• รำลึกวันครู 16 มค. 2568

    ครูครับ ผมให้อภัยครับ

    ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน

    เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน

    ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย

    เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร

    เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา

    ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด

    ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

    ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    รำลึกวันครู 16 มค. 2568 ครูครับ ผมให้อภัยครับ ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💙แพ็คเกจที่พัก อดาราน ซีเลค ฮูดูห์รันฟูชิ รีสอร์ท, มัลดีฟส์ 4 ดาว 2-4 คืน💙

    : บริการอาหารแบบ Premium All Inclusive
    - ฟรี Speedboat Transfers สนามบิน ที่พัก สนามบิน - มี Bar เปิดบริการ 24 ชม.
    - มีจุด Surfing ที่เป็นที่นิยมของมัลดีฟส์

    โปรโมชั่น เมื่อจองภายใน 31 ม.ค. 68
    สิทธิ์พิเศษโปรโมชั่น

    พัก 2 คืน
    • ฟรี นวดกดจุดสะท้อนแบบจีน 30 นาที
    เมื่อเข้าพัก 2 ท่าน ที่จอง Ocean Villa
    • ฟรี กิจกรรมล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก
    • ฟรี กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำตื้น

    พัก 3 คืนขึ้นไป
    • ฟรี ทัวร์เสริม 1 กิจกรรม เช่น ระหว่างล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก, ล่องเรือโลมา
    • สปา 45 นาที เมื่อเข้าพัก 2 ท่าน ที่จอง Ocean Villa
    • ฟรี กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำตื้น

    📍 ช่วงวันเดินทาง : เลือกวันเดินทางได้ถึง ต.ค.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 27,900
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z10836
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : Self travel-เดินทางเอง

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e7fcf7

    ดูทัวร์มัลดีฟส์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/fbbc62

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์มัลดีฟส์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    💙แพ็คเกจที่พัก อดาราน ซีเลค ฮูดูห์รันฟูชิ รีสอร์ท, มัลดีฟส์ 4 ดาว 2-4 คืน💙 : บริการอาหารแบบ Premium All Inclusive - ฟรี Speedboat Transfers สนามบิน ที่พัก สนามบิน - มี Bar เปิดบริการ 24 ชม. - มีจุด Surfing ที่เป็นที่นิยมของมัลดีฟส์ โปรโมชั่น เมื่อจองภายใน 31 ม.ค. 68 สิทธิ์พิเศษโปรโมชั่น พัก 2 คืน • ฟรี นวดกดจุดสะท้อนแบบจีน 30 นาที เมื่อเข้าพัก 2 ท่าน ที่จอง Ocean Villa • ฟรี กิจกรรมล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก • ฟรี กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำตื้น พัก 3 คืนขึ้นไป • ฟรี ทัวร์เสริม 1 กิจกรรม เช่น ระหว่างล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก, ล่องเรือโลมา • สปา 45 นาที เมื่อเข้าพัก 2 ท่าน ที่จอง Ocean Villa • ฟรี กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำตื้น 📍 ช่วงวันเดินทาง : เลือกวันเดินทางได้ถึง ต.ค.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 27,900 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z10836 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : Self travel-เดินทางเอง ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e7fcf7 ดูทัวร์มัลดีฟส์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/fbbc62 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์มัลดีฟส์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางท่องเที่ยว..เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน
    2024-2025 Chiengmai Tourist Routes

    ฉันกำลังจะเกษียณปลายเดือนมกราคม 2025
    จึงเขียนเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไว้ให้เพื่อนๆ
    ที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่บ้านของฉัน สนุก-ประทับใจ

    --------------------------
    ทริปไหว้พระ ๙ วัด (ได้ทั้งปี)

    1.วัดศรีดอนมูลครูบาน้อย ลงนะหน้า ทอง. 2.วัดพระธาตุดอยคำ
    3.วัดป่าแดด 4.วัดอุโมงค์. 5.วัดศรีสุพรรณ. 6.วัดพระสิงห์
    7.วัดเจดีย์หลวง. 8.วัดพันเตา** 9.วัดอุปคุต

    แนะนำ วัดโลกโมฬี และ วัดป่าดาราภิรมย์***สวยมาก***
    วัดพันเตา กลางคืนสวย(มาก)เดินถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์

    ---------------------------
    ทริปดอยอ่างขาง (กลางเดือน มกราคม สวยที่สุด)

    1.คาเฟ่เฮือนไม้60. 2.แดนเทวดา. 3.วัดบ้านเด่น. 4.สวนสนแม่แตง. 5.ถนนต้นยางประตูสู่เมืองคอง. 6.ถ้ำหลวงเชียงดาว. 7.ฮิโนกิแลนด์ บ้านญี่ปุ่น 8.สวนส้ม. 9.จุดชมวิวม่อนสวนสน. 10.สถานีเกษตรดอยอ่างขาง(ซากุระ) 11.ไร่ชา2000系 12.สวนสตอเบอรี่ บ้านนอแล. 13.ฐานปฏิบัติการ ชายแดนบ้านนอแล

    ----------------------------
    ทริปดอยหลวงเชียงดาว (มกราคม- กลางเดือนกุมภาฯ)

    1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เรือนไม้ 6 สวน. 3.แอร์เอเชียไดมอนด์. 4.แดนเทวดา. 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ประตูสู่เมืองคองถนนต้นยาง. 8.ถ้าหลวงเชียงดาว. 9.ที่พักระเบียงดาวโซนดอยหลวง 10. เมืองคอง

    -----------------------------
    ทริปแม่แตง (มค.-กพ. เทศกาลไม้ดอกเชียงใหม่)

    1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เฮือนไม้ 60. 3.คาเฟ่เครื่องบินแอร์เอเชียไดมอนด์. 4..แดนเทวดา 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ปางช้างแม่แตง. 8.หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว. 9.แก่งกิ๊ดล่องแก่งล่องแพ. 10.ไร่ชาลุงเดช

    ----------------------------
    ทริปหมู่บ้านแม่กำปอง (เที่ยวได้ทั้งปี ยกเว้นฤดูฝน)

    1. ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง 2. ถ้ำเมืองออน 3.น้ำพุร้อนสันกำแพง 4.ม่อนกุเวรท้าวเวสสุวรรณ. 5. โครงการหลวงบ้านห้วยตีนตก. 6.กาแฟบ้านต้นไม้แม่กำปอง. 7.ถนนคนเดินบ้านแม่กำปอง. 8.วัดแม่กำปองอุโบสถกลางน้ำ 9.กาแฟระเบียงวิวชมหมู่บ้าน. 10.น้ำตกบ้านแม่กำปอง. 11.กาแฟสะพานแขวนเทสดู่ 12.the ธารทอง green coffee cafe สวยๆ. 13. The giant **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น
    14. กิ่วฝิ่น **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น.

    -----------------------------
    ทริปอำเภอกัลยาณิวัฒนา(พฤศจิกายน-ธันวาคม)

    1. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2.วัดต้นเกว๋น 3.คาเฟ่เฮือนหลองเข้าลำ 4.ทุ่งดอกเก๊กฮวย มีเฉพาะ พย-ธค. 5.ป่าสนวัดจันทร์

    ------------------------------
    ทริป อ.ปาย (ช่วงกุมภาพันธ์)

    1. กาแฟแม่มด 2. จุดเช็คอินเขตแดนปายแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่. 3. ห้วยน้ำดัง 4.สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย 5. ไหว้ขอพรพระธาตุแม่เย็น(ค้าง RELAX) 6. กะเหรี่ยงคอยาวห้วยมะเฟือง 7. เช็คอิน ที่ Cafe PAI in Love 8. พระอาทิตย์ตกดิน ที่ ปายแคนย่อน 9. ถนนคนเดินกลางคืน 10. ทะเลหมอกหยุนไหล 11. หมู่บ้านสันติชลบ้านจีนยูนนาน

    ------------------------------
    ทริปเชียงราย
    1. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน 2. วัดร่องขุ่น 3. วัดร่องเสือเต้น 4. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ 5.ไร่ชาฉุยฟง 6. วัดห้วยปลากั้ง 7.ไร่บุญรอดสิงห์ปาร์ค 8.พระตำหนักดอยตุง 9. วัดพระธาตุดอยตุง 10. จุดชมวิวดอยช้างมูป 11.ดอยผาฮี้ (ที่พัก) 12.วัดพระธาตุดอยเวา-SKYWALK 13. ตลาดแม่สาย 14.สามเหลี่ยมทองคำ 15.ภูชี้ฟ้า 16. อาข่าฟาร์มวิลล์-ฟาร์มแกะ(แม่สรวย)

    ------------------------------
    ทริปแม่ฮ่องสอน-เมืองสามหมอก (กลาง พย-ธค)

    1. บ่อน้ำแร่ห้วยไทรงาม. 2. จุดชมวิวดอยกิ่วลม. 3. ถ้ำน้ำลอดปางมะผ้าหรือ ถ้ำผีแมน. 4. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ้(ค้าง 1 คืน). 5. จุดชมวิวบ้านห้วยรุกข้าวหลาม. 6. ถ้ำปลาแม่ฮ่องสอน. 7. พระธาตุดอยกองมู. 8. บ้านรักไทย. 9. ปางอุ๋ง ล่องแพตอนเช้า. 10. สะพานซูตองเป้
    เฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายน ดอกบัวตอง ที่ ดอยแม่อูคอ สวยดั่งสวรรค์
    เส้นทางท่องเที่ยว..เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน 2024-2025 Chiengmai Tourist Routes ฉันกำลังจะเกษียณปลายเดือนมกราคม 2025 จึงเขียนเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไว้ให้เพื่อนๆ ที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่บ้านของฉัน สนุก-ประทับใจ -------------------------- ทริปไหว้พระ ๙ วัด (ได้ทั้งปี) 1.วัดศรีดอนมูลครูบาน้อย ลงนะหน้า ทอง. 2.วัดพระธาตุดอยคำ 3.วัดป่าแดด 4.วัดอุโมงค์. 5.วัดศรีสุพรรณ. 6.วัดพระสิงห์ 7.วัดเจดีย์หลวง. 8.วัดพันเตา** 9.วัดอุปคุต แนะนำ วัดโลกโมฬี และ วัดป่าดาราภิรมย์***สวยมาก*** วัดพันเตา กลางคืนสวย(มาก)เดินถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์ --------------------------- ทริปดอยอ่างขาง (กลางเดือน มกราคม สวยที่สุด) 1.คาเฟ่เฮือนไม้60. 2.แดนเทวดา. 3.วัดบ้านเด่น. 4.สวนสนแม่แตง. 5.ถนนต้นยางประตูสู่เมืองคอง. 6.ถ้ำหลวงเชียงดาว. 7.ฮิโนกิแลนด์ บ้านญี่ปุ่น 8.สวนส้ม. 9.จุดชมวิวม่อนสวนสน. 10.สถานีเกษตรดอยอ่างขาง(ซากุระ) 11.ไร่ชา2000系 12.สวนสตอเบอรี่ บ้านนอแล. 13.ฐานปฏิบัติการ ชายแดนบ้านนอแล ---------------------------- ทริปดอยหลวงเชียงดาว (มกราคม- กลางเดือนกุมภาฯ) 1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เรือนไม้ 6 สวน. 3.แอร์เอเชียไดมอนด์. 4.แดนเทวดา. 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ประตูสู่เมืองคองถนนต้นยาง. 8.ถ้าหลวงเชียงดาว. 9.ที่พักระเบียงดาวโซนดอยหลวง 10. เมืองคอง ----------------------------- ทริปแม่แตง (มค.-กพ. เทศกาลไม้ดอกเชียงใหม่) 1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เฮือนไม้ 60. 3.คาเฟ่เครื่องบินแอร์เอเชียไดมอนด์. 4..แดนเทวดา 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ปางช้างแม่แตง. 8.หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว. 9.แก่งกิ๊ดล่องแก่งล่องแพ. 10.ไร่ชาลุงเดช ---------------------------- ทริปหมู่บ้านแม่กำปอง (เที่ยวได้ทั้งปี ยกเว้นฤดูฝน) 1. ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง 2. ถ้ำเมืองออน 3.น้ำพุร้อนสันกำแพง 4.ม่อนกุเวรท้าวเวสสุวรรณ. 5. โครงการหลวงบ้านห้วยตีนตก. 6.กาแฟบ้านต้นไม้แม่กำปอง. 7.ถนนคนเดินบ้านแม่กำปอง. 8.วัดแม่กำปองอุโบสถกลางน้ำ 9.กาแฟระเบียงวิวชมหมู่บ้าน. 10.น้ำตกบ้านแม่กำปอง. 11.กาแฟสะพานแขวนเทสดู่ 12.the ธารทอง green coffee cafe สวยๆ. 13. The giant **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น 14. กิ่วฝิ่น **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น. ----------------------------- ทริปอำเภอกัลยาณิวัฒนา(พฤศจิกายน-ธันวาคม) 1. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2.วัดต้นเกว๋น 3.คาเฟ่เฮือนหลองเข้าลำ 4.ทุ่งดอกเก๊กฮวย มีเฉพาะ พย-ธค. 5.ป่าสนวัดจันทร์ ------------------------------ ทริป อ.ปาย (ช่วงกุมภาพันธ์) 1. กาแฟแม่มด 2. จุดเช็คอินเขตแดนปายแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่. 3. ห้วยน้ำดัง 4.สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย 5. ไหว้ขอพรพระธาตุแม่เย็น(ค้าง RELAX) 6. กะเหรี่ยงคอยาวห้วยมะเฟือง 7. เช็คอิน ที่ Cafe PAI in Love 8. พระอาทิตย์ตกดิน ที่ ปายแคนย่อน 9. ถนนคนเดินกลางคืน 10. ทะเลหมอกหยุนไหล 11. หมู่บ้านสันติชลบ้านจีนยูนนาน ------------------------------ ทริปเชียงราย 1. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน 2. วัดร่องขุ่น 3. วัดร่องเสือเต้น 4. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ 5.ไร่ชาฉุยฟง 6. วัดห้วยปลากั้ง 7.ไร่บุญรอดสิงห์ปาร์ค 8.พระตำหนักดอยตุง 9. วัดพระธาตุดอยตุง 10. จุดชมวิวดอยช้างมูป 11.ดอยผาฮี้ (ที่พัก) 12.วัดพระธาตุดอยเวา-SKYWALK 13. ตลาดแม่สาย 14.สามเหลี่ยมทองคำ 15.ภูชี้ฟ้า 16. อาข่าฟาร์มวิลล์-ฟาร์มแกะ(แม่สรวย) ------------------------------ ทริปแม่ฮ่องสอน-เมืองสามหมอก (กลาง พย-ธค) 1. บ่อน้ำแร่ห้วยไทรงาม. 2. จุดชมวิวดอยกิ่วลม. 3. ถ้ำน้ำลอดปางมะผ้าหรือ ถ้ำผีแมน. 4. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ้(ค้าง 1 คืน). 5. จุดชมวิวบ้านห้วยรุกข้าวหลาม. 6. ถ้ำปลาแม่ฮ่องสอน. 7. พระธาตุดอยกองมู. 8. บ้านรักไทย. 9. ปางอุ๋ง ล่องแพตอนเช้า. 10. สะพานซูตองเป้ เฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายน ดอกบัวตอง ที่ ดอยแม่อูคอ สวยดั่งสวรรค์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แล้วที่เธอเห็นพระอาทิตย์ตก
    ถึงสี่สิบครั้งนั้น เธอเศร้าใจมาก
    เพียงนั้นเชียวหรือ?"
    เจ้าชายน้อยไม่ตอบ

    จากหนังสือ |เจ้าชายน้อย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เจ้าชายน้อย
    "แล้วที่เธอเห็นพระอาทิตย์ตก ถึงสี่สิบครั้งนั้น เธอเศร้าใจมาก เพียงนั้นเชียวหรือ?" เจ้าชายน้อยไม่ตอบ จากหนังสือ |เจ้าชายน้อย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เจ้าชายน้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พระอาทิตย์ตก #มอเตอร์เวย์ #ลำตะคลอง #โคราช
    #พระอาทิตย์ตก #มอเตอร์เวย์ #ลำตะคลอง #โคราช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 22/10/67


    หาดห้าสี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา สตูล # อุทยานธรณีสตูล

    เป็นหาดเล็กๆ หน้าหาดหันเข้าหาอ่าวละงู ตะวันตกเขาโต๊ะหงาย บนหาดทรายเล็กๆนั้นมีกลุ่มก้อนหินสี อยู่บนชายหาดอย่างละลานตา เป็นหินสีแดง ฟ้า เหลือง ขาว ดำ หินพวกนี้มาจากไหน?

    หินสีแดง มาจากหินภูเขาโต๊ะหงาย เป็นหินทรายเก่าแก่ในยุคแคมเบรียน อายุ.....๕๔๒- ๔๘๘ ล้านปี ซึ่งภูเขาโต๊ะหงายทางด้านตะวันตกเป็นหินนี้เกือบทั้งหมด

    หินสีฟ้า เป็นหินปูนยุคออโดวิเชียนอายุ ๔๘๘-๔๔๔ ซึ่งก็ต่อจากยุคแคมแบรียนนั่นเอง หินปูนนี้จะอยู่ฝั่งตะวันออกของเขาโต๊ะหงาย

    ส่วนสีขาว และดำ น่าจะเป็นเหมือนกรวด สีดำนั้นคล้ายบนหาดหินงาม

    ทุกก้อนกลม มน คิดว่าคงจะถูกคลื่นพัดพาขัดสีกันจนเป็นลักษณะมน พอมาอยู่รวมกันบนหาด มันเลย
    เหมือนสลิ่ม คละสี

    เป็นความมหัศจรรย์ทางธรณีที่น่าสนใจมาก
    ใครจะถ่ายรูป แนะให้มาตอนเย็น แดดจะเข้าทางตะวันตกพอดี แล้วดูพระอาทิตย์ตกด้วยรูปจะสวยกว่านี้

    ## ที่สำคัญ ต้องย้ำกันเลยว่า...อย่าเอาหินพวกนี้ไปนะ...มันเป็นสมบัติของประเทศชาติ อย่าเอาไปครอบครองส่วนตัว เก็บไว้ให้คนอื่นได้ดูและชื่นชมร่วมกัน เก็บเอาไปไว้ที่บ้าน มันจะเป็นแค่ก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อมันอยู่บนหาด มันคือหาดห้าสีที่สวยงามของไทย หาไม่ได้ง่ายๆในโลก ควรช่วยกันเก็บรักษา ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอมา ไม่มีใครว่าอะไร​
    22/10/67 หาดห้าสี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา สตูล # อุทยานธรณีสตูล เป็นหาดเล็กๆ หน้าหาดหันเข้าหาอ่าวละงู ตะวันตกเขาโต๊ะหงาย บนหาดทรายเล็กๆนั้นมีกลุ่มก้อนหินสี อยู่บนชายหาดอย่างละลานตา เป็นหินสีแดง ฟ้า เหลือง ขาว ดำ หินพวกนี้มาจากไหน? หินสีแดง มาจากหินภูเขาโต๊ะหงาย เป็นหินทรายเก่าแก่ในยุคแคมเบรียน อายุ.....๕๔๒- ๔๘๘ ล้านปี ซึ่งภูเขาโต๊ะหงายทางด้านตะวันตกเป็นหินนี้เกือบทั้งหมด หินสีฟ้า เป็นหินปูนยุคออโดวิเชียนอายุ ๔๘๘-๔๔๔ ซึ่งก็ต่อจากยุคแคมแบรียนนั่นเอง หินปูนนี้จะอยู่ฝั่งตะวันออกของเขาโต๊ะหงาย ส่วนสีขาว และดำ น่าจะเป็นเหมือนกรวด สีดำนั้นคล้ายบนหาดหินงาม ทุกก้อนกลม มน คิดว่าคงจะถูกคลื่นพัดพาขัดสีกันจนเป็นลักษณะมน พอมาอยู่รวมกันบนหาด มันเลย เหมือนสลิ่ม คละสี เป็นความมหัศจรรย์ทางธรณีที่น่าสนใจมาก ใครจะถ่ายรูป แนะให้มาตอนเย็น แดดจะเข้าทางตะวันตกพอดี แล้วดูพระอาทิตย์ตกด้วยรูปจะสวยกว่านี้ ## ที่สำคัญ ต้องย้ำกันเลยว่า...อย่าเอาหินพวกนี้ไปนะ...มันเป็นสมบัติของประเทศชาติ อย่าเอาไปครอบครองส่วนตัว เก็บไว้ให้คนอื่นได้ดูและชื่นชมร่วมกัน เก็บเอาไปไว้ที่บ้าน มันจะเป็นแค่ก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อมันอยู่บนหาด มันคือหาดห้าสีที่สวยงามของไทย หาไม่ได้ง่ายๆในโลก ควรช่วยกันเก็บรักษา ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอมา ไม่มีใครว่าอะไร​
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • หาดตะโละกาโปร์ จังหวัดปัตตานี
    หาดตะโละกาโปร์ ตั้งอยู่ใน ตำบลตะโละกาโปร์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ชายหาดชื่อดังที่มาพร้อมกับทัศนีภาพอันงดงามของหาดทรายสีขาว ทอดยาวอยู่ขนานไปกับน้ำทะเลเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ตามชายหาดมีร่มเงาของต้นไม้คอยให้ความร่มรื่นอยู่เสมอ จึงทำให้ชายหาดแห่งนี้กลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจชื่อดังที่ชาวปัตตานีมักจะไปเล่นน้ำ เดินเล่น และชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่เป็นประจำ

    สมัยก่อน บริเวณของหาดตะโละกาโปร์มีเปลือกหอยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่เก็บเปลือกหอยมาเผาไฟจนสุกกลายเป็นปูนขาว และนำมากินกับหมาก ซึ่งหอยที่ว่านั้นคาดว่าจะเป็น หอยขาว หรือ หอยแครง นั่นเอง เพราะหอยขาวถือเป็นหอยประจำอ่าวของที่นี่ และเป็นสินค้าส่งออกของอำเภอยะหริ่งเลยค่ะ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ หาดตะโละกาโปร์ ในภาษามาลายู ตะโละ แปลว่า "อ่าว" ส่วน กาโปร์ แปลว่า "ปูน"

    นอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวปัตตานีแล้ว หาดตะโละกาโปร์ยังตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านชาวประมง จึงไม่แปลกหากเราจะเห็น เรือกอและ เรือประมงพื้นบ้านของภาคใต้มาจอดเรียงรายกันหลายลำ แต่ละลำก็จะมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะผสมผสานลายมลายูลายชวาและลายไทยอย่างประณีตบรรจง สีสันฉูดฉาดโดดเด่นท่ามกลางท้องทะเล เป็นเสน่ห์ที่หาชมได้ยากจริงๆ

    #ปัตตานี
    #หาดตะโละกาโปร์
    หาดตะโละกาโปร์ จังหวัดปัตตานี หาดตะโละกาโปร์ ตั้งอยู่ใน ตำบลตะโละกาโปร์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ชายหาดชื่อดังที่มาพร้อมกับทัศนีภาพอันงดงามของหาดทรายสีขาว ทอดยาวอยู่ขนานไปกับน้ำทะเลเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ตามชายหาดมีร่มเงาของต้นไม้คอยให้ความร่มรื่นอยู่เสมอ จึงทำให้ชายหาดแห่งนี้กลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจชื่อดังที่ชาวปัตตานีมักจะไปเล่นน้ำ เดินเล่น และชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่เป็นประจำ สมัยก่อน บริเวณของหาดตะโละกาโปร์มีเปลือกหอยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่เก็บเปลือกหอยมาเผาไฟจนสุกกลายเป็นปูนขาว และนำมากินกับหมาก ซึ่งหอยที่ว่านั้นคาดว่าจะเป็น หอยขาว หรือ หอยแครง นั่นเอง เพราะหอยขาวถือเป็นหอยประจำอ่าวของที่นี่ และเป็นสินค้าส่งออกของอำเภอยะหริ่งเลยค่ะ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ หาดตะโละกาโปร์ ในภาษามาลายู ตะโละ แปลว่า "อ่าว" ส่วน กาโปร์ แปลว่า "ปูน" นอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวปัตตานีแล้ว หาดตะโละกาโปร์ยังตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านชาวประมง จึงไม่แปลกหากเราจะเห็น เรือกอและ เรือประมงพื้นบ้านของภาคใต้มาจอดเรียงรายกันหลายลำ แต่ละลำก็จะมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะผสมผสานลายมลายูลายชวาและลายไทยอย่างประณีตบรรจง สีสันฉูดฉาดโดดเด่นท่ามกลางท้องทะเล เป็นเสน่ห์ที่หาชมได้ยากจริงๆ #ปัตตานี #หาดตะโละกาโปร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ทัชมาฮาลเมืองไทย

    มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศาสนสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลาที่ใหญ่และอลังการมาก หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ” ทัชมาฮาลเมืองไทย ” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นไปถึงช่วงค่ำ มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก

    ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำคลองแห สำหรับการเดินทางด้วย google maps แนะนำให้พิมว่า “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” เพราะหากใส่ว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม จะไปโผล่ที่มัสยิดในเมืองหาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่คนละแห่งกัน มาถึงมัสยิดสามารถจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถภายใต้อาคาร จากนั้นเดินมาด้านหน้าเก็บมุมภาพตามใจชอบ

    ภายในมัสยิดสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกระจกใสสีขาว ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่ง โอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา พื้นที่รอบมัสยิดเดินเล่นชมบรรยากาศเหมือนกำลังเดินอยู่ในแดนนภารตะ😍

    บรรยากาศในยามเย็น คือ อีกหนึ่งช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตก และเริ่มมีแสงไฟส่องสว่างยิ่งสวยงาม


    #มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา
    #ทัชมาฮาลเมืองไทย




    มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ทัชมาฮาลเมืองไทย มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศาสนสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลาที่ใหญ่และอลังการมาก หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ” ทัชมาฮาลเมืองไทย ” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นไปถึงช่วงค่ำ มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำคลองแห สำหรับการเดินทางด้วย google maps แนะนำให้พิมว่า “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” เพราะหากใส่ว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม จะไปโผล่ที่มัสยิดในเมืองหาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่คนละแห่งกัน มาถึงมัสยิดสามารถจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถภายใต้อาคาร จากนั้นเดินมาด้านหน้าเก็บมุมภาพตามใจชอบ ภายในมัสยิดสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกระจกใสสีขาว ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่ง โอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา พื้นที่รอบมัสยิดเดินเล่นชมบรรยากาศเหมือนกำลังเดินอยู่ในแดนนภารตะ😍 บรรยากาศในยามเย็น คือ อีกหนึ่งช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตก และเริ่มมีแสงไฟส่องสว่างยิ่งสวยงาม #มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา #ทัชมาฮาลเมืองไทย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว

    ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง

    บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย
    หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย)

    นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ

    ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.)
    ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

    ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก

    นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด

    “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
    นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

    “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่

    ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907

    #ภูหินร่องกล้า
    #พิษณุโลก
    #ท่องเที่ยว

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย) นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.) ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907 #ภูหินร่องกล้า #พิษณุโลก #ท่องเที่ยว ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร

    “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า

    “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน”

    บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ

    เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์
    บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร

    เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์

    จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ

    โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ

    ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร)

    วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

    สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่

    -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่

    นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย

    ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330

    #บึงสีไฟ
    #พิจิตร
    #ท่องเที่ยว

    “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน” บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์ บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร) วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่ -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่ นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330 #บึงสีไฟ #พิจิตร #ท่องเที่ยว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • สกายวอร์ค กาญจนบุรี แลนมาร์คเมืองกาญจนบุรี
    เป็นจุดที่แม่น้ำแควน้อยกับแควใหญ่มาบรรจบกัน
    ไหลรวมลงไปเป็นแม่น้ำแม่กลอง
    จะมองเห็นชุมชนริมน้ำ มีบริการล่องแพ กิจกรรมสันทนาการบนแพ
    ยามเย็นเป็นจุดรอชมพระอาทิตย์ตกได้
    ค่าบริการ 60 บาท

    ปล.รูปผ่านการปรับสีช่วยมา
    สกายวอร์ค กาญจนบุรี แลนมาร์คเมืองกาญจนบุรี เป็นจุดที่แม่น้ำแควน้อยกับแควใหญ่มาบรรจบกัน ไหลรวมลงไปเป็นแม่น้ำแม่กลอง จะมองเห็นชุมชนริมน้ำ มีบริการล่องแพ กิจกรรมสันทนาการบนแพ ยามเย็นเป็นจุดรอชมพระอาทิตย์ตกได้ ค่าบริการ 60 บาท ปล.รูปผ่านการปรับสีช่วยมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขาไม่ง้อ เขาค้อก็ได้..
    ที่เที่ยวเขาค้อ ฉบับอัปเดต
    เที่ยวฟิน เช็กอินได้ตลอดทั้งปี

    1. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
    ถ้ามาเที่ยวเขาค้อแล้วไม่ได้แวะมาไหว้พระที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ถือว่ามาไม่ถึงเขาค้ออย่างแน่นอน เพราะวัดนี้เป็นวัดสำคัญของเขาค้อ และเป็นวัดที่ชาวพุทธนิยมมากราบไหว้สักการะ เพราะมีมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ตั้งอยู่โดดเด่นบนเนินเขา และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต สีทอง ที่ประดับประดาด้วยลูกแก้วและกระเบื้องเครื่องเบญจรงค์ นอกจากจะเป็นพุทธศาสนสถานที่มีความสำคัญแล้ว ยังถือเป็นที่เที่ยวของอำเภอเขาค้อที่ผู้คนนิยมไปแวะเช็กอินถ่ายรูป ชมความสวยงามกันอีกด้วย

    2. พระตำหนักเขาค้อ
    จุดสูงสุดของเขาค้อ สามารถมองเห็นวิวเขาค้อได้แบบครอบคลุม และยังจะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของสวนดอกไม้และพืชนานาพรรณ พร้อมทั้งมีป่าสนสูงใหญ่สวยงามอุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ในช่วงวันหยุดยาวทางเจ้าหน้าที่จะเปิดพื้นที่ให้เข้ามากางเต็นท์ได้ด้วย

    3. ภูแก้วพีค - Phukaew Peak
    ร้านกาแฟและจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ภายในภูแก้วรีสอร์ต & แอดเวนเจอร์ ปาร์ค เขาค้อ เป็นจุดชมวิวที่อยู่บนจุดที่สูงที่สุดของรีสอร์ต สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาค้อได้แบบพาโนรามา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก บริเวณลานชมวิวมีพื้นที่กว้างขวางและจุดถ่ายภาพที่สวยงามหลายจุด ทั้งจุดชมวิวอุ้งมือยักษ์ที่เป็นทางเดินแบบยกสูงลอยฟ้า ลานและระเบียงชมวิวต่าง ๆ มาที่เดียวนอกจากจะได้ชมวิวในมุมสูงแบบสวยงามแล้ว รับรองว่าได้ภาพสวยถูกใจกลับไปแน่นอน

    #เขาค้อ
    #เพชรบูรณ์
    #ท่องเที่ยว
    เขาไม่ง้อ เขาค้อก็ได้.. ที่เที่ยวเขาค้อ ฉบับอัปเดต เที่ยวฟิน เช็กอินได้ตลอดทั้งปี 1. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ถ้ามาเที่ยวเขาค้อแล้วไม่ได้แวะมาไหว้พระที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ถือว่ามาไม่ถึงเขาค้ออย่างแน่นอน เพราะวัดนี้เป็นวัดสำคัญของเขาค้อ และเป็นวัดที่ชาวพุทธนิยมมากราบไหว้สักการะ เพราะมีมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ตั้งอยู่โดดเด่นบนเนินเขา และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต สีทอง ที่ประดับประดาด้วยลูกแก้วและกระเบื้องเครื่องเบญจรงค์ นอกจากจะเป็นพุทธศาสนสถานที่มีความสำคัญแล้ว ยังถือเป็นที่เที่ยวของอำเภอเขาค้อที่ผู้คนนิยมไปแวะเช็กอินถ่ายรูป ชมความสวยงามกันอีกด้วย 2. พระตำหนักเขาค้อ จุดสูงสุดของเขาค้อ สามารถมองเห็นวิวเขาค้อได้แบบครอบคลุม และยังจะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของสวนดอกไม้และพืชนานาพรรณ พร้อมทั้งมีป่าสนสูงใหญ่สวยงามอุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ในช่วงวันหยุดยาวทางเจ้าหน้าที่จะเปิดพื้นที่ให้เข้ามากางเต็นท์ได้ด้วย 3. ภูแก้วพีค - Phukaew Peak ร้านกาแฟและจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ภายในภูแก้วรีสอร์ต & แอดเวนเจอร์ ปาร์ค เขาค้อ เป็นจุดชมวิวที่อยู่บนจุดที่สูงที่สุดของรีสอร์ต สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาค้อได้แบบพาโนรามา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก บริเวณลานชมวิวมีพื้นที่กว้างขวางและจุดถ่ายภาพที่สวยงามหลายจุด ทั้งจุดชมวิวอุ้งมือยักษ์ที่เป็นทางเดินแบบยกสูงลอยฟ้า ลานและระเบียงชมวิวต่าง ๆ มาที่เดียวนอกจากจะได้ชมวิวในมุมสูงแบบสวยงามแล้ว รับรองว่าได้ภาพสวยถูกใจกลับไปแน่นอน #เขาค้อ #เพชรบูรณ์ #ท่องเที่ยว
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน🌷

    สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า

    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี

    ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว

    ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง

    สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย

    #ป่าหินงาม
    #ชัยภูมิ
    #ดอกกระเจียว


    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน🌷 สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย #ป่าหินงาม #ชัยภูมิ #ดอกกระเจียว
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 687 มุมมอง 0 รีวิว