• “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

    ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น

    Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

    ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux

    Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง

    หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่
    ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย

    ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity
    รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ

    มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย

    รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts
    เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที

    มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว
    ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง

    ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง
    ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ

    Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot
    รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา

    Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp
    เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive

    มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education
    รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม

    https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    🧭 “Zorin OS 18 — ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ Windows 10 ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในวันที่ Windows 10 ถูกยุติการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยาก: ซื้อเครื่องใหม่เพื่อใช้ Windows 11 หรือหาทางออกที่ไม่ต้องพึ่งฮาร์ดแวร์ใหม่ และ Zorin OS 18 กำลังเสนอคำตอบนั้น Zorin OS 18 เป็นดิสโทร Linux ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ “Windows 10 expats” หรือผู้ใช้ที่ต้องการย้ายจาก Windows 10 ไปยังระบบที่ทันสมัยแต่ไม่ซับซ้อน โดยเวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่สวยงาม, ระบบจัดการหน้าต่างแบบใหม่, การรองรับแอป Windows ที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบนี้ยังมาพร้อมกับ PipeWire สำหรับเสียงคุณภาพสูง, การเชื่อมต่อ OneDrive, และเครื่องมือใหม่สำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัวแบบมีคำแนะนำเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกลัวว่าจะ “หลงทาง” เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Linux ✅ Zorin OS 18 พัฒนาบน Ubuntu 24.04.3 LTS และ Linux kernel 6.14 ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และมีความเสถียรสูง ✅ หน้าตาใหม่: แถบลอย, สีอ่อน, ตัวบ่งชี้ workspace ใหม่ ➡️ ให้ความรู้สึกทันสมัยและใช้งานง่าย ✅ ระบบจัดการหน้าต่างใหม่ช่วยเพิ่ม productivity ➡️ รองรับการจัดวางหน้าต่างแบบอัตโนมัติ ✅ มี Web Apps tool สำหรับติดตั้งแอปโปรดได้ง่ายขึ้น ➡️ โดยเฉพาะแอป Windows ที่คุ้นเคย ✅ รองรับ OneDrive ผ่าน Online Accounts ➡️ เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft 365 ได้ทันที ✅ มีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการติดตั้งแอป Windows กว่า 170 ตัว ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่ไม่ต้องเดาเอง ✅ ใช้ PipeWire เป็น backend สำหรับเสียง ➡️ ให้เสียงคุณภาพสูงและ latency ต่ำ ✅ Zorin OS Pro มีแอปใหม่ 11 ตัว เช่น Deskflow, Warpinator, Valot ➡️ รองรับการแชร์อุปกรณ์, ส่งไฟล์, และติดตามเวลา ✅ Zorin OS Education มีแอปใหม่ เช่น Gradebook, Spedread, TurboWarp ➡️ เหมาะสำหรับนักเรียนและการเรียนรู้แบบ interactive ✅ มีให้ดาวน์โหลดทั้งรุ่น Core และ Education ➡️ รุ่น Pro จำหน่ายในราคา €47.99 (~$55.6 USD) พร้อมฟีเจอร์พรีเมียม https://9to5linux.com/zorin-os-18-officially-released-specifically-tailored-for-windows-10-expats
    9TO5LINUX.COM
    Zorin OS 18 Officially Released, Specifically Tailored for Windows 10 Expats - 9to5Linux
    Zorin OS 18 distribution is now available for download based on Ubuntu 24.04.3 LTS and powered by Linux kernel 6.14.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “UbuCon India ครั้งแรก! รวมพลังชุมชน Ubuntu และ FOSS ที่ Bengaluru — จุดเริ่มต้นใหม่ของโอเพ่นซอร์สในอินเดีย”

    อินเดียกำลังจะมีงาน UbuCon ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! งานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ซึ่งเป็นชุมชนท้องถิ่นที่ส่งเสริมการใช้ Ubuntu และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (FOSS) ในภูมิภาคของตน โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ที่สถาบัน Indian Institute of Science (IISc) เมือง Bengaluru

    UbuCon เป็นงานสัมมนาแบบอาสาสมัครที่เน้นชุมชน ไม่ใช่งานโชว์ของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนา ผู้ใช้ และผู้สนับสนุน FOSS ให้มาแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายร่วมกัน

    หัวข้อที่จะพูดถึงในงานมีหลากหลาย ตั้งแต่ desktop environments, cloud infrastructure, IoT, documentation ไปจนถึง AI โดยมี It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการของงานนี้

    UbuCon India 2025 เป็นงาน UbuCon ครั้งแรกในอินเดีย
    จัดโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo

    งานจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025
    สถานที่คือ IISc Bengaluru

    เป็นงานที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ไม่ใช่บริษัท
    เน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่าย

    หัวข้อในงานครอบคลุมหลายด้านของเทคโนโลยี FOSS
    เช่น desktop, cloud, IoT, documentation, AI

    It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการ
    เตรียมรายงานข่าวและบทวิเคราะห์จากงาน

    เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน KonfHub พร้อมส่วนลดสำหรับนักเรียน
    ราคาบัตรเข้าร่วมงานอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้

    https://news.itsfoss.com/events/first-ubucon-india/
    🐧 “UbuCon India ครั้งแรก! รวมพลังชุมชน Ubuntu และ FOSS ที่ Bengaluru — จุดเริ่มต้นใหม่ของโอเพ่นซอร์สในอินเดีย” อินเดียกำลังจะมีงาน UbuCon ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! งานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ซึ่งเป็นชุมชนท้องถิ่นที่ส่งเสริมการใช้ Ubuntu และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส (FOSS) ในภูมิภาคของตน โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ที่สถาบัน Indian Institute of Science (IISc) เมือง Bengaluru UbuCon เป็นงานสัมมนาแบบอาสาสมัครที่เน้นชุมชน ไม่ใช่งานโชว์ของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงนักพัฒนา ผู้ใช้ และผู้สนับสนุน FOSS ให้มาแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายร่วมกัน หัวข้อที่จะพูดถึงในงานมีหลากหลาย ตั้งแต่ desktop environments, cloud infrastructure, IoT, documentation ไปจนถึง AI โดยมี It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการของงานนี้ ✅ UbuCon India 2025 เป็นงาน UbuCon ครั้งแรกในอินเดีย ➡️ จัดโดยกลุ่ม Ubuntu India LoCo ✅ งานจัดขึ้นวันที่ 15–16 พฤศจิกายน 2025 ➡️ สถานที่คือ IISc Bengaluru ✅ เป็นงานที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ไม่ใช่บริษัท ➡️ เน้นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่าย ✅ หัวข้อในงานครอบคลุมหลายด้านของเทคโนโลยี FOSS ➡️ เช่น desktop, cloud, IoT, documentation, AI ✅ It’s FOSS เป็นพันธมิตรสื่ออย่างเป็นทางการ ➡️ เตรียมรายงานข่าวและบทวิเคราะห์จากงาน ✅ เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน KonfHub พร้อมส่วนลดสำหรับนักเรียน ➡️ ราคาบัตรเข้าร่วมงานอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้ https://news.itsfoss.com/events/first-ubucon-india/
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม”

    แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง

    1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น
    98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม
    มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก
    ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง

    คำเตือน
    แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม
    เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง

    2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI
    ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ
    AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด
    AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้

    คำเตือน
    การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน

    3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน
    นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์
    สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่
    การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา

    คำเตือน
    อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร
    การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง

    4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด
    ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา
    มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้
    บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI

    คำเตือน
    AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
    อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต

    5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ
    ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ
    ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด
    มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    คำเตือน
    โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล
    ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง

    AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม

    https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    🤖 “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม” แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ✅ 1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น ➡️ 98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม ➡️ มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก ➡️ ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง ‼️ คำเตือน ⛔ แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม ⛔ เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง ✅ 2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI ➡️ ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ ➡️ AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด ➡️ AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ‼️ คำเตือน ⛔ การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ⛔ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน ✅ 3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน ➡️ นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์ ➡️ สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่ ➡️ การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ‼️ คำเตือน ⛔ อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร ⛔ การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง ✅ 4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด ➡️ ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา ➡️ มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้ ➡️ บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI ‼️ คำเตือน ⛔ AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ⛔ อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต ✅ 5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด ➡️ มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ⛔ ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Use AI For - SlashGear
    AI can make life easier, but some uses cross a line. Here’s why relying on it for health, education, coding, or advice can do more harm than good.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews


  • ..โรงเรียนในไทยเรา เริ่มใช้กระจายจริง ทั่วประเทศไทยแล้ว,นี้คือภัยอีกลักษณะหนึ่งในการควบคุมคนไทยได้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ได้ ทำให้เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่มันผิดปกติชัดเจน,และพวกนี้จะทำลายระบบเก่าเองด้วยมือเดอะแก๊งพวกมันเอง เช่น พิมพ์แบงค์ปลอมมาป่วน ลงเครดิตความน่าเชื่อถือของตังกระดาษลง,ดูดตังในบัญชีเงินฝากของลูกค้าง่ายดาย ก็แบงค์พวกมันอีกล่ะปล่อยอิสระให้ดูด มันวางสนุ๊คเอง สมัยก่อนมีที่ไหน ระบบรักษาความปลอดภัยมันขั้นเทพเลยนะ,แต่เพื่อสนองนายมันอิลิทนายมันจึงเห็นตามนั้นล่ะ,เด็กๆนักเรียนไม่จำเป็นอะไรเลย.,ไม่ต่างจากสัตว์ติดบาร์โค้ตเข้าโรงงานฝึกมวลอาหารให้มันเลย.คิดดูสิ อดีตๆทำไมเราถึงปรับตัวกับธรรมชาติแล้วยังอยู่ได้,พวกนี้ทั้งหมดทำให้โลกเสียสมดุลไป.


    จีน: เด็ก ๆ ไม่สามารถเข้าหรือออกจากโรงเรียนนี้ได้หากไม่ยืนยัน ID ดิจิทัลที่บังคับผ่านกล้องจดจำใบหน้า

    รหัสดิจิทัลเชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัลของจีน ช่วยให้เด็กนักเรียนชำระค่าอาหารด้วยการสแกนใบหน้าได้

    นี่คือโลกฝันร้ายดิสโทเปียแบบที่เรากำลังเปิดประตูต้อนรับ ถ้าเรายอมให้รัฐบาลตะวันตกเปิดตัวรหัสดิจิทัลภายใต้หน้ากากของ "ความสะดวกสบาย" และ "ความปลอดภัย"

    ..โรงเรียนในไทยเรา เริ่มใช้กระจายจริง ทั่วประเทศไทยแล้ว,นี้คือภัยอีกลักษณะหนึ่งในการควบคุมคนไทยได้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ ได้ ทำให้เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่มันผิดปกติชัดเจน,และพวกนี้จะทำลายระบบเก่าเองด้วยมือเดอะแก๊งพวกมันเอง เช่น พิมพ์แบงค์ปลอมมาป่วน ลงเครดิตความน่าเชื่อถือของตังกระดาษลง,ดูดตังในบัญชีเงินฝากของลูกค้าง่ายดาย ก็แบงค์พวกมันอีกล่ะปล่อยอิสระให้ดูด มันวางสนุ๊คเอง สมัยก่อนมีที่ไหน ระบบรักษาความปลอดภัยมันขั้นเทพเลยนะ,แต่เพื่อสนองนายมันอิลิทนายมันจึงเห็นตามนั้นล่ะ,เด็กๆนักเรียนไม่จำเป็นอะไรเลย.,ไม่ต่างจากสัตว์ติดบาร์โค้ตเข้าโรงงานฝึกมวลอาหารให้มันเลย.คิดดูสิ อดีตๆทำไมเราถึงปรับตัวกับธรรมชาติแล้วยังอยู่ได้,พวกนี้ทั้งหมดทำให้โลกเสียสมดุลไป. จีน: เด็ก ๆ ไม่สามารถเข้าหรือออกจากโรงเรียนนี้ได้หากไม่ยืนยัน ID ดิจิทัลที่บังคับผ่านกล้องจดจำใบหน้า รหัสดิจิทัลเชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัลของจีน ช่วยให้เด็กนักเรียนชำระค่าอาหารด้วยการสแกนใบหน้าได้ นี่คือโลกฝันร้ายดิสโทเปียแบบที่เรากำลังเปิดประตูต้อนรับ ถ้าเรายอมให้รัฐบาลตะวันตกเปิดตัวรหัสดิจิทัลภายใต้หน้ากากของ "ความสะดวกสบาย" และ "ความปลอดภัย"
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง”

    เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp

    Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น

    ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด

    แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้

    การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย


    ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

    โมเดลธุรกิจของ bootcamp
    หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview
    คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น
    รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน
    บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp
    ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์

    จุดที่สร้างกำไร
    ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน
    ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก
    การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก
    การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง


    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google
    CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง
    การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ
    Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz
    ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ
    ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน
    LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง
    การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม
    ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit

    https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    🔥 “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง” เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้ การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย 🔖🔖 ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ✅ โมเดลธุรกิจของ bootcamp ➡️ หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview ➡️ คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น ➡️ รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน ➡️ บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp ➡️ ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์ ✅ จุดที่สร้างกำไร ➡️ ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน ➡️ ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก ➡️ การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก ➡️ การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง 🔖🔖🔖 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google ➡️ CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง ➡️ การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ ➡️ Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน ⛔ LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง ⛔ การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม ⛔ ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    LARSLOFGREN.COM
    The Story of Codesmith: How a Competitor Crippled a $23.5M Bootcamp By Becoming a Reddit Moderator
    Let’s say you decide to start a coding bootcamp. Your background is in pedagogy and you love teaching. Your parents were teachers. You find a co-founder, raise a bit of money, and pour your soul into your company. The first couple of years, students love your program. Positive feedback, extraordinary student outcomes, employees love the mission. You are quite literally […]
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • “Xogot พา Godot ลง iPhone — เปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นสตูดิโอสร้างเกมเต็มรูปแบบ”

    การพัฒนาเกมเคยเป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ต้องใช้เครื่องแรง ๆ และหน้าจอใหญ่ ๆ แต่ตอนนี้ Xibbon บริษัทที่ก่อตั้งโดย Miguel De Icaza และ Joseph Hill ได้เปิดตัว “Xogot” บน iPhone ซึ่งเป็นแอปที่นำเอาเอนจินเกมโอเพ่นซอร์สยอดนิยมอย่าง Godot มาปรับแต่งให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบบนมือถือ

    หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน iPad ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 Xogot ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักพัฒนาเกมสายอินดี้และนักเรียนที่ต้องการเครื่องมือสร้างสรรค์บนอุปกรณ์พกพา ล่าสุด Xibbon ได้ขยายการรองรับมายัง iPhone โดยออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมดด้วย SwiftUI ให้เหมาะกับหน้าจอเล็กและการใช้งานแบบสัมผัส

    Xogot รองรับการพัฒนาเกมทั้ง 2D และ 3D โดยมีระบบ tile map, scene system, lighting, และ scripting ครบครัน พร้อม editor สำหรับ GDScript ที่มี debugger ในตัว สามารถตั้ง breakpoint และตรวจสอบสถานะโปรแกรมได้ทันทีบนมือถือ

    ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ได้แก่ Jolt Physics สำหรับฟิสิกส์ 3D, embedded game view สำหรับทดสอบเกมทันที, Camera3D preview และ Metal rendering ที่ปรับแต่งมาเพื่อ GPU ของ Apple โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังรองรับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และจอย Bluetooth

    นักพัฒนาสามารถซิงก์โปรเจกต์ระหว่าง Xogot กับ Godot บนเดสก์ท็อปได้อย่างราบรื่นผ่าน iCloud, USB หรือ GitHub ทำให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ทุกที่ทุกเวลา

    แม้ Xogot จะไม่ใช่ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ก็ได้รับความสนใจจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส เพราะเชื่อมโยงกับ Godot และผู้สร้างอย่าง Miguel ที่เคยมีบทบาทสำคัญในโครงการ GNOME และ Mono

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Xogot เป็นแอปที่นำ Godot มาสู่ iPhone โดยปรับอินเทอร์เฟซใหม่ด้วย SwiftUI
    รองรับการพัฒนาเกมทั้ง 2D และ 3D พร้อม editor สำหรับ GDScript
    มี debugger ในตัว สามารถตั้ง breakpoint และตรวจสอบสถานะโปรแกรมได้
    ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ Jolt Physics, embedded game view, Camera3D preview และ Metal rendering
    รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และจอย Bluetooth
    สามารถซิงก์โปรเจกต์กับ Godot บนเดสก์ท็อปผ่าน iCloud, USB หรือ GitHub
    เปิดตัวครั้งแรกบน iPad ในเดือนพฤษภาคม 2025 และขยายมายัง iPhone
    มีเวอร์ชัน Lite ฟรี และเวอร์ชัน Pro ที่มีฟีเจอร์เต็ม ราคา $2.99/เดือน หรือ $149.99 ตลอดชีพ
    นักเรียนและผู้เข้าร่วม Game Jam สามารถขอใช้งาน Pro ฟรีได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Godot เป็นเอนจินเกมโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มนักพัฒนาอินดี้
    Miguel De Icaza เป็นผู้ก่อตั้ง GNOME, Mono และ Xamarin
    แอปสร้างสรรค์บน iPad เช่น Procreate และ Logic Pro ได้รับความนิยมในสายศิลปะและดนตรี
    Xogot ถูกพัฒนาเพื่อเติมช่องว่างของเครื่องมือสร้างเกมบนอุปกรณ์พกพา
    การพัฒนาเกมบนมือถือช่วยให้สามารถทำงานได้ทุกที่ เช่น บนรถไฟหรือร้านกาแฟ

    https://news.itsfoss.com/xogot-for-iphone/
    🎮 “Xogot พา Godot ลง iPhone — เปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นสตูดิโอสร้างเกมเต็มรูปแบบ” การพัฒนาเกมเคยเป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ต้องใช้เครื่องแรง ๆ และหน้าจอใหญ่ ๆ แต่ตอนนี้ Xibbon บริษัทที่ก่อตั้งโดย Miguel De Icaza และ Joseph Hill ได้เปิดตัว “Xogot” บน iPhone ซึ่งเป็นแอปที่นำเอาเอนจินเกมโอเพ่นซอร์สยอดนิยมอย่าง Godot มาปรับแต่งให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบบนมือถือ หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน iPad ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 Xogot ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักพัฒนาเกมสายอินดี้และนักเรียนที่ต้องการเครื่องมือสร้างสรรค์บนอุปกรณ์พกพา ล่าสุด Xibbon ได้ขยายการรองรับมายัง iPhone โดยออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมดด้วย SwiftUI ให้เหมาะกับหน้าจอเล็กและการใช้งานแบบสัมผัส Xogot รองรับการพัฒนาเกมทั้ง 2D และ 3D โดยมีระบบ tile map, scene system, lighting, และ scripting ครบครัน พร้อม editor สำหรับ GDScript ที่มี debugger ในตัว สามารถตั้ง breakpoint และตรวจสอบสถานะโปรแกรมได้ทันทีบนมือถือ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ได้แก่ Jolt Physics สำหรับฟิสิกส์ 3D, embedded game view สำหรับทดสอบเกมทันที, Camera3D preview และ Metal rendering ที่ปรับแต่งมาเพื่อ GPU ของ Apple โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังรองรับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และจอย Bluetooth นักพัฒนาสามารถซิงก์โปรเจกต์ระหว่าง Xogot กับ Godot บนเดสก์ท็อปได้อย่างราบรื่นผ่าน iCloud, USB หรือ GitHub ทำให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ Xogot จะไม่ใช่ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส แต่ก็ได้รับความสนใจจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส เพราะเชื่อมโยงกับ Godot และผู้สร้างอย่าง Miguel ที่เคยมีบทบาทสำคัญในโครงการ GNOME และ Mono ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Xogot เป็นแอปที่นำ Godot มาสู่ iPhone โดยปรับอินเทอร์เฟซใหม่ด้วย SwiftUI ➡️ รองรับการพัฒนาเกมทั้ง 2D และ 3D พร้อม editor สำหรับ GDScript ➡️ มี debugger ในตัว สามารถตั้ง breakpoint และตรวจสอบสถานะโปรแกรมได้ ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ Jolt Physics, embedded game view, Camera3D preview และ Metal rendering ➡️ รองรับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และจอย Bluetooth ➡️ สามารถซิงก์โปรเจกต์กับ Godot บนเดสก์ท็อปผ่าน iCloud, USB หรือ GitHub ➡️ เปิดตัวครั้งแรกบน iPad ในเดือนพฤษภาคม 2025 และขยายมายัง iPhone ➡️ มีเวอร์ชัน Lite ฟรี และเวอร์ชัน Pro ที่มีฟีเจอร์เต็ม ราคา $2.99/เดือน หรือ $149.99 ตลอดชีพ ➡️ นักเรียนและผู้เข้าร่วม Game Jam สามารถขอใช้งาน Pro ฟรีได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Godot เป็นเอนจินเกมโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มนักพัฒนาอินดี้ ➡️ Miguel De Icaza เป็นผู้ก่อตั้ง GNOME, Mono และ Xamarin ➡️ แอปสร้างสรรค์บน iPad เช่น Procreate และ Logic Pro ได้รับความนิยมในสายศิลปะและดนตรี ➡️ Xogot ถูกพัฒนาเพื่อเติมช่องว่างของเครื่องมือสร้างเกมบนอุปกรณ์พกพา ➡️ การพัฒนาเกมบนมือถือช่วยให้สามารถทำงานได้ทุกที่ เช่น บนรถไฟหรือร้านกาแฟ https://news.itsfoss.com/xogot-for-iphone/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Xogot Brings Full Godot Game Development to iPhone
    Game development with open source game engine Godot is now possible on iPhone with Xogot.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก”

    Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย

    แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์

    UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที

    นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing
    Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก
    Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้
    ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain”
    ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์
    รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ
    ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้
    เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI
    Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz
    Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core
    UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage
    สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi
    App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง

    https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    🔧 “Qualcomm เข้าซื้อ Arduino พร้อมเปิดตัวบอร์ด UNO Q — ยกระดับ AI สำหรับนักพัฒนา 33 ล้านคนทั่วโลก” Qualcomm สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arduino บริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก โดยดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตของ Qualcomm ในด้าน edge computing และ AI ให้เข้าถึงนักพัฒนาในระดับรากหญ้า ตั้งแต่นักเรียน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงนักวิจัย แม้จะเปลี่ยนเจ้าของ แต่ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์ ความเป็นอิสระ และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้เช่นเดิม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือคือ “Arduino UNO Q” — บอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” โดยผสานพลังของ Qualcomm Dragonwing QRB2210 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล Linux เข้ากับ STM32U585 MCU สำหรับงานควบคุมแบบเรียลไทม์ UNO Q ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI เช่น การประมวลผลภาพ เสียง และการควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยมีขนาดเท่ากับบอร์ด Arduino UNO รุ่นเดิม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม (shields) ที่มีอยู่แล้วได้ทันที นอกจากนี้ Arduino ยังเปิดตัว “App Lab” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบใหม่ที่รวมการเขียนโปรแกรมด้วย Linux, Python, RTOS และ AI ไว้ในที่เดียว เพื่อให้การสร้างต้นแบบและการพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน Qualcomm ระบุว่าการเข้าซื้อ Arduino เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแพลตฟอร์ม edge computing แบบครบวงจร โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse มาแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านซอฟต์แวร์และการเรียนรู้ของเครื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm เข้าซื้อ Arduino เพื่อขยายขอบเขตด้าน AI และ edge computing ➡️ Arduino มีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคนทั่วโลก ➡️ Arduino จะยังคงรักษาแบรนด์และแนวทางโอเพ่นซอร์สไว้ ➡️ ผลิตภัณฑ์แรกคือ Arduino UNO Q ที่ใช้สถาปัตยกรรม “dual brain” ➡️ ใช้ชิป Qualcomm Dragonwing QRB2210 สำหรับ Linux และ STM32U585 MCU สำหรับงานเรียลไทม์ ➡️ รองรับการประมวลผลภาพ เสียง และงานควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะ ➡️ ขนาดบอร์ดเท่ากับ Arduino UNO รุ่นเดิม ใช้งานร่วมกับ shields ได้ ➡️ เปิดตัว App Lab สำหรับการพัฒนาแบบรวม Linux, Python, RTOS และ AI ➡️ Qualcomm เคยเข้าซื้อ Foundries.io และ Edge Impulse เพื่อเสริมกลยุทธ์ edge computing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ STM32U585 MCU ใช้สถาปัตยกรรม Arm Cortex-M33 ความเร็วสูงสุด 160 MHz ➡️ Dragonwing QRB2210 มี CPU Kryo 4 คอร์, GPU Adreno 702 และ DSP แบบ dual-core ➡️ UNO Q รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C, Wi-Fi, Bluetooth และ eMMC storage ➡️ สามารถใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์เดี่ยวได้ เช่นเดียวกับ Raspberry Pi ➡️ App Lab มีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและทดสอบโมเดล AI ด้วยข้อมูลจริง https://www.techradar.com/pro/qualcomm-acquires-arduino-in-surprising-move-that-puts-it-right-on-the-edge-and-at-the-helm-of-a-33-million-strong-maker-community
    WWW.TECHRADAR.COM
    Qualcomm acquires Arduino and unveils new UNO Q AI board
    Arduino UNO Q will be the first product from the collaboration
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • “คุณมีเวลา 18 เดือน — เมื่อ AI ไม่ได้แย่งงานเรา แต่เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเองต่อหน้ามัน”

    บทความโดย Derek Thompson ในนิตยสาร The Argument เปิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำเตือนจากผู้บริหารและนักคิดด้าน AI หลายคนว่า “มนุษย์มีเวลาอีกเพียง 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำจนทำให้แรงงานมนุษย์หมดความได้เปรียบ โดยเฉพาะในสายงานระดับเริ่มต้น เช่น นักเขียนโค้ด นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่นักวิจัยระดับสูง

    แต่ Thompson กลับตั้งคำถามว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่ “AI แย่งงานเรา” แต่คือ “เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเอง” ด้วยการพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องการคิด การเขียน และการเรียนรู้

    เขายกตัวอย่างจากการออกกำลังกายว่า “เวลาใต้แรงต้าน” (time under tension) คือช่วงที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำ squat ช้า ๆ จะสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าแบบเร็ว ๆ เช่นเดียวกับการคิด — การอยู่กับความไม่แน่นอนและความซับซ้อนของข้อมูลเป็นเวลานาน จะช่วยให้เกิดความเข้าใจและความคิดใหม่ ๆ

    Thompson เล่าว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะเขียนบทความนี้ได้ เพราะหัวข้อดูชัดเจนเกินไป แต่เมื่อเขาใช้เวลาอยู่กับมัน ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเชื่อมโยงกัน ทั้งบทความจาก Financial Times, การสัมภาษณ์ Cal Newport, หนังสือของ Walter Ong และแม้แต่ความคิดขณะออกกำลังกาย จนกลายเป็นกรอบความคิดที่ชัดเจน

    เขาเตือนว่า หากเรายอมให้ AI เขียนแทนเราทุกอย่าง — ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ใช้ ChatGPT ทำการบ้าน หรือนักวิจัยที่ให้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์ — เราอาจสูญเสียความสามารถในการคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะ “การเขียนคือการคิด” และเมื่อเราไม่เขียน เราก็ไม่ได้คิด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ผู้บริหาร AI หลายคนเตือนว่า “มนุษย์มีเวลาอีก 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำ
    Thompson มองว่าปัญหาไม่ใช่ AI แย่งงาน แต่คือมนุษย์ลดทอนความสามารถตัวเอง
    เขาเปรียบเทียบการคิดกับ “เวลาใต้แรงต้าน” ในการออกกำลังกาย
    การอยู่กับความไม่แน่นอนนาน ๆ ช่วยให้เกิดความคิดใหม่
    การเขียนคือกระบวนการคิด ไม่ใช่แค่การสื่อสาร
    หากปล่อยให้ AI เขียนแทนทั้งหมด เราอาจสูญเสียความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่เราค้นพบ
    นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ทำการบ้าน ทำให้ครูไม่สามารถประเมินความสามารถจริงได้
    นักวิจัยบางคนเริ่มใช้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์แทนตัวเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cal Newport เคยเสนอแนวคิด “deep work” ว่าการทำงานลึก ๆ โดยไม่ถูกรบกวนคือทักษะสำคัญ
    Walter Ong ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนกับการคิดในยุคก่อนดิจิทัล
    การใช้ AI ในการเรียนอาจทำให้เกิด “ภาวะไร้สมรรถนะทางปัญญา” ในระยะยาว
    การเขียนช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดและเข้าใจสิ่งที่เรียนรู้
    การคิดแบบ “combinatorial” คือการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่

    https://www.theargumentmag.com/p/you-have-18-months
    ⏳ “คุณมีเวลา 18 เดือน — เมื่อ AI ไม่ได้แย่งงานเรา แต่เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเองต่อหน้ามัน” บทความโดย Derek Thompson ในนิตยสาร The Argument เปิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับคำเตือนจากผู้บริหารและนักคิดด้าน AI หลายคนว่า “มนุษย์มีเวลาอีกเพียง 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำจนทำให้แรงงานมนุษย์หมดความได้เปรียบ โดยเฉพาะในสายงานระดับเริ่มต้น เช่น นักเขียนโค้ด นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่นักวิจัยระดับสูง แต่ Thompson กลับตั้งคำถามว่า ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่ “AI แย่งงานเรา” แต่คือ “เรากำลังลดทอนความสามารถตัวเอง” ด้วยการพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติมากเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องการคิด การเขียน และการเรียนรู้ เขายกตัวอย่างจากการออกกำลังกายว่า “เวลาใต้แรงต้าน” (time under tension) คือช่วงที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำ squat ช้า ๆ จะสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าแบบเร็ว ๆ เช่นเดียวกับการคิด — การอยู่กับความไม่แน่นอนและความซับซ้อนของข้อมูลเป็นเวลานาน จะช่วยให้เกิดความเข้าใจและความคิดใหม่ ๆ Thompson เล่าว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะเขียนบทความนี้ได้ เพราะหัวข้อดูชัดเจนเกินไป แต่เมื่อเขาใช้เวลาอยู่กับมัน ความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มเชื่อมโยงกัน ทั้งบทความจาก Financial Times, การสัมภาษณ์ Cal Newport, หนังสือของ Walter Ong และแม้แต่ความคิดขณะออกกำลังกาย จนกลายเป็นกรอบความคิดที่ชัดเจน เขาเตือนว่า หากเรายอมให้ AI เขียนแทนเราทุกอย่าง — ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่ใช้ ChatGPT ทำการบ้าน หรือนักวิจัยที่ให้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์ — เราอาจสูญเสียความสามารถในการคิดอย่างลึกซึ้ง เพราะ “การเขียนคือการคิด” และเมื่อเราไม่เขียน เราก็ไม่ได้คิด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ผู้บริหาร AI หลายคนเตือนว่า “มนุษย์มีเวลาอีก 18 เดือน” ก่อนที่ AI จะก้าวล้ำ ➡️ Thompson มองว่าปัญหาไม่ใช่ AI แย่งงาน แต่คือมนุษย์ลดทอนความสามารถตัวเอง ➡️ เขาเปรียบเทียบการคิดกับ “เวลาใต้แรงต้าน” ในการออกกำลังกาย ➡️ การอยู่กับความไม่แน่นอนนาน ๆ ช่วยให้เกิดความคิดใหม่ ➡️ การเขียนคือกระบวนการคิด ไม่ใช่แค่การสื่อสาร ➡️ หากปล่อยให้ AI เขียนแทนทั้งหมด เราอาจสูญเสียความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่เราค้นพบ ➡️ นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ทำการบ้าน ทำให้ครูไม่สามารถประเมินความสามารถจริงได้ ➡️ นักวิจัยบางคนเริ่มใช้ LLM เขียนบทความวิทยาศาสตร์แทนตัวเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cal Newport เคยเสนอแนวคิด “deep work” ว่าการทำงานลึก ๆ โดยไม่ถูกรบกวนคือทักษะสำคัญ ➡️ Walter Ong ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเขียนกับการคิดในยุคก่อนดิจิทัล ➡️ การใช้ AI ในการเรียนอาจทำให้เกิด “ภาวะไร้สมรรถนะทางปัญญา” ในระยะยาว ➡️ การเขียนช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดและเข้าใจสิ่งที่เรียนรู้ ➡️ การคิดแบบ “combinatorial” คือการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ https://www.theargumentmag.com/p/you-have-18-months
    WWW.THEARGUMENTMAG.COM
    “You have 18 months”
    The real deadline isn’t when AI outsmarts us — it’s when we stop using our own minds.
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 4-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    4/10/68
    รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหว กับ รูปการตั้งพรรคการเมือง ต้องเดินคู่ขนานกันไป ความใฝ่ฝันของพวกเราก็จะถึงเป้าหมายสำเร็จเร็วขึ้น
    • รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหวเชิงกลยุธตามสภาพการณ์ มีผลให้ตื่นตัวทางการเมือง
    • ส่วนการตั้งพรรคการเมืองมีผลให้ความตื่นตัวยกระดับขึ้นอีกขั้น ความฝันใฝ่จะเป็นจริงได้ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สังคม นั่นคือ “ชนะเลือกตั้ง๋” จึงจะได้สิทธิใช้อำนาจแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของ ตอนนั้นจึงจะเป็นโอกาสของเราล่ะที่จะปฏิรูปสังคม
    o บทเรียน 14ตุลา 16ตุลา ก็คือ เราไม่มี “รูปแบบโครงสร้างสังคม”เป็นเข็มทิศสู่เป้าหมายนี่ข้อที่1, ไม่มี “พรรค” ที่มีเข็มทิศนำพานี่ข้อที่2 , เมี่อขาดข้อที่1 และข้อที่2 แล้วก็เป็นผลให้ ข้อที่3ที่เป็นนักเรียน-นักศึกษาถูกปราบอย่างแรง
    o บทเรียนเนปาลก็เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำสูงมาก ภาคประชาชนลุกขึ้นมาสู้ลงถนนประท้วงมา 20 กว่าปี เปลี่ยนรัฐบาลหลายชุด สภาพความจนความเหลื่อมล้ำก็ยังเหมือนเดิม อีกทั้งรุ่นเจนซี(ไม่มีเงินเรียนหนังสือส่วนที่เรียนจบก็หางานทำไม่ได้อีกทั้งถูกแบนไม่ให้ดูเน็ทสื่อโซเชียลก็ทำการประท้วงใหญ่ ถึงแม้ยกเลิกการแบนฯ ก็ยั้งไม่อยู่เข้าสู่ มิคสัญญีเผาสภา เผาสถานที่ราชการฯ นายพลทัพบกออกมาเองขอคุยผู้นำเจนซีตกลงเชิญอดีตผู้พิพากษาสูงสุดรักษาการณ์นายกฯ อีก 6 เดือนเลือกตั้ง
    ถึงจะเลือกตั้งใหม่ก็คงเหมือนเดิม ก็พรรคการเมใหญ่ 8 พรรคจ่อลงเลือกตั้งอยู่
    # ถึงแม้ เนปาล มีพลังมวลชนสูง แต่ขาด เข็มทิศโครงสร้างสังคมชี้นำทาง และขาดพรรคการเมืองของมวลชนเอง



    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 4-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 4/10/68 รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหว กับ รูปการตั้งพรรคการเมือง ต้องเดินคู่ขนานกันไป ความใฝ่ฝันของพวกเราก็จะถึงเป้าหมายสำเร็จเร็วขึ้น • รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหวเชิงกลยุธตามสภาพการณ์ มีผลให้ตื่นตัวทางการเมือง • ส่วนการตั้งพรรคการเมืองมีผลให้ความตื่นตัวยกระดับขึ้นอีกขั้น ความฝันใฝ่จะเป็นจริงได้ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สังคม นั่นคือ “ชนะเลือกตั้ง๋” จึงจะได้สิทธิใช้อำนาจแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของ ตอนนั้นจึงจะเป็นโอกาสของเราล่ะที่จะปฏิรูปสังคม o บทเรียน 14ตุลา 16ตุลา ก็คือ เราไม่มี “รูปแบบโครงสร้างสังคม”เป็นเข็มทิศสู่เป้าหมายนี่ข้อที่1, ไม่มี “พรรค” ที่มีเข็มทิศนำพานี่ข้อที่2 , เมี่อขาดข้อที่1 และข้อที่2 แล้วก็เป็นผลให้ ข้อที่3ที่เป็นนักเรียน-นักศึกษาถูกปราบอย่างแรง o บทเรียนเนปาลก็เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำสูงมาก ภาคประชาชนลุกขึ้นมาสู้ลงถนนประท้วงมา 20 กว่าปี เปลี่ยนรัฐบาลหลายชุด สภาพความจนความเหลื่อมล้ำก็ยังเหมือนเดิม อีกทั้งรุ่นเจนซี(ไม่มีเงินเรียนหนังสือส่วนที่เรียนจบก็หางานทำไม่ได้อีกทั้งถูกแบนไม่ให้ดูเน็ทสื่อโซเชียลก็ทำการประท้วงใหญ่ ถึงแม้ยกเลิกการแบนฯ ก็ยั้งไม่อยู่เข้าสู่ มิคสัญญีเผาสภา เผาสถานที่ราชการฯ นายพลทัพบกออกมาเองขอคุยผู้นำเจนซีตกลงเชิญอดีตผู้พิพากษาสูงสุดรักษาการณ์นายกฯ อีก 6 เดือนเลือกตั้ง ถึงจะเลือกตั้งใหม่ก็คงเหมือนเดิม ก็พรรคการเมใหญ่ 8 พรรคจ่อลงเลือกตั้งอยู่ # ถึงแม้ เนปาล มีพลังมวลชนสูง แต่ขาด เข็มทิศโครงสร้างสังคมชี้นำทาง และขาดพรรคการเมืองของมวลชนเอง
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • ชวนคุณผู้อ่านคิด จากที่ อ.ปานเทพ พูดเรื่องทำประชามติเรื่องเอาคืนแผ่นดินของไทย ตามความถูกต้อง
    ทั้งระดับบริษัท หรือระดับประเทศ มีคนที่มีอำนาจ แต่ไม่กล้าตัดสินใจ คนที่มือไม่ถึง คุณได้เห็นแล้ว คนไม่กล้าตัดสินใจ พวกนี้ เป็นประเภท กุ้ง ที่มีขี้อยู่บนหัว ไม่สมควรได้มีอำนาจ

    ภาษาสไปเดอร์แมน "พลังพิเศษ หรืออำนาจ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่" เมื่อโอกาสมาแล้ว เขาไม่ทำ โบ้ยความหวังลมๆ แล้ง ๆ ให้การทำประชามติ เป็นชะตากรรม หาก คนไม่ประสา บอก ชอบแบบที่เป็นอยู่นี้ เช่น เด็กนักเรียน บอกให้ครูคลานเข่าเข้าห้องสอน

    https://www.youtube.com/live/7XvzTSohQn0?si=6wgXNH0pvlHXBdwB
    ชวนคุณผู้อ่านคิด จากที่ อ.ปานเทพ พูดเรื่องทำประชามติเรื่องเอาคืนแผ่นดินของไทย ตามความถูกต้อง ทั้งระดับบริษัท หรือระดับประเทศ มีคนที่มีอำนาจ แต่ไม่กล้าตัดสินใจ คนที่มือไม่ถึง คุณได้เห็นแล้ว คนไม่กล้าตัดสินใจ พวกนี้ เป็นประเภท กุ้ง ที่มีขี้อยู่บนหัว ไม่สมควรได้มีอำนาจ ภาษาสไปเดอร์แมน "พลังพิเศษ หรืออำนาจ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่" เมื่อโอกาสมาแล้ว เขาไม่ทำ โบ้ยความหวังลมๆ แล้ง ๆ ให้การทำประชามติ เป็นชะตากรรม หาก คนไม่ประสา บอก ชอบแบบที่เป็นอยู่นี้ เช่น เด็กนักเรียน บอกให้ครูคลานเข่าเข้าห้องสอน https://www.youtube.com/live/7XvzTSohQn0?si=6wgXNH0pvlHXBdwB
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • “สีหศักด์” กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ โต้กัมพูชาบิดเบือนความจริง เล่นบทเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เหยื่อที่แท้จริงคือทหารไทยที่เสียขา เด็กนักเรียนและพลเรือนไทยผู้บริสุทธิ์ ที่กัมพูชายิงถล่ม ซัดคุยกันต่อหน้าพูดดี แต่ขึ้นเวทีแล้วพูดอีกอย่าง ชี้ข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง เพราะกัมพูชายั่วยุไม่เลิก ถามอยากสร้างสันติภาพตามที่พูดจริงหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092690

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

    “สีหศักด์” กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ โต้กัมพูชาบิดเบือนความจริง เล่นบทเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เหยื่อที่แท้จริงคือทหารไทยที่เสียขา เด็กนักเรียนและพลเรือนไทยผู้บริสุทธิ์ ที่กัมพูชายิงถล่ม ซัดคุยกันต่อหน้าพูดดี แต่ขึ้นเวทีแล้วพูดอีกอย่าง ชี้ข้อตกลงหยุดยิงยังเปราะบาง เพราะกัมพูชายั่วยุไม่เลิก ถามอยากสร้างสันติภาพตามที่พูดจริงหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092690 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • “KVICK SÖRT: คู่มือประกอบอัลกอริธึมแบบไร้คำพูด — เมื่อการเรียนรู้ไม่ต้องใช้ภาษา แต่ใช้ภาพและความเข้าใจร่วมกัน”

    KVICK SÖRT คือหนึ่งในชุดคู่มือจากโครงการ IDEA (International Diagrammatic Explanation Assembly) ที่นำเสนอวิธีการทำงานของอัลกอริธึมชื่อดังอย่าง Quicksort ผ่านภาพประกอบแบบไม่ใช้ข้อความเลยแม้แต่คำเดียว จุดเด่นของแนวทางนี้คือการออกแบบให้เข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งภาษาใดภาษาหนึ่ง ทำให้สามารถใช้สื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Quicksort เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการ “แบ่งแล้วจัดการ” (divide and conquer) ซึ่งจะเลือกตัวแบ่ง (pivot) แล้วจัดเรียงข้อมูลให้ตัวที่น้อยกว่ามาอยู่ด้านหนึ่ง และตัวที่มากกว่ามาอยู่อีกด้าน จากนั้นจึงเรียกใช้กระบวนการเดิมซ้ำกับแต่ละส่วนย่อย

    ในคู่มือ KVICK SÖRT มีการแนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่แย่ที่สุด เช่น การเลือกตัวแรกหรือสุดท้ายในชุดข้อมูลที่เรียงอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก

    เอกสารนี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในรูปแบบ PDF, PNG และ SVG ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ซึ่งอนุญาตให้นำไปใช้และดัดแปลงในบริบทที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เช่น การเรียนการสอน หรือการเผยแพร่ความรู้

    โครงการ IDEA เริ่มต้นโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุดคำอธิบายอัลกอริธึมที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู หรือผู้สนใจทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    KVICK SÖRT เป็นคู่มืออธิบายอัลกอริธึม Quicksort แบบไม่ใช้ข้อความ
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ IDEA ที่เน้นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม
    Quicksort ใช้หลัก divide and conquer โดยเลือก pivot แล้วแบ่งข้อมูล
    แนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่มเพื่อหลีกเลี่ยง worst-case runtime
    เปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF, PNG, SVG
    ใช้สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0)
    พัฒนาโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018
    เหมาะสำหรับครู นักเรียน และผู้สนใจทั่วไปในการเรียนรู้อัลกอริธึม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Quicksort มีประสิทธิภาพเฉลี่ยเป็น O(n log n) แต่กรณีแย่ที่สุดคือ O(n²)
    การเลือก pivot แบบสุ่มช่วยลดโอกาสเกิด worst-case ได้อย่างมีนัยสำคัญ
    การใช้ภาพแทนข้อความช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างอัลกอริธึมได้เร็วขึ้น
    คู่มือแบบไม่ใช้คำพูดสามารถใช้ในห้องเรียนที่มีนักเรียนหลากหลายภาษา
    โครงการ IDEA ยังมีคู่มือสำหรับอัลกอริธึมอื่น ๆ เช่น Dijkstra, Merge Sort, BFS

    https://idea-instructions.com/quick-sort/
    🧩 “KVICK SÖRT: คู่มือประกอบอัลกอริธึมแบบไร้คำพูด — เมื่อการเรียนรู้ไม่ต้องใช้ภาษา แต่ใช้ภาพและความเข้าใจร่วมกัน” KVICK SÖRT คือหนึ่งในชุดคู่มือจากโครงการ IDEA (International Diagrammatic Explanation Assembly) ที่นำเสนอวิธีการทำงานของอัลกอริธึมชื่อดังอย่าง Quicksort ผ่านภาพประกอบแบบไม่ใช้ข้อความเลยแม้แต่คำเดียว จุดเด่นของแนวทางนี้คือการออกแบบให้เข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งภาษาใดภาษาหนึ่ง ทำให้สามารถใช้สื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ Quicksort เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการ “แบ่งแล้วจัดการ” (divide and conquer) ซึ่งจะเลือกตัวแบ่ง (pivot) แล้วจัดเรียงข้อมูลให้ตัวที่น้อยกว่ามาอยู่ด้านหนึ่ง และตัวที่มากกว่ามาอยู่อีกด้าน จากนั้นจึงเรียกใช้กระบวนการเดิมซ้ำกับแต่ละส่วนย่อย ในคู่มือ KVICK SÖRT มีการแนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่แย่ที่สุด เช่น การเลือกตัวแรกหรือสุดท้ายในชุดข้อมูลที่เรียงอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เอกสารนี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในรูปแบบ PDF, PNG และ SVG ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ซึ่งอนุญาตให้นำไปใช้และดัดแปลงในบริบทที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เช่น การเรียนการสอน หรือการเผยแพร่ความรู้ โครงการ IDEA เริ่มต้นโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุดคำอธิบายอัลกอริธึมที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู หรือผู้สนใจทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ KVICK SÖRT เป็นคู่มืออธิบายอัลกอริธึม Quicksort แบบไม่ใช้ข้อความ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ IDEA ที่เน้นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม ➡️ Quicksort ใช้หลัก divide and conquer โดยเลือก pivot แล้วแบ่งข้อมูล ➡️ แนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่มเพื่อหลีกเลี่ยง worst-case runtime ➡️ เปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF, PNG, SVG ➡️ ใช้สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ➡️ พัฒนาโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 ➡️ เหมาะสำหรับครู นักเรียน และผู้สนใจทั่วไปในการเรียนรู้อัลกอริธึม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Quicksort มีประสิทธิภาพเฉลี่ยเป็น O(n log n) แต่กรณีแย่ที่สุดคือ O(n²) ➡️ การเลือก pivot แบบสุ่มช่วยลดโอกาสเกิด worst-case ได้อย่างมีนัยสำคัญ ➡️ การใช้ภาพแทนข้อความช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างอัลกอริธึมได้เร็วขึ้น ➡️ คู่มือแบบไม่ใช้คำพูดสามารถใช้ในห้องเรียนที่มีนักเรียนหลากหลายภาษา ➡️ โครงการ IDEA ยังมีคู่มือสำหรับอัลกอริธึมอื่น ๆ เช่น Dijkstra, Merge Sort, BFS https://idea-instructions.com/quick-sort/
    IDEA-INSTRUCTIONS.COM
    KVICK SÖRT
    Quicksort is an efficient sorting algorithm based on a divide and conquer approach. Choosing the dividing element at random is a good strategy to avoid bad worst-case runtime.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง”

    Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น

    จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ

    ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้

    ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro

    ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก
    ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้
    CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz
    RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz
    SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม
    รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม
    GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3
    การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0
    GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects
    ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD
    ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer
    ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม.
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง
    Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop

    https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    ⌨️ “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง” Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้ ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก ➡️ ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz ➡️ RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz ➡️ SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม ➡️ รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม ➡️ GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3 ➡️ การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 ➡️ GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects ➡️ ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD ➡️ ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer ➡️ ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม. ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง ➡️ Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • “Markov Chains: ต้นกำเนิดของโมเดลภาษา — เมื่อความน่าจะเป็นกลายเป็นเครื่องมือสร้างภาษา”

    ในบทความที่เขียนโดย Elijah Potter นักเรียนมัธยมปลายผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม ได้ย้อนกลับไปสำรวจรากฐานของโมเดลภาษา (Language Models) ผ่านมุมมองของ Markov Chains ซึ่งเป็นระบบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์แบบสุ่ม โดยอิงจากสถานะก่อนหน้าเพียงหนึ่งขั้นตอน

    Potter เริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับวงจรความรู้สึกต่อ AI ตั้งแต่ความตื่นเต้น ความผิดหวัง ความสับสน จนถึงความเบื่อหน่าย และนำไปสู่ความตั้งใจที่จะ “กลับไปสู่รากฐาน” ด้วยการศึกษาระบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง Markov Chains

    เขาอธิบายหลักการของ Markov Chains ผ่านตัวอย่างของ Alice ที่อยู่ระหว่างร้านขายของชำและท้องฟ้าจำลอง โดยใช้ตารางความน่าจะเป็นในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของเธอในแต่ละชั่วโมง ซึ่งสามารถแปลงเป็น matrix และ vector เพื่อคำนวณสถานะในอนาคตได้อย่างแม่นยำ

    จากนั้น Potter นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับการสร้างระบบ autocomplete โดยใช้ภาษา Rust และ WebAssembly ในการสร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่าง แล้วใช้ matrix multiplication เพื่อคาดการณ์คำถัดไปที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด

    เขายังพูดถึงข้อจำกัดของ Markov Chains ในการสร้างข้อความแบบต่อเนื่อง เพราะระบบจะมีแนวโน้มเข้าสู่ “steady state” หรือสถานะคงที่เมื่อรันไปนาน ๆ ทำให้ข้อความที่สร้างออกมาดูซ้ำซากและคาดเดาได้ง่าย จึงเสนอวิธีการสุ่มแบบใหม่โดยใช้ matrix R ที่มีค่าบนเส้นทแยงมุมเป็นตัวเลขสุ่ม เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเลือกคำ

    บทความนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสาธิตเชิงเทคนิค แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่พึ่งพา “เวทมนตร์ของ AI” ที่หลายคนรู้สึกว่าเข้าใจยากและควบคุมไม่ได้

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Elijah Potter ใช้ Markov Chains เพื่อสร้างระบบ autocomplete ด้วย Rust และ WebAssembly
    อธิบายหลักการผ่านตัวอย่าง Alice ที่เคลื่อนที่ระหว่างสถานที่ด้วยความน่าจะเป็น
    ใช้ matrix และ vector ในการคำนวณสถานะในอนาคต
    สร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่างเพื่อคาดการณ์คำถัดไป
    ระบบสามารถเลือกคำถัดไปโดยใช้ matrix multiplication
    เสนอวิธีสุ่มคำถัดไปโดยใช้ matrix R เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ steady state
    บทความสะท้อนความตั้งใจในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างโปร่งใสและควบคุมได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Markov Chains ถูกคิดค้นโดย Andrey Markov ในศตวรรษที่ 20 เพื่อศึกษาลำดับเหตุการณ์แบบสุ่ม
    โมเดลภาษาในยุคแรก เช่น Shannon’s bigram model ก็ใช้แนวคิดคล้าย Markov
    โมเดล GPT และ Transformer ใช้บริบทหลายคำ ไม่ใช่แค่คำก่อนหน้าเดียวแบบ Markov
    Steady state ใน Markov Chains คือสถานะที่ความน่าจะเป็นไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อรันไปนาน ๆ
    การใช้ matrix multiplication ในการคำนวณความน่าจะเป็นเป็นพื้นฐานของหลายระบบ AI

    https://elijahpotter.dev/articles/markov_chains_are_the_original_language_models
    🔁 “Markov Chains: ต้นกำเนิดของโมเดลภาษา — เมื่อความน่าจะเป็นกลายเป็นเครื่องมือสร้างภาษา” ในบทความที่เขียนโดย Elijah Potter นักเรียนมัธยมปลายผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม ได้ย้อนกลับไปสำรวจรากฐานของโมเดลภาษา (Language Models) ผ่านมุมมองของ Markov Chains ซึ่งเป็นระบบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์แบบสุ่ม โดยอิงจากสถานะก่อนหน้าเพียงหนึ่งขั้นตอน Potter เริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับวงจรความรู้สึกต่อ AI ตั้งแต่ความตื่นเต้น ความผิดหวัง ความสับสน จนถึงความเบื่อหน่าย และนำไปสู่ความตั้งใจที่จะ “กลับไปสู่รากฐาน” ด้วยการศึกษาระบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง Markov Chains เขาอธิบายหลักการของ Markov Chains ผ่านตัวอย่างของ Alice ที่อยู่ระหว่างร้านขายของชำและท้องฟ้าจำลอง โดยใช้ตารางความน่าจะเป็นในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของเธอในแต่ละชั่วโมง ซึ่งสามารถแปลงเป็น matrix และ vector เพื่อคำนวณสถานะในอนาคตได้อย่างแม่นยำ จากนั้น Potter นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับการสร้างระบบ autocomplete โดยใช้ภาษา Rust และ WebAssembly ในการสร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่าง แล้วใช้ matrix multiplication เพื่อคาดการณ์คำถัดไปที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด เขายังพูดถึงข้อจำกัดของ Markov Chains ในการสร้างข้อความแบบต่อเนื่อง เพราะระบบจะมีแนวโน้มเข้าสู่ “steady state” หรือสถานะคงที่เมื่อรันไปนาน ๆ ทำให้ข้อความที่สร้างออกมาดูซ้ำซากและคาดเดาได้ง่าย จึงเสนอวิธีการสุ่มแบบใหม่โดยใช้ matrix R ที่มีค่าบนเส้นทแยงมุมเป็นตัวเลขสุ่ม เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเลือกคำ บทความนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสาธิตเชิงเทคนิค แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่พึ่งพา “เวทมนตร์ของ AI” ที่หลายคนรู้สึกว่าเข้าใจยากและควบคุมไม่ได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Elijah Potter ใช้ Markov Chains เพื่อสร้างระบบ autocomplete ด้วย Rust และ WebAssembly ➡️ อธิบายหลักการผ่านตัวอย่าง Alice ที่เคลื่อนที่ระหว่างสถานที่ด้วยความน่าจะเป็น ➡️ ใช้ matrix และ vector ในการคำนวณสถานะในอนาคต ➡️ สร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่างเพื่อคาดการณ์คำถัดไป ➡️ ระบบสามารถเลือกคำถัดไปโดยใช้ matrix multiplication ➡️ เสนอวิธีสุ่มคำถัดไปโดยใช้ matrix R เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ steady state ➡️ บทความสะท้อนความตั้งใจในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างโปร่งใสและควบคุมได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Markov Chains ถูกคิดค้นโดย Andrey Markov ในศตวรรษที่ 20 เพื่อศึกษาลำดับเหตุการณ์แบบสุ่ม ➡️ โมเดลภาษาในยุคแรก เช่น Shannon’s bigram model ก็ใช้แนวคิดคล้าย Markov ➡️ โมเดล GPT และ Transformer ใช้บริบทหลายคำ ไม่ใช่แค่คำก่อนหน้าเดียวแบบ Markov ➡️ Steady state ใน Markov Chains คือสถานะที่ความน่าจะเป็นไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อรันไปนาน ๆ ➡️ การใช้ matrix multiplication ในการคำนวณความน่าจะเป็นเป็นพื้นฐานของหลายระบบ AI https://elijahpotter.dev/articles/markov_chains_are_the_original_language_models
    ELIJAHPOTTER.DEV
    Markov Chains Are the Original Language Models
    Back in my day, we used math for autocomplete.
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews
  • น้ำไม่ถึงคอ ผอ.ไม่สั่งปิด : [News story]

    ฝนตกหนักน้ำเอ่อท่วมห้องเรียน แต่นักเรียนต้องสอบให้เสร็จ สู้ชีวิตมาก
    น้ำไม่ถึงคอ ผอ.ไม่สั่งปิด : [News story] ฝนตกหนักน้ำเอ่อท่วมห้องเรียน แต่นักเรียนต้องสอบให้เสร็จ สู้ชีวิตมาก
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 229 Views 0 0 Reviews
  • TikTokQms. #นักเรียนนายสิบทหารบก #สนุกได้นะเรา #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    😍😍TikTokQms. #นักเรียนนายสิบทหารบก #สนุกได้นะเรา #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 15 ช๊อกโกแลตมีประกัน (ตอนจบ)

    ฝูงชนออกมาตามถนนมากขึ้นทุกวัน ความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน มือปืนซุ่มยิงเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งขึ้นทุกวัน แล้ววันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ที่ Maiden Square ก็เหมือนเป็นสนามรบ ตำรวจปราบจราจลไม่สามารถทำอะไรได้มาก หัวหน้าฝ่ายค้าน Vitali Klitschko ซึ่งมาร่วมประชุมวันก่อนกับสหภาพยุโรป บอกขอยกเลิกข้อตกลงที่คุยกันไว้ โดยไม่ให้เหตุผล ส่วนนาย Yanukovich หายตัวไปจากเมือง Kiev !

    ใครเป็นคนเริ่มการซุ่มยิง ข่าววงในหลุดมาจากมือเก๋า ของหน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา ว่า พวกซุ่มยิงหรือพวกแม่นปืน (sniper) มาจากองค์กรพวกขวาจัดของ Ukraine National Assembly – Ukanian People’s Self-Defense (UNA-UNSO)

    หัวหน้าของ UNA-UNSO คือนาย Andriy Shkil ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ให้แก่คุณนายหางเปีย Tymoshenko มากว่า 10 ปี ! ตลอดเวลาที่อเมริกาเล่นละเลงสี ส้ม ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2004 เพื่อหนุน Ukraine ให้เข้า NATO และชักใย นาย Viktor Yuskchenko สู้กับฝ่ายหนุนรัสเซียนั้น ข่าวบอกว่า UNA-UNSO ทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มครองความปลอดภัย ให้คุณนายหางเปียและคุณหุ่น Yushchenko

    ข่าวว่า UNA_UNSO มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวก the German National Democratic Party (NDP) ของเยอรมัน
    ตั้งแต่สหภาพโซเวียต ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 สมาชิกที่มารวมตัวเป็นกลุ่ม UNA-UNSO มักอยู่เบื้องหลังการต่อต้านรัสเซียเกือบทุกรายการ แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงของอเมริการะบุว่า พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “GLADIO” ซึ่งเป็นองค์กรลับภายใต้การดูแลของ NATO และไม่ใช่พวก Ukraine รักชาติ อย่างที่พวกสื่อตะวันตกเอาไปลงกัน

    แหล่งข่าวเดียวกันนี้ ยืนยันว่า UNA-UNSO มีส่วนเกี่ยวข้อง (โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ตั้งแต่เหตุการณ์ใน Lithunia เมื่อปี ค.ศ. 1991, Pridnister Republic 1992, anti Moscow Abkhazia War 1993, Chechen War, the US-organized Kosovo Campaign Against the Serbs และ Aug 8 2008 war in Georgia รายงานบอกว่า UNA-UNSO เกี่ยวข้องกับงานสกปรกของ NATO ทุกรายการตั้งแต่เลิกสงครามเย็นเป็นต้นมา โดยเป็นการทำงานในนามของ NATO และโยนให้รัสเซียเป็นแพะ โดยกลุ่มพวกนี้อ้างตัวว่า เป็นหน่วยงานพิเศษของรัสเซีย Russian special Forces

    ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า UNA-UNSO ไม่ใช่ชาว Ukraine แต่เป็นหน่วยงานลับสูงสุดของ NATO โดยใช้ Ukraine เป็นฐาน ก็น่าคิดว่าการพยายาม เจรจาประนีประนอมของสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ Kiev โดยไม่เชิญตัวเล่นสำคัญไปร่วมด้วย เหตุการรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ ก็น่าจะถูกวางยาให้การแอบเจรจา ล่มเละเรียบร้อย เป็นการสั่งสอน

    แต่อย่างว่า สหภาพยุโรปไม่มี NATO ก็เหมือนเต่าไม่มีกระดอง NATO ไม่มีอเมริกา ก็เหมือนเต่าตาบอด แถมไม่มีผักบุ้งให้กิน มันจะแตกกันจริงหรือ ร้าวอาจจะมี แต่เพื่อเป้าหมายเดียวกัน มันก็รวมตัวกันเล่นละครต่อไปได้น่า

    ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานาธิ บดี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2014 นี้เอง ประธานาธิบดี Petro Poroshenko เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ก็แอบมีนัดกับคณะผู้แทน ที่นำโดยผู้อำนวยการของ National Service of Covert Operations (หรือ CIA National Clandestine Service) ชื่อนาย Frank Archibald รวมทั้ง นาย Jeffery Egan อดีตหัวหน้า CIA ประจำ Ukraine และนาย Raymond Mark Davidson หัวหน้า CIA ประจำ Ukraine คนปัจจุบัน, นาย Mark Buggy (CIA Istanbul) Andrzei Derlatka (CIA Polish intelligence Agency) และนาย Kevin Duffin เจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทประกันภัย ชื่อ Brower
    แล้วประธานาธิบดี Poroshenko และนาย Archibald ก็ได้ลงนามในสัญญา ชื่อ “Agreement on Military Cooperation between U.S and Ukraine”

    เห็นรายชื่อและตำแหน่งของคณะผู้แทนของอเมริกา ที่เข้าพบประธานาธิบดีครั้งนี้ น่าสงสัย ว่าจะลับ ลวงหลอก หรือไง แต่เซียนแบบเรา ๆ (ฮา) ก็พอจะเดากันได้ ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยหรอก ที่สภาสูงจะอนุมัติ ให้อเมริกาให้ความร่วมมือทางทหาร โดยตรงกับ Ukraine ด้วยการส่งทหารไปทำการฝึกและเข้าร่วมการรบใน Ukraine มันก็เลยต้องเล่นกลกันหน่อย ใช้ให้บริษัทประกันภัย Brower ซึ่งเป็นของ CIA ออกหน้าแทน เรื่องแบบนี้ มันงานถนัดอยู่แล้ว ก็จัดการไม่ยาก และไม่เป็นข่าวมากนัก ขืนทำตรงไปตรงมา โป๊ตายชัก โลกรู้หมดว่า กำลังอะไร เอาน่าถึงโลกจะรู้แล้ว แต่อย่าให้ถึงกับเป็นข่าวว่อนเน็ตเลย

    นอกจากลงนาม เกี่ยวกับความร่วมมือทางการทหาร กับบริษัทประกัน Brower แล้ว (จัดฉากได้ห่วยแตกจริง ๆ ) รัฐบาลใหม่ของ Ukraine ยังลงนามในสัญญา เพื่อรื้อฟื้นความร่วมมือของ LITPOLUKRBRIG (the Lithuanian – Polish – Brigade) ซึ่งเป็นการรวมมือหน่วยรบของกองกำลัง 3 ประเทศ อีกด้วย

    นาย Sergei Lavrov รมต. กระทรวงต่างประเทศรัสเซียบอกว่า มันง่ายมากสำหรับอเมริกา ที่จะกล่าวหาประเทศเขา เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปรกติใดเกิดขึ้นใน Ukraine และบอกว่ารัสเซียต้องเป็นฝ่ายแก้ไข เขาบอกว่าขณะที่ ฝั่งตะวันออกและทางใต้ของ Ukraine ต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ที่ Kiev ไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของ Kremlin มันน่าจะอธิบายให้เห็นสัมพันธ์ของรัฐบาลใน Kiev กับอเมริกาแล้วนะ

    ขณะเดี่ยวกับนายพล Rasmussen เลขาธิการ NATO บอกว่าแผนของ NATO ที่จะขยายไปทางตะวันออก ยังเดินหน้าต่อไป

    “NATO กำลังใช้วิกฤติการณ์ใน Ukraine เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำสงคราม และอเมริกาได้ตกลงแล้ว ที่จะตั้งฐานทัพที่ยุโรปตะวันออก” ศจ. Francis Boyle จาก Harvard ซึ่งเป็นผู้ชำนาญ ด้านรัสเซียกล่าว

    เขาบอกต่อไปว่า วิกฤติการณ์ใน Ukraine ได้ถูกวางแผนให้เป็นสงคราม นี่มันเป็นแผนการรบ มันเป็นบทเริ่มสำหรับให้ NATO ใช้กำลังทหาร ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก เพื่อให้เข้าไปถึงรัสเซีย มันชัดเจนว่า NATO กำลังเดินเส้นทางนั้น
    ในวันกล่าวสุนทรพจน์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย Poroshenko เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2014 นี้เอง เขาได้กล่าว โดยสรุปว่า เขาพยายามจะใช้นโยบายการฑูต เพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคง และใช้กองทัพในกรณีที่ประเทศของเขา (Ukraine) ถูกข่มขู่ด้านอธิปไตยทางเขตแดน และผู้ใดที่รุกรานเขตแดนของ Ukraine โปรดจำไว้ด้วยว่า ใครมาด้วยดาบ ก็จะต้องแพ้ไปด้วยคมดาบ เช่นเดียวกัน ช็อกโกแลตชักไม่หวานเสียแล้ว

    ขณะเดียวกัน NATO ก็กำลังใช้กรณีของ Ukraine เป็นใบเบิกเงิน เงินค่าสมาชิก NATO เช่นเดียวกัน เรื่องนี้นาย Obama รีบทำหน้าใหญ่ บอกอเมริกาพร้อมที่จะควักกระเป๋า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มกองกำลังสำหรับยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะ แหม รวยจัง เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลบ้านตัวเองจ่ายเขาครบหรือยัง

    อันที่จริง นาย Obama ต้องการจะขอให้สภาสูงให้ blank cheque แก่เขาจำนวน 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ ไปใช้สำหรับการรบในต่างประเทศ และโดยไม่นับรวมอยู่ในงบประมาณกลาโหม ยังไม่มีข่าวว่าสภาสูง อนุมัติหรือยัง

    เรื่องสภาสูงเป็นเรื่องนึง แต่เรื่องออกข่าวเกทับเป็นอีกเรื่องนึง

    ในการกล่าวสุนทรพจน์กับนักเรียน นายร้อย West Point ในวันจบหลักสูตร ประธานาธิบดี Obama ทำหน้าเข้ม (จริง ๆ ก็เข้มอยู่แล้ว ฮา) บอกว่าอเมริกายังจะเป็นผู้นำของโลกไปอีกหลายร้อยปี กองทัพของเรายังไม่มี
    ใครหน้าไหน ในโลกนี้มาทาบรัศมีได้ ใครที่บอกเป็นอย่างอื่น หรือบอกว่า อเมริกากำลังตกต่ำ เตี้ยลง เตี้ยลง หรือความเป็นผู้นำของ เรากำลังจะจางหายไป คิดใหม่นะ โอกาสที่ใครจะมาเทียบเรา แทบไม่มีเลย ไม่มีทางเฉียดเลยด้วยซ้ำ … อเมริกากำลังพูดกับใครกันแน่

    ในการประชุมขององค์กร Bilderberg องค์กรลับสุดยอดของโลก ครั้งที่ 62 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน คศ 2014 ที่กรุง Copenhagen, Denmark มีข่าวรั่วออกมาว่าประเด็นเรื่อง Ukraine เป็นวาระสำคัญและลับสุด ที่ประชุมหารือ ถึงการดำเนินการร่วมกัน ของอเมริกากับสหภาพยุโรป ในกรณีที่กองทัพของรัสเซียจะบุกเข้า Ukraine และความพร้อมของฝ่ายตะวันตกในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 15 ช๊อกโกแลตมีประกัน (ตอนจบ) ฝูงชนออกมาตามถนนมากขึ้นทุกวัน ความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน มือปืนซุ่มยิงเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งขึ้นทุกวัน แล้ววันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ที่ Maiden Square ก็เหมือนเป็นสนามรบ ตำรวจปราบจราจลไม่สามารถทำอะไรได้มาก หัวหน้าฝ่ายค้าน Vitali Klitschko ซึ่งมาร่วมประชุมวันก่อนกับสหภาพยุโรป บอกขอยกเลิกข้อตกลงที่คุยกันไว้ โดยไม่ให้เหตุผล ส่วนนาย Yanukovich หายตัวไปจากเมือง Kiev ! ใครเป็นคนเริ่มการซุ่มยิง ข่าววงในหลุดมาจากมือเก๋า ของหน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา ว่า พวกซุ่มยิงหรือพวกแม่นปืน (sniper) มาจากองค์กรพวกขวาจัดของ Ukraine National Assembly – Ukanian People’s Self-Defense (UNA-UNSO) หัวหน้าของ UNA-UNSO คือนาย Andriy Shkil ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ให้แก่คุณนายหางเปีย Tymoshenko มากว่า 10 ปี ! ตลอดเวลาที่อเมริกาเล่นละเลงสี ส้ม ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2004 เพื่อหนุน Ukraine ให้เข้า NATO และชักใย นาย Viktor Yuskchenko สู้กับฝ่ายหนุนรัสเซียนั้น ข่าวบอกว่า UNA-UNSO ทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มครองความปลอดภัย ให้คุณนายหางเปียและคุณหุ่น Yushchenko ข่าวว่า UNA_UNSO มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวก the German National Democratic Party (NDP) ของเยอรมัน ตั้งแต่สหภาพโซเวียต ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 สมาชิกที่มารวมตัวเป็นกลุ่ม UNA-UNSO มักอยู่เบื้องหลังการต่อต้านรัสเซียเกือบทุกรายการ แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงของอเมริการะบุว่า พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “GLADIO” ซึ่งเป็นองค์กรลับภายใต้การดูแลของ NATO และไม่ใช่พวก Ukraine รักชาติ อย่างที่พวกสื่อตะวันตกเอาไปลงกัน แหล่งข่าวเดียวกันนี้ ยืนยันว่า UNA-UNSO มีส่วนเกี่ยวข้อง (โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ตั้งแต่เหตุการณ์ใน Lithunia เมื่อปี ค.ศ. 1991, Pridnister Republic 1992, anti Moscow Abkhazia War 1993, Chechen War, the US-organized Kosovo Campaign Against the Serbs และ Aug 8 2008 war in Georgia รายงานบอกว่า UNA-UNSO เกี่ยวข้องกับงานสกปรกของ NATO ทุกรายการตั้งแต่เลิกสงครามเย็นเป็นต้นมา โดยเป็นการทำงานในนามของ NATO และโยนให้รัสเซียเป็นแพะ โดยกลุ่มพวกนี้อ้างตัวว่า เป็นหน่วยงานพิเศษของรัสเซีย Russian special Forces ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า UNA-UNSO ไม่ใช่ชาว Ukraine แต่เป็นหน่วยงานลับสูงสุดของ NATO โดยใช้ Ukraine เป็นฐาน ก็น่าคิดว่าการพยายาม เจรจาประนีประนอมของสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ Kiev โดยไม่เชิญตัวเล่นสำคัญไปร่วมด้วย เหตุการรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ ก็น่าจะถูกวางยาให้การแอบเจรจา ล่มเละเรียบร้อย เป็นการสั่งสอน แต่อย่างว่า สหภาพยุโรปไม่มี NATO ก็เหมือนเต่าไม่มีกระดอง NATO ไม่มีอเมริกา ก็เหมือนเต่าตาบอด แถมไม่มีผักบุ้งให้กิน มันจะแตกกันจริงหรือ ร้าวอาจจะมี แต่เพื่อเป้าหมายเดียวกัน มันก็รวมตัวกันเล่นละครต่อไปได้น่า ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานาธิ บดี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2014 นี้เอง ประธานาธิบดี Petro Poroshenko เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ก็แอบมีนัดกับคณะผู้แทน ที่นำโดยผู้อำนวยการของ National Service of Covert Operations (หรือ CIA National Clandestine Service) ชื่อนาย Frank Archibald รวมทั้ง นาย Jeffery Egan อดีตหัวหน้า CIA ประจำ Ukraine และนาย Raymond Mark Davidson หัวหน้า CIA ประจำ Ukraine คนปัจจุบัน, นาย Mark Buggy (CIA Istanbul) Andrzei Derlatka (CIA Polish intelligence Agency) และนาย Kevin Duffin เจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทประกันภัย ชื่อ Brower แล้วประธานาธิบดี Poroshenko และนาย Archibald ก็ได้ลงนามในสัญญา ชื่อ “Agreement on Military Cooperation between U.S and Ukraine” เห็นรายชื่อและตำแหน่งของคณะผู้แทนของอเมริกา ที่เข้าพบประธานาธิบดีครั้งนี้ น่าสงสัย ว่าจะลับ ลวงหลอก หรือไง แต่เซียนแบบเรา ๆ (ฮา) ก็พอจะเดากันได้ ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยหรอก ที่สภาสูงจะอนุมัติ ให้อเมริกาให้ความร่วมมือทางทหาร โดยตรงกับ Ukraine ด้วยการส่งทหารไปทำการฝึกและเข้าร่วมการรบใน Ukraine มันก็เลยต้องเล่นกลกันหน่อย ใช้ให้บริษัทประกันภัย Brower ซึ่งเป็นของ CIA ออกหน้าแทน เรื่องแบบนี้ มันงานถนัดอยู่แล้ว ก็จัดการไม่ยาก และไม่เป็นข่าวมากนัก ขืนทำตรงไปตรงมา โป๊ตายชัก โลกรู้หมดว่า กำลังอะไร เอาน่าถึงโลกจะรู้แล้ว แต่อย่าให้ถึงกับเป็นข่าวว่อนเน็ตเลย นอกจากลงนาม เกี่ยวกับความร่วมมือทางการทหาร กับบริษัทประกัน Brower แล้ว (จัดฉากได้ห่วยแตกจริง ๆ ) รัฐบาลใหม่ของ Ukraine ยังลงนามในสัญญา เพื่อรื้อฟื้นความร่วมมือของ LITPOLUKRBRIG (the Lithuanian – Polish – Brigade) ซึ่งเป็นการรวมมือหน่วยรบของกองกำลัง 3 ประเทศ อีกด้วย นาย Sergei Lavrov รมต. กระทรวงต่างประเทศรัสเซียบอกว่า มันง่ายมากสำหรับอเมริกา ที่จะกล่าวหาประเทศเขา เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปรกติใดเกิดขึ้นใน Ukraine และบอกว่ารัสเซียต้องเป็นฝ่ายแก้ไข เขาบอกว่าขณะที่ ฝั่งตะวันออกและทางใต้ของ Ukraine ต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ที่ Kiev ไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของ Kremlin มันน่าจะอธิบายให้เห็นสัมพันธ์ของรัฐบาลใน Kiev กับอเมริกาแล้วนะ ขณะเดี่ยวกับนายพล Rasmussen เลขาธิการ NATO บอกว่าแผนของ NATO ที่จะขยายไปทางตะวันออก ยังเดินหน้าต่อไป “NATO กำลังใช้วิกฤติการณ์ใน Ukraine เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำสงคราม และอเมริกาได้ตกลงแล้ว ที่จะตั้งฐานทัพที่ยุโรปตะวันออก” ศจ. Francis Boyle จาก Harvard ซึ่งเป็นผู้ชำนาญ ด้านรัสเซียกล่าว เขาบอกต่อไปว่า วิกฤติการณ์ใน Ukraine ได้ถูกวางแผนให้เป็นสงคราม นี่มันเป็นแผนการรบ มันเป็นบทเริ่มสำหรับให้ NATO ใช้กำลังทหาร ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก เพื่อให้เข้าไปถึงรัสเซีย มันชัดเจนว่า NATO กำลังเดินเส้นทางนั้น ในวันกล่าวสุนทรพจน์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย Poroshenko เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2014 นี้เอง เขาได้กล่าว โดยสรุปว่า เขาพยายามจะใช้นโยบายการฑูต เพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคง และใช้กองทัพในกรณีที่ประเทศของเขา (Ukraine) ถูกข่มขู่ด้านอธิปไตยทางเขตแดน และผู้ใดที่รุกรานเขตแดนของ Ukraine โปรดจำไว้ด้วยว่า ใครมาด้วยดาบ ก็จะต้องแพ้ไปด้วยคมดาบ เช่นเดียวกัน ช็อกโกแลตชักไม่หวานเสียแล้ว ขณะเดียวกัน NATO ก็กำลังใช้กรณีของ Ukraine เป็นใบเบิกเงิน เงินค่าสมาชิก NATO เช่นเดียวกัน เรื่องนี้นาย Obama รีบทำหน้าใหญ่ บอกอเมริกาพร้อมที่จะควักกระเป๋า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มกองกำลังสำหรับยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะ แหม รวยจัง เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลบ้านตัวเองจ่ายเขาครบหรือยัง อันที่จริง นาย Obama ต้องการจะขอให้สภาสูงให้ blank cheque แก่เขาจำนวน 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ ไปใช้สำหรับการรบในต่างประเทศ และโดยไม่นับรวมอยู่ในงบประมาณกลาโหม ยังไม่มีข่าวว่าสภาสูง อนุมัติหรือยัง เรื่องสภาสูงเป็นเรื่องนึง แต่เรื่องออกข่าวเกทับเป็นอีกเรื่องนึง ในการกล่าวสุนทรพจน์กับนักเรียน นายร้อย West Point ในวันจบหลักสูตร ประธานาธิบดี Obama ทำหน้าเข้ม (จริง ๆ ก็เข้มอยู่แล้ว ฮา) บอกว่าอเมริกายังจะเป็นผู้นำของโลกไปอีกหลายร้อยปี กองทัพของเรายังไม่มี ใครหน้าไหน ในโลกนี้มาทาบรัศมีได้ ใครที่บอกเป็นอย่างอื่น หรือบอกว่า อเมริกากำลังตกต่ำ เตี้ยลง เตี้ยลง หรือความเป็นผู้นำของ เรากำลังจะจางหายไป คิดใหม่นะ โอกาสที่ใครจะมาเทียบเรา แทบไม่มีเลย ไม่มีทางเฉียดเลยด้วยซ้ำ … อเมริกากำลังพูดกับใครกันแน่ ในการประชุมขององค์กร Bilderberg องค์กรลับสุดยอดของโลก ครั้งที่ 62 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน คศ 2014 ที่กรุง Copenhagen, Denmark มีข่าวรั่วออกมาว่าประเด็นเรื่อง Ukraine เป็นวาระสำคัญและลับสุด ที่ประชุมหารือ ถึงการดำเนินการร่วมกัน ของอเมริกากับสหภาพยุโรป ในกรณีที่กองทัพของรัสเซียจะบุกเข้า Ukraine และความพร้อมของฝ่ายตะวันตกในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ

    หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป

    ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร

    แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์

    #Newskit
    ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์ #Newskit
    1 Comments 0 Shares 494 Views 0 Reviews
  • “Learn Your Way: Google ปฏิวัติหนังสือเรียนด้วย AI — เปลี่ยนเนื้อหาคงที่ให้กลายเป็นประสบการณ์เรียนรู้เฉพาะตัว”

    Google Research เปิดตัวโครงการ “Learn Your Way” ซึ่งเป็นการทดลองใช้ Generative AI เพื่อเปลี่ยนหนังสือเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ปรับแต่งได้ตามผู้เรียนแต่ละคน โดยใช้โมเดล LearnLM ที่ฝังหลักการด้านการเรียนรู้ไว้โดยตรง และผสานเข้ากับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบจากต้นฉบับเดียวกัน เช่น แผนภาพความคิด, สไลด์พร้อมเสียงบรรยาย, บทเรียนเสียง, แบบทดสอบ และข้อความเชิงโต้ตอบ

    แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการ “dual coding theory” ที่ระบุว่าการเชื่อมโยงข้อมูลในหลายรูปแบบจะช่วยสร้างโครงสร้างความเข้าใจที่แข็งแรงขึ้นในสมอง โดย Learn Your Way ให้ผู้เรียนเลือกระดับชั้นและความสนใจ เช่น กีฬา ดนตรี หรืออาหาร จากนั้นระบบจะปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจ พร้อมแทนตัวอย่างทั่วไปด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ

    ผลการทดลองกับนักเรียน 60 คนในชิคาโกพบว่า กลุ่มที่ใช้ Learn Your Way มีคะแนนการจดจำเนื้อหาในระยะยาวสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ PDF ปกติถึง 11% และ 93% ของผู้เรียนกล่าวว่าต้องการใช้เครื่องมือนี้ในการเรียนครั้งต่อไป

    Google ยังพัฒนาโมเดลเฉพาะสำหรับสร้างภาพประกอบการเรียนรู้ เนื่องจากโมเดลภาพทั่วไปยังไม่สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างแม่นยำ โดยใช้กระบวนการหลายขั้นตอนร่วมกับ AI agent เฉพาะทาง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Learn Your Way เป็นโครงการทดลองจาก Google ที่ใช้ GenAI ปรับเนื้อหาหนังสือเรียนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
    ใช้โมเดล LearnLM ผสานกับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ
    ผู้เรียนสามารถเลือกระดับชั้นและความสนใจเพื่อให้ระบบปรับเนื้อหาให้ตรงกับตน
    ผลการทดลองพบว่าผู้ใช้ Learn Your Way มีคะแนนจดจำเนื้อหาสูงกว่ากลุ่มควบคุมถึง 11%

    รูปแบบเนื้อหาที่สร้างได้
    ข้อความเชิงโต้ตอบพร้อมภาพและคำถามฝังในเนื้อหา
    แบบทดสอบรายบทเพื่อประเมินความเข้าใจแบบเรียลไทม์
    สไลด์พร้อมเสียงบรรยายและกิจกรรมเติมคำ
    บทเรียนเสียงจำลองบทสนทนาระหว่างครูและนักเรียน
    แผนภาพความคิดที่สามารถขยายและย่อเพื่อดูภาพรวมและรายละเอียด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หลักการ dual coding theory ถูกใช้ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้มานานกว่า 40 ปี
    OpenStax เป็นผู้ให้เนื้อหาต้นฉบับสำหรับการทดลอง Learn Your Way
    การปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้
    การใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลเริ่มเป็นมาตรฐานใน K-12 ทั่วโลก

    https://research.google/blog/learn-your-way-reimagining-textbooks-with-generative-ai/
    📚 “Learn Your Way: Google ปฏิวัติหนังสือเรียนด้วย AI — เปลี่ยนเนื้อหาคงที่ให้กลายเป็นประสบการณ์เรียนรู้เฉพาะตัว” Google Research เปิดตัวโครงการ “Learn Your Way” ซึ่งเป็นการทดลองใช้ Generative AI เพื่อเปลี่ยนหนังสือเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ปรับแต่งได้ตามผู้เรียนแต่ละคน โดยใช้โมเดล LearnLM ที่ฝังหลักการด้านการเรียนรู้ไว้โดยตรง และผสานเข้ากับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบจากต้นฉบับเดียวกัน เช่น แผนภาพความคิด, สไลด์พร้อมเสียงบรรยาย, บทเรียนเสียง, แบบทดสอบ และข้อความเชิงโต้ตอบ แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการ “dual coding theory” ที่ระบุว่าการเชื่อมโยงข้อมูลในหลายรูปแบบจะช่วยสร้างโครงสร้างความเข้าใจที่แข็งแรงขึ้นในสมอง โดย Learn Your Way ให้ผู้เรียนเลือกระดับชั้นและความสนใจ เช่น กีฬา ดนตรี หรืออาหาร จากนั้นระบบจะปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจ พร้อมแทนตัวอย่างทั่วไปด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ ผลการทดลองกับนักเรียน 60 คนในชิคาโกพบว่า กลุ่มที่ใช้ Learn Your Way มีคะแนนการจดจำเนื้อหาในระยะยาวสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ PDF ปกติถึง 11% และ 93% ของผู้เรียนกล่าวว่าต้องการใช้เครื่องมือนี้ในการเรียนครั้งต่อไป Google ยังพัฒนาโมเดลเฉพาะสำหรับสร้างภาพประกอบการเรียนรู้ เนื่องจากโมเดลภาพทั่วไปยังไม่สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างแม่นยำ โดยใช้กระบวนการหลายขั้นตอนร่วมกับ AI agent เฉพาะทาง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Learn Your Way เป็นโครงการทดลองจาก Google ที่ใช้ GenAI ปรับเนื้อหาหนังสือเรียนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ➡️ ใช้โมเดล LearnLM ผสานกับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ ➡️ ผู้เรียนสามารถเลือกระดับชั้นและความสนใจเพื่อให้ระบบปรับเนื้อหาให้ตรงกับตน ➡️ ผลการทดลองพบว่าผู้ใช้ Learn Your Way มีคะแนนจดจำเนื้อหาสูงกว่ากลุ่มควบคุมถึง 11% ✅ รูปแบบเนื้อหาที่สร้างได้ ➡️ ข้อความเชิงโต้ตอบพร้อมภาพและคำถามฝังในเนื้อหา ➡️ แบบทดสอบรายบทเพื่อประเมินความเข้าใจแบบเรียลไทม์ ➡️ สไลด์พร้อมเสียงบรรยายและกิจกรรมเติมคำ ➡️ บทเรียนเสียงจำลองบทสนทนาระหว่างครูและนักเรียน ➡️ แผนภาพความคิดที่สามารถขยายและย่อเพื่อดูภาพรวมและรายละเอียด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หลักการ dual coding theory ถูกใช้ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้มานานกว่า 40 ปี ➡️ OpenStax เป็นผู้ให้เนื้อหาต้นฉบับสำหรับการทดลอง Learn Your Way ➡️ การปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ ➡️ การใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลเริ่มเป็นมาตรฐานใน K-12 ทั่วโลก https://research.google/blog/learn-your-way-reimagining-textbooks-with-generative-ai/
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส และ ภริยา "บริจิตต์ มาครง" (Brigitte Macron) เตรียมควงคู่กันส่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริจิตต์ เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย
    .
    คู่รักประธานาธิบดีได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทแคนเดซ โอเวนส์ (Candace Owens) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังจากที่เธอเผยแพร่ความเชื่อของตนที่ว่าบริจิตต์เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บริจิตต์เสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับความเห็นดังกล่าว
    .
    ทอม แคลร์ (Tom Clare) ทนายความของบริจิตต์และมาครง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ BBC เรื่อง "Fame Under Fire" ว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริจิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แคนเดซ โอเวนส์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสายอนุรักษ์นิยม กล่าวหา่ บริจิตต์ มาครง ภริยาของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ว่า “เป็นผู้ชาย” อย่างแน่นอน โดยเธอกล้าเดิมพันด้วย “ชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมด” ของเธอเลยทีเดียว
    .
    "บริจิตต์ มาครง" มีชื่อเต็มว่า "บริจิตต์ มารี-โคลด ทรอญอซ์ (Brigitte Marie-Claude Trogneux) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1953

    สำหรับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน พบกับ "บริจิตต์ มาครง" ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองอาเมียง (Amiens) ประเทศฝรั่งเศส

    ในตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ 40 ปี และเป็นครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการละครอยู่ที่โรงเรียน La Providence ส่วน เอ็มมานูเอล มาครง เป็นนักเรียนมัธยมอายุ 15 ปี มาเรียนการแสดงกับเธอ ต่อมาได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมอยู่มากก็ตาม จนในที่สุดทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2007


    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส และ ภริยา "บริจิตต์ มาครง" (Brigitte Macron) เตรียมควงคู่กันส่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริจิตต์ เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย . คู่รักประธานาธิบดีได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทแคนเดซ โอเวนส์ (Candace Owens) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังจากที่เธอเผยแพร่ความเชื่อของตนที่ว่าบริจิตต์เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บริจิตต์เสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับความเห็นดังกล่าว . ทอม แคลร์ (Tom Clare) ทนายความของบริจิตต์และมาครง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ BBC เรื่อง "Fame Under Fire" ว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริจิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง . ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แคนเดซ โอเวนส์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสายอนุรักษ์นิยม กล่าวหา่ บริจิตต์ มาครง ภริยาของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ว่า “เป็นผู้ชาย” อย่างแน่นอน โดยเธอกล้าเดิมพันด้วย “ชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมด” ของเธอเลยทีเดียว . 👉"บริจิตต์ มาครง" มีชื่อเต็มว่า "บริจิตต์ มารี-โคลด ทรอญอซ์ (Brigitte Marie-Claude Trogneux) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1953 👉สำหรับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน พบกับ "บริจิตต์ มาครง" ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองอาเมียง (Amiens) ประเทศฝรั่งเศส 👉ในตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ 40 ปี และเป็นครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการละครอยู่ที่โรงเรียน La Providence ส่วน เอ็มมานูเอล มาครง เป็นนักเรียนมัธยมอายุ 15 ปี มาเรียนการแสดงกับเธอ ต่อมาได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมอยู่มากก็ตาม จนในที่สุดทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2007
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ

    ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง

    Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ

    OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ

    นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง

    5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming

    1️⃣ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่
    ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน
    ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์
    ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน
    หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent

    2️⃣ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
    ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent
    ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี
    หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม

    3️⃣ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย
    ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป
    คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้
    หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้

    4️⃣ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน
    Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป
    ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง
    AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้
    หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent

    5️⃣ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ
    มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark
    Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ
    ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง
    หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้

    https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    📰 Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง 🧠 5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming ✅ 1️⃣ ✅ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่ ➡️ ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน ➡️ ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์ ➡️ ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน ⛔ หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent ✅ 2️⃣ ✅ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ➡️ ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent ➡️ ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี ⛔ หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม ✅ 3️⃣ ✅ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย ➡️ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป ➡️ คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้ ⛔ หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ 4️⃣ ✅ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน ➡️ Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป ➡️ ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง ➡️ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้ ⛔ หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent ✅ 5️⃣ ✅ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ ➡️ มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark ➡️ Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ ➡️ ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง ⛔ หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้ https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 steps for deploying agentic AI red teaming
    Agentic AI functions like an autonomous operator rather than a system that is why it is important to stress test it with AI-focused red team frameworks.
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • 17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1

    ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก

    อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ?

    อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ?

    อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ

    อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ?

    อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู

    อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้

    ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ

    ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย?

    แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว

    อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ

    อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที)

    อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่

    อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน)

    หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่!

    LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง

    สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ)

    อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย?

    (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน)

    อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ

    อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่

    สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง

    อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้
    2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น
    3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที
    4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ
    5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง
    6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป
    7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ
    8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ
    9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง
    10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว
    11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร.
    12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70
    13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด
    14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ
    15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง

    หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน

    สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ

    อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย

    สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ

    อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง?

    ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ)

    ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย?

    นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ"

    บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที

    ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1 ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ? อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ? อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ? อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่ อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้ ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย? แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่) สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที) อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที) สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่ อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน) หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่! LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ) อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย? (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน) อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่ สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้ 2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น 3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที 4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ 5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง 6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป 7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ 8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ 9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง 10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว 11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร. 12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70 13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด 14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ 15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง? ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ) ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย? นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ" บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 464 Views 0 Reviews
More Results