• หนังสือ "เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่" โดย ดร. โนบูโอะ ชิอิจิ นำเสนอเทคนิคจิตวิทยาที่ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยอย่างง่ายดายผ่านการ "หลอก" สมอง ทำให้การพัฒนาตนเองกลายเป็นเรื่องสนุกและไม่กดดัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ การสร้างภาพในใจเชิงบวก หรือเทคนิค "5 วินาทีเปลี่ยนชีวิต" หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างนิสัยใหม่และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้านของชีวิต

    นี่คือสุดยอดเทคนิคกระตุ้นสมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    ด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันดับ 1 ของญี่ปุ่น
    ที่ช่วยเหลือผู้คนมาแล้วกว่า 50,000 คน
    ซึ่งพบว่าทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง ๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน สุขภาพ
    และความสัมพันธ์ แค่คุณเล่นกลเกมง่ายๆ กับสมองของตัวเอง

    💡แค่เปลี่ยนนิสัย 1 อย่าง ที่ทำชีวิตก็ดีขึ้นทันที
    💡เพิ่ม “Output แง่บวก” เพื่อให้สมองคิดบวกเป็นนิสัย
    💡หลอกสมองด้วย “ท่าประจำตัว”
    💡“Clearing 10 นาที” ให้เรื่องลบหายไปจากสมอง
    💡เทคนิคทำๆ เลิกๆ แบบไม่ท้อใจ

    ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานขาย หรือซีอีโอ
    พลังแห่งการหลอกสมองให้สร้างกิจวัตรที่ดี เปลี่ยนชีวิตคุณได้ทันตา!

    สารบัญ : เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
    สารบัญ : เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
    💡บทที่ 1 กิจวัตรส่งผลชีวิตเรา 100%
    💡บทที่ 2 ทำไมคุณถึงทำอะ-ไรได้ในต่วเนื่ิง
    💡บทที่ 3 ทักษะ "การสร้างกิจวัตรที่ดีที่สุด" แม้แต่คนที่ไม่มีความตั้งใจจริงก็ทำได้!
    💡บทที่ 4 เทคนิคสีร้างกิจวัตรด้วย "พลังจากสมอง"
    💡บทที่ 5 พลังแห่งกิจวัตรทำให้ชีวิตของคุณก้าวไปข้างหน้า
    ฯลฯ
    #แนะนำหนังสือ #แนะนำหนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือดี #รีวิวหนังสือ #หนังสือ #หนอนหนังสือ
    หนังสือ "เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่" โดย ดร. โนบูโอะ ชิอิจิ นำเสนอเทคนิคจิตวิทยาที่ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยอย่างง่ายดายผ่านการ "หลอก" สมอง ทำให้การพัฒนาตนเองกลายเป็นเรื่องสนุกและไม่กดดัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ การสร้างภาพในใจเชิงบวก หรือเทคนิค "5 วินาทีเปลี่ยนชีวิต" หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างนิสัยใหม่และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้านของชีวิต นี่คือสุดยอดเทคนิคกระตุ้นสมองจากผู้เชี่ยวชาญ ด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่ช่วยเหลือผู้คนมาแล้วกว่า 50,000 คน ซึ่งพบว่าทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง ๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน สุขภาพ และความสัมพันธ์ แค่คุณเล่นกลเกมง่ายๆ กับสมองของตัวเอง 💡แค่เปลี่ยนนิสัย 1 อย่าง ที่ทำชีวิตก็ดีขึ้นทันที 💡เพิ่ม “Output แง่บวก” เพื่อให้สมองคิดบวกเป็นนิสัย 💡หลอกสมองด้วย “ท่าประจำตัว” 💡“Clearing 10 นาที” ให้เรื่องลบหายไปจากสมอง 💡เทคนิคทำๆ เลิกๆ แบบไม่ท้อใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานขาย หรือซีอีโอ พลังแห่งการหลอกสมองให้สร้างกิจวัตรที่ดี เปลี่ยนชีวิตคุณได้ทันตา! สารบัญ : เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ สารบัญ : เทคนิคหลอกสมองให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ 💡บทที่ 1 กิจวัตรส่งผลชีวิตเรา 100% 💡บทที่ 2 ทำไมคุณถึงทำอะ-ไรได้ในต่วเนื่ิง 💡บทที่ 3 ทักษะ "การสร้างกิจวัตรที่ดีที่สุด" แม้แต่คนที่ไม่มีความตั้งใจจริงก็ทำได้! 💡บทที่ 4 เทคนิคสีร้างกิจวัตรด้วย "พลังจากสมอง" 💡บทที่ 5 พลังแห่งกิจวัตรทำให้ชีวิตของคุณก้าวไปข้างหน้า ฯลฯ #แนะนำหนังสือ #แนะนำหนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือดี #รีวิวหนังสือ #หนังสือ #หนอนหนังสือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า

    .

    ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา

    .
    .

    แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี

    .
    .

    ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น

    .
    .

    ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย

    ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน

    .
    .

    แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม

    .
    .

    เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ)

    .
    .

    นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก

    .
    .

    โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น

    ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน

    .

    แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง

    .

    ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ

    ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า

    ............

    บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร

    ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง

    รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย

    #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า
    #ต้วนอี้
    #นิยายกำลังภายใน
    #นิยายจีน
    #กิมย้ง
    #thaitimes
    #บทวิเคราะห์
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #นิยายแปล
    ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า . ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา . . แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี . . ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น . . ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน . . แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม . . เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ) . . นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก . . โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน . แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง . ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า ............ บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า #ต้วนอี้ #นิยายกำลังภายใน #นิยายจีน #กิมย้ง #thaitimes #บทวิเคราะห์ #บทความ #ข้อคิด #นิยายแปล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!!

    เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก..
    แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน..
    หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ....
    ไม่ใช่ค่ะ...

    ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ
    อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า
    “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง”
    ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO

    แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร...
    โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว
    ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน

    บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า
    Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ)
    Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี
    Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์

    ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt

    อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป)
    เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์
    ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย
    และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ
    คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด
    รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์

    เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination

    ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า
    The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ
    อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ
    “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี”

    วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน...
    ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ
    รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย...
    ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน
    ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ

    Novices คือ กลุ่มน้องใหม่

    Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา

    Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้

    ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น
    เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง
    Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า
    และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ....
    นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild

    ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus”
    และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo”
    การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง....

    ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์
    ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร...
    จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้
    ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง
    ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม
    หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต
    จากทางการ..

    ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ
    แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้
    เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา
    ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง
    กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ

    เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์
    ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt
    ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen
    ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า
    กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว

    แต่...

    แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

    จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น
    New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy
    ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ..
    เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ

    และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ
    The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ
    นั่นคือแบบเปิดเผย...
    ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน

    มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
    ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF
    เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์

    วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!!

    ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น...
    ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า
    เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ?
    และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา
    แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ?
    เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน

    กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!!

    แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก...
    เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ
    แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...??
    งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ
    ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์...

    จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก...


    Wiwanda W. Vichit









    ลัทธิ...สาวก..องค์กรลับ...เงินหนุน...ไม่ใช่มีแต่ในนิยาย..!!! เคยบอกกับท่านผู้ที่สนใจอ่านไว้แล้วว่า จะเล่าเรื่องของ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก.. แต่เรื่องของเขานั้น ไม่ใช่แค่บอกว่าเขาเป็นใคร หรือประวัติมาจากไหน.. หากินอะไร...แล้วท่านๆจะเข้าใจ.... ไม่ใช่ค่ะ... ดิฉันอยากจะเล่าย้อนไปถึงระบบความคิด ความเชื่อ อุดมคติอันเป็นที่มาของการขยายปีกทุนออกไปได้อย่างไม่เสียดมเสียดาย เพื่อที่จะให้อุดมการณ์นั้นประสบความสำเร็จ อุดมการณ์...คือ การเข้าครอบงำโลก ทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ให้เดินไปตามนโยบายของกลุ่มทุนที่อยู่บนยอดปิรามิด...ที่เขาใช้สโลแกนว่า “เพื่อมนุษยชาติ ความเท่าเทียม เสรีทางความคิดเห็นต่อการปกครอง” ที่มาในคำจำกัดความสั้นๆคือ... The New World Order หรรือย่อๆว่า...NWO แต่ก่อนที่จะพูดถึงโซรอส ดิฉันก็อยากจะเล่าถึงบรรบุรุษทางความคิดของ NWO ก่อนว่าเขามาจากไหน และ เป็นมาอย่างไร... โปรดอย่าคิดว่าเยิ่นเย้อ ยืดยาว...เพราะถ้าไม่เข้าใจในส่วนนี้แล้ว ก็ไม่มีวันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน บรรพบุรุษทางความคิดของ NWO คือ ขบวนการองค์กรลับ ที่มีเรียกว่า Bavarian Illuminati (บาวาเรียน อิลลูมินาติ) Bavaria คือสถานที่ที่ก่อตั้ง รัฐบาวาเรีย ในเยอรมันนี Illuminati มาจากภาษาละติน แปลว่า ผู้ตื่นรู้, ปราชญ์ ผู้ที่เริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดนี้คนแรก คือ ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมาย Adam Weishaupt (1748-1830) สอนใน University of Ingolstadt อดัม ไวซอปท์ เป็นชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะกระแสต่อต้านยิวที่กระจายในทั่วยุโรป) เขาเป็นลูกกำพร้า ที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของปู่ผู้ซึ่งเป็นคนมีความรู้ และได้บ่มเพาะเขาให้เป็นหนอนหนังสือ เคร่งเรียน จนได้มาเป็นศาตราจารย์ ที่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า ภายใต้คราบของศาสตราจารย์นั้น เขาคือผู้ที่มีความคิดสวนทางกับผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่เต็มไปด้วยเจ้าขุนมูลนาย และความไม่เท่าเทียม มีช่องว่าทางสถานะภาพ และอาชีพ คนมีความรู้...ถ้าไม่ใช่สมาชิกในสกุลใหญ่โต ก็ไม่มีทางเกิด รวมทั้งความคิดที่ ระบบศาสนา พระ และ กิจกรรมของศาสนาที่มามีส่วน”ล้ำเส้น” จนเกินไปในสังคม ที่ทุกคนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติในกฏเกณฑ์ เขาจึงคิดวางระบบขึ้นมาใหม่ จัดตั้งเป็นองค์กร (ลับ) สำหรับกลุ่มที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน และพยายาม(แอบ) สอน ชี้ทางให้กับพวกนักศึกษาเป็นการชักจูง เพื่อให้เกิดการ “ตื่นรู้” หรือ Illumination ซึ่งขบวนการแบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าที่เขาจะคิดแล้ว มีนโยบายคล้ายๆกันในนามว่า The Freemasonry หรือองค์กร Freemason ที่กระจายไปทั่วยุโรป ที่รวบรวมแต่พวกที่มีความคิดเหมือนกัน ใครก็ได้ ต่างสาขาอาชีพ อดัม ยังคิดว่ามันไม่ใช่เหมือนแนวความคิดของเขาเลยทีเดียว เขาต้องการ”กลุ่มชั้นมันสมองที่คัดกรองแล้ว” ที่มีความสามารถเผยแพร่ ชักจูงปัญญาชนอื่นๆให้คล้อยตามได้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงจุดประสงค์คือ “เสรีภาพทางด้านความคิดและการแสดงออกที่เท่าเทียม ไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าเจ้าหรือเศรษฐี” วันที่ 1 เมษายน 1776 คือการชุมนุมพบปะกันในป่า ภายใต้แสงจากคบไฟใกล้เมือง เอิงกอลสตัดท์ ที่มีสมาชิกเข้าร่วมเพียงชายห้าคน... ที่เข้ามาร่วมมือกันวางหลักการ และวางแผนเส้นทางปฏิบัติ รวมทั้งเผยแพร่นโยบายไปสู่กลุ่มเป้าหมาย... ที่ใช้เวลาไม่นานเลย เพราะในปี 1782 องค์กรได้มีสมาชิกถึง 600 คน ที่ได้แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ Novices คือ กลุ่มน้องใหม่ Minervals คือ กลุ่มเจ้าปัญญา Illuminated minervals คือ กลุ่มปราชญ์ผู้ตื่นรู้ ในปี 1784 ได้มีสมาชิกเพิ่มถึงสามพันคน และในนั้นรวมไปด้วยกลุ่มสติปัญญาเป็นเลิศ ทั้งนักการเมือง เช่น แพทย์ และนักเขียนดังอย่างเช่น เกอเธ่ ( Johann Wolfgang von Goethe) หรือชาวไฮโซ อย่าง Baron Adolph von Knigge ที่เป็นหัวหอกในการหาสมาชิกที่จะเข้ามาตามเป้า และที่สำคัญ...คือ องค์กรลับนี้ ได้นายทุนใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกและให้ความสนับสนุนทุกด้าน เขาคือ.... นายธนาคารใหญ่ Mayer Amschel Rothschild ตัว Baron von Knigge ได้มีหน้าที่เหมือนกับพ่อหัวเรือใหญ่ในด้านกิจกรรม เขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กร ฟรีเมสันมาก่อน ดังนั้นจึงมีการลอกเบียนแบบกันมาบ้าง เช่น มีการตั้งชื่อลับเป็นโค้ดเรียกกันในกลุ่ม อย่าง ศาสตราจารย์ ไวซอปท์ จะมีชื่อว่า “Spartacus” และตัวบารอน ฟอน นิกก์ เอง ชื่อว่า “Philo” การแบ่งชั้น วรรณะ เริ่มแตกย่อยออกไปหลายอันดับ ราวกับพวกดาว์นไลน์ ขายตรง.... ต่อมา..เริ่มมีการขัดแย้งระหว่าง ศ. ไวซอปท์ กับ บารอน ฟอน นิกก์ ทำให้ฝ่ายหลังตบเท้าออกไปจากองค์กร... จากนั้น องค์กรอิลลุมินาติ ที่ว่า “ลับ” ก็เริ่มจะไม่ลับแล้วเพราะมีคนได้เขียนจดหมายไปหา Duke of Bavaria พร้อมเล่าพฤติการณ์ขององค์กรให้เป็นที่รับรู้ ซึ่งได้ผลทันที เพราะท่านดยุคที่ได้ข่าวระแคะระคายอยู่บ้าง จึง ออกกฏ ในเดือน มิถุนายน 1784 ที่ห้ามไม่ให้มีการตั้งสมาคม หรือองค์กรใดๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ ไม่ได้รับอนุญาต จากทางการ.. ซึ่งทาง องค์กร อิลลุมินาติ ไม่ได้ใส่ใจเพราะถือว่า ไม่ได้อยู่ในการเพ่งเล็งเพราะ กลุ่มของเขา คือ องค์กรลับ แต่..ที่ไหนได้..ในเดือน มีนาคม 1785 ตำรวจเริ่มทำการเข้าจับกุมสมาชิกและยึดเอกสารขององค์กรไปเป็นจำนวนที่พอเอาผิดได้ เช่น สนับสนุนให้มีการทำแท้ง, ต่อต้านศาสนา ในเดือน สิงหาคม 1787 ดยุค แห่ง บาวาเรีย เริ่มเล่นแรง กล่าวคือ ให้ข้อหาว่าเป็นกบฏที่มีโทษถึงประหารชีวิต กับกลุ่มสมาชิกองค์กรลับ เป็นอันว่า..องค์กรอิลลุมินาติ ต้องแตกสานซ่านเซ็น ตัว ศ. ไวซอปท์ ต้องหลุดออกจากเก้าอี้ในมหาวิทยาลัย Ingolstadt ต้องย้ายเมือง ไปสอนวิชาปรัชญาที่ University of Göttingen ทางการในรัฐบาวาเรีย ก็เข้าใจและสบายใจว่า กลุ่มองค์กรลับ อัลลุมินาตินั้นได้ย่อยสลาย กลายสภาพไปเป็นธุบีดินไปแล้ว แต่... แกนปรัชญาและรากย่อยของอิลลุมินาตินั้น ได้หยั่งลึกและเป็นที่ยอมรับลงไปในกลุ่มคนต่างสาขาอาชีพกันมากมาย และได้เข้าผนวกไปกับกลุ่ม Freemasonry จนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จาก Illuminati ....ในยุคของศตวรรษที่สิบแปด ได้กลายมาเป็น New World Order ของกลุ่มทุน Rothschild ซึ่งไม่ต้องมาเป็นองค์กรลับกันอีกต่อไป...ว่ากันเปิดเผยถึงนโยบายในการโอบอุ้มคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในบทบัญญัติของคำว่า Democracy ซึ่งกลุ่ม NWO นี้ ทำตัวเป็นรัฐบาลโลก คือ คุมทุกประเทศ.. เป็น เงาแฝงมาในกลุ่มทุนธนาคาร, พลังงาน, อาหาร, เวชภัณฑ์, เกษตร และ อาวุธ และจาก New World Order ก็จะมีสาขาลูกรองรับ..คือ The Open Society Foundations ของ George Soros คือ นโยบายเหมือนกัน คือ เทิดทูนประชาธิปไตย, สนับสนุนกลุ่ม NGO, สนับสนุนทุนต่างในมหาวิทยาลัยทั่วโลก, อัดฉีดพรรคการเมือง (เช่น โอบามา และ ฮิลลารี่ คลินตัน), สนับสนุนเกย์ เลสเบี้ยน,และ กว้านซื้อสื่อต่างๆ นั่นคือแบบเปิดเผย... ส่วนที่แทรกมากับรายการกิจกรรมที่กล่าวมา...ที่ไม่เปิดเผย คือการเข้ามาแทรกแซงในทุกระบบของประเทศที่รับทุน มูลนิธิ OSFโดย โซรอสนั้น แตกย่อยกระจายทุนในนามของบริษัท และ มูลนิธิต่างๆอีกร่วมสี่พันประเภท ในชื่อต่างๆกัน แต่สานเป็นรากไม้เหมือนกับตาข่ายใยแก้วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ในปี 2017 โซรอสได้ทำการโอนเงินส่วนตัว เข้าไปใน มูลนิธิ OSF เป็นจำนวนเงินถึง พันแปดร้อยล้านยูเอส...สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ วันนี้ หอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนค่ะ คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันถึงประวัติคุณพี่เขา...!! ป.ล. เรื่องน้องน้ำใสที่โดนกระหน่ำจนเธอออกมาร้องไห้ขอโทษนั่น... ก็น่าสงสาร เพราะเด็กก็คือเด็ก ส่วนที่ดิฉันแปลกใจอย่างที่สุด ว่า เด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะไร้ “เดียงสา” กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งสำคัญขนาดนั้นหรือ? และคนที่อยู่รายล้อมเธอที่มีจำนวนมาก ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา แต่...ไม่มีใครทักท้วง หรือ ให้คำอธิบายเลยหรือ? เราได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นการเดินขบวนพาเหรดใช้ธีมนาซี...สื่อก็ประโคม สถานทูตอิสราเอลก็ส่งจดหมายติงเช่นกัน กรุณาอย่าว่า อิสราเอลไม่ใช่พ่อ...!! แต่เรากำลังพูดถึงการกดขี่ เหยียดชาติพันธุ์ และ ผู้ที่ต้องถูกทารุณกรรมจนถึงแก่ชีวิตจำนวนหกล้านคน...ครอบครัวพลัดพรากไปอยู่คนละมุมโลก... เจ้าชายแฮร์รี่ เคยพลาดอย่างนี้เช่นกัน ใส่เสื้อที่มีปลอกแขนสวัสดิกะไปเที่ยวงานปาร์ตี้...ทั้งที่ในอดีต ลอนดอนแทบจะกลายเป็นหน้ากลองจาก The Battle of Britain ที่ฮิตเล่อร์ส่งเครื่องบินมาถล่มแทบไม่เว้นให้หายใจ แม้จะขอโทษแล้ว...แต่อิสราเอลได้ส่งเทียบเชิญให้ไปที่อิสราเอล ไปเยี่ยมชม Holocaust Museum (Yad Vashem) ให้ไปเห็นกับพระเนตรด้วยองค์เอง ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน...?? งานนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ปัดไปว่าติดภารกิจฝึกทหาร (คงไม่กล้าสู้หน้า) เจ้าชายวิลเลียมต้องทรงเสด็จเอง เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ ที่พระอนุชารู้เท่าไม่ถึงการณ์... จากนี้ไป...น้องน้ำใสจะต้องเปิดหู เปิดตา กับเรื่องสำคัญในประวัติศาสตร์โลกให้มากเลยนะลูก... Wiwanda W. Vichit         
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว