• ราชทัณฑ์ แจง ทักษิณ ไม่เข้าเงื่อนไข ออกไปลอกท่อ ต้องปรับชั้นเป็นนักโทษชั้นดีก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/21634/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #กรมราชทัณฑ์ #นักโทษชั้นกลาง #ลอกท่อ #สาธารณประโยชน์ #ลดโทษ #เรือนจำ
    ราชทัณฑ์ แจง ทักษิณ ไม่เข้าเงื่อนไข ออกไปลอกท่อ ต้องปรับชั้นเป็นนักโทษชั้นดีก่อน https://www.thai-tai.tv/news/21634/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #กรมราชทัณฑ์ #นักโทษชั้นกลาง #ลอกท่อ #สาธารณประโยชน์ #ลดโทษ #เรือนจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำแหน่งคร่าวๆของหลักเขตแดนที่ 46 47 48 49 50
    สำหรับหลักเขตแดนที่ 46 47 48 มีรายงานว่าถูกเขมรทำลายไปหมดแล้ว จนทำให้เกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้
    ส่วนหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อยู่บริเวณต.คลองลึก จ.สระแก้ว ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ อยู่บริเวณพื้นที่แถวๆตลาดโรงเกลือ ที่ติดกับปอยเปต ของเขมร บริเวณปอยเปตตรงนี้หลายคนทราบดีว่าเป็นแหล่งรวมกาสิโนมากมาย
    .
    หลักเขตแดนที่ 49 ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
    พิกัดตำแหน่งเดิมที่ปอยเปต
    13.66155489467777, 102.54992655363289

    หลักเขตแดนที่ 50 ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในจังหวัดปราจีนบุรี
    พิกัดพิกัดตำแหน่งเดิมที่คลองลึกฝั่งไทย
    13.660528074179178, 102.5486064600379
    .
    ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อ้างอิงจากเพจ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum"
    https://www.facebook.com/100063787953622/posts/4494669500571760/

    หลักเขตแดนที่ 50 กรุงสยาม-กัมพูชา เดิมตั้งอยู่ที่ด่านปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 กองทัพฝรั่งเศสเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนไทย ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนม วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2484 ไทยประกาศสงครามกับฝรั่งเศส แม่ทัพคือพลเอกมังกร พรหมโยธี ทัพไทยเปิดแนวรบโดยกองพลพายัพ กองทัพอีสาน กองทัพบูรพา กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ร่วมกันโจมตีอินโดจีนของฝรั่งเศสในทุกๆ ด้าน

    ในที่สุดฝ่ายไทยมีท่าทีว่าจะชนะเด็ดขาด ญี่ปุ่นซึ่งมีฐานทัพอยู่ในอินโดจีนเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าหากไทยชนะ จะเป็นอุปสรรคต่อการที่ญี่ปุ่นจะรุกรานลงใต้ ผลจากการไกล่เกลี่ย ฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนที่เคยยึดไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ 5 คืนให้ฝ่ายไทย โดยมีการลงนามในอนุสัญญา 3 ฝ่ายระหว่างไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2484 หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่อรัญประเทศจึงถูกยกเลิกหลักเขตหมายเลข 49 และ 50 ถูกถอนออก
    .
    สำหรับหลักเขตหมายเลข 49 ได้มอบไว้แก่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

    ส่วนหลักเขตหมายเลข 50 พลเอกมังกร พรหมโยธี ได้รักษาไว้และตกทอดสู่ทายาท ซึ่งภายหลังทายาทพลเอกมังกร พรหมโยธี ได้แก่ คุณเจตกำจร พรหมโยธี คุณกำจรเดช พรหมโยธี คุณอภิภู พรหมโยธี และคุณองคฤทธิ์ พรหมโยธี ได้มอบไว้ให้กรมศิลปากรเพื่อดูแลรักษา และเป็นสาธารณประโยชน์ในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป และที่ จ.ปราจีนบุรี ยังมีค่ายพรหมโยธี เป็นชื่อค่ายทหารในจังหวัดปราจีนบุรี โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ พันเอกหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองแม่ทัพบก และแม่ทัพภาคบูรพา ค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กองพลทหารราบยานเกราะที่สมบูรณ์แบบในประเทศแห่งแรก

    ตำแหน่งคร่าวๆของหลักเขตแดนที่ 46 47 48 49 50 สำหรับหลักเขตแดนที่ 46 47 48 มีรายงานว่าถูกเขมรทำลายไปหมดแล้ว จนทำให้เกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อยู่บริเวณต.คลองลึก จ.สระแก้ว ถ้าเอาแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ อยู่บริเวณพื้นที่แถวๆตลาดโรงเกลือ ที่ติดกับปอยเปต ของเขมร บริเวณปอยเปตตรงนี้หลายคนทราบดีว่าเป็นแหล่งรวมกาสิโนมากมาย . 👉หลักเขตแดนที่ 49 ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิกัดตำแหน่งเดิมที่ปอยเปต 13.66155489467777, 102.54992655363289 👉หลักเขตแดนที่ 50 ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในจังหวัดปราจีนบุรี พิกัดพิกัดตำแหน่งเดิมที่คลองลึกฝั่งไทย 13.660528074179178, 102.5486064600379 . ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับหลักเขตแดนที่ 49 และ 50 อ้างอิงจากเพจ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum" https://www.facebook.com/100063787953622/posts/4494669500571760/ 👉หลักเขตแดนที่ 50 กรุงสยาม-กัมพูชา เดิมตั้งอยู่ที่ด่านปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2483 กองทัพฝรั่งเศสเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดนไทย ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่จังหวัดนครพนม วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2484 ไทยประกาศสงครามกับฝรั่งเศส แม่ทัพคือพลเอกมังกร พรหมโยธี ทัพไทยเปิดแนวรบโดยกองพลพายัพ กองทัพอีสาน กองทัพบูรพา กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ร่วมกันโจมตีอินโดจีนของฝรั่งเศสในทุกๆ ด้าน 👉ในที่สุดฝ่ายไทยมีท่าทีว่าจะชนะเด็ดขาด ญี่ปุ่นซึ่งมีฐานทัพอยู่ในอินโดจีนเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าหากไทยชนะ จะเป็นอุปสรรคต่อการที่ญี่ปุ่นจะรุกรานลงใต้ ผลจากการไกล่เกลี่ย ฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนที่เคยยึดไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ 5 คืนให้ฝ่ายไทย โดยมีการลงนามในอนุสัญญา 3 ฝ่ายระหว่างไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2484 หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่อรัญประเทศจึงถูกยกเลิกหลักเขตหมายเลข 49 และ 50 ถูกถอนออก . 👉สำหรับหลักเขตหมายเลข 49 ได้มอบไว้แก่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 👉ส่วนหลักเขตหมายเลข 50 พลเอกมังกร พรหมโยธี ได้รักษาไว้และตกทอดสู่ทายาท ซึ่งภายหลังทายาทพลเอกมังกร พรหมโยธี ได้แก่ คุณเจตกำจร พรหมโยธี คุณกำจรเดช พรหมโยธี คุณอภิภู พรหมโยธี และคุณองคฤทธิ์ พรหมโยธี ได้มอบไว้ให้กรมศิลปากรเพื่อดูแลรักษา และเป็นสาธารณประโยชน์ในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป และที่ จ.ปราจีนบุรี ยังมีค่ายพรหมโยธี เป็นชื่อค่ายทหารในจังหวัดปราจีนบุรี โดยตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ พันเอกหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด รองแม่ทัพบก และแม่ทัพภาคบูรพา ค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กองพลทหารราบยานเกราะที่สมบูรณ์แบบในประเทศแห่งแรก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลุยตรวจสอบทางสาธารณประโยชน์ที่ใช้เป็นทางวิ่งอากาศยานส่วนบุคคล พื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000067390

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลุยตรวจสอบทางสาธารณประโยชน์ที่ใช้เป็นทางวิ่งอากาศยานส่วนบุคคล พื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000067390 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 0 รีวิว
  • อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่
    หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.”

    สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย
    .
    วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
    .
    ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ
    .
    นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่ หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.” สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย . วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม . ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ . นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ . อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 593 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>


    ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล
    1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม
    2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้
    3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้
    4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี
    5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้
    6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล 1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม 2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้ 3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้ 4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี 5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้ 6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman

    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

    Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI
    - รายงานตรงต่อ Sam Altman
    - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท

    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน
    - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก

    Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์

    Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications
    - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท

    Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้

    https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    Fidji Simo เข้าร่วม OpenAI ในตำแหน่ง CEO of Applications OpenAI กำลังปรับโครงสร้างทีมบริหารเพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย Fidji Simo ซึ่งเป็น CEO ของ Instacart จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI และรายงานตรงต่อ Sam Altman OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน และกำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่ง CEO of Applications ที่ OpenAI - รายงานตรงต่อ Sam Altman - ดูแล การนำงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการดำเนินงานของบริษัท ✅ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์มากกว่า 500 ล้านคน - กำลังขยายบทบาทไปสู่ การเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก ✅ Fidji Simo เคยเป็นสมาชิกบอร์ดของ OpenAI มาก่อน - มีประสบการณ์ในการ บริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณประโยชน์ ✅ Sam Altman ยังคงเป็น CEO ของ OpenAI และดูแลด้าน Research, Compute และ Applications - ยังคงมีบทบาทสำคัญในการ กำหนดทิศทางของบริษัท ✅ Fidji Simo จะเข้ารับตำแหน่งหลังจากออกจาก Instacart ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า - คาดว่าจะเริ่มงานที่ OpenAI ภายในปีนี้ https://www.neowin.net/news/instacart-ceo-fidji-simo-to-join-openai-as-ceo-of-applications/
    WWW.NEOWIN.NET
    Instacart CEO Fidji Simo to join OpenAI as CEO of Applications
    OpenAI is appointing Instacart CEO Fidji Simo as its new CEO of Applications to manage the company's rapidly growing product side and business operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 เวลา 12.30 น. นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่บ้านพัก สิริอายุ 99 ปี ทั้งนี้ นายแพทย์ เฉก ได้แสดงความประสงค์บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้ในการศึกษาและเป็น ‘อาจารย์ใหญ่’ แก่นักศึกษาแพทย์ ตามเจตนารมณ์ในการอุทิศตนเพื่อวงการแพทย์และสาธารณประโยชน์ จึงงดการจัดพิธีสวดอภิธรรมและพิธีศพรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายแพทย์ เฉก เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2468 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหลวงจินดาสหกิจ (ละม้าย ธนะสิริ) กับนางประวัติ จินดาสหกิจ (สกุลเดิม สหัสสานนท์) สมรสกับแพทย์หญิง วิลิศ วีรานุวัตติ์ มีบุตรสาวชื่อ เฉลยลัคน์นายแพทย์ เฉก จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปริญญาโทคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และศึกษาต่อด้านสาธารณสุขศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกานายแพทย์ เฉก รับราชการกองควบคุมกามโรคและคุดทะราด กรมอนามัย เป็นนายแพทย์อนามัยจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้อำนวยการสำนักอนามัย (นักบริหาร 10) กรุงเทพมหานคร และเป็นรองปลัดกรุงเทพมหานคร (นักบริหาร 10) เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516 กรรมการอำนวยการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการวางแผนสาธารณสุขแห่งชาติ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย นายกสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิม และได้รับรางวัลมหิดลทยากร จาก สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี พ.ศ. 2546 เจ้าของรางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2549 และรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2564 ของกรมกิจการผู้สูงอายุ และผู้เขียนหนังสือ ‘อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้’
    เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 เวลา 12.30 น. นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่บ้านพัก สิริอายุ 99 ปี ทั้งนี้ นายแพทย์ เฉก ได้แสดงความประสงค์บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้ในการศึกษาและเป็น ‘อาจารย์ใหญ่’ แก่นักศึกษาแพทย์ ตามเจตนารมณ์ในการอุทิศตนเพื่อวงการแพทย์และสาธารณประโยชน์ จึงงดการจัดพิธีสวดอภิธรรมและพิธีศพรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายแพทย์ เฉก เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2468 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหลวงจินดาสหกิจ (ละม้าย ธนะสิริ) กับนางประวัติ จินดาสหกิจ (สกุลเดิม สหัสสานนท์) สมรสกับแพทย์หญิง วิลิศ วีรานุวัตติ์ มีบุตรสาวชื่อ เฉลยลัคน์นายแพทย์ เฉก จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปริญญาโทคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และศึกษาต่อด้านสาธารณสุขศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกานายแพทย์ เฉก รับราชการกองควบคุมกามโรคและคุดทะราด กรมอนามัย เป็นนายแพทย์อนามัยจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้อำนวยการสำนักอนามัย (นักบริหาร 10) กรุงเทพมหานคร และเป็นรองปลัดกรุงเทพมหานคร (นักบริหาร 10) เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516 กรรมการอำนวยการสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการวางแผนสาธารณสุขแห่งชาติ กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย นายกสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิม และได้รับรางวัลมหิดลทยากร จาก สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี พ.ศ. 2546 เจ้าของรางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2549 และรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2564 ของกรมกิจการผู้สูงอายุ และผู้เขียนหนังสือ ‘อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้’
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวนเปรมประชาวนารักษ์ ปอดแห่งใหม่ด้วยน้ำพระทัยในหลวง

    เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่ง จากท่าเทียบเรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังท่าเทียบเรือสวนเปรมประชาวนารักษ์ เพื่อทรงเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติเปรมประชาวนารักษ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

    โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกประดู่ป่า ที่เพาะเมล็ดจากต้นประดู่ป่าที่ทรงปลูกต้นที่ 100 ล้าน ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นพิกุล ต่อจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชลวิถีธีรพัฒน์ หมายถึง การพัฒนาสายน้ำของผู้เป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบาย ประกอบด้วย ชลวัฏวิถี ชลธีร์ราชทรรศน์ และ ชลวิวัฒน์เพื่อประชา

    สำหรับสวนเปรมประชาวนารักษ์ สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาสายน้ำ คูคลอง สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยร่วมกันพัฒนาคลองเปรมประชากรที่เผชิญปัญหาน้ำเน่าเสีย ขยะล้นคลอง และมีพื้นที่รกร้างให้มีสภาพที่ดีขึ้น โดยฟื้นฟูระบบน้ำ ขุดลอกคลอง และเพิ่มพื้นที่สีเขียว

    พร้อมกับปรับปรุงภูมิทัศน์บนพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร จำนวน 10 ไร่ เดิมเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ พร้อมลานกิจกรรม เส้นทางจักรยาน ท่าเรือ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนเปรมประชาวนารักษ์ หมายถึง สวนที่นำความสุขและความเบิกบานใจมาสู่ประชาชน โดยได้รับการดูแลรักษาด้วยความรัก

    ภายในสวนประกอบด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชลวิถีธีรพัฒน์ นิทรรศการกลางแจ้งสายธารพระบารมีจักรีวงศ์ และท่าเรือ โดยมีต้นไทรขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นที่สวน ประกอบกับแนวคิดการออกแบบสัญลักษณ์เลข ๑๐ ไทย ในรูปทรงหยดน้ำแห่งพระมหากรุณาธิคุณ นอกจากนี้ ในสวนยังมีพรรณไม้ดั้งเดิมของกรุงเทพมหานคร พรรณไม้พื้นถิ่น และต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกเสริมสภาพสิ่งแวดล้อมของสวนสาธารณะให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

    สำหรับการเดินทางมายังสวนเปรมประชาวนารักษ์ สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ลงสถานีทุ่งสองห้อง ทางออก 1

    #Newskit
    สวนเปรมประชาวนารักษ์ ปอดแห่งใหม่ด้วยน้ำพระทัยในหลวง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่ง จากท่าเทียบเรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังท่าเทียบเรือสวนเปรมประชาวนารักษ์ เพื่อทรงเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติเปรมประชาวนารักษ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกประดู่ป่า ที่เพาะเมล็ดจากต้นประดู่ป่าที่ทรงปลูกต้นที่ 100 ล้าน ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นพิกุล ต่อจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชลวิถีธีรพัฒน์ หมายถึง การพัฒนาสายน้ำของผู้เป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบาย ประกอบด้วย ชลวัฏวิถี ชลธีร์ราชทรรศน์ และ ชลวิวัฒน์เพื่อประชา สำหรับสวนเปรมประชาวนารักษ์ สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาสายน้ำ คูคลอง สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยร่วมกันพัฒนาคลองเปรมประชากรที่เผชิญปัญหาน้ำเน่าเสีย ขยะล้นคลอง และมีพื้นที่รกร้างให้มีสภาพที่ดีขึ้น โดยฟื้นฟูระบบน้ำ ขุดลอกคลอง และเพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมกับปรับปรุงภูมิทัศน์บนพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร จำนวน 10 ไร่ เดิมเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ พร้อมลานกิจกรรม เส้นทางจักรยาน ท่าเรือ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนเปรมประชาวนารักษ์ หมายถึง สวนที่นำความสุขและความเบิกบานใจมาสู่ประชาชน โดยได้รับการดูแลรักษาด้วยความรัก ภายในสวนประกอบด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ อาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติชลวิถีธีรพัฒน์ นิทรรศการกลางแจ้งสายธารพระบารมีจักรีวงศ์ และท่าเรือ โดยมีต้นไทรขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นที่สวน ประกอบกับแนวคิดการออกแบบสัญลักษณ์เลข ๑๐ ไทย ในรูปทรงหยดน้ำแห่งพระมหากรุณาธิคุณ นอกจากนี้ ในสวนยังมีพรรณไม้ดั้งเดิมของกรุงเทพมหานคร พรรณไม้พื้นถิ่น และต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกเสริมสภาพสิ่งแวดล้อมของสวนสาธารณะให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำหรับการเดินทางมายังสวนเปรมประชาวนารักษ์ สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ลงสถานีทุ่งสองห้อง ทางออก 1 #Newskit
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1117 มุมมอง 0 รีวิว
  • "วันพ่อแห่งชาติ" ปีนี้ 2567 ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 5 ธันวาคม ซึ่งวันนี้ถูกกำหนดให้เป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และเป็นวันที่ยกย่อง "พ่อ" ผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัววันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567ในปี 2563 เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจัด "วันพ่อแห่งชาติ" ขึ้น โดยผู้คิดริเริ่ม คือ คุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา กำหนดให้ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2470 ซึ่งเป็นคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี คือ "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ รัชกาลที่ 9 รวมถึงเป็นการให้ความสำคัญกับบทบาทของพ่อในครอบครัว "วันพ่อแห่งชาติ" ยังถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการประจำปีในประเทศไทย อีกด้วย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 รัฐบาลประกาศ "วันพ่อแห่งชาติ" ยังคงไว้ให้เป็นวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี วันชาติ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ยังถูกกำหนดให้เป็น "วันชาติ" ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 วันชาติ 5 ธันวาคม 2567ในอดีต "วันชาติ" เคยมีการกำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายน เนื่องจากเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 และมีการฉลองวันชาติครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน 2482 ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และได้ถือปฏิบัติมาโดยตลอดเป็นระยะเวลาถึง 21 ปี จนถึงสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการทบทวนว่าไม่ควรใช้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ เนื่องจากมีความไม่เหมาะสมหลายประการ มีการตั้งคณะกรรมการ พิจารณาและเสนอความเห็นว่าประเทศที่มี ระบอบประชาธิปไตย และมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติหลายประเทศถือเอาวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์ เป็นวันฉลองของชาติ เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ญี่ปุ่น เป็นต้น ดังนั้น เพื่อยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณี อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติ และเป็นวันศูนย์รวมจิตใจ ความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ประเทศไทยจึงได้ถือเอาวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นวันฉลอง "วันชาติ" ตั้งแต่ 2503 เป็นต้นมา โดยภาครัฐและเอกชนจะจัดกิจกรรมกันทั่วประเทศ สัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ คือ "ดอกพุทธรักษา" เนื่องจากดอกพุทธรักษามีสีเหลืองตรงกับสีวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ รัชกาลที่ 9 (วันจันทร์) นอกจากนี้ชาวพุทธยังมีความเชื่อว่า ดอกพุทธรักษา คือ ดอกไม้มงคล อีกด้วยพิธีสำคัญ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ในปี 2567 นี้ รัฐบาล จัดกิจกรรม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567 ดังนี้ช่วงเช้า เวลา 07.30 น. มีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล โดยส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง พระสงฆ์ จำนวน 189 รูป มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีพร้อมคู่สมรสส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม และในต่างประเทศสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสมมีการ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาให้วัดทุกวัดในประเทศไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล จัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติฯ ในเดือนธันวาคม 2567 อีกด้วย
    "วันพ่อแห่งชาติ" ปีนี้ 2567 ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 5 ธันวาคม ซึ่งวันนี้ถูกกำหนดให้เป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และเป็นวันที่ยกย่อง "พ่อ" ผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัววันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567ในปี 2563 เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจัด "วันพ่อแห่งชาติ" ขึ้น โดยผู้คิดริเริ่ม คือ คุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา กำหนดให้ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2470 ซึ่งเป็นคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี คือ "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ รัชกาลที่ 9 รวมถึงเป็นการให้ความสำคัญกับบทบาทของพ่อในครอบครัว "วันพ่อแห่งชาติ" ยังถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการประจำปีในประเทศไทย อีกด้วย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 รัฐบาลประกาศ "วันพ่อแห่งชาติ" ยังคงไว้ให้เป็นวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี วันชาติ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ยังถูกกำหนดให้เป็น "วันชาติ" ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 วันชาติ 5 ธันวาคม 2567ในอดีต "วันชาติ" เคยมีการกำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายน เนื่องจากเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 และมีการฉลองวันชาติครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน 2482 ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และได้ถือปฏิบัติมาโดยตลอดเป็นระยะเวลาถึง 21 ปี จนถึงสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการทบทวนว่าไม่ควรใช้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ เนื่องจากมีความไม่เหมาะสมหลายประการ มีการตั้งคณะกรรมการ พิจารณาและเสนอความเห็นว่าประเทศที่มี ระบอบประชาธิปไตย และมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติหลายประเทศถือเอาวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์ เป็นวันฉลองของชาติ เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน ญี่ปุ่น เป็นต้น ดังนั้น เพื่อยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณี อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติ และเป็นวันศูนย์รวมจิตใจ ความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ประเทศไทยจึงได้ถือเอาวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นวันฉลอง "วันชาติ" ตั้งแต่ 2503 เป็นต้นมา โดยภาครัฐและเอกชนจะจัดกิจกรรมกันทั่วประเทศ สัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ คือ "ดอกพุทธรักษา" เนื่องจากดอกพุทธรักษามีสีเหลืองตรงกับสีวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ รัชกาลที่ 9 (วันจันทร์) นอกจากนี้ชาวพุทธยังมีความเชื่อว่า ดอกพุทธรักษา คือ ดอกไม้มงคล อีกด้วยพิธีสำคัญ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ในปี 2567 นี้ รัฐบาล จัดกิจกรรม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567 ดังนี้ช่วงเช้า เวลา 07.30 น. มีการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล โดยส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง พระสงฆ์ จำนวน 189 รูป มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีพร้อมคู่สมรสส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม และในต่างประเทศสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสมมีการ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาให้วัดทุกวัดในประเทศไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล จัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติฯ ในเดือนธันวาคม 2567 อีกด้วย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1385 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽
    กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์
    (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว)

    หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด

    และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน

    เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น

    หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ

    ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽 กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว) หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1134 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยและทรงพระเมตตา ทรงจัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเพื่อเชิญไปพระราชแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ

    เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๒๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงในถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง เพื่อเชิญไปพระราชทานแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเล็กและจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กบรรจุลงในถุงพระราชทาน อาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม เป้อุ้มเด็ก นมผง อาหารเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำลี ฟองน้ำเช็ดตัว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่
    แรกเกิดถึงอายุ ๒ ปี เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป

    ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดแม่น้ำโขง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในเบื้องต้น โดยนำสิ่งของพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก หนองคาย และจังหวัดเลย อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และจัดรถครัวสนามปรุงอาหารให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ที่ประสบภัยต่าง ๆ เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความจำเป็นในการฟื้นฟูและ
    ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎร ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปรกติโดยเร็ว นอกจากนั้น พระมหากรุณาธิคุณยังครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสาธารณะ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงาน ในการนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพวงมาลาไปวางที่หน้าหีบศพผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการศพแก่จิตอาสาที่เสียชีวิต พระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของผู้เสียชีวิต รวมทั้งทรงรับจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยมีพระเมตตาและพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการพระราชทานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าว และมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ แก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว และข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ทุกภาคส่วน และจิตอาสา ต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรัก ความปรารถนาดี
    ต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงได้ตามลำดับ

    #ทรงพระเจริญ
    #สืบสานรักษาต่อยอด
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยและทรงพระเมตตา ทรงจัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเพื่อเชิญไปพระราชแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๒๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงในถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง เพื่อเชิญไปพระราชทานแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเล็กและจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กบรรจุลงในถุงพระราชทาน อาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม เป้อุ้มเด็ก นมผง อาหารเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำลี ฟองน้ำเช็ดตัว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่ แรกเกิดถึงอายุ ๒ ปี เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดแม่น้ำโขง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในเบื้องต้น โดยนำสิ่งของพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก หนองคาย และจังหวัดเลย อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และจัดรถครัวสนามปรุงอาหารให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ที่ประสบภัยต่าง ๆ เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความจำเป็นในการฟื้นฟูและ ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎร ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปรกติโดยเร็ว นอกจากนั้น พระมหากรุณาธิคุณยังครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสาธารณะ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงาน ในการนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพวงมาลาไปวางที่หน้าหีบศพผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการศพแก่จิตอาสาที่เสียชีวิต พระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของผู้เสียชีวิต รวมทั้งทรงรับจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยมีพระเมตตาและพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการพระราชทานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าว และมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ แก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว และข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ทุกภาคส่วน และจิตอาสา ต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรัก ความปรารถนาดี ต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงได้ตามลำดับ #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1752 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎร ที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน ๑๐๐ ชุด แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
    .
    การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วนที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และสามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มลดลง ประชาชนกลับเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและทำความสะอาด แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน
    ---
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand Concerned about the people who are suffering from severe flooding in Mae Sai District and Mueang Chiang Rai District, Chiang Rai, Their Majesties's graciously bestowed 100 sets of high pressure water sprayers and accessories to the Royal Thai Armed Forces Headquarters through the Army Development Command for use in helping people affected by floods. These are important equipment that helps save effort in cleaning and restoring people's homes, public utilities, temples, roads, and government offices to help alleviate suffering and help the situation return to normal as soon as possible.
    .
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn commended and gave encouragement to volunteers from all sectors who worked together to provide timely assistance to the disaster victims and were able to alleviate the situation gradually. Currently, the water level has started to decrease. People have returned to the area to restore their homes and clean up, but it is still difficult because there is a lot of mud that has come with the water and there is a lack of tools and equipment necessary to clean and restore their homes.
    _______________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎร ที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน ๑๐๐ ชุด แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว . การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วนที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และสามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มลดลง ประชาชนกลับเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและทำความสะอาด แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน --- His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand Concerned about the people who are suffering from severe flooding in Mae Sai District and Mueang Chiang Rai District, Chiang Rai, Their Majesties's graciously bestowed 100 sets of high pressure water sprayers and accessories to the Royal Thai Armed Forces Headquarters through the Army Development Command for use in helping people affected by floods. These are important equipment that helps save effort in cleaning and restoring people's homes, public utilities, temples, roads, and government offices to help alleviate suffering and help the situation return to normal as soon as possible. . His Majesty King Maha Vajiralongkorn commended and gave encouragement to volunteers from all sectors who worked together to provide timely assistance to the disaster victims and were able to alleviate the situation gradually. Currently, the water level has started to decrease. People have returned to the area to restore their homes and clean up, but it is still difficult because there is a lot of mud that has come with the water and there is a lack of tools and equipment necessary to clean and restore their homes. _______________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1184 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จองค์ปฐม ท่านตรัสต่อไปว่า

    "งานสาธารณประโยชน์ มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด
    ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้
    จะได้รู้ว่าเป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุด เป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ
    ที่มันคอยกั้นขวางเรา งานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่"



    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ท่านสอนว่า

    “..ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงให้ไว้
    งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำงานทั้งหลายเหล่านั้น
    ขอลูกรักทั้งหมดจงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือรักษาไว้ด้วยชีวิต
    เพราะงานสาธารณประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน
    มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้
    พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อ
    เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี
    ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ
    ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้

    ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์
    ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป
    แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ..”

    ที่มา : จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓"
    โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    และ

    หนังสือพระคุณของหลวงพ่อ
    โดย... พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ (พระภาวนากิจวิมล)
    จาก...หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 5​

    สมเด็จองค์ปฐม ท่านตรัสต่อไปว่า "งานสาธารณประโยชน์ มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้ จะได้รู้ว่าเป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุด เป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ ที่มันคอยกั้นขวางเรา งานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่" หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ท่านสอนว่า “..ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงให้ไว้ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำงานทั้งหลายเหล่านั้น ขอลูกรักทั้งหมดจงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือรักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะงานสาธารณประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ..” ที่มา : จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓" โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี และ หนังสือพระคุณของหลวงพ่อ โดย... พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ (พระภาวนากิจวิมล) จาก...หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 5​
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว