• ซิงซิงเอฟเฟ็กต์ ทุบเที่ยวไทยป่นปี้ : SondhitalkEP276 VDO
    ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้พินาศ
    “เจ้าหน้าที่รัฐ” เอื้อ “จีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ซิงซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #มิจฉาชีพ #จีนเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา
    ซิงซิงเอฟเฟ็กต์ ทุบเที่ยวไทยป่นปี้ : SondhitalkEP276 VDO ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย ป่นปี้พินาศ “เจ้าหน้าที่รัฐ” เอื้อ “จีนเทา-แก๊งคอลเซ็นเตอร์” #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #ซิงซิง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #มิจฉาชีพ #จีนเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • "แผ่นดินไทยแผ่นดินดินธรรมแผ่นดินทอง"
    รัฐบาลนักเลงคุมบ่อนแก๊งนักกินเมืองและ
    เหล่าคนโกงไร้คุณธรรมสำนึก
    กำลังจะทำให้กลายเป็น...
    "แผ่นดินไทยแผ่นดินต่ำแผ่นดินเทาและดำ"
    ฮับสีเทาสำหรับเหล่ามิจฉาชีพทั่วโลกกำลังจะมา
    หากไม่ช่วยกันคัดค้านความต่ำตนของคนเหล่านี้

    ร่วมรณรงค์ไม่เอาบันเทิงคอมเพล็กซ์ยัดใส้อบายมุขทุกชนิด
    #คัดค้านคาสิโน #ต่อต้านพนันออนไลน์
    #ไม่เอารัฐบาลเทา #ไม่เอาสภาบ่อนคาสิโน
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    "แผ่นดินไทยแผ่นดินดินธรรมแผ่นดินทอง" รัฐบาลนักเลงคุมบ่อนแก๊งนักกินเมืองและ เหล่าคนโกงไร้คุณธรรมสำนึก กำลังจะทำให้กลายเป็น... "แผ่นดินไทยแผ่นดินต่ำแผ่นดินเทาและดำ" ฮับสีเทาสำหรับเหล่ามิจฉาชีพทั่วโลกกำลังจะมา หากไม่ช่วยกันคัดค้านความต่ำตนของคนเหล่านี้ ร่วมรณรงค์ไม่เอาบันเทิงคอมเพล็กซ์ยัดใส้อบายมุขทุกชนิด #คัดค้านคาสิโน #ต่อต้านพนันออนไลน์ #ไม่เอารัฐบาลเทา #ไม่เอาสภาบ่อนคาสิโน มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ณวัฒน์” เผยเคส “ชาล็อต” ตอนนี้ทางปปง.ได้ยึดเงินจากมิจฉาชีพมาได้แล้ว 70 ล้าน ภายใน 1 ปีเตรียมเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหายที่โดนในเคสเดียวกันนี้ ยอมรับเป็นเคสคนดังที่โชคดีได้เงินคืนและดำเนินการเร็ว บอกมีการเสนอให้ยื่นเรื่องเข้าสภาฯ ให้ทุกธนาคารมีส่วนต้องรับผิดชอบ 70:30 เพราะทุกวันนี้แม้จะร่วมคืนแล้ว 50% แต่ก็ไม่เพึยงพอ และขอให้คนที่ต้องการเปิดบัญชีที่มากกว่า 10 บัญชี ต้องไปขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ถึงจะมาเปิดเพิ่มได้

    ถือว่าเป็นเคสที่โดนมิจฉาชีพหลอกเงินและมีความคืบหน้าที่เร็วมาก ในกรณีที่ “ชาล็อต ออสติน” โดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงินไป 4 ล้านบาท และตอนนี้สามารถจับคนที่เป็นบัญชีม้าที่รับโอนไปได้เรียบร้อย ล่าสุดทาง “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ได้ออกมาบอกความคืบหน้าว่า ได้มีการเข้าประชุมกับคณะกรรมาธิการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับปปง. ว่ามีการยึดเงินจากเคสนี้มาได้ 70 กว่าล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนผู้เสียหายภายใน 1 ปี

    “เรื่องชาล็อตยังไม่เรียบร้อย มันก็เหมือนความรักแหละ รู้ว่ามีแต่ไม่มา คือเมื่อวันก่อนได้ข้อสรุปว่าเราไปประชุมกับคณะกรรมาธิการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับปปง. และทางผู้การตำรวจ มากันคณะใหญ่ องค์ประชุมประมาณ 50 คน เยอะมากๆ เป็นวาระที่ใหญ่มากๆ ก็ได้สรุปคุยกันเยอะแยะ ข้อสรุปเลยก็คือตอนนี้ได้ยึดเงินมา 70 กว่าล้านบาท จากโครงสร้างคนที่เป็นเจ้าของบัญชีที่ชาล็อตโอนไป และเจ้าของบัญชีนี้ไม่น่าจะใช่เป็นเพียงบัญชีม้า น่าจะเป็นคนที่ร่วมขบวนการ เพราะมีประวัติข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ไปและกลับๆ และบัญชีที่ได้มาส่วนมากแล้วจะไปซื้อบิทคอยน์ทันที แต่ก่อนบัญชีม้าจะมีหลายเลเยอร์ คนนี้เอาไป 2 ล้าน ไปกระจายคนละแสนๆ 20 บัญชีก็ถอยไปอีกคนละ 2-3 บัญชี มันก็จะย่อยลงไป"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000003263

    #MGROnline #ณวัฒน์ #ชาล็อต
    “ณวัฒน์” เผยเคส “ชาล็อต” ตอนนี้ทางปปง.ได้ยึดเงินจากมิจฉาชีพมาได้แล้ว 70 ล้าน ภายใน 1 ปีเตรียมเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหายที่โดนในเคสเดียวกันนี้ ยอมรับเป็นเคสคนดังที่โชคดีได้เงินคืนและดำเนินการเร็ว บอกมีการเสนอให้ยื่นเรื่องเข้าสภาฯ ให้ทุกธนาคารมีส่วนต้องรับผิดชอบ 70:30 เพราะทุกวันนี้แม้จะร่วมคืนแล้ว 50% แต่ก็ไม่เพึยงพอ และขอให้คนที่ต้องการเปิดบัญชีที่มากกว่า 10 บัญชี ต้องไปขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ถึงจะมาเปิดเพิ่มได้ • ถือว่าเป็นเคสที่โดนมิจฉาชีพหลอกเงินและมีความคืบหน้าที่เร็วมาก ในกรณีที่ “ชาล็อต ออสติน” โดนมิจฉาชีพหลอกโอนเงินไป 4 ล้านบาท และตอนนี้สามารถจับคนที่เป็นบัญชีม้าที่รับโอนไปได้เรียบร้อย ล่าสุดทาง “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ได้ออกมาบอกความคืบหน้าว่า ได้มีการเข้าประชุมกับคณะกรรมาธิการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับปปง. ว่ามีการยึดเงินจากเคสนี้มาได้ 70 กว่าล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนผู้เสียหายภายใน 1 ปี • “เรื่องชาล็อตยังไม่เรียบร้อย มันก็เหมือนความรักแหละ รู้ว่ามีแต่ไม่มา คือเมื่อวันก่อนได้ข้อสรุปว่าเราไปประชุมกับคณะกรรมาธิการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับปปง. และทางผู้การตำรวจ มากันคณะใหญ่ องค์ประชุมประมาณ 50 คน เยอะมากๆ เป็นวาระที่ใหญ่มากๆ ก็ได้สรุปคุยกันเยอะแยะ ข้อสรุปเลยก็คือตอนนี้ได้ยึดเงินมา 70 กว่าล้านบาท จากโครงสร้างคนที่เป็นเจ้าของบัญชีที่ชาล็อตโอนไป และเจ้าของบัญชีนี้ไม่น่าจะใช่เป็นเพียงบัญชีม้า น่าจะเป็นคนที่ร่วมขบวนการ เพราะมีประวัติข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน ไปและกลับๆ และบัญชีที่ได้มาส่วนมากแล้วจะไปซื้อบิทคอยน์ทันที แต่ก่อนบัญชีม้าจะมีหลายเลเยอร์ คนนี้เอาไป 2 ล้าน ไปกระจายคนละแสนๆ 20 บัญชีก็ถอยไปอีกคนละ 2-3 บัญชี มันก็จะย่อยลงไป" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000003263 • #MGROnline #ณวัฒน์ #ชาล็อต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้บริการฟรีไม่มีในโลกธุรกิจ

    บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เนตและโทรศัพท์รับเงินเละจากมิจฉาชีพผู้เป็นลูกค้ารายใหญ่

    ในหนึ่งวัน มีคนไทย 217,047 ราย ที่เป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ต้องรับโทรศัพท์เพิ่มขึ้น 22 % และ SMS เพิ่มขึ้น 17 % จากปี 2565 ซึ่งสวนทางกับภูมิภาคเอเชียที่การหลอกลวงเริ่มคลี่คลายลง”

    มิจฉาชีพใช้ซิมบ๊อกส์หลอกคนได้พร้อม ๆ กัน เสี้ยววินาทีละ 3200 เบอร์ ในหนึ่งวันอาจจะเป็นล้าน ๆ เบอร์”

    แก๊งคอลล์เซนเตอร์ ส่ง SMS หลอกลวง 58 ล้านข้อความ ต่อปี เฉลี่ยคนไทย 1 คนได้รับสายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7.3 สาย และได้รับ SMS อีก 20.3 ข้อความ”

    นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย

    Whoscall ประเมินว่า โทรศัพท์และ SMS หลอกลวง ได้สร้างมูลค่าความเสียหายให้กับคนไทยสะสมกว่า 5.38 หมื่นล้านบาท
    (ดร. ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

    ถ้ารัฐจะปราบจริงไม่ยาก เพราะบริษัทผู้ให้บริการต้องมีรายชื่อและบัญชีของลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินทุกเดือน

    ที่มา เฟซบุ๊ก กมล กมลตระกูล
    ให้บริการฟรีไม่มีในโลกธุรกิจ บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เนตและโทรศัพท์รับเงินเละจากมิจฉาชีพผู้เป็นลูกค้ารายใหญ่ ในหนึ่งวัน มีคนไทย 217,047 ราย ที่เป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ต้องรับโทรศัพท์เพิ่มขึ้น 22 % และ SMS เพิ่มขึ้น 17 % จากปี 2565 ซึ่งสวนทางกับภูมิภาคเอเชียที่การหลอกลวงเริ่มคลี่คลายลง” มิจฉาชีพใช้ซิมบ๊อกส์หลอกคนได้พร้อม ๆ กัน เสี้ยววินาทีละ 3200 เบอร์ ในหนึ่งวันอาจจะเป็นล้าน ๆ เบอร์” แก๊งคอลล์เซนเตอร์ ส่ง SMS หลอกลวง 58 ล้านข้อความ ต่อปี เฉลี่ยคนไทย 1 คนได้รับสายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7.3 สาย และได้รับ SMS อีก 20.3 ข้อความ” นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย Whoscall ประเมินว่า โทรศัพท์และ SMS หลอกลวง ได้สร้างมูลค่าความเสียหายให้กับคนไทยสะสมกว่า 5.38 หมื่นล้านบาท (ดร. ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ถ้ารัฐจะปราบจริงไม่ยาก เพราะบริษัทผู้ให้บริการต้องมีรายชื่อและบัญชีของลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินทุกเดือน ที่มา เฟซบุ๊ก กมล กมลตระกูล
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ มิจฉาชีพจีนฉวยฟรีวีซ่าท่องเที่ยว ใช้ไทยเป็นฐานและแหล่งล่อลวง เปิดประตูบ้านทิ้งไว้ โจนก็เข้าออกสบายเชิบ
    #7ดอกจิก
    ♣ มิจฉาชีพจีนฉวยฟรีวีซ่าท่องเที่ยว ใช้ไทยเป็นฐานและแหล่งล่อลวง เปิดประตูบ้านทิ้งไว้ โจนก็เข้าออกสบายเชิบ #7ดอกจิก
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลากลบอิทธิพล แอ็ด คาราบาว มิจฉาชีพแห่งชาติ
    แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของบรรดาคู่ค้า “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ของ “น้าแอ๊ด คาราบาว”
    เมื่อดีเอสไอ ทำหนังสือถึงผู้เสียหายที่เคยเข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ระบุว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้ว พฤติการณ์ของบริษัท ทีดี ตะวันแดง อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เจอดอกนี้ ร้านถูกดีก็งานเข้าเต็มๆ เท่ากับว่าดีเอสไอพบคดีมีมูล ร้านถูกดีอาจเข้าข่ายฉ้อโกงชาวบ้าน คนละเรื่องเลย กับที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ถูกชาวบ้านโกง ยักยอกสินค้า
    คู่ค้าที่รวมตัวกันไปแจ้งความต่อดีเอสไอมีจำนวน 109 คน ถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาคู่ค้าทั้งหมดที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ตอนนี้ยอดผู้เสียหายที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิจึงพุ่งไปแตะหลัก 500-600 รายแล้ว
    เพราะเคลิ้มกับคำหวานเชื้อเชิญของ แอ๊ด คาราบาว ที่ทำคลิปโปรโมตซะอย่างหวานเจี๊ยบว่า เราจะรวยไปด้วยกัน อย่างไม่มีความเสี่ยงแต่พอถึงเวลาจริง กลายเป็นว่าสาขาโน้นเจ๊ง สาขานี้เจ๊ง
    พอเจ๊งแล้วขอเลิกสัญญา ต้องโดนยึดเงินมัดจำ 2 แสนบาทไปต่อหน้าต่อตา เท่านั้นยังไม่พอ ยังโดนบริษัทแจ้งจับคดีฉ้อโกง กล่าวหายักยอกสินค้าไปเป็นแสนๆ บาท
    มีคดีตัวอย่างที่น่าสนใจที่ จ.เชียงใหม่ เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา โดยวินิจฉัยว่า เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นฝ่ายขอเลิกสัญญา และขอให้บริษัทยึดเงินประกัน 2 แสนบาทไปเพื่อหักลบกลบหนี้ได้เลย แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีเจตนาทุจริตต่อทางบริษัท บริษัทสามารถหักหนี้จากเงินประกันได้ หากไม่พอ ก็ให้ไปฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องเอาเอง
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    ถึงเวลากลบอิทธิพล แอ็ด คาราบาว มิจฉาชีพแห่งชาติ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของบรรดาคู่ค้า “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ของ “น้าแอ๊ด คาราบาว” เมื่อดีเอสไอ ทำหนังสือถึงผู้เสียหายที่เคยเข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ระบุว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้ว พฤติการณ์ของบริษัท ทีดี ตะวันแดง อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เจอดอกนี้ ร้านถูกดีก็งานเข้าเต็มๆ เท่ากับว่าดีเอสไอพบคดีมีมูล ร้านถูกดีอาจเข้าข่ายฉ้อโกงชาวบ้าน คนละเรื่องเลย กับที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ถูกชาวบ้านโกง ยักยอกสินค้า คู่ค้าที่รวมตัวกันไปแจ้งความต่อดีเอสไอมีจำนวน 109 คน ถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาคู่ค้าทั้งหมดที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ตอนนี้ยอดผู้เสียหายที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิจึงพุ่งไปแตะหลัก 500-600 รายแล้ว เพราะเคลิ้มกับคำหวานเชื้อเชิญของ แอ๊ด คาราบาว ที่ทำคลิปโปรโมตซะอย่างหวานเจี๊ยบว่า เราจะรวยไปด้วยกัน อย่างไม่มีความเสี่ยงแต่พอถึงเวลาจริง กลายเป็นว่าสาขาโน้นเจ๊ง สาขานี้เจ๊ง พอเจ๊งแล้วขอเลิกสัญญา ต้องโดนยึดเงินมัดจำ 2 แสนบาทไปต่อหน้าต่อตา เท่านั้นยังไม่พอ ยังโดนบริษัทแจ้งจับคดีฉ้อโกง กล่าวหายักยอกสินค้าไปเป็นแสนๆ บาท มีคดีตัวอย่างที่น่าสนใจที่ จ.เชียงใหม่ เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา โดยวินิจฉัยว่า เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นฝ่ายขอเลิกสัญญา และขอให้บริษัทยึดเงินประกัน 2 แสนบาทไปเพื่อหักลบกลบหนี้ได้เลย แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีเจตนาทุจริตต่อทางบริษัท บริษัทสามารถหักหนี้จากเงินประกันได้ หากไม่พอ ก็ให้ไปฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องเอาเอง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สส.โตโต้ ผู้มีคดีเต็มตัว ห่วงใยภาพลักษณ์ประเทศ จนลืมดูพรรคตัวเอง ปล่อยให้มีมิจฉาชีพเดินยั้วเยี้ย มีขี้เมาขับรถ มีล่วงละเมิ ดทำร้ายผู้หญิง มีอดีตนักโทษ
    #7ดอกจิก
    ♣ สส.โตโต้ ผู้มีคดีเต็มตัว ห่วงใยภาพลักษณ์ประเทศ จนลืมดูพรรคตัวเอง ปล่อยให้มีมิจฉาชีพเดินยั้วเยี้ย มีขี้เมาขับรถ มีล่วงละเมิ ดทำร้ายผู้หญิง มีอดีตนักโทษ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักเที่ยวโพสต์ไม่เห็นด้วยร้านเหล้า SNAP กลางเมืองขอนแก่นใช้เครื่องสแกนข้อมูลบัตรประชาชนก่อนให้เข้า หวั่นหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเน็ตได้อ่านแล้ววิจารณ์สนั่น ด้านทางร้านอ้างทำตามนโยบายจังหวัดให้เข้มงวดอายุผู้ใช้บริการ สุดท้ายปกครองอำเภอสั่งหยุดใช้ชั่วคราวจนกว่าจะมีหนังสืออนุญาตหรือไม่จากกรมการปกครอง

    กลายเป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากมีแฟนเพจ ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่โพสต์ข้อความเชิงสงสัย โดยระบุว่า...มีร้านเหล้าร้านหนึ่งในขอนแก่น เวลาตรวจบัตร การ์ดเอามือถือขึ้นมาถ่ายบัตรประชาชน อันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่ 2 มีเครื่องสแกนข้อมูลพร้อม เอาจริงๆ ไม่สบายใจเลย กลัวโดนเอาข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจบัตรปกติก็พอมั้ย แล้วเวลาถ่ายไม่ขออนุญาตด้วย งงว่าถ่ายทำไม สแกนข้อมูลทำไม คือบัตรประชาชนมันเป็นข้อมูลส่วนตัวมั้ย…

    หลังจากมีการแชร์โพสต์ออกไปมีผู้คนแสดงความเห็นจำนวนมากในทำนองเดียวกันว่า ทางร้านไม่มีสิทธิถ่ายรูปหรือสแกนบัตรประชาชนของคนอื่นเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว น่าวิตกกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทางร้านอาจหลุดไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวคือร้านเหล้าที่ชื่อว่า SNAP อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมขอนแก่น โฮเต็ล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001271

    #MGROnline #ขอนแก่น #สแกนบัตรประชาชน #ข้อมูลส่วนตัว
    ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักเที่ยวโพสต์ไม่เห็นด้วยร้านเหล้า SNAP กลางเมืองขอนแก่นใช้เครื่องสแกนข้อมูลบัตรประชาชนก่อนให้เข้า หวั่นหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเน็ตได้อ่านแล้ววิจารณ์สนั่น ด้านทางร้านอ้างทำตามนโยบายจังหวัดให้เข้มงวดอายุผู้ใช้บริการ สุดท้ายปกครองอำเภอสั่งหยุดใช้ชั่วคราวจนกว่าจะมีหนังสืออนุญาตหรือไม่จากกรมการปกครอง • กลายเป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากมีแฟนเพจ ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่โพสต์ข้อความเชิงสงสัย โดยระบุว่า...มีร้านเหล้าร้านหนึ่งในขอนแก่น เวลาตรวจบัตร การ์ดเอามือถือขึ้นมาถ่ายบัตรประชาชน อันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่ 2 มีเครื่องสแกนข้อมูลพร้อม เอาจริงๆ ไม่สบายใจเลย กลัวโดนเอาข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจบัตรปกติก็พอมั้ย แล้วเวลาถ่ายไม่ขออนุญาตด้วย งงว่าถ่ายทำไม สแกนข้อมูลทำไม คือบัตรประชาชนมันเป็นข้อมูลส่วนตัวมั้ย… • หลังจากมีการแชร์โพสต์ออกไปมีผู้คนแสดงความเห็นจำนวนมากในทำนองเดียวกันว่า ทางร้านไม่มีสิทธิถ่ายรูปหรือสแกนบัตรประชาชนของคนอื่นเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว น่าวิตกกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทางร้านอาจหลุดไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวคือร้านเหล้าที่ชื่อว่า SNAP อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมขอนแก่น โฮเต็ล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001271 • #MGROnline #ขอนแก่น #สแกนบัตรประชาชน #ข้อมูลส่วนตัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นประเด็นให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังเพจดังเผยกลโกงหลอกเด็กถ่ายภาพลับของตัวเองและแม่ขณะอาบน้ำแลกของในเกม หากไม่ทำจะฟ้องแม่ ทำชาวเน็ตสุดหดหู่ วอนพ่อแม่ อย่าเลี้ยงลูกกับโทรศัพท์มากเกินไป

    เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว“ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคน ออกมาโพสต์แฉกลโกงรูปแบบใหม่ของมิจฉาชีพ หลอกเด็กถ่ายคลิปแม่อาบน้ำหวังแบล็กเมล์ แลกกับไอเทมในเกม ด้านตำรวจปวดขมับบอกไม่รู้จะตามยังไง โดยทางเพจได้โพสต์คลิปวิดีโอ ทำให้ได้ยินเสียงของเด็กน้อยรายหนึ่งกำลังสะอื้น บอกกับมิจฉาชีพไม่ให้บอกแม่ของตนเอง เพราะทางฝั่งมิจฉาชีพเป็นคนบอกให้น้องถ่ายคลิป โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

    “เหตุเกิดจากน้องอายุ 10 ขวบเล่นเกมส์และอยากได้เพชร สุดท้ายโดนหลอกให้ถ่ายรูปลับของน้องและแม่ส่งไป พอน้องไม่ทำตามมันขู่ว่าจะเอาไปบอกแม่น้อง ทางแม่เด็กทราบเรื่องจึงไปแจ้งความที่โรงพักแต่พอไปถึงเด็ดที่สุดคือตำรวจรับแจ้งความแต่บอกไม่มีตัวตน ตามตัวให้ไม่ได้ ไม่รู้จะตามยังไง...เสียงของเด็ก 10 ขวบที่กำลังอ้อนว้อนด้วยความกลัว“

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000122244

    #MGROnline #หลอกเด็ก
    กลายเป็นประเด็นให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังเพจดังเผยกลโกงหลอกเด็กถ่ายภาพลับของตัวเองและแม่ขณะอาบน้ำแลกของในเกม หากไม่ทำจะฟ้องแม่ ทำชาวเน็ตสุดหดหู่ วอนพ่อแม่ อย่าเลี้ยงลูกกับโทรศัพท์มากเกินไป • เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว“ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคน ออกมาโพสต์แฉกลโกงรูปแบบใหม่ของมิจฉาชีพ หลอกเด็กถ่ายคลิปแม่อาบน้ำหวังแบล็กเมล์ แลกกับไอเทมในเกม ด้านตำรวจปวดขมับบอกไม่รู้จะตามยังไง โดยทางเพจได้โพสต์คลิปวิดีโอ ทำให้ได้ยินเสียงของเด็กน้อยรายหนึ่งกำลังสะอื้น บอกกับมิจฉาชีพไม่ให้บอกแม่ของตนเอง เพราะทางฝั่งมิจฉาชีพเป็นคนบอกให้น้องถ่ายคลิป โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า • “เหตุเกิดจากน้องอายุ 10 ขวบเล่นเกมส์และอยากได้เพชร สุดท้ายโดนหลอกให้ถ่ายรูปลับของน้องและแม่ส่งไป พอน้องไม่ทำตามมันขู่ว่าจะเอาไปบอกแม่น้อง ทางแม่เด็กทราบเรื่องจึงไปแจ้งความที่โรงพักแต่พอไปถึงเด็ดที่สุดคือตำรวจรับแจ้งความแต่บอกไม่มีตัวตน ตามตัวให้ไม่ได้ ไม่รู้จะตามยังไง...เสียงของเด็ก 10 ขวบที่กำลังอ้อนว้อนด้วยความกลัว“ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000122244 • #MGROnline #หลอกเด็ก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน

    หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622

    #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    “ชาล็อต” น้ำตาไหล เล่าเหตุการณ์โดนมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน และบังคับวิดีโอคอล ยอมรับกลัวมากและยังช็อกอยู่ แต่ต้องมูฟออน “ณวัฒน์” ไม่ซ้ำเติม เชื่อตกเป็นเหยื่อเพราะอาการแพนิก ตรวจสอบแล้วที่วิดีโอคอลคือ AI มองฟาดเคราะห์ก่อนวันเกิด บอกขำๆ โชคดีเงิน 50 ล้านยังอยู่ ด้านตำรวจไซเบอร์เข้ารับข้อมูลแล้ว เตรียมโอนคดีมาไว้ในความรับผิดชอบ คาด 1 สัปดาห์มีความคืบหน้า และมีโอกาสได้เงินคืน • หลังเพจ Miss Grand Thailand ได้โพสต์แจ้งข่าว ว่านางงามในสังกัดอย่าง “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาท พร้อมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา และได้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค. 67) ชาล็อต ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอสใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์ ที่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่แนล จำกัด (มหาชน) โดยชาล็อตแถลงพร้อมกับอาการน้ำตาคลอตลอดการสัมภาษณ์ ในบางช่วงก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000118622 • #MGROnline #ชาล็อต #ชาล็อตออสติน #CharlotteAustin
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ หลายหลากปัญหาเกิดจากเหตุปัจจัยเพราะเรื่องของเงินๆทองๆ จากผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว จึงเกิดการใส่ร้ายป้ายสีนินทาว่าร้ายต่อกัน เกิดการชิงดีชิงเด่นแข่งขันให้เกิดการแตกแยกจนกระทั่งเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งวิวาทะใช้กำลังต่อสู้ชกต่อยห้ำหั่นต่อกัน จึงเกิดเป็นคดีความยืดเยื้อ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกยาวนาน อีกทั้งผู้เฒ่าสูงวัยควรยับยั้งชั่งใจใช้สติอยู่เหนืออารมณ์จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นๆทางชู้สาวคาวโลกีย์ให้เสียผู้เสียคน รวมทั้งหลีกเลี่ยงจากปัจจัยปัญหาการโจรกรรมเพื่อหาหนทางป้องกันภัยจากพวกมิจฉาชีพ โจร ปล้น ขโมย ตลอดจนควรระวังตนจากภัยอุบัติเหตุจากของมีคมหรือยวดยานพาหนะขณะสัญจรเดินทางไปมาจะได้ไม่บาดเจ็บเลือดตกยางออกจนต้องเข้ารักษาผ่าตัดอาการ
    เสริมความมงคล : วางพรมสีน้ำเงิน
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนนี้ หลายหลากปัญหาเกิดจากเหตุปัจจัยเพราะเรื่องของเงินๆทองๆ จากผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว จึงเกิดการใส่ร้ายป้ายสีนินทาว่าร้ายต่อกัน เกิดการชิงดีชิงเด่นแข่งขันให้เกิดการแตกแยกจนกระทั่งเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งวิวาทะใช้กำลังต่อสู้ชกต่อยห้ำหั่นต่อกัน จึงเกิดเป็นคดีความยืดเยื้อ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกยาวนาน อีกทั้งผู้เฒ่าสูงวัยควรยับยั้งชั่งใจใช้สติอยู่เหนืออารมณ์จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นๆทางชู้สาวคาวโลกีย์ให้เสียผู้เสียคน รวมทั้งหลีกเลี่ยงจากปัจจัยปัญหาการโจรกรรมเพื่อหาหนทางป้องกันภัยจากพวกมิจฉาชีพ โจร ปล้น ขโมย ตลอดจนควรระวังตนจากภัยอุบัติเหตุจากของมีคมหรือยวดยานพาหนะขณะสัญจรเดินทางไปมาจะได้ไม่บาดเจ็บเลือดตกยางออกจนต้องเข้ารักษาผ่าตัดอาการ เสริมความมงคล : วางพรมสีน้ำเงิน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ

    วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น

    กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ • วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น • กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 0 รีวิว
  • Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ มีคนถามว่า เวลามีพระทำผิดหรือเวลามีคนทำไม่ดีหลอกลวงคนอื่นเช่นมิจฉาชีพในคราบหมอดู (ที่สังคมเหมารวมเอาแล้วว่าคือหมอดู = หมอดูทุกคนเลว) ทำไมครูนัทไม่ออกมาช่วยเขาด่า มิจฉาชีพในคราบหมอดู ครูนัทก็ไม่ด่าเขา แต่จะให้ความรู้ ให้ปัญญาแก่ชาวพุทธ ให้มีสติ ไม่ถูกหลอก ไม่งมงาย ซึ่งไม่สะใจชาวพุทธบางกลุ่มที่ต้องการใช้ความรุนแรง #คนดีที่ด่าคนเลว ครูนัทไม่เอาครูนัทไม่เชื่อว่าความดีงามทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้ด้วยการขับเคลื่อนจากการด่า ครูนัทเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่าความดีงามทั้งหลาย จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราสอนให้คนในสังคมมีความชาญฉลาดไม่งมงาย และรู้จักประมาณในความเชื่อในศรัทธาของตนไม่ลุ่มหลงจนกลายเป็นโง่งมงายให้เขาหลอกลวงเอาทรัพย์สินของตนไปได้ พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาด้วยจิตรกรุณา การชี้โทษในพฤติกรรมใดก็ตาม แม้แต่ชี้โทษในบุคคลซึ่งเป็นสาวกของพระองค์เองก็ตาม พระองค์ไม่เคยด่า ทรงติเตียนโดยธรรมด้วยเหตุด้วยผล ด้วยเมตตาด้วยกรุณา การติเตียนด้วยการด่าหรือขับเคลื่อนกิริยาสายตาและวาจาแห่งโทสะออกไป แสดงให้เห็นว่า บุคคลผู้นั้นขาดเมตตา รักษาใจตนเองยังไม่อาจทำได้ ไม่อดทนต่อความไม่ดีงามทั้งหลาย ถ้าขับเคลื่อนจิตใจของตนเองให้มีเมตตาไม่ได้ ก็คงยากที่จะขับเคลื่อนสังคมให้ถึงพร้อมด้วยความดีงามด้วยกาย วาจา ใจ และสติปัญญา
    Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ มีคนถามว่า เวลามีพระทำผิดหรือเวลามีคนทำไม่ดีหลอกลวงคนอื่นเช่นมิจฉาชีพในคราบหมอดู (ที่สังคมเหมารวมเอาแล้วว่าคือหมอดู = หมอดูทุกคนเลว) ทำไมครูนัทไม่ออกมาช่วยเขาด่า มิจฉาชีพในคราบหมอดู ครูนัทก็ไม่ด่าเขา แต่จะให้ความรู้ ให้ปัญญาแก่ชาวพุทธ ให้มีสติ ไม่ถูกหลอก ไม่งมงาย ซึ่งไม่สะใจชาวพุทธบางกลุ่มที่ต้องการใช้ความรุนแรง #คนดีที่ด่าคนเลว ครูนัทไม่เอาครูนัทไม่เชื่อว่าความดีงามทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้ด้วยการขับเคลื่อนจากการด่า ครูนัทเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่าความดีงามทั้งหลาย จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราสอนให้คนในสังคมมีความชาญฉลาดไม่งมงาย และรู้จักประมาณในความเชื่อในศรัทธาของตนไม่ลุ่มหลงจนกลายเป็นโง่งมงายให้เขาหลอกลวงเอาทรัพย์สินของตนไปได้ พระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนาด้วยจิตรกรุณา การชี้โทษในพฤติกรรมใดก็ตาม แม้แต่ชี้โทษในบุคคลซึ่งเป็นสาวกของพระองค์เองก็ตาม พระองค์ไม่เคยด่า ทรงติเตียนโดยธรรมด้วยเหตุด้วยผล ด้วยเมตตาด้วยกรุณา การติเตียนด้วยการด่าหรือขับเคลื่อนกิริยาสายตาและวาจาแห่งโทสะออกไป แสดงให้เห็นว่า บุคคลผู้นั้นขาดเมตตา รักษาใจตนเองยังไม่อาจทำได้ ไม่อดทนต่อความไม่ดีงามทั้งหลาย ถ้าขับเคลื่อนจิตใจของตนเองให้มีเมตตาไม่ได้ ก็คงยากที่จะขับเคลื่อนสังคมให้ถึงพร้อมด้วยความดีงามด้วยกาย วาจา ใจ และสติปัญญา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่ขัดขวางพระนิพพาน ไม่ใช่เดรัจฉานวิชา ดังที่ครูนัทอธิบายไปแล้วเมื่อวาน ท่านใดยังไม่ได้ฟัง ลองฟังดูนะคะ จะกระจ่าง หายติดข้องสงสัยในเรื่องเดรัจฉานวิชาที่เราเข้าใจผิดกันมานานทั้งชีวิต เหตุขัดขวางพระนิพพาน คือ อันตรายิกธรรม (ศัพท์ใหม่มาแว้ววว) โดยอรรถกถาอลคัททูปมสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ อธิบายว่า “อันตรายิกธรรม” มี 5 อย่าง ได้แก่ กรรม กิเลส วิบาก อริยุปวาท และอาณาวีติกกมะอันตรายิกธรรมในส่วนของ “กรรม” คือ “อนันตริยกรรม” ซึ่งหมายถึงกรรมที่เป็นบาปหนักที่สุดได้แก่ 1. “มาตุฆาต” คือฆ่ามารดา2. “ปิตุฆาต” คือฆ่าบิดา3. “อรหันตฆาต” คือฆ่าพระอรหันต์4. “โลหิตุปบาท” คือทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป5. “สังฆเภท” คือทำสงฆ์ให้แตกกัน (สงฆ์เท่านั้นที่ทำสงฆ์ให้แตกกันได้ ชาวบ้านไม่เกี่ยว ดังนั้นข้อนี้ขาวบ้านอย่างเรารอด)อันตรายิกธรรมในส่วนของ “กิเลส” คือ นิยตมิจฉาทิฏฐิซึ่งหมายถึง ความเห็นผิดที่มีโทษมาก แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่1. “อเหตุกทิฏฐิ” คือ ความเห็นว่าไม่มีเหตุ คือ เห็นว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเองเป็นเองไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิดให้มีขึ้น (ความเชื่อที่เลื่อนลอย) 2. “อกิริยทิฏฐิ” คือ เห็นว่าการกระทำใดๆ ไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ ผลบาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำ หรือเห็นว่าการกระทำไม่มีผล.3 “นัตถิกทิฏฐิ” คือ ความเห็นว่าไม่มี เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เช่น เห็นว่าผลบุญผลบาปไม่มี บิดามารดาไม่มี ความดีความชั่วไม่มี ตายแล้วสูญ เป็นต้นอันตรายิกธรรมในส่วนของ “วิบาก” คือเช่น เกิดเป็นบัณเฑาะก์ หรือ สัตว์เดรัจฉาน หรืออุภโตพยัญชนก (คนที่มีสองเพศ) เหล่านี้จักบวชหรือบำเพ็ญภาวนาจนถึงมรรคผลนิพพานไม่ได้ อันตรายิกธรรมในส่วนของ “ธรรม” ชื่อว่า อุปวาทันตรายิกธรรมคือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้า เช่น ไปด่าว่าพระเทวทัต จิกหัวด่าด้วยอารมณ์ โดยลืมไปว่า ท่านได้รับการพยากรณ์แล้วว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือไปด่าว่า พระโปฐิลเถระ (พระใบลานเปล่า) นั่นท่านเป็นพระอรหันต์ ด่าว่าท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งท่านเป็นพระโสดาบัน ด่าว่าพระอรรถกถาจารย์ ซึ่งท่านเป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ (วันนี้เราจะเรียนเรื่องอรรถกถาค่ะ) โดยอุปวาทันตรายิกธรรมนี้ ย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่พระอริยเจ้าทั้งหลายยังไม่ได้ยกโทษให้ต่อมาหากพระอริยเจ้าได้ยกโทษให้แล้ว ย่อมไม่กระทำอันตราย ดังนั้น ถ้าเราเคยว่าท่าน ตั้งจิตขอขมากรรมท่านเสียอันตรายิกธรรมในส่วนของ “อาณาวีติกกมะ” ชื่อว่า อาณาวีติกกมันตรายิกธรรม คือ อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านี้ย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี ไม่แสดงอาบัติก็ดี (ภิกษุพวกไม่สวดปาฎิโมกข์ สวดไม่ครบ ไม่แสดงอาบัติ เปิดเผยอาบัติ ปลงอาบัติ) ต่อมาหากได้อยู่ปริวาสกรรมแล้ว หรือแสดงอาบัติแล้วก็ดี ย่อมไม่กระทำอันตรายดังนั้น การเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีวิต ด้วยวิชาชีพ (เดรัจฉานวิชา) จึงไม่ใช่การขัดขวาง ขวางกั้น พระนิพพานแต่อย่างใด เดรัจฉานวิชา คือวิชาเลี้ยงชีพธรรมดา ไม่ใช่ความชั่วร้าย ที่ชั่วร้ายคือคนที่ประกอบอาชีพด้วยมิจฉา (มิจฉาชีพ) ต่างหาก และชั่วร้ายได้ทุกอาชีพ เหตุเพราะคนมีกิเลสที่ประกอบอาชีพนั้นอาชีพต้องห้าม วิณิชชา อาชีพมิจฉา ไว้ค่อยว่ากันสัปดาห์หน้าค่ะ
    สิ่งที่ขัดขวางพระนิพพาน ไม่ใช่เดรัจฉานวิชา ดังที่ครูนัทอธิบายไปแล้วเมื่อวาน ท่านใดยังไม่ได้ฟัง ลองฟังดูนะคะ จะกระจ่าง หายติดข้องสงสัยในเรื่องเดรัจฉานวิชาที่เราเข้าใจผิดกันมานานทั้งชีวิต เหตุขัดขวางพระนิพพาน คือ อันตรายิกธรรม (ศัพท์ใหม่มาแว้ววว) โดยอรรถกถาอลคัททูปมสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ อธิบายว่า “อันตรายิกธรรม” มี 5 อย่าง ได้แก่ กรรม กิเลส วิบาก อริยุปวาท และอาณาวีติกกมะอันตรายิกธรรมในส่วนของ “กรรม” คือ “อนันตริยกรรม” ซึ่งหมายถึงกรรมที่เป็นบาปหนักที่สุดได้แก่ 1. “มาตุฆาต” คือฆ่ามารดา2. “ปิตุฆาต” คือฆ่าบิดา3. “อรหันตฆาต” คือฆ่าพระอรหันต์4. “โลหิตุปบาท” คือทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป5. “สังฆเภท” คือทำสงฆ์ให้แตกกัน (สงฆ์เท่านั้นที่ทำสงฆ์ให้แตกกันได้ ชาวบ้านไม่เกี่ยว ดังนั้นข้อนี้ขาวบ้านอย่างเรารอด)อันตรายิกธรรมในส่วนของ “กิเลส” คือ นิยตมิจฉาทิฏฐิซึ่งหมายถึง ความเห็นผิดที่มีโทษมาก แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่1. “อเหตุกทิฏฐิ” คือ ความเห็นว่าไม่มีเหตุ คือ เห็นว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเองเป็นเองไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิดให้มีขึ้น (ความเชื่อที่เลื่อนลอย) 2. “อกิริยทิฏฐิ” คือ เห็นว่าการกระทำใดๆ ไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ ผลบาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำ หรือเห็นว่าการกระทำไม่มีผล.3 “นัตถิกทิฏฐิ” คือ ความเห็นว่าไม่มี เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เช่น เห็นว่าผลบุญผลบาปไม่มี บิดามารดาไม่มี ความดีความชั่วไม่มี ตายแล้วสูญ เป็นต้นอันตรายิกธรรมในส่วนของ “วิบาก” คือเช่น เกิดเป็นบัณเฑาะก์ หรือ สัตว์เดรัจฉาน หรืออุภโตพยัญชนก (คนที่มีสองเพศ) เหล่านี้จักบวชหรือบำเพ็ญภาวนาจนถึงมรรคผลนิพพานไม่ได้ อันตรายิกธรรมในส่วนของ “ธรรม” ชื่อว่า อุปวาทันตรายิกธรรมคือการเข้าไปว่าร้ายพระอริยเจ้า เช่น ไปด่าว่าพระเทวทัต จิกหัวด่าด้วยอารมณ์ โดยลืมไปว่า ท่านได้รับการพยากรณ์แล้วว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือไปด่าว่า พระโปฐิลเถระ (พระใบลานเปล่า) นั่นท่านเป็นพระอรหันต์ ด่าว่าท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งท่านเป็นพระโสดาบัน ด่าว่าพระอรรถกถาจารย์ ซึ่งท่านเป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ (วันนี้เราจะเรียนเรื่องอรรถกถาค่ะ) โดยอุปวาทันตรายิกธรรมนี้ ย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่พระอริยเจ้าทั้งหลายยังไม่ได้ยกโทษให้ต่อมาหากพระอริยเจ้าได้ยกโทษให้แล้ว ย่อมไม่กระทำอันตราย ดังนั้น ถ้าเราเคยว่าท่าน ตั้งจิตขอขมากรรมท่านเสียอันตรายิกธรรมในส่วนของ “อาณาวีติกกมะ” ชื่อว่า อาณาวีติกกมันตรายิกธรรม คือ อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิดแล้ว อาณาวีติกกมันตรายิกธรรมเหล่านี้ย่อมกระทำอันตรายตลอดเวลาที่ภิกษุต้องอาบัติแล้วยังปฏิญญาตนว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ดี ไม่อยู่ปริวาสกรรมก็ดี ไม่แสดงอาบัติก็ดี (ภิกษุพวกไม่สวดปาฎิโมกข์ สวดไม่ครบ ไม่แสดงอาบัติ เปิดเผยอาบัติ ปลงอาบัติ) ต่อมาหากได้อยู่ปริวาสกรรมแล้ว หรือแสดงอาบัติแล้วก็ดี ย่อมไม่กระทำอันตรายดังนั้น การเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีวิต ด้วยวิชาชีพ (เดรัจฉานวิชา) จึงไม่ใช่การขัดขวาง ขวางกั้น พระนิพพานแต่อย่างใด เดรัจฉานวิชา คือวิชาเลี้ยงชีพธรรมดา ไม่ใช่ความชั่วร้าย ที่ชั่วร้ายคือคนที่ประกอบอาชีพด้วยมิจฉา (มิจฉาชีพ) ต่างหาก และชั่วร้ายได้ทุกอาชีพ เหตุเพราะคนมีกิเลสที่ประกอบอาชีพนั้นอาชีพต้องห้าม วิณิชชา อาชีพมิจฉา ไว้ค่อยว่ากันสัปดาห์หน้าค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนึง คุณขายปาท่องโก๋ อยู่ปากซอยแล้วมีคนมาชี้หน้าด่าคุณว่า เป็นพวกเดรัจฉาน เป็นพวกมิจฉาชีพปาท่องโก๋ กินเข้าไปมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์ขายได้ยังไง ?...คนที่ขายปาท่องโก๋ทุกคน ตายแล้วไปเป็นเปรตแน่นอน...คนที่ยังซื้อกิน ก็มีแต่ พวกโง่ๆเท่านั้น*คุณจะเข้าใจเรื่อง #คนตื่นธรรม กับ #หมอดู เอง......ว่ามัน #เกิดอะไรขึ้น ?
    วันนึง คุณขายปาท่องโก๋ อยู่ปากซอยแล้วมีคนมาชี้หน้าด่าคุณว่า เป็นพวกเดรัจฉาน เป็นพวกมิจฉาชีพปาท่องโก๋ กินเข้าไปมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์ขายได้ยังไง ?...คนที่ขายปาท่องโก๋ทุกคน ตายแล้วไปเป็นเปรตแน่นอน...คนที่ยังซื้อกิน ก็มีแต่ พวกโง่ๆเท่านั้น*คุณจะเข้าใจเรื่อง #คนตื่นธรรม กับ #หมอดู เอง......ว่ามัน #เกิดอะไรขึ้น ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 เตือนภัยกลโกงจาก Whoscall ปกป้องคุณจากกลโกงมิจฉาชีพ คลิกเลย! 👉 https://community-api-production.whoscall.com/v1/posts/share/7b578efb-834e-4426-aa33-79dedae7bc39
    🚨 เตือนภัยกลโกงจาก Whoscall ปกป้องคุณจากกลโกงมิจฉาชีพ คลิกเลย! 👉 https://community-api-production.whoscall.com/v1/posts/share/7b578efb-834e-4426-aa33-79dedae7bc39
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่ควรระลึก ในการเล่นพระ คือ คุณยิ่งเล่นพระถูก พระเก๊ ...สิ่งที่คุณจะเจอ คือคนอีกประเภทนึง คือ กาก เกรียน เลอะเทอะ รับปากส่งเดช มิจฉาชีพ...และอาจรวมถึงมารยาทแย่ๆด้วย...แนะนำให้เล่นของแท้ และมีราคานิดนึง หลักพันขึ้นไป...โอกาสที่พระหลักพันจะขยับขึ้นเป็นหลักหมื่นในอนาคต..ง่ายกว่า...หลักร้อยที่จะขยับขึ้นหลักพัน...
    สิ่งที่ควรระลึก ในการเล่นพระ คือ คุณยิ่งเล่นพระถูก พระเก๊ ...สิ่งที่คุณจะเจอ คือคนอีกประเภทนึง คือ กาก เกรียน เลอะเทอะ รับปากส่งเดช มิจฉาชีพ...และอาจรวมถึงมารยาทแย่ๆด้วย...แนะนำให้เล่นของแท้ และมีราคานิดนึง หลักพันขึ้นไป...โอกาสที่พระหลักพันจะขยับขึ้นเป็นหลักหมื่นในอนาคต..ง่ายกว่า...หลักร้อยที่จะขยับขึ้นหลักพัน...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรึกษาธุรกิจ ชีวิต (ที่จำเป็น) กฏหมาย ทางตรง ทางอ้อม สายขาว สายเทา..คุยได้ครับ ยกเว้นยืมตังค์ 😅 ไม่ชวนลงทุนใดๆ ไม่มี Add line ไม่ต้องสมัครสมาชิกใดๆ
    ไม่มีคำแนะนำแบบ อวดฉลาดแน่ๆ ครับ ..
    เน้นให้ความรู้ แบบเท่าทันกลโกง ของมิจฉาชีพ.......แค่เอาไปประกอบข้อมูลบางส่วน...
    #แค่หาคนคุยแต่ถ้ามันมีประโยชน์กับผู้อื่นได้ก็จะดี#
    ปรึกษาธุรกิจ ชีวิต (ที่จำเป็น) กฏหมาย ทางตรง ทางอ้อม สายขาว สายเทา..คุยได้ครับ ยกเว้นยืมตังค์ 😅 ไม่ชวนลงทุนใดๆ ไม่มี Add line ไม่ต้องสมัครสมาชิกใดๆ ไม่มีคำแนะนำแบบ อวดฉลาดแน่ๆ ครับ .. เน้นให้ความรู้ แบบเท่าทันกลโกง ของมิจฉาชีพ.......แค่เอาไปประกอบข้อมูลบางส่วน... #แค่หาคนคุยแต่ถ้ามันมีประโยชน์กับผู้อื่นได้ก็จะดี#
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปเสียงแก๊งคอลเซนเตอร์แบล็คเมล์ โทรมาตามรายชื่อในมือถือของเหยื่อ ที่ถูกแอปสินเชื่อออนไลน์ดูดไป (ชื่อที่ได้ยินในคลิปเป็นผู้เสียหาย ตัดนามสกุลออกแล้ว) วัตถุประสงค์ของมิจฉาชีพพวกนี้คือ ต้องการให้เหยื่อเสียชื่อเสียง กดดันให้โอนเงิน

    แจ้งเตือนภัยครับ จะได้ไม่มีใครตกเป็นเหยื่ออีก
    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes
    คลิปเสียงแก๊งคอลเซนเตอร์แบล็คเมล์ โทรมาตามรายชื่อในมือถือของเหยื่อ ที่ถูกแอปสินเชื่อออนไลน์ดูดไป (ชื่อที่ได้ยินในคลิปเป็นผู้เสียหาย ตัดนามสกุลออกแล้ว) วัตถุประสงค์ของมิจฉาชีพพวกนี้คือ ต้องการให้เหยื่อเสียชื่อเสียง กดดันให้โอนเงิน แจ้งเตือนภัยครับ จะได้ไม่มีใครตกเป็นเหยื่ออีก #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 97 0 รีวิว
  • สนธิชี้ทนายตั้มพลาดตรงไหน (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สนธิเล่าเรื่อง #สร้างภาพในการตำรวจ #แทรกแซงกระบวนการสอบสวน #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    สนธิชี้ทนายตั้มพลาดตรงไหน (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สนธิเล่าเรื่อง #สร้างภาพในการตำรวจ #แทรกแซงกระบวนการสอบสวน #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1683 มุมมอง 309 0 รีวิว
  • ปัดกินส่วนต่างเบนซ์-ให้จีนเทาเช่า (05/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สีข้างเข้าถู #แจงที่มารถเบนซ์ #ทนายมิจฉาชีพ
    ปัดกินส่วนต่างเบนซ์-ให้จีนเทาเช่า (05/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สีข้างเข้าถู #แจงที่มารถเบนซ์ #ทนายมิจฉาชีพ
    Haha
    Like
    Yay
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1281 มุมมอง 275 0 รีวิว
  • จุ๊กกรู้ยังไงให้คนรู้ว่าช่วยทนายตั้ม ? (04/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทนายมิจฉาชีพ #ช่วยเหลือในทางสือ #ทนายจุ๊กกรู้
    จุ๊กกรู้ยังไงให้คนรู้ว่าช่วยทนายตั้ม ? (04/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทนายมิจฉาชีพ #ช่วยเหลือในทางสือ #ทนายจุ๊กกรู้
    Like
    Love
    Angry
    20
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1287 มุมมอง 377 0 รีวิว
  • ถ้าท่านอยู่ในสถานการณ์ที่มีโทรศัพท์ หรือ Line หรือ Facebook เข้ามาแอบอ้างว่าเป็น หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลใด ทำการข่มขู่เรื่องความผิดต่อกฎหมาย และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ท่าน จ่ายเงิน หรือ โอนเงิน เพื่อเคลียร์ปัญหา
    “ขอให้ท่านตั้งสติ …อย่ากระทำการโอนเงินอย่างเด็ดขาด …ขอย้ำว่า …อย่าโอนเงินอย่างเด็ดขาด”
    นำเรื่องราวมาปรึกษากันในกลุ่ม “นิติธรรมเพื่อสังคม” เพื่อเราจะได้ช่วยกัน มิให้คนไทยเพื่อนร่วมชาติของเรา ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ อีกต่อไป

    ถ้าท่านอยู่ในสถานการณ์ที่มีโทรศัพท์ หรือ Line หรือ Facebook เข้ามาแอบอ้างว่าเป็น หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลใด ทำการข่มขู่เรื่องความผิดต่อกฎหมาย และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ท่าน จ่ายเงิน หรือ โอนเงิน เพื่อเคลียร์ปัญหา “ขอให้ท่านตั้งสติ …อย่ากระทำการโอนเงินอย่างเด็ดขาด …ขอย้ำว่า …อย่าโอนเงินอย่างเด็ดขาด” นำเรื่องราวมาปรึกษากันในกลุ่ม “นิติธรรมเพื่อสังคม” เพื่อเราจะได้ช่วยกัน มิให้คนไทยเพื่อนร่วมชาติของเรา ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ อีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดข้อสังเกต 71 ล้านไม่เสน่หา ? (31/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #71 ล้านไม่เสน่หา #ทนายลวงโลก #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    เปิดข้อสังเกต 71 ล้านไม่เสน่หา ? (31/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #71 ล้านไม่เสน่หา #ทนายลวงโลก #ทนายหรือมิจฉาชีพ
    Like
    Love
    Yay
    28
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2146 มุมมอง 766 0 รีวิว
Pages Boosts