• ด่วน! ตร.ส่งสำนวน "ตึก สตง.ถล่ม" 9.8 หมื่นแผ่น ให้อัยการฟัน 23 ราย "เปรมชัย" โดนด้วย!
    https://www.thai-tai.tv/news/20447/
    .
    #ตึกสตงถล่ม #เปรมชัยกรรณสูต #สำนักงานอัยการสูงสุด #สำนวนคดี #ฝากขัง #ตำรวจ #คดีอาญา #ความยุติธรรม #ข่าวอาชญากรรม #นิติบุคคล

    ด่วน! ตร.ส่งสำนวน "ตึก สตง.ถล่ม" 9.8 หมื่นแผ่น ให้อัยการฟัน 23 ราย "เปรมชัย" โดนด้วย! https://www.thai-tai.tv/news/20447/ . #ตึกสตงถล่ม #เปรมชัยกรรณสูต #สำนักงานอัยการสูงสุด #สำนวนคดี #ฝากขัง #ตำรวจ #คดีอาญา #ความยุติธรรม #ข่าวอาชญากรรม #นิติบุคคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง

    วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง

    โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง

    หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841

    #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง • วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง • โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง • หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841 • #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.สนธิ ครับ “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่” ต้องสร้างให้สมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นให้มี เพื่อเป็นภาพให้ภาคประชาชนเรามุ่งก้าวเดิน เพื่อเดินเป็นเอกภาพกัน
    ซึ่ง “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2” นี้ มันเป็นร่างขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องช่วยกันพัฒนาร่างใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด
    เพราะมันจะเป็นแม่บทให้ก้าวเดินเอกภาพกัน เพื่อเป็นแม่บทแด่”พรรคการเมืองใหม่”ก้าวเดิน

    โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2 .. ศุกร์ 18-7-68 E:\
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า
    A======================== =============


    อ.สนธิ ครับ “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่” ต้องสร้างให้สมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นให้มี เพื่อเป็นภาพให้ภาคประชาชนเรามุ่งก้าวเดิน เพื่อเดินเป็นเอกภาพกัน ซึ่ง “โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2” นี้ มันเป็นร่างขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้น ต้องช่วยกันพัฒนาร่างใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะมันจะเป็นแม่บทให้ก้าวเดินเอกภาพกัน เพื่อเป็นแม่บทแด่”พรรคการเมืองใหม่”ก้าวเดิน โครงสร้าง สังคมยุคใหม่ ภาค 1.2 .. ศุกร์ 18-7-68 E:\ 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้ -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า A======================== =============
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า
    A======================== =============

    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\ 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้ -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า A======================== =============
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวิ่งทิพย์ 18 มงกุฎผุดอีเวนต์

    กระแสออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ทำให้งานวิ่งได้รับความนิยม ตั้งแต่มินิมาราธอนยันไตรกีฬา แต่บางครั้งงานวิ่งกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ ที่สุดท้ายนักวิ่งต้องรอเก้อเพราะงานวิ่งไม่เกิดขึ้นจริง เฉกเช่นงาน Run for Destination 2025 ที่สวนหลวง ร.๙ วันที่ 25 พ.ค. ปรากฎว่าพอถึงวันงานจริงมีเพียงแต่ซุ้มประตู และนักวิ่งจำนวนมากต่างรอคอยด้วยความงุนงง พอรู้ว่าถูกหลอกก็เสียความรู้สึก ต่างแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดงานที่ สน.ประเวศ

    มลฤดี อายุ 42 ปี และ สุชานันท์ อายุ 31 ปี กรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนเปิดเผยว่าจัดงานวิ่งเป็นครั้งแรก ขออนุญาตสำนักงานเขตและสวนหลวง ร.๙ เรียบร้อย อ้างว่าขาดประสบการณ์ เพราะว่าจ้างออแกไนซ์รายหนึ่งแต่กลับยกเลิกกะทันหัน และไม่มีบริษัทไหนรับงาน จึงพยายามหาส่วนต่างๆ เองเพื่อให้งานเดินต่อ ส่วนการเยียวยาขอหารือก่อนแต่ก็ต้องทยอยชดเชย เพราะการจัดงานมีต้นทุน ยอมรับว่าความเชื่อมั่นบริษัทหายไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจต่อ

    อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนและกระแสโซเชียลฯ ต่างขุดค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลผู้จัดงาน พบว่าเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมจัดแข่งขันแบดมินตันอีกด้วย อีกด้านหนึ่งพบว่าชื่อกรรมการยังเชื่อมโยงกับขบวนการมิจฉาชีพในคราบนายหน้าติวเตอร์ กรรมการรายหนึ่งถูกระบุว่าฉ้อโกงค่านายหน้าติวเตอร์ 2 ครั้ง ยอดรวม 2,250 บาท อีกรายหนึ่งเคยเป็นนายหน้ามาก่อน ติวเตอร์ระบุว่างานที่ได้รับมาส่วนมากเด็กหายไป ขาดบ่อย ตอนเรียนก็เงียบ และยังพบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่เคยหลอกลวงติวเตอร์รายหนึ่งมาแล้ว จากบัญชีที่คืนเงิน

    กรณีงานวิ่งทิพย์ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2560 เคยมีการจัดงานเนินมะปราง ซีนิค มาราธอน ที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ปรากฎว่ายกเลิกแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้นักวิ่งกว่า 1,200 คนได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจึงร่วมกันจัดงานปลอบใจนักวิ่งเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ส่วนผู้จัด นายเวหา แสนชนชนะศึก ประกาศแจ้งให้ขอคืนเงินค่าสมัครผ่านทางอีเมล แต่นักวิ่งไม่ได้เงินคืน คดีนี้ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 25,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี ปัจจุบันถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี

    งานวิ่งทิพย์เป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผู้สมัครงานวิ่งต่างๆ ถ้าหากงานวิ่งใดไม่ใช้บริการระบบรับสมัครงานวิ่งจากบริษัทโดยเฉพาะ แต่ให้โอนเงินโดยตรง ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง หากเจอผู้จัดงานที่ไม่มีโปร์ไฟล์ ไม่น่าเชื่อถือ งานวิ่งอาจไม่มีจริง

    #Newskit
    งานวิ่งทิพย์ 18 มงกุฎผุดอีเวนต์ กระแสออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ทำให้งานวิ่งได้รับความนิยม ตั้งแต่มินิมาราธอนยันไตรกีฬา แต่บางครั้งงานวิ่งกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ ที่สุดท้ายนักวิ่งต้องรอเก้อเพราะงานวิ่งไม่เกิดขึ้นจริง เฉกเช่นงาน Run for Destination 2025 ที่สวนหลวง ร.๙ วันที่ 25 พ.ค. ปรากฎว่าพอถึงวันงานจริงมีเพียงแต่ซุ้มประตู และนักวิ่งจำนวนมากต่างรอคอยด้วยความงุนงง พอรู้ว่าถูกหลอกก็เสียความรู้สึก ต่างแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดงานที่ สน.ประเวศ มลฤดี อายุ 42 ปี และ สุชานันท์ อายุ 31 ปี กรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนเปิดเผยว่าจัดงานวิ่งเป็นครั้งแรก ขออนุญาตสำนักงานเขตและสวนหลวง ร.๙ เรียบร้อย อ้างว่าขาดประสบการณ์ เพราะว่าจ้างออแกไนซ์รายหนึ่งแต่กลับยกเลิกกะทันหัน และไม่มีบริษัทไหนรับงาน จึงพยายามหาส่วนต่างๆ เองเพื่อให้งานเดินต่อ ส่วนการเยียวยาขอหารือก่อนแต่ก็ต้องทยอยชดเชย เพราะการจัดงานมีต้นทุน ยอมรับว่าความเชื่อมั่นบริษัทหายไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจต่อ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนและกระแสโซเชียลฯ ต่างขุดค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลผู้จัดงาน พบว่าเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมจัดแข่งขันแบดมินตันอีกด้วย อีกด้านหนึ่งพบว่าชื่อกรรมการยังเชื่อมโยงกับขบวนการมิจฉาชีพในคราบนายหน้าติวเตอร์ กรรมการรายหนึ่งถูกระบุว่าฉ้อโกงค่านายหน้าติวเตอร์ 2 ครั้ง ยอดรวม 2,250 บาท อีกรายหนึ่งเคยเป็นนายหน้ามาก่อน ติวเตอร์ระบุว่างานที่ได้รับมาส่วนมากเด็กหายไป ขาดบ่อย ตอนเรียนก็เงียบ และยังพบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่เคยหลอกลวงติวเตอร์รายหนึ่งมาแล้ว จากบัญชีที่คืนเงิน กรณีงานวิ่งทิพย์ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2560 เคยมีการจัดงานเนินมะปราง ซีนิค มาราธอน ที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ปรากฎว่ายกเลิกแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้นักวิ่งกว่า 1,200 คนได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจึงร่วมกันจัดงานปลอบใจนักวิ่งเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ส่วนผู้จัด นายเวหา แสนชนชนะศึก ประกาศแจ้งให้ขอคืนเงินค่าสมัครผ่านทางอีเมล แต่นักวิ่งไม่ได้เงินคืน คดีนี้ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 25,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี ปัจจุบันถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี งานวิ่งทิพย์เป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผู้สมัครงานวิ่งต่างๆ ถ้าหากงานวิ่งใดไม่ใช้บริการระบบรับสมัครงานวิ่งจากบริษัทโดยเฉพาะ แต่ให้โอนเงินโดยตรง ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง หากเจอผู้จัดงานที่ไม่มีโปร์ไฟล์ ไม่น่าเชื่อถือ งานวิ่งอาจไม่มีจริง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ
    โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568

    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ


    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์
    ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง

    ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้
    คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ


    สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม
    ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ
    คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
    การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่


    สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด
    เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ
    ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า
    การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์●


    ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน
    ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก●
    ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ
    การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก


    THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST
    ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ
    ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง
    การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ


    การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง
    คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง
    แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า
    การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ●



    รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ
    เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี
    ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว
    การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ●


    ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE
    เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ
    นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่●
    การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้


    สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร
    มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง
    พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน
    การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา


    สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร?
    ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก
    แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา
    การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน





    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568 หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์ ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้ คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่ สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์● ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก● ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ● รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ● ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่● การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้ สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร? ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า,
    ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย.
    ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก.

    .
    รัฐบาลใหญ่
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!


    โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849
    เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย!

    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา

    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง!


    สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด
    โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้
    สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ


    สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร
    เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ
    คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว



    พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส
    คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?!
    หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย
    เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ
    ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”]



    แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น
    ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย!
    ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ
    คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น
    ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์
    พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด


    เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง
    ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ
    บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง
    หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น)
    นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต


    CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย
    ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
    และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ
    รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ


    ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ
    อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง:
    “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...”
    นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล


    คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส
    นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้●
    คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้
    ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ?
    ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว!

    ..
    ..ประเทศไทยเราเองก็อาจเดินตามอเมริกาเช่นกัน,สูติบัตรเราคือการค้ำประกันหนี้แก่ประเทศไทย ,คือคนไทยทุกๆคนมีค่าตัวตั้งแต่เกืดมาทันทีหรือมีมูลค่าทันที,เพราะคนไทยคือทรัพย์สินมิใช่สิ่งมีชีวิต,ทาสก็ว่า เทียบใบหุ้นใบหนึ่งหรือตราสารหนี้ระดับชาติโดยค้ำประกันหนี้จากคนไทย,เพราะคนไทยคือแหล่งค้ำประกันหนี้คือสูติบัตรเราอ้างสมมุติไปทำแทนตัวเป็นๆ,อเมริกาสูติบัตรเขามีมูลค่าเป็นล้านเหรียญและปั่นจนกว่าพันล้านเหรียญ,คนไทยก็คงเช่นกันปั่นกว่าพันล้านถึงหมื่นล้านบาทแน่ๆต่อสูติบัตร1คน,ยิ่งมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ มีมูลน่าเชื่อได้,รัฐฐะทั่วโลกฝ่ายอีลิทชนชั้นสูงยึดปกครองหมด แน่นอนมันต้องวางหมากวางนโยบายปั่นตีตรามูลค่าสูติบัตรเป็นนโยบายหลักบังคับใช้ในทุกๆประเทศทั่วโลกที่มันปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ไทยด้วย,ธนาคารมันอีลิทก็ต้นคิดก่อตั้งแม้ในไทยก็ด้วย,ตลาดหุ้นในไทยมันเองอีกที่ก่อการหัวคิดก่อตั้งในไทยให้ขี้ข้าสมุนรับใช้ในไทยเดินเนื้องานลงหน้างานดำเนินการเปิดให้ได้,พะสาสูติบัตรแน่นอนมันสร้างมูลลค่าแน่ๆและยิ่งฝ่ายดีถ้ามีและคิดอ่านทำอีก แสดงว่าฝ่ายไม่ดียิ่งเหี้ย หามุกโกงแดกฝ่ายดีที่ตั้งราคาหัวสูติบัตรคนบนโลกไว้,ฝ่ายไม่ดีอาสาทำงานให้ฝ่ายดีก็ว่า ,โดยขณะทำงานก็คตโกงสร้างมุกต่างๆวางหมากวางสนุ๊คต่างๆโกงตังชาวโลกก็ว่าในกองทุนกลางของโลกฝ่ายดีที่โอนตังให้ชาวโลกใช้หรือตั้งมูลค่าตังไว้แล้วว่าตลอดการเกิดถึงตาย คนแต่ละน่าจะใช้จ่ายตังดำรงชีพจนถึงตายคงประมาณนี้ ร้อยล้านพันล้านก็ว่าไป,พวกฝ่ายไม่ดีก็ล้างสมองมิให้เรารับรู้ผ่านผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆอย่าเปิดปากบอกคนพวกนี้นะก็ว่า,ก็เปิดธนาคาร ปล่อยกู้โดยเอาตังเราๆนั้นล่ะมาปล่อย กินสองทาง ทางตรงแดกจากกองทุนเช่นซื้อบ้านจ่าย10ล้าน กองทุนจ่ายทันที10ล้านโดยเราไม่รู้หรือหักผ่านกองทุนเราใครมันแต่ละคนที่ส่วนกลางกำหนดไว้แล้วอาทิคนละ1หมื่นล้านบาทในไทย หักอัตโนมัติซื้อบ้านที่ดินรถนั้นนี้โน้นตลอดชีพผ่านกองทุนใครมัน,แต่รัฐฐะที่ปกครองล้มเหลวผิดพลาดหมายแดก เสือกมิให้คนไทยรับรู้,หอบตังเหมารวมว่าเองอาจกว่าล้านล้านล้านบาท จากนั้นกระจายให้อีลิทกิจการขี้ข้าทาสซาตานเครือข่ายเต็มไทยไปทำ แบบแบงค์ก็ปล่อยกู้ กิน2ต่อ ต่อที่1กินจากทางตรงของกองทุนที่ว่า,ต่อที่2กินจากคนไทยคนนั้นล่ะมาซื้อมาผ่อนมาจ่ายค่าดาวน์ค่าผ่อนในอนาคตตลอด30ปีหรือกว่า50ปีที่ทำในสัญญาณผ่อนกับแบงค์ในค่าผ่อนน้อยๆใครผ่อนมากๆเดือนละ4-5หมื่นอาจหมด3-4ปีก็หมดหนี้บ้านหนี้รถหนี้ที่ดินที่ซื้อผ่อนกับแบงค์,ทั้งที่จริงๆรัฐฐะที่ดีหากทำถูกตรง ประชาชนจะไม่เสียตังอะไรใดๆโดยรัฐฐะจ่ายตรงหักผ่านกองทุนที่รัฐฐะดูแลบัญชีกองทุนแทนบุคคลนั้นๆทันที,ไม่อุ๊บอิ๊บกินเองร่วมกับเอกชนเครือข่ายฝ่ายไม่ดีก็ว่า, ..สูติบัตรเรามีมูลค่าแต่ฝ่ายไม่ดีมาปล้นมาชิงเอาไปจากความไม่รู้ของคนทั้งโลก นำโดยผู้นำผู้ปกครองในประเทศนั้นๆสมคบคิดกับโจรเหล่านี้ด้วย. ..คนไทยร่ำรวยเลยถ้าจริงแบบนี้,บ่อน้ำมันบ่อทองคำจะเสมือนเพียงตัวหลอก จริงๆอาจคือสมบัติร่วมสร้างโลกพัฒนาโลกวิวัฒนาการโลกไปทางดีงานแบ่งปันช่วยเหลือกันและกันหรือซึ่งกันและกันได้สบาย,ผลิตเกินส่วนไหน สามารถเอาส่วนเกินนั้นส่งไปช่วยเหลือพื้นที่ตรงจุดของโลกส่วนอื่นๆที่ผู้คนชาวโลกเรายังขาดแคลนได้เช่นอาหารการกินต่างๆพืชผักผลไม้ ไม่ต้องทำลายทิังได้ เผลอส่งเสริมการแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อกันและกันในราคามิตรภาพอีก. . รัฐบาลใหญ่ เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! โดย เมเดีย กรีเร่14 เมษายน 2568อัปเดต:19 พฤษภาคม 256849 เปิดเผย: คําโกหกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา – พันธบัตรสูติบัตรของคุณมีมูลค่าหลายพันล้าน แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย! พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! หมายเหตุบรรณาธิการ: ข้อมูลที่แบ่งปันในเนื้อหานี้มีต้นกําเนิดมาจาก เรดดิต, วิกิพีเดีย และ X เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยชุมชนและสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ และความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ ฉันเพียงแบ่งปันเนื้อหานี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่อ้างสิทธิ์การประพันธ์หรือความรับผิดชอบต่อเนื้อหา สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงเอกสาร—มันเป็น พันธบัตรมูลค่าหลายล้าน ซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ! รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเจ้าของคุณตั้งแต่แรกเกิด ตื่น และเรียนรู้ว่าคุณถูกขาย ถูกเอารัดเอาเปรียบ และ ทาส! อ่านตอนนี้ก่อนที่พวกเขาจะฝังความจริง! สูติบัตรของคุณ: การหลอกลวงขั้นสูงสุด – วิธีที่คุณถูกซื้อและขายตั้งแต่แรกเกิด โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นของทาสยุคใหม่- ตื่น! ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าสู่โลกนี้ คุณตกเป็นทาส คุณไม่ยินยอม คุณไม่ได้รับทางเลือก คุณผูกพันกับระบบที่ทุจริตและร้ายกาจมากจนทําให้การดํารงอยู่ของคุณกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ไม่ใช่การคาดเดา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการบันทึกไว้และปฏิเสธไม่ได้ สูติบัตรของคุณไม่ได้เป็นเพียงบันทึก —it เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ คุณไม่ใช่บุคคลที่เป็นอิสระภายใต้กฎหมาย คุณเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นทรัพย์สินชิ้นหนึ่งในเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อ ใช้ประโยชน์จากคุณ สูติบัตรของคุณ: การแสดงความเป็นเจ้าของขององค์กร เคยสงสัยไหมว่าทําไมคุณถึงต้องมีสูติบัตร? คิดดูสิ เมื่อเรือมาถึงท่าเรือ ก ใบรับรองรายการ ออกให้เพื่อจัดทําเอกสารสินค้า และเมื่อคุณเกิด คุณได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสินค้า มีการออกสูติบัตร—NOT เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความยินดี แต่เป็นสัญญาการเป็นเจ้าของ คุณเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ รัฐไม่เห็นคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจอธิปไตย คุณเป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้สร้างความมั่งคั่งให้กับชนชั้นสูง เหล่านั้น หมายเลขซีเรียลสีแดง ในสูติบัตรของคุณ? เป็นหมายเลขตลาดหลักทรัพย์ เป็นตัวเลขที่เชื่อมโยงกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก● การดํารงอยู่ของคุณสร้างรายได้แล้ว พันธบัตรสูติบัตร: มีมูลค่านับพันล้านและคุณเป็นทาส คุณรู้ไหมว่าสูติบัตรของคุณถูกสร้างเป็นพันธบัตรมูลค่าหลายพันล้าน?! หากคุณสงสัยว่าพันธบัตรสูติบัตรคืออะไรขอให้ชัดเจน: คุณคือมัน คุณได้รับคํามั่นสัญญาว่าจะเป็นหลักประกันหนี้ของประเทศนี้—A หนี้ที่จะไม่มีวันจ่าย เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายในปี พ.ศ.2476 ให้คํามั่นว่าจะเป็นคนอเมริกันทุกคน เป็นหลักประกันหนี้ของประเทศ ประธานาธิบดีรูสเวลต์ โดยทาง คําสั่งผู้บริหาร 6073, 6102, 6111 และ 6260, ประกาศให้ประเทศล้มละลายและยึด ALL GOLD ความสามารถของประชาชนในการชําระหนี้ของตนเองถูกลบออกไปอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว [ดู: รายงานของวุฒิสภา 93-549, หน้า 187 และ 594 ภายใต้ “Trading With The Enemy Act.”] แต่รัฐบาลต้องจัดให้มี วิธีการใหม่ ของการชําระเงิน—สิ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาทองคํา แต่พวกเขาสร้างระบบที่เรียกว่า การยกเว้น ได้รับการยกเว้นจากอะไร? ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอะไรเลย! ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับ บางสิ่งบางอย่าง เพื่อชําระเงินด้วย—AND ว่าบางสิ่งคือเครดิตของคุณ คุณค่าของคุณต่อสังคมคํานวณโดยใช้ตารางคณิตศาสตร์ประกันภัย เมื่อแรกเกิด, พันธบัตรที่เท่ากับค่าเฉลี่ย “นี้ ” ถูกสร้างขึ้นและยังคงถูกสร้างขึ้น ทําความเข้าใจสิ่งนี้: ปัจจุบันพันธบัตรสูติบัตรของคุณคาดว่าจะมีมูลค่าระหว่างหนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์ พันธบัตรเหล่านี้ค้ําประกันโดยสูติบัตรของคุณ และเปลี่ยนเป็น ตราสารเปลี่ยนมือได้● พวกเขาถูกสมมุติฐานและซื้อขาย ซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนกว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่จํากัด เครดิตทั้งหมดนั้นเป็นของคุณในทางเทคนิคและถูกต้อง ในความเป็นจริง, คุณควรจะสามารถเดินเข้าไปในร้านค้าใด ๆ, รับสิ่งที่คุณต้องการ และบอกให้พนักงานเรียกเก็บเงินเข้าบัญชียกเว้นของคุณ บัญชีการยกเว้นนั้นจะถูกระบุโดย หมายเลขเก้าหลัก—หมายเลขประกันสังคมของคุณโดยไม่มีขีดกลาง หมายเลขนั้นเป็นของคุณ EIN (หมายเลขประจําตัวการยกเว้น) นี่คือความจริงที่เก็บไว้จากคุณมาตลอดชีวิต CERTIFICATE = ความเป็นเจ้าของ: การหลอกลวงทางกฎหมาย ก ใบรับรอง คือเอกสารกรรมสิทธิ์ ก ใบรับรองหุ้น หมายถึงความเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัท ก ใบรับรองที่ดิน หมายถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และคุณ สูติบัตร แสดงถึงความเป็นเจ้าของของคุณ รัฐบาลไม่ได้มองว่าพลเมืองเป็นบุคคลที่มีสิทธิโดยธรรมชาติ พวกเขามองว่าคุณเป็น ASSET— สิ่งที่ต้องเสียภาษี ติดตาม และควบคุม สูติบัตรทุกใบแสดงถึง เครื่องมือทางการเงิน ใช้ค้ําประกันหนี้ นี่คือรากฐานของเรือนจําเศรษฐกิจที่กดขี่คุณ ความไว้วางใจสูติบัตร: อธิบายความเป็นทาสทางเศรษฐกิจ อดีตประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ยอมรับความจริงด้วยคําพูดของเขาเอง: “เร็วๆ นี้ ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องลงทะเบียนทรัพย์สินทางชีวภาพของตนในระบบระดับชาติ ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามผู้คน และจะดําเนินการภายใต้ระบบคํามั่นสัญญาแบบโบราณ ด้วยวิธีการดังกล่าว เราสามารถบังคับให้ผู้คนส่งวาระการประชุมของเรา ซึ่งจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเราในฐานะการคืนเงินสําหรับสกุลเงินกระดาษ FIAT ของเรา ชาวอเมริกันทุกคนจะถูกบังคับให้ลงทะเบียน หรือประสบ...” นี่คือเกม คุณเป็น ให้คํามั่นไว้แต่กําเนิด เพื่อเติมพลังให้กับเครื่องจักรทางการเงินของรัฐบาล คําเตือนสุดท้าย: ตื่นหรือยังคงเป็นทาส นี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว นี่มันเกี่ยวกับ ชีวิตของคุณ อิสรภาพของคุณ และอนาคตของคุณ● ระบบสูติบัตรคือ การหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์● มันได้เปลี่ยนทุกชีวิตให้กลายเป็น ทาสหนี้● คุณเกิดมาอย่างอิสระ แต่คุณเป็น ตีตราและจําหน่าย ก่อนที่คุณจะพูดได้ ทางเลือกเป็นของคุณ คุณยังคงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในระบบของพวกเขาหรือไม่? หรือคุณยึดอํานาจของคุณกลับคืนมาและทวงคืนอํานาจอธิปไตยของคุณ? ถึงเวลาที่จะต่อสู้กลับแล้ว! ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาดไทยเหิมเกริม อ้าง PDPA ลบชื่อผู้ทิ้งงาน

    บัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน เป็นมาตรการลงโทษสำหรับผู้รับจ้างหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการคัดเลือกแล้วแต่ไม่ยอมทำสัญญา ไม่ปฎิบัติตามสัญญาโดยไม่มีเหตุอันควร มีลักษณะขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผลการปฎิบัติงานมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอย่างร้ายแรง และไม่ปฎิบัติตามมาตรา 88 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 โดยมีอายุความ 10 ปี

    มาบัดนี้กลายเป็นประเด็นความไม่ชอบมาพากล เมื่อนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเปิดประเด็นว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้ลบรายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชี “ผู้ทิ้งงาน” ออกจากเว็บไซต์ โดยอ้างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

    "นี่่คือการกระทำที่ส่งสัญญาณชัดว่า ระบบราชการกำลังเอื้อประโยชน์ให้คนผิดและพยายามลบล้างร่องรอยของความล้มเหลวแทนที่จะเปิดเผยความจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ" นายมานะ ระบุ

    เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul ของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิจารณ์สังคม มองว่าเป็นการอ้างมั่วมาก เพราะกฎหมาย PDPA เขียนข้อยกเว้นชัดอยู่แล้วในมาตรา 24 ว่ากรณีไหนบ้างที่ไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่

    (4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

    (5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    สำหรับหนังสือดังกล่าวเป็นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท.0808.2/ว.1558 ลงวันที่ 2 เม.ย. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ขอความอนุเคราะห์ลบข้อมูลของผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานและเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน โดยอ้างว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานแจ้งว่า มีผู้ประกอบการได้ขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ ลงนามโดย นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดี ปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

    #Newskit
    มหาดไทยเหิมเกริม อ้าง PDPA ลบชื่อผู้ทิ้งงาน บัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน เป็นมาตรการลงโทษสำหรับผู้รับจ้างหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการคัดเลือกแล้วแต่ไม่ยอมทำสัญญา ไม่ปฎิบัติตามสัญญาโดยไม่มีเหตุอันควร มีลักษณะขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผลการปฎิบัติงานมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอย่างร้ายแรง และไม่ปฎิบัติตามมาตรา 88 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 โดยมีอายุความ 10 ปี มาบัดนี้กลายเป็นประเด็นความไม่ชอบมาพากล เมื่อนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเปิดประเด็นว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้ลบรายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชี “ผู้ทิ้งงาน” ออกจากเว็บไซต์ โดยอ้างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) "นี่่คือการกระทำที่ส่งสัญญาณชัดว่า ระบบราชการกำลังเอื้อประโยชน์ให้คนผิดและพยายามลบล้างร่องรอยของความล้มเหลวแทนที่จะเปิดเผยความจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ" นายมานะ ระบุ เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul ของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิจารณ์สังคม มองว่าเป็นการอ้างมั่วมาก เพราะกฎหมาย PDPA เขียนข้อยกเว้นชัดอยู่แล้วในมาตรา 24 ว่ากรณีไหนบ้างที่ไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่ (4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับหนังสือดังกล่าวเป็นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท.0808.2/ว.1558 ลงวันที่ 2 เม.ย. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ขอความอนุเคราะห์ลบข้อมูลของผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานและเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน โดยอ้างว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานแจ้งว่า มีผู้ประกอบการได้ขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ ลงนามโดย นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดี ปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น #Newskit
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน

    ข้อกล่าวหา
    โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า
    จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า

    อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร
    มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
    ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง


    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ข้อกล่าวหา โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    WWW.DAILYNEWS.CO.TH
    เห็นแย้ง! ศาลฯยกฟ้อง อดีต ผอ.อคส.-พวก จัดซื้อถุงมือยางมิชอบ2พันล้าน | เดลินิวส์
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 พิพากษายกฟ้องคดี รุ่งโรจน์ อดีต ผอ.อคส. กับพวก รวม 21 คน ฐานสมคบวางแผนจัดซื้อถุงมือยางมิชอบ เสียหายกว่า 2 พันล้านบาท แต่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จะมีความเห็นแย้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิบากกรรมเปรมชัย จากเสือดำถึงตึก สตง.

    ยังคงกลายเป็นวิบากกรรมต่อไปสำหรับนายเปรมชัย กรรณสูต วัย 71 ปี อดีตประธานกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ล่าสุดศาลอาญาอนุมัติหมายจับในความผิดตามมาตรา 227 และมาตรา 238 กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับกลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มบริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง รวม 17 ราย ตามที่พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งเจ้าตัวได้ประสานเข้ามอบตัวในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น. ที่ สน.บางซื่อ พร้อมผู้ต้องหารายอื่น

    สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 17 ราย มีทั้งผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลกลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ 1 ราย บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง 4 ราย บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง 3 ราย กลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลน 5 ราย ผู้จัดการโครงการ 1 ราย ผู้ได้รับมอบหมายกระทำแทนกิจการร่วมค้าฯ 1 ราย และวิศวกรโครงสร้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด อีก 2 ราย กรณีของนายเปรมชัย แม้จะลาออกจากประธานกรรมการ ITD ไปแล้ว แต่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจลงนามใน ITD ลงลายมือชื่อร่วมกับ นางนิจพร จรณะจิตต์ อายุ 73 ปี รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัทฯ

    จากการตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่าแบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง และมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคาร ไม่ได้อยู่ตรงกลางอาคาร แต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่อแผ่นดินไหวกำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ผลตรวจปูนซีเมนต์พบว่าไม่ได้มาตรฐานตามค่า KSC เหล็กบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบ และลายมือชื่อของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อลงไปในฐานะวุฒิวิศวกร ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน

    ก่อนหน้านี้นายเปรมชัยเคยถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงิน 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 ในคดีล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2561 แต่กรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2566 และเห็นควรไม่ให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) เนื่องจากบริเวณข้อเท้าเคยถูกคว้านเนื้อที่ตายจากอาการเบาหวานลงขา แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติ กระทั่งครบกำหนดโทษเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา

    #Newskit
    วิบากกรรมเปรมชัย จากเสือดำถึงตึก สตง. ยังคงกลายเป็นวิบากกรรมต่อไปสำหรับนายเปรมชัย กรรณสูต วัย 71 ปี อดีตประธานกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ล่าสุดศาลอาญาอนุมัติหมายจับในความผิดตามมาตรา 227 และมาตรา 238 กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับกลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มบริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง รวม 17 ราย ตามที่พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งเจ้าตัวได้ประสานเข้ามอบตัวในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น. ที่ สน.บางซื่อ พร้อมผู้ต้องหารายอื่น สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 17 ราย มีทั้งผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลกลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ 1 ราย บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง 4 ราย บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง 3 ราย กลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลน 5 ราย ผู้จัดการโครงการ 1 ราย ผู้ได้รับมอบหมายกระทำแทนกิจการร่วมค้าฯ 1 ราย และวิศวกรโครงสร้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด อีก 2 ราย กรณีของนายเปรมชัย แม้จะลาออกจากประธานกรรมการ ITD ไปแล้ว แต่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทผู้มีอำนาจลงนามใน ITD ลงลายมือชื่อร่วมกับ นางนิจพร จรณะจิตต์ อายุ 73 ปี รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัทฯ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่าแบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง และมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคาร ไม่ได้อยู่ตรงกลางอาคาร แต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่อแผ่นดินไหวกำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ผลตรวจปูนซีเมนต์พบว่าไม่ได้มาตรฐานตามค่า KSC เหล็กบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบ และลายมือชื่อของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อลงไปในฐานะวุฒิวิศวกร ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน ก่อนหน้านี้นายเปรมชัยเคยถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงิน 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 ในคดีล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2561 แต่กรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2566 และเห็นควรไม่ให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) เนื่องจากบริเวณข้อเท้าเคยถูกคว้านเนื้อที่ตายจากอาการเบาหวานลงขา แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติ กระทั่งครบกำหนดโทษเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 710 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อสร้าง-คุมงาน-ออกแบบ มีส่วนตึก สตง.ถล่ม? : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ได้สอบปากคำพยาน ผู้บาดเจ็บ สตง. ผู้รับจ้างออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ก่อสร้าง 28 ปาก ญาติผู้บาดเจ็บ 86 ราย รวม 193 ราย และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ พยานเอกสาร ตั้งแต่เริ่มทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน จ้างก่อสร้าง ชิ้นส่วนเหล็ก คอนกรีต โดยแบ่ง 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ออกแบบ กรรมการผู้มีอำนาจ วิศวกรที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด 2.ผู้ก่อสร้าง กรรมการผู้มีอำนาจและวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี (อิตาเลียนไทย)-CREC (ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย) และ 3.ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับกิจการร่วมค้า PKW หากหลักฐานเพียงพอ จะขอหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน โดยแยกว่าใครเป็นวิศวกรที่ลงนามในแบบแปลน ผู้ออกแบบในฐานะนิติบุคคล กลุ่มผู้ควบคุมการก่อสร้าง ใครลงนามในสัญญา การดำเนินโครงการผู้ประสานงาน ทั้งการออกแบบ ควบคุมและก่อสร้าง หากพยานหลักฐานไปถึง จะออกหมายจับทั้งหมด

    -ปาดน้ำตาทวงค่าแรง

    -"ทักษิณ"ไม่จำเป็นต้องไป

    -ผู้ออกแบบสภายังค้าน

    -น้ำมั่นคง น้ำยั่งยืน
    ก่อสร้าง-คุมงาน-ออกแบบ มีส่วนตึก สตง.ถล่ม? : [NEWS UPDATE] พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ได้สอบปากคำพยาน ผู้บาดเจ็บ สตง. ผู้รับจ้างออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ก่อสร้าง 28 ปาก ญาติผู้บาดเจ็บ 86 ราย รวม 193 ราย และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ พยานเอกสาร ตั้งแต่เริ่มทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน จ้างก่อสร้าง ชิ้นส่วนเหล็ก คอนกรีต โดยแบ่ง 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ออกแบบ กรรมการผู้มีอำนาจ วิศวกรที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด 2.ผู้ก่อสร้าง กรรมการผู้มีอำนาจและวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี (อิตาเลียนไทย)-CREC (ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย) และ 3.ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับกิจการร่วมค้า PKW หากหลักฐานเพียงพอ จะขอหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน โดยแยกว่าใครเป็นวิศวกรที่ลงนามในแบบแปลน ผู้ออกแบบในฐานะนิติบุคคล กลุ่มผู้ควบคุมการก่อสร้าง ใครลงนามในสัญญา การดำเนินโครงการผู้ประสานงาน ทั้งการออกแบบ ควบคุมและก่อสร้าง หากพยานหลักฐานไปถึง จะออกหมายจับทั้งหมด -ปาดน้ำตาทวงค่าแรง -"ทักษิณ"ไม่จำเป็นต้องไป -ผู้ออกแบบสภายังค้าน -น้ำมั่นคง น้ำยั่งยืน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • เรื่องราวของผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีกับที่ปรึกษาชาวจีน อาจถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับตุ่มสิว เมื่อเทียบกับเรื่องราวของอุตสาหกรรมโดยทุนจีนที่ปักหลักอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี.จากที่มูลนิธิบูรณะนิเวศเราติดตามประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมและปัญหามลพิษที่ จ.ปราจีนบุรีมาหลายปี เราพูดกันเล่นๆ แบบอิงความจริงว่า อีกไม่นาน จังหวัดนี้อาจไม่เหลือ “ปรา” และกลายเป็น “จีนบุรี” อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วในบางจุดบางพื้นที่.ยกตัวอย่างที่ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศเคยนำเสนอไปแล้วก็คือกรณีของนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .นิคมฯ ดังกล่าวมีความเป็นจีนเต็มเปี่ยม บางโรงงานไม่มีภาษาไทยในป้ายชื่อด้วยซ้ำไป ไม่นับองค์ประกอบความเป็นจีนอื่นๆ อีกมากมาย.ที่สำคัญคือ นิคมฯ แห่งนี้เสมือนจะได้รับการวางรากฐานให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการให้สิทธิประโยชน์หลากหลายมิติแก่นักลงทุน นอกจากการลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ยังได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือวัสดุจำเป็นต่างๆ รวมทั้งเปิดให้นักลงทุนสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินถาวร 100% นำส่งเงินตราต่างประเทศได้ อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและสมาชิกในครอบครัวทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย และอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยในประเทศไทย ฯลฯ.อย่างไรก็ตาม ในโลกของการลงทุนอุตสาหกรรมโดยทุนจีนนั้น สำหรับมูลนิธิบูรณะนิเวศแล้ว เราคิดว่าศัพท์คำว่า “ศูนย์เหรียญ” ยังไม่สามารถอธิบายความเป็นจริงได้ครบถ้วน เพราะประเทศไทยจะไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของทุนจีนลักษณะนี้ แต่ยังจะต้องแบกรับภาระด้านมลพิษและผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทิ้งไว้อีกด้วย จึงมิใช่เพียงเป็นศูนย์หรือเสมอตัว หากแต่เป็นระดับติดลบเลยทีเดียว .อีกประการหนึ่ง จีนในปราจีนฯ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็น “จีนเทา” หรือไม่ ยังไม่ชัดเจนเท่ากับความเป็น “จีนกร่าง”.เห็นได้ชัดเจนจากกรณีอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลของทุนจีน ณ บ้านหนองหอย หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่แม้ถูกหน่วยงานราชการตรวจพบแล้วว่ากระทำผิด แต่ก็ยังดื้อแพ่งฝ่าฝืนคำสั่งปิดโรงงานและคำสั่งอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งแน่นอนว่า ทางเพจเรานำเสนอเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน.นอกจากนั้น ในเชิงภาพรวม ทางเพจยังได้นำเสนอเนื้อหาภายใต้หัวข้อ “จับตามลพิษปราจีนฯ” โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 และแน่นอนว่าเราอยากชวนให้ช่วยกันจับตาต่อไป เผื่อจะสามารถรักษา “ปรา” เอาไว้ได้......เรื่องโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ .อ่านเรื่องราวมลพิษปราจีนบุรีเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่าง.บริษัททีแอนด์ทีเวสท์ฯ รีไซเคิลครอบจักรวาลของทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0grDtaaYztvhuL73ojoDUvYw9CDNPTLZtqzhDQKSbwiki3eDcdnSNuGVJzzkKbjmql.เปิด “ระบบละลายโลหะด้วยกรด” ของบริษัทรีไซเคิลทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0sMBK6exKVCbs9gfhRqGDcHNWPFJe3y7vDF5P7DaPVSBfPrQptLvkpTYrFq2n1bsHl.ย้อนดูผลงานรีไซเคิลทุนจีน บจ.ทีแอนด์ทีเวสท์ฯ: ทำในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสิ่งที่ต้องทำตามเงื่อนไขการอนุญาต-ไม่ทำhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02LaaHnQHsj8DAxusYpQjyHPNNZWA8qv7fFWEYkK5smy4fdQ6J3CBLx96BTPzPbk7pl.ทำความรู้จักนิคมอุตสาหกรรมจีนแท้ “บ่อทอง 33” https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0pv5YWoqW2twUGomN3u5sBe4H98Gm43k7MTDHXmeRbyoz65xKF4EetLT1Rn2CHkLJl.ชวนเอาปากกามาวง ตรงไหนบ้างที่ไม่ใช่ “ของนำเข้า”?https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02wwDL98b9ZaK4NnPaiUbdbzicHzQgrx1H3DTPAYcpZzK4fxSRSfc1xcHiV7ZqMQWCl.ชวนดู “ความเป็นจีน” ทั้งที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดและที่แฝงเร้น ภายในอาณาจักรอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่ตั้งอยู่ ม.10 บ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0AvSJr99yYvzSoc3yoB3Jhgvuv8Qw2UudYXJKcaAMZSJBTeZzZkfp24EwHh464K5Fl.เปิดภาพบ่อรองรับกากอุตสาหกรรมจากโรงงานรีไซเคิล ณ หนองหอย ผลพวงการลงทุนของทุนจีนที่ฝากไว้ในแผ่นดินไทยแบบนิรันดร์กาลhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid032raXyU59Z4EByprUuaDgDYPCcp7Mvw2YyrDZfzLdHU93JKwQ4gjoq1bc45F9xeB6l
    เรื่องราวของผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีกับที่ปรึกษาชาวจีน อาจถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับตุ่มสิว เมื่อเทียบกับเรื่องราวของอุตสาหกรรมโดยทุนจีนที่ปักหลักอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี.จากที่มูลนิธิบูรณะนิเวศเราติดตามประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมและปัญหามลพิษที่ จ.ปราจีนบุรีมาหลายปี เราพูดกันเล่นๆ แบบอิงความจริงว่า อีกไม่นาน จังหวัดนี้อาจไม่เหลือ “ปรา” และกลายเป็น “จีนบุรี” อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วในบางจุดบางพื้นที่.ยกตัวอย่างที่ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศเคยนำเสนอไปแล้วก็คือกรณีของนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .นิคมฯ ดังกล่าวมีความเป็นจีนเต็มเปี่ยม บางโรงงานไม่มีภาษาไทยในป้ายชื่อด้วยซ้ำไป ไม่นับองค์ประกอบความเป็นจีนอื่นๆ อีกมากมาย.ที่สำคัญคือ นิคมฯ แห่งนี้เสมือนจะได้รับการวางรากฐานให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการให้สิทธิประโยชน์หลากหลายมิติแก่นักลงทุน นอกจากการลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ยังได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือวัสดุจำเป็นต่างๆ รวมทั้งเปิดให้นักลงทุนสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินถาวร 100% นำส่งเงินตราต่างประเทศได้ อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและสมาชิกในครอบครัวทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย และอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยในประเทศไทย ฯลฯ.อย่างไรก็ตาม ในโลกของการลงทุนอุตสาหกรรมโดยทุนจีนนั้น สำหรับมูลนิธิบูรณะนิเวศแล้ว เราคิดว่าศัพท์คำว่า “ศูนย์เหรียญ” ยังไม่สามารถอธิบายความเป็นจริงได้ครบถ้วน เพราะประเทศไทยจะไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของทุนจีนลักษณะนี้ แต่ยังจะต้องแบกรับภาระด้านมลพิษและผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทิ้งไว้อีกด้วย จึงมิใช่เพียงเป็นศูนย์หรือเสมอตัว หากแต่เป็นระดับติดลบเลยทีเดียว .อีกประการหนึ่ง จีนในปราจีนฯ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็น “จีนเทา” หรือไม่ ยังไม่ชัดเจนเท่ากับความเป็น “จีนกร่าง”.เห็นได้ชัดเจนจากกรณีอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลของทุนจีน ณ บ้านหนองหอย หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่แม้ถูกหน่วยงานราชการตรวจพบแล้วว่ากระทำผิด แต่ก็ยังดื้อแพ่งฝ่าฝืนคำสั่งปิดโรงงานและคำสั่งอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งแน่นอนว่า ทางเพจเรานำเสนอเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน.นอกจากนั้น ในเชิงภาพรวม ทางเพจยังได้นำเสนอเนื้อหาภายใต้หัวข้อ “จับตามลพิษปราจีนฯ” โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 และแน่นอนว่าเราอยากชวนให้ช่วยกันจับตาต่อไป เผื่อจะสามารถรักษา “ปรา” เอาไว้ได้......เรื่องโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ .อ่านเรื่องราวมลพิษปราจีนบุรีเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่าง.บริษัททีแอนด์ทีเวสท์ฯ รีไซเคิลครอบจักรวาลของทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0grDtaaYztvhuL73ojoDUvYw9CDNPTLZtqzhDQKSbwiki3eDcdnSNuGVJzzkKbjmql.เปิด “ระบบละลายโลหะด้วยกรด” ของบริษัทรีไซเคิลทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0sMBK6exKVCbs9gfhRqGDcHNWPFJe3y7vDF5P7DaPVSBfPrQptLvkpTYrFq2n1bsHl.ย้อนดูผลงานรีไซเคิลทุนจีน บจ.ทีแอนด์ทีเวสท์ฯ: ทำในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสิ่งที่ต้องทำตามเงื่อนไขการอนุญาต-ไม่ทำhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02LaaHnQHsj8DAxusYpQjyHPNNZWA8qv7fFWEYkK5smy4fdQ6J3CBLx96BTPzPbk7pl.ทำความรู้จักนิคมอุตสาหกรรมจีนแท้ “บ่อทอง 33” https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0pv5YWoqW2twUGomN3u5sBe4H98Gm43k7MTDHXmeRbyoz65xKF4EetLT1Rn2CHkLJl.ชวนเอาปากกามาวง ตรงไหนบ้างที่ไม่ใช่ “ของนำเข้า”?https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02wwDL98b9ZaK4NnPaiUbdbzicHzQgrx1H3DTPAYcpZzK4fxSRSfc1xcHiV7ZqMQWCl.ชวนดู “ความเป็นจีน” ทั้งที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดและที่แฝงเร้น ภายในอาณาจักรอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่ตั้งอยู่ ม.10 บ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0AvSJr99yYvzSoc3yoB3Jhgvuv8Qw2UudYXJKcaAMZSJBTeZzZkfp24EwHh464K5Fl.เปิดภาพบ่อรองรับกากอุตสาหกรรมจากโรงงานรีไซเคิล ณ หนองหอย ผลพวงการลงทุนของทุนจีนที่ฝากไว้ในแผ่นดินไทยแบบนิรันดร์กาลhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid032raXyU59Z4EByprUuaDgDYPCcp7Mvw2YyrDZfzLdHU93JKwQ4gjoq1bc45F9xeB6l
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE]

    นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน

    -ใช้คนงานเป็นนอมินี

    -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1

    -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี

    -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE] นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน -ใช้คนงานเป็นนอมินี -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1 -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 606 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • ตัวแทนทีมทนายความบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โดยนายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และ นายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ร่วมแถลงข่าวชี้แจงมาตรฐานเหล็กของบริษัท จากกรณี ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม
    เผย การนำเหล็กที่ถูกใช้งานแล้วไปตรวจ ถือว่าผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มองมีความพยายามชี้นำให้เห็นว่า เมื่อเป็นบริษัทของคนจีนน่าจะเป็นจีนเทาหรือเปล่า ยืนยันซิน เคอ หยวน ประกอบธุรกิจสุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด รู้ดียิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งเติบโตมากขึ้นความระมัดระวังตัวในการประกอบการตามกฎหมายยิ่งมีมากขึ้น เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐานจากตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเสียภาษีของบริษัท ใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท อยากให้ภาครัฐสืบสวนคนที่ปล่อยข่าวลือ เพราะบริษัทได้รับความเสียหายมาก
    ตัวแทนทีมทนายความบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โดยนายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และ นายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ร่วมแถลงข่าวชี้แจงมาตรฐานเหล็กของบริษัท จากกรณี ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เผย การนำเหล็กที่ถูกใช้งานแล้วไปตรวจ ถือว่าผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มองมีความพยายามชี้นำให้เห็นว่า เมื่อเป็นบริษัทของคนจีนน่าจะเป็นจีนเทาหรือเปล่า ยืนยันซิน เคอ หยวน ประกอบธุรกิจสุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด รู้ดียิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งเติบโตมากขึ้นความระมัดระวังตัวในการประกอบการตามกฎหมายยิ่งมีมากขึ้น เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐานจากตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเสียภาษีของบริษัท ใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท อยากให้ภาครัฐสืบสวนคนที่ปล่อยข่าวลือ เพราะบริษัทได้รับความเสียหายมาก
    Wow
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • ดีเอสไอฝากขัง "ชวนหลิง จาง" กรรมการบริษัท "ไชน่า เรลเวย์" จ้างนอมินีคนไทยถือหุ้น ประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง.ถล่ม ด้านทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัว ขณะ จนท.ไม่คัดค้าน เพราะมีหนังสือยืนยันเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจีน

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี กรรมการบริษัทชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41

    คำร้องระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037278

    #MGROnline #ดีเอสไอ #กรรมการบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ #นอมินีคนไทย #ถือหุ้น #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    ดีเอสไอฝากขัง "ชวนหลิง จาง" กรรมการบริษัท "ไชน่า เรลเวย์" จ้างนอมินีคนไทยถือหุ้น ประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง.ถล่ม ด้านทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัว ขณะ จนท.ไม่คัดค้าน เพราะมีหนังสือยืนยันเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจีน • เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี กรรมการบริษัทชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา เป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 • คำร้องระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037278 • #MGROnline #ดีเอสไอ #กรรมการบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ #นอมินีคนไทย #ถือหุ้น #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • งดประจาน "ผู้รับเหมาทิ้งงานภาครัฐ" อ้างกฎหมาย PDPA คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่อเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนําไปใช้ในทางผิดกฎหมาย "อนุฯกลั่นกรองผู้ทิ้งงาน บช." แจ้งทั่วประเทศ เฉพาะ"หน่วยงานท้องถิ่น" ไล่ลบชื่อผู้ประกอบการ/ผู้รับเหมา ที่ถูกแจ้งเวียนหลังยังพบ ท้องถิ่นขึ้นหรา รายละเอียดนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032431
    งดประจาน "ผู้รับเหมาทิ้งงานภาครัฐ" อ้างกฎหมาย PDPA คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่อเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนําไปใช้ในทางผิดกฎหมาย "อนุฯกลั่นกรองผู้ทิ้งงาน บช." แจ้งทั่วประเทศ เฉพาะ"หน่วยงานท้องถิ่น" ไล่ลบชื่อผู้ประกอบการ/ผู้รับเหมา ที่ถูกแจ้งเวียนหลังยังพบ ท้องถิ่นขึ้นหรา รายละเอียดนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032431
    Like
    Haha
    Angry
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 873 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก Dr.Pete Peerapar “ห้องคอนโดที่เช่าแตกร้าว เสียหาย จนอยู่ไม่ได้ ใครมีหน้าที่ต้องซ่อม และผู้เช่าบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ?เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวาน หากห้องที่เราเช่าอยู่เสียหาย แบบนี้เรามีสิทธิอย่างไรบ้างตามกฎหมายมาลองไล่เรียงข้อกฎหมาย และทำความเข้าใจสิทธิของเรากันดูครับ...... สัญญาเช่าเราต้องเข้าใจก่อนว่า #สัญญาเช่า คือ สัญญาที่ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ (ผู้ให้เช่า) ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้อีกฝ่าย (ผู้เช่า) #ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สิน ในชั่วระยะเวลาอันจำกัด และผู้เช่าตกลงจะจ่ายค่าเช่าให้แสดงว่า สาระสำคัญของสัญญาเช่า คือ การส่งมอบทรัพย์สินให้อีกฝ่ายผู้เช่าได้ใช้ หรือ ได้รับประโยชน์นั่นเองหมายความว่า หากผู้เช่าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าได้ สัญญาเช่านั้นก็เป็นอันยกเลิกแต่ถ้าเสียหายเพียงบางส่วน แบบนี้ผู้เช่าสามารถขอลดค่าเช่าลงตามส่วน หรือ จะเลิกสัญญาก็ได้ หากไม่สามารถใช้สอยทรัพย์สินที่เช่าได้ตามความมุ่งหมายที่เข้าทำสัญญาเช่าอธิบายแบบภาษาบ้าน ๆ คือกรณีที่ 1 ถ้าคอนโดที่เราเช่าอยู่นั้น พังไปทั้งหมด แบบนี้สัญญาเช่าเลิกทันที เพราะ ทรัพย์สินที่เช่า ไม่เหลืออยู่แล้วกรณีที่ 2 ถ้าคอนโดที่เราเช่าอยู่นั้น แตกร้าว เสียหาย แบบนี้ก็จะต้องพิจารณาก่อนว่า ความเสียหายดังกล่าวสามารถซ่อมแซมแก้ไขได้หรือไม่ถ้าแก้ไขได้ ผู้ให้เช่าก็จะต้องรีบดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม เพื่อให้ผู้เช่าสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ตามปกติ กรณีนี้ก็อาจยังไม่ถึงขั้นที่จะเลิกสัญญากันได้แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ เช่น หน่วยงานราชการประกาศว่าอาคารนี้ไม่ปลอดภัย แม้ห้องจะยังไม่ได้พังไป แต่ผู้เช่าก็ไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ตามความมุ่งหมาย (เข้าไปอยู่อาศัย) กรณีนี้ ผู้เช่าก็สามารถเลิกสัญญาได้ทันทีทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องความปลอดภัยนี้ คนที่จะบอกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ถ้าคู่สัญญาเถียงกันอาจจะหาข้อยุติไม่ได้ คนที่จะช่วยชี้ขาดได้ คือ คนกลางอย่างหน่วยงานราชการ หรือ วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต....... ถ้ายังอยู่ได้ แต่ห้องแตกร้าว แบบนี้ใครต้องจ่ายค่าซ่อมโดยหลักแล้ว ฝ่ายที่ทำให้เกิดความเสียหายจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าซ่อม แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัย (เหตุที่ไม่มีใครสามารถป้องกันได้) เช่น แผ่นดินไหว แบบนี้จะถือว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดเลยเราก็จะต้องว่ากันไปตามหลักกฎหมายเรื่องการเช่า ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กรณี ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น กรณีแรก ถ้าโดยความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่า หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า ต้องซ่อมใหญ่ เช่น ห้องแตกร้าว เพดานพัง ประตูพัง แบบนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่ากรณีที่สอง ถ้าเป็นการบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเพียงเล็กน้อย เช่น หลอดไฟขาด ผนังเป็นรอยเล็กน้อย แบบนี้ตามกฎหมายจะเป็นหน้าที่ของผู้เช่าดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในห้องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวาน เราต้องพิจารณากันก่อนว่า เป็นกรณีที่ซ่อมใหญ่ หรือซ่อมเล็ก ถ้าเป็นการซ่อมใหญ่ ผู้ให้เช่าก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการซ่อมเล็ก แบบนี้ ผู้เช่าก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง...... ประกันคอนโด คุ้มครองแผ่นดินไหว หรือไม่ขอแถมเรื่องประกันให้อีกสักเรื่องหลายคอนโด ท่านอาจจะเคยเห็นนิติบุคคลขออนุมัติทำประกันอัคคีภัยไว้ตอนประชุมลูกบ้านส่วนใหญ่ประกันอัคคีภัย หรือ ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk) ที่นิติบุคคลทำนั้น มักจะมีความคุ้มครองในเรื่องความเสียหายอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวอยู่แล้วดังนั้น หากคอนโดเสียหาย แตกร้าว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ประกันก็จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนนี้ให้ทั้งหมดแต่ท่านเจ้าของห้องอย่าพึ่งดีใจนะครับ เพราะ ที่บอกว่าประกันรับผิดชอบให้นั้น หมายถึง เขารับผิดชอบในส่วนกลางของคอนโดเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายในห้องของท่าน เว้นแต่ส่วนที่เป็นโครงสร้างของอาคารเพราะ กรณีทรัพย์สิน หรือเฟอร์นิเจอร์ของท่านเสียหาย หรือบุบสลาย ประกันของส่วนกลางจะไม่คุ้มครองด้วย หากจะได้รับความคุ้มครอง ต้องเป็นกรณีที่ท่านเจ้าของห้องมีการทำประกันภัยในส่วนของท่านเพิ่มเติมอีกกรมธรรม์หนึ่งหลายท่านที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของการทำประกัน ก็อาจจะได้ตระหนักถึงความสำคัญเมื่อเกิดเหตุขึ้นนี่แหละครับ....ทั้งหมดที่เล่าไป เป็นเพียงหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น แต่เพื่อน ๆ จะต้องไปดูข้อความโดยละเอียดในสัญญาเช่า และกรมธรรม์ประกันภัย ที่ท่านมีด้วยอีกครั้งที่สำคัญและอยากฝากไว้ คือ ความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าในยามที่เกิดเหตุเช่นนี้ เป็นสิ่งสำคัญกว่าการที่เราจะมุ่งเอาชนะกันด้วยข้อกฎหมาย https://www.facebook.com/share/p/16NCZE8YFL/?mibextid=wwXIfr
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก Dr.Pete Peerapar “ห้องคอนโดที่เช่าแตกร้าว เสียหาย จนอยู่ไม่ได้ ใครมีหน้าที่ต้องซ่อม และผู้เช่าบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ?เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวาน หากห้องที่เราเช่าอยู่เสียหาย แบบนี้เรามีสิทธิอย่างไรบ้างตามกฎหมายมาลองไล่เรียงข้อกฎหมาย และทำความเข้าใจสิทธิของเรากันดูครับ......✅ สัญญาเช่าเราต้องเข้าใจก่อนว่า #สัญญาเช่า คือ สัญญาที่ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ (ผู้ให้เช่า) ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้อีกฝ่าย (ผู้เช่า) #ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สิน ในชั่วระยะเวลาอันจำกัด และผู้เช่าตกลงจะจ่ายค่าเช่าให้แสดงว่า สาระสำคัญของสัญญาเช่า คือ การส่งมอบทรัพย์สินให้อีกฝ่ายผู้เช่าได้ใช้ หรือ ได้รับประโยชน์นั่นเองหมายความว่า หากผู้เช่าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าได้ สัญญาเช่านั้นก็เป็นอันยกเลิกแต่ถ้าเสียหายเพียงบางส่วน แบบนี้ผู้เช่าสามารถขอลดค่าเช่าลงตามส่วน หรือ จะเลิกสัญญาก็ได้ หากไม่สามารถใช้สอยทรัพย์สินที่เช่าได้ตามความมุ่งหมายที่เข้าทำสัญญาเช่าอธิบายแบบภาษาบ้าน ๆ คือกรณีที่ 1 ถ้าคอนโดที่เราเช่าอยู่นั้น พังไปทั้งหมด แบบนี้สัญญาเช่าเลิกทันที เพราะ ทรัพย์สินที่เช่า ไม่เหลืออยู่แล้วกรณีที่ 2 ถ้าคอนโดที่เราเช่าอยู่นั้น แตกร้าว เสียหาย แบบนี้ก็จะต้องพิจารณาก่อนว่า ความเสียหายดังกล่าวสามารถซ่อมแซมแก้ไขได้หรือไม่ถ้าแก้ไขได้ ผู้ให้เช่าก็จะต้องรีบดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม เพื่อให้ผู้เช่าสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ตามปกติ กรณีนี้ก็อาจยังไม่ถึงขั้นที่จะเลิกสัญญากันได้แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ เช่น หน่วยงานราชการประกาศว่าอาคารนี้ไม่ปลอดภัย แม้ห้องจะยังไม่ได้พังไป แต่ผู้เช่าก็ไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ตามความมุ่งหมาย (เข้าไปอยู่อาศัย) กรณีนี้ ผู้เช่าก็สามารถเลิกสัญญาได้ทันทีทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องความปลอดภัยนี้ คนที่จะบอกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ถ้าคู่สัญญาเถียงกันอาจจะหาข้อยุติไม่ได้ คนที่จะช่วยชี้ขาดได้ คือ คนกลางอย่างหน่วยงานราชการ หรือ วิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต.......✅ ถ้ายังอยู่ได้ แต่ห้องแตกร้าว แบบนี้ใครต้องจ่ายค่าซ่อมโดยหลักแล้ว ฝ่ายที่ทำให้เกิดความเสียหายจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าซ่อม แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัย (เหตุที่ไม่มีใครสามารถป้องกันได้) เช่น แผ่นดินไหว แบบนี้จะถือว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดเลยเราก็จะต้องว่ากันไปตามหลักกฎหมายเรื่องการเช่า ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กรณี ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น กรณีแรก ถ้าโดยความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่า หรือ เรียกง่าย ๆ ว่า ต้องซ่อมใหญ่ เช่น ห้องแตกร้าว เพดานพัง ประตูพัง แบบนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่ากรณีที่สอง ถ้าเป็นการบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเพียงเล็กน้อย เช่น หลอดไฟขาด ผนังเป็นรอยเล็กน้อย แบบนี้ตามกฎหมายจะเป็นหน้าที่ของผู้เช่าดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในห้องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวาน เราต้องพิจารณากันก่อนว่า เป็นกรณีที่ซ่อมใหญ่ หรือซ่อมเล็ก ถ้าเป็นการซ่อมใหญ่ ผู้ให้เช่าก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการซ่อมเล็ก แบบนี้ ผู้เช่าก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง......✅ ประกันคอนโด คุ้มครองแผ่นดินไหว หรือไม่ขอแถมเรื่องประกันให้อีกสักเรื่องหลายคอนโด ท่านอาจจะเคยเห็นนิติบุคคลขออนุมัติทำประกันอัคคีภัยไว้ตอนประชุมลูกบ้านส่วนใหญ่ประกันอัคคีภัย หรือ ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk) ที่นิติบุคคลทำนั้น มักจะมีความคุ้มครองในเรื่องความเสียหายอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวอยู่แล้วดังนั้น หากคอนโดเสียหาย แตกร้าว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ประกันก็จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายในส่วนนี้ให้ทั้งหมดแต่ท่านเจ้าของห้องอย่าพึ่งดีใจนะครับ เพราะ ที่บอกว่าประกันรับผิดชอบให้นั้น หมายถึง เขารับผิดชอบในส่วนกลางของคอนโดเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายในห้องของท่าน เว้นแต่ส่วนที่เป็นโครงสร้างของอาคารเพราะ กรณีทรัพย์สิน หรือเฟอร์นิเจอร์ของท่านเสียหาย หรือบุบสลาย ประกันของส่วนกลางจะไม่คุ้มครองด้วย หากจะได้รับความคุ้มครอง ต้องเป็นกรณีที่ท่านเจ้าของห้องมีการทำประกันภัยในส่วนของท่านเพิ่มเติมอีกกรมธรรม์หนึ่งหลายท่านที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของการทำประกัน ก็อาจจะได้ตระหนักถึงความสำคัญเมื่อเกิดเหตุขึ้นนี่แหละครับ....ทั้งหมดที่เล่าไป เป็นเพียงหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น แต่เพื่อน ๆ จะต้องไปดูข้อความโดยละเอียดในสัญญาเช่า และกรมธรรม์ประกันภัย ที่ท่านมีด้วยอีกครั้งที่สำคัญและอยากฝากไว้ คือ ความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าในยามที่เกิดเหตุเช่นนี้ เป็นสิ่งสำคัญกว่าการที่เราจะมุ่งเอาชนะกันด้วยข้อกฎหมาย https://www.facebook.com/share/p/16NCZE8YFL/?mibextid=wwXIfr
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองนพศิลป์” ติดตามความคืบหน้า การเสียชีวิตของสาวในคอนโดหรู เร่งล่าสุดแฟนหนุ่มต้องสงสัย หลังพบว่าขับรถมุ่งหน้าไปชายแดนเชียงราย

    เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 27 มี.ค. ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีพบศพ นางสาวพราวพิลาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว จ.ขอนแก่นเสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท ที่ สน.ทองหล่อ และพบว่าผู้ต้องสงสัยคือ นายเดเนียล (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาวสิงคโปร์ แฟนหนุ่ม

    พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เมื่อวานช่วงประมาณ 18.00 น. สน. ทองหล่อได้รับแจ้งจากเพื่อนของผู้เสียชีวิต บอกว่าไม่สามารถติดต่อเพื่อนได้ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นก็มาแจ้งความและไปที่พักที่คอนโด เพื่อขอความร่วมมือจากทางนิติบุคคล ขึ้นไปตรวจสอบที่ห้องชั้น 22 ปรากฏว่าห้องยังเปิดแอร์ ประตูไม่ได้ล็อก เมื่อเข้าไปภายในห้องไปเจอกับผู้เสียชีวิต นอนอยู่ในห้องน้ำ ลักษณะถูกนำเอาผ้าสีฟ้าและสีขาวคลุมไว้ และพบกองเลือดในห้องน้ำ จึงได้แจ้งให้กับตำรวจนิติเวช และพนักงานสอบสวนตรวจสอบซึ่งเพื่อยืนยันว่า ผู้ตายเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตจริง ๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000029145

    #MGROnline #สนทองหล่อ #ผู้เสียชีวิต #ทรัพย์สินแบรนด์เนม

    “รองนพศิลป์” ติดตามความคืบหน้า การเสียชีวิตของสาวในคอนโดหรู เร่งล่าสุดแฟนหนุ่มต้องสงสัย หลังพบว่าขับรถมุ่งหน้าไปชายแดนเชียงราย • เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 27 มี.ค. ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีพบศพ นางสาวพราวพิลาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาว จ.ขอนแก่นเสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท ที่ สน.ทองหล่อ และพบว่าผู้ต้องสงสัยคือ นายเดเนียล (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาวสิงคโปร์ แฟนหนุ่ม • พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เมื่อวานช่วงประมาณ 18.00 น. สน. ทองหล่อได้รับแจ้งจากเพื่อนของผู้เสียชีวิต บอกว่าไม่สามารถติดต่อเพื่อนได้ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นก็มาแจ้งความและไปที่พักที่คอนโด เพื่อขอความร่วมมือจากทางนิติบุคคล ขึ้นไปตรวจสอบที่ห้องชั้น 22 ปรากฏว่าห้องยังเปิดแอร์ ประตูไม่ได้ล็อก เมื่อเข้าไปภายในห้องไปเจอกับผู้เสียชีวิต นอนอยู่ในห้องน้ำ ลักษณะถูกนำเอาผ้าสีฟ้าและสีขาวคลุมไว้ และพบกองเลือดในห้องน้ำ จึงได้แจ้งให้กับตำรวจนิติเวช และพนักงานสอบสวนตรวจสอบซึ่งเพื่อยืนยันว่า ผู้ตายเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตจริง ๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000029145 • #MGROnline #สนทองหล่อ #ผู้เสียชีวิต #ทรัพย์สินแบรนด์เนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุยส์ เดอ กวินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มากกว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เสียอีก

    ความเห็นของรองประธานอีซีบีรายนี้ เกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซันเดย์ไทม์ส ซึ่งระหว่างนั้น เขาคร่ำครวญว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรีดภาษี แผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบในระบบการเงิน ได้ก่อความผันผวนในตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนั้นทำได้ยาก

    "เราจำเป็นต้องพิจารณาความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าแม้กระทั่งในช่วงระหว่างโรคระบาดใหญ่" รองประธานอีซีบีกล่าว "สิ่งที่เรากำลังมองเห็นก็คือ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดกว้างในการเดินหน้าด้วยนโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทั่วขอบเขตอำนาจ และหาทางออกร่วมกันในปัญหาร่วมใดๆ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ และเป็นบ่อเกิดครั้งใหญ่แห่งความไม่แน่นอน"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025287

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    หลุยส์ เดอ กวินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มากกว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เสียอีก • ความเห็นของรองประธานอีซีบีรายนี้ เกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซันเดย์ไทม์ส ซึ่งระหว่างนั้น เขาคร่ำครวญว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรีดภาษี แผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบในระบบการเงิน ได้ก่อความผันผวนในตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนั้นทำได้ยาก • "เราจำเป็นต้องพิจารณาความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าแม้กระทั่งในช่วงระหว่างโรคระบาดใหญ่" รองประธานอีซีบีกล่าว "สิ่งที่เรากำลังมองเห็นก็คือ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดกว้างในการเดินหน้าด้วยนโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทั่วขอบเขตอำนาจ และหาทางออกร่วมกันในปัญหาร่วมใดๆ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ และเป็นบ่อเกิดครั้งใหญ่แห่งความไม่แน่นอน" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025287 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1842 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรียนจบครูมา เลือกสอบอะไรดี? สพฐ. หรือ อปท. ท่ามกลางความเหมือนที่แตกต่าง – สพฐ. ก้าวไกลถึงกระทรวง แต่ อปท. เบิกค่าบ้านได้

    เมื่อต้องเลือกเส้นทางข้าราชการครู เข้าสู่ฤดูกาลสมัครสอบ ข้าราชการส่วนท้องถิ่นประจำปี 2568 บัณฑิตสายครูหลายคนอาจลังเลใจ ว่าควรเลือกสอบครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หรือจะไปครูผู้ช่วย สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดี?

    สพฐ. ดูมั่นคง มีเส้นทางก้าวหน้าสู่กระทรวง
    อปท. ได้สิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้าน เงินเดือนอาจคล่องตัว

    แต่ทั้งสองเส้นทางนี้มีความเหมือน และแตกต่างในหลายมิติ

    ครูผู้ช่วย อปท. กับครูผู้ช่วย สพฐ. เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
    สถานะทางกฎหมาย
    - ครูผู้ช่วย สพฐ. เป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ ปี 2547
    - ส่วนครูผู้ช่วย อปท. เป็นพนักงานครู หรือก็คือ ข้าราชการส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลท้องถิ่น ปี 2542

    แม้กฎหมายจะต่างกัน แต่โดยหลักการแล้ว ศักดิ์ศรีและสิทธิประโยชน์แทบไม่ต่างกัน

    เงินเดือนและสวัสดิการ
    - ครูผู้ช่วย อปท. ไม่ต้องหัก 3% เข้า กบข. แต่จะมีเงินสมทบ เข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญท้องถิ่น (กบท.)
    - ครูผู้ช่วย สพฐ. ต้องหักเงินเดือน 3% เข้า กบข. ตามระเบียบ

    ข้อได้เปรียบของ อปท. คือได้เงินเดือนเต็มกว่าเล็กน้อย

    ครูผู้ช่วย อปท. เบิกค่าเช่าบ้านได้! สูงสุด 6,000 บาท ต่อเดือน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ขอแค่ย้ายออกจากพื้นที่บรรจุครั้งแรก และไม่มีบ้านพักของหน่วยงาน

    ส่วนครูผู้ช่วย สพฐ. เบิกไม่ได้! ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ถ้าย้ายเองเท่ากับ “ร้องขอ” → หมดสิทธิ์

    ทั้งนี้ อปท. บางแห่ง ก็ไม่อนุญาตให้เบิกค่าเช่าบ้าน เพราะอาจมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ อปท.

    สิทธิ์รักษาพยาบาล ใครดีกว่า?
    ครอบคลุมเหมือนกัน ทั้งบิดา มารดา คู่สมรส และบุตร
    เบิกจ่ายตรงได้ เหมือนกัน

    ต่างกันที่แหล่งเงิน
    - ครูผู้ช่วย อปท. ใช้งบของ สปสช.
    - ครูผู้ช่วย สพฐ. ใช้งบของกรมบัญชีกลาง

    เรื่องนี้แทบไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อผู้รับสิทธิ์

    การเลื่อนเงินเดือนและวิทยฐานะ
    - ครูผู้ช่วย สพฐ. ทำตามกฎของ ก.ค.ศ.
    - ครูผู้ช่วย อปท. ทำตามมาตรฐานของ ก.กลาง และ ก.จังหวัด ซึ่งเนื้อหาแทบไม่ต่างกัน

    ข้อแตกต่าง เกณฑ์ใหม่ของ สพฐ. จะถูกนำมาปรับใช้กับ อปท. ตามหลัง 6 เดือน - 1 ปี อปท.บางแห่งให้โบนัส เช่น อบจ.ชลบุรี

    ถ้าสอบ อปท. ควรเช็กว่า อปท. ที่เลือกบรรจุนั้น มีโบนัสไหม!

    ความคล่องตัวในการย้าย
    - สพฐ. มีโรงเรียนเยอะ ย้ายง่าย
    - อปท. มีโรงเรียนน้อย โอกาสย้ายกลับบ้านน้อยกว่า

    การโอนข้ามสังกัด
    สพฐ. โอนไป อปท. ได้ง่ายกว่า
    อปท. โอนไป สพฐ. ยากมาก!

    ถ้าคิดจะโอนข้ามสังกัด ต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดี

    เส้นทางความก้าวหน้า
    ครูผู้ช่วย สพฐ. ก้าวไกลถึงกระทรวง! สามารถไต่เต้าไปได้ถึง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา รองเลขาธิการ สพฐ. กระทั่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

    ส่วนครูผู้ช่วย อปท. มักไปสุดแค่ ผอ.โรงเรียน อาจเป็น ผอ.กองการศึกษา ได้ แต่ต้องแข่งกับข้าราชการสายอำนวยการ

    ถ้าอยากเติบโตในสายงานการศึกษา สพฐ. มีทางเลือกมากกว่า

    ระบบงานและระเบียบ
    ระบบของ สพฐ.
    โรงเรียนเป็น นิติบุคคลมหาชน
    ต้องทำเรื่องเบิกจ่ายผ่าน เขตพื้นที่การศึกษา
    ระบบระเบียบยังคลุมเครือ

    ระบบของ อปท.
    โรงเรียนเป็น หน่วยงานของ อปท.
    วางฎีกาและเบิกจ่ายที่โรงเรียนได้เอง
    ระเบียบเยอะ ต้องทำงานเอกสารมาก

    ถ้าชอบระบบงานที่ชัดเจน อปท. อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากทำงานแบบอิสระ สพฐ. อาจตอบโจทย์กว่า

    งบประมาณโรงเรียน
    รร. สพฐ. ได้รับงบจากรัฐบาลโดยตรง
    รร. อปท. ได้รับงบจาก อปท. ต้นสังกัด ซึ่งส่วนใหญ่ เงินไม่ขาดแน่นอน แต่ใช้งานยาก เพราะระเบียบเยอะ

    ข้อได้เปรียบของ อปท.
    เงินเหลือใช้ได้ต่อปี ไม่ต้องคืนรัฐ
    ซื้อครุภัณฑ์ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องผ่านระบบ CIO

    การเมืองมีผลต่อการทำงานหรือไม่?
    รร. อปท. อยู่ภายใต้การดูแลของ นายก อปท.
    รร. สพฐ. อยู่ภายใต้ เขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวง

    ความจริง ทั้งสองสังกัด มีการเมืองในองค์กรเหมือนกัน

    แต่ถ้าอยู่ อปท. มักเจอ "การเมืองท้องถิ่น" มากกว่า

    เลือกสอบอะไรดี?
    ถ้าต้องการความมั่นคง และเส้นทางก้าวหน้าระดับกระทรวง → เลือก สพฐ.
    ถ้าต้องการเงินเดือนเต็ม เบิกค่าเช่าบ้านได้ และมีงบประมาณคล่องตัว → เลือก อปท.

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091524 มี.ค. 2568

    #สอบครู #ครูผู้ช่วย #สพฐ #อปท #สอบราชการ #ครูไทย #ข้าราชการครู #เลือกสังกัดไหนดี #ครูบ้านนอก #สอบบรรจุ
    เรียนจบครูมา เลือกสอบอะไรดี? สพฐ. หรือ อปท. 🤔 ท่ามกลางความเหมือนที่แตกต่าง – สพฐ. ก้าวไกลถึงกระทรวง แต่ อปท. เบิกค่าบ้านได้ 🌟 เมื่อต้องเลือกเส้นทางข้าราชการครู เข้าสู่ฤดูกาลสมัครสอบ ข้าราชการส่วนท้องถิ่นประจำปี 2568 บัณฑิตสายครูหลายคนอาจลังเลใจ ว่าควรเลือกสอบครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หรือจะไปครูผู้ช่วย สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดี? 🔹 สพฐ. ดูมั่นคง มีเส้นทางก้าวหน้าสู่กระทรวง 🔹 อปท. ได้สิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้าน เงินเดือนอาจคล่องตัว แต่ทั้งสองเส้นทางนี้มีความเหมือน และแตกต่างในหลายมิติ 🎯 👩‍🏫 ครูผู้ช่วย อปท. กับครูผู้ช่วย สพฐ. เหมือนหรือต่างกันอย่างไร? 🏛️ สถานะทางกฎหมาย - ครูผู้ช่วย สพฐ. เป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ ปี 2547 - ส่วนครูผู้ช่วย อปท. เป็นพนักงานครู หรือก็คือ ข้าราชการส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลท้องถิ่น ปี 2542 แม้กฎหมายจะต่างกัน แต่โดยหลักการแล้ว ศักดิ์ศรีและสิทธิประโยชน์แทบไม่ต่างกัน 💰 เงินเดือนและสวัสดิการ - ครูผู้ช่วย อปท. ไม่ต้องหัก 3% เข้า กบข. แต่จะมีเงินสมทบ เข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญท้องถิ่น (กบท.) - ครูผู้ช่วย สพฐ. ต้องหักเงินเดือน 3% เข้า กบข. ตามระเบียบ ✅ ข้อได้เปรียบของ อปท. คือได้เงินเดือนเต็มกว่าเล็กน้อย 📌 ครูผู้ช่วย อปท. เบิกค่าเช่าบ้านได้! 🏠 สูงสุด 6,000 บาท ต่อเดือน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ขอแค่ย้ายออกจากพื้นที่บรรจุครั้งแรก และไม่มีบ้านพักของหน่วยงาน ❌ ส่วนครูผู้ช่วย สพฐ. เบิกไม่ได้! ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ถ้าย้ายเองเท่ากับ “ร้องขอ” → หมดสิทธิ์ 📌 ทั้งนี้ อปท. บางแห่ง ก็ไม่อนุญาตให้เบิกค่าเช่าบ้าน เพราะอาจมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ อปท. 🏥 สิทธิ์รักษาพยาบาล ใครดีกว่า? ✅ ครอบคลุมเหมือนกัน ทั้งบิดา มารดา คู่สมรส และบุตร ✅ เบิกจ่ายตรงได้ เหมือนกัน 🔹 ต่างกันที่แหล่งเงิน - ครูผู้ช่วย อปท. ใช้งบของ สปสช. - ครูผู้ช่วย สพฐ. ใช้งบของกรมบัญชีกลาง 🚑 เรื่องนี้แทบไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อผู้รับสิทธิ์ 📈 การเลื่อนเงินเดือนและวิทยฐานะ - ครูผู้ช่วย สพฐ. ทำตามกฎของ ก.ค.ศ. - ครูผู้ช่วย อปท. ทำตามมาตรฐานของ ก.กลาง และ ก.จังหวัด ซึ่งเนื้อหาแทบไม่ต่างกัน 📌 ข้อแตกต่าง เกณฑ์ใหม่ของ สพฐ. จะถูกนำมาปรับใช้กับ อปท. ตามหลัง 6 เดือน - 1 ปี อปท.บางแห่งให้โบนัส เช่น อบจ.ชลบุรี 🎯 ถ้าสอบ อปท. ควรเช็กว่า อปท. ที่เลือกบรรจุนั้น มีโบนัสไหม! 📌 ความคล่องตัวในการย้าย - สพฐ. มีโรงเรียนเยอะ ย้ายง่าย - อปท. มีโรงเรียนน้อย โอกาสย้ายกลับบ้านน้อยกว่า 📍 การโอนข้ามสังกัด 🔹 สพฐ. โอนไป อปท. ได้ง่ายกว่า 🔹 อปท. โอนไป สพฐ. ยากมาก! 🚨 ถ้าคิดจะโอนข้ามสังกัด ต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดี 🎯 เส้นทางความก้าวหน้า 🏛️ ครูผู้ช่วย สพฐ. ก้าวไกลถึงกระทรวง! สามารถไต่เต้าไปได้ถึง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา รองเลขาธิการ สพฐ. กระทั่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 🏙️ ส่วนครูผู้ช่วย อปท. มักไปสุดแค่ ผอ.โรงเรียน อาจเป็น ผอ.กองการศึกษา ได้ แต่ต้องแข่งกับข้าราชการสายอำนวยการ 🏆 ถ้าอยากเติบโตในสายงานการศึกษา สพฐ. มีทางเลือกมากกว่า 📚 ระบบงานและระเบียบ 📌 ระบบของ สพฐ. ✔️ โรงเรียนเป็น นิติบุคคลมหาชน ✔️ ต้องทำเรื่องเบิกจ่ายผ่าน เขตพื้นที่การศึกษา ✔️ ระบบระเบียบยังคลุมเครือ 📌 ระบบของ อปท. ✔️ โรงเรียนเป็น หน่วยงานของ อปท. ✔️ วางฎีกาและเบิกจ่ายที่โรงเรียนได้เอง ✔️ ระเบียบเยอะ ต้องทำงานเอกสารมาก 🎯 ถ้าชอบระบบงานที่ชัดเจน อปท. อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากทำงานแบบอิสระ สพฐ. อาจตอบโจทย์กว่า 🏫 งบประมาณโรงเรียน 🔹 รร. สพฐ. ได้รับงบจากรัฐบาลโดยตรง 🔹 รร. อปท. ได้รับงบจาก อปท. ต้นสังกัด ซึ่งส่วนใหญ่ เงินไม่ขาดแน่นอน แต่ใช้งานยาก เพราะระเบียบเยอะ 📌 ข้อได้เปรียบของ อปท. ✔️ เงินเหลือใช้ได้ต่อปี ไม่ต้องคืนรัฐ ✔️ ซื้อครุภัณฑ์ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องผ่านระบบ CIO 🏛️ การเมืองมีผลต่อการทำงานหรือไม่? รร. อปท. อยู่ภายใต้การดูแลของ นายก อปท. รร. สพฐ. อยู่ภายใต้ เขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวง 📌 ความจริง ทั้งสองสังกัด มีการเมืองในองค์กรเหมือนกัน 🔥 แต่ถ้าอยู่ อปท. มักเจอ "การเมืองท้องถิ่น" มากกว่า 🎯 เลือกสอบอะไรดี? ✅ ถ้าต้องการความมั่นคง และเส้นทางก้าวหน้าระดับกระทรวง → เลือก สพฐ. ✅ ถ้าต้องการเงินเดือนเต็ม เบิกค่าเช่าบ้านได้ และมีงบประมาณคล่องตัว → เลือก อปท. ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091524 มี.ค. 2568 📌 #สอบครู #ครูผู้ช่วย #สพฐ #อปท #สอบราชการ #ครูไทย #ข้าราชการครู #เลือกสังกัดไหนดี #ครูบ้านนอก #สอบบรรจุ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1112 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ
    .
    เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ
    .
    สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก
    .
    ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก
    .
    ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022
    .
    แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี
    .
    สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม
    .
    ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก
    .
    สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง"
    .
    ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก
    .
    จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง
    .
    นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก
    .
    รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ
    .
    แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ . เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ . สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก . ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก . ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022 . แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี . สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม . ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก . สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง" . ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก . จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง . นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก . รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ . แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1990 มุมมอง 1 รีวิว
Pages Boosts