพบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้งานผิดประเภทโดยเจ้าของอุปกรณ์ — กลับเป็นการที่บุคคลภายนอกสามารถติดตามเจ้าของ Tile ได้โดยไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์เลย

    ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือข้อมูลตำแหน่ง, MAC address และรหัสเฉพาะของ Tile ยังถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท Life360 ซึ่งเป็นเจ้าของ Tile โดยไม่มีการเข้ารหัส และนักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บไว้แบบ plain text ซึ่งอาจเปิดทางให้บริษัทติดตามผู้ใช้ได้ แม้จะอ้างว่าไม่มีความสามารถนั้นก็ตาม

    นักวิจัยยังพบว่า แม้จะหยุดการส่ง MAC address ได้ แต่ระบบการสร้างรหัสหมุนเวียนของ Tile ก็ยังสามารถถูกคาดเดาได้จากรหัสก่อนหน้า ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถ “fingerprint” อุปกรณ์ได้ตลอดอายุการใช้งาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    นักวิจัยจาก Georgia Tech พบช่องโหว่ใน Tile Tracker ที่เปิดทางให้ถูกติดตาม
    Tile ส่ง MAC address และรหัสเฉพาะแบบไม่เข้ารหัสผ่าน Bluetooth
    ข้อมูลสามารถถูกดักจับได้โดยอุปกรณ์ทั่วไป เช่น โทรศัพท์หรือเสาอากาศ RF
    ระบบป้องกันการสะกดรอยของ Tile ไม่สามารถป้องกันการติดตามโดยบุคคลภายนอกได้
    ข้อมูลตำแหน่งและรหัสเฉพาะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Life360 โดยไม่มีการเข้ารหัส
    นักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลถูกเก็บไว้แบบ plain text ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ติดตามผู้ใช้
    ระบบรหัสหมุนเวียนของ Tile สามารถถูกคาดเดาได้จากรหัสก่อนหน้า
    การติดตามสามารถเกิดขึ้นได้แม้ผู้ใช้ยังถือ Tile อยู่กับตัว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple AirTag และ Google Find My ใช้การเข้ารหัสและรหัสหมุนเวียนที่ปลอดภัยกว่า
    Bluetooth beacon เคยถูกใช้ในร้านค้าปลีกเพื่อติดตามพฤติกรรมลูกค้า
    อุปกรณ์ “sniffer” สำหรับดักจับสัญญาณ Bluetooth มีขายทั่วไปและใช้ในบ้านอัจฉริยะ
    ระบบ “anti-theft mode” ของ Tile ทำให้แท็กไม่สามารถถูกตรวจจับได้ แม้จะถูกใช้สะกดรอย
    นักวิจัยเคยแจ้ง Life360 ตั้งแต่ปลายปี 2024 แต่บริษัทหยุดตอบกลับในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/tile-exploit-could-let-stalkers-follow-you-with-your-own-tracker-researchers-uncover-broadcasting-flaw-via-bluetooth
    📍 “ช่องโหว่ Tile Tracker เปิดทางให้ถูกสะกดรอย — เมื่ออุปกรณ์ติดตามกลายเป็นเครื่องมือของผู้ล่า” Tile Tracker ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตามผ่าน Bluetooth ที่นิยมใช้กันทั่วโลก กำลังเผชิญกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ หลังจากทีมนักวิจัยจาก Georgia Institute of Technology ค้นพบว่า Tile มีการออกแบบที่เปิดช่องให้บุคคลอื่นสามารถติดตามเจ้าของอุปกรณ์ได้ โดยไม่ต้องมีสิทธิ์เข้าถึงใด ๆ ปัญหาหลักคือ Tile ส่งข้อมูล MAC address และรหัสเฉพาะของอุปกรณ์ออกไปแบบ “ไม่เข้ารหัส” ผ่าน Bluetooth ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่มีอุปกรณ์รับสัญญาณ เช่น โทรศัพท์หรือเสาอากาศ RF สามารถดักจับข้อมูลเหล่านี้ได้ และติดตามตำแหน่งของเจ้าของ Tile ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ Tile จะเคยเพิ่มระบบป้องกันการสะกดรอยในปี 2023 เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แอบใส่ Tile ในกระเป๋าคนอื่น แต่ช่องโหว่ที่ค้นพบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้งานผิดประเภทโดยเจ้าของอุปกรณ์ — กลับเป็นการที่บุคคลภายนอกสามารถติดตามเจ้าของ Tile ได้โดยไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์เลย ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือข้อมูลตำแหน่ง, MAC address และรหัสเฉพาะของ Tile ยังถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท Life360 ซึ่งเป็นเจ้าของ Tile โดยไม่มีการเข้ารหัส และนักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บไว้แบบ plain text ซึ่งอาจเปิดทางให้บริษัทติดตามผู้ใช้ได้ แม้จะอ้างว่าไม่มีความสามารถนั้นก็ตาม นักวิจัยยังพบว่า แม้จะหยุดการส่ง MAC address ได้ แต่ระบบการสร้างรหัสหมุนเวียนของ Tile ก็ยังสามารถถูกคาดเดาได้จากรหัสก่อนหน้า ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถ “fingerprint” อุปกรณ์ได้ตลอดอายุการใช้งาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ นักวิจัยจาก Georgia Tech พบช่องโหว่ใน Tile Tracker ที่เปิดทางให้ถูกติดตาม ➡️ Tile ส่ง MAC address และรหัสเฉพาะแบบไม่เข้ารหัสผ่าน Bluetooth ➡️ ข้อมูลสามารถถูกดักจับได้โดยอุปกรณ์ทั่วไป เช่น โทรศัพท์หรือเสาอากาศ RF ➡️ ระบบป้องกันการสะกดรอยของ Tile ไม่สามารถป้องกันการติดตามโดยบุคคลภายนอกได้ ➡️ ข้อมูลตำแหน่งและรหัสเฉพาะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Life360 โดยไม่มีการเข้ารหัส ➡️ นักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลถูกเก็บไว้แบบ plain text ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ติดตามผู้ใช้ ➡️ ระบบรหัสหมุนเวียนของ Tile สามารถถูกคาดเดาได้จากรหัสก่อนหน้า ➡️ การติดตามสามารถเกิดขึ้นได้แม้ผู้ใช้ยังถือ Tile อยู่กับตัว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple AirTag และ Google Find My ใช้การเข้ารหัสและรหัสหมุนเวียนที่ปลอดภัยกว่า ➡️ Bluetooth beacon เคยถูกใช้ในร้านค้าปลีกเพื่อติดตามพฤติกรรมลูกค้า ➡️ อุปกรณ์ “sniffer” สำหรับดักจับสัญญาณ Bluetooth มีขายทั่วไปและใช้ในบ้านอัจฉริยะ ➡️ ระบบ “anti-theft mode” ของ Tile ทำให้แท็กไม่สามารถถูกตรวจจับได้ แม้จะถูกใช้สะกดรอย ➡️ นักวิจัยเคยแจ้ง Life360 ตั้งแต่ปลายปี 2024 แต่บริษัทหยุดตอบกลับในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/tile-exploit-could-let-stalkers-follow-you-with-your-own-tracker-researchers-uncover-broadcasting-flaw-via-bluetooth
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hohem iSteady V3 Ultra: กิมบอล AI ที่เปลี่ยนมือถือธรรมดาให้กลายเป็นกล้องระดับโปร — เล็ก เบา ฉลาด และพร้อมลุยทุกสถานการณ์”

    ในยุคที่ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว Hohem iSteady V3 Ultra ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่าง “ความธรรมดา” กับ “ความมืออาชีพ” ด้วยกิมบอลขนาดเล็กที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับสูง ตั้งแต่ระบบกันสั่น 3 แกน ไปจนถึง AI ที่ติดตามวัตถุได้โดยไม่ต้องพึ่งแอปพลิเคชันใด ๆ

    Andy Zahn จาก SlashGear ได้ทดสอบกิมบอลรุ่นนี้ในทริปแบกเป้กลางป่า และพบว่ามันไม่เพียงแค่ทนทานต่อฝุ่นและอากาศหนาวจัด แต่ยังให้ภาพวิดีโอที่นิ่งและสวยงามแม้จะเดินบนเส้นทางขรุขระ ด้วยดีไซน์ที่พับเก็บได้และน้ำหนักเบา เขาสามารถพกพาไว้ในกระเป๋าข้างของเป้ หรือแม้แต่ในกระเป๋ากางเกงตัวใหญ่ได้เลย

