• #วัดชมภูเวก
    #นนทบุรี
    #เที่ยววัด

    วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

    วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก

    ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ

    นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ

    เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    #วัดชมภูเวก #นนทบุรี #เที่ยววัด วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว

  • #วัดหนองป่าพง
    #อุบลราชธานี

    วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ)

    คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา

    หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"

    หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483)

    หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา

    กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง”

    จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น

    ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม

    รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดหนองป่าพง #อุบลราชธานี วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ) คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483) หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง” จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าเรื่อง TikTok@offthemap_offical #นอกแผนที่ #amazingthailand #ท่องเที่ยว #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าเรื่อง TikTok@offthemap_offical #นอกแผนที่ #amazingthailand #ท่องเที่ยว #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • เป็นอีกอีพีที่หลายคนชื่นชอบ กับรายการอปป้าพาฟิน ทางช่องยูทิวบ์ mawin finferrr ของอินฟูลฯนักชิม “มาวิน ทวีผล” ที่ครั้งนี้ได้แขกรับเชิญพิเศษ “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล”มาร่วมตามรอย ขอกินแบบมาวินทุกอย่าง โดยครั้งนี้ มาวินพาแบมแบม มาชิม 5 ร้านเด็ด จ. เชียงใหม่

    ร้านแรก เป็น ข้าวซอย และ น้ำเงี้ยว เป็นร้านที่แบมแบมยกให้เป็นนัมเบอร์วันของวันนี้ ระหว่างกินแบมแบมได้ขอให้มาวินสอนการซู้ดเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมาวิน ก็ได้เผยเคล็ดลับการซู้ดเส้นไว้ว่า…

    “ให้ทำเหมือนเราดูดน้ำจากหลอด แล้วอมไว้ในกระพุ้งแก้ม ยังไม่กลืน ถ้าลงคอเลยจะสำลัก ซู้ดเส้นก็เหมือนกัน ต้องอมไว้ก่อนค่อยกลืน ถ้าเราเก็บลมดีๆ ห่อปากดีๆ มันจะซู้ดได้ยาวมาก” ทำเอาแบมแบมซู้ดเส้นจนน้ำซุปข้าวซอยเข้ารูจมูก

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000003819

    #MGROnline #mawinfinferrr #มาวินทวีผล #แบมแบมกันต์พิมุกต์ #แบมแบม #BamBamxMawinfinferrr
    #AmazingThailand #TAT
    #BamBam #뱀뱀 @BamBam1A
    เป็นอีกอีพีที่หลายคนชื่นชอบ กับรายการอปป้าพาฟิน ทางช่องยูทิวบ์ mawin finferrr ของอินฟูลฯนักชิม “มาวิน ทวีผล” ที่ครั้งนี้ได้แขกรับเชิญพิเศษ “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล”มาร่วมตามรอย ขอกินแบบมาวินทุกอย่าง โดยครั้งนี้ มาวินพาแบมแบม มาชิม 5 ร้านเด็ด จ. เชียงใหม่ • ร้านแรก เป็น ข้าวซอย และ น้ำเงี้ยว เป็นร้านที่แบมแบมยกให้เป็นนัมเบอร์วันของวันนี้ ระหว่างกินแบมแบมได้ขอให้มาวินสอนการซู้ดเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมาวิน ก็ได้เผยเคล็ดลับการซู้ดเส้นไว้ว่า… • “ให้ทำเหมือนเราดูดน้ำจากหลอด แล้วอมไว้ในกระพุ้งแก้ม ยังไม่กลืน ถ้าลงคอเลยจะสำลัก ซู้ดเส้นก็เหมือนกัน ต้องอมไว้ก่อนค่อยกลืน ถ้าเราเก็บลมดีๆ ห่อปากดีๆ มันจะซู้ดได้ยาวมาก” ทำเอาแบมแบมซู้ดเส้นจนน้ำซุปข้าวซอยเข้ารูจมูก • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000003819 • #MGROnline #mawinfinferrr #มาวินทวีผล #แบมแบมกันต์พิมุกต์ #แบมแบม #BamBamxMawinfinferrr #AmazingThailand #TAT #BamBam #뱀뱀 @BamBam1A
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • สายซัพพอร์ตตัวพ่อ
    นอกจากความปังของ “ลิซ่า” บนเวที งานนี้มีคนตาดีเห็นหนุ่มคนสนิท “ลิซ่า” นั่งชมโชว์ติดขอบเวที ทำคืนเคาท์ดาวน์หวานซะ
    #News1 #Newsstory #Lisa #ลิซ่า #ลลิษามโนบาล #เฟรเดริกอาร์โนลต์ #AmazingThailandCountdown2025
    สายซัพพอร์ตตัวพ่อ นอกจากความปังของ “ลิซ่า” บนเวที งานนี้มีคนตาดีเห็นหนุ่มคนสนิท “ลิซ่า” นั่งชมโชว์ติดขอบเวที ทำคืนเคาท์ดาวน์หวานซะ #News1 #Newsstory #Lisa #ลิซ่า #ลลิษามโนบาล #เฟรเดริกอาร์โนลต์ #AmazingThailandCountdown2025
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1578 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • #พระนางสามผิว ผู้มีความงามที่เลื่องลือที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย #ความงามเป็นเหตุจนทำให้เสียเมืองพระนางสามผิว ผู้มีความงามที่เลื่องลือที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อกว่า ๔๐๐ ปีก่อน พระนางเป็นพระชายาของ “พระเจ้าฝางอุดมสิน” กษัตริย์เมืองฝาง กล่าวกันว่า...พระนางสิริโฉมงดงามและความงามของพระนางถือว่าโดดเด่นไม่มีใครเทียมคือ #ผิวเปลี่ยนสีไปตามแต่ละช่วงเวลา ยามเช้าขาวผ่องยองใย กลางวันเป็นสีชมพูระเรื่อ ตกเย็นก็จะเปลี่ยนเป็นชมพูเข้มขึ้น อันเป็นที่มาพระนามว่า “พระนางสามผิว”.ข่าวความงามของพระนางสามผิวเลื่องลือไปจน #พระเจ้าสุทโธธรรมราชา กษัตริย์ของพม่าเวลานั้น ถึงกับปลอมตัวเป็นพ่อค้ามาถวายบรรณาการเมืองฝาง เมื่อเห็นว่าพระนางสามผิวงามเลิศสมคําเล่าลือก็กลับไปนํากองทัพมาตีเมืองฝาง จึงเกิดเป็นสงครามม่าน-ล้านนา ที่รบติดพันกันอยู่ถึง ๓ ปี แต่แล้วเมืองฝางก็แตกพ่ายราวปี ๒๑๗๕.พระเจ้าฝางอุดมสินพาพระนางสามผิวหนีไปอยู่เมืองกุฉินารายณ์ในเขตอินเดีย ประวัติกล่าวว่า...มีมหาดเล็กและนางข้าหลวงคู่หนึ่งปลอมตัวเป็นทั้ง ๒ พระองค์โดดลงในบ่อน้ำ เพื่อลวงให้พระเจ้าสุทโธธรรมราชาเข้าใจว่า...พระนางสามผิวพลีชีพพร้อมพระสวามี.แต่อีกกระแสหนึ่งก็กล่าวว่า...พม่าปิดล้อมเมืองอยู่ ๓ ปี ทำให้ชาวบ้านออกไปทำมาหากินไม่ได้ มีความอดยาก เสบียงอาหารที่มีอยู่ก็หมด เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้พระเจ้าฝางและพระนางสามผิวตะหนักว่า...เหตุที่เกิดขึ้นมาจากทั้ง ๒ พระองค์ ดังนั้นทั้ง ๒ พระองค์จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการกระโดดน้ำบ่อที่มีความลึกสูง ๒๐ วา เพื่อปลงพระชนม์ชีพตัวเองเพื่อรักษาชีวิตชาวเมืองและบ้านเมืองของตน เมื่อพระเจ้าสุทโธธรรมราชาทรงทราบเรื่องพระองค์ทรงเสียใจมาก จึงได้ยกทัพกลับบ้านเมืองของตน และเมืองฝางก็ไม่ได้ถูกเป็นเมืองขึ้นของพม่า.ประชาชนเห็นว่าพระเจ้าฝางและพระนางสามผิวได้สละพระชนม์ชีพเพื่อรักษาบ้านเมืองไว้ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ ไว้ที่น้ำบ่อซาววา ซึ่งอยู่หน้าวัดพระอุดม ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และมีประเพณีบวงสรวง “เดือนเก๋าพระเจ๋าฝาง-พระนางสามผิว” ทำเป็นประจำทุกปี และนอกจากนี้ยังให้ผู้คนที่เดินทางผ่านมาเห็นได้มาสักการะกราบไหว้บูชา นี่จึงเป็นที่มา #น้ำบ่อซาววา (ภาพประกอบ: ภาพวาดสตรีล้านนา)."Phra Nang Sam Phiw", the most famous beauty in Thai history, until her beauty caused a war.."Phra Nang Sam Phiw" is the most famous beautiful woman in Thai history over 400 years ago. She was the queen of "Phra Chao Fang Udomsin", the king of Fang. It is said that she was very beautiful and her beauty was outstanding and unmatched. Her skin changed color according to the time. In the morning, her skin was very white. During the day, her skin was pinkish. In the evening, her skin turned dark pink. This is where the name "Phra Nang Sam Phiw" came from. (Sam = Three / Phiw = Skin). The Queen whose skin color changed in all three periods of time: morning, noon and evening..The news of Phra Nang Sam Phiw's beauty spread so far that King Suthodhammaracha, the king of Burma at that time, disguised himself as a merchant to offer tribute to Fang. When he saw Phra Nang Sam Phiw, he immediately fell in love. When he returned to Burma, he led an army to attack Fang. The Burmese surrounded Fang for 3 years, preventing the people from going out to earn a living. As a result, there was famine and the food supplies ran out..When the incident happened, both "Phra Chao Fang Udomsin" and Phra Nang Sam Phiw knew that the incident was caused by both of them. Therefore, both of them decided to solve the problem by jumping into a 40-meter deep well to save the lives of their people and their country. When King Suthodhammaracha found out about this, he was very sad. He led his army back to his own country and Fang did not become a vassal state of Burma..The people saw that both of them had sacrificed their lives to protect their country, so they built a monument at the Sawwa pond in front of Phra Udom Temple, Wiang Subdistrict, Fang District, Chiang Mai Province. There is an annual ceremony to make offerings to the spirits. In addition, people who pass by can see them and pay homage..📌บทความนี้เรียบเรียงและแปลโดยเพจ Love Thai Culture #หากผู้ใดนำข้อมูลไปแชร์กรุณาให้เครดิตด้วยนะคะ.💥 Credit: ขอบคุณภาพเจ้าของภาพ (แอดไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของภาพ Inbox แจ้งได้นะคะ).++++++++++++++++++++#Thailand #CulTure #ThaiCulture #ThaiCulturetotheWorld #LoveThaiCulture #Amazingthailand #Amazing #Unseenthailand #Ramakien #พระนางสามผิว
    #พระนางสามผิว ผู้มีความงามที่เลื่องลือที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย #ความงามเป็นเหตุจนทำให้เสียเมืองพระนางสามผิว ผู้มีความงามที่เลื่องลือที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อกว่า ๔๐๐ ปีก่อน พระนางเป็นพระชายาของ “พระเจ้าฝางอุดมสิน” กษัตริย์เมืองฝาง กล่าวกันว่า...พระนางสิริโฉมงดงามและความงามของพระนางถือว่าโดดเด่นไม่มีใครเทียมคือ #ผิวเปลี่ยนสีไปตามแต่ละช่วงเวลา ยามเช้าขาวผ่องยองใย กลางวันเป็นสีชมพูระเรื่อ ตกเย็นก็จะเปลี่ยนเป็นชมพูเข้มขึ้น อันเป็นที่มาพระนามว่า “พระนางสามผิว”.ข่าวความงามของพระนางสามผิวเลื่องลือไปจน #พระเจ้าสุทโธธรรมราชา กษัตริย์ของพม่าเวลานั้น ถึงกับปลอมตัวเป็นพ่อค้ามาถวายบรรณาการเมืองฝาง เมื่อเห็นว่าพระนางสามผิวงามเลิศสมคําเล่าลือก็กลับไปนํากองทัพมาตีเมืองฝาง จึงเกิดเป็นสงครามม่าน-ล้านนา ที่รบติดพันกันอยู่ถึง ๓ ปี แต่แล้วเมืองฝางก็แตกพ่ายราวปี ๒๑๗๕.พระเจ้าฝางอุดมสินพาพระนางสามผิวหนีไปอยู่เมืองกุฉินารายณ์ในเขตอินเดีย ประวัติกล่าวว่า...มีมหาดเล็กและนางข้าหลวงคู่หนึ่งปลอมตัวเป็นทั้ง ๒ พระองค์โดดลงในบ่อน้ำ เพื่อลวงให้พระเจ้าสุทโธธรรมราชาเข้าใจว่า...พระนางสามผิวพลีชีพพร้อมพระสวามี.แต่อีกกระแสหนึ่งก็กล่าวว่า...พม่าปิดล้อมเมืองอยู่ ๓ ปี ทำให้ชาวบ้านออกไปทำมาหากินไม่ได้ มีความอดยาก เสบียงอาหารที่มีอยู่ก็หมด เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้พระเจ้าฝางและพระนางสามผิวตะหนักว่า...เหตุที่เกิดขึ้นมาจากทั้ง ๒ พระองค์ ดังนั้นทั้ง ๒ พระองค์จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการกระโดดน้ำบ่อที่มีความลึกสูง ๒๐ วา เพื่อปลงพระชนม์ชีพตัวเองเพื่อรักษาชีวิตชาวเมืองและบ้านเมืองของตน เมื่อพระเจ้าสุทโธธรรมราชาทรงทราบเรื่องพระองค์ทรงเสียใจมาก จึงได้ยกทัพกลับบ้านเมืองของตน และเมืองฝางก็ไม่ได้ถูกเป็นเมืองขึ้นของพม่า.ประชาชนเห็นว่าพระเจ้าฝางและพระนางสามผิวได้สละพระชนม์ชีพเพื่อรักษาบ้านเมืองไว้ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ ไว้ที่น้ำบ่อซาววา ซึ่งอยู่หน้าวัดพระอุดม ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และมีประเพณีบวงสรวง “เดือนเก๋าพระเจ๋าฝาง-พระนางสามผิว” ทำเป็นประจำทุกปี และนอกจากนี้ยังให้ผู้คนที่เดินทางผ่านมาเห็นได้มาสักการะกราบไหว้บูชา นี่จึงเป็นที่มา #น้ำบ่อซาววา (ภาพประกอบ: ภาพวาดสตรีล้านนา)."Phra Nang Sam Phiw", the most famous beauty in Thai history, until her beauty caused a war.."Phra Nang Sam Phiw" is the most famous beautiful woman in Thai history over 400 years ago. She was the queen of "Phra Chao Fang Udomsin", the king of Fang. It is said that she was very beautiful and her beauty was outstanding and unmatched. Her skin changed color according to the time. In the morning, her skin was very white. During the day, her skin was pinkish. In the evening, her skin turned dark pink. This is where the name "Phra Nang Sam Phiw" came from. (Sam = Three / Phiw = Skin). The Queen whose skin color changed in all three periods of time: morning, noon and evening..The news of Phra Nang Sam Phiw's beauty spread so far that King Suthodhammaracha, the king of Burma at that time, disguised himself as a merchant to offer tribute to Fang. When he saw Phra Nang Sam Phiw, he immediately fell in love. When he returned to Burma, he led an army to attack Fang. The Burmese surrounded Fang for 3 years, preventing the people from going out to earn a living. As a result, there was famine and the food supplies ran out..When the incident happened, both "Phra Chao Fang Udomsin" and Phra Nang Sam Phiw knew that the incident was caused by both of them. Therefore, both of them decided to solve the problem by jumping into a 40-meter deep well to save the lives of their people and their country. When King Suthodhammaracha found out about this, he was very sad. He led his army back to his own country and Fang did not become a vassal state of Burma..The people saw that both of them had sacrificed their lives to protect their country, so they built a monument at the Sawwa pond in front of Phra Udom Temple, Wiang Subdistrict, Fang District, Chiang Mai Province. There is an annual ceremony to make offerings to the spirits. In addition, people who pass by can see them and pay homage..📌บทความนี้เรียบเรียงและแปลโดยเพจ Love Thai Culture #หากผู้ใดนำข้อมูลไปแชร์กรุณาให้เครดิตด้วยนะคะ.💥 Credit: ขอบคุณภาพเจ้าของภาพ (แอดไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของภาพ Inbox แจ้งได้นะคะ).++++++++++++++++++++#Thailand #CulTure #ThaiCulture #ThaiCulturetotheWorld #LoveThaiCulture #Amazingthailand #Amazing #Unseenthailand #Ramakien #พระนางสามผิว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1032 มุมมอง 0 รีวิว