• เทียบฟอร์มว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง#ว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย #พิมล ศรีวิกรม์
    เทียบฟอร์มว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง#ว่าที่ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย #พิมล ศรีวิกรม์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️

    ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨

    เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️

    โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น

    “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร

    แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น

    ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม

    📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย

    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา
    🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน

    นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น

    🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง

    ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี

    ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน

    ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ...

    ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ
    ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน”
    ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน
    ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี

    การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น...
    🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้
    🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด”

    ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น?
    ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน
    ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน
    ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี

    ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ

    ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น

    “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568

    🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️ ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨ เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ 📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม 📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา 🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น 🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ... ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน” ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น... 🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้ 🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด” ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น? ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568 🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
    HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี HMSV #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทหาร พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็น พลเรือเอกหญิง และพลอากาศเอกหญิงวันที่ 7 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ว่าด้วยเรื่อง พระราชทานพระยศทหาร โดยเนื้อความในประกาศระบุว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศทหารอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระยศทหาร พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็น พลเรือเอกหญิง และพลอากาศเอกหญิงทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน
    ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทหาร พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็น พลเรือเอกหญิง และพลอากาศเอกหญิงวันที่ 7 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ว่าด้วยเรื่อง พระราชทานพระยศทหาร โดยเนื้อความในประกาศระบุว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศทหารอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระยศทหาร พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็น พลเรือเอกหญิง และพลอากาศเอกหญิงทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาญจนบุรี - “ครูปรีชา” โต้เจ้าของบ้านเช่า พร้อมเตรียมฟ้องกลับ เผยไม่เคยผิดสัญญาเช่า

    จากกรณีนางพิมลวรรณสาวเจ้าของบ้านเช่าร้องคำสั่งของกาญจนบุรีไม่จำเป็นนายปรีชาเสมอครวญหรือ “ครูปรีชา” ควบคุมในบ้านเดือนสุดท้ายแถมไม่ใส่ไฟจนตามปกติออกก็ปล่อยบ้านไปที่โทรมบ่อขุดน้ำไม่ยอมลบข้าวของในบ้านและวอนรับผิดชอบอีกครั้งได้แนะนำข่าวไปแล้วนั้น

    ล่าสุดครูปรีชาพบว่าความเชื่อดังกล่าวนั้นเช่าเพียงอย่างเดียวกับนางพิมลวรรณ จริงแต่ตนเองไม่ได้ขโมยเอาคุณสมบัตินางพิมลวรรณนี้จะกล่าวถึงสภาพคุณสมบัติของสภาพบ้านที่มักจะพิสูจน์โทรมนั้นเองที่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอยู่อีกครั้งหนึ่งที่บ้านเพื่อสนับสนุนโทรมกล่าวถึง

    ส่วนไม่ยอมถมบ่อปลานั้นก็คือนางพิมลนำร่องมาบันทึกประตูบ้านที่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เสมอ ยืนยันอีกว่าการดำเนินการทำผิดพลาดประการใดๆ และหากนางพิมลวรรณจะแจ้งความดำเนินคดีกับตัวเองก็พร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาลและจะทำการกลับนางพิมลวรรณด้วย

    #MGROnline #ครูปรีชา #ฟ้องกลับ #ผิดสัญญาเช่า
    กาญจนบุรี - “ครูปรีชา” โต้เจ้าของบ้านเช่า พร้อมเตรียมฟ้องกลับ เผยไม่เคยผิดสัญญาเช่า • จากกรณีนางพิมลวรรณสาวเจ้าของบ้านเช่าร้องคำสั่งของกาญจนบุรีไม่จำเป็นนายปรีชาเสมอครวญหรือ “ครูปรีชา” ควบคุมในบ้านเดือนสุดท้ายแถมไม่ใส่ไฟจนตามปกติออกก็ปล่อยบ้านไปที่โทรมบ่อขุดน้ำไม่ยอมลบข้าวของในบ้านและวอนรับผิดชอบอีกครั้งได้แนะนำข่าวไปแล้วนั้น • ล่าสุดครูปรีชาพบว่าความเชื่อดังกล่าวนั้นเช่าเพียงอย่างเดียวกับนางพิมลวรรณ จริงแต่ตนเองไม่ได้ขโมยเอาคุณสมบัตินางพิมลวรรณนี้จะกล่าวถึงสภาพคุณสมบัติของสภาพบ้านที่มักจะพิสูจน์โทรมนั้นเองที่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอยู่อีกครั้งหนึ่งที่บ้านเพื่อสนับสนุนโทรมกล่าวถึง • ส่วนไม่ยอมถมบ่อปลานั้นก็คือนางพิมลนำร่องมาบันทึกประตูบ้านที่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เสมอ ยืนยันอีกว่าการดำเนินการทำผิดพลาดประการใดๆ และหากนางพิมลวรรณจะแจ้งความดำเนินคดีกับตัวเองก็พร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาลและจะทำการกลับนางพิมลวรรณด้วย • #MGROnline #ครูปรีชา #ฟ้องกลับ #ผิดสัญญาเช่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำแพงเพชร – ตำรวจแจงละเอียดยิบพฤติกรรมโหด “โน๊ต”มือฆ่าพ่อแม่ลูกหมกกระบะคลุมผ้าจอดบ้านร้างคลองขลุง นัดเคลียร์ขอกู้เงินแล้วโดนเบี้ยว จนทะเลาะกันแรง-ใช้บีบีกันดัดแปลง .38 ยิงพ่อก่อนเรียก “เข้” ช่วยยกศพขึ้นรถ จี้บังคับสองแม่ลูกนั่งกระบะไปด้วย อ้างระหว่างทางปืนลั่นทะลุเบ้าตาเด็ก-เลือดขึ้นหน้ายิงแม่ปิดปาก ก่อนขับรถหมกศพทิ้งบ้านร้าง-ให้ญาติมาพาหนี แต่ยังหาผ้าคลุมรถย้อนมาอำพราง-ตามดูวันพบศพ

    วันนี้(15 ก.พ.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมพ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวฆ่าโหด 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร (ใหม่) หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ (แจง) นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค. หมกศพในรถกระบะ จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หลังพบศพวันที่ 13 ก.พ. ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ตามจับผู้ต้องหาได้

    สำหรับมูลเหตุการฆ่าอำพรางศพ 3พ่อแม่ลูก นายโน๊ต (ผู้ต้องหา)รับว่าเกิดจากนายวงศกร หรือใหม่ ผู้ตายเคยตกลงยินยอม จะให้นายศิวกรกู้เงินจำนวน 1 แสนบาท เพื่อที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าว ไปซื้อโดรนการเกษตร เนื่องจากนายโน๊ต มีอาชีพ ขับโดรนการเกษตร ซึ่งนายโน๊ตนำโดรนเก่าไปตีเทิรน์กับทางร้าน พร้อมวางมัดจำ 7 หมื่นบาท - ทำสัญญาจะหาเงินที่เหลืออีก 1 แสน 5 หมื่นบาทมาซื้อคืน ต่อมานายวงศกร เปลี่ยนใจไม่ให้กู้ยืม ทำให้นายศิวกรเกิดความเสียหาย จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว ส่วนประเด็นในวงเเชร์เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่าไม่มีมูลเหตุเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

    ไทมไลน์นั้น วันเกิดเหตุ จากคำให้การของ นายโน๊ต (ผู้ต้องหา) ได้นัดผู้ตายไปเคลียร์เรื่องเงิน โดยให้ผู้ตายไปรับที่บ้าน แล้วนั่งรถไปด้วยกัน ซึ่งมีการขับรถไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง เพื่อไปจอดรถคุยกัน จากนั้นลงไปเคลียร์นอกรถจนมีปากเสียงกัน ก่อนที่นายโน๊ตจะยิงไปที่นายใหม่ 1 นัด โดยอ้างว่าใช้ปืนที่เคยไปจำนำกับนายใหม่ มาก่อเหตุ

    ก่อนจะโทรหานายเข้ หรือนายนิรุธ มาช่วยเหลือยกร่างนายใหม่ หรือนายวงศกรมาไว้ที่หลังรถ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000015247

    #MGROnline #กู้เงิน #บีบีกันดัดแปลง
    กำแพงเพชร – ตำรวจแจงละเอียดยิบพฤติกรรมโหด “โน๊ต”มือฆ่าพ่อแม่ลูกหมกกระบะคลุมผ้าจอดบ้านร้างคลองขลุง นัดเคลียร์ขอกู้เงินแล้วโดนเบี้ยว จนทะเลาะกันแรง-ใช้บีบีกันดัดแปลง .38 ยิงพ่อก่อนเรียก “เข้” ช่วยยกศพขึ้นรถ จี้บังคับสองแม่ลูกนั่งกระบะไปด้วย อ้างระหว่างทางปืนลั่นทะลุเบ้าตาเด็ก-เลือดขึ้นหน้ายิงแม่ปิดปาก ก่อนขับรถหมกศพทิ้งบ้านร้าง-ให้ญาติมาพาหนี แต่ยังหาผ้าคลุมรถย้อนมาอำพราง-ตามดูวันพบศพ • วันนี้(15 ก.พ.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมพ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวฆ่าโหด 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร (ใหม่) หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ (แจง) นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค. หมกศพในรถกระบะ จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หลังพบศพวันที่ 13 ก.พ. ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ตามจับผู้ต้องหาได้ • สำหรับมูลเหตุการฆ่าอำพรางศพ 3พ่อแม่ลูก นายโน๊ต (ผู้ต้องหา)รับว่าเกิดจากนายวงศกร หรือใหม่ ผู้ตายเคยตกลงยินยอม จะให้นายศิวกรกู้เงินจำนวน 1 แสนบาท เพื่อที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าว ไปซื้อโดรนการเกษตร เนื่องจากนายโน๊ต มีอาชีพ ขับโดรนการเกษตร ซึ่งนายโน๊ตนำโดรนเก่าไปตีเทิรน์กับทางร้าน พร้อมวางมัดจำ 7 หมื่นบาท - ทำสัญญาจะหาเงินที่เหลืออีก 1 แสน 5 หมื่นบาทมาซื้อคืน ต่อมานายวงศกร เปลี่ยนใจไม่ให้กู้ยืม ทำให้นายศิวกรเกิดความเสียหาย จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว ส่วนประเด็นในวงเเชร์เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่าไม่มีมูลเหตุเกี่ยวข้องแต่อย่างใด • ไทมไลน์นั้น วันเกิดเหตุ จากคำให้การของ นายโน๊ต (ผู้ต้องหา) ได้นัดผู้ตายไปเคลียร์เรื่องเงิน โดยให้ผู้ตายไปรับที่บ้าน แล้วนั่งรถไปด้วยกัน ซึ่งมีการขับรถไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง เพื่อไปจอดรถคุยกัน จากนั้นลงไปเคลียร์นอกรถจนมีปากเสียงกัน ก่อนที่นายโน๊ตจะยิงไปที่นายใหม่ 1 นัด โดยอ้างว่าใช้ปืนที่เคยไปจำนำกับนายใหม่ มาก่อเหตุ • ก่อนจะโทรหานายเข้ หรือนายนิรุธ มาช่วยเหลือยกร่างนายใหม่ หรือนายวงศกรมาไว้ที่หลังรถ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000015247 • #MGROnline #กู้เงิน #บีบีกันดัดแปลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่ครองสถานะความโสด ก็ดูสวยเซ็กซี่ขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ สำหรับนักแสดงสาว "กบ พิมลรัตน์" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ควงเพื่อนซี้ "มะหมี่ นคปภา" เช็กอินทะลเที่ยวส่งท้ายปี แน่นอนว่ามาทะเลทั้งทีเธอจัดเต็มในชุดว่ายน้ำโชว์หุ่น อวดผิวสวยๆ ท้าแดด บอกเลยว่าสวยแซบคูณสองแบบตะโกนมาก จนหนุ่มๆ กดไลก์แทบไม่ทัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124770

    #MGROnline #กบพิมลรัตน์ #มะหมี่นคปภา
    ตั้งแต่ครองสถานะความโสด ก็ดูสวยเซ็กซี่ขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ สำหรับนักแสดงสาว "กบ พิมลรัตน์" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ควงเพื่อนซี้ "มะหมี่ นคปภา" เช็กอินทะลเที่ยวส่งท้ายปี แน่นอนว่ามาทะเลทั้งทีเธอจัดเต็มในชุดว่ายน้ำโชว์หุ่น อวดผิวสวยๆ ท้าแดด บอกเลยว่าสวยแซบคูณสองแบบตะโกนมาก จนหนุ่มๆ กดไลก์แทบไม่ทัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124770 • #MGROnline #กบพิมลรัตน์ #มะหมี่นคปภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวงเสด็จฯ พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณทหารราชวัลลภฯ ครั้งแรกในรัชกาล
    .
    เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ราชวัลลภเทิดไท้จอมราชา 72 พรรษามหามงคล ณ พระลานพระราชวังดุสิต
    .
    ในการนี้ พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพในตำแหน่ง ‘องค์ผู้บังคับกองผสม’ พร้อมด้วย พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงม้านำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ในตำแหน่ง ‘องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์’

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. THE STANDARD
    ในหลวงเสด็จฯ พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณทหารราชวัลลภฯ ครั้งแรกในรัชกาล . เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ราชวัลลภเทิดไท้จอมราชา 72 พรรษามหามงคล ณ พระลานพระราชวังดุสิต . ในการนี้ พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพในตำแหน่ง ‘องค์ผู้บังคับกองผสม’ พร้อมด้วย พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงม้านำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ในตำแหน่ง ‘องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์’ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. THE STANDARD
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปราจีนบุรี -​ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ปราจีนบุรี ติดตามการคลี่คลายคดียิง ส.จ.โต้ง เสียชีวิต ย้ำตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพราะเหตุใดจึงเสียทั้งเมือง เช่นเดียวกับกล้องวงจรปิดภายในบ้านเกิดเหตุ ส่วนกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสอบสวน

    เมื่อเวลา 9.30 น.วันนี้ (13 ธ.ค.)​ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ลานจอด สภ.เมืองปราจีนบุรี พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวทางในการคลี่คลายคดียิง ส.จ.โต้ง จนเสียชีวิตในบ้านพักของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ บุตรสาว นายสุนทร วิ​ลา​วัลย์​ ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันว่า ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่เสียทั้งเมืองโดยเฉพาะกล้องภายในบ้านจุดเกิดเหตุนั้น จะต้องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการค้นหา

    "เรามีข้อมูลอยู่พอสมควร และต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่ากล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จะบอกได้ว่ามือยิงคือคนในบ้านหรือคนนอกบ้าน อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ทราบเขม่าดินปืนที่ได้มีการเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ส่วนกรณีที่ว่าผู้ตายไม่มีอาวุธเข้าไป แต่คนที่ติดตามมีตำรวจอยู่ด้วยนั้น ต้องสอบสวนอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน"

    จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบร่องรอยหลักฐานที่บ้าน "โกทร" หรือนายสุนทร วิลาลัลย์ ก่อนจะเดินทางกลับมาที่ สภ.เมืองจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องหาอีกครั้ง ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวจากสำนักต่างๆ ที่มารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับญาติของ "โกทร" ที่เดินทางมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000119673

    #MGROnline #สจโต้ง
    ปราจีนบุรี -​ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ปราจีนบุรี ติดตามการคลี่คลายคดียิง ส.จ.โต้ง เสียชีวิต ย้ำตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพราะเหตุใดจึงเสียทั้งเมือง เช่นเดียวกับกล้องวงจรปิดภายในบ้านเกิดเหตุ ส่วนกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสอบสวน • เมื่อเวลา 9.30 น.วันนี้ (13 ธ.ค.)​ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ลานจอด สภ.เมืองปราจีนบุรี พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวทางในการคลี่คลายคดียิง ส.จ.โต้ง จนเสียชีวิตในบ้านพักของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ บุตรสาว นายสุนทร วิ​ลา​วัลย์​ ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันว่า ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่เสียทั้งเมืองโดยเฉพาะกล้องภายในบ้านจุดเกิดเหตุนั้น จะต้องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการค้นหา • "เรามีข้อมูลอยู่พอสมควร และต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่ากล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จะบอกได้ว่ามือยิงคือคนในบ้านหรือคนนอกบ้าน อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ทราบเขม่าดินปืนที่ได้มีการเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ส่วนกรณีที่ว่าผู้ตายไม่มีอาวุธเข้าไป แต่คนที่ติดตามมีตำรวจอยู่ด้วยนั้น ต้องสอบสวนอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน" • จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบร่องรอยหลักฐานที่บ้าน "โกทร" หรือนายสุนทร วิลาลัลย์ ก่อนจะเดินทางกลับมาที่ สภ.เมืองจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องหาอีกครั้ง ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวจากสำนักต่างๆ ที่มารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับญาติของ "โกทร" ที่เดินทางมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000119673 • #MGROnline #สจโต้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง เสด็จฯไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณ ทหารราชวัลลภฯ พระราชินี ทรงดำรงตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม”

    วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.20 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “ราชวัลลภ เทิดไท้จอมราชา72 พรรษามหามงคล” ณ พระลานพระราชวังดุสิต

    ในการนี้พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณพระบรมราชินี ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม” พร้อมด้วยพลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ร่วมสวนสนาม ทรงม้านำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์“

    ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงเฝ้ารอเฝ้าฯรับเสด็จฯ ณ พลับพลาที่ประทับ

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต ทางประตูภูธรลีลาศ ถึงยังพระลานพระราชวังดุสิต พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่ทรงดำรงตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม” ทรงสั่งกองผสมถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    จากนั้นองค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งจากแถวหน้า บก.กองผสม ไปยังจุดถวายความเคารพ องค์ผู้บังคับกองผสมถวายความเคารพ กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯทรงตรวจพลสวนสนาม
    เมื่อองค์ผู้บังคับกองผสม กราบบังคมทูลรายงานจบแล้ว เสด็จฯไปยังรถยนต์พระที่นั่ง ประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งตรวจพล

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่ง ทรงตรวจพลสวนสนามโดยรถยนต์พระที่นั่งจำนวน 4 กรม 10 กองพัน ซึ่งประกอบด้วย กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์, กรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ, กรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ , กองพันทหารอากาศโยธิน 3 กรมทหารอากาศโยธิน รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน , กองพันทหารม้าที่ 25 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์, กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่21 รักษาพระองค์, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 102 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์, กองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 และกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

    เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย

    พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งกลับมาประจำจุดยืนหน้าแถว บก.กองผสม และทรงสั่ง กองผสมเรียบ-อาวุธ แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณเตรียมตัว 2 จบแล้ว องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสั่งกองผสมจัดแถวเตรียมสวนสนาม ทรงสั่งกองผสมแบก-อาวุธ แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณหน้าเดิน 2 จบ ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชราชวัลลภ อันอันเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 7 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2491 ชื่อ "ราชวัลลภ" และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม แล้วองค์ผู้บังคับกองผสม และพลสวนสนามจึงเริ่มเดินพร้อมกัน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธี หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากองค์ผู้บังคับกองผสม ธงชัยเฉลิมพล และกำลังพลสวนสนาม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงร่วมประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธีหน้าพระที่นั่งชุมสาย

    พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสวนสนามผ่านพลับพลาที่ประทับ เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ แล้วประทับยืน ณ หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากแถวทหาร กรมสวนสนาม จำนวน 4 กรม 10 กองพัน ตามลำดับ

    พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์” ทรงม้า “Fürst Henry” (ฟรุ๊ต เฮนรี่) อายุ 14 ปี เพศผู้ตอน สีดำ สายพันธุ์ ดัตช์ วอร์มบลัด (KWPN) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ นำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพันเข้ามายังหน้าพลับพลาพิธี

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับพระราชอาสน์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลโทรัฐพล ธูปประสม เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าฯทูเกล้าถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันโทหญิงวลัยลักษณ์ อาวรณ์ หัวหน้าปรับปรุงโครงการ สำนักงานปลัดบัญชีทหาร เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี

    สําหรับพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน ของทหารรักษาพระองค์นั้น เป็นพิธีที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อ ทหารรักษาพระองค์ทุกเหล่าทัพ ที่จะเป็นโอกาสพิเศษใน การถวายความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ผู้เป็นจอมทัพไทย โดยได้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พุทธศักราช 2496 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดําเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่หน่วยทหาร ในโอกาสครบรอบ วันคล้ายวันสถาปนากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งพระองค์เสด็จพระราชดําเนินทรงตรวจ พลสวนสนาม ทรงตรวจพลสวนสนาม รับการถวายความเคารพจาก ขบวนทหารจํานวน 4 กองพัน โดยทรงพระดําเนินในฉลองพระองค์ เครื่องแบบเต็มยศของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นับเป็นจุดเริ่มต้นของพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ ทหารรักษาพระองค์ ที่จัดขึ้นเป็นประจําทุกปีอย่างต่อเนื่องนับแต่ นั้นมา

    ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหาร-ตํารวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในปีพุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี นับเป็นครั้งแรกที่มีการสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกัน ระหว่างกําลังพลของทหารและตํารวจ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

    เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครบ 6 รอบ จึงถือเป็นโอกาสอันสําคัญยิ่งของหน่วยทหารรักษาพระองค์ จากเหล่าทัพต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันกระทําพิธีสวนสนามและถวาย สัตย์ปฏิญาณตนเพื่อถวายความจงรักภักดีต่อหน้าพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นการแสดงให้ประชาชน ชาวไทยได้ประจักษ์ว่า ทหารรักษาพระองค์จะปฏิบัติหน้าที่ ดํารงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ และถวายพระเกียรติยศสูงสุด แด่พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต

    #MGROnline #พิธีสวนสนาม #ถวายสัตย์ปฏิญาณ #ทหารราชวัลลภฯ
    ในหลวง เสด็จฯไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณ ทหารราชวัลลภฯ พระราชินี ทรงดำรงตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม” • วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.20 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “ราชวัลลภ เทิดไท้จอมราชา72 พรรษามหามงคล” ณ พระลานพระราชวังดุสิต • ในการนี้พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณพระบรมราชินี ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม” พร้อมด้วยพลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ร่วมสวนสนาม ทรงม้านำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์“ • ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงเฝ้ารอเฝ้าฯรับเสด็จฯ ณ พลับพลาที่ประทับ • เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต ทางประตูภูธรลีลาศ ถึงยังพระลานพระราชวังดุสิต พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่ทรงดำรงตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับการกองผสม” ทรงสั่งกองผสมถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว • จากนั้นองค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งจากแถวหน้า บก.กองผสม ไปยังจุดถวายความเคารพ องค์ผู้บังคับกองผสมถวายความเคารพ กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯทรงตรวจพลสวนสนาม เมื่อองค์ผู้บังคับกองผสม กราบบังคมทูลรายงานจบแล้ว เสด็จฯไปยังรถยนต์พระที่นั่ง ประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งตรวจพล • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่ง ทรงตรวจพลสวนสนามโดยรถยนต์พระที่นั่งจำนวน 4 กรม 10 กองพัน ซึ่งประกอบด้วย กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์, กรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ, กรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ , กองพันทหารอากาศโยธิน 3 กรมทหารอากาศโยธิน รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน , กองพันทหารม้าที่ 25 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์, กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่21 รักษาพระองค์, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 102 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์, กองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 และกองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน • เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย • พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงวิ่งกลับมาประจำจุดยืนหน้าแถว บก.กองผสม และทรงสั่ง กองผสมเรียบ-อาวุธ แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณเตรียมตัว 2 จบแล้ว องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสั่งกองผสมจัดแถวเตรียมสวนสนาม ทรงสั่งกองผสมแบก-อาวุธ แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณหน้าเดิน 2 จบ ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชราชวัลลภ อันอันเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 7 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. 2491 ชื่อ "ราชวัลลภ" และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม แล้วองค์ผู้บังคับกองผสม และพลสวนสนามจึงเริ่มเดินพร้อมกัน • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธี หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากองค์ผู้บังคับกองผสม ธงชัยเฉลิมพล และกำลังพลสวนสนาม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงร่วมประทับยืน ณ มุขพลับพลาพิธีหน้าพระที่นั่งชุมสาย • พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี องค์ผู้บังคับกองผสม ทรงสวนสนามผ่านพลับพลาที่ประทับ เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ แล้วประทับยืน ณ หน้าพระที่นั่งชุมสาย ทรงรับการถวายความเคารพจากแถวทหาร กรมสวนสนาม จำนวน 4 กรม 10 กองพัน ตามลำดับ • พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับกองพันทหารม้ารักษาพระองค์” ทรงม้า “Fürst Henry” (ฟรุ๊ต เฮนรี่) อายุ 14 ปี เพศผู้ตอน สีดำ สายพันธุ์ ดัตช์ วอร์มบลัด (KWPN) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ นำขบวนกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพันเข้ามายังหน้าพลับพลาพิธี • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พลเอกหญิงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับพระราชอาสน์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลโทรัฐพล ธูปประสม เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าฯทูเกล้าถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันโทหญิงวลัยลักษณ์ อาวรณ์ หัวหน้าปรับปรุงโครงการ สำนักงานปลัดบัญชีทหาร เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี • สําหรับพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน ของทหารรักษาพระองค์นั้น เป็นพิธีที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อ ทหารรักษาพระองค์ทุกเหล่าทัพ ที่จะเป็นโอกาสพิเศษใน การถวายความจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ผู้เป็นจอมทัพไทย โดยได้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พุทธศักราช 2496 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดําเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปพระราชทานธงชัยเฉลิมพลแก่หน่วยทหาร ในโอกาสครบรอบ วันคล้ายวันสถาปนากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งพระองค์เสด็จพระราชดําเนินทรงตรวจ พลสวนสนาม ทรงตรวจพลสวนสนาม รับการถวายความเคารพจาก ขบวนทหารจํานวน 4 กองพัน โดยทรงพระดําเนินในฉลองพระองค์ เครื่องแบบเต็มยศของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ นับเป็นจุดเริ่มต้นของพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ ทหารรักษาพระองค์ ที่จัดขึ้นเป็นประจําทุกปีอย่างต่อเนื่องนับแต่ นั้นมา • ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหาร-ตํารวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในปีพุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี นับเป็นครั้งแรกที่มีการสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนร่วมกัน ระหว่างกําลังพลของทหารและตํารวจ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก • เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ครบ 6 รอบ จึงถือเป็นโอกาสอันสําคัญยิ่งของหน่วยทหารรักษาพระองค์ จากเหล่าทัพต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันกระทําพิธีสวนสนามและถวาย สัตย์ปฏิญาณตนเพื่อถวายความจงรักภักดีต่อหน้าพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นการแสดงให้ประชาชน ชาวไทยได้ประจักษ์ว่า ทหารรักษาพระองค์จะปฏิบัติหน้าที่ ดํารงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ และถวายพระเกียรติยศสูงสุด แด่พระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต • #MGROnline #พิธีสวนสนาม #ถวายสัตย์ปฏิญาณ #ทหารราชวัลลภฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1004 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”พระองค์ทรงเป็นผู้นําหญิงแห่งกองทัพไทยที่ทหารทั้งปวงเชื่อมั่นในพระปรีชาสามารถว่าทรงเป็น สมเด็จพระราชินีคู่พระบารมีองค์จอมทัพไทย ในรัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราช จักรีวงศ์อย่างแท้จริง“ บก.ทัพไทย ระบุ

    ….พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงร่วมซ้อมพิธีการสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ
    28 กรกฎาคม 2567 “ราชวัลลภ เทิดไท้จอมราชา 72 พรรษามหามงคล” ณ พระลานพระราชวังดุสิต
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สุข กะ ภาพ
    ”พระองค์ทรงเป็นผู้นําหญิงแห่งกองทัพไทยที่ทหารทั้งปวงเชื่อมั่นในพระปรีชาสามารถว่าทรงเป็น สมเด็จพระราชินีคู่พระบารมีองค์จอมทัพไทย ในรัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราช จักรีวงศ์อย่างแท้จริง“ บก.ทัพไทย ระบุ ….พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงร่วมซ้อมพิธีการสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “ราชวัลลภ เทิดไท้จอมราชา 72 พรรษามหามงคล” ณ พระลานพระราชวังดุสิต #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สุข กะ ภาพ
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 1 รีวิว
  • 20 พฤศจิกายน 2567
    พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงซักซ้อมพิธีการสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญานตนของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี ๒๕๖๗ ณ พระลานพระราชวังดุสิต

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    20 พฤศจิกายน 2567 พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงซักซ้อมพิธีการสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญานตนของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี ๒๕๖๗ ณ พระลานพระราชวังดุสิต #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว
  • HMSV I December 2024
    พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
    พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    HMSV I December 2024 พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย ที่ต้องการให้ยุติการฉีดวัคซีนโควิด19 มีดังนี้
    1.ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี
    2.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    3.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    4.ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    5.หมอเดชา ศิริภัทร
    6.นพ.มนตรี เศรษฐบุตร
    7.นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์
    8.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ
    9.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา
    10.ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา
    11.ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล
    12.พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์
    13.พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์
    14.นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง
    15.พญ.สุภาพร มีลาภ
    16.นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์
    17.ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า
    18.นพ.วีระพล มงคลกุล
    19.ศ.นพ.อมร เปรมกมล
    20.ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​
    21.นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์
    22.พญ.นรากร ลีปรีชานนท์
    23.ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง
    24.พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง
    25.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์
    26.ทพญ.อัมพา ทองดี
    27.นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์
    28.พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์
    29.พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์
    30.ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล
    31.นพ.ภาสิน เหมะจุฑา
    32.แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง
    33.พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์
    34.พท.วิชากร จันทรโคตร
    35.พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ
    36.พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล
    37.พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล
    38.พท.สุมนัสสา วาจรัต
    39.พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์
    40.พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช
    41.ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล
    42.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข
    43.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข
    44.พว.ปาหนัน หวนไธสง
    45.พว.บัวบาน อาชาศรัย
    46.พว.ศิริรัตน์ คำไข
    47.พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์
    48.พว.สุภรณ์ บุหลัน
    49.พว.พิกุล เขื่อนคำ
    50.ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด)
    51.ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู
    52.ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​
    53.ภก.นชน มาตรชัยสิงห์
    54.ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร
    55.ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว
    56.ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​
    57.อสม.วิจิตรา จันทร์สม
    58.ผู้ช่วยพยาบาลนพนันท์ จิตรตรง
    59.รุ่งทิพย์ อาจารยา
    60.เสียงเงิน สอนเย็น
    61.จินตนา เดชศร
    62.นวลละออ ศิโรรัตน์
    63.มริยาท สารทอง
    64.โชติกา ไทยฤทธิ์
    65.เพนนี แจนส์ซ
    66.พระอาจารย์พระมหาขวัญชัย อัคคชโย
    67.ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ
    68.ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ
    69.ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย
    70.ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล
    71.คุณโฉลก สัมพันธารักษ์
    72.คุณNatalie Proenca
    73.มล.รุ่งคุณ กิติยากร
    74.คุณอดิเทพ จาวลาห์
    และรายชื่อประชาชน(ข้อมูลต้นปี2566)จากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/.../1h1cE4qaAs062q.../edit...
    ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมในแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7
    รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย ที่ต้องการให้ยุติการฉีดวัคซีนโควิด19 มีดังนี้ 1.ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี 2.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง 3.อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 4.ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา 5.หมอเดชา ศิริภัทร 6.นพ.มนตรี เศรษฐบุตร 7.นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ 8.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ 9.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา 10.ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา 11.ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล 12.พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ 13.พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์ 14.นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง 15.พญ.สุภาพร มีลาภ 16.นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์ 17.ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า 18.นพ.วีระพล มงคลกุล 19.ศ.นพ.อมร เปรมกมล 20.ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​ 21.นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์ 22.พญ.นรากร ลีปรีชานนท์ 23.ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง 24.พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง 25.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์ 26.ทพญ.อัมพา ทองดี 27.นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ 28.พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์ 29.พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์ 30.ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล 31.นพ.ภาสิน เหมะจุฑา 32.แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง 33.พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์ 34.พท.วิชากร จันทรโคตร 35.พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ 36.พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล 37.พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล 38.พท.สุมนัสสา วาจรัต 39.พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์ 40.พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช 41.ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล 42.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข 43.พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข 44.พว.ปาหนัน หวนไธสง 45.พว.บัวบาน อาชาศรัย 46.พว.ศิริรัตน์ คำไข 47.พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์ 48.พว.สุภรณ์ บุหลัน 49.พว.พิกุล เขื่อนคำ 50.ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด) 51.ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู 52.ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​ 53.ภก.นชน มาตรชัยสิงห์ 54.ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร 55.ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว 56.ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​ 57.อสม.วิจิตรา จันทร์สม 58.ผู้ช่วยพยาบาลนพนันท์ จิตรตรง 59.รุ่งทิพย์ อาจารยา 60.เสียงเงิน สอนเย็น 61.จินตนา เดชศร 62.นวลละออ ศิโรรัตน์ 63.มริยาท สารทอง 64.โชติกา ไทยฤทธิ์ 65.เพนนี แจนส์ซ 66.พระอาจารย์พระมหาขวัญชัย อัคคชโย 67.ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ 68.ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ 69.ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย 70.ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล 71.คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ 72.คุณNatalie Proenca 73.มล.รุ่งคุณ กิติยากร 74.คุณอดิเทพ จาวลาห์ และรายชื่อประชาชน(ข้อมูลต้นปี2566)จากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/.../1h1cE4qaAs062q.../edit... ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมในแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7 รวบรวมโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผช.ผบ.ตร.เผย "ทนายตั้ม-ภรรยา" เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ หลังทราบข่าวศาลออกหมายจับ ยันไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

    วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.12 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาว่า คดีดังกล่าวทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสอบสวนด้วยความรัดกุม รอบคอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้

    พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวต่อว่าเท่าที่ทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจตัวรู้ว่าศาลจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจ ขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107393

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    ผช.ผบ.ตร.เผย "ทนายตั้ม-ภรรยา" เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ หลังทราบข่าวศาลออกหมายจับ ยันไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม • วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.12 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาว่า คดีดังกล่าวทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสอบสวนด้วยความรัดกุม รอบคอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้ • พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวต่อว่าเท่าที่ทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจตัวรู้ว่าศาลจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจ ขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107393 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ศิลปะ ซอฟท์เพาว์เวอร์
    พระพัชนีด้ามจิ้ว หรือ พัดทรง💜💜

    หลายท่านที่ได้ชมพระราชพิธีเมื่อวาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗

    ในระหว่างที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับในเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ทรงใช้พระพัชนีด้ามจิ้ว ระหว่างประทับหลายท่านน่าจะเห็นว่าลวดลายบนพัดมีความงดงามมาก พัดทรงด้ามนี้ออกแบบและเขียนลาย โดยอาจารย์หทัย บุนนาค

    โดยท่านเคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับพัดทรงด้ามนี้ว่า…

    "พัดทรง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาพัชรสุธาพิมลลักษณ์พระบรมราชินี พัดด้ามไม้ประดับปีกแมลงทับ ตัวพัดทำจากผ้าไหมไทยปิดเงินเปลว เขียนสีเป็นลายเทพยดาอำนวยพร บนพื้นสีครามประกอบลวดลายพรรณพฤกษา แกนพัดและห่วงพัดทำจากเงินกะไหล่ทอง แหวนสำหรับรัดพัดและสายพู่คล้องพัดเป็นไหมสีเขียวมะกอกรับกัน ร้อยสลับกับลูกปัดเงินกะไหล่ทองและลูกปัดพลอยเนื้ออ่อนสีม่วง

    รายชื่อคณะทำงานและช่างฝีมือ

    ช่างเขียนและออกแบบ: นาย หทัย บุนนาค
    ช่างประดับปีกแมลงทับ: นางสาว กัลยากร อัครยากูล

    ช่างทองทำห่วงพัดและแกนพัด : อาจารย์ศุภชัย เสริมสุขเจริญชัย และ อาจารย์จิราพร รอดคุ้ม จากมหาวิทยาลัย เพาะช่าง
    ช่างทำพู่และสายคล้องตลอดจนแหวนรัดพัด: นางสาว เมนาท วรรัตนวัชร

    ช่างประกอบตัวและจับจีบพัด: นายวันชัย เลิศไพบูลย์ผล

    ช่างทำกล่อง: นายวันชัย เลิศไพบูลย์ผลและนายธงชัย ตาลพวง นางสาว กุลธิดา บุนนาค

    ประสานงาน : นายวุฒิกร จินตนสถิตย์"
    เครดิตโดยอาจารย์หทัย บุนนาค(ภาพสุดท้าย)

    🙏🇹🇭💜#ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน #เกร็ดความรู้ #เกร็ดประวัติศาสตร์ #พยุหยาตราทางชลมารค
    #ศิลปะ ซอฟท์เพาว์เวอร์ พระพัชนีด้ามจิ้ว หรือ พัดทรง💜💜 หลายท่านที่ได้ชมพระราชพิธีเมื่อวาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ในระหว่างที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับในเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ทรงใช้พระพัชนีด้ามจิ้ว ระหว่างประทับหลายท่านน่าจะเห็นว่าลวดลายบนพัดมีความงดงามมาก พัดทรงด้ามนี้ออกแบบและเขียนลาย โดยอาจารย์หทัย บุนนาค โดยท่านเคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับพัดทรงด้ามนี้ว่า… "พัดทรง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาพัชรสุธาพิมลลักษณ์พระบรมราชินี พัดด้ามไม้ประดับปีกแมลงทับ ตัวพัดทำจากผ้าไหมไทยปิดเงินเปลว เขียนสีเป็นลายเทพยดาอำนวยพร บนพื้นสีครามประกอบลวดลายพรรณพฤกษา แกนพัดและห่วงพัดทำจากเงินกะไหล่ทอง แหวนสำหรับรัดพัดและสายพู่คล้องพัดเป็นไหมสีเขียวมะกอกรับกัน ร้อยสลับกับลูกปัดเงินกะไหล่ทองและลูกปัดพลอยเนื้ออ่อนสีม่วง รายชื่อคณะทำงานและช่างฝีมือ ช่างเขียนและออกแบบ: นาย หทัย บุนนาค ช่างประดับปีกแมลงทับ: นางสาว กัลยากร อัครยากูล ช่างทองทำห่วงพัดและแกนพัด : อาจารย์ศุภชัย เสริมสุขเจริญชัย และ อาจารย์จิราพร รอดคุ้ม จากมหาวิทยาลัย เพาะช่าง ช่างทำพู่และสายคล้องตลอดจนแหวนรัดพัด: นางสาว เมนาท วรรัตนวัชร ช่างประกอบตัวและจับจีบพัด: นายวันชัย เลิศไพบูลย์ผล ช่างทำกล่อง: นายวันชัย เลิศไพบูลย์ผลและนายธงชัย ตาลพวง นางสาว กุลธิดา บุนนาค ประสานงาน : นายวุฒิกร จินตนสถิตย์" เครดิตโดยอาจารย์หทัย บุนนาค(ภาพสุดท้าย) 🙏🇹🇭💜#ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน #เกร็ดความรู้ #เกร็ดประวัติศาสตร์ #พยุหยาตราทางชลมารค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 890 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,552
    วันเสาร์: แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ (19 October 2024)

    รายชื่อทำบุญ Photo Album ชุดที่ 5/5
    ทอดกฐินสามัคคี 50 วัด เป็นเงิน 1,000 บาท
    41. วัดป่าหนองใต้ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    42. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    43. วัดโปรดสัตว์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    44. วัดฝาง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    45. วัดพระอมรพิสัย อ.บางเลน จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    46. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    47. วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม อ.เมือง จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    48. วัดมาบจันทร์ อ.เมือง จ.ระยอง
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    49. วัดไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    50. วัดยางใหญ่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๖ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,552 วันเสาร์: แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ (19 October 2024) รายชื่อทำบุญ Photo Album ชุดที่ 5/5 ทอดกฐินสามัคคี 50 วัด เป็นเงิน 1,000 บาท 41. วัดป่าหนองใต้ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 42. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 43. วัดโปรดสัตว์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 44. วัดฝาง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 45. วัดพระอมรพิสัย อ.บางเลน จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 46. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 47. วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม อ.เมือง จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 48. วัดมาบจันทร์ อ.เมือง จ.ระยอง (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 49. วัดไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 50. วัดยางใหญ่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๖ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,552
    วันเสาร์: แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ (19 October 2024)

    รายชื่อทำบุญ Photo Album ชุดที่ 5/5
    ทอดกฐินสามัคคี 50 วัด เป็นเงิน 1,000 บาท
    41. วัดป่าหนองใต้ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    42. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    43. วัดโปรดสัตว์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    44. วัดฝาง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    45. วัดพระอมรพิสัย อ.บางเลน จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    46. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    47. วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม อ.เมือง จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    48. วัดมาบจันทร์ อ.เมือง จ.ระยอง
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    49. วัดไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    50. วัดยางใหญ่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
    (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๖ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,552 วันเสาร์: แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ (19 October 2024) รายชื่อทำบุญ Photo Album ชุดที่ 5/5 ทอดกฐินสามัคคี 50 วัด เป็นเงิน 1,000 บาท 41. วัดป่าหนองใต้ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 42. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 43. วัดโปรดสัตว์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 44. วัดฝาง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 45. วัดพระอมรพิสัย อ.บางเลน จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 46. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 47. วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม อ.เมือง จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 48. วัดมาบจันทร์ อ.เมือง จ.ระยอง (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 49. วัดไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) 50. วัดยางใหญ่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช (ทอดกฐินสามัคคี 20 ต.ค.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๖ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง

    การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์

    แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท

    จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป

    ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน

    #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
    มรสุมดิไอคอนฯ เอาผิดยากแต่แบรนด์พัง การออกมาเปิดประเด็นบริษัทธุรกิจขายตรงของนายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ชัดเจนว่าเป็น บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้มีผู้เสียหายที่เคยร่วมทำธุรกิจรวมตัวกันไปแจ้งความกับตำรวจอย่างน้อย 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มที่มาจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ 2. กลุ่มที่มาจากทีมงานทนายคลายทุกข์ ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และกลุ่มที่มาจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ (ศคอ.) และ 3. ศูนย์ข่าวต้านโกง นำโดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ แม้ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี แต่การทำคดีดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยาก เพราะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความจริงมีน้อยเกินไป ทนายเดชา ระบุว่า มีผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ บก.ปคบ. เพียง 91 ราย ต้องมีผู้เสียหายตั้งแต่ 200 คนขึ้นไปจึงเพียงพอดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากผู้เสียหายที่สอบไปแล้ว 80 ปาก รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท จุดเริ่มต้นของจุดจบ มาจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ประชาชนต่างขาดรายได้จากมาตรการล็อกดาวน์ กระทั่งได้พบเห็นโฆษณาคอร์สเรียนออนไลน์ 97, 98, 99 บาท เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีคนหลงเชื่อเข้าไปเรียนจะพบว่ามีการขายฝันถึงความร่ำรวย ก่อนโน้มน้าวให้เปิดบิลซื้อสินค้าไปขาย และลงโฆษณาบนโซเชียลฯ ที่เรียกว่ายิงแอด ที่ผ่านมาดิไอคอนกรุ๊ปมีรายได้รวมจากเดิมประมาณ 378 ล้านบาท แต่ปี 2564 ก้าวกระโดดถึง 4,950 ล้านบาท กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นจึงลดลงมา แม้จะใช้งบ 500 ล้านบาทซื้อบิลบอร์ดโฆษณา แต่สินค้าก็ยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ส่วนลูกข่ายสต็อกสินค้า ทีแรกขายได้ แต่หลังๆ กลับขายไม่ได้ แม้จะยิงแอดไปเท่าไหร่ก็ตาม นอกจากสินค้าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังแพงกว่าท้องตลาด ทำให้ลูกข่ายต้องเปลี่ยนมาเป็นตามหาลูกข่ายที่เรียกว่า นักเรียนใหม่ เพื่อให้ได้เงิน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่นำไปสู่ปรากฎการณ์ฝีแตกในวันนี้ แม้ว่าบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่แบรนด์ดิไอคอนในวันนี้ก็ติดลบในสายตาของผู้คนในสังคม เช่นเดียวกับดารานักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ลูกข่ายหรือแฟนคลับเคยไว้เนื้อเชื่อใจเพราะชื่อเสียง ก็เกิดแผลในใจ ถึงขั้นเลิกติดตามผลงาน #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #THEiCON
    Like
    Angry
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระปรีชาสามารถด้านการกีฬาเป็นที่ประจักษ์ และทรงมีพระจริยวัตรอันงดงาม น่ารัก และเป็นกันเอง 💜💜💜


    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
    สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระปรีชาสามารถด้านการกีฬาเป็นที่ประจักษ์ และทรงมีพระจริยวัตรอันงดงาม น่ารัก และเป็นกันเอง 💜💜💜 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15
    .
    วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
    .
    โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
    .
    ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.
    .
    ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร
    เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.)
    .
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
    ..............
    Sondhi X
    ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15 . วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) . โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3 . ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. . ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15 . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ . ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) . นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้ . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1330 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
    https://youtu.be/TLvJKVzveuA
    พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี https://youtu.be/TLvJKVzveuA
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
    https://www.pracharthai.com/news/archives/18476
    พิธีการแต่งงานในศาสนาอิสลาม สุเหร่าบ้านโรงกระโจม(มัสยิดอิกอม่าตุ้ลอิสลาม) บ้านโรงกระโจม ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี https://www.pracharthai.com/news/archives/18476
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • " เสน่ห์ใกล้กรุง” เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ณตลาดน้ำ ไทรน้อย อำเภอไทรน้อยจังหวัดนนทบุรี ได้มีพิธีเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว คลองพ ระพิมล ในรายการแคมเปญที่ชื่อว่า " เสน่ห์ใกล้กรุง”
    https://youtu.be/B-0lLM2FHsY
    " เสน่ห์ใกล้กรุง” เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ณตลาดน้ำ ไทรน้อย อำเภอไทรน้อยจังหวัดนนทบุรี ได้มีพิธีเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว คลองพ ระพิมล ในรายการแคมเปญที่ชื่อว่า " เสน่ห์ใกล้กรุง” https://youtu.be/B-0lLM2FHsY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts