• ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 1

    เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน

    ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat

    Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917

    จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ”

    แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ

    นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ

    Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน”

    ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว

    เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน
    มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่

    ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ !

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 2

    วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี)

    หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า

    “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…”

    กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917
    แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย

    นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน

    นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม”

    คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย

    นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 3

    ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้:

    “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ”
    นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย

    นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น

    นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน

    นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…”

    เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า

    ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….”

    สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้
    และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้

    พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 1 เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917 จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ” แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน” ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่ ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ ! นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 2 วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี) หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…” กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917 แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม” คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 3 ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้: “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ” นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…” เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….” สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้ และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้ พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต้องพึ่งเทคโนโลยีปี 1985

    ลองจินตนาการว่าคุณต้องเขียนคำร้องขออุทธรณ์คดีสำคัญที่สุดในชีวิต แต่เครื่องมือเดียวที่คุณมีคือ “แผ่นฟลอปปี้ดิสก์” ขนาด 1.44MB และเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า — นั่นคือชีวิตจริงของ Jorge Luis Alvarado ผู้ต้องขังในเรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์

    Alvarado เล่าผ่าน Prison Journalism Project ว่าเขาได้รับเอกสารจากทนายความผ่านแฟลชไดรฟ์ แต่ไม่สามารถนำเข้าเรือนจำได้ ต้องใช้คอมพิวเตอร์พิเศษในห้องสมุดกฎหมายเพื่อถ่ายโอนข้อมูลลงฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งอาจต้องรอหลายวันกว่าจะได้ใช้

    แม้ผู้ต้องขังจะได้รับอนุญาตให้เก็บแผ่นฟลอปปี้ได้ 20 แผ่นในห้องขัง แต่แฟลชไดรฟ์กลับถูกแบนโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลด้าน “ความปลอดภัย” ที่หลายคนมองว่าไม่สมเหตุสมผลในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล

    ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ความล้าหลังของอุปกรณ์ แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายจากการเสียหายของแผ่นฟลอปปี้ และข้อจำกัดด้านขนาดไฟล์ที่ทำให้เอกสารทางกฎหมายต้องถูกแบ่งออกเป็นหลายแผ่น

    ในขณะที่โลกภายนอกใช้ SSD และคลาวด์ในการจัดเก็บข้อมูล ผู้ต้องขังในนิวเจอร์ซีย์ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เลิกผลิตไปตั้งแต่ปี 2011 เพื่อสู้คดีของตัวเอง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ผู้ต้องขังในเรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ยังใช้แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ในการจัดการเอกสารทางกฎหมาย
    ได้รับอนุญาตให้เก็บแผ่นฟลอปปี้ได้ 20 แผ่นในห้องขัง แต่ห้ามใช้แฟลชไดรฟ์
    ต้องใช้คอมพิวเตอร์พิเศษในห้องสมุดกฎหมายเพื่อถ่ายโอนข้อมูลจากแฟลชไดรฟ์
    การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในห้องสมุดต้องรอหลายวัน ซึ่งอาจเสียเวลาในการอุทธรณ์
    แผ่นฟลอปปี้มีขนาดความจุเพียง 1.44MB ทำให้เอกสารหนึ่งฉบับต้องใช้หลายแผ่น
    แผ่นฟลอปปี้มีแนวโน้มเสียหายง่าย ทำให้ต้องสำรองข้อมูลหลายชุด
    ไม่มีบริษัทผลิตแผ่นฟลอปปี้ใหม่ตั้งแต่ปี 2011 ทำให้แหล่งจัดหามีจำกัด
    Alvarado เขียนบทความผ่าน Prison Journalism Project เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นหนึ่งในเรือนจำที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐฯ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1835
    การใช้เทคโนโลยีล้าหลังในเรือนจำส่งผลต่อความสามารถในการเตรียมคดีและลดโอกาสในการอุทธรณ์
    การเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ในเรือนจำสามารถช่วยลดอัตราการกลับเข้าสู่ระบบ (recidivism)
    ในปี 2015 เรือนจำบางแห่งเริ่มใช้แท็บเล็ตผ่านระบบ JPay เพื่อส่งอีเมลและอ่านหนังสือ
    การต่อสู้เพื่อสิทธิในการใช้เทคโนโลยีในเรือนจำเคยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น การอนุญาตให้โทรหามือถือในปี 2017

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-jersey-prisoner-laments-reliance-on-floppy-disks-for-appeals-documents-which-limits-file-size-to-1-44-mb-prisoners-allowed-20-floppy-disks-in-cell-but-usb-flash-sticks-are-banned
    🎙️ เมื่อการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต้องพึ่งเทคโนโลยีปี 1985 ลองจินตนาการว่าคุณต้องเขียนคำร้องขออุทธรณ์คดีสำคัญที่สุดในชีวิต แต่เครื่องมือเดียวที่คุณมีคือ “แผ่นฟลอปปี้ดิสก์” ขนาด 1.44MB และเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า — นั่นคือชีวิตจริงของ Jorge Luis Alvarado ผู้ต้องขังในเรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ Alvarado เล่าผ่าน Prison Journalism Project ว่าเขาได้รับเอกสารจากทนายความผ่านแฟลชไดรฟ์ แต่ไม่สามารถนำเข้าเรือนจำได้ ต้องใช้คอมพิวเตอร์พิเศษในห้องสมุดกฎหมายเพื่อถ่ายโอนข้อมูลลงฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งอาจต้องรอหลายวันกว่าจะได้ใช้ แม้ผู้ต้องขังจะได้รับอนุญาตให้เก็บแผ่นฟลอปปี้ได้ 20 แผ่นในห้องขัง แต่แฟลชไดรฟ์กลับถูกแบนโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลด้าน “ความปลอดภัย” ที่หลายคนมองว่าไม่สมเหตุสมผลในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ความล้าหลังของอุปกรณ์ แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายจากการเสียหายของแผ่นฟลอปปี้ และข้อจำกัดด้านขนาดไฟล์ที่ทำให้เอกสารทางกฎหมายต้องถูกแบ่งออกเป็นหลายแผ่น ในขณะที่โลกภายนอกใช้ SSD และคลาวด์ในการจัดเก็บข้อมูล ผู้ต้องขังในนิวเจอร์ซีย์ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เลิกผลิตไปตั้งแต่ปี 2011 เพื่อสู้คดีของตัวเอง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ผู้ต้องขังในเรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์ยังใช้แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ในการจัดการเอกสารทางกฎหมาย ➡️ ได้รับอนุญาตให้เก็บแผ่นฟลอปปี้ได้ 20 แผ่นในห้องขัง แต่ห้ามใช้แฟลชไดรฟ์ ➡️ ต้องใช้คอมพิวเตอร์พิเศษในห้องสมุดกฎหมายเพื่อถ่ายโอนข้อมูลจากแฟลชไดรฟ์ ➡️ การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในห้องสมุดต้องรอหลายวัน ซึ่งอาจเสียเวลาในการอุทธรณ์ ➡️ แผ่นฟลอปปี้มีขนาดความจุเพียง 1.44MB ทำให้เอกสารหนึ่งฉบับต้องใช้หลายแผ่น ➡️ แผ่นฟลอปปี้มีแนวโน้มเสียหายง่าย ทำให้ต้องสำรองข้อมูลหลายชุด ➡️ ไม่มีบริษัทผลิตแผ่นฟลอปปี้ใหม่ตั้งแต่ปี 2011 ทำให้แหล่งจัดหามีจำกัด ➡️ Alvarado เขียนบทความผ่าน Prison Journalism Project เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เรือนจำรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นหนึ่งในเรือนจำที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐฯ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1835 ➡️ การใช้เทคโนโลยีล้าหลังในเรือนจำส่งผลต่อความสามารถในการเตรียมคดีและลดโอกาสในการอุทธรณ์ ➡️ การเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ในเรือนจำสามารถช่วยลดอัตราการกลับเข้าสู่ระบบ (recidivism) ➡️ ในปี 2015 เรือนจำบางแห่งเริ่มใช้แท็บเล็ตผ่านระบบ JPay เพื่อส่งอีเมลและอ่านหนังสือ ➡️ การต่อสู้เพื่อสิทธิในการใช้เทคโนโลยีในเรือนจำเคยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เช่น การอนุญาตให้โทรหามือถือในปี 2017 https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-jersey-prisoner-laments-reliance-on-floppy-disks-for-appeals-documents-which-limits-file-size-to-1-44-mb-prisoners-allowed-20-floppy-disks-in-cell-but-usb-flash-sticks-are-banned
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปปป.คุม "สีกากอล์ฟ" เข้าห้องขัง หลังสอบเครียดเกือบ 5 ชั่วโมง ด้านเจ้าตัวแค่ยกมือไหว้ หลังสื่อรุมถามรู้สึกอย่างไรที่ทำให้พระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปต้องสึก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066651

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ตำรวจ ปปป.คุม "สีกากอล์ฟ" เข้าห้องขัง หลังสอบเครียดเกือบ 5 ชั่วโมง ด้านเจ้าตัวแค่ยกมือไหว้ หลังสื่อรุมถามรู้สึกอย่างไรที่ทำให้พระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปต้องสึก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066651 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..555,ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ การเมืองคือภายในชาติไทยเรา,แต่อธิปไตยชาติไทยต้องมาก่อนเรื่องการเมืองส่วนตัวของสถานะการเล่นการเมืองในแบบใครมัน.,ชาติไทยเราต้องมาก่อนนั้นเอง.
    ..พรรคอื่นๆหากยังยึดมั่นไม่รีบแสดงตัวตนว่าจะยืนฝ่ายอธิปไตยไทยหรือยืนฝ่ายตรงข้ามทหารไทยเรายืนร่วมกับเขมรมันยืมฝ่ายตรงข้ามอธิปไตยไทยภายในสิ้นวันศุกร์นี้แสดงว่าเลิกการให้อภัยโทษได้เลย,ทางเดียวที่ต้องได้รับในอนาคตคือโทษหนักหนาสาหัสแน่นอนในนามพรรคร่วมคณะรัฐบาลที่ชัดเจนตามคลิปว่ายืนตรงข้ามทหารไทยเราที่กำลังทำหน้าที่สุดกำลังรักษาอธิปไตยของชาติไทยเราเองไม่ละอายใจในหน้าที่ต่อพี่น้องทหารหาญที่สละแรงกายแรงใจตลอดเสียสละชีพกันมหาศาลนับจากอดีตถึงปัจจุบันเพื่อดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยไทยเรานั้นคือความสุขสงบร่มเย็นภายในชาติไทยเราเองโดยพื้นฐานสำมัญสำนึกปกติต้องใช้สมองส้นตีนคิดอ่านกันเองได้ง่ายๆมาก,เราจะไม่อภัยโทษใดๆอีกแล้วกับผู้ทรยศแผ่นดินไทย,มันต้องสะสางกวาดล้างเก็บกวาดจริงจังเสียทีเลอะเทอะปล่อยปะละเลยให้สำนึกสำเนียกเองนานพอแล้ว,ใครสำนึกทันก็อภัยได้ ถึงขนาดนี้ยังไม่สำนึกก็ต้องเด็ดขาดเสียทีกับสันดานจริงที่ต้องการแสดงออกมาแล้วก็พร้อมตอบสนองสันดานชั่วเลวนั้นให้เป็นที่พึ่งพอใจแก่มันที่สุดจริงๆ,อธิปไตยไทยคือของทุกๆคนคนไทยร่วมมีมัน,มันคือสัมมาชีวิตของคนไทยเราทุกๆคน,อธิปไตยถูกคุกคามรุกรานหรือง่ายๆแบบถูกยึดครองโดยชาติอื่น,สัมมาชีวิตของคนไทยจะสิ้นสถานะทันที ตกเป็นสถานะทาสและเชลยศึกโดยไม่ต้องสงสัยแบบแพ้สงครามสมัยอยุธยาแก่พม่า,นั้นคือคนไทยทุกๆคนสิ้นชาติไทยสิ้นความผาสุกสุขสงบสุขอีกต่อไป,สถาบันนักการเมืองต้องมีจิตสำนึกนี้ทันทีโดยพื้นฐานในทุกๆคนที่ลงเล่นการเมืองและเหี้ยเรื่อยมาตลอดก็ตาม,สถาบันการเมืองการปกครองต้องถูกปฏิวัติจริงๆ.,ประชาชนมากมายเดินสัมมาชีวิตผิดทางจากวิถีปกครองและภาครัฐฐะไม่ใส่ใจจริงใจจริงจังดูแลประชาชนคนไทยเลย,ล่าสุดอดข้าวอดอาหารตายที่เป็นข่าว,กรมแรงงานกระทรวงแรงงานมีเสียของไม่ยื่นมือช่วยเหลือสร้างระบบกลไกที่ดีเตรียมพร้อมให้คนไทยมีงานมีรายได้ดำรงชีพจริงอะไรเลย,ตัังสำนักงานเอาเท่เชิงตั้งรับห่าเหวจนถึงปัจจุบัน,นักศึกษาจบใหม่หางานเองไม่ช่วยเขาให้มีงานอะไรเลย,ใครตกงานหางานให้เขา,ช่วยเขา,นี้คือปัญหาพื้นฐานที่ระบบจัดการภาครัฐขาดประสิทธิภาพตลอดมา,เอาแต่เล่นการเมืองอยากได้ยศได้ตำแหน่งอำนาจเอาเท่เอาแดกเอาโกงใส่ตัวใส่ตน,แม้ซื้อเสียงมาแต่ใฝ่แก้ไขระบบให้ดีมันก็ดีแน่,แม้ทหารยึดอำนาจใฝ่แก้ระบบให้ดีก็ดีแน่,ยิ่งยึดอำนาจยิ่งดีสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำได้รวดเร็วแก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีให้ดีได้ทันกาล,มิใช่แบยสภาที่อีลิทต่างชาติแทรกแซงแทรกซึมครอบงำควบคุมง่าย.
    ..การยึดอำนาจจึงคือทางออกทั้งหมด,ลาออก ยุบสภาก็แก้ต้นเหตุไม่ได้,ต้นเหตุคือนายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตรงของประชาชน,กฎหมายมากมายเลอะเทอะปัญญาอ่อนไปหมด ตีตรากดขี่ประชาชนจนเหมือนนักโทษเรือนจำนอกห้องขังแค่นั้นล่ะ,เอาข้อกฎหมายของคนผิดมาตีตราบังคับคนไม่ผิดไปด้วยหรือทำชีวิตเขามิให้อิสระเสรีไปด้วย,ง่าย แบบสวมหมวกกันน็อค มันคือสิทธิธรรมดาเขาจะใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเขาชีวิตเขา เขามิใช่โจรไปก่ออาชญากรรม โจรเสียมาใส่ปกปิดใบหน้า,ผีบ้าอ้างว่าต้องลงโทษปรับให้หนักจะไม่กล้าทำผิด นี้ชัดเจนคือสันดานการปกครองแบบปีศาจซาตานอีลิทอสูรต้องการปกครองให้หวาดกลัวนั้นเองเข้าใจง่ายมาก,ปรับชาวบ้านหาเช้ากินค่ำจนแพงถึง2,000บาทมันบ้าไปแล้วของคนตีตราเขียนออกร่างทำกฎหมาย,นี้ลักษณะนี้ต้องฉีกทิ้ง,หรืออธิปไตยทางพลังงานก็ฉีกทิ้งที่ปล้นชิงทางกฎหมายไปให้ดูว่าปล้นแบบถูกกฎหมายกติกาบ้านเมืองคุณประเทศไทยที่ออกมานั้นล่ะ,เช่นนั้นเราก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เอาคืนที่มันปล้นไปแบบอ้างกฎหมายเราออกก่อนหน้านั้นเสียที่ข้าราชการเลวชั่วสมคบคิดทรยศเข้าด้วยต่างชาติหมายยึดครองบ่อน้ำมันโดยไม่เข้าสภาสส.สว.อภิปรายชี้แจ้งโต้ตอบผลดีผลเสียให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมรับฟังความจริงว่าค่าจริงคืออะไรเลย,นี้คือการกระทำเชิงด้านชั่วเลวไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยไทยด้านความมั่นคงทางพลังงานเลย ,อิสราเอลในมุกนี้ระเบิดิหร่านก่อนก็เพื่อตัดตอนตัดขาจีนไม่ให้ได้น้ำมันไปจีนจากอิหร่านง่ายๆนอมินีมาทำลายอิหร่านตัดขาจีนทางพลังงานนั้นล่ะก็ด้วยเพราะจีนนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านมหาศาลหากเกิดสงครามกับอเมริกาจริง,จีนต้องพึ่งพาบ่อน้ำมันในการทำสงครามกับอเมริกามหาศาลนั้นล่ะนอกจากนำเข้าจากแอฟริกาหรือพม่าหรือไทยเรา.,ไม่มีอะไรเลยเรื่องสงครามอิสราเอลกับอิหร่านมีแค่นี้ล่ะ,เหี้ยสื่อไทยก็ปั่นกระแสโหนกระแสแบบยุคโควิดเกิน,อีลิทคือยิว ยิวอิสราเอลให้ทุนสื่อไทย,ยิวอิสราเอลตั้งที่อยู่อาศัยเต็มกระจายทั่วภาคเหนือโดยเฉพาะอ.ปาย.ก็ว่า,สื่อไทยไม่น้อยเหี้ยจึงเชียร์อิสราเอลทั้งที่อิสราเอลผิดก่อนเสือกไปยิงระเบิดใส่อิหร่านก่อนทั้งที่ต้องกำหนดการชัดจะเจรจาสงบศึกอยู่แล้ว,อิสราเอลคือคนทรยศโลกคือคนบัดสบประจำโลก ก่อความโกลาหลก่อนชัดเจนให้โลกสู่ความหายนะ,อิสราเอลคือคนผิดก่อนและจะไม่รุกรามหากห้ามใครเข้าไปยุ่งจะอเมริกาจะจีนจะรัสเชียจะยุโรปก็ตามให้รบกันเองแพ้ชนะกันเองแล้วถ้าใครประกาศยอมแพ้ก่อน ทั้งหมดจึงไประงับเหตุทันทีและเร่งช่วยเหลือเขา,ลงโทษทั้งสองฝ่ายด้วยที่ทำให้ชาวโลกที่อาศัยอยู่ในชาตินั้นๆเดือดร้อนกันคือคนในแต่ละชาติละประเทศนั้นล่ะ,แบนห้ามมีสัมพันธุ์กันชั่วคราวนั้นเอง,ปิดประเทศสำนึกตัวทั้งสองชาติก็ว่า.
    ..สรุป พรรคร่วมรัฐบาล วันนี้คือโอกาสสุดท้าย นานกว่านี้สายไปแล้ว,ปกติคนเราสำนึกดีชั่วได้ทันทีหลังคลิปออกแล้ว,แม้ภูมิใจไทยเหี้ยปกติอยู่แล้วมีปัญหาขัดแย้งชัดเจนก่อนหน้านี้ชัดพอดีจังหวะเหมาะเลยชิงลาออกถูกจังหวะเวลาแค่นั้นและสำนึกปกติโดยพื้นฐานพื้นๆก็ต้องคิดได้อ่านออกว่าสมควรลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆถ้าญี่ปุ่นในอดีตตัวผู้นำเขานายกฯเขา เขาประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบอย่างกล้าหาญแล้วไม่หน้าด้านต่อโคตรเหง้าบรมโคตรบรรพบุรุษตนให้คนทั้งประเทศสาปส่งหรือขับไบ่เหรอ.

    https://youtu.be/Yd3ZFllkBJg?si=a22ykwdFYj8YKFt0
    ..555,ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ การเมืองคือภายในชาติไทยเรา,แต่อธิปไตยชาติไทยต้องมาก่อนเรื่องการเมืองส่วนตัวของสถานะการเล่นการเมืองในแบบใครมัน.,ชาติไทยเราต้องมาก่อนนั้นเอง. ..พรรคอื่นๆหากยังยึดมั่นไม่รีบแสดงตัวตนว่าจะยืนฝ่ายอธิปไตยไทยหรือยืนฝ่ายตรงข้ามทหารไทยเรายืนร่วมกับเขมรมันยืมฝ่ายตรงข้ามอธิปไตยไทยภายในสิ้นวันศุกร์นี้แสดงว่าเลิกการให้อภัยโทษได้เลย,ทางเดียวที่ต้องได้รับในอนาคตคือโทษหนักหนาสาหัสแน่นอนในนามพรรคร่วมคณะรัฐบาลที่ชัดเจนตามคลิปว่ายืนตรงข้ามทหารไทยเราที่กำลังทำหน้าที่สุดกำลังรักษาอธิปไตยของชาติไทยเราเองไม่ละอายใจในหน้าที่ต่อพี่น้องทหารหาญที่สละแรงกายแรงใจตลอดเสียสละชีพกันมหาศาลนับจากอดีตถึงปัจจุบันเพื่อดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยไทยเรานั้นคือความสุขสงบร่มเย็นภายในชาติไทยเราเองโดยพื้นฐานสำมัญสำนึกปกติต้องใช้สมองส้นตีนคิดอ่านกันเองได้ง่ายๆมาก,เราจะไม่อภัยโทษใดๆอีกแล้วกับผู้ทรยศแผ่นดินไทย,มันต้องสะสางกวาดล้างเก็บกวาดจริงจังเสียทีเลอะเทอะปล่อยปะละเลยให้สำนึกสำเนียกเองนานพอแล้ว,ใครสำนึกทันก็อภัยได้ ถึงขนาดนี้ยังไม่สำนึกก็ต้องเด็ดขาดเสียทีกับสันดานจริงที่ต้องการแสดงออกมาแล้วก็พร้อมตอบสนองสันดานชั่วเลวนั้นให้เป็นที่พึ่งพอใจแก่มันที่สุดจริงๆ,อธิปไตยไทยคือของทุกๆคนคนไทยร่วมมีมัน,มันคือสัมมาชีวิตของคนไทยเราทุกๆคน,อธิปไตยถูกคุกคามรุกรานหรือง่ายๆแบบถูกยึดครองโดยชาติอื่น,สัมมาชีวิตของคนไทยจะสิ้นสถานะทันที ตกเป็นสถานะทาสและเชลยศึกโดยไม่ต้องสงสัยแบบแพ้สงครามสมัยอยุธยาแก่พม่า,นั้นคือคนไทยทุกๆคนสิ้นชาติไทยสิ้นความผาสุกสุขสงบสุขอีกต่อไป,สถาบันนักการเมืองต้องมีจิตสำนึกนี้ทันทีโดยพื้นฐานในทุกๆคนที่ลงเล่นการเมืองและเหี้ยเรื่อยมาตลอดก็ตาม,สถาบันการเมืองการปกครองต้องถูกปฏิวัติจริงๆ.,ประชาชนมากมายเดินสัมมาชีวิตผิดทางจากวิถีปกครองและภาครัฐฐะไม่ใส่ใจจริงใจจริงจังดูแลประชาชนคนไทยเลย,ล่าสุดอดข้าวอดอาหารตายที่เป็นข่าว,กรมแรงงานกระทรวงแรงงานมีเสียของไม่ยื่นมือช่วยเหลือสร้างระบบกลไกที่ดีเตรียมพร้อมให้คนไทยมีงานมีรายได้ดำรงชีพจริงอะไรเลย,ตัังสำนักงานเอาเท่เชิงตั้งรับห่าเหวจนถึงปัจจุบัน,นักศึกษาจบใหม่หางานเองไม่ช่วยเขาให้มีงานอะไรเลย,ใครตกงานหางานให้เขา,ช่วยเขา,นี้คือปัญหาพื้นฐานที่ระบบจัดการภาครัฐขาดประสิทธิภาพตลอดมา,เอาแต่เล่นการเมืองอยากได้ยศได้ตำแหน่งอำนาจเอาเท่เอาแดกเอาโกงใส่ตัวใส่ตน,แม้ซื้อเสียงมาแต่ใฝ่แก้ไขระบบให้ดีมันก็ดีแน่,แม้ทหารยึดอำนาจใฝ่แก้ระบบให้ดีก็ดีแน่,ยิ่งยึดอำนาจยิ่งดีสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำได้รวดเร็วแก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีให้ดีได้ทันกาล,มิใช่แบยสภาที่อีลิทต่างชาติแทรกแซงแทรกซึมครอบงำควบคุมง่าย. ..การยึดอำนาจจึงคือทางออกทั้งหมด,ลาออก ยุบสภาก็แก้ต้นเหตุไม่ได้,ต้นเหตุคือนายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตรงของประชาชน,กฎหมายมากมายเลอะเทอะปัญญาอ่อนไปหมด ตีตรากดขี่ประชาชนจนเหมือนนักโทษเรือนจำนอกห้องขังแค่นั้นล่ะ,เอาข้อกฎหมายของคนผิดมาตีตราบังคับคนไม่ผิดไปด้วยหรือทำชีวิตเขามิให้อิสระเสรีไปด้วย,ง่าย แบบสวมหมวกกันน็อค มันคือสิทธิธรรมดาเขาจะใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเขาชีวิตเขา เขามิใช่โจรไปก่ออาชญากรรม โจรเสียมาใส่ปกปิดใบหน้า,ผีบ้าอ้างว่าต้องลงโทษปรับให้หนักจะไม่กล้าทำผิด นี้ชัดเจนคือสันดานการปกครองแบบปีศาจซาตานอีลิทอสูรต้องการปกครองให้หวาดกลัวนั้นเองเข้าใจง่ายมาก,ปรับชาวบ้านหาเช้ากินค่ำจนแพงถึง2,000บาทมันบ้าไปแล้วของคนตีตราเขียนออกร่างทำกฎหมาย,นี้ลักษณะนี้ต้องฉีกทิ้ง,หรืออธิปไตยทางพลังงานก็ฉีกทิ้งที่ปล้นชิงทางกฎหมายไปให้ดูว่าปล้นแบบถูกกฎหมายกติกาบ้านเมืองคุณประเทศไทยที่ออกมานั้นล่ะ,เช่นนั้นเราก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เอาคืนที่มันปล้นไปแบบอ้างกฎหมายเราออกก่อนหน้านั้นเสียที่ข้าราชการเลวชั่วสมคบคิดทรยศเข้าด้วยต่างชาติหมายยึดครองบ่อน้ำมันโดยไม่เข้าสภาสส.สว.อภิปรายชี้แจ้งโต้ตอบผลดีผลเสียให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมรับฟังความจริงว่าค่าจริงคืออะไรเลย,นี้คือการกระทำเชิงด้านชั่วเลวไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยไทยด้านความมั่นคงทางพลังงานเลย ,อิสราเอลในมุกนี้ระเบิดิหร่านก่อนก็เพื่อตัดตอนตัดขาจีนไม่ให้ได้น้ำมันไปจีนจากอิหร่านง่ายๆนอมินีมาทำลายอิหร่านตัดขาจีนทางพลังงานนั้นล่ะก็ด้วยเพราะจีนนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านมหาศาลหากเกิดสงครามกับอเมริกาจริง,จีนต้องพึ่งพาบ่อน้ำมันในการทำสงครามกับอเมริกามหาศาลนั้นล่ะนอกจากนำเข้าจากแอฟริกาหรือพม่าหรือไทยเรา.,ไม่มีอะไรเลยเรื่องสงครามอิสราเอลกับอิหร่านมีแค่นี้ล่ะ,เหี้ยสื่อไทยก็ปั่นกระแสโหนกระแสแบบยุคโควิดเกิน,อีลิทคือยิว ยิวอิสราเอลให้ทุนสื่อไทย,ยิวอิสราเอลตั้งที่อยู่อาศัยเต็มกระจายทั่วภาคเหนือโดยเฉพาะอ.ปาย.ก็ว่า,สื่อไทยไม่น้อยเหี้ยจึงเชียร์อิสราเอลทั้งที่อิสราเอลผิดก่อนเสือกไปยิงระเบิดใส่อิหร่านก่อนทั้งที่ต้องกำหนดการชัดจะเจรจาสงบศึกอยู่แล้ว,อิสราเอลคือคนทรยศโลกคือคนบัดสบประจำโลก ก่อความโกลาหลก่อนชัดเจนให้โลกสู่ความหายนะ,อิสราเอลคือคนผิดก่อนและจะไม่รุกรามหากห้ามใครเข้าไปยุ่งจะอเมริกาจะจีนจะรัสเชียจะยุโรปก็ตามให้รบกันเองแพ้ชนะกันเองแล้วถ้าใครประกาศยอมแพ้ก่อน ทั้งหมดจึงไประงับเหตุทันทีและเร่งช่วยเหลือเขา,ลงโทษทั้งสองฝ่ายด้วยที่ทำให้ชาวโลกที่อาศัยอยู่ในชาตินั้นๆเดือดร้อนกันคือคนในแต่ละชาติละประเทศนั้นล่ะ,แบนห้ามมีสัมพันธุ์กันชั่วคราวนั้นเอง,ปิดประเทศสำนึกตัวทั้งสองชาติก็ว่า. ..สรุป พรรคร่วมรัฐบาล วันนี้คือโอกาสสุดท้าย นานกว่านี้สายไปแล้ว,ปกติคนเราสำนึกดีชั่วได้ทันทีหลังคลิปออกแล้ว,แม้ภูมิใจไทยเหี้ยปกติอยู่แล้วมีปัญหาขัดแย้งชัดเจนก่อนหน้านี้ชัดพอดีจังหวะเหมาะเลยชิงลาออกถูกจังหวะเวลาแค่นั้นและสำนึกปกติโดยพื้นฐานพื้นๆก็ต้องคิดได้อ่านออกว่าสมควรลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆถ้าญี่ปุ่นในอดีตตัวผู้นำเขานายกฯเขา เขาประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบอย่างกล้าหาญแล้วไม่หน้าด้านต่อโคตรเหง้าบรมโคตรบรรพบุรุษตนให้คนทั้งประเทศสาปส่งหรือขับไบ่เหรอ. https://youtu.be/Yd3ZFllkBJg?si=a22ykwdFYj8YKFt0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครปฐม – กลืนยาบ้าหวังรอด แต่ไม่รอดชีวิต” หนุ่ม 25 ปิดบังความจริง กลืนยาบ้า 49 เม็ด ก่อนช็อกดับคาห้องขัง ตร.-รพ.แจงชัด ไม่ได้ละเลย ไม่ได้ปิดข้อมูลการรักษา

    วันนี้( 4 มิ.ย. ) จากกรณี นายธีรนัย ชุมปาน อายุ 25 ปี เสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ข้อหาเสพและขับเสพยาบ้า โดยมีข้อมูลภายหลังว่าเจ้าตัวกลืนยาบ้า 49 เม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม

    ตำรวจแจงต่อผู้บังคับบัญชา ว่าหลังจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ได้ส่งตัวตรวจสารเสพติดที่ รพ.นครปฐม ซึ่งผู้ตายระบุเพียงว่าเสพยาบ้ามา 2 เม็ด แพทย์จึงเฝ้าดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนส่งตัวกลับมาควบคุมเพื่อดำเนินคดีตามปกติ

    ต่อมาเวลา 09.15 น. ก่อนนำตัวส่งศาล นายธีรนัยฯ หมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งมูลนิธิฯ และส่งตัวไปรพ.อีกครั้ง และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 15.44 น. ซึ่งมีเพื่อนผู้ต้องหายืนยันภายหลังว่า นายธีรนัยฯ กลืนยาบ้าเข้าไป 49 เม็ด

    รพ.นครปฐมชี้แจง โดย นพ.สุรชัย โชคครชิตชัย ผอ.รพ.นครปฐม ระบุว่า หลังจากมีสื่อบางแขนงได้มี นำเสนอข่าวว่าทางทีมแพทย์พยาบาลผู้ทำการรักษาได้มีการปิดบังข้อมูลในการรักษา ซึ่งโดยความเป็นจริงในการนำผู้ต้องหามาทำการตรวจสารเสพติด เจ้าตัวได้แจ้งว่าได้มีการเสพยาเสพติดมา 2เม็ดจึงได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดตามหลักการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000052205

    #MGROnline #นครปฐม #กลืนยาบ้า
    นครปฐม – กลืนยาบ้าหวังรอด แต่ไม่รอดชีวิต” หนุ่ม 25 ปิดบังความจริง กลืนยาบ้า 49 เม็ด ก่อนช็อกดับคาห้องขัง ตร.-รพ.แจงชัด ไม่ได้ละเลย ไม่ได้ปิดข้อมูลการรักษา • วันนี้( 4 มิ.ย. ) จากกรณี นายธีรนัย ชุมปาน อายุ 25 ปี เสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ข้อหาเสพและขับเสพยาบ้า โดยมีข้อมูลภายหลังว่าเจ้าตัวกลืนยาบ้า 49 เม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม • ตำรวจแจงต่อผู้บังคับบัญชา ว่าหลังจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ได้ส่งตัวตรวจสารเสพติดที่ รพ.นครปฐม ซึ่งผู้ตายระบุเพียงว่าเสพยาบ้ามา 2 เม็ด แพทย์จึงเฝ้าดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนส่งตัวกลับมาควบคุมเพื่อดำเนินคดีตามปกติ • ต่อมาเวลา 09.15 น. ก่อนนำตัวส่งศาล นายธีรนัยฯ หมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งมูลนิธิฯ และส่งตัวไปรพ.อีกครั้ง และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 15.44 น. ซึ่งมีเพื่อนผู้ต้องหายืนยันภายหลังว่า นายธีรนัยฯ กลืนยาบ้าเข้าไป 49 เม็ด • รพ.นครปฐมชี้แจง โดย นพ.สุรชัย โชคครชิตชัย ผอ.รพ.นครปฐม ระบุว่า หลังจากมีสื่อบางแขนงได้มี นำเสนอข่าวว่าทางทีมแพทย์พยาบาลผู้ทำการรักษาได้มีการปิดบังข้อมูลในการรักษา ซึ่งโดยความเป็นจริงในการนำผู้ต้องหามาทำการตรวจสารเสพติด เจ้าตัวได้แจ้งว่าได้มีการเสพยาเสพติดมา 2เม็ดจึงได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดตามหลักการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000052205 • #MGROnline #นครปฐม #กลืนยาบ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อนอกรายงาน นักท่องเที่ยวสาวแดนผู้ดีวัย 18 หายตัวลึกลับจาก “ไทย” นาน 4 วันมือถือปิดที่พัทยา เจอตัวอีกทีอยู่ในห้องขังจอร์เจียอดีตโซเวียต เปิดกระเป๋าที่สนามบินเจอกัญชาอัดแท่งแน่นเอียด

    นักท่องเที่ยวอังกฤษวัย 18 ปีหายตัวอย่างน่าฉงนระหว่างการท่องเที่ยวในไทย ครอบครัวในอังกฤษตามตัวให้วุ่นขาดการติดต่อตั้งแต่วันเสาร์ โผล่อีกทีห่างออกไปไกลถึงภูมิภาคคอเคซัสอยู่ในคุกหลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรจอร์เจียประจำสนามบินทบิลิซีเปิดกระเป๋าเจอยาเสพติดกัญชาอัดแท่งซุกอยู่เพียบ

    เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันอังคาร(3 พ.ค)ว่า เบลลา เมย์ คัลลีย์ (Bella May Culley)นักท่องเที่ยวสาวอังกฤษวัย 18 ปีถูกเห็นครั้งสุดท้ายที่พัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ

    แต่ทว่าในวันอังคาร(13)มีการเปิดเผยออกมาว่าคัลลีย์จากบิลลิงแฮม(Billingham) เกิดถูกจับที่จอร์เจียในภูมิภาคคอเคซัสที่ห่างไกลออกไป

    ตำรวจอังกฤษเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ในจอร์เจียได้แจ้งว่า สาวแดนผู้ดีโดนจับฐานต้องสงสัยคดียาเสพติดและในเวลานี้เธออยู่ในเรือนจำที่จอร์เจีย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000044980

    #MGROnline #นักท่องเที่ยวอังกฤษ #จอร์เจีย #คดียาเสพติด
    สื่อนอกรายงาน นักท่องเที่ยวสาวแดนผู้ดีวัย 18 หายตัวลึกลับจาก “ไทย” นาน 4 วันมือถือปิดที่พัทยา เจอตัวอีกทีอยู่ในห้องขังจอร์เจียอดีตโซเวียต เปิดกระเป๋าที่สนามบินเจอกัญชาอัดแท่งแน่นเอียด • นักท่องเที่ยวอังกฤษวัย 18 ปีหายตัวอย่างน่าฉงนระหว่างการท่องเที่ยวในไทย ครอบครัวในอังกฤษตามตัวให้วุ่นขาดการติดต่อตั้งแต่วันเสาร์ โผล่อีกทีห่างออกไปไกลถึงภูมิภาคคอเคซัสอยู่ในคุกหลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรจอร์เจียประจำสนามบินทบิลิซีเปิดกระเป๋าเจอยาเสพติดกัญชาอัดแท่งซุกอยู่เพียบ • เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันอังคาร(3 พ.ค)ว่า เบลลา เมย์ คัลลีย์ (Bella May Culley)นักท่องเที่ยวสาวอังกฤษวัย 18 ปีถูกเห็นครั้งสุดท้ายที่พัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ • แต่ทว่าในวันอังคาร(13)มีการเปิดเผยออกมาว่าคัลลีย์จากบิลลิงแฮม(Billingham) เกิดถูกจับที่จอร์เจียในภูมิภาคคอเคซัสที่ห่างไกลออกไป • ตำรวจอังกฤษเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ในจอร์เจียได้แจ้งว่า สาวแดนผู้ดีโดนจับฐานต้องสงสัยคดียาเสพติดและในเวลานี้เธออยู่ในเรือนจำที่จอร์เจีย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000044980 • #MGROnline #นักท่องเที่ยวอังกฤษ #จอร์เจีย #คดียาเสพติด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 756 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ
    ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด


    หา รมต. วิญญูชนยาก

    ดักคออย่าขวางอภิปราย

    ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม

    สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE] พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด หา รมต. วิญญูชนยาก ดักคออย่าขวางอภิปราย ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    Like
    Love
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1935 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • นางหัสดี หรือป้าลี อายุ 56 ปี อดีตสมาชิก อบต.บ้านม่วง ต.นาคูณ อ.นาหว้า จ.นครพนม ตัดสินใจเปิดโปงชีวิตสุดทรมานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หลังต้องเผชิญฝันร้ายจากลูกชายฝาแฝดวัย 23 ปีติดยาบ้าอย่างหนัก จนต้องใช้เหล็กดัดสร้างห้องขังตัวเองไว้ในบ้าน ป้องกันตัวจากลูกชายที่คลุ้มคลั่งขู่ทำร้ายและขู่เอาเงินไปซื้อยาทุกวัน วันละหลายครั้ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024014
    นางหัสดี หรือป้าลี อายุ 56 ปี อดีตสมาชิก อบต.บ้านม่วง ต.นาคูณ อ.นาหว้า จ.นครพนม ตัดสินใจเปิดโปงชีวิตสุดทรมานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หลังต้องเผชิญฝันร้ายจากลูกชายฝาแฝดวัย 23 ปีติดยาบ้าอย่างหนัก จนต้องใช้เหล็กดัดสร้างห้องขังตัวเองไว้ในบ้าน ป้องกันตัวจากลูกชายที่คลุ้มคลั่งขู่ทำร้ายและขู่เอาเงินไปซื้อยาทุกวัน วันละหลายครั้ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024014
    Sad
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1161 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE]
    พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง


    ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล

    พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน

    ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม

    คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE] พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1730 มุมมอง 58 0 รีวิว
  • ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?

    การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต

    แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา?

    ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

    เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า
    - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย
    - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต
    - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย

    แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ

    คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?
    หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย
    ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง
    ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง
    ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง
    คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน

    หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม
    เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ
    ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ
    ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ

    ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง?

    ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์

    หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด

    ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน

    ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ

    สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ

    ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️
    - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่?
    - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่?
    - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า?

    หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย?

    "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?"

    ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้

    คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568

    #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา? 📍 ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ 💬 เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ 🚨 🔍 คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย ✔️ ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง ✔️ ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง ✔️ ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง ✔️ คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน ❗ หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม ❌ เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ ❌ ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ ❌ ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ 🔎 ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง? 📜 ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ 🔴 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ 💣 หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด ⚖️ ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน ⚡ ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ 📌 สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ 🏛️ ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️ - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่? - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่? - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า? 🔥 หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย? 🔮 "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?" 📢 ⏳ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้ ❗ คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568 📢 #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1805 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อดีต ผกก.โจ้" คดีคลุมถุงดำ ผูกคอดับคาห้องขังคลองเปรม
    https://www.thai-tai.tv/news/17546/
    "อดีต ผกก.โจ้" คดีคลุมถุงดำ ผูกคอดับคาห้องขังคลองเปรม https://www.thai-tai.tv/news/17546/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ๊พรีมมือสาดน้ำซุปร้อน พร้อมคู่หู ยังนอนในห้องขัง สภ.คลองหลวง ตร.เผยมีเจ้าทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มแล้ว 5 ราย คุมตัวฝากขังพร้อมแก๊งโอรีโอ้พรุ่งนี้

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ก.พ.68 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 132/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” โดยจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่133/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น”

    โดยกล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องเคสแก็งโอริโอ้และเคส LGBTQ และได้ประชุมกันว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันพรุ่งนี้พราะค่ำคืนที่ผ่านมาก็ยังมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอีก เราจึงประชุมกันว่าจะมีการฝากขังพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ได้มีการเตรียมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา สำหรับเคส LGBTQ มีผู้เข้าแจ้งความแล้ว 4 คดีและค่ำคืนที่ผ่านมาอีก 1 คดี ในวันนี้คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก สำหรับผู้ต้องหาเรามีแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรตอนนี้ยังไม่เข้าข้อกฎหมายองค์กรอาชญากรรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000013364

    #MGROnline #LGBTQ #สาดน้ำร้อน #เจ๊พรีม
    เจ๊พรีมมือสาดน้ำซุปร้อน พร้อมคู่หู ยังนอนในห้องขัง สภ.คลองหลวง ตร.เผยมีเจ้าทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มแล้ว 5 ราย คุมตัวฝากขังพร้อมแก๊งโอรีโอ้พรุ่งนี้ • เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ก.พ.68 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 132/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” โดยจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่133/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” • โดยกล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องเคสแก็งโอริโอ้และเคส LGBTQ และได้ประชุมกันว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันพรุ่งนี้พราะค่ำคืนที่ผ่านมาก็ยังมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอีก เราจึงประชุมกันว่าจะมีการฝากขังพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ได้มีการเตรียมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา สำหรับเคส LGBTQ มีผู้เข้าแจ้งความแล้ว 4 คดีและค่ำคืนที่ผ่านมาอีก 1 คดี ในวันนี้คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก สำหรับผู้ต้องหาเรามีแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรตอนนี้ยังไม่เข้าข้อกฎหมายองค์กรอาชญากรรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000013364 • #MGROnline #LGBTQ #สาดน้ำร้อน #เจ๊พรีม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล
    .
    ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ
    .
    ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก
    .
    เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น
    .
    นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19)
    .
    และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ
    .
    แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน
    กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา
    .
    ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว
    .
    เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก
    .
    ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล . ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ . ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก . เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล . เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น . นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19) . และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ . แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า . เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา . ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว . เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก . ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว
    .
    วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง
    .
    หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์
    .
    ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ
    .
    ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม
    .
    ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ
    .
    หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก
    .
    ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ
    .
    ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน
    .
    ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล
    .
    ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์
    .
    นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825
    ..............
    Sondhi X
    ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว . วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง . หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ . ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ . ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม . ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม . เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ . หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก . ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ . ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน . ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล . ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น . ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง . ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์ . นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1705 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง

    จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว

    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927

    #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง • จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว • ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927 • #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1032 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด

    น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท • ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด • น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักตํารวจสอบสวนกลางหรือCIB เนื่องจากเป็นหน่วยงานหลักในการทําคดีการทําธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนก่อนหน้านี้
    รวมทั้งเข้ามาทําคดีอาชญากรรมสําคัญมากมาย
    โดยเฉพาะล่าสุดเพิ่งเข้าทลายกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงเหยื่อไปอยู่ในขบวนการค้.ามนุ..ษย์เพื่อขายบริก..ารทางเ.พ..ศ
    ในโลกออนไลน์จึงเริ่มมีกระแสอยากเห็นภาพบรรยากาศห้องขังของตํารวจ CIB
    ปรากฏว่ากองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านทางโซเชียลมีเดียพร้อมระบุว่ารีวิวห้องขัง cib ตามคําเรียกร้อง
    ตํารวจสอบสวนกลาง cibมืออาชีพเป็นการเคียงข้างประชาชน
    เนื้อหาในคลิประบุว่า ห้องพักฟรีที่ใครก็ไม่อยากมามีทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
    ไม่ต้องเหงามีเราอยู่เป็นเพื่อน
    ที่พักรองรับได้ทั้งชายและหญิงพร้อมรับทุกคดี
    พื้นที่กว้างและไม่อ้างว้างอย่างแน่นอน
    บริการห้องน้ําสบายแบบ openair คิดถึงก็มาเยี่ยมกันได้ เช้าเที่ยง เย็น
    อาหาร3 มื้อ รับรองไม่มีอดและนี่คือการรีวิวห้องขังของ cibทางที่ดีอย่ามาดีกว่า
    โดยหากมีผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีต่างๆ
    ทางพนักงานสอบสวนจะมีอํานาจหน้าที่ในการควบคุมผู้ต้องหาเป็นเวลาไม่เกิน2 วัน หรือ 48ชั่วโมง
    เพื่อทําการสอบสวนผู้ต้องหาให้เสร็จสิ้น
    หากพนักงานสอบสวนไม่ให้ผู้ต้องหาประกันตัวก็อาจจะนําตัวผู้ต้องหาส่งสารเพื่อฝากขังต่อไป
    และหากผู้ต้องหาถูกฝากขังที่ซีไอบีจะมีอาหารฟรีถึง 3 มื้อและสิ่งอื่นๆ
    ที่ผู้ต้องหาพึงจะต้องได้รับ ตอนนี้เราก็มาลุ้นกันว่าบอสนั้นในวงการจะได้เข้ารับบริการที่นี่คนต่อไป
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดํา
    ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักตํารวจสอบสวนกลางหรือCIB เนื่องจากเป็นหน่วยงานหลักในการทําคดีการทําธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนก่อนหน้านี้ รวมทั้งเข้ามาทําคดีอาชญากรรมสําคัญมากมาย โดยเฉพาะล่าสุดเพิ่งเข้าทลายกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงเหยื่อไปอยู่ในขบวนการค้.ามนุ..ษย์เพื่อขายบริก..ารทางเ.พ..ศ ในโลกออนไลน์จึงเริ่มมีกระแสอยากเห็นภาพบรรยากาศห้องขังของตํารวจ CIB ปรากฏว่ากองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านทางโซเชียลมีเดียพร้อมระบุว่ารีวิวห้องขัง cib ตามคําเรียกร้อง ตํารวจสอบสวนกลาง cibมืออาชีพเป็นการเคียงข้างประชาชน เนื้อหาในคลิประบุว่า ห้องพักฟรีที่ใครก็ไม่อยากมามีทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ไม่ต้องเหงามีเราอยู่เป็นเพื่อน ที่พักรองรับได้ทั้งชายและหญิงพร้อมรับทุกคดี พื้นที่กว้างและไม่อ้างว้างอย่างแน่นอน บริการห้องน้ําสบายแบบ openair คิดถึงก็มาเยี่ยมกันได้ เช้าเที่ยง เย็น อาหาร3 มื้อ รับรองไม่มีอดและนี่คือการรีวิวห้องขังของ cibทางที่ดีอย่ามาดีกว่า โดยหากมีผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีต่างๆ ทางพนักงานสอบสวนจะมีอํานาจหน้าที่ในการควบคุมผู้ต้องหาเป็นเวลาไม่เกิน2 วัน หรือ 48ชั่วโมง เพื่อทําการสอบสวนผู้ต้องหาให้เสร็จสิ้น หากพนักงานสอบสวนไม่ให้ผู้ต้องหาประกันตัวก็อาจจะนําตัวผู้ต้องหาส่งสารเพื่อฝากขังต่อไป และหากผู้ต้องหาถูกฝากขังที่ซีไอบีจะมีอาหารฟรีถึง 3 มื้อและสิ่งอื่นๆ ที่ผู้ต้องหาพึงจะต้องได้รับ ตอนนี้เราก็มาลุ้นกันว่าบอสนั้นในวงการจะได้เข้ารับบริการที่นี่คนต่อไป ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดํา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 865 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับโกหก “วิษณุ เครืองาม” อ้าง ”ทักษิณ ชินวัตร“ ติดคุกจริง
    .
    22 สิงหาคม 2566
    .
    “การเข้าไปในเรือนจำวันนี้ในฐานะรักษาการแทน รมว.ยุติธรรม และรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าไปพบตัวนายทักษิณ … รัฐบาลจะไปอยู่แล้ว จะให้อำนวยความสะดวกอะไรกันหนักกันหนา“
    .
    10 ธันวาคม 2567
    .
    ”กรณีนายทักษิณก็เข้าห้องขังนะ คุณไปนึกภาพห้องขังเป็นลูกกรงๆ ซีกๆ ห้องขังไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมเดินทางไปช่วงบ่าย นายทักษิณเข้าไปก่อนแล้ว … มีขั้นตอนการถอดเสื้อ เปลี่ยนเสื้อ ถ่ายรูป ทำบัตร ตรวจโรค กักโรค เรียบร้อยแล้วก็มาส่งที่ห้องขัง เพียงแต่ทำดี สะอาดหน่อยเท่านั้น ปัด กวาด เช็ดถูห้องน้ำให้ดูดี เดิมถ่ายห้องหนึ่ง อาบน้ำไปอีกห้องหนึ่ง เราก็ติดฝักบัวให้เขาก็จบเรื่อง ซึ่งตอนติดฝักบัวผมไปดู ตรงนั่นแหละคือห้องขัง“
    ...........
    Sondhi X
    จับโกหก “วิษณุ เครืองาม” อ้าง ”ทักษิณ ชินวัตร“ ติดคุกจริง . 22 สิงหาคม 2566 . “การเข้าไปในเรือนจำวันนี้ในฐานะรักษาการแทน รมว.ยุติธรรม และรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าไปพบตัวนายทักษิณ … รัฐบาลจะไปอยู่แล้ว จะให้อำนวยความสะดวกอะไรกันหนักกันหนา“ . 10 ธันวาคม 2567 . ”กรณีนายทักษิณก็เข้าห้องขังนะ คุณไปนึกภาพห้องขังเป็นลูกกรงๆ ซีกๆ ห้องขังไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมเดินทางไปช่วงบ่าย นายทักษิณเข้าไปก่อนแล้ว … มีขั้นตอนการถอดเสื้อ เปลี่ยนเสื้อ ถ่ายรูป ทำบัตร ตรวจโรค กักโรค เรียบร้อยแล้วก็มาส่งที่ห้องขัง เพียงแต่ทำดี สะอาดหน่อยเท่านั้น ปัด กวาด เช็ดถูห้องน้ำให้ดูดี เดิมถ่ายห้องหนึ่ง อาบน้ำไปอีกห้องหนึ่ง เราก็ติดฝักบัวให้เขาก็จบเรื่อง ซึ่งตอนติดฝักบัวผมไปดู ตรงนั่นแหละคือห้องขัง“ ........... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1099 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เอ็ม” เว็บโหด ฉุนไม่พอใจนักข่าวดักสัมภาษณ์ กระชากมือดึงตัวนักข่าวหนุ่ม ก่อนใช้หัวโขกปากแตก ขณะนำตัวเข้าห้องขัง ก่อนตะโกนต่อว่า ถามไม่ให้เกียรติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118592

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เอ็ม” เว็บโหด ฉุนไม่พอใจนักข่าวดักสัมภาษณ์ กระชากมือดึงตัวนักข่าวหนุ่ม ก่อนใช้หัวโขกปากแตก ขณะนำตัวเข้าห้องขัง ก่อนตะโกนต่อว่า ถามไม่ให้เกียรติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118592 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1078 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เอ็ม”เว็บโหด ฉุนไม่พอใจนักข่าวดักสัมภาษณ์ กระชากมือดึงตัวนักข่าวหนุ่ม ก่อนใช้หัวโขกปากแตก ขณะนำตัวเข้าห้องขัง ก่อนตะโกนต่อว่า ถามไม่ให้เกียรติ

    วันนี้( 10 ธ.ค.)เมื่อเวลา 11.35 น.ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี นายนครินทร์ โคตรศรี อายุ 25 ปี ผู้สื่อข่าวช่องอมรินทร์ TV34 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ หลังจากถูกนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็ม ผู้ต้องหาใช้หัวโขกไปที่ริมฝีปาก ขณะที่นายนครินทร์ กำลังขอสัมภาษณ์จักรกฤษณ์ ในประเด็นเรื่องพบสารเสพติดในร่างกาย ขณะตำรวจจะนำตัวเข้าห้องผู้ต้องขัง หลังจากกลับมาจากตรวจสารเสพติดที่โรงพยาบาล

    นายนครินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ขณะที่มาถึงโรงพัก ทางผู้ต้องหานั้นได้ถูกตำรวจควบคุมตัวไปยืนยันผลตรวจสารเสพติดที่โรงพยาบาล ขณะที่ผู้ต้องหากลับถึงโรงพักเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 5 นาย ได้เดินควบคุมตัวนายจักรกฤษณ์ เข้าห้องผู้ต้องขัง ระหว่างทางตนได้พยายามสอบถามสาเหตุของการตรวจเจอสารเสพติดกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหานั้นมีการกระชากมือให้เข้าไปใกล้ แล้วใช้ศีรษะโขกเข้ามาที่บริเวณริมฝีปากของตนอย่างแรง ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณผีปากบนแตก จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายจักรกฤษณ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000118592

    #MGROnline #เอ็มเว็บโหด #หัวโขกปากแตก #นักข่าวช่องดัง
    “เอ็ม”เว็บโหด ฉุนไม่พอใจนักข่าวดักสัมภาษณ์ กระชากมือดึงตัวนักข่าวหนุ่ม ก่อนใช้หัวโขกปากแตก ขณะนำตัวเข้าห้องขัง ก่อนตะโกนต่อว่า ถามไม่ให้เกียรติ • วันนี้( 10 ธ.ค.)เมื่อเวลา 11.35 น.ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี นายนครินทร์ โคตรศรี อายุ 25 ปี ผู้สื่อข่าวช่องอมรินทร์ TV34 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ หลังจากถูกนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็ม ผู้ต้องหาใช้หัวโขกไปที่ริมฝีปาก ขณะที่นายนครินทร์ กำลังขอสัมภาษณ์จักรกฤษณ์ ในประเด็นเรื่องพบสารเสพติดในร่างกาย ขณะตำรวจจะนำตัวเข้าห้องผู้ต้องขัง หลังจากกลับมาจากตรวจสารเสพติดที่โรงพยาบาล • นายนครินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ขณะที่มาถึงโรงพัก ทางผู้ต้องหานั้นได้ถูกตำรวจควบคุมตัวไปยืนยันผลตรวจสารเสพติดที่โรงพยาบาล ขณะที่ผู้ต้องหากลับถึงโรงพักเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 5 นาย ได้เดินควบคุมตัวนายจักรกฤษณ์ เข้าห้องผู้ต้องขัง ระหว่างทางตนได้พยายามสอบถามสาเหตุของการตรวจเจอสารเสพติดกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหานั้นมีการกระชากมือให้เข้าไปใกล้ แล้วใช้ศีรษะโขกเข้ามาที่บริเวณริมฝีปากของตนอย่างแรง ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณผีปากบนแตก จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายจักรกฤษณ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000118592 • #MGROnline #เอ็มเว็บโหด #หัวโขกปากแตก #นักข่าวช่องดัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง
    .
    เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.)
    .
    ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน
    .
    รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3
    .
    ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า"
    .
    ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์
    .
    ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
    .
    ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    .
    ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม
    .
    จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra)
    .
    กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847
    ..................
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังพ้นตำแหน่ง มีข่าวว่ากำลังพูดคุยในความเป็นไปได้ในการอภัยโทษอย่างครอบคลุมให้พวกคนดังทั้งหลายที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ จากความเป็นไปได้ที่จะถูกตามประหัตประหารในอนาคต ตามรายงานข่าวของโพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองอเมริกาและซีบีเอสนิวส์ . เมื่อเร็วๆนี้ ไบเดน เพิ่งอภัยโทษให้ลูกชาย ไม่ใช่แค่ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญาต่างๆนานา แต่ยังรวมทุกๆอย่างที่เขาอาจกระทำผิดมาตั้งแต่ปี 2014 ทั้งนี้ขอบเขตการอภัยโทษอย่างกว้างขวางที่ไม่ปกติดังกล่าว เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง แม้กระทั่งจากคนในพรรคของประธานาธิบดีเอง . เว็บไซต์ข่าวโพลิติโก รายงานอ้างแหล่งข่าวคนวงในภายในพรรค ว่าพรรคเดโมแครตต้องการปกป้องคนกลุ่มหนึ่งจากการถูก ทรัมป์ แก้แค้น ครั้งที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยเวลานี้ เจฟฟรีย์ ไซอ็องส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวและ เอ็ด ซิสเคิล หัวหน้าที่ปรึกษา กำลังหารือเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และบรรดาบุคคลที่อาจอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ตามรายงานของซีบีเอสเมื่อวันศุกร์(6ธ.ค.) . ในบรรดาชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคือนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งช่วยวางแผนมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 และบังคับสวมหน้ากาก ครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และหลังจากนั้นก็ช่วยวางแผนบังคับฉีดวัคซีน ในฐานะที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของไบเดน . รายงานของสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของโควิด-19 ได้กล่าวหา เฟาซี ปกปิดบทบาทของเขา ในการให้เงินสนับสนุนห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบ่อเกิดของไวรัส โดยดำเนินการผ่านมือที่ 3 . ส่วนอีกคนที่อาจได้รับการอภัยโทษคือ มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ ที่เคยเรียกทรัมป์ว่า "พวกฟาสซิสต์" และ "พวกกระสันเป็นเผด็จการ" โดยอดีตประธานเสนาธิการทหารร่วมรายนี้ เคยพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาต่อสายหาประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 และอีกครั้งหลังจากเหตุจลาจลจู่โจมอาคารรัฐสภาอเมริกา วันที่ 6 มกราคม 2021 เรียกร้องให้ทำงานร่วมกับพรรคเดโมโครต เพราะเขาคิดว่า ทรัมป์ "เป็นคนบ้า" . ทรัมป์ ประณามการออกมาเปิดเผยดังกล่าว โดยชี้ว่าพฤติกรรมของมิลลีย์ ควรถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อกบฏ "เขาจะเริ่มโยนผู้คนเข้าห้องขัง และผมจะมีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆในบัญชีดังกล่าว" มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ดิ แอตแลนติก ในเดือนกันยายน 202 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการในการหวนคืนสู่อำนาจของทรัมป์ . ลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสหญิงจากรีพับลิกัน จากรัฐไวโอมิง ซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในคณะกรรมการสืบสวนเหตุการณ์ 6 มกราคม และร่วมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้ กมลา แฮร์ริส ในปีนี้ ก็มีข่าวลือว่าจะอยู่ในรายชื่อได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เช่นเดียวกับ อดัม ชิฟฟ์ ว่าที่วุฒิสภาจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแกนนำในการยื่นถอดถอน ทรัมป์ 2 รอบ ครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก . ภายใต้รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษผู้คนที่ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามกฎหมายรัฐบาลกลาง แต่ไม่ใช่กับข้อกล่าวหาในระดับรัฐหรือระดับท้องถิ่น ส่วนรูปแบบการอภัยโทษล่วงหน้าที่กล่าวอ้างว่ากำลังมีการพูดคุยกันอยู่นี้ เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน . ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ซึ่งลาออกจากตำแหน่งในปี 1974 ก่อนหน้าการลงมติถอดถอนในวุฒิสภา ได้รับการอภัยโทษจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขา ในคดีวอเตอร์เกต ดักฟังฝ่ายตรงข้าม . จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ให้อภัยโทษอย่างครอบคลุมต่อทุกคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารระหว่างสงครามเวียดนาม และในปี 1992 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อภัยโทษให้ แคสปาร์ ไวน์เบอร์เกอร์ ก่อนที่เขาอาจถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว "อิหร่าน-คอนทรา" (Iran-Contra) . กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐสมัย ประธนาธิบดีโรัลด์ เรแกน ลักลอบขายอาวุธให้กับอิหร่าน แล้วนำเงินที่ได้จากอิหร่านส่งไปช่วยกลุ่มกบฏคอนทราที่ต่อสู้กับรัฐบาลสังคมนิยมในนิคารากัว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117847 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1633 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีวิวห้องขัง CIB
    รีวิวห้องขัง CIB
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • สุดพีค ! CIB รีวิว "ห้องพักฟรี" ที่ใครก็ไม่อยากมา?!? 07/12/67 #ห้องพักฟรี #CIB #ห้องขัง CIB
    สุดพีค ! CIB รีวิว "ห้องพักฟรี" ที่ใครก็ไม่อยากมา?!? 07/12/67 #ห้องพักฟรี #CIB #ห้องขัง CIB
    Like
    Haha
    Yay
    11
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1462 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • แม่"สามารถ"รอดคุก วงเงิน 5 แสน วิงวอนผู้มีอำนาจ อย่าเอาความลูกชาย เผยคิดสั้นในห้องขังดีเอสไอ แต่เจ้าหน้าที่ช่วยไว้ทัน ด้านทนายความระบุจะยื่นอุทธรณ์ "สามารถ"ให้ได้อิสรภาพ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113819

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แม่"สามารถ"รอดคุก วงเงิน 5 แสน วิงวอนผู้มีอำนาจ อย่าเอาความลูกชาย เผยคิดสั้นในห้องขังดีเอสไอ แต่เจ้าหน้าที่ช่วยไว้ทัน ด้านทนายความระบุจะยื่นอุทธรณ์ "สามารถ"ให้ได้อิสรภาพ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113819 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    12
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1403 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยนายก อบต./ปธ.ธนาคารหมู่บ้าน พร้อมพวก ผู้ต้องหาคดีโกงธนาคารหมู่บ้านฯนครไทย 107 ล้าน รวม 15 ราย ยังคงนอนห้องขัง แยกชาย 6 หญิง 9 คน เว้นป่วยติดเตียง 1 ราย ตำรวจเตรียมคุมตัวส่งฝากขังศาล 18 พ.ย.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110592

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เผยนายก อบต./ปธ.ธนาคารหมู่บ้าน พร้อมพวก ผู้ต้องหาคดีโกงธนาคารหมู่บ้านฯนครไทย 107 ล้าน รวม 15 ราย ยังคงนอนห้องขัง แยกชาย 6 หญิง 9 คน เว้นป่วยติดเตียง 1 ราย ตำรวจเตรียมคุมตัวส่งฝากขังศาล 18 พ.ย.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110592 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1562 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts