• ♣ เหนื่อยใจแทนฝ่ายความมั่นคง เจอโจทย์ยากยังไม่พอ เจอนายกฯเข้าใจยากอีก สรุปแนวทางนายกฯ คือ อยากได้อุปกรณ์เครื่องมืออะไรให้บอกมา
    #7ดอกจิก
    ♣ เหนื่อยใจแทนฝ่ายความมั่นคง เจอโจทย์ยากยังไม่พอ เจอนายกฯเข้าใจยากอีก สรุปแนวทางนายกฯ คือ อยากได้อุปกรณ์เครื่องมืออะไรให้บอกมา #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าฯกาญจน์ ยืนยันเครื่องบินรบเมียนมายังไม่ข้ามแดนมาฝั่งไทย F-16 ทำการบินสกัดกั้นและทำการบินลาดตระเวนรบต่อเนื่อง ระบุ มีการประเมินร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเป็นระยะๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042405

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ว่าฯกาญจน์ ยืนยันเครื่องบินรบเมียนมายังไม่ข้ามแดนมาฝั่งไทย F-16 ทำการบินสกัดกั้นและทำการบินลาดตระเวนรบต่อเนื่อง ระบุ มีการประเมินร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเป็นระยะๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042405 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 Comments 0 Shares 815 Views 0 Reviews
  • ตร.ไซเบอร์ - ฝ่ายความมั่นคง - ศปปส.ต้องเข้าแล้ว ลากตัวมันมาให้ได้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ตร.ไซเบอร์ - ฝ่ายความมั่นคง - ศปปส.ต้องเข้าแล้ว ลากตัวมันมาให้ได้ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • วิดีโอมุมใหม่ความยาวกว่าเดิมของการกำจัดนักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ในโอเดสซา

    คลิปเดิม
    https://thaitimes.co/posts/194376

    กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย

    นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น:
    - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย
    - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย
    - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน
    - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย

    การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    วิดีโอมุมใหม่ความยาวกว่าเดิมของการกำจัดนักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ในโอเดสซา คลิปเดิม https://thaitimes.co/posts/194376 กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น: - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    0 Comments 0 Shares 1098 Views 0 Reviews
  • วันนี้ในโอเดสซานักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ถูกสังหาร


    กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย

    นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น:

    - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย

    - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย

    - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน

    - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย

    การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    วันนี้ในโอเดสซานักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ถูกสังหาร กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น: - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    0 Comments 0 Shares 1016 Views 0 Reviews
  • อเมริกาเล็งใช้การประชุมกับคณะเจรจายูเครนในซาอุดีอาระเบียที่กำหนดจัดขึ้นวันอังคาร (11 มี.ค.) เพื่อวัดใจว่า เคียฟยินยอมพร้อมใจสละดินแดนให้รัสเซียเพื่อยุติสงคราม และจริงจังกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับคณะบริหารของทรัมป์หรือไม่ ขณะที่ทั้งทรัมป์และเซเลนสกี้ต่างแสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือจะมีความคืบหน้าและมีผลลัพธ์ที่ดี
    .
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกเดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) เพื่อหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ยูเครนที่นำโดยอันเดร เยมาร์ค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ รวมถึงอันดรี ซีบิกา รัฐมนตรีต่างประเทศ, รัสเทม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม และพาฟโล ปาลิซา ผู้บัญชาการทหาร
    .
    คณะเจ้าหน้าที่ของอเมริกายังประกอบด้วยไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษดูแลเรื่องตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯ เผยว่า วอชิงตันต้องการใช้โอกาสนี้พิจารณาว่า ยูเครนต้องการเพียงสันติภาพที่เป็นธรรมหรือสันติภาพที่เป็นจริง สนใจแค่พรมแดนเดิมในปี 2014 หรือพรมแดนในปี 2022 หรืออีกนัยหนึ่งคือยูเครนพร้อมประนีประนอมด้วยการยกดินแดนบางส่วนให้รัสเซียเพื่อแลกกับการยุติสงครามหรือไม่
    .
    ขณะเดียวกัน ไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา แถลงว่า เซเลนสกี้มีความคืบหน้าในการฟื้นคืนความสัมพันธ์วอชิงตัน-เคียฟ หลังจากปะทะคารมกับทรัมป์ระหว่างเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และสำทับว่า อเมริกาเฝ้ารอว่า จะเห็นการดำเนินการที่ดีเพิ่มเติมซึ่งจะนำไปสู่การยุติสงครามโหดร้ายในยูเครน
    .
    ด้านทรัมป์แสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือที่เจดดาห์จะมีความคืบหน้าอย่างมาก
    .
    วิตคอฟฟ์ซึ่งเป็นผู้จัดการการเจรจา เผยว่า เป้าหมายคือ การบรรลุกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพและข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี้ต้องการให้มการหยุดยิงทางอากาศและทะเล ตลอดจนถึงการแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการยุติสงครามของรัสเซีย ขณะที่มอสโกคัดค้านแนวคิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่อังกฤษและฝรั่งเศสเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการซื้อเวลาของเคียฟเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพยูเครนล่มสลาย
    .
    ทางฝ่ายเซเลนสกี้กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อนออกเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ว่า เขาหวังว่า การเจรจาระหว่างทีมเจ้าหน้าที่ยูเครนกับอเมริกาจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทั้งในด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับสันติภาพและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอเมริกา ทั้งนี้ ประธานาธิบดียูเครนมีกำหนดการเข้าพบมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย ในวันจันทร์ (10 ) แต่การเจรจากับทีมของสหรัฐฯในวันอังคารนั้น ตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นภารกิจของทีมเจรจาฝ่ายยูเครน
    .
    เซเลนสกี้เสริมว่า ยูเครนพร้อมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับอเมริกา ซึ่งจะมีการจัดตั้งกองทุนร่วมจากการขายแร่ธาตุของยูเครน ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ข้อตกลงนี้มีความสำคัญต่อการที่อเมริกาจะให้การสนับสนุนเคียฟต่อไป
    .
    อย่างไรก็ดี ขณะที่การสนับสนุนของอเมริกายังไร้ความแน่นอน เซเลนสกี้ได้เรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเพิ่มการสนับสนุนตนเอง ขณะที่เคียฟเพลี่ยงพล้ำในสนามรบมากขึ้นและกำลังถูกบดขยี้หนักให้ล่าถอยออกจากแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    สำหรับมุมมองของพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพนั้น มีการเตือนว่า ยูเครนควรทำข้อตกลงกับรัสเซียภายใต้จุดยืนที่แข็งแกร่งเท่านั้น อีกทั้งไม่ควรรีบร้อนเจรจากับผู้รุกราน
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี้ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ต้องการสันติภาพ อีกทั้งบอกว่ารัสเซียยังจะโจมตีประเทศยุโรปอื่นๆ ต่อไปอีก ถ้าที่สุดแล้วไม่มีผลลัพธ์ชัดเจนว่า รัสเซียพ่ายแพ้ในการรุกรานยูเครน
    .
    ในทางกลับกัน วอชิงตันพยายามบีบทุกทางให้เคียฟยอมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย โดยล่าสุดถึงขั้นที่สหรัฐฯระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง รวมทั้งการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมแก่ยูเครน โดยไม่ฟังเสียงพวกโปรยูเครนที่อ้างว่า ความเคลื่อนไหวนี้เสี่ยงทำให้สงครามยืดเยื้อออกไป เนื่องจากรัสเซียจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและมีแนวโน้มลดลงในการยอมยุติศึก และยอมทำข้อตกลงสันติภาพแบบเท่าเทียมกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023235
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาเล็งใช้การประชุมกับคณะเจรจายูเครนในซาอุดีอาระเบียที่กำหนดจัดขึ้นวันอังคาร (11 มี.ค.) เพื่อวัดใจว่า เคียฟยินยอมพร้อมใจสละดินแดนให้รัสเซียเพื่อยุติสงคราม และจริงจังกับการปรับปรุงความสัมพันธ์กับคณะบริหารของทรัมป์หรือไม่ ขณะที่ทั้งทรัมป์และเซเลนสกี้ต่างแสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือจะมีความคืบหน้าและมีผลลัพธ์ที่ดี . มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกเดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) เพื่อหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ยูเครนที่นำโดยอันเดร เยมาร์ค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ รวมถึงอันดรี ซีบิกา รัฐมนตรีต่างประเทศ, รัสเทม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม และพาฟโล ปาลิซา ผู้บัญชาการทหาร . คณะเจ้าหน้าที่ของอเมริกายังประกอบด้วยไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษดูแลเรื่องตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯ เผยว่า วอชิงตันต้องการใช้โอกาสนี้พิจารณาว่า ยูเครนต้องการเพียงสันติภาพที่เป็นธรรมหรือสันติภาพที่เป็นจริง สนใจแค่พรมแดนเดิมในปี 2014 หรือพรมแดนในปี 2022 หรืออีกนัยหนึ่งคือยูเครนพร้อมประนีประนอมด้วยการยกดินแดนบางส่วนให้รัสเซียเพื่อแลกกับการยุติสงครามหรือไม่ . ขณะเดียวกัน ไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา แถลงว่า เซเลนสกี้มีความคืบหน้าในการฟื้นคืนความสัมพันธ์วอชิงตัน-เคียฟ หลังจากปะทะคารมกับทรัมป์ระหว่างเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และสำทับว่า อเมริกาเฝ้ารอว่า จะเห็นการดำเนินการที่ดีเพิ่มเติมซึ่งจะนำไปสู่การยุติสงครามโหดร้ายในยูเครน . ด้านทรัมป์แสดงความเห็นแง่ดีว่า การหารือที่เจดดาห์จะมีความคืบหน้าอย่างมาก . วิตคอฟฟ์ซึ่งเป็นผู้จัดการการเจรจา เผยว่า เป้าหมายคือ การบรรลุกรอบโครงข้อตกลงสันติภาพและข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้น . ทั้งนี้ เซเลนสกี้ต้องการให้มการหยุดยิงทางอากาศและทะเล ตลอดจนถึงการแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการยุติสงครามของรัสเซีย ขณะที่มอสโกคัดค้านแนวคิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่อังกฤษและฝรั่งเศสเสนอ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการซื้อเวลาของเคียฟเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพยูเครนล่มสลาย . ทางฝ่ายเซเลนสกี้กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อนออกเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย ว่า เขาหวังว่า การเจรจาระหว่างทีมเจ้าหน้าที่ยูเครนกับอเมริกาจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ทั้งในด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับสันติภาพและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของอเมริกา ทั้งนี้ ประธานาธิบดียูเครนมีกำหนดการเข้าพบมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย ในวันจันทร์ (10 ) แต่การเจรจากับทีมของสหรัฐฯในวันอังคารนั้น ตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นภารกิจของทีมเจรจาฝ่ายยูเครน . เซเลนสกี้เสริมว่า ยูเครนพร้อมลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับอเมริกา ซึ่งจะมีการจัดตั้งกองทุนร่วมจากการขายแร่ธาตุของยูเครน ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ข้อตกลงนี้มีความสำคัญต่อการที่อเมริกาจะให้การสนับสนุนเคียฟต่อไป . อย่างไรก็ดี ขณะที่การสนับสนุนของอเมริกายังไร้ความแน่นอน เซเลนสกี้ได้เรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเพิ่มการสนับสนุนตนเอง ขณะที่เคียฟเพลี่ยงพล้ำในสนามรบมากขึ้นและกำลังถูกบดขยี้หนักให้ล่าถอยออกจากแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . สำหรับมุมมองของพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพนั้น มีการเตือนว่า ยูเครนควรทำข้อตกลงกับรัสเซียภายใต้จุดยืนที่แข็งแกร่งเท่านั้น อีกทั้งไม่ควรรีบร้อนเจรจากับผู้รุกราน . ทั้งนี้ เซเลนสกี้ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ต้องการสันติภาพ อีกทั้งบอกว่ารัสเซียยังจะโจมตีประเทศยุโรปอื่นๆ ต่อไปอีก ถ้าที่สุดแล้วไม่มีผลลัพธ์ชัดเจนว่า รัสเซียพ่ายแพ้ในการรุกรานยูเครน . ในทางกลับกัน วอชิงตันพยายามบีบทุกทางให้เคียฟยอมเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย โดยล่าสุดถึงขั้นที่สหรัฐฯระงับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง รวมทั้งการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมแก่ยูเครน โดยไม่ฟังเสียงพวกโปรยูเครนที่อ้างว่า ความเคลื่อนไหวนี้เสี่ยงทำให้สงครามยืดเยื้อออกไป เนื่องจากรัสเซียจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและมีแนวโน้มลดลงในการยอมยุติศึก และยอมทำข้อตกลงสันติภาพแบบเท่าเทียมกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023235 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 Comments 0 Shares 1643 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย
    .
    ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน
    .
    เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้”
    .
    “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว
    .
    ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน
    .
    "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน
    .
    "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว
    .
    ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก
    .
    "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ"
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น
    .
    ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด
    .
    ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต
    .
    ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ
    .
    สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ
    .
    ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย . ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน . เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้” . “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว . ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน . "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน . "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว . ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก . "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ" . ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น . ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด . ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต . ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ . สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ . ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    18
    1 Comments 0 Shares 2692 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย
    .
    ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก
    .
    ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย
    .
    รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว
    .
    การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า
    .
    ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา
    .
    “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน”
    .
    ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง
    .
    ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่
    .
    บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย
    .
    การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย
    .
    การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา
    .
    เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ
    .
    โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น
    .
    รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ
    .
    คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน
    .
    ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น
    .
    บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง
    .
    ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย . ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น . อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก . ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย . รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว . การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า . ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา . “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน” . ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง . ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่ . บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย . การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน . รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย . การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา . เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ . โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น . รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ . คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน . ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น . บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง . ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 Comments 0 Shares 2803 Views 0 Reviews
  • ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา

    อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล

    มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ

    แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล

    เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว"

    สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่

    #Newskit
    ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว" สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่ #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 980 Views 0 Reviews
  • เครมลินแถลงเอง เซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะนำคณะเจรจาหารือกับทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาที่นำโดยมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นวันอังคาร (18 ก.พ.) ที่กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่รูบิโอพยายามคลายความกังวลโดยยืนยันว่า ยูเครนและยุโรปจะยังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ หากการหารือระหว่างวอชิงตัน-มอสโกคืบหน้า
    .
    การหารือที่เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนั้นเขาแถลงว่าน่าจะได้พบปะแบบพบหน้ากับผู้นำเครมลินในเร็วๆ นี้ โดยอาจจะเป็นที่ซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้นทางสหรัฐฯยังเคลื่อนไหวแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่จะไปหารือกับฝ่ายรัสเซีย โดยเห็นกันว่าเพื่อปูทางสำหรับการประชุมซัมมิตทรัมป์-ปูติน เวลาเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนตามที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคราวนี้ของทรัมป์ ยังถือเป็นการสิ้นสุดการโดดเดี่ยวมอสโกจากกรณีบุกยูเครนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2022
    .
    คณะของสหรัฐฯ นั้น นอกจากรูบิโอที่เดินทางถึงกรุงริยาดตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ (16) แล้ว ยังประกอบด้วย ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทำเนียบขาว
    .
    รูบิโอกล่าวกับทีวีสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) ว่า ช่วงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ จะตัดสินว่า ปูตินจริงจังกับการสร้างสันติภาพหรือไม่
    .
    ด้านวิตคอฟฟ์ให้สัมภาษณ์รายการ “ซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์” ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ตนและวอลซ์จะดำเนินการประชุมตามแนวทางที่ทรัมป์กำหนด และหวังว่าจะมีความคืบหน้าบางอย่างเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงในวันจันทร์ว่า ราฟลอฟและอูชาคอฟจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการจัดเตรียมการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ และเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในยูเครนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงฟื้นความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโก
    .
    อย่างไรก็ดี เปสคอฟปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า ปูตินกับทรัมป์จะพบกันปลายเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบียหรือไม่ ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะพบกับผู้นำรัสเซีย แต่น่าจะเป็นเร็วๆ นี้
    .
    ในส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนนั้น รายงานระบุว่าได้ เดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมทั้งเล็งเยือนซาอุดีอาระเบียและตุรกีต่อ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแผนพบกับเจ้าหน้าที่รัสเซียหรือสหรัฐฯ ขณะที่เชื่อกันว่า ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมหารือที่ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ
    .
    แอนดริว เยอร์แมค ที่ปรึกษาระดับสูงของเซเลนสกี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซียจะประชุมกันโดยตรงในอนาคตอันใกล้ อย่างน้อยจนกว่ายูเครนจะร่างแผนการเพื่อยุติสงครามและสร้างสันติภาพเสร็จสิ้น
    .
    การหารือระหว่างคณะเจ้าหน้าที่อเมริกาและรัสเซียยังเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า ยูเครนและยุโรปกำลังถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษด้านยูเครนและรัสเซียของทรัมป์ ประกาศชัดเจนเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ
    .
    กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์ รูบิโอได้พยายามคลายความกังวลเรื่องนี้โดยบอกว่า ทั้งเคียฟและยุโรปจะมีส่วนร่วมใน “การเจรจาจริง” ที่จะเกิดขึ้นมา หากการหารือระหว่างอเมริกากับรัสเซียมีความคืบหน้า และสำทับว่า การหารือในขณะนี้เป็นแค่โอกาสในการหยั่งเชิงว่า รัสเซียจะจริงจังแค่ไหน
    .
    นอกจากนั้น วิตคอฟฟ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนระหว่างการประชุมความมั่นคงที่มิวนิกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์ก็ได้พูดคุยกับเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015972
    ..............
    Sondhi X
    เครมลินแถลงเอง เซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะนำคณะเจรจาหารือกับทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาที่นำโดยมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นวันอังคาร (18 ก.พ.) ที่กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่รูบิโอพยายามคลายความกังวลโดยยืนยันว่า ยูเครนและยุโรปจะยังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ หากการหารือระหว่างวอชิงตัน-มอสโกคืบหน้า . การหารือที่เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนั้นเขาแถลงว่าน่าจะได้พบปะแบบพบหน้ากับผู้นำเครมลินในเร็วๆ นี้ โดยอาจจะเป็นที่ซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้นทางสหรัฐฯยังเคลื่อนไหวแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่จะไปหารือกับฝ่ายรัสเซีย โดยเห็นกันว่าเพื่อปูทางสำหรับการประชุมซัมมิตทรัมป์-ปูติน เวลาเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนตามที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคราวนี้ของทรัมป์ ยังถือเป็นการสิ้นสุดการโดดเดี่ยวมอสโกจากกรณีบุกยูเครนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2022 . คณะของสหรัฐฯ นั้น นอกจากรูบิโอที่เดินทางถึงกรุงริยาดตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ (16) แล้ว ยังประกอบด้วย ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทำเนียบขาว . รูบิโอกล่าวกับทีวีสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) ว่า ช่วงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ จะตัดสินว่า ปูตินจริงจังกับการสร้างสันติภาพหรือไม่ . ด้านวิตคอฟฟ์ให้สัมภาษณ์รายการ “ซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์” ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ตนและวอลซ์จะดำเนินการประชุมตามแนวทางที่ทรัมป์กำหนด และหวังว่าจะมีความคืบหน้าบางอย่างเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน . ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงในวันจันทร์ว่า ราฟลอฟและอูชาคอฟจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการจัดเตรียมการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ และเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในยูเครนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงฟื้นความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโก . อย่างไรก็ดี เปสคอฟปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า ปูตินกับทรัมป์จะพบกันปลายเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบียหรือไม่ ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะพบกับผู้นำรัสเซีย แต่น่าจะเป็นเร็วๆ นี้ . ในส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนนั้น รายงานระบุว่าได้ เดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมทั้งเล็งเยือนซาอุดีอาระเบียและตุรกีต่อ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแผนพบกับเจ้าหน้าที่รัสเซียหรือสหรัฐฯ ขณะที่เชื่อกันว่า ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมหารือที่ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ . แอนดริว เยอร์แมค ที่ปรึกษาระดับสูงของเซเลนสกี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซียจะประชุมกันโดยตรงในอนาคตอันใกล้ อย่างน้อยจนกว่ายูเครนจะร่างแผนการเพื่อยุติสงครามและสร้างสันติภาพเสร็จสิ้น . การหารือระหว่างคณะเจ้าหน้าที่อเมริกาและรัสเซียยังเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า ยูเครนและยุโรปกำลังถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษด้านยูเครนและรัสเซียของทรัมป์ ประกาศชัดเจนเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ . กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์ รูบิโอได้พยายามคลายความกังวลเรื่องนี้โดยบอกว่า ทั้งเคียฟและยุโรปจะมีส่วนร่วมใน “การเจรจาจริง” ที่จะเกิดขึ้นมา หากการหารือระหว่างอเมริกากับรัสเซียมีความคืบหน้า และสำทับว่า การหารือในขณะนี้เป็นแค่โอกาสในการหยั่งเชิงว่า รัสเซียจะจริงจังแค่ไหน . นอกจากนั้น วิตคอฟฟ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนระหว่างการประชุมความมั่นคงที่มิวนิกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์ก็ได้พูดคุยกับเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015972 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 1943 Views 0 Reviews
  • ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้
    .
    ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ
    .
    ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย
    .
    ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง
    .
    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ
    .
    ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ
    .
    รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น”
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน
    .
    ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป
    .
    ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    .
    การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน
    .
    เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม
    .
    ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน
    .
    นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต
    .
    กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ . ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ . ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย . ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง . ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ . ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ . รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น” . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน . ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป . ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง . การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน . เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม . ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน . นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต . กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1682 Views 0 Reviews
  • กาญจนบุรี - จีนเทาเริ่มย้ายออกจากเมืองพญาตองซูแล้ว พบอาคารที่จีนเทาเคยเช่าดำเนินธุรกิจสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ หลายแหล่งถูกปิด และขนย้ายอุปกรณ์ออกจากอาคาร เพราะเจ้าของบอกเลิกสัญญาเช่า

    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปยังเมืองพยาตองซู เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงพบว่าหลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทาและกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาต่อมาในวันที่ 9 ก.พ. "พันเอกซอเอวัน" ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไต (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพญาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน

    วันนี้(12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคาร และตึก ในเมืองพญาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000-800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ โดยจะมีคนจีนอยู่อาศัยอยู่ประมาณ 200-300 คน มีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชม.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014258

    #MGROnline #จีนเทา #พญาตองซู
    กาญจนบุรี - จีนเทาเริ่มย้ายออกจากเมืองพญาตองซูแล้ว พบอาคารที่จีนเทาเคยเช่าดำเนินธุรกิจสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ หลายแหล่งถูกปิด และขนย้ายอุปกรณ์ออกจากอาคาร เพราะเจ้าของบอกเลิกสัญญาเช่า • ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปยังเมืองพยาตองซู เพื่อสำรวจสถานที่ที่ระบุว่าเป็นอาคารที่คนจีนเช่าประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ จากข้อมูลของแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงพบว่าหลังจากทางการไทยตัดไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อทำลายธุรกิจของแก็งจีนเทาและกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ย้ายออกจากพื้นที่เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาต่อมาในวันที่ 9 ก.พ. "พันเอกซอเอวัน" ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไต (DKBA) ได้ออกหนังสือแจ้งให้จีนเทาในเมืองพญาตองซู ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังจากมาตรการตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลไทย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในเมืองพม่าตองซู กว่า 50,000 คน • วันนี้(12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากผู้ที่ให้จีนเทาเช่าอาคาร และตึก ในเมืองพญาตองซู มากกว่า 4 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้ค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 200,000-800,000 บาท โดยคนจีนเหล่านี้มาขอเช่านานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา โดยทำสัญญาเช่าครั้งละ 6 เดือน ซึ่งหลังจากเช่าแล้วผู้เช่าจะทำการตกแต่ง ต่อเติม บ้านและอาคารเหล่านั้นเป็นที่พักและที่ทำงาน พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าอย่างเข้มงวด โดยเจ้าของไม่สามารถเข้าไปดูหรือควบคุมได้ โดยจะมีคนจีนอยู่อาศัยอยู่ประมาณ 200-300 คน มีคนงานชาวจีนดูแลเรื่องอาหาร และรักษาความปลอดภัยในอาคารตลอด 24 ชม. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014258 • #MGROnline #จีนเทา #พญาตองซู
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 788 Views 0 Reviews
  • ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา

    เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา

    การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง

    ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ

    เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น

    แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม

    หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย

    #Newskit
    ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1308 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน

    ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo"

    ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน

    เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี
    .
    .
    .
    ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น

    เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ

    ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้

    ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ

    กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า

    ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ

    ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application

    ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ

    และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว

    เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ

    บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?”

    คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร

    เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ
    .
    .
    .
    งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย

    STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ

    ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย

    ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น

    และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ

    มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น

    ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน

    คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน

    ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน

    ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent

    ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน

    แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน

    อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน

    เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา

    สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ

    ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว

    ผมอายบรรพบุรุษครับ

    อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo" ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี . . . ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้ ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?” คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ . . . งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว ผมอายบรรพบุรุษครับ อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    0 Comments 0 Shares 977 Views 0 Reviews
  • ♣ ทำงานคุ้มค่าจ้างจริงๆ โบว์เสี่ยไก่ ปันใจเสี่ยหนู รีบเบี่ยงเบนความรับผิดชอบของ มท.1 ไปให้ฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงต่างประเทศ หวังลดกระแสโจมตีให้นายจ้างอย่างมท.1
    #7ดอกจิก
    ♣ ทำงานคุ้มค่าจ้างจริงๆ โบว์เสี่ยไก่ ปันใจเสี่ยหนู รีบเบี่ยงเบนความรับผิดชอบของ มท.1 ไปให้ฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงต่างประเทศ หวังลดกระแสโจมตีให้นายจ้างอย่างมท.1 #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว Axios ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูประกาศว่าข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันกับกลุ่มฮามาสได้ข้อสรุปแล้ว

    ข้อตกลงดังกล่าวยังคงเดิม ซึ่งอยู่ภายใต้การหยุดยิงในฉนวนกาซา การปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล เพื่อแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์

    คณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของเนทันยาฮูจะลงคะแนนเสียงเพื่ออนุมัติเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ (วันศุกร์) หลังจากนั้นคาดว่าจะมีการลงคะแนนเสียงในรัฐบาลเพื่ออนุมัติอีกครั้งในวันเสาร์

    เนทันยาฮูย้ำถึงความมุ่งมั่นของอิสราเอลในการบรรลุวัตถุประสงค์ในช่วงสงคราม ซึ่งรวมถึงการส่งตัวประกันทั้งหมดกลับประเทศ

    "คาดว่าจะมีการปล่อยตัวประกันชุดแรกในวันจันทร์"
    รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว Axios ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูประกาศว่าข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันกับกลุ่มฮามาสได้ข้อสรุปแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวยังคงเดิม ซึ่งอยู่ภายใต้การหยุดยิงในฉนวนกาซา การปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล เพื่อแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ คณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงของเนทันยาฮูจะลงคะแนนเสียงเพื่ออนุมัติเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ (วันศุกร์) หลังจากนั้นคาดว่าจะมีการลงคะแนนเสียงในรัฐบาลเพื่ออนุมัติอีกครั้งในวันเสาร์ เนทันยาฮูย้ำถึงความมุ่งมั่นของอิสราเอลในการบรรลุวัตถุประสงค์ในช่วงสงคราม ซึ่งรวมถึงการส่งตัวประกันทั้งหมดกลับประเทศ "คาดว่าจะมีการปล่อยตัวประกันชุดแรกในวันจันทร์"
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1190 Views 0 Reviews
  • ตาก - กองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียนมา (BGF) จ่อส่งตัว “หวังซิง” ดาราหนุ่มจีนหายตัวปริศนาชายแดนแม่สอด โผล่รัฐกะเหรียง ข้ามแดนผ่านสะพานมิตรภาพฯแม่สอด-เมียวดี แห่งที่ 1

    ความคืบหน้า กรณีนักแสดงหนุ่มชาวจีนชื่อ "ซิงซิง" หรือ "หวังซิง" ขาดการติดต่อและหายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด และล่าสุดพบว่าไปอยู่ในฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ที่อยู่ติดกันแล้วนั้น

    ล่าสุดวันนี้(7 ม.ค.) มีรายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงไทยด้านจังหวัดตาก ยืนยันว่า ทาง BGF ยืนยันพบตัวหวังซิงแล้ว และจะนำมาส่งข้ามแดนที่สะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1 ต่อไป

    สอดคล้องกับรายงานข่าวจากตำรวจสืบสวนจังหวัดตากรับเเจ้งจาก พ.ต.หม่องวิน รองผู้บัญชาการ บีจีเอฟ BGF หรือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน แจ้งทางโทรศัพท์มาล่ามภาษาพม่าของ พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด ว่าขณะที่พบตัวนายซิงซิง ดาราจีนที่ถูกนำตัวมายังชายแดนในฝั่งเมียนมาแล้ว และเตรียมจะส่งมอบให้ในฝังไทยช่วงหลังเวลา 12.00 น. ขณะนี้ทางกองกำลังนำตัวมาสอบสวนการเข้าไปในฝั่งเมียนมาอยู่ และการส่งมอบให้ฝังไทยนั้นจะทำการนัดอีกครั้งว่าจะส่งมอบที่ใด

    ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอกกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตากประชุมกับชุดสืบ สภ.แม่สอด ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า พบเบาะแสดาราจีนแล้วข้ามไปยังฝั่งเมียนมาที่บ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน โดยมีพยานซึ่งเป็นคนขับรถชื่อ นายวิชัย ที่เกี่ยวข้องกับการส่งคนจีนที่ อ.แม่สอด และมีชาวกะเหรี่ยงสัญชาติเมียนมาเอารถยนต์มารับตัวไปจากแม่สอด จุดนัดที่ห้างแมคโคร และเท่าที่ทราบดาราจีนสมัครใจไปเอง ไม่มีการถูกลักพาตัว และข่มขู่บังคับแต่อย่างใด ส่วนข้อเท็จจริงต้องรอสอบสวนอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดชิงชิงจึงไปโผล่อยู่ในฝั่งประเทศเมียนมาและขาดการติดต่อจนแฟนสาวต้องประกาศตามหาตัว

    #MGROnline #XingXing #ซิงซิง
    ตาก - กองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียนมา (BGF) จ่อส่งตัว “หวังซิง” ดาราหนุ่มจีนหายตัวปริศนาชายแดนแม่สอด โผล่รัฐกะเหรียง ข้ามแดนผ่านสะพานมิตรภาพฯแม่สอด-เมียวดี แห่งที่ 1 • ความคืบหน้า กรณีนักแสดงหนุ่มชาวจีนชื่อ "ซิงซิง" หรือ "หวังซิง" ขาดการติดต่อและหายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด และล่าสุดพบว่าไปอยู่ในฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ที่อยู่ติดกันแล้วนั้น • ล่าสุดวันนี้(7 ม.ค.) มีรายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงไทยด้านจังหวัดตาก ยืนยันว่า ทาง BGF ยืนยันพบตัวหวังซิงแล้ว และจะนำมาส่งข้ามแดนที่สะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1 ต่อไป • สอดคล้องกับรายงานข่าวจากตำรวจสืบสวนจังหวัดตากรับเเจ้งจาก พ.ต.หม่องวิน รองผู้บัญชาการ บีจีเอฟ BGF หรือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน แจ้งทางโทรศัพท์มาล่ามภาษาพม่าของ พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด ว่าขณะที่พบตัวนายซิงซิง ดาราจีนที่ถูกนำตัวมายังชายแดนในฝั่งเมียนมาแล้ว และเตรียมจะส่งมอบให้ในฝังไทยช่วงหลังเวลา 12.00 น. ขณะนี้ทางกองกำลังนำตัวมาสอบสวนการเข้าไปในฝั่งเมียนมาอยู่ และการส่งมอบให้ฝังไทยนั้นจะทำการนัดอีกครั้งว่าจะส่งมอบที่ใด • ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอกกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตากประชุมกับชุดสืบ สภ.แม่สอด ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า พบเบาะแสดาราจีนแล้วข้ามไปยังฝั่งเมียนมาที่บ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน โดยมีพยานซึ่งเป็นคนขับรถชื่อ นายวิชัย ที่เกี่ยวข้องกับการส่งคนจีนที่ อ.แม่สอด และมีชาวกะเหรี่ยงสัญชาติเมียนมาเอารถยนต์มารับตัวไปจากแม่สอด จุดนัดที่ห้างแมคโคร และเท่าที่ทราบดาราจีนสมัครใจไปเอง ไม่มีการถูกลักพาตัว และข่มขู่บังคับแต่อย่างใด ส่วนข้อเท็จจริงต้องรอสอบสวนอีกครั้ง • อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดชิงชิงจึงไปโผล่อยู่ในฝั่งประเทศเมียนมาและขาดการติดต่อจนแฟนสาวต้องประกาศตามหาตัว • #MGROnline #XingXing #ซิงซิง
    0 Comments 0 Shares 1033 Views 0 Reviews
  • ฝ่ายความมั่นคงไทยทั้งทหาร-ตำรวจ-ปกครอง คุมเข้มชายแดนแม่ระมาด..พบอหิวาตกโรคระบาดหนักพื้นที่ “ฉ่วยโก๊กโก่-เมืองใหม่ทุนจีนเทาในเมียนมา” ต้องหามส่ง รพ.ไม่ต่ำกว่า 300 ราย อาการหนัก 56 ดับแล้ว 1 ราย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122249

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ฝ่ายความมั่นคงไทยทั้งทหาร-ตำรวจ-ปกครอง คุมเข้มชายแดนแม่ระมาด..พบอหิวาตกโรคระบาดหนักพื้นที่ “ฉ่วยโก๊กโก่-เมืองใหม่ทุนจีนเทาในเมียนมา” ต้องหามส่ง รพ.ไม่ต่ำกว่า 300 ราย อาการหนัก 56 ดับแล้ว 1 ราย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122249 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1216 Views 0 Reviews
  • ไม่รู้ลุงเสรีพิรุธผู้หิวตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พกความมั่นใจจากไหน ว่าบิ๊กโจ๊ก จะได้กลับมาเป็นตำรวจอีก ส่วนไอ่ที่อ้างว่าให้ดูคดีเสรีพิรุธเป็นตัวอย่างนั้น ก็แตกต่างกันลิบลับ เพราะเสรีไม่มีพิรุธในคดีฟอกเvิน และเว็บpนัน ผิดกับโจ๊กที่หลักฐานพันรอบตัว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ไม่รู้ลุงเสรีพิรุธผู้หิวตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พกความมั่นใจจากไหน ว่าบิ๊กโจ๊ก จะได้กลับมาเป็นตำรวจอีก ส่วนไอ่ที่อ้างว่าให้ดูคดีเสรีพิรุธเป็นตัวอย่างนั้น ก็แตกต่างกันลิบลับ เพราะเสรีไม่มีพิรุธในคดีฟอกเvิน และเว็บpนัน ผิดกับโจ๊กที่หลักฐานพันรอบตัว #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    4
    1 Comments 0 Shares 470 Views 0 Reviews
  • ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ
    .
    “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว
    .
    วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ
    .
    การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง”
    .
    วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์
    .
    ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน
    .
    นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
    .
    วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496
    ..............
    Sondhi X
    ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ . “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว . วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ . การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว . วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง” . วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์ . ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น . อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน . นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด . วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1366 Views 0 Reviews
  • ปธน.ปูติน ลงนามในคำสั่ง(ใหม่)​ อนุญาตให้ฝ่ายความมั่นคง​ใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ หากรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธ​จากรัฐที่มีหรือไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ว่าจะด้วยอาวุธ​ใดจะถือเป็นการโจมตีร่วมกัน​และเป็น​ภัยคุกคามร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียและเบลารุส
    ปธน.ปูติน ลงนามในคำสั่ง(ใหม่)​ อนุญาตให้ฝ่ายความมั่นคง​ใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ หากรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธ​จากรัฐที่มีหรือไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ว่าจะด้วยอาวุธ​ใดจะถือเป็นการโจมตีร่วมกัน​และเป็น​ภัยคุกคามร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียและเบลารุส
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1463 Views 0 Reviews
  • 11-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE 2(จบ)" ต่อกันเลยไม่เสียเวลาชง!

    6.อำนาจ 2 ขั้ว กองทัพ 2 เหล่า จะวัดกำลังกัน แนวร่วมที่อีทรัมปป์ดึงมาสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าอินเดียนแดง 6 ล้าน คนดำที่เคยอาฆาตกรณีตำรวจฆ่าคนดำ หรือแม้แต่แรงงานต่างถิ่นที่เป็นพลเมืองไปแล้ว คะแนนที่มาแลนด์สไลด์ เพราะพลังเงียบที่ทนไม่ไหว ออกมานั่นเอง นี่ต่างหากที่อีทรัมปป์ล่ออีลาตายคาที่ ไม่ใช่แค่คะแนนจัดตั้งเหมือนที่ผ่านมา แล้วไปวัดกันที่ SWING STATE แบบนี้มันเคยโกงกูมาแล้ว ถึงได้แพ้อีเอ๋อไงล่ะ บทเรียนสอน ต้องดึงคะแนนเงียบออกมาให้เกลี้ยง ที่มาว่าทำไม ประกาศท้ารบ DEEP STATE ปลดแอกอินเดียนแดง ไล่แรงงานเถื่อน ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ซึ่งส่วนใหญ่คือเด็กเหี้ย C ที่ทำงานระยำบัดซบทั่วโลก แล้วหนีเข้ามาซุกหัวในอเมริกา ดอกนี้ เป็นล้านน่ะจ๊ะ มันคือหัวคะแนนอีพรรคลาด้วยเช่นกัน จากนี้ คือการล้างบางทุกนโยบายที่อีเอ๋อ เคยทำมา เขี่ยลงถังขยะหมด เค้าเรียกล้างป่าช้า อีทรัมปป์มางวดนี้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งสภาสูง สภาล่าง แค่สั่ง ชีวิตเปลี่ยนทันที ไม่ต้องรอใครอนุมัติ ไม่ต้องกลัวใครจะมาขัดขาได้อีก? การปะทะของ 2 ฝ่าย ทั้งหน้าฉาก หลังฉาก จะรุนแรงขึ้นจนเปิดศึกใหญ่ในที่สุด

    7.ศัตรูทรัมปป์ จะสู้กับอเมริกาทั้งแผ่นดิน ตีโจทย์ให้แตก อเมริกาไม่พร้อมจะรบกับรัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง ตอนนี้ หมายังรู้? แก้เกี้ยว ซื้อเวลา ขอจัดระเบียบภายในบ้านก่อน กล่าวคือกำจัดอีลาก่อน แล้วค่อยแตกแผ่นดิน เมื่ออเมริกาแตก ก็ไม่ใช่ศัตรูรัสเซีย จีน อีกต่อไป แผ่นดินที่เหลือกูตั้งรัฐยิวใหม่ได้ ตั้ง TRUMP LAND ได้ ทั้งหมด เพื่อ "หนีหนี้" ไม่มีอเมริกา แล้วมรึงจะไปทวงเงินกับใครล่ะ? แต่เจ้าหนี้ก็ไม่โง่ เงินไม่มี จ่ายมาเป็นแผ่นดินสิจ๊ะ รูปแบบจะเป็นสัญญาเช่าก็ดี ซื้อขาดก็ดี เข้าไป TAKE OVER หนี้ รัฐยากจนเป็นเจ้าหนี้รายใหม่แทนก็ดี สุดท้าย อเมริกาก็ต้องแตก ไม่มีทางเลือกอื่น คำถามคือ อีลา จะทำยังไง เพื่อจะเอาอีทรัมปป์ลงจากอำนาจให้ได้ CIVIL WAR จะเกิดได้จริง ต้องเป็นเรื่องแยกดินแดน เมื่อ 50 รัฐ ไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาลกลาง ภาพที่เห็นคือ "ปฎิวัติอเมริกา" อีลาดึงประชากรลา อีช้างดึงประชากรช้าง แยกกันอยู่ไปเลย อย่าลืมว่า อียิวยังมีทางเลือก อีแคนจะรับอุ้มอียิวแบบหมดหน้าตัก อเมริกาจะถูกย่อส่วน เพื่อเปิดทางให้เกิดรัฐยิวใหม่ อีกทางเลือกคือ ส่วนที่ไม่มีใครเอา อีแคนอาจจะผนวกแผ่นดินเข้าร่วมกัน โดยเฉพาะแผนดินที่ใกล้ ทั้งซีแอตเติล DC ไม่มีใครรู้ดอกว่า อียิวมันจะทำอะไรต่อ หลังย้ายจากเยรูซาเล็ม แต่ตะวันออกกลางจะเปลี่ยนโฉมหน้าทันที สงครามจะหายไป การค้าจะเฟื่องฟู ปาเลสไตน์จะกลายเป็นฮับ เชื่อมั้ยล่ะ?

    8.อเมริกาในมือทรัมปป์จะเป็นอย่างไร กับรัสเซีย จีน? ยุติสงคราม ไม่ได้เกิดเพราะทรัมปป์ชัวร์ สงครามจะจบหรือไม่ อยู่ที่ขั้วใหม่กำหนด? จำคีย์นี้ไว้ให้ดีดี ผู้ชนะ จะเป็นผู้กำหนดกติกาใหม่ทุกอย่าง แล้วอีทรัมปป์จะทำยังไงต่อ ฉากหน้าคือถอย ฉากหลังคือเติมอาวุธ ขายอาวุธ ส่งให้พวกเสี้ยนสงคราม นั่นคือ "อีโง่ยุโรป" นี่คือที่มาว่า ทำไม EU ถึงยังมีมติส่งอาวุธให้ยูเครนต่อ เพราะกลัวถูกรัสเซียกลืน ซึ่งมรึงโดนอยู่แล้ว ไม่รอด! ทำไมกูต้องส่งทหารไปตายเปล่าอีกล่ะ ในเมื่อมีไอ้โง่อยู่ทั้งฝูง หลอกให้ไปตายห่าแทน แถมขายอาวุธส่ง ทำกำไร 2 ต่อ มันคืออีกหนทางรอดของทรัมปป์ หากหักดิบมากเกินไป อาจบีบให้ DEEP STATE ซึ่งเป็นพ่อค้าอาวุธ หันมาโฟกัสฆ่ามรึงชัวร์ แต่หากยังมีผลประโยชน์ร่วม กูยังจะไม่หักมรึงซะทีเดียว ทุกอย่างคือ "ละคร" สรุปคือ ยุติสงครามในความหมายของทรัมปป์คือ อเมริกาไม่ต้องรบ ให้ยุโรปไปรบ ตายห่าแทน ขายอาวุธต่อ เสี้ยมต่อ ดอกนี้ ปูติน รู้ทัน แต่ขณะเดียวกัน อีทรัมปป์ก็ไม่โง่ ยืมมือรัสเซีย จีน ช่วยกำจัด DEEP STATE ไปด้วย โชว์สื่อโทรหาปูติน เรียกเรตติ้ง ว่ากูเดินหน้าจริง สรุปคือ อีทรัมปป์ควบทั้งเก่าและใหม่ ขอแค่กูยังอยู่ในอำนาจพอ หล่อเลี้ยงท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้ขาด ทุกอย่างจะตามน้ำเอง ใครยังขัดขืน จ่ายหนัก เปลี่ยนทันที ทุกอย่างพูดด้วยเงิน ทุนนิยมไม่มีอะไรมากกว่า เอาเงินฟาดหัว?

    9.ภาพชัดเจน ท่าทีของขั้วใหม่ นับจากนี้ จีนจะเดินเกมส์การค้าสุดขั้ว ชนซึ่งหน้าสหรัฐ แน่นอนว่า อีทรัมปป์คลั่ง เล่นแร่แปรวิญญาน เพื่อเรียกแรงงานกลับบ้าน ที่ผ่านมา คนตกงานเยอะ แล้วอะไรจะสร้างงานล่ะ ก็ดันธุรกิจอเมริกันก่อนไงล่ะ ฟื้นฟู ภาคอุตสาหกรรมใหญ่ ไม่ให้มีคู่แข่ง หรือผูกขาดนั่นเอง ดอกนี้ จะเป็นต้นเหตุให้ WTO ตัดหางอเมริกา แล้วหันไปจูบปากจีนแทน อีทรัมปป์ไม่สนดอก แค่เอาคนในชาติรอด แค่อเมริกาฟื้น เรื่องอื่นเรื่องเล็ก ที่มันทำทั้งหมด ไม่ได้รักอเมริกา หรือภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิด ชงต่อตั้ง TRUMP LAND ในอนาคต ตั้งตนเป็น KING หรือประมุขรัฐใหม่ พูดง่ายๆ สาวกทรัมปป์ทั่วโลก เชิญมาอยู่รวมกับกูที่นี่นั่นเอง มันคืออเมริกาใหม่ที่มีแต่ทรัมปป์ไงล่ะ? จีน รัสเซีย ไม่แคร์ดอกว่าทรัมปป์จะทำอะไร เพราะแผนพิมพ์เขียวเค้ามีรอนานแล้ว เดินหน้าต่อ ยิ่งทรัมปป์มา รัสเซีย จีน ยิ่งชอบ เพราะปากพาจน! มันง่ายที่จะคุย มันควบคุมเกมส์ง่ายขึ้น อย่าลืมน่ะว่า สิ่งที่รัสเซียจะทำจากนี้ มันคือ "สยบทั้งยุโรป" และนั่นคือสิ่งที่ทรัมปป์ต้องการเช่นกัน ศัตรูของทรัมปป์มีแต่จีน ที่ยังหาแดร๊กเก่งกว่า นี่คือจุดเปราะบาง ทำให้เกิดสงครามการค้าครั้งใหญ่ ที่แบ่งโลกกันไปเลย ลูกค้าเอเซีย ลูกค้าอเมริกา เอาให้ชัด สุดติ่ง สุดขั้ว กันไปเลย?

    10.จะใช้เวลานานแค่ไหน? อีทรัมปป์จะรอด หรืออยู่ยาว ทั้งหมด อยู่ที่หมากที่เดินอยู่ หากเดินพลาด ขั้วใหม่ขยี้ทันที โลกรองรับ อีลาพร้อมซ้ำ ดังนั้น อีทรัมปป์ต้องยึดแนวทางที่คะแนนเสียงให้มาก่อน อย่าเพิ่งรีบหักดิบกับกลุ่มผลประโยชน์มากเกินไป คราวก่อนที่มา พูดอย่าง ทำอีกอย่าง สร้างกำแพงกั้นผู้อพยพ งวดนี้ อเมริกาจะกลายเป็นคุกขนาดใหญ่ของโลก มรึงคอยดูสิ? ทรัมปป์ต้องรักษาสมดุลของอำนาจกับฝ่ายความมั่นคง กองกำลังตัวเองต้องมี และบอกเลยว่า จะค่อยๆ ดูดแสนยานุภาพกองทัพ เข้ากองทัพ(ทรัมปป์)ตัวเอง เพราะเตรียมการแตกอเมริกา มันต้องใช้อะไรล่ะ? กองทัพอีตาเพน รัฐบาลกลาง มีไม่พอ ที่จะสู้กับทั้ง 22 รัฐ ที่อีช้างครอบงำอยู่ เพราะมีสปอนเซอร์จากต่างประเทศเข้ามาไงล่ะ รัฐทำเงิน จะเกิดการแย่งชิงจากทั้ง 2 ฝ่าย รัฐยากจน คนดำ ภาคโรงงาน จะถูกทิ้ง แต่อาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาอุ้มต่อ ทำไม อีแคน ที่คิดจะเขมือบรวมแผ่นดินอยู่แล้ว ไม่เข้ามาอุ้มทั้งหมดไปเลยล่ะ เพราะมีอียิวเป็นนายทุนอยู่แล้ว สันดานยิว อะไรเสื่อม อะไรเจ๊ง ต้องฟื้นฟู มันไม่ทำ มันจะเอาท่าเดียว จ่ายไม่เอา ลงทุนไม่คุ้ม พลเมืองชั้น 3 ใครจะอยากรับไว้ CIVIL WAR จะเกิดได้เร็ว หากมีอุบัติเหตุการเมือง และนั่นคือสิ่งที่อยู่ในแผน อียิวเหี้ยไซออนนิสต์ มันเอาแน่! และขั้วใหม่ก็รออยู่เช่นกัน

    ปล.จับตาดู วงการทนาย วงการบันเทิง วงการสีกากี วงการแพทย์ วงการกรมคุก วงการสื่อ วงการพลังงาน วงการหวย วงการรับเหมา วงการอสังหาริมทรัพย์ และอีกหลายวงการ จะถูกชำแหละในไม่ช้านี้ ทุกองคาพยพที่หลอกแดร๊กคนไทยในทุกเรื่อง จะถูกเปิดออกหมดสิ้นด้วยพลังแห่งแสง ความจริง ความถูกต้อง ชอบธรรม ขบวนการต่างๆ ที่บั่นทอนชาติ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ ไส้ศึก ไอ้อีขายชาติ จะดาหน้ากันโผล่ออกมาจนหมด เสนอหน้าแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว สัญญานคือ "ปลายกลียุค" เชื้อชั่วทั้งหลายจะต้องทิ้งทวนก่อนจะกลับขุมนรก รอดูอะไรดีดีอีกเยอะ ไอ้อีที่มรึงคิดว่าดี ที่เคยบูชา ที่เคยหลงใหล หางจะโผล่หมด นี่คืออิทธิฤทธิ์แห่งแสง คนดีจริง ไม่กลัวไฟ เรื่องของบ้านทรายทอง มันถึงเวลาต้องสังคายนากันใหม่ทั้งหมด ทำลายทิ้งแล้วเริ่มสร้างกันใหม่ สังคมใหม่ที่ไม่บูชาเงินเป็นพระเจ้า คนรวยเว่อร์จะหดหาย กลัวหัวหด ไม่กล้าอวดรวยกันอีกนาน เพราะสรรพากร ฟอกเงิน ปปง. ตามสืบมรึงแน่ ทุกอย่างที่มรึงเคยบ่นกัน บทเวลาจะไป มันเหมือนคลื่นสึนามิ กวาดทุกอย่างลงทะเลหมด ไปเร็วมาก จนมรึงดีใจยังไม่ทันจะหายปลื้ม ไปหมดล่ะ? ปล่อยวางซะ มรึงไม่ใช่เจ้าของจักรวาล ปล่อยให้วิถีแห่งกรรม ทำงานของมันไปเหอะ มรึงแค่รับรู้ รับทราบ และระมัดระวังตัว อย่าทำชั่วก็พอ แค่นี้ ก็ช่วยยกแผ่นดินสูงขึ้นได้แล้ว เรื่องของโลก ปล่อยให้โลกเค้าจัดการไป เรื่องของไทย ปล่อยสวรรค์เค้าจัดการเอง แค่มรึงตั้งสติ อานิสงค์แห่งบุญจะก่อเกิด จิตขุ่นเพราะไปเสพอาจม ใจฟู เพราะไปเสพธรรมะ สัจธรรม ทุกอย่างมันมีทางของมันเอง ไม่ต้องกังวลอะไรมาก มันเดินมาถูกทางแล้ว

    หมี CNN(การเปลี่ยนแปลงมาแล้ว แค่ดูอย่างตั้งสติ ไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างอยู่ที่พลังแห่งกรรม โลกเค้าเปลี่ยนไปแล้ว ไทยเราก็ต้องเปลี่ยนตามเค้า ไม่มีใครต้านพลังแห่งแสงได้ดอก เหี้ยยังไง เลวแค่ไหน? ก็เปลี่ยนได้หมด สงครามแค่เปลือก อำนาจแค่แย่งชิง แต่ใครที่ทำให้โลกอุ่นใจ สบายใจ ปลอดภัย จะเป็นเป้าหมายของผู้แสวงหาความสุขเอง ไทยเรามีดีในตัว เดี๋ยวโลกจะแห่กันมาขออยู่เป็นเพื่อนมรึงเอง อียิวก็ขอย้ายมาด้วยน่ะ ไม่เป็นไร กูชี้เป้าให้เพ่น้องมุสลิมเอง ปักหมุดให้เสร็จ มาสิจ๊ะ มุสลิมปาร์ตี้รออยู่)
    11 พฤศจิกายน 67
    09.55 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    11-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE 2(จบ)" ต่อกันเลยไม่เสียเวลาชง! 6.อำนาจ 2 ขั้ว กองทัพ 2 เหล่า จะวัดกำลังกัน แนวร่วมที่อีทรัมปป์ดึงมาสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าอินเดียนแดง 6 ล้าน คนดำที่เคยอาฆาตกรณีตำรวจฆ่าคนดำ หรือแม้แต่แรงงานต่างถิ่นที่เป็นพลเมืองไปแล้ว คะแนนที่มาแลนด์สไลด์ เพราะพลังเงียบที่ทนไม่ไหว ออกมานั่นเอง นี่ต่างหากที่อีทรัมปป์ล่ออีลาตายคาที่ ไม่ใช่แค่คะแนนจัดตั้งเหมือนที่ผ่านมา แล้วไปวัดกันที่ SWING STATE แบบนี้มันเคยโกงกูมาแล้ว ถึงได้แพ้อีเอ๋อไงล่ะ บทเรียนสอน ต้องดึงคะแนนเงียบออกมาให้เกลี้ยง ที่มาว่าทำไม ประกาศท้ารบ DEEP STATE ปลดแอกอินเดียนแดง ไล่แรงงานเถื่อน ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ซึ่งส่วนใหญ่คือเด็กเหี้ย C ที่ทำงานระยำบัดซบทั่วโลก แล้วหนีเข้ามาซุกหัวในอเมริกา ดอกนี้ เป็นล้านน่ะจ๊ะ มันคือหัวคะแนนอีพรรคลาด้วยเช่นกัน จากนี้ คือการล้างบางทุกนโยบายที่อีเอ๋อ เคยทำมา เขี่ยลงถังขยะหมด เค้าเรียกล้างป่าช้า อีทรัมปป์มางวดนี้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งสภาสูง สภาล่าง แค่สั่ง ชีวิตเปลี่ยนทันที ไม่ต้องรอใครอนุมัติ ไม่ต้องกลัวใครจะมาขัดขาได้อีก? การปะทะของ 2 ฝ่าย ทั้งหน้าฉาก หลังฉาก จะรุนแรงขึ้นจนเปิดศึกใหญ่ในที่สุด 7.ศัตรูทรัมปป์ จะสู้กับอเมริกาทั้งแผ่นดิน ตีโจทย์ให้แตก อเมริกาไม่พร้อมจะรบกับรัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง ตอนนี้ หมายังรู้? แก้เกี้ยว ซื้อเวลา ขอจัดระเบียบภายในบ้านก่อน กล่าวคือกำจัดอีลาก่อน แล้วค่อยแตกแผ่นดิน เมื่ออเมริกาแตก ก็ไม่ใช่ศัตรูรัสเซีย จีน อีกต่อไป แผ่นดินที่เหลือกูตั้งรัฐยิวใหม่ได้ ตั้ง TRUMP LAND ได้ ทั้งหมด เพื่อ "หนีหนี้" ไม่มีอเมริกา แล้วมรึงจะไปทวงเงินกับใครล่ะ? แต่เจ้าหนี้ก็ไม่โง่ เงินไม่มี จ่ายมาเป็นแผ่นดินสิจ๊ะ รูปแบบจะเป็นสัญญาเช่าก็ดี ซื้อขาดก็ดี เข้าไป TAKE OVER หนี้ รัฐยากจนเป็นเจ้าหนี้รายใหม่แทนก็ดี สุดท้าย อเมริกาก็ต้องแตก ไม่มีทางเลือกอื่น คำถามคือ อีลา จะทำยังไง เพื่อจะเอาอีทรัมปป์ลงจากอำนาจให้ได้ CIVIL WAR จะเกิดได้จริง ต้องเป็นเรื่องแยกดินแดน เมื่อ 50 รัฐ ไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาลกลาง ภาพที่เห็นคือ "ปฎิวัติอเมริกา" อีลาดึงประชากรลา อีช้างดึงประชากรช้าง แยกกันอยู่ไปเลย อย่าลืมว่า อียิวยังมีทางเลือก อีแคนจะรับอุ้มอียิวแบบหมดหน้าตัก อเมริกาจะถูกย่อส่วน เพื่อเปิดทางให้เกิดรัฐยิวใหม่ อีกทางเลือกคือ ส่วนที่ไม่มีใครเอา อีแคนอาจจะผนวกแผ่นดินเข้าร่วมกัน โดยเฉพาะแผนดินที่ใกล้ ทั้งซีแอตเติล DC ไม่มีใครรู้ดอกว่า อียิวมันจะทำอะไรต่อ หลังย้ายจากเยรูซาเล็ม แต่ตะวันออกกลางจะเปลี่ยนโฉมหน้าทันที สงครามจะหายไป การค้าจะเฟื่องฟู ปาเลสไตน์จะกลายเป็นฮับ เชื่อมั้ยล่ะ? 8.อเมริกาในมือทรัมปป์จะเป็นอย่างไร กับรัสเซีย จีน? ยุติสงคราม ไม่ได้เกิดเพราะทรัมปป์ชัวร์ สงครามจะจบหรือไม่ อยู่ที่ขั้วใหม่กำหนด? จำคีย์นี้ไว้ให้ดีดี ผู้ชนะ จะเป็นผู้กำหนดกติกาใหม่ทุกอย่าง แล้วอีทรัมปป์จะทำยังไงต่อ ฉากหน้าคือถอย ฉากหลังคือเติมอาวุธ ขายอาวุธ ส่งให้พวกเสี้ยนสงคราม นั่นคือ "อีโง่ยุโรป" นี่คือที่มาว่า ทำไม EU ถึงยังมีมติส่งอาวุธให้ยูเครนต่อ เพราะกลัวถูกรัสเซียกลืน ซึ่งมรึงโดนอยู่แล้ว ไม่รอด! ทำไมกูต้องส่งทหารไปตายเปล่าอีกล่ะ ในเมื่อมีไอ้โง่อยู่ทั้งฝูง หลอกให้ไปตายห่าแทน แถมขายอาวุธส่ง ทำกำไร 2 ต่อ มันคืออีกหนทางรอดของทรัมปป์ หากหักดิบมากเกินไป อาจบีบให้ DEEP STATE ซึ่งเป็นพ่อค้าอาวุธ หันมาโฟกัสฆ่ามรึงชัวร์ แต่หากยังมีผลประโยชน์ร่วม กูยังจะไม่หักมรึงซะทีเดียว ทุกอย่างคือ "ละคร" สรุปคือ ยุติสงครามในความหมายของทรัมปป์คือ อเมริกาไม่ต้องรบ ให้ยุโรปไปรบ ตายห่าแทน ขายอาวุธต่อ เสี้ยมต่อ ดอกนี้ ปูติน รู้ทัน แต่ขณะเดียวกัน อีทรัมปป์ก็ไม่โง่ ยืมมือรัสเซีย จีน ช่วยกำจัด DEEP STATE ไปด้วย โชว์สื่อโทรหาปูติน เรียกเรตติ้ง ว่ากูเดินหน้าจริง สรุปคือ อีทรัมปป์ควบทั้งเก่าและใหม่ ขอแค่กูยังอยู่ในอำนาจพอ หล่อเลี้ยงท่อน้ำเลี้ยงไม่ให้ขาด ทุกอย่างจะตามน้ำเอง ใครยังขัดขืน จ่ายหนัก เปลี่ยนทันที ทุกอย่างพูดด้วยเงิน ทุนนิยมไม่มีอะไรมากกว่า เอาเงินฟาดหัว? 9.ภาพชัดเจน ท่าทีของขั้วใหม่ นับจากนี้ จีนจะเดินเกมส์การค้าสุดขั้ว ชนซึ่งหน้าสหรัฐ แน่นอนว่า อีทรัมปป์คลั่ง เล่นแร่แปรวิญญาน เพื่อเรียกแรงงานกลับบ้าน ที่ผ่านมา คนตกงานเยอะ แล้วอะไรจะสร้างงานล่ะ ก็ดันธุรกิจอเมริกันก่อนไงล่ะ ฟื้นฟู ภาคอุตสาหกรรมใหญ่ ไม่ให้มีคู่แข่ง หรือผูกขาดนั่นเอง ดอกนี้ จะเป็นต้นเหตุให้ WTO ตัดหางอเมริกา แล้วหันไปจูบปากจีนแทน อีทรัมปป์ไม่สนดอก แค่เอาคนในชาติรอด แค่อเมริกาฟื้น เรื่องอื่นเรื่องเล็ก ที่มันทำทั้งหมด ไม่ได้รักอเมริกา หรือภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิด ชงต่อตั้ง TRUMP LAND ในอนาคต ตั้งตนเป็น KING หรือประมุขรัฐใหม่ พูดง่ายๆ สาวกทรัมปป์ทั่วโลก เชิญมาอยู่รวมกับกูที่นี่นั่นเอง มันคืออเมริกาใหม่ที่มีแต่ทรัมปป์ไงล่ะ? จีน รัสเซีย ไม่แคร์ดอกว่าทรัมปป์จะทำอะไร เพราะแผนพิมพ์เขียวเค้ามีรอนานแล้ว เดินหน้าต่อ ยิ่งทรัมปป์มา รัสเซีย จีน ยิ่งชอบ เพราะปากพาจน! มันง่ายที่จะคุย มันควบคุมเกมส์ง่ายขึ้น อย่าลืมน่ะว่า สิ่งที่รัสเซียจะทำจากนี้ มันคือ "สยบทั้งยุโรป" และนั่นคือสิ่งที่ทรัมปป์ต้องการเช่นกัน ศัตรูของทรัมปป์มีแต่จีน ที่ยังหาแดร๊กเก่งกว่า นี่คือจุดเปราะบาง ทำให้เกิดสงครามการค้าครั้งใหญ่ ที่แบ่งโลกกันไปเลย ลูกค้าเอเซีย ลูกค้าอเมริกา เอาให้ชัด สุดติ่ง สุดขั้ว กันไปเลย? 10.จะใช้เวลานานแค่ไหน? อีทรัมปป์จะรอด หรืออยู่ยาว ทั้งหมด อยู่ที่หมากที่เดินอยู่ หากเดินพลาด ขั้วใหม่ขยี้ทันที โลกรองรับ อีลาพร้อมซ้ำ ดังนั้น อีทรัมปป์ต้องยึดแนวทางที่คะแนนเสียงให้มาก่อน อย่าเพิ่งรีบหักดิบกับกลุ่มผลประโยชน์มากเกินไป คราวก่อนที่มา พูดอย่าง ทำอีกอย่าง สร้างกำแพงกั้นผู้อพยพ งวดนี้ อเมริกาจะกลายเป็นคุกขนาดใหญ่ของโลก มรึงคอยดูสิ? ทรัมปป์ต้องรักษาสมดุลของอำนาจกับฝ่ายความมั่นคง กองกำลังตัวเองต้องมี และบอกเลยว่า จะค่อยๆ ดูดแสนยานุภาพกองทัพ เข้ากองทัพ(ทรัมปป์)ตัวเอง เพราะเตรียมการแตกอเมริกา มันต้องใช้อะไรล่ะ? กองทัพอีตาเพน รัฐบาลกลาง มีไม่พอ ที่จะสู้กับทั้ง 22 รัฐ ที่อีช้างครอบงำอยู่ เพราะมีสปอนเซอร์จากต่างประเทศเข้ามาไงล่ะ รัฐทำเงิน จะเกิดการแย่งชิงจากทั้ง 2 ฝ่าย รัฐยากจน คนดำ ภาคโรงงาน จะถูกทิ้ง แต่อาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาอุ้มต่อ ทำไม อีแคน ที่คิดจะเขมือบรวมแผ่นดินอยู่แล้ว ไม่เข้ามาอุ้มทั้งหมดไปเลยล่ะ เพราะมีอียิวเป็นนายทุนอยู่แล้ว สันดานยิว อะไรเสื่อม อะไรเจ๊ง ต้องฟื้นฟู มันไม่ทำ มันจะเอาท่าเดียว จ่ายไม่เอา ลงทุนไม่คุ้ม พลเมืองชั้น 3 ใครจะอยากรับไว้ CIVIL WAR จะเกิดได้เร็ว หากมีอุบัติเหตุการเมือง และนั่นคือสิ่งที่อยู่ในแผน อียิวเหี้ยไซออนนิสต์ มันเอาแน่! และขั้วใหม่ก็รออยู่เช่นกัน ปล.จับตาดู วงการทนาย วงการบันเทิง วงการสีกากี วงการแพทย์ วงการกรมคุก วงการสื่อ วงการพลังงาน วงการหวย วงการรับเหมา วงการอสังหาริมทรัพย์ และอีกหลายวงการ จะถูกชำแหละในไม่ช้านี้ ทุกองคาพยพที่หลอกแดร๊กคนไทยในทุกเรื่อง จะถูกเปิดออกหมดสิ้นด้วยพลังแห่งแสง ความจริง ความถูกต้อง ชอบธรรม ขบวนการต่างๆ ที่บั่นทอนชาติ เจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ ไส้ศึก ไอ้อีขายชาติ จะดาหน้ากันโผล่ออกมาจนหมด เสนอหน้าแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว สัญญานคือ "ปลายกลียุค" เชื้อชั่วทั้งหลายจะต้องทิ้งทวนก่อนจะกลับขุมนรก รอดูอะไรดีดีอีกเยอะ ไอ้อีที่มรึงคิดว่าดี ที่เคยบูชา ที่เคยหลงใหล หางจะโผล่หมด นี่คืออิทธิฤทธิ์แห่งแสง คนดีจริง ไม่กลัวไฟ เรื่องของบ้านทรายทอง มันถึงเวลาต้องสังคายนากันใหม่ทั้งหมด ทำลายทิ้งแล้วเริ่มสร้างกันใหม่ สังคมใหม่ที่ไม่บูชาเงินเป็นพระเจ้า คนรวยเว่อร์จะหดหาย กลัวหัวหด ไม่กล้าอวดรวยกันอีกนาน เพราะสรรพากร ฟอกเงิน ปปง. ตามสืบมรึงแน่ ทุกอย่างที่มรึงเคยบ่นกัน บทเวลาจะไป มันเหมือนคลื่นสึนามิ กวาดทุกอย่างลงทะเลหมด ไปเร็วมาก จนมรึงดีใจยังไม่ทันจะหายปลื้ม ไปหมดล่ะ? ปล่อยวางซะ มรึงไม่ใช่เจ้าของจักรวาล ปล่อยให้วิถีแห่งกรรม ทำงานของมันไปเหอะ มรึงแค่รับรู้ รับทราบ และระมัดระวังตัว อย่าทำชั่วก็พอ แค่นี้ ก็ช่วยยกแผ่นดินสูงขึ้นได้แล้ว เรื่องของโลก ปล่อยให้โลกเค้าจัดการไป เรื่องของไทย ปล่อยสวรรค์เค้าจัดการเอง แค่มรึงตั้งสติ อานิสงค์แห่งบุญจะก่อเกิด จิตขุ่นเพราะไปเสพอาจม ใจฟู เพราะไปเสพธรรมะ สัจธรรม ทุกอย่างมันมีทางของมันเอง ไม่ต้องกังวลอะไรมาก มันเดินมาถูกทางแล้ว หมี CNN(การเปลี่ยนแปลงมาแล้ว แค่ดูอย่างตั้งสติ ไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างอยู่ที่พลังแห่งกรรม โลกเค้าเปลี่ยนไปแล้ว ไทยเราก็ต้องเปลี่ยนตามเค้า ไม่มีใครต้านพลังแห่งแสงได้ดอก เหี้ยยังไง เลวแค่ไหน? ก็เปลี่ยนได้หมด สงครามแค่เปลือก อำนาจแค่แย่งชิง แต่ใครที่ทำให้โลกอุ่นใจ สบายใจ ปลอดภัย จะเป็นเป้าหมายของผู้แสวงหาความสุขเอง ไทยเรามีดีในตัว เดี๋ยวโลกจะแห่กันมาขออยู่เป็นเพื่อนมรึงเอง อียิวก็ขอย้ายมาด้วยน่ะ ไม่เป็นไร กูชี้เป้าให้เพ่น้องมุสลิมเอง ปักหมุดให้เสร็จ มาสิจ๊ะ มุสลิมปาร์ตี้รออยู่) 11 พฤศจิกายน 67 09.55 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 1862 Views 0 Reviews
More Results