    จุดเด่นที่ทำให้ iSteady V3 Ultra แตกต่างคือ “รีโมทอัจฉริยะ” ที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 1.22 นิ้ว พร้อมระบบติดตามวัตถุแบบ AI ที่สามารถควบคุมผ่านท่าทางมือ และแสดงภาพสดจากกล้องโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือโดยตรง นอกจากนี้ยังมีขาตั้งในตัว, ไฟ LED 3 สี, และโหมดการทำงานถึง 5 แบบ เช่น Pan Follow, POV, และ Sport Mode

    ที่สำคัญคือแอป Hohem Joy ไม่บังคับให้ผู้ใช้ลงทะเบียนหรือสร้างบัญชี — แค่ติดตั้ง เชื่อมต่อ แล้วใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคที่ทุกอุปกรณ์มักบังคับให้ล็อกอินก่อนใช้งาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Hohem iSteady V3 Ultra เป็นกิมบอลกันสั่น 3 แกนสำหรับสมาร์ตโฟน
    ดีไซน์แข็งแรง พับเก็บได้ และพกพาง่ายแม้ในกระเป๋ากางเกง
    รองรับมือถือขนาดใหญ่ เช่น Galaxy S22 Ultra พร้อมเคส
    มีรีโมทอัจฉริยะพร้อมหน้าจอสัมผัส 1.22 นิ้ว และระบบติดตาม AI
    ระบบติดตามทำงานโดยไม่ต้องพึ่งแอป และควบคุมผ่านท่าทางมือ
    มีขาตั้งในตัว, ไฟ LED 3 สี, และโหมดการทำงาน 5 แบบ
    แอป Hohem Joy ใช้งานง่าย ไม่บังคับให้ลงทะเบียน
    รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ hyperlapse, timelapse และ panorama
    น้ำหนักประมาณ 430 กรัม รองรับมือถือไม่เกิน 400 กรัม
    วางจำหน่ายใน Best Buy ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบกันสั่น iSteady 9.0 ช่วยลดการสั่นไหวได้แม้ในสภาพแวดล้อมหนัก
    รีโมทมีระยะควบคุมสูงสุด 10 เมตร พร้อมแบตเตอรี่ 140 mAh
    โหมด “Scenario” มีพรีเซ็ตสำหรับการถ่ายแบบอัตโนมัติ เช่น หมุนกล้อง, พาโนรามา
    AI tracker สามารถติดตามวัตถุได้หลากหลาย เช่น คน, สัตว์, ต้นไม้
    หน้าจอรีโมทสามารถเปลี่ยนวัตถุที่ติดตามได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดถ่าย

    https://www.slashgear.com/sponsored/1957027/say-goodbye-shaky-videos-tested-hohems-isteady-v3-ultra-gimbal/
    🎬 “Hohem iSteady V3 Ultra: กิมบอล AI ที่เปลี่ยนมือถือธรรมดาให้กลายเป็นกล้องระดับโปร — เล็ก เบา ฉลาด และพร้อมลุยทุกสถานการณ์” ในยุคที่ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว Hohem iSteady V3 Ultra ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างระหว่าง “ความธรรมดา” กับ “ความมืออาชีพ” ด้วยกิมบอลขนาดเล็กที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับสูง ตั้งแต่ระบบกันสั่น 3 แกน ไปจนถึง AI ที่ติดตามวัตถุได้โดยไม่ต้องพึ่งแอปพลิเคชันใด ๆ Andy Zahn จาก SlashGear ได้ทดสอบกิมบอลรุ่นนี้ในทริปแบกเป้กลางป่า และพบว่ามันไม่เพียงแค่ทนทานต่อฝุ่นและอากาศหนาวจัด แต่ยังให้ภาพวิดีโอที่นิ่งและสวยงามแม้จะเดินบนเส้นทางขรุขระ ด้วยดีไซน์ที่พับเก็บได้และน้ำหนักเบา เขาสามารถพกพาไว้ในกระเป๋าข้างของเป้ หรือแม้แต่ในกระเป๋ากางเกงตัวใหญ่ได้เลย จุดเด่นที่ทำให้ iSteady V3 Ultra แตกต่างคือ “รีโมทอัจฉริยะ” ที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 1.22 นิ้ว พร้อมระบบติดตามวัตถุแบบ AI ที่สามารถควบคุมผ่านท่าทางมือ และแสดงภาพสดจากกล้องโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือโดยตรง นอกจากนี้ยังมีขาตั้งในตัว, ไฟ LED 3 สี, และโหมดการทำงานถึง 5 แบบ เช่น Pan Follow, POV, และ Sport Mode ที่สำคัญคือแอป Hohem Joy ไม่บังคับให้ผู้ใช้ลงทะเบียนหรือสร้างบัญชี — แค่ติดตั้ง เชื่อมต่อ แล้วใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคที่ทุกอุปกรณ์มักบังคับให้ล็อกอินก่อนใช้งาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Hohem iSteady V3 Ultra เป็นกิมบอลกันสั่น 3 แกนสำหรับสมาร์ตโฟน ➡️ ดีไซน์แข็งแรง พับเก็บได้ และพกพาง่ายแม้ในกระเป๋ากางเกง ➡️ รองรับมือถือขนาดใหญ่ เช่น Galaxy S22 Ultra พร้อมเคส ➡️ มีรีโมทอัจฉริยะพร้อมหน้าจอสัมผัส 1.22 นิ้ว และระบบติดตาม AI ➡️ ระบบติดตามทำงานโดยไม่ต้องพึ่งแอป และควบคุมผ่านท่าทางมือ ➡️ มีขาตั้งในตัว, ไฟ LED 3 สี, และโหมดการทำงาน 5 แบบ ➡️ แอป Hohem Joy ใช้งานง่าย ไม่บังคับให้ลงทะเบียน ➡️ รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ hyperlapse, timelapse และ panorama ➡️ น้ำหนักประมาณ 430 กรัม รองรับมือถือไม่เกิน 400 กรัม ➡️ วางจำหน่ายใน Best Buy ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบกันสั่น iSteady 9.0 ช่วยลดการสั่นไหวได้แม้ในสภาพแวดล้อมหนัก ➡️ รีโมทมีระยะควบคุมสูงสุด 10 เมตร พร้อมแบตเตอรี่ 140 mAh ➡️ โหมด “Scenario” มีพรีเซ็ตสำหรับการถ่ายแบบอัตโนมัติ เช่น หมุนกล้อง, พาโนรามา ➡️ AI tracker สามารถติดตามวัตถุได้หลากหลาย เช่น คน, สัตว์, ต้นไม้ ➡️ หน้าจอรีโมทสามารถเปลี่ยนวัตถุที่ติดตามได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดถ่าย https://www.slashgear.com/sponsored/1957027/say-goodbye-shaky-videos-tested-hohems-isteady-v3-ultra-gimbal/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Say Goodbye To Shaky Videos: We Tested Hohem's iSteady V3 Ultra Gimbal - SlashGear
    The Hohem iSteady V3 Ultra Gimbal is made to hold your phone while you capture video with a collection of advanced features, from AI to infinite pan tracking.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แม่น้ำในอากาศกำลังเปลี่ยนทิศ — เมื่อเส้นทางความชื้นเคลื่อนสู่ขั้วโลก และโลกต้องเตรียมรับมือกับพายุที่ไม่เคยคาดคิด”

    ในระดับที่สูงเหนือศีรษะของเรา มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “แม่น้ำในอากาศ” หรือ Atmospheric Rivers ซึ่งเป็นสายธารของไอน้ำที่ไหลผ่านชั้นบรรยากาศ และมีบทบาทสำคัญในวัฏจักรน้ำของโลก โดยสามารถบรรทุกความชื้นได้เทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลออกจากปากแม่น้ำอเมซอนเลยทีเดียว

    ในพื้นที่ตะวันตกของสหรัฐฯ แม่น้ำในอากาศเหล่านี้ช่วยนำหิมะสู่เทือกเขา Sierra Nevada และเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำในแคลิฟอร์เนีย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงได้เช่นกัน

    จากการศึกษาล่าสุดในวารสาร Science Advances พบว่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำในอากาศได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ขั้วโลกมากขึ้นถึง 6–10 องศาละติจูด ซึ่งเทียบเท่ากับระยะทางระหว่างลอสแอนเจลิสถึงโอเรกอนตอนกลาง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพึ่งพาพายุเหล่านี้ในการเติมน้ำประจำปีอาจเผชิญกับภัยแล้ง ในขณะที่พื้นที่ละติจูดสูงที่ไม่เคยเจอฝนหนักมาก่อน อาจต้องรับมือกับพายุที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม

    สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เย็นลงในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเขตร้อน ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการหมุนเวียนของบรรยากาศ และทำให้กระแสเจ็ตสตรีมที่ควบคุมแม่น้ำในอากาศเปลี่ยนทิศทาง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสภาวะ La Niña อย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบไม่ได้หยุดแค่ฝนหรือภัยแล้ง แต่ยังรวมถึงการละลายของน้ำแข็งในอาร์กติกและแอนตาร์กติก ซึ่งอาจเร่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก และทำให้แบบจำลองน้ำฝนเดิมไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แม่น้ำในอากาศคือสายธารของไอน้ำในชั้นบรรยากาศที่มีบทบาทสำคัญในวัฏจักรน้ำ
    สามารถบรรทุกความชื้นได้เทียบเท่ากับแม่น้ำอเมซอน
    ในสหรัฐฯ ตะวันตกช่วยเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำและนำหิมะสู่เทือกเขา
    เคลื่อนตัวเข้าใกล้ขั้วโลกมากขึ้น 6–10 องศาในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา
    ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพึ่งพาพายุอาจขาดน้ำ และพื้นที่ใหม่อาจเจอพายุรุนแรง
    สาเหตุหลักคืออุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เย็นลงในแปซิฟิกตะวันออกเขตร้อน
    การเปลี่ยนแปลงนี้เชื่อมโยงกับสภาวะ La Niña ที่เกิดต่อเนื่อง
    แม่น้ำในอากาศเพิ่มขึ้นในละติจูด 50°N และ 50°S แต่ลดลงใน 30°N และ 30°S
    ภายใต้สถานการณ์ปล่อยคาร์บอนสูง แม่น้ำในอากาศอาจเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2100

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แม่น้ำในอากาศมีบทบาทในหลายภูมิภาค เช่น สเปน, ชิลี, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร
    แคลิฟอร์เนียพึ่งพาแม่น้ำในอากาศถึง 50% ของปริมาณน้ำฝนต่อปี
    การละลายของน้ำแข็งจากพายุเหล่านี้อาจเร่งการสูญเสียธารน้ำแข็งในอาร์กติก
    แบบจำลองน้ำฝนและแผนที่น้ำท่วมเดิมอาจไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน
    การจัดการน้ำและโครงสร้างพื้นฐานต้องปรับตัวตามทิศทางใหม่ของพายุ

    https://www.slashgear.com/1978371/atmospheric-rivers-pole-****-weather-impact-explained/
    🌧️ “แม่น้ำในอากาศกำลังเปลี่ยนทิศ — เมื่อเส้นทางความชื้นเคลื่อนสู่ขั้วโลก และโลกต้องเตรียมรับมือกับพายุที่ไม่เคยคาดคิด” ในระดับที่สูงเหนือศีรษะของเรา มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “แม่น้ำในอากาศ” หรือ Atmospheric Rivers ซึ่งเป็นสายธารของไอน้ำที่ไหลผ่านชั้นบรรยากาศ และมีบทบาทสำคัญในวัฏจักรน้ำของโลก โดยสามารถบรรทุกความชื้นได้เทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลออกจากปากแม่น้ำอเมซอนเลยทีเดียว ในพื้นที่ตะวันตกของสหรัฐฯ แม่น้ำในอากาศเหล่านี้ช่วยนำหิมะสู่เทือกเขา Sierra Nevada และเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำในแคลิฟอร์เนีย แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงได้เช่นกัน จากการศึกษาล่าสุดในวารสาร Science Advances พบว่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำในอากาศได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ขั้วโลกมากขึ้นถึง 6–10 องศาละติจูด ซึ่งเทียบเท่ากับระยะทางระหว่างลอสแอนเจลิสถึงโอเรกอนตอนกลาง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพึ่งพาพายุเหล่านี้ในการเติมน้ำประจำปีอาจเผชิญกับภัยแล้ง ในขณะที่พื้นที่ละติจูดสูงที่ไม่เคยเจอฝนหนักมาก่อน อาจต้องรับมือกับพายุที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เย็นลงในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเขตร้อน ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการหมุนเวียนของบรรยากาศ และทำให้กระแสเจ็ตสตรีมที่ควบคุมแม่น้ำในอากาศเปลี่ยนทิศทาง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสภาวะ La Niña อย่างต่อเนื่อง ผลกระทบไม่ได้หยุดแค่ฝนหรือภัยแล้ง แต่ยังรวมถึงการละลายของน้ำแข็งในอาร์กติกและแอนตาร์กติก ซึ่งอาจเร่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับโลก และทำให้แบบจำลองน้ำฝนเดิมไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แม่น้ำในอากาศคือสายธารของไอน้ำในชั้นบรรยากาศที่มีบทบาทสำคัญในวัฏจักรน้ำ ➡️ สามารถบรรทุกความชื้นได้เทียบเท่ากับแม่น้ำอเมซอน ➡️ ในสหรัฐฯ ตะวันตกช่วยเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำและนำหิมะสู่เทือกเขา ➡️ เคลื่อนตัวเข้าใกล้ขั้วโลกมากขึ้น 6–10 องศาในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ➡️ ส่งผลให้พื้นที่ที่เคยพึ่งพาพายุอาจขาดน้ำ และพื้นที่ใหม่อาจเจอพายุรุนแรง ➡️ สาเหตุหลักคืออุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เย็นลงในแปซิฟิกตะวันออกเขตร้อน ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เชื่อมโยงกับสภาวะ La Niña ที่เกิดต่อเนื่อง ➡️ แม่น้ำในอากาศเพิ่มขึ้นในละติจูด 50°N และ 50°S แต่ลดลงใน 30°N และ 30°S ➡️ ภายใต้สถานการณ์ปล่อยคาร์บอนสูง แม่น้ำในอากาศอาจเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2100 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แม่น้ำในอากาศมีบทบาทในหลายภูมิภาค เช่น สเปน, ชิลี, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร ➡️ แคลิฟอร์เนียพึ่งพาแม่น้ำในอากาศถึง 50% ของปริมาณน้ำฝนต่อปี ➡️ การละลายของน้ำแข็งจากพายุเหล่านี้อาจเร่งการสูญเสียธารน้ำแข็งในอาร์กติก ➡️ แบบจำลองน้ำฝนและแผนที่น้ำท่วมเดิมอาจไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ➡️ การจัดการน้ำและโครงสร้างพื้นฐานต้องปรับตัวตามทิศทางใหม่ของพายุ https://www.slashgear.com/1978371/atmospheric-rivers-pole-shit-weather-impact-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Atmospheric Phenomenon Is Drastically Changing Weather Around The World - SlashGear
    Over the past 40 years, atmospheric rivers carrying moisture from the tropics have migrated between 6 and 10 degrees closer to the Earth's poles.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคมโบเดียเนสส์ รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093264

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    แคมโบเดียเนสส์ รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093264 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคมโบเดียเนสส์ รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093278

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    แคมโบเดียเนสส์ รายงานในเหตุปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชาและไทยเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ไม่ใช่แค่การต่อสู้กันด้วยปืนใหญ่และแสนยานุภาพทางอากาศเท่านั้น แต่มันยังเป็นการสู้รบกันในหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์และทั่วสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมส่งเสียงโวยสื่อระดับโลกทั้งหลาย ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าของไทยมากกว่า และประชาชนคนไทยก็เชื่อตามนิยายคำบอกเล่าเหล่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093278 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พันธมิตรหลายท่านไปฉีดวัคซีนโควิด19ยุคลุงตู่ไม่น้อยเลย,แกนนำและรองแกนนำด้วย.
    ..deep state ไซออนิสต์ในไทยเรามีไม่น้อยนะ,คาร์บอนเครดิตคือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะคือผลงานการควบคุมรัฐบาลอนุทินว่า ,นายกฯคือบ๋อยมันอีกคนนั้นเอง.
    ..ขอแสดงความเสียใจกับสายธารพันธมิตรทุกๆคนด้วยที่หลงไปรับวัคซีนโควิดมา,ใครของแท้ก็ออกอาการเร็วหน่อย,ใครของปลอมน้ำเกลือๆแร่ก็รอดไป,แต่3เข็มอัพ อาจมี1เข็มที่เป็นของแท้,1เข็มมันจะแสดงอากรเมื่อผ่านเวลาไป5-10ปีอย่างน้อยขึ้นอยู่กับภูมิnkcellตน.

    https://youtube.com/shorts/Mo7xr-9R73g?si=_1NDsCioPO_xZSt-
    ..พันธมิตรหลายท่านไปฉีดวัคซีนโควิด19ยุคลุงตู่ไม่น้อยเลย,แกนนำและรองแกนนำด้วย. ..deep state ไซออนิสต์ในไทยเรามีไม่น้อยนะ,คาร์บอนเครดิตคือพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นล่ะคือผลงานการควบคุมรัฐบาลอนุทินว่า ,นายกฯคือบ๋อยมันอีกคนนั้นเอง. ..ขอแสดงความเสียใจกับสายธารพันธมิตรทุกๆคนด้วยที่หลงไปรับวัคซีนโควิดมา,ใครของแท้ก็ออกอาการเร็วหน่อย,ใครของปลอมน้ำเกลือๆแร่ก็รอดไป,แต่3เข็มอัพ อาจมี1เข็มที่เป็นของแท้,1เข็มมันจะแสดงอากรเมื่อผ่านเวลาไป5-10ปีอย่างน้อยขึ้นอยู่กับภูมิnkcellตน. https://youtube.com/shorts/Mo7xr-9R73g?si=_1NDsCioPO_xZSt-
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตยคือรากฐานที่เราวางระบบปกครองกันผิด เพราะคณะกบฎ2475ก่อการด้วยจิตทรามไม่บริสุทธิ์ เป็นไปเพื่อลัทธิฝรั่งอีลิทรีตตาเดียวหมายล้มสถาบันกษัตริย์ทำลายระบบกษัตริย์ในไทยเท่านั้น,
    ..ไทยเราต้องปกครองระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ได้แล้ว ต่อยอดจากของฝรั่งส่งออกมา,เรา..ประเทศไทยตัดทำใหม่ให้เหมาะสมกันจริตนิสัยสันดานคนไทยเราใหม่.
    ..การเรียนรู้ต่างๆทั้งประเทศไทยจะอิสระเสรีทันที อัพเลเวลก็เราเขียนโปรแกรมระบบปฏิบัติการเอง ไม่ต้องรอฝรั่งมาสั่งมาอ้างว่าระบบนี้ต้องสมควรเป็นแบบนี้แบบนั้นแบบมันเป็นในประเทศมันนะ,ตอนนี้มองกันดูดีๆประเทศไทยถูกปกครองโดยรีตลัทธิไซออนิสต์deep stateชัดเจนเพียงเปลี่ยนร่างหุ่นตัวใหม่เหมือนทุกๆครั้งเพื่อมิให้ครไทยเห็นสิ่งผิดปกตินั้น,เปลี่ยนเพื่อไทยเป็นภูมิใจไทย แต่ความจริงก็ดำเนินนโยบายหลักของdeep stateเหมือนเดิน ดูพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็รู้ คาร์บอนเครดิต จนประกาศชัดกลางรัฐสภาเลย มันเป้าหมายdeep state agendaชัดเจน,รากหลักเราคือสิ่งนี้ต้องคนไทยมาไม่โง่ตรงนี้ร่วมกันทั่วประเทศ,พื้นฐานทุกๆคนไทยต้องมารับรู้เรื่องนี้,ส่วนจะไปเก่งไปดีไปชำนาญการเชี่ยวชาญแขนงสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตแบบไหนก็แล้วแต่ใคร,เหมือนเรารู้ภาษาไทยพื้นฐานแล้ว จะแสดงไปรู้เก่งภาษาอื่นๆ10หรือ100ภาษาก็ตามสบาย,ชำนาญช่างหมอกีฬาอะไรก็ตามสบาย แต่พื้นฐานเราทุกๆคนไทยต้องมาเรียนรู้พื้นหลักตรงนี้ก่อน,รัฐบาลไทยเราเองทำให้พื้นฐานเราโง่เพื่อปกครอง,อยากเก่งเรื่องอื่นๆต้องเสียตังหรือเอาชีวิตแลกอย่างยากลำบากเองซึ่งแท้จริงรัฐบาลต้องส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาการทรัพยากรคนไทยในชาติตนทุกๆมิติให้มากที่สุดแต่มันไม่ทำเพราะกลัวเก่งฉลาดจะควบคุมไม่ได้บวกต่อต้านคัดค้านอำนาจปกครองตนนั่นเองซึ่งอีลิทเลวยอมรับไม่ได้.
    ..วิถีปกครองเราผิดพลาดและล้มเหลวแต่ต้น ,หมากที่วางให้แพ้ วางมิให้เติบโต วางมิให้เจริญแต่เริ่มแรก,เลี้ยงเพียงมิให้ตายบวกก็ไม่ให้เจริญเติบโตฉลาดรอบรู้ด้วย.

    ..มันปิดบัง มันปิดลับ,โง่=ไม่รู้=ไม่เปิดเผย แค่นั้น

    ..สรุป รัฐบาลโดยผู้นำที่ผ่านๆมาทั้งหมดของประเทศไทยเรา,มันปกครองให้คนไทยโง่,มรึงอยากไม่โง่ต้องกู้เงินเรียนเอาเองไปเป็นหนี้กยศ.ไป๊!!!.,อยากเรียนต้องเป็นหนี้จะได้ไม่โง่,ไม่รวมเอาชีวิตแลกตายให้มีวิชาไม่โง่อีกนะ,วิชาชีวิตแลกความไม่โง่,โง่ก่อนจึงหายโง่.,เรา..คนไทยมิอาจไม่โง่ทุกๆเรื่อง ,แต่โง่ในหลายๆเรื่องจากรัฐบาลเราเองทำให้เราต้องโง่,ไม่โง่ก็จากเราเองและจากรัฐบาลเองที่เปิดเผยออกมาให้หายโง่,สนใจทั้งสิ่งโง่และไม่สนใจในสิ่งโง่ๆก็ด้วย.
    ..บ่อน้ำมันก็ปกปิดคนไทยจนโง่ เป็นต้น
    ..ง่ายๆดูว่าคนไทยถูกปลดปล่อยปลดแอกจากการเป็นทาสเป็นควายเป็นวัวได้ดูที่เรา..ประเทศไทยในนามรัฐบาลไทยยึดคืนบ่อปิโตรเลียมบนแผ่นดินไทยตนเองคืนมาทั้งหมดทุกๆแปลงได้หรือยัง,รัฐบาลแบบอนุทินนายกฯปัจจุบันแถลงนโยบายชัดเจนว่าสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดที่เปิดสัมปทานไปเป็นโมฆะทั้งหมดเพราะรัฐสภาฯสส.สว.มิได้ลงมติเห็นชอบ รัฐบาลปัจจุบันถ้าแถลงแบบนี้เชื่อได้ว่าเรา..ประเทศไทยมิได้เป็นทาสขี้ข้าdeep stateไซออนิสต์โลกอีกต่อไปนั้นเอง,อนาคตเรา..ประชาชนคนไทยจะสุดยอดฉลาดขึ้นเป็นลำดับๆแน่นอนจากที่โง่ทั้งประเทศส่วนใหญ่โดยพื้นฐานเพราะน้ำมัน คนไทยเราเติมใส่รถตนเกือบทุกๆคน,อนุทินนายกฯแค่แถลงโมฆะสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดวันนี้ ประเทศไทยจะแก้วิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศทันทีและกลับมาเจริญแบบก้าวกระโดดทันที,ทีพูดว่าวิกฤติๆนั้นนี้โน้นทั้งภายนอกมากระทบไทย ภายในยิ่งอีก จะจัดการได้หมดทันที,แต่ไม่มีรัฐบาลใดในประเทศไทยแถลงพูดออกมาสักแอ๊ะ!!!,ปัจจุบันก็เช่นกันอ้อมปัญหาหมด,ที่เราปะทะเขมรก็บ่อน้ำมันในอ่าวไทยนี้ที่ต่างชาติแบบฝรั่งต่างๆอยากได้ชัดเจนรวมถึงเขมรและคนไทยเทาสาระเลวชั่วทรามทรยศแผ่นดินด้วย,สื่อใดๆไม่กล้าตีข่าวขยายความบ่อน้ำมันเลย พูดสักสิบรอบต่อวันก็ได้ อาทิบายฑูตต่างชาติถึงความจริงนี้ก็ได้,สื่อไทยมาร่วมกันโหนกระแสยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดก็ได้ โหนกระแสยึดคืนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ แดนบูรพาทั้งหมดเราคืนรวมเกาะกงก็ได้ เล่าเรื่องราวอดีตย่อๆออกสื่อหลักเราจะเอาคืนทำไมก็ได้เพราะฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของก็ไม่สื่อ,สื่อไทยก็โง่ได้เหมือนกัน,ซึ่งวิสัยสื่อต้องไม่โง่เพราะเรื่องนี้มิใช่ความลับอะไรที่ปิดบังลึกใต้ดินขนาดนั้น หอสมุดแห่งชาติมีตรึมนอกจากเน็ตเว็บกูรูต่างๆสร้างถ่ายทอดออกมา,กต.ยิ่งโง่ เพราะพื้นฐานไม่สมควรโง่ ต้องเดินหมากตานี้ในกระดานเพื่อรุกฆาตได้แผ่นดินไทยตนคืนด้วยที่จ่ายฝรั่งเศสไปแล้วด้วยกว่า60ล้านบาทหรือ2ล้านฟรังมันถ้าจำไม่ผิด,
    ..ประชาธิปไตยไม่ใช่อธิปไตยไทยสร้าง เราต้องคืนให้ฝรั่งมันระบบปกครองนี้แก่ฝรั่งอีลิทตะวีนตกยิวสร้างก็ได้คู่ขนานคอมมิวนิสต์ที่มันยิวเองก็สร้างระบบคอมมิวนิสต์ด้วย,เราใช้ระบบประชาธิปไตยมันมีแต่ถูกปล้นชิงวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติเราไม่หยุดหย่อนจนถึงปัจจุบัน,ถูกแย่งชิงสาระพัดรูปแบบ จากระบบปกครองมัน,มันเองปัจจุบันก็จะสิ้นชาติล้มสลายแล้วในระบบปกครองมันเองในตะวันตกชาติฝรั่งมัน.,เราต้องสร้างระบบปกครองเราเอง.,เพื่อเป็นอธิปไตยเอกลักษณ์อัตลักษณ์ในแบบไทยๆเรา.,ฉลาดหรือไม่โง่ก็แบบสไตล์ไทยเราแล้ว.

    https://youtube.com/shorts/ADbWiqr2buU?si=5QA6qCaliPb-TKHF
    ประชาธิปไตยคือรากฐานที่เราวางระบบปกครองกันผิด เพราะคณะกบฎ2475ก่อการด้วยจิตทรามไม่บริสุทธิ์ เป็นไปเพื่อลัทธิฝรั่งอีลิทรีตตาเดียวหมายล้มสถาบันกษัตริย์ทำลายระบบกษัตริย์ในไทยเท่านั้น, ..ไทยเราต้องปกครองระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ได้แล้ว ต่อยอดจากของฝรั่งส่งออกมา,เรา..ประเทศไทยตัดทำใหม่ให้เหมาะสมกันจริตนิสัยสันดานคนไทยเราใหม่. ..การเรียนรู้ต่างๆทั้งประเทศไทยจะอิสระเสรีทันที อัพเลเวลก็เราเขียนโปรแกรมระบบปฏิบัติการเอง ไม่ต้องรอฝรั่งมาสั่งมาอ้างว่าระบบนี้ต้องสมควรเป็นแบบนี้แบบนั้นแบบมันเป็นในประเทศมันนะ,ตอนนี้มองกันดูดีๆประเทศไทยถูกปกครองโดยรีตลัทธิไซออนิสต์deep stateชัดเจนเพียงเปลี่ยนร่างหุ่นตัวใหม่เหมือนทุกๆครั้งเพื่อมิให้ครไทยเห็นสิ่งผิดปกตินั้น,เปลี่ยนเพื่อไทยเป็นภูมิใจไทย แต่ความจริงก็ดำเนินนโยบายหลักของdeep stateเหมือนเดิน ดูพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็รู้ คาร์บอนเครดิต จนประกาศชัดกลางรัฐสภาเลย มันเป้าหมายdeep state agendaชัดเจน,รากหลักเราคือสิ่งนี้ต้องคนไทยมาไม่โง่ตรงนี้ร่วมกันทั่วประเทศ,พื้นฐานทุกๆคนไทยต้องมารับรู้เรื่องนี้,ส่วนจะไปเก่งไปดีไปชำนาญการเชี่ยวชาญแขนงสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตแบบไหนก็แล้วแต่ใคร,เหมือนเรารู้ภาษาไทยพื้นฐานแล้ว จะแสดงไปรู้เก่งภาษาอื่นๆ10หรือ100ภาษาก็ตามสบาย,ชำนาญช่างหมอกีฬาอะไรก็ตามสบาย แต่พื้นฐานเราทุกๆคนไทยต้องมาเรียนรู้พื้นหลักตรงนี้ก่อน,รัฐบาลไทยเราเองทำให้พื้นฐานเราโง่เพื่อปกครอง,อยากเก่งเรื่องอื่นๆต้องเสียตังหรือเอาชีวิตแลกอย่างยากลำบากเองซึ่งแท้จริงรัฐบาลต้องส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาการทรัพยากรคนไทยในชาติตนทุกๆมิติให้มากที่สุดแต่มันไม่ทำเพราะกลัวเก่งฉลาดจะควบคุมไม่ได้บวกต่อต้านคัดค้านอำนาจปกครองตนนั่นเองซึ่งอีลิทเลวยอมรับไม่ได้. ..วิถีปกครองเราผิดพลาดและล้มเหลวแต่ต้น ,หมากที่วางให้แพ้ วางมิให้เติบโต วางมิให้เจริญแต่เริ่มแรก,เลี้ยงเพียงมิให้ตายบวกก็ไม่ให้เจริญเติบโตฉลาดรอบรู้ด้วย. ..มันปิดบัง มันปิดลับ,โง่=ไม่รู้=ไม่เปิดเผย แค่นั้น ..สรุป รัฐบาลโดยผู้นำที่ผ่านๆมาทั้งหมดของประเทศไทยเรา,มันปกครองให้คนไทยโง่,มรึงอยากไม่โง่ต้องกู้เงินเรียนเอาเองไปเป็นหนี้กยศ.ไป๊!!!.,อยากเรียนต้องเป็นหนี้จะได้ไม่โง่,ไม่รวมเอาชีวิตแลกตายให้มีวิชาไม่โง่อีกนะ,วิชาชีวิตแลกความไม่โง่,โง่ก่อนจึงหายโง่.,เรา..คนไทยมิอาจไม่โง่ทุกๆเรื่อง ,แต่โง่ในหลายๆเรื่องจากรัฐบาลเราเองทำให้เราต้องโง่,ไม่โง่ก็จากเราเองและจากรัฐบาลเองที่เปิดเผยออกมาให้หายโง่,สนใจทั้งสิ่งโง่และไม่สนใจในสิ่งโง่ๆก็ด้วย. ..บ่อน้ำมันก็ปกปิดคนไทยจนโง่ เป็นต้น ..ง่ายๆดูว่าคนไทยถูกปลดปล่อยปลดแอกจากการเป็นทาสเป็นควายเป็นวัวได้ดูที่เรา..ประเทศไทยในนามรัฐบาลไทยยึดคืนบ่อปิโตรเลียมบนแผ่นดินไทยตนเองคืนมาทั้งหมดทุกๆแปลงได้หรือยัง,รัฐบาลแบบอนุทินนายกฯปัจจุบันแถลงนโยบายชัดเจนว่าสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดที่เปิดสัมปทานไปเป็นโมฆะทั้งหมดเพราะรัฐสภาฯสส.สว.มิได้ลงมติเห็นชอบ รัฐบาลปัจจุบันถ้าแถลงแบบนี้เชื่อได้ว่าเรา..ประเทศไทยมิได้เป็นทาสขี้ข้าdeep stateไซออนิสต์โลกอีกต่อไปนั้นเอง,อนาคตเรา..ประชาชนคนไทยจะสุดยอดฉลาดขึ้นเป็นลำดับๆแน่นอนจากที่โง่ทั้งประเทศส่วนใหญ่โดยพื้นฐานเพราะน้ำมัน คนไทยเราเติมใส่รถตนเกือบทุกๆคน,อนุทินนายกฯแค่แถลงโมฆะสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดวันนี้ ประเทศไทยจะแก้วิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศทันทีและกลับมาเจริญแบบก้าวกระโดดทันที,ทีพูดว่าวิกฤติๆนั้นนี้โน้นทั้งภายนอกมากระทบไทย ภายในยิ่งอีก จะจัดการได้หมดทันที,แต่ไม่มีรัฐบาลใดในประเทศไทยแถลงพูดออกมาสักแอ๊ะ!!!,ปัจจุบันก็เช่นกันอ้อมปัญหาหมด,ที่เราปะทะเขมรก็บ่อน้ำมันในอ่าวไทยนี้ที่ต่างชาติแบบฝรั่งต่างๆอยากได้ชัดเจนรวมถึงเขมรและคนไทยเทาสาระเลวชั่วทรามทรยศแผ่นดินด้วย,สื่อใดๆไม่กล้าตีข่าวขยายความบ่อน้ำมันเลย พูดสักสิบรอบต่อวันก็ได้ อาทิบายฑูตต่างชาติถึงความจริงนี้ก็ได้,สื่อไทยมาร่วมกันโหนกระแสยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดก็ได้ โหนกระแสยึดคืนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ แดนบูรพาทั้งหมดเราคืนรวมเกาะกงก็ได้ เล่าเรื่องราวอดีตย่อๆออกสื่อหลักเราจะเอาคืนทำไมก็ได้เพราะฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของก็ไม่สื่อ,สื่อไทยก็โง่ได้เหมือนกัน,ซึ่งวิสัยสื่อต้องไม่โง่เพราะเรื่องนี้มิใช่ความลับอะไรที่ปิดบังลึกใต้ดินขนาดนั้น หอสมุดแห่งชาติมีตรึมนอกจากเน็ตเว็บกูรูต่างๆสร้างถ่ายทอดออกมา,กต.ยิ่งโง่ เพราะพื้นฐานไม่สมควรโง่ ต้องเดินหมากตานี้ในกระดานเพื่อรุกฆาตได้แผ่นดินไทยตนคืนด้วยที่จ่ายฝรั่งเศสไปแล้วด้วยกว่า60ล้านบาทหรือ2ล้านฟรังมันถ้าจำไม่ผิด, ..ประชาธิปไตยไม่ใช่อธิปไตยไทยสร้าง เราต้องคืนให้ฝรั่งมันระบบปกครองนี้แก่ฝรั่งอีลิทตะวีนตกยิวสร้างก็ได้คู่ขนานคอมมิวนิสต์ที่มันยิวเองก็สร้างระบบคอมมิวนิสต์ด้วย,เราใช้ระบบประชาธิปไตยมันมีแต่ถูกปล้นชิงวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติเราไม่หยุดหย่อนจนถึงปัจจุบัน,ถูกแย่งชิงสาระพัดรูปแบบ จากระบบปกครองมัน,มันเองปัจจุบันก็จะสิ้นชาติล้มสลายแล้วในระบบปกครองมันเองในตะวันตกชาติฝรั่งมัน.,เราต้องสร้างระบบปกครองเราเอง.,เพื่อเป็นอธิปไตยเอกลักษณ์อัตลักษณ์ในแบบไทยๆเรา.,ฉลาดหรือไม่โง่ก็แบบสไตล์ไทยเราแล้ว. https://youtube.com/shorts/ADbWiqr2buU?si=5QA6qCaliPb-TKHF ล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไฟจากแบตเตอรี่เดียวลามทำลายศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — บทเรียนราคาแพงของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล”

    เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบดิจิทัลของรัฐบาล ส่งผลให้ระบบออนไลน์ของหน่วยงานรัฐกว่า 647 ระบบต้องหยุดชะงักทันที รวมถึงบริการสำคัญอย่าง Government24, Korea Post, ระบบร้องเรียนออนไลน์ และระบบยืนยันตัวตนสำหรับธนาคาร

    ต้นเหตุของไฟไหม้มาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในระบบสำรองไฟ (UPS) ที่เกิดการลัดวงจรระหว่างการย้ายอุปกรณ์ลงไปยังชั้นใต้ดิน แม้จะมีการตัดไฟแล้ว แต่เกิดประกายไฟขึ้นภายหลัง ทำให้เกิด “thermal runaway” ลุกลามไปยังแบตเตอรี่กว่า 384 ก้อน อุณหภูมิภายในห้องเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 160°C และใช้เวลากว่า 22 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง

    การดับไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่สามารถใช้น้ำจำนวนมากได้เนื่องจากต้องปกป้องเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลระดับชาติ เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีระบายอากาศและฉีดน้ำแบบจำกัด รวมถึงการแช่แบตเตอรี่ในน้ำเพื่อป้องกันการลุกไหม้ซ้ำ

    ผลกระทบลุกลามไปถึงภาคการเงิน เพราะระบบยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และทะเบียนคนต่างชาติไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ธนาคารต้องใช้แผนฉุกเฉินในการให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลชูซอกที่มีการใช้งานสูง

    รัฐบาลเกาหลีใต้และประธานาธิบดีลี แจ-มยองออกมาขอโทษประชาชน พร้อมสั่งเร่งฟื้นฟูระบบ โดยจะย้ายระบบที่เสียหายไปยังคลาวด์ในเมืองแทกู และคาดว่าการฟื้นฟูทั้งหมดจะใช้เวลาราว 4 สัปดาห์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS ในเมืองแทจอน เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025
    ต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในระบบ UPS ที่เกิดประกายไฟระหว่างการย้าย
    ไฟลุกลามไปยังแบตเตอรี่กว่า 384 ก้อน ทำให้อุณหภูมิพุ่งถึง 160°C
    ใช้เวลากว่า 22 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง โดยต้องใช้การระบายอากาศและแช่แบตเตอรี่
    ระบบออนไลน์ของรัฐบาล 647 ระบบหยุดชะงัก โดย 96 ระบบเสียหายโดยตรง
    บริการที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Government24, Korea Post, ระบบร้องเรียน และระบบยืนยันตัวตน
    ธนาคารหลายแห่ง เช่น Shinhan, KB, Woori ต้องใช้แผนฉุกเฉินในการให้บริการ
    รัฐบาลเตรียมย้ายระบบที่เสียหายไปยังคลาวด์ในเมืองแทกู และคาดว่าจะใช้เวลาฟื้นฟู 4 สัปดาห์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แบตเตอรี่ที่ใช้ผลิตโดย LG Energy Solution และมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี
    ระยะห่างระหว่างแบตเตอรี่กับเซิร์ฟเวอร์เพียง 60 ซม. ต่ำกว่ามาตรฐานสหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ 90 ซม.
    UPS มีระบบความปลอดภัยต่ำกว่าระบบ ESS ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าหรือโครงสร้างขนาดใหญ่
    การจัดวางแบตเตอรี่ในห้องเดียวกับเซิร์ฟเวอร์เป็นความเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
    การใช้ระบบสำรองไฟแบบ rack-mounted ต้องมีการตรวจสอบความชื้น ความร้อน และการระบายอากาศอย่างเข้มงวด

    https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-south-korean-government-services-go-offline-following-data-center-fire
    🔥 “ไฟจากแบตเตอรี่เดียวลามทำลายศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — บทเรียนราคาแพงของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบดิจิทัลของรัฐบาล ส่งผลให้ระบบออนไลน์ของหน่วยงานรัฐกว่า 647 ระบบต้องหยุดชะงักทันที รวมถึงบริการสำคัญอย่าง Government24, Korea Post, ระบบร้องเรียนออนไลน์ และระบบยืนยันตัวตนสำหรับธนาคาร ต้นเหตุของไฟไหม้มาจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในระบบสำรองไฟ (UPS) ที่เกิดการลัดวงจรระหว่างการย้ายอุปกรณ์ลงไปยังชั้นใต้ดิน แม้จะมีการตัดไฟแล้ว แต่เกิดประกายไฟขึ้นภายหลัง ทำให้เกิด “thermal runaway” ลุกลามไปยังแบตเตอรี่กว่า 384 ก้อน อุณหภูมิภายในห้องเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 160°C และใช้เวลากว่า 22 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง การดับไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่สามารถใช้น้ำจำนวนมากได้เนื่องจากต้องปกป้องเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลระดับชาติ เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีระบายอากาศและฉีดน้ำแบบจำกัด รวมถึงการแช่แบตเตอรี่ในน้ำเพื่อป้องกันการลุกไหม้ซ้ำ ผลกระทบลุกลามไปถึงภาคการเงิน เพราะระบบยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และทะเบียนคนต่างชาติไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ธนาคารต้องใช้แผนฉุกเฉินในการให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลชูซอกที่มีการใช้งานสูง รัฐบาลเกาหลีใต้และประธานาธิบดีลี แจ-มยองออกมาขอโทษประชาชน พร้อมสั่งเร่งฟื้นฟูระบบ โดยจะย้ายระบบที่เสียหายไปยังคลาวด์ในเมืองแทกู และคาดว่าการฟื้นฟูทั้งหมดจะใช้เวลาราว 4 สัปดาห์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS ในเมืองแทจอน เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 ➡️ ต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในระบบ UPS ที่เกิดประกายไฟระหว่างการย้าย ➡️ ไฟลุกลามไปยังแบตเตอรี่กว่า 384 ก้อน ทำให้อุณหภูมิพุ่งถึง 160°C ➡️ ใช้เวลากว่า 22 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง โดยต้องใช้การระบายอากาศและแช่แบตเตอรี่ ➡️ ระบบออนไลน์ของรัฐบาล 647 ระบบหยุดชะงัก โดย 96 ระบบเสียหายโดยตรง ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Government24, Korea Post, ระบบร้องเรียน และระบบยืนยันตัวตน ➡️ ธนาคารหลายแห่ง เช่น Shinhan, KB, Woori ต้องใช้แผนฉุกเฉินในการให้บริการ ➡️ รัฐบาลเตรียมย้ายระบบที่เสียหายไปยังคลาวด์ในเมืองแทกู และคาดว่าจะใช้เวลาฟื้นฟู 4 สัปดาห์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แบตเตอรี่ที่ใช้ผลิตโดย LG Energy Solution และมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี ➡️ ระยะห่างระหว่างแบตเตอรี่กับเซิร์ฟเวอร์เพียง 60 ซม. ต่ำกว่ามาตรฐานสหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ 90 ซม. ➡️ UPS มีระบบความปลอดภัยต่ำกว่าระบบ ESS ที่ใช้ในโรงไฟฟ้าหรือโครงสร้างขนาดใหญ่ ➡️ การจัดวางแบตเตอรี่ในห้องเดียวกับเซิร์ฟเวอร์เป็นความเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ การใช้ระบบสำรองไฟแบบ rack-mounted ต้องมีการตรวจสอบความชื้น ความร้อน และการระบายอากาศอย่างเข้มงวด https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-south-korean-government-services-go-offline-following-data-center-fire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • deep state ยังกัดกินควบคุมประเทศไทยเหมือนเดิมจริงๆ,ดูได้จากการยังคงเดินตามมาตราการคาร์บอนเครดิต มันสร้างแผนการและเหยื่อรอไว้แล้วจริงๆ.
    ..
    ..ทหารไทย กองทัพไทยท่านจะเอาอย่างไง.,จะปล่อยชาติบ้านาเมืองเดินตามdeep stateฝรั่งยิวสากลโลกจริงๆเหรอ.

    ..กองทัพไทยเรา ยึดอำนาจเถอะ การเมืองไม่สามารถกวาดล้างกำจัดสมุนขี้ข้าdeep stateในไทยเราได้เลย,ต้องเป้าหมายชัดเจน กำจัดdeep stateไซออนิสต์ในประเทศไทยจริงๆ,เราต้องทำลายแผนการไซออนิสต์บนแผ่นดินไทยเพื่อปลดปล่อยประเทศไทยจริงๆ,สถาบันกษัตริย์เราต้องตัดสินใจจริงๆ,จะก้าวไปแบบไซออนิสต์ปกครองประเทศให้คนไทยเป็นทาสจากระบบนักการเมืองปกครองให้ยากจนอีกนานมั้ย,ระบบปกครองฝรั่งชัดเจนคือระบบไซออนิสต์deep stateยิวฝรั่งสร้างขึ้น บ้านเมืองเราจึงถูกแย่งถูกปล้นชิงทรัพยากรมีค่าวัตถุดิบสร้างพัฒนาชาติไทยอยู่ตลอดเวลา,ไม่สงบสุขสักที.
    ..ดูว่าdeep stateยังปกครองอยู่ดูที่พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้เลย,รับงานมาเต็มๆทำงานให้ต่อเนื่องด้วย.

    https://youtube.com/watch?v=UMop2vZDPsY&si=vm4klZRzR3aAd2sL
    deep state ยังกัดกินควบคุมประเทศไทยเหมือนเดิมจริงๆ,ดูได้จากการยังคงเดินตามมาตราการคาร์บอนเครดิต มันสร้างแผนการและเหยื่อรอไว้แล้วจริงๆ. .. ..ทหารไทย กองทัพไทยท่านจะเอาอย่างไง.,จะปล่อยชาติบ้านาเมืองเดินตามdeep stateฝรั่งยิวสากลโลกจริงๆเหรอ. ..กองทัพไทยเรา ยึดอำนาจเถอะ การเมืองไม่สามารถกวาดล้างกำจัดสมุนขี้ข้าdeep stateในไทยเราได้เลย,ต้องเป้าหมายชัดเจน กำจัดdeep stateไซออนิสต์ในประเทศไทยจริงๆ,เราต้องทำลายแผนการไซออนิสต์บนแผ่นดินไทยเพื่อปลดปล่อยประเทศไทยจริงๆ,สถาบันกษัตริย์เราต้องตัดสินใจจริงๆ,จะก้าวไปแบบไซออนิสต์ปกครองประเทศให้คนไทยเป็นทาสจากระบบนักการเมืองปกครองให้ยากจนอีกนานมั้ย,ระบบปกครองฝรั่งชัดเจนคือระบบไซออนิสต์deep stateยิวฝรั่งสร้างขึ้น บ้านเมืองเราจึงถูกแย่งถูกปล้นชิงทรัพยากรมีค่าวัตถุดิบสร้างพัฒนาชาติไทยอยู่ตลอดเวลา,ไม่สงบสุขสักที. ..ดูว่าdeep stateยังปกครองอยู่ดูที่พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้เลย,รับงานมาเต็มๆทำงานให้ต่อเนื่องด้วย. https://youtube.com/watch?v=UMop2vZDPsY&si=vm4klZRzR3aAd2sL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด”

    หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ

    แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด

    กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว

    แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ

    เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว
    การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน
    กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ
    กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น
    ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน
    โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก
    ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ
    หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน
    รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz
    ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า
    การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น
    การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

    https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    🔫 “ถ้ายิงปืนในอวกาศจะเกิดอะไรขึ้น? — เมื่อแรงปะทะกลายเป็นแรงผลัก และกระสุนไม่มีวันหยุด” หลายคนอาจคิดว่าปืนไม่สามารถยิงในอวกาศได้เพราะไม่มีออกซิเจน แต่ความจริงคือ “ยิงได้” เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัวเอง ทำให้สามารถจุดระเบิดได้แม้ในสุญญากาศ เช่นเดียวกับการยิงใต้น้ำ แม้จะไม่มีการทดลองจริงในอวกาศ แต่กฎฟิสิกส์โดยเฉพาะกฎข้อที่สามของนิวตัน (แรงปฏิกิริยา) สามารถอธิบายผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ เมื่อยิงปืนในอวกาศ กระสุนจะพุ่งไปข้างหน้า และผู้ยิงจะถูกผลักไปในทิศทางตรงกันข้าม — โดยไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือแรงโน้มถ่วงมาหยุด กระสุนในอวกาศจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าบนโลกเล็กน้อย เพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ และจะไม่หยุดเคลื่อนที่เลย เว้นแต่จะไปเจอแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์หรือวัตถุอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทิศทางหรือชะลอความเร็ว แม้อวกาศจะเป็นสุญญากาศ แต่ก็ไม่ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะยังมีลมสุริยะและอะตอมลอยอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของกระสุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นนั้นน้อยมาก เพราะอวกาศกว้างใหญ่เกินกว่าจะเล็งโดนอะไรโดยบังเอิญ เสียงจากการยิงจะไม่ดังในอวกาศ แต่ผู้ยิงอาจ “ได้ยิน” การสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ และหากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นผนังยานหรือพื้น ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปืนสามารถยิงในอวกาศได้ เพราะกระสุนมีสารออกซิไดซ์ในตัว ➡️ การยิงปืนในอวกาศทำให้ผู้ยิงถูกผลักไปในทิศทางตรงข้ามกับกระสุน ➡️ กระสุนจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่มีแรงต้านจากอากาศ ➡️ กระสุนจะไม่หยุดเคลื่อนที่ เว้นแต่เจอแรงโน้มถ่วงหรือวัตถุอื่น ➡️ ลมสุริยะและอะตอมในอวกาศอาจเปลี่ยนทิศทางของกระสุน ➡️ โอกาสที่กระสุนจะชนดาวเทียมหรือวัตถุอื่นมีน้อยมาก ➡️ ผู้ยิงจะไม่ได้ยินเสียง แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านชุดอวกาศ ➡️ หากไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว ผู้ยิงจะลอยไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับกระสุน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กระสุนที่ยิงในวงโคจรอาจกลับมาชนผู้ยิงได้ หากอยู่ในวงโคจรเดียวกัน ➡️ รัสเซียเคยทดลองอาวุธในอวกาศช่วงสงครามเย็น เช่นปืนบนยาน Soyuz ➡️ ปืนแม่เหล็ก (railgun) เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในอวกาศมากกว่า ➡️ การยิงปืนในอวกาศอาจใช้เป็นวิธีเคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่มีแรงขับอื่น ➡️ การออกแบบอาวุธสำหรับอวกาศต้องคำนึงถึงแรงสะท้อนและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน https://www.slashgear.com/1978143/what-would-happen-if-shot-gun-in-space/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Would Happen If You Shot A Gun In Space? Here's What You Need To Know - SlashGear
    Firing a gun in space, free from Earth's atmosphere and gravity, would result in the bullet and firer traveling indefinitely in opposite directions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ดันศูนย์ข้อมูลสู่ยุค 1 เมกะวัตต์ต่อแร็ค — เมื่อพลังงานและความร้อนกลายเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างดิจิทัล”

    ในอดีต แร็คในศูนย์ข้อมูลเคยใช้พลังงานเพียงไม่กี่กิโลวัตต์ แต่ด้วยการเติบโตของงานประมวลผล AI ที่ต้องการพลังมหาศาล ข้อมูลล่าสุดจาก Lennox Data Centre Solutions ระบุว่า ภายในปี 2030 แร็คที่เน้นงาน AI อาจใช้พลังงานสูงถึง 1 เมกะวัตต์ต่อแร็ค ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งในอดีต

    แร็คทั่วไปจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 30–50 กิโลวัตต์ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่แร็ค AI จะใช้พลังงานมากกว่าถึง 20–30 เท่า ทำให้ “การจ่ายไฟ” และ “การระบายความร้อน” กลายเป็นหัวใจของการออกแบบศูนย์ข้อมูลยุคใหม่

    Ted Pulfer จาก Lennox ระบุว่า อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC แบบเดิม ไปสู่ระบบ DC แรงสูง เช่น +/-400V เพื่อลดการสูญเสียพลังงานและขนาดสายไฟ พร้อมทั้งใช้ระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ที่ควบคุมโดย CDU (Coolant Distribution Unit) ซึ่งส่งน้ำหล่อเย็นไปยัง cold plate ที่ติดตั้งตรงจุดร้อนของเซิร์ฟเวอร์

    Microsoft กำลังทดลองระบบ microfluidics ที่ฝังร่องเล็ก ๆ บนชิปเพื่อให้น้ำหล่อเย็นไหลผ่านโดยตรง ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิ GPU ได้ถึง 65% และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 3 เท่า เมื่อรวมกับ AI ที่ช่วยตรวจจับจุดร้อนบนชิป ระบบนี้สามารถควบคุมการไหลของน้ำได้แม่นยำยิ่งขึ้น

    แม้ hyperscaler อย่าง Google และ Microsoft จะเป็นผู้นำในด้านนี้ แต่ Ted เชื่อว่าผู้ให้บริการรายเล็กยังมีโอกาส เพราะความคล่องตัวและนวัตกรรมยังเป็นจุดแข็งที่สำคัญในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แร็ค AI อาจใช้พลังงานถึง 1 เมกะวัตต์ต่อแร็คภายในปี 2030
    แร็คทั่วไปจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 30–50 กิโลวัตต์ในช่วงเดียวกัน
    แร็ค AI ใช้พลังงานมากกว่ารุ่นทั่วไปถึง 20–30 เท่า
    อุตสาหกรรมเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้า DC แรงสูง เช่น +/-400V
    ระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ถูกควบคุมโดย CDU
    Microsoft ทดลองระบบ microfluidics ที่ฝังร่องบนชิปเพื่อให้น้ำไหลผ่านโดยตรง
    ระบบใหม่ช่วยลดอุณหภูมิ GPU ได้ถึง 65% และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 3 เท่า
    AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบระบายความร้อนเพื่อควบคุมการไหลของน้ำอย่างแม่นยำ
    ผู้ให้บริการรายเล็กยังมีโอกาสแข่งขันในตลาดผ่านความคล่องตัวและนวัตกรรม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    น้ำมีความสามารถในการนำความร้อนสูงกว่าอากาศถึง 30 เท่า และบรรจุพลังงานความร้อนได้มากกว่า 4,000 เท่า
    Google ใช้ liquid cooling กับ TPU Pods มากกว่า 2,000 ชุด และมี uptime ถึง 99.999% ตลอด 7 ปี
    การใช้ +/-400V DC ช่วยลดขนาดสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายไฟ
    ระบบ AC-to-DC sidecar ช่วยแยกส่วนพลังงานออกจากแร็ค ทำให้พื้นที่ภายในแร็คใช้สำหรับ compute ได้เต็มที่
    การออกแบบแร็คใหม่อาจเป็นตัวกำหนดอนาคตของโครงสร้างดิจิทัลทั้งหมด

    https://www.techradar.com/pro/security/this-graph-alone-shows-how-global-ai-power-consumption-is-getting-out-of-hand-very-quickly-and-its-not-just-about-hyperscalers-or-openai
    🔥 “AI ดันศูนย์ข้อมูลสู่ยุค 1 เมกะวัตต์ต่อแร็ค — เมื่อพลังงานและความร้อนกลายเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างดิจิทัล” ในอดีต แร็คในศูนย์ข้อมูลเคยใช้พลังงานเพียงไม่กี่กิโลวัตต์ แต่ด้วยการเติบโตของงานประมวลผล AI ที่ต้องการพลังมหาศาล ข้อมูลล่าสุดจาก Lennox Data Centre Solutions ระบุว่า ภายในปี 2030 แร็คที่เน้นงาน AI อาจใช้พลังงานสูงถึง 1 เมกะวัตต์ต่อแร็ค ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลทั้งแห่งในอดีต แร็คทั่วไปจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 30–50 กิโลวัตต์ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่แร็ค AI จะใช้พลังงานมากกว่าถึง 20–30 เท่า ทำให้ “การจ่ายไฟ” และ “การระบายความร้อน” กลายเป็นหัวใจของการออกแบบศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ Ted Pulfer จาก Lennox ระบุว่า อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC แบบเดิม ไปสู่ระบบ DC แรงสูง เช่น +/-400V เพื่อลดการสูญเสียพลังงานและขนาดสายไฟ พร้อมทั้งใช้ระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ที่ควบคุมโดย CDU (Coolant Distribution Unit) ซึ่งส่งน้ำหล่อเย็นไปยัง cold plate ที่ติดตั้งตรงจุดร้อนของเซิร์ฟเวอร์ Microsoft กำลังทดลองระบบ microfluidics ที่ฝังร่องเล็ก ๆ บนชิปเพื่อให้น้ำหล่อเย็นไหลผ่านโดยตรง ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิ GPU ได้ถึง 65% และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 3 เท่า เมื่อรวมกับ AI ที่ช่วยตรวจจับจุดร้อนบนชิป ระบบนี้สามารถควบคุมการไหลของน้ำได้แม่นยำยิ่งขึ้น แม้ hyperscaler อย่าง Google และ Microsoft จะเป็นผู้นำในด้านนี้ แต่ Ted เชื่อว่าผู้ให้บริการรายเล็กยังมีโอกาส เพราะความคล่องตัวและนวัตกรรมยังเป็นจุดแข็งที่สำคัญในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แร็ค AI อาจใช้พลังงานถึง 1 เมกะวัตต์ต่อแร็คภายในปี 2030 ➡️ แร็คทั่วไปจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 30–50 กิโลวัตต์ในช่วงเดียวกัน ➡️ แร็ค AI ใช้พลังงานมากกว่ารุ่นทั่วไปถึง 20–30 เท่า ➡️ อุตสาหกรรมเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้า DC แรงสูง เช่น +/-400V ➡️ ระบบระบายความร้อนแบบ liquid cooling ถูกควบคุมโดย CDU ➡️ Microsoft ทดลองระบบ microfluidics ที่ฝังร่องบนชิปเพื่อให้น้ำไหลผ่านโดยตรง ➡️ ระบบใหม่ช่วยลดอุณหภูมิ GPU ได้ถึง 65% และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 3 เท่า ➡️ AI ถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบระบายความร้อนเพื่อควบคุมการไหลของน้ำอย่างแม่นยำ ➡️ ผู้ให้บริการรายเล็กยังมีโอกาสแข่งขันในตลาดผ่านความคล่องตัวและนวัตกรรม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ น้ำมีความสามารถในการนำความร้อนสูงกว่าอากาศถึง 30 เท่า และบรรจุพลังงานความร้อนได้มากกว่า 4,000 เท่า ➡️ Google ใช้ liquid cooling กับ TPU Pods มากกว่า 2,000 ชุด และมี uptime ถึง 99.999% ตลอด 7 ปี ➡️ การใช้ +/-400V DC ช่วยลดขนาดสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายไฟ ➡️ ระบบ AC-to-DC sidecar ช่วยแยกส่วนพลังงานออกจากแร็ค ทำให้พื้นที่ภายในแร็คใช้สำหรับ compute ได้เต็มที่ ➡️ การออกแบบแร็คใหม่อาจเป็นตัวกำหนดอนาคตของโครงสร้างดิจิทัลทั้งหมด https://www.techradar.com/pro/security/this-graph-alone-shows-how-global-ai-power-consumption-is-getting-out-of-hand-very-quickly-and-its-not-just-about-hyperscalers-or-openai
    WWW.TECHRADAR.COM
    Projections show AI racks may consume 20 to 30 times the energy of traditional racks by 2030
    AI racks could consume 20 to 30 times the energy of traditional racks by 2030
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts