• 'อ.ไชยันต์' รู้ทัน 'พรรคส้ม' หนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ เพื่อบีบให้นายกฯพท.ยุบสภาก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/20011/
    .
    #ไชยันต์ไชยพร #การเมืองไทย #อนุทิน #พรรคประชาชน #ยุบสภา #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #ระบบรัฐสภา #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #รัฐศาสตร์
    'อ.ไชยันต์' รู้ทัน 'พรรคส้ม' หนุน 'อนุทิน' นั่งนายกฯ เพื่อบีบให้นายกฯพท.ยุบสภาก่อน https://www.thai-tai.tv/news/20011/ . #ไชยันต์ไชยพร #การเมืองไทย #อนุทิน #พรรคประชาชน #ยุบสภา #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #ระบบรัฐสภา #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #รัฐศาสตร์
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะ "เท้งเต้ง พรรคส้ม" ยื่นซักฟอกนายกฯ เลย เปิดประชุมสภาฯ 3 ก.ค.นี้ ไม่งั้นเท่ากับยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร และถูกมองแอบเป็นพันธมิตรลับๆ กับตระกูลชินวัตร ชี้ถ้าทำตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก คะแนนนิยมมาแน่ อย่าเล่นการเมืองแบบคนรุ่นก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061135

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ แนะ "เท้งเต้ง พรรคส้ม" ยื่นซักฟอกนายกฯ เลย เปิดประชุมสภาฯ 3 ก.ค.นี้ ไม่งั้นเท่ากับยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร และถูกมองแอบเป็นพันธมิตรลับๆ กับตระกูลชินวัตร ชี้ถ้าทำตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก คะแนนนิยมมาแน่ อย่าเล่นการเมืองแบบคนรุ่นก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061135 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    9
    1 Comments 0 Shares 523 Views 0 Reviews
  • ..อนาคตต้องมีหรือต้องหาหรือต้องสร้างเครื่องมือภาคประชาชนในการหาวิธีการจัดการไล่นายกฯไล่รัฐมนตรีหรือไล่คนข้าราชการทางการเมืองออกให้ได้และไล่คนระบบข้าราชการสายปกครองธุรการออกได้อีกด้วยโดยไม่ต้องลงถนนชุมนุมประท้วงหรือไปหน้าสถานที่ทำงานเขาหรือที่ใดๆ อาจชุมนุนเล็กหรือใหญ่เพื่อแจ้งข่าวกันปลุกตื่นรู้กันแจ้งเตือนภัยกันให้มาฟังมารู้มาร่วมขจัดคนไม่ดีร่วมกันก็ว่า,เรา..ประชาชน..ต้องมีวิธีการจัดการใหม่จริงๆ เช่นจะไล่นายกฯอบต.ออกเพราะแดกเหลือเกินประชาชนสามารถลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่ออกได้เลย,กดปุ่มถอดถอนออกหรือกดปุ่มให้อยู่ต่อสามารถกดปุ่มได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถยืนยันตัวตนที่ไหนก็ได้เรียลไทม์หรือยืนยันผ่านมือถือตนสแกนลายนิ้วมือใบหน้าหรือdnaควอนตัมก็ว่าไป,หรือจะทจะไปที่ที่ทำการผู้ใหญ่ในชุมชนตนหรือที่ว่าการอำเภอจังหวัดได้หมด,หรือกรณีเผ็ดร้อนดุเดือดสำคัญเรื่องทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา,อังเคิลฮุนเซนต้องการอะไรเดียวจัดให้เป็นต้นไล่นายกฯก็ว่าหรือไล่ครม.ทั้งคณะหรือตัวบุคคลหรือสส.ทั้งตัวบุคคลและทั้งสภา สามารถทำได้หมด,หรือข้าราชการคนใดในระบบหรือทั้งองค์กรจะยุบหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมไหนก็ได้อีก,ไล่คณะกกต.ออกก็ได้อีกหรือใดภายในระบบปกครองที่เราประชาชนถูกกระทำหรือมาใช้บังคับเรา เราสามารถทุบมตินั้นได้มิใช่ตั้งท่ายอมจำนงยอมรับในกฎกติกาผีบ้าต่างๆสถานเดียวตลอดเวลาหรือเรา..ประชาชนต้องถูกกระทำจากคนหมู่น้อยที่มีสิทธิเฉพาะตัว1สิทธิ1เสียง1ปาก2มือตีนแบบเราๆประชาชนเหมือนๆกันแค่ได้สวมหัวโขนแทนเราแค่นั้นแต่ออกกฎกติกาไปทั่วในการกดขี่บังคับเรา..ประชาชนทั้งประเทศมันผิดปกติธรรมชาติมาก,
    .. เรา..ประชาชน..อาจชุมนุมแบบที่อนุสาวรีย์ชัยฯเป็นสัญลักษณ์บอกผ่านสื่อทั่วประเทศแล้ววันต่อมาเราค่อยรวมใจทุกๆคนไทยลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่นายกฯอย่างเป็นทางการทันทีอีกครั้งก็ว่า,ซึ่งเรา..คนไทยสามารถสร้างแอปนี้แพลตฟอร์มนี้เป็นฮับกลางระดับประเทศเพื่อใช้ประเมินความต้องการของคนไทยทั้งประเทศทางตรงหรือบอกผ่านอำนาจทางตรงแก่คนใช้อำนาจทางอ้อมเราไปทางที่ผิดได้และสามารถลงโทษคัดออกได้ทันทีเช่นกัน,ด้วยความสามารถคนไทยเราสร้างระบบกลางนี้ได้สบายและจัดตั้งเป็นกระทรวงพิเศษภาคประชาชนกำกับดูแลได้ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐหรืออำนาจทางนักการเมืองและอำนาจระบบราชการไทย,หรือทหารตำรวจภาคประชาชนนั้นเองไปในตัว,ประชาชนสามารถประสานงานแจ้งร้องทุกข์ได้ทุกๆกรณีที่ฝ่ายปกครองรังแกประชาชนตนในกฎหมายกติกาที่ออกมาขัดต่อวิถีสัมมาชีวิตของคนทั้งชาติ,ต้องมีองค์กรภาคประชาชนจริงเพื่อคานอำนาจพวกผีบ้านี้ทางการเมืองทางระบบราชการไทยคนข้าราชการไทยเราเองที่ใช้อำนาจทางอ้อมแทนเราเลอะเทอะ ผิดแต่ไม่ยอมสำนึกว่าผิด ลุแก่อำนาจรังแกประชาชนผ่านกฎกติกาที่ตนถือครองควบคุมใช้บังคับแก่ประชาชน เรา..ประชาชนจึงต้องมีภาคประชาชนลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอย่างจริงจัง. ,สร้างเว็บสร้างแอปสร้างแพลตฟอร์มภาคประชาชนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองเรา..ประชาชนเองอีกชั้น,เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีอะไรเลย เครื่องใดๆจะจัดการพวกนี้ที่หลอกลวงเวลาเราไปตลอดอายุการเป็นรัฐบาลมัน จบหลังกาหลังหย่อนบัตรแบบในอดีตๆที่ผ่านมานั้นต้องจบสิ้นเสียที,เรา..ต้องสามารถติดตามหน้างานเนื้องานประเมินผลงานพวกอ้างอำนาจเรา..ประชาชนไปใช้ในทางที่สมควรดีงามถูกต้องได้,ไม่ดีร่วมกันลงโทษได้,ดีร่วมกันเชิดชูเกียรติได้,นี้ห่าอะไรต้องเหนื่อยมาลงถนนขับไล่พวกมันทุกๆครั้งยิ่งพวกข้าราชการยิ่งแย่จัดการมันลำบากอีกในแต่ละตัวลงรายละเอียดแต่ละตัวที่ชั่วเลว,แถมอาจมาคุกคามเล่นงานประชาชนถึงหน้าบ้านเราแทนอีกเพราะตำแหน่งอำนาจมันค้ำหัวโดยหน้าที่มัน,ประชาชนจึงซวยตลอดถูกความอยุติธรรมรังแกตลอดโดยไร้เครื่องมือจัดการโต้กลับใดๆเลย,ทาสเบี้ยไพร่คือประชาชนมันว่า.,เรา..ประชาชนมีจึงเกิดชาติ ชาติคือประชาชน จึงเกิดตำแหน่งหน้าที่การงานแก่พวกมัน,ไม่มีประชาชนก็ถูกยึดครองจากคนต่างชาติแน่นอนเพราะทหารตำรวจก็มาจากประชาชนตนภายในประเทศ,แม้ไม่มีทหารตำรวจประชาชนนี้ก็คือนักรบดีๆนี้เองในการต่อสู้บนสนามสงครามนั้นๆเพื่อรักษาชาติตนประเทศตนไว้,แต่ระบบปกครองข้าราชการไทยเราขาดสำนึกตรงนี้ตลอดนักการเมืองเป็นอันมากไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง มุ่งความสงบสุขผาสุกอยู่ดีมีสุขร่ำรวยให้เกิดขึ้นจริงต่อคนไทยเราทุกๆคน จึงเป็นไปทางคตโกงทุจริตโกงกินเป็นอันมาก,บ่อน้ำมันหากทำเองตามกำลังสามารถตนก็พัฒนาต่อยอดจนดีเลิศได้ถึงปัจจุบัน,แต่ก็ขายก็ยกความร่ำรวยนั้นให้ต่างชาติต่างประเทศไปเสียทุจริตไม่ซื่อตรงไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ละเมิดไม่หวงแหนเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทยตนภายในชาติไทยตนเองตลอดคือยุทธปัจจัยสำคัญทางสงครามที่สนามรบต้องใช้น้ำมันขับเคลื่อนเครื่องจักรกลทั้งหมดโดยพื้นฐานพื้นๆนี้คือความมั่นคงทางพลังงานและมั่นคงทางอธิปไตยชาติเชื่อมโยงกันชัดเจนตลอดมั่นคงทางค้าขายทำตังทำเงินทางสัมมาอาชีพคนไทยทั้งประเทศลดต้นทุนรากฐานพื้นฐานชัดเจนแต่ระบบราชการไทยเรา สถาบันภาคนักการเมืองกลับกบฎทรยศเนรคุณต่อภาคประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,นี้เพียงทรัพยากรบ่อน้ำมันปิโตรเลียมนะที่วิถีปกครองเราปกครองได้กากกระจอกและล้มเหลวมาก ไม่กระตือรือร้นแก้ไขปรับปรุงจริงจังห่าเหวอะไรด้วย,บัตรคนจนเพิ่มเป็นอัตราเร่งคือความชัดเจน,วิกฤตเศรษฐกิจเราในไทยแก้ไขง่ายมากคือยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อทองคำมาทันทีทั่วประเทศทั้งหมดที่ถูกปล้นชิงไปและสามารถโมฆะธุรกรรมสัญญาทั้งหมดได้ทันทีในระบบประชาธิปไตยเราเพราะเหี้ยไม่ผ่านสภา.สส.ในระบบประชาธิปไตยไทยเราเลย,หากอ้างว่าผ่านระบบราชการไทยนั้นผิดแน่นอนเช่นนั้นจะมีระบบรัฐสภาไว้ทำไม,ทหารยึดอำนาจแจกจ่ายใดๆได้หมดสิ,ระบบราชการไทยพังพินาศทันทีพร้อมทุกๆข้อกฎหมายเพราะการปฏิวัติยึดอำนาจมันชัดเจนในตัวมันแล้ว,เขียนอำนาจใหม่เขียนกฎกติกาใหม่นั้นเอง,เรา..ประชาชนจริงๆสามารถทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้เช่นกันไม่มีกฎกติกาใดห้าม,หากทหารห้ามตำรวจห้ามประชาชนทำไมเราต้องมีทหารมีตำรวจอีกต่อไปเพราะเรา..ประชาชนต้องการของเราคนไทยคืนเท่านั้นเพื่อขจัดความยากจนทุกข์ยากที่พวกมันปล้นชิงไปเสียนานจากมือพวกเรา..ประชาชนไป.
    ..ยุคนี้ เรา..ประชาชนต้องจบพวกมันเองทั้งหมดจริงๆ.อะไรที่อยู่บนแผ่นดินไทยอยู่ใต้ดินแผ่นดินไทยอยู่ในเขตอาณาจักรแผ่นดินไทยต้องคืนสู่สามัญกลับมาเป็นของคนไทยเราใหม่ทั้งหมด.,ชาติไทยจะเริ่มปฐมบทสร้างชาติใหม่ของจริงในยุคเรา..ประชาชนนี้,ปล้นชิงจนเรายากจนเสียนานร่ำรวยในโคตรเหง้าบรมโคตรผูกขาดไม่กี่ชาติเชื้อวงศ์ตระกูลมันไม่กี่ตระกูล,ยุคคนไทยยากจนแบบที่ผ่านๆมาต้องจบสิ้นซากเสียที.,ต้องเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จริงทั้งทางวัตถุคือยกจิตยกใจยกศีลธรรมจักรวาลด้วยซึ่งเราคนไทยพื้นฐานดีปูทางชอบธรรมมาถูกทางแล้วแต่คนไม่ดีกำลังหมายทำลายนั่นเอง.เรา..ประชาชนสามารถขับเคลื่อนวิถีปกครองเราในทางดีงามสร้างสรรค์ต่อยอดได้พร้อมกับภาคทหารตำรวจที่ดีของคนไทยเราได้อย่างสบายใจ,สิ้นชาติคือสิ้นเรา..ประชาชนคนไทยไปด้วยอย่าฝันว่าจะมีทหารมีตำรวจมีราชการคนไทยอีกต่อไป,จะถูกแทนที่ด้วยคนต่างชาติต่างเผ่าต่างประเทศแน่นอนบนดินแดนที่เคยมีคนไทยปกครองและอยู่อาศัยร่วมกันมาก่อน,จงสำเนียกแก่ใจเราเถิด.
    ..
    ..https://youtu.be/eCu3eYx_GWg?si=GJiiEc23KR7aJemB
    ..อนาคตต้องมีหรือต้องหาหรือต้องสร้างเครื่องมือภาคประชาชนในการหาวิธีการจัดการไล่นายกฯไล่รัฐมนตรีหรือไล่คนข้าราชการทางการเมืองออกให้ได้และไล่คนระบบข้าราชการสายปกครองธุรการออกได้อีกด้วยโดยไม่ต้องลงถนนชุมนุมประท้วงหรือไปหน้าสถานที่ทำงานเขาหรือที่ใดๆ อาจชุมนุนเล็กหรือใหญ่เพื่อแจ้งข่าวกันปลุกตื่นรู้กันแจ้งเตือนภัยกันให้มาฟังมารู้มาร่วมขจัดคนไม่ดีร่วมกันก็ว่า,เรา..ประชาชน..ต้องมีวิธีการจัดการใหม่จริงๆ เช่นจะไล่นายกฯอบต.ออกเพราะแดกเหลือเกินประชาชนสามารถลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่ออกได้เลย,กดปุ่มถอดถอนออกหรือกดปุ่มให้อยู่ต่อสามารถกดปุ่มได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถยืนยันตัวตนที่ไหนก็ได้เรียลไทม์หรือยืนยันผ่านมือถือตนสแกนลายนิ้วมือใบหน้าหรือdnaควอนตัมก็ว่าไป,หรือจะทจะไปที่ที่ทำการผู้ใหญ่ในชุมชนตนหรือที่ว่าการอำเภอจังหวัดได้หมด,หรือกรณีเผ็ดร้อนดุเดือดสำคัญเรื่องทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา,อังเคิลฮุนเซนต้องการอะไรเดียวจัดให้เป็นต้นไล่นายกฯก็ว่าหรือไล่ครม.ทั้งคณะหรือตัวบุคคลหรือสส.ทั้งตัวบุคคลและทั้งสภา สามารถทำได้หมด,หรือข้าราชการคนใดในระบบหรือทั้งองค์กรจะยุบหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมไหนก็ได้อีก,ไล่คณะกกต.ออกก็ได้อีกหรือใดภายในระบบปกครองที่เราประชาชนถูกกระทำหรือมาใช้บังคับเรา เราสามารถทุบมตินั้นได้มิใช่ตั้งท่ายอมจำนงยอมรับในกฎกติกาผีบ้าต่างๆสถานเดียวตลอดเวลาหรือเรา..ประชาชนต้องถูกกระทำจากคนหมู่น้อยที่มีสิทธิเฉพาะตัว1สิทธิ1เสียง1ปาก2มือตีนแบบเราๆประชาชนเหมือนๆกันแค่ได้สวมหัวโขนแทนเราแค่นั้นแต่ออกกฎกติกาไปทั่วในการกดขี่บังคับเรา..ประชาชนทั้งประเทศมันผิดปกติธรรมชาติมาก, .. เรา..ประชาชน..อาจชุมนุมแบบที่อนุสาวรีย์ชัยฯเป็นสัญลักษณ์บอกผ่านสื่อทั่วประเทศแล้ววันต่อมาเราค่อยรวมใจทุกๆคนไทยลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่นายกฯอย่างเป็นทางการทันทีอีกครั้งก็ว่า,ซึ่งเรา..คนไทยสามารถสร้างแอปนี้แพลตฟอร์มนี้เป็นฮับกลางระดับประเทศเพื่อใช้ประเมินความต้องการของคนไทยทั้งประเทศทางตรงหรือบอกผ่านอำนาจทางตรงแก่คนใช้อำนาจทางอ้อมเราไปทางที่ผิดได้และสามารถลงโทษคัดออกได้ทันทีเช่นกัน,ด้วยความสามารถคนไทยเราสร้างระบบกลางนี้ได้สบายและจัดตั้งเป็นกระทรวงพิเศษภาคประชาชนกำกับดูแลได้ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐหรืออำนาจทางนักการเมืองและอำนาจระบบราชการไทย,หรือทหารตำรวจภาคประชาชนนั้นเองไปในตัว,ประชาชนสามารถประสานงานแจ้งร้องทุกข์ได้ทุกๆกรณีที่ฝ่ายปกครองรังแกประชาชนตนในกฎหมายกติกาที่ออกมาขัดต่อวิถีสัมมาชีวิตของคนทั้งชาติ,ต้องมีองค์กรภาคประชาชนจริงเพื่อคานอำนาจพวกผีบ้านี้ทางการเมืองทางระบบราชการไทยคนข้าราชการไทยเราเองที่ใช้อำนาจทางอ้อมแทนเราเลอะเทอะ ผิดแต่ไม่ยอมสำนึกว่าผิด ลุแก่อำนาจรังแกประชาชนผ่านกฎกติกาที่ตนถือครองควบคุมใช้บังคับแก่ประชาชน เรา..ประชาชนจึงต้องมีภาคประชาชนลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอย่างจริงจัง. ,สร้างเว็บสร้างแอปสร้างแพลตฟอร์มภาคประชาชนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองเรา..ประชาชนเองอีกชั้น,เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีอะไรเลย เครื่องใดๆจะจัดการพวกนี้ที่หลอกลวงเวลาเราไปตลอดอายุการเป็นรัฐบาลมัน จบหลังกาหลังหย่อนบัตรแบบในอดีตๆที่ผ่านมานั้นต้องจบสิ้นเสียที,เรา..ต้องสามารถติดตามหน้างานเนื้องานประเมินผลงานพวกอ้างอำนาจเรา..ประชาชนไปใช้ในทางที่สมควรดีงามถูกต้องได้,ไม่ดีร่วมกันลงโทษได้,ดีร่วมกันเชิดชูเกียรติได้,นี้ห่าอะไรต้องเหนื่อยมาลงถนนขับไล่พวกมันทุกๆครั้งยิ่งพวกข้าราชการยิ่งแย่จัดการมันลำบากอีกในแต่ละตัวลงรายละเอียดแต่ละตัวที่ชั่วเลว,แถมอาจมาคุกคามเล่นงานประชาชนถึงหน้าบ้านเราแทนอีกเพราะตำแหน่งอำนาจมันค้ำหัวโดยหน้าที่มัน,ประชาชนจึงซวยตลอดถูกความอยุติธรรมรังแกตลอดโดยไร้เครื่องมือจัดการโต้กลับใดๆเลย,ทาสเบี้ยไพร่คือประชาชนมันว่า.,เรา..ประชาชนมีจึงเกิดชาติ ชาติคือประชาชน จึงเกิดตำแหน่งหน้าที่การงานแก่พวกมัน,ไม่มีประชาชนก็ถูกยึดครองจากคนต่างชาติแน่นอนเพราะทหารตำรวจก็มาจากประชาชนตนภายในประเทศ,แม้ไม่มีทหารตำรวจประชาชนนี้ก็คือนักรบดีๆนี้เองในการต่อสู้บนสนามสงครามนั้นๆเพื่อรักษาชาติตนประเทศตนไว้,แต่ระบบปกครองข้าราชการไทยเราขาดสำนึกตรงนี้ตลอดนักการเมืองเป็นอันมากไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง มุ่งความสงบสุขผาสุกอยู่ดีมีสุขร่ำรวยให้เกิดขึ้นจริงต่อคนไทยเราทุกๆคน จึงเป็นไปทางคตโกงทุจริตโกงกินเป็นอันมาก,บ่อน้ำมันหากทำเองตามกำลังสามารถตนก็พัฒนาต่อยอดจนดีเลิศได้ถึงปัจจุบัน,แต่ก็ขายก็ยกความร่ำรวยนั้นให้ต่างชาติต่างประเทศไปเสียทุจริตไม่ซื่อตรงไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ละเมิดไม่หวงแหนเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทยตนภายในชาติไทยตนเองตลอดคือยุทธปัจจัยสำคัญทางสงครามที่สนามรบต้องใช้น้ำมันขับเคลื่อนเครื่องจักรกลทั้งหมดโดยพื้นฐานพื้นๆนี้คือความมั่นคงทางพลังงานและมั่นคงทางอธิปไตยชาติเชื่อมโยงกันชัดเจนตลอดมั่นคงทางค้าขายทำตังทำเงินทางสัมมาอาชีพคนไทยทั้งประเทศลดต้นทุนรากฐานพื้นฐานชัดเจนแต่ระบบราชการไทยเรา สถาบันภาคนักการเมืองกลับกบฎทรยศเนรคุณต่อภาคประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,นี้เพียงทรัพยากรบ่อน้ำมันปิโตรเลียมนะที่วิถีปกครองเราปกครองได้กากกระจอกและล้มเหลวมาก ไม่กระตือรือร้นแก้ไขปรับปรุงจริงจังห่าเหวอะไรด้วย,บัตรคนจนเพิ่มเป็นอัตราเร่งคือความชัดเจน,วิกฤตเศรษฐกิจเราในไทยแก้ไขง่ายมากคือยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อทองคำมาทันทีทั่วประเทศทั้งหมดที่ถูกปล้นชิงไปและสามารถโมฆะธุรกรรมสัญญาทั้งหมดได้ทันทีในระบบประชาธิปไตยเราเพราะเหี้ยไม่ผ่านสภา.สส.ในระบบประชาธิปไตยไทยเราเลย,หากอ้างว่าผ่านระบบราชการไทยนั้นผิดแน่นอนเช่นนั้นจะมีระบบรัฐสภาไว้ทำไม,ทหารยึดอำนาจแจกจ่ายใดๆได้หมดสิ,ระบบราชการไทยพังพินาศทันทีพร้อมทุกๆข้อกฎหมายเพราะการปฏิวัติยึดอำนาจมันชัดเจนในตัวมันแล้ว,เขียนอำนาจใหม่เขียนกฎกติกาใหม่นั้นเอง,เรา..ประชาชนจริงๆสามารถทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้เช่นกันไม่มีกฎกติกาใดห้าม,หากทหารห้ามตำรวจห้ามประชาชนทำไมเราต้องมีทหารมีตำรวจอีกต่อไปเพราะเรา..ประชาชนต้องการของเราคนไทยคืนเท่านั้นเพื่อขจัดความยากจนทุกข์ยากที่พวกมันปล้นชิงไปเสียนานจากมือพวกเรา..ประชาชนไป. ..ยุคนี้ เรา..ประชาชนต้องจบพวกมันเองทั้งหมดจริงๆ.อะไรที่อยู่บนแผ่นดินไทยอยู่ใต้ดินแผ่นดินไทยอยู่ในเขตอาณาจักรแผ่นดินไทยต้องคืนสู่สามัญกลับมาเป็นของคนไทยเราใหม่ทั้งหมด.,ชาติไทยจะเริ่มปฐมบทสร้างชาติใหม่ของจริงในยุคเรา..ประชาชนนี้,ปล้นชิงจนเรายากจนเสียนานร่ำรวยในโคตรเหง้าบรมโคตรผูกขาดไม่กี่ชาติเชื้อวงศ์ตระกูลมันไม่กี่ตระกูล,ยุคคนไทยยากจนแบบที่ผ่านๆมาต้องจบสิ้นซากเสียที.,ต้องเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จริงทั้งทางวัตถุคือยกจิตยกใจยกศีลธรรมจักรวาลด้วยซึ่งเราคนไทยพื้นฐานดีปูทางชอบธรรมมาถูกทางแล้วแต่คนไม่ดีกำลังหมายทำลายนั่นเอง.เรา..ประชาชนสามารถขับเคลื่อนวิถีปกครองเราในทางดีงามสร้างสรรค์ต่อยอดได้พร้อมกับภาคทหารตำรวจที่ดีของคนไทยเราได้อย่างสบายใจ,สิ้นชาติคือสิ้นเรา..ประชาชนคนไทยไปด้วยอย่าฝันว่าจะมีทหารมีตำรวจมีราชการคนไทยอีกต่อไป,จะถูกแทนที่ด้วยคนต่างชาติต่างเผ่าต่างประเทศแน่นอนบนดินแดนที่เคยมีคนไทยปกครองและอยู่อาศัยร่วมกันมาก่อน,จงสำเนียกแก่ใจเราเถิด. .. ..https://youtu.be/eCu3eYx_GWg?si=GJiiEc23KR7aJemB
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • 158 ปี ยุคเมจิญี่ปุ่น เมื่อมกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ ขึ้นครองราชย์ ปฏิรูปประเทศเพียง 2 ทศวรรษ จากด้อยพัฒนา สู่ประเทศอุตสาหกรรม

    ย้อนกลับไปเมื่อ 158 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2410 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อ "มกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ" ขึ้นครองราชบัลลังก์ กลายเป็น "จักรพรรดิเมจิ" (Meiji Emperor) และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ยิ่งใหญ่

    ในระยะเวลาเพียง 20 ปี ญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลง จากรัฐศักดินาที่ล้าหลัง ไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย ได้อย่างน่าทึ่ง!

    จากมกุฎราชกุมาร สู่ผู้นำจักรวรรดิญี่ปุ่น
    "มุตสึฮิโตะ" หรือที่รู้จักกันในพระนาม "จักรพรรดิเมจิ" (明治天皇, Meiji Tennō) เป็นจักรพรรดิ องค์ที่ 122 ของญี่ปุ่น ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 - 2455 (ค.ศ. 1867 - 1912) ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน ที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

    ก่อนขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นยังคงเป็นรัฐศักดินา ภายใต้การปกครอง ของโชกุนโทกูงาวะ (Tokugawa Shogunate) ซึ่งดำเนินนโยบาย "ซะโกกุ" (鎖国, Sakoku) หรือการปิดประเทศมากว่า 250 ปี ทำให้ญี่ปุ่นล้าหลัง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี

    แต่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ การปฏิรูปครั้งใหญ่ ได้เริ่มต้นขึ้น

    การล่มสลายของโชกุน และระบบซามูไร
    หลังจากที่จักรพรรดิเมจิ ขึ้นครองราชย์ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ถูกโค่นล้มในปี พ.ศ. 2411 โดยกองกำลัง ของกลุ่มแคว้นศักดินา ซัตสึมะ (Satsuma) และโชชู (Chōshū) ในสงครามโบชิน (Boshin War)

    การสิ้นสุดของโชกุน ส่งผลให้ระบบซามูไร ถูกยกเลิก ประชาชนทุกคน ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นสูง ที่ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือกว่าคนทั่วไปอีกต่อไป

    ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต สู่โตเกียว
    จักรพรรดิเมจิ ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต มายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "โตเกียว" (Tokyo, 東京) กลายเป็นศูนย์กลาง อำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

    ปฏิรูปประเทศปูทางสู่มหาอำนาจโลก
    ปฏิรูประบบการเมือง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่รัฐธรรมนูญ
    รัฐบาลเมจิประกาศใช้ "รัฐธรรมนูญเมจิ" (Meiji Constitution) ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก รัฐธรรมนูญของเยอรมนี ทำให้ญี่ปุ่นมีระบบรัฐสภา (Diet, 国会) ที่ประกอบด้วย
    สภาขุนนาง (House of Peers)
    สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives)

    แต่ถึงแม้จะมีระบบรัฐสภา อำนาจสูงสุด ยังคงอยู่ที่จักรพรรดิ และขุนนางชั้นสูง ซึ่งแตกต่างจากประชาธิปไตยตะวันตก

    ปฏิรูปเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม
    ก่อนการปฏิรูป ญี่ปุ่นพึ่งพาเกษตรกรรม และมีระบบศักดินา ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่หลังจากการปฏิรูป ประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเอเชีย

    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
    ยกเลิกระบบศักดินา นำที่ดินคืนจากไดเมียว (ขุนนางศักดินา) และจัดสรรให้เกษตรกร
    ก่อตั้งระบบธนาคารและเงินตรา ใช้เงินเยน (¥) เป็นสกุลเงินหลัก
    สร้างทางรถไฟ และระบบคมนาคม ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น
    ลงทุนในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า สิ่งทอ และเรือเดินสมุทร

    ปฏิรูประบบการศึกษา สร้างชาติด้วยความรู้
    ในปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) รัฐบาลเมจิออกกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับ ให้เด็กทุกคน ต้องเรียนหนังสือ

    หลักสูตรการศึกษา
    วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแบบตะวันตก
    ลัทธิขงจื๊อ และความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ
    ส่งนักเรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ

    ผลลัพธ์คือ ญี่ปุ่นมีประชากร ที่มีการศึกษาสูงสุดในเอเชีย ภายในเวลาไม่กี่สิบปี

    สงครามและชัยชนะ ที่เปลี่ยนชะตาญี่ปุ่น
    สงครามจีน-ญี่ปุ่น (Sino-Japanese War, 1894-1895)
    ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะจีน และยึดครองไต้หวัน

    สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War, 1904-1905)
    ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเอเชียชาติแรก ที่สามารถเอาชนะ มหาอำนาจยุโรปได้!

    20 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลง สู่มหาอำนาจโลก
    จากรัฐศักดินา สู่รัฐอุตสาหกรรม
    จากระบบซามูไร สู่ระบบทหารสมัยใหม่
    จากประเทศปิดตัวเอง สู่ประเทศมหาอำนาจระดับโลก

    ยุคเมจิพิสูจน์ให้เห็นว่า "การเปลี่ยนแปลง" คือกุญแจสู่ความก้าวหน้า!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031455 ก.พ. 2568

    #MeijiEra #JapanHistory #จักรพรรดิเมจิ #ปฏิรูปญี่ปุ่น #ยุคเมจิ #ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น #MeijiRestoration #JapanEmpire #JapaneseIndustry #ModernizationJapan
    158 ปี ยุคเมจิญี่ปุ่น เมื่อมกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ ขึ้นครองราชย์ ปฏิรูปประเทศเพียง 2 ทศวรรษ จากด้อยพัฒนา สู่ประเทศอุตสาหกรรม 📅 ย้อนกลับไปเมื่อ 158 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2410 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อ "มกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ" ขึ้นครองราชบัลลังก์ กลายเป็น "จักรพรรดิเมจิ" (Meiji Emperor) และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ยิ่งใหญ่ ในระยะเวลาเพียง 20 ปี ญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลง จากรัฐศักดินาที่ล้าหลัง ไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย ได้อย่างน่าทึ่ง! 📈✨ 👑 จากมกุฎราชกุมาร สู่ผู้นำจักรวรรดิญี่ปุ่น 👑 "มุตสึฮิโตะ" หรือที่รู้จักกันในพระนาม "จักรพรรดิเมจิ" (明治天皇, Meiji Tennō) เป็นจักรพรรดิ องค์ที่ 122 ของญี่ปุ่น ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 - 2455 (ค.ศ. 1867 - 1912) ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน ที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ก่อนขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นยังคงเป็นรัฐศักดินา ภายใต้การปกครอง ของโชกุนโทกูงาวะ (Tokugawa Shogunate) ซึ่งดำเนินนโยบาย "ซะโกกุ" (鎖国, Sakoku) หรือการปิดประเทศมากว่า 250 ปี ทำให้ญี่ปุ่นล้าหลัง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี แต่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ การปฏิรูปครั้งใหญ่ ได้เริ่มต้นขึ้น 🏗️⚙️ 🔻 การล่มสลายของโชกุน และระบบซามูไร ⚔️ หลังจากที่จักรพรรดิเมจิ ขึ้นครองราชย์ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ถูกโค่นล้มในปี พ.ศ. 2411 โดยกองกำลัง ของกลุ่มแคว้นศักดินา ซัตสึมะ (Satsuma) และโชชู (Chōshū) ในสงครามโบชิน (Boshin War) การสิ้นสุดของโชกุน ส่งผลให้ระบบซามูไร ถูกยกเลิก ประชาชนทุกคน ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นสูง ที่ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือกว่าคนทั่วไปอีกต่อไป 📍 ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต สู่โตเกียว จักรพรรดิเมจิ ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต มายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "โตเกียว" (Tokyo, 東京) กลายเป็นศูนย์กลาง อำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจของญี่ปุ่น 🏛️ ปฏิรูปประเทศปูทางสู่มหาอำนาจโลก 📜 ปฏิรูประบบการเมือง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่รัฐธรรมนูญ รัฐบาลเมจิประกาศใช้ "รัฐธรรมนูญเมจิ" (Meiji Constitution) ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก รัฐธรรมนูญของเยอรมนี ทำให้ญี่ปุ่นมีระบบรัฐสภา (Diet, 国会) ที่ประกอบด้วย ✅ สภาขุนนาง (House of Peers) ✅ สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) แต่ถึงแม้จะมีระบบรัฐสภา อำนาจสูงสุด ยังคงอยู่ที่จักรพรรดิ และขุนนางชั้นสูง ซึ่งแตกต่างจากประชาธิปไตยตะวันตก 🏭 ปฏิรูปเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ก่อนการปฏิรูป ญี่ปุ่นพึ่งพาเกษตรกรรม และมีระบบศักดินา ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่หลังจากการปฏิรูป ประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเอเชีย 📌 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 🔹 ยกเลิกระบบศักดินา นำที่ดินคืนจากไดเมียว (ขุนนางศักดินา) และจัดสรรให้เกษตรกร 📜 🔹 ก่อตั้งระบบธนาคารและเงินตรา ใช้เงินเยน (¥) เป็นสกุลเงินหลัก 💴 🔹 สร้างทางรถไฟ และระบบคมนาคม ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น 🚄 🔹 ลงทุนในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า สิ่งทอ และเรือเดินสมุทร 🏭 🎓 ปฏิรูประบบการศึกษา สร้างชาติด้วยความรู้ ในปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) รัฐบาลเมจิออกกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับ ให้เด็กทุกคน ต้องเรียนหนังสือ 👨‍🎓📚 หลักสูตรการศึกษา 📌 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแบบตะวันตก 📌 ลัทธิขงจื๊อ และความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ 📌 ส่งนักเรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผลลัพธ์คือ ญี่ปุ่นมีประชากร ที่มีการศึกษาสูงสุดในเอเชีย ภายในเวลาไม่กี่สิบปี ⚔️ สงครามและชัยชนะ ที่เปลี่ยนชะตาญี่ปุ่น ⚔️ สงครามจีน-ญี่ปุ่น (Sino-Japanese War, 1894-1895) ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะจีน และยึดครองไต้หวัน 🇹🇼 ⚔️ สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War, 1904-1905) ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเอเชียชาติแรก ที่สามารถเอาชนะ มหาอำนาจยุโรปได้! 🇯🇵💥 🔚 20 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลง สู่มหาอำนาจโลก ✅ จากรัฐศักดินา สู่รัฐอุตสาหกรรม ✅ จากระบบซามูไร สู่ระบบทหารสมัยใหม่ ✅ จากประเทศปิดตัวเอง สู่ประเทศมหาอำนาจระดับโลก ยุคเมจิพิสูจน์ให้เห็นว่า "การเปลี่ยนแปลง" คือกุญแจสู่ความก้าวหน้า! 🔑🚀 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031455 ก.พ. 2568 🔗 #MeijiEra #JapanHistory #จักรพรรดิเมจิ #ปฏิรูปญี่ปุ่น #ยุคเมจิ #ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น #MeijiRestoration #JapanEmpire #JapaneseIndustry #ModernizationJapan
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1243 Views 0 Reviews
  • 27 กันยายน 2567 -เปลว สีเงิน ผู้เขียนคอลัมน์”คนปลายซอย“ วิพากษ์วิจารณ์ ”พริษฐ วัชรสินธุ“'สส.พรรคประชาชน ที่เสนอ ๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญ เตือนอย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก เนื้อหาในบทความระบุว่า

    "นายพริษฐ์ วัชรสินธุ" ที่แสนจะน่าระอา

    ถ้าเป็นดอกไม้ ก็เป็นดอกไม้พลาสติก มีสี มีฟอร์ม

    แต่...ไม่มีกลิ่น!

    จึงแห้งแล้ง ไม่มีเสน่ห์ ไร้ราคา ค่าแค่มาลัยพลาสติกสวมจอมปลวก ไม่มีวาสนาขึ้นหิ้งบูชาพระ หรืองามสง่าคู่แจกันห้องรับแขก

    หรือถ้าเป็นม้าแข่ง

    ก็เป็น "ม้าพันทาง" วิชาความรู้ปรัชญาการเมืองตามกากตำราฝรั่งเป็น "กะบังตา" สวม

    ก็ไม่เห็นซ้าย-ไม่เห็นขวา เข้าใจว่า โลกนี้ มีแต่ข้างหน้า เป็นทางไปทางเดียวตามตำราบอก ก็วิ่งทื่อตะบึงตรงไป

    หมายถึงว่า อะไรที่ผิดไปจากตำรากูเรียน มันไม่ใช่...มันต้องผิดไปทั้งหมด!

    ดูๆ ไปก็น่าเวทนา...

    ยิ่งเห็นออกมายืนตาแข็งเหมือนตาปลาแช่น้ำยาตามห้องเย็น ท่องตำราประชาธิปไตยว่ากล่าว

    เสนอ "๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญเมื่อวาน (๒๖ ก.ย.๖๗) นี้ด้วยแล้ว

    ต้องร้องว่า...เฮ้อ!

    เป็นอะไรมากมั้ย คุณไอติม ถ้าไม่ไหวกับการแบกตำราละก็ ดื่มนม แล้วกินยานอนพักซะบ้างก็ดีนะ

    คุณตั้งค่ามาตรฐานว่า กฎหมายที่มาจาก สส.-สว. "ระบบรัฐสภา" เท่านั้นที่เป็น "ประชาธิปไตย" ยึดโยงประชาชน

    นอกนั้น ไม่ใช่...ไม่เป็นประชาธิปไตย

    เช่น กฎหมายยุค คสช.หรือยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

    คุณปฏิเสธ "รังเกียจ-ไม่ยอมรับ" ทั้งหมด!

    พร้อม "สวมกะบังตา" ฝรั่ง ชี้เป็นทางที่พรรคส้มจะชักลากไปเมื่อวาน ว่า

    "พรรค ปชน.ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย

    ทั้งที่มา กระบวนการ และเนื้อหา

    ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเดินหน้า ๒ เส้นทางแบบคู่ขนาน นั่นคือ

    -การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด กับอีกเส้นทาง คือ

    -การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน

    พรรค ปชน.จึงนำเสนอแนวคิด, ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยแบ่งชุดประเด็นออกเป็น ๗ แพ็กเกจ

    แพ็กเกจที่ ๑ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร

    แพ็กเกจที่ ๒ “ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ, องค์กรอิสระ

    แพ็กเกจที่ ๓ “เพิ่มกลไกตรวจสอบการทุจริต”

    แพ็กเกจที่ ๔ “คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน”

    แพ็กเกจที่ ๕ “ปฏิรูปกองทัพ”

    แพ็กเกจที่ ๖ “ยกระดับประสิทธิภาพรัฐสภา”

    แพ็กเกจที่ ๗ “ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

    ฮึ่ๆ...

    ฟัง "ประชาธิปไตย" ที่พริษฐ์ยกเทิดทูนเป็นประทีปไร้แสงนำทางมืดบอดแล้ว

    นึกถึง "นิทานธรรม" ของหลวงปู่ชา "พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)" วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี

    ท่านพูดฝรั่งไม่ได้ซักคำ....

    แต่ท่านนำพุทธธรรมไปสอนฝรั่งในยุโรป ในสหรัฐฯ ในเอเชีย จนมีคน "ต่างชาติ-ต่างภาษา" ทั้งฝรั่งและคนเอเชีย ขอบวชเป็นพระ

    มีวัดและสำนักสงฆ์ในสายหลวงปู่ชาเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ แห่ง

    "หลวงปู่ชา" เป็นพระผู้เผยแผ่คำสอนพระพุทธองค์ไปยังตะวันตกเป็นรูปแรกๆ ก็พูดได้เช่นนั้น

    จนทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นในยุโรปชนิด "เคร่งครัด-มั่นคง" ด้านปฏิบัติมุ่งตรง "แก่นพุทธธรรม" ยิ่งกว่าตามวัดในเมืองไทยหลายๆ แห่งด้วยซ้ำ

    เคยมีคนนำเรื่องการเมืองไปถามและแสดงทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตยกับ "หลวงปู่ชา"

    พุทธศาสนา เป็นศาสนาของคนมีปัญญา

    ฉะนั้น "หลวงปู่ชา" ท่านจะไม่สอนคนตรงๆ แต่จะสอนผ่านอุปมา-อุปไมยเป็น "อุบายธรรม" ให้คนฟังใช้ปัญญาแทงทะลุเอาเอง

    อย่างกรณีโยมผู้นี้....

    เข้าไปกราบหลวงปู่แล้วพูดว่า

    "หลวงพ่อครับ ผมว่ามีประชาธิปไตยก็ดีนะครับ ผู้คนจะได้เคารพในการตัดสินใจของคนหมู่มากเป็นหลัก"

    "มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไปหรอกโยม" หลวงปู่ชาท่านว่า โยมก็ย้อนถามว่า "ไม่ถูกต้องยังไงครับ?"

    หลวงปู่ชา ท่านก็กล่าวเป็นอุบายธรรมว่า....

    "ยกตัวอย่างมีแมลงวัน ๒๐ ตัว มีแมลงผึ้ง ๑๐ ตัว แมลงวัน ๒๐ ตัวบอกว่า "อุจจาระหอมหวาน อร่อยดี"

    แต่แมลงผึ้ง ๑๐ ตัว บอกว่า "น้ำผึ้งหอมหวาน อร่อยดี"

    ถ้าพูดตามหลักประชาธิปไตย "แมลงวันชนะ" แมลงผึ้ง เพราะคะแนนเสียง "มากกว่า"

    แมลงผึ้งแพ้ เพราะคะแนนเสียง "น้อยกว่า"

    เราเป็นมนุษย์ ชื่อว่าเป็น "สัตว์ประเสริฐ" มีปัญญามากกว่าสัตว์เหล่านั้น เราควรจะเชื่อใครดี?"

    "นิทานธรรม" เรื่องนี้ มีเผยแพร่ทั่วไป ผู้มีปัญญาก็จะตีความปริศนาธรรมนั้นเข้าใจ ตามที่หลวงปู่ยกเรื่องแมลงวันกับผึ้งเป็นอุปมา-อุปไมย

    หมายถึง "การตัดสินด้วย "หลักประชาธิปไตย" บางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าไม่เอาหลัก "ธรรมาธิปไตย" เข้าไปตัดสิน"

    แล้วพริษฐ์ ....คุณเป็น "ผึ้ง" หรือ "แมลงวัน" ล่ะ?

    ดีกรี "ปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์" เหรียญทอง ออกซฟอร์ด มีปัญญาแยกแยะได้แน่!

    แต่ในการแยกแยะ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจ "สถานะ" ให้ชัด ว่าเราเป็นแมลงวันหรือผึ้ง

    หรือเป็นคนใน "สถานะมนุษย์"?

    เมื่อรู้สถานะ พริษฐ์ ก็คือ "สัตว์ประเสริฐ" ต้องมีปัญญามากกว่าสัตว์แน่นอน

    ฉะนั้น ไหน "ประชาธิปไตย" หรือ "ไม่ประชาธิปไตย" ต้องเข้าใจว่าจะชี้ขาดด้วยมือในระบบรัฐสภา "ประชาธิปไตยเลือกตั้ง" หรือในระบบ "เผด็จการประชาธิปไตย" ตายตัวไม่ได้

    ต้องใช้ "ธรรมาธิปไตย" เป็นเครื่องตัดสินชี้ขาด!

    นี่ไม่ใช่เอะอะ ผมลากเข้าวัดนะ

    ต้องเข้าใจ "ธรรมะ" คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ไม่มีอะไร "เป็นอยู่อย่างนั้นนิรันดร์"

    หรือพูดอีกที "ความหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลง" นั่นแหละนิรันดร์

    ทุกสิ่ง ประกอบด้วยกาล ด้วยเวลา ด้วยสถานะ เมื่อถึงพร้อมแล้ว มันหมุนเวียน-เปลี่ยนผัน จากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง ตามเหตุ-ปัจจัย ที่มันต้องเป็นด้วยตัวของมันเอง

    พริษฐ์ไม่ต้องเป็น "จอห์น ล็อก" บิดาแห่งประชาธิปไตยในศตวรรษที่ ๒๑ หรอก

    เป็นแฟน "ออนล็อกหยุ่น" ดีกว่า....

    ไปนั่งกิน breakfast ที่นั่นบ่อยๆ จะเป็นหนทางสร้างสมประสบการณ์ประชาธิปไตย จาก "หลายชีวิต-หลากรุ่น"

    บางที การได้สัมผัสวิถีประชาธิปไตยไทยแท้ๆ อาจทำให้ "ดอกไม้พลาสติก" มีกลิ่นหอมขึ้นมาก็ได้

    ทฤษฎี-หลักการตามตำรา นำมาชี้ขาด "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดดๆ ไม่ได้หรอก

    มันต้องประกอบด้วย "ประสบการณ์" เพราะสังคมหนึ่งๆ มีทั้งประชาชนผึ้ง ทั้งประชาชนแมลงวัน

    ฉะนั้น บางเรื่องจะใช้ "จำนวนมาก" ถือเป็นประชาธิปไตย

    นั่นมันหลักการ "พลเมืองแมลง"

    มันไม่ถูก-ไม่ชอบธรรมตามหลัก "พลเมืองมนุษย์"

    อย่างจะเขียนกฎหมายให้ง่ายต่อการแยก "ราชอาณาจักร" ไปเป็นสาธารณรัฐ

    เขียนกฎหมาย ไม่เน้น "ศีลธรรม-จริยธรรม" ให้เข้าง่าย กินง่าย-โกงง่าย-อยู่ง่าย

    แค่ "มือมาก" ในระบบสภายกให้ ก็หมายความว่า เหล่านั้น เป็นประชาธิปไตยถูกต้องแล้ว

    ถูกตามประชาธิปไตยแมลงวันละก็ใช่

    แต่มัน "ไม่ถูกต้อง-ไม่ชอบธรรม" ตามประชาธิปไตยมนุษย์ ที่ต้องมี "ธรรม" เป็นแกนในกฎ-กติกาสังคม

    พริษฐ์ ว่า "กฎหมายที่มีขณะนี้ "คสช.เขียน" ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้งทั้งหมด"

    ถ้าอย่างนั้น.....

    ระบอบประชาธิปไตยที่ "คณะราษฎร" สถาปนาเมื่อ ปี ๒๔๗๕ ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้ง เพราะไม่ได้มาตามระบบรัฐสภา

    หากแต่มาจาก "คณะราษฎร" ใช้กำลังไปปล้นพระราชอำนาจจาก "พระมหากษัตริย์" มา

    นั่นเท่ากับคณะราษฎร เป็นเผด็จการ!

    และที่พริษฐ์บอก "รังเกียจ-ปฏิเสธ" ทุกกฎหมาย-ทุกคำสั่งของ คสช.ต้องยกเลิก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน

    งั้น พริษฐ์และพรรคส้ม ต้องพ้นสภาพ สส.ไปวันนี้เลย

    เพราะ พวกคุณทุกคน ถือกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ ที่ให้มีเลือกตั้ง เมื่อรังเกียจ ให้ยกเลิกกฎหมายนั้น

    สส.พวกคุณและพรรคส้ม ก็ไม่มีกฎหมายรองรับ เป็น สส.ไม่ได้แล้ว!

    เห็นมั้ย พริษฐ์..."ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" การพูดเอาเท่ ขาดประสบการณ์โลกจริง แยกเหตุ-แยกผล ไม่ได้ ก็ฉิบหายตัวเอง

    อย่าคิดต่ำกว่าหนอนในถังขี้เลย...พริษฐ์

    หนอน กินขี้เลี้ยงชีวิต มันรู้บุญคุณ มันไม่เคยเนรคุณถังขี้

    แต่พริษฐ์ เป็นมนุษย์ มีสมองคิดด้วยจิตสำนึกเหนือหนอน ฉะนั้น อย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก

    จะปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร มีสงครามค่อยเกณฑ์

    พริษฐ์...หิวข้าวตอนไหน ค่อยไปทำตอนนั้น อย่างนั้นหรือ?

    นี่ถ้าวันนี้ไม่มีทหารละก็นะ

    พริษฐ์และคณะส้มต้องไปโกยเลนให้ชาวบ้านที่แม่สายแทน...เอามั้ย?

    กลับบ้าน อาบน้ำ ประแป้ง แล้วกินนมนอน ซะไป...พริษฐ์?!

    -เปลว สีเงิน

    ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗

    คนปลายซอย

    ที่มา : https://www.thaipost.net/columnist-people/663854/?#m1kerm3y94d8my69xxm

    #Thaitimes
    27 กันยายน 2567 -เปลว สีเงิน ผู้เขียนคอลัมน์”คนปลายซอย“ วิพากษ์วิจารณ์ ”พริษฐ วัชรสินธุ“'สส.พรรคประชาชน ที่เสนอ ๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญ เตือนอย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก เนื้อหาในบทความระบุว่า "นายพริษฐ์ วัชรสินธุ" ที่แสนจะน่าระอา ถ้าเป็นดอกไม้ ก็เป็นดอกไม้พลาสติก มีสี มีฟอร์ม แต่...ไม่มีกลิ่น! จึงแห้งแล้ง ไม่มีเสน่ห์ ไร้ราคา ค่าแค่มาลัยพลาสติกสวมจอมปลวก ไม่มีวาสนาขึ้นหิ้งบูชาพระ หรืองามสง่าคู่แจกันห้องรับแขก หรือถ้าเป็นม้าแข่ง ก็เป็น "ม้าพันทาง" วิชาความรู้ปรัชญาการเมืองตามกากตำราฝรั่งเป็น "กะบังตา" สวม ก็ไม่เห็นซ้าย-ไม่เห็นขวา เข้าใจว่า โลกนี้ มีแต่ข้างหน้า เป็นทางไปทางเดียวตามตำราบอก ก็วิ่งทื่อตะบึงตรงไป หมายถึงว่า อะไรที่ผิดไปจากตำรากูเรียน มันไม่ใช่...มันต้องผิดไปทั้งหมด! ดูๆ ไปก็น่าเวทนา... ยิ่งเห็นออกมายืนตาแข็งเหมือนตาปลาแช่น้ำยาตามห้องเย็น ท่องตำราประชาธิปไตยว่ากล่าว เสนอ "๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญเมื่อวาน (๒๖ ก.ย.๖๗) นี้ด้วยแล้ว ต้องร้องว่า...เฮ้อ! เป็นอะไรมากมั้ย คุณไอติม ถ้าไม่ไหวกับการแบกตำราละก็ ดื่มนม แล้วกินยานอนพักซะบ้างก็ดีนะ คุณตั้งค่ามาตรฐานว่า กฎหมายที่มาจาก สส.-สว. "ระบบรัฐสภา" เท่านั้นที่เป็น "ประชาธิปไตย" ยึดโยงประชาชน นอกนั้น ไม่ใช่...ไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น กฎหมายยุค คสช.หรือยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คุณปฏิเสธ "รังเกียจ-ไม่ยอมรับ" ทั้งหมด! พร้อม "สวมกะบังตา" ฝรั่ง ชี้เป็นทางที่พรรคส้มจะชักลากไปเมื่อวาน ว่า "พรรค ปชน.ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ทั้งที่มา กระบวนการ และเนื้อหา ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเดินหน้า ๒ เส้นทางแบบคู่ขนาน นั่นคือ -การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด กับอีกเส้นทาง คือ -การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน พรรค ปชน.จึงนำเสนอแนวคิด, ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยแบ่งชุดประเด็นออกเป็น ๗ แพ็กเกจ แพ็กเกจที่ ๑ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร แพ็กเกจที่ ๒ “ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ, องค์กรอิสระ แพ็กเกจที่ ๓ “เพิ่มกลไกตรวจสอบการทุจริต” แพ็กเกจที่ ๔ “คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน” แพ็กเกจที่ ๕ “ปฏิรูปกองทัพ” แพ็กเกจที่ ๖ “ยกระดับประสิทธิภาพรัฐสภา” แพ็กเกจที่ ๗ “ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ฮึ่ๆ... ฟัง "ประชาธิปไตย" ที่พริษฐ์ยกเทิดทูนเป็นประทีปไร้แสงนำทางมืดบอดแล้ว นึกถึง "นิทานธรรม" ของหลวงปู่ชา "พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)" วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี ท่านพูดฝรั่งไม่ได้ซักคำ.... แต่ท่านนำพุทธธรรมไปสอนฝรั่งในยุโรป ในสหรัฐฯ ในเอเชีย จนมีคน "ต่างชาติ-ต่างภาษา" ทั้งฝรั่งและคนเอเชีย ขอบวชเป็นพระ มีวัดและสำนักสงฆ์ในสายหลวงปู่ชาเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ แห่ง "หลวงปู่ชา" เป็นพระผู้เผยแผ่คำสอนพระพุทธองค์ไปยังตะวันตกเป็นรูปแรกๆ ก็พูดได้เช่นนั้น จนทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นในยุโรปชนิด "เคร่งครัด-มั่นคง" ด้านปฏิบัติมุ่งตรง "แก่นพุทธธรรม" ยิ่งกว่าตามวัดในเมืองไทยหลายๆ แห่งด้วยซ้ำ เคยมีคนนำเรื่องการเมืองไปถามและแสดงทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตยกับ "หลวงปู่ชา" พุทธศาสนา เป็นศาสนาของคนมีปัญญา ฉะนั้น "หลวงปู่ชา" ท่านจะไม่สอนคนตรงๆ แต่จะสอนผ่านอุปมา-อุปไมยเป็น "อุบายธรรม" ให้คนฟังใช้ปัญญาแทงทะลุเอาเอง อย่างกรณีโยมผู้นี้.... เข้าไปกราบหลวงปู่แล้วพูดว่า "หลวงพ่อครับ ผมว่ามีประชาธิปไตยก็ดีนะครับ ผู้คนจะได้เคารพในการตัดสินใจของคนหมู่มากเป็นหลัก" "มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไปหรอกโยม" หลวงปู่ชาท่านว่า โยมก็ย้อนถามว่า "ไม่ถูกต้องยังไงครับ?" หลวงปู่ชา ท่านก็กล่าวเป็นอุบายธรรมว่า.... "ยกตัวอย่างมีแมลงวัน ๒๐ ตัว มีแมลงผึ้ง ๑๐ ตัว แมลงวัน ๒๐ ตัวบอกว่า "อุจจาระหอมหวาน อร่อยดี" แต่แมลงผึ้ง ๑๐ ตัว บอกว่า "น้ำผึ้งหอมหวาน อร่อยดี" ถ้าพูดตามหลักประชาธิปไตย "แมลงวันชนะ" แมลงผึ้ง เพราะคะแนนเสียง "มากกว่า" แมลงผึ้งแพ้ เพราะคะแนนเสียง "น้อยกว่า" เราเป็นมนุษย์ ชื่อว่าเป็น "สัตว์ประเสริฐ" มีปัญญามากกว่าสัตว์เหล่านั้น เราควรจะเชื่อใครดี?" "นิทานธรรม" เรื่องนี้ มีเผยแพร่ทั่วไป ผู้มีปัญญาก็จะตีความปริศนาธรรมนั้นเข้าใจ ตามที่หลวงปู่ยกเรื่องแมลงวันกับผึ้งเป็นอุปมา-อุปไมย หมายถึง "การตัดสินด้วย "หลักประชาธิปไตย" บางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าไม่เอาหลัก "ธรรมาธิปไตย" เข้าไปตัดสิน" แล้วพริษฐ์ ....คุณเป็น "ผึ้ง" หรือ "แมลงวัน" ล่ะ? ดีกรี "ปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์" เหรียญทอง ออกซฟอร์ด มีปัญญาแยกแยะได้แน่! แต่ในการแยกแยะ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจ "สถานะ" ให้ชัด ว่าเราเป็นแมลงวันหรือผึ้ง หรือเป็นคนใน "สถานะมนุษย์"? เมื่อรู้สถานะ พริษฐ์ ก็คือ "สัตว์ประเสริฐ" ต้องมีปัญญามากกว่าสัตว์แน่นอน ฉะนั้น ไหน "ประชาธิปไตย" หรือ "ไม่ประชาธิปไตย" ต้องเข้าใจว่าจะชี้ขาดด้วยมือในระบบรัฐสภา "ประชาธิปไตยเลือกตั้ง" หรือในระบบ "เผด็จการประชาธิปไตย" ตายตัวไม่ได้ ต้องใช้ "ธรรมาธิปไตย" เป็นเครื่องตัดสินชี้ขาด! นี่ไม่ใช่เอะอะ ผมลากเข้าวัดนะ ต้องเข้าใจ "ธรรมะ" คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ไม่มีอะไร "เป็นอยู่อย่างนั้นนิรันดร์" หรือพูดอีกที "ความหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลง" นั่นแหละนิรันดร์ ทุกสิ่ง ประกอบด้วยกาล ด้วยเวลา ด้วยสถานะ เมื่อถึงพร้อมแล้ว มันหมุนเวียน-เปลี่ยนผัน จากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง ตามเหตุ-ปัจจัย ที่มันต้องเป็นด้วยตัวของมันเอง พริษฐ์ไม่ต้องเป็น "จอห์น ล็อก" บิดาแห่งประชาธิปไตยในศตวรรษที่ ๒๑ หรอก เป็นแฟน "ออนล็อกหยุ่น" ดีกว่า.... ไปนั่งกิน breakfast ที่นั่นบ่อยๆ จะเป็นหนทางสร้างสมประสบการณ์ประชาธิปไตย จาก "หลายชีวิต-หลากรุ่น" บางที การได้สัมผัสวิถีประชาธิปไตยไทยแท้ๆ อาจทำให้ "ดอกไม้พลาสติก" มีกลิ่นหอมขึ้นมาก็ได้ ทฤษฎี-หลักการตามตำรา นำมาชี้ขาด "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดดๆ ไม่ได้หรอก มันต้องประกอบด้วย "ประสบการณ์" เพราะสังคมหนึ่งๆ มีทั้งประชาชนผึ้ง ทั้งประชาชนแมลงวัน ฉะนั้น บางเรื่องจะใช้ "จำนวนมาก" ถือเป็นประชาธิปไตย นั่นมันหลักการ "พลเมืองแมลง" มันไม่ถูก-ไม่ชอบธรรมตามหลัก "พลเมืองมนุษย์" อย่างจะเขียนกฎหมายให้ง่ายต่อการแยก "ราชอาณาจักร" ไปเป็นสาธารณรัฐ เขียนกฎหมาย ไม่เน้น "ศีลธรรม-จริยธรรม" ให้เข้าง่าย กินง่าย-โกงง่าย-อยู่ง่าย แค่ "มือมาก" ในระบบสภายกให้ ก็หมายความว่า เหล่านั้น เป็นประชาธิปไตยถูกต้องแล้ว ถูกตามประชาธิปไตยแมลงวันละก็ใช่ แต่มัน "ไม่ถูกต้อง-ไม่ชอบธรรม" ตามประชาธิปไตยมนุษย์ ที่ต้องมี "ธรรม" เป็นแกนในกฎ-กติกาสังคม พริษฐ์ ว่า "กฎหมายที่มีขณะนี้ "คสช.เขียน" ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้งทั้งหมด" ถ้าอย่างนั้น..... ระบอบประชาธิปไตยที่ "คณะราษฎร" สถาปนาเมื่อ ปี ๒๔๗๕ ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้ง เพราะไม่ได้มาตามระบบรัฐสภา หากแต่มาจาก "คณะราษฎร" ใช้กำลังไปปล้นพระราชอำนาจจาก "พระมหากษัตริย์" มา นั่นเท่ากับคณะราษฎร เป็นเผด็จการ! และที่พริษฐ์บอก "รังเกียจ-ปฏิเสธ" ทุกกฎหมาย-ทุกคำสั่งของ คสช.ต้องยกเลิก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน งั้น พริษฐ์และพรรคส้ม ต้องพ้นสภาพ สส.ไปวันนี้เลย เพราะ พวกคุณทุกคน ถือกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ ที่ให้มีเลือกตั้ง เมื่อรังเกียจ ให้ยกเลิกกฎหมายนั้น สส.พวกคุณและพรรคส้ม ก็ไม่มีกฎหมายรองรับ เป็น สส.ไม่ได้แล้ว! เห็นมั้ย พริษฐ์..."ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" การพูดเอาเท่ ขาดประสบการณ์โลกจริง แยกเหตุ-แยกผล ไม่ได้ ก็ฉิบหายตัวเอง อย่าคิดต่ำกว่าหนอนในถังขี้เลย...พริษฐ์ หนอน กินขี้เลี้ยงชีวิต มันรู้บุญคุณ มันไม่เคยเนรคุณถังขี้ แต่พริษฐ์ เป็นมนุษย์ มีสมองคิดด้วยจิตสำนึกเหนือหนอน ฉะนั้น อย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก จะปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร มีสงครามค่อยเกณฑ์ พริษฐ์...หิวข้าวตอนไหน ค่อยไปทำตอนนั้น อย่างนั้นหรือ? นี่ถ้าวันนี้ไม่มีทหารละก็นะ พริษฐ์และคณะส้มต้องไปโกยเลนให้ชาวบ้านที่แม่สายแทน...เอามั้ย? กลับบ้าน อาบน้ำ ประแป้ง แล้วกินนมนอน ซะไป...พริษฐ์?! -เปลว สีเงิน ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗ คนปลายซอย ที่มา : https://www.thaipost.net/columnist-people/663854/?#m1kerm3y94d8my69xxm #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 1812 Views 0 Reviews