• ♣ 2 อัยการผู้รับสินบาจีนเทา และวิ่งเต้นช่วยประกันตัว โดนสั่งพักราชการแล้ว อัยกากคดีแตงโมเตรียมตัวได้เลย ร่วมขบวนการสั่งฟ้องข้อหากากๆ
    #7ดอกจิก
    ♣ 2 อัยการผู้รับสินบาจีนเทา และวิ่งเต้นช่วยประกันตัว โดนสั่งพักราชการแล้ว อัยกากคดีแตงโมเตรียมตัวได้เลย ร่วมขบวนการสั่งฟ้องข้อหากากๆ #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสั่งขังยกแก๊ง ขบวนการสาดน้ำซุป อว.ล้างมาเฟียมหาลัย
    .
    ความคืบหน้ากรณีอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังสาดน้ำร้อนใส่ผู้เสียหายนั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินขยายผลต่อเนื่อง ภายหลังตำรวจ สภ.คลอง จ.ปทุมธานี สามารถจับกุมตัว นายรษิภา หรือ เจ๊พรีม อายุ 22 ปี และ นายชคัทพล หรือ โอชิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2 ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ 4.ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย
    .
    ทั้งนี้ ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุได้อีกรวมทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นาย ดลลธี หรือ พอล อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือ แบม อายุ 21 น.ส.กันยาพัชร หรือ พิมเจล อายุ 21 ปี นักแสดงซีรี่ย์ น.ส.อุ้มบุญ หรือ อุ้มบุญ อายุ 21 ปี นาย นพคุณ หรือ เจ๊จั๊ก อายุ 21 ปี นาย ภราดร หรือ ไอซ์ อายุ 21 ปี พร้อมนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดธัญบุรี โดยศาลจังหวัดธัญบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน
    .
    ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ร่วมหารือแนวทางการดูแลป้องกันความปลอดภัยในสถาบันอุดมศึกษา กับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ที่เดินทางมาพร้อมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่เป็นผู้เสียหาย จากกรณีโดนรุ่นพี่ LGBTQ มหาวิทยาลัยเดียวกันทำร้ายและข่มขู่
    .
    น.ส.ศุภมาส ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาว่ามีกลุ่มมาเฟียในมหาวิทยาลัย หลังจากเกิดเรื่องทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดโดยให้พ้นสภาพนักศึกษาทันที พร้อมเข้าไปดูแลผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรม แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้เห็นว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษ และทุกภาคส่วนพร้อมอ้าแขนปกป้องน้องๆ ให้กลับเข้าไปเรียนได้อย่างมีความสุข
    .
    “ขณะนี้ยังดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าคนที่ทำผิดกฎมหาวิทยาลัยต้องโดนไล่ออก คนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย สถานศึกษาต้องเป็นที่ที่ปลอดภัย ต้องไม่มีมาเฟียหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เรามี พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่เอาไว้กำกับดูแลมหาวิทยาลัยเอกชน”
    .
    น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า ถ้ามหาวิทยาลัยทำผิดเราสามารถเข้าไปควบคุมหรือปิดมหาวิทยาลัยได้ ถ้ามหาวิทยาลัยนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำมาแล้ว จากนี้กระทรวง อว. จะกำชับไปยังทุกมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ต้องไม่ปล่อยผ่าน หน้าที่ของเราคือต้องดูแลนักศึกษาให้เรียนได้อย่างมีความสุข และต้องรู้สึกปลอดภัย
    .............
    Sondhi X
    ศาลสั่งขังยกแก๊ง ขบวนการสาดน้ำซุป อว.ล้างมาเฟียมหาลัย . ความคืบหน้ากรณีอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังสาดน้ำร้อนใส่ผู้เสียหายนั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินขยายผลต่อเนื่อง ภายหลังตำรวจ สภ.คลอง จ.ปทุมธานี สามารถจับกุมตัว นายรษิภา หรือ เจ๊พรีม อายุ 22 ปี และ นายชคัทพล หรือ โอชิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2 ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ 4.ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย . ทั้งนี้ ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุได้อีกรวมทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นาย ดลลธี หรือ พอล อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือ แบม อายุ 21 น.ส.กันยาพัชร หรือ พิมเจล อายุ 21 ปี นักแสดงซีรี่ย์ น.ส.อุ้มบุญ หรือ อุ้มบุญ อายุ 21 ปี นาย นพคุณ หรือ เจ๊จั๊ก อายุ 21 ปี นาย ภราดร หรือ ไอซ์ อายุ 21 ปี พร้อมนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดธัญบุรี โดยศาลจังหวัดธัญบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน . ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ร่วมหารือแนวทางการดูแลป้องกันความปลอดภัยในสถาบันอุดมศึกษา กับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ที่เดินทางมาพร้อมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่เป็นผู้เสียหาย จากกรณีโดนรุ่นพี่ LGBTQ มหาวิทยาลัยเดียวกันทำร้ายและข่มขู่ . น.ส.ศุภมาส ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาว่ามีกลุ่มมาเฟียในมหาวิทยาลัย หลังจากเกิดเรื่องทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดโดยให้พ้นสภาพนักศึกษาทันที พร้อมเข้าไปดูแลผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรม แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้เห็นว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษ และทุกภาคส่วนพร้อมอ้าแขนปกป้องน้องๆ ให้กลับเข้าไปเรียนได้อย่างมีความสุข . “ขณะนี้ยังดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าคนที่ทำผิดกฎมหาวิทยาลัยต้องโดนไล่ออก คนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย สถานศึกษาต้องเป็นที่ที่ปลอดภัย ต้องไม่มีมาเฟียหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เรามี พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่เอาไว้กำกับดูแลมหาวิทยาลัยเอกชน” . น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า ถ้ามหาวิทยาลัยทำผิดเราสามารถเข้าไปควบคุมหรือปิดมหาวิทยาลัยได้ ถ้ามหาวิทยาลัยนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำมาแล้ว จากนี้กระทรวง อว. จะกำชับไปยังทุกมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ต้องไม่ปล่อยผ่าน หน้าที่ของเราคือต้องดูแลนักศึกษาให้เรียนได้อย่างมีความสุข และต้องรู้สึกปลอดภัย ............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2011 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ หลบหนีแล้ว นิว จตุพร ชุดไทยล้อเลียน ไม่อยู่ฟังศาลฎีกาฯ อาจปิดโอกาสพรรคพวกที่เหลือจะได้ประกันตัวบ้าง
    #7ดอกจิก
    ♣ หลบหนีแล้ว นิว จตุพร ชุดไทยล้อเลียน ไม่อยู่ฟังศาลฎีกาฯ อาจปิดโอกาสพรรคพวกที่เหลือจะได้ประกันตัวบ้าง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘เจ๊พรีม-โอชิ’ หมดสภาพ โดน 2 ข้อหาหนัก สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง
    .
    คอตกไปตามระเบียบสำหรับ นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปีและนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ภายหลังถูกตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับศาลธัญบุรี จากกรณีที่ใช้สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง จนกลายเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมที่ได้กระทำลงไป
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่น โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ (ผู้ต้องหา) ลงจากรถเข้าไปที่โรงพักก็ได้มีแม่ของน้องที่ถูกผู้เสียหายเข้ามาถามว่าทำลูกแม่ทำไม แต่เจ๊พรีมก็ไม่ได้ตอบอะไร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวขึ้นไปสอบสวนบนชั้นสามของโรงพัก
    .
    พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า พรีมได้รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนโอชิรับสารภาพว่าร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส่วนกรรโชกทรัพย์นั้นเขาให้การปฏิเสธ ส่วนการตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรนั้น จากการสอบสวนพยานและผู้เสียหายแล้วยังไม่เข้าข่าย ส่วนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านั้นเราดูจากภาพถ่าย และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปที่ห้องและควบคุมตัวได้นั้น และจากการค้นห้องก็ไม่เจอเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า
    .
    "เคสของพรีม พนักงานสอบสวนรับไว้ 4 เคสแล้ว ส่วนที่ข่มขู่จะทำให้หายไปนั้น เป็นเพียงแค่เหตุลหุโทษ แต่ก็ดีที่เขาพูดแบบนี้ เพื่อที่จะใช้ในการคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเป็นการข่มขู่หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการเครียด"
    .............
    Sondhi X
    ‘เจ๊พรีม-โอชิ’ หมดสภาพ โดน 2 ข้อหาหนัก สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง . คอตกไปตามระเบียบสำหรับ นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปีและนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ภายหลังถูกตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับศาลธัญบุรี จากกรณีที่ใช้สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง จนกลายเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมที่ได้กระทำลงไป . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่น โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ (ผู้ต้องหา) ลงจากรถเข้าไปที่โรงพักก็ได้มีแม่ของน้องที่ถูกผู้เสียหายเข้ามาถามว่าทำลูกแม่ทำไม แต่เจ๊พรีมก็ไม่ได้ตอบอะไร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวขึ้นไปสอบสวนบนชั้นสามของโรงพัก . พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า พรีมได้รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนโอชิรับสารภาพว่าร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส่วนกรรโชกทรัพย์นั้นเขาให้การปฏิเสธ ส่วนการตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรนั้น จากการสอบสวนพยานและผู้เสียหายแล้วยังไม่เข้าข่าย ส่วนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านั้นเราดูจากภาพถ่าย และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปที่ห้องและควบคุมตัวได้นั้น และจากการค้นห้องก็ไม่เจอเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า . "เคสของพรีม พนักงานสอบสวนรับไว้ 4 เคสแล้ว ส่วนที่ข่มขู่จะทำให้หายไปนั้น เป็นเพียงแค่เหตุลหุโทษ แต่ก็ดีที่เขาพูดแบบนี้ เพื่อที่จะใช้ในการคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเป็นการข่มขู่หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการเครียด" ............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว
    .
    วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
    .
    นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031
    ..............
    Sondhi X
    เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว . วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 . นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ . นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา . เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1442 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี

    ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา

    ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย

    ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ

    นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์

    น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา

    #Newskit
    พิรงรองจะล้มยักษ์ ยกแรกคุก 2 ปี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องกรณีที่ กสทช.มีหนังสือแจ้งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ไม่ให้นำช่องรายการไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม True ID เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ศาลเห็นว่าโจทก์เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน True ID มาตั้งแต่ปี 2559 ประเภทผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Over-The-Top หรือ OTT) ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 3/2566 เมื่อ 16 ก.พ. 2566 จำเลยทำหน้าที่ประธาน ที่ประชุมนำวาระการตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องทรูไอดี และแอปฯ True ID มาพิจารณา แต่ที่ประชุมไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ประกอบกับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ OTT เช่นเดียวกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตและกำกับดูแลจาก กสทช. และยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ต่อมาได้มีหนังสือไปยังผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 127 ราย โดยเลขานุการคณะอนุกรรมการฯ จัดทำบันทึกและร่างหนังสือของสำนักงาน กสทช. ตามระบบสารบัญ คนที่กลั่นกรองงานให้แก่รองเลขาธิการ กสทช. สอบถามเหตุผลและความจำเป็นว่าทำไมต้องระบุชื่อ True ID เป็นการเฉพาะ ได้รับแจ้งว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการและเร่งรัดให้จัดทำ ต่อมาการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 จำเลยต่อว่าและตำหนิฝ่ายเลขานุการที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงถึงการให้บริการ True ID และในรายงานการประชุมครั้งที่ 3/2566 ไม่ได้มีมติให้ทำหนังสือแจ้งถึงบริการ True ID แต่บันทึกรายงานการประชุมกลับระบุว่ามีมติรับรอง อันเป็นการทำเอกสารรายงานการประชุมอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ จำเลยยังได้กล่าวถ้อยคำในการประชุมครั้งที่ 3/2566 พยายามโน้มน้าวและรวบรัดการพิจารณา อีกทั้งก่อนจบการประชุมจำเลยใช้คำพูดว่า "ต้องเตรียมตัวจะ จะล้มยักษ์" และยอมรับว่าหมายถึงโจทก์ สื่อความหมายชัดเจนว่าประสงค์ให้กิจการของโจทก์ได้รับความเสียหาย เจตนามุ่งประสงค์กลั่นแกล้งโจทก์และใช้อำนาจไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีผู้ประกอบกิจการหลายรายได้ชะลอหรือขยายเวลาเข้าทำนิติกรรมกับโจทก์ น.ส.พิรงรองได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.2 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. เช่นเดิม ถึงกระนั้นยังต้องต่อสู้อีกสองศาลที่เหลือ ได้แก่ ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไผ่ดาวดิน เตรียมหนีตามเพนกวิ้น รุ้ง โดนโทษหนัก ม.116 ยุยงปลุกปั่นต่อต้านสถาบันฯ ยังให้ประกันตัวอีกหรือ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ไผ่ดาวดิน
    ไผ่ดาวดิน เตรียมหนีตามเพนกวิ้น รุ้ง โดนโทษหนัก ม.116 ยุยงปลุกปั่นต่อต้านสถาบันฯ ยังให้ประกันตัวอีกหรือ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3 #ไผ่ดาวดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย
    .
    สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง
    .
    ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช.
    .
    ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต)
    .
    อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ
    .
    เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน
    .
    ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้
    .
    แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที
    .
    ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที . วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย . สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง . ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช. . ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) . อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ . เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน . ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ . แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที . ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    25
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2193 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลยกคำร้องไม่ให้ประกัน “ทนายตั้ม-ภรรยา” หลังยื่นขอประกันตัว วางโฉนด 6 ล้านบาท ทนายความเปิดเผย อยู่ระหว่างขั้นตอนตรวจหลักฐาน และสอบคำให้การ 7 ก.พ.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011012

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลยกคำร้องไม่ให้ประกัน “ทนายตั้ม-ภรรยา” หลังยื่นขอประกันตัว วางโฉนด 6 ล้านบาท ทนายความเปิดเผย อยู่ระหว่างขั้นตอนตรวจหลักฐาน และสอบคำให้การ 7 ก.พ.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011012 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    19
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144

    #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    ศาลอาญาให้ประกัน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ฉ้อโกงขายทองไม่ตรงปก สั่งติดกำไลอีเอ็ม-ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีออกสื่อเด็ดขาด ชี้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลง จำเลยถูกขังมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งนำเงินมาวางศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ม.ค.) ศาลอาญาได้มีคำสั่งพิจารณาคำร้องขอประกันตัว คดีไลฟ์สด " ขายทองไม่ตรงปก” หมายเลขดำ อทย.582/2567ที่อัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บรีโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ บริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30,47,52 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000010144 • #MGROnline #ศาลอาญา #ประกัน #แม่ตั๊ก #ป๋าเบียร์
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ
    .
    วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
    .
    ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล
    .
    มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี
    .
    สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาให้ประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" สามีภรรยา จำเลยคดีหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพผ่านออนไลน์ โดยวางเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ติดกำไล EM ห้ามไขข่าวกระทบพิจารณาคดี และห้ามออกนอกประเทศ . วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดยนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือเเม่ตั๊ก เป็น จำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น . ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47 และ 52, พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว กรณีที่จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดโฆษณาหลอกลวง ขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน จนมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อซื้อทองคำจากพวกจำเลยไป มูลค่าความเสียหายสูง นัดฟังคำสั่งวันนี้ โจทก์ จำเลยที่ 2-3 ทนายจำเลยที่ 2-3 มาศาล . มีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอาญาอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัว โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม (EM), ให้นำหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุมาวางศาล โดยห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามให้สัมภาษณ์ ไขข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน กระทบการพิจารณาคดี . สำหรับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จับกุมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์ แล้วพบว่าคุณภาพทองคำต่ำกว่ามาตรฐาน เข้าแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก่อนที่จะฝากขัง น.ส.กรกนกที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายกานต์พลที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดีก่อความเสียหายแก่ผู้เสียหายหลายคน และในชั้นสอบสวนยังมีพยานบุคคลที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงยกคำร้อง รวมระยะเวลาที่ทั้งสองถูกจำคุกประมาณ 4 เดือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010118 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    Haha
    Yay
    27
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2181 มุมมอง 1 รีวิว
  • เครื่องหั่น #268 #ทดลองหั่นใบกะเพรา
    เครื่องหั่นสารพัดประโยชน์ สามารถหั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย
    ขนาดใบมีดหัวหั่น ที่มีให้เลือก ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล
    ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย
    👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V
    👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ
    👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย
    👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ
    👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้
    👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก
    👉 ใช้งานได้หลากหลาย
    👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน

    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน

    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #กระทะสับ #สับผสม #ผสมทำลูกชิ้น #เครื่องทำลูกชิ้น #ปอกเปลือก #ปอกหอม #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #เครื่องบดพริกแกง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก #สับผัก #หั่นใบไม้ #หั่นใบกะเพรา
    เครื่องหั่น #268 #ทดลองหั่นใบกะเพรา เครื่องหั่นสารพัดประโยชน์ สามารถหั่นวัตถุดิบได้หลากหลาย ขนาดใบมีดหัวหั่น ที่มีให้เลือก ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย 👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V 👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ 👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย 👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ 👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้ 👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก 👉 ใช้งานได้หลากหลาย 👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #กระทะสับ #สับผสม #ผสมทำลูกชิ้น #เครื่องทำลูกชิ้น #ปอกเปลือก #ปอกหอม #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #เครื่องบดพริกแกง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก #สับผัก #หั่นใบไม้ #หั่นใบกะเพรา
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง
    .
    กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา
    .
    พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
    .
    โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว
    .
    ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป
    .
    ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180
    .........
    Sondhi X
    ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง . กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา . พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน . โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว . ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป . ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1630 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่านิดาคุ๊กกี้จะพยายามฟอกขาวเพียงใด ณ เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า แม่ไผ่ของทุยมี KADEE ฉ้อโGงจริง ถ้าไม่มี ประกันตัวคืออะไรอิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ไม่ว่านิดาคุ๊กกี้จะพยายามฟอกขาวเพียงใด ณ เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า แม่ไผ่ของทุยมี KADEE ฉ้อโGงจริง ถ้าไม่มี ประกันตัวคืออะไรอิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลกชิ๊บห๋าย แค่ได้ประกันตัวKADEEฉ้อโgง ดีใจเหมือนชนะ KADEE รอข่าวดีวันนี้เหอะ อิ SUS
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ตลกชิ๊บห๋าย แค่ได้ประกันตัวKADEEฉ้อโgง ดีใจเหมือนชนะ KADEE รอข่าวดีวันนี้เหอะ อิ SUS #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยู่ดีๆก็จะตุยขึ้นมา
    อ้างว่า ถึงจะมีม๋ายจับ ก็แค่KADEE เช็ค
    มีม๋ายจับก็ไปรายงานตัวแล้วประกัน
    มีแต่ทุยเท่านั้นที่เชื่อ เพราะความง่าว
    กระบวนการคือ
    มันถูกฟ๊องฉ้อโGง โดยเช๊คเด้ง 9 ใบ
    เป็นเช๊คที่จ่ายให้ไฟแน๊นซ์ ที่มันไปออกรถเบนลี
    ราคาสิบกว่าล้าน แล้วเอาไปจำนำทันที
    ได้มาล้านห้า แล้วไม่ผ่อน ไอ่คนรับจำนำก็อยู่แถววัดแขก
    เอารถไปซ่อนแอบ แต่ตามเจอป่าวไม่รู้ได้ยินว่าขับไปปล่อยเหนือ
    ปล่อยที่สองล้าน แต่น่าจะเกมส์
    ไฟแน๊นซ์ก็เลยฟ๊อง ไปรับปากศาล ตีเช็คให้ 9 ใบ
    แต่บิดอีกต่อเนื่อง คราวนี้ไม่รู้ทำไง san นัด
    คราวนี้ หนี๋เลย ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ KADEE เช๊คอย่างที่มันแถ
    แต่เป็นการหนี๋KADEEฉ้อโGง รีบบินไปเกาหลีด่วนมาก
    เพราะไม่มึจ่ายตามนัดแน่ๆ ตอนที่มันโดนฟ๊อง
    มันก็ประกันตัวเองออกมาสู้ แต่มันไม่ได้สู้ มันหนี๋
    SAN จึงถอนประกันตัว จึงมีม๋ายจับ
    แล้วที่มันต้มทุยว่า กลับไปยืนยันตัวแล้วก็ได้ประกัน
    อันนี้ไม่ใช่นะจ๊ะ มีประวัติหนี๋KADEE แล้ว
    ถ้ามาถึงโดนรวบ เข้าแดนหญิงทันที จนกว่าKADEE จะเสร็จสิ้น
    ส่วนที่อ้างว่า เอารูปอะไรมา ตั้งแต่กี่ปีไม่รู้
    คือ ภาพที่เจ้าหน้าที่ใช้ คือภาพจากทะเบียนราษฎร์
    มันจะเอาภาพปัจจุบันยังไง ก็ปัจจุบันเมิงหนี๋KADEE
    มันคือภาพในบัตร ปชช เมิงนั่นแหละ แค่ภาพมันตรงปก
    ดูที่เมิงไลฟ์นี่ ไม่ได้ต่างกันเลย จะเอาแค่หลักฐานว่าภาพไม่ใช่ปัจจุบัน แปลว่าม๋ายจับไม่จริง มีแต่ทุยเท่านั้นแหละที่เชื่อ
    ไอ่ฟาย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    อยู่ดีๆก็จะตุยขึ้นมา อ้างว่า ถึงจะมีม๋ายจับ ก็แค่KADEE เช็ค มีม๋ายจับก็ไปรายงานตัวแล้วประกัน มีแต่ทุยเท่านั้นที่เชื่อ เพราะความง่าว กระบวนการคือ มันถูกฟ๊องฉ้อโGง โดยเช๊คเด้ง 9 ใบ เป็นเช๊คที่จ่ายให้ไฟแน๊นซ์ ที่มันไปออกรถเบนลี ราคาสิบกว่าล้าน แล้วเอาไปจำนำทันที ได้มาล้านห้า แล้วไม่ผ่อน ไอ่คนรับจำนำก็อยู่แถววัดแขก เอารถไปซ่อนแอบ แต่ตามเจอป่าวไม่รู้ได้ยินว่าขับไปปล่อยเหนือ ปล่อยที่สองล้าน แต่น่าจะเกมส์ ไฟแน๊นซ์ก็เลยฟ๊อง ไปรับปากศาล ตีเช็คให้ 9 ใบ แต่บิดอีกต่อเนื่อง คราวนี้ไม่รู้ทำไง san นัด คราวนี้ หนี๋เลย ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ KADEE เช๊คอย่างที่มันแถ แต่เป็นการหนี๋KADEEฉ้อโGง รีบบินไปเกาหลีด่วนมาก เพราะไม่มึจ่ายตามนัดแน่ๆ ตอนที่มันโดนฟ๊อง มันก็ประกันตัวเองออกมาสู้ แต่มันไม่ได้สู้ มันหนี๋ SAN จึงถอนประกันตัว จึงมีม๋ายจับ แล้วที่มันต้มทุยว่า กลับไปยืนยันตัวแล้วก็ได้ประกัน อันนี้ไม่ใช่นะจ๊ะ มีประวัติหนี๋KADEE แล้ว ถ้ามาถึงโดนรวบ เข้าแดนหญิงทันที จนกว่าKADEE จะเสร็จสิ้น ส่วนที่อ้างว่า เอารูปอะไรมา ตั้งแต่กี่ปีไม่รู้ คือ ภาพที่เจ้าหน้าที่ใช้ คือภาพจากทะเบียนราษฎร์ มันจะเอาภาพปัจจุบันยังไง ก็ปัจจุบันเมิงหนี๋KADEE มันคือภาพในบัตร ปชช เมิงนั่นแหละ แค่ภาพมันตรงปก ดูที่เมิงไลฟ์นี่ ไม่ได้ต่างกันเลย จะเอาแค่หลักฐานว่าภาพไม่ใช่ปัจจุบัน แปลว่าม๋ายจับไม่จริง มีแต่ทุยเท่านั้นแหละที่เชื่อ ไอ่ฟาย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องหั่น #268 เครื่องหั่นสารพัดประโยชน์ สามารถหั่นวัตถุดิบได้หลาก
    ขนาดใบมีดหัวหั่น ที่มีให้เลือ ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล
    ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย
    👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V
    👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ
    👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย
    👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ
    👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้
    👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก
    👉 ใช้งานได้หลากหลาย
    👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #กระทะสับ #สับผสม #ผสมทำลูกชิ้น #เครื่องทำลูกชิ้น #ปอกเปลือก #ปอกหอม #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #เครื่องบดพริกแกง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก
    เครื่องหั่น #268 เครื่องหั่นสารพัดประโยชน์ สามารถหั่นวัตถุดิบได้หลาก ขนาดใบมีดหัวหั่น ที่มีให้เลือ ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย 👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V 👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ 👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย 👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ 👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้ 👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก 👉 ใช้งานได้หลากหลาย 👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ m.me/yonghahheng 👈🏻แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #กระทะสับ #สับผสม #ผสมทำลูกชิ้น #เครื่องทำลูกชิ้น #ปอกเปลือก #ปอกหอม #ปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องบด #บดหมู #เครื่องบดพริกแกง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดโครงไก่ #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นพริกแห้ง #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริกทอดกรอบ #แหนมหมู #หั่นปลาหมึกกรอบ #หั่นพริกทอดกรอบ #หั่นปลาดุก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1007 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด

    น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท • ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด • น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 686 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรคข่าวลือ “มิน พีชญา“ ได้ประกันตัว แหล่งข่าวยืนยันยังไม่มีการปล่อยตัว 18 บอสดิไอคอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125369

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เบรคข่าวลือ “มิน พีชญา“ ได้ประกันตัว แหล่งข่าวยืนยันยังไม่มีการปล่อยตัว 18 บอสดิไอคอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125369 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    14
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1678 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่างแล้ว!ศาลไม่ให้ประกันตัว "เบิร์ด วันว่างๆ "ส่งตัวเข้าเรือนจำ (30/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แกล้งคนจนเสียชีวิต #คอนเทนต์ต่ำ
    ไม่ว่างแล้ว!ศาลไม่ให้ประกันตัว "เบิร์ด วันว่างๆ "ส่งตัวเข้าเรือนจำ (30/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แกล้งคนจนเสียชีวิต #คอนเทนต์ต่ำ
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1539 มุมมอง 62 0 รีวิว
  • พบ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูฯ สายแข่งรถเคยถูกทาง ปปง. ยึดทรัพย์ทั้งรถยนต์ แบรนด์เนม รวมกว่า 45 ล้านบาท หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันของ "อั้ม ภูมิพัฒน์" สามีนักแสดง แยม ธมลพรรณ์ พบเคยอยู่บ้านหลังเดียวกับอั้ม แต่ตรวจสอบเส้นเงินไปไม่ถึง

    วันนี้ (29 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี ตรวจค้นและจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ อายุ 32 ปี อินฟลูเอนเซอร์สายแข่งรถ ที่คฤหาสน์หรูเลขที่ 112/12 หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 28 ธ.ค. พร้อมของกลางอาวุธปืน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์มือถือ พร้อมกันนี้ยังแสดงหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี จับกุมนายเอกชาติ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กรณีเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้เปิดร้านออมสินการเกษตร เลขที่ 74/1 ต.ทุ่งเบญจา ที่นายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี ถูกนายเอกชาติท้าให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขนาน เพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นบาท แล้วปรากฎว่าเกิดอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. โดยได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์ร้ายแรง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124904

    #MGROnline #เอ็มเอกชาติ #อั้มภูมิพัฒน์
    พบ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูฯ สายแข่งรถเคยถูกทาง ปปง. ยึดทรัพย์ทั้งรถยนต์ แบรนด์เนม รวมกว่า 45 ล้านบาท หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันของ "อั้ม ภูมิพัฒน์" สามีนักแสดง แยม ธมลพรรณ์ พบเคยอยู่บ้านหลังเดียวกับอั้ม แต่ตรวจสอบเส้นเงินไปไม่ถึง • วันนี้ (29 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี ตรวจค้นและจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ อายุ 32 ปี อินฟลูเอนเซอร์สายแข่งรถ ที่คฤหาสน์หรูเลขที่ 112/12 หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 28 ธ.ค. พร้อมของกลางอาวุธปืน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์มือถือ พร้อมกันนี้ยังแสดงหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี จับกุมนายเอกชาติ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กรณีเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้เปิดร้านออมสินการเกษตร เลขที่ 74/1 ต.ทุ่งเบญจา ที่นายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี ถูกนายเอกชาติท้าให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขนาน เพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นบาท แล้วปรากฎว่าเกิดอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. โดยได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์ร้ายแรง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124904 • #MGROnline #เอ็มเอกชาติ #อั้มภูมิพัฒน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 0 รีวิว
  • “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน
    plew

    เปลว สีเงิน

    คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ
    สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน”
    บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ

    Anwar Ibrahim
    รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์

    รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน

    การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา

    เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า

    จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย
    ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค

    ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย

    หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน

    ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น
    แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง.

    นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง

    ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร”
    ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.)

    “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว”
    จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘

    โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า
    นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

    ในความรู้สึกผม….
    ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว

    ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์

    แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง

    กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน!

    ถามว่าผิดมั้ย?
    ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ”

    หรือพูดกันชัดๆ…
    นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย!

    เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง….
    หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้

    มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้?
    เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!?

    แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น
    น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”!

    ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้

    แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย

    “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้
    แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้!

    เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล
    “หยุดงาน-ลางาน” ได้

    แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์

    คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น

    อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”…….
    นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน”

    ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก

    ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น
    ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ

    เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง”
    เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ

    ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม”
    “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย

    คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด!
    นี่คือ “สำนึกผู้นำ”

    ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า…..

    จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ?

    โบราณท่านบอก….
    เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ”

    แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง”

    เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน
    คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา

    มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง

    พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง
    จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ

    ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง
    คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย

    หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์”

    อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕
    เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน

    ผมเล่าตามข่าวนะ …..
    “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี
    หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ?
    ลองทายกันดูซิ….

    เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน
    “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี?

    แค่บอกว่า
    “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล

    โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป

    จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท”

    ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก!

    แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร?

    อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ”

    แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย

    ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์
    พบ-พูดคุยกันแล้ว….
    อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย?

    อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร”
    จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ?

    -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย”

    ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ

    อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน”

    และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”!

    “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก”
    แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล?

    เปลว สีเงิน
    ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน plew เปลว สีเงิน คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน” บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ Anwar Ibrahim รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์ รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง. นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.) “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว” จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘ โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ? ในความรู้สึกผม…. ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์ แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน! ถามว่าผิดมั้ย? ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ” หรือพูดกันชัดๆ… นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย! เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง…. หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้ มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้? เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!? แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”! ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้ แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้ แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้! เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล “หยุดงาน-ลางาน” ได้ แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์ คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”……. นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน” ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง” เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม” “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด! นี่คือ “สำนึกผู้นำ” ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า….. จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ? โบราณท่านบอก…. เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ” แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง” เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์” อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน ผมเล่าตามข่าวนะ ….. “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ? ลองทายกันดูซิ…. เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี? แค่บอกว่า “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท” ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก! แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร? อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ” แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์ พบ-พูดคุยกันแล้ว…. อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย? อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร” จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ? -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย” ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน” และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”! “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก” แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล? เปลว สีเงิน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 803 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด

    วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด

    เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล

    #MGROnline #ดีเจแมน
    MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด • วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด • เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล • #MGROnline #ดีเจแมน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ปูนบำเหน็จ ตำรวจ รองสารวัตรจราจร โคราชเหยื่อลุงเมาซิ่ง ซีอาร์วี ชน เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่หน้าโรงเรียน เผยเพิ่มเงินเดือน 3 ขั้น และปูนบำเหน็จ 3 ชั้นยศ จาก “ร.ต.ท” เป็น “พ.ต.ท” ส่วนผู้ขับขี่ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก โทษจำคุก 3-10 ปี และ ค้านประกันตัว

    วันนี้ ( 24 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุ นายสมศักดิ์ อาศรัยจ้าว อายุ 75 ปี ข้าราชการเกษียณ ซึ่งรถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์ ทะเบียน ขง 2408 นครราชสีมา พุ่งชนตำรวจจราจร เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง แม่ค้า ประชาชนและรถยนต์คันอื่นๆ ที่บริเวณหน้าโรงเรียนโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ ร.ต.ท.วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ อายุ 57 ปี รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา และ มีผู้บาดเจ็บอีก 9 คน เป็นแม่ค้า 1 คน ผู้ปกครอง 4 คน และ เด็กนักเรียนอีก 4 คน ในจำนวนนี้มีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ซึ่ง ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์นายสมศักดิ์คนขับรถพบว่าสูงถึง 197 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ( 23 ธ.ค.) นั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000123395

    #MGROnline #นครราชสีมา #ปูนบำเหน็จ #ตำรวจ #รองสารวัตรจราจร #โคราช #เหยื่อลุงเมาซิ่ง
    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ปูนบำเหน็จ ตำรวจ รองสารวัตรจราจร โคราชเหยื่อลุงเมาซิ่ง ซีอาร์วี ชน เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่หน้าโรงเรียน เผยเพิ่มเงินเดือน 3 ขั้น และปูนบำเหน็จ 3 ชั้นยศ จาก “ร.ต.ท” เป็น “พ.ต.ท” ส่วนผู้ขับขี่ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก โทษจำคุก 3-10 ปี และ ค้านประกันตัว • วันนี้ ( 24 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุ นายสมศักดิ์ อาศรัยจ้าว อายุ 75 ปี ข้าราชการเกษียณ ซึ่งรถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์ ทะเบียน ขง 2408 นครราชสีมา พุ่งชนตำรวจจราจร เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง แม่ค้า ประชาชนและรถยนต์คันอื่นๆ ที่บริเวณหน้าโรงเรียนโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ ร.ต.ท.วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ อายุ 57 ปี รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา และ มีผู้บาดเจ็บอีก 9 คน เป็นแม่ค้า 1 คน ผู้ปกครอง 4 คน และ เด็กนักเรียนอีก 4 คน ในจำนวนนี้มีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ซึ่ง ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์นายสมศักดิ์คนขับรถพบว่าสูงถึง 197 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ( 23 ธ.ค.) นั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000123395 • #MGROnline #นครราชสีมา #ปูนบำเหน็จ #ตำรวจ #รองสารวัตรจราจร #โคราช #เหยื่อลุงเมาซิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนจำหน่ายสินค้า "ดิไอคอน กรุ๊ป" ยื่นหลักฐานถอนเเจ้งความบรรดา 18 บอส คดีฉ้อโกง ให้ อสส.พิจารณา ยันไม่ได้ถูกบังคับ แต่ธุรกิจขายสินค้าจริง

    วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.เเจ้งวัฒนะ ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ดิไอคอน กรุ๊ป ที่เคยแจ้งความคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้นำเอารายงานประจำวันผู้ที่เคยแจ้งความไว้ และขอถอนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ส่งมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า มีความประสงค์ในการถอนแจ้งความ จึงอยากให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอบันทึกสอบปากคำพยานทุกฝ่ายที่เคยให้การไว้ใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสั่งคดีของพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดี

    ซึ่งวันนี้กลุ่มตัวเเทนได้นำเอกสาร มายื่นประกอบการพิจารณา คือ
    1.บันทึกประจำวันแสดงเจตนาขอให้การเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงตามข้อเท็จจริง
    2.เอกสารเป็นพยานให้บุคคลในคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป
    3.เอกสารบันทึกแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องหา เพิ่มเติม
    4.เอกสารรับรองการประกันตัว นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล

    โดยกลุ่มตัวแทน บอกว่า กลุ่มบุคคลที่มีความประสงค์จะถอนแจ้งความตอนนี้รวมตัวกันได้หลักร้อยคน ทุกคนยืนยันว่า การรวมตัวเพื่อร้องเรียนกรณีนี้ ไม่มีการถูกบังคับแต่อย่างใด ซึ่งทุกคนในตอนนั้นที่ตัดสินใจไปแจ้งความ สาเหตุ เพราะเกรงกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย เนื่องจากเข้าใจผิดว่า ดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิดไปด้วย ทั้งที่จริงเป็นธุรกิจถูกกฎหมายสามารถสร้างรายได้ได้จริง ไม่ได้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิด จึงไปแจ้งความความ เพราะกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย

    ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รวมตัวกันไปถอนแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามปราบแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ถอนแจ้งความ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000123346

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    ตัวแทนจำหน่ายสินค้า "ดิไอคอน กรุ๊ป" ยื่นหลักฐานถอนเเจ้งความบรรดา 18 บอส คดีฉ้อโกง ให้ อสส.พิจารณา ยันไม่ได้ถูกบังคับ แต่ธุรกิจขายสินค้าจริง • วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.เเจ้งวัฒนะ ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ดิไอคอน กรุ๊ป ที่เคยแจ้งความคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้นำเอารายงานประจำวันผู้ที่เคยแจ้งความไว้ และขอถอนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ส่งมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า มีความประสงค์ในการถอนแจ้งความ จึงอยากให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอบันทึกสอบปากคำพยานทุกฝ่ายที่เคยให้การไว้ใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสั่งคดีของพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดี • ซึ่งวันนี้กลุ่มตัวเเทนได้นำเอกสาร มายื่นประกอบการพิจารณา คือ 1.บันทึกประจำวันแสดงเจตนาขอให้การเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงตามข้อเท็จจริง 2.เอกสารเป็นพยานให้บุคคลในคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป 3.เอกสารบันทึกแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องหา เพิ่มเติม 4.เอกสารรับรองการประกันตัว นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล • โดยกลุ่มตัวแทน บอกว่า กลุ่มบุคคลที่มีความประสงค์จะถอนแจ้งความตอนนี้รวมตัวกันได้หลักร้อยคน ทุกคนยืนยันว่า การรวมตัวเพื่อร้องเรียนกรณีนี้ ไม่มีการถูกบังคับแต่อย่างใด ซึ่งทุกคนในตอนนั้นที่ตัดสินใจไปแจ้งความ สาเหตุ เพราะเกรงกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย เนื่องจากเข้าใจผิดว่า ดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิดไปด้วย ทั้งที่จริงเป็นธุรกิจถูกกฎหมายสามารถสร้างรายได้ได้จริง ไม่ได้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิด จึงไปแจ้งความความ เพราะกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย • ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รวมตัวกันไปถอนแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามปราบแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ถอนแจ้งความ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000123346 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts