• ภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52H ของสหรัฐจำนวน 6 ลำ จอดอยู่ที่ฐานทัพอากาศอัลอูเดด ประเทศกาตาร์

    พิกัดฐานทัพอากาศ
    25.118838795097833, 51.320661556713816
    ภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52H ของสหรัฐจำนวน 6 ลำ จอดอยู่ที่ฐานทัพอากาศอัลอูเดด ประเทศกาตาร์ พิกัดฐานทัพอากาศ 25.118838795097833, 51.320661556713816
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ Google Maps แสดงให้เห็นรายละเอียดตำแหน่งเครื่องยิงขีปนาวุธของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่เขตของสนามบิน Zhulyany ในเคียฟ

    พิกัดสนามบิน
    50.41170874041303, 30.44319994884963
    ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะของ Google Maps แสดงให้เห็นรายละเอียดตำแหน่งเครื่องยิงขีปนาวุธของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่เขตของสนามบิน Zhulyany ในเคียฟ พิกัดสนามบิน 50.41170874041303, 30.44319994884963
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพถ่ายวิถีชีวิตริมน้ำโขง เมื่อนานมาแล้ว ... เป็นหนึ่งในภาพที่ผมชอบมาก #photograph #ภาพถ่าย
    ภาพถ่ายวิถีชีวิตริมน้ำโขง เมื่อนานมาแล้ว ... เป็นหนึ่งในภาพที่ผมชอบมาก #photograph #ภาพถ่าย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน
    .
    วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
    .
    "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย
    .
    หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ
    .
    แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน"
    .
    คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ
    .
    นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ
    .
    พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน
    .
    คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน . วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด . "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย . หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ . แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน" . คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ . นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ . พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน . คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพถ่าย 30ก.ค.2565 ก่อนวันสัมมนา โควิดกับทางรอดที่ปลอดภัย กับบุคคลสำคัญ

    ปฏิบัติการปลุกพี่น้องคนไทยจากภัยโควิดลวงโลก
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ,ศ.นพ.สุจริต ภักดี บุณยรัตพันธุ์,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา ,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล ,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ ,ทนายเกิดผล แก้วเกิด , โค๊ชนาตาลี ,อดิเทพ จาวลาห์ ,บรรยงก์ วิสุทธิ์ ,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โkวิd ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ตัวอย่างคลิป https://onedrive.live.com/?authkey=%21AKr3Yz3JYiC%2Dzjs&cid=B92E483028D198F1&id=B92E483028D198F1%21677&parId=root&o=OneUp คลิปเต็ม 1-3 https://t.me/c/1585233417/1112

    คลิปที่ 1/3
    https://odysee.com/Covid19%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0...

    คลิปที่ 2/3
    https://odysee.com/Covid-19-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87...

    คลิปที่ 3/3
    https://odysee.com/Covid-19-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87...

    #เข้าถึงความจริงโควิดลวงโลก
    Stopworldcontrol.com
    Stopthaicontrol.com
    Rookon.com
    ภาพถ่าย 30ก.ค.2565 ก่อนวันสัมมนา โควิดกับทางรอดที่ปลอดภัย กับบุคคลสำคัญ ปฏิบัติการปลุกพี่น้องคนไทยจากภัยโควิดลวงโลก นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ,ศ.นพ.สุจริต ภักดี บุณยรัตพันธุ์,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา ,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล ,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ ,ทนายเกิดผล แก้วเกิด , โค๊ชนาตาลี ,อดิเทพ จาวลาห์ ,บรรยงก์ วิสุทธิ์ ,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โkวิd ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ตัวอย่างคลิป https://onedrive.live.com/?authkey=%21AKr3Yz3JYiC%2Dzjs&cid=B92E483028D198F1&id=B92E483028D198F1%21677&parId=root&o=OneUp คลิปเต็ม 1-3 https://t.me/c/1585233417/1112 คลิปที่ 1/3 https://odysee.com/Covid19%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0... คลิปที่ 2/3 https://odysee.com/Covid-19-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87... คลิปที่ 3/3 https://odysee.com/Covid-19-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87... #เข้าถึงความจริงโควิดลวงโลก Stopworldcontrol.com Stopthaicontrol.com Rookon.com
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • คอเรย์ นาวร็อคกี เป็นหนึ่งในทหารรับจ้างอเมริกาที่เสียชีวิตจากความพยายามแทรกซึมเข้าไปในภูมิภาค Bryansk ดินแดนรัสเซีย
    ภาพถ่ายของเขาขณะทำพิธีสาบานตนในกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐในปี 2012
    คอเรย์ นาวร็อคกี เป็นหนึ่งในทหารรับจ้างอเมริกาที่เสียชีวิตจากความพยายามแทรกซึมเข้าไปในภูมิภาค Bryansk ดินแดนรัสเซีย ภาพถ่ายของเขาขณะทำพิธีสาบานตนในกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐในปี 2012
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองบัญชาการป้องกันประเทศของ DPR (สาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์) รายงานว่า มีการอพยพพลเมืองสหรัฐฯรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในดินแดนยูเครนเป็นเวลา 2 ปี ในฐานะ "แหล่งข่าวปฏิบัติการอันทรงคุณค่า" โดยที่ผ่านมาเขาส่งผ่านข้อมูลที่สำคัญให้กับข่าวกรองรัสเซีย ซึ่งทำให้รัสเซียสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างแม่นยำ

    การปฏิบัติงานล่าสุดของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว คือการมีบทบาทสำคัญในการส่งข้อมูลข่าวกรองให้กับรัสเซียในการโจมตีหมู่บ้าน Bohoyavlenka ในทิศทาง Vuhledar เมื่อไม่นานนี้

    ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องการให้ที่ลี้ภัยทางการเมืองและการให้สัญชาติรัสเซียอีกด้วย

    ภาพถ่ายของชาวอเมริกันคนดังกล่าวที่จัตุรัสกลางเมือง Donetsk
    กองบัญชาการป้องกันประเทศของ DPR (สาธารณรัฐประชาชนโดเน็ตสก์) รายงานว่า มีการอพยพพลเมืองสหรัฐฯรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในดินแดนยูเครนเป็นเวลา 2 ปี ในฐานะ "แหล่งข่าวปฏิบัติการอันทรงคุณค่า" โดยที่ผ่านมาเขาส่งผ่านข้อมูลที่สำคัญให้กับข่าวกรองรัสเซีย ซึ่งทำให้รัสเซียสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างแม่นยำ การปฏิบัติงานล่าสุดของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว คือการมีบทบาทสำคัญในการส่งข้อมูลข่าวกรองให้กับรัสเซียในการโจมตีหมู่บ้าน Bohoyavlenka ในทิศทาง Vuhledar เมื่อไม่นานนี้ ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องการให้ที่ลี้ภัยทางการเมืองและการให้สัญชาติรัสเซียอีกด้วย ภาพถ่ายของชาวอเมริกันคนดังกล่าวที่จัตุรัสกลางเมือง Donetsk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสูงสุดอิหร่านเผยท่าที กำลังชั่งใจวิธีดีที่สุดในการตอบโต้ “ความชั่วร้าย” ที่อิสราเอลก่อขึ้น เพื่อให้รัฐยิวรับรู้ถึงแสนยานุภาพของประเทศ ขณะอิสราเอลขู่เตหะรานให้เลิกคิดแก้แค้น ส่วนฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯก็สำทับเรียกร้องอิหร่านอย่าทำให้สถานการณ์บานปลาย
    .
    กองทัพอิสราเอลแถลงยืนยันว่า ได้ส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารในหลายจังหวัดของอิหร่านรวม 3 ระลอกเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ (26) ซึ่งภารกิจการโจมตีตอบโต้สำเร็จด้วยดี พร้อมกันนั้นก็เตือนอิหร่านไม่ให้ตอบโต้กลับ
    .
    กองทัพอิสราเอลยังประกาศว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสาธารณะทั่วประเทศ บ่งชี้ว่า อิสราเอลไม่คิดว่า อิหร่านจะตอบโต้กลับในทันที
    .
    เจ้าหน้าที่กลาโหมอิสราเอลคนหนึ่งบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า อเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ แต่ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล กลับกล่าวขอบคุณอเมริกาที่เป็นพันธมิตรที่แท้จริง รวมทั้งขอบคุณสำหรับความร่วมมือทั้งที่เปิดเผยและแบบลับๆ
    .
    ด้าน ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้อิหร่านยุติการโจมตีอิสราเอลเพื่อให้วงจรการต่อสู้นี้ยุติลงโดยไม่ทำให้สถานการณ์ลุกลาม
    .
    เช่นเดียวกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงความหวังว่า “ถึงตอนจบได้แล้ว” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนการโจมตีของอิสราเอลจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า ได้ขอให้อิสราเอลงดโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์และด้านพลังงาน ในการตอบโต้ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
    .
    ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงแถลงกร้าวว่า อิสราเอลเลือกเป้าหมายโจมตีโดยอิงกับผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้ทำตามที่อเมริกาชี้นำ
    .
    รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอีกคนหนึ่ง ซึ่งออกมาแถลงว่า อิหร่านไม่ควรทำผิดพลาดด้วยการตอบโต้อิสราเอล และย้ำว่าระหว่างที่เขาหารือกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีการพูดกันถึงโอกาสทางการทูตในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในกาซาและเลบานอน
    .
    สำหรับสหภาพยุโรป และรัสเซีย ต่างออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลายจนเกินการควบคุม ขณะที่หลายประเทศ ที่รวมถึงเพื่อนบ้านของอิหร่าน ได้แถลงประณามอิสราเอล
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ (27) สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของประเทศ ประกาศว่า เตหะรานควรพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้อิสราเอลรับรู้ถึงแสนยานุภาพของอิหร่าน และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ก่อนสำทับว่า ความชั่วร้ายที่อิสราเอลก่อขึ้นจากการโจมตีใส่อิหร่านเมื่อคืนวันศุกร์ต่อกับก่อนรุ่งสางวันเสาร์ ต้องไม่ถูกทำให้ดูเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และก็ไม่ขยายความให้ใหญ่เกินจริง
    .
    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันเสาร์ อิหร่านประณามการกระทำของอิสราเอล โดยกระทรวงต่างประเทศแถลงว่า อิหร่านมีสิทธิ์และหน้าที่ในการปกป้องตนเอง แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
    .
    ทางด้านกองทัพอิหร่านระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลใช้หัวรบขนาดเล็กมากเพื่อโจมตีระบบเรดาร์ใน 2 จังหวัดและรอบเตหะราน ซึ่งสร้างความเสียหายเพียงจำกัด แต่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย
    .
    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในภูมิภาค 2 คนที่ได้รับการบรรยายสรุปสถานการณ์จากอิหร่านเผยว่า เตหะรานได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อพิจารณาขอบเขตการตอบโต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ความเสียหายเล็กน้อยมาก แต่สำทับว่า ฐานที่มั่นของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติหลายแห่งในและรอบเตหะรานถูกโจมตีด้วย
    .
    กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เดวิด อัลไบรต์ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ภาพจากดาวเทียมพาณิชย์ที่มีความละเอียดต่ำของพลาเน็ต แลบส์ แสดงให้เห็นว่า จุดหนึ่งที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลคราวล่าสุดนี้ คือนิคมอุตสาหกรรมทหารพาร์ชิน ใกล้เตหะราน ซึ่งทำให้อาคาร 3 แห่งเสียหาย และ 2 แห่งในจำนวนนั้นเป็นสถานที่ผสมเชื้อเพลิงแข็ง ใช้กับพวกขีปนาวุธทิ้งตัว
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ยังมี เดคเกอร์ เอเวเลธ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ที่วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของพลาเน็ต แลบส์เช่นเดียวกัน ได้ระบุว่า อิสราเอลยังโจมตีโคจีร์ ที่เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธใกล้เตหะราน ซึ่งอาจบ่อนทำลายความสามารถของอิหร่านในการผลิตขีปนาวุธเป็นจำนวนมาก รวมทั้งความสามารถในการโจมตีด้วยขีปนาวุธเพื่อเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล
    .
    สำหรับสถานการณ์ในแนวรบอื่นๆ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน เผยว่า ในวันเสาร์ได้ยิงจรวดโจมตีเขตที่พักอาศัย 5 แห่งทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวด 80 ลูกยิงข้ามแดนไปจริงในวันดังกล่าว
    .
    นอกจากนั้นฮิซบอลเลาะห์ยังประกาศให้ชาวอิสราเอลในพื้นที่กว่า 20 แห่งอพยพ ขณะที่กองทัพอิสราเอลเระบุว่า ได้โจมตีที่ตั้งของฮิซบอลเลาะห์ในย่านดานิเยห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงสถานที่ผลิตอาวุธและศูนย์บัญชาการข่าวกรอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103586
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำสูงสุดอิหร่านเผยท่าที กำลังชั่งใจวิธีดีที่สุดในการตอบโต้ “ความชั่วร้าย” ที่อิสราเอลก่อขึ้น เพื่อให้รัฐยิวรับรู้ถึงแสนยานุภาพของประเทศ ขณะอิสราเอลขู่เตหะรานให้เลิกคิดแก้แค้น ส่วนฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯก็สำทับเรียกร้องอิหร่านอย่าทำให้สถานการณ์บานปลาย . กองทัพอิสราเอลแถลงยืนยันว่า ได้ส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารในหลายจังหวัดของอิหร่านรวม 3 ระลอกเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ (26) ซึ่งภารกิจการโจมตีตอบโต้สำเร็จด้วยดี พร้อมกันนั้นก็เตือนอิหร่านไม่ให้ตอบโต้กลับ . กองทัพอิสราเอลยังประกาศว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสาธารณะทั่วประเทศ บ่งชี้ว่า อิสราเอลไม่คิดว่า อิหร่านจะตอบโต้กลับในทันที . เจ้าหน้าที่กลาโหมอิสราเอลคนหนึ่งบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า อเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ แต่ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล กลับกล่าวขอบคุณอเมริกาที่เป็นพันธมิตรที่แท้จริง รวมทั้งขอบคุณสำหรับความร่วมมือทั้งที่เปิดเผยและแบบลับๆ . ด้าน ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้อิหร่านยุติการโจมตีอิสราเอลเพื่อให้วงจรการต่อสู้นี้ยุติลงโดยไม่ทำให้สถานการณ์ลุกลาม . เช่นเดียวกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงความหวังว่า “ถึงตอนจบได้แล้ว” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนการโจมตีของอิสราเอลจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า ได้ขอให้อิสราเอลงดโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์และด้านพลังงาน ในการตอบโต้ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา . ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงแถลงกร้าวว่า อิสราเอลเลือกเป้าหมายโจมตีโดยอิงกับผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้ทำตามที่อเมริกาชี้นำ . รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอีกคนหนึ่ง ซึ่งออกมาแถลงว่า อิหร่านไม่ควรทำผิดพลาดด้วยการตอบโต้อิสราเอล และย้ำว่าระหว่างที่เขาหารือกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีการพูดกันถึงโอกาสทางการทูตในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในกาซาและเลบานอน . สำหรับสหภาพยุโรป และรัสเซีย ต่างออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลายจนเกินการควบคุม ขณะที่หลายประเทศ ที่รวมถึงเพื่อนบ้านของอิหร่าน ได้แถลงประณามอิสราเอล . ต่อมาในวันอาทิตย์ (27) สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของประเทศ ประกาศว่า เตหะรานควรพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้อิสราเอลรับรู้ถึงแสนยานุภาพของอิหร่าน และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ก่อนสำทับว่า ความชั่วร้ายที่อิสราเอลก่อขึ้นจากการโจมตีใส่อิหร่านเมื่อคืนวันศุกร์ต่อกับก่อนรุ่งสางวันเสาร์ ต้องไม่ถูกทำให้ดูเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และก็ไม่ขยายความให้ใหญ่เกินจริง . ทั้งนี้ ตั้งแต่วันเสาร์ อิหร่านประณามการกระทำของอิสราเอล โดยกระทรวงต่างประเทศแถลงว่า อิหร่านมีสิทธิ์และหน้าที่ในการปกป้องตนเอง แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค . ทางด้านกองทัพอิหร่านระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลใช้หัวรบขนาดเล็กมากเพื่อโจมตีระบบเรดาร์ใน 2 จังหวัดและรอบเตหะราน ซึ่งสร้างความเสียหายเพียงจำกัด แต่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย . อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในภูมิภาค 2 คนที่ได้รับการบรรยายสรุปสถานการณ์จากอิหร่านเผยว่า เตหะรานได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อพิจารณาขอบเขตการตอบโต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ความเสียหายเล็กน้อยมาก แต่สำทับว่า ฐานที่มั่นของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติหลายแห่งในและรอบเตหะรานถูกโจมตีด้วย . กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เดวิด อัลไบรต์ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ภาพจากดาวเทียมพาณิชย์ที่มีความละเอียดต่ำของพลาเน็ต แลบส์ แสดงให้เห็นว่า จุดหนึ่งที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลคราวล่าสุดนี้ คือนิคมอุตสาหกรรมทหารพาร์ชิน ใกล้เตหะราน ซึ่งทำให้อาคาร 3 แห่งเสียหาย และ 2 แห่งในจำนวนนั้นเป็นสถานที่ผสมเชื้อเพลิงแข็ง ใช้กับพวกขีปนาวุธทิ้งตัว . รอยเตอร์รายงานว่า ยังมี เดคเกอร์ เอเวเลธ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ที่วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของพลาเน็ต แลบส์เช่นเดียวกัน ได้ระบุว่า อิสราเอลยังโจมตีโคจีร์ ที่เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธใกล้เตหะราน ซึ่งอาจบ่อนทำลายความสามารถของอิหร่านในการผลิตขีปนาวุธเป็นจำนวนมาก รวมทั้งความสามารถในการโจมตีด้วยขีปนาวุธเพื่อเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล . สำหรับสถานการณ์ในแนวรบอื่นๆ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน เผยว่า ในวันเสาร์ได้ยิงจรวดโจมตีเขตที่พักอาศัย 5 แห่งทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวด 80 ลูกยิงข้ามแดนไปจริงในวันดังกล่าว . นอกจากนั้นฮิซบอลเลาะห์ยังประกาศให้ชาวอิสราเอลในพื้นที่กว่า 20 แห่งอพยพ ขณะที่กองทัพอิสราเอลเระบุว่า ได้โจมตีที่ตั้งของฮิซบอลเลาะห์ในย่านดานิเยห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงสถานที่ผลิตอาวุธและศูนย์บัญชาการข่าวกรอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103586 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1320 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนนี้คือตัวพ่อของโปรอิสราเอล ที่มักจะปล่อยข่าวปลอมเพื่ออวยอิสราเอล และถากถางฝ่ายตรงข้ามด้วยคำรุนแรงอยู่เป็นประจำ

    ล่าสุดโพสต์ว่า อิสราเอลทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดของท่าเรืออิหม่าม โคมัยนี และโรงงานปิโตรเคมีอิหม่าม โคมัยนีที่อยู่ติดกัน โรงกลั่นน้ำมันอาบาดาน และแหล่งก๊าซตังเอบิจาร์

    แต่ไม่มีหลักฐาน แม้แต่รูปถ่ายสักรูปนึงก็ไม่มี หากสายลับของอิสราเอลมีอยู่ในอิหร่านจริงๆ มีหรือที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่แอบถ่ายรูปผลการโจมตีของอิสราเอล หรือแม้แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็ไม่มี

    การทำลายโรงกลั่นน้ำมัน หรือโครงสร้างด้านพลังงาน การระเบิดจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่สามารถปกปิดได้ อย่างที่เราเห็นกันในเยเมน หรือแม้แต่ในยูเครน
    คนนี้คือตัวพ่อของโปรอิสราเอล ที่มักจะปล่อยข่าวปลอมเพื่ออวยอิสราเอล และถากถางฝ่ายตรงข้ามด้วยคำรุนแรงอยู่เป็นประจำ ล่าสุดโพสต์ว่า อิสราเอลทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมดของท่าเรืออิหม่าม โคมัยนี และโรงงานปิโตรเคมีอิหม่าม โคมัยนีที่อยู่ติดกัน โรงกลั่นน้ำมันอาบาดาน และแหล่งก๊าซตังเอบิจาร์ แต่ไม่มีหลักฐาน แม้แต่รูปถ่ายสักรูปนึงก็ไม่มี หากสายลับของอิสราเอลมีอยู่ในอิหร่านจริงๆ มีหรือที่พวกเขาเหล่านั้นจะไม่แอบถ่ายรูปผลการโจมตีของอิสราเอล หรือแม้แต่ภาพถ่ายดาวเทียมก็ไม่มี การทำลายโรงกลั่นน้ำมัน หรือโครงสร้างด้านพลังงาน การระเบิดจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่สามารถปกปิดได้ อย่างที่เราเห็นกันในเยเมน หรือแม้แต่ในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพถ่ายที่มีการอ้างว่า เป็นโครงสร้างเริ่มต้นของโรงเก็บเครื่องบิน ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ SU-35 ในฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งภายในประเทศอิหร่าน
    ภาพถ่ายที่มีการอ้างว่า เป็นโครงสร้างเริ่มต้นของโรงเก็บเครื่องบิน ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ SU-35 ในฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งภายในประเทศอิหร่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลอาร์มานของอิหร่านเข้าสู่ระยะทดสอบปฏิบัติการแล้ว, ตามภาพถ่ายดาวเทียม

    อาร์มานสามารถตรวจจับขีปนาวุธและโดรนได้ในระยะ ๑๘๐ กิโลเมตร
    .
    ⚡️BREAKING

    Iran's Arman Ballistic Missile Defence System has reached the Operational Test Phase, according to Satellite Images

    Arman can detect missiles and drones at a range of 180 kilometres
    .
    8:30 PM · Oct 21, 2024 · 212.4K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1848356241979924893
    ระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลอาร์มานของอิหร่านเข้าสู่ระยะทดสอบปฏิบัติการแล้ว, ตามภาพถ่ายดาวเทียม อาร์มานสามารถตรวจจับขีปนาวุธและโดรนได้ในระยะ ๑๘๐ กิโลเมตร . ⚡️BREAKING Iran's Arman Ballistic Missile Defence System has reached the Operational Test Phase, according to Satellite Images Arman can detect missiles and drones at a range of 180 kilometres . 8:30 PM · Oct 21, 2024 · 212.4K Views https://x.com/IranObserver0/status/1848356241979924893
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศยามเย็น ที่บึงน้ำติดกองขยะเมือง
    #ภาพถ่ายจากมือถือ
    บรรยากาศยามเย็น ที่บึงน้ำติดกองขยะเมือง #ภาพถ่ายจากมือถือ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 621 มุมมอง 1 รีวิว
  • 📸ขอเชิญน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ร่วมส่งผลงานการประกวดภาพถ่ายสุดสร้างสรรค์🫶🏻

    🖼️ในหัวข้อ ”รส รำลึก : รสสัมผัสของความคิดถึง ผู้คน บรรยากาศ สถานที่” 📝เพื่อบันทึกภาพความทรงจำและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโคราช สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเก่าๆและรสชาติที่ที่คนโคราชเราคุ้นเคย จนอยากชวนเพื่อนๆ มาลองลิ้มชิมรสแบบคนโคราช🍲🥘🥗🧇🥙🍛

    💰ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท✨พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร จากนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา🫶🏻

    📍รับสมัคร และกำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 27 ตุลาคม 2567 ในรูปแบบไฟล์ โดยการอัพโหลดไฟล์บนเว็บไซต์ฝากไฟล์ Google Drive และส่งLink สำหรับดาวน์โหลดผ่านทาง Email : tk.square.korat@gmail.com หรือส่งในรูปแบบ USB Drive ที่อุทยานการเรียนรู้นครราชสีมา (TK Square Korat) เลขที่ 310 ถนนชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

    💁‍♀️สามารถดาวโหลดใบสมัครและหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่ลิ้งนี้นะคะ👇
    👉🏻ใบสมัคร https://drive.google.com/file/d/10_LoBqSLmWr7c6hqMAT2jvHmO2RKV6VM/view?usp=sharing

    👉🏻หลักเกณฑ์การประกวด https://drive.google.com/file/d/1e52lPxa1Gg83irt_fWwqjt_Ib06DZ_Mq/view?usp=sharing

    ☎️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
    📞โทร 083-6659144
    📸ขอเชิญน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ร่วมส่งผลงานการประกวดภาพถ่ายสุดสร้างสรรค์🫶🏻 🖼️ในหัวข้อ ”รส รำลึก : รสสัมผัสของความคิดถึง ผู้คน บรรยากาศ สถานที่” 📝เพื่อบันทึกภาพความทรงจำและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองโคราช สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเก่าๆและรสชาติที่ที่คนโคราชเราคุ้นเคย จนอยากชวนเพื่อนๆ มาลองลิ้มชิมรสแบบคนโคราช🍲🥘🥗🧇🥙🍛 💰ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท✨พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร จากนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา🫶🏻 📍รับสมัคร และกำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 27 ตุลาคม 2567 ในรูปแบบไฟล์ โดยการอัพโหลดไฟล์บนเว็บไซต์ฝากไฟล์ Google Drive และส่งLink สำหรับดาวน์โหลดผ่านทาง Email : tk.square.korat@gmail.com หรือส่งในรูปแบบ USB Drive ที่อุทยานการเรียนรู้นครราชสีมา (TK Square Korat) เลขที่ 310 ถนนชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 💁‍♀️สามารถดาวโหลดใบสมัครและหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่ลิ้งนี้นะคะ👇 👉🏻ใบสมัคร https://drive.google.com/file/d/10_LoBqSLmWr7c6hqMAT2jvHmO2RKV6VM/view?usp=sharing 👉🏻หลักเกณฑ์การประกวด https://drive.google.com/file/d/1e52lPxa1Gg83irt_fWwqjt_Ib06DZ_Mq/view?usp=sharing ☎️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 📞โทร 083-6659144
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠

    ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา

    ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公)

    🥳หนึ่ง🥳

    เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927

    ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา

    เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน

    ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน"

    หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋)

    ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า:

    “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง”

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ

    ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)"

    ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)"

    เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย

    ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้

    🥳สอง🥳

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ

    หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้

    หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

    ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

    แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛)

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ:

    เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง

    สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公)

    ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด

    ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10%

    นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

    🥳สาม🥳

    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว:

    ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ

    ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨)

    ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ

    หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ

    ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า:

    ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน”

    หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร

    ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย

    หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป"

    เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠 ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) 🥳หนึ่ง🥳 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927 ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน" หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋) ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า: “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)" ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)" เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ 🥳สอง🥳 หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้ หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛) หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ: เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公) ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10% นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น 🥳สาม🥳 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว: ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า: ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป" เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇵🇸 ⚔️ 🇮🇱 1 ปีในฉนวนกาซาตั้งแต่การโจมตี 7 ตุลาคม – เรียงความภาพ
    .
    Ali Jadallah ช่างภาพจาก Anadolu Agency ประจำกาซา พูดถึงภาพถ่ายทรงพลังที่สุดบางส่วนที่เขาถ่ายไว้ในปีนี้ นับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่จุดชนวนให้เกิดสงครามกาซา

    🔘 คำเตือน : มีเนื้อหาที่รุนแรง รวมถึงการเสียชีวิต

    #Jadallah : เป็นช่างภาพชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซา ซึ่งทำงานให้กับ Anadolu Agency ตั้งแต่ปี 2012 เขาบันทึกภาพสงครามอิสราเอล-ฉนวนกาซาตั้งแต่เริ่มต้น โดยเผชิญกับความท้าทายมากมาย

    • Jadallah ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ และระดับท้องถิ่นหลายรางวัลจากภาพถ่ายของเขา
    • สูญเสียญาติไป 4 คน จากการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา
    • เขายังคงรายงานเกี่ยวกับสงครามในภูมิภาคนี้ต่อไป
    .
    ▪ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กกำลังหลบหนีการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่โจมตีพื้นที่หนึ่งในเมืองกาซา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม
    ▪ จนท.ป้องกันพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอลกำลังได้รับการ CPR บนเปลที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในกาซา เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66
    ▪ หญิงและเด็กที่ได้รับบาดเจ็บรวมอยู่ในกลุ่มผู้คนจำนวนมากที่ถูกนำส่งร.พ.อัลชิฟา หลังเกิดระเบิดที่ร.พ.แบปทิสต์ ในเมืองกาซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย เมื่อ 17 ต.ค.
    ▪ เปลวไฟและควันพวยพุ่งขึ้นในย่านเทลอัลฮาวา ขณะที่การโจมตีของอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ในวันที่ 30 ต.ค.
    ▪ ชาวปาเลสไตน์ดำเนินการค้นหาและกู้ภัยหลังจากถูกโจมตีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 24 ชม. ที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในเมืองกาซา เมื่อ 1 พ.ย.
    ▪ พลุสัญญาณส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือค่ายผู้ลี้ภัยอัลชาติ ในฉนวนกาซา ในระหว่างการโจมตีของอิสราเอล เมื่อ 6 พ.ย.
    ▪ ทารกวัย 2 เดือน ซึ่งเสียชีวิตในการโจมตีบ้านหลังหนึ่งของอิสราเอล 17 มี.ค.
    ▪ ฟาดี ซานต์ วัย 9 ขวบ ได้รับการรักษาภาวะทุพโภชนาการ หลังจากได้รับการอพยพจากกาซาตอนเหนือไปยังร.พ.สนามในเมืองราฟาห์ เมื่อ 24 มี.ค.
    ▪ ชาวปาเลสไตน์บางส่วนเริ่มเดินทางกลับบ้านของตนที่เมืองคานยูนิส หลังจากที่อิสราเอลถอนกำลังออกไป และทิ้งร่องรอยการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ไว้ เมื่อวันที่ 7 เม.ษ.
    ▪ ชาวปาเลสไตน์มองดูประกายไฟ เปลวไฟ และควันที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังการโจมตีของอิสราเอลในเมืองเดียร์ อัล บาลาห์ เมื่อ 6 มิ.ย.
    ▪ ผู้รอดชีวิตกำลังหนีจากซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทำลายหลังจากการโจมตีบ้านของครอบครัวอาบูไอชาในเดียร์อัลบาลาห์ เมื่อ 14 มิ.ย.
    ...........................................................
    Amir Levy เป็นช่างภาพข่าวชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอลที่มีประสบการณ์ 15 ปี ช่างภาพของ Getty Images พูดถึงภาพถ่ายทรงพลังที่สุดของเขาที่ถ่ายตลอดทั้งปี

    ▪ ผู้คนซ่อนตัวอยู่ในบันไดอาคารขณะที่เสียงไซเรนดังขึ้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 ในเมืองเทลอาวีฟ อิสราเอล
    ▪ ทหารอิสราเอลนำศพของพลเรือนที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ในการโจมตีของปาเลสไตน์ในคิบบุตซ์ ใกล้พรมแดนกาซา เมื่อ 10 ต.ค. 66 ในเมืองคฟาร์อาซา อิสราเอล
    ▪ ทหารอิสราเอลกำลังรักษาความปลอดภัยในอุโมงค์ใกล้ชายแดนอิสราเอลในฉนวนกาซาตอนเหนือ เมื่อ ธ.ค. 66 กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า นี่คืออุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบในกาซา โดยประกอบด้วยสาขาที่ทอดยาวกว่า 4 กม.
    ▪ อามิต ซูสซานา (ขวา) ซึ่งถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน และได้รับการปล่อยตัว เมื่อ 29 ม.ค. 67 ในเมืองคฟาร์อาซา
    ▪ ชาวยิวออร์โธดอกซ์สุดโต่งกับเศษซากขีปนาวุธใกล้เมืองอารัด เมื่อ 30 เม.ษ. 67 ซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีทางอากาศของอิหร่าน เมื่อวันที่ 13 เม.ษ. ซึ่งมีรายงานว่าอิหร่านได้ยิงโดรน 170 ลำ และขีปนาวุธกว่า 150 ลูกโจมตีประเทศและบริเวณที่ราบสูงโกลันที่ถูกอิสราเอลยึดครอง
    ▪ จนท.ดับเพลิงกำลังดับไฟ หลังจากถูกโจมตีด้วยจรวดจากเลบานอน เมื่อ 4 ก.ค. 67 ทางตอนเหนือของอิสราเอล
    ▪ ผู้ไว้อาลัยเข้าร่วมงานศพที่จัดขึ้นเพื่อเหยื่อจากการโจมตีด้วยจรวด เมื่อ 28 ก.ค. ใน Majdal Shams บนที่ราบสูงโกลัน
    ▪ ชายชาวยิวออร์โธดอกซ์สุดโต่ง ปะทะกับตำรวจขี่ม้าระหว่างการชุมนุมประท้วงการเกณฑ์ทหารของอิสราเอล ใกล้ฐานรับสมัคร เมื่อ 5 ส.ค. ในพื้นที่เทลฮาโชเมอร์ เมืองรามัตกัน ประเทศอิสราเอล
    ▪ ครอบครัวของตัวประกันที่ถูกจับกุมในฉนวนกาซาและผู้สนับสนุน จุดพลุสัญญาณขณะปิดกั้นถนนสายหลักระหว่างการชุมนุมเรียกร้องให้มีข้อตกลงจับตัวประกัน เมื่อ 13 ก.ย. ในเมืองเทลอาวีฟ
    .
    แหล่งข้อมูลภาพทั้งหมด มาจากสื่อหลักอังกฤษ The Guardian 🇬🇧

    อ่านคำบรรยายในแต่ละภาพเพิ่มเติมได้ที่
    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/05/one-year-in-gaza-since-the-7-october-attack-photo-essay

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/05/one-year-in-israel-since-the-7-october-attack-photo-essay



    Noraseth Tuntasiri
    🇵🇸 ⚔️ 🇮🇱 1 ปีในฉนวนกาซาตั้งแต่การโจมตี 7 ตุลาคม – เรียงความภาพ . Ali Jadallah ช่างภาพจาก Anadolu Agency ประจำกาซา พูดถึงภาพถ่ายทรงพลังที่สุดบางส่วนที่เขาถ่ายไว้ในปีนี้ นับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่จุดชนวนให้เกิดสงครามกาซา 🔘 คำเตือน : มีเนื้อหาที่รุนแรง รวมถึงการเสียชีวิต #Jadallah : เป็นช่างภาพชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซา ซึ่งทำงานให้กับ Anadolu Agency ตั้งแต่ปี 2012 เขาบันทึกภาพสงครามอิสราเอล-ฉนวนกาซาตั้งแต่เริ่มต้น โดยเผชิญกับความท้าทายมากมาย • Jadallah ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ และระดับท้องถิ่นหลายรางวัลจากภาพถ่ายของเขา • สูญเสียญาติไป 4 คน จากการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซา • เขายังคงรายงานเกี่ยวกับสงครามในภูมิภาคนี้ต่อไป . ▪ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กกำลังหลบหนีการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่โจมตีพื้นที่หนึ่งในเมืองกาซา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ▪ จนท.ป้องกันพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอลกำลังได้รับการ CPR บนเปลที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในกาซา เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66 ▪ หญิงและเด็กที่ได้รับบาดเจ็บรวมอยู่ในกลุ่มผู้คนจำนวนมากที่ถูกนำส่งร.พ.อัลชิฟา หลังเกิดระเบิดที่ร.พ.แบปทิสต์ ในเมืองกาซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 ราย เมื่อ 17 ต.ค. ▪ เปลวไฟและควันพวยพุ่งขึ้นในย่านเทลอัลฮาวา ขณะที่การโจมตีของอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ในวันที่ 30 ต.ค. ▪ ชาวปาเลสไตน์ดำเนินการค้นหาและกู้ภัยหลังจากถูกโจมตีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 24 ชม. ที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในเมืองกาซา เมื่อ 1 พ.ย. ▪ พลุสัญญาณส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือค่ายผู้ลี้ภัยอัลชาติ ในฉนวนกาซา ในระหว่างการโจมตีของอิสราเอล เมื่อ 6 พ.ย. ▪ ทารกวัย 2 เดือน ซึ่งเสียชีวิตในการโจมตีบ้านหลังหนึ่งของอิสราเอล 17 มี.ค. ▪ ฟาดี ซานต์ วัย 9 ขวบ ได้รับการรักษาภาวะทุพโภชนาการ หลังจากได้รับการอพยพจากกาซาตอนเหนือไปยังร.พ.สนามในเมืองราฟาห์ เมื่อ 24 มี.ค. ▪ ชาวปาเลสไตน์บางส่วนเริ่มเดินทางกลับบ้านของตนที่เมืองคานยูนิส หลังจากที่อิสราเอลถอนกำลังออกไป และทิ้งร่องรอยการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ไว้ เมื่อวันที่ 7 เม.ษ. ▪ ชาวปาเลสไตน์มองดูประกายไฟ เปลวไฟ และควันที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังการโจมตีของอิสราเอลในเมืองเดียร์ อัล บาลาห์ เมื่อ 6 มิ.ย. ▪ ผู้รอดชีวิตกำลังหนีจากซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทำลายหลังจากการโจมตีบ้านของครอบครัวอาบูไอชาในเดียร์อัลบาลาห์ เมื่อ 14 มิ.ย. ........................................................... Amir Levy เป็นช่างภาพข่าวชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอลที่มีประสบการณ์ 15 ปี ช่างภาพของ Getty Images พูดถึงภาพถ่ายทรงพลังที่สุดของเขาที่ถ่ายตลอดทั้งปี ▪ ผู้คนซ่อนตัวอยู่ในบันไดอาคารขณะที่เสียงไซเรนดังขึ้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 ในเมืองเทลอาวีฟ อิสราเอล ▪ ทหารอิสราเอลนำศพของพลเรือนที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ในการโจมตีของปาเลสไตน์ในคิบบุตซ์ ใกล้พรมแดนกาซา เมื่อ 10 ต.ค. 66 ในเมืองคฟาร์อาซา อิสราเอล ▪ ทหารอิสราเอลกำลังรักษาความปลอดภัยในอุโมงค์ใกล้ชายแดนอิสราเอลในฉนวนกาซาตอนเหนือ เมื่อ ธ.ค. 66 กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า นี่คืออุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบในกาซา โดยประกอบด้วยสาขาที่ทอดยาวกว่า 4 กม. ▪ อามิต ซูสซานา (ขวา) ซึ่งถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน และได้รับการปล่อยตัว เมื่อ 29 ม.ค. 67 ในเมืองคฟาร์อาซา ▪ ชาวยิวออร์โธดอกซ์สุดโต่งกับเศษซากขีปนาวุธใกล้เมืองอารัด เมื่อ 30 เม.ษ. 67 ซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีทางอากาศของอิหร่าน เมื่อวันที่ 13 เม.ษ. ซึ่งมีรายงานว่าอิหร่านได้ยิงโดรน 170 ลำ และขีปนาวุธกว่า 150 ลูกโจมตีประเทศและบริเวณที่ราบสูงโกลันที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ▪ จนท.ดับเพลิงกำลังดับไฟ หลังจากถูกโจมตีด้วยจรวดจากเลบานอน เมื่อ 4 ก.ค. 67 ทางตอนเหนือของอิสราเอล ▪ ผู้ไว้อาลัยเข้าร่วมงานศพที่จัดขึ้นเพื่อเหยื่อจากการโจมตีด้วยจรวด เมื่อ 28 ก.ค. ใน Majdal Shams บนที่ราบสูงโกลัน ▪ ชายชาวยิวออร์โธดอกซ์สุดโต่ง ปะทะกับตำรวจขี่ม้าระหว่างการชุมนุมประท้วงการเกณฑ์ทหารของอิสราเอล ใกล้ฐานรับสมัคร เมื่อ 5 ส.ค. ในพื้นที่เทลฮาโชเมอร์ เมืองรามัตกัน ประเทศอิสราเอล ▪ ครอบครัวของตัวประกันที่ถูกจับกุมในฉนวนกาซาและผู้สนับสนุน จุดพลุสัญญาณขณะปิดกั้นถนนสายหลักระหว่างการชุมนุมเรียกร้องให้มีข้อตกลงจับตัวประกัน เมื่อ 13 ก.ย. ในเมืองเทลอาวีฟ . แหล่งข้อมูลภาพทั้งหมด มาจากสื่อหลักอังกฤษ The Guardian 🇬🇧 อ่านคำบรรยายในแต่ละภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theguardian.com/world/2024/oct/05/one-year-in-gaza-since-the-7-october-attack-photo-essay https://www.theguardian.com/world/2024/oct/05/one-year-in-israel-since-the-7-october-attack-photo-essay Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇱🇮🇷 ภาพถ่ายดาวเทียมได้รับการเผยแพร่หลังจากการมาถึงของขีปนาวุธอิหร่านที่ฐานทัพอากาศ Nevatim ซึ่งเป็นที่ตั้ง F-35I ของอิสราเอล

    แน่นอนว่าไม่ใช่ -20 ข้าง แต่มีขีปนาวุธหลายลูกถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังได้สาธิตฐานทัพอากาศเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์ส่วนที่เหลือของดินแดนเป็นอย่างไร
    🇮🇱🇮🇷 ภาพถ่ายดาวเทียมได้รับการเผยแพร่หลังจากการมาถึงของขีปนาวุธอิหร่านที่ฐานทัพอากาศ Nevatim ซึ่งเป็นที่ตั้ง F-35I ของอิสราเอล แน่นอนว่าไม่ใช่ -20 ข้าง แต่มีขีปนาวุธหลายลูกถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังได้สาธิตฐานทัพอากาศเพียงบางส่วนเท่านั้น ยังไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์ส่วนที่เหลือของดินแดนเป็นอย่างไร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาพบูชาขนาดใหญ่๕คูณ๗นิ้ว
    #ภาพหลวงปู่ปรงหลังโต๊ะหมู่
    #ภาพถ่ายในกุฏิที่วัดธรรมเจดีย์
    #ภาพบูชาขนาดใหญ่๕คูณ๗นิ้ว⭐ #ภาพหลวงปู่ปรงหลังโต๊ะหมู่⭐ #ภาพถ่ายในกุฏิที่วัดธรรมเจดีย์⭐
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เกิดอะไรขึ้นหน้าผชยังแค่ซีดๆแต่หน้าแม่ตั๊ก
    #โซเชียลวิจารณ์ไม่เหมือนหน้าคน
    เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่มุมมองนะครับ
    แต่ถ้าถามว่าปกติมั๊ย ก็ต้องบอกเลยว่า
    ภาพถ่ายนี้ไม่ปกติจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เกิดอะไรขึ้นหน้าผชยังแค่ซีดๆแต่หน้าแม่ตั๊ก #โซเชียลวิจารณ์ไม่เหมือนหน้าคน เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่มุมมองนะครับ แต่ถ้าถามว่าปกติมั๊ย ก็ต้องบอกเลยว่า ภาพถ่ายนี้ไม่ปกติจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thai
    เด็กหญิงวัย 5 ขวบจากแอฟริกาใต้ ลูกสาวของแม่เลี้ยงเดียว แม่ของเธอส่งเธอไปที่ร้านเพื่อซื้อขนมปังหนึ่งก้อน

    ระหว่างทางกลับ มีคนแปลกหน้าถ่ายรูป
    เธอไว้ ภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโชเชียลมีเดีย ถ่ายทอดความสุขที่แท้จริงของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณชน

    บริษัทผลิตขนมปังได้แต่งตั้งตั้งให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปัจจุบันภาพของเธอเป็นป้ายโฆษณาขนมปังทั่วแอฟริกาใต้

    ในทางกลับกัน แม่ลูกคู่นี้ได้รับบ้านสองห้องและบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของเด็กหญิงจนกว่า
    จะสำเร็จการศึกษา

    *นี่คือเรื่องราวสุดประทับใจที่
    บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขง่ายๆ ที่บันทึกเอาไว้ในภาพถ่าย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน คนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ไป
    Thai เด็กหญิงวัย 5 ขวบจากแอฟริกาใต้ ลูกสาวของแม่เลี้ยงเดียว แม่ของเธอส่งเธอไปที่ร้านเพื่อซื้อขนมปังหนึ่งก้อน ระหว่างทางกลับ มีคนแปลกหน้าถ่ายรูป เธอไว้ ภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโชเชียลมีเดีย ถ่ายทอดความสุขที่แท้จริงของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณชน บริษัทผลิตขนมปังได้แต่งตั้งตั้งให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปัจจุบันภาพของเธอเป็นป้ายโฆษณาขนมปังทั่วแอฟริกาใต้ ในทางกลับกัน แม่ลูกคู่นี้ได้รับบ้านสองห้องและบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของเด็กหญิงจนกว่า จะสำเร็จการศึกษา *นี่คือเรื่องราวสุดประทับใจที่ บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขง่ายๆ ที่บันทึกเอาไว้ในภาพถ่าย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน คนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เบอเกอร์หมู เมื่อวาน เพิ่มเติม มะเขือเทศ 🍅 หันหนาๆ เข้าไปอีก ทานคู่กับกาแฟดำร้อนๆ อย่างจุกๆๆ

    #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    #ภาพถ่ายเพื่อการโพสต์
    #เบอเกอร์หมู เมื่อวาน เพิ่มเติม มะเขือเทศ 🍅 หันหนาๆ เข้าไปอีก ทานคู่กับกาแฟดำร้อนๆ อย่างจุกๆๆ #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ #ภาพถ่ายเพื่อการโพสต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิจกรรม “Real Life Real Image ภาพถ่ายเพื่อการตื่นรู้ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
    ตอน คนไร้บ้านที่ไม่ไร้เพื่อน… Fellowship of Homeless People ✨
    โดย Thamrongrat Boonparyol

    เป็นส่วนหนึ่งของสัปดาห์ความสุขสากล 2024
    “Happiness Connects : ความสุขที่เชื่อมโยงเราไว้ด้วยกัน”
    กับเครือข่ายภาคีสุขภาวะทางปัญญา สสส.

    #สยามโสภา #อาสาพาสุข #RealLifeRealImage #HappinessConnects #SoulConnectFest
    #InternationalDayofHappiness #WorldHappinessDay #วันความสุขสากล
    #เขตพระนคร #thaitimes #thaitimesชุมชน #thaitimesสยามโสภา
    กิจกรรม “Real Life Real Image ภาพถ่ายเพื่อการตื่นรู้ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ตอน คนไร้บ้านที่ไม่ไร้เพื่อน… Fellowship of Homeless People ✨ โดย Thamrongrat Boonparyol เป็นส่วนหนึ่งของสัปดาห์ความสุขสากล 2024 “Happiness Connects : ความสุขที่เชื่อมโยงเราไว้ด้วยกัน” กับเครือข่ายภาคีสุขภาวะทางปัญญา สสส. #สยามโสภา #อาสาพาสุข #RealLifeRealImage #HappinessConnects #SoulConnectFest #InternationalDayofHappiness #WorldHappinessDay #วันความสุขสากล #เขตพระนคร #thaitimes #thaitimesชุมชน #thaitimesสยามโสภา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 730 มุมมอง 318 0 รีวิว
  • วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม

    เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น

    คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์

    บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ

    โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่

    การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว

    รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990

    https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/

    #Thaitimes
    วิทยุสื่อสาร Walker-Talkie ระเบิดสังหารที่มีแบรนด์บริษัทญี่ปุ่นIcom ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่ได้ผลิตอุปกรณ์และแบตเตอรี่รุ่นนี้มา 10 ปีแล้ว และ Icomเคยได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวจากTIMEระบุว่า บริษัท Icom.Inc ผู้ผลิตและส่งออกวิทยุสื่อสารที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซากา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า Walkie-Talkie รุ่น IC-V82 ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเคยผลิตและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงตะวันออกกลาง จนถึงเดือนตุลาคม 2014 ได้หยุดผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังยุติการผลิตแบตเตอรี่ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของตัวเครื่องหลักอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตือนลูกค้าว่าวิทยุสื่อสารรุ่น IC-V82 เกือบทั้งหมดในตลาดเป็นของปลอม เหตุระเบิดสังหารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายพันเครื่อง รวมถึงเพจเจอร์และวอล์กี้ทอล์กกี้ ระเบิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย และบาดเจ็บกว่า 3,000 ราย และกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือมีการฝังวัตถุระเบิดในอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไร ? หากวิทยุสื่อสารของ Icom เป็นของแท้และผลิตขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการดัดแปลงหลังจากขายให้กับลูกค้าเดิมไปแล้ว บริษัทไม่สามารถระบุได้ว่าวิทยุสื่อสารเหล่านี้เป็นของบริษัทหรือไม่ แต่ระบุว่าอุปกรณ์ที่ระเบิดดูเหมือนจะไม่มีฉลากโฮโลแกรมที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ บริษัทกล่าวว่าวิทยุสื่อสารทั้งหมดของบริษัทผลิตขึ้นที่โรงงานในจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของญี่ปุ่น บริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยที่กำหนดโดยกฎระเบียบของรัฐบาล และไม่ได้ว่าจ้างให้บริษัทภายนอกผลิตในต่างประเทศ โยชิกิ เอโนโมโตะ กรรมการของ Icom กล่าวในรายงานของ Kyodo ว่าแบตเตอรี่อาจได้รับการดัดแปลงด้วยวัตถุระเบิด เนื่องจากภาพถ่ายของอุปกรณ์แสดงให้เห็นความเสียหายร้ายแรงบริเวณช่องใส่แบตเตอรี่ การระเบิดสังหารที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ตามที่มิตสึรุ ฟูกูดะ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการความเสี่ยงที่มหาวิทยาลัยนิฮอนกล่าว “สิ่งนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทต่างๆ ขยายขอบเขตการกำกับดูแลความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานของตน” ให้ครอบคลุมถึงการจัดจำหน่ายและการจัดส่ง เขากล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวว่า Icom ได้รับสัญญาจัดหาเครื่องรับส่งสัญญาณให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1990 https://time.com/7022598/lebanon-walkie-talkies-explosion-japan-icom/ #Thaitimes
    TIME.COM
    Japanese Company Investigates Exploding Walkie-Talkies in Lebanon
    Icom Inc., whose brand appears on devices that exploded in Lebanon, said it halted production a decade ago of the model allegedly used in the attacks.
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1595 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิตยสาร TIME รายงานเรื่องราวของ“ น้องหมูเด้ง” ลูกฮิปโปโปเตมัสวัย 2 เดือนจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวว่า “ทุกการเคลื่อนไหวของเธอจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ภาพถ่ายใหม่ของเธอถูกแชร์ต่อและถูกพูดถึงอย่างเร่าร้อน ประกายแวววาวของเธอที่เป็นธรรมชาติเป็นที่อิจฉาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนอาร์ตและผู้สอนการแต่งหน้า หมูเด้งจากประเทศไทยไม่ใช่คนดังระดับ A-List ทั่วไป แต่เธอก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนคนดังระดับ A แน่นอน”

    TIME ระบุว่าน้องหมูเด้งได้เข้ามาอยู่ในใจของผู้คนนับล้านบนอินเทอร์เน็ตด้วยท่าทางที่ดุดันและท่าทางที่หวาดกลัวของน้อง ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกับใบหน้าของน้อง ไม่ว่าจะตอนโดนน้ำฉีด ตอนถูกคนดูแลสวนสัตว์อุ้ม หรือตอนนอนราบกับพื้นก็ตาม

    ที่มา : https://time.com/7021047/moo-deng-baby-pygmy-hippo-thailand-viral-cute-safety-concerns/

    #Thaitimes
    นิตยสาร TIME รายงานเรื่องราวของ“ น้องหมูเด้ง” ลูกฮิปโปโปเตมัสวัย 2 เดือนจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวว่า “ทุกการเคลื่อนไหวของเธอจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ภาพถ่ายใหม่ของเธอถูกแชร์ต่อและถูกพูดถึงอย่างเร่าร้อน ประกายแวววาวของเธอที่เป็นธรรมชาติเป็นที่อิจฉาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนอาร์ตและผู้สอนการแต่งหน้า หมูเด้งจากประเทศไทยไม่ใช่คนดังระดับ A-List ทั่วไป แต่เธอก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนคนดังระดับ A แน่นอน” TIME ระบุว่าน้องหมูเด้งได้เข้ามาอยู่ในใจของผู้คนนับล้านบนอินเทอร์เน็ตด้วยท่าทางที่ดุดันและท่าทางที่หวาดกลัวของน้อง ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกับใบหน้าของน้อง ไม่ว่าจะตอนโดนน้ำฉีด ตอนถูกคนดูแลสวนสัตว์อุ้ม หรือตอนนอนราบกับพื้นก็ตาม ที่มา : https://time.com/7021047/moo-deng-baby-pygmy-hippo-thailand-viral-cute-safety-concerns/ #Thaitimes
    TIME.COM
    She’s an Icon, She’s a Legend … She Is Moo Deng
    A baby pygmy hippo in Thailand is the internet’s latest obsession. But her newfound fame has also sparked concerns for her safety.
    Like
    Love
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 778 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ชาลีกามินที่หลายคนอย่างรู้
    รู้แหละติดตามกันเยอะ จะเหล่าให้อ่านกันจะได้เคลีย
    ก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ที่หญิงชายคู่นี้
    ได้สร้างรอยยิ้ม ให้บรรยากาศบ้านเมืองได้เบาๆซอฟๆ
    เป็นอะไรที่ คิมีโนโต๊ พอสมควร
    แต่ด้วยความที่แฟนคลับที่รักไปแล้ว
    ไม่อยากจะเชื่อหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น
    แต่พี่คิงส์จะประมวลมาให้อ่านกันจะได้ลองพิจารณา
    แล้วจะเคลียใจในที่สุด
    1. ก่อนที่กามินจะห่างกับชาลี ระหว่างที่กามินอยู่กับชาลี กามินไม่รู้ว่าปกติ ชาลีจะมีกล้องวงจรปิดติดไว้รอบบ้าน ในระหว่างที่ยังไม่มีปัญหาอะไรกัน ชาลีเห็นพฤติกรรมบางอย่างลับหลังทางกล้อง รวมถึงได้ยินบทสนทนาที่ถึงกับรับไม่ได้ แต่ด้วยความที่รักไปแล้ว และต้องรับผิดชอบงานในหลายๆอย่างที่ดิลไว้ ก็ต้องอดทน และหวังว่าจะเอาชนะใจกามินได้
    2. วิเคราะห์ว่า กามินเริ่มรู้แล้วว่า บางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ชาลีรับรู้แล้ว แต่คิดว่าถึงเวลาต้องทำอะไรซักอย่าง และคนที่อยู่ที่เกาหลีก็สั่งให้กลับทันที
    3. ในขณะที่กามินอ้างว่า ของที่ขนไป พี่คิงส์บอกนะ ไม่ได้ขนแบบกระเป๋าสองใบ แต่ของเยอะมาก ถูกขนขึ้นเรือไป และหลายๆอย่างเป็นของมีค่าที่ไม่ใช่ของกามิน แต่เป็นของชาลีและที่บ้าน หลักฐานทั้งหมดมีอยู่ในกล้องวงจร
    4. ชาลี ได้ให้ทรัพย์สินกับกามิน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวกามินไปไม่น้อย
    5. ที่กามินอ้างว่า สงสารพี่ชาย บลาๆๆ คือตั้งแต่มาคู่กับชาลี มีงานเข้ามาต่อเนื่อง ถ้าสงสารก็ส่งเงิน ไม่ได้มีความจำเป็นต้องหนีไปแบบนี้
    6. ชาลี พูดว่า งานนี้หมดตัวเพราะคำว่ารักคำเดียว
    7. งานนี้ไม่ใช่คอนเท้น พอกามินไปที่เกาหลี การแสดงออกที่เป็นตัวตนที่แท้จริงก็ออกมา นั่นคือการเต้นแร้งเต้นกา เย้ยชาลีและเอฟซีคนไทย จนทานกระแสไม่ไหวก็ออกมาบีบน้ำตาเวิ่นเว้อเหมือนเคย
    8. ชาลีได้ดิลงานให้กามินไว้ข้ามปี การที่กามินหนีไป ส่งผลให้ชาลีต้องถูกเจ้าของงานต่างๆฟ้องรัวๆ ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว ส่วน อิเหวิงกาฝาก ลอยตัว หอบไปทั้งเงิน ทั้งทรัพย์สินมีค่าของบ้านเน็กชาลี ไม่ต้องรับผิดชอบห่านอะไรเลย ถามว่า มันน่าสงสารตรงไหนฟร๊ะ
    9. ที่เห็นว่า ชาลี พูดอะไรออกมาได้ไม่มาก ด้วยความรู้เยอะของอิเหวิงกามิน พรรคพวกได้เตรียมทนายไว้ ถ้ามีอะไรที่พูดแล้วทำให้อิเหวิงเสียหาย มันจะฟ้องทุกคน สะใจมั๊ยล่ะ
    รอบที่แล้วที่กลับเกาหลีไปแล้วไม่ติดต่อ อันนั้นน่ะของจริง
    คนอย่างอิเหวิง เน็กไม่ใช่สเปคเลย แต่กลับไทยรอบสอง
    ก็แค่กลับมาโกยให้มากที่สุด แล้วค่อยกลับจริงรอบนี้แหละ
    เห็นมั๊ย ไม่ติดต่อชาลีเลย สองสัปดาห์ เพราะการแสดงจบลงแล้วไง
    มิชชั่นคอมพลีท ถ้ามีใจ มันจะทำทุกอย่างเพื่อติดต่อกับคนที่ตัวเองรัก
    นี่มันไม่อะไรเลย เปิดตัวมาก็เต้น
    ที่สำคัญ หาแดรกกับแฟนคลับคนไทยไปเยอะเลยน้า
    จำได้ "ไอฮึ้ง ไอฮึ้ง" จริตแสดงเก่ง น้ำก็ไม่ค่อยอาบ ชาลียังรับได้เลย
    ส่วนที่ยังไม่รู้จริง ไม่แน่ชัด แต่เดานะคือ
    น่าจะมีผัวอยู่แล้วจริงๆ งานจบก็กลับไปหาผัวนั่นแหละ
    ความรักกับชาลีแค่งาน โกยแหลกเอาไปแจกผัวนั่นเอง
    ซึ่งตอนนี้ ที่อิเหวิงไลฟ์บีบน้ำตา เห็นป่ะ พูดถึงรถ ถึงบ้าน
    คือมันมาโกยพอแล้วที่จะสร้างบ้าน ซื้อรถใหม่และมีเงินเก็บใช้จ่ายสบายๆ
    ถ้าแฟนคลับไทยเอะใจนิดเดียวก็จะรู้ว่ามันผิดปกติ
    ทำไม เนกให้เข้าบ้าน เปิดเผยทุกอย่าง
    แต่ทุกครั้งที่อิเหวิงกลับไป ชาลีขอตามไปไม่เคยยอม ลับไปทุกเรื่อง
    ก็เพราะสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่อิเหวิงต้องการให้รู้มันไม่เหมือนกันไง
    ล่าสุดอ้างว่ามีพี่ชายน่าสงสาร เพราะขับรถมือสอง 555
    ใครเคยเห็นภาพถ่ายครอบครัวกาฝากซักรูปมั๊ย ไม่เคย
    ชาลีเราก็จริงจังโดดไปเกินร้อย สรุปคนไทยแทบไม่รู้อะไรของกามินเลย
    จริงมั๊ย
    ดังนั้น ใครไปที่ต่อว่าชาลี ตั้งสติดีๆ ว่าใครคือผู้ถูกกระทำกันแน่
    ฝากไว้ให้คิด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แน็คชาลี
    #กามิน
    #ชาลีกามินที่หลายคนอย่างรู้ รู้แหละติดตามกันเยอะ จะเหล่าให้อ่านกันจะได้เคลีย ก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ที่หญิงชายคู่นี้ ได้สร้างรอยยิ้ม ให้บรรยากาศบ้านเมืองได้เบาๆซอฟๆ เป็นอะไรที่ คิมีโนโต๊ พอสมควร แต่ด้วยความที่แฟนคลับที่รักไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น แต่พี่คิงส์จะประมวลมาให้อ่านกันจะได้ลองพิจารณา แล้วจะเคลียใจในที่สุด 1. ก่อนที่กามินจะห่างกับชาลี ระหว่างที่กามินอยู่กับชาลี กามินไม่รู้ว่าปกติ ชาลีจะมีกล้องวงจรปิดติดไว้รอบบ้าน ในระหว่างที่ยังไม่มีปัญหาอะไรกัน ชาลีเห็นพฤติกรรมบางอย่างลับหลังทางกล้อง รวมถึงได้ยินบทสนทนาที่ถึงกับรับไม่ได้ แต่ด้วยความที่รักไปแล้ว และต้องรับผิดชอบงานในหลายๆอย่างที่ดิลไว้ ก็ต้องอดทน และหวังว่าจะเอาชนะใจกามินได้ 2. วิเคราะห์ว่า กามินเริ่มรู้แล้วว่า บางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ชาลีรับรู้แล้ว แต่คิดว่าถึงเวลาต้องทำอะไรซักอย่าง และคนที่อยู่ที่เกาหลีก็สั่งให้กลับทันที 3. ในขณะที่กามินอ้างว่า ของที่ขนไป พี่คิงส์บอกนะ ไม่ได้ขนแบบกระเป๋าสองใบ แต่ของเยอะมาก ถูกขนขึ้นเรือไป และหลายๆอย่างเป็นของมีค่าที่ไม่ใช่ของกามิน แต่เป็นของชาลีและที่บ้าน หลักฐานทั้งหมดมีอยู่ในกล้องวงจร 4. ชาลี ได้ให้ทรัพย์สินกับกามิน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวกามินไปไม่น้อย 5. ที่กามินอ้างว่า สงสารพี่ชาย บลาๆๆ คือตั้งแต่มาคู่กับชาลี มีงานเข้ามาต่อเนื่อง ถ้าสงสารก็ส่งเงิน ไม่ได้มีความจำเป็นต้องหนีไปแบบนี้ 6. ชาลี พูดว่า งานนี้หมดตัวเพราะคำว่ารักคำเดียว 7. งานนี้ไม่ใช่คอนเท้น พอกามินไปที่เกาหลี การแสดงออกที่เป็นตัวตนที่แท้จริงก็ออกมา นั่นคือการเต้นแร้งเต้นกา เย้ยชาลีและเอฟซีคนไทย จนทานกระแสไม่ไหวก็ออกมาบีบน้ำตาเวิ่นเว้อเหมือนเคย 8. ชาลีได้ดิลงานให้กามินไว้ข้ามปี การที่กามินหนีไป ส่งผลให้ชาลีต้องถูกเจ้าของงานต่างๆฟ้องรัวๆ ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว ส่วน อิเหวิงกาฝาก ลอยตัว หอบไปทั้งเงิน ทั้งทรัพย์สินมีค่าของบ้านเน็กชาลี ไม่ต้องรับผิดชอบห่านอะไรเลย ถามว่า มันน่าสงสารตรงไหนฟร๊ะ 9. ที่เห็นว่า ชาลี พูดอะไรออกมาได้ไม่มาก ด้วยความรู้เยอะของอิเหวิงกามิน พรรคพวกได้เตรียมทนายไว้ ถ้ามีอะไรที่พูดแล้วทำให้อิเหวิงเสียหาย มันจะฟ้องทุกคน สะใจมั๊ยล่ะ รอบที่แล้วที่กลับเกาหลีไปแล้วไม่ติดต่อ อันนั้นน่ะของจริง คนอย่างอิเหวิง เน็กไม่ใช่สเปคเลย แต่กลับไทยรอบสอง ก็แค่กลับมาโกยให้มากที่สุด แล้วค่อยกลับจริงรอบนี้แหละ เห็นมั๊ย ไม่ติดต่อชาลีเลย สองสัปดาห์ เพราะการแสดงจบลงแล้วไง มิชชั่นคอมพลีท ถ้ามีใจ มันจะทำทุกอย่างเพื่อติดต่อกับคนที่ตัวเองรัก นี่มันไม่อะไรเลย เปิดตัวมาก็เต้น ที่สำคัญ หาแดรกกับแฟนคลับคนไทยไปเยอะเลยน้า จำได้ "ไอฮึ้ง ไอฮึ้ง" จริตแสดงเก่ง น้ำก็ไม่ค่อยอาบ ชาลียังรับได้เลย ส่วนที่ยังไม่รู้จริง ไม่แน่ชัด แต่เดานะคือ น่าจะมีผัวอยู่แล้วจริงๆ งานจบก็กลับไปหาผัวนั่นแหละ ความรักกับชาลีแค่งาน โกยแหลกเอาไปแจกผัวนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ ที่อิเหวิงไลฟ์บีบน้ำตา เห็นป่ะ พูดถึงรถ ถึงบ้าน คือมันมาโกยพอแล้วที่จะสร้างบ้าน ซื้อรถใหม่และมีเงินเก็บใช้จ่ายสบายๆ ถ้าแฟนคลับไทยเอะใจนิดเดียวก็จะรู้ว่ามันผิดปกติ ทำไม เนกให้เข้าบ้าน เปิดเผยทุกอย่าง แต่ทุกครั้งที่อิเหวิงกลับไป ชาลีขอตามไปไม่เคยยอม ลับไปทุกเรื่อง ก็เพราะสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่อิเหวิงต้องการให้รู้มันไม่เหมือนกันไง ล่าสุดอ้างว่ามีพี่ชายน่าสงสาร เพราะขับรถมือสอง 555 ใครเคยเห็นภาพถ่ายครอบครัวกาฝากซักรูปมั๊ย ไม่เคย ชาลีเราก็จริงจังโดดไปเกินร้อย สรุปคนไทยแทบไม่รู้อะไรของกามินเลย จริงมั๊ย ดังนั้น ใครไปที่ต่อว่าชาลี ตั้งสติดีๆ ว่าใครคือผู้ถูกกระทำกันแน่ ฝากไว้ให้คิด #คิงส์โพธิ์แดง #แน็คชาลี #กามิน
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1716 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 669 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคำฟ้อง "พล.ต.อ.สมยศ" กับพวก 8 คนปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจกดดันลูกน้องเปลี่ยนความเร็ว ส่วน "เนตร นาคสุข" ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจสั่งไม่ฟ้อง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 10 กันยายนนี้

    29 สิงหาคม 2567 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยืนฟ้องพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 131 /2567 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 , 200 , 83 , 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 /1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2563 มาตรา 172,192
    พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่3 ก.ย.2555 เวลาประมาณ 05.20 น. เกิดเหตุนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเฟอรารี่ ไปตามถนนสุขุมวิทฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางพระโขนง เมื่อถึงบริเวณระหว่างปากซอยสุขุมวิท 47 และปากซอยสุขุมวิท 49 ได้ชนท้ายรถจักรยานยนต์ตราโล่ซึ่งมีด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่ส้มลงครูดไถลไปตามพื้นถนน หยุดอยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดชนประมาณ 164.45 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหาย ด.ต.วิเชียร ถึงแก่ความตาย
    ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีจราจรโดยมีพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้เองและรวบรวมพยานเอกสารประกอบสำนวนการสอบสวน โดยมีรายงานกองพิสูจน์หลักฐาน กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่จากภาพของกล้องวงจรปิด และจากการวัดระยะจริง ในสถานที่เดียวกับที่ปรากฏในภาพ คำนวณอัตราเร็วเฉลี่ยในช่วงที่รถยนต์ในภาพเคลื่อนที่เข้ามาทางของภาพด้านขวาจนถึงจุดที่เคลื่อนที่ออกจากภาพทางด้านซ้ายเมื่อคำนวณอัตราเร็วอัตราเร็วโดยเฉลี่ย มีค่าเท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    โดยการคำนวณดังกล่าวอาจจะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้สรุปหลักฐานทางคดีและความเห็นของพนักงานสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้
    โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ เห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ฐานขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ด.ต.วิเชียร ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย เนื่องจากถึงแก่ความตาย

    ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2556 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้ว มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของผู้อื่นเสียหาย และ มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ และมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยุติการดำเนินคดีกับ ด.ต.วิเชียร ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ขนรถของผู้อื่นเสียหาย ต่อมาผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย คำสั่งไม่ฟ้องจึงเด็ดขาดเป็นที่ยุติ

    ในระหว่างนั้นความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถของผู้อื่นเสียหาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ ได้ล่วงเลยพ้นกำหนดระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย คงเหลือความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

    ต่อมาจำเลยที่ 8 ในฐานะพนักงานอัยการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคดี ที่มีการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธและมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย ไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการ คำสั่งไม่ฟ้อง จึงเป็น อันเด็ดขาด
    ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กองบังคับการตำรวจนครบาล4 กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่4-7 ในขณะเกิดเหตุมิได้มีสถานะหรือได้กระทำการในสถานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นบุคคลผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานของรัฐในการกระทำผิด จำเลยที่ 8 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด

    เมื่อระหว่างวันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 13 มิ.ย.2563 เวลากลางวัน จำเลยทั้งแปดได้กระทำความผิดจำเลยที่1-3 ได้อาศัยโอกาสที่ตนเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบร่วมกับจำเลยที่ 4-7 สมคบกันกระทำผิดด้วยการวางแผนร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ในวันเกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและ ด.ต.วิเชียรถึงแก่ความตาย จากความเร็วของรถยนต์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลงวันที่ 26 ก.ย. 2555 ซึ่งมี พ.ต.อ. ธ เป็นผู้จัดทำรายงานไว้ว่ารถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่มีความเร็วโดยเฉลี่ย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือ น้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เป็นความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ได้วางแผนกัน
    โดยให้จำเลยที่5 ดำเนินการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ครั้งที่ 9 ต่อพนักงานอัยการในคดีที่นายวรยุทธเป็นผู้ต้องหา ขอให้สอบพยาน พ.ต.อ. ธ. ในประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามที่ร้องขอ จำเลยที่5 และจำเลยที่6 ได้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินการคิดวิธีคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ให้มีความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจำเลยที่ 7 ได้คิดค้นหาวิธีคำนวณโดยใช้วิธีนำความยาวของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่แล่นผ่านจุดใดจุดหนึ่งตามภาพที่ได้จากคลิปไฟล์ภาพที่ไม่ใช่ไฟล์ภาพต้นฉบับมาใช้คำนวณจนทำให้คำนวณความเร็วรถยนต์ได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันเป็นการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก

    จากนั้นจำเลยที่ 3 อาศัยโอกาสที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานอัยการ โดยนัดแนะและให้จำเลยที่ 1 ,2,4,5,7 เข้าร่วมการสอบปากคำดังกล่าวด้วย จากนั้นในขณะการสอบปากคำเพิ่มเติมจำเลยที่ 3 ได้ปล่อยให้จำเลยที่ 7 ได้แสดงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์ตามที่ได้นัดแนะกับจำเลยที่5-6 ให้ พ.ต.อ. ธ.ดูเพื่อโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้เชื่อคล้อยตามวิธีคิดคำนวณของจำเลยที่ 7 ที่ตระเตรียมมา โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งร่วมกับจำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. อาศัยโอกาสที่มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับจำเลยที่ 4-5 ทำการใช้อิทธิพลบังคับกดดันและโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้ยึดถือวิธีการคิดคำนวณตามที่จำเลยที่นำเสนอ
    โดยจำเลยที่ 1 ได้ทำการพูดในขณะร่วมสนทนาและสอบปากคำว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมพูดกับคุยน้อง มันไว้ ก็คือน้องเนี่ยคำนวณจากระยะ แล้วก็ออกมาเป็นความเร็ว ความเร็วที่คิดมันคิดจากทฤษฎีที่เป็นทฤษฎีที่คิดในห้องทดลอง ห้องทดลองก็จะอากาศเบาบาง คือมันพยายามให้คิดความเร็วเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อการทำมาร์เก็ตติ้งความเร็วเท่าไหร่ เร่งเท่าไหร่ แต่ว่าในความเป็นจริง ในทัศนวิสัยเช่นว่ายามเช้าอากาศหนักอะไรอย่างเนี่ย ความเร็วไม่เป็นไปตามทฤษฎี นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ อย่างที่สองคือระยะทางที่ใช้คำนวณหน้ากล้องหลังกล้อง ความเร็วอาจจะเปลี่ยน อาจจะเร็วขึ้นก็ได้ อาจจะลดลงก็ได้ลดลงเพราะว่าทัศนวิสัยการจราจรอะไรก็แล้วแต่ที่มันอยู่ข้างหน้า ซึ่งในกล้องมันไม่ปรากฏ นี่ผมคิดในมุมมองผมแบบนี้" กับให้ พล.ต.ท. ม. ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. พูดกับ พ.ต.อ. ธ. ว่า "ทางพี่ อ.(ซึ่งหมายถึงชื่อเล่นของจำเลยที่ 1 ) เค้าอยากให้จบในชั้นอัยการเค้าจะได้จบเลยจะได้ไม่ต้องสืบ"

    ส่วนจำเลยที่2 ในฐานะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องตรวจสอบถึงความบกพร่องของรายงานตรวจพิสูจน์หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจริงรวมถึงตรวจสอบการคิดคำนวณตามวิธีของจำเลยที่ 7 ซึ่งใช้ไฟล์ที่มิใช่ต้นฉบับ อันเป็นข้อสงสัยถึงวิธีการคิดคำนวณว่ามิได้อยู่บนรากฐานของความถูกต้อง แต่จำเลยที่ 2 กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและได้พูดว่า "เราคำนวณตามอาจารย์ (ซึ่งหมายถึงจำเลยที่7 ) ได้มั้ย อาจารย์คิดได้ 79.22 เราไปลองดูซิว่าคิดตามแบบเค้าได้ไหม" สอดคล้องกับจำเลยที่ 4 ที่พูดว่า "อยากขอให้เป็น 79.22 ตามที่ อาจารย์ ส. คำนวณ"
    ซึ่งพฤติการณ์ทั้งมวลนี้แสดงถึงเจตนาประสงค์จะหักล้างหลักฐานตามที่ พ.ต.อ. ธ. ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเร็วรถยนต์ไว้ โดยใช้อิทธิพลบังคับกดดันให้ พ.ต.อ. ธ. เชื่อและยอมที่จะให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เป็นเหตุให้ พ.ต.อ. ธ. ต้องจำยอมและให้การต่อจำเลยที่ 3 เปลี่ยนแปลงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์จากเดิมที่คิดคำนวณไว้ความเร็วที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลง 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเป็นให้การว่าการคำนวณดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนและทำการคำนวณความเร็วใหม่ได้ความเร็วรถยนต์ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังที่จำเลยที่ 7 นำเสนอ จากนั้นจำเลยที่ 3 โดยคำแนะนำของจำเลยที่ 4 ได้จัดทำคำให้การพร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันที่ให้การโดยคำให้การฉบับแรกจากวันที่ 29 ก.พ.2559 เป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 และคำให้การฉบับที่สองจากวันที่ 6 มี.ค. 59 มาเป็น 1 มี.ค.59 ให้ พ.ต.อ. ธ. ลงลายมือชื่อ เป็นหลักฐานเพื่อนำส่งให้แก่พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
    ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ
    การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหาซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำเลยที่ 8

    ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    จำเลยที่ 8 ขณะนั้นเป็นพนักงานอัยการ รักษาการตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายและมอบอำนาจ ให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดในงานด้านคดีร้องขอความเป็นธรรม ตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่1515/2562 ลงวันที่ 1 ต.ค.62 มีอำนาจพิจารณาสำนวนคดีอาญาที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม ที่ยื่นต่อพนักงานอัยการเป็นครั้งที่ 14 ในคดีที่นายวรยุทธ ผู้ต้องหา ในข้อหาความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. และนาย จ. เมื่อได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจำเลยที่ 8 ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว

    ทั้งที่ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รายงานการตรวจสภาพรถคันเกิดเหตุรายงานการเก็บวัตถุพยาน ภาพถ่ายประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ ภาพถ่ายรถยนต์คันเกิดเหตุ และภาพถ่ายรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ พยานใกล้ชิดเหตุการณ์ปากนาย จ. ซึ่งความเห็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้และอดีตอัยการสูงสุด หรืออดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยพยานไว้ก่อนโดยละเอียดแล้ว ว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งปรากฏผลการพิสูจน์ความเร็วของนายวรยุทธขับขี่ ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมีเหตุอันสมควรเพียงพอที่จะนำนายวรยุทธ ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา แต่จำเลยที่ 8 กลับพิจารณาอาศัยพยานปาก พลอากาศโท จ. ซึ่งให้การหลังเกิดเหตุนานกว่า 2 ปี เศษ และพยานผู้เชี่ยวชาญอื่น อันเป็นการเลือกหยิบยกพยานหลักฐานดังกล่าวมาพิจารณา

    ทั้งที่อดีตอัยการสูงสุดและอดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้ก่อนแล้วว่าไม่ควรนำมารับฟังเนื่องจากไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยจำเลยที่ 8 มิได้ให้เหตุผลหักล้างหรือแสดงผลเป็นอย่างอื่น และไม่รับฟังพยานหลักฐานอื่นในสำนวนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อันเป็นการวินิจฉัย มูลความผิด โดยใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจด่วนวินิจฉัยคดีเสียเอง ไม่ได้ใช้เกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดอย่าง ที่พนักงานอัยการพึงใช้ อันผิดปกติวิสัยของพนักงานอัยการโดยทั่วไป เป็นการกระทำการมิชอบ โดยมีเจตนา เพื่อจะช่วยนายวรยุทธผู้ต้องหามิให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลงอันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย และผู้อื่นหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    เหตุตามฟ้องเกิดที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวังใหม่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร, อาคารรัฐสภา (หลังเก่า) ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร, สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
    ชั้นไต่สวน จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ ข้อกล่าวหา
    คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปด มีมูลความผิด ทางอาญาตามข้อกล่าวหาและได้ส่งรายงาน เอกสาร พร้อมความเห็นมายังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการ ฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งแปดเป็นคดีนี้
    ในการฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุด มีคำสั่งมอบหมายให้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีจนคดีถึงที่สุด

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 131/2567 ให้จำเลยทั้งแปดแต่งทนายความ และให้นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 10 ก.ย.2567 เวลา09.30น.
    ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งแปดและมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งแปดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

    #Thaitimes
    เปิดคำฟ้อง "พล.ต.อ.สมยศ" กับพวก 8 คนปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจกดดันลูกน้องเปลี่ยนความเร็ว ส่วน "เนตร นาคสุข" ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจสั่งไม่ฟ้อง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย 10 กันยายนนี้ 29 สิงหาคม 2567 - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยืนฟ้องพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 131 /2567 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 , 200 , 83 , 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 /1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2563 มาตรา 172,192 พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่3 ก.ย.2555 เวลาประมาณ 05.20 น. เกิดเหตุนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเฟอรารี่ ไปตามถนนสุขุมวิทฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางพระโขนง เมื่อถึงบริเวณระหว่างปากซอยสุขุมวิท 47 และปากซอยสุขุมวิท 49 ได้ชนท้ายรถจักรยานยนต์ตราโล่ซึ่งมีด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่ส้มลงครูดไถลไปตามพื้นถนน หยุดอยู่ที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดชนประมาณ 164.45 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหาย ด.ต.วิเชียร ถึงแก่ความตาย ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีจราจรโดยมีพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้เองและรวบรวมพยานเอกสารประกอบสำนวนการสอบสวน โดยมีรายงานกองพิสูจน์หลักฐาน กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่จากภาพของกล้องวงจรปิด และจากการวัดระยะจริง ในสถานที่เดียวกับที่ปรากฏในภาพ คำนวณอัตราเร็วเฉลี่ยในช่วงที่รถยนต์ในภาพเคลื่อนที่เข้ามาทางของภาพด้านขวาจนถึงจุดที่เคลื่อนที่ออกจากภาพทางด้านซ้ายเมื่อคำนวณอัตราเร็วอัตราเร็วโดยเฉลี่ย มีค่าเท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการคำนวณดังกล่าวอาจจะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้สรุปหลักฐานทางคดีและความเห็นของพนักงานสอบสวนส่งไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ เห็นควรสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ฐานขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ด.ต.วิเชียร ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย เนื่องจากถึงแก่ความตาย ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2556 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้ว มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถของผู้อื่นเสียหาย และ มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ และมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยุติการดำเนินคดีกับ ด.ต.วิเชียร ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ขนรถของผู้อื่นเสียหาย ต่อมาผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธฐานขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย คำสั่งไม่ฟ้องจึงเด็ดขาดเป็นที่ยุติ ในระหว่างนั้นความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถของผู้อื่นเสียหาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ ได้ล่วงเลยพ้นกำหนดระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย คงเหลือความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาจำเลยที่ 8 ในฐานะพนักงานอัยการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคดี ที่มีการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายวรยุทธและมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย ไม่แย้งคำสั่งพนักงานอัยการ คำสั่งไม่ฟ้อง จึงเป็น อันเด็ดขาด ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กองบังคับการตำรวจนครบาล4 กองบัญชาการตำรวจนครบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่4-7 ในขณะเกิดเหตุมิได้มีสถานะหรือได้กระทำการในสถานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นบุคคลผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานของรัฐในการกระทำผิด จำเลยที่ 8 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เมื่อระหว่างวันที่ 29 ก.พ. 2559 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 13 มิ.ย.2563 เวลากลางวัน จำเลยทั้งแปดได้กระทำความผิดจำเลยที่1-3 ได้อาศัยโอกาสที่ตนเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบร่วมกับจำเลยที่ 4-7 สมคบกันกระทำผิดด้วยการวางแผนร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ในวันเกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ ด.ต.วิเชียร ขับขี่จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและ ด.ต.วิเชียรถึงแก่ความตาย จากความเร็วของรถยนต์ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ลงวันที่ 26 ก.ย. 2555 ซึ่งมี พ.ต.อ. ธ เป็นผู้จัดทำรายงานไว้ว่ารถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่มีความเร็วโดยเฉลี่ย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือ น้อยลงประมาณ 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เป็นความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ได้วางแผนกัน โดยให้จำเลยที่5 ดำเนินการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ครั้งที่ 9 ต่อพนักงานอัยการในคดีที่นายวรยุทธเป็นผู้ต้องหา ขอให้สอบพยาน พ.ต.อ. ธ. ในประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามที่ร้องขอ จำเลยที่5 และจำเลยที่6 ได้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินการคิดวิธีคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ให้มีความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจำเลยที่ 7 ได้คิดค้นหาวิธีคำนวณโดยใช้วิธีนำความยาวของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่แล่นผ่านจุดใดจุดหนึ่งตามภาพที่ได้จากคลิปไฟล์ภาพที่ไม่ใช่ไฟล์ภาพต้นฉบับมาใช้คำนวณจนทำให้คำนวณความเร็วรถยนต์ได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อันเป็นการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก จากนั้นจำเลยที่ 3 อาศัยโอกาสที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. ตามคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานอัยการ โดยนัดแนะและให้จำเลยที่ 1 ,2,4,5,7 เข้าร่วมการสอบปากคำดังกล่าวด้วย จากนั้นในขณะการสอบปากคำเพิ่มเติมจำเลยที่ 3 ได้ปล่อยให้จำเลยที่ 7 ได้แสดงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์ตามที่ได้นัดแนะกับจำเลยที่5-6 ให้ พ.ต.อ. ธ.ดูเพื่อโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้เชื่อคล้อยตามวิธีคิดคำนวณของจำเลยที่ 7 ที่ตระเตรียมมา โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งร่วมกับจำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. อาศัยโอกาสที่มีอำนาจหน้าที่ร่วมกับจำเลยที่ 4-5 ทำการใช้อิทธิพลบังคับกดดันและโน้มน้าว พ.ต.อ. ธ. ให้ยึดถือวิธีการคิดคำนวณตามที่จำเลยที่นำเสนอ โดยจำเลยที่ 1 ได้ทำการพูดในขณะร่วมสนทนาและสอบปากคำว่า "สิ่งหนึ่งที่ผมพูดกับคุยน้อง มันไว้ ก็คือน้องเนี่ยคำนวณจากระยะ แล้วก็ออกมาเป็นความเร็ว ความเร็วที่คิดมันคิดจากทฤษฎีที่เป็นทฤษฎีที่คิดในห้องทดลอง ห้องทดลองก็จะอากาศเบาบาง คือมันพยายามให้คิดความเร็วเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพื่อการทำมาร์เก็ตติ้งความเร็วเท่าไหร่ เร่งเท่าไหร่ แต่ว่าในความเป็นจริง ในทัศนวิสัยเช่นว่ายามเช้าอากาศหนักอะไรอย่างเนี่ย ความเร็วไม่เป็นไปตามทฤษฎี นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ อย่างที่สองคือระยะทางที่ใช้คำนวณหน้ากล้องหลังกล้อง ความเร็วอาจจะเปลี่ยน อาจจะเร็วขึ้นก็ได้ อาจจะลดลงก็ได้ลดลงเพราะว่าทัศนวิสัยการจราจรอะไรก็แล้วแต่ที่มันอยู่ข้างหน้า ซึ่งในกล้องมันไม่ปรากฏ นี่ผมคิดในมุมมองผมแบบนี้" กับให้ พล.ต.ท. ม. ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐาน ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ. ธ. พูดกับ พ.ต.อ. ธ. ว่า "ทางพี่ อ.(ซึ่งหมายถึงชื่อเล่นของจำเลยที่ 1 ) เค้าอยากให้จบในชั้นอัยการเค้าจะได้จบเลยจะได้ไม่ต้องสืบ" ส่วนจำเลยที่2 ในฐานะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องตรวจสอบถึงความบกพร่องของรายงานตรวจพิสูจน์หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจริงรวมถึงตรวจสอบการคิดคำนวณตามวิธีของจำเลยที่ 7 ซึ่งใช้ไฟล์ที่มิใช่ต้นฉบับ อันเป็นข้อสงสัยถึงวิธีการคิดคำนวณว่ามิได้อยู่บนรากฐานของความถูกต้อง แต่จำเลยที่ 2 กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและได้พูดว่า "เราคำนวณตามอาจารย์ (ซึ่งหมายถึงจำเลยที่7 ) ได้มั้ย อาจารย์คิดได้ 79.22 เราไปลองดูซิว่าคิดตามแบบเค้าได้ไหม" สอดคล้องกับจำเลยที่ 4 ที่พูดว่า "อยากขอให้เป็น 79.22 ตามที่ อาจารย์ ส. คำนวณ" ซึ่งพฤติการณ์ทั้งมวลนี้แสดงถึงเจตนาประสงค์จะหักล้างหลักฐานตามที่ พ.ต.อ. ธ. ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเร็วรถยนต์ไว้ โดยใช้อิทธิพลบังคับกดดันให้ พ.ต.อ. ธ. เชื่อและยอมที่จะให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับขี่ เป็นเหตุให้ พ.ต.อ. ธ. ต้องจำยอมและให้การต่อจำเลยที่ 3 เปลี่ยนแปลงวิธีคิดคำนวณความเร็วรถยนต์จากเดิมที่คิดคำนวณไว้ความเร็วที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความคลาดเคลื่อนมากขึ้นหรือน้อยลง 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาเป็นให้การว่าการคำนวณดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนและทำการคำนวณความเร็วใหม่ได้ความเร็วรถยนต์ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังที่จำเลยที่ 7 นำเสนอ จากนั้นจำเลยที่ 3 โดยคำแนะนำของจำเลยที่ 4 ได้จัดทำคำให้การพร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวันที่ให้การโดยคำให้การฉบับแรกจากวันที่ 29 ก.พ.2559 เป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 และคำให้การฉบับที่สองจากวันที่ 6 มี.ค. 59 มาเป็น 1 มี.ค.59 ให้ พ.ต.อ. ธ. ลงลายมือชื่อ เป็นหลักฐานเพื่อนำส่งให้แก่พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหาซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำเลยที่ 8 ต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหน้าที่พิจารณารายงานผลการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนนายวรยุทธขอความเป็นธรรม กรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการ ต่อคณะกรรมาธิการๆ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา จำเลยที่1 ควรใช้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริง พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีการชี้ขาดหรือเลือกปฏิบัติ แต่จำเลยที่1 กลับอ้าง ข้อมูลในเหตุการณ์สอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.อ. ธ. มิชอบดังกล่าวที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1-7 จึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยมีเจตนามุ่งเพื่อจะช่วยเหลือนายวรยุทธ ผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดฐาน ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง อันเป็นการ มิชอบต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. ธ. ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายและบุคคลหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำเลยที่ 8 ขณะนั้นเป็นพนักงานอัยการ รักษาการตำแหน่งรองอัยการสูงสุดได้อาศัยโอกาสที่ตนได้รับมอบหมายและมอบอำนาจ ให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดในงานด้านคดีร้องขอความเป็นธรรม ตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่1515/2562 ลงวันที่ 1 ต.ค.62 มีอำนาจพิจารณาสำนวนคดีอาญาที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม ที่ยื่นต่อพนักงานอัยการเป็นครั้งที่ 14 ในคดีที่นายวรยุทธ ผู้ต้องหา ในข้อหาความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. และนาย จ. เมื่อได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจำเลยที่ 8 ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ทั้งที่ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รายงานการตรวจสภาพรถคันเกิดเหตุรายงานการเก็บวัตถุพยาน ภาพถ่ายประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ ภาพถ่ายรถยนต์คันเกิดเหตุ และภาพถ่ายรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ พยานใกล้ชิดเหตุการณ์ปากนาย จ. ซึ่งความเห็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้และอดีตอัยการสูงสุด หรืออดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยพยานไว้ก่อนโดยละเอียดแล้ว ว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุซึ่งปรากฏผลการพิสูจน์ความเร็วของนายวรยุทธขับขี่ ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมีเหตุอันสมควรเพียงพอที่จะนำนายวรยุทธ ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา แต่จำเลยที่ 8 กลับพิจารณาอาศัยพยานปาก พลอากาศโท จ. ซึ่งให้การหลังเกิดเหตุนานกว่า 2 ปี เศษ และพยานผู้เชี่ยวชาญอื่น อันเป็นการเลือกหยิบยกพยานหลักฐานดังกล่าวมาพิจารณา ทั้งที่อดีตอัยการสูงสุดและอดีตรองอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้ก่อนแล้วว่าไม่ควรนำมารับฟังเนื่องจากไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ โดยจำเลยที่ 8 มิได้ให้เหตุผลหักล้างหรือแสดงผลเป็นอย่างอื่น และไม่รับฟังพยานหลักฐานอื่นในสำนวนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อันเป็นการวินิจฉัย มูลความผิด โดยใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจด่วนวินิจฉัยคดีเสียเอง ไม่ได้ใช้เกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดอย่าง ที่พนักงานอัยการพึงใช้ อันผิดปกติวิสัยของพนักงานอัยการโดยทั่วไป เป็นการกระทำการมิชอบ โดยมีเจตนา เพื่อจะช่วยนายวรยุทธผู้ต้องหามิให้ต้องโทษหรือรับโทษน้อยลงอันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด ญาติของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตาย และผู้อื่นหรือประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เหตุตามฟ้องเกิดที่ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวังใหม่เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร, อาคารรัฐสภา (หลังเก่า) ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร, สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ชั้นไต่สวน จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ ข้อกล่าวหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปด มีมูลความผิด ทางอาญาตามข้อกล่าวหาและได้ส่งรายงาน เอกสาร พร้อมความเห็นมายังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการ ฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งแปดเป็นคดีนี้ ในการฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุด มีคำสั่งมอบหมายให้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีจนคดีถึงที่สุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 131/2567 ให้จำเลยทั้งแปดแต่งทนายความ และให้นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 10 ก.ย.2567 เวลา09.30น. ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งแปดและมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งแปดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล #Thaitimes
    อัยการปราบทุจริตยื่นฟ้อง “สมยศ-เนตร” กับพวกรวม 8 คน ช่วยเหลือกลับคำสั่งคดี “บอส” ขับรถชนตำรวจจราจรทองหล่อดับ ด้านอดีต ผบ.ตร.ยอมรับกังวลใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000079981

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 สิงหาคม 2567- รายงานข่าวจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากภาพดาวเทียม Radarsat-2 ของวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 18.22 น. พบน้ำท่วมขังในพื้นที่บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่จังหวัด #นครพนม 93,543 ไร่ #สกลนคร 50,035 ไร่ #อุดรธานี 39,495 ไร่ #บึงกาฬ 37,003 ไร่ #หนองคาย 35,481 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 158,575 ไร่ (ข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวจากดาวเทียม ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2567)โดยพื้นที่ที่พบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรอง รวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัยและเส้นทางคมนาคมบางส่วน
    ..
    หมายเหตุ : การประเมินพื้นที่น้ำท่วมขังได้จาก การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยประมาณ ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง
    ..
    สถานการณ์ดังกล่าว GISTDA ได้ส่งข้อมูลภาพจากดาวเทียมดังกล่าวให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ เพื่อนำไปใช้สนับสนุนในการบริหารจัดการตามภารกิจ ทั้งด้านการวางแผน และการติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป
    ..
    สำหรับการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขัง GISTDA ได้วางแผนและปรับแผนรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยท่านสามารถตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ พร้อมรายงานสรุปพื้นที่น้ำท่วมแต่ละจังหวัด เพิ่มเติมได้ที่ https://disaster.gistda.or.th

    ที่มา : GISTDA

    #Thaitimes
    28 สิงหาคม 2567- รายงานข่าวจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากภาพดาวเทียม Radarsat-2 ของวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 18.22 น. พบน้ำท่วมขังในพื้นที่บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่จังหวัด #นครพนม 93,543 ไร่ #สกลนคร 50,035 ไร่ #อุดรธานี 39,495 ไร่ #บึงกาฬ 37,003 ไร่ #หนองคาย 35,481 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 158,575 ไร่ (ข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวจากดาวเทียม ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2567)โดยพื้นที่ที่พบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรอง รวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัยและเส้นทางคมนาคมบางส่วน .. หมายเหตุ : การประเมินพื้นที่น้ำท่วมขังได้จาก การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยประมาณ ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง .. สถานการณ์ดังกล่าว GISTDA ได้ส่งข้อมูลภาพจากดาวเทียมดังกล่าวให้กับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ เพื่อนำไปใช้สนับสนุนในการบริหารจัดการตามภารกิจ ทั้งด้านการวางแผน และการติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป .. สำหรับการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขัง GISTDA ได้วางแผนและปรับแผนรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยท่านสามารถตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ พร้อมรายงานสรุปพื้นที่น้ำท่วมแต่ละจังหวัด เพิ่มเติมได้ที่ https://disaster.gistda.or.th ที่มา : GISTDA #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 0 รีวิว
  • A 102-year-old grandmother dug out photos of herself when she was 18.

    Whether you choose to live in the moment or not, time will pass because this is the unchanging law of nature.

    ----------------------------------

    คุณยายวัย 102 ปี ขุดค้นภาพถ่ายของตัวเองตอนอายุ 18 ปี

    ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ เวลาจะผ่านไป เพราะนี่คือกฎธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง
    A 102-year-old grandmother dug out photos of herself when she was 18. Whether you choose to live in the moment or not, time will pass because this is the unchanging law of nature. ---------------------------------- คุณยายวัย 102 ปี ขุดค้นภาพถ่ายของตัวเองตอนอายุ 18 ปี ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ เวลาจะผ่านไป เพราะนี่คือกฎธรรมชาติที่ไม่เปลี่ยนแปลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรือพระราชพิธี

    คุณรู้หรือไม่: ท่าพายของฝีพายเรือพระราชพิธีจะมีกำหนดอย่างชัดเจนตามลำดับชั้นของเรือได้แก่
    ๑.ท่านกบิน(หงส์เหิน) เป็นท่าพายที่ยกพายขึ้นพ้นน้ำทำมุม ๔๕ องศา ประดุจนกบิน ใช้กับเรือพระที่นั่งเท่านั้น

    ๒.ท่าพลราบ เป็นท่าการพายโดยไม่ยกไม้พายให้พ้นกาบเรือ ซึ่งจะใช้กับเรือทุกลำในกระบวน(๑)

    ๓.ท่าผสม เป็นท่าพายที่ผสมกันระหว่างท่าพายนกบิน และพลราบ มักใช้ตอนเสด็จกลับซึ่งเป็นการพายทวนน้ำ และ

    ๔. ท่าพายธรรมดา เป็นท่าพายเรือธรรมดา เหมือนการพายเรือทั่วไป เครดิตภาพถ่าย Hello Magazine


    #เรือพระราชพิธี คุณรู้หรือไม่: ท่าพายของฝีพายเรือพระราชพิธีจะมีกำหนดอย่างชัดเจนตามลำดับชั้นของเรือได้แก่ ๑.ท่านกบิน(หงส์เหิน) เป็นท่าพายที่ยกพายขึ้นพ้นน้ำทำมุม ๔๕ องศา ประดุจนกบิน ใช้กับเรือพระที่นั่งเท่านั้น ๒.ท่าพลราบ เป็นท่าการพายโดยไม่ยกไม้พายให้พ้นกาบเรือ ซึ่งจะใช้กับเรือทุกลำในกระบวน(๑) ๓.ท่าผสม เป็นท่าพายที่ผสมกันระหว่างท่าพายนกบิน และพลราบ มักใช้ตอนเสด็จกลับซึ่งเป็นการพายทวนน้ำ และ ๔. ท่าพายธรรมดา เป็นท่าพายเรือธรรมดา เหมือนการพายเรือทั่วไป เครดิตภาพถ่าย Hello Magazine
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู โพสต์ภาพพบปะกับอีลอน มัสก์
    เนทันยาฮูได้แชร์ภาพถ่ายที่กำลังจับมือกับอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีแนวขวาในระหว่างการพบปะกันภายหลังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา
    “เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้พบกับ [อีลอน มัสก์] หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ” โพสต์ดังกล่าวระบุ “ทั้งสองคนได้หารือถึงโอกาสและความท้าทายในด้าน AI ตลอดจนอิทธิพลที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม และโอกาสในการร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับเอล”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เนทันยาฮู โพสต์ภาพพบปะกับอีลอน มัสก์ เนทันยาฮูได้แชร์ภาพถ่ายที่กำลังจับมือกับอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีแนวขวาในระหว่างการพบปะกันภายหลังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา “เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้พบกับ [อีลอน มัสก์] หลังจากกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ” โพสต์ดังกล่าวระบุ “ทั้งสองคนได้หารือถึงโอกาสและความท้าทายในด้าน AI ตลอดจนอิทธิพลที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม และโอกาสในการร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับเอล” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาะปันหยี จ.พังงา อัศจรรย์วิถีชีวิตหมู่บ้านกลางทะเล

    #เกาะปันหยี ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา

    คำว่า "ปันหยี" เป็นศัพท์อินโดนีเซีย แปลว่า ธง ซึ่งในอดีตมีครอบครัวชาวชวา หรือชาวอินโดนีเซีย 3 ครอบครัว หนึ่งในนั้นมี "โต๊ะนาบู" เป็นผู้นำการอพยพออกมาหาที่ทำกินใหม่ ตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ให้ปักธงไว้ และกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะปันหยีนั่นเอง

    ไฮไลต์สำคัญของเกาะปันหยี นั่นคือ สนามฟุตบอลลอยน้ำ แห่งเดียวในประเทศไทย ที่กลายเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะปันหยีที่โด่งดังไปทั่วโลก

    ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมของการเที่ยวเกาะปันหยี อยู่ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน ของทุกปี

    ขอบคุณภาพถ่ายโดย : Phuket OK
    เกาะปันหยี จ.พังงา อัศจรรย์วิถีชีวิตหมู่บ้านกลางทะเล #เกาะปันหยี ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา คำว่า "ปันหยี" เป็นศัพท์อินโดนีเซีย แปลว่า ธง ซึ่งในอดีตมีครอบครัวชาวชวา หรือชาวอินโดนีเซีย 3 ครอบครัว หนึ่งในนั้นมี "โต๊ะนาบู" เป็นผู้นำการอพยพออกมาหาที่ทำกินใหม่ ตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ให้ปักธงไว้ และกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะปันหยีนั่นเอง ไฮไลต์สำคัญของเกาะปันหยี นั่นคือ สนามฟุตบอลลอยน้ำ แห่งเดียวในประเทศไทย ที่กลายเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะปันหยีที่โด่งดังไปทั่วโลก ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมของการเที่ยวเกาะปันหยี อยู่ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน ของทุกปี ขอบคุณภาพถ่ายโดย : Phuket OK
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Jatenipat JKboy Ketpradit

    “Michel & Amazonka & JKBoy”
    เป็นกระแสโด่งดังเลยทีเดียวสำหรับชุดโอลิมปิคของประเทศมองโกเลียจากแบรนด์ Michel & Amazonka
    มามองโกเลียครั้งนี้ ผมได้โอกาสเปิดแชมเปญคุยงานกับสองพี่น้องที่สตูดิโอของพวกเขา ตื่นเต้นและเป็นเกียรติมากที่ได้รู้ว่าคุณ Amazonka ติดตามงานภาพถ่ายของผมอยู่ ทั้งคู่น่ารักและเป็นกันเองมาก พาผมเดินชมสตูดิโอแบบส่วนตัว กลายเป็นแขกคนแรกที่ได้มาเยี่ยมถึงข้างในนี้ ได้เห็นขั้นตอนการทำงานฝีมือแบบhandmade เข้าใจเลยว่าทำไมงานถึงออกมาดีขนาดนี้
    ครั้งนี้เราได้คุยกันถึงโปรเจ็กต์ที่จะทำร่วมกันหลายอย่าง ไว้รอติดตามกันได้เลยครับ!
    ปล. ผมฝากบอกแทนคนไทยไปแล้วนะครับ ว่าคนไทยชอบชุดพวกคุณมาก 😁❤️

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/oyyXZXEGXArKyhRA/
    (ขอบคุณคุณ Jatenipat JKboy Ketpradit สำหรับภาพและถ้อยความที่มีความหมายงดงาม)

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Jatenipat JKboy Ketpradit “Michel & Amazonka & JKBoy” เป็นกระแสโด่งดังเลยทีเดียวสำหรับชุดโอลิมปิคของประเทศมองโกเลียจากแบรนด์ Michel & Amazonka มามองโกเลียครั้งนี้ ผมได้โอกาสเปิดแชมเปญคุยงานกับสองพี่น้องที่สตูดิโอของพวกเขา ตื่นเต้นและเป็นเกียรติมากที่ได้รู้ว่าคุณ Amazonka ติดตามงานภาพถ่ายของผมอยู่ ทั้งคู่น่ารักและเป็นกันเองมาก พาผมเดินชมสตูดิโอแบบส่วนตัว กลายเป็นแขกคนแรกที่ได้มาเยี่ยมถึงข้างในนี้ ได้เห็นขั้นตอนการทำงานฝีมือแบบhandmade เข้าใจเลยว่าทำไมงานถึงออกมาดีขนาดนี้ ครั้งนี้เราได้คุยกันถึงโปรเจ็กต์ที่จะทำร่วมกันหลายอย่าง ไว้รอติดตามกันได้เลยครับ! ปล. ผมฝากบอกแทนคนไทยไปแล้วนะครับ ว่าคนไทยชอบชุดพวกคุณมาก 😁❤️ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/oyyXZXEGXArKyhRA/ (ขอบคุณคุณ Jatenipat JKboy Ketpradit สำหรับภาพและถ้อยความที่มีความหมายงดงาม) #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่านักโทษสี่คนถูกดับชีพระหว่างการปล่อยตัวโดยทหารเอล
    สมาคมนักโทษชาวปาเลสกล่าวหาว่ากองกำลังเอลทำการดับชีพชายทั้งสี่คนขณะได้รับการปล่อยตัวที่จุดผ่านแดน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) จากเอลสู่กาซา
    กลุ่มสิทธิมนุษยชนอธิบายเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การดับชีพภาคสนาม" และเสริมว่าชาวปาเลสทั้ง 4 คน มีหน้าที่คอยเฝ้าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขณะกำลังเข้าไปในพื้นที่ปิดล้อมชายฝั่ง
    “เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่ง และร่างที่เหลือถูกค้นพบเมื่อเช้านี้ โดยภาพถ่ายที่นำมาแสดงแสดงให้เห็นว่ามือของพวกเขาถูกมัดไว้ และมีหลักฐานว่าถูกทรมานตามร่างกาย” องค์กรดังกล่าวระบุ
    กลุ่มนักโทษเผยว่า กองกำลังเอลควบคุมตัวชาวปาเลสไปแล้วมากกว่า 9,700 คน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดย 3,800 คนถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือการพิจารณาคดี โดยใช้ " การควบคุมตัวทางปกครอง "
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่านักโทษสี่คนถูกดับชีพระหว่างการปล่อยตัวโดยทหารเอล สมาคมนักโทษชาวปาเลสกล่าวหาว่ากองกำลังเอลทำการดับชีพชายทั้งสี่คนขณะได้รับการปล่อยตัวที่จุดผ่านแดน Karem Abu Salem (Kerem Shalom) จากเอลสู่กาซา กลุ่มสิทธิมนุษยชนอธิบายเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การดับชีพภาคสนาม" และเสริมว่าชาวปาเลสทั้ง 4 คน มีหน้าที่คอยเฝ้าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขณะกำลังเข้าไปในพื้นที่ปิดล้อมชายฝั่ง “เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่ง และร่างที่เหลือถูกค้นพบเมื่อเช้านี้ โดยภาพถ่ายที่นำมาแสดงแสดงให้เห็นว่ามือของพวกเขาถูกมัดไว้ และมีหลักฐานว่าถูกทรมานตามร่างกาย” องค์กรดังกล่าวระบุ กลุ่มนักโทษเผยว่า กองกำลังเอลควบคุมตัวชาวปาเลสไปแล้วมากกว่า 9,700 คน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดย 3,800 คนถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาหรือการพิจารณาคดี โดยใช้ " การควบคุมตัวทางปกครอง " . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอลทำลายความสามารถในการเลี้ยงตัวเองของกาซ่าได้อย่างไร
    เมื่อเริ่มต้นฤดูร้อน ทุ่งนาของกาซ่ามักจะอุดมด้วยพืชผลและผลไม้หลากสีสัน
    แต่เมื่อผ่านไปเกือบเก้าเดือนในการทำสงครามในกาซาของเอล ผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์ของดินแดนแห่งนี้กลับต้องพบกับหายนะและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย
    รายงานของ UN ระบุว่าประชากรของกาซา 96 เปอร์เซ็นต์ขาดแคลนอาหาร และชาวปาเลส 1 ใน 5 หรือประมาณ 495,000 คน กำลังเผชิญกับภาวะอดอาหาร
    ภาพถ่ายดาวเทียมที่วิเคราะห์โดยทีมสืบสวนดิจิทัลของอัลยาซีราอย่างซานาด แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เกษตรกรรมของกาซาซึ่งมีความสำคัญต่อการเลี้ยงดูประชากรที่หิวโหยในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามมากกว่าครึ่งหนึ่ง (60 เปอร์เซ็นต์) ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายจากการโจมตีของเอล
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #พื้นที่เพาะปลูก #พื้นที่เพาะปลูกที่ถูกทำลาย
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t

    เอลทำลายความสามารถในการเลี้ยงตัวเองของกาซ่าได้อย่างไร เมื่อเริ่มต้นฤดูร้อน ทุ่งนาของกาซ่ามักจะอุดมด้วยพืชผลและผลไม้หลากสีสัน แต่เมื่อผ่านไปเกือบเก้าเดือนในการทำสงครามในกาซาของเอล ผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์ของดินแดนแห่งนี้กลับต้องพบกับหายนะและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้าย รายงานของ UN ระบุว่าประชากรของกาซา 96 เปอร์เซ็นต์ขาดแคลนอาหาร และชาวปาเลส 1 ใน 5 หรือประมาณ 495,000 คน กำลังเผชิญกับภาวะอดอาหาร ภาพถ่ายดาวเทียมที่วิเคราะห์โดยทีมสืบสวนดิจิทัลของอัลยาซีราอย่างซานาด แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เกษตรกรรมของกาซาซึ่งมีความสำคัญต่อการเลี้ยงดูประชากรที่หิวโหยในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามมากกว่าครึ่งหนึ่ง (60 เปอร์เซ็นต์) ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายจากการโจมตีของเอล . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #พื้นที่เพาะปลูก #พื้นที่เพาะปลูกที่ถูกทำลาย #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว