• 🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์
    📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.
    🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.
    🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
    🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่
    🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ:
    🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
    ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
    ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
    ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
    🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ
    1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.
    2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.
    3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.
    4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.
    5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.
    6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
    7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.
    8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.
    9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.
    10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.
    11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
    12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.
    13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.
    14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.
    17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.
    20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
    23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
    24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.
    25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
    26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.
    .
    🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า
    .
    🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้
    .
    📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - www.airbkk.com
    - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
    - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
    - FB: กรุงเทพมหานคร
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - LINE ALERT
    📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue
    #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25
    #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี
    #ลีซานอัลไกอีบ

    cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์ 📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. 🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม. 🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง 🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่ 🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ: 🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ 🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ 1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม. 2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม. 3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม. 4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม. 6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม. 7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม. 8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม. 9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม. 10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม. 11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม. 12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม. 13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม. 14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม. 17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม. 20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม. 23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม. 24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม. 25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม. 26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม. . 🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า . 🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้ . 📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง - แอปพลิเคชัน AirBKK - www.airbkk.com - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม - FB: กรุงเทพมหานคร - แอปพลิเคชัน AirBKK - LINE ALERT 📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #ลีซานอัลไกอีบ cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สุริยะ” ปรับใหม่ของบกลาง 190.41 ล้านบาทชดเชยมาตรการรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี ลดฝุ่น PM 2.5 หลังครม.ให้ทำตัวเลขให้ชัด หักส่วน รฟม.ใช้เงินรายได้ดำเนินการ 124.73 ล้านบาท ชง ครม.สัปดาห์หน้า โชว์ยอด 3 วันผู้โดยสารพุ่ง นิวไฮ เคลมคุ้มค่ารถยนต์หายจากถนน 5 แสนคัน/วัน ต่างชาตินั่งฟรีด้วยช่วยส่งเสริมท่องเที่ยว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008905

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สุริยะ” ปรับใหม่ของบกลาง 190.41 ล้านบาทชดเชยมาตรการรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี ลดฝุ่น PM 2.5 หลังครม.ให้ทำตัวเลขให้ชัด หักส่วน รฟม.ใช้เงินรายได้ดำเนินการ 124.73 ล้านบาท ชง ครม.สัปดาห์หน้า โชว์ยอด 3 วันผู้โดยสารพุ่ง นิวไฮ เคลมคุ้มค่ารถยนต์หายจากถนน 5 แสนคัน/วัน ต่างชาตินั่งฟรีด้วยช่วยส่งเสริมท่องเที่ยว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008905 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น
    .
    ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง
    .
    สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    .........
    Sondhi X
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป . วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น . ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง . สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว . เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม.. ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    15
    5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุริยะของบกลาง 329 ล้านชดเชย รถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี (28/01/68) #news1 #แก้ปัญหาฝุ่น #รถเมล์ฟรี #รถไฟฟ้า
    สุริยะของบกลาง 329 ล้านชดเชย รถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี (28/01/68) #news1 #แก้ปัญหาฝุ่น #รถเมล์ฟรี #รถไฟฟ้า
    Like
    Angry
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 715 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา
    .
    ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน
    .
    สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น
    .
    เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน
    .
    เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท
    .
    เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789
    .........
    Sondhi X
    รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี . วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา . ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน . สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น . เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน . เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท . เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789 ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน
    .
    วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น
    .
    เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง
    .
    “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .
    ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่
    .
    ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543
    .........
    Sondhi X
    สส.เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เคลมค่าฝุ่นดีขึ้น เพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น ส่วนที่ สว.วิจารณ์บริหารประเทศไร้เดียงสา บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร ไม่ใช่สร้างแต่วาทกรรมด่ากัน . วันนี้ (27 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาล ว่า วันนี้ค่าฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงคมนาคมออกนโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน มีประชาชนใช้รถสาธารณะมากขึ้น มีการประสานงานให้ชะลอการก่อสร้างบางส่วนที่เกิดมลพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนทางต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีการขอความร่วมมือลดการเผา และงดการซื้ออ้อยเผาไหม้ ตนเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น . เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองว่ามาตรการของรัฐบาลอาจจะไม่ดีพอในการแก้ไขปัญหา เหมือนคนไทยต้องเผชิญชะตากรรมกับการบริหารประเทศอย่างไร้เดียงสา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ไร้เดียงสา สว. ที่มีความรู้บอกมาเลยว่าจะให้แก้อย่างไร เสนอะแนะรัฐบาลได้ เป็นนักการเมืองไม่ใช่มาสร้างแต่วาทกรรมด่ากัน ตอนนี้รัฐบาลก็แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดในประเทศไทยเท่านั้น จะให้แก้ไขอะไรก็พูดจากันดีๆ ใช้วาจาด้อยค่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักการเมือง . “มีอะไรก็บอกได้ไม่กล้าบอกรัฐบาลมาบอกผม ผมจะไปรับฟัง วุฒิคนไหนล่ะไปว่ารัฐบาลไร้เดียงสา แบบนี้ไม่ใช่นักการเมืองที่ดี” นายวิสุทธิ์ กล่าว . ส่วนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งรัดอยู่ ตนตามมาตลอด วันนี้อย่ามอบแต่รัฐบาลแก้ไขเพียงอย่างเดียว ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนช่วยกัน ต้องมีการตักเตือนกัน ส่วนที่มีภาพประชาชนเซลฟี่ภาพเผาอ้อยลงโซเชียลนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็โดนจับไปแล้ว ใครเผาก็โดนจับ เพราะฉะนั้นประชาชนควรตรวจดูใครเผาหญ้าเผาป่าช่วงนี้ต้องแจ้งไปทางอำเภอ เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการอยู่แล้ว และเมื่อถามถึงปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแนวทางในการเจรจาเพื่อลดการเผาอยู่ . ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของมาตรการขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน พบว่ามีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึง 45.29% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือน ม.ค. 2568 ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน หรือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008543 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    Love
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท
    #7ดอกจิก
    #สุริยะ
    #ฝุ่นกรุงเทพ
    ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท #7ดอกจิก #สุริยะ #ฝุ่นกรุงเทพ
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาสืบพยานล่วงหน้าคดีสังหาร "ลิม คิม ยา" ภรรยาเบิกความชัดเห็นจ่าเอ็มในที่เกิดเหตุ ส่วนพี่เขยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002960

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาสืบพยานล่วงหน้าคดีสังหาร "ลิม คิม ยา" ภรรยาเบิกความชัดเห็นจ่าเอ็มในที่เกิดเหตุ ส่วนพี่เขยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002960 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1515 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚌ขสมก. Update เส้นทางรถเมล์
    เชื่อมต่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 มีสายใดบ้าง รู้ไว้ไม่หลง!

    เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และสามารถใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. ในการเดินทาง จึงประชาสัมพันธ์เส้นทางรถเมล์เชื่อมต่อการเดินทาง ทั้ง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง โดยระบุสายรถเมล์ที่ผ่าน และต้นทาง - ปลายทางของสายนั้น ๆ ดังนี้
    📌 1. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง
    สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E

    📌 2. สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง
    สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E, สาย 4-33E

    อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/jlzYH
    🚌ขสมก. Update เส้นทางรถเมล์ เชื่อมต่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 มีสายใดบ้าง รู้ไว้ไม่หลง! เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และสามารถใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. ในการเดินทาง จึงประชาสัมพันธ์เส้นทางรถเมล์เชื่อมต่อการเดินทาง ทั้ง 2 แห่ง คือ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง โดยระบุสายรถเมล์ที่ผ่าน และต้นทาง - ปลายทางของสายนั้น ๆ ดังนี้ 📌 1. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 14 เส้นทาง สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E 📌 2. สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง สาย 3 (2-37), สาย 5, สาย 26 (1-36), สาย 49 (2-43), สาย 96 (1-42), สาย 134 (2-20), สาย 136 (3-47), สาย 138 (4-22E), สาย 145 (3-18), สาย 204 (2-52), สาย 509 (4-60), สาย 536 (3-24E), สาย A1, สาย 3-19E, สาย 4-33E อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : t.ly/jlzYH
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างตำนานสาย 8 คว้าผู้โดยสาร-รายได้สูงสุด

    หลังให้บริการรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปี ในที่สุดรถเมล์เส้นทางปฎิรูปสาย 2-38 หรือสาย 8 แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด กลายเป็นเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารและรายได้สูงสุดจากทั้งหมด 124 เส้นทาง โดยมีผู้โดยสารสูงสุด 20,500 คนต่อวัน รายได้สูงสุด 358,328 บาทต่อวัน ล้างอาถรรพ์ตำนานรถเมล์นรก ที่ขึ้นชื่อว่าซิ่งปาดซ้ายปาดขวา มารยาทแย่ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง แม้ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้นก็ตาม

    รถเมล์สาย 8 เริ่มต้นจากแฮปปี้แลนด์ เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดพร้าว ถึงห้าแยกลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดที่เกาะราชวิถี (เที่ยวกลับจอดที่เกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนราชวิถี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 เลี้ยวขวาแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสวรรคโลก ถึงแยกยมราชตรงไปตามถนนหลานหลวง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวขวาที่วัดบพิตรพิมุข แล้วชิดซ้ายลอดใต้สะพาน สิ้นสุดที่ท่าน้ำสะพานพุทธ

    ให้บริการกับคนกรุงเทพฯ กว่า 90 ปี โดยมีบริษัท นายเลิศ จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายแรก ก่อนที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้สัมปทาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยบัสขนส่ง บริษัทกลุ่ม 39 และบริษัททรัพย์ 888 เมื่อกรมการขนส่งทางบกเข้ามากำกับดูแลและปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด จึงชนะการประมูลไป แม้ผู้ประกอบการเดิมยังแอบให้บริการเป็นรถเถื่อน แต่กรมขนส่งฯ ก็สั่งหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2567 จึงทำให้ไทยสมายล์บัสเดินรถแต่เพียงผู้เดียว

    ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ สาย 4-25L (สาย 147L) วงกลม การเคหะธนบุรี-บางแค ผู้โดยสาร 14,000 คน รายได้ 250,421 บาท อันดับ 3 สาย 4-46 (สาย 84) วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ผู้โดยสาร 13,000 คน รายได้ 240,000 บาท อันดับ 4 สาย 4-23E (สาย 140) ทางด่วน แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้โดยสาร 12,000 คน รายได้ 237,191 บาท อันดับ 5 สาย 1-18E (สาย 504) ทางด่วน รังสิต-บางรัก ผู้โดยสาร 9,000 คน รายได้ 177,159 บาท

    น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยสมายล์บัส เปิดเผยว่า ในปี 2568 จะเพิ่มรถโดยสารอีก 350 คัน จากทั้งหมด 1,650 คัน และติดตั้งระบบติดตามการปล่อยรถคล้ายหอบังคับการบิน ส่วนนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ กล่าวว่า ในปี 2568 เตรียมรับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำร่องแอปพลิเคชันถุงเงิน วางแผนรับบัตรเครดิต บัตรเดบิต VISA และ Mastercard รวมทั้ง China T-Union ของจีน

    #Newskit
    ล้างตำนานสาย 8 คว้าผู้โดยสาร-รายได้สูงสุด หลังให้บริการรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปี ในที่สุดรถเมล์เส้นทางปฎิรูปสาย 2-38 หรือสาย 8 แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด กลายเป็นเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารและรายได้สูงสุดจากทั้งหมด 124 เส้นทาง โดยมีผู้โดยสารสูงสุด 20,500 คนต่อวัน รายได้สูงสุด 358,328 บาทต่อวัน ล้างอาถรรพ์ตำนานรถเมล์นรก ที่ขึ้นชื่อว่าซิ่งปาดซ้ายปาดขวา มารยาทแย่ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง แม้ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้นก็ตาม รถเมล์สาย 8 เริ่มต้นจากแฮปปี้แลนด์ เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดพร้าว ถึงห้าแยกลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดที่เกาะราชวิถี (เที่ยวกลับจอดที่เกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนราชวิถี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 เลี้ยวขวาแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสวรรคโลก ถึงแยกยมราชตรงไปตามถนนหลานหลวง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวขวาที่วัดบพิตรพิมุข แล้วชิดซ้ายลอดใต้สะพาน สิ้นสุดที่ท่าน้ำสะพานพุทธ ให้บริการกับคนกรุงเทพฯ กว่า 90 ปี โดยมีบริษัท นายเลิศ จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายแรก ก่อนที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้สัมปทาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยบัสขนส่ง บริษัทกลุ่ม 39 และบริษัททรัพย์ 888 เมื่อกรมการขนส่งทางบกเข้ามากำกับดูแลและปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด จึงชนะการประมูลไป แม้ผู้ประกอบการเดิมยังแอบให้บริการเป็นรถเถื่อน แต่กรมขนส่งฯ ก็สั่งหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2567 จึงทำให้ไทยสมายล์บัสเดินรถแต่เพียงผู้เดียว ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ สาย 4-25L (สาย 147L) วงกลม การเคหะธนบุรี-บางแค ผู้โดยสาร 14,000 คน รายได้ 250,421 บาท อันดับ 3 สาย 4-46 (สาย 84) วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ผู้โดยสาร 13,000 คน รายได้ 240,000 บาท อันดับ 4 สาย 4-23E (สาย 140) ทางด่วน แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้โดยสาร 12,000 คน รายได้ 237,191 บาท อันดับ 5 สาย 1-18E (สาย 504) ทางด่วน รังสิต-บางรัก ผู้โดยสาร 9,000 คน รายได้ 177,159 บาท น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยสมายล์บัส เปิดเผยว่า ในปี 2568 จะเพิ่มรถโดยสารอีก 350 คัน จากทั้งหมด 1,650 คัน และติดตั้งระบบติดตามการปล่อยรถคล้ายหอบังคับการบิน ส่วนนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ กล่าวว่า ในปี 2568 เตรียมรับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำร่องแอปพลิเคชันถุงเงิน วางแผนรับบัตรเครดิต บัตรเดบิต VISA และ Mastercard รวมทั้ง China T-Union ของจีน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่แคร์ ปอด ชาวบ้าน : [News story]

    โซเชียลถล่ม รถเมล์ปล่อยควันดำโขมงบนถนน ประชาชนสูดเข้าปอดอย่างไร้ทางเลือก ชาวเน็ตฉะยับ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
    ไม่แคร์ ปอด ชาวบ้าน : [News story] โซเชียลถล่ม รถเมล์ปล่อยควันดำโขมงบนถนน ประชาชนสูดเข้าปอดอย่างไร้ทางเลือก ชาวเน็ตฉะยับ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • รถเมล์เชียงใหม่ RTC Chiang Mai City Bus 3 เส้นทาง

    24A=สายแดง *** 24B=สายเหลือง *** 24C=สายเขียว

    ตารางเวลาช่วงปีใหม่ 14 ธันวาคม 67 ถึง 15 มกราคม 68
    รถออกจากสนามบินทุก 30 นาที ตามภาพข้างล่างนี้

    *** ปรับปรุงเส้นทางสายเหลือง 24B โดยออกจากสนามบินเชียงใหม่ไปยังสวนดอก นิมมาน วัดโลกโมฬี เข้าขนส่งช้างเผือก ปรับจากนี้ โดยวนไปประตูท่าแพฝั่งร้านแมคโดนัลด์ แล้ววนผ่านประตูท่าแพฝั่งร้านกาแฟคูลเมือง ผ่านหน้าวัดหม้อคำตวง ถนนศรีภูมิ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสิงหราช เข้าถนนสามล้าน วัดพระสิงห์ ออกถนนบำรุงบุรี ตลาดประตูเชียงใหม่ วนออกถนนช่างหล่อ เข้าถนนวัวลาย ต่อไปยังสนามบิน RTC เตรียมพร้อมสแตนบายรถ 2 คัน กรณีหนาแน่นช่วงสิ้นปี

    รถเมล์เชียงใหม่ RTC Chiang Mai City Bus 3 เส้นทาง 24A=สายแดง *** 24B=สายเหลือง *** 24C=สายเขียว ตารางเวลาช่วงปีใหม่ 14 ธันวาคม 67 ถึง 15 มกราคม 68 รถออกจากสนามบินทุก 30 นาที ตามภาพข้างล่างนี้ *** ปรับปรุงเส้นทางสายเหลือง 24B โดยออกจากสนามบินเชียงใหม่ไปยังสวนดอก นิมมาน วัดโลกโมฬี เข้าขนส่งช้างเผือก ปรับจากนี้ โดยวนไปประตูท่าแพฝั่งร้านแมคโดนัลด์ แล้ววนผ่านประตูท่าแพฝั่งร้านกาแฟคูลเมือง ผ่านหน้าวัดหม้อคำตวง ถนนศรีภูมิ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสิงหราช เข้าถนนสามล้าน วัดพระสิงห์ ออกถนนบำรุงบุรี ตลาดประตูเชียงใหม่ วนออกถนนช่างหล่อ เข้าถนนวัวลาย ต่อไปยังสนามบิน RTC เตรียมพร้อมสแตนบายรถ 2 คัน กรณีหนาแน่นช่วงสิ้นปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถเมล์ด่วน BRT สายแรกในลาว คืบ 36% คาดทดลองใช้ปลายปี 68

    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (LNR) รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ (VSUTP) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พบว่ามีความคืบหน้าแล้ว 36% โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. คณะของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งได้เยี่ยมชมโครงการ เริ่มจากศูนย์ควบคุมรถเมล์ กม.16 บ้านโพคำ เมืองไชทานี และทดลองนั่งรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันรถเมล์ไฟฟ้า 55 คัน ได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์เรียบร้อยแล้ว

    จากนั้นได้เยี่ยมชมการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ สถานีมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก สถานีโพนสะอาด สถานีใกล้วัดธาตุฝุ่น และอีกหลายแห่ง ปัจจุบันการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถเมล์ด่วน BRT ตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงหน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก ระยะทางรวม 12.9 กิโลเมตร คืบหน้าแล้วประมาณ 36% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดทดลองให้บริการรถเมล์ด่วนในปลายปี 2568 ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ติดตามผู้รับจ้างก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ 27 จุดอย่างต่อเนื่อง

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย. รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 40 ที่นั่ง ยาว 12 เมตร ยี่ห้อ Cherry Wanda ชุดแรก 28 คัน ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มาถึงสถานีด่านขนส่งสินค้ารถไฟเวียงจันทน์ใต้ โดยรถดังกล่าวผลิตจากโรงงานในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ขนส่งผ่านทางรถไฟ เข้าสู่ประเทศลาวผ่านด่านรถไฟสากลบ่อเต็น ภายหลังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ระบุว่า รถโดยสารทั้งหมดได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ครบทั้ง 55 คันแล้ว

    สำหรับการก่อสร้างโครงการรถเมล์ด่วน BRT นครหลวงเวียงจันทน์ เริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก พร้อมก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2567

    โดยการให้บริการจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลักของรถเมล์ด่วน BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ นอกจากนี้ ในโครงการยังมีการพัฒนาการบริหารที่จอดรถ ระบบบริหารการจราจร และบริการรถสามล้อไฟฟ้า เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย อ่านรายละเอียดโครงการที่เว็บไซต์ https://utms.la

    #Newskit
    รถเมล์ด่วน BRT สายแรกในลาว คืบ 36% คาดทดลองใช้ปลายปี 68 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (LNR) รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ (VSUTP) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พบว่ามีความคืบหน้าแล้ว 36% โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. คณะของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งได้เยี่ยมชมโครงการ เริ่มจากศูนย์ควบคุมรถเมล์ กม.16 บ้านโพคำ เมืองไชทานี และทดลองนั่งรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันรถเมล์ไฟฟ้า 55 คัน ได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้เยี่ยมชมการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ สถานีมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก สถานีโพนสะอาด สถานีใกล้วัดธาตุฝุ่น และอีกหลายแห่ง ปัจจุบันการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถเมล์ด่วน BRT ตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงหน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก ระยะทางรวม 12.9 กิโลเมตร คืบหน้าแล้วประมาณ 36% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดทดลองให้บริการรถเมล์ด่วนในปลายปี 2568 ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ติดตามผู้รับจ้างก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ 27 จุดอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย. รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 40 ที่นั่ง ยาว 12 เมตร ยี่ห้อ Cherry Wanda ชุดแรก 28 คัน ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มาถึงสถานีด่านขนส่งสินค้ารถไฟเวียงจันทน์ใต้ โดยรถดังกล่าวผลิตจากโรงงานในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ขนส่งผ่านทางรถไฟ เข้าสู่ประเทศลาวผ่านด่านรถไฟสากลบ่อเต็น ภายหลังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ระบุว่า รถโดยสารทั้งหมดได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ครบทั้ง 55 คันแล้ว สำหรับการก่อสร้างโครงการรถเมล์ด่วน BRT นครหลวงเวียงจันทน์ เริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก พร้อมก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2567 โดยการให้บริการจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลักของรถเมล์ด่วน BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ นอกจากนี้ ในโครงการยังมีการพัฒนาการบริหารที่จอดรถ ระบบบริหารการจราจร และบริการรถสามล้อไฟฟ้า เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย อ่านรายละเอียดโครงการที่เว็บไซต์ https://utms.la #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/12/67

    📮ถามว่า "ในวัยชราควรดูแลตัวเองอย่างไร ?"

    ตอบว่า....ให้คุณพึ่งตัวเองแบบวันต่อวัน เปลี่ยนไปใช้ชีวิตในลักษณะที่พึ่งตัวเองได้ 100% ตั้งแต่วันนี้
    -กินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและไขมันต่ำ
    -ออกกำลังกายทุกวัน -จัดการความเครียดโดยหัดวางความคิดลบๆ ทิ้งไปเสีย -นอนหลับให้ได้ดีโดยไม่ใช้ยา
    -ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ตากแดด ขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกต้นไม้
    -ใส่ใจที่จะฝึกฝนทำกิจวัตรสำคัญ (IADL) 7 อย่าง และกิจวัตรจำเป็น(ADL) 5 อย่าง ให้ได้ด้วยตัวเองให้ได้นานจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

    กิจวัตรสำคัญ 7 อย่าง (IADL) ได้แก่

    (1) อยู่คนเดียวได้ หมายความว่าทนเหงาได้
    (2) ขนส่งตัวเองได้ เช่นถีบรถ ขับรถ หรือไปขึ้นรถเมล์ ได้
    (3) ทำอาหารกินเองได้
    (4) ช้อปปิ้งเองได้
    (5) บริหารที่อยู่ตัวเองได้ เช่น ปัด/กวาด/เช็ด/ถู
    (6) บริหารยาตัวเองได้
    (7) บริหารเงินของตัวเองได้

    ส่วนกิจวัตรจำเป็น 5 อย่าง (ADL) ได้แก่

    (1) อาบน้ำแปรงฟันได้เอง
    (2) แต่งตัวสวมเสื้อผ้าได้เอง
    (3) กินเองได้
    (4) เข้าห้องน้ำอุจจาระ/ปัสสาวะด้วนตนเองได้
    (5) เดินเหินเองได้

    กิจวัตรจำเป็น 5 อย่างนี้ หากทำไม่ได้แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็หมายความว่าอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามพรหมลิขิต

    มันจะไปจบที่โรงเลี้ยงคนแก่ของอบต.หรือเทศบาลหรือ
    ไปจบที่ศาลาวัดก็ช่างมันเถอะ เพราะจบที่ไหนท้ายที่สุดก็แป๊ะเอี้ย คือ..เด๊ดสะมอเร่
    เหมียนกัลล์

    นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
    3/12/67 📮ถามว่า "ในวัยชราควรดูแลตัวเองอย่างไร ?" ตอบว่า....ให้คุณพึ่งตัวเองแบบวันต่อวัน เปลี่ยนไปใช้ชีวิตในลักษณะที่พึ่งตัวเองได้ 100% ตั้งแต่วันนี้ -กินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและไขมันต่ำ -ออกกำลังกายทุกวัน -จัดการความเครียดโดยหัดวางความคิดลบๆ ทิ้งไปเสีย -นอนหลับให้ได้ดีโดยไม่ใช้ยา -ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ตากแดด ขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกต้นไม้ -ใส่ใจที่จะฝึกฝนทำกิจวัตรสำคัญ (IADL) 7 อย่าง และกิจวัตรจำเป็น(ADL) 5 อย่าง ให้ได้ด้วยตัวเองให้ได้นานจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต กิจวัตรสำคัญ 7 อย่าง (IADL) ได้แก่ (1) อยู่คนเดียวได้ หมายความว่าทนเหงาได้ (2) ขนส่งตัวเองได้ เช่นถีบรถ ขับรถ หรือไปขึ้นรถเมล์ ได้ (3) ทำอาหารกินเองได้ (4) ช้อปปิ้งเองได้ (5) บริหารที่อยู่ตัวเองได้ เช่น ปัด/กวาด/เช็ด/ถู (6) บริหารยาตัวเองได้ (7) บริหารเงินของตัวเองได้ ส่วนกิจวัตรจำเป็น 5 อย่าง (ADL) ได้แก่ (1) อาบน้ำแปรงฟันได้เอง (2) แต่งตัวสวมเสื้อผ้าได้เอง (3) กินเองได้ (4) เข้าห้องน้ำอุจจาระ/ปัสสาวะด้วนตนเองได้ (5) เดินเหินเองได้ กิจวัตรจำเป็น 5 อย่างนี้ หากทำไม่ได้แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็หมายความว่าอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามพรหมลิขิต มันจะไปจบที่โรงเลี้ยงคนแก่ของอบต.หรือเทศบาลหรือ ไปจบที่ศาลาวัดก็ช่างมันเถอะ เพราะจบที่ไหนท้ายที่สุดก็แป๊ะเอี้ย คือ..เด๊ดสะมอเร่ เหมียนกัลล์ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • Smart Bus EV ย่านเมืองเก่าภูเก็ต มากกว่ารถเมล์ฟรี - Ibusiness review https://www.youtube.com/watch?v=d03EGhBvmyY
    Smart Bus EV ย่านเมืองเก่าภูเก็ต มากกว่ารถเมล์ฟรี - Ibusiness review https://www.youtube.com/watch?v=d03EGhBvmyY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิ๊กดาต้า-เอไอ ขับเคลื่อนเมืองเก่าภูเก็ต

    ปัจจุบันมีหน่วยงานขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ชื่อว่า "สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)" หรือบีดีไอ (BDI) หน่วยงานในกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนสายเทคโนโลยี 80% ที่มีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล แม้จะเป็นหน่วยงานใหม่ที่ก่อตั้งไม่นาน แต่ก็ได้มีความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเชื่อมโยงและส่งเสริมข้อมูล โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่ภาคเอกชนและภาครัฐเข้มแข็ง

    ที่ผ่านมาบีดีไอพัฒนา 3 แพลตฟอร์ม ใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Envi Link) แพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (Travel Link) และแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองอัจฉริยะ (City Data Platform) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ตอย่างมีทิศทาง และประยุกต์ใช้แก่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยได้แถลงทิศทางการดำเนินงานและความร่วมมือไปเมื่อวันก่อน

    แพลตฟอร์ม Envi Link ได้นำมาใช้กับโครงการของมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” เพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ต ให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 โดยตั้งเป้าลดปริมาณคาร์บอน 30% ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาได้จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ และประมวลผลกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลสำคัญของคาร์บอนฟุตพรินท์ ทั้งไฟฟ้า ประปา ขยะ และเชื้อเพลิง

    พร้อมกันนี้ บีดีไอยังได้นำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับกล้องซีซีทีวีในการประมาณการต่างๆ เช่น การใช้เอไอนับจำนวนรถและคัดแยกประเภทรถ ประเภทเชื้อเพลิง ก่อนคำนวณเป็นคาร์บอนฟุตพรินท์ การใช้เอไอนับจำนวนคนที่เข้ามาย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อประมาณการความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว บริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และร่วมกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด (PKCD) ใช้เอไอนับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์ฟรี Smart Bus EV เพื่อจัดตารางเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ล่าสุด มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน จัดซื้อเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ โดยนำขยะเศษอาหารและไขมันจากถังดักไขมันในชุมชนมาแปลงให้เป็นก๊าซชีวภาพ คิดเป็นกระแสไฟฟ้าได้ 33.75 กิโลวัตต์ และน้ำหมักใช้กับต้นไม้ พืชผลทางการเกษตรวันละ 500 ลิตร ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่นำไปฝังกลบซึ่งก่อให้เกิดก๊าซมีเทน หรือนำเข้าสู่เตาเผาขยะที่ย่านสะพานหิน ทำให้เตาเผาขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาเชื่อมโยงเพื่อวางแนวทางลดปริมาณคาร์บอนต่อไป

    #Newskit
    บิ๊กดาต้า-เอไอ ขับเคลื่อนเมืองเก่าภูเก็ต ปัจจุบันมีหน่วยงานขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ชื่อว่า "สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)" หรือบีดีไอ (BDI) หน่วยงานในกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนสายเทคโนโลยี 80% ที่มีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล แม้จะเป็นหน่วยงานใหม่ที่ก่อตั้งไม่นาน แต่ก็ได้มีความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเชื่อมโยงและส่งเสริมข้อมูล โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่ภาคเอกชนและภาครัฐเข้มแข็ง ที่ผ่านมาบีดีไอพัฒนา 3 แพลตฟอร์ม ใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Envi Link) แพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (Travel Link) และแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองอัจฉริยะ (City Data Platform) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ตอย่างมีทิศทาง และประยุกต์ใช้แก่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยได้แถลงทิศทางการดำเนินงานและความร่วมมือไปเมื่อวันก่อน แพลตฟอร์ม Envi Link ได้นำมาใช้กับโครงการของมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” เพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ต ให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 โดยตั้งเป้าลดปริมาณคาร์บอน 30% ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาได้จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ และประมวลผลกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลสำคัญของคาร์บอนฟุตพรินท์ ทั้งไฟฟ้า ประปา ขยะ และเชื้อเพลิง พร้อมกันนี้ บีดีไอยังได้นำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับกล้องซีซีทีวีในการประมาณการต่างๆ เช่น การใช้เอไอนับจำนวนรถและคัดแยกประเภทรถ ประเภทเชื้อเพลิง ก่อนคำนวณเป็นคาร์บอนฟุตพรินท์ การใช้เอไอนับจำนวนคนที่เข้ามาย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อประมาณการความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว บริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และร่วมกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด (PKCD) ใช้เอไอนับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์ฟรี Smart Bus EV เพื่อจัดตารางเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ล่าสุด มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน จัดซื้อเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ โดยนำขยะเศษอาหารและไขมันจากถังดักไขมันในชุมชนมาแปลงให้เป็นก๊าซชีวภาพ คิดเป็นกระแสไฟฟ้าได้ 33.75 กิโลวัตต์ และน้ำหมักใช้กับต้นไม้ พืชผลทางการเกษตรวันละ 500 ลิตร ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่นำไปฝังกลบซึ่งก่อให้เกิดก๊าซมีเทน หรือนำเข้าสู่เตาเผาขยะที่ย่านสะพานหิน ทำให้เตาเผาขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาเชื่อมโยงเพื่อวางแนวทางลดปริมาณคาร์บอนต่อไป #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนโจมตีรถบัสพลเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย หลังจากนั้นโจมตีซ้ำไปที่รถบริการฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

    โดรนของยูเครนโจมตีรถฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบนรถบัสในโนวาคาคอฟกา ส่งผลให้รถได้รับความเสียหาย 2 คัน ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวรายงาน

    "การโจมตีครั้งนี้แม่นยำมาก หมายความว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่ตำแหน่งแล้ว พวกเขากำลังรอให้รถบัสจอดที่ป้ายรถเมล์เพื่อโจมตีในลักษณะที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้" วลาดิมีร์ ซัลโด ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวเสริม
    ยูเครนโจมตีรถบัสพลเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย หลังจากนั้นโจมตีซ้ำไปที่รถบริการฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ โดรนของยูเครนโจมตีรถฉุกเฉินที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบนรถบัสในโนวาคาคอฟกา ส่งผลให้รถได้รับความเสียหาย 2 คัน ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวรายงาน "การโจมตีครั้งนี้แม่นยำมาก หมายความว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่ตำแหน่งแล้ว พวกเขากำลังรอให้รถบัสจอดที่ป้ายรถเมล์เพื่อโจมตีในลักษณะที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้" วลาดิมีร์ ซัลโด ผู้ว่าการภูมิภาคเคอร์ซอนกล่าวเสริม
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • คมนาคมทุบโต๊ะ รถเมล์ร้อนหมดไป

    การหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการเดินรถโดยสารประจำทางสายที่ 2-38 (สาย 8 เดิม) ที่มีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นโยบายลดจำนวนรถธรรมดา หรือรถร้อน เปลี่ยนเป็นรถปรับอากาศ หรือรถแอร์ทั้งหมด ภายในปี 2568 คาดหวังว่ารถร้อนจะหายไปจากถนน นายสุรพงษ์กล่าวว่า ต้นทุนของรถร้อนและรถแอร์ไม่ต่างกัน แต่การจัดเก็บค่าโดยสารค่อนข้างสูงเกินไป จึงมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกไปศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมใหม่ โดยเบื้องต้นพบว่า ต้นทุนเฉลี่ยรถแอร์ของเอกชนอยู่ที่ประมาณ 18 บาทต่อคน

    นอกจากนี้ ยังต้องการให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้บริการรถเมล์ของเอกชนได้ เช่นเดียวกับรถเมล์ ขสมก. จึงได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และเอกชนผู้เดินรถ เชื่อมต่อเข้ากับระบบเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันว่าไม่มีใครอยากนั่งรถร้อนแต่อยู่ที่ราคา ประชาชนอยากนั่งรถที่ดีและราคาถูกเท่านั้นเอง ซึ่งรัฐต้องดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มที่ โดยตัวแทนจากบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถ 124 เส้นทาง รับปากว่าไม่เกินต้นปี 2568 จะปรับระบบสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ในระบบประมาณ 6-7 แสนคน

    ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ได้รับงบผูกพัน 7 ปี (2568-2575) ในโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน ด้วยวิธีการเช่า ประมูลแบบ e-bidding วงเงิน 15,355 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ตามแผนงานหากเสนอ ครม.ได้ภายในปีนี้ กระบวนการประมูลแล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถเริ่มรับมอบได้ภายในเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ส่วนระยะที่ 2 จำนวน 1,520 คัน จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) อยู่ระหว่างรอกระทรวงการคลังบรรจุลงใน Project Pipeline

    โดยหลักการเบื้องต้น ขสมก.จะให้เอกชนผู้จัดหารถโดยสาร ขสมก.ดำเนินการเรื่องคนขับและบริหารจัดการเอง พร้อมร่วมลงทุนโดยนำพื้นที่อู่จอดรถเมล์บางเขน มาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ ซึ่งหาก ขสมก. มีรถ EV ใหม่เข้ามาทั้งหมด 3,040 คัน จะช่วยลดภาระค่าเหมาซ่อมจากปีละ 1,700 ล้านบาทเหลือ 1,000 ล้านบาท ลดค่าพลังงานจากปีละ 2,000 ล้านบาทเหลือ 700 ล้านบาท รวมแล้วลดค่าใช้จ่ายได้ 2,500 ล้านบาทต่อปี

    อนึ่ง รายงานประจำปี 2566 ระบุว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารรวม 2,885 คัน แยกเป็นรถธรรมดา 1,520 คัน และรถปรับอากาศ 1,365 คัน

    #Newskit #ขสมก #รถเมล์แอร์
    คมนาคมทุบโต๊ะ รถเมล์ร้อนหมดไป การหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการเดินรถโดยสารประจำทางสายที่ 2-38 (สาย 8 เดิม) ที่มีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2567 มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นโยบายลดจำนวนรถธรรมดา หรือรถร้อน เปลี่ยนเป็นรถปรับอากาศ หรือรถแอร์ทั้งหมด ภายในปี 2568 คาดหวังว่ารถร้อนจะหายไปจากถนน นายสุรพงษ์กล่าวว่า ต้นทุนของรถร้อนและรถแอร์ไม่ต่างกัน แต่การจัดเก็บค่าโดยสารค่อนข้างสูงเกินไป จึงมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกไปศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมใหม่ โดยเบื้องต้นพบว่า ต้นทุนเฉลี่ยรถแอร์ของเอกชนอยู่ที่ประมาณ 18 บาทต่อคน นอกจากนี้ ยังต้องการให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้บริการรถเมล์ของเอกชนได้ เช่นเดียวกับรถเมล์ ขสมก. จึงได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และเอกชนผู้เดินรถ เชื่อมต่อเข้ากับระบบเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันว่าไม่มีใครอยากนั่งรถร้อนแต่อยู่ที่ราคา ประชาชนอยากนั่งรถที่ดีและราคาถูกเท่านั้นเอง ซึ่งรัฐต้องดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มที่ โดยตัวแทนจากบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ผู้ประกอบการเดินรถ 124 เส้นทาง รับปากว่าไม่เกินต้นปี 2568 จะปรับระบบสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ในระบบประมาณ 6-7 แสนคน ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ได้รับงบผูกพัน 7 ปี (2568-2575) ในโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน ด้วยวิธีการเช่า ประมูลแบบ e-bidding วงเงิน 15,355 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ตามแผนงานหากเสนอ ครม.ได้ภายในปีนี้ กระบวนการประมูลแล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถเริ่มรับมอบได้ภายในเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ส่วนระยะที่ 2 จำนวน 1,520 คัน จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนกับเอกชน (PPP) อยู่ระหว่างรอกระทรวงการคลังบรรจุลงใน Project Pipeline โดยหลักการเบื้องต้น ขสมก.จะให้เอกชนผู้จัดหารถโดยสาร ขสมก.ดำเนินการเรื่องคนขับและบริหารจัดการเอง พร้อมร่วมลงทุนโดยนำพื้นที่อู่จอดรถเมล์บางเขน มาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ ซึ่งหาก ขสมก. มีรถ EV ใหม่เข้ามาทั้งหมด 3,040 คัน จะช่วยลดภาระค่าเหมาซ่อมจากปีละ 1,700 ล้านบาทเหลือ 1,000 ล้านบาท ลดค่าพลังงานจากปีละ 2,000 ล้านบาทเหลือ 700 ล้านบาท รวมแล้วลดค่าใช้จ่ายได้ 2,500 ล้านบาทต่อปี อนึ่ง รายงานประจำปี 2566 ระบุว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารรวม 2,885 คัน แยกเป็นรถธรรมดา 1,520 คัน และรถปรับอากาศ 1,365 คัน #Newskit #ขสมก #รถเมล์แอร์
    Like
    Love
    Angry
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 972 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีคอนฯ ทุ่มเพื่อคนกรุงฯ ป้ายรถเมล์ติดแอร์ พลังงานแสงอาทิตย์ - Ibusiness review
    ซีคอนฯ ทุ่มเพื่อคนกรุงฯ ป้ายรถเมล์ติดแอร์ พลังงานแสงอาทิตย์ - Ibusiness review
    Like
    Love
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำนาน "#ผู้หญิง" สร้างร้านสุกี้ #MK ในไทย
    ความสำเร็จของ "ผู้หญิง" ผู้สร้าง "เอ็มเคสุกี้" จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" "ยุพิน" เป็นภรรยาของ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน"

    เอ็มเคสุกี้" เริ่มต้นมาจากร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ คุณแม่ทองคำ เมฆโต แม่ของ "ยุพิน" เป็นผู้บุกเบิก แต่เจ้าของร้านเอ็มเคต้นตำรับ เป็นผู้หญิงชาวฮ่องกง ชื่อว่า "มาคอง คิงยี" "มาคอง คิงยี" อยู่ กทม. บ้านติดกับคุณแม่ทองคำ เธอเป็นคนรวยมาก ส่วนคุณแม่ทองคำเป็น "แม่บ้าน" ทำอาหารเก่ง

    วันหนึ่ง "มาคอง คิงยี" อยากเปิดร้านอาหารที่สยามสแควร์ ก็เลยชวนคุณแม่ทองคำมาเป็น "แม่ครัว" ชื่อร้าน "เอ็มเค" ก็มาจากชื่อ "มาคอง " ทำอยู่พักหนึ่งก็เบื่อ เพราะลูกค้าเริ่มจู้จี้จุกจิก สุดท้ายก็เลิกทำ และยกให้คุณแม่ทองคำทำต่อไป โดยให้ทยอยผ่อนชำระไปเรื่อยๆ คุณนายมาคองย้ายไปปักหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

    ส่วนคุณแม่ทองคำก็บุกเบิกร้านเอ็มเคจนประสบความสำเร็จ "คุณแม่ถือเป็นคนเกื้อกูลและเอื้ออารีแบบคนโบราณ เราติดแม่เขา ติดเจ้าของ เจ้าของไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลูกค้า ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คนที่เขารู้จักมาก่อน"

    จากร้านเอ็มเคที่สยามสแควร์ ขยายเป็น "กรีนเอ็มเค" ที่ "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" และ "เอ็มเคสุกี้" ในที่สุด

    ตํานาน "เอ็มเคสุกี้" มาจาก "ผู้หญิง" 2 คนครับ

    ตอนที่ "ยุพิน" บุกเบิกร้าน "กรีนเอ็มเค" ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้านนี้ขายอาหารไทยเหมือนกับร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ "ยุพิน" เป็นคนขยันเหมือนแม่ ตีห้าจะออกจากบ้าน เข้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ "สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์" พักอยู่ที่ "เซ็นทรัล" เขาตื่นเช้ามาออกกำลังกายทุกวัน และเจอ "ยุพิน" เป็นประจำ

    เขาถามว่า "มาทำอะไรตั้งแต่เช้า" เธอตอบว่ามาเตรียมตัวเปิดร้าน

    "สัมฤทธิ์" คงเห็นความขยันของ "ยุพิน"

    วันหนึ่ง เขาจึงบอกว่าจะให้ทำร้านสุกี้ที่ชั้นล่างพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร

    "ยุพิน" ปฏิเสธทันที "หนูไม่มีเงินค่ะ"

    "สัมฤทธิ์" บอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไร "เดี๋ยวฉันจะทำให้หมด"

    เงินที่ใช้ในการลงทุนตกแต่งร้าน "เอ็มเคสุกี้" สาขาแรกเป็นเงินประมาณ 20 ล้านบาท

    "สัมฤทธิ์" ควักให้

    แต่ถึงกระนั้น การทำร้านสุกี้ขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความเสี่ยง

    เพราะเป็น "สินค้า" ที่ "ยุพิน" ไม่มีประสบการณ์มาก่อน

    วันที่ "ยุพิน" นำเรื่องนี้มาเล่าให้ที่บ้านฟัง คุณแม่ทองคำตัดสินใจทันที "ทำไปเลยลูก เดี๋ยวแม่จะช่วยเอง" วันนั้น "ฤทธิ์" สามีของ ยุพินไม่เห็นด้วย พ่อของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย น้องชายของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย "ผู้ชาย" ในบ้านทุกคน ไม่เห็นด้วย มีคนที่เห็นด้วยเพียง 2 คน คือ "ยุพิน" และคุณแม่ทองคำ "ผู้หญิง" ทั้งคู่

    "ผู้หญิง" ที่เป็นเสียงส่วนน้อย "เห็นด้วย"

    แต่ร้าน "เอ็มเคสุกี้" ก็กำเนิดขึ้นมา ร้านเอ็มเคสุกี้มีหลักคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทำร้านอาหาร คือ "เจ้าของ" ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง กินอะไรที่ร้าน ต้องจ่าย "ยุพิน" เป็นคนวางกฎนี้เอง เพราะแต่ละคนก็มีน้อง มีเพื่อน มีน้องเพื่อน ลูกเพื่อน ถ้าไม่กำหนดหลักการไว้จะลำบากในการดูแล

    วันแรกที่เปิดร้าน พ่อของ "ยุพิน" พาเพื่อนไปเลี้ยง แต่ต้องจ่ายตังค์ เขาโมโหมาก เพราะเสียหน้า แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่าทำไมต้องใช้กติกานี้ ตอนนี้ถ้าลูกสาวพาเพื่อนไปเลี้ยง คุณยุพินก็จะโอนเงินไปจ่ายที่ร้าน กลายเป็นกติกาที่รู้กันใน "เอ็มเคสุกี้"

    คำสอนของคุณแม่ทองคำตอนเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอสอนลูกสาวและลูกเขยว่า เมื่อได้อะไรมาก็แล้วแต่ ให้ทำให้ดีที่สุด "และถ้ามีอะไรผิดพลาด ให้ถือว่าเราไม่ได้เจตนา มันเกิดขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ" เพราะการทำงานนั้น "ใจ" ของเราสำคัญที่สุด การเริ่มต้นงานใหม่ "กำลังใจ" เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามัวแต่มองความผิดพลาดและโทษตัวเอง เราจะหมดกำลังใจ

    ต้องถือหลักว่าถ้าเจตนา เขาเรียกว่า "ความผิด" แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้ว และไม่เจตนา เขาเรียกว่า "พลาด" แค่พลาดก็แก้ไขใหม่ เท่านั้นเอง คุณแม่ทองคำเป็นคนมัธยัสถ์มาก ตอนทำเอ็มเคยุคแรกๆ จะใส่เสื้อผ้าเพียงแค่ 2 ชุด หรือช่วงเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอจะไปจ่ายตลาดเอง ไปรถเมล์ กลับรถตุ๊กๆ

    เธอใช้เงินเพื่อตัวเองน้อยมาก แต่ถ้าให้คนอื่นหรือบริจาคให้โรงพยาบาล โรงเรียน หรือวัด เท่าไรเท่ากัน เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าคุณแม่ทองคำเป็นคนใจบุญ
    และนี่คือสิ่งที่ "ฤทธิ์-ยุพิน" ทำตาม ล่าสุด ตอนที่แม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เธอบอกคุณหมอว่า ถ้าที่โรงพยาบาลมีสถานที่ เธอจะเปิดร้านเอ็มเคสุกี้ให้
    กำไรเท่าไร ยกให้โรงพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้ "เอ็มเคสุกี้" เริ่มแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช

    กำลังจะขยายไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลรามาฯ แนวคิดเหมือนเดิม คือ กำไรเท่าไรมอบให้โรงพยาบาลทั้งหมด

    "เพิ่งคุยกับคุณฤทธิ์ว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดบ้าง" พนักงานของ "เอ็มเคสุกี้" สาขาโรงพยาบาลเหล่านี้ ทำงานมีความสุขมาก เพราะสาขามีกำไรเท่าไรก็ได้ทำบุญเท่านั้น ทำงานเหมือนกับทำบุญ จะไม่มีความสุขได้อย่างไร

    จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร"
    Cr: เพจเจาะเวลาหาอดีต
    ตำนาน "#ผู้หญิง" สร้างร้านสุกี้ #MK ในไทย ความสำเร็จของ "ผู้หญิง" ผู้สร้าง "เอ็มเคสุกี้" จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" "ยุพิน" เป็นภรรยาของ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน" เอ็มเคสุกี้" เริ่มต้นมาจากร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ คุณแม่ทองคำ เมฆโต แม่ของ "ยุพิน" เป็นผู้บุกเบิก แต่เจ้าของร้านเอ็มเคต้นตำรับ เป็นผู้หญิงชาวฮ่องกง ชื่อว่า "มาคอง คิงยี" "มาคอง คิงยี" อยู่ กทม. บ้านติดกับคุณแม่ทองคำ เธอเป็นคนรวยมาก ส่วนคุณแม่ทองคำเป็น "แม่บ้าน" ทำอาหารเก่ง วันหนึ่ง "มาคอง คิงยี" อยากเปิดร้านอาหารที่สยามสแควร์ ก็เลยชวนคุณแม่ทองคำมาเป็น "แม่ครัว" ชื่อร้าน "เอ็มเค" ก็มาจากชื่อ "มาคอง " ทำอยู่พักหนึ่งก็เบื่อ เพราะลูกค้าเริ่มจู้จี้จุกจิก สุดท้ายก็เลิกทำ และยกให้คุณแม่ทองคำทำต่อไป โดยให้ทยอยผ่อนชำระไปเรื่อยๆ คุณนายมาคองย้ายไปปักหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนคุณแม่ทองคำก็บุกเบิกร้านเอ็มเคจนประสบความสำเร็จ "คุณแม่ถือเป็นคนเกื้อกูลและเอื้ออารีแบบคนโบราณ เราติดแม่เขา ติดเจ้าของ เจ้าของไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลูกค้า ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คนที่เขารู้จักมาก่อน" จากร้านเอ็มเคที่สยามสแควร์ ขยายเป็น "กรีนเอ็มเค" ที่ "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" และ "เอ็มเคสุกี้" ในที่สุด ตํานาน "เอ็มเคสุกี้" มาจาก "ผู้หญิง" 2 คนครับ ตอนที่ "ยุพิน" บุกเบิกร้าน "กรีนเอ็มเค" ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้านนี้ขายอาหารไทยเหมือนกับร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ "ยุพิน" เป็นคนขยันเหมือนแม่ ตีห้าจะออกจากบ้าน เข้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ "สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์" พักอยู่ที่ "เซ็นทรัล" เขาตื่นเช้ามาออกกำลังกายทุกวัน และเจอ "ยุพิน" เป็นประจำ เขาถามว่า "มาทำอะไรตั้งแต่เช้า" เธอตอบว่ามาเตรียมตัวเปิดร้าน "สัมฤทธิ์" คงเห็นความขยันของ "ยุพิน" วันหนึ่ง เขาจึงบอกว่าจะให้ทำร้านสุกี้ที่ชั้นล่างพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร "ยุพิน" ปฏิเสธทันที "หนูไม่มีเงินค่ะ" "สัมฤทธิ์" บอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไร "เดี๋ยวฉันจะทำให้หมด" เงินที่ใช้ในการลงทุนตกแต่งร้าน "เอ็มเคสุกี้" สาขาแรกเป็นเงินประมาณ 20 ล้านบาท "สัมฤทธิ์" ควักให้ แต่ถึงกระนั้น การทำร้านสุกี้ขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความเสี่ยง เพราะเป็น "สินค้า" ที่ "ยุพิน" ไม่มีประสบการณ์มาก่อน วันที่ "ยุพิน" นำเรื่องนี้มาเล่าให้ที่บ้านฟัง คุณแม่ทองคำตัดสินใจทันที "ทำไปเลยลูก เดี๋ยวแม่จะช่วยเอง" วันนั้น "ฤทธิ์" สามีของ ยุพินไม่เห็นด้วย พ่อของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย น้องชายของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย "ผู้ชาย" ในบ้านทุกคน ไม่เห็นด้วย มีคนที่เห็นด้วยเพียง 2 คน คือ "ยุพิน" และคุณแม่ทองคำ "ผู้หญิง" ทั้งคู่ "ผู้หญิง" ที่เป็นเสียงส่วนน้อย "เห็นด้วย" แต่ร้าน "เอ็มเคสุกี้" ก็กำเนิดขึ้นมา ร้านเอ็มเคสุกี้มีหลักคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทำร้านอาหาร คือ "เจ้าของ" ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง กินอะไรที่ร้าน ต้องจ่าย "ยุพิน" เป็นคนวางกฎนี้เอง เพราะแต่ละคนก็มีน้อง มีเพื่อน มีน้องเพื่อน ลูกเพื่อน ถ้าไม่กำหนดหลักการไว้จะลำบากในการดูแล วันแรกที่เปิดร้าน พ่อของ "ยุพิน" พาเพื่อนไปเลี้ยง แต่ต้องจ่ายตังค์ เขาโมโหมาก เพราะเสียหน้า แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่าทำไมต้องใช้กติกานี้ ตอนนี้ถ้าลูกสาวพาเพื่อนไปเลี้ยง คุณยุพินก็จะโอนเงินไปจ่ายที่ร้าน กลายเป็นกติกาที่รู้กันใน "เอ็มเคสุกี้" คำสอนของคุณแม่ทองคำตอนเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอสอนลูกสาวและลูกเขยว่า เมื่อได้อะไรมาก็แล้วแต่ ให้ทำให้ดีที่สุด "และถ้ามีอะไรผิดพลาด ให้ถือว่าเราไม่ได้เจตนา มันเกิดขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ" เพราะการทำงานนั้น "ใจ" ของเราสำคัญที่สุด การเริ่มต้นงานใหม่ "กำลังใจ" เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามัวแต่มองความผิดพลาดและโทษตัวเอง เราจะหมดกำลังใจ ต้องถือหลักว่าถ้าเจตนา เขาเรียกว่า "ความผิด" แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้ว และไม่เจตนา เขาเรียกว่า "พลาด" แค่พลาดก็แก้ไขใหม่ เท่านั้นเอง คุณแม่ทองคำเป็นคนมัธยัสถ์มาก ตอนทำเอ็มเคยุคแรกๆ จะใส่เสื้อผ้าเพียงแค่ 2 ชุด หรือช่วงเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอจะไปจ่ายตลาดเอง ไปรถเมล์ กลับรถตุ๊กๆ เธอใช้เงินเพื่อตัวเองน้อยมาก แต่ถ้าให้คนอื่นหรือบริจาคให้โรงพยาบาล โรงเรียน หรือวัด เท่าไรเท่ากัน เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าคุณแม่ทองคำเป็นคนใจบุญ และนี่คือสิ่งที่ "ฤทธิ์-ยุพิน" ทำตาม ล่าสุด ตอนที่แม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เธอบอกคุณหมอว่า ถ้าที่โรงพยาบาลมีสถานที่ เธอจะเปิดร้านเอ็มเคสุกี้ให้ กำไรเท่าไร ยกให้โรงพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้ "เอ็มเคสุกี้" เริ่มแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช กำลังจะขยายไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลรามาฯ แนวคิดเหมือนเดิม คือ กำไรเท่าไรมอบให้โรงพยาบาลทั้งหมด "เพิ่งคุยกับคุณฤทธิ์ว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดบ้าง" พนักงานของ "เอ็มเคสุกี้" สาขาโรงพยาบาลเหล่านี้ ทำงานมีความสุขมาก เพราะสาขามีกำไรเท่าไรก็ได้ทำบุญเท่านั้น ทำงานเหมือนกับทำบุญ จะไม่มีความสุขได้อย่างไร จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" Cr: เพจเจาะเวลาหาอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!!

    ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ
    เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร

    Somkiat Osotsapa
    January 31 at 5:18am ·
    พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน
    -------------------------
    เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต
    ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก

    แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา

    แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น

    สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง

    อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า…

    เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก
    คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที
    เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค
    แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว…

    แล้วก็รู้ว่า:-
    ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ
    แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว
    งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ

    ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม

    ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก
    หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก
    นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ

    ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว

    รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก

    นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี

    ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย

    ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ…

    ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้
    แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน
    ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน

    ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข

    นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น

    นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ

    บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน

    Somkiat Osotsapa
    February 5 at 12:31am ·

    เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร
    --------------------------
    อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ

    คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน

    มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท

    ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก)

    ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50%

    คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง
    เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย

    ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก…

    รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม…

    การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย…

    รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี…

    ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก

    ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย
    เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย

    ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้

    ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด

    งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน

    เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด

    หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี

    ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า

    อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป
    --------------------------
    ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด

    ระวังว่ามันจะระเบิด

    ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ

    ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้
    ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4

    ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ

    เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ

    เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี

    กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ

    ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี…
    ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา
    วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ
    อือม์ มันน่ากลัว…
    เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว
    --------------

    ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม
    เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space

    ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่…
    สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด…

    ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก…
    ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก
    ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน

    ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000
    แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ

    ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน
    อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา…
    ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด

    มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย

    ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย

    ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้
    มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา

    ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก

    มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ
    จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้

    มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 ---------------

    ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด

    ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์

    ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า

    ไม่เจ๊งไงไหว
    ---------------------

    ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก…
    เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ

    เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้
    --------------
    ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว
    -------------------

    ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก…

    ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง

    ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม…
    ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ
    --------------
    ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน
    --------------

    ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ
    ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ

    ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน

    ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์

    ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ

    กรรมการสภากาชาดด้วย

    ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย

    ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก

    เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน

    แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว

    ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก

    ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว
    มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ
    ------------------
    ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้

    เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ
    จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้…

    วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย
    ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา
    เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!! ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร Somkiat Osotsapa January 31 at 5:18am · พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน ------------------------- เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า… เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว… แล้วก็รู้ว่า:- ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ… ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้ แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน Somkiat Osotsapa February 5 at 12:31am · เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร -------------------------- อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก) ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50% คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก… รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม… การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย… รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี… ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้ ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป -------------------------- ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด ระวังว่ามันจะระเบิด ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4 ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี… ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ อือม์ มันน่ากลัว… เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว -------------- ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่… สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด… ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก… ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000 แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา… ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้ มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้ มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 --------------- ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์ ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า ไม่เจ๊งไงไหว --------------------- ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก… เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้ -------------- ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว ------------------- ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก… ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม… ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ -------------- ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน -------------- ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์ ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ กรรมการสภากาชาดด้วย ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ ------------------ ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้ เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้… วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/11/67

    เปิดแล้ว! "ป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์" หน้าซีคอน บางแค

    ห้างซีคอน บางแค เดินหน้าสานต่อโครงการ “ป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์” แห่งแรกของฝั่งธน รับได้ 40 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ

    ห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค เปิดบริการป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของฝั่งธน (Seacon Air Condition Solar Bus Station) ป้ายรถเมล์ที่เป็นมากกว่าจุดรถรับส่งผู้โดยสาร
    สำหรับป้ายรถเมล์อัจฉริยะแห่งนี้เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการป้ายรถเมล์ติดแอร์แห่งแรก “Sabuy Square” ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเป็นแห่งที่สองของโครงการ เป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีต้นทุนต่อสังคมและองค์กรน้อยที่สุด แต่เกิดเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมสาธารณะ จึงได้นำมาประยุกต์ปรับใช้กับการเดินทางในชีวิตประจำวันของคนเมือง

    สำหรับป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอน บางแค ถนนเพชรเกษม MRT สถานีภาษีเจริญ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30 – 23.00 น. มีพื้นที่พักคอยทั้งภายในและภายนอกรวมขนาดพื้นที่ 56 ตารางเมตร สามารถรองรับจำนวนคนกว่า 40 คน

    โดยได้ออกแบบวางระบบเพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้พักพิงระหว่างรอคอยเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะโดยเฉพาะ พร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างครบครัน ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศ KUKU พลังงานแสงอาทิตย์ บริการ Free Wi-Fi จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ที่เสียบ USB สำหรับซาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ ตู้กดน้ำดื่มสาธารณะ กล้อง CCTV เชื่อมต่อระบบไปยังศูนย์บริหารจัดการ ระบบสัญญาณเตือนฉุกเฉิน (Panic Button) จอแสดงสายรถเมล์ที่กำลังจะมาถึง ตัวโครงสร้างช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดและลมฝน ปกป้องจากสภาวะมลพิษฝุ่นควัน PM2.5 รวมถึงช่วยป้องกันอันตรายจากท้องถนนอีกด้วย
    ขอบคุณ:www.posttofay.com
    4/11/67 เปิดแล้ว! "ป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์" หน้าซีคอน บางแค ห้างซีคอน บางแค เดินหน้าสานต่อโครงการ “ป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์” แห่งแรกของฝั่งธน รับได้ 40 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค เปิดบริการป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของฝั่งธน (Seacon Air Condition Solar Bus Station) ป้ายรถเมล์ที่เป็นมากกว่าจุดรถรับส่งผู้โดยสาร สำหรับป้ายรถเมล์อัจฉริยะแห่งนี้เป็นการต่อยอดมาจาก โครงการป้ายรถเมล์ติดแอร์แห่งแรก “Sabuy Square” ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเป็นแห่งที่สองของโครงการ เป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีต้นทุนต่อสังคมและองค์กรน้อยที่สุด แต่เกิดเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมสาธารณะ จึงได้นำมาประยุกต์ปรับใช้กับการเดินทางในชีวิตประจำวันของคนเมือง สำหรับป้ายรถเมล์ติดแอร์พลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอน บางแค ถนนเพชรเกษม MRT สถานีภาษีเจริญ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30 – 23.00 น. มีพื้นที่พักคอยทั้งภายในและภายนอกรวมขนาดพื้นที่ 56 ตารางเมตร สามารถรองรับจำนวนคนกว่า 40 คน โดยได้ออกแบบวางระบบเพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้พักพิงระหว่างรอคอยเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะโดยเฉพาะ พร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างครบครัน ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศ KUKU พลังงานแสงอาทิตย์ บริการ Free Wi-Fi จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ที่เสียบ USB สำหรับซาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ ตู้กดน้ำดื่มสาธารณะ กล้อง CCTV เชื่อมต่อระบบไปยังศูนย์บริหารจัดการ ระบบสัญญาณเตือนฉุกเฉิน (Panic Button) จอแสดงสายรถเมล์ที่กำลังจะมาถึง ตัวโครงสร้างช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดและลมฝน ปกป้องจากสภาวะมลพิษฝุ่นควัน PM2.5 รวมถึงช่วยป้องกันอันตรายจากท้องถนนอีกด้วย ขอบคุณ:www.posttofay.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31-10-67/01 : หมี CNN / สัพเพเหระ เม้าท์มอย สังขยา ปลาปิ้ง EP.51 "COUNTDOWN CLOCK 7 DAYS" อเมริกาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หรือไม่? อีทรัมปป์แลนด์สไลด์ชัวร์ แต่อีกมลาไม่ยอมแน่ ศึกชิงเก้าอี้ จะจบที่ CIVIL WAR แน่นอน เพราะอียิวเหี้ยไซออนนิสต์เปิดแผนแตกอเมริกานานแล้ว ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์ประกาศลั่นโลก สิ่งแรกที่จะทำหลังรับตำแหน่งปธน.คือ "ไล่เก็บไอ้อีเหี้ย DEEP STATE ครั้งใหญ่" ล้างบาง ล้างโคตร ทำได้จริงเหรอ? ทหาร ตำรวจ หน่วยความมั่นคง ตลาดหุ้น ธนาคาร สื่อสาร แม้แต่ในสภาตอแหล ก็ของมันทั้งหมดน่ะ! ลีลานักการเมือง ทำห่าอะไรก็ได้ ขอแค่กูชนะก็พอ! หลังชนะ กูจะลืมหมด ว่าเคยสัญญาอะไร? ถามจริง? นี่มรึง..ยังไม่ชินกับปชต.ตอแหล หลอกควายอีกเหรอ? อีทรัมปป์สั่งลุย DEEP STATE ที่ฝังรากลงลึกมายาวนานนับ 100 ปี คิดว่าจะทำก็ทำได้เหรอ? แท้จริง แค่ละครปาหี่ "ภาพมายา" ทั้งหมดเพื่อแผนเอาตัวรอด โยนบาปให้สิ่งที่ไม่มีตัวตน นามธรรม JFK ตายยังไง? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้? ภาพมันชัดเจน อีทรัมปป์จะไม่รบกับรัสเซีย ทุกกรณี เพราะไม่โง่ รู้ดีว่ารบกันใครตายห่าก่อน? แม้แต่กับจีน สงครามการค้าก็ทำไป แต่จะไม่รบโดยตรงกับจีนเด็ดขาด เพราะอเมริกามันหมามานานแล้ว จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้เค้า นุ๊กก็โคตรจะเก่า อาวุธก็โคตรจะห่วย เก่งแต่จัดฉาก ฮอลีวู๊ด หลอกควายไปวันวัน ที่จะบอกคือ ไม่สำคัญดอกว่า "อเมริกาจะเป็นยังไง จะเดินต่อไปยังไง" เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่มรึงแล้ว? เหตุเพราะ โลกเดินตามขั้วใหม่ไปหมดแล้ว ดังนั้น หมากตานี้ จะไม่ส่งผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา ยังไง โลกก็จะไม่กลับไปใช้ระบบมาเฟีย ศาลเตี้ย แบบเดิมอีกต่อไป นั่นแหละ "คำตอบที่แท้จริง" เหี้ยมะกันยังคิดว่าตัวเองคือผู้นำโลกอยู่ แต่ในความเป็นจริง อำนาจสั่งการได้จริง ไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ทั้งอาหรับ แอฟริกา ลาติน ทิ้งดอลล่าร์หมดเกลี้ยง แค่มรึงจะเอาตัวรอด ไม่ให้อดตาย อดอยาก ปากแห้ง ยังยาก? สรุปคือเลือกตั้งอเมริกา ไม่ได้กำหนดทิศทางโลก แต่มันคือ "แผนแตกอเมริกา" มากกว่า! เพราะใครจะโง่ใช้หนี้ที่ไม่มีวันจ่ายได้หมดจริง? อยู่ดีดี เจ้าหญิงกรีซ ก็มาเยือนเมืองไทย ทำกิจกรรมอาบน้ำช้าง สนุกสุดแหว่ง แต่ช้างแย่งซีนคาตา กูกำลังเอากันอยู่ ดีออก? ใครใช้ให้มรึงมาแอบถ่ายกู ว๊ายๆ นี่แหละ AMAZING THAILAND ไม่มีที่ไหนในโลกเหมือน? ใครที่กังวลอยู่ เรื่องไอ้อีเหี้ยจ้องจะลากแรงงานเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นหัวคะแนน 400000 ตัว หมายังรู้ทัน? เอาเข้ามาเลย ให้ว่อง ให้ไว กูเคยบอกแล้วชิมิ ฝีไม่แตก ลายไม่ออก ธาตุแท้ไม่เผย มรึงจะไปเอาใบเสร็จจากไหนกันล่ะ ทั้งหมดคือ "กับดัก" ทั้งนั้น เมื่อวันนึงมาถึง มรึงจะเข้าใจว่าทำไม เหี้ยถึงได้เผ่นหนีออกจากแผ่นดินจนหมดเกลี้ยง แค่ "กระดาษใบเดียว" หน่วยข่าวกรองมี หน่วยความมั่นคงมี หน่วยรักษาดินแดนมี ไม่ว่าไอ้อีหน้าไหน ที่มาสวมบทนายก รมต. จะออกกฎเหี้ยห่าอะไรก็ตามที สุดท้ายเป็นโมฆะได้หมด แค่ศาลสั่งคำเดียว พ่วงใบสั่งเชือดยกพรรค และผู้มีส่วนรู้เห็นทั้งหมด แล้วมรึงจะเข้าใจในสิ่งที่กูพยายามจะบอกมาเป็นปีปี ทำไม เหี้ยมันหายหัวไปไหนกันหมด เพราะตรายางศาลคือ "ไม่มีกำหนดเวลาอีกแล้ว" ฉะนั้น ปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริงเค้าทำงานไป อยากทำอะไร เชิญ อยากเหี้ยแค่ไหน เชิญ เพราะไอ้สิ่งที่ทำ มันคือใบเสร็จฆ่ามรึงทุกดอก! ศาลเค้ารออยู่ มรึงต้องให้กูพูดอีกกี่ครั้ง? ส่วนความเสียหายไม่ต้องห่วง กุนซือ เกจิ เค้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่ให้บ้านเมืองเดือดร้อนดอกน่ะ เค้ามีขอบเขต กำหนดชัดเจน เท่าไหร่? ระดับชาติ ไม่มานั่งเล่นปาหี่ ดิ้นไปมาตามก้นเหี้ยดอกน่ะ ปล่อยให้มันเดินไปสู่กับดักตัวเอง นั่นคือ "โคตรเซียน" ไม่ต้องมีใครตาย ไม่ต้องขับไล่ เพราะมันจะเผ่นทุกไอ้อีทั้งวงศ์ตระกูล ใครจะอยู่ให้โง่ "คุกยาว" อย่าถามกูอีก กูเบื่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ เหี้ยมันจะทำห่าอะไรอีก มะรืน เหี้ยสั่งขายแผ่นดินต่อ สัปดาห์หน้าเชิญขะแมร์เข้ามายึดเกาะกูด เอาเลย เอาให้เต็มที่ แล้วมรึงแหกตาดูว่ามันจะทำได้จริงมั้ย? ถามคำเดียว "มรึงมองข้ามพ่อไปได้ยังไง แผ่นดินนี้ของใคร ใครหวงแหนที่สุด" ยุคร.10 คือยุคพระเดช มรึงยังไม่ได้เห็นของจริง บทจะมา มรึงจะได้เห็นเหี้ยร้องขอชีวิตกันตรึม? ปล่อยมันซะ เอาเลย เอาให้เต็มที่ มีเหี้ยอะไรที่เหี้ยได้กว่านี้ ระยำได้โล่ SHOW ME YOUR HIA เอาให้สุดซอยไปเลย แล้วตอนที่มรึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ อย่าร้อง ไอ้สัส! นิ่งไม่เป็น ทำการใหญ่ไม่ได้ บ้านนี้เมืองนี้ มีพ่อดูแลอยู่ ใยต้องห่วงอีก จบน่ะ?

    ปล.จุดจบยิวกำลังจะมาถึง สถานการณ์สุกงอมขั้นสูงสุดแล้ว ด่านหน้าเยรูซาเล็มแตกแล้ว ภายในแตกเละเทะ ควบคุมไม่อยู่ ฐานทัพไปหมด ถูกทำลายแสนยานุภาพไปเยอะ จะสวนกลับไม่มี กระสุนหมด อาวุธเกลี้นง แถมคลังระเบิด เส้นทางลำเลียงตัดขาด กองหนุนไม่มา ทหารไม่เหลือ มันจบแล้วครับนาย? เมื่อเหี้ยยิวรู้ตัวว่าแพ้ แผนแตกย้ายแผ่นดินหนี รอแผ่นดินใหม่อยู่ จึงล่าช้ากว่ากำหนด เพราะอเมริกากลัวตาย ไม่กล้าชนซึ่งหน้า คิดหนีเอาตัวรอด อียิวเลยหมาทุกวันนี้ อียูเครนจบไปแล้ว อีโปล อีฟินน์คือรายต่อไป ถามว่าปูตินรออะไรอยู่ รอทุกอย่าง SET ลงตัวก่อน เพื่อให้ไคร์เมียร์มีฐานทัพถาวรอยู่ เพื่อความมั่นคงก่อน เส้นทางหลักเป็นของรัสเซีย เมื่อนั่น แผนเดินหน้าต่อไม่ยาก เพราะอี NATO มันหมดอาวุธไปเยอะแล้ว ทหารก็ตายห่าไปเยอะ อีโปลแค่ทางผ่าน ใครจะส่งไปช่วยกันล่ะ เท่ากับประกาศศึกกับรัสเซียโดยตรง จะมีใครโง่ฆ่าตัวตาย? เชื่อกูดิ? อีฟินน์มอบแน่ อีสวิงกิ้งคลานมากราบตรีนปูตินชัวร์ ส่วนอีลอนดอนไม่รอด มรึงต้องโดน เพราะเสี้ยนเกิน วอนส้นตรีนมานาน ใส่ร้ายป้ายสีกูมาเป็นชาติ ไม่โดนส้นตรีนคงนอนตายตาไม่หลับ? รัสเซียรู้ตัวดีว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ พิมพ์เขียวชัด เดินตามสเตป ไม่รีบ ไม่ร้อน ค่อยๆ เชือด เพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงเกินความจำเป็น จนเหี้ยอ่อนแรง และยอมแพ้ไปในที่สุด รักษาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้ได้เป็นล้าน! มรึงเห็นแล้วชิมิ? ยามหมดบุญ หมดวาสนา เพราะกรรมชั่วที่ก่อ จึงทำให้มรึงเสื่อม อีทนาย 18 มงกุฎ นอนคุกชัวร์ แดร๊กเยี่ยว 71 แก้วต่อในคุก เพ่อ้อย แค้นจัด เอาให้สุดซอย "ทำกับกูได้ ไอ้เนรคุณ ไอ้สัสกะหมา" ไอ้อี ที่ชอบอวดรวย อวดมั่ง อวดมี โชว์กันจัง นอนคุกกันหมด ชีวิตดี๊ดี ที่ไอ้พวกคลั่งปชต.อยากได้ไงล่ะ รวยคืออะไร พอดีคืออะไร ดวงตาเห็นธรรม ชีวิตเป็นสุข มีเงิน 100 บาท ก็มีความสุขได้ แดร๊กข้าวไข่เจียว ยังเหลือซื้อเศษกระดูกเลี้ยงน้องหมาได้อีก ทำบุญ ทำทาน บารมีก่อเกิด เดินไปเรื่อย เจอะแบงค์ 500 ใครทำตกไว้นะ เป็นคนดี เอาไปแจ้งความ ตำหนวดบอก "ขอบคุณ ได้ค่าหมดนวดแล้ว ลดพิเศษ 50%" ทำบุญให้หมาไป เหลือเงิน 50 สงสารเห็นขอทาน ยกให้ พรุ่งนี้ ค่อยหาใหม่ ขอทานซาบซึ้ง ให้เหรียญพระมาองค์นึงเพื่อตอบแทน ปฎิเสธไม่รับ แต่จนใจ เพราะเค้าอยากตอบแทนให้ เลยรับไว้ ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน รถยางแตก เสียหลักชนเสาไฟฟ้า รอดตายหวุดหวิดไม่เป็นอะไร แต่หลายคนบาดเจ็บ ไม่มีใครตาย แต่เหรียญพระหายไปไหนไม่รู้? นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อานิสงค์แห่งกรรมดี ไม่มีใครรู้จะมาเมื่อไหร่ แต่ความดี คือเกราะคุ้มครองภัยให้ผู้ถือศีลในธรรมเสมอมา อย่าคิดแต่จะรับ จงเป็นผู้ให้ก่อนเสมอ ให้แล้วใจเป็นสุข ให้แล้วสบายใจ ว่าแล้ว ใครมี 100 นึง มาให้กูยืมหน่อยดิ?

    หมี CNN(ละครโลกใกล้เปิดเทศกาล ละครไทยไข้ผีห่าซาตานออกลายเกลื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามบทสวรรค์ ปล่อยให้มันเกิด เป็นไป เปลี่ยนแปลง เพราะนี่มันถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว กลียุคจะทิ้งทวน มรึงจะห้ามได้อย่างไร เชื้อชั่วฝังใน ฝังลึกมานมนาน จะเอาออกให้หมด ต้องล้างด้วย HAITER สูตร นรกล้างบางเดรัจฉาน ออกดอก ออกฤทธิ์ให้หมด กวาดทีเดียว แผ่นดินสะอาดหมดจรด ยังเหี้ยได้อีก ยังเหี้ยไม่เลิก เอาให้สาสมใจมรึง แล้วเวลาถูกเชือด อย่าร้อง กูเบื่อ เก่งให้สุด เหี้ยให้รอด ล่ะกัน? I LOVE กลียุค ไอ้อี อีแอบ เดรัจฉานในร่างคน มรึงยังจะได้เห็นกันอีกเยอะ ไม่มีกลียุค มรึงจะไม่มีวันรู้ ว่าใจคน ยากจะหยั่งถึง?)
    31 ตุลาคม 67
    10.52 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    31-10-67/01 : หมี CNN / สัพเพเหระ เม้าท์มอย สังขยา ปลาปิ้ง EP.51 "COUNTDOWN CLOCK 7 DAYS" อเมริกาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หรือไม่? อีทรัมปป์แลนด์สไลด์ชัวร์ แต่อีกมลาไม่ยอมแน่ ศึกชิงเก้าอี้ จะจบที่ CIVIL WAR แน่นอน เพราะอียิวเหี้ยไซออนนิสต์เปิดแผนแตกอเมริกานานแล้ว ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์ประกาศลั่นโลก สิ่งแรกที่จะทำหลังรับตำแหน่งปธน.คือ "ไล่เก็บไอ้อีเหี้ย DEEP STATE ครั้งใหญ่" ล้างบาง ล้างโคตร ทำได้จริงเหรอ? ทหาร ตำรวจ หน่วยความมั่นคง ตลาดหุ้น ธนาคาร สื่อสาร แม้แต่ในสภาตอแหล ก็ของมันทั้งหมดน่ะ! ลีลานักการเมือง ทำห่าอะไรก็ได้ ขอแค่กูชนะก็พอ! หลังชนะ กูจะลืมหมด ว่าเคยสัญญาอะไร? ถามจริง? นี่มรึง..ยังไม่ชินกับปชต.ตอแหล หลอกควายอีกเหรอ? อีทรัมปป์สั่งลุย DEEP STATE ที่ฝังรากลงลึกมายาวนานนับ 100 ปี คิดว่าจะทำก็ทำได้เหรอ? แท้จริง แค่ละครปาหี่ "ภาพมายา" ทั้งหมดเพื่อแผนเอาตัวรอด โยนบาปให้สิ่งที่ไม่มีตัวตน นามธรรม JFK ตายยังไง? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้? ภาพมันชัดเจน อีทรัมปป์จะไม่รบกับรัสเซีย ทุกกรณี เพราะไม่โง่ รู้ดีว่ารบกันใครตายห่าก่อน? แม้แต่กับจีน สงครามการค้าก็ทำไป แต่จะไม่รบโดยตรงกับจีนเด็ดขาด เพราะอเมริกามันหมามานานแล้ว จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้เค้า นุ๊กก็โคตรจะเก่า อาวุธก็โคตรจะห่วย เก่งแต่จัดฉาก ฮอลีวู๊ด หลอกควายไปวันวัน ที่จะบอกคือ ไม่สำคัญดอกว่า "อเมริกาจะเป็นยังไง จะเดินต่อไปยังไง" เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่มรึงแล้ว? เหตุเพราะ โลกเดินตามขั้วใหม่ไปหมดแล้ว ดังนั้น หมากตานี้ จะไม่ส่งผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา ยังไง โลกก็จะไม่กลับไปใช้ระบบมาเฟีย ศาลเตี้ย แบบเดิมอีกต่อไป นั่นแหละ "คำตอบที่แท้จริง" เหี้ยมะกันยังคิดว่าตัวเองคือผู้นำโลกอยู่ แต่ในความเป็นจริง อำนาจสั่งการได้จริง ไม่มีหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ทั้งอาหรับ แอฟริกา ลาติน ทิ้งดอลล่าร์หมดเกลี้ยง แค่มรึงจะเอาตัวรอด ไม่ให้อดตาย อดอยาก ปากแห้ง ยังยาก? สรุปคือเลือกตั้งอเมริกา ไม่ได้กำหนดทิศทางโลก แต่มันคือ "แผนแตกอเมริกา" มากกว่า! เพราะใครจะโง่ใช้หนี้ที่ไม่มีวันจ่ายได้หมดจริง? อยู่ดีดี เจ้าหญิงกรีซ ก็มาเยือนเมืองไทย ทำกิจกรรมอาบน้ำช้าง สนุกสุดแหว่ง แต่ช้างแย่งซีนคาตา กูกำลังเอากันอยู่ ดีออก? ใครใช้ให้มรึงมาแอบถ่ายกู ว๊ายๆ นี่แหละ AMAZING THAILAND ไม่มีที่ไหนในโลกเหมือน? ใครที่กังวลอยู่ เรื่องไอ้อีเหี้ยจ้องจะลากแรงงานเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นหัวคะแนน 400000 ตัว หมายังรู้ทัน? เอาเข้ามาเลย ให้ว่อง ให้ไว กูเคยบอกแล้วชิมิ ฝีไม่แตก ลายไม่ออก ธาตุแท้ไม่เผย มรึงจะไปเอาใบเสร็จจากไหนกันล่ะ ทั้งหมดคือ "กับดัก" ทั้งนั้น เมื่อวันนึงมาถึง มรึงจะเข้าใจว่าทำไม เหี้ยถึงได้เผ่นหนีออกจากแผ่นดินจนหมดเกลี้ยง แค่ "กระดาษใบเดียว" หน่วยข่าวกรองมี หน่วยความมั่นคงมี หน่วยรักษาดินแดนมี ไม่ว่าไอ้อีหน้าไหน ที่มาสวมบทนายก รมต. จะออกกฎเหี้ยห่าอะไรก็ตามที สุดท้ายเป็นโมฆะได้หมด แค่ศาลสั่งคำเดียว พ่วงใบสั่งเชือดยกพรรค และผู้มีส่วนรู้เห็นทั้งหมด แล้วมรึงจะเข้าใจในสิ่งที่กูพยายามจะบอกมาเป็นปีปี ทำไม เหี้ยมันหายหัวไปไหนกันหมด เพราะตรายางศาลคือ "ไม่มีกำหนดเวลาอีกแล้ว" ฉะนั้น ปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริงเค้าทำงานไป อยากทำอะไร เชิญ อยากเหี้ยแค่ไหน เชิญ เพราะไอ้สิ่งที่ทำ มันคือใบเสร็จฆ่ามรึงทุกดอก! ศาลเค้ารออยู่ มรึงต้องให้กูพูดอีกกี่ครั้ง? ส่วนความเสียหายไม่ต้องห่วง กุนซือ เกจิ เค้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว ไม่ให้บ้านเมืองเดือดร้อนดอกน่ะ เค้ามีขอบเขต กำหนดชัดเจน เท่าไหร่? ระดับชาติ ไม่มานั่งเล่นปาหี่ ดิ้นไปมาตามก้นเหี้ยดอกน่ะ ปล่อยให้มันเดินไปสู่กับดักตัวเอง นั่นคือ "โคตรเซียน" ไม่ต้องมีใครตาย ไม่ต้องขับไล่ เพราะมันจะเผ่นทุกไอ้อีทั้งวงศ์ตระกูล ใครจะอยู่ให้โง่ "คุกยาว" อย่าถามกูอีก กูเบื่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ เหี้ยมันจะทำห่าอะไรอีก มะรืน เหี้ยสั่งขายแผ่นดินต่อ สัปดาห์หน้าเชิญขะแมร์เข้ามายึดเกาะกูด เอาเลย เอาให้เต็มที่ แล้วมรึงแหกตาดูว่ามันจะทำได้จริงมั้ย? ถามคำเดียว "มรึงมองข้ามพ่อไปได้ยังไง แผ่นดินนี้ของใคร ใครหวงแหนที่สุด" ยุคร.10 คือยุคพระเดช มรึงยังไม่ได้เห็นของจริง บทจะมา มรึงจะได้เห็นเหี้ยร้องขอชีวิตกันตรึม? ปล่อยมันซะ เอาเลย เอาให้เต็มที่ มีเหี้ยอะไรที่เหี้ยได้กว่านี้ ระยำได้โล่ SHOW ME YOUR HIA เอาให้สุดซอยไปเลย แล้วตอนที่มรึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ อย่าร้อง ไอ้สัส! นิ่งไม่เป็น ทำการใหญ่ไม่ได้ บ้านนี้เมืองนี้ มีพ่อดูแลอยู่ ใยต้องห่วงอีก จบน่ะ? ปล.จุดจบยิวกำลังจะมาถึง สถานการณ์สุกงอมขั้นสูงสุดแล้ว ด่านหน้าเยรูซาเล็มแตกแล้ว ภายในแตกเละเทะ ควบคุมไม่อยู่ ฐานทัพไปหมด ถูกทำลายแสนยานุภาพไปเยอะ จะสวนกลับไม่มี กระสุนหมด อาวุธเกลี้นง แถมคลังระเบิด เส้นทางลำเลียงตัดขาด กองหนุนไม่มา ทหารไม่เหลือ มันจบแล้วครับนาย? เมื่อเหี้ยยิวรู้ตัวว่าแพ้ แผนแตกย้ายแผ่นดินหนี รอแผ่นดินใหม่อยู่ จึงล่าช้ากว่ากำหนด เพราะอเมริกากลัวตาย ไม่กล้าชนซึ่งหน้า คิดหนีเอาตัวรอด อียิวเลยหมาทุกวันนี้ อียูเครนจบไปแล้ว อีโปล อีฟินน์คือรายต่อไป ถามว่าปูตินรออะไรอยู่ รอทุกอย่าง SET ลงตัวก่อน เพื่อให้ไคร์เมียร์มีฐานทัพถาวรอยู่ เพื่อความมั่นคงก่อน เส้นทางหลักเป็นของรัสเซีย เมื่อนั่น แผนเดินหน้าต่อไม่ยาก เพราะอี NATO มันหมดอาวุธไปเยอะแล้ว ทหารก็ตายห่าไปเยอะ อีโปลแค่ทางผ่าน ใครจะส่งไปช่วยกันล่ะ เท่ากับประกาศศึกกับรัสเซียโดยตรง จะมีใครโง่ฆ่าตัวตาย? เชื่อกูดิ? อีฟินน์มอบแน่ อีสวิงกิ้งคลานมากราบตรีนปูตินชัวร์ ส่วนอีลอนดอนไม่รอด มรึงต้องโดน เพราะเสี้ยนเกิน วอนส้นตรีนมานาน ใส่ร้ายป้ายสีกูมาเป็นชาติ ไม่โดนส้นตรีนคงนอนตายตาไม่หลับ? รัสเซียรู้ตัวดีว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ พิมพ์เขียวชัด เดินตามสเตป ไม่รีบ ไม่ร้อน ค่อยๆ เชือด เพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงเกินความจำเป็น จนเหี้ยอ่อนแรง และยอมแพ้ไปในที่สุด รักษาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้ได้เป็นล้าน! มรึงเห็นแล้วชิมิ? ยามหมดบุญ หมดวาสนา เพราะกรรมชั่วที่ก่อ จึงทำให้มรึงเสื่อม อีทนาย 18 มงกุฎ นอนคุกชัวร์ แดร๊กเยี่ยว 71 แก้วต่อในคุก เพ่อ้อย แค้นจัด เอาให้สุดซอย "ทำกับกูได้ ไอ้เนรคุณ ไอ้สัสกะหมา" ไอ้อี ที่ชอบอวดรวย อวดมั่ง อวดมี โชว์กันจัง นอนคุกกันหมด ชีวิตดี๊ดี ที่ไอ้พวกคลั่งปชต.อยากได้ไงล่ะ รวยคืออะไร พอดีคืออะไร ดวงตาเห็นธรรม ชีวิตเป็นสุข มีเงิน 100 บาท ก็มีความสุขได้ แดร๊กข้าวไข่เจียว ยังเหลือซื้อเศษกระดูกเลี้ยงน้องหมาได้อีก ทำบุญ ทำทาน บารมีก่อเกิด เดินไปเรื่อย เจอะแบงค์ 500 ใครทำตกไว้นะ เป็นคนดี เอาไปแจ้งความ ตำหนวดบอก "ขอบคุณ ได้ค่าหมดนวดแล้ว ลดพิเศษ 50%" ทำบุญให้หมาไป เหลือเงิน 50 สงสารเห็นขอทาน ยกให้ พรุ่งนี้ ค่อยหาใหม่ ขอทานซาบซึ้ง ให้เหรียญพระมาองค์นึงเพื่อตอบแทน ปฎิเสธไม่รับ แต่จนใจ เพราะเค้าอยากตอบแทนให้ เลยรับไว้ ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน รถยางแตก เสียหลักชนเสาไฟฟ้า รอดตายหวุดหวิดไม่เป็นอะไร แต่หลายคนบาดเจ็บ ไม่มีใครตาย แต่เหรียญพระหายไปไหนไม่รู้? นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อานิสงค์แห่งกรรมดี ไม่มีใครรู้จะมาเมื่อไหร่ แต่ความดี คือเกราะคุ้มครองภัยให้ผู้ถือศีลในธรรมเสมอมา อย่าคิดแต่จะรับ จงเป็นผู้ให้ก่อนเสมอ ให้แล้วใจเป็นสุข ให้แล้วสบายใจ ว่าแล้ว ใครมี 100 นึง มาให้กูยืมหน่อยดิ? หมี CNN(ละครโลกใกล้เปิดเทศกาล ละครไทยไข้ผีห่าซาตานออกลายเกลื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามบทสวรรค์ ปล่อยให้มันเกิด เป็นไป เปลี่ยนแปลง เพราะนี่มันถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว กลียุคจะทิ้งทวน มรึงจะห้ามได้อย่างไร เชื้อชั่วฝังใน ฝังลึกมานมนาน จะเอาออกให้หมด ต้องล้างด้วย HAITER สูตร นรกล้างบางเดรัจฉาน ออกดอก ออกฤทธิ์ให้หมด กวาดทีเดียว แผ่นดินสะอาดหมดจรด ยังเหี้ยได้อีก ยังเหี้ยไม่เลิก เอาให้สาสมใจมรึง แล้วเวลาถูกเชือด อย่าร้อง กูเบื่อ เก่งให้สุด เหี้ยให้รอด ล่ะกัน? I LOVE กลียุค ไอ้อี อีแอบ เดรัจฉานในร่างคน มรึงยังจะได้เห็นกันอีกเยอะ ไม่มีกลียุค มรึงจะไม่มีวันรู้ ว่าใจคน ยากจะหยั่งถึง?) 31 ตุลาคม 67 10.52 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts