• “ทักษิณ”ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมยังพล่ามเรื่องเดิมๆ ทั้ง Entertainment Complexและโอ่จะปราบยาบ้าให้สำเร็จเหมือนตอนเป็นนายกเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ไม่วายแขวะรัฐบาลชุดก่อนบริหารประเทศไม่เป็นทำคนไทยยากจน โอ่รัฐบาลนี้บริหารครบเทอมในปี 70 เงินจะเต็มกระเป๋ากันถ้วนหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005557

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทักษิณ”ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมยังพล่ามเรื่องเดิมๆ ทั้ง Entertainment Complexและโอ่จะปราบยาบ้าให้สำเร็จเหมือนตอนเป็นนายกเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ไม่วายแขวะรัฐบาลชุดก่อนบริหารประเทศไม่เป็นทำคนไทยยากจน โอ่รัฐบาลนี้บริหารครบเทอมในปี 70 เงินจะเต็มกระเป๋ากันถ้วนหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005557 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปเต็มจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ รวมอาสาสมัครทุกคน
    ปอย มิสแกรนด์นครพนม
    นิวหยก มิสแกรนด์ขุมพร
    เฟริน มิสแกรรด์ นครสวรรค์
    หนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา
    ฟ้า บาร์บี้ มิสแกรนด์เขียงใหม่
    ครูลิต้า ครูสอนว่ายน้ำนางเงือก
    และนพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ #จำลองเหตุการณ์ #ตกเรือ
    คลิปเต็มจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ รวมอาสาสมัครทุกคน ปอย มิสแกรนด์นครพนม นิวหยก มิสแกรนด์ขุมพร เฟริน มิสแกรรด์ นครสวรรค์ หนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา ฟ้า บาร์บี้ มิสแกรนด์เขียงใหม่ ครูลิต้า ครูสอนว่ายน้ำนางเงือก และนพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ #จำลองเหตุการณ์ #ตกเรือ
    Like
    Love
    33
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1378 มุมมอง 153 0 รีวิว
  • ## Live สด จำลองเหตุการณ์ แตงโมตกน้ำ ##
    ..
    ..
    โดย...
    .
    อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คุณ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์
    นายแพทย์ ธวัชชัย กาญจนรินทร์
    คุณ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล
    .
    ผู้รับบท แตงโม และ แซน
    .
    1.ครูลิต้า วีรินดา อัครวาณิช ครูสอนไหว้น้ำนางเงือก
    2.นิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร 2025
    3.ฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ยา ภคศุภภล มิสแกรนด์เชียงใหม่ 2025
    4.ปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม 2025
    5.เฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสวรรค์ 2025
    6.หนูวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา 2025
    ....
    ....
    "แตงโม" ต้องไดรับความเป็นธรรม "คนชั่ว" ต้องถูกลงโทษ
    ...
    ...
    https://www.facebook.com/share/v/1Q9pLUpcQf/
    ## Live สด จำลองเหตุการณ์ แตงโมตกน้ำ ## .. .. โดย... . อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายแพทย์ ธวัชชัย กาญจนรินทร์ คุณ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล . ผู้รับบท แตงโม และ แซน . 1.ครูลิต้า วีรินดา อัครวาณิช ครูสอนไหว้น้ำนางเงือก 2.นิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร 2025 3.ฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ยา ภคศุภภล มิสแกรนด์เชียงใหม่ 2025 4.ปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม 2025 5.เฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสวรรค์ 2025 6.หนูวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา 2025 .... .... "แตงโม" ต้องไดรับความเป็นธรรม "คนชั่ว" ต้องถูกลงโทษ ... ... https://www.facebook.com/share/v/1Q9pLUpcQf/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.)
    .
    ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่
    1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก.
    5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก.
    .
    โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา
    .
    อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่
    .
    *หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก.
    รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.) . ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่ 1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก. 5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก. . โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา . อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่ . *หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก.
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨เหรียญมะละกอพระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก รุ่นไตรมาส ปี 2517

    หลวงปู่ หรือ พระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม"เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ออกธุดงค์นานกว่า 50 ปี ก่อนไปสร้างวัดป่าสามัคคีธรรมและวัดดอยแม่ปั๋ง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในช่วงบั้นปลายชีวิต ญาติโยมได้นิมนต์หลวงปู่ตื้อกลับสู่มาตุภูมิที่วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
    ✨เหรียญมะละกอพระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญวิเวก รุ่นไตรมาส ปี 2517 หลวงปู่ หรือ พระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม"เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ออกธุดงค์นานกว่า 50 ปี ก่อนไปสร้างวัดป่าสามัคคีธรรมและวัดดอยแม่ปั๋ง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในช่วงบั้นปลายชีวิต ญาติโยมได้นิมนต์หลวงปู่ตื้อกลับสู่มาตุภูมิที่วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สภาพคนที่เคยป่วยหนัก หายเป็นปลิดทิ้งที่ได้ปล่อยตัว เตรียมตะลุยหาเสียงทั่วอิสานในเดือนมกราคม ที่นครพนม บึงกาฬ หนองคาย มหาสารคาม และศรีสะเกษ
    #7ดอกจิก
    ♣ สภาพคนที่เคยป่วยหนัก หายเป็นปลิดทิ้งที่ได้ปล่อยตัว เตรียมตะลุยหาเสียงทั่วอิสานในเดือนมกราคม ที่นครพนม บึงกาฬ หนองคาย มหาสารคาม และศรีสะเกษ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • นครพนม กำลังมีการแข่งขันทางการเมืองกันดุเดือด ระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' และ 'พรรคภูมิใจไทย'

    #เลือกตั้งนครพนม #ตระกูลโพธิ์สุ #ศึกใหญ่ทักษิณเนวิน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    นครพนม กำลังมีการแข่งขันทางการเมืองกันดุเดือด ระหว่าง 'พรรคเพื่อไทย' และ 'พรรคภูมิใจไทย' #เลือกตั้งนครพนม #ตระกูลโพธิ์สุ #ศึกใหญ่ทักษิณเนวิน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1093 มุมมอง 72 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี

    "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา

    มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย

    ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา

    มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย

    หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน”

    แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา

    ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

    #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้

    พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย

    แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า

    คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย

    แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ

    เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย

    เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย

    ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย"

    สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้

    พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

    เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย

    การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น

    ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน

    แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน

    ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง”

    หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว

    เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด”

    พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
    แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว”

    พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน

    เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว”

    หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส

    ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้

    มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง

    เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง

    เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว

    สวดคาถาว่า...

    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา

    ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด

    ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ

    หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่

    คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน"

    "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์"

    เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า

    โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491

    หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น.

    บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์

    ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม

    ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ

    หลวงปู่โง่น โสรโย
    จากเพจ ประวัติศาสตร์ ราชวงค์จักรี "ข้าชื่อ #สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ #หลวงปู่โง่น_โสรโย ขณะเดินทางเข้าพม่าในปี พ.ศ. 2491 ได้ถูกจับติดคุกพม่า เมื่อท่านทำความเพียร จึงได้สัมผัสทางวิญญาณพระสุพรรณกัลยา พระสุพรรณกัลยา: “ฉันเองชื่อสุพรรณกัลยา เป็นธิดาคนโตของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือเจ้าองค์ดำ และเจ้าองค์ขาว เป็นชาวสยามไทย ได้ถูกกวาดต้อนมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก มาเป็นเชลยอยู่ที่เมืองหงสาวดีนี้ ท่านก็ถูกเขากวาดต้อนมาด้วย เขาเกณฑ์ท่านมาเป็นช่าง สร้างบ้านให้พวกเราอยู่กัน ฉันไว้ใจท่านเพราะท่านซื่อสัตย์และกตัญญู ท่านช่วยดูแลฉันและน้องๆ ตลอดพวกพ้องที่เป็นเชลย ตลอดเวลา มาวันนี้ท่านแต่งตัวเป็นนักบวช คงจะมีมนต์ขลังดี ช่วยแก้ด้ายสายสิญจน์ออกจากมือและขาให้ฉันด้วย หมอผีพม่ามันผูกเอาไว้ เพื่อกันฉันจะหนี ฉันจึงหนีไปไหนมาไหนไกลๆไม่ได้ มันจะเหนี่ยวกลับทันที ถ้าหนีได้ฉันจะไปกับท่าน” แล้วหลวงปู่โง่นจึงได้ถอดกายทิพย์ไปดึงด้ายสายสิญจน์ที่เขาทำด้วยแผ่นทองคำ ความยาวห้าคืบ กว้างหนึ่งนิ้ว ลงอักขระคาถา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 วันจันทร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 #พระสุพรรณกัลยา: “ท่านขาท่านเก่งมากที่ท่านช่วยแก้เครื่องผูกมัดออกให้ฉัน ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที ฉันจะไปอยู่กับท่านตลอดไป ท่านต้องการอะไรบอกฉัน เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรบอกฉันด้วย ฉันจะช่วยแบ่งเบาเท่าที่ ความสามารถ ของฉันจะทำได้ และท่านก็จะพ้นภัยภายในเร็วๆ นี้ พวกเราถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย จนฉันโตเป็นสาว อายุราวๆ เบญจเพศ ไอ้เจ้าบุเรงนองมันก็ปองรักจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าเอาฉันทำเมีย แต่พระอนุชาของฉันทั้งสองไม่ยินยอมและตัวท่านเองก็ไม่ยอมด้วย ดังนั้นจึงพร้อมกันออกอุบายว่า ขอให้ฉันได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังเกิดเกล้า คือ บิดามารดาเสียก่อน เจ้าบุเรงนองมันตาฝาดด้วยอำนาจกิเลสตัณหาจึงจัดแจงโยธาไพร่พลพร้อมด้วยตัวเขาและน้องชายทั้งสองของฉันและตัวท่านเองก็ได้กลับไปด้วย แต่การไปของท่าน เขาให้ไปถึงแค่เขตแดนแล้วเขาสั่งให้สร้างบ้านเรือนอยู่ตรงเมืองมะริด และเจ้าบุเรงนองก็เกรงใจท่านมากเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือ เหตุที่ฉันจะต้องไปด้วยตอนถูกกวาดไปเป็นเชลย เพราะน้องของฉันทั้งสองพระองค์ เขาติดพันฉันมาก ฉันเป็นทั้งพี่จริงและพี่เลี้ยง ฉันเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ในคราวที่เราร่อนเร่มาอย่างเมื่อยล้า น้องคนเล็กไม่ยอมเดิน ฉันต้องอุ้มกระเตงคนเล็กไว้ที่เอวข้างขวา จูงคนโตด้วยมือซ้ายตอนข้ามน้ำ ท่านยังเห็นว่าขำแท้ๆท่านจึงทำจำแลง แกะสลักรูปของฉันอุ้มน้อง เพื่อล้อเลียนไว้ดูเล่น ขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ เอาไว้ไปดูเล่นเป็นขวัญตา รวมถึงอัฐิและกำไลแขนของฉันในสถานที่ที่ฉันเก็บไว้ ขอให้นำกลับไปด้วย และของที่เราสักการะบูชา คือ เทวรูปพระนารายณ์ และพระแม่อุมาที่เป็นทองคำก็ให้ท่านเอากลับไปด้วย" สิ่งของเหล่านั้นหลวงปู่โง่นได้นำเอากลับมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเทวดา ศาลากลางน้ำ วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร เท่าทุกวันนี้ นี่แหละ คือ สักขีพยานในด้านรูปธรรมที่พอยืนยันได้ พระสุพรรณกัลยา: “กองทัพของไทยขึ้นไปประชิดที่เมืองอังวะไว้แล้ว ไอ้เจ้ามังไชยสิงหะราช (นันทบุเรง) จึงสั่งจับจำจองแม่เลี้ยงของมันคือฉันเองให้ลงโทษทัณฑ์อย่างหนัก มันสั่งให้คนจับฉัน มัดมือ มัดเท้า แล้วลงมือชกต่อย ตบ ตี เตะ ถีบ โบยด้วยแส้หวาย โบยแล้วโบยอีก แล้วปล่อยให้ฉันอดข้าวอดน้ำ ให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมันเห็นว่าฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว มันก็ฟันฉันด้วยดาบเล่มนี้ และขอให้ท่านเอากลับไปด้วยนะ แล้วฉันก็ตายไปพร้อมกับลูกอยู่ในท้องแปดเดือน แล้วมันก็ให้หมอผีมาทำพิธีทางไสยศาสตร์ด้วย การผูกรัดรึงตรึงฉัน ด้วยไม้กางเขนตรากระสัง ให้วิญญาณของฉันไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในละแวกนี้เท่านั้น ฉันขอขอบใจท่านมากที่ท่านได้มาช่วยแก้เครื่องพันธนาการออกให้ฉัน แต่นี่ฉันก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อท่านกลับไปเมืองไทยฉันจะไปด้วย ฉันจะไปช่วยงานท่าน ท่านมีธุรกิจอะไรเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนกษัตริย์แล้วบอกฉัน ขอให้ท่านหวนจิตคิดย้อนกลับไปดูภาวะของฉันที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นธิดาองค์ใหญ่ในวงศ์สุดท้ายของวงศ์สุโขทัย พระราชบิดาได้ไปครองเมืองอยุธยาได้รับสมญาว่า เจ้าฟ้าหญิงพระสุพรรณกัลยา มีความสุขจากทรัพย์โภคาอย่างล้นเหลือ มีข้าทาสบริวารนับไม่ถ้วน มีความสุขสุดที่จะพรรณา จำเดิมแต่ได้พลัดพรากจากบ้านเมืองพ่อแม่มา ข้ามภูผาที่กันดาร ยังมาทุกข์ทรมานในการจำจากน้องทั้งสองอันเป็นที่รักที่สุด สุดท้ายก็มาถูกเจ้านันทบุเรง บุตรบุญธรรมของฉันนั้นเองเฆี่ยนตีทำโทษจนถึง แก่ความตายอย่างทรมานที่สุด ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดๆจะเหมือนฉัน แต่ฉันก็กระทำไปเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง” หลวงปู่โง่น: “ตอนนี้ท่านหญิงสบายแล้ว เสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานอันแสนจะสำราญอยู่ที่นี้ ที่โลกทิพย์นี่ สองสามราตรีเท่านั้นในพิภพนี้ แต่โลกมนุษย์ปาเข้าไปห้าร้อยปีแล้ว ตัวอาตมาเองได้ดับชีวีจากเมืองผีไปเมืองคน วนเวียนอยู่หลายชาติแล้ว เราจะมาเพลิดเพลินในเรื่องเวียนว่ายตายเกิดอยู่หรือไง เป็นเพราะไอ้ตัวกิเลสตัณหาบ้าบอแท้ๆ ที่ได้จองจำนำพาให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิด” พระสุพรรณกัลยา: “ฉันจะไปอุบัติในสกุลสุขุมาลย์ชาติในวงศ์สกุลกษัตริย์ไทย ช่วยบ้านเมืองในร่างสตรีเพศ เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อน และจะไม่เยื่อใยในการมีคู่ครอง เพราะฉันเข็ดแล้วเรื่องผู้ชาย ฉันจะสร้างบารมีทำแต่ความดีให้นั่งอยู่บนหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ แล้วฉันก็จะเป็นคนหมดเวรภัยไปสู่สถานที่ที่ไม่มีการเกิดการตายอีกแล้ว” พระสุพรรณกัลยา: “พระคุณเจ้าอย่าลืมนะ เรื่องฉันร้องขอคือ ฝากให้ท่านเอารูปลักษณ์ของฉันที่อยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของท่าน ออกเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ที่อยากรู้อยากเห็นฉันให้เป็นแบบรูปธรรมขึ้นมา ให้เขาได้เห็นฉันด้วย แต่ฉันเชื่อแน่ว่า คนไทยทั้งประเทศ เขาคงจำฉันได้ไม่กี่คน เพราะประวัติจริงๆ ที่พระน้องยาเธอของฉันจารึกไว้ก็คงจะสลายหายสูญไปกับกรุงแตกครั้งหลังสุดแล้ว” หลวงปู่โง่นจึงได้สร้างรูปของพระสุพรรณกัลยาโดยใช้วิธีการสองระบบ คือ ระบบทางนามธรรม หรือ ระบบทางจิตคือการสัมผัสทางจิตวิญญาณ และระบบทางรูปธรรม โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏเป็นภาพแก่สายตาภายนอก โดยใช้กล้องถ่ายรูปชั้นดีสองตัว คือ กล้องโอลิมปัสของเยอรมัน และกล้องโพโตลองของฝรั่งเศส ในทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ก็มีหลักยืนยันว่า E=MC2 สสารย่อมไม่หายไปจากโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วในโลก เมื่อถึงคราวแตกดับไปสลายตัวไปก็จะกลายเป็นสสาร ยืนยงคงอยู่ตลอดไป เพราะอุณหภูมิคือความร้อนรักษาไว้ มีการจัดหาเครื่องพลีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งมีเครื่องบูชามีอาหารหวานคาว ผลไม้ และเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมีแป้ง น้ำอบน้ำหอม ผ้าถุงเสื้อนุ่งสีทอง เสร็จแล้วก็ไปทำพิธีในสถานที่ได้นิมิตเห็นพระสุพรรณกัลยาและถ่ายรูปเอาดวงวิญญาณของพระนาง เมื่อได้จัดแจงอุปกรณ์ภายนอก ทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว หันหน้ากล้องทั้งสองเข้า หาพานเครื่องเส้น ทำใจให้สงบ หันหน้าตัวเองไปแนวเดียวกับกล้องถ่ายรูป แล้ว สวดคาถาว่า... เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิ ตานังอาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญานะสุพรรณกัลละยา เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา ภาวนาได้เจ็ดครั้งแล้วก็หยุด ใช้ความรู้สึกอย่างแรงในขณะหายใจเข้า ดึงเอาภาพลักษณ์ของพระสุพรรณกัลยา ให้มาปรากฏ แล้วจิตมันก็ว่าง อันรูปภาพของพระนางก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพเห็น ชัดเจน อันกล้องถ่ายทั้งสอง มันก็ทำงานตามที่กำหนดไว้ ใช้เวลาอยู่สามชั่วโมงก็หยุด เอาฟิล์มออกมาล้างดู ล้างด้วยมือเอง เพราะหลวงปู่โง่นเคยเป็นช่างถ่ายรูปมาก่อน ได้รูปออกมาเป็นที่น่าพอใจ หลวงปู่โง่นได้เผยแพร่รูปพระนางตามที่ได้ปรากฏในโพสต์นี้ และบันทึกว่า พระนางสุพรรณกัลยาได้ทำคุณประโยชน์ไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ คือ ต้องยอมเสียสละความสุข ตลอดพระชนม์ชีพส่วนตัว เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองสยามไทยทั้งประเทศ ซึ่งก็ไม่มีวีรสตรีหรือวีรบุรุษท่านใดในอดีตถึง ปัจจุบันที่จะได้เสียสละอย่างนั้น แล้วสมควรไหมที่ชาวไทยจะลืมท่านลง แต่ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านผู้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คงไม่ลืมแน่ คัดลอกและเรียบเรียงจากหนังสือ “ย้อยรอยกรรม ตำนานพระสุพรรณกัลยา” โดยหลวงปู่โง่น โสรโย เมษายน 2529"ข้าชื่อ สุพรรณกัลยา ข้าเกิดวันเสาร์ ปีมะเส็ง 2098 เป็นลูกสาวของพระมหาธรรมราชา มีน้องชายสองคน คือ เจ้าดำ เจ้าขาว เมื่อแพ้ศึก ข้ากับน้องชาย พร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวคือพระมหินทราธิราช แต่ท่านมาถึงเกตทูเบิน เมืองมนต์ (มอญ) ท่านเสียชีวิตลง เขาจึงสั่งให้พ่อของข้า เป็นมหาอุปราช เป็นผู้ครองราช กรุงอโยธยา ข้าพร้อมกับไพร่พลและน้อง เพราะน้องข้าไม่ยอม จึงให้ข้ามาด้วย เราช่วยเลี้ยงเขาจนโต ข้าจากบ้านเมืองมา เมื่อวันพุธ เดือนสี่ ปีมะเมีย พุทธศักราช 2112 ข้าคิดถึงบ้าน คิดถึงมัน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่เหลือเกิน" "ข้าได้เป็นแม่เลี้ยงน้องตั้งแต่อายุ 14 ปี ข้ากลับมาลาพ่อแม่เมื่ออายุ 19 ปี เมื่อปี 2119 ข้าได้แต่งงาน ข้าได้เลี้ยงน้อง ก่อนแต่งงานข้าได้กลับอยุธยา แล้วกลับไป แล้วให้น้องทั้งสองกลับมาช่วยพ่อกู้บ้านกู้เมืองที่อยุธยา ข้าคิดถึงบ้าน ข้าถูกจองจำด้วยเวทมนต์" เป็นบทความที่แปลจากหนังสือที่พระสุพรรณกัลยาได้เขียนเป็นอักษรโบราณของพม่าในปี พ.ศ. 2229 พบที่หอสมุดของพม่า โดยหลวงปู่โง่น โสรโย อริยสงฆ์แห่งวัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ในปี พ.ศ. 2491 หลวงปู่โง่น โสรโย เกิดบนแพกลางลำน้ำปิง เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลา 05.58 น. บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ ต่อมาได้อุปสมบทในพุทธศาสนาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม นครพนม ระหว่างที่เป็นสมณะได้ปฏิบัติกรรมฐานในถ้ำ และกลางหิมะนานถึง 8 ชั่วโมง ได้รับคำสอนจากหลวงปู่โลกเทพอุดร มีความชำนาญเรื่องยาสมุนไพร หลวงปู่โง่นละสังขารของท่านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 รวมสิริชนมายุได้ 94 ปีเศษ หลวงปู่โง่น โสรโย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัดทัพ ขรก.มหาดไทย ล็อตใหญ่ 33 เก้าอี้ ก่อนเลือกตั้ง อบจ.
    .
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (24 ธ.ค. 67) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 33 ราย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป ดังนี้
    .
    1. ให้นายชูชีพ พงษ์ไชย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแม่ฮ่องสอน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดตาก
    .
    2. ให้นายชยชัย แสงอินทร์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการพัฒนาชุมชน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    3.ให้นายทศพล เผื่อนอุดม ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    4. ให้นางรณิดา เหลืองฐิติกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอุดรธานี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูบสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    5. ให้นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    6. ให้นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดชัยภูมิ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    7. ให้นายสันติ รังษิรุจิ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดจันทบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    8.ให้นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดศรีสะเกษ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
    .
    9. ให้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดกาญจนบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดกาญจนบุรี
    .
    10.ให้นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดชุมพร
    .
    11. ให้นายชานน วาสิกศิริ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครนายก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครนายก
    .
    12. ให้นางสาวอโรชา นันทมนตรี ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครปฐม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครปฐม
    .
    13.ให้นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดนครพนม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครพนม
    .
    14. ให้นายสมชาย ลีหล้าน้อย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครศรีธรรมราช
    .
    15. ให้นางสาวชุติพร เสชัง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครสวรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครสวรรค์
    .
    16.ให้นายปิยะ ปิจนำ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดบุรีรัมย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดบุรีรัมย์
    .
    17. ให้นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    .
    18. ให้นายไพรัตน์ เพชรยวน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพังงา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพังงา
    .
    19. ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดหนองคาย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพัทพัทลุง
    .
    20. ให้นางสาวธนียา นัยพินิจ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพิจิตร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพิจิตร
    .
    21. ให้ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดเพชรบุรี
    .
    22.ให้นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแพร่
    .
    23.ให้นายเอกวิทย์ มีเพียร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    .
    24.ให้นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดยโสธร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดยโสธร
    .
    25. ให้นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดร้อยเอ็ด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดร้อยเอ็ด
    .
    26. ให้นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดระนอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดระนอง
    .
    27. ให้นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดขลบุรี ดำรงต้าแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกศรอง ระดับสูป จังหวัดราชบุรี
    .
    28. ให้นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดมุกดาหาร ดำรงตำแหน่งผู้ว่ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดลำพูน
    .
    29. ให้นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสุโขทัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสุโขทัย
    .
    30.ให้นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    .
    31. ให้นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดหนองบัวลำภู ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดหนองบัวลำภู
    .
    32. ให้นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดอ่างทอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอ่างทอง
    .
    33. ให้นายณรงค์ เทพเสนา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่งน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอำนาจเจริญ
    ..............
    Sondhi X
    จัดทัพ ขรก.มหาดไทย ล็อตใหญ่ 33 เก้าอี้ ก่อนเลือกตั้ง อบจ. . น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (24 ธ.ค. 67) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 33 ราย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป ดังนี้ . 1. ให้นายชูชีพ พงษ์ไชย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแม่ฮ่องสอน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดตาก . 2. ให้นายชยชัย แสงอินทร์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการพัฒนาชุมชน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 3.ให้นายทศพล เผื่อนอุดม ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 4. ให้นางรณิดา เหลืองฐิติกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอุดรธานี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูบสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 5. ให้นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 6. ให้นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดชัยภูมิ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 7. ให้นายสันติ รังษิรุจิ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดจันทบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 8.ให้นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดศรีสะเกษ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง . 9. ให้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดกาญจนบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดกาญจนบุรี . 10.ให้นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดชุมพร . 11. ให้นายชานน วาสิกศิริ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครนายก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครนายก . 12. ให้นางสาวอโรชา นันทมนตรี ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครปฐม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครปฐม . 13.ให้นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดนครพนม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครพนม . 14. ให้นายสมชาย ลีหล้าน้อย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครศรีธรรมราช . 15. ให้นางสาวชุติพร เสชัง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดนครสวรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดนครสวรรค์ . 16.ให้นายปิยะ ปิจนำ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดบุรีรัมย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดบุรีรัมย์ . 17. ให้นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ . 18. ให้นายไพรัตน์ เพชรยวน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพังงา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพังงา . 19. ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดหนองคาย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพัทพัทลุง . 20. ให้นางสาวธนียา นัยพินิจ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดพิจิตร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดพิจิตร . 21. ให้ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดเพชรบุรี . 22.ให้นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแพร่ . 23.ให้นายเอกวิทย์ มีเพียร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดแม่ฮ่องสอน . 24.ให้นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดยโสธร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดยโสธร . 25. ให้นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดร้อยเอ็ด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดร้อยเอ็ด . 26. ให้นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดระนอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดระนอง . 27. ให้นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดขลบุรี ดำรงต้าแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกศรอง ระดับสูป จังหวัดราชบุรี . 28. ให้นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดมุกดาหาร ดำรงตำแหน่งผู้ว่ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดลำพูน . 29. ให้นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสุโขทัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสุโขทัย . 30.ให้นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสุราษฎร์ธานี . 31. ให้นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดหนองบัวลำภู ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดหนองบัวลำภู . 32. ให้นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดอ่างทอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอ่างทอง . 33. ให้นายณรงค์ เทพเสนา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จังหวัดอำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่งน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอำนาจเจริญ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 888 มุมมอง 0 รีวิว
  • Siri House @ Nakhon Phanom ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านที่มาเที่ยวนครพนมค่ะ ห้องพักเปิดใหม่ ห้องกว้าง เงียบสงบ ที่จอดรถสะดวก วิวทุ่งนาสัมผัสกับธรรมชาติแสนอบอุ่น รับไออุ่นจากแสงอาทิตย์ในยามเช้า 🌤🌾🪴💥 ห้องพักราคาเริ่มต้น 790 บาท/คืน 💥• ฟรีมินิบาร์ภายในห้องพัก• มีโต๊ะทำงาน• ไดร์เป่าผม• ไมโครเวฟ• กาน้ำร้อน• ทีวี• ตู้เย็น• โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติเวลา 7:00 น. - 10:00 น. มีบริการฟรี• กาแฟ ☕️• โอวัลติน ☕️• น้ำส้ม🍹• ขนมปังปิ้ง 🍞• แครกเกอร์ 🍪** ลูกค้าสามารถทานได้ที่โรงแรมพิมพ์ศิรินะคะ**สนใจสำรองห้องพักติดต่อ☎️ 042-514345📲 091-8633864หรือ @Line : https://lin.ee/uCIPOYhพิกัด 📍📍https://maps.app.goo.gl/TD2GEhootbXsp9JB8#เที่ยวนครพนม#ที่พักนครพนม #นครพนมเมืองน่าอยู่ #แลนด์มาร์คนครพนม#ลานพญาศรีสัตตนาคราชนครพนม
    Siri House @ Nakhon Phanom ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านที่มาเที่ยวนครพนมค่ะ ห้องพักเปิดใหม่ ห้องกว้าง เงียบสงบ ที่จอดรถสะดวก วิวทุ่งนาสัมผัสกับธรรมชาติแสนอบอุ่น รับไออุ่นจากแสงอาทิตย์ในยามเช้า 🌤🌾🪴💥 ห้องพักราคาเริ่มต้น 790 บาท/คืน 💥• ฟรีมินิบาร์ภายในห้องพัก• มีโต๊ะทำงาน• ไดร์เป่าผม• ไมโครเวฟ• กาน้ำร้อน• ทีวี• ตู้เย็น• โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติเวลา 7:00 น. - 10:00 น. มีบริการฟรี• กาแฟ ☕️• โอวัลติน ☕️• น้ำส้ม🍹• ขนมปังปิ้ง 🍞• แครกเกอร์ 🍪** ลูกค้าสามารถทานได้ที่โรงแรมพิมพ์ศิรินะคะ**สนใจสำรองห้องพักติดต่อ☎️ 042-514345📲 091-8633864หรือ @Line : https://lin.ee/uCIPOYhพิกัด 📍📍https://maps.app.goo.gl/TD2GEhootbXsp9JB8#เที่ยวนครพนม#ที่พักนครพนม #นครพนมเมืองน่าอยู่ #แลนด์มาร์คนครพนม#ลานพญาศรีสัตตนาคราชนครพนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙✨เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรโครงการชลประทานต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอกุดบาก อำเภอวาริชภูมิ และอำเภอพังโคน รวมถึงทรงเยี่ยมทหารและราษฎรในเขตอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #20พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙✨เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรโครงการชลประทานต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอกุดบาก อำเภอวาริชภูมิ และอำเภอพังโคน รวมถึงทรงเยี่ยมทหารและราษฎรในเขตอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #20พฤศจิกายน
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระสามเหลี่ยมท่านพ่อลี เนื้อผงพุทธคุณ ปี2500"ท่านพ่อลี"หรือ หลวงพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดสร้างในปี 2500 แล้วนำไปไว้ในผนังโบสถ์โบกปูนทับไว้ ก่อนจะนำมาแจกจ่ายญาติโยมในเวลาต่อมาพระรุ่นนี้ถือว่าหาได้ยากพุทธคุณสูงมาก ทั้งมหาลาภ มหาโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง เสริมดวงชะตาราศรี ป้องกันภัย เมตตามหานิยมท่านพ่อลีได้รวบรวมมวลสาร เนื้อผงเกษร 108 ผงธูปอธิษฐาน ผงพระธาตุ ผงว่าน ผงพุทธคุณต่างๆ ที่สำคัญ ผสมผงสมเด็จวัดระฆัง จำนวนมากที่ท่านพ่อลี เก็บรักษาไว้ ท่านได้นำมาผสมในพระสามเหลี่ยมนี้จนหมดสิ้นพิธีพุทธาภิเษกใหญ่เพื่อฉลอง 25 ศตวรรษของทางสายวัดป่าฯ จัดขึ้นที่วัดอโศกราม โดยมีพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่าลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาร่วมปลุกเสกกัน 7 วัน 7 คืนอาทิ -พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม วัดป่าสาละวัน โคราช-ท่านพ่อลี วัดอโศการาม-พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม สกลนคร-หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก นครพนม-หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ วังสพุง เลย-หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย-หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์-หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด-หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง-หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง-หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา-ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต-หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตฯ-หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม-หลวงปู่อ่อน ญานสิริ-พระอาจารย์จวนฯลฯ
    ✨พระสามเหลี่ยมท่านพ่อลี เนื้อผงพุทธคุณ ปี2500"ท่านพ่อลี"หรือ หลวงพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดสร้างในปี 2500 แล้วนำไปไว้ในผนังโบสถ์โบกปูนทับไว้ ก่อนจะนำมาแจกจ่ายญาติโยมในเวลาต่อมาพระรุ่นนี้ถือว่าหาได้ยากพุทธคุณสูงมาก ทั้งมหาลาภ มหาโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง เสริมดวงชะตาราศรี ป้องกันภัย เมตตามหานิยมท่านพ่อลีได้รวบรวมมวลสาร เนื้อผงเกษร 108 ผงธูปอธิษฐาน ผงพระธาตุ ผงว่าน ผงพุทธคุณต่างๆ ที่สำคัญ ผสมผงสมเด็จวัดระฆัง จำนวนมากที่ท่านพ่อลี เก็บรักษาไว้ ท่านได้นำมาผสมในพระสามเหลี่ยมนี้จนหมดสิ้นพิธีพุทธาภิเษกใหญ่เพื่อฉลอง 25 ศตวรรษของทางสายวัดป่าฯ จัดขึ้นที่วัดอโศกราม โดยมีพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่าลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาร่วมปลุกเสกกัน 7 วัน 7 คืนอาทิ -พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม วัดป่าสาละวัน โคราช-ท่านพ่อลี วัดอโศการาม-พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม สกลนคร-หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก นครพนม-หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ วังสพุง เลย-หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย-หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์-หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด-หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง-หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง-หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา-ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต-หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตฯ-หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม-หลวงปู่อ่อน ญานสิริ-พระอาจารย์จวนฯลฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสามเหลี่ยมท่านพ่อลี เนื้อผงพุทธคุณ ปี2500"ท่านพ่อลี"หรือ หลวงพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดสร้างในปี 2500 แล้วนำไปไว้ในผนังโบสถ์โบกปูนทับไว้ ก่อนจะนำมาแจกจ่ายญาติโยมในเวลาต่อมาพระรุ่นนี้ถือว่าหาได้ยากพุทธคุณสูงมาก ทั้งมหาลาภ มหาโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง เสริมดวงชะตาราศรี ป้องกันภัย เมตตามหานิยมท่านพ่อลีได้รวบรวมมวลสาร เนื้อผงเกษร 108 ผงธูปอธิษฐาน ผงพระธาตุ ผงว่าน ผงพุทธคุณต่างๆ ที่สำคัญ ผสมผงสมเด็จวัดระฆัง จำนวนมากที่ท่านพ่อลี เก็บรักษาไว้ ท่านได้นำมาผสมในพระสามเหลี่ยมนี้จนหมดสิ้นพิธีพุทธาภิเษกใหญ่เพื่อฉลอง 25 ศตวรรษของทางสายวัดป่าฯ จัดขึ้นที่วัดอโศกราม โดยมีพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่าลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาร่วมปลุกเสกกัน 7 วัน 7 คืนอาทิ -พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม วัดป่าสาละวัน โคราช-ท่านพ่อลี วัดอโศการาม-พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม สกลนคร-หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก นครพนม-หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ วังสพุง เลย-หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย-หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์-หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด-หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง-หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง-หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา-ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต-หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตฯ-หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม-หลวงปู่อ่อน ญานสิริ-พระอาจารย์จวนฯลฯ
    พระสามเหลี่ยมท่านพ่อลี เนื้อผงพุทธคุณ ปี2500"ท่านพ่อลี"หรือ หลวงพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จัดสร้างในปี 2500 แล้วนำไปไว้ในผนังโบสถ์โบกปูนทับไว้ ก่อนจะนำมาแจกจ่ายญาติโยมในเวลาต่อมาพระรุ่นนี้ถือว่าหาได้ยากพุทธคุณสูงมาก ทั้งมหาลาภ มหาโภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรือง เสริมดวงชะตาราศรี ป้องกันภัย เมตตามหานิยมท่านพ่อลีได้รวบรวมมวลสาร เนื้อผงเกษร 108 ผงธูปอธิษฐาน ผงพระธาตุ ผงว่าน ผงพุทธคุณต่างๆ ที่สำคัญ ผสมผงสมเด็จวัดระฆัง จำนวนมากที่ท่านพ่อลี เก็บรักษาไว้ ท่านได้นำมาผสมในพระสามเหลี่ยมนี้จนหมดสิ้นพิธีพุทธาภิเษกใหญ่เพื่อฉลอง 25 ศตวรรษของทางสายวัดป่าฯ จัดขึ้นที่วัดอโศกราม โดยมีพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่าลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาร่วมปลุกเสกกัน 7 วัน 7 คืนอาทิ -พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม วัดป่าสาละวัน โคราช-ท่านพ่อลี วัดอโศการาม-พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม สกลนคร-หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดอรัญญวิเวก นครพนม-หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ วังสพุง เลย-หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง หนองคาย-หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์-หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด-หลวงปู่หลุย วัดถ้ำผาบิ้ง-หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง-หลวงปู่หลอด วัดใหม่เสนา-ท่านพ่อเฟื่อง วัดธรรมสถิต-หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตฯ-หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม-หลวงปู่อ่อน ญานสิริ-พระอาจารย์จวนฯลฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ อายุ ๑๐๒ ปี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #13พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ อายุ ๑๐๒ ปี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #13พฤศจิกายน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽
    กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์
    (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว)

    หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด

    และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน

    เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น

    หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ

    ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽 กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว) หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,577
    วันพุธ: ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (13 November 2024)

    Photo Album 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดธาตุวังจาน อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.68)
    12. วัดนวกะพัฒนาราม อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    13. วัดนาเซีย อ.แม่จริม จ.น่าน
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    14. วัดบริบูรณ์วราราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    15. วัดบ้านเพ็ก อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    16. วัดโบสถ์เก่า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    17. วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    18. วัดป่าคำสว่าง อ.เมือง จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    19. วัดปางค่า อ.เมือง อ.น่าน
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    20. วัดป่านาดอกไม้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 91 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,577 วันพุธ: ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (13 November 2024) Photo Album 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดธาตุวังจาน อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.68) 12. วัดนวกะพัฒนาราม อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 13. วัดนาเซีย อ.แม่จริม จ.น่าน (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 14. วัดบริบูรณ์วราราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 15. วัดบ้านเพ็ก อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 16. วัดโบสถ์เก่า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 17. วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 18. วัดป่าคำสว่าง อ.เมือง จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 19. วัดปางค่า อ.เมือง อ.น่าน (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 20. วัดป่านาดอกไม้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 91 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,577
    วันพุธ: ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (13 November 2024)

    Photo Album 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดธาตุวังจาน อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.68)
    12. วัดนวกะพัฒนาราม อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    13. วัดนาเซีย อ.แม่จริม จ.น่าน
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    14. วัดบริบูรณ์วราราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    15. วัดบ้านเพ็ก อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    16. วัดโบสถ์เก่า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    17. วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    18. วัดป่าคำสว่าง อ.เมือง จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    19. วัดปางค่า อ.เมือง อ.น่าน
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    20. วัดป่านาดอกไม้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 91 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,577 วันพุธ: ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (13 November 2024) Photo Album 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดธาตุวังจาน อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.68) 12. วัดนวกะพัฒนาราม อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 13. วัดนาเซีย อ.แม่จริม จ.น่าน (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 14. วัดบริบูรณ์วราราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 15. วัดบ้านเพ็ก อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 16. วัดโบสถ์เก่า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 17. วัดประชาคมวนาราม(ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 18. วัดป่าคำสว่าง อ.เมือง จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 19. วัดปางค่า อ.เมือง อ.น่าน (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) 20. วัดป่านาดอกไม้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 15 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 91 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,570
    วันพุธ: ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (6 November 2024)

    Photo Album Set 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดศรีบุญเรือง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    12. วัดสมสะอาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    13. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    14. วัดสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    15. วัดสำโรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    16. วัดสิงห์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    17. วัดสุนีย์ศรัทธาธรรม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    18. วัดเสลา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    19. วัดแสงมณี อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    20. วัดหนองพงษ์ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 98 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,570 วันพุธ: ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (6 November 2024) Photo Album Set 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดศรีบุญเรือง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 12. วัดสมสะอาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 13. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 14. วัดสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 15. วัดสำโรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 16. วัดสิงห์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 17. วัดสุนีย์ศรัทธาธรรม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 18. วัดเสลา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 19. วัดแสงมณี อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 20. วัดหนองพงษ์ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 98 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,570
    วันพุธ: ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (6 November 2024)

    Photo Album Set 2/2
    ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท
    11. วัดศรีบุญเรือง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    12. วัดสมสะอาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    13. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    14. วัดสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    15. วัดสำโรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    16. วัดสิงห์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    17. วัดสุนีย์ศรัทธาธรรม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    18. วัดเสลา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    19. วัดแสงมณี อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    20. วัดหนองพงษ์ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร
    (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 98 วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,570 วันพุธ: ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (6 November 2024) Photo Album Set 2/2 ทอดกฐินสามัคคี 20 วัด เป็นเงิน 400 บาท 11. วัดศรีบุญเรือง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 12. วัดสมสะอาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 13. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 14. วัดสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 15. วัดสำโรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 16. วัดสิงห์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 17. วัดสุนีย์ศรัทธาธรรม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 18. วัดเสลา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 19. วัดแสงมณี อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) 20. วัดหนองพงษ์ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร (ทอดกฐินสามัคคี 10 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ คำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 98 วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระหว่างทางไปขึ้นศาลฯ นครพนม ทนายซั่..มได้ฝึกดื่มเก๊กฮวย ซ้อมแด...กเยี่ย..วไปพลางๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทนายตั้ม
    #ทนายต้ม
    ระหว่างทางไปขึ้นศาลฯ นครพนม ทนายซั่..มได้ฝึกดื่มเก๊กฮวย ซ้อมแด...กเยี่ย..วไปพลางๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #ทนายตั้ม #ทนายต้ม
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทนายตั้ม” นั่งกระบะ 4 ประตู หลบสื่อขึ้นประตูหลังศาลนครพนม คดี "ศุภชัย โพธิ์สุ" ผู้ช่วย รมว.มหาดไทย อดีตรอง ปธ.สภา พร้อมลูกสาว นายก อบจ.นครพนม และเลขาฯ ฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน ศาลนัดสืบพยานจำเลยวันนี้

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000104913

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทนายตั้ม” นั่งกระบะ 4 ประตู หลบสื่อขึ้นประตูหลังศาลนครพนม คดี "ศุภชัย โพธิ์สุ" ผู้ช่วย รมว.มหาดไทย อดีตรอง ปธ.สภา พร้อมลูกสาว นายก อบจ.นครพนม และเลขาฯ ฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน ศาลนัดสืบพยานจำเลยวันนี้ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000104913 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    23
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3022 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวัดนครพนมตั้งกรรมการสอบวินัย ปลัดอำเภอท่าอุเทน 1 ใน 14 ผู้ต้องหาในคดีตากใบ ลางานหลบหมายจับ กระทั่ง 25 ต.ค.คดีหมดอายุความ โผล่มาทำงานทันทีเช้าวันที่ 26 ต.ค. รองผู้ว่าฯเผยผลสอบจะผิดวินัยมากน้อยขึ้นอยู่กับความเห็นคณะกรรมการสอบ พร้อมให้ความเป็นธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104287

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จังหวัดนครพนมตั้งกรรมการสอบวินัย ปลัดอำเภอท่าอุเทน 1 ใน 14 ผู้ต้องหาในคดีตากใบ ลางานหลบหมายจับ กระทั่ง 25 ต.ค.คดีหมดอายุความ โผล่มาทำงานทันทีเช้าวันที่ 26 ต.ค. รองผู้ว่าฯเผยผลสอบจะผิดวินัยมากน้อยขึ้นอยู่กับความเห็นคณะกรรมการสอบ พร้อมให้ความเป็นธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104287 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    Sad
    25
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2966 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,556
    วันพุธ: แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ (23 October 2024)

    Photo Album Set 1/3
    ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท
    01. วัดท่าประชุม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    02. วัดนิโครธาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    03. วัดบางนา อ.เมือง จ.นนทบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    04. วัดบางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    05. วัดบางสะแกนอก เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    06. วัดบ้านกาดใต้ อ.เมือง จ.ลำปาง
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    07. วัดบ้านเฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    08. วัดบ้านเหล่าน้อย อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    09. วัดบึงแวง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    10. วัดเบญจคีรีนคร อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๒ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,556 วันพุธ: แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ (23 October 2024) Photo Album Set 1/3 ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท 01. วัดท่าประชุม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 02. วัดนิโครธาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 03. วัดบางนา อ.เมือง จ.นนทบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 04. วัดบางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 05. วัดบางสะแกนอก เขตธนบุรี กรุงเทพฯ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 06. วัดบ้านกาดใต้ อ.เมือง จ.ลำปาง (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 07. วัดบ้านเฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 08. วัดบ้านเหล่าน้อย อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 09. วัดบึงแวง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 10. วัดเบญจคีรีนคร อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๒ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,556
    วันพุธ: แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ (23 October 2024)

    Photo Album Set 1/3
    ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท
    01. วัดท่าประชุม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    02. วัดนิโครธาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    03. วัดบางนา อ.เมือง จ.นนทบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    04. วัดบางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    05. วัดบางสะแกนอก เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    06. วัดบ้านกาดใต้ อ.เมือง จ.ลำปาง
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    07. วัดบ้านเฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    08. วัดบ้านเหล่าน้อย อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    09. วัดบึงแวง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    10. วัดเบญจคีรีนคร อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๒ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,556 วันพุธ: แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ (23 October 2024) Photo Album Set 1/3 ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท 01. วัดท่าประชุม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 02. วัดนิโครธาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 03. วัดบางนา อ.เมือง จ.นนทบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 04. วัดบางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 05. วัดบางสะแกนอก เขตธนบุรี กรุงเทพฯ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 06. วัดบ้านกาดใต้ อ.เมือง จ.ลำปาง (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 07. วัดบ้านเฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 08. วัดบ้านเหล่าน้อย อ.ธาตุพนม จ.นครพนม (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 09. วัดบึงแวง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) 10. วัดเบญจคีรีนคร อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 27 ต.ค.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๑๒ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts