• หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน

    ความมีอยู่ว่า
    ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา...
    - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย

    วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี

    สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml
    https://www.bilibili.com/read/cv8965867/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819

    #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    หลายสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องหินสามชาติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) วันนี้เลยมาคุยกันอีกสักนิดถึงแม่น้ำวั่งชวนนี้ หากใครได้ดูละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> จะเห็นฉากที่นางเอกลงไปลุยแม่น้ำวั่งชวน รูปแม่น้ำตามรูปขวา (จากในละคร) แลเห็นมีแสงเขียวเป็นดวงๆ อยู่ในน้ำ ซึ่งตามตำนานนั้นพวกนี้ก็คือดวงวิญญาน ความมีอยู่ว่า ...ข้ายกขาก้าวลงไปในแม่น้ำวั่งชวนอย่างไม่ลังเล มิใยที่เหล่าวิญญาณที่กำลังคร่ำครวญโหยหวนต่างกรูกันเข้ามา เพียงชั่วขณะจิตก็ฉุดรั้งครึ่งท่อนล่างของร่างข้าลงไป ข้าใช้มือแกะเส้นสายดวงวิญญาณในน้ำเหล่านี้ออกไป พลางพินิจดูดวงวิญญาณในน้ำนั้น ข้าเชื่อว่า ขอเพียงข้าเสาะหาอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อให้แม่น้ำวั่งชวนจะมีกี่ล้านพันล้านดวงวิญญาณ ข้าก็จะยังหาพบเสี้ยวหนึ่งของเขา... - จากเรื่อง <มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง> ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ ละครเรื่อง <เถ้ามธุรส> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนคลับนิยายจีนแนวเทพเซียนคงคุ้นเคยดีกับเรื่องน้ำแกงยายเมิ่งที่ทำให้คนลืมอดีตชาติเพื่อไปเกิดใหม่ ว่ากันว่ายายเมิ่งแจกจ่ายน้ำแกงนี้ให้ดวงวิญญาณกินก่อนจะก้าวข้ามผ่านสะพานไน่เหอ (เคยมีคนแปลไว้ว่าสะพานอนิจจัง) เพื่อไปสู่ภพชาติใหม่ ผู้ใดไม่ยอมดื่มน้ำแกงยายเมิ่งก็ข้ามสะพานไน่เหอไปเกิดใหม่ไม่ได้ สะพานไน่เหอนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวั่งชวน (แต่ในละครไม่มี) ตามตำนานนั้นสะพานไน่เหอมีสามชั้น ชั้นบนสุดปลอดภัยเดินสะดวก เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่มีจิตใจปราณี ชั้นที่สองเดินลำบากหน่อยแต่ไม่อันตราย เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่ทำผิดเล็กน้อยมาบ้างทำดีมาบ้าง ส่วนชั้นล่างอันตรายสุดมีงูทองแดงและสุนัขเหล็กคอยจู่โจม เป็นชั้นเดินของวิญญาณที่เคยทำเรื่องชั่วร้าย วั่งชวน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแม่น้ำลืมเลือน แล้วทำไมจึงมีดวงวิญญาณ? คำตอบก็คือ 1) คนที่ข้ามสะพานไม่ผ่านแล้วหล่นลงมา (ก็จากสะพานชั้นล่างที่อันตรายสุดตามที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่เล่าขานว่าดวงวิญญาณในแม่น้ำวั่งชวนส่วนใหญ่เป็นวิญญาณร้าย) และ 2) คนที่ไม่สามารถปล่อยวางอดีต ไม่ยอมกินน้ำแกงยายเมิ่ง ข้ามสะพานไน่เหอไม่ได้ ได้แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำวั่งชวนเพื่อรอคอยคนรัก และต้องรอนานถึงหนึ่งพันปี สำหรับคนที่กระโดดลงน้ำเพื่อรอคอยคนรัก เชื่อว่ามันคงเป็นการรอคอยที่ทรมาน เพราะภายในหนึ่งพันปีนั้น เขาอาจได้เห็นคนรักดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานแล้วลืมอดีตชาติลืมตนเองไปโดยไม่ทันได้มองลงมาเห็นตน และอาจบางทีเขาต้องมองคนคนนั้นก้าวข้ามผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เศร้าไหม? แต่หากอดทนได้พันปีไม่ลืมรักก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่เพื่อตามหารักนั้นอีกครั้ง… ย้ำ: ถ้าอดทนได้หนึ่งพันปี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://wallpapercave.com/ashes-of-love-wallpapers Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.360doc.com/content/17/0124/22/31610762_624607651.shtml https://www.bilibili.com/read/cv8965867/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/27278819 #มธุรสหวานล้ำ #เถ้ามธุรส #วั่งชวน #ตำนานจีน StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เปรี๊ยะอภัยมณี” ละครเขมร เนื้อหาลอก “พระอภัยมณี” คนไทยเดือด ถามกลับ ใครให้สิทธิ์?
    https://www.thai-tai.tv/news/19885/
    “เปรี๊ยะอภัยมณี” ละครเขมร เนื้อหาลอก “พระอภัยมณี” คนไทยเดือด ถามกลับ ใครให้สิทธิ์? https://www.thai-tai.tv/news/19885/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft พยายามเลิกพึ่ง GPU ของ Nvidia (อย่าง H100 และ Blackwell) โดยพัฒนาชิปของตัวเองที่ชื่อว่า “Maia” โดยรุ่นถัดไปที่ชื่อเล่นว่า “Braga” มุ่งเน้นงาน inference บน Copilot และโมเดล OpenAI ในระบบ Azure

    แต่แผนดันสะดุด — เพราะนอกจากจะมี “ขาดคน พนักงานลาออกเกิน 20% ในบางทีม” แล้ว OpenAI ยังขอเพิ่มฟีเจอร์กลางคัน ซึ่งทำให้แผนผังชิปเสียสมดุลจนต้องเริ่ม simulation ใหม่

    ระหว่างนี้ Nvidia กลับเดินหน้าเปิดตัวชิป Blackwell ที่แรงกว่า, เร็วกว่า, และครอบคลุมทั้ง training และ inference — พูดง่าย ๆ คือ Microsoft ยังไม่มีอะไรที่ชนะ Nvidia ได้สักจุด

    ✅ Microsoft พัฒนา “Braga” (Maia รุ่นถัดไป) ชิป AI สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ใน Azure  
    • วางแผนใช้ทดแทน GPU ของ Nvidia เพื่อควบคุมต้นทุนและ ecosystem เอง  
    • ออกแบบเพื่อใช้งาน inference เป็นหลัก (ไม่เน้น training)

    ✅ Braga เลื่อนเปิดตัวไปปี 2026 เป็นอย่างเร็ว  
    • ช้ากว่าแผนเดิมอย่างน้อย 6 เดือน  
    • น่าจะอ่อนกว่า Nvidia Blackwell ตอนที่วางขายจริง

    ✅ ปัจจัยที่ทำให้ล่าช้า:  
    • ความเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์จากคำร้องของ OpenAI  
    • พนักงานลาออกเยอะ → ทีมขาดความต่อเนื่อง  
    • แรงกดดันด้านเดดไลน์ทำให้ simulation fail หลายรอบ

    ✅ Maia รุ่นแรก (Maia 100) ยังใช้งานจำกัดมาก  
    • ใช้เทคโนโลยี 5nm + มีระบบ rack และ liquid cooling เฉพาะ  
    • สเปกไม่ตอบโจทย์การเทรนโมเดลขนาดใหญ่ในยุค LLM boom

    ✅ Nvidia Blackwell เริ่มใช้งานจริงแล้ว → สร้างแรงกดดันมากขึ้น  
    • มี transistor เกิน 200 พันล้าน  
    • ใช้สำหรับทั้ง training และ inference ระดับ hyperscale  
    • ประสิทธิภาพ + ประหยัดไฟกว่ารุ่นเก่าแบบขาดลอย

    ✅ คู่แข่งอื่นอย่าง Google (TPU v7) และ Amazon (Trainium 3) ก็เร่งพัฒนาชิปของตนเองไม่แพ้กัน  
    • เพิ่มแรงบีบให้ Microsoft ต้องเร่งแผน silicon

    https://www.techspot.com/news/108489-microsoft-custom-ai-chip-hits-delays-giving-nvidia.html
    Microsoft พยายามเลิกพึ่ง GPU ของ Nvidia (อย่าง H100 และ Blackwell) โดยพัฒนาชิปของตัวเองที่ชื่อว่า “Maia” โดยรุ่นถัดไปที่ชื่อเล่นว่า “Braga” มุ่งเน้นงาน inference บน Copilot และโมเดล OpenAI ในระบบ Azure แต่แผนดันสะดุด — เพราะนอกจากจะมี “ขาดคน พนักงานลาออกเกิน 20% ในบางทีม” แล้ว OpenAI ยังขอเพิ่มฟีเจอร์กลางคัน ซึ่งทำให้แผนผังชิปเสียสมดุลจนต้องเริ่ม simulation ใหม่ ระหว่างนี้ Nvidia กลับเดินหน้าเปิดตัวชิป Blackwell ที่แรงกว่า, เร็วกว่า, และครอบคลุมทั้ง training และ inference — พูดง่าย ๆ คือ Microsoft ยังไม่มีอะไรที่ชนะ Nvidia ได้สักจุด ✅ Microsoft พัฒนา “Braga” (Maia รุ่นถัดไป) ชิป AI สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ใน Azure   • วางแผนใช้ทดแทน GPU ของ Nvidia เพื่อควบคุมต้นทุนและ ecosystem เอง   • ออกแบบเพื่อใช้งาน inference เป็นหลัก (ไม่เน้น training) ✅ Braga เลื่อนเปิดตัวไปปี 2026 เป็นอย่างเร็ว   • ช้ากว่าแผนเดิมอย่างน้อย 6 เดือน   • น่าจะอ่อนกว่า Nvidia Blackwell ตอนที่วางขายจริง ✅ ปัจจัยที่ทำให้ล่าช้า:   • ความเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์จากคำร้องของ OpenAI   • พนักงานลาออกเยอะ → ทีมขาดความต่อเนื่อง   • แรงกดดันด้านเดดไลน์ทำให้ simulation fail หลายรอบ ✅ Maia รุ่นแรก (Maia 100) ยังใช้งานจำกัดมาก   • ใช้เทคโนโลยี 5nm + มีระบบ rack และ liquid cooling เฉพาะ   • สเปกไม่ตอบโจทย์การเทรนโมเดลขนาดใหญ่ในยุค LLM boom ✅ Nvidia Blackwell เริ่มใช้งานจริงแล้ว → สร้างแรงกดดันมากขึ้น   • มี transistor เกิน 200 พันล้าน   • ใช้สำหรับทั้ง training และ inference ระดับ hyperscale   • ประสิทธิภาพ + ประหยัดไฟกว่ารุ่นเก่าแบบขาดลอย ✅ คู่แข่งอื่นอย่าง Google (TPU v7) และ Amazon (Trainium 3) ก็เร่งพัฒนาชิปของตนเองไม่แพ้กัน   • เพิ่มแรงบีบให้ Microsoft ต้องเร่งแผน silicon https://www.techspot.com/news/108489-microsoft-custom-ai-chip-hits-delays-giving-nvidia.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's custom AI chip hits delays, giving Nvidia more runway
    Microsoft's push into custom artificial intelligence hardware has hit a serious snag. Its next-generation Maia chip, code-named Braga, won't enter mass production until 2026 – at least...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดิมทีเรามักคิดว่า “ดาต้าเซ็นเตอร์ = อาหารของ AI = โรงไฟฟ้าขนาดย่อม” เพราะมันกินไฟมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อ AI ต้องเรนเดอร์และประมวลผลแบบ real-time — นี่แหละครับคือปัญหาที่โลกกำลังปวดหัวอยู่

    แต่ Crusoe ไม่รอให้ปัญหาขยาย พวกเขาร่วมมือกับ Redwood Materials (บริษัทที่ก่อตั้งโดย JB Straubel — ผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla) เพื่อแก้ปัญหาให้ครบวงจร:
    - ใช้แบตเตอรี่จากรถ EV เก่าที่ยังเหลือความจุ ~50% มารวมเป็นระบบแบตสำรองขนาดยักษ์
    - ผสานเข้ากับแผงโซลาร์เซลล์ สร้างเป็น microgrid ขนาด 12 เมกะวัตต์ + ความจุไฟ 63 MWh
    - ใช้เวลาสร้างแค่ 4 เดือนเท่านั้น — ไวกว่าสร้างโรงไฟฟ้าหรือเดินสายส่งหลายปี!
    - ปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลที่รันด้วยแบตพวกนี้ ใช้ GPU กว่า 2,000 ตัว สำหรับงาน AI โดยไม่แตะไฟจากสายส่งเลย

    และที่เจ๋งคือ เมื่อแบตหมดอายุลงไปอีก…ก็ส่งกลับไปรีไซเคิลเพื่อดึงแร่ลิเธียม โคบอลต์ นิกเกิล กลับเข้าสายพานการผลิตอีก — ครบลูปแบบ zero-waste!

    ✅ Redwood Materials นำแบตรถ EV เก่าที่มีประจุเหลือเกินครึ่ง มาทำเป็นระบบกักเก็บพลังงานแบบอยู่กับที่  
    • ช่วยให้ไม่ต้องรีไซเคิลทันที  
    • ต่ออายุการใช้งานก่อนนำไปสกัดแร่กลับมาหมุนเวียน

    ✅ Crusoe ใช้ microgrid ที่ประกอบด้วยแบต EV มือสอง + พลังแสงอาทิตย์ รันศูนย์ข้อมูล AI เต็มรูปแบบ  
    • ให้พลังงาน 12 เมกะวัตต์ เก็บได้ 63 MWh  
    • ใหญ่สุดในอเมริกาเหนือในด้านแบตรีไซเคิล  
    • ใช้ GPU 2,000 ตัวประมวลผล AI โดยไม่พึ่งกริดกลาง

    ✅ ระบบ microgrid ใช้งานแบตในลักษณะ “ไม่เร่ง” มากเท่ารถ EV  
    • แบต EV ต้องรับแรงเร่ง–ชาร์จเร็ว แต่ศูนย์ข้อมูล discharge ช้า → แบตอยู่ได้นาน  
    • ต้นทุนถูกกว่าซื้อแบตใหม่ครึ่งหนึ่ง

    ✅ Redwood มีเครือข่ายเก็บแบตใช้แล้วจากทั่วอเมริกาเหนือ (มากกว่า 70%)  
    • ประเมินว่าบรรดาแบต EV มือสองเหล่านี้อาจกลายเป็น 50% ของตลาดแบตสำรองในอนาคต

    ✅ เมื่อแบตหมดอายุลงอีกครั้ง → นำไปรีไซเคิลเพื่อคืนแร่หายากกลับสู่อุตสาหกรรม

    ✅ โครงการนี้เกิดขึ้นภายใน 4 เดือน เร็วกว่าโครงการพลังงานทั่วไปหลายเท่า

    https://www.techspot.com/news/108487-data-center-nevada-runs-solar-power-reused-ev.html
    เดิมทีเรามักคิดว่า “ดาต้าเซ็นเตอร์ = อาหารของ AI = โรงไฟฟ้าขนาดย่อม” เพราะมันกินไฟมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อ AI ต้องเรนเดอร์และประมวลผลแบบ real-time — นี่แหละครับคือปัญหาที่โลกกำลังปวดหัวอยู่ แต่ Crusoe ไม่รอให้ปัญหาขยาย พวกเขาร่วมมือกับ Redwood Materials (บริษัทที่ก่อตั้งโดย JB Straubel — ผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla) เพื่อแก้ปัญหาให้ครบวงจร: - ใช้แบตเตอรี่จากรถ EV เก่าที่ยังเหลือความจุ ~50% มารวมเป็นระบบแบตสำรองขนาดยักษ์ - ผสานเข้ากับแผงโซลาร์เซลล์ สร้างเป็น microgrid ขนาด 12 เมกะวัตต์ + ความจุไฟ 63 MWh - ใช้เวลาสร้างแค่ 4 เดือนเท่านั้น — ไวกว่าสร้างโรงไฟฟ้าหรือเดินสายส่งหลายปี! - ปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลที่รันด้วยแบตพวกนี้ ใช้ GPU กว่า 2,000 ตัว สำหรับงาน AI โดยไม่แตะไฟจากสายส่งเลย และที่เจ๋งคือ เมื่อแบตหมดอายุลงไปอีก…ก็ส่งกลับไปรีไซเคิลเพื่อดึงแร่ลิเธียม โคบอลต์ นิกเกิล กลับเข้าสายพานการผลิตอีก — ครบลูปแบบ zero-waste! ✅ Redwood Materials นำแบตรถ EV เก่าที่มีประจุเหลือเกินครึ่ง มาทำเป็นระบบกักเก็บพลังงานแบบอยู่กับที่   • ช่วยให้ไม่ต้องรีไซเคิลทันที   • ต่ออายุการใช้งานก่อนนำไปสกัดแร่กลับมาหมุนเวียน ✅ Crusoe ใช้ microgrid ที่ประกอบด้วยแบต EV มือสอง + พลังแสงอาทิตย์ รันศูนย์ข้อมูล AI เต็มรูปแบบ   • ให้พลังงาน 12 เมกะวัตต์ เก็บได้ 63 MWh   • ใหญ่สุดในอเมริกาเหนือในด้านแบตรีไซเคิล   • ใช้ GPU 2,000 ตัวประมวลผล AI โดยไม่พึ่งกริดกลาง ✅ ระบบ microgrid ใช้งานแบตในลักษณะ “ไม่เร่ง” มากเท่ารถ EV   • แบต EV ต้องรับแรงเร่ง–ชาร์จเร็ว แต่ศูนย์ข้อมูล discharge ช้า → แบตอยู่ได้นาน   • ต้นทุนถูกกว่าซื้อแบตใหม่ครึ่งหนึ่ง ✅ Redwood มีเครือข่ายเก็บแบตใช้แล้วจากทั่วอเมริกาเหนือ (มากกว่า 70%)   • ประเมินว่าบรรดาแบต EV มือสองเหล่านี้อาจกลายเป็น 50% ของตลาดแบตสำรองในอนาคต ✅ เมื่อแบตหมดอายุลงอีกครั้ง → นำไปรีไซเคิลเพื่อคืนแร่หายากกลับสู่อุตสาหกรรม ✅ โครงการนี้เกิดขึ้นภายใน 4 เดือน เร็วกว่าโครงการพลังงานทั่วไปหลายเท่า https://www.techspot.com/news/108487-data-center-nevada-runs-solar-power-reused-ev.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    This data center in Nevada runs on solar power and reused EV batteries in groundbreaking project
    Redwood Energy, a Redwood Materials venture, aims to change how people use lithium-ion batteries. Instead of sending batteries from electric vehicles straight to recycling, the company gives...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ปาหี่แหกตาประชาชนคนไทยอีกแล้ว,ปิดด่านคือปิดด่าน,พอเถอะปิดครึ่งๆกลางๆปิดแบบให้มาการเข้าออกได้อยู่,รถเจ้าสัวกู รถนายกู รถพวกกู รถสาระพัดรถอีกล่ะ,เหี้ยเหมือนเดิม,เด็ดขาดคือเด็ดขาด,นี้สามารถลักลอบอะไรๆได้หมดเหมือนเดิมส่งเสบียงช่วยทัพศัตรูคนของชาติศัตรูเหมือนเดิม,ไม่ตัดลมตัดตอนตัดขาดลงโทษการคุกคามภัยรุกรานอธิปไตยชาติไทยห่าอะไรเลย,ส่งท่อน้ำเลี้ยงห่าเหวทำไมอีก,ปิดด่านคือปิดด่าน,ส่วนตัวถือว่าภัยนี้ร้ายแรง,คนไทยหรือใดๆใครๆห้ามผ่านทุกๆกรณี,ระเบิดถนนหนทาง ระเบิดเสาไฟฟ้าเชื่อมต่อสายส่งไปเขมรทั้งหมด,ตัดสายเคเบิลทะเลทิ้งที่ผ่านไทยไปเขมร ตัดคลื่นมือถือตัดเน็ต ระงับอายัดซิมไทยที่มีสัญญาณในเขมรทั้งหมด,อาชญากรรมใดๆสามารถเคลื่อนย้ายผ่านวัตถุที่ผ่านเข้าออกพรมแดนได้หมด, คำสั่งไม่เด็ดขาดอะไรเลย,ปิดด่านเพื่อลงโทษเขมร ต้องปิดด่านจริงๆแต่เล่นขายของแบบนี้เลี้ยงไข้เลี้ยงเชื้อแบบนี้ใช้ไม่ได้,ศึกสมควรจบเร็วเสือกไม่อยากให้จบเร็ว,เลี้ยงไข้ห่าอะไร,ตลอดพรมแดนต้องปิดการเข้าออกทุกๆรูปแบบ,อย่าใจอ่อนเด็ดขาด,นี้คือภัยคุกคาม,นี้คือภัยรุกราน,นี้ไม่ใช่เกมส์นี้คือชีวิตจริงและความปลอดภัยของคนไทยเราจริง,อย่าประมาท,ก็รู้อยู่ว่ามันมีโอกาสจะทำเราคืนทันทีแน่นอนคนสันดานแบบนี้จะใจอ่อนทำซากอะไรในคนเขมรเวลานี้,
    ..รถบรรทุกพวกนี้สร้างความแตกแยกแตกระเบียบแตกกฎเกณฑ์ในภาวะสงครามนะมิใช่ภาวะปกติ เห็นแก่ตัวอยากข้ามไปข้ามมาทำกำไรทำผลประโยชน์ ทหารไทยก็เสียหมาด้วย ออกคำสั่งบอกประชาชนไม่เป็นคำสั่งเพื่อลงโทษต่อภัยคุกคามเราจริง,ปิดด่านคือปิดด่านจริงๆเถอะห้ามการเข้าออกจริงๆสัก2-3เดือนจริงๆ ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟตัดเน็ตก็ทำจริงๆด้วย,สินค้าห้ามเข้าเขมรทุกๆกรณีทหารก็ต้องปฏิบัติจริงด้วย,สร้างว่าปิดด่านปิดด่าน ที่ไหนได้ เปิด8โมงปิด4โมงเย็นพะนะ,ปิดด่านเหี้ยอะไรแบบนี้,เลอะเทอะความหมายสั่งการ,คนไทยเขาเข้าใจชัดเจนทันทีว่า ปิดด่านคือการห้ามเข้าออกตลอดกลางวันและกลางคืนโน้นโดยสามัญความคิดพื้นฐาน นี้วลีบาลีมุกเลี่ยงคำชัดๆเลี่ยงความหมายการถือปฏิบัติอีก,คำสั่งที่บัดสบเพื่อตอบโต้เขมร เราเห็นประกาศนี้แหกตาเกินไปจริงๆ,ลงโทษศัตรูคุกคามอธิปไตยเราแบบกากๆยังใจอ่อนต่อศัตรูตนเอง หากใจอ่อนแล้วเกิดสงครามรบจริงทหารนายพลห่าเหวนี้ก็เรียกทหารกองหนุนกองใดๆจากประชาชนเข้าร่วมรบอีกเพราะเหี้ยไม่เด็ดขาดตัดไฟตัดตอนปัญหาจริงเด็ดขาดแก่ศัตรูเลี้ยงไข้จนมากำลังจากนั้นก็มาทำสงครามสู้รบกับมันล่ะ,,น่าผิดหวังนายพลผู้บังคับบัญชามาก ไม่เด็ดขาดลงโทษสั่งสอนเขมร,ปิดด่านคือปิดด่าน คนเขมรจะเป็นตายก็ชั่งหัวมันกับพวกเนรคุณทรยศประเทศไทยเหยียบธงชาติไทยเราด้วย,คนเขมรหากสำนึกดีชั่วเลวได้ โน้นต้องไปล้มฮุนเซนคนปกครองมันของคนเขมรมึงโน้น,อย่ามาอ้างให้ทหารไทยเมตตาสงสารตนคนเขมรผู้บริสุทธิ์ตาดำพะนะ,ตาหน้าสงสารใบหน้าดูซื่อก็ว่า,แล้วก็มาเหี้ยเปิดด่านตรงนั่นตรงนี้ปกติให้อีก,พอเถอะทหารไทยเราปิดด่านคือปืดด่านจริงๆ,หากขนอาหารไปช่วยศัตรูฮุนเซนก็บอกตรงๆไป,สร้างความแตกแยกภายในเขมรตรงๆเลย,ช่วยทหารเขมรทรยศออกจากเขมรก็ช่วยไปของสายการทหาร,แต่อย่าไม่เด็ดขาดให้มีการเข้าออกด่านเหมือนเป็นปกติส่งนั่นนี้เสบียงปกติให้ทัพศัตรูมีอดกมีกินมีแรงมาทำสงครามอีกเลี้ยงสงครามทำเหี้ยอะไรมายาวนานลากยาวขนาดนี้,อยากให้อีสานเหมือนสามจังหวัดชายแดนใต้เหรอทหารท่าน,สามจังหวัดอีสานชายแดนอีสานใต้พะนะ,เปิดยุทธศาสตร์สนามรบแห่งใหม่ ตังท่อน้ำเลี้ยงแห่งใหม่แทนสามจังหวัดชายแดนใต้คือแหล่งทำเงินแดกเงินภัยคุกคามแห่งใหม่แดกงบประมาณแผ่นดินที่ใหม่คืออีสานใต้นี้แทนสามจังหวัดชายแดนใต้พะนะก็ว่า,มันสมควรจบสงครามนี้จริงๆ,เหี้ยฮุนเซนเล่นหมากเล่นเกมส์กับทักษิณแค่นั้นไม่มีห่าอะไร,ผีบ้าที่ไหนชิงตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟตัดเน็ตตัวเองก่อน มุกแหกตาปาหี่หลอกลวงประชาชนผ่านสื่อทั้งนั่น,เตรียมกันหมดแล้ว ใช้สื่อปั่นกระแสช่วยอีก,ฮุนเซนกับโทนี่สนิทกันโคตรๆขนาดนั้นยากหรอกจะหักหลังกัน มันช่วยเหลือกันแน่นอน,นอกจากโทนี่คือตัวปลอม ฮุนเซนคือตัวปลอม เล่นละครเพื่อจบตัวเองทั้งสองฝ่าย,คือฮุนเซนตัวปลอมแฉโทนี่ตัวปลอม,โทนี่ตัวปลอมก็ทำฮุนเซนตัวปลอมล่มละลายเสื่อมอำนาจยุคฮุนเซน คือจุดจบตัวเองทั้งสองนั่นล่ะ ละครฉากจะจบตัวเองนั้นเอง,ฮุนเซนชิงตัดไฟตัดน้ำมันก่อนก็ผีบ้าพอแล้ว,มีอะไรตรึมที่ผีบ้าคนนี้คิดออกมาแต่ไม่ทำลายสัมพันธ์จริงกับไทย,ให้เกียรติไทยก่อน ไทยสั่งตัดน้ำตัดไฟก่อน ไทยอาจเสียภาพลักษณ์ก็ว่า,มุกกวนตีนกวนประสาทมากมายอีก,และรู้ว่าไปศาลโลกไม่ได้แต่ปั่นกระแสอีก,โทนี่ตัวปลอมไปหลอกลวงฮุนเซนโคตรๆก็ได้อีกจนออกมาแฉตัวเอง,
    ..มีคนจัดฉากและกำกับสองคนนี้เล่นบทแน่นอน.ฮุนเซนกับทักษิณ,ส่วนจะจบทางดีหรือไม่ดีคงขึ้นอยู่กับคนจัดบทจัดฉาก.

    ..https://youtube.com/watch?v=pFQeQ11fUoQ&si=vbcSLGBNj_yGzogE
    ..ปาหี่แหกตาประชาชนคนไทยอีกแล้ว,ปิดด่านคือปิดด่าน,พอเถอะปิดครึ่งๆกลางๆปิดแบบให้มาการเข้าออกได้อยู่,รถเจ้าสัวกู รถนายกู รถพวกกู รถสาระพัดรถอีกล่ะ,เหี้ยเหมือนเดิม,เด็ดขาดคือเด็ดขาด,นี้สามารถลักลอบอะไรๆได้หมดเหมือนเดิมส่งเสบียงช่วยทัพศัตรูคนของชาติศัตรูเหมือนเดิม,ไม่ตัดลมตัดตอนตัดขาดลงโทษการคุกคามภัยรุกรานอธิปไตยชาติไทยห่าอะไรเลย,ส่งท่อน้ำเลี้ยงห่าเหวทำไมอีก,ปิดด่านคือปิดด่าน,ส่วนตัวถือว่าภัยนี้ร้ายแรง,คนไทยหรือใดๆใครๆห้ามผ่านทุกๆกรณี,ระเบิดถนนหนทาง ระเบิดเสาไฟฟ้าเชื่อมต่อสายส่งไปเขมรทั้งหมด,ตัดสายเคเบิลทะเลทิ้งที่ผ่านไทยไปเขมร ตัดคลื่นมือถือตัดเน็ต ระงับอายัดซิมไทยที่มีสัญญาณในเขมรทั้งหมด,อาชญากรรมใดๆสามารถเคลื่อนย้ายผ่านวัตถุที่ผ่านเข้าออกพรมแดนได้หมด, คำสั่งไม่เด็ดขาดอะไรเลย,ปิดด่านเพื่อลงโทษเขมร ต้องปิดด่านจริงๆแต่เล่นขายของแบบนี้เลี้ยงไข้เลี้ยงเชื้อแบบนี้ใช้ไม่ได้,ศึกสมควรจบเร็วเสือกไม่อยากให้จบเร็ว,เลี้ยงไข้ห่าอะไร,ตลอดพรมแดนต้องปิดการเข้าออกทุกๆรูปแบบ,อย่าใจอ่อนเด็ดขาด,นี้คือภัยคุกคาม,นี้คือภัยรุกราน,นี้ไม่ใช่เกมส์นี้คือชีวิตจริงและความปลอดภัยของคนไทยเราจริง,อย่าประมาท,ก็รู้อยู่ว่ามันมีโอกาสจะทำเราคืนทันทีแน่นอนคนสันดานแบบนี้จะใจอ่อนทำซากอะไรในคนเขมรเวลานี้, ..รถบรรทุกพวกนี้สร้างความแตกแยกแตกระเบียบแตกกฎเกณฑ์ในภาวะสงครามนะมิใช่ภาวะปกติ เห็นแก่ตัวอยากข้ามไปข้ามมาทำกำไรทำผลประโยชน์ ทหารไทยก็เสียหมาด้วย ออกคำสั่งบอกประชาชนไม่เป็นคำสั่งเพื่อลงโทษต่อภัยคุกคามเราจริง,ปิดด่านคือปิดด่านจริงๆเถอะห้ามการเข้าออกจริงๆสัก2-3เดือนจริงๆ ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟตัดเน็ตก็ทำจริงๆด้วย,สินค้าห้ามเข้าเขมรทุกๆกรณีทหารก็ต้องปฏิบัติจริงด้วย,สร้างว่าปิดด่านปิดด่าน ที่ไหนได้ เปิด8โมงปิด4โมงเย็นพะนะ,ปิดด่านเหี้ยอะไรแบบนี้,เลอะเทอะความหมายสั่งการ,คนไทยเขาเข้าใจชัดเจนทันทีว่า ปิดด่านคือการห้ามเข้าออกตลอดกลางวันและกลางคืนโน้นโดยสามัญความคิดพื้นฐาน นี้วลีบาลีมุกเลี่ยงคำชัดๆเลี่ยงความหมายการถือปฏิบัติอีก,คำสั่งที่บัดสบเพื่อตอบโต้เขมร เราเห็นประกาศนี้แหกตาเกินไปจริงๆ,ลงโทษศัตรูคุกคามอธิปไตยเราแบบกากๆยังใจอ่อนต่อศัตรูตนเอง หากใจอ่อนแล้วเกิดสงครามรบจริงทหารนายพลห่าเหวนี้ก็เรียกทหารกองหนุนกองใดๆจากประชาชนเข้าร่วมรบอีกเพราะเหี้ยไม่เด็ดขาดตัดไฟตัดตอนปัญหาจริงเด็ดขาดแก่ศัตรูเลี้ยงไข้จนมากำลังจากนั้นก็มาทำสงครามสู้รบกับมันล่ะ,,น่าผิดหวังนายพลผู้บังคับบัญชามาก ไม่เด็ดขาดลงโทษสั่งสอนเขมร,ปิดด่านคือปิดด่าน คนเขมรจะเป็นตายก็ชั่งหัวมันกับพวกเนรคุณทรยศประเทศไทยเหยียบธงชาติไทยเราด้วย,คนเขมรหากสำนึกดีชั่วเลวได้ โน้นต้องไปล้มฮุนเซนคนปกครองมันของคนเขมรมึงโน้น,อย่ามาอ้างให้ทหารไทยเมตตาสงสารตนคนเขมรผู้บริสุทธิ์ตาดำพะนะ,ตาหน้าสงสารใบหน้าดูซื่อก็ว่า,แล้วก็มาเหี้ยเปิดด่านตรงนั่นตรงนี้ปกติให้อีก,พอเถอะทหารไทยเราปิดด่านคือปืดด่านจริงๆ,หากขนอาหารไปช่วยศัตรูฮุนเซนก็บอกตรงๆไป,สร้างความแตกแยกภายในเขมรตรงๆเลย,ช่วยทหารเขมรทรยศออกจากเขมรก็ช่วยไปของสายการทหาร,แต่อย่าไม่เด็ดขาดให้มีการเข้าออกด่านเหมือนเป็นปกติส่งนั่นนี้เสบียงปกติให้ทัพศัตรูมีอดกมีกินมีแรงมาทำสงครามอีกเลี้ยงสงครามทำเหี้ยอะไรมายาวนานลากยาวขนาดนี้,อยากให้อีสานเหมือนสามจังหวัดชายแดนใต้เหรอทหารท่าน,สามจังหวัดอีสานชายแดนอีสานใต้พะนะ,เปิดยุทธศาสตร์สนามรบแห่งใหม่ ตังท่อน้ำเลี้ยงแห่งใหม่แทนสามจังหวัดชายแดนใต้คือแหล่งทำเงินแดกเงินภัยคุกคามแห่งใหม่แดกงบประมาณแผ่นดินที่ใหม่คืออีสานใต้นี้แทนสามจังหวัดชายแดนใต้พะนะก็ว่า,มันสมควรจบสงครามนี้จริงๆ,เหี้ยฮุนเซนเล่นหมากเล่นเกมส์กับทักษิณแค่นั้นไม่มีห่าอะไร,ผีบ้าที่ไหนชิงตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟตัดเน็ตตัวเองก่อน มุกแหกตาปาหี่หลอกลวงประชาชนผ่านสื่อทั้งนั่น,เตรียมกันหมดแล้ว ใช้สื่อปั่นกระแสช่วยอีก,ฮุนเซนกับโทนี่สนิทกันโคตรๆขนาดนั้นยากหรอกจะหักหลังกัน มันช่วยเหลือกันแน่นอน,นอกจากโทนี่คือตัวปลอม ฮุนเซนคือตัวปลอม เล่นละครเพื่อจบตัวเองทั้งสองฝ่าย,คือฮุนเซนตัวปลอมแฉโทนี่ตัวปลอม,โทนี่ตัวปลอมก็ทำฮุนเซนตัวปลอมล่มละลายเสื่อมอำนาจยุคฮุนเซน คือจุดจบตัวเองทั้งสองนั่นล่ะ ละครฉากจะจบตัวเองนั้นเอง,ฮุนเซนชิงตัดไฟตัดน้ำมันก่อนก็ผีบ้าพอแล้ว,มีอะไรตรึมที่ผีบ้าคนนี้คิดออกมาแต่ไม่ทำลายสัมพันธ์จริงกับไทย,ให้เกียรติไทยก่อน ไทยสั่งตัดน้ำตัดไฟก่อน ไทยอาจเสียภาพลักษณ์ก็ว่า,มุกกวนตีนกวนประสาทมากมายอีก,และรู้ว่าไปศาลโลกไม่ได้แต่ปั่นกระแสอีก,โทนี่ตัวปลอมไปหลอกลวงฮุนเซนโคตรๆก็ได้อีกจนออกมาแฉตัวเอง, ..มีคนจัดฉากและกำกับสองคนนี้เล่นบทแน่นอน.ฮุนเซนกับทักษิณ,ส่วนจะจบทางดีหรือไม่ดีคงขึ้นอยู่กับคนจัดบทจัดฉาก. ..https://youtube.com/watch?v=pFQeQ11fUoQ&si=vbcSLGBNj_yGzogE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าจะพวกดัดจริตหรือฝ่ายตรงข้ามทหารเราชัดเจนอีกตัวและหลายตัว,ทหารจะทำจะเป็นอะไร,ทำแล้วดีแน่นอน,มิใช่ทหารอีลิทฝ่ายdeep stateทำเหมือนในอดีตจะเป็นอะไร,ทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย,ละครสนามสงครามจีนใต้หวันกำลังจะเริ่มอีก,รัฐบาลปกติไม่สามารถรับมือทันกาลหรอก,วิกฤติต่างๆทั่วโลกอีก,กฎปกติธรรมดาไม่สามารถช่วยเหลือสั่งการช่วยเหลือได้ทันกาลหรอกเช่นกัน,จะต้องอาศัยอำนาจคำสั่งพิเศษเฉพาะกาลและฉุกเฉินเป็นอันในช่วงเวลานี้เป็นต้นไป,ทหารร่วมกับคณะทีมรวมพลังแผ่นดินขึ้นเป็นรัฐบาลจะเป็นอะไร,ทำไมคณะประชาชนสายตรงจะบริหารประเทศไม่ได้ วิจัยทดลองงานสัก5-10ปีดูก็ได้,สมมุติทีมรัฐบาลชุดรวมพลังแผ่นดินไทย มีคำสั่งร่วมกับทหารในนามกฎอัยการศึกทั่วประเทศโมฆะสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดจะเป็นอะไร,แล้วผลืตขายน้ำมันทำเองภายในประเทศช่วงโลกพบวิกฤติทั้งโลกจะเป็นอะไรในราคาถูกๆคือลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านเพื่อรับมือพิษเศรษฐกิจทั้งโลก,ไทยปกป้องไทยเราเองก่อนจะเป็นอะไร ไล่คนอื่นกลับบ้านไปก่อนเพื่อบ้านเมืองพบวิกฤติแล้วคุณจะมาหาแดกทำกำไรมหาศาลในบ้านของฉันที่กำลังขาดแคลนกำลังจะตายจะมาเกรงอกเกรงใจโคตรพ่อโคตรแมร่งคุณเหรอ,ฉันจะมารยาทแฮดคอเพื่อคุณเหรอ,กูต้องไล่มึงออกจากบ้านกูมันทีก่อนหยุดกิจกรรมมึงทั้งหมดแล้วไปจากบ้านจากพื้นที่กูเสียก่อน,โลกสงบบ้านเมืองสงบจึงค่อยมาว่ากันตกลงกันอีกครั้ง,นี้คือสิ่งที่ทหารปฏิวัติต้องกระทำการทันทีคือสิ่งแรก,ควบคุมน้ำมัน ขนส่งทั่วประเทศจะถูกลงทันที,ทหารสร้างอัตลักษณ์ภาพลักษณ์เชิงบวกแน่นอนในทันที,ดูดีกว่าจะมาประกาศลดราคาน้ำมันอีกเพราะไม่ใช่จัดการที่ต้นเหตุ,เป็นบ๋อยให้ทุนเหมือนเดิม.
    ..ปฏิวัติเลย,ปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจเลย พวกนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามทหารไทยเราแน่นอน,ผีบ้าดัดจริตจะหวาดกลัวไปห่าเหวอะไร,ไม่ได้จับคนบริสุทธิ์ใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ไปยิงทิ้งแบบในอดีตยุคคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบนั้นเลย,พวกนี้อาจไม่ใช่คนไทยเป็นเพียงพวกเสียผลประโยชน์บนแผ่นดินไทยหากเกิดปฏิวัติขึ้น พวกสมคบคิดเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ คิดเห็นแก่กิจการกำไรรายได้มันนั้นล่ะ,ทหารมีคณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยช่วยเหลือร่วมกันไทยเรามีก้าวต่อไปแน่นอนอาจกระโดดแทนโน้นมิต้องก้าวเลย,เพราะตัวถ่วงตัวขัดขวางตัวขยะอุดรูทางเดินน้ำมันถูกกำจัดสิ้นซากไปหมดทันทีที่เปิดงานก็ว่า,ทหารไทยเราเปิดงานให้ดูหน่อยเถอะ พวกนี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามชัดเจน,

    https://youtube.com/watch?v=z1fIbShcOpI&si=VNHCuj4n7HnWWfnc
    ..น่าจะพวกดัดจริตหรือฝ่ายตรงข้ามทหารเราชัดเจนอีกตัวและหลายตัว,ทหารจะทำจะเป็นอะไร,ทำแล้วดีแน่นอน,มิใช่ทหารอีลิทฝ่ายdeep stateทำเหมือนในอดีตจะเป็นอะไร,ทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย,ละครสนามสงครามจีนใต้หวันกำลังจะเริ่มอีก,รัฐบาลปกติไม่สามารถรับมือทันกาลหรอก,วิกฤติต่างๆทั่วโลกอีก,กฎปกติธรรมดาไม่สามารถช่วยเหลือสั่งการช่วยเหลือได้ทันกาลหรอกเช่นกัน,จะต้องอาศัยอำนาจคำสั่งพิเศษเฉพาะกาลและฉุกเฉินเป็นอันในช่วงเวลานี้เป็นต้นไป,ทหารร่วมกับคณะทีมรวมพลังแผ่นดินขึ้นเป็นรัฐบาลจะเป็นอะไร,ทำไมคณะประชาชนสายตรงจะบริหารประเทศไม่ได้ วิจัยทดลองงานสัก5-10ปีดูก็ได้,สมมุติทีมรัฐบาลชุดรวมพลังแผ่นดินไทย มีคำสั่งร่วมกับทหารในนามกฎอัยการศึกทั่วประเทศโมฆะสัญญาสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดจะเป็นอะไร,แล้วผลืตขายน้ำมันทำเองภายในประเทศช่วงโลกพบวิกฤติทั้งโลกจะเป็นอะไรในราคาถูกๆคือลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านเพื่อรับมือพิษเศรษฐกิจทั้งโลก,ไทยปกป้องไทยเราเองก่อนจะเป็นอะไร ไล่คนอื่นกลับบ้านไปก่อนเพื่อบ้านเมืองพบวิกฤติแล้วคุณจะมาหาแดกทำกำไรมหาศาลในบ้านของฉันที่กำลังขาดแคลนกำลังจะตายจะมาเกรงอกเกรงใจโคตรพ่อโคตรแมร่งคุณเหรอ,ฉันจะมารยาทแฮดคอเพื่อคุณเหรอ,กูต้องไล่มึงออกจากบ้านกูมันทีก่อนหยุดกิจกรรมมึงทั้งหมดแล้วไปจากบ้านจากพื้นที่กูเสียก่อน,โลกสงบบ้านเมืองสงบจึงค่อยมาว่ากันตกลงกันอีกครั้ง,นี้คือสิ่งที่ทหารปฏิวัติต้องกระทำการทันทีคือสิ่งแรก,ควบคุมน้ำมัน ขนส่งทั่วประเทศจะถูกลงทันที,ทหารสร้างอัตลักษณ์ภาพลักษณ์เชิงบวกแน่นอนในทันที,ดูดีกว่าจะมาประกาศลดราคาน้ำมันอีกเพราะไม่ใช่จัดการที่ต้นเหตุ,เป็นบ๋อยให้ทุนเหมือนเดิม. ..ปฏิวัติเลย,ปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจเลย พวกนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามทหารไทยเราแน่นอน,ผีบ้าดัดจริตจะหวาดกลัวไปห่าเหวอะไร,ไม่ได้จับคนบริสุทธิ์ใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ไปยิงทิ้งแบบในอดีตยุคคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบนั้นเลย,พวกนี้อาจไม่ใช่คนไทยเป็นเพียงพวกเสียผลประโยชน์บนแผ่นดินไทยหากเกิดปฏิวัติขึ้น พวกสมคบคิดเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ คิดเห็นแก่กิจการกำไรรายได้มันนั้นล่ะ,ทหารมีคณะทีมงานรวมพลังแผ่นดินไทยช่วยเหลือร่วมกันไทยเรามีก้าวต่อไปแน่นอนอาจกระโดดแทนโน้นมิต้องก้าวเลย,เพราะตัวถ่วงตัวขัดขวางตัวขยะอุดรูทางเดินน้ำมันถูกกำจัดสิ้นซากไปหมดทันทีที่เปิดงานก็ว่า,ทหารไทยเราเปิดงานให้ดูหน่อยเถอะ พวกนี้อยู่ฝ่ายตรงข้ามชัดเจน, https://youtube.com/watch?v=z1fIbShcOpI&si=VNHCuj4n7HnWWfnc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนเพจเคยสงสัยหรือไม่ ทำไมในนิยาย/หนังจีนโบราณหลายเรื่องยกให้ฉากพระเอกวาดคิ้วให้นางเอกเป็นหนึ่งในฉากโรแมนติกสุดซึ้ง?

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ชู่ว์.. ใกล้เสร็จแล้ว อย่าขยับ” เขามองเทียบซ้ายขวาอยู่พักใหญ่ วาดเติมอีกหลายครา
    เสวียนจีเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มกล่าว “มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่แต่เช้า เห็นท่านพ่อกำลังวาดคิ้วให้ท่านแม่อยู่! แต่พ่อไม่ช่ำชองเท่าท่าน”
    การวาดคิ้วแต่ไหนแต่ไรเป็นเรื่องในห้องหอของสามีภรรยา มิพึงเล่าให้ใครฟัง แต่เสวียนจีไม่รู้เรื่องพวกนี้ จึงเล่าอย่างไร้เดียงสา...
    - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง
    (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ในสมัยโบราณเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ต้องปรนนิบัติสามี การที่สามี ‘ปรนนิบัติ’ ภรรยาด้วยการวาดคิ้วจึงเป็นการทำด้วยใจรักและไม่ใช่หน้าที่ ก็พอจะนึกออกว่ามันเป็นเรื่องน่าประทับใจ

    แต่ก่อนจะไปคุยกันลงลึกเรื่องวัฒนธรรมการเขียนคิ้ว มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทำให้ Storyฯ รู้สึกว่า ‘อย่างนี้ก็มีด้วย’ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเหตุการณ์เรื่องราวของสามีที่วาดคิ้วให้ภรรยาที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริง

    เป็นเรื่องราวของจางฉ่าง ผู้ว่าราชการเมืองฉางอันผู้มีผลงานมากมายในยุคสมัยของจักรพรรดิเซวียนแห่งราชวงศ์ฮั่น (ปี 91-48 ก่อนคริสตกาล) เขาไม่ค่อยวางตนอยู่ในกรอบเหมือนขุนนางอื่น หนึ่งในตัวอย่างก็คือเขาวาดคิ้วให้ภรรยาทุกวัน จนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วเมืองว่าภรรยาของเขาคิ้วงามสะดุดตาสะดุดใจ อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่ถึงกับมีขุนนางเข้าชื่อกันเอาเรื่องนี้กราบบังคมทูลร้องเรียนฮ่องเต้! ประมาณว่าเป็นข้าราชการที่วางตนไม่เหมาะสม (Storyฯ แอบคิดว่าพวกขุนนางเหล่านี้คงว่างมากเกินไป)

    เมื่อโดนฮ่องเต้ทรงซักถาม เขาก็ทูลตอบว่า “พฤติกรรมอันแนบชิดระหว่างสามีภรรยาในห้องหอ เกรงว่ามีมากกว่าการวาดคิ้วเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ” เป็นคำตอบที่ฟังดูช่างมันฉันไม่แคร์ ว่ากันว่าองค์ฮ่องเต้ทรงเห็นแก่ความสามารถของจางฉ่างจึงมิได้ทำโทษวาจาสามหาวนั้น

    จึงเป็นที่เล่าขานกันต่อมาว่าการวาดคิ้วให้สตรีนั้นเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรักความใกล้ชิดอย่างลึกซึ้งของบุรุษต่อสตรี

    สัปดาห์นี้พอหอมปากหอมคอ สัปดาห์หน้าเรามาคุยเรื่องวัฒนธรรมการวาดคิ้วกันต่อ อย่าลืมติดตามนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://daydaynews.cc/zh-hans/entertainment/805334.html
    https://xw.qq.com/cmsid/20200806A07DNK00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhidao.baidu.com

    #ปลดผนึกหัวใจ #วาดคิ้ว #ประเพณีจีน #จางฉ่าง #StoryfromStory
    เพื่อนเพจเคยสงสัยหรือไม่ ทำไมในนิยาย/หนังจีนโบราณหลายเรื่องยกให้ฉากพระเอกวาดคิ้วให้นางเอกเป็นหนึ่งในฉากโรแมนติกสุดซึ้ง? ความมีอยู่ว่า ... “ชู่ว์.. ใกล้เสร็จแล้ว อย่าขยับ” เขามองเทียบซ้ายขวาอยู่พักใหญ่ วาดเติมอีกหลายครา เสวียนจีเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มกล่าว “มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่แต่เช้า เห็นท่านพ่อกำลังวาดคิ้วให้ท่านแม่อยู่! แต่พ่อไม่ช่ำชองเท่าท่าน” การวาดคิ้วแต่ไหนแต่ไรเป็นเรื่องในห้องหอของสามีภรรยา มิพึงเล่าให้ใครฟัง แต่เสวียนจีไม่รู้เรื่องพวกนี้ จึงเล่าอย่างไร้เดียงสา... - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ในสมัยโบราณเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ต้องปรนนิบัติสามี การที่สามี ‘ปรนนิบัติ’ ภรรยาด้วยการวาดคิ้วจึงเป็นการทำด้วยใจรักและไม่ใช่หน้าที่ ก็พอจะนึกออกว่ามันเป็นเรื่องน่าประทับใจ แต่ก่อนจะไปคุยกันลงลึกเรื่องวัฒนธรรมการเขียนคิ้ว มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ทำให้ Storyฯ รู้สึกว่า ‘อย่างนี้ก็มีด้วย’ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเหตุการณ์เรื่องราวของสามีที่วาดคิ้วให้ภรรยาที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริง เป็นเรื่องราวของจางฉ่าง ผู้ว่าราชการเมืองฉางอันผู้มีผลงานมากมายในยุคสมัยของจักรพรรดิเซวียนแห่งราชวงศ์ฮั่น (ปี 91-48 ก่อนคริสตกาล) เขาไม่ค่อยวางตนอยู่ในกรอบเหมือนขุนนางอื่น หนึ่งในตัวอย่างก็คือเขาวาดคิ้วให้ภรรยาทุกวัน จนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วเมืองว่าภรรยาของเขาคิ้วงามสะดุดตาสะดุดใจ อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่ถึงกับมีขุนนางเข้าชื่อกันเอาเรื่องนี้กราบบังคมทูลร้องเรียนฮ่องเต้! ประมาณว่าเป็นข้าราชการที่วางตนไม่เหมาะสม (Storyฯ แอบคิดว่าพวกขุนนางเหล่านี้คงว่างมากเกินไป) เมื่อโดนฮ่องเต้ทรงซักถาม เขาก็ทูลตอบว่า “พฤติกรรมอันแนบชิดระหว่างสามีภรรยาในห้องหอ เกรงว่ามีมากกว่าการวาดคิ้วเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ” เป็นคำตอบที่ฟังดูช่างมันฉันไม่แคร์ ว่ากันว่าองค์ฮ่องเต้ทรงเห็นแก่ความสามารถของจางฉ่างจึงมิได้ทำโทษวาจาสามหาวนั้น จึงเป็นที่เล่าขานกันต่อมาว่าการวาดคิ้วให้สตรีนั้นเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรักความใกล้ชิดอย่างลึกซึ้งของบุรุษต่อสตรี สัปดาห์นี้พอหอมปากหอมคอ สัปดาห์หน้าเรามาคุยเรื่องวัฒนธรรมการวาดคิ้วกันต่อ อย่าลืมติดตามนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://daydaynews.cc/zh-hans/entertainment/805334.html https://xw.qq.com/cmsid/20200806A07DNK00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhidao.baidu.com #ปลดผนึกหัวใจ #วาดคิ้ว #ประเพณีจีน #จางฉ่าง #StoryfromStory
    DAYDAYNEWS.CC
    琉璃:司凤给璇玑画眉只画左边,不是编剧要求,而是暗示了他们的结局 - 天天要闻
    相信大多数小伙伴们最喜欢的就是司凤与璇玑之间的爱情了,不知道大家有没有发现司凤每次给璇玑画眉都是只画左边
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นายกฯลาออกก็จบแล้ว,โทนี่ไปติดคุกก็ด้วย,ไม่เสียหายอะไรเลย แค่ทำเพื่อชาติ,ดีต่อชาติเสียอีก,พ้นโทษก็เดินเชิดหน้าชูตาปกติได้อีก,แปลกทำไมไม่ทำตั้งแต่เดินเข้ามาประเทศไทย,กลับมาเลี้ยงหลานก็ไม่มีเรื่องราวอะไรเลย,ฟ้าก็ให้อภัยโทษแน่นอน.,คือไม่สนใจว่าทั้งหมดคือแผนของอีลิทdeep stateหรอกนะคือวางสนุ๊ควางหมากเรื่องนี้ไว้รอแล้วระหว่างฮุนเซนกับไทยนี้ในนามรัฐบาลลูกโทนี่,คือทั้งหมดสองฝ่ายคือคนของdeep stateทั้งหมด,สั่งละครแบบไหนควบคุมได้หมด,เผลออาจฟันกำไรในราคาหุ้นขึ้นลงด้วยหรือกินส่วนต่างทำกำไรส่วนที่เก็งราคาปั่นกระแสของข่าวได้ตังมหาศาลนั้นเอง,เช่นอิสราเอลยิงระเบิดใส่อิหร่านนั้นล่ะ,มีใครหลายคนทั่วโลกฟันตังฟันเงินส่วนต่างได้อย่างมากมายมหาศาลแน่นอนที่เกิดสงครามกันในระยะเวลาอันสั้น.
    ..แกนนำทั้งบนเวทีและล่างเวทีสามารถตั้งทีมบริหารรัฐบาลในอนาคตของภาคประชาชนได้สบายเลยก็ว่า,สามารถเอาไปละลายพฤติกรรมปรับจูนพลังงานบวกเชิงมหาทีมเพื่องานใหญ่เพื่อชาติบ้านเมืองได้สบาย,สลายใจเก่ารวมเป็นใจใหม่ใจดวงเดียวกันของจริง,จะสิ้นคำว่าหวาดระแวงขณะทำงานของใครของหน้าที่ใครมันเพื่อชาติเพื่อประชาชนอย่างง่ายสบายใจกันทันที,ส่วนตัวสร้างระบบดีรองรับจะเดินก้าวอย่างก้าวกระโดดเลย,เช่นปัจจุบัน สำนักงานประสานงานเข้าถึงปัญหาทางตรงแก่ประชาชนไม่มีเพื่อแก้ไขปัญหาให้ทันเวลาทันกาลไม่มีก็ทำให้มีเสีย,มีสำนักงานประจำทุกๆหมู่บ้านทันที,ประสานงานกับส่วนกลางทางตรง,ยุบอบต.อบจ.ตังก็มีสร้างเพียงพอเลยแค่7-8หมื่นกมู่บ้านชุมชนเอง,รับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆของประชาชนเราทางตรงจะเข้าถึงทุกๆปัญหาประชาชนอย่างเรียลไทม์เลย,แล้วเรื่องอื่นๆจะง่ายทั้งหมดทันที,เช่นเขมรรุกล้ำชายแดน ชาวบ้านส่งเรื่องสายตรง ส่วนกลางก็เข้าถึงพื้นที่ทันทีแก้ไขปัญหาตรงจุดตัดตอนได้ทันกาลด้วยเป็นต้น,อัดเงินงบประมาณช่วยเหลือก็ลงผ่านสำนักงานนี้ได้ทันที,เราจะอัพเรเวลยามของแผ่นดินไทยไปในตัวด้วยและสาระพัดคุณต่างๆอีกมากมาย,
    ..ประเทศไทยเรานักปกครองไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบ ไม่มีแอ็คชั่นลาออกใดๆเพื่อรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่ผิดพลาด,ญี่ปุ่นถ้าผิดพลาดเขาจะแสดงความรับผิดชอบลาออกทันที,ชนชั้นปกครองเรากากกระจอกเรื่องนี้มากจริงๆไม่หัดปลูกฝังใส่สมองในหมู่มันเลย ถ้าฝึกหัดสร้างสภาวะให้เป็นเช่นนั้นก็จะเป็นมาตราฐานให้คนรุ่นต่อไปพึ่งสำนึกในใจทันทีว่าถ้าทำผิดพลาดต่อบ้านต่อเมืองต่อแผ่นดินต่อประชาชนต้องลาออกไปทันที,ให้คนเก่งดีมีความรู้มีฝือมือมีความสามารถมาทำแทนตน,ญี่ปุ่นเจอระเบิดนิวเคลียร์ลง จึงสำนึกว่าความผิดพลาดเราแม้นิดเดียวอาจนำพาหายนะใหญ่หลวงเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติตนเองได้,คนดีคนเก่งมีความสามารถต้องขึ้นมาแทนเราในทันที เราต้องลาออกเพื่อดำรงชาติเราให้คงอยู่ไว้ หรือก่อหายนะน้อยที่สุดคือลาออกไปทันทีดีที่สุด,คนอื่นต้องแก้ไขได้ดีกว่าตนแน่นอนหรือคนต่อๆไปอีก จนเจอผู้นั้นจริง.ทีมนั่นๆจริง,นี้อะไรประเทศไทยเรา,พื้นฐานสำนึกยังไม่มีแต่ก็สามารถมามีสถานะบริบททางการเมืองการปกครองประเทศได้,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว แม้แต่ผู้นำผู้ปกครองประเทศนี้ยังไม่มีสำนึกอะไรจากจิตใจที่สมควรดีงามจริงๆเลยได้,เราจึงต้องปฏิวัติการปกครองจริงๆ,
    ..ยุคลงถนนชุดนี้ต้องสุดซอยคือจัดตั้งเป็นรัฐบาลเองเลยโดยภาคประชาชนเราปกครองขึ้นเองนั้นเอง,พอกันที่ไปชุมนุนแล้วยกให้คนอื่นเป็นนายกแทนตนเองขึ้นปกครอง,เชิญคนนั้นคนนี้มาปกครองแทนตนเองที่ลงถนนประท้วงขับไล่ด้วยมือตนเองแต่ยกอำนาจให้คนอื่นที่ไม่มีจิตวิญญาณต่อสู้เพื่อประชาชนจริงจังอะไร,สู้ในห้องแอร์หรู,อย่าเอาคนประเภทนี้มาเป็นนายกฯเชิญมาเป็นนายกฯเด็ดขาด,แม่ทัพเมื่อชนะศึกต้องขึ้นปกครองเอง,เพราะความหมายคุณค่าการต่อสู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องทหารประชาชนตนเองจะเป็นแรงบันดาลมหาศาลว่าทำไมพี่น้องประชาชนเราจึงต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจริง,มิใช่มโนแค่ผ่านออกมาทางปากเพื่อขึ้นปกครองแบบนักการเมืองระยำบัดสบที่เคยๆเป็นมาผ่านๆมา.
    ..
    ..https://youtu.be/PnHZBK4r7Ak?si=tg_OQjWtHrmEwZeK
    ..นายกฯลาออกก็จบแล้ว,โทนี่ไปติดคุกก็ด้วย,ไม่เสียหายอะไรเลย แค่ทำเพื่อชาติ,ดีต่อชาติเสียอีก,พ้นโทษก็เดินเชิดหน้าชูตาปกติได้อีก,แปลกทำไมไม่ทำตั้งแต่เดินเข้ามาประเทศไทย,กลับมาเลี้ยงหลานก็ไม่มีเรื่องราวอะไรเลย,ฟ้าก็ให้อภัยโทษแน่นอน.,คือไม่สนใจว่าทั้งหมดคือแผนของอีลิทdeep stateหรอกนะคือวางสนุ๊ควางหมากเรื่องนี้ไว้รอแล้วระหว่างฮุนเซนกับไทยนี้ในนามรัฐบาลลูกโทนี่,คือทั้งหมดสองฝ่ายคือคนของdeep stateทั้งหมด,สั่งละครแบบไหนควบคุมได้หมด,เผลออาจฟันกำไรในราคาหุ้นขึ้นลงด้วยหรือกินส่วนต่างทำกำไรส่วนที่เก็งราคาปั่นกระแสของข่าวได้ตังมหาศาลนั้นเอง,เช่นอิสราเอลยิงระเบิดใส่อิหร่านนั้นล่ะ,มีใครหลายคนทั่วโลกฟันตังฟันเงินส่วนต่างได้อย่างมากมายมหาศาลแน่นอนที่เกิดสงครามกันในระยะเวลาอันสั้น. ..แกนนำทั้งบนเวทีและล่างเวทีสามารถตั้งทีมบริหารรัฐบาลในอนาคตของภาคประชาชนได้สบายเลยก็ว่า,สามารถเอาไปละลายพฤติกรรมปรับจูนพลังงานบวกเชิงมหาทีมเพื่องานใหญ่เพื่อชาติบ้านเมืองได้สบาย,สลายใจเก่ารวมเป็นใจใหม่ใจดวงเดียวกันของจริง,จะสิ้นคำว่าหวาดระแวงขณะทำงานของใครของหน้าที่ใครมันเพื่อชาติเพื่อประชาชนอย่างง่ายสบายใจกันทันที,ส่วนตัวสร้างระบบดีรองรับจะเดินก้าวอย่างก้าวกระโดดเลย,เช่นปัจจุบัน สำนักงานประสานงานเข้าถึงปัญหาทางตรงแก่ประชาชนไม่มีเพื่อแก้ไขปัญหาให้ทันเวลาทันกาลไม่มีก็ทำให้มีเสีย,มีสำนักงานประจำทุกๆหมู่บ้านทันที,ประสานงานกับส่วนกลางทางตรง,ยุบอบต.อบจ.ตังก็มีสร้างเพียงพอเลยแค่7-8หมื่นกมู่บ้านชุมชนเอง,รับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆของประชาชนเราทางตรงจะเข้าถึงทุกๆปัญหาประชาชนอย่างเรียลไทม์เลย,แล้วเรื่องอื่นๆจะง่ายทั้งหมดทันที,เช่นเขมรรุกล้ำชายแดน ชาวบ้านส่งเรื่องสายตรง ส่วนกลางก็เข้าถึงพื้นที่ทันทีแก้ไขปัญหาตรงจุดตัดตอนได้ทันกาลด้วยเป็นต้น,อัดเงินงบประมาณช่วยเหลือก็ลงผ่านสำนักงานนี้ได้ทันที,เราจะอัพเรเวลยามของแผ่นดินไทยไปในตัวด้วยและสาระพัดคุณต่างๆอีกมากมาย, ..ประเทศไทยเรานักปกครองไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบ ไม่มีแอ็คชั่นลาออกใดๆเพื่อรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่ผิดพลาด,ญี่ปุ่นถ้าผิดพลาดเขาจะแสดงความรับผิดชอบลาออกทันที,ชนชั้นปกครองเรากากกระจอกเรื่องนี้มากจริงๆไม่หัดปลูกฝังใส่สมองในหมู่มันเลย ถ้าฝึกหัดสร้างสภาวะให้เป็นเช่นนั้นก็จะเป็นมาตราฐานให้คนรุ่นต่อไปพึ่งสำนึกในใจทันทีว่าถ้าทำผิดพลาดต่อบ้านต่อเมืองต่อแผ่นดินต่อประชาชนต้องลาออกไปทันที,ให้คนเก่งดีมีความรู้มีฝือมือมีความสามารถมาทำแทนตน,ญี่ปุ่นเจอระเบิดนิวเคลียร์ลง จึงสำนึกว่าความผิดพลาดเราแม้นิดเดียวอาจนำพาหายนะใหญ่หลวงเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติตนเองได้,คนดีคนเก่งมีความสามารถต้องขึ้นมาแทนเราในทันที เราต้องลาออกเพื่อดำรงชาติเราให้คงอยู่ไว้ หรือก่อหายนะน้อยที่สุดคือลาออกไปทันทีดีที่สุด,คนอื่นต้องแก้ไขได้ดีกว่าตนแน่นอนหรือคนต่อๆไปอีก จนเจอผู้นั้นจริง.ทีมนั่นๆจริง,นี้อะไรประเทศไทยเรา,พื้นฐานสำนึกยังไม่มีแต่ก็สามารถมามีสถานะบริบททางการเมืองการปกครองประเทศได้,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว แม้แต่ผู้นำผู้ปกครองประเทศนี้ยังไม่มีสำนึกอะไรจากจิตใจที่สมควรดีงามจริงๆเลยได้,เราจึงต้องปฏิวัติการปกครองจริงๆ, ..ยุคลงถนนชุดนี้ต้องสุดซอยคือจัดตั้งเป็นรัฐบาลเองเลยโดยภาคประชาชนเราปกครองขึ้นเองนั้นเอง,พอกันที่ไปชุมนุนแล้วยกให้คนอื่นเป็นนายกแทนตนเองขึ้นปกครอง,เชิญคนนั้นคนนี้มาปกครองแทนตนเองที่ลงถนนประท้วงขับไล่ด้วยมือตนเองแต่ยกอำนาจให้คนอื่นที่ไม่มีจิตวิญญาณต่อสู้เพื่อประชาชนจริงจังอะไร,สู้ในห้องแอร์หรู,อย่าเอาคนประเภทนี้มาเป็นนายกฯเชิญมาเป็นนายกฯเด็ดขาด,แม่ทัพเมื่อชนะศึกต้องขึ้นปกครองเอง,เพราะความหมายคุณค่าการต่อสู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องทหารประชาชนตนเองจะเป็นแรงบันดาลมหาศาลว่าทำไมพี่น้องประชาชนเราจึงต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจริง,มิใช่มโนแค่ผ่านออกมาทางปากเพื่อขึ้นปกครองแบบนักการเมืองระยำบัดสบที่เคยๆเป็นมาผ่านๆมา. .. ..https://youtu.be/PnHZBK4r7Ak?si=tg_OQjWtHrmEwZeK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิ้วนั้นสำคัญไฉน? จีนโบราณมีชื่อเรียกสไตล์คิ้วไม่ต่ำกว่า 20 แบบ ซึ่งหลายชื่อมาจากคำบรรยายในบทกวี นอกจากจะแตกต่างด้วยรูปทรงแล้ว ยังมีเรื่องความหนักเบาของลายเส้นอีกด้วย (ตัวอย่างเปรียบเทียบตามที่รูปที่ 1 ด้านล่าง สังเกตความเข้มจางของแต่ละรูปทรง) เราเริ่มคุยกันด้วยตัวอย่างจากนิยายเรื่องนี้

    ความมีอยู่ว่า
    ...นางมีใบหน้ารูปแตง คิ้วสั้นหนานั้นไม่เหมาะกับนาง หว่างคิ้วนางเปิดกว้าง หน้าผากนูนอิ่ม อันเป็นสัญลักษณ์ของคนที่ใจกว้าง ดังนั้น คิ้วโค้งดุจเสี้ยวพระจันทร์ดูจะเหมาะกับนางที่สุด...
    - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง
    (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ‘คิ้วโค้งดุจเสี้ยวพระจันทร์’ ที่เอ่ยถึงข้างต้น มีชื่อเรียกว่า “ซินเยวี่ยเหมย” (แปลว่าคิ้วจันทร์เสี้ยว) ซึ่งเป็นหนึ่งในทรงคิ้วยอดนิยมในยุคสมัยราชวงศ์ถัง รูปทรงโค้งครึ่งวงกลม ลายเส้นเข้มปานกลาง

    แต่หากย้อนกลับไปในยุคสมัยราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่น (221ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ทรงคิ้วที่นิยมคือ ฉางเหมยหรือเอ๋อเหมย ซึ่ง “เอ๋อ” มาจากหนวดที่โปร่งเรียวโค้งของ “ฉานเอ๋อ” (蚕蛾 หรือมอดไหม ดูรูปที่ 2 ด้านซ้ายล่าง) ตรงกับคำบรรยายในยุคสมัยนั้นถึงคิ้วงามของสตรีว่าเป็นคิ้วที่เรียวโค้ง

    แต่พอกล่าวถึงตรงนี้ อาจเกิดความสับสน เพราะเพื่อนเพจที่เคยเห็นรูปคิ้วหลากสไตล์ของสมัยราชวงศ์ถังอาจเคยเห็นรูปคิ้วหนาสั้นตามรูปที่ 2 ด้านขวา ซึ่งก็เรียกว่าเอ๋อเหมยเหมือนกัน (แต่ดูแล้ว Storyฯ ว่าน่าจะเป็นปีกมอดมากกว่าหนวดมอดนะนั่น) แต่พอไปหาข้อมูลจริงๆ จะเห็นว่าคิ้วทรงหนาสั้นนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กุ้ยเยี่ยเหมย” (แปลว่าใบหอมหมื่นลี้) ดังนั้นเอ๋อเหมยที่พูดถึงยุคสมัยฉิน-ฮั่น ควรเป็นรูปทรงเรียวโค้งยาวตามรูปที่ 2 ด้านซ้ายบน

    นอกจากนี้ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นยังมีสไตล์คิ้วอีกหลากหลายแบบ พัฒนาไปพร้อมๆ กับการใช้ผงไต้มาผสมน้ำใช้วาดคิ้ว ทำให้สามารถวาดได้ลายเส้นที่เรียวบางมากขึ้น เช่น หย่วนซานเหมย ปาจึ้อเหมย ฯลฯ (ดูรูปที่ 1ด้านล่าง) และเป็นที่นิยมในราชวงศ์ถัดๆ ไป จนเข้าสู่ยุคเรืองรองแห่งการแต่งกายสตรีซึ่งก็คือยุคสมัยของราชวงศ์ถัง ซึ่งแฟชั่นเปลี่ยนแทบทุกปี (ดูรูปที่ 3 ตลอดรัชสมัยตั้งแต่ปีค.ศ. 618-907) ซึ่งแม้จะมีหลายสไตล์ที่เรียกตามแบบในสมัยก่อนๆ เช่น เอ๋อเหมย หย่วนซานเหมย ปาจึ้อเหมย แต่ในสมัยถังดูจะนิยมคิ้วหนาเข้ม และมีช่วงหนึ่งชอบคิ้วสั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนกลับมานิยมคิ้วเรียวบางอีกครั้งในช่วงปลายยุคสมัยถังจวบจนสมัยซ่งตอนต้น

    เรื่องสไตล์คิ้วจีนโบราณนี้คงคุยกันได้อีกยาว แต่ Storyฯ จะพยายามทำให้กระชับสั้น อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://dramaslot.com/love-and-redemption-review/
    https://kknews.cc/zh-cn/history/pv92652.html
    https://www.gaohaipeng.com/1868.html
    https://m.sohu.com/n/469737945/
    https://www.163.com/dy/article/G1TDP5IP0543L1FT.html

    #ปลดผนึกหัวใจ #วาดคิ้ว #ประเพณีจีน #ราชวงศ์ถัง StoryfromStory
    คิ้วนั้นสำคัญไฉน? จีนโบราณมีชื่อเรียกสไตล์คิ้วไม่ต่ำกว่า 20 แบบ ซึ่งหลายชื่อมาจากคำบรรยายในบทกวี นอกจากจะแตกต่างด้วยรูปทรงแล้ว ยังมีเรื่องความหนักเบาของลายเส้นอีกด้วย (ตัวอย่างเปรียบเทียบตามที่รูปที่ 1 ด้านล่าง สังเกตความเข้มจางของแต่ละรูปทรง) เราเริ่มคุยกันด้วยตัวอย่างจากนิยายเรื่องนี้ ความมีอยู่ว่า ...นางมีใบหน้ารูปแตง คิ้วสั้นหนานั้นไม่เหมาะกับนาง หว่างคิ้วนางเปิดกว้าง หน้าผากนูนอิ่ม อันเป็นสัญลักษณ์ของคนที่ใจกว้าง ดังนั้น คิ้วโค้งดุจเสี้ยวพระจันทร์ดูจะเหมาะกับนางที่สุด... - จากเรื่อง <ปลดผนึกหัวใจ> ผู้แต่ง สือซื่อหลาง (หมายเหตุ ชื่อตามชื่อไทยของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ‘คิ้วโค้งดุจเสี้ยวพระจันทร์’ ที่เอ่ยถึงข้างต้น มีชื่อเรียกว่า “ซินเยวี่ยเหมย” (แปลว่าคิ้วจันทร์เสี้ยว) ซึ่งเป็นหนึ่งในทรงคิ้วยอดนิยมในยุคสมัยราชวงศ์ถัง รูปทรงโค้งครึ่งวงกลม ลายเส้นเข้มปานกลาง แต่หากย้อนกลับไปในยุคสมัยราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่น (221ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) ทรงคิ้วที่นิยมคือ ฉางเหมยหรือเอ๋อเหมย ซึ่ง “เอ๋อ” มาจากหนวดที่โปร่งเรียวโค้งของ “ฉานเอ๋อ” (蚕蛾 หรือมอดไหม ดูรูปที่ 2 ด้านซ้ายล่าง) ตรงกับคำบรรยายในยุคสมัยนั้นถึงคิ้วงามของสตรีว่าเป็นคิ้วที่เรียวโค้ง แต่พอกล่าวถึงตรงนี้ อาจเกิดความสับสน เพราะเพื่อนเพจที่เคยเห็นรูปคิ้วหลากสไตล์ของสมัยราชวงศ์ถังอาจเคยเห็นรูปคิ้วหนาสั้นตามรูปที่ 2 ด้านขวา ซึ่งก็เรียกว่าเอ๋อเหมยเหมือนกัน (แต่ดูแล้ว Storyฯ ว่าน่าจะเป็นปีกมอดมากกว่าหนวดมอดนะนั่น) แต่พอไปหาข้อมูลจริงๆ จะเห็นว่าคิ้วทรงหนาสั้นนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กุ้ยเยี่ยเหมย” (แปลว่าใบหอมหมื่นลี้) ดังนั้นเอ๋อเหมยที่พูดถึงยุคสมัยฉิน-ฮั่น ควรเป็นรูปทรงเรียวโค้งยาวตามรูปที่ 2 ด้านซ้ายบน นอกจากนี้ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นยังมีสไตล์คิ้วอีกหลากหลายแบบ พัฒนาไปพร้อมๆ กับการใช้ผงไต้มาผสมน้ำใช้วาดคิ้ว ทำให้สามารถวาดได้ลายเส้นที่เรียวบางมากขึ้น เช่น หย่วนซานเหมย ปาจึ้อเหมย ฯลฯ (ดูรูปที่ 1ด้านล่าง) และเป็นที่นิยมในราชวงศ์ถัดๆ ไป จนเข้าสู่ยุคเรืองรองแห่งการแต่งกายสตรีซึ่งก็คือยุคสมัยของราชวงศ์ถัง ซึ่งแฟชั่นเปลี่ยนแทบทุกปี (ดูรูปที่ 3 ตลอดรัชสมัยตั้งแต่ปีค.ศ. 618-907) ซึ่งแม้จะมีหลายสไตล์ที่เรียกตามแบบในสมัยก่อนๆ เช่น เอ๋อเหมย หย่วนซานเหมย ปาจึ้อเหมย แต่ในสมัยถังดูจะนิยมคิ้วหนาเข้ม และมีช่วงหนึ่งชอบคิ้วสั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนกลับมานิยมคิ้วเรียวบางอีกครั้งในช่วงปลายยุคสมัยถังจวบจนสมัยซ่งตอนต้น เรื่องสไตล์คิ้วจีนโบราณนี้คงคุยกันได้อีกยาว แต่ Storyฯ จะพยายามทำให้กระชับสั้น อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://dramaslot.com/love-and-redemption-review/ https://kknews.cc/zh-cn/history/pv92652.html https://www.gaohaipeng.com/1868.html https://m.sohu.com/n/469737945/ https://www.163.com/dy/article/G1TDP5IP0543L1FT.html #ปลดผนึกหัวใจ #วาดคิ้ว #ประเพณีจีน #ราชวงศ์ถัง StoryfromStory
    DRAMASLOT.COM
    Love And Redemption Review - Best Drama For 2020?
    Love And Redemption has plenty of fans and many have compared it to Ashes Of Love and other epic dramas. Is it really that good? Read review here.
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ?

    นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย

    - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ
    - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์

    สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก

    ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT

    ✅ พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน  
    • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล

    ✅ มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์  
    • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี

    ✅ พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์  
    • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล

    ✅ เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  
    • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ”

    ✅ หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง

    ✅ Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น  
    • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน  
    • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น  
    • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน

    https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    คุณเคยรู้สึกไหมว่าวันทำงานหมดไปกับการ “ตามเรื่อง, ตอบอีเมล, กรอกฟอร์ม” มากกว่าสร้างงานใหม่ ๆ? นั่นแหละครับคือปัญหาที่ Dropbox สำรวจพบในสหราชอาณาจักร โดยสรุปว่า คนทำงาน “ติดหล่มงานจุกจิก” จนไม่มีเวลาใช้สมองคิดสร้างสรรค์เลย - คนอังกฤษเกือบครึ่ง (45%) บอกว่ามีเวลา “คิดหาวิธีใหม่ ๆ หรือพัฒนางาน” แค่ 0–5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ - 1 ใน 4 คนใช้เวลา “6–10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” กับงานแอดมินอย่างเดียว — เท่ากับเสียเวลาทำงานเต็มวันไปฟรี ๆ - แค่ 42% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองมีเวลาพอสำหรับงานสร้างสรรค์ สิ่งนี้สะท้อนว่าระบบงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้วิธี manual, ประสานงานแบบ patchwork และเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อกัน — กำลังกดทับศักยภาพของพนักงานจำนวนมาก ในขณะที่ฝั่ง Dropbox เองบอกว่า พนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานอยู่ทุกสัปดาห์ (96%) สามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ย 7.9 ชั่วโมง/สัปดาห์ — เท่ากับได้วันทำงานคืนมา 1 วันแบบไม่ต้อง OT ✅ พนักงานออฟฟิศในอังกฤษเสียเวลา 11.3 พันล้านชั่วโมงต่อปีไปกับงานแอดมิน   • งานที่กินเวลาคือ อีเมล, นัดหมาย, กรอกฟอร์ม, ค้นหาข้อมูล ✅ มีเพียง 42% ของคนทำงานอังกฤษที่รู้สึกว่าตนเองมีเวลา “พอ” สำหรับงานสร้างสรรค์   • ตัวเลขนี้แย่กว่าประเทศอย่างสหรัฐและเยอรมนี ✅ พนักงาน Dropbox ที่ใช้ AI ช่วยงานสามารถประหยัดเวลาเฉลี่ย 7.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   • ใช้ AI ในการจัดเอกสาร, เขียน, โค้ด, คิดไอเดีย, และค้นข้อมูล ✅ เกินครึ่งของพนักงานอังกฤษ (51%) คิดว่าตนมีเครื่องมือที่ดีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ   • แต่ก็ยังดีกว่าฝรั่งเศสและสหรัฐที่คนจำนวนมากรู้สึกว่า “เครื่องมือยังไม่ช่วยพอ” ✅ หากมีเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง/วัน คนทำงาน 27% จะเอาไปเคลียร์งานค้าง, 18% จะลดภาระของตนเอง ✅ Dropbox เสนอว่าวิธีแก้ที่ยั่งยืนคือ “การเปลี่ยนระบบทั้งองค์กร” เช่น   • ใช้เครื่องมือที่ลดงานซ้ำซ้อน   • ปรับโมเดลการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น   • ให้อิสระแก่พนักงานในการจัดสรรเวลาและงาน https://www.techradar.com/pro/uk-workers-are-wasting-billions-of-hours-on-administrative-tasks-no-im-not-joking
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมองว่าไอ้กี้ กับฮุน
    ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า
    ละครของพวกเขา กำลังดำเนินไป

    เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องคุณกบ

    ฮุนกับกี้ ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า
    ทำให้เขมรคลั่งชาติ จนเกิดการเผาสถานฑูต

    และทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารบุกเขาเขมร เพื่อช่วยคนไทย

    ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ

    ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง

    ไอ้ษินกลายเป็นฮีโร่ยอมหักพี่ที่รักเพื่อปกป้องคนไทยในกัมพูชา
    จำได้ว่าตอนนั้นคนอวยทักกี้หนักมาก

    ส่วนเขมรก็คลั่งฮุนเชนเช่นกัน
    ทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารเขาเขมร
    ฉากหน้า ฆ่าและประนาม
    แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ

    ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง
    ผมมองว่าไอ้กี้ กับฮุน ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า ละครของพวกเขา กำลังดำเนินไป เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องคุณกบ ฮุนกับกี้ ก็แค่เพราะเอกนางเอกในละครน้ำเน่า ทำให้เขมรคลั่งชาติ จนเกิดการเผาสถานฑูต และทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารบุกเขาเขมร เพื่อช่วยคนไทย ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง ไอ้ษินกลายเป็นฮีโร่ยอมหักพี่ที่รักเพื่อปกป้องคนไทยในกัมพูชา จำได้ว่าตอนนั้นคนอวยทักกี้หนักมาก ส่วนเขมรก็คลั่งฮุนเชนเช่นกัน ทักษิณก็ทำหล่อ จะส่งทหารเขาเขมร ฉากหน้า ฆ่าและประนาม แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ในผลลัพท์ที่ต้องการ ฮุนได้กระแสรักชาติและเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องปากท้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า

    "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
    เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
    กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
    คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
    อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
    ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
    เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
    สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
    ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
    คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
    หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?
    ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?
    เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
    ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
    ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง
    เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
    ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
    ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป
    มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้
    สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย…

    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
    หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
    18 ตุลาคม 2502

    สำหรับคนเขมรแล้ว เมื่อคราวเขมรแตกจากเขมรแดง โดยพลพต มีชาวเขมรหนีตายเข้ามาที่เขาล้านจังหวัดตราด นับแสนคน มาในสภาพโครงกระดูกเดินได้ อดอยาก เจ็บป่วย ปางตาย อุจจาระ ปัสสาวะกลาดเกลื่อนเหม็นคลุ้งไปทั้งเขาล้าน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ให้การช่วยเหลือ ทรงประทับแรมท่ามกลางผู้อพยพชาวเขมรนับแสนคน ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย ได้ทรงให้สภากาชาดไทยจัดตั้งค่ายช่วยเหลือผู้อพยพหนีตายนับแสนคน ทรงงานหนักอย่างไม่ทรงรังเกียจด้วยพระเมตตาสูงสุดต่อชาวกัมพูชาพลัดบ้านพลัดถิ่นที่หนีตายมาพึ่งพระบารมี ทรงมีพระราชเสาวนีย์พระราชทานว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี”

    ในเหตุการณ์นั้นมีนายทหารหนุ่มคนหนึ่งโดยเสด็จและถวายงานในการช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างใกล้ชิดคือในหลวงรัชกาลที่ 10 (ขณะนั้นทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ทรงลาดตระเวนถวายอารักขา ดูแลความปลอดภัยของพระราชมารดาผู้ทรงมุ่งมั่นทรงงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างเต็มที่ และทรงได้ถวายงานในการช่วยเหลือพี่น้องชาวกัมพูชาที่บ้านแตกสาแหรกขาดจนต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็นพึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกเช่นกัน

    กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า "สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา? เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย… ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 18 ตุลาคม 2502 สำหรับคนเขมรแล้ว เมื่อคราวเขมรแตกจากเขมรแดง โดยพลพต มีชาวเขมรหนีตายเข้ามาที่เขาล้านจังหวัดตราด นับแสนคน มาในสภาพโครงกระดูกเดินได้ อดอยาก เจ็บป่วย ปางตาย อุจจาระ ปัสสาวะกลาดเกลื่อนเหม็นคลุ้งไปทั้งเขาล้าน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ให้การช่วยเหลือ ทรงประทับแรมท่ามกลางผู้อพยพชาวเขมรนับแสนคน ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย ได้ทรงให้สภากาชาดไทยจัดตั้งค่ายช่วยเหลือผู้อพยพหนีตายนับแสนคน ทรงงานหนักอย่างไม่ทรงรังเกียจด้วยพระเมตตาสูงสุดต่อชาวกัมพูชาพลัดบ้านพลัดถิ่นที่หนีตายมาพึ่งพระบารมี ทรงมีพระราชเสาวนีย์พระราชทานว่า “ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี” ในเหตุการณ์นั้นมีนายทหารหนุ่มคนหนึ่งโดยเสด็จและถวายงานในการช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างใกล้ชิดคือในหลวงรัชกาลที่ 10 (ขณะนั้นทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ทรงลาดตระเวนถวายอารักขา ดูแลความปลอดภัยของพระราชมารดาผู้ทรงมุ่งมั่นทรงงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างเต็มที่ และทรงได้ถวายงานในการช่วยเหลือพี่น้องชาวกัมพูชาที่บ้านแตกสาแหรกขาดจนต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็นพึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว

  • คราวที่แล้วเขียนเรื่องธรรมเนียมวันรับตัวเจ้าสาว วันนี้เลยมาคุยกันต่ออีกสักนิดถึงอีกหนึ่งธรรมเนียมจีนเกี่ยวกับประเพณีที่มีมาแต่โบราณคือการหวีผมให้เจ้าสาว ภาพประกอบอาจจะเก่านิดนึง แต่มาดูธรรมเนียมการหวีผมนี้กันโดยถอดบทสนทนาจากเรื่อง <เซียนกระบี่พิชิตมาร>

    ความมีอยู่ว่า
    ... “มา นั่งลง เหล่าเล้าจะหวีผมให้เจ้า” เหล่าเล้ากล่าว “หวีครั้งแรก หวีถึงปลาย หวีครั้งที่สอง ผมขาวบรรจบคิ้ว หวีครั้งที่สาม บุตรหลานเต็มบ้าน”...
    (หมายเหตุ Storyฯ ขอแปลความหมายเพิ่มเติมของ “ผมขาวบรรจบคิ้ว” ให้ว่า ชีวิตคู่ยืนยาวมีความสุขจากต้นจนปลาย อยู่คู่กันยืดยาวจนผมขาว)

    เพื่อนเพจอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า ในวันที่แต่งงาน แม่หรือญาติอาวุโสของเจ้าสาวจะหวีผมให้เจ้าสาวการหวีก็ต้องหวีด้านหน้าขึ้นบน แล้วหวีจากบนลงไปด้านหลังจนสุดปลาย พร้อมกับกล่าวคำมงคลดังๆ ในระหว่างที่หวี เช่นที่เหล่าเล้าหรือยายของนางเอกกล่าวตามความข้างต้น ประเพณีนี้ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน และย่อสั้นเหลือเพียงสามประโยคข้างต้น (คำพูดอาจแตกต่างเล็กน้อยตามธรรมเนียมท้องถิ่น บางที่อาจมีประโยคที่สี่อวยพรให้ร่ำรวย) จากเดิมที่เคยต้องพูดกันยาวถึงสิบประโยค

    แต่สำหรับคนที่เคร่งครัดจริงๆ นั้น คนที่จะมาหวีผมให้เจ้าสาวนั้นต้องคัดสรรกันพอสมควร ไม่ใช่แค่ว่าเป็นแม่หรือญาติผู้ใหญ่คนไหนก็ทำได้ เพราะต้องเป็นคนที่มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข ซึ่งในที่นี่หมายถึง บิดามารดาพี่น้องสามีภรรยามีชีวิตอยู่ครบ บุตรหลานมากมาย และดวงไม่ชงกับบ่าวสาว เป็นเคล็ดว่าหากให้คนเช่นนี้หวีผมให้กับเจ้าสาว ดวงส่วนตัวของคนๆ นั้นจะสามารถนำพาให้เจ้าสาวได้พบความสมบูรณ์พูนสุขเหล่านี้เช่นกัน

    แต่ชีวิตใครจะเพอร์เฟ็ค? คนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้หาได้ไม่ง่าย อีกทั้งสมัยโบราณการเกล้าผมเจ้าสาวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปกติคุณหนูคุณนายไม่เคยต้องทำเอง มักมีสาวใช้ทำให้ ดังนั้น ถ้าเจ้าสาวมาจากตระกูลผู้ดี การหาคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีฝีมือเกล้าผมด้วยย่อมหายากเป็นธรรมดา (ก็เพราะว่าเครือญาติและเพื่อนฝูงด้วยกันล้วนแต่เป็นผู้ดีหรือคหบดีเช่นกัน ไม่ต้องทำผมเอง ดังนั้นอาจไม่มีฝีมือด้านนี้เหมือนกัน 555)

    ต่อมาจึงเกิดการว่าจ้างผู้ที่มาหวีและเกล้าผมมืออาชีพ (ใช่ค่ะ สมัยโบราณมีช่างทำผมค่ะ!... เท่าที่หาข้อมูลเจอกล่าวแต่ว่า “สมัยโบราณ” แต่เท่าที่ดูจากรูปภาพน่าจะเป็นในยุคสมัยราชวงศ์ชิง) สมัยโบราณเรียกกันว่า ซูโถวอี๋เหนียง (梳头姨娘) ต่อมาพัฒนาเป็นช่างทำผมทั่วไปเรียกกันว่า ซูโถวมา (梳头妈)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจากในละครและ: https://www.sohu.com/a/456348733_100129097
    Credit ข้อมูลจาก:
    https://m.hunliji.com/bai_ke/detail_18650
    https://m.bxhyw.com/hunjia/41035.html
    https://www.163.com/dy/article/F9OQP5L00543A2C5.html

    #เซียนกระบี่พิชิตมาร #ประเพณีจีน #ประเพณีแต่งงานจีน #หวีผมเจ้าสาว
    คราวที่แล้วเขียนเรื่องธรรมเนียมวันรับตัวเจ้าสาว วันนี้เลยมาคุยกันต่ออีกสักนิดถึงอีกหนึ่งธรรมเนียมจีนเกี่ยวกับประเพณีที่มีมาแต่โบราณคือการหวีผมให้เจ้าสาว ภาพประกอบอาจจะเก่านิดนึง แต่มาดูธรรมเนียมการหวีผมนี้กันโดยถอดบทสนทนาจากเรื่อง <เซียนกระบี่พิชิตมาร> ความมีอยู่ว่า ... “มา นั่งลง เหล่าเล้าจะหวีผมให้เจ้า” เหล่าเล้ากล่าว “หวีครั้งแรก หวีถึงปลาย หวีครั้งที่สอง ผมขาวบรรจบคิ้ว หวีครั้งที่สาม บุตรหลานเต็มบ้าน”... (หมายเหตุ Storyฯ ขอแปลความหมายเพิ่มเติมของ “ผมขาวบรรจบคิ้ว” ให้ว่า ชีวิตคู่ยืนยาวมีความสุขจากต้นจนปลาย อยู่คู่กันยืดยาวจนผมขาว) เพื่อนเพจอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า ในวันที่แต่งงาน แม่หรือญาติอาวุโสของเจ้าสาวจะหวีผมให้เจ้าสาวการหวีก็ต้องหวีด้านหน้าขึ้นบน แล้วหวีจากบนลงไปด้านหลังจนสุดปลาย พร้อมกับกล่าวคำมงคลดังๆ ในระหว่างที่หวี เช่นที่เหล่าเล้าหรือยายของนางเอกกล่าวตามความข้างต้น ประเพณีนี้ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน และย่อสั้นเหลือเพียงสามประโยคข้างต้น (คำพูดอาจแตกต่างเล็กน้อยตามธรรมเนียมท้องถิ่น บางที่อาจมีประโยคที่สี่อวยพรให้ร่ำรวย) จากเดิมที่เคยต้องพูดกันยาวถึงสิบประโยค แต่สำหรับคนที่เคร่งครัดจริงๆ นั้น คนที่จะมาหวีผมให้เจ้าสาวนั้นต้องคัดสรรกันพอสมควร ไม่ใช่แค่ว่าเป็นแม่หรือญาติผู้ใหญ่คนไหนก็ทำได้ เพราะต้องเป็นคนที่มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข ซึ่งในที่นี่หมายถึง บิดามารดาพี่น้องสามีภรรยามีชีวิตอยู่ครบ บุตรหลานมากมาย และดวงไม่ชงกับบ่าวสาว เป็นเคล็ดว่าหากให้คนเช่นนี้หวีผมให้กับเจ้าสาว ดวงส่วนตัวของคนๆ นั้นจะสามารถนำพาให้เจ้าสาวได้พบความสมบูรณ์พูนสุขเหล่านี้เช่นกัน แต่ชีวิตใครจะเพอร์เฟ็ค? คนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้หาได้ไม่ง่าย อีกทั้งสมัยโบราณการเกล้าผมเจ้าสาวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปกติคุณหนูคุณนายไม่เคยต้องทำเอง มักมีสาวใช้ทำให้ ดังนั้น ถ้าเจ้าสาวมาจากตระกูลผู้ดี การหาคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีฝีมือเกล้าผมด้วยย่อมหายากเป็นธรรมดา (ก็เพราะว่าเครือญาติและเพื่อนฝูงด้วยกันล้วนแต่เป็นผู้ดีหรือคหบดีเช่นกัน ไม่ต้องทำผมเอง ดังนั้นอาจไม่มีฝีมือด้านนี้เหมือนกัน 555) ต่อมาจึงเกิดการว่าจ้างผู้ที่มาหวีและเกล้าผมมืออาชีพ (ใช่ค่ะ สมัยโบราณมีช่างทำผมค่ะ!... เท่าที่หาข้อมูลเจอกล่าวแต่ว่า “สมัยโบราณ” แต่เท่าที่ดูจากรูปภาพน่าจะเป็นในยุคสมัยราชวงศ์ชิง) สมัยโบราณเรียกกันว่า ซูโถวอี๋เหนียง (梳头姨娘) ต่อมาพัฒนาเป็นช่างทำผมทั่วไปเรียกกันว่า ซูโถวมา (梳头妈) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจากในละครและ: https://www.sohu.com/a/456348733_100129097 Credit ข้อมูลจาก: https://m.hunliji.com/bai_ke/detail_18650 https://m.bxhyw.com/hunjia/41035.html https://www.163.com/dy/article/F9OQP5L00543A2C5.html #เซียนกระบี่พิชิตมาร #ประเพณีจีน #ประเพณีแต่งงานจีน #หวีผมเจ้าสาว
    WWW.SOHU.COM
    《仙剑奇侠传》将被翻拍,网友:谁能超越刘亦菲版啊!_年胡歌
    随着新消息的公开,该剧与2005年胡歌、刘亦菲主演的《仙剑奇侠传》角色所吻合,确认为第一部的翻拍。另外那时候电视剧也没后来出的那么频繁,玄幻剧占比也不多,《仙剑奇侠传》则凭借着强悍的演员阵容征服了大家的心。 …
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!)

    จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ

    และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน

    ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน

    ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก

    ✅ ข้อมูลจากข่าว:
    ✅ Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024  
    • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง

    ✅ หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย  
    • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง

    ✅ พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง  
    • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน

    ✅ FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน  
    • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน

    ✅ Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน  
    • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ  
    • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ

    ✅ พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!) จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก ✅ ข้อมูลจากข่าว: ✅ Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024   • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง ✅ หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย   • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง ✅ พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง   • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน ✅ FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน   • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน ✅ Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน   • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ   • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ ✅ พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Man behind $245m Bitcoin theft has bizarre tale that includes kidnapped parents, fraud, and money laundering — suspect now faces up to 24 years in prison, half-million-dollar fine, and possible deportation to India
    Connecticut man’s parents were kidnapped shortly after the BTC theft. The father allegedly lost his job at Morgan Stanley due to his son’s nefarious activities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน

    Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์

    แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น…

    ✅ Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub  
    • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ)

    ✅ Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด  
    • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ

    ✅ ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG  
    • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น

    ✅ ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ  
    • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง

    ✅ Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony  
    • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด

    ✅ ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”  
    • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท

    ✅ ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่  
    • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    เคยคิดไหมครับว่าสักวันหนึ่งจะมี "หุ่นยนต์แฮกเกอร์" ที่เก่งกว่าคนจริง? วันนั้นมาถึงแล้ว เพราะ Xbow คือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแฮกเกอร์มืออาชีพโดยเฉพาะ มันสามารถ “แฮกระบบ” อย่างถูกกฎหมายผ่านการเจาะช่องโหว่ (penetration test) แบบอัตโนมัติ และรายงานเข้าระบบบั๊ก bounty ได้เร็วและแม่นยำกว่าคน Xbow เพิ่งขึ้นเป็น อันดับ 1 ในสหรัฐฯ บน HackerOne ซึ่งจัดอันดับจาก “จำนวนช่องโหว่ที่ค้นพบ + ความร้ายแรง” และการที่ “AI” ได้อันดับสูงสุดเป็นครั้งแรกนี้ ก็ทำให้นักลงทุนแห่ให้เงินเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์ แต่นี่ไม่ได้เป็นแค่ความสำเร็จครับ — เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เรากำลังก้าวสู่ยุคที่เครื่องจักรกำลังแฮกระบบของเครื่องจักรด้วยกันเองหรือเปล่า?” และถ้า AI ฝั่งร้ายพัฒนาเร็วเท่าฝั่งดีล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น… ✅ Xbow คือ AI แฮกเกอร์ที่พัฒนาโดยบริษัทชื่อเดียวกัน ก่อตั้งในปี 2024 โดยอดีตผู้บริหาร GitHub   • มีทีมพัฒนาเคยทำงานกับ Copilot และ Semmle (บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ GitHub เคยซื้อ) ✅ Xbow ขึ้นอันดับ 1 ของ HackerOne ในสหรัฐฯ จากคะแนน reputation สูงสุด   • เก็บแต้มจากการพบช่องโหว่ที่มีความสำคัญมาก และรายงานสำเร็จ ✅ ระดมทุนเพิ่มอีก $75 ล้าน จาก Altimeter Capital, Sequoia และ NFDG   • เพื่อขยายระบบ AI ให้ทำงานได้ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น ✅ ทำ penetration testing แบบอัตโนมัติ – ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาถูกกว่าทีม red team ปกติ   • ปกติจ้าง red team ทดสอบ 1 ครั้งเฉลี่ย $18,000 แต่ Xbow ทำได้บ่อยและต่อเนื่อง ✅ Xbow ค้นพบช่องโหว่ในบริษัทชื่อดัง เช่น Amazon, Disney, PayPal, Sony   • แต่ผู้ใช้งานเป็นองค์กรเท่านั้น ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด ✅ ทำงานคู่กับ HackerOne ที่ให้มนุษย์รีวิวข้อผิดพลาดที่ AI พบ เพื่อกันไม่ให้เกิด “hallucination”   • แยกจริงปลอมก่อนส่งรายงานให้บริษัท ✅ ในอนาคต Xbow จะสามารถ “เสนอทางแก้ไข” ให้กับลูกค้าด้วย เช่น แก้โค้ด หรือแนะนำวิธี fix ช่องโหว่   • ไม่ใช่แค่หาเจอ แต่ช่วยซ่อมได้ด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/26/one-of-the-best-hackers-in-the-us-is-an-ai-bot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    One of the best hackers in the US is an AI bot
    A hacker named Xbow has topped a prestigious security industry US leaderboard that tracks who has found and reported the most vulnerabilities in software from large companies. Xbow isn't a person – it's an artificial intelligence tool developed by a company of the same name.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมเด็จฮุน เซน ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการนำเข้าเชื้อเพลิงทดแทนจากประเทศไทย แต่การเจรจาดังกล่าวยังไม่บรรลุข้อตกลง ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า กัมพูชาจะสามารถจัดหาพลังงานได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน”
    ---
    แหม่...ถ้าแปลไทยเป็นไทย ก็ประมาณนี้แหละครับ:
    "ปากบอกตัดน้ำมันไทย ประชดไทย แต่สุดท้ายต้องไปลัดฟ้าแอบเจรจาซื้อน้ำมันไทยอ้อมผ่านสิงคโปร์...แล้วดันยังตกลงกันไม่ได้อีก"
    คือพูดให้ชาวบ้านฟังง่าย ๆ:
    "พยายามแถให้ดูไม่แย่ แต่เอาจริง...อันนี้ 'ชิหาย' แล้วล่ะครับท่าน"
    #น้ำมันไม่มี #ปากเก่งแต่พุงแฟบ
    #ประชาชนอดเพราะคนบนพูดมาก
    #พลังงานแห่งชาติต้องรอคนไปสิงคโปร์ก่อน
    Cr. ปราชญ์ สามสี
    “สมเด็จฮุน เซน ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการนำเข้าเชื้อเพลิงทดแทนจากประเทศไทย แต่การเจรจาดังกล่าวยังไม่บรรลุข้อตกลง ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า กัมพูชาจะสามารถจัดหาพลังงานได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน” --- แหม่...ถ้าแปลไทยเป็นไทย ก็ประมาณนี้แหละครับ: "ปากบอกตัดน้ำมันไทย ประชดไทย แต่สุดท้ายต้องไปลัดฟ้าแอบเจรจาซื้อน้ำมันไทยอ้อมผ่านสิงคโปร์...แล้วดันยังตกลงกันไม่ได้อีก" คือพูดให้ชาวบ้านฟังง่าย ๆ: "พยายามแถให้ดูไม่แย่ แต่เอาจริง...อันนี้ 'ชิหาย' แล้วล่ะครับท่าน" #น้ำมันไม่มี #ปากเก่งแต่พุงแฟบ #ประชาชนอดเพราะคนบนพูดมาก #พลังงานแห่งชาติต้องรอคนไปสิงคโปร์ก่อน Cr. ปราชญ์ สามสี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าจะพูดเรื่องประเพณีแต่งงานจีนโบราณ แน่นอนมีหลายเรื่องให้คุยกันได้ วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ ที่แฟนละคร <ตำนานหยุนซี> อาจเคยผ่านหูผ่านตา ลองมาดูกันจากบทสนทนาที่ถอดคำพูดมาจากละครเรื่องนี้

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ฉินอ๋องเล่า? ฉินอ๋องอยู่ที่ใด? ธรรมเนียมแต่โบราณมา ไม่มีสะใภ้ใหม่กลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานแต่เพียงผู้เดียว เจ้ากลับมาเพียงลำพัง หากมิใช่โดนปลดจากตำแหน่งชายาอ๋องแล้ว ยังมีเหตุผลใด? โอ้ว... ข้ากล่าวผิดไป มีแต่งจึงมีปลด ท่านฉินอ๋องมิเคยแม้แต่จะเตะเกี้ยวเจ้าสาวของเจ้า คงมิอาจนับได้ว่าแต่งเจ้าเข้าจวนอ๋องไปแล้วกระมัง?” หานรั่วเสวี่ยกล่าว

    บทสนทนาจากในละครข้างต้น เห็นได้ว่าหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในประเพณีแต่งงานคือการ ‘เตะเกี้ยวเจ้าสาว’ ทำไมจึงมีธรรมเนียมนี้และมันมีความหมายอย่างใด?

    จริงแล้วการเตะคานเกี้ยวเจ้าสาวเป็นหนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายว่าด้วยเรื่องการรับตัวเจ้าสาวใน ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) ซึ่งเป็นพิธีการว่าด้วยงานแต่งงานที่สืบทอดมาจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1,100-771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) แต่ในบทความภาษาไทยเกี่ยวกับพิธีการนี้ไม่ค่อยมีกล่าวถึงการเตะคานเกี้ยว
    แต่พิธีการรับเจ้าสาวมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างตามธรรมเนียมท้องถิ่น ในเรื่องการเตะคานเกี้ยวนี้ บางที่เตะคานเกี้ยวเจ้าสาวหนึ่งครั้ง แต่ส่วนใหญ่เตะสามครั้ง

    พิธีการเต็มๆ เท่าที่ Storyฯ เรียบเรียงข้อมูลมาได้ก็คือ... เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูใหญ่บ้านเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวจะเตะคานประตูเกี้ยวเจ้าสาวหนึ่งครั้ง และเจ้าสาวก็จะเตะคานประตูตอบจากภายในหนึ่งครั้ง มีความหมายว่าชายมิกลัวภรรยาและสตรีมิอ่อนแอ (男不惧内,女不示弱) จากนั้นเจ้าสาวก็จะโยนกุญแจหีบสมบัติ (สินสมรสที่ฝ่ายเจ้าสาวนำติดตัวมาด้วย) ออกมา เจ้าบ่าวรับมาแล้วก็ต้องชูกุญแจขึ้น นัยว่าให้ฟ้าเป็นสักขีพยาน เป็นเคล็ดขอให้ได้ลูกชายหลายๆ คน

    พอได้ฤกษ์ก็จะมีการหามเกี้ยวเข้าไปที่หน้าโถงพิธีการ จากนั้นเจ้าบ่าวใช้พัดเคาะหลังคาเกี้ยวสามครั้งและเตะคานเกี้ยวสามครั้ง เป็นการแสดงอำนาจ เพื่อว่าต่อไปภรรยาจะได้เชื่อฟังผู้เป็นสามี จากนั้นจึงเข้าสู่พิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก: https://www.jintjint.com/series/legend-of-yun-xi-%E8%8A%B8%E6%B1%90%E4%BC%A0-ep-1-48-end-eng-sub/
    Credit ข้อมูลจาก:
    https://www.xiaozhishi.net/zhishi/1042699.html
    https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%BF%87%E9%97%A8_(%E4%B8%AD%E5%BC%8F%E5%A9%9A%E7%A4%BC)

    (หมายเหตุ บทความภาษาไทยเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ อ่านได้ที่ http://www.ue-wedding.com/culture/)

    #ตำนานหยุนซี #ประเพณีแต่งงานจีน #ประเพณีจีน #เกี้ยวเจ้าสาว
    ถ้าจะพูดเรื่องประเพณีแต่งงานจีนโบราณ แน่นอนมีหลายเรื่องให้คุยกันได้ วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ ที่แฟนละคร <ตำนานหยุนซี> อาจเคยผ่านหูผ่านตา ลองมาดูกันจากบทสนทนาที่ถอดคำพูดมาจากละครเรื่องนี้ ความมีอยู่ว่า ... “ฉินอ๋องเล่า? ฉินอ๋องอยู่ที่ใด? ธรรมเนียมแต่โบราณมา ไม่มีสะใภ้ใหม่กลับมาเยี่ยมบ้านหลังแต่งงานแต่เพียงผู้เดียว เจ้ากลับมาเพียงลำพัง หากมิใช่โดนปลดจากตำแหน่งชายาอ๋องแล้ว ยังมีเหตุผลใด? โอ้ว... ข้ากล่าวผิดไป มีแต่งจึงมีปลด ท่านฉินอ๋องมิเคยแม้แต่จะเตะเกี้ยวเจ้าสาวของเจ้า คงมิอาจนับได้ว่าแต่งเจ้าเข้าจวนอ๋องไปแล้วกระมัง?” หานรั่วเสวี่ยกล่าว บทสนทนาจากในละครข้างต้น เห็นได้ว่าหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในประเพณีแต่งงานคือการ ‘เตะเกี้ยวเจ้าสาว’ ทำไมจึงมีธรรมเนียมนี้และมันมีความหมายอย่างใด? จริงแล้วการเตะคานเกี้ยวเจ้าสาวเป็นหนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายว่าด้วยเรื่องการรับตัวเจ้าสาวใน ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) ซึ่งเป็นพิธีการว่าด้วยงานแต่งงานที่สืบทอดมาจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1,100-771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) แต่ในบทความภาษาไทยเกี่ยวกับพิธีการนี้ไม่ค่อยมีกล่าวถึงการเตะคานเกี้ยว แต่พิธีการรับเจ้าสาวมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างตามธรรมเนียมท้องถิ่น ในเรื่องการเตะคานเกี้ยวนี้ บางที่เตะคานเกี้ยวเจ้าสาวหนึ่งครั้ง แต่ส่วนใหญ่เตะสามครั้ง พิธีการเต็มๆ เท่าที่ Storyฯ เรียบเรียงข้อมูลมาได้ก็คือ... เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูใหญ่บ้านเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวจะเตะคานประตูเกี้ยวเจ้าสาวหนึ่งครั้ง และเจ้าสาวก็จะเตะคานประตูตอบจากภายในหนึ่งครั้ง มีความหมายว่าชายมิกลัวภรรยาและสตรีมิอ่อนแอ (男不惧内,女不示弱) จากนั้นเจ้าสาวก็จะโยนกุญแจหีบสมบัติ (สินสมรสที่ฝ่ายเจ้าสาวนำติดตัวมาด้วย) ออกมา เจ้าบ่าวรับมาแล้วก็ต้องชูกุญแจขึ้น นัยว่าให้ฟ้าเป็นสักขีพยาน เป็นเคล็ดขอให้ได้ลูกชายหลายๆ คน พอได้ฤกษ์ก็จะมีการหามเกี้ยวเข้าไปที่หน้าโถงพิธีการ จากนั้นเจ้าบ่าวใช้พัดเคาะหลังคาเกี้ยวสามครั้งและเตะคานเกี้ยวสามครั้ง เป็นการแสดงอำนาจ เพื่อว่าต่อไปภรรยาจะได้เชื่อฟังผู้เป็นสามี จากนั้นจึงเข้าสู่พิธีกราบไหว้ฟ้าดิน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.jintjint.com/series/legend-of-yun-xi-%E8%8A%B8%E6%B1%90%E4%BC%A0-ep-1-48-end-eng-sub/ Credit ข้อมูลจาก: https://www.xiaozhishi.net/zhishi/1042699.html https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%BF%87%E9%97%A8_(%E4%B8%AD%E5%BC%8F%E5%A9%9A%E7%A4%BC) (หมายเหตุ บทความภาษาไทยเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ อ่านได้ที่ http://www.ue-wedding.com/culture/) #ตำนานหยุนซี #ประเพณีแต่งงานจีน #ประเพณีจีน #เกี้ยวเจ้าสาว
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง
    มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี . วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแรกหลายองค์กรคิดว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว” น่าจะพอเอาอยู่กับ AI — เพราะก็มี patch, มี asset inventory, มี firewall อยู่แล้ว แต่วันนี้กลายเป็นว่า... AI คือสัตว์คนละสายพันธุ์เลยครับ

    เพราะ AI ขยายพื้นที่โจมตีออกไปถึง API, third-party, supply chain และยังมีความเสี่ยงใหม่แบบเฉพาะตัว เช่น model poisoning, prompt injection, data inference ซึ่งไม่เคยต้องรับมือในโลก legacy มาก่อน

    และแม้ว่าองค์กรจะลงทุนกับ AI อย่างหนัก แต่เกือบครึ่ง (46%) ของโครงการ AI ถูกหยุดกลางคันหรือไม่เคยได้ไปถึง production ด้วยซ้ำ — ส่วนใหญ่เกิดจากความล้มเหลวในด้าน governance, ความเสี่ยง, ข้อมูลไม่สะอาด และขาดทีมที่เข้าใจ AI จริง ๆ

    ข่าวนี้จึงเสนอบทบาทใหม่ 5 แบบที่ CISO ต้องกลายร่างเป็น: “นักกฎหมาย, นักวิเคราะห์, ครู, นักวิจัย และนักสร้างพันธมิตร”

    ✅ 5 ขั้นตอนสำคัญที่ CISO ต้องทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของ AI:
    ✅ 1. เริ่มทุกอย่างด้วยโมเดล AI Governance ที่แข็งแรงและครอบคลุม  
    • ต้องมี alignment ระหว่างทีมธุรกิจ–เทคโนโลยีว่า AI จะใช้ทำอะไร และใช้อย่างไร  
    • สร้าง framework ที่รวม ethics, compliance, transparency และ success metrics  
    • ใช้แนวทางจาก NIST AI RMF, ISO/IEC 42001:2023, UNESCO AI Ethics, RISE และ CARE

    ✅ 2. พัฒนา “มุมมองความเสี่ยงของ AI” ที่ต่อเนื่องและลึกกว่าระบบปกติ  
    • สร้าง AI asset inventory, risk register, และ software bill of materials  
    • ติดตามภัยคุกคามเฉพาะ AI เช่น data leakage, model drift, prompt injection  
    • ใช้ MITRE ATLAS และตรวจสอบ vendor + third-party supply chain อย่างใกล้ชิด

    ✅ 3. ขยายนิยาม “data integrity” ให้ครอบคลุมถึงโมเดล AI ด้วย  
    • ไม่ใช่แค่ข้อมูลไม่โดนแก้ไข แต่รวมถึง bias, fairness และ veracity  
    • เช่นเคยมีกรณี Amazon และ UK ใช้ AI ที่กลายเป็นอคติทางเพศและสีผิว

    ✅ 4. ยกระดับ “AI literacy” ให้ทั้งองค์กรเข้าใจและใช้งานอย่างปลอดภัย  
    • เริ่มจากทีม Security → Dev → ฝ่ายธุรกิจ  
    • สอน OWASP Top 10 for LLMs, Google’s SAIF, CSA Secure AI  
    • End user ต้องรู้เรื่อง misuse, data leak และ deepfake ด้วย

    ✅ 5. มอง AI Security แบบ “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “อัตโนมัติเต็มขั้น”  
    • ใช้ AI ช่วย triage alert, คัด log, วิเคราะห์ risk score แต่ยังต้องมีคนคุม  
    • พิจารณาผู้ให้บริการ AI Security อย่างรอบคอบ เพราะหลายเจ้าแค่ “แปะป้าย AI” แต่ยังไม่ mature

    https://www.csoonline.com/article/4011384/the-cisos-5-step-guide-to-securing-ai-operations.html
    ตอนแรกหลายองค์กรคิดว่า “ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่แล้ว” น่าจะพอเอาอยู่กับ AI — เพราะก็มี patch, มี asset inventory, มี firewall อยู่แล้ว แต่วันนี้กลายเป็นว่า... AI คือสัตว์คนละสายพันธุ์เลยครับ เพราะ AI ขยายพื้นที่โจมตีออกไปถึง API, third-party, supply chain และยังมีความเสี่ยงใหม่แบบเฉพาะตัว เช่น model poisoning, prompt injection, data inference ซึ่งไม่เคยต้องรับมือในโลก legacy มาก่อน และแม้ว่าองค์กรจะลงทุนกับ AI อย่างหนัก แต่เกือบครึ่ง (46%) ของโครงการ AI ถูกหยุดกลางคันหรือไม่เคยได้ไปถึง production ด้วยซ้ำ — ส่วนใหญ่เกิดจากความล้มเหลวในด้าน governance, ความเสี่ยง, ข้อมูลไม่สะอาด และขาดทีมที่เข้าใจ AI จริง ๆ ข่าวนี้จึงเสนอบทบาทใหม่ 5 แบบที่ CISO ต้องกลายร่างเป็น: “นักกฎหมาย, นักวิเคราะห์, ครู, นักวิจัย และนักสร้างพันธมิตร” ✅ 5 ขั้นตอนสำคัญที่ CISO ต้องทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของ AI: ✅ 1. เริ่มทุกอย่างด้วยโมเดล AI Governance ที่แข็งแรงและครอบคลุม   • ต้องมี alignment ระหว่างทีมธุรกิจ–เทคโนโลยีว่า AI จะใช้ทำอะไร และใช้อย่างไร   • สร้าง framework ที่รวม ethics, compliance, transparency และ success metrics   • ใช้แนวทางจาก NIST AI RMF, ISO/IEC 42001:2023, UNESCO AI Ethics, RISE และ CARE ✅ 2. พัฒนา “มุมมองความเสี่ยงของ AI” ที่ต่อเนื่องและลึกกว่าระบบปกติ   • สร้าง AI asset inventory, risk register, และ software bill of materials   • ติดตามภัยคุกคามเฉพาะ AI เช่น data leakage, model drift, prompt injection   • ใช้ MITRE ATLAS และตรวจสอบ vendor + third-party supply chain อย่างใกล้ชิด ✅ 3. ขยายนิยาม “data integrity” ให้ครอบคลุมถึงโมเดล AI ด้วย   • ไม่ใช่แค่ข้อมูลไม่โดนแก้ไข แต่รวมถึง bias, fairness และ veracity   • เช่นเคยมีกรณี Amazon และ UK ใช้ AI ที่กลายเป็นอคติทางเพศและสีผิว ✅ 4. ยกระดับ “AI literacy” ให้ทั้งองค์กรเข้าใจและใช้งานอย่างปลอดภัย   • เริ่มจากทีม Security → Dev → ฝ่ายธุรกิจ   • สอน OWASP Top 10 for LLMs, Google’s SAIF, CSA Secure AI   • End user ต้องรู้เรื่อง misuse, data leak และ deepfake ด้วย ✅ 5. มอง AI Security แบบ “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “อัตโนมัติเต็มขั้น”   • ใช้ AI ช่วย triage alert, คัด log, วิเคราะห์ risk score แต่ยังต้องมีคนคุม   • พิจารณาผู้ให้บริการ AI Security อย่างรอบคอบ เพราะหลายเจ้าแค่ “แปะป้าย AI” แต่ยังไม่ mature https://www.csoonline.com/article/4011384/the-cisos-5-step-guide-to-securing-ai-operations.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The CISO’s 5-step guide to securing AI operations
    Security leaders must become AI cheerleaders, risk experts, data stewards, teachers, and researchers. Here’s how to lead your organization toward more secure and effective AI use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟชั่นทรงผมของจีนโบราณนั้นหลากหลาย โดยเฉพาะที่เพื่อนเพจได้เคยเห็นในละคร/หนังจีนพีเรียดที่ดูอลังการงานสร้างมาก (รูปประกอบจากเรื่อง <หงส์ขังรัก>) ทำให้ Storyฯ คิดสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ทุกคนจะใช้ผมจริงทั้งหมด จึงเป็นคำถามว่า สมัยโบราณนั้นมีใช้วิกผมหรือผมปลอมหรือไม่?

    หาคำตอบมาแล้ว คือมีแน่นอนจ้า

    ว่ากันว่าการใช้ผมปลอมมีมาแต่ยุคสมัยจ้านกั๋ว (ประมาณ 475-403 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่ไม่ใช่ใครๆ จะมีผมปลอมใส่เพราะเป็นของแพง เริ่มแรกจึงมีใช้กันเฉพาะในวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265–420) จึงมีการใช้กันในระดับสามัญชนในแวดวงคนมีอันจะกิน และมาเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907)

    ผมปลอมที่ใช้กันนี้ก็มีทั้งที่ทำมาจากขนสัตว์ย้อมสีดำ หรือถ้าแพงหน่อยก็จะทำจากผมจากคนจริงๆ โดยมีที่มาจากสามแหล่งหลักคือ ก) นักโทษที่โดนลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจะถูกโกนหัว ข) ผู้ที่ปลงผมเพื่อบวช และ ค) คนที่สิ้นไร้ไม้ตอกประกาศตัดผมขายเพื่อเอาเงินมาใช้

    เดิมวิธีใช้ผมปลอมก็คือเอามาทอรวมกับผมจริงตอนเกล้าผม ต่อมาเมื่อแฟชั่นทรงผมสตรีมีลูกเล่นมากขึ้น จึงเริ่มมีวิกผมสำเร็จรูปเกล้าเป็นทรงต่างๆ โดยใช้มวยปลอมสอดไส้ ซึ่งมวยปลอมก็จะทำจากวัสดุอื่นๆ เช่นไม้หรือหมอนผ้า จากนั้นก็ใช้ผมปลอมถักคลุมปกปิดให้ดูเนียน

    แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า คนที่ใช้ผมปลอมจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ชาย!

    กวีชื่อดังสมัยราชวงศ์ถังนามว่าหลี่ไป๋เคยประพันธ์ไว้ถึงตนเองยามท้อแท้ว่า “ยามเมื่อชีวิตคนเราล้มเหลวมิได้ดั่งใจ จะทำอันใดได้นอกจากปล่อยผมรุงรังล่องเรือตามยถากรรม” เห็นได้ว่าการปล่อยผมสยายเป็นการแสดงออกถึงความไม่สำรวม ไม่สุภาพ

    ดังนั้น สุภาพชนชายชาตรีสมัยโบราณต้องเกล้าผมปักปิ่นหรือครอบมงกุฎผมให้เนี๊ยบ ตอนหนุ่มๆ คงไม่เป็นปัญหา แต่เมื่ออายุมากขึ้นและผมน้อยลงตามการเวลา การมีผมไม่พอเกล้าจึงเป็นเรื่องชวนทุกข์ใจนัก เลยต้องพึ่งพาผมปลอมเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี

    ต่อมา สมัยราชวงศ์ชิงมีชายจีนไปเรียนต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ตัดหางเปียออกเพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมชาติตะวันตก เมื่อกลับมาจีนแผ่นดินใหญ่จึงต้องหาวิกหางเปียมาสวม บางคนใช้สวมหมวกที่มีหางเปียถักติดไว้เพื่อความสะดวก แบบที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยเห็นในหนังเรื่องหวงเฟยหงนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.jianshu.com/p/a042b95ee3ec
    https://www.163.com/ent/article/DD0TB8JN000380EO.html
    https://y.qichejiashi.com/tupian/1926174.html

    Credit ข้อมูลจาก:
    http://m.qulishi.com/article/201910/367225.html
    http://www.qulishi.com/article/202002/391814.html
    http://xn--fiq4m90j.com/Index/detail/catid/10/artid/04eb9650-68c6-44a2-897a-da8ebf712a5e/userid/bd2f4e82-9f87-452c-9f2d-7b290b6b006d
    https://www.guhanfu.com/60933.html

    #ทรงผมจีนโบราณ #ผมปลอม #วัฒนธรรมจีน
    แฟชั่นทรงผมของจีนโบราณนั้นหลากหลาย โดยเฉพาะที่เพื่อนเพจได้เคยเห็นในละคร/หนังจีนพีเรียดที่ดูอลังการงานสร้างมาก (รูปประกอบจากเรื่อง <หงส์ขังรัก>) ทำให้ Storyฯ คิดสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ทุกคนจะใช้ผมจริงทั้งหมด จึงเป็นคำถามว่า สมัยโบราณนั้นมีใช้วิกผมหรือผมปลอมหรือไม่? หาคำตอบมาแล้ว คือมีแน่นอนจ้า ว่ากันว่าการใช้ผมปลอมมีมาแต่ยุคสมัยจ้านกั๋ว (ประมาณ 475-403 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่ไม่ใช่ใครๆ จะมีผมปลอมใส่เพราะเป็นของแพง เริ่มแรกจึงมีใช้กันเฉพาะในวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265–420) จึงมีการใช้กันในระดับสามัญชนในแวดวงคนมีอันจะกิน และมาเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907) ผมปลอมที่ใช้กันนี้ก็มีทั้งที่ทำมาจากขนสัตว์ย้อมสีดำ หรือถ้าแพงหน่อยก็จะทำจากผมจากคนจริงๆ โดยมีที่มาจากสามแหล่งหลักคือ ก) นักโทษที่โดนลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจะถูกโกนหัว ข) ผู้ที่ปลงผมเพื่อบวช และ ค) คนที่สิ้นไร้ไม้ตอกประกาศตัดผมขายเพื่อเอาเงินมาใช้ เดิมวิธีใช้ผมปลอมก็คือเอามาทอรวมกับผมจริงตอนเกล้าผม ต่อมาเมื่อแฟชั่นทรงผมสตรีมีลูกเล่นมากขึ้น จึงเริ่มมีวิกผมสำเร็จรูปเกล้าเป็นทรงต่างๆ โดยใช้มวยปลอมสอดไส้ ซึ่งมวยปลอมก็จะทำจากวัสดุอื่นๆ เช่นไม้หรือหมอนผ้า จากนั้นก็ใช้ผมปลอมถักคลุมปกปิดให้ดูเนียน แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า คนที่ใช้ผมปลอมจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ชาย! กวีชื่อดังสมัยราชวงศ์ถังนามว่าหลี่ไป๋เคยประพันธ์ไว้ถึงตนเองยามท้อแท้ว่า “ยามเมื่อชีวิตคนเราล้มเหลวมิได้ดั่งใจ จะทำอันใดได้นอกจากปล่อยผมรุงรังล่องเรือตามยถากรรม” เห็นได้ว่าการปล่อยผมสยายเป็นการแสดงออกถึงความไม่สำรวม ไม่สุภาพ ดังนั้น สุภาพชนชายชาตรีสมัยโบราณต้องเกล้าผมปักปิ่นหรือครอบมงกุฎผมให้เนี๊ยบ ตอนหนุ่มๆ คงไม่เป็นปัญหา แต่เมื่ออายุมากขึ้นและผมน้อยลงตามการเวลา การมีผมไม่พอเกล้าจึงเป็นเรื่องชวนทุกข์ใจนัก เลยต้องพึ่งพาผมปลอมเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี ต่อมา สมัยราชวงศ์ชิงมีชายจีนไปเรียนต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ตัดหางเปียออกเพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมชาติตะวันตก เมื่อกลับมาจีนแผ่นดินใหญ่จึงต้องหาวิกหางเปียมาสวม บางคนใช้สวมหมวกที่มีหางเปียถักติดไว้เพื่อความสะดวก แบบที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยเห็นในหนังเรื่องหวงเฟยหงนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.jianshu.com/p/a042b95ee3ec https://www.163.com/ent/article/DD0TB8JN000380EO.html https://y.qichejiashi.com/tupian/1926174.html Credit ข้อมูลจาก: http://m.qulishi.com/article/201910/367225.html http://www.qulishi.com/article/202002/391814.html http://xn--fiq4m90j.com/Index/detail/catid/10/artid/04eb9650-68c6-44a2-897a-da8ebf712a5e/userid/bd2f4e82-9f87-452c-9f2d-7b290b6b006d https://www.guhanfu.com/60933.html #ทรงผมจีนโบราณ #ผมปลอม #วัฒนธรรมจีน
    WWW.JIANSHU.COM
    电视剧《凤囚凰》观看第一集和第二集之后的说说
    在看《凤囚凰》这部电视剧的之前。我是带着挑剔的眼光去看的。看看于正到底有多么烂。网上吐槽凤囚凰被于正拍槽点很多,好先来看一看有那些被吐槽的点。 第一点,缝纫机头。 网上说的缝...
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บอย ปกรณ์” เสียงสั่น พูดแบบไม่อาย คิดถึงและรักแม่มาก แต่ต้องฟื้นตัวเองก้าวต่อไป เพื่อตัวเองและครอบครัว เฮฮาโบ๊ะบ๊ะเพราะไม่อยากให้ใครห่วง ซาบซึ้งและขอบคุณ “เฟย์” หนุนอยู่ข้างหลัง แจงคนห่วง “หน่อง” ดาวน์ดิ่ง รับที่เห็นบ้าๆ บอๆ แต่ตัวจริงเซนซิทีฟ รู้แค่คนในครอบครัว นับถอยหลังอีก 7 วันขอพลังจากแม่ ชีวิตมีงวดหน้าเสมอ

    แม้สภาพจิตใจดีขึ้น แต่ก็ยังเศร้าทุกครั้งที่คิดถึง “แม่งามทิพย์” อีกทั้งอยู่บ้านก็ยังร้องไห้กันทุกคน ล่าสุด “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์”ในฐานะพี่คนโต เผยระหว่างมาร่วมงาน “ช้าง ยู-แชมเปี้ยน คัพ ปี 3” รอบชิงชนะเลิศ แคมเปญ ช้างส่งแชมป์ "CHANG U-CHAMPION CUP" ไปอังกฤษ ปี 3 ณ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ลั่นทุกอย่างดีขึ้นตามเวลา แต่ทุกครั้งที่จับเข่าคุยกับ “หน่อง ธนา - ภัทร์” ก็ยังมีน้ำตาไหลกันอยู่

    “มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนพอผ่านช่วงเวลาที่หนักหน่วงและยากที่สุดมาแล้ว ถามว่าดีขึ้นไหม มันก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามช่วงเวลา ชีวิตเราก็ต้องไปต่อ ผมมีหลายอย่างที่ต้องทำ ออกงาน ถ่ายซีรีส์ ก็พยายามฟื้นตัวเองขึ้นมาทั้งเพื่อตัวเองด้วย แล้วไม่ได้พูดให้ดูหล่อ และทั้งเพื่อครอบครัวด้วย แต่ผมว่าตรงนี้มันต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เลย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000059486

    #Thaitimes #MGROnline #บอยปกรณ์
    “บอย ปกรณ์” เสียงสั่น พูดแบบไม่อาย คิดถึงและรักแม่มาก แต่ต้องฟื้นตัวเองก้าวต่อไป เพื่อตัวเองและครอบครัว เฮฮาโบ๊ะบ๊ะเพราะไม่อยากให้ใครห่วง ซาบซึ้งและขอบคุณ “เฟย์” หนุนอยู่ข้างหลัง แจงคนห่วง “หน่อง” ดาวน์ดิ่ง รับที่เห็นบ้าๆ บอๆ แต่ตัวจริงเซนซิทีฟ รู้แค่คนในครอบครัว นับถอยหลังอีก 7 วันขอพลังจากแม่ ชีวิตมีงวดหน้าเสมอ • แม้สภาพจิตใจดีขึ้น แต่ก็ยังเศร้าทุกครั้งที่คิดถึง “แม่งามทิพย์” อีกทั้งอยู่บ้านก็ยังร้องไห้กันทุกคน ล่าสุด “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์”ในฐานะพี่คนโต เผยระหว่างมาร่วมงาน “ช้าง ยู-แชมเปี้ยน คัพ ปี 3” รอบชิงชนะเลิศ แคมเปญ ช้างส่งแชมป์ "CHANG U-CHAMPION CUP" ไปอังกฤษ ปี 3 ณ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ลั่นทุกอย่างดีขึ้นตามเวลา แต่ทุกครั้งที่จับเข่าคุยกับ “หน่อง ธนา - ภัทร์” ก็ยังมีน้ำตาไหลกันอยู่ • “มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนพอผ่านช่วงเวลาที่หนักหน่วงและยากที่สุดมาแล้ว ถามว่าดีขึ้นไหม มันก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามช่วงเวลา ชีวิตเราก็ต้องไปต่อ ผมมีหลายอย่างที่ต้องทำ ออกงาน ถ่ายซีรีส์ ก็พยายามฟื้นตัวเองขึ้นมาทั้งเพื่อตัวเองด้วย แล้วไม่ได้พูดให้ดูหล่อ และทั้งเพื่อครอบครัวด้วย แต่ผมว่าตรงนี้มันต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เลย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000059486 • #Thaitimes #MGROnline #บอยปกรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC) ตกลงที่จะหยุดยิงกับอิสราเอล แต่ก็พร้อมจะตอบโต้กลับอยา่างรุนแรงต่อการรุกรานใดๆที่จะมีขึ้นในอนาคต:

    แถลงการณ์ฉบับเต็มจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC - Iran’s Supreme National Security Council):

    ถึงชาวอิหร่านที่รักและอดทน

    ภายหลังการรุกรานของพวกไซออนิสต์ที่ขี้ขลาด ความกล้าหาญและการเสียสละของบุตรชายของคุณในกองกำลังติดอาวุธแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การชี้นำของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจการขู่เข็ญและการตอบโต้ที่เด็ดขาดของประเทศ พวกเขาขยายขอบเขตของการตอบโต้และโจมตีศัตรูด้วยความเจ็บปวด การตอบสนองนี้แสดงให้เห็นว่าฐานทัพของอเมริกาและไซออนิสต์ ตั้งแต่เอเชียตะวันตกไปจนถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง ล้วนเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    การเฝ้าระวัง การใช้โอกาสอย่างมีกลยุทธ์ การต่อต้านอย่างมั่นคง และความสามัคคีของชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ขัดขวางแผนหลักของศัตรู เปลี่ยนภัยคุกคามให้กลายเป็นโอกาส และปูทางให้กับความอดทนของทหารอิสลาม นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของนักสู้ที่ทุ่มเท ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแกร่งนี้ปรากฏชัดตลอด 12 วันของการต่อต้านอย่างนองเลือด และเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบโต้การรุกรานใดๆ อย่างเหมาะสมและเข้มแข็ง

    ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตลอดเส้นทางนี้ พร้อมกับการประพฤติตนที่สมดุล ความเข้าใจอันลึกซึ้ง กลยุทธ์ที่รอบคอบ และความอดทนของนักรบและครอบครัวของผู้พลีชีพและผู้บาดเจ็บ คือชัยชนะเหนือศัตรู การทำลายภาพลักษณ์ของศัตรู การปฏิเสธการยอมแพ้ และการเปิดเส้นทางไปข้างหน้าที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

    ดังนั้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจึงประกาศอย่างมีสติและมั่นใจว่า กองกำลังของเราซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนั้นเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะตอบโต้การกระทำการรุกรานหรือการคุกคามใดๆ ของศัตรูอย่างเด็ดขาดในทุกเวลาและทุกสถานที่

    “และชัยชนะนั้นมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น”
    สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC) ตกลงที่จะหยุดยิงกับอิสราเอล แต่ก็พร้อมจะตอบโต้กลับอยา่างรุนแรงต่อการรุกรานใดๆที่จะมีขึ้นในอนาคต: แถลงการณ์ฉบับเต็มจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC - Iran’s Supreme National Security Council): ถึงชาวอิหร่านที่รักและอดทน ภายหลังการรุกรานของพวกไซออนิสต์ที่ขี้ขลาด ความกล้าหาญและการเสียสละของบุตรชายของคุณในกองกำลังติดอาวุธแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การชี้นำของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจการขู่เข็ญและการตอบโต้ที่เด็ดขาดของประเทศ พวกเขาขยายขอบเขตของการตอบโต้และโจมตีศัตรูด้วยความเจ็บปวด การตอบสนองนี้แสดงให้เห็นว่าฐานทัพของอเมริกาและไซออนิสต์ ตั้งแต่เอเชียตะวันตกไปจนถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง ล้วนเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย การเฝ้าระวัง การใช้โอกาสอย่างมีกลยุทธ์ การต่อต้านอย่างมั่นคง และความสามัคคีของชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ขัดขวางแผนหลักของศัตรู เปลี่ยนภัยคุกคามให้กลายเป็นโอกาส และปูทางให้กับความอดทนของทหารอิสลาม นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของนักสู้ที่ทุ่มเท ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแกร่งนี้ปรากฏชัดตลอด 12 วันของการต่อต้านอย่างนองเลือด และเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบโต้การรุกรานใดๆ อย่างเหมาะสมและเข้มแข็ง ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตลอดเส้นทางนี้ พร้อมกับการประพฤติตนที่สมดุล ความเข้าใจอันลึกซึ้ง กลยุทธ์ที่รอบคอบ และความอดทนของนักรบและครอบครัวของผู้พลีชีพและผู้บาดเจ็บ คือชัยชนะเหนือศัตรู การทำลายภาพลักษณ์ของศัตรู การปฏิเสธการยอมแพ้ และการเปิดเส้นทางไปข้างหน้าที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ดังนั้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจึงประกาศอย่างมีสติและมั่นใจว่า กองกำลังของเราซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนั้นเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะตอบโต้การกระทำการรุกรานหรือการคุกคามใดๆ ของศัตรูอย่างเด็ดขาดในทุกเวลาและทุกสถานที่ “และชัยชนะนั้นมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อพ่อท่านนวล วัดประดิษฐาราม จ.นครศรีธรรมราช
    รูปหล่อพ่อท่านนวล ครบ ๗ รอบ ๘๔ วัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) อำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย โชคลาภ เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >>

    ** “พ่อท่านนวล ปริสุทโธ” เป็นพระสุปฏิปันโนนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน ที่เพียบพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม และเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ที่ยึดหลักพระธรรมวินัยตามคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่าง เคร่งครัด ปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่เลื่องลือและเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสในหมู่ชาวบ้านญาติโยมแดน ปักษ์ใต้เป็นอันมาก ท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์และเจ้าพิธีระดับแถวหน้า ที่ได้รับการยอมรับและคร่ำหวอดอยู่กับพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพอีกด้วย ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงาม ท่านค่อนข้างเงียบ พูดน้อย แต่ใจดีมีเมตตามาก คำพูดของท่านล้วนเป็นจริงตามที่ท่านพูดเสมอ จนทำให้ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาท่าน ไม่กล้าทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง และได้ขนานนามท่านว่า “พ่อท่านนวลวาจาสิทธิ์” ในแต่ละวันจะมีผู้คนที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสได้เดินทางมากราบไหว้ ขอพรจากท่านไม่ไม่ขาดระยะ นอกจากนี้ท่านยังได้รับกิจนิมนต์ไปประกอบศาสนพิธีในต่างจังหวัดอยู่เสมอ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างประเทศ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อพ่อท่านนวล วัดประดิษฐาราม จ.นครศรีธรรมราช รูปหล่อพ่อท่านนวล ครบ ๗ รอบ ๘๔ วัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) อำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !! ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาด" คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย โชคลาภ เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >> ** “พ่อท่านนวล ปริสุทโธ” เป็นพระสุปฏิปันโนนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน ที่เพียบพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม และเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ที่ยึดหลักพระธรรมวินัยตามคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่าง เคร่งครัด ปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่เลื่องลือและเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสในหมู่ชาวบ้านญาติโยมแดน ปักษ์ใต้เป็นอันมาก ท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์และเจ้าพิธีระดับแถวหน้า ที่ได้รับการยอมรับและคร่ำหวอดอยู่กับพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพอีกด้วย ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงาม ท่านค่อนข้างเงียบ พูดน้อย แต่ใจดีมีเมตตามาก คำพูดของท่านล้วนเป็นจริงตามที่ท่านพูดเสมอ จนทำให้ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาท่าน ไม่กล้าทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง และได้ขนานนามท่านว่า “พ่อท่านนวลวาจาสิทธิ์” ในแต่ละวันจะมีผู้คนที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสได้เดินทางมากราบไหว้ ขอพรจากท่านไม่ไม่ขาดระยะ นอกจากนี้ท่านยังได้รับกิจนิมนต์ไปประกอบศาสนพิธีในต่างจังหวัดอยู่เสมอ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างประเทศ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts