• การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน

    ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว

    ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง

    ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา

    WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงศรัทธาประชาชนหลั่งไหล! เพียง 5 ชั่วโมงหลังเปิดรับบริจาค ยอดเงินสนับสนุนกิจกรรมของ "กลุ่มพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" ทะลุ 4,286,735.74 บาท ยอดผู้โอนกว่า 5,000 รายการ โอนเข้าบัญชี มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย (008-109529-9) เพื่อนำไปจัดกิจกรรมแสดงพลังปกป้องอธิปไตยไทย 28 มิถุนายนนี้ ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยบัญชีจะเปิดรับบริจาคถึงวันที่ 28 มิ.ย. 68 และจะปิดบัญชีเพื่อแจ้งยอดรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดในวันที่ 29 มิ.ย. 68 หากมีเงินเหลือจะนำไปบริจาคหรือสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 ต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059019

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    แรงศรัทธาประชาชนหลั่งไหล! เพียง 5 ชั่วโมงหลังเปิดรับบริจาค ยอดเงินสนับสนุนกิจกรรมของ "กลุ่มพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" ทะลุ 4,286,735.74 บาท ยอดผู้โอนกว่า 5,000 รายการ โอนเข้าบัญชี มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ธนาคารกสิกรไทย (008-109529-9) เพื่อนำไปจัดกิจกรรมแสดงพลังปกป้องอธิปไตยไทย 28 มิถุนายนนี้ ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยบัญชีจะเปิดรับบริจาคถึงวันที่ 28 มิ.ย. 68 และจะปิดบัญชีเพื่อแจ้งยอดรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดในวันที่ 29 มิ.ย. 68 หากมีเงินเหลือจะนำไปบริจาคหรือสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 ต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059019 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • BRICS ระเบิด: จากสหภาพธนาคารสู่แกนทหาร — จีนและรัสเซียส่งอาวุธให้อิหร่าน ขณะที่แผนสงครามเริ่มมีผลบังคับใช้ ขีปนาวุธ 800 ลูกพร้อมแล้ว เส้นทางส่งกำลังบำรุงกำลังร้อนระอุ

    ข่าวด่วน: จีนส่งเชื้อเพลิงขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับอิหร่านอย่างเงียบๆ — เพียงพอสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ 800 ลูก รัสเซียสนับสนุนคลังอาวุธของเตหะราน BRICS กลายเป็นแกนกลางทางการทหาร แนวรบต่อไปไม่ใช่สมมติฐาน แต่เป็นปฏิบัติการเต็มรูปแบบ

    🟥 จีน: การเสริมกำลังผ่านห่วงโซ่อุปทานผี!

    👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/brics-detonated-from-banking-union-to-military-axis-china-russia-arm-iran-as-war-blueprint-goes-live-800-missiles-ready-supply-lines-hot/
    BRICS ระเบิด: จากสหภาพธนาคารสู่แกนทหาร — จีนและรัสเซียส่งอาวุธให้อิหร่าน ขณะที่แผนสงครามเริ่มมีผลบังคับใช้ ขีปนาวุธ 800 ลูกพร้อมแล้ว เส้นทางส่งกำลังบำรุงกำลังร้อนระอุ ข่าวด่วน: จีนส่งเชื้อเพลิงขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับอิหร่านอย่างเงียบๆ — เพียงพอสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ 800 ลูก รัสเซียสนับสนุนคลังอาวุธของเตหะราน BRICS กลายเป็นแกนกลางทางการทหาร แนวรบต่อไปไม่ใช่สมมติฐาน แต่เป็นปฏิบัติการเต็มรูปแบบ 🟥 จีน: การเสริมกำลังผ่านห่วงโซ่อุปทานผี! 👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/brics-detonated-from-banking-union-to-military-axis-china-russia-arm-iran-as-war-blueprint-goes-live-800-missiles-ready-supply-lines-hot/
    AMG-NEWS.COM
    BRICS DETONATED: FROM BANKING UNION TO MILITARY AXIS — CHINA & RUSSIA ARM IRAN AS WAR BLUEPRINT GOES LIVE, 800 Missiles Ready. Supply Lines Hot. - amg-news.com - American Media Group
    BREAKING: China is quietly supplying Iran with ballistic missile fuel — enough for 800 warheads. Russia backs Tehran’s arsenal. BRICS morphs into a military axis. The next warfront is not hypothetical — it’s fully operational.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติเวลาเรามีปัญหาใช้บริการ Netflix, Apple, Microsoft หรือธนาคารต่าง ๆ ก็จะเข้า Google แล้วพิมพ์ “เบอร์ฝ่ายซัพพอร์ต” ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้แฮกเกอร์รู้ทันคนแล้ว!

    Malwarebytes ออกมาเตือนว่า มิจฉาชีพซื้อโฆษณาบน Google แล้วใส่พารามิเตอร์พิเศษลงในลิงก์ ที่พาไปยังหน้าเว็บซัพพอร์ตจริงของแบรนด์ แต่จะฝัง เบอร์โทรปลอมไว้ในช่องค้นหาด้านบนของหน้าเว็บนั้น

    พูดง่าย ๆ คือ ลิงก์โฆษณาพาไปเว็บจริง แต่เนื้อหาเหมือน “ถูกฉีดข้อความ” ให้แสดงเบอร์หลอกไว้ตรงหน้า — ผู้ใช้ที่รีบโทร อาจโดนหลอกเอาข้อมูลบัญชี บัตรเครดิต หรือกู้เงินในชื่อเราได้ง่าย ๆ เลย

    เป้าหมายที่โดนบ่อยมีทั้ง Netflix, Apple, Facebook, PayPal, Microsoft, HP, Bank of America ฯลฯ โดยเฉพาะเว็บ Apple ที่แทบตรวจจับไม่ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง

    ✅ แฮกเกอร์ฝังเบอร์หลอกในหน้าเว็บซัพพอร์ตจริง โดยใช้ลิงก์โฆษณา Google Ads  
    • ใช้ query string ปลอมให้ช่องค้นหาบนหน้าเว็บแสดงเบอร์โทรหลอก

    ✅ เว็บแบรนด์ดังที่ตกเป็นเป้า ได้แก่:  
    • Apple, Netflix, PayPal, Microsoft, Facebook, Bank of America, HP

    ✅ ผู้ใช้เข้าเว็บจริงแต่เห็นเบอร์ปลอม คิดว่าเป็นของบริษัท และโทรหาแก๊งหลอกลวงโดยไม่รู้ตัว  
    • มิจฉาชีพจะพยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร, login credentials

    ✅ Malwarebytes ระบุว่า “Browser Guard” สามารถตรวจจับกลโกงลักษณะนี้ได้ในบางกรณี  
    • ช่วยแจ้งเตือนเมื่อหน้าเว็บมีพารามิเตอร์หรือข้อความแฝงผิดปกติ

    ✅ ตัวอย่างลักษณะ URL และพฤติกรรมที่ควรระวัง:  
    • มีเบอร์โทรต่อท้าย URL ของหน้าเว็บ  
    • มีคำเตือนรุนแรงผิดปกติ เช่น “Call now to avoid account lock”  
    • มีอักขระพิเศษใน URL เช่น %20 หรือพารามิเตอร์ยาวผิดปกติ  
    • หน้า search ของเว็บแสดงผลทันทีแม้ยังไม่ได้พิมพ์

    ‼️ อย่าโทรเบอร์ใด ๆ ที่พบจากโฆษณาหรือหน้าค้นหาโดยไม่ตรวจสอบก่อน  
    • ให้เช็กเบอร์จากช่องทางที่ยืนยันแล้ว เช่น อีเมลเก่า, แอปทางการ, โซเชียลทางการ หรือ Wikipedia

    ‼️ อย่าเชื่อเว็บที่คลิกเข้าไปจาก Google โดยไม่ตรวจสอบ URL ให้แน่ชัด  
    • แม้จะดูเป็นเว็บจริง แต่พารามิเตอร์ในลิงก์อาจถูกฉีดข้อมูลเข้ามา

    ‼️ ถ้าฝ่ายซัพพอร์ตถามข้อมูลการเงินที่ไม่เกี่ยวกับปัญหา อย่าตอบ — ควรวางสายทันที  
    • แบรนด์จริงไม่ควรขอรหัสผ่านหรือ OTP ผ่านการโทรปกติ

    ‼️ หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากอีเมลหรือโฆษณาที่พยายามสร้างความเร่งรีบ  
    • อาทิ “บัญชีจะถูกลบถ้าไม่ยืนยันใน 24 ชั่วโมง”

    https://www.techspot.com/news/108384-scammers-hijack-real-support-pages-show-fake-phone.html
    ปกติเวลาเรามีปัญหาใช้บริการ Netflix, Apple, Microsoft หรือธนาคารต่าง ๆ ก็จะเข้า Google แล้วพิมพ์ “เบอร์ฝ่ายซัพพอร์ต” ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้แฮกเกอร์รู้ทันคนแล้ว! Malwarebytes ออกมาเตือนว่า มิจฉาชีพซื้อโฆษณาบน Google แล้วใส่พารามิเตอร์พิเศษลงในลิงก์ ที่พาไปยังหน้าเว็บซัพพอร์ตจริงของแบรนด์ แต่จะฝัง เบอร์โทรปลอมไว้ในช่องค้นหาด้านบนของหน้าเว็บนั้น พูดง่าย ๆ คือ ลิงก์โฆษณาพาไปเว็บจริง แต่เนื้อหาเหมือน “ถูกฉีดข้อความ” ให้แสดงเบอร์หลอกไว้ตรงหน้า — ผู้ใช้ที่รีบโทร อาจโดนหลอกเอาข้อมูลบัญชี บัตรเครดิต หรือกู้เงินในชื่อเราได้ง่าย ๆ เลย เป้าหมายที่โดนบ่อยมีทั้ง Netflix, Apple, Facebook, PayPal, Microsoft, HP, Bank of America ฯลฯ โดยเฉพาะเว็บ Apple ที่แทบตรวจจับไม่ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง ✅ แฮกเกอร์ฝังเบอร์หลอกในหน้าเว็บซัพพอร์ตจริง โดยใช้ลิงก์โฆษณา Google Ads   • ใช้ query string ปลอมให้ช่องค้นหาบนหน้าเว็บแสดงเบอร์โทรหลอก ✅ เว็บแบรนด์ดังที่ตกเป็นเป้า ได้แก่:   • Apple, Netflix, PayPal, Microsoft, Facebook, Bank of America, HP ✅ ผู้ใช้เข้าเว็บจริงแต่เห็นเบอร์ปลอม คิดว่าเป็นของบริษัท และโทรหาแก๊งหลอกลวงโดยไม่รู้ตัว   • มิจฉาชีพจะพยายามล้วงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร, login credentials ✅ Malwarebytes ระบุว่า “Browser Guard” สามารถตรวจจับกลโกงลักษณะนี้ได้ในบางกรณี   • ช่วยแจ้งเตือนเมื่อหน้าเว็บมีพารามิเตอร์หรือข้อความแฝงผิดปกติ ✅ ตัวอย่างลักษณะ URL และพฤติกรรมที่ควรระวัง:   • มีเบอร์โทรต่อท้าย URL ของหน้าเว็บ   • มีคำเตือนรุนแรงผิดปกติ เช่น “Call now to avoid account lock”   • มีอักขระพิเศษใน URL เช่น %20 หรือพารามิเตอร์ยาวผิดปกติ   • หน้า search ของเว็บแสดงผลทันทีแม้ยังไม่ได้พิมพ์ ‼️ อย่าโทรเบอร์ใด ๆ ที่พบจากโฆษณาหรือหน้าค้นหาโดยไม่ตรวจสอบก่อน   • ให้เช็กเบอร์จากช่องทางที่ยืนยันแล้ว เช่น อีเมลเก่า, แอปทางการ, โซเชียลทางการ หรือ Wikipedia ‼️ อย่าเชื่อเว็บที่คลิกเข้าไปจาก Google โดยไม่ตรวจสอบ URL ให้แน่ชัด   • แม้จะดูเป็นเว็บจริง แต่พารามิเตอร์ในลิงก์อาจถูกฉีดข้อมูลเข้ามา ‼️ ถ้าฝ่ายซัพพอร์ตถามข้อมูลการเงินที่ไม่เกี่ยวกับปัญหา อย่าตอบ — ควรวางสายทันที   • แบรนด์จริงไม่ควรขอรหัสผ่านหรือ OTP ผ่านการโทรปกติ ‼️ หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากอีเมลหรือโฆษณาที่พยายามสร้างความเร่งรีบ   • อาทิ “บัญชีจะถูกลบถ้าไม่ยืนยันใน 24 ชั่วโมง” https://www.techspot.com/news/108384-scammers-hijack-real-support-pages-show-fake-phone.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scammers hijack real support pages to show fake phone numbers
    Many people likely understand that they should verify URLs when visiting sites for banks, tech companies, and other critical services to avoid fraudulent links. While steering clear...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • การยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขาในประทเศไทย ล่าสุดเมื่อ19 มิถุนายน 2568 กระทรวงการคลัง โดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้ประกาศรายชื่อ 3 กลุ่มที่ได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าจัดตั้ง Virtual Bank อย่างเป็นทางการแล้ว .โดย 3 กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบ ได้แก่.1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด”.บริษัทนี้คือบริษัทในเครือ Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney ที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมากและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบธนาคารแบบเดิมได้ ผนึกกำลังกับ CP Group ที่มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายค้าปลีก และ Ant Financial บริษัทภายใต้ Alibaba ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน) กลุ่มนี้เรียกว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้ และมีเทคโนโลยีสินเชื่อและเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งเช่นกัน.2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน).กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของธนาคารใหญ่ของรัฐอย่างธนาคารกรุงไทย ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากและประสบการณ์ด้านการเงิน พร้อมด้วย AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล รวมถึง PTTOR หรือ โออาร์ ที่มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันและร้านค้าปลีกครอบคลุมทั่วประเทศ ลองนึกภาพว่าเราเติมน้ำมันที่ปั๊มโออาร์ แล้วใช้แอป Virtual Bank ของกลุ่มนี้สแกนจ่าย หรือรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทันที สะดวกสุดๆ เลยใช่ไหมคะ.3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp..กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของ SCBX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีศักยภาพด้านการเงินและเทคโนโลยีสูง จับมือกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp. ซึ่ง KakaoBank เป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำจากเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์ตรงและเชี่ยวชาญในการทำ Virtual Bank .แล้วยังไงต่อ?.กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบทั้ง 3 รายนี้ จะต้องดำเนินการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงต้องผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนที่จะยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank จากนั้นจะต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้ ก็คือภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2569 นั่นเอง.สำหรับใครที่สงสัยว่า Virtual Bank คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเงินไทยได้อย่างไรบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/what-is-virtual-bank-thailand/ ที่มา MarketingOops
    การยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขาในประทเศไทย ล่าสุดเมื่อ19 มิถุนายน 2568 กระทรวงการคลัง โดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ได้ประกาศรายชื่อ 3 กลุ่มที่ได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าจัดตั้ง Virtual Bank อย่างเป็นทางการแล้ว .โดย 3 กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบ ได้แก่.1. บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด”.บริษัทนี้คือบริษัทในเครือ Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney ที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมากและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบธนาคารแบบเดิมได้ ผนึกกำลังกับ CP Group ที่มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายค้าปลีก และ Ant Financial บริษัทภายใต้ Alibaba ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน) กลุ่มนี้เรียกว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้ และมีเทคโนโลยีสินเชื่อและเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งเช่นกัน.2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน).กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของธนาคารใหญ่ของรัฐอย่างธนาคารกรุงไทย ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากและประสบการณ์ด้านการเงิน พร้อมด้วย AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล รวมถึง PTTOR หรือ โออาร์ ที่มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันและร้านค้าปลีกครอบคลุมทั่วประเทศ ลองนึกภาพว่าเราเติมน้ำมันที่ปั๊มโออาร์ แล้วใช้แอป Virtual Bank ของกลุ่มนี้สแกนจ่าย หรือรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทันที สะดวกสุดๆ เลยใช่ไหมคะ.3. บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp..กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของ SCBX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีศักยภาพด้านการเงินและเทคโนโลยีสูง จับมือกับ WeTechnology Limited และ KakaoBank Corp. ซึ่ง KakaoBank เป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำจากเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์ตรงและเชี่ยวชาญในการทำ Virtual Bank .แล้วยังไงต่อ?.กลุ่มที่ได้รับความเห็นชอบทั้ง 3 รายนี้ จะต้องดำเนินการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงต้องผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนที่จะยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank จากนั้นจะต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้ ก็คือภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2569 นั่นเอง.สำหรับใครที่สงสัยว่า Virtual Bank คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเงินไทยได้อย่างไรบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.marketingoops.com/reports/fast-fact-reports/what-is-virtual-bank-thailand/ ที่มา MarketingOops
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาสหรัฐฯ เปิดศึก “ตัดเส้นเลือด” อาชญากรรมไซเบอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อ Huione Group จากกัมพูชา บริษัทของญาติฮุน เซน กลายเป็นตัวอย่างของสงครามการเงินยุคดิจิทัลเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ขยับหมากชุดใหญ่ ด้วยการออกประกาศตาม มาตรา 311 ของกฎหมาย PATRIOT Actเพื่อตัดการเชื่อมต่อกลุ่มทุนจากกัมพูชาที่ชื่อว่า Huione Groupออกจากระบบการเงินสหรัฐฯ อย่างถาวรนี่ไม่ใช่การคว่ำบาตรแบบที่เราคุ้นชินจาก OFAC ที่แค่ “แช่แข็งบัญชี”แต่นี่คือการ ตัดเส้นเลือดใหญ่ ขององค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ผูกโยงกันระหว่างโลกเงินสด ธนาคารดั้งเดิม และโลกคริปโตเคอร์เรนซีHuione Group คือ “หัวใจโลกการเงิน” ของอุตสาหกรรมโกงออนไลน์ในเอเชียตามประกาศของ FinCEN (หน่วยงานปราบปรามการฟอกเงิน)Huione Group ฟอกเงินรวมกันกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาไม่ถึง 4 ปี!•37 ล้านดอลลาร์ มาจากปฏิบัติการไซเบอร์ที่ได้รับการหนุนหลังโดยรัฐเกาหลีเหนือ•36 ล้านดอลลาร์ จากกลโกงลงทุนแบบ “Pig Butchering” (หลอกลงทุนจนหมดตัว)•และ 300 ล้านดอลลาร์ จากอาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบอื่นๆสิ่งที่น่ากลัวคือ Huione ไม่ได้ทำแค่ในโลกออนไลน์แต่มันมีทั้งสาขาในโลกจริง และโครงสร้างที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย เช่น• Huione Pay สถาบันประมวลผลการชำระเงินในกัมพูชาที่มีใบอนุญาต•Huione Crypto แพลตฟอร์มบริการสินทรัพย์ดิจิทัล•Haowang Guarantee ตลาดออนไลน์ขายบริการผิดกฎหมายเว็บไซต์ของ Huione Guarantee ถูกอ้างถึงในรายงานของ UN ว่าเป็น “กลไกกลาง” ของอุตสาหกรรมโกงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเคยประมวลผลธุรกรรมไปมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2021!มาตรา 311 คือ อาวุธลับที่ไม่มีใครพูดถึงหลายคนรู้จักมาตรการคว่ำบาตรของ OFACแต่น้อยคนนักจะรู้ว่า “มาตรการแรงที่สุด” ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คือ Section 311เพราะมันไม่ได้แค่แช่แข็งเงิน แต่เป็นการ ตัดการเชื่อมต่อโดยสิ้นเชิง กับระบบดอลลาร์ความต่างระหว่าง 311 vs OFACหัวข้อมาตรา 311OFAC Sanctionsบังคับใช้โดย FinCENOFACจุดประสงค์เพื่อต่อต้านฟอกเงิน & ก่อการร้ายความมั่นคงชาติ (การค้า อาวุธ มนุษยชน)สิ่วที่จะเกิดขึ้น คือการจำกัดการเข้าถึงระบบธนาคารสหรัฐฯอายัดทรัพย์สินทันที (หากเป็น “interim final rule”)หลังประกาศธนาคารทั่วโลกจะ “เลิกยุ่ง” โดยสมัครใจ เพราะไม่คุ้มเสี่ยงต้องปฏิบัติตามทันทีกล่าวง่ายๆ คือ ถ้า OFAC เป็น “ตำรวจล้อมจับ” Section 311 คือ “ตัดสายเลือด” ไม่ให้เงินไหลเข้า-ออกระบบเลยทำไม Huione ถึงน่ากลัว?เพราะ Huione ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มแต่มันคือ ระบบนิเวศของอาชญากรรม ที่เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับคริปโตอย่างแนบเนียน•มีทั้ง Stablecoin (USDH) ที่โฆษณาชัดว่า “ไม่มีระบบอายัดทรัพย์สิน”•มี Blockchain ของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามธุรกรรม•มีการเคลื่อนย้ายเงิน ข้าม Chain (Ethereum, BSC, Tron, Huione Chain)•และยังมีบริการแปลง Fiat → Crypto → Fiat ที่ทำให้ธนาคารตามไม่ทันระบบธนาคารทั่วไปเห็นแค่ “ถอนเงินปกติ” แต่ Blockchain วิเคราะห์ลึกถึงขั้นพบว่าเงินมาจากการโกงออนไลน์ดังนั้น ถ้าไม่มีระบบที่เชื่อมต่อข้อมูลโลก “on-chain” และ “off-chain”ธนาคารก็จะมองไม่เห็นความเสี่ยงเลยแม้ว่า Section 311 จะมีเวลาให้แสดงความเห็น 30 วันแต่ในทางปฏิบัติผลกระทบจะเริ่มต้นทันทีเพราะธนาคารต้อง1.รีบตรวจสอบ ว่ามีลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Huione หรือไม่2.ย้อนดูธุรกรรมย้อนหลัง หลายปี เพื่อทำ Suspicious Activity Report (SAR)3.ขยายขอบเขต ไปยังบุคคลที่ 3 ที่อาจเกี่ยวข้องโดยอ้อม4.รับมือกับข่าวสารใหม่ ที่หลั่งไหลเข้ามาทุกวันเกี่ยวกับเครือข่ายนี้กรณี Huione สอนเราว่าการฟอกเงินยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ใส่เงินเข้าเครื่องซัก แล้วออกมาใหม่ แต่มันคือกาใช้กลไกซับซ้อนระหว่างโลกคริปโต และธนาคาร ซ่อนเงินไว้หลาย Layer ที่ไม่มีใครคนเดียวมองเห็นทั้งหมด ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย องค์กรที่ไม่มี ระบบ compliance ที่เชื่อมโลกเก่ากับโลกใหม่เข้าด้วยกันจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่ใช่แค่เสียชื่อเสียง แต่อาจถูกตั้งข้อหา “ละเลยความเสี่ยง” และเสียใบอนุญาตได้Huione Group ไม่ใช่แค่บริษัทหนึ่งแต่มันคือสัญลักษณ์ของยุคที่อาชญากรใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า Regulatorและโลกการเงินต้องตื่นตัว ปรับตัวอย่างไม่รีรอตัดท่อน้ำเลี้ยงให้เร็ว ก่อนที่ระบบจะล่มทั้งเครือข่าย ที่มา : https://x.com/galadriel_tx/status/1934425378522828961?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA
    กัมพูชาสหรัฐฯ เปิดศึก “ตัดเส้นเลือด” อาชญากรรมไซเบอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อ Huione Group จากกัมพูชา บริษัทของญาติฮุน เซน กลายเป็นตัวอย่างของสงครามการเงินยุคดิจิทัลเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ขยับหมากชุดใหญ่ ด้วยการออกประกาศตาม มาตรา 311 ของกฎหมาย PATRIOT Actเพื่อตัดการเชื่อมต่อกลุ่มทุนจากกัมพูชาที่ชื่อว่า Huione Groupออกจากระบบการเงินสหรัฐฯ อย่างถาวรนี่ไม่ใช่การคว่ำบาตรแบบที่เราคุ้นชินจาก OFAC ที่แค่ “แช่แข็งบัญชี”แต่นี่คือการ ตัดเส้นเลือดใหญ่ ขององค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ผูกโยงกันระหว่างโลกเงินสด ธนาคารดั้งเดิม และโลกคริปโตเคอร์เรนซีHuione Group คือ “หัวใจโลกการเงิน” ของอุตสาหกรรมโกงออนไลน์ในเอเชียตามประกาศของ FinCEN (หน่วยงานปราบปรามการฟอกเงิน)Huione Group ฟอกเงินรวมกันกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาไม่ถึง 4 ปี!•37 ล้านดอลลาร์ มาจากปฏิบัติการไซเบอร์ที่ได้รับการหนุนหลังโดยรัฐเกาหลีเหนือ•36 ล้านดอลลาร์ จากกลโกงลงทุนแบบ “Pig Butchering” (หลอกลงทุนจนหมดตัว)•และ 300 ล้านดอลลาร์ จากอาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบอื่นๆสิ่งที่น่ากลัวคือ Huione ไม่ได้ทำแค่ในโลกออนไลน์แต่มันมีทั้งสาขาในโลกจริง และโครงสร้างที่ดูเหมือนถูกกฎหมาย เช่น• Huione Pay สถาบันประมวลผลการชำระเงินในกัมพูชาที่มีใบอนุญาต•Huione Crypto แพลตฟอร์มบริการสินทรัพย์ดิจิทัล•Haowang Guarantee ตลาดออนไลน์ขายบริการผิดกฎหมายเว็บไซต์ของ Huione Guarantee ถูกอ้างถึงในรายงานของ UN ว่าเป็น “กลไกกลาง” ของอุตสาหกรรมโกงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเคยประมวลผลธุรกรรมไปมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2021!มาตรา 311 คือ อาวุธลับที่ไม่มีใครพูดถึงหลายคนรู้จักมาตรการคว่ำบาตรของ OFACแต่น้อยคนนักจะรู้ว่า “มาตรการแรงที่สุด” ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คือ Section 311เพราะมันไม่ได้แค่แช่แข็งเงิน แต่เป็นการ ตัดการเชื่อมต่อโดยสิ้นเชิง กับระบบดอลลาร์ความต่างระหว่าง 311 vs OFACหัวข้อมาตรา 311OFAC Sanctionsบังคับใช้โดย FinCENOFACจุดประสงค์เพื่อต่อต้านฟอกเงิน & ก่อการร้ายความมั่นคงชาติ (การค้า อาวุธ มนุษยชน)สิ่วที่จะเกิดขึ้น คือการจำกัดการเข้าถึงระบบธนาคารสหรัฐฯอายัดทรัพย์สินทันที (หากเป็น “interim final rule”)หลังประกาศธนาคารทั่วโลกจะ “เลิกยุ่ง” โดยสมัครใจ เพราะไม่คุ้มเสี่ยงต้องปฏิบัติตามทันทีกล่าวง่ายๆ คือ ถ้า OFAC เป็น “ตำรวจล้อมจับ” Section 311 คือ “ตัดสายเลือด” ไม่ให้เงินไหลเข้า-ออกระบบเลยทำไม Huione ถึงน่ากลัว?เพราะ Huione ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มแต่มันคือ ระบบนิเวศของอาชญากรรม ที่เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับคริปโตอย่างแนบเนียน•มีทั้ง Stablecoin (USDH) ที่โฆษณาชัดว่า “ไม่มีระบบอายัดทรัพย์สิน”•มี Blockchain ของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามธุรกรรม•มีการเคลื่อนย้ายเงิน ข้าม Chain (Ethereum, BSC, Tron, Huione Chain)•และยังมีบริการแปลง Fiat → Crypto → Fiat ที่ทำให้ธนาคารตามไม่ทันระบบธนาคารทั่วไปเห็นแค่ “ถอนเงินปกติ” แต่ Blockchain วิเคราะห์ลึกถึงขั้นพบว่าเงินมาจากการโกงออนไลน์ดังนั้น ถ้าไม่มีระบบที่เชื่อมต่อข้อมูลโลก “on-chain” และ “off-chain”ธนาคารก็จะมองไม่เห็นความเสี่ยงเลยแม้ว่า Section 311 จะมีเวลาให้แสดงความเห็น 30 วันแต่ในทางปฏิบัติผลกระทบจะเริ่มต้นทันทีเพราะธนาคารต้อง1.รีบตรวจสอบ ว่ามีลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Huione หรือไม่2.ย้อนดูธุรกรรมย้อนหลัง หลายปี เพื่อทำ Suspicious Activity Report (SAR)3.ขยายขอบเขต ไปยังบุคคลที่ 3 ที่อาจเกี่ยวข้องโดยอ้อม4.รับมือกับข่าวสารใหม่ ที่หลั่งไหลเข้ามาทุกวันเกี่ยวกับเครือข่ายนี้กรณี Huione สอนเราว่าการฟอกเงินยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ใส่เงินเข้าเครื่องซัก แล้วออกมาใหม่ แต่มันคือกาใช้กลไกซับซ้อนระหว่างโลกคริปโต และธนาคาร ซ่อนเงินไว้หลาย Layer ที่ไม่มีใครคนเดียวมองเห็นทั้งหมด ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย องค์กรที่ไม่มี ระบบ compliance ที่เชื่อมโลกเก่ากับโลกใหม่เข้าด้วยกันจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป ไม่ใช่แค่เสียชื่อเสียง แต่อาจถูกตั้งข้อหา “ละเลยความเสี่ยง” และเสียใบอนุญาตได้Huione Group ไม่ใช่แค่บริษัทหนึ่งแต่มันคือสัญลักษณ์ของยุคที่อาชญากรใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า Regulatorและโลกการเงินต้องตื่นตัว ปรับตัวอย่างไม่รีรอตัดท่อน้ำเลี้ยงให้เร็ว ก่อนที่ระบบจะล่มทั้งเครือข่าย ที่มา : https://x.com/galadriel_tx/status/1934425378522828961?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านได้เผยแพร่ภาพวิดีโอแบบจำลอง 3 มิติที่แสดงภาพเมืองเทลอาวีฟ ไม่เพียงแค่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเป้าหมายทางระบบเศรษฐกิจ เป้าหมายธนาคารทั้งหมด ซึ่งระบุไปถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุดที่จะตกเป็นเป้หมายในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหากอิสราเอลยังไม่หยุดรุกรานอิหร่าน
    อิหร่านได้เผยแพร่ภาพวิดีโอแบบจำลอง 3 มิติที่แสดงภาพเมืองเทลอาวีฟ ไม่เพียงแค่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเป้าหมายทางระบบเศรษฐกิจ เป้าหมายธนาคารทั้งหมด ซึ่งระบุไปถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุดที่จะตกเป็นเป้หมายในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหากอิสราเอลยังไม่หยุดรุกรานอิหร่าน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยเผยว่า 35,000 อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ มีช่องโหว่และสามารถถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ อุปกรณ์เหล่านี้ เช่น อินเวอร์เตอร์, ดาต้า ล็อกเกอร์ และเกตเวย์ ถูกเปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแฮก โดย ยุโรปมีอุปกรณ์ที่เสี่ยงสูงสุดถึง 76% โดยเฉพาะใน เยอรมนีและกรีซ

    ✅ อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์กว่า 35,000 รายการมีช่องโหว่
    - ผลการศึกษาจาก Forescout’s Vedere Labs พบว่าอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์หลายพันตัวเปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต
    - พบ 46 ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์
    - อุปกรณ์ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    ✅ ยุโรปคือจุดเสี่ยงหลัก
    - 76% ของอุปกรณ์ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและกรีซ
    - อุปกรณ์ SolarView Compact ถูกเปิดเผยมากขึ้น 350% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไซเบอร์ในปี 2024 ที่ทำให้บัญชีธนาคารในญี่ปุ่นถูกโจมตี

    ✅ ปัญหาการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัย
    - นักวิเคราะห์พบว่า ผู้ผลิตที่มีอุปกรณ์เปิดเผยมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทที่มีการติดตั้งสูงสุด
    - ปัญหาอาจเกิดจาก การตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่ปลอดภัย หรือคำแนะนำผู้ใช้ที่ไม่ชัดเจน

    ⚠️ คำเตือนและแนวทางป้องกัน
    ‼️ อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจถูกโจมตีได้
    - อุปกรณ์ที่มี เฟิร์มแวร์ล้าสมัย อาจมีช่องโหว่ที่ ถูกใช้ในการโจมตีในปัจจุบัน
    - ตัวอย่างเช่น SMA Sunny WebBox ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว ยังคงมีอุปกรณ์เปิดเผยจำนวนมาก

    ‼️ วิธีลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
    - ห้ามเปิดเผยอินเทอร์เฟซการจัดการอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ต่ออินเทอร์เน็ต
    - ใช้ VPN ที่มีความปลอดภัย และปฏิบัติตามแนวทางจาก CISA และ NIST
    - ใช้ระบบป้องกัน เช่น Zero Trust Network Access (ZTNA) และเครื่องมือแอนตี้ไวรัสระดับสูง

    https://www.techradar.com/pro/security/35-000-solar-pv-devices-hit-by-dozens-of-vulnerabilities-and-weaknesses-is-yours-one-of-them
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเผยว่า 35,000 อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ มีช่องโหว่และสามารถถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ อุปกรณ์เหล่านี้ เช่น อินเวอร์เตอร์, ดาต้า ล็อกเกอร์ และเกตเวย์ ถูกเปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแฮก โดย ยุโรปมีอุปกรณ์ที่เสี่ยงสูงสุดถึง 76% โดยเฉพาะใน เยอรมนีและกรีซ ✅ อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์กว่า 35,000 รายการมีช่องโหว่ - ผลการศึกษาจาก Forescout’s Vedere Labs พบว่าอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์หลายพันตัวเปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต - พบ 46 ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์ - อุปกรณ์ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ต อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ✅ ยุโรปคือจุดเสี่ยงหลัก - 76% ของอุปกรณ์ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและกรีซ - อุปกรณ์ SolarView Compact ถูกเปิดเผยมากขึ้น 350% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไซเบอร์ในปี 2024 ที่ทำให้บัญชีธนาคารในญี่ปุ่นถูกโจมตี ✅ ปัญหาการตั้งค่าที่ไม่ปลอดภัย - นักวิเคราะห์พบว่า ผู้ผลิตที่มีอุปกรณ์เปิดเผยมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทที่มีการติดตั้งสูงสุด - ปัญหาอาจเกิดจาก การตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่ปลอดภัย หรือคำแนะนำผู้ใช้ที่ไม่ชัดเจน ⚠️ คำเตือนและแนวทางป้องกัน ‼️ อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจถูกโจมตีได้ - อุปกรณ์ที่มี เฟิร์มแวร์ล้าสมัย อาจมีช่องโหว่ที่ ถูกใช้ในการโจมตีในปัจจุบัน - ตัวอย่างเช่น SMA Sunny WebBox ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว ยังคงมีอุปกรณ์เปิดเผยจำนวนมาก ‼️ วิธีลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี - ห้ามเปิดเผยอินเทอร์เฟซการจัดการอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ต่ออินเทอร์เน็ต - ใช้ VPN ที่มีความปลอดภัย และปฏิบัติตามแนวทางจาก CISA และ NIST - ใช้ระบบป้องกัน เช่น Zero Trust Network Access (ZTNA) และเครื่องมือแอนตี้ไวรัสระดับสูง https://www.techradar.com/pro/security/35-000-solar-pv-devices-hit-by-dozens-of-vulnerabilities-and-weaknesses-is-yours-one-of-them
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚠️ กลโกง Bitcoin ATM: วิธีใหม่ในการหลอกลวงทางการเงิน
    Bitcoin ATM กำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของมิจฉาชีพ โดยใช้ กลยุทธ์หลอกลวงทางโทรศัพท์ เพื่อให้เหยื่อ ถอนเงินสดและฝากเข้า Bitcoin ATM ซึ่งทำให้เงินหายไปโดยไม่สามารถติดตามได้

    🔍 วิธีการหลอกลวงที่พบในสหรัฐฯ
    ✅ มิจฉาชีพใช้โทรศัพท์หลอกเหยื่อให้ถอนเงินสด
    - เหยื่อได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจาก Apple หรือธนาคาร
    - ถูกข่มขู่ว่าบัญชีของตนมีธุรกรรมผิดกฎหมาย เช่น การซื้อสื่อลามกอนาจาร
    - มิจฉาชีพอ้างว่าเงินจะถูกยึดหากไม่รีบถอนและฝากเข้า “บัญชีตัวแทน” ผ่าน Bitcoin ATM

    ✅ Bitcoin ATM ถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
    - เครื่องเหล่านี้ไม่สามารถถอนเงินสดได้ แต่รับเงินสดเพื่อแลกเป็นคริปโตเคอร์เรนซี
    - เงินที่ฝากเข้าไปจะถูกโอนไปยังบัญชีที่ไม่สามารถติดตามได้
    - มีการฟ้องร้องบริษัทผู้ให้บริการ Bitcoin ATM ในหลายรัฐ เช่น นิวเจอร์ซีย์และไอโอวา

    ✅ มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - จากปี 2020 ถึง 2023 ความเสียหายจากการหลอกลวงผ่าน Bitcoin ATM เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า
    - ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    🔥 ผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงิน
    ‼️ Bitcoin ATM อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินและฉ้อโกง
    - มิจฉาชีพสามารถใช้เครื่องเหล่านี้เพื่อรับเงินจากเหยื่อโดยไม่สามารถติดตามได้

    ‼️ การหลอกลวงทางโทรศัพท์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น
    - การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ (spoofing) ทำให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังคุยกับบริษัทจริง

    ‼️ กฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ATM ยังไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
    - บางรัฐเริ่มพิจารณาห้ามการติดตั้ง Bitcoin ATM เพื่อป้องกันการฉ้อโกง

    🚀 แนวทางป้องกันและอนาคตของ Bitcoin ATM
    ✅ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน
    - หากได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัย ควรติดต่อธนาคารโดยตรงเพื่อยืนยัน

    ✅ หน่วยงานกำกับดูแลควรเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง
    - ควรมีระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้

    ✅ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุม Bitcoin ATM หรือไม่
    - บางรัฐกำลังพิจารณาห้ามการติดตั้งเครื่องเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/she-got-a-phone-call-to-deposit-her-money-the-terrifying-scam-inside-bitcoin-atms-in-the-us
    ⚠️ กลโกง Bitcoin ATM: วิธีใหม่ในการหลอกลวงทางการเงิน Bitcoin ATM กำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของมิจฉาชีพ โดยใช้ กลยุทธ์หลอกลวงทางโทรศัพท์ เพื่อให้เหยื่อ ถอนเงินสดและฝากเข้า Bitcoin ATM ซึ่งทำให้เงินหายไปโดยไม่สามารถติดตามได้ 🔍 วิธีการหลอกลวงที่พบในสหรัฐฯ ✅ มิจฉาชีพใช้โทรศัพท์หลอกเหยื่อให้ถอนเงินสด - เหยื่อได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจาก Apple หรือธนาคาร - ถูกข่มขู่ว่าบัญชีของตนมีธุรกรรมผิดกฎหมาย เช่น การซื้อสื่อลามกอนาจาร - มิจฉาชีพอ้างว่าเงินจะถูกยึดหากไม่รีบถอนและฝากเข้า “บัญชีตัวแทน” ผ่าน Bitcoin ATM ✅ Bitcoin ATM ถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน - เครื่องเหล่านี้ไม่สามารถถอนเงินสดได้ แต่รับเงินสดเพื่อแลกเป็นคริปโตเคอร์เรนซี - เงินที่ฝากเข้าไปจะถูกโอนไปยังบัญชีที่ไม่สามารถติดตามได้ - มีการฟ้องร้องบริษัทผู้ให้บริการ Bitcoin ATM ในหลายรัฐ เช่น นิวเจอร์ซีย์และไอโอวา ✅ มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - จากปี 2020 ถึง 2023 ความเสียหายจากการหลอกลวงผ่าน Bitcoin ATM เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า - ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 🔥 ผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงิน ‼️ Bitcoin ATM อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินและฉ้อโกง - มิจฉาชีพสามารถใช้เครื่องเหล่านี้เพื่อรับเงินจากเหยื่อโดยไม่สามารถติดตามได้ ‼️ การหลอกลวงทางโทรศัพท์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น - การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ (spoofing) ทำให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังคุยกับบริษัทจริง ‼️ กฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ATM ยังไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ - บางรัฐเริ่มพิจารณาห้ามการติดตั้ง Bitcoin ATM เพื่อป้องกันการฉ้อโกง 🚀 แนวทางป้องกันและอนาคตของ Bitcoin ATM ✅ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน - หากได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัย ควรติดต่อธนาคารโดยตรงเพื่อยืนยัน ✅ หน่วยงานกำกับดูแลควรเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง - ควรมีระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้ ✅ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุม Bitcoin ATM หรือไม่ - บางรัฐกำลังพิจารณาห้ามการติดตั้งเครื่องเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/she-got-a-phone-call-to-deposit-her-money-the-terrifying-scam-inside-bitcoin-atms-in-the-us
    WWW.THESTAR.COM.MY
    She got a phone call to deposit her money. The terrifying scam inside bitcoin ATMs in the US
    Bitcoin ATMs – generally found at convenience stores, gas stations and other high-traffic areas – have increasingly become the latest tool to separate people from their money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ประเทศไทยต้องการรอด ต้องทำลายระบบเน็ตทำลายสายเคเบิล,ทำลายskynetร่วมกับฝ่ายดี,ถ้าผู้นำไม่แน่จริงและควบคุมAIไม่ได้อย่าแสดงนำพาคนไทยไปตายทั้งหมด,ล้ำๆมีดีและมีด้านไม่ดี,เผด็จการคุมก็ซวยแน่นอน,ฝ่ายดีคุมก็พอไปไหว,

    ..🇨🇳 ปัจจุบัน ชาวจีนหลายหมื่นคนสูญเสียบ้านเรือนไปแล้วเนื่องจากพวกเขาอยู่ในบัญชีดำของระบบเครดิตทางสังคม

    เมื่อคุณอยู่ในบัญชีดำ เจ้าหน้าที่จะอายัดบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัล WeChat ของคุณทันที ทำให้หางานได้ยาก
    ..ประเทศไทยต้องการรอด ต้องทำลายระบบเน็ตทำลายสายเคเบิล,ทำลายskynetร่วมกับฝ่ายดี,ถ้าผู้นำไม่แน่จริงและควบคุมAIไม่ได้อย่าแสดงนำพาคนไทยไปตายทั้งหมด,ล้ำๆมีดีและมีด้านไม่ดี,เผด็จการคุมก็ซวยแน่นอน,ฝ่ายดีคุมก็พอไปไหว, ..🇨🇳 ปัจจุบัน ชาวจีนหลายหมื่นคนสูญเสียบ้านเรือนไปแล้วเนื่องจากพวกเขาอยู่ในบัญชีดำของระบบเครดิตทางสังคม เมื่อคุณอยู่ในบัญชีดำ เจ้าหน้าที่จะอายัดบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัล WeChat ของคุณทันที ทำให้หางานได้ยาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กลุ่มการเงิน ยังไม่น่ากังวล (12/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #กลุ่มการเงิน #ธนาคาร #หุ้น
    กลุ่มการเงิน ยังไม่น่ากังวล (12/06/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #กลุ่มการเงิน #ธนาคาร #หุ้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกับ ChatGPT : Reset ชีวิตใหม่ได้คุ้มเสีย?

    ในยุคที่โลกหมุนเร็วและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย อาจมีบางคนเคยคิดถึงการรีเซตชีวิตด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น ย้ายที่อยู่ ลบบัญชีโซเชียลฯ เปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือแม้แต่ตัดขาดจากอดีตทั้งหมด เพื่อหนีปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ให้ชีวิต แต่คำถามคือ การรีเซตชีวิตแบบนี้จะได้คุ้มเสียหรือไม่?

    การรีเซตชีวิต ให้โอกาสที่ดีในการตัดขาดจากอดีตที่เจ็บปวดหรือเป็นพิษหนักในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ความทรงจำที่บั่นทอนใจ หรือแม้แต่สถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น การถูกคุกคามทางกายใจหรือจิตใจ ซึ่งการย้ายที่อยู่ ลบบัญชีและเปลี่ยนชื่อ อาจช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และเปิดพื้นที่ให้สร้างตัวตนใหม่อย่างอิสระ ปลดล็อกความคิดเก่าๆ ที่เคยจำกัดความก้าวหน้าในชีวิต ทำให้มีโอกาสเริ่มต้นสร้างงานใหม่ พบเพื่อนใหม่ และเติบโตในทางที่ต้องการ

    อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัดที่ควรระวัง เพราะการตัดขาดจากอดีตโดยสมบูรณ์หมายถึงการสูญเสียเครือข่ายสังคมเดิม ครอบครัว หรือคนที่ยังสำคัญในชีวิต การเปลี่ยนชื่อและย้ายที่อยู่ยังซับซ้อนทั้งด้านกฎหมายและเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน บัญชีธนาคาร รวมถึงความยุ่งยากในการปรับตัวในที่ใหม่ที่ไม่มีความคุ้นเคย และความโดดเดี่ยวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อตัดขาดจากคนใกล้ตัว ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีในยุคนี้ทำให้ข้อมูลเก่าอาจถูกค้นพบได้ง่าย การเริ่มต้นใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด

    วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่มีเหตุผลจำเป็นและชัดเจน เช่น ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์คุกคามรุนแรง หรือคนที่พยายามทุกวิธีแล้วแต่ปัญหายังแก้ไม่ตก และพร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตทั้งทางกายและใจ รวมถึงมีแผนรองรับชีวิตใหม่อย่างชัดเจน มีงาน เงินทุน และผู้สนับสนุน แต่ในทางตรงกันข้าม หากปัญหาแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมภายในกรอบเดิม การตัดขาดสุดโต่งอาจเป็นทางเลือกที่เกินความจำเป็น เสียโอกาสในการเติบโตอย่างสร้างสรรค์

    การรีเซตชีวิต อาจเป็นทางเลือกที่มีพลังสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ความยุ่งยาก และการสูญเสียบางอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ จึงควรทำด้วยความรอบคอบ ประเมินสถานการณ์และความพร้อมทั้งด้านกาย ใจ และสังคมอย่างละเอียด หากต้องการความมั่นใจ การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ทนายความ หรือที่ปรึกษาชีวิตจะช่วยให้เส้นทางนี้ปลอดภัยและเหมาะสมมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วการเริ่มต้นใหม่ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีจากอดีตเสมอไป บางครั้งการเผชิญหน้าและเรียนรู้จากอดีตก็สามารถนำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้เช่นกัน

    #Newskit
    คุยกับ ChatGPT : Reset ชีวิตใหม่ได้คุ้มเสีย? ในยุคที่โลกหมุนเร็วและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย อาจมีบางคนเคยคิดถึงการรีเซตชีวิตด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น ย้ายที่อยู่ ลบบัญชีโซเชียลฯ เปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือแม้แต่ตัดขาดจากอดีตทั้งหมด เพื่อหนีปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ให้ชีวิต แต่คำถามคือ การรีเซตชีวิตแบบนี้จะได้คุ้มเสียหรือไม่? การรีเซตชีวิต ให้โอกาสที่ดีในการตัดขาดจากอดีตที่เจ็บปวดหรือเป็นพิษหนักในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ความทรงจำที่บั่นทอนใจ หรือแม้แต่สถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น การถูกคุกคามทางกายใจหรือจิตใจ ซึ่งการย้ายที่อยู่ ลบบัญชีและเปลี่ยนชื่อ อาจช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และเปิดพื้นที่ให้สร้างตัวตนใหม่อย่างอิสระ ปลดล็อกความคิดเก่าๆ ที่เคยจำกัดความก้าวหน้าในชีวิต ทำให้มีโอกาสเริ่มต้นสร้างงานใหม่ พบเพื่อนใหม่ และเติบโตในทางที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัดที่ควรระวัง เพราะการตัดขาดจากอดีตโดยสมบูรณ์หมายถึงการสูญเสียเครือข่ายสังคมเดิม ครอบครัว หรือคนที่ยังสำคัญในชีวิต การเปลี่ยนชื่อและย้ายที่อยู่ยังซับซ้อนทั้งด้านกฎหมายและเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน บัญชีธนาคาร รวมถึงความยุ่งยากในการปรับตัวในที่ใหม่ที่ไม่มีความคุ้นเคย และความโดดเดี่ยวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อตัดขาดจากคนใกล้ตัว ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีในยุคนี้ทำให้ข้อมูลเก่าอาจถูกค้นพบได้ง่าย การเริ่มต้นใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่มีเหตุผลจำเป็นและชัดเจน เช่น ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์คุกคามรุนแรง หรือคนที่พยายามทุกวิธีแล้วแต่ปัญหายังแก้ไม่ตก และพร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตทั้งทางกายและใจ รวมถึงมีแผนรองรับชีวิตใหม่อย่างชัดเจน มีงาน เงินทุน และผู้สนับสนุน แต่ในทางตรงกันข้าม หากปัญหาแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมภายในกรอบเดิม การตัดขาดสุดโต่งอาจเป็นทางเลือกที่เกินความจำเป็น เสียโอกาสในการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ การรีเซตชีวิต อาจเป็นทางเลือกที่มีพลังสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ความยุ่งยาก และการสูญเสียบางอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ จึงควรทำด้วยความรอบคอบ ประเมินสถานการณ์และความพร้อมทั้งด้านกาย ใจ และสังคมอย่างละเอียด หากต้องการความมั่นใจ การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ทนายความ หรือที่ปรึกษาชีวิตจะช่วยให้เส้นทางนี้ปลอดภัยและเหมาะสมมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วการเริ่มต้นใหม่ไม่ได้หมายความว่าต้องหนีจากอดีตเสมอไป บางครั้งการเผชิญหน้าและเรียนรู้จากอดีตก็สามารถนำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้เช่นกัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถูกหลอกให้โอนเงินระหว่างทำภารกิจออนไลน์‼️ ยิ่งรู้ตัวไว‼️ ยิ่งเสียหายไม่เยอะ‼️

    เก็บหลักฐาน รีบติดต่อ “สายด่วน AOC” 📞โทร. 1441 หรือสายด่วนของธนาคาร เพื่อขอให้ดำเนินการระงับบัญชี

    #แบงก์ชาติ #ทุกเดือนต้องเตือนกัน #เตือนภัย #ภัยการเงิน
    ถูกหลอกให้โอนเงินระหว่างทำภารกิจออนไลน์‼️ ยิ่งรู้ตัวไว‼️ ยิ่งเสียหายไม่เยอะ‼️ เก็บหลักฐาน รีบติดต่อ “สายด่วน AOC” 📞โทร. 1441 หรือสายด่วนของธนาคาร เพื่อขอให้ดำเนินการระงับบัญชี #แบงก์ชาติ #ทุกเดือนต้องเตือนกัน #เตือนภัย #ภัยการเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถูกหลอกให้โอนเงินระหว่างทำภารกิจออนไลน์‼️ ยิ่งรู้ตัวไว‼️ ยิ่งเสียหายไม่เยอะ‼️

    เก็บหลักฐาน รีบติดต่อ “สายด่วน AOC” 📞โทร. 1441 หรือสายด่วนของธนาคาร เพื่อขอให้ดำเนินการระงับบัญชี

    #แบงก์ชาติ #ทุกเดือนต้องเตือนกัน #เตือนภัย #ภัยการเงิน
    ถูกหลอกให้โอนเงินระหว่างทำภารกิจออนไลน์‼️ ยิ่งรู้ตัวไว‼️ ยิ่งเสียหายไม่เยอะ‼️ เก็บหลักฐาน รีบติดต่อ “สายด่วน AOC” 📞โทร. 1441 หรือสายด่วนของธนาคาร เพื่อขอให้ดำเนินการระงับบัญชี #แบงก์ชาติ #ทุกเดือนต้องเตือนกัน #เตือนภัย #ภัยการเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💡 สรุป 6 กลโกงยอดฮิตที่มิจฉาชีพใช้แอบอ้างหน่วยงานต่างๆ

    มาดูกันว่ามิจฉาชีพมีวิธีไหนบ้างที่ใช้หลอกเราให้โอนเงิน หรือล้วงข้อมูลสำคัญของเราไป เช่น อ้างว่าเป็นธนาคาร DSI ตำรวจ การไฟฟ้า แบงก์ชาติ หรือกรมบัญชีกลาง

    จำไว้เสมอว่า "ของจริงไม่ทำ ของปลอมเท่านั้นที่มาหลอก!" สงสัย ให้ " Double Check เช็กซ้ำก่อนโอน!" ถ้าไม่แน่ใจให้ตรวจสอบกับหน่วยงานโดยตรงเสมอ 🙌
    💡 สรุป 6 กลโกงยอดฮิตที่มิจฉาชีพใช้แอบอ้างหน่วยงานต่างๆ มาดูกันว่ามิจฉาชีพมีวิธีไหนบ้างที่ใช้หลอกเราให้โอนเงิน หรือล้วงข้อมูลสำคัญของเราไป เช่น อ้างว่าเป็นธนาคาร DSI ตำรวจ การไฟฟ้า แบงก์ชาติ หรือกรมบัญชีกลาง จำไว้เสมอว่า "ของจริงไม่ทำ ของปลอมเท่านั้นที่มาหลอก!" สงสัย ให้ " Double Check เช็กซ้ำก่อนโอน!" ถ้าไม่แน่ใจให้ตรวจสอบกับหน่วยงานโดยตรงเสมอ 🙌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คำสั่งกฎอัยการทางทหารไทยประกาศคว่ำบาตรเขมรทุกๆด้านทุกๆกรณีก่อนก็ได้,เราจะเริ่มเห็นความบันเทิงภ่ยในเขมรกัดกันเองทันที,ไทยเราจะไม่สูญเสียอะไร,
    ..ใช้กฎอัยการศึกเรียกฑูตไทยกลับประเทศ,ถีบฑูตเขมรออกจากไทย,ผลักดันแรงงานเขมรและคนเขมรทั้งหมดออกจากไทยภายใน48ชม.,ปิดบัญชีธนาคารของคนเขมรที่ใช้บริการธนาคารของไทยหรือที่ตั้งสาขาสำนักใหญ่หรือสำนักงานสาขาที่ประกอบกิจการทางเงินบนดินแดนอธิปไตยไทยทั้งหมด,ห้ามคนเขมรโอนตังออกนอกประเทศไทยหรือไปเขมรทุกๆบัญชีทุกๆกรณีทั้งหมด,บัญชีใดฝ่าฝืนโอนไปประเทศเขมรจับติดคุกทุกๆกรณี,คริปโตฯโทเคนตังดิจิดัลทั้งหมดก็เช่นเดียวกัน,ระงับและอายัดเงินกระแสการเงินไปเขมรทั้งหมดจากประเทศไทย,เป็นกรณีเร่งด่วนปฏิบัติแรกทันที,นี้แค่พื้นๆก่อนๆ แค่คว่ำบาตรเขมรก่อนในทุกๆด้าน อย่าสนใจชีวิตคนเขมรตลอดพรมแดนทั้งหมด,มันคือความมั่นคงของประเทศแล้ว เขมรคือภัยความมั่นคงของไทยและอาเชียน,โลภละโมบในสิ่งที่มิใช่ของตน.,ต้องทำให้เขมรล้มละลายโดยแค่ไทยเราประกาศคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการทั้งหมดและทุกๆกรณีก่อน,ส่วนมาตราการทางทหารมันรู้ผลแล้ว,ทหารพระราชาต้องถีบต้องยึดอำนาจรัฐบาลนี้ก่อน,จึงจะดำเนินสายตราบปราบเล่นสาระพัดยุทธวิธีได้เต็มที่,อำนาจเด็ดขาดต้องอยู่ในมือทหารพร้อมสั่งการทุกๆเรื่องได้หมด,ไร้ความเกรงใจสิ่งชั่วเลวใดๆด้วย,คนเนรคุณทรยศประเทศไทยคุกคามประเทศไทยต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยและต้องแพ้ประเทศไทยหรือประเทศไทยเข้าทำลายกำจัดขั้นเด็ดขาดทันที.
    ..คำสั่งกฎอัยการทางทหารไทยประกาศคว่ำบาตรเขมรทุกๆด้านทุกๆกรณีก่อนก็ได้,เราจะเริ่มเห็นความบันเทิงภ่ยในเขมรกัดกันเองทันที,ไทยเราจะไม่สูญเสียอะไร, ..ใช้กฎอัยการศึกเรียกฑูตไทยกลับประเทศ,ถีบฑูตเขมรออกจากไทย,ผลักดันแรงงานเขมรและคนเขมรทั้งหมดออกจากไทยภายใน48ชม.,ปิดบัญชีธนาคารของคนเขมรที่ใช้บริการธนาคารของไทยหรือที่ตั้งสาขาสำนักใหญ่หรือสำนักงานสาขาที่ประกอบกิจการทางเงินบนดินแดนอธิปไตยไทยทั้งหมด,ห้ามคนเขมรโอนตังออกนอกประเทศไทยหรือไปเขมรทุกๆบัญชีทุกๆกรณีทั้งหมด,บัญชีใดฝ่าฝืนโอนไปประเทศเขมรจับติดคุกทุกๆกรณี,คริปโตฯโทเคนตังดิจิดัลทั้งหมดก็เช่นเดียวกัน,ระงับและอายัดเงินกระแสการเงินไปเขมรทั้งหมดจากประเทศไทย,เป็นกรณีเร่งด่วนปฏิบัติแรกทันที,นี้แค่พื้นๆก่อนๆ แค่คว่ำบาตรเขมรก่อนในทุกๆด้าน อย่าสนใจชีวิตคนเขมรตลอดพรมแดนทั้งหมด,มันคือความมั่นคงของประเทศแล้ว เขมรคือภัยความมั่นคงของไทยและอาเชียน,โลภละโมบในสิ่งที่มิใช่ของตน.,ต้องทำให้เขมรล้มละลายโดยแค่ไทยเราประกาศคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการทั้งหมดและทุกๆกรณีก่อน,ส่วนมาตราการทางทหารมันรู้ผลแล้ว,ทหารพระราชาต้องถีบต้องยึดอำนาจรัฐบาลนี้ก่อน,จึงจะดำเนินสายตราบปราบเล่นสาระพัดยุทธวิธีได้เต็มที่,อำนาจเด็ดขาดต้องอยู่ในมือทหารพร้อมสั่งการทุกๆเรื่องได้หมด,ไร้ความเกรงใจสิ่งชั่วเลวใดๆด้วย,คนเนรคุณทรยศประเทศไทยคุกคามประเทศไทยต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยและต้องแพ้ประเทศไทยหรือประเทศไทยเข้าทำลายกำจัดขั้นเด็ดขาดทันที.
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่อธิปไตยกัมพูชา การปรับกำลังมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น ขอเพื่อร่วมชาติและนักข่าวใช้ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000053922

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เขมรถ้าปิด,ไม่ง้อของไทย,แน่จริงปิดเลยมันว่า,ไทยจะขายสินค้าให้เขมรไม่ได้,ทำเงินบนแผ่นดินเขมรไม่ได้มันว่า,พี่น้องไทยเอ้ยว่าไง!!!,ทหารไทยเราเอ้ยว่าไง!!!,ทั้งหมดคือเหลี่ยมมันแน่ๆทำทีกลบคลองกลบคูรบ,เขมรมันตลบตอแหลไม่ซื่อทุกๆกรณี,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนสัก20ปีระยะสัันดูก่อนคงน่าสนใจ,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าต่อเนื่อง,ตัดเน็ตตัดสายเคเบิลเชื่อมถึงเขมรทั้งหมดทำระบบเน็ตประตูเดียวซิงเกลเก็ตเวย์ก็ว่า,ตัดทุกๆipและuserที่เป็นของคนเขมร,ปิดบัญชีธนาคารทั้งหมดที่เป็นของเขมรในประเทศทั้งแบบออฟไลน์เดินมาสาขาและออนไลน์ทั้งหมดแบบไอแบงค์กิ้งอีแบงค์กิ้ง,ปิดบัญชีคริปโตฯโทเคนทั้งหมดที่เป็นของคนเขมรหากมาเปิดบัญชีบนอธิปไตยแอปไทยคืออายัดยึดทั้งหมดก็ว่าตลอดจนเครื่องขุดเหมืองคริปโตฯออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมดหากมีอยู่ในดินแดนไทย,มีอุปกรณ์ตัดคลื่นความถี่คลื่นวิทยุคลื่นมือถือคลื่นเน็ตจะไวไฟทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนไทยเรา,ห้ามคลื่นจากฝั่งเขมรปรากฎสัญญาณใดๆในฝั่งไทยและยากแก่การทำชั่วของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเขมรซึ่งนอกจากยกเลิกซิมมือถือของไทยทั้งหมดที่คนสัญชาติเขมรจดมะเบียนเปิดทะเบียนเพื่อขอใช้คลื่นภายในราชอาณาจักรไทย,คลื่นเน็ตคลื่นมือถือของไทยทั้งหมดห้ามคนเขมรใช้และคำสั่งทางทหารตัดตอนตัดการให้บริการผ่านซิมของมือถือค่ายของไทยและจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในไทยทั้งหมดที่ให้บริการสัญญาณมือถือ,นี้คืออธิปไตยด้านใช้ข้อมูลสื่อสารไทยด้วย หากใจขลาดไม่เด็ดขาดตัดสินใจกระทำเช่นนี้จริง,เขมรจะใช้ซิมคนไทยซิมมือถือของไทยกระทำการทางชั่วสาระพัดทางได้ทั้งติดต่อสื่อสารส่งข่าวเป็นไส้ศึกภายในส่งออกไปประเทศเขมรเป็นอันง่าย ปลอกกล้วยเข้าปากมัน,เมื่อมันคือภัยคุกคามอธิปไตยถึงหน้ามึนขนาดนี้เราต้องไม่ถอนกำลังใดๆ,บอกมันตอนแรกให้ถอนมันหน้ามึนขนาดไหนเผาศาลาตรีมุขอีก,ทหารไทยเราต้องสั่งสอนมันให้สุดซอย,หมดยุคระยำของเขมรแบบเดิมๆแบบนี้แล้วคือกวาดล้างและกำจัดภัยคุกคามใดๆต่ออธิปไตยเราให้หมดรากหมดเหง้าหมดโคน,เหมือนผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเลวรุ่นน้ำหมากนั้นล่ะ,เราเบื่อหน่ายแบบนั้นๆก็ด้วย,เดี๋ยวก็มาเนรคุณทรยศก่อโกลาหลเราคุกคามเราไม่หยุดหย่อนอีก,เราต้องสุดซอยจริงๆในเวลาจังหวะนี้ ,เขมรคือภัยของอาเชียนภัยของเอเชียภัยของโลกเป็นฮับสาระพัดศูนย์รวมความเลวชั่วจากทั่วโลกไปแล้วโดยเฉพาะจีนเทาและชาติเทาๆอื่นๆที่ย้ายฐานไปเขมรตั้งฐานทำชั่วในประเทศนี้แทนประเทศโคตรพ่อโคตรแมร่งมันที่สร้างภาพว่าเป็นประเทศดีงามก็ว่า,หรือนัยยะพื้นๆเขมรคือแหล่งค้ามนุษย์ของโลกในทางลับนั้นเองที่อีลิทปักเป็นอีกสถานที่หนึ่งบนโลกก็ว่า,แบนเขมรห้ามเข้าประเทศไทยแบบทรัมป์แบน12ชาติพลเมืองอย่างเป็นทางการเลย,คนไทยห้ามเข้าไปประเทศเขมรทุกๆกรณี,คว่ำบาตรเขมรทุกๆกรณีทั้งหมดก็ว่า,เพราะมันหมายคุกคามอธิปไตยดินแดนเราชัดเจน รุกรามอยากได้อ่าวไทยเราชัดเจนด้วยในทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลนั้นบนนัยยะการรุกรานปัจจุบันทั้งหมด,จึงต้องสุดซอยจริงๆ,เรามันยุคน้ำหมากแล้วนะจะมาเลอะเทอะไม่เด็ดขาดไม่ได้,ต้องทำเพื่อคนไทยรุ่นหลังเราให้มีภูมิกันไว้ถึง5,000ปีก็เอาถึงอีกพันสองพันปีก็ดี,ถึงสองสามร้อยปีก็ใช้ได้จนเชื่อว่าคนรุ่นหลังเราเมื่อจังหวะเวลานั้นมาถึงเข้าอาจทำได้สุดยอดสร้างภูมิยิ่งกว่าเรา,หรือกวาดล้างคนเนรคุณทรยศแบบคนเขมรสิ้นซากก็ได้หรืออดีตทหารกษัตริย์หรือกษัตริย์ชัยวรมันที่7กวาดล้างเขมรทรยศเนรคุณท่านสิ้นซากแทนก็ว่าคือเกิดใหม่ มิใช่แค่ทหารเอก5นายพลเกิดใหม่มาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรทรยศเนรคุณกลุ่มของชัยวรมันที่8ลูกหลานเขาก็ว่าแบบในอดีตใกล้ๆที่ผ่านมานั้น,
    ..ทหารพระราชาเราจัดการเด็ดขาดให้สุดซอยเลย,รวมถึงรัฐบาลสมคบคิดกับเขมรด้วยเป็นมิตรสหายที่ดีเหลือเกินมุ่งเจรจาอย่างเดียว,มาตรการอื่นใดคิดอ่านเหี้ยไม่เป็นห่าอะไร ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐบาลสิ้นเชิง,สมควรลาออกทัังคณะ,ยุบสภาไป,หรือรอยึดอำนาจรัฐประหารก็ได้.

    https://youtube.com/shorts/ManMkF25sak?si=zErw5IgjSZ0Bp-d3
    ..เขมรถ้าปิด,ไม่ง้อของไทย,แน่จริงปิดเลยมันว่า,ไทยจะขายสินค้าให้เขมรไม่ได้,ทำเงินบนแผ่นดินเขมรไม่ได้มันว่า,พี่น้องไทยเอ้ยว่าไง!!!,ทหารไทยเราเอ้ยว่าไง!!!,ทั้งหมดคือเหลี่ยมมันแน่ๆทำทีกลบคลองกลบคูรบ,เขมรมันตลบตอแหลไม่ซื่อทุกๆกรณี,ปิดด่านทั้งหมดตลอดพรมแดนสัก20ปีระยะสัันดูก่อนคงน่าสนใจ,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าต่อเนื่อง,ตัดเน็ตตัดสายเคเบิลเชื่อมถึงเขมรทั้งหมดทำระบบเน็ตประตูเดียวซิงเกลเก็ตเวย์ก็ว่า,ตัดทุกๆipและuserที่เป็นของคนเขมร,ปิดบัญชีธนาคารทั้งหมดที่เป็นของเขมรในประเทศทั้งแบบออฟไลน์เดินมาสาขาและออนไลน์ทั้งหมดแบบไอแบงค์กิ้งอีแบงค์กิ้ง,ปิดบัญชีคริปโตฯโทเคนทั้งหมดที่เป็นของคนเขมรหากมาเปิดบัญชีบนอธิปไตยแอปไทยคืออายัดยึดทั้งหมดก็ว่าตลอดจนเครื่องขุดเหมืองคริปโตฯออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมดหากมีอยู่ในดินแดนไทย,มีอุปกรณ์ตัดคลื่นความถี่คลื่นวิทยุคลื่นมือถือคลื่นเน็ตจะไวไฟทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนไทยเรา,ห้ามคลื่นจากฝั่งเขมรปรากฎสัญญาณใดๆในฝั่งไทยและยากแก่การทำชั่วของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเขมรซึ่งนอกจากยกเลิกซิมมือถือของไทยทั้งหมดที่คนสัญชาติเขมรจดมะเบียนเปิดทะเบียนเพื่อขอใช้คลื่นภายในราชอาณาจักรไทย,คลื่นเน็ตคลื่นมือถือของไทยทั้งหมดห้ามคนเขมรใช้และคำสั่งทางทหารตัดตอนตัดการให้บริการผ่านซิมของมือถือค่ายของไทยและจดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในไทยทั้งหมดที่ให้บริการสัญญาณมือถือ,นี้คืออธิปไตยด้านใช้ข้อมูลสื่อสารไทยด้วย หากใจขลาดไม่เด็ดขาดตัดสินใจกระทำเช่นนี้จริง,เขมรจะใช้ซิมคนไทยซิมมือถือของไทยกระทำการทางชั่วสาระพัดทางได้ทั้งติดต่อสื่อสารส่งข่าวเป็นไส้ศึกภายในส่งออกไปประเทศเขมรเป็นอันง่าย ปลอกกล้วยเข้าปากมัน,เมื่อมันคือภัยคุกคามอธิปไตยถึงหน้ามึนขนาดนี้เราต้องไม่ถอนกำลังใดๆ,บอกมันตอนแรกให้ถอนมันหน้ามึนขนาดไหนเผาศาลาตรีมุขอีก,ทหารไทยเราต้องสั่งสอนมันให้สุดซอย,หมดยุคระยำของเขมรแบบเดิมๆแบบนี้แล้วคือกวาดล้างและกำจัดภัยคุกคามใดๆต่ออธิปไตยเราให้หมดรากหมดเหง้าหมดโคน,เหมือนผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเลวรุ่นน้ำหมากนั้นล่ะ,เราเบื่อหน่ายแบบนั้นๆก็ด้วย,เดี๋ยวก็มาเนรคุณทรยศก่อโกลาหลเราคุกคามเราไม่หยุดหย่อนอีก,เราต้องสุดซอยจริงๆในเวลาจังหวะนี้ ,เขมรคือภัยของอาเชียนภัยของเอเชียภัยของโลกเป็นฮับสาระพัดศูนย์รวมความเลวชั่วจากทั่วโลกไปแล้วโดยเฉพาะจีนเทาและชาติเทาๆอื่นๆที่ย้ายฐานไปเขมรตั้งฐานทำชั่วในประเทศนี้แทนประเทศโคตรพ่อโคตรแมร่งมันที่สร้างภาพว่าเป็นประเทศดีงามก็ว่า,หรือนัยยะพื้นๆเขมรคือแหล่งค้ามนุษย์ของโลกในทางลับนั้นเองที่อีลิทปักเป็นอีกสถานที่หนึ่งบนโลกก็ว่า,แบนเขมรห้ามเข้าประเทศไทยแบบทรัมป์แบน12ชาติพลเมืองอย่างเป็นทางการเลย,คนไทยห้ามเข้าไปประเทศเขมรทุกๆกรณี,คว่ำบาตรเขมรทุกๆกรณีทั้งหมดก็ว่า,เพราะมันหมายคุกคามอธิปไตยดินแดนเราชัดเจน รุกรามอยากได้อ่าวไทยเราชัดเจนด้วยในทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลนั้นบนนัยยะการรุกรานปัจจุบันทั้งหมด,จึงต้องสุดซอยจริงๆ,เรามันยุคน้ำหมากแล้วนะจะมาเลอะเทอะไม่เด็ดขาดไม่ได้,ต้องทำเพื่อคนไทยรุ่นหลังเราให้มีภูมิกันไว้ถึง5,000ปีก็เอาถึงอีกพันสองพันปีก็ดี,ถึงสองสามร้อยปีก็ใช้ได้จนเชื่อว่าคนรุ่นหลังเราเมื่อจังหวะเวลานั้นมาถึงเข้าอาจทำได้สุดยอดสร้างภูมิยิ่งกว่าเรา,หรือกวาดล้างคนเนรคุณทรยศแบบคนเขมรสิ้นซากก็ได้หรืออดีตทหารกษัตริย์หรือกษัตริย์ชัยวรมันที่7กวาดล้างเขมรทรยศเนรคุณท่านสิ้นซากแทนก็ว่าคือเกิดใหม่ มิใช่แค่ทหารเอก5นายพลเกิดใหม่มาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรทรยศเนรคุณกลุ่มของชัยวรมันที่8ลูกหลานเขาก็ว่าแบบในอดีตใกล้ๆที่ผ่านมานั้น, ..ทหารพระราชาเราจัดการเด็ดขาดให้สุดซอยเลย,รวมถึงรัฐบาลสมคบคิดกับเขมรด้วยเป็นมิตรสหายที่ดีเหลือเกินมุ่งเจรจาอย่างเดียว,มาตรการอื่นใดคิดอ่านเหี้ยไม่เป็นห่าอะไร ขาดคุณสมบัติเป็นรัฐบาลสิ้นเชิง,สมควรลาออกทัังคณะ,ยุบสภาไป,หรือรอยึดอำนาจรัฐประหารก็ได้. https://youtube.com/shorts/ManMkF25sak?si=zErw5IgjSZ0Bp-d3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💰 วอลล์สตรีทยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกัน: ความเสี่ยงของ Rehypothecation และวิกฤตการเงินครั้งใหม่?
    JP Morgan ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้เริ่ม ยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันสำหรับกิจกรรมการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะ BlackRock's iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) ซึ่งเป็น ETF ที่มีสภาพคล่องสูงสุดในตลาด

    การตัดสินใจของ JP Morgan ช่วยให้ผู้ถือ IBIT ไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อเข้าถึงสภาพคล่องในกรณีฉุกเฉิน และอาจกระตุ้นให้ ธนาคารอื่น ๆ ในวอลล์สตรีทเริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันเช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญคือ Rehypothecation ซึ่งหมายถึง การนำสินทรัพย์ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันไปใช้เป็นหลักประกันในธุรกรรมอื่น ๆ อีกต่อหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่ ความซับซ้อนทางการเงินที่คล้ายกับวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - JP Morgan เริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันสำหรับสินเชื่อ
    - IBIT ของ BlackRock เป็น ETF ที่มีสภาพคล่องสูงสุดในตลาด
    - ผู้ถือ IBIT ไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อเข้าถึงสภาพคล่องในกรณีฉุกเฉิน
    - ธนาคารอื่น ๆ อาจเริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันเช่นกัน
    - Cantor Fitzgerald เปิดตัวบริการสินเชื่อที่ใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันสำหรับนักลงทุนสถาบัน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Rehypothecation อาจทำให้สินทรัพย์ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันถูกนำไปใช้ซ้ำหลายครั้ง
    - JP Morgan อาจนำ IBIT ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันไปสร้างตราสารทางการเงินใหม่เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
    - ต้องติดตามว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามาควบคุมการใช้ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันหรือไม่
    - 99% ของกองทุนบำเหน็จบำนาญยังไม่ถือครอง Bitcoin ETFs ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของตลาด

    การยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกัน อาจช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับมากขึ้นในระบบการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการใช้สินทรัพย์เหล่านี้ในธุรกรรมทางการเงินจะนำไปสู่ความเสี่ยงใหม่ ๆ หรือไม่

    https://wccftech.com/now-that-wall-street-is-officially-using-bitcoin-etfs-as-collateral-is-rehypothecation-and-another-financial-crisis-next/
    💰 วอลล์สตรีทยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกัน: ความเสี่ยงของ Rehypothecation และวิกฤตการเงินครั้งใหม่? JP Morgan ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้เริ่ม ยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันสำหรับกิจกรรมการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะ BlackRock's iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) ซึ่งเป็น ETF ที่มีสภาพคล่องสูงสุดในตลาด การตัดสินใจของ JP Morgan ช่วยให้ผู้ถือ IBIT ไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อเข้าถึงสภาพคล่องในกรณีฉุกเฉิน และอาจกระตุ้นให้ ธนาคารอื่น ๆ ในวอลล์สตรีทเริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญคือ Rehypothecation ซึ่งหมายถึง การนำสินทรัพย์ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันไปใช้เป็นหลักประกันในธุรกรรมอื่น ๆ อีกต่อหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่ ความซับซ้อนทางการเงินที่คล้ายกับวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 ✅ ข้อมูลจากข่าว - JP Morgan เริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันสำหรับสินเชื่อ - IBIT ของ BlackRock เป็น ETF ที่มีสภาพคล่องสูงสุดในตลาด - ผู้ถือ IBIT ไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อเข้าถึงสภาพคล่องในกรณีฉุกเฉิน - ธนาคารอื่น ๆ อาจเริ่มยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันเช่นกัน - Cantor Fitzgerald เปิดตัวบริการสินเชื่อที่ใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันสำหรับนักลงทุนสถาบัน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Rehypothecation อาจทำให้สินทรัพย์ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันถูกนำไปใช้ซ้ำหลายครั้ง - JP Morgan อาจนำ IBIT ที่ถูกใช้เป็นหลักประกันไปสร้างตราสารทางการเงินใหม่เพื่อเพิ่มผลตอบแทน - ต้องติดตามว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามาควบคุมการใช้ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกันหรือไม่ - 99% ของกองทุนบำเหน็จบำนาญยังไม่ถือครอง Bitcoin ETFs ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของตลาด การยอมรับ Bitcoin ETFs เป็นหลักประกัน อาจช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับมากขึ้นในระบบการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการใช้สินทรัพย์เหล่านี้ในธุรกรรมทางการเงินจะนำไปสู่ความเสี่ยงใหม่ ๆ หรือไม่ https://wccftech.com/now-that-wall-street-is-officially-using-bitcoin-etfs-as-collateral-is-rehypothecation-and-another-financial-crisis-next/
    WCCFTECH.COM
    Now That Wall Street Is Officially Using Bitcoin ETFs As Collateral, Is Rehypothecation And Another Financial Crisis Next?
    JP Morgan's move might encourage other Wall Street banks to also start accepting Bitcoin ETFs as collateral for their lending activities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข้อคิดจากข่าว
    ..ยุคนี้คนชั่วครองประเทศไทย,มุกกฎหมายมากมายที่ออกตีตรามามันอ้างประชาชนบังหน้า,แต่แท้จริงมันปกป้องความทำชั่วมันเองให้ทำชั่วสะดวกและห้ามเปิดเผยข้อมูลชื่อกูที่เป็นแหล่งที่มาของการกระทำชั่ว,ไม่กระทบผลประโยชน์กูด้วยเพราะคนอื่นไม่รู้ สื่อถูกห้ามเปิดเผยชื่อในกิจการกู,ตลอดพวกนี้ห้ามเปิดเผยใบหน้าตัวตนจริงจนถึงที่สุดของศาลก็ว่าแต่สุดท้ายมันก็เขียนให้ศาลห้ามเปิดเผยอีกแม้ศาลตัดสินไปแล้ว,นี้คือวิถีทำลายคนดี รักษาคนไม่ดีให้มีที่ยืนเพื่อดำรงความชั่วเลวได้ต่อเนื่องได้,สำนึกดีชั่วเลวชั่งหัวใครมัน สื่อไม่สามารถระบุตัวตนชื่อกิจการบริษัทได้หรือระบุเจ้าสัวตัวตนเจ้าของกิจการตรงๆได้,กฎหมายมีเขียนออกมาตีตราใช้บังคับคนโง่และประชาชนตาดำๆอย่างเดียว,ไม่เคยเขียนประจานประฌามตรงๆแก่คนมีส่วนร่วมคู่กรณีอะไรเลย,แบรนด์ดังๆหน่อยก็เอาข้อกฎหมายกดปิดปากเขา,ประชาชนซวยแบบยายๆนี้ล่ะ,และมากมายประชาชนซวยแบบนีัตรึม,
    ..โจรมันเยอะจริงๆปล้นได้ทุกๆสถานที่,ทัังปล้นชิงแบบชอบธรรมปล้นชิงไม่ชอบธรรมและไม่สามารถเอาผิดได้,ตลอดเทียบเคียงลักเล็กขโมยทีละน้อยๆก็ได้,สังคมเรายิ่งมีเหตุกรณีทรัพย์สินหายเยอะมากๆ,แก้ไขเพื่อชี้เป้าคนไม่ดีได้ชัดคือต่างชาติต่างด้าวเยอะไปในประเทศไทย,ต้องผลักดันออกไปทัังหมดก่อน,จะเหลือจับผิดแค่คนไทยง่ายๆขึ้น,ใครลักทรัพย์ ของหายเวลาไหน กระทำการผ่านอะไร เทียบเวลาดูก็รู้ ใครทำธุรกรรมบัญชีใครมีโค้ตเจ้าหน้าที่หมด,ประชาชนลักขโมยของกันในชุมชนกลางทุ่งกลางป่าในหมู่บ้านขุมชน มีกล้องมีมือถทอตรวจจับพิกัดสัญญาณ โจรอาจถูกจับง่ายขึ้น,คนดีคนชั่วมีปะปนในสังคมชุมชนไทยเรา,หากสมมุติว่าฝังชิปจริงๆนะ ใครทำชั่วๆตรงจุดไหน หลักฐานวันเวลานอที่หายตรวจสอบย้อนหลังได้หมด เช่นชาวบ้านทำไร่ทำนา ฝังชิปทุกๆคน ขิปที่ปลอดภัยสูงไม่กระทบสุขภาพร่างกายบอดี้คน,เขาทิ้งของไว้สาระพัดสิ่งในไร่ในนาเขาปกติทิ้งอะไรไว้หายหมดเพราะไม่สามารถตรวจสอบสืบหาใดๆได้เลยที่รวดเร็ว เห็นผลชัด พอมีฝังชิปและรับรู้พิกัดย้อนหลังและเรียลไทม์จากดาวเทียมอีก ใครเข้าเขตส่วนบุคคลตนใครมันมีสิทธิ์ตรวจสอบสถานะชิปที่บริเวณตนเป็นเจ้าของได้และหาบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมได้ นายAและพวกกว่า2-3คนไปอยู่ช่วงเวลากลางดึกในไร่นาที่ของหายโดยมีสถานะชิปยืนยันการดำรงอยู่จริงอีกและไม่มีใครชิปใครร่วมปรากฎในบริเวณนั้นอีก สามารถฟันธง99%ได้เลยว่า มันคือขโมยลักเล็กขโมยน้อยแน่นอนในหมู่บ้านชุมชนที่ไร่ที่นานั้นก็ว่า,ตังคนฝากหายความผิดเต็มๆคือธนาคาร มีโค้ตเจ้าหน้าที่คีย์มำธุรกรรมโอนหรือถอนแน่นอน,มาอ้างรับผิดชอบแค่1ล้านค้ำประกันเงินฝากมันฟังไม่ขึ้นหรอก,เพราะเจ้าของบัญชีหากมิได้ยินยอมมอบฉันทะใครๆมาทำธุรกรรมแทนอีก ธนาคารนั้นต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบทันที,
    ..นีัคือการเขียนกฎหมายปกป้องคนชั่ว จะอ้างมุกกลั่นแกล้งแล้วมาอ้างเพื่อเขียนกฎหมายลักษณะนี้ เสมือนไม่ร่วมส่งเสริมในการลงโทษจากประชาชนข้อหาผิดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมชั่วดีไม่ออก,ซึ่งไส้ในจริงๆใครผิดถูกไม่ทราบแต่ศาลบอกให้ยายเบิกได้ แบงค์ทำแบบนี้ไม่ให้เบิกมันก็ผิดปกติมาก,ปัจจุบันจบหรือยังไม่ทราบรู้,แต่เคสนีัมันบ่งบอกว่า กฎหมายเราสามารถเผาทิ้งในหลายตัวพร้อมๆกันได้เลยในเวลาใกล้เคียงกันที่ออกๆมาของข้อกฎหมายอื่นๆก็ว่าที่ออกมาพร้อมกฎหมายห้ามเปิดเผยตัวตนชื่อกิจการบริษัทคนที่ร่วมเป็นคู่ความของข่าวแบบๆนี้ก็ว่า,นำเสนอผีบ้าแค่ด้านเดียว,คนไม่ดีชื่อพนักงานอะไร อยู่ธนาคารชื่อไหน สาขาอะไร นี้ต้องระบุชัดเจนเตือนภัยประชาชนเจาะจงได้เสือกเขียนกฎหมายไม่ให้ระบุชื่อมันกิจการมัน,กฎหมายประเทศเราออกโดยพวกผีบ้านานเกินไปแล้วและไม่เคยยกเลิกกฎหมายผีบ้านั้นๆจริงจังสักที,ตย.ชัดคือกฎหมายผีบ้าที่ยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติไปหมด,กฎหมายผีบ้าที่ไม่เอาเรื่องบ่อน้ำมันเข้าสภาอภิปรายให้ประชาชนรับรู้และเปิดเผยค่าจริงความจริงทั้งหมดแก่ประชาชนคนไทย ,ลึกลับทำกันเองในกระทรวงทบวงกรมตนหรืออธิบดีมีอำนาจเต็มโน้น,สภาสส.สว.กากกระจอกไร้ค่าไร้ราคาอย่ามีส่วนร่วมอย่ามาร่วมตัดสินใจห่าอะไรใดๆด้วยกากและกระจอกมือไม่ถึงโง่ไม่ฉลาดด้านบ่อน้ำมันและพลังงานทั้งสภาหรอก,เก่งกาจคนเดียวคืออธิบดีนี้หมดทั้งประเทศ สุดยอดแค่เจ้าเดียวเท่านั้นมันว่า,จึงอนุญาตไม่ต้องเข้าสภาสส.สว.มาเสือกอภิปรายใดๆขัดขวางปากท้องกูทำการแดกให้ง่ายๆได้,จริงๆจึงสมควรเริ่มเผาทิ้งฉีกทิ้งจากกฎหมายปิโตรเลียมนี้ก่อนเลย,ทุกๆฉบับแล้วจะโมฆะทันที,อาจยุบกระทรวงทบวงกรมก็ได้อีก โมฆะอัตโนมัติแน่นอนก็ว่า,พวกนี้ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดเพราะที่กระทรวงนี้ถูกยุบสามารถระบุข้อหาชัดเจนได้ว่าคือกบฎและกระทรวงทรยศของแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์อย่างร้ายแรงบวกคือภัยคุกคามความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยด้วยประกอบเป็นตัวปั่นราคาให้สินค้าบริการแพงทั้งแผ่นดินกระทบเป็นเครือข่ายลูกโซ่จริงด้วย ค่าขนส่งขึ้น ราคาสินค้าขึ้นเพราะน้ำมันขึ้น เป็นต้น.

    https://youtube.com/shorts/SkTnVeSeAvY?si=-XJOKJ3BO983QToA
    ..ข้อคิดจากข่าว ..ยุคนี้คนชั่วครองประเทศไทย,มุกกฎหมายมากมายที่ออกตีตรามามันอ้างประชาชนบังหน้า,แต่แท้จริงมันปกป้องความทำชั่วมันเองให้ทำชั่วสะดวกและห้ามเปิดเผยข้อมูลชื่อกูที่เป็นแหล่งที่มาของการกระทำชั่ว,ไม่กระทบผลประโยชน์กูด้วยเพราะคนอื่นไม่รู้ สื่อถูกห้ามเปิดเผยชื่อในกิจการกู,ตลอดพวกนี้ห้ามเปิดเผยใบหน้าตัวตนจริงจนถึงที่สุดของศาลก็ว่าแต่สุดท้ายมันก็เขียนให้ศาลห้ามเปิดเผยอีกแม้ศาลตัดสินไปแล้ว,นี้คือวิถีทำลายคนดี รักษาคนไม่ดีให้มีที่ยืนเพื่อดำรงความชั่วเลวได้ต่อเนื่องได้,สำนึกดีชั่วเลวชั่งหัวใครมัน สื่อไม่สามารถระบุตัวตนชื่อกิจการบริษัทได้หรือระบุเจ้าสัวตัวตนเจ้าของกิจการตรงๆได้,กฎหมายมีเขียนออกมาตีตราใช้บังคับคนโง่และประชาชนตาดำๆอย่างเดียว,ไม่เคยเขียนประจานประฌามตรงๆแก่คนมีส่วนร่วมคู่กรณีอะไรเลย,แบรนด์ดังๆหน่อยก็เอาข้อกฎหมายกดปิดปากเขา,ประชาชนซวยแบบยายๆนี้ล่ะ,และมากมายประชาชนซวยแบบนีัตรึม, ..โจรมันเยอะจริงๆปล้นได้ทุกๆสถานที่,ทัังปล้นชิงแบบชอบธรรมปล้นชิงไม่ชอบธรรมและไม่สามารถเอาผิดได้,ตลอดเทียบเคียงลักเล็กขโมยทีละน้อยๆก็ได้,สังคมเรายิ่งมีเหตุกรณีทรัพย์สินหายเยอะมากๆ,แก้ไขเพื่อชี้เป้าคนไม่ดีได้ชัดคือต่างชาติต่างด้าวเยอะไปในประเทศไทย,ต้องผลักดันออกไปทัังหมดก่อน,จะเหลือจับผิดแค่คนไทยง่ายๆขึ้น,ใครลักทรัพย์ ของหายเวลาไหน กระทำการผ่านอะไร เทียบเวลาดูก็รู้ ใครทำธุรกรรมบัญชีใครมีโค้ตเจ้าหน้าที่หมด,ประชาชนลักขโมยของกันในชุมชนกลางทุ่งกลางป่าในหมู่บ้านขุมชน มีกล้องมีมือถทอตรวจจับพิกัดสัญญาณ โจรอาจถูกจับง่ายขึ้น,คนดีคนชั่วมีปะปนในสังคมชุมชนไทยเรา,หากสมมุติว่าฝังชิปจริงๆนะ ใครทำชั่วๆตรงจุดไหน หลักฐานวันเวลานอที่หายตรวจสอบย้อนหลังได้หมด เช่นชาวบ้านทำไร่ทำนา ฝังชิปทุกๆคน ขิปที่ปลอดภัยสูงไม่กระทบสุขภาพร่างกายบอดี้คน,เขาทิ้งของไว้สาระพัดสิ่งในไร่ในนาเขาปกติทิ้งอะไรไว้หายหมดเพราะไม่สามารถตรวจสอบสืบหาใดๆได้เลยที่รวดเร็ว เห็นผลชัด พอมีฝังชิปและรับรู้พิกัดย้อนหลังและเรียลไทม์จากดาวเทียมอีก ใครเข้าเขตส่วนบุคคลตนใครมันมีสิทธิ์ตรวจสอบสถานะชิปที่บริเวณตนเป็นเจ้าของได้และหาบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมได้ นายAและพวกกว่า2-3คนไปอยู่ช่วงเวลากลางดึกในไร่นาที่ของหายโดยมีสถานะชิปยืนยันการดำรงอยู่จริงอีกและไม่มีใครชิปใครร่วมปรากฎในบริเวณนั้นอีก สามารถฟันธง99%ได้เลยว่า มันคือขโมยลักเล็กขโมยน้อยแน่นอนในหมู่บ้านชุมชนที่ไร่ที่นานั้นก็ว่า,ตังคนฝากหายความผิดเต็มๆคือธนาคาร มีโค้ตเจ้าหน้าที่คีย์มำธุรกรรมโอนหรือถอนแน่นอน,มาอ้างรับผิดชอบแค่1ล้านค้ำประกันเงินฝากมันฟังไม่ขึ้นหรอก,เพราะเจ้าของบัญชีหากมิได้ยินยอมมอบฉันทะใครๆมาทำธุรกรรมแทนอีก ธนาคารนั้นต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบทันที, ..นีัคือการเขียนกฎหมายปกป้องคนชั่ว จะอ้างมุกกลั่นแกล้งแล้วมาอ้างเพื่อเขียนกฎหมายลักษณะนี้ เสมือนไม่ร่วมส่งเสริมในการลงโทษจากประชาชนข้อหาผิดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมชั่วดีไม่ออก,ซึ่งไส้ในจริงๆใครผิดถูกไม่ทราบแต่ศาลบอกให้ยายเบิกได้ แบงค์ทำแบบนี้ไม่ให้เบิกมันก็ผิดปกติมาก,ปัจจุบันจบหรือยังไม่ทราบรู้,แต่เคสนีัมันบ่งบอกว่า กฎหมายเราสามารถเผาทิ้งในหลายตัวพร้อมๆกันได้เลยในเวลาใกล้เคียงกันที่ออกๆมาของข้อกฎหมายอื่นๆก็ว่าที่ออกมาพร้อมกฎหมายห้ามเปิดเผยตัวตนชื่อกิจการบริษัทคนที่ร่วมเป็นคู่ความของข่าวแบบๆนี้ก็ว่า,นำเสนอผีบ้าแค่ด้านเดียว,คนไม่ดีชื่อพนักงานอะไร อยู่ธนาคารชื่อไหน สาขาอะไร นี้ต้องระบุชัดเจนเตือนภัยประชาชนเจาะจงได้เสือกเขียนกฎหมายไม่ให้ระบุชื่อมันกิจการมัน,กฎหมายประเทศเราออกโดยพวกผีบ้านานเกินไปแล้วและไม่เคยยกเลิกกฎหมายผีบ้านั้นๆจริงจังสักที,ตย.ชัดคือกฎหมายผีบ้าที่ยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติไปหมด,กฎหมายผีบ้าที่ไม่เอาเรื่องบ่อน้ำมันเข้าสภาอภิปรายให้ประชาชนรับรู้และเปิดเผยค่าจริงความจริงทั้งหมดแก่ประชาชนคนไทย ,ลึกลับทำกันเองในกระทรวงทบวงกรมตนหรืออธิบดีมีอำนาจเต็มโน้น,สภาสส.สว.กากกระจอกไร้ค่าไร้ราคาอย่ามีส่วนร่วมอย่ามาร่วมตัดสินใจห่าอะไรใดๆด้วยกากและกระจอกมือไม่ถึงโง่ไม่ฉลาดด้านบ่อน้ำมันและพลังงานทั้งสภาหรอก,เก่งกาจคนเดียวคืออธิบดีนี้หมดทั้งประเทศ สุดยอดแค่เจ้าเดียวเท่านั้นมันว่า,จึงอนุญาตไม่ต้องเข้าสภาสส.สว.มาเสือกอภิปรายใดๆขัดขวางปากท้องกูทำการแดกให้ง่ายๆได้,จริงๆจึงสมควรเริ่มเผาทิ้งฉีกทิ้งจากกฎหมายปิโตรเลียมนี้ก่อนเลย,ทุกๆฉบับแล้วจะโมฆะทันที,อาจยุบกระทรวงทบวงกรมก็ได้อีก โมฆะอัตโนมัติแน่นอนก็ว่า,พวกนี้ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดเพราะที่กระทรวงนี้ถูกยุบสามารถระบุข้อหาชัดเจนได้ว่าคือกบฎและกระทรวงทรยศของแผ่นดินไทยไม่ซื่อสัตย์อย่างร้ายแรงบวกคือภัยคุกคามความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยด้วยประกอบเป็นตัวปั่นราคาให้สินค้าบริการแพงทั้งแผ่นดินกระทบเป็นเครือข่ายลูกโซ่จริงด้วย ค่าขนส่งขึ้น ราคาสินค้าขึ้นเพราะน้ำมันขึ้น เป็นต้น. https://youtube.com/shorts/SkTnVeSeAvY?si=-XJOKJ3BO983QToA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • พายุลูกใหญ่..ผู้ว่า ธปท.เตือนรับมือภาษีทรัมป์กระทบไทย : คนเคาะข่าว 02-06-68
    : เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
    ผู้ว่าการพบสื่อมวลชน (Meet the Press) ครั้งที่ 1/68 วันที่ 9 พ.ค.2568
    #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #ผลกระทบเศรษฐกิจไทย #ธปท #เศรษฐพุฒิสุทธิวาทนฤพุฒิ #ธนาคารแห่งประเทศไทย #นโยบายการเงิน #MeetThePress #เศรษฐกิจโลก #ข่าวเศรษฐกิจ #สงครามการค้า #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #thaitimes #การเงินไทย #พายุเศรษฐกิจ
    พายุลูกใหญ่..ผู้ว่า ธปท.เตือนรับมือภาษีทรัมป์กระทบไทย : คนเคาะข่าว 02-06-68 : เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้ว่าการพบสื่อมวลชน (Meet the Press) ครั้งที่ 1/68 วันที่ 9 พ.ค.2568 #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #ผลกระทบเศรษฐกิจไทย #ธปท #เศรษฐพุฒิสุทธิวาทนฤพุฒิ #ธนาคารแห่งประเทศไทย #นโยบายการเงิน #MeetThePress #เศรษฐกิจโลก #ข่าวเศรษฐกิจ #สงครามการค้า #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #thaitimes #การเงินไทย #พายุเศรษฐกิจ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🛡️ AI-powered “Repeaters”: เทคนิคใหม่ของอาชญากรไซเบอร์
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก AU10TIX ได้ค้นพบกลยุทธ์ใหม่ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการเจาะระบบของ ธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต โดยใช้ AI-powered Repeaters ซึ่งเป็น ตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ

    Repeaters ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีทันที แต่จะ ทดสอบระบบป้องกันขององค์กร โดยใช้ ตัวตนดิจิทัลที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนใบหน้า, แก้ไขหมายเลขเอกสาร หรือปรับพื้นหลังของภาพ

    เมื่อระบบตรวจสอบแต่ละตัวตนแยกกัน จะไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ ทำให้ Repeaters สามารถ ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) และการตรวจสอบไบโอเมตริกซ์ ได้อย่างง่ายดาย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Repeaters เป็นตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อทดสอบระบบป้องกันขององค์กร
    - ใช้เทคนิค deepfake เพื่อเปลี่ยนใบหน้า, หมายเลขเอกสาร และพื้นหลังของภาพ
    - สามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบไบโอเมตริกซ์และ KYC ได้อย่างง่ายดาย
    - AU10TIX เปิดตัว “consortium validation” เพื่อให้หลายองค์กรแชร์ข้อมูลและตรวจจับ Repeaters ได้ดีขึ้น
    - ระบบใหม่ช่วยให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำในหลายแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ระบบตรวจสอบตัวตนแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถรับมือกับ Repeaters ได้
    - อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ Repeaters เพื่อเจาะระบบของธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต
    - ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้ในหลายแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการโจมตีแบบเงียบ
    - ไม่มีโซลูชันใดที่สามารถป้องกัน Repeaters ได้ 100% ต้องใช้การตรวจสอบแบบหลายชั้น

    Repeaters แสดงให้เห็นว่า AI กำลังถูกใช้เพื่อพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรต้อง ปรับปรุงระบบตรวจสอบตัวตนให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำ และ ใช้การตรวจสอบแบบพฤติกรรมเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-are-deploying-deepfake-sentinels-to-test-detection-systems-of-businesses-heres-what-you-need-to-know
    🛡️ AI-powered “Repeaters”: เทคนิคใหม่ของอาชญากรไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก AU10TIX ได้ค้นพบกลยุทธ์ใหม่ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการเจาะระบบของ ธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต โดยใช้ AI-powered Repeaters ซึ่งเป็น ตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจจับ Repeaters ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีทันที แต่จะ ทดสอบระบบป้องกันขององค์กร โดยใช้ ตัวตนดิจิทัลที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนใบหน้า, แก้ไขหมายเลขเอกสาร หรือปรับพื้นหลังของภาพ เมื่อระบบตรวจสอบแต่ละตัวตนแยกกัน จะไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ ทำให้ Repeaters สามารถ ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) และการตรวจสอบไบโอเมตริกซ์ ได้อย่างง่ายดาย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Repeaters เป็นตัวตนดิจิทัลปลอมที่ถูกปรับแต่งเล็กน้อยเพื่อทดสอบระบบป้องกันขององค์กร - ใช้เทคนิค deepfake เพื่อเปลี่ยนใบหน้า, หมายเลขเอกสาร และพื้นหลังของภาพ - สามารถหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบไบโอเมตริกซ์และ KYC ได้อย่างง่ายดาย - AU10TIX เปิดตัว “consortium validation” เพื่อให้หลายองค์กรแชร์ข้อมูลและตรวจจับ Repeaters ได้ดีขึ้น - ระบบใหม่ช่วยให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำในหลายแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ระบบตรวจสอบตัวตนแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถรับมือกับ Repeaters ได้ - อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ Repeaters เพื่อเจาะระบบของธนาคารและแพลตฟอร์มคริปโต - ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้ในหลายแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันการโจมตีแบบเงียบ - ไม่มีโซลูชันใดที่สามารถป้องกัน Repeaters ได้ 100% ต้องใช้การตรวจสอบแบบหลายชั้น Repeaters แสดงให้เห็นว่า AI กำลังถูกใช้เพื่อพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรต้อง ปรับปรุงระบบตรวจสอบตัวตนให้สามารถตรวจจับตัวตนที่ถูกใช้ซ้ำ และ ใช้การตรวจสอบแบบพฤติกรรมเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/cybercriminals-are-deploying-deepfake-sentinels-to-test-detection-systems-of-businesses-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    This sneaky fraud tactic uses deepfakes to outsmart your favorite digital services
    Repeaters are used to test your system’s defense before large-scale attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้

    ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน:
    1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)**
    - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน"
    - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี

    2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)**
    - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์
    - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง

    3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)**
    - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ
    - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง

    4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)**
    - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล
    - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย)

    ### ความท้าทายสำคัญ:
    - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ
    - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน
    - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน
    - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน

    ### กรณีศึกษาประเทศไทย:
    - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ
    - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ
    - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง

    ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ:
    1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law)
    2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI
    3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ
    4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

    > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน

    ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้ ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน: 1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)** - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน" - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี 2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)** - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง 3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)** - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง 4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)** - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย) ### ความท้าทายสำคัญ: - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน ### กรณีศึกษาประเทศไทย: - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ: 1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law) 2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI 3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ 4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ PIN Code เพื่อรักษาความปลอดภัยของบัญชีธนาคารและอุปกรณ์ดิจิทัลอาจไม่ปลอดภัยเท่าที่คิด เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเลือกใช้รหัสที่คาดเดาได้ง่าย จากการวิเคราะห์ข้อมูล 29 ล้าน PIN พบว่า 1 ใน 10 คน ใช้รหัสเดียวกัน ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถคาดเดาได้ง่าย

    PIN Code ถูกนำมาใช้ครั้งแรกใน ATM เพื่อให้ลูกค้าธนาคารสามารถเข้าถึงบัญชีของตนเองได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป PIN ได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับการล็อกอินในอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้มักเลือก PIN ที่ง่ายต่อการจำ เช่น 1234, 0000 หรือ 1111 ซึ่งเป็นรหัสที่พบมากที่สุด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 1 ใน 10 คน ใช้ PIN ที่คาดเดาได้ง่าย
    - PIN ยอดนิยม 10 อันดับแรก ได้แก่ 1234, 1111, 0000, 1342, 1212, 2222, 4444, 1122, 1986, 2020
    - PIN ที่มีตัวเลขซ้ำกัน เช่น 0000 หรือ 1111 เป็นที่นิยมมาก
    - PIN ที่อิงปีเกิด เช่น 1986 หรือ 2004 ก็พบได้บ่อย
    - PIN ที่เป็นลำดับตัวเลข เช่น 4321 ก็สามารถคาดเดาได้ง่าย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - PIN ที่ง่ายต่อการเดา ทำให้แฮกเกอร์มีโอกาส 1 ใน 8 ที่จะเจาะระบบได้สำเร็จ
    - การใช้ PIN ที่เป็นปีเกิด อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกเปิดเผย
    - ควรหลีกเลี่ยง PIN ที่เป็นตัวเลขซ้ำกัน หรือ ลำดับตัวเลขง่ายๆ
    - การใช้ PIN ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การผสมตัวเลขแบบสุ่ม จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย

    การเลือก PIN Code ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ ควรหลีกเลี่ยงรหัสที่คาดเดาได้ง่าย และใช้รหัสที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.techspot.com/news/108094-most-common-pins-you-absolutely-avoid-using.html
    การใช้ PIN Code เพื่อรักษาความปลอดภัยของบัญชีธนาคารและอุปกรณ์ดิจิทัลอาจไม่ปลอดภัยเท่าที่คิด เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเลือกใช้รหัสที่คาดเดาได้ง่าย จากการวิเคราะห์ข้อมูล 29 ล้าน PIN พบว่า 1 ใน 10 คน ใช้รหัสเดียวกัน ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถคาดเดาได้ง่าย PIN Code ถูกนำมาใช้ครั้งแรกใน ATM เพื่อให้ลูกค้าธนาคารสามารถเข้าถึงบัญชีของตนเองได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป PIN ได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับการล็อกอินในอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้มักเลือก PIN ที่ง่ายต่อการจำ เช่น 1234, 0000 หรือ 1111 ซึ่งเป็นรหัสที่พบมากที่สุด ✅ ข้อมูลจากข่าว - 1 ใน 10 คน ใช้ PIN ที่คาดเดาได้ง่าย - PIN ยอดนิยม 10 อันดับแรก ได้แก่ 1234, 1111, 0000, 1342, 1212, 2222, 4444, 1122, 1986, 2020 - PIN ที่มีตัวเลขซ้ำกัน เช่น 0000 หรือ 1111 เป็นที่นิยมมาก - PIN ที่อิงปีเกิด เช่น 1986 หรือ 2004 ก็พบได้บ่อย - PIN ที่เป็นลำดับตัวเลข เช่น 4321 ก็สามารถคาดเดาได้ง่าย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - PIN ที่ง่ายต่อการเดา ทำให้แฮกเกอร์มีโอกาส 1 ใน 8 ที่จะเจาะระบบได้สำเร็จ - การใช้ PIN ที่เป็นปีเกิด อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกเปิดเผย - ควรหลีกเลี่ยง PIN ที่เป็นตัวเลขซ้ำกัน หรือ ลำดับตัวเลขง่ายๆ - การใช้ PIN ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การผสมตัวเลขแบบสุ่ม จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย การเลือก PIN Code ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ ควรหลีกเลี่ยงรหัสที่คาดเดาได้ง่าย และใช้รหัสที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.techspot.com/news/108094-most-common-pins-you-absolutely-avoid-using.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    These are the most common PINs you should absolutely avoid using
    According to a recent analysis, one in 10 people use the same four-digit PIN to protect their smartphones and other personal digital devices. Reporters at ABC News...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts