• เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 มวลอากาศเย็นที่พัดผ่านกรุงปักกิ่งและพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้เกิดลมแรงและพายุทรายอย่างกว้างขวาง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนได้ออกประกาศเตือนภัยลมแรงระดับสีส้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี โดยคาดว่าลมกระโชกแรงในบางพื้นที่อาจแตะระดับ 13 ซึ่งมีความรุนแรงขนาดที่สามารถทำลายทรัพย์สินบนบกได้

    ทางการประกาศยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมต่างๆ ทั่วเมือง เช่น การแข่งขันฟุตบอลซูเปอร์ลีกในคืนวันที่ 11 เมษายน งานแข่งเรือใบ “2025 China Family Sailing Race” ที่ทะเลสาบเยียนซีฮู และงานมาราธอน “Beijing City Sub-Center Marathon” สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งปิดให้บริการชั่วคราว

    คณะกรรมการการศึกษาแห่งกรุงปักกิ่งแนะนำให้โรงเรียนทุกระดับพิจารณาเลื่อนเวลาเลิกเรียนวันศุกร์ให้เร็วขึ้น และให้นักเรียน–ครูหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น โดยกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สอบพละหรือกีฬาสี ควรเลื่อนหรือยกเลิกชั่วคราว

    ทางการจีนได้ประกาศยกระดับการรับมือภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาเป็นระดับ 3 เมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังวิเคราะห์ว่าลมแรงครั้งนี้จะมีลักษณะพิเศษ ได้แก่ ระยะเวลายาวนาน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ความแรงสูง และมีความเสี่ยงสร้างความเสียหายสูง โดยช่วงเวลาที่ลมแรงรุนแรงที่สุดจะอยู่ในวันที่ 12 เมษายน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000034647

    #MGROnline #Beijing
    เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 มวลอากาศเย็นที่พัดผ่านกรุงปักกิ่งและพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้เกิดลมแรงและพายุทรายอย่างกว้างขวาง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนได้ออกประกาศเตือนภัยลมแรงระดับสีส้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี โดยคาดว่าลมกระโชกแรงในบางพื้นที่อาจแตะระดับ 13 ซึ่งมีความรุนแรงขนาดที่สามารถทำลายทรัพย์สินบนบกได้ • ทางการประกาศยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมต่างๆ ทั่วเมือง เช่น การแข่งขันฟุตบอลซูเปอร์ลีกในคืนวันที่ 11 เมษายน งานแข่งเรือใบ “2025 China Family Sailing Race” ที่ทะเลสาบเยียนซีฮู และงานมาราธอน “Beijing City Sub-Center Marathon” สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งปิดให้บริการชั่วคราว • คณะกรรมการการศึกษาแห่งกรุงปักกิ่งแนะนำให้โรงเรียนทุกระดับพิจารณาเลื่อนเวลาเลิกเรียนวันศุกร์ให้เร็วขึ้น และให้นักเรียน–ครูหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น โดยกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สอบพละหรือกีฬาสี ควรเลื่อนหรือยกเลิกชั่วคราว • ทางการจีนได้ประกาศยกระดับการรับมือภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาเป็นระดับ 3 เมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังวิเคราะห์ว่าลมแรงครั้งนี้จะมีลักษณะพิเศษ ได้แก่ ระยะเวลายาวนาน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ความแรงสูง และมีความเสี่ยงสร้างความเสียหายสูง โดยช่วงเวลาที่ลมแรงรุนแรงที่สุดจะอยู่ในวันที่ 12 เมษายน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000034647 • #MGROnline #Beijing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11-04-68/03 : หมี CNN / ผู้ใหญ่เหี้ย..พาเด็กซวย! ท่าทางอียิวมันคงเครียดแค้นอีอินทรีเหล็กอย่างหนัก กะไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบพันธุ์ต่อไป ลากเด็ก เยาวชนมาตายห่าให้หมด เอาให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน? ปชต.ตอแหล จะเติบโตเต็มที่ ในพื้นที่ ที่มีควายหน้าโง่เยอะที่สุด ยิ่ง EGO แรง ขาดสติ สิ้นชาติ สูญพันธุ์ง่ายดาย มรึงฆ่ากันเองตายไม่พอ ยังจะเอาลูกหลานไปตายห่าต่ออีก ให้ภาพจำในวัยเด็ก มีแต่เรื่องปืนและการเข่นฆ่า นี่เหรอ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่มรึงอุตส่าห์ตอแหลสร้างกันมายาวนานนับศตวรรษ อะไรน่ะ สิทธิ เสรีภาพ มนุษยชน คือเรื่องเอาไว้หลอกควายหน้าโง่จ๊ะ แผ่นดินใคร ใครก็ต้องปกป้อง ไม่ใช่เอารูปแบบการปกครองชาติหมาที่อื่นมาอ้าง แล้วปล้นแผ่นดินเค้าไปทั่ว ปชต.พ่องดิ? เรื่องสร้างความตื่นตระหนก อีโง่ยุโรปมันถนัด เพราะแท้จริงแล้ว ฝรั่งขี้ขลาดกว่าเอเซียเยอะ กลัวตาย ถึงเวลาสู้ เผ่นหางจุกตูดหมด ผิดกับสายพันธุ์สลาฟ ฮั่น และอโยธยา พุ่งเข้าใส่ ใจมันได้ ตายไม่กลัว กลัวไม่ได้สู้เพื่อแผ่นดินเกิด การปลุกฝังมันต่างกัน กว่าจะเป็นแผ่นดินพ่อทุกวันนี้ได้ เราต้องแลกกับอะไรมาเยอะ เมื่อเทคโนโลยีเอเซียก้าวกระโดดแซงหน้าไอ้อีเหี้ยตะวันตก มันถึงได้เกิดการแข็งข้อแบบนี้ไงล่ะ? ใครมันจะยอมตามหลัง ไอ้อีหน้าโง่ ที่โง่ดักดาน โง่บัดซบกว่ากู 100 เท่า กันล่ะ? ที่อียุโรปเอาเด็กมาบังหน้า กูอ่านแผนออกเลย เดาไม่ยาก ถึงเวลาจริง ดันส่งเด็ก สตรี คนชรา มายื่นแถวหน้า เพื่อขู่รัสเซีย แน่จริงยิงสิฟ่ะ? รัสเซียสุภาพบุรุษพอ เปิดโจ๊ะเจรจา แล้วค่อยเก็บไอ้พวกเหี้ยอย่างมรึงกลางที่ประชุมนั่นแหละ ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เอาแบบแม่นยำ เป๊ะเด๊ะ ลงกลางหัว กลางเป้า กลางตึกกันไปเลย ทหารจะฆ่าศัตรูที่เป็นทหาร เค้าไม่ฆ่าพลเรือน เหมือนที่พวกระยำสลัดหมาอย่างมรึงทำกันมาก่อนหน้า อีโปล อีไวกิ้ง รู้ตัว ไม่ตายคาตรีนเครมลิน ก็ตายคาตรีนวอชิงตัน แต่กูจะบอกให้ หากมรึงรู้ชะตากรรมตัวเอง ว่ายังไงก็ต้องเสียดินแดนแล้วไซร้ สู้อยู่กับผู้ที่เปิดช่องทางอยู่ร่วมกันดีกว่ามั้ย หากอยู่กับอีวอชิงตัน มรึงก็เป็นได้แค่ ขี้ข้ารองตรีนเท่านั้น! ลำดับอาหารอันโอชะจานโปรดของปูติน เริ่มที่อียูเครน ต่อ อีโปล+อี 3 เสือก ต่อ สแกนดิเนเวีย ต่อ ลอนดอน ทั้งหมดจบลงที่ท่อแก็สอาร์คติค เข้าเชื่อมยุโรป เอเซีย อาหรับ แอฟริกา ตอนนี้สิ่งที่ปูตินทำคือ ตัดแขน ตัดขา มรึงหมดเกลี้ยงแล้ว รอแค่บดขยี้ ไปเรื่อยๆ จนมรึงต้องยอมหมอบ บีบจนมรึงไม่มีจะแดร๊ก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอาหาร และน้ำ จะอยู่กันต่อยังไง? สุดท้ายก็ต้องจบที่โต๊ะเจรจา ด้วยการแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข กติกาใหม่โลกถึงจะก่อเกิดสำเร็จ และนั่นคือการตัดขาดยุโรปออกจากสหรัฐ อย่างเต็มตรีน ชั่วโมงนี้ เหี้ยมันจ้องหักหลังกันเองแน่ ทำชัวร์ เพราะใครดี ใครได้ ใครรอด? หมากัดกัน ภาพที่น่าสมเพช จนมรึงแทบอ๊วก

    Germany to prepare children for war – Handelsblatt หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานจากโฆษกกระทรวงว่า กระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีเสนอให้โรงเรียนเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับวิกฤติต่างๆรวมถึงสงคราม

    ข้อเสนอต่อ “ความพร้อมของประชาชน” จากรัฐบาลยุโรปตะวันตกตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งและเริ่มเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา บาเออร์บ๊อกมองว่าเป็น “ทางตัน”

    ตามรายงาน การโจมตีของรัสเซียต่อประเทศนาโต้ “ในช่วง 4-7 ปี” ถือว่าเป็น “สถานการณ์ที่เป็นไปได้” ตามคำพูดของกองทัพ Bundeswehr

    เด็กนักเรียนควร “ได้รับการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด” การฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติควรอยู่ในหลักสูตรและสิ่งของจำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินควรมีอยู่ทุกบ้าน

    รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกเขาอาจโจมตีประเทศนาโตัตั้งแต่ความรุนแรงจากสงครามยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องเกี่ยวกับความพร้อมของประชาชนแพร่กระจายไปทั่วยุโรปและอังกฤษในสัปดาห์ที่แล้ว

    คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำว่า ชาวยุโรปควรกักตุนสินค้าจำเป็นรวมถึงอาหารและน้ำเพื่อให้เพียงพอสำหรับ 3 วันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

    โปแลนด์และนอร์เวย์ย้ำถึงมาตรการสมัยสงครามเย็นอย่างที่เก็บระเบิด ป้อมหลบภัย และการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ ขณะที่สวีเดนและฟินแลนด์มีคำแนะนำให้ประชาชนต่อการตอบโต้หากประเทศถูกโจมตี

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ประเทศพร้อมเจรจาหยุดยิงอย่างถาวรเพื่อยุติความขัดแย้งกับยูเครนหากมีการยืนยันว่า ยูเครนจะยอมทำตาม

    ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินและประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้วหลังรัสเซียตกลงที่จะยืดเวลาการโจมตีโรงพลังงานพร้อมการลงนามต่อข้อเสนอของยูเครน อย่างไรก็ตาม รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าละเมิดข้อตกลงแม้จะบอกว่าพวกเขาให้เกียรติรัสเซีย

    https://www.rt.com/news/615355-germany-prepare-children-war/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    11-04-68/03 : หมี CNN / ผู้ใหญ่เหี้ย..พาเด็กซวย! ท่าทางอียิวมันคงเครียดแค้นอีอินทรีเหล็กอย่างหนัก กะไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบพันธุ์ต่อไป ลากเด็ก เยาวชนมาตายห่าให้หมด เอาให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน? ปชต.ตอแหล จะเติบโตเต็มที่ ในพื้นที่ ที่มีควายหน้าโง่เยอะที่สุด ยิ่ง EGO แรง ขาดสติ สิ้นชาติ สูญพันธุ์ง่ายดาย มรึงฆ่ากันเองตายไม่พอ ยังจะเอาลูกหลานไปตายห่าต่ออีก ให้ภาพจำในวัยเด็ก มีแต่เรื่องปืนและการเข่นฆ่า นี่เหรอ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่มรึงอุตส่าห์ตอแหลสร้างกันมายาวนานนับศตวรรษ อะไรน่ะ สิทธิ เสรีภาพ มนุษยชน คือเรื่องเอาไว้หลอกควายหน้าโง่จ๊ะ แผ่นดินใคร ใครก็ต้องปกป้อง ไม่ใช่เอารูปแบบการปกครองชาติหมาที่อื่นมาอ้าง แล้วปล้นแผ่นดินเค้าไปทั่ว ปชต.พ่องดิ? เรื่องสร้างความตื่นตระหนก อีโง่ยุโรปมันถนัด เพราะแท้จริงแล้ว ฝรั่งขี้ขลาดกว่าเอเซียเยอะ กลัวตาย ถึงเวลาสู้ เผ่นหางจุกตูดหมด ผิดกับสายพันธุ์สลาฟ ฮั่น และอโยธยา พุ่งเข้าใส่ ใจมันได้ ตายไม่กลัว กลัวไม่ได้สู้เพื่อแผ่นดินเกิด การปลุกฝังมันต่างกัน กว่าจะเป็นแผ่นดินพ่อทุกวันนี้ได้ เราต้องแลกกับอะไรมาเยอะ เมื่อเทคโนโลยีเอเซียก้าวกระโดดแซงหน้าไอ้อีเหี้ยตะวันตก มันถึงได้เกิดการแข็งข้อแบบนี้ไงล่ะ? ใครมันจะยอมตามหลัง ไอ้อีหน้าโง่ ที่โง่ดักดาน โง่บัดซบกว่ากู 100 เท่า กันล่ะ? ที่อียุโรปเอาเด็กมาบังหน้า กูอ่านแผนออกเลย เดาไม่ยาก ถึงเวลาจริง ดันส่งเด็ก สตรี คนชรา มายื่นแถวหน้า เพื่อขู่รัสเซีย แน่จริงยิงสิฟ่ะ? รัสเซียสุภาพบุรุษพอ เปิดโจ๊ะเจรจา แล้วค่อยเก็บไอ้พวกเหี้ยอย่างมรึงกลางที่ประชุมนั่นแหละ ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เอาแบบแม่นยำ เป๊ะเด๊ะ ลงกลางหัว กลางเป้า กลางตึกกันไปเลย ทหารจะฆ่าศัตรูที่เป็นทหาร เค้าไม่ฆ่าพลเรือน เหมือนที่พวกระยำสลัดหมาอย่างมรึงทำกันมาก่อนหน้า อีโปล อีไวกิ้ง รู้ตัว ไม่ตายคาตรีนเครมลิน ก็ตายคาตรีนวอชิงตัน แต่กูจะบอกให้ หากมรึงรู้ชะตากรรมตัวเอง ว่ายังไงก็ต้องเสียดินแดนแล้วไซร้ สู้อยู่กับผู้ที่เปิดช่องทางอยู่ร่วมกันดีกว่ามั้ย หากอยู่กับอีวอชิงตัน มรึงก็เป็นได้แค่ ขี้ข้ารองตรีนเท่านั้น! ลำดับอาหารอันโอชะจานโปรดของปูติน เริ่มที่อียูเครน ต่อ อีโปล+อี 3 เสือก ต่อ สแกนดิเนเวีย ต่อ ลอนดอน ทั้งหมดจบลงที่ท่อแก็สอาร์คติค เข้าเชื่อมยุโรป เอเซีย อาหรับ แอฟริกา ตอนนี้สิ่งที่ปูตินทำคือ ตัดแขน ตัดขา มรึงหมดเกลี้ยงแล้ว รอแค่บดขยี้ ไปเรื่อยๆ จนมรึงต้องยอมหมอบ บีบจนมรึงไม่มีจะแดร๊ก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอาหาร และน้ำ จะอยู่กันต่อยังไง? สุดท้ายก็ต้องจบที่โต๊ะเจรจา ด้วยการแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข กติกาใหม่โลกถึงจะก่อเกิดสำเร็จ และนั่นคือการตัดขาดยุโรปออกจากสหรัฐ อย่างเต็มตรีน ชั่วโมงนี้ เหี้ยมันจ้องหักหลังกันเองแน่ ทำชัวร์ เพราะใครดี ใครได้ ใครรอด? หมากัดกัน ภาพที่น่าสมเพช จนมรึงแทบอ๊วก Germany to prepare children for war – Handelsblatt หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานจากโฆษกกระทรวงว่า กระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีเสนอให้โรงเรียนเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับวิกฤติต่างๆรวมถึงสงคราม ข้อเสนอต่อ “ความพร้อมของประชาชน” จากรัฐบาลยุโรปตะวันตกตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งและเริ่มเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา บาเออร์บ๊อกมองว่าเป็น “ทางตัน” ตามรายงาน การโจมตีของรัสเซียต่อประเทศนาโต้ “ในช่วง 4-7 ปี” ถือว่าเป็น “สถานการณ์ที่เป็นไปได้” ตามคำพูดของกองทัพ Bundeswehr เด็กนักเรียนควร “ได้รับการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด” การฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติควรอยู่ในหลักสูตรและสิ่งของจำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินควรมีอยู่ทุกบ้าน รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกเขาอาจโจมตีประเทศนาโตัตั้งแต่ความรุนแรงจากสงครามยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องเกี่ยวกับความพร้อมของประชาชนแพร่กระจายไปทั่วยุโรปและอังกฤษในสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำว่า ชาวยุโรปควรกักตุนสินค้าจำเป็นรวมถึงอาหารและน้ำเพื่อให้เพียงพอสำหรับ 3 วันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โปแลนด์และนอร์เวย์ย้ำถึงมาตรการสมัยสงครามเย็นอย่างที่เก็บระเบิด ป้อมหลบภัย และการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ ขณะที่สวีเดนและฟินแลนด์มีคำแนะนำให้ประชาชนต่อการตอบโต้หากประเทศถูกโจมตี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ประเทศพร้อมเจรจาหยุดยิงอย่างถาวรเพื่อยุติความขัดแย้งกับยูเครนหากมีการยืนยันว่า ยูเครนจะยอมทำตาม ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินและประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้วหลังรัสเซียตกลงที่จะยืดเวลาการโจมตีโรงพลังงานพร้อมการลงนามต่อข้อเสนอของยูเครน อย่างไรก็ตาม รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าละเมิดข้อตกลงแม้จะบอกว่าพวกเขาให้เกียรติรัสเซีย https://www.rt.com/news/615355-germany-prepare-children-war/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    Germany to prepare children for war – Handelsblatt
    The newspaper has described a Russian attack on NATO territory as “a realistic scenario,” despite Moscow’s reassurances and peace talks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองแห่ง นิวเดลี ประเทศอินเดีย ช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับแนวโน้ม "planned obsolescence" หรือการทำให้อุปกรณ์หมดอายุเร็วเกินควร ด้วยการสร้าง แล็ปท็อปราคา 100 ดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า "Franken-laptops" อุปกรณ์เหล่านี้เกิดจากการรวบรวมและดัดแปลงชิ้นส่วนจากแล็ปท็อปเก่าและเสีย

    ✅ ประหยัดต้นทุนและเข้าถึงได้ง่าย:
    - แล็ปท็อปเหล่านี้มีราคาประมาณ 10,000 รูปี (110 ดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าราคาของแล็ปท็อปใหม่ในตลาดที่อยู่ราว 50,000 รูปี (600 ดอลลาร์)
    - ช่วยให้นักเรียน คนทำงานฟรีแลนซ์ และธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในราคาที่จ่ายไหว

    ✅ ที่มาของชิ้นส่วน:
    - ส่วนประกอบมาจากตลาด e-waste ขนาดใหญ่ในอินเดีย เช่น Seelampur ซึ่งช่างซ่อมสามารถหาชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ เช่น RAM, เมนบอร์ด และแบตเตอรี่

    ✅ เรื่องราวน่าประทับใจ:
    - ตัวอย่างหนึ่งคือนักศึกษาวิศวกรรมที่เกือบไม่สามารถจบการศึกษาได้ เนื่องจากไม่มีแล็ปท็อป แต่ได้รับการช่วยเหลือด้วย "Franken-laptop" ที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนเหลือใช้

    == ปัญหาที่ต้องเผชิญ ==
    - บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใช้วิธีการ proprietary designs เช่น สกรูเฉพาะทางและซอฟต์แวร์ล็อก เพื่อกีดกันการซ่อมแซม DIY
    - ช่างซ่อมท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนจากผู้ผลิต OEM ได้โดยถูกกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/107477-india-repair-shops-fighting-planned-obsolescence-creating-100.html
    ในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสองแห่ง นิวเดลี ประเทศอินเดีย ช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับแนวโน้ม "planned obsolescence" หรือการทำให้อุปกรณ์หมดอายุเร็วเกินควร ด้วยการสร้าง แล็ปท็อปราคา 100 ดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า "Franken-laptops" อุปกรณ์เหล่านี้เกิดจากการรวบรวมและดัดแปลงชิ้นส่วนจากแล็ปท็อปเก่าและเสีย ✅ ประหยัดต้นทุนและเข้าถึงได้ง่าย: - แล็ปท็อปเหล่านี้มีราคาประมาณ 10,000 รูปี (110 ดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าราคาของแล็ปท็อปใหม่ในตลาดที่อยู่ราว 50,000 รูปี (600 ดอลลาร์) - ช่วยให้นักเรียน คนทำงานฟรีแลนซ์ และธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในราคาที่จ่ายไหว ✅ ที่มาของชิ้นส่วน: - ส่วนประกอบมาจากตลาด e-waste ขนาดใหญ่ในอินเดีย เช่น Seelampur ซึ่งช่างซ่อมสามารถหาชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ เช่น RAM, เมนบอร์ด และแบตเตอรี่ ✅ เรื่องราวน่าประทับใจ: - ตัวอย่างหนึ่งคือนักศึกษาวิศวกรรมที่เกือบไม่สามารถจบการศึกษาได้ เนื่องจากไม่มีแล็ปท็อป แต่ได้รับการช่วยเหลือด้วย "Franken-laptop" ที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนเหลือใช้ == ปัญหาที่ต้องเผชิญ == - บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใช้วิธีการ proprietary designs เช่น สกรูเฉพาะทางและซอฟต์แวร์ล็อก เพื่อกีดกันการซ่อมแซม DIY - ช่างซ่อมท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนจากผู้ผลิต OEM ได้โดยถูกกฎหมาย https://www.techspot.com/news/107477-india-repair-shops-fighting-planned-obsolescence-creating-100.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Repair shops in India are fighting planned obsolescence by creating $100 laptops
    Delhi's Nehru Place is one of the largest commercial centres in the city, and though its significance as a financial centre has declined in recent years, it's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง

    White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ

    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

    เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ

    ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล

    อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

    การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า

    อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น

    https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    White House to review billions in Harvard funding
    The White House has accused the university of failing to adequately address anti-Semitism on its campus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎖️ 124 ปี อุบลฯ ปราบกบฏผีบุญองค์มั่น ศรัทธา คือ อาวุธ! ผีบุญขุขันธ์ ใหญ่สุดในอีสาน ไม่มีให้จดจำ ไม่ทำให้ลืมเลือน

    “ความศรัทธา” เปลี่ยนเป็น “การลุกฮือ” เมื่อประชาชนหมดหวังในรัฐ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “ศึกโนนโพธิ์” กับคำถามที่ไม่ควรหายไปจากแผ่นดิน

    🕰️ เสียงปืนใหญ่ที่โลกไม่เคยได้ยิน ย้อนกลับไปในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 เสียงปืนใหญ่ดังกึกก้องจากป่าบ้านสะพือ จังหวัดอุบลราชธานี ปืนของทหารสยาม ไม่ได้ยิงใส่ข้าศึกจากภายนอก… แต่มุ่งตรงไปยังกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีศรัทธาในชายผู้ถูกเรียกว่า “องค์มั่น” ผู้นำแห่งขบวนการ “ผู้มีบุญ”

    การปะทะในวันนั้น จบลงด้วยศพกว่า 300 ราย แต่อุดมการณ์ ยังดังก้องข้ามศตวรรษ 🕊️

    🤔 ผู้มีบุญคือใคร? ก่อนจะไปถึงการสู้รบ... ต้องย้อนกลับมาที่คำว่า “ผู้มีบุญ” หรือที่รัฐไทยเรียกแบบดูหมิ่นว่า “ผีบุญ” 👻

    ผู้มีบุญ = คนที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “ผู้วิเศษ” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย” ผู้จะมากู้โลกในยุคที่รัฐล้มเหลว ผู้มีบุญจึงไม่ใช่กบฏธรรมดา แต่คือ "ผู้นำจิตวิญญาณ" ของชาวบ้านที่สิ้นหวังในอำนาจรัฐกลาง ที่ดูห่างไกล เย็นชา และกดขี่

    🧾 จากกบฏถึงความหวัง บันทึก 260 ปี "กบฏผีบุญอีสาน" ภาคอีสานถูกจารึกว่า เป็นพื้นที่ที่มีกบฏผีบุญมากที่สุดในประเทศ

    2242 กบฏบุญกว้าง
    2334 กบฏเชียงแก้ว
    2360 กบฏสาเกียดโง้ง
    2442-44 กบฏสามโบก
    2444-45 กบฏผีบุญอีสาน ครั้งองค์มั่น 🟠
    2467 กบฏหนองหมากแก้ว
    2479 กบฏหมอลำน้อยชาดา
    2483 กบฏหมอลำโสภา พลตรี
    2502 กบฏศิลา วงศ์สิน

    🎯 ครั้งปี 2444-2445 นั้นถือเป็น การลุกฮือใหญ่ที่สุด มีผู้มีบุญมากถึง 60 คน ครอบคลุม 13 จังหวัด ในอีสาน

    "ผีบุญองค์มั่น" โด่งดังสุดในภาคอีสาน นอกจากองค์มั่นแล้ว ยังมีผู้นำรองๆ อีก 5 คน เป็นแกนนำ คือ องค์เขียว องค์ลิ้นก่าน องค์พระบาท องค์พระเมตไตร และองค์เหลือง ฝ่ายกบฏได้ปลุกระดมราษฎรทั้ง 2 ฝั่งโขง ในฝั่งขวา คือฝั่งอีสาน ได้กำลังจากอำเภอโขงเจียม อำเภอตระการพืชผล ในที่สุด ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2444 กลุ่มผีบุญเข้ายึดเมืองเขมราฐ จับเจ้าเมืองไว้เป็นตัวประกัน และเป็นเครื่องมือแห่แหนให้คนเข้าเป็นพวก แต่ฆ่าท้าวกุลบุตร ท้าวโพธิสาร กรมการเมืองที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏ

    รวมถึงได้เผาเมืองเขมราฐ ปล่อยนักโทษจากคุก แล้วเคลื่อนกำลังมุ่งตรงมายังเมืองอุบลราชธานี มาตั้งทัพระดมพลอีกครั้งที่บ้านสะพือใหญ่ อำเภอตระการพืชผล มีคนมาเข้ากับองค์มั่น 2,500 คน แต่อาวุธไม่ทันสมัย มีปืนคาบศิลา ปืนแก๊ป มีดพร้า ฝ่ายกบฏได้สะสมเสบียงอาหารด้วย ฝ่ายกบฏได้ฆ่านายอำเภอพนานิคม ซึ่งไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏด้วย

    แต่... "ผีบุญขุขันธ์" ใหญ่สุดในภาคอีสาน กบฏกลุ่มบุญจันเมืองขุขันธ์ กลุ่มนี้เป็นกบฏผู้มีบุญอีสานที่ใหญ่ที่สุด มีสมาชิกที่มาเข้าร่วมถึง 6,000 คน หัวหน้ากบฏชื่อบุญจัน เป็นบุตรเจ้าเมืองขุขันธ์คนก่อน และเป็นน้องชายของผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ในขณะนั้น ไม่ถูกกับพี่ชาย ในเรื่องตำแหน่งเจ้าเมืองมากกว่าสาเหตุอื่น ได้ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญซ่องสุมกำลังอยู่ที่ภูฝ้าย ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน

    การเคลื่อนไหวของผีบุญ ขยายวงกว้าง รวดเร็ว เพราะมีการเชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และอาศัยระบบวัฒนธรรม แบบปากต่อปาก 🗣️

    จุดแข็งของเครือข่ายนี้อยู่ที่ “ความศรัทธา” ไม่ใช่กำลังพล หรืออาวุธ

    🔥 จุดระเบิด เมื่อภาษี 4 บาท กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย 💸 ภาษีส่วยที่ชาวอีสานรับไม่ไหว รัฐสยามในยุครัชกาลที่ 5 มีนโยบายปฏิรูปการปกครองแบบรวมศูนย์ ส่งคนมาเก็บภาษีตรงจากประชาชน โดยเฉพาะภาษี ชายฉกรรจ์ 4 บาท ต่อคน ต่อปี เทียบค่าเงินปัจจุบันราว 3,500-4,000 บาท

    แต่ในยุคนั้น คนอีสานส่วนใหญ่ไม่ใช้เงิน และใช้ชีวิตพอเพียง เลี้ยงไก่ ปลูกข้าว ใช้ระบบแลกเปลี่ยน เงิน 4 บาท จึงเท่ากับความเดือดร้อนทั้งบ้าน 💔

    ☠️ “ฝูงไทยใจฮ้าย ตายสิ้นบ่หลอ” เสียงหมอลำตอกย้ำความเจ็บปวด ชี้ให้เห็นความไม่ยุติธรรม และปลุกใจชาวบ้าน
    บางพื้นที่ ถึงกับมีคำปลุกระดมชัดเจน เช่น

    “ไล่ไทยเอาดินคืนมา… ฆ่าไทยเสียให้หมด!”

    👑 จากชายธรรมดาสู่ผู้นำกองทัพศรัทธา "องค์มั่น" หรืออ้ายมาน เป็นผู้นำผู้มีบุญที่โดดเด่นที่สุด ตั้งตนเป็น "พระยาธรรมิกราช" หรือ "องค์ปราสาททอง" ✨

    👥 กลุ่มผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง มีคนเข้าร่วมกว่า 2,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ลาวใต้ มีแกนนำร่วม เช่น องค์เขียว, องค์พระบาท, องค์เมตไตรย ฯลฯ

    ⚔️ ศึกโนนโพธิ์ ปืนใหญ่ที่ดับความหวัง วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 ตรงกับวันนี้ครบ 124 ปี พอดี และเป็นวันศุกร์เหมือนกัน กองทัพจากเมืองอุบลฯ ภายใต้การนำของ "พันตรีหลวงสุรกิจพิศาล" ใช้ ปืนใหญ่ 2 กระบอก ซุ่มโจมตีที่ “บ้านสะพือใหญ่” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โนนโพธิ์”

    🔥 ปืนใหญ่ยิงถล่มตรงกลางกลุ่มกบฏ

    💀 เสียชีวิตทันที 200-300 คน

    😭 บาดเจ็บกว่า 500 คน

    องค์มั่นหนีไปได้ แต่ลูกน้อง 400 คนถูกจับ ศาลตัดสินประหาร “องค์” ทุกคน ✝️

    🧵 จดหมายลูกโซ่ หมอลำ และพลัง Soft Power แห่งยุค การปลุกระดมของผู้มีบุญ ไม่ได้เกิดจากอาวุธ แต่เกิดจาก...

    📜 จดหมายลูกโซ่ ที่คัดลอกคำพยากรณ์ต่อๆ กัน

    🎤 หมอลำ ที่ลำเกี่ยวกับความทุกข์ โจมตีรัฐ และปลุกใจ

    👄 การเล่าปากต่อปาก ที่ขยายความศรัทธาไปทั่วแผ่นดิน

    ในยุคที่คนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ "เสียง" คือพลังที่สุด!

    🛕 การต่อสู้ของคนที่ “ไม่มีเจ้า” หนึ่งในข้อมูลจากเอกสารสอบสวนผู้มีบุญ ระบุว่า “ถ้ายึดเมืองต่างๆ ได้ จะไม่มีเจ้าไม่มีนาย ทุกคนจะเท่ากัน” นี่คือความฝัน ที่ชาวบ้านไม่เคยได้จากรัฐ ยุคพระศรีอาริย์ ที่ไม่มีการกดขี่ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์

    🏞️ พื้นที่ความทรงจำ ในวันนี้ โนนโพธิ์ไม่ได้เป็นสนามรบแล้ว แต่กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเดินทางมาทำบุญ
    มีการวางแผนสร้าง อนุสรณ์สถานศึกโนนโพธิ์ ให้ลูกหลานได้เรียนรู้

    🎨 ภายในวัดมีภาพฝาผนังวาดเหตุการณ์

    🪔 ชาวบ้านมาร่วมงานบุญ แจกข้าวให้ผู้ล่วงลับ

    📖 เด็กนักเรียนเคยเก็บข้อมูล สัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่

    🪦 มีหลุมศพกลางทุ่ง ที่ไถนาก็ยังเจอกระโหลก

    🧑‍🏫 เมื่อรัฐหายไป ประวัติศาสตร์จึงถูกเล่าด้วยเสียงของชาวบ้าน “กบฏผีบุญ” คือคำที่รัฐใช้เรียก แต่ “ผู้มีบุญ” คือคำที่ชาวบ้านจดจำ และตอนนี้… คนรุ่นใหม่กำลังฟื้นเสียงนั้นกลับคืนมา

    📌 “การทำอนุสรณ์สถานไม่ใช่การปลุกระดม แต่คือการคืนความทรงจำให้กับแผ่นดิน”

    📌 จากเสียงหมอลำ สู่เสียงประวัติศาสตร์ที่ควรถูกฟัง “ผู้มีบุญ” = ผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนที่สิ้นหวัง "องค์มั่น" เป็นผู้นำที่ชัดเจนที่สุด มีอิทธิพลมากที่สุด “ศึกโนนโพธิ์” คือตัวแทนของการปะทะระหว่าง รัฐรวมศูนย์ และ ชาวบ้านชายขอบ

    ปัจจุบันโนนโพธิ์ เริ่มกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ความหวังคือ... การพูดถึงอย่างเปิดเผย จะทำให้ประวัติศาสตร์ไม่เงียบอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041010 เม.ย. 2568

    📌 #กบฏผีบุญ #124ปีศึกโนนโพธิ์ #องค์มั่น #ผู้มีบุญ #บ้านสะพือ #ประวัติศาสตร์อีสาน #ศรัทธาคืออาวุธ #อนุสรณ์สถานผีบุญ #เสียงจากชายขอบ #หมอลำคือพลัง

    🎖️ 124 ปี อุบลฯ ปราบกบฏผีบุญองค์มั่น ศรัทธา คือ อาวุธ! ผีบุญขุขันธ์ ใหญ่สุดในอีสาน ไม่มีให้จดจำ ไม่ทำให้ลืมเลือน “ความศรัทธา” เปลี่ยนเป็น “การลุกฮือ” เมื่อประชาชนหมดหวังในรัฐ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “ศึกโนนโพธิ์” กับคำถามที่ไม่ควรหายไปจากแผ่นดิน 🕰️ เสียงปืนใหญ่ที่โลกไม่เคยได้ยิน ย้อนกลับไปในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 เสียงปืนใหญ่ดังกึกก้องจากป่าบ้านสะพือ จังหวัดอุบลราชธานี ปืนของทหารสยาม ไม่ได้ยิงใส่ข้าศึกจากภายนอก… แต่มุ่งตรงไปยังกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีศรัทธาในชายผู้ถูกเรียกว่า “องค์มั่น” ผู้นำแห่งขบวนการ “ผู้มีบุญ” การปะทะในวันนั้น จบลงด้วยศพกว่า 300 ราย แต่อุดมการณ์ ยังดังก้องข้ามศตวรรษ 🕊️ 🤔 ผู้มีบุญคือใคร? ก่อนจะไปถึงการสู้รบ... ต้องย้อนกลับมาที่คำว่า “ผู้มีบุญ” หรือที่รัฐไทยเรียกแบบดูหมิ่นว่า “ผีบุญ” 👻 ผู้มีบุญ = คนที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “ผู้วิเศษ” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย” ผู้จะมากู้โลกในยุคที่รัฐล้มเหลว ผู้มีบุญจึงไม่ใช่กบฏธรรมดา แต่คือ "ผู้นำจิตวิญญาณ" ของชาวบ้านที่สิ้นหวังในอำนาจรัฐกลาง ที่ดูห่างไกล เย็นชา และกดขี่ 🧾 จากกบฏถึงความหวัง บันทึก 260 ปี "กบฏผีบุญอีสาน" ภาคอีสานถูกจารึกว่า เป็นพื้นที่ที่มีกบฏผีบุญมากที่สุดในประเทศ 2242 กบฏบุญกว้าง 2334 กบฏเชียงแก้ว 2360 กบฏสาเกียดโง้ง 2442-44 กบฏสามโบก 2444-45 กบฏผีบุญอีสาน ครั้งองค์มั่น 🟠 2467 กบฏหนองหมากแก้ว 2479 กบฏหมอลำน้อยชาดา 2483 กบฏหมอลำโสภา พลตรี 2502 กบฏศิลา วงศ์สิน 🎯 ครั้งปี 2444-2445 นั้นถือเป็น การลุกฮือใหญ่ที่สุด มีผู้มีบุญมากถึง 60 คน ครอบคลุม 13 จังหวัด ในอีสาน "ผีบุญองค์มั่น" โด่งดังสุดในภาคอีสาน นอกจากองค์มั่นแล้ว ยังมีผู้นำรองๆ อีก 5 คน เป็นแกนนำ คือ องค์เขียว องค์ลิ้นก่าน องค์พระบาท องค์พระเมตไตร และองค์เหลือง ฝ่ายกบฏได้ปลุกระดมราษฎรทั้ง 2 ฝั่งโขง ในฝั่งขวา คือฝั่งอีสาน ได้กำลังจากอำเภอโขงเจียม อำเภอตระการพืชผล ในที่สุด ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2444 กลุ่มผีบุญเข้ายึดเมืองเขมราฐ จับเจ้าเมืองไว้เป็นตัวประกัน และเป็นเครื่องมือแห่แหนให้คนเข้าเป็นพวก แต่ฆ่าท้าวกุลบุตร ท้าวโพธิสาร กรมการเมืองที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏ รวมถึงได้เผาเมืองเขมราฐ ปล่อยนักโทษจากคุก แล้วเคลื่อนกำลังมุ่งตรงมายังเมืองอุบลราชธานี มาตั้งทัพระดมพลอีกครั้งที่บ้านสะพือใหญ่ อำเภอตระการพืชผล มีคนมาเข้ากับองค์มั่น 2,500 คน แต่อาวุธไม่ทันสมัย มีปืนคาบศิลา ปืนแก๊ป มีดพร้า ฝ่ายกบฏได้สะสมเสบียงอาหารด้วย ฝ่ายกบฏได้ฆ่านายอำเภอพนานิคม ซึ่งไม่ยอมเข้ากับฝ่ายกบฏด้วย แต่... "ผีบุญขุขันธ์" ใหญ่สุดในภาคอีสาน กบฏกลุ่มบุญจันเมืองขุขันธ์ กลุ่มนี้เป็นกบฏผู้มีบุญอีสานที่ใหญ่ที่สุด มีสมาชิกที่มาเข้าร่วมถึง 6,000 คน หัวหน้ากบฏชื่อบุญจัน เป็นบุตรเจ้าเมืองขุขันธ์คนก่อน และเป็นน้องชายของผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ในขณะนั้น ไม่ถูกกับพี่ชาย ในเรื่องตำแหน่งเจ้าเมืองมากกว่าสาเหตุอื่น ได้ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญซ่องสุมกำลังอยู่ที่ภูฝ้าย ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของผีบุญ ขยายวงกว้าง รวดเร็ว เพราะมีการเชื่อมโยงระหว่างหมู่บ้าน และอาศัยระบบวัฒนธรรม แบบปากต่อปาก 🗣️ จุดแข็งของเครือข่ายนี้อยู่ที่ “ความศรัทธา” ไม่ใช่กำลังพล หรืออาวุธ 🔥 จุดระเบิด เมื่อภาษี 4 บาท กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย 💸 ภาษีส่วยที่ชาวอีสานรับไม่ไหว รัฐสยามในยุครัชกาลที่ 5 มีนโยบายปฏิรูปการปกครองแบบรวมศูนย์ ส่งคนมาเก็บภาษีตรงจากประชาชน โดยเฉพาะภาษี ชายฉกรรจ์ 4 บาท ต่อคน ต่อปี เทียบค่าเงินปัจจุบันราว 3,500-4,000 บาท แต่ในยุคนั้น คนอีสานส่วนใหญ่ไม่ใช้เงิน และใช้ชีวิตพอเพียง เลี้ยงไก่ ปลูกข้าว ใช้ระบบแลกเปลี่ยน เงิน 4 บาท จึงเท่ากับความเดือดร้อนทั้งบ้าน 💔 ☠️ “ฝูงไทยใจฮ้าย ตายสิ้นบ่หลอ” เสียงหมอลำตอกย้ำความเจ็บปวด ชี้ให้เห็นความไม่ยุติธรรม และปลุกใจชาวบ้าน บางพื้นที่ ถึงกับมีคำปลุกระดมชัดเจน เช่น “ไล่ไทยเอาดินคืนมา… ฆ่าไทยเสียให้หมด!” 👑 จากชายธรรมดาสู่ผู้นำกองทัพศรัทธา "องค์มั่น" หรืออ้ายมาน เป็นผู้นำผู้มีบุญที่โดดเด่นที่สุด ตั้งตนเป็น "พระยาธรรมิกราช" หรือ "องค์ปราสาททอง" ✨ 👥 กลุ่มผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง มีคนเข้าร่วมกว่า 2,500 คน ครอบคลุมพื้นที่ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ลาวใต้ มีแกนนำร่วม เช่น องค์เขียว, องค์พระบาท, องค์เมตไตรย ฯลฯ ⚔️ ศึกโนนโพธิ์ ปืนใหญ่ที่ดับความหวัง วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2444 ตรงกับวันนี้ครบ 124 ปี พอดี และเป็นวันศุกร์เหมือนกัน กองทัพจากเมืองอุบลฯ ภายใต้การนำของ "พันตรีหลวงสุรกิจพิศาล" ใช้ ปืนใหญ่ 2 กระบอก ซุ่มโจมตีที่ “บ้านสะพือใหญ่” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “โนนโพธิ์” 🔥 ปืนใหญ่ยิงถล่มตรงกลางกลุ่มกบฏ 💀 เสียชีวิตทันที 200-300 คน 😭 บาดเจ็บกว่า 500 คน องค์มั่นหนีไปได้ แต่ลูกน้อง 400 คนถูกจับ ศาลตัดสินประหาร “องค์” ทุกคน ✝️ 🧵 จดหมายลูกโซ่ หมอลำ และพลัง Soft Power แห่งยุค การปลุกระดมของผู้มีบุญ ไม่ได้เกิดจากอาวุธ แต่เกิดจาก... 📜 จดหมายลูกโซ่ ที่คัดลอกคำพยากรณ์ต่อๆ กัน 🎤 หมอลำ ที่ลำเกี่ยวกับความทุกข์ โจมตีรัฐ และปลุกใจ 👄 การเล่าปากต่อปาก ที่ขยายความศรัทธาไปทั่วแผ่นดิน ในยุคที่คนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ "เสียง" คือพลังที่สุด! 🛕 การต่อสู้ของคนที่ “ไม่มีเจ้า” หนึ่งในข้อมูลจากเอกสารสอบสวนผู้มีบุญ ระบุว่า “ถ้ายึดเมืองต่างๆ ได้ จะไม่มีเจ้าไม่มีนาย ทุกคนจะเท่ากัน” นี่คือความฝัน ที่ชาวบ้านไม่เคยได้จากรัฐ ยุคพระศรีอาริย์ ที่ไม่มีการกดขี่ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ 🏞️ พื้นที่ความทรงจำ ในวันนี้ โนนโพธิ์ไม่ได้เป็นสนามรบแล้ว แต่กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเดินทางมาทำบุญ มีการวางแผนสร้าง อนุสรณ์สถานศึกโนนโพธิ์ ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ 🎨 ภายในวัดมีภาพฝาผนังวาดเหตุการณ์ 🪔 ชาวบ้านมาร่วมงานบุญ แจกข้าวให้ผู้ล่วงลับ 📖 เด็กนักเรียนเคยเก็บข้อมูล สัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่ 🪦 มีหลุมศพกลางทุ่ง ที่ไถนาก็ยังเจอกระโหลก 🧑‍🏫 เมื่อรัฐหายไป ประวัติศาสตร์จึงถูกเล่าด้วยเสียงของชาวบ้าน “กบฏผีบุญ” คือคำที่รัฐใช้เรียก แต่ “ผู้มีบุญ” คือคำที่ชาวบ้านจดจำ และตอนนี้… คนรุ่นใหม่กำลังฟื้นเสียงนั้นกลับคืนมา 📌 “การทำอนุสรณ์สถานไม่ใช่การปลุกระดม แต่คือการคืนความทรงจำให้กับแผ่นดิน” 📌 จากเสียงหมอลำ สู่เสียงประวัติศาสตร์ที่ควรถูกฟัง “ผู้มีบุญ” = ผู้นำทางจิตวิญญาณของประชาชนที่สิ้นหวัง "องค์มั่น" เป็นผู้นำที่ชัดเจนที่สุด มีอิทธิพลมากที่สุด “ศึกโนนโพธิ์” คือตัวแทนของการปะทะระหว่าง รัฐรวมศูนย์ และ ชาวบ้านชายขอบ ปัจจุบันโนนโพธิ์ เริ่มกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ความหวังคือ... การพูดถึงอย่างเปิดเผย จะทำให้ประวัติศาสตร์ไม่เงียบอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041010 เม.ย. 2568 📌 #กบฏผีบุญ #124ปีศึกโนนโพธิ์ #องค์มั่น #ผู้มีบุญ #บ้านสะพือ #ประวัติศาสตร์อีสาน #ศรัทธาคืออาวุธ #อนุสรณ์สถานผีบุญ #เสียงจากชายขอบ #หมอลำคือพลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT

    ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991
    - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง
    - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์

    ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
    - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี
    - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series
    - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน

    ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่
    - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร
    - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว

    ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น
    - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย

    ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี
    - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT
    - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    Intel นำแคมเปญ "Intel Inside" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ แทนที่จะเน้นแค่ชิปโปรเซสเซอร์ แคมเปญเดิมจากปี 1991 เคยช่วยให้ Intel กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก และปัจจุบันบริษัทต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับ AMD รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การรีแบรนด์นี้สะท้อนให้เห็นว่า Intel ไม่ใช่แค่แบรนด์ฮาร์ดแวร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ICT ✅ แคมเปญ Intel Inside เคยปฏิวัติการตลาดของชิปในปี 1991 - ก่อนหน้าปี 1991 ผู้ผลิตชิปมักโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์โดยตรง - Intel เปลี่ยนเกมด้วยการ สื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ตระหนักถึงบทบาทของโปรเซสเซอร์ ✅ บทบาทของ Intel Inside เปลี่ยนไปตามยุคสมัย - ในยุค 90s Intel Inside เป็นจุดเด่นของ Pentium และ Celeron ที่กำหนดมาตรฐานตลาดพีซี - ในยุค 2000s แคมเปญนี้ช่วย ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Centrino และ Core Series - ปัจจุบัน Intel ขยายแนวคิดจาก ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ไปสู่การเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน ✅ Brett Hannath (CMO ของ Intel) ชี้แจงแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญใหม่ - Intel ต้องการแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีของตนช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน, นักเรียน, นักพัฒนา หรือองค์กร - การสื่อสารนี้ช่วยให้แบรนด์ Intel มีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการเป็นผู้ผลิตชิปเพียงอย่างเดียว ✅ Intel เผชิญการแข่งขันจาก AMD ที่มีการรับรู้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น - ในอดีต Intel Inside ช่วยให้ Intel เป็นผู้นำในตลาด แต่ปัจจุบัน AMD มีความแข็งแกร่งมากขึ้น - การรีแบรนด์ครั้งนี้อาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบ และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ✅ อุตสาหกรรม ICT มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังยุคพีซี - จากเดิมที่ Intel โดดเด่นในตลาด พีซีและแล็ปท็อป ปัจจุบันบริษัทต้องขยายอิทธิพลไปสู่ AI, Data Centers และอุปกรณ์ IoT - การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นให้เห็นว่า Intel เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรอบตัวเรา ไม่ใช่แค่ชิปในคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-refreshes-iconic-brand-with-thats-the-power-of-intel-inside-campaign
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • 120 ปี สิ้น “ฮัปมาสเตน” กัปตันบุช จากนายทหารเรือรบอังกฤษ สู่พลเรือเอกพระยาวิสูตรสาครดิฐ ข้าราชการต้นแบบแห่งสยาม

    📌 จากนายทหารเรือชาวอังกฤษผู้บังคับการเรือรบ สู่ข้าราชการไทยผู้จงรักภักดี "กัปตันจอห์น บุช" หรือ พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ มีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สยาม ทั้งในราชสำนักและกิจการท่าเรือ ครบร 120 ปี แห่งการจากไป ย้อนรอยชีวิตของ “กัปตันบุช” ที่กลายเป็นตำนานแห่งเจริญกรุง

    🧭 เมื่อกัปตันฝรั่ง กลายเป็นข้าราชการไทย หากเอ่ยถึง “ตรอกกัปตันบุช” หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ชื่อซอยเล็ก ๆ นี้ แท้จริงแล้วตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่อุทิศชีวิตกว่า 40 ปี ให้กับราชสำนักไทย และราชการกรมเจ้าท่า "พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ" หรือที่รู้จักกันในนาม "กัปตันบุช" (Captain John Bush) หรือ “ฮัปมาสเตน” ในเสียงคนไทยสมัยก่อน 🕊️

    ⚓ กัปตัน จอห์น บุช (John Bush) คือทหารเรือชาวอังกฤษ ที่เข้ารับราชการในราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มต้นจากการเป็นกัปตันเรือรบอังกฤษ ที่เทียบท่าในกรุงเทพฯ ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้มาเป็นข้าราชการกรมเจ้าท่า

    ต่อมาได้รับตำแหน่ง "ฮัปมาสเตน" (Harbour Master) หรือนายท่าเรือ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญ ในยุคที่สยามเปิดประเทศตามสนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) ปี พ.ศ. 2398 โดยมีภารกิจจัดระเบียบเรือพาณิชย์ต่างชาติ ที่หลั่งไหลเข้าสยาม

    กัปตันบุชมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น และในที่สุด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาวิสูตรสาครดิฐ" พร้อมยศ "พลเรือเอก" ถือเป็นชาวต่างชาติไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติสูงเช่นนี้จากสยาม

    🇹🇭 กัปตันฝรั่งผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกัปตันบุช คือการทำหน้าที่ บังคับการเรือพระที่นั่ง ในการเสด็จประพาสของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 🌍 อาทิ เสด็จสิงคโปร์และอินเดีย พ.ศ. 2413–2414 🚢 เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ และเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังบางปะอิน

    📜 เรื่องราวเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนความไว้วางพระราชหฤทัย ที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกัปตันบุช แต่ยังแสดงถึงการบุกเบิกยุคใหม่ของการเดินเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในยุคนั้น

    🚢 อู่เรือบางกอกด็อค Bangkok Dock จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเดินเรือไทย นอกจากบทบาทราชการแล้ว กัปตันบุชยังเป็นนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ โดยในปี พ.ศ. 2408 ได้ก่อตั้ง อู่เรือบางกอกด็อค (Bangkok Dock) ขึ้น ซึ่งกลายเป็นอู่ซ่อมเรือที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ยุคนั้น

    อู่แห่งนี้สามารถรองรับการซ่อมเรือ จากทั้งงานหลวงและเอกชน ไม่ต้องส่งเรือไปซ่อมถึงสิงคโปร์อีกต่อไป! 🤝💼

    ✨ “กัปตันบุชคือผู้วางรากฐาน ด้านพาณิชย์นาวีของไทยในยุคใหม่” คำกล่าวจากพิธีเปิดอนุสาวรีย์ที่กรมเจ้าท่า

    📚 ตำนานฮัปมาสเตน และการอ่านชื่อแบบไทย กัปตันบุชได้รับสมญานามว่า “ฮัปมาสเตน” จากคำว่า Harbour Master ที่คนไทยเรียกเพี้ยนตามสำเนียงโบราณ เช่นเดียวกับชื่อ “กัปตันบุด” ที่คนไทยใช้เรียกแทน “Captain Bush” ซึ่งสะท้อนถึงความกลมกลืนในวัฒนธรรมไทย 🎭

    💬 “กับตันบุด” คำนี้ติดปากชาวบ้านจนปัจจุบัน แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครโดยละเอียด

    🕯️ จุดเปลี่ยนชีวิต...จากวีรบุรุษสู่บทเรียนราคาแพง ถึงแม้กัปตันบุชจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในราชสำนัก แต่ก็ประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้บทบาทลดลง นั่นคือเหตุการณ์ เรือพระที่นั่งเวสาตรี เกยหินที่ปากแม่น้ำกลัง พ.ศ. 2433

    เหตุการณ์นี้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงไม่โปรด ให้กัปตันบุชบังคับเรืออีกต่อไป แม้กัปตันบุชจะเขียนรายงานชี้แจงว่า ไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม 📄

    แม้จะกลายเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ลบล้างคุณูปการอันใหญ่หลวงในอดีต 🙏

    🏠 ชีวิตช่วงบั้นปลาย การจากไปในสยาม หลังเกษียณ กัปตันบุชใช้ชีวิตอย่างสงบ ที่บ้านริมทะเลในอ่างศิลา จังหวัดชลบุรีต้อนรับนักเรียนและแขกต่างชาติอย่างอบอุ่น จนกลายเป็นที่รักของชาวบ้านท้องถิ่น 🏖️

    📅 กัปตันบุชเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ขณะมีอายุ 86 ปี หลังจากใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิต ในราชอาณาจักรสยาม โดยมีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่สุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ

    🏛️ อนุสรณ์และเกียรติประวัติที่คงอยู่ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557 กรมเจ้าท่าได้จัดพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พระยาวิสูตรสาครดิฐ อย่างเป็นทางการ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ 🕯️

    ✨ “ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของอดีต แต่เป็นรากฐานของอนาคต” คำกล่าวของอธิบดีกรมเจ้าท่า

    📚 "กัปตันบุช" ตำนานที่ไม่ควรถูกลืม ไม่ใช่เพียงแค่กัปตันฝรั่งที่มีตรอกตั้งชื่อตาม แต่คือผู้บุกเบิกท่าเรือ พัฒนาอุตสาหกรรมเดินเรือ และรับราชการอย่างภักดีต่อราชวงศ์ไทย เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ และการผสานวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน

    🎖️ คุณูปการของกัปตันบุช ควรค่าแก่การเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงเพื่อจดจำ แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนไทยทุกยุคทุกสมัย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031057 เม.ย. 2568

    📲#กัปตันบุช #ประวัติศาสตร์ไทย #บุคคลสำคัญสยาม #อู่กรุงเทพ #เจ้าท่า #เรือพระที่นั่ง #ข้าราชการอังกฤษในไทย #ฮัปมาสเตน #ตรอกกัปตันบุช #CaptainBush
    120 ปี สิ้น “ฮัปมาสเตน” กัปตันบุช จากนายทหารเรือรบอังกฤษ สู่พลเรือเอกพระยาวิสูตรสาครดิฐ ข้าราชการต้นแบบแห่งสยาม 📌 จากนายทหารเรือชาวอังกฤษผู้บังคับการเรือรบ สู่ข้าราชการไทยผู้จงรักภักดี "กัปตันจอห์น บุช" หรือ พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ มีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สยาม ทั้งในราชสำนักและกิจการท่าเรือ ครบร 120 ปี แห่งการจากไป ย้อนรอยชีวิตของ “กัปตันบุช” ที่กลายเป็นตำนานแห่งเจริญกรุง 🧭 เมื่อกัปตันฝรั่ง กลายเป็นข้าราชการไทย หากเอ่ยถึง “ตรอกกัปตันบุช” หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ชื่อซอยเล็ก ๆ นี้ แท้จริงแล้วตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่อุทิศชีวิตกว่า 40 ปี ให้กับราชสำนักไทย และราชการกรมเจ้าท่า "พลเรือเอก พระยาวิสูตรสาครดิฐ" หรือที่รู้จักกันในนาม "กัปตันบุช" (Captain John Bush) หรือ “ฮัปมาสเตน” ในเสียงคนไทยสมัยก่อน 🕊️ ⚓ กัปตัน จอห์น บุช (John Bush) คือทหารเรือชาวอังกฤษ ที่เข้ารับราชการในราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มต้นจากการเป็นกัปตันเรือรบอังกฤษ ที่เทียบท่าในกรุงเทพฯ ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้มาเป็นข้าราชการกรมเจ้าท่า ต่อมาได้รับตำแหน่ง "ฮัปมาสเตน" (Harbour Master) หรือนายท่าเรือ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญ ในยุคที่สยามเปิดประเทศตามสนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) ปี พ.ศ. 2398 โดยมีภารกิจจัดระเบียบเรือพาณิชย์ต่างชาติ ที่หลั่งไหลเข้าสยาม กัปตันบุชมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น และในที่สุด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาวิสูตรสาครดิฐ" พร้อมยศ "พลเรือเอก" ถือเป็นชาวต่างชาติไม่กี่คน ที่ได้รับเกียรติสูงเช่นนี้จากสยาม 🇹🇭 กัปตันฝรั่งผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกัปตันบุช คือการทำหน้าที่ บังคับการเรือพระที่นั่ง ในการเสด็จประพาสของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 🌍 อาทิ เสด็จสิงคโปร์และอินเดีย พ.ศ. 2413–2414 🚢 เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ และเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังบางปะอิน 📜 เรื่องราวเหล่านี้ ไม่เพียงสะท้อนความไว้วางพระราชหฤทัย ที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกัปตันบุช แต่ยังแสดงถึงการบุกเบิกยุคใหม่ของการเดินเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยในยุคนั้น 🚢 อู่เรือบางกอกด็อค Bangkok Dock จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเดินเรือไทย นอกจากบทบาทราชการแล้ว กัปตันบุชยังเป็นนักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ โดยในปี พ.ศ. 2408 ได้ก่อตั้ง อู่เรือบางกอกด็อค (Bangkok Dock) ขึ้น ซึ่งกลายเป็นอู่ซ่อมเรือที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ ยุคนั้น อู่แห่งนี้สามารถรองรับการซ่อมเรือ จากทั้งงานหลวงและเอกชน ไม่ต้องส่งเรือไปซ่อมถึงสิงคโปร์อีกต่อไป! 🤝💼 ✨ “กัปตันบุชคือผู้วางรากฐาน ด้านพาณิชย์นาวีของไทยในยุคใหม่” คำกล่าวจากพิธีเปิดอนุสาวรีย์ที่กรมเจ้าท่า 📚 ตำนานฮัปมาสเตน และการอ่านชื่อแบบไทย กัปตันบุชได้รับสมญานามว่า “ฮัปมาสเตน” จากคำว่า Harbour Master ที่คนไทยเรียกเพี้ยนตามสำเนียงโบราณ เช่นเดียวกับชื่อ “กัปตันบุด” ที่คนไทยใช้เรียกแทน “Captain Bush” ซึ่งสะท้อนถึงความกลมกลืนในวัฒนธรรมไทย 🎭 💬 “กับตันบุด” คำนี้ติดปากชาวบ้านจนปัจจุบัน แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครโดยละเอียด 🕯️ จุดเปลี่ยนชีวิต...จากวีรบุรุษสู่บทเรียนราคาแพง ถึงแม้กัปตันบุชจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในราชสำนัก แต่ก็ประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้บทบาทลดลง นั่นคือเหตุการณ์ เรือพระที่นั่งเวสาตรี เกยหินที่ปากแม่น้ำกลัง พ.ศ. 2433 เหตุการณ์นี้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงไม่โปรด ให้กัปตันบุชบังคับเรืออีกต่อไป แม้กัปตันบุชจะเขียนรายงานชี้แจงว่า ไม่ใช่ความผิดของตนก็ตาม 📄 แม้จะกลายเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ลบล้างคุณูปการอันใหญ่หลวงในอดีต 🙏 🏠 ชีวิตช่วงบั้นปลาย การจากไปในสยาม หลังเกษียณ กัปตันบุชใช้ชีวิตอย่างสงบ ที่บ้านริมทะเลในอ่างศิลา จังหวัดชลบุรีต้อนรับนักเรียนและแขกต่างชาติอย่างอบอุ่น จนกลายเป็นที่รักของชาวบ้านท้องถิ่น 🏖️ 📅 กัปตันบุชเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ขณะมีอายุ 86 ปี หลังจากใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิต ในราชอาณาจักรสยาม โดยมีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่สุสานโปรเตสแตนต์ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ 🏛️ อนุสรณ์และเกียรติประวัติที่คงอยู่ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557 กรมเจ้าท่าได้จัดพิธีเปิดอนุสาวรีย์ พระยาวิสูตรสาครดิฐ อย่างเป็นทางการ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ 🕯️ ✨ “ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของอดีต แต่เป็นรากฐานของอนาคต” คำกล่าวของอธิบดีกรมเจ้าท่า 📚 "กัปตันบุช" ตำนานที่ไม่ควรถูกลืม ไม่ใช่เพียงแค่กัปตันฝรั่งที่มีตรอกตั้งชื่อตาม แต่คือผู้บุกเบิกท่าเรือ พัฒนาอุตสาหกรรมเดินเรือ และรับราชการอย่างภักดีต่อราชวงศ์ไทย เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ และการผสานวัฒนธรรมอย่างกลมกลืน 🎖️ คุณูปการของกัปตันบุช ควรค่าแก่การเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงเพื่อจดจำ แต่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนไทยทุกยุคทุกสมัย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031057 เม.ย. 2568 📲#กัปตันบุช #ประวัติศาสตร์ไทย #บุคคลสำคัญสยาม #อู่กรุงเทพ #เจ้าท่า #เรือพระที่นั่ง #ข้าราชการอังกฤษในไทย #ฮัปมาสเตน #ตรอกกัปตันบุช #CaptainBush
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี
    พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา
    ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา
    ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์
    ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม
    ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล
    ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย
    ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน
    ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน
    “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง
    ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง
    ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์

    .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ

    เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา
    แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย
    ....
    ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง
    ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

    พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร
    และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก
    .................................
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์
    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้
    ..................................

    มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร

    และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ

    แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า

    จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ

    "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก

    ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา

    แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ

    เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง

    น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน

    (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.)
    .
    .
    จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย”

    ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์ ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์ .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย .... ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก ................................. วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้ .................................. มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.) . . จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย” ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 แผ่นดินไหวเขย่าไทย รัฐไร้แผนฉุกเฉินรับมือ ถือโอกาสรีดเงิน เมินน้ำใจเพื่อนร่วมชาติ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไม่เพียงพอ รอรถไฟฟ้า ประชาชนเดินเท้า ประชาชนรอความช่วยเหลือกลางถนน 🚷

    ✍️ เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 95 ปี เผยให้เห็นการขาดแผนฉุกเฉินของรัฐ ขนส่งสาธารณะล่มทั่วกรุงเทพฯ ประชาชนไร้ทางเลือก ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ฝ่าวิกฤตกลางเมืองหลวง

    🧭 เมื่อภัยธรรมชาติกระชากหน้ากาก "ระบบที่ไร้หัวใจ" บ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกติจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนไม่ได้หยุดที่พรมแดน 🇲🇲 มันพัดผ่านเข้ามาในไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคเหนืออย่างรุนแรง อาคารสูงโยกเยก 🚨 ผู้คนแตกตื่น วิ่งอพยพลงจากตึก

    แต่อะไรคือสิ่งที่น่าตกใจที่สุด? ไม่ใช่แค่แรงสั่นสะเทือน แต่คือ "ความไร้การเตรียมพร้อม" ของรัฐ และ "การล่มสลาย" ของระบบขนส่งสาธารณะ 🚆🛑

    📌 แผ่นดินไหวคือภัยธรรมชาติ แต่การไร้แผนคือภัยจากรัฐ ไม่มีแผนการ ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง
    คนจำนวนมากออกจากตึก กลับบ้านไม่ได้
    🚇 รถไฟฟ้าหยุด
    🚌 รถเมล์ไม่พอ
    🚕 แท็กซี่แพง 💸
    ประชาชน “เดินเท้า” เป็นกิโลๆ เพื่อหาความปลอดภัย

    “หยุดให้บริการโดยไม่มีแผน คือการทิ้งประชาชนไว้กลางสนามรบ” 🪖

    “นี่ไม่ใช่แค่ระบบขนส่งที่ล่ม แต่คือภาพสะท้อนของการบริหารจัดการ ที่ไม่มีหัวใจ” ❤️‍🩹

    📉 ระบบขนส่งที่ “หยุดก่อนจำเป็น” ทำให้แย่ยิ่งกว่าเดิม 🚆 รถไฟฟ้าหยุดเดินโดยไม่มีกรอบเวลา รถไฟฟ้าทุกสายหยุดเดินรถมากกว่า 10 ชั่วโมง แต่ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีการแจ้งเวลาชัดเจน ประชาชน “ไร้ทิศทาง” ผู้คนอพยพล่าช้า ช่วยเหลือทำไม่ได้

    นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ระบบขนส่งในประเทศไทย ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิกฤต

    🚌 รถเมล์ไม่พอวิ่ง-ไม่พอคน ถึงรัฐบอกจะส่งรถเมล์เพิ่ม แต่ความเป็นจริงคือ... รถติดทำให้รถเข้าไม่ถึง จำนวนเที่ยวไม่พอ ไม่มีการบริหารจัดการแบบคล่องตัว

    🚖 ค่าโดยสารแพงเกินจริง
    🚦 วินมอเตอร์ไซค์
    🚘 แกร็บ
    🛻 แท็กซี่

    ต่างอัพราคาค่าโดยสารสูงกว่าปกติ 2-3 เท่า เพราะ "ดีมานด์พุ่ง" แต่ "ซัพพลายหาย"

    🏃‍♂️ เดินเท้าคือทางเลือกสุดท้าย ของคนไม่มีทางเลือก ในวันที่ขนส่งล่มทั้งเมือง คนหลายหมื่นต้องเดินเท้ากลับบ้าน ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร 🚶‍♀️

    ภาพที่เห็น
    - ผู้สูงอายุเดินจับมือกับหลานเล็ก
    - คนทำงานเดินกลับบ้านกลางดึก
    - เด็กนักเรียนที่ตกค้าง ต้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทาง แต่มันคือการเอาชีวิตรอด ในเมืองหลวงที่ไร้แผน

    ❗ ประเทศไทย "ยังไม่มี" แผนขนส่งฉุกเฉินที่ตอบโจทย์ แม้จะมีกฎหมาย พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แต่สิ่งที่หายไปคือ

    ✅ ความเร็วในการตอบสนอง
    ✅ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้คน
    ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน

    ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ไม่มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า รัฐต้องมี "แผนไว้ก่อน" ไม่ใช่ "แผนหลังเกิดเหตุ"

    📊 ถอดบทเรียนจากต่างประเทศ ญี่ปุ่นทำอย่างไร? ญี่ปุ่น 🇯🇵 เผชิญแผ่นดินไหวบ่อย แต่ยังเดินรถไฟฟ้าได้
    เพราะอะไร?

    ✅ ญี่ปุ่นมีระบบเหล่านี้
    - เดินรถไฟด้วยความเร็วต่ำ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว
    - แจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านแอป-SMS ภายในไม่กี่วินาที
    - วางแผนเส้นทางขนส่งสำรอง
    - ซักซ้อมแผนอพยพทุกปี
    - มีจุดรวมตัวปลอดภัยพร้อมน้ำ อาหาร แพทย์

    ในขณะที่ไทย... ยังใช้เวลามากกว่า 30 นาที ในการแจ้งเตือนจากกรมอุตุ และกว่า 5 ชั่วโมงกว่าข้อความ SMS จะส่งถึงมือถือประชาชน 😓📵

    🧭 แนวทางที่ไทยควรทำ และยังไม่ได้ทำ
    - สร้างระบบแจ้งเตือนภัยแบบ Real-time ไม่ใช่ให้คนไปรู้ข่าวจาก Facebook ก่อน

    - เตรียมเส้นทางขนส่งสำรอง พร้อมแผนขนย้ายมวลชน ไม่ใช่หยุดรถไฟฟ้าแล้วไม่บอกอะไรเลย

    - กำหนดเกณฑ์การปิดระบบขนส่งให้ชัดเจน และสมเหตุสมผล หยุดเดินรถได้ แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา

    - ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรแบบ AI ให้รถฉุกเฉิน-รถช่วยเหลือเดินทางได้ง่ายขึ้น

    - สื่อสารแบบรวมศูนย์ ไม่ใช่หลายหน่วยงานพูดคนละทาง

    💬 เสียงประชาชน เหนื่อย ใจหาย และรู้สึกโดดเดี่ยว
    “ตอนแผ่นดินไหว ตึกสั่น เราวิ่งลงมา แต่พอถึงพื้นดิน กลับไม่มีทางกลับบ้าน”

    “แท็กซี่ไม่รับ รถเมล์ก็ไม่มี ต้องเดินจากอโศกไปบางนา”

    “ถ้ารัฐมีแผนที่ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแบบนี้”

    🔚 อย่าปล่อยให้ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภัยมนุษย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความรุนแรงทางธรรมชาติ แต่มันเปิดโปง “ความไร้ระบบ” ของรัฐในการรับมือวิกฤต

    ขนส่งล่ม = ความล้มเหลวของระบบราชการ

    ความเงียบของรัฐ = การทอดทิ้งประชาชน

    🎯 อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ครั้งหน้า เราต้องเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อ “ความสะดวก” แต่เพื่อ “ความอยู่รอด” ของคนไทยทุกคน 🛑🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291636 มี.ค. 2568

    📱 #แผ่นดินไหวเขย่าไทย #รัฐไร้แผน #ขนส่งล่ม #ไม่มีทางกลับบ้าน #รถไฟฟ้าหยุด #ภัยพิบัติ2025 #ต้องเดินเท้า #บริหารล้มเหลว #ข่าวปลอมภัยพิบัติ #ภัยธรรมชาติหรือมนุษย์
    🚨 แผ่นดินไหวเขย่าไทย รัฐไร้แผนฉุกเฉินรับมือ ถือโอกาสรีดเงิน เมินน้ำใจเพื่อนร่วมชาติ ขาดระบบขนส่งสาธารณะ รถเมล์ไม่เพียงพอ รอรถไฟฟ้า ประชาชนเดินเท้า ประชาชนรอความช่วยเหลือกลางถนน 🚷 ✍️ เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 95 ปี เผยให้เห็นการขาดแผนฉุกเฉินของรัฐ ขนส่งสาธารณะล่มทั่วกรุงเทพฯ ประชาชนไร้ทางเลือก ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ฝ่าวิกฤตกลางเมืองหลวง 🧭 เมื่อภัยธรรมชาติกระชากหน้ากาก "ระบบที่ไร้หัวใจ" บ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกติจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนไม่ได้หยุดที่พรมแดน 🇲🇲 มันพัดผ่านเข้ามาในไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และภาคเหนืออย่างรุนแรง อาคารสูงโยกเยก 🚨 ผู้คนแตกตื่น วิ่งอพยพลงจากตึก แต่อะไรคือสิ่งที่น่าตกใจที่สุด? ไม่ใช่แค่แรงสั่นสะเทือน แต่คือ "ความไร้การเตรียมพร้อม" ของรัฐ และ "การล่มสลาย" ของระบบขนส่งสาธารณะ 🚆🛑 📌 แผ่นดินไหวคือภัยธรรมชาติ แต่การไร้แผนคือภัยจากรัฐ ไม่มีแผนการ ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง คนจำนวนมากออกจากตึก กลับบ้านไม่ได้ 🚇 รถไฟฟ้าหยุด 🚌 รถเมล์ไม่พอ 🚕 แท็กซี่แพง 💸 ประชาชน “เดินเท้า” เป็นกิโลๆ เพื่อหาความปลอดภัย “หยุดให้บริการโดยไม่มีแผน คือการทิ้งประชาชนไว้กลางสนามรบ” 🪖 “นี่ไม่ใช่แค่ระบบขนส่งที่ล่ม แต่คือภาพสะท้อนของการบริหารจัดการ ที่ไม่มีหัวใจ” ❤️‍🩹 📉 ระบบขนส่งที่ “หยุดก่อนจำเป็น” ทำให้แย่ยิ่งกว่าเดิม 🚆 รถไฟฟ้าหยุดเดินโดยไม่มีกรอบเวลา รถไฟฟ้าทุกสายหยุดเดินรถมากกว่า 10 ชั่วโมง แต่ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีการแจ้งเวลาชัดเจน ประชาชน “ไร้ทิศทาง” ผู้คนอพยพล่าช้า ช่วยเหลือทำไม่ได้ นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ระบบขนส่งในประเทศไทย ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวิกฤต 🚌 รถเมล์ไม่พอวิ่ง-ไม่พอคน ถึงรัฐบอกจะส่งรถเมล์เพิ่ม แต่ความเป็นจริงคือ... รถติดทำให้รถเข้าไม่ถึง จำนวนเที่ยวไม่พอ ไม่มีการบริหารจัดการแบบคล่องตัว 🚖 ค่าโดยสารแพงเกินจริง 🚦 วินมอเตอร์ไซค์ 🚘 แกร็บ 🛻 แท็กซี่ ต่างอัพราคาค่าโดยสารสูงกว่าปกติ 2-3 เท่า เพราะ "ดีมานด์พุ่ง" แต่ "ซัพพลายหาย" 🏃‍♂️ เดินเท้าคือทางเลือกสุดท้าย ของคนไม่มีทางเลือก ในวันที่ขนส่งล่มทั้งเมือง คนหลายหมื่นต้องเดินเท้ากลับบ้าน ระยะทาง 5-10 กิโลเมตร 🚶‍♀️ ภาพที่เห็น - ผู้สูงอายุเดินจับมือกับหลานเล็ก - คนทำงานเดินกลับบ้านกลางดึก - เด็กนักเรียนที่ตกค้าง ต้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทาง แต่มันคือการเอาชีวิตรอด ในเมืองหลวงที่ไร้แผน ❗ ประเทศไทย "ยังไม่มี" แผนขนส่งฉุกเฉินที่ตอบโจทย์ แม้จะมีกฎหมาย พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แต่สิ่งที่หายไปคือ ✅ ความเร็วในการตอบสนอง ✅ ความเข้าใจพฤติกรรมผู้คน ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ภัยพิบัติแผ่นดินไหว ไม่มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า รัฐต้องมี "แผนไว้ก่อน" ไม่ใช่ "แผนหลังเกิดเหตุ" 📊 ถอดบทเรียนจากต่างประเทศ ญี่ปุ่นทำอย่างไร? ญี่ปุ่น 🇯🇵 เผชิญแผ่นดินไหวบ่อย แต่ยังเดินรถไฟฟ้าได้ เพราะอะไร? ✅ ญี่ปุ่นมีระบบเหล่านี้ - เดินรถไฟด้วยความเร็วต่ำ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว - แจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านแอป-SMS ภายในไม่กี่วินาที - วางแผนเส้นทางขนส่งสำรอง - ซักซ้อมแผนอพยพทุกปี - มีจุดรวมตัวปลอดภัยพร้อมน้ำ อาหาร แพทย์ ในขณะที่ไทย... ยังใช้เวลามากกว่า 30 นาที ในการแจ้งเตือนจากกรมอุตุ และกว่า 5 ชั่วโมงกว่าข้อความ SMS จะส่งถึงมือถือประชาชน 😓📵 🧭 แนวทางที่ไทยควรทำ และยังไม่ได้ทำ - สร้างระบบแจ้งเตือนภัยแบบ Real-time ไม่ใช่ให้คนไปรู้ข่าวจาก Facebook ก่อน - เตรียมเส้นทางขนส่งสำรอง พร้อมแผนขนย้ายมวลชน ไม่ใช่หยุดรถไฟฟ้าแล้วไม่บอกอะไรเลย - กำหนดเกณฑ์การปิดระบบขนส่งให้ชัดเจน และสมเหตุสมผล หยุดเดินรถได้ แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา - ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรแบบ AI ให้รถฉุกเฉิน-รถช่วยเหลือเดินทางได้ง่ายขึ้น - สื่อสารแบบรวมศูนย์ ไม่ใช่หลายหน่วยงานพูดคนละทาง 💬 เสียงประชาชน เหนื่อย ใจหาย และรู้สึกโดดเดี่ยว “ตอนแผ่นดินไหว ตึกสั่น เราวิ่งลงมา แต่พอถึงพื้นดิน กลับไม่มีทางกลับบ้าน” “แท็กซี่ไม่รับ รถเมล์ก็ไม่มี ต้องเดินจากอโศกไปบางนา” “ถ้ารัฐมีแผนที่ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแบบนี้” 🔚 อย่าปล่อยให้ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภัยมนุษย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความรุนแรงทางธรรมชาติ แต่มันเปิดโปง “ความไร้ระบบ” ของรัฐในการรับมือวิกฤต ขนส่งล่ม = ความล้มเหลวของระบบราชการ ความเงียบของรัฐ = การทอดทิ้งประชาชน 🎯 อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ครั้งหน้า เราต้องเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อ “ความสะดวก” แต่เพื่อ “ความอยู่รอด” ของคนไทยทุกคน 🛑🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291636 มี.ค. 2568 📱 #แผ่นดินไหวเขย่าไทย #รัฐไร้แผน #ขนส่งล่ม #ไม่มีทางกลับบ้าน #รถไฟฟ้าหยุด #ภัยพิบัติ2025 #ต้องเดินเท้า #บริหารล้มเหลว #ข่าวปลอมภัยพิบัติ #ภัยธรรมชาติหรือมนุษย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวยอมรับว่า ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนที่สนับสนุนปาเลสไตน์เกือบ 300 ราย และยังเรียกนักศึกษาเหล่านี้ว่า "พวกบ้า"

    รูบิโอยังลั่นวาจาอย่างเข้มแข็งว่าจะขับไล่พวกต่างชาติที่ออกมาชุมนุมให้ออกไปจากประเทศทั้งหมด "กลับไปทำแบบนั้นในประเทศของคุณซะ" รูบิโอกล่าว โดยลืมไปว่าเขาเพิ่งประณามประเทศอื่นๆที่ส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศต้นทาง
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวยอมรับว่า ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนที่สนับสนุนปาเลสไตน์เกือบ 300 ราย และยังเรียกนักศึกษาเหล่านี้ว่า "พวกบ้า" รูบิโอยังลั่นวาจาอย่างเข้มแข็งว่าจะขับไล่พวกต่างชาติที่ออกมาชุมนุมให้ออกไปจากประเทศทั้งหมด "กลับไปทำแบบนั้นในประเทศของคุณซะ" รูบิโอกล่าว โดยลืมไปว่าเขาเพิ่งประณามประเทศอื่นๆที่ส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศต้นทาง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 813 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม

    วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย

    พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

    ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้

    สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น

    แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น

    #Newskit
    เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้ สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตราบใดที่ฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยม ไม่ชนะการเลือกตั้งในเซอร์เบีย การประท้วงคงไม่จบลง!

    ภาพการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของชาวเซอร์เบียมากกว่าแสนคนกลางกรุงเบลเกรดเมืองหลวงของเซอร์เบีย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และกลุ่มคนหลากหลายอาชีพในวัยทำงาน

    การประท้วงต่อต้านรัฐบาลมีต่อเนื่องมานานหลายเดือน โดยพุ่งเป้าโจมตีไปที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช ซึ่งมีความสนิทสนมกับปูติน โดยใช้เหตุการณ์หลังคาสถานีรถไฟถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 15 คน ในการปลุกระดมผู้คนให้ออกมาประท้วง และลุกลามไปเรื่องการทุจริตของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลเซอร์เบียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาหลังคาถล่มว่าเป็นอุบัติเหตุก็ตาม
    ตราบใดที่ฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยม ไม่ชนะการเลือกตั้งในเซอร์เบีย การประท้วงคงไม่จบลง! ภาพการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของชาวเซอร์เบียมากกว่าแสนคนกลางกรุงเบลเกรดเมืองหลวงของเซอร์เบีย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และกลุ่มคนหลากหลายอาชีพในวัยทำงาน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลมีต่อเนื่องมานานหลายเดือน โดยพุ่งเป้าโจมตีไปที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช ซึ่งมีความสนิทสนมกับปูติน โดยใช้เหตุการณ์หลังคาสถานีรถไฟถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 15 คน ในการปลุกระดมผู้คนให้ออกมาประท้วง และลุกลามไปเรื่องการทุจริตของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลเซอร์เบียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาหลังคาถล่มว่าเป็นอุบัติเหตุก็ตาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อยู่คนเดียวไปเลยมึ้งง!"
    สหรัฐ เตรียมสั่งห้ามประชาชน 41 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐ

    รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วนให้กับปากีสถานและอีกหลายประเทศ หากพวกเขา "ไม่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน"

    คำสั่งดังกล่าวระบุรายชื่อประเทศทั้งหมด 41 ประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
    กลุ่มที่ 1 มี 10 ประเทศ รวมถึงอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซีเรีย คิวบา และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะถูกระงับวีซ่าสหรัฐโดยสมบูรณ์
    กลุ่มที่ 2 มี 5 ประเทศ ได้แก่ เอริเทรีย เฮติ ลาว เมียนมา และซูดานใต้ จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าผู้อพยพ บางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี
    กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย 26 ประเทศ รวมถึงเบลารุส ปากีสถาน และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น “ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน”

    อย่างไรก็ตาม รายชื่อประเทศเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร รวมถึงผ่านการเห็นชอบจาก มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

    มีรายงานว่า นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการอพยพเข้าสหรัฐที่ทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง
    "อยู่คนเดียวไปเลยมึ้งง!" สหรัฐ เตรียมสั่งห้ามประชาชน 41 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐ รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วนให้กับปากีสถานและอีกหลายประเทศ หากพวกเขา "ไม่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน" คำสั่งดังกล่าวระบุรายชื่อประเทศทั้งหมด 41 ประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 10 ประเทศ รวมถึงอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซีเรีย คิวบา และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะถูกระงับวีซ่าสหรัฐโดยสมบูรณ์ กลุ่มที่ 2 มี 5 ประเทศ ได้แก่ เอริเทรีย เฮติ ลาว เมียนมา และซูดานใต้ จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าผู้อพยพ บางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย 26 ประเทศ รวมถึงเบลารุส ปากีสถาน และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น “ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน” อย่างไรก็ตาม รายชื่อประเทศเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร รวมถึงผ่านการเห็นชอบจาก มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีรายงานว่า นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการอพยพเข้าสหรัฐที่ทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก

    ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล

    ตัวเลือกที่เป็นไปได้:
    1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows
    2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย
    3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล

    องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต”

    คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น?

    https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล ตัวเลือกที่เป็นไปได้: 1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows 2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย 3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต” คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น? https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft delivers gut punch to PC charities with end of Windows 10
    Many donateable PCs can’t run Windows 11. Should non-profits still be giving them away? Should they install Linux instead?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้

    เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์

    นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง

    ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้ เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Beijing to roll out AI lessons for primary, secondary students
    China's AI industry has gained international attention this year after DeepSeek released a new version of its AI chatbot in January, sending shockwaves across global markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1040 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️

    🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔

    🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿

    🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊

    🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫

    ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️

    ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1086 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล

    📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️

    📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด

    ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍

    🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด
    07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha

    07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥
    ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo
    ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia
    ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha

    08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่

    08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde

    09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี

    🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี
    📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา

    📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX

    📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4

    📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6

    🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด

    ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด

    การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546

    ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง

    ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน

    ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน

    🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑

    🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์

    📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547
    🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔

    ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568

    🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล 📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️ 📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍 🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด 07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha 07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥 ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha 08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่ 08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde 09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี 🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี 📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา 📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX 📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4 📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6 🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน 🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑 🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์ 📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547 🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔 ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568 🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 968 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน

    🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭

    แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี

    และล่าสุด... 💥

    เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ

    🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น?

    👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้

    📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด

    5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา

    ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!"

    บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม

    วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย

    🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง

    🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา?

    📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

    🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่
    1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด
    2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ
    3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง

    🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

    👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม

    🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง"

    📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา

    📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง

    🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย?

    🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา

    📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา
    - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน
    - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ
    - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป

    🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร?
    ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง
    ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด
    ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม

    🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568

    #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน 🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭 แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี และล่าสุด... 💥 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ 🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น? 👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ 📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด 5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!" บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย 🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง 🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา? 📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ 🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่ 1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด 2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ 3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง 🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ 👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง" 📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา 📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง 🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย? 🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา 📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป 🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร? ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม 🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568 #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 953 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ
    .
    “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน
    .
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ
    .
    ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง
    .
    นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
    .
    “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม
    .
    นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม
    .
    “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว
    .
    นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ
    .
    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
    .
    ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”.
    ............
    Sondhi X
    ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ . “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน . เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ . ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง . นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) . “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว . อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม . นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม . “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว . นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ . “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย . ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”. ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2411 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ NextGenAI ซึ่งเป็นการริเริ่มครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาโดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) OpenAI กำลังทุ่มงบประมาณถึง 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษาและนักวิจัยชั้นนำ โดยมุ่งเน้นการมอบทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ทุนวิจัย, การเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผล, และ API ของโมเดล AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ NextGenAI ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการเดียว แต่เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง OpenAI และ 15 สถาบันวิจัย ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร อาทิเช่น Harvard University, Duke University, และ Boston Children’s Hospital โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้สถาบันเหล่านี้นำ AI ของ OpenAI มาใช้เพื่อพัฒนาผลงานการวิจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

    NextGenAI มีการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย:
    - ด้านสุขภาพ: Harvard University และ Boston Children’s Hospital ใช้ AI ของ OpenAI เพื่อลดเวลาในการวินิจฉัยผู้ป่วย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน
    - การจัดการความรู้: มหาวิทยาลัย Oxford และ Boston Public Library กำลังใช้ API ของ OpenAI เพื่อดิจิไทซ์หนังสือหายากและเอกสารในที่สาธารณะ ช่วยให้การเข้าถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    - การศึกษา: University of Mississippi กำลังสำรวจว่าการใช้ AI สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษา การวิจัย และการบริการได้อย่างไร

    โครงการนี้ยังมีเป้าหมายที่สำคัญเพื่อทำให้นักเรียนและนักวิจัยสามารถเรียนรู้การใช้ AI ได้อย่างคล่องแคล่ว (AI-fluent) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยอมรับ AI ในวงกว้างและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต OpenAI มีเป้าหมายให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในทุกระดับ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับโปรแกรม ChatGPT Edu ที่เปิดตัวในปี 2024 เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษา

    NextGenAI สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นจากสังคม หลังจากที่บริษัทเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เนื้อหาสร้างรายได้อย่างไม่โปร่งใส การริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการศึกษาและการวิจัย แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกและเพิ่มการยอมรับในเทคโนโลยีของ OpenAI ในวงกว้าง

    https://www.techspot.com/news/107045-openai-launches-50m-nextgenai-consortium-fund-ai-based.html
    OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ NextGenAI ซึ่งเป็นการริเริ่มครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาโดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) OpenAI กำลังทุ่มงบประมาณถึง 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษาและนักวิจัยชั้นนำ โดยมุ่งเน้นการมอบทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ทุนวิจัย, การเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผล, และ API ของโมเดล AI สิ่งที่น่าสนใจคือ NextGenAI ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการเดียว แต่เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง OpenAI และ 15 สถาบันวิจัย ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร อาทิเช่น Harvard University, Duke University, และ Boston Children’s Hospital โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้สถาบันเหล่านี้นำ AI ของ OpenAI มาใช้เพื่อพัฒนาผลงานการวิจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ NextGenAI มีการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย: - ด้านสุขภาพ: Harvard University และ Boston Children’s Hospital ใช้ AI ของ OpenAI เพื่อลดเวลาในการวินิจฉัยผู้ป่วย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน - การจัดการความรู้: มหาวิทยาลัย Oxford และ Boston Public Library กำลังใช้ API ของ OpenAI เพื่อดิจิไทซ์หนังสือหายากและเอกสารในที่สาธารณะ ช่วยให้การเข้าถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น - การศึกษา: University of Mississippi กำลังสำรวจว่าการใช้ AI สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษา การวิจัย และการบริการได้อย่างไร โครงการนี้ยังมีเป้าหมายที่สำคัญเพื่อทำให้นักเรียนและนักวิจัยสามารถเรียนรู้การใช้ AI ได้อย่างคล่องแคล่ว (AI-fluent) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยอมรับ AI ในวงกว้างและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต OpenAI มีเป้าหมายให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในทุกระดับ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับโปรแกรม ChatGPT Edu ที่เปิดตัวในปี 2024 เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษา NextGenAI สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นจากสังคม หลังจากที่บริษัทเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เนื้อหาสร้างรายได้อย่างไม่โปร่งใส การริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการศึกษาและการวิจัย แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกและเพิ่มการยอมรับในเทคโนโลยีของ OpenAI ในวงกว้าง https://www.techspot.com/news/107045-openai-launches-50m-nextgenai-consortium-fund-ai-based.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    OpenAI launches $50M NextGenAI consortium to fund AI-based research and education
    OpenAI recently announced NextGenAI, a new consortium aimed at advancing research and education through AI-driven innovation. The company is committing $50 million from its growing financial reserves...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลปกครองสูงสุด สั่งเพิกถอนกฎการไว้ “ทรงผมนักเรียน” ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก จำกัดเสรีภาพในร่างกายเกินสมควร
    https://www.thai-tai.tv/news/17499/
    ศาลปกครองสูงสุด สั่งเพิกถอนกฎการไว้ “ทรงผมนักเรียน” ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก จำกัดเสรีภาพในร่างกายเกินสมควร https://www.thai-tai.tv/news/17499/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ

    1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว

    2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์

    3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ

    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้

    #Newskit
    เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ 1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว 2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์ 3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts