• 78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅

    เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า?

    เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥

    เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก

    "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ"

    “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี

    😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5”

    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน

    แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨

    ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป

    สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน

    🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️

    “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ”

    🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน

    เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ

    “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ”

    🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง

    จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน”

    สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา

    📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก...

    ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌

    แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล”

    😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร

    “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้

    เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ

    🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร

    🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ

    🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่...

    เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า”

    คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓

    ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ?

    ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง?

    ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว?

    🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ
    แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี

    เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568

    📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    78 ปี วิสามัญ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ จากผู้ใหญ่บ้าน สู่ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อตำรวจน่ากลัวกว่าเสือ จึงถูกหลอกซ้ำซาก ล่อติดคุก-ลวงยิงทิ้ง 🐅 เมื่อผู้ใหญ่บ้าน กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่รัฐกลัวที่สุด ย้อนตำนาน “เสือฝ้าย” จอมโจรผู้เลื่องชื่อแห่งเมืองสุพรรณ กับบทสรุปที่กลายเป็นปริศนา เสือจริงหรือตำรวจคือภัยร้ายกว่า? เรื่องราวของ “เสือฝ้าย” จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ด้วยเหตุแห่งความอยุติธรรม กลายเป็นตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชาวบ้านรัก และตำรวจหวาดกลัว 🕵️‍♂️🔥 เมื่อความอยุติธรรม สร้างตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ หากพูดถึง "เสือ" ในตำนานไทย หลายคนอาจนึกถึง “เสือใบ”, “เสือดำ” หรือ “เสือมเหศวร” แต่มีอีกหนึ่งชื่อ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือ “เสือฝ้าย” 🐯 จอมโจรเมืองสุพรรณ ผู้ที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโจร แต่กลับกลายเป็นตำนาน ด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกระบบรังแก "เสือฝ้าย" หรือ "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเดิมบาง เป็นนักรบเสรีไทย และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากทำดีเพื่อบ้านเกิด แต่เมื่อความดี ถูกตอบแทนด้วยความอยุติธรรม จึงเลือกหนทางของ "เสือ" “เมื่อรัฐเล่นตลกกับข้า ข้าก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้พวกมัน!” เสือฝ้าย กล่าวไว้ หลังพ้นโทษจำคุก 8 ปี 😇👉😈 "นายฝ้าย เพ็ชนะ" เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2431 ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นลูกของชาวนา ครอบครัวมีพี่น้อง 8 คน เติบโตมาอย่างเรียบง่าย กระทั่งช่วงวัย 20 ต้น ๆ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ใหญ่บ้านบ้านท่าใหญ่ หมู่ที่ 5” ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สอง เสือฝ้ายมีบทบาทสำคัญใน “ขบวนการเสรีไทย” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น และได้รับฉายา “จอมพลฝ้าย” จากประชาชน แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไป เมื่อถูกใส่ร้ายจากหลานเขย ผู้มีสายสัมพันธ์กับตำรวจ ถูกตัดสินให้ติดคุกถึง 8 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด นี่คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง 🧨 ✊ เสือฝ้ายผู้รักความยุติธรรม แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น “โจร” แต่เสือฝ้ายไม่เหมือนโจรทั่วไป สิ่งที่ “ปล้น” ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยส่วนตัว เสือฝ้ายตั้งเป้าเล่นงานเฉพาะ “ผู้มีอำนาจที่ฉ้อโกง” ไม่ปล้นคนจน ไม่แตะต้องชาวบ้าน แจกจ่ายทรัพย์สินที่ปล้นมา ให้กับผู้ยากไร้ในชุมชน 🔥 ชาวบ้านจึงเปรียบเสือฝ้ายเสมือน “ฮีโร่” มากกว่า “ผู้ร้าย” ❤️ “ชาวบ้านรักเสือฝ้าย เพราะไม่เคยทำร้ายใครที่ไม่มีอำนาจ” 🏴‍☠️ ชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เสือฝ้ายไม่ใช่โจรเดี่ยว นำกองกำลังชุมโจรที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ไทยเคยมี สมุนไม่ต่ำกว่า 100-200 คน เทียบกับกลุ่มโจรทั่วไปในยุคนั้น ที่มีเพียง 10-20 คน เสือฝ้ายใช้เส้นทางป่าในเขตเดิมบางนางบวช ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าทึบ เป็นที่หลบซ่อนและตั้งฐานปฏิบัติการ “บางคนว่าทั้งสุพรรณบุรี คือบ้านของเสือฝ้าย เพราะทุกคนต่างพร้อมใจ ให้การช่วยเหลือ” 🌆 เมืองสุพรรณยุคโจรครองเมือง 🧧 ย้อนกลับไปในยุคต้นรัชกาลที่ 6 เมืองสุพรรณฯ เต็มไปด้วยข่าวปล้น คนจีนอพยพมาตั้งตลาด หอดูโจรถูกสร้างไว้ทั่วเมือง จนมีคำพูดติดปากว่า “ใครไปรับราชการที่สุพรรณฯ ต้องเตรียมหม้อใส่กระดูกกลับบ้าน” สุพรรณกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในแง่ลบ แต่ก็เป็นบ้านของวีรบุรุษนอกกฎหมาย ที่ชาวบ้านศรัทธา 📜 การลวงฆ่าเสือฝ้าย ความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการ 🔫 วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2490 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก... ตำรวจกองปราบหลอกเสือฝ้ายว่า จะพาไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯ แล้วนำตัวไปพักที่โรงแรมศรีธงชัย ปัจจุบันคือธนาคารกรุงศรีฯ แต่รุ่งเช้ากลับมีข่าวว่า เสือฝ้ายถูกยิงตายที่ป่าช้าบ้านบางกะโพ้น ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยอ้างว่า “กระโดดน้ำหนี” ❌ แต่ชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะ “ไม่มีทางที่เสือฝ้ายจะหนี ทั้งที่เชื่อว่ากำลังจะได้รางวัล” 😰 ปากคำชาวบ้าน ตำรวจน่ากลัวกว่าโจร “ตำรวจกองปราบน่ากลัวกว่าเสือเสียอีก พวกเขาอำพรางข่าว หลอกลวง และฆ่าคนบริสุทธิ์” ยายเกียด ทรัพย์จีน กล่าวไว้ เธอเผยว่าเคยต้องปลอมตัว เอาโคลนทาทั่วตัว เพื่อส่งเสบียงให้ชุมโจรแบบลับ ๆ 🧘‍♂️ เสือฝ้ายกับขุนพันธ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ยอมรับสินบน ⚖️ เสือฝ้ายเคยพยายามติดสินบน “ขุนพันธ์” นายตำรวจผู้ปราบโจรในตำนาน แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ" และไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตำรวจ ด้วยการรับสินบนจากโจร 🐯 เสือฝ้ายในโลกภาพยนตร์ 🎬 เสือฝ้ายยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในภาพยนตร์ "ขุนพันธ์ ภาค 2" แสดงโดย ผู้พันเบิร์ด "พันโทวันชนะ สวัสดี" เพิ่มความเหนือธรรมชาติ เช่น วิชานะจังงัง, รอยสักยันต์ช้างเอราวัณ และยันต์ท้าวเวสสุวรรณ 🔥 ความตายที่กลายเป็นตำนาน แม้เสือฝ้ายจะถูกฆ่าตาย แต่ตำนานของเขายังอยู่... เสือฝ้ายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถูกระบบกดขี่ แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ เป็นเสียงของผู้ไร้เสียง และเป็นเสือที่ถูกฆ่าโดย “สัตว์ที่ร้ายกว่า” คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ❓ ใครสั่งวิสามัญเสือฝ้ายจริง ๆ? ตำรวจเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือมีเจตนาแอบแฝง? ทำไมข่าวถูกกลบอย่างรวดเร็ว? 🐾 เสือที่ยังคงคำรามในประวัติศาสตร์ 📚 เรื่องราวของเสือฝ้าย ไม่ใช่เพียงเรื่องของโจร หรือเรื่องของตำรวจ แต่คือ “ภาพสะท้อนของสังคม” ที่ยังคงเป็นจริงแม้ผ่านไป 78 ปี เสือฝ้ายคือผู้ที่ระบบผลักให้กลายเป็นโจร แต่ชาวบ้านกลับยกย่องว่า “วีรบุรุษ” และตราบใดที่ความอยุติธรรมยังมีอยู่ เสียงคำรามของ “เสือฝ้าย” ก็ยังดังก้องในใจของคนรุ่นหลัง ✊ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251009 เม.ย. 2568 📢 #เสือฝ้าย #ตำนานเสือสุพรรณ #จอมโจรไทย #ประวัติศาสตร์โจร #ขุนพันธ์ #เสรีไทย #วิสามัญฆาตกรรม #สุพรรณบุรี #วีรบุรุษโจร #เสือฝ้ายผู้ยิ่งใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แบรนด์เนม มันนี่" ส่ง "ทนายวิฑูรย์" ให้ปากคำตำรวจกองปราบ ฐานะพยานคดี"มาดามเมนี่" แจ้งจับ "ดิวอริสรา" แจงที่มาที่ไปสร้อย BVLGARI เตรียมส่งคืนเจ้าของตัวจริง เผยดาราสาวขอผ่อนจ่ายหนี้ค่าสร้อยเดือนละแสน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032307
    "แบรนด์เนม มันนี่" ส่ง "ทนายวิฑูรย์" ให้ปากคำตำรวจกองปราบ ฐานะพยานคดี"มาดามเมนี่" แจ้งจับ "ดิวอริสรา" แจงที่มาที่ไปสร้อย BVLGARI เตรียมส่งคืนเจ้าของตัวจริง เผยดาราสาวขอผ่อนจ่ายหนี้ค่าสร้อยเดือนละแสน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032307
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 803 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊ตุ้ม" นายหน้าค้าอาวุธสงครามให้กองทัพกะเหรี่ยงชายแดนตาก พบรับซื้อปืน M 16 ที่ถูกตำรวจนอกรีตขโมยมาจากคลัง ตชด.จำนวน 43 กระบอก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005532

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊ตุ้ม" นายหน้าค้าอาวุธสงครามให้กองทัพกะเหรี่ยงชายแดนตาก พบรับซื้อปืน M 16 ที่ถูกตำรวจนอกรีตขโมยมาจากคลัง ตชด.จำนวน 43 กระบอก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005532 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1216 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกค้นออฟฟิศลับ“โกทร” ในปราจีนบุรี หาหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม คดีร่วมกันฆ่า “สจ.โต้ง” พบพิรุธดึงปลั๊กกล้องวงจรปิด 3 ตัวออก - รอง ผบช.ก.เผย เตรียมหารือย้ายผู้ต้องหามาฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122711

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกค้นออฟฟิศลับ“โกทร” ในปราจีนบุรี หาหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม คดีร่วมกันฆ่า “สจ.โต้ง” พบพิรุธดึงปลั๊กกล้องวงจรปิด 3 ตัวออก - รอง ผบช.ก.เผย เตรียมหารือย้ายผู้ต้องหามาฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122711 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1407 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบเร่งตรวจสอบความสัมพันธ์ "โกทร-ส.จ.โต้ง" หลังพยานเผยอาจเป็นพ่อลูกในไส้กัน เชื่อโกทรมีส่วนรู้เห็นกับการตายอย่างแน่นอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121945

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบเร่งตรวจสอบความสัมพันธ์ "โกทร-ส.จ.โต้ง" หลังพยานเผยอาจเป็นพ่อลูกในไส้กัน เชื่อโกทรมีส่วนรู้เห็นกับการตายอย่างแน่นอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000121945 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบแก๊งเงินกู้ดอกโหด “โต๊ะแฟลช & ฟลุ๊ค”คากระทรวงวัฒนธรรม สุดเหิมข่มขู่-ทำร้ายลูกหนี้ผิดนัดชำระ ซ้ำประกาศศักดาไม่เกรงกลัวตำรวจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120340

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบแก๊งเงินกู้ดอกโหด “โต๊ะแฟลช & ฟลุ๊ค”คากระทรวงวัฒนธรรม สุดเหิมข่มขู่-ทำร้ายลูกหนี้ผิดนัดชำระ ซ้ำประกาศศักดาไม่เกรงกลัวตำรวจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120340 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1099 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ" เมีย "ส.จ.โต้ง" ร้องกองปราบรับโอนสำนวนคดีคลี่ปมการตาย พร้อมขอกำลังคุ้มครองพยาน หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เชื่อ "โกทร" อยู่เบื้องหลังบงการฆ่า

    วันนี้ (13 ธ.ค. ) ที่ กองปราบปราม น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมนหรือ ส.จ.จอย ภรรยา นาย​ชัยเมศร์​ สิทธิสนิทพงศ์​ หรือ ส.จ.โต้งที่ถูกยิงเสียชีวิต และ บุตรชาย พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ ทนายเอี้ยง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ขอให้รับโอนสำนวนคดีการเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ หรือ ส.จ.โต้ง ที่ถูกยิงตายในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี มาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบปรามเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี

    นายนิติศักดิ์ กล่าวว่า อดีตตนเคยเป็นทนายความให้กับ ส.จ.โต้ง หลังเกิดเหตุ น.ส.ณภาภัช หรือ ส.จ.จอย ได้ติดต่อมาหา เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย และ เกรงว่าคดีจะโดนแทรกแซงทางจากผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่ว่าตำรวจท้องที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งเราก็ชื่นชมเพราะหลังเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้ทันควัน แต่เนื่องจากคดีนี้มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีความคุ้นเคยกับตำรวจท้องที่ ทาง น.ส.ณภาภัช จึงอยากให้กองปราบที่เป็นหน่วยงานจากส่วนกลางรับโอนสำนวนคดีมาดำเนินการแทน ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริง ใครที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีให้หมด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000119808

    #MGROnline #สจโต้ง #สจปราจีนบุรี
    "อัจฉริยะ" เมีย "ส.จ.โต้ง" ร้องกองปราบรับโอนสำนวนคดีคลี่ปมการตาย พร้อมขอกำลังคุ้มครองพยาน หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เชื่อ "โกทร" อยู่เบื้องหลังบงการฆ่า วันนี้ (13 ธ.ค. ) ที่ กองปราบปราม น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมนหรือ ส.จ.จอย ภรรยา นาย​ชัยเมศร์​ สิทธิสนิทพงศ์​ หรือ ส.จ.โต้งที่ถูกยิงเสียชีวิต และ บุตรชาย พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ ทนายเอี้ยง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ขอให้รับโอนสำนวนคดีการเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ หรือ ส.จ.โต้ง ที่ถูกยิงตายในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี มาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบปรามเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี นายนิติศักดิ์ กล่าวว่า อดีตตนเคยเป็นทนายความให้กับ ส.จ.โต้ง หลังเกิดเหตุ น.ส.ณภาภัช หรือ ส.จ.จอย ได้ติดต่อมาหา เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย และ เกรงว่าคดีจะโดนแทรกแซงทางจากผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่ว่าตำรวจท้องที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งเราก็ชื่นชมเพราะหลังเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้ทันควัน แต่เนื่องจากคดีนี้มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีความคุ้นเคยกับตำรวจท้องที่ ทาง น.ส.ณภาภัช จึงอยากให้กองปราบที่เป็นหน่วยงานจากส่วนกลางรับโอนสำนวนคดีมาดำเนินการแทน ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริง ใครที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีให้หมด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000119808 • #MGROnline #สจโต้ง #สจปราจีนบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "ดาว" พี่เมียทนายตั้มฝากขังศาลอาญาผัดแรก พร้อมค้านประกันเกรงยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114079

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "ดาว" พี่เมียทนายตั้มฝากขังศาลอาญาผัดแรก พร้อมค้านประกันเกรงยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114079 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1272 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้าน เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป
    .
    วันนี้ ( 26 พ.ย. ) ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ได้ที่สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม.
    .
    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า น.ส.ปิณฑิรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้าน เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป . วันนี้ ( 26 พ.ย. ) ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ได้ที่สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม. . ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า น.ส.ปิณฑิรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1426 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้านบาท เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113777

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้านบาท เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113777 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    12
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1758 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบนัดหมาย"เชน ธนา-ภรรยา"ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการ 26 พ.ย. นี้

    วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่กองปราบปรามพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีกับ นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนาอดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วง Nice 2 Meet U และ นางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา ในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตจำนวน 79 ล้านบาทว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา กับ นายธนาตรัยฉัตร กับ นางกณิการ์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อยู่ระหว่างรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือกองทะเบียนประวัติอาชญากร จากนั้นจะนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสองมาพบอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย. เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งอัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว

    #MGROnline #เชนธนา
    ตำรวจกองปราบนัดหมาย"เชน ธนา-ภรรยา"ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการ 26 พ.ย. นี้ • วันนี้ (19 พ.ย. ) ที่กองปราบปรามพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทรับผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง แจ้งความดำเนินคดีกับ นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือเชน ธนาอดีตนักแสดงและนักร้องบอยแบนด์วง Nice 2 Meet U และ นางกณิการ์ ภูศรี ภรรยา ในความผิดฐานฉ้อโกงเงินค่าผลิตจำนวน 79 ล้านบาทว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา กับ นายธนาตรัยฉัตร กับ นางกณิการ์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อยู่ระหว่างรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือกองทะเบียนประวัติอาชญากร จากนั้นจะนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสองมาพบอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย. เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งอัยการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว • #MGROnline #เชนธนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 512 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบนัดหมาย "เชน ธนา-ภรรยา" ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการในวันที่ 26 พ.ย. นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111293

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบนัดหมาย "เชน ธนา-ภรรยา" ส่งสำนวนคดีฉ้อโกง 79 ล้านบาท ให้พนักงานอัยการในวันที่ 26 พ.ย. นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111293 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1292 มุมมอง 1 รีวิว
  • "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110885

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110885 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    20
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "เจ๊พัช" ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว ด้านเจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ปัดตอบคำถามสื่อ•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาคดี “กรรโชกทรัพย์” และ “ตัวการเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 7.5 แสนบาท ขึ้นรถตู้ของ บก.ป. เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน•ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์ มีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามในทุกประเด็น•#MGROnline #เจ๊พัช
    ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "เจ๊พัช" ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว ด้านเจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ปัดตอบคำถามสื่อ•วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาคดี “กรรโชกทรัพย์” และ “ตัวการเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 7.5 แสนบาท ขึ้นรถตู้ของ บก.ป. เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน•ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์ มีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามสอบถามในทุกประเด็น•#MGROnline #เจ๊พัช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 898 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊พัช" คาบ้านพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นำตัวตรวจค้นบ้านหาหลักฐานคดีตบทรัพย์ "บอสพอล" 7.5 แสนบาท ก่อนนำมาสอบปากคำที่ บก.ป.ต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110375

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊พัช" คาบ้านพักในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นำตัวตรวจค้นบ้านหาหลักฐานคดีตบทรัพย์ "บอสพอล" 7.5 แสนบาท ก่อนนำมาสอบปากคำที่ บก.ป.ต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110375 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1908 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบเค้นสอบมาราธอน "พี่เมียทนายตั้ม" ปมร่วมรับเงิน 1 ล้านบาท โกงค่าเขียนแบบโรงแรม "พี่อ้อย"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109793

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ตำรวจกองปราบเค้นสอบมาราธอน "พี่เมียทนายตั้ม" ปมร่วมรับเงิน 1 ล้านบาท โกงค่าเขียนแบบโรงแรม "พี่อ้อย" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109793 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    32
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2096 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    25
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2574 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "นุ - สาริณี" 2 ผัวเมียคนสนิท“ทนายตั้ม” ร่วมกันกุเรื่องคริปโตฯ ทิพย์ ฉ้อโกงเงิน “พี่อ้อย” 39 ล้านบาท พร้อมยึดรถหรู 2 คัน ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108722

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "นุ - สาริณี" 2 ผัวเมียคนสนิท“ทนายตั้ม” ร่วมกันกุเรื่องคริปโตฯ ทิพย์ ฉ้อโกงเงิน “พี่อ้อย” 39 ล้านบาท พร้อมยึดรถหรู 2 คัน ที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000108722 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1923 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบ “นุ-สา” คนสนิทตั้ม : [News story]

    ตำรวจกองปราบจับ 2 คนสนิท "ทนายตั้ม" ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง จากกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท
    รวบ “นุ-สา” คนสนิทตั้ม : [News story] ตำรวจกองปราบจับ 2 คนสนิท "ทนายตั้ม" ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง จากกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1302 มุมมอง 289 0 รีวิว
  • จับแล้ว ! นุ-สารินี 2 คนสนิททนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน 12/11/67 #ทนายตั้ม #คนสนิททนายตั้ม #ตำรวจกองปราบ #ปมเงิน 39 ล้าน #นุ-สา
    จับแล้ว ! นุ-สารินี 2 คนสนิททนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน 12/11/67 #ทนายตั้ม #คนสนิททนายตั้ม #ตำรวจกองปราบ #ปมเงิน 39 ล้าน #นุ-สา
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1330 มุมมอง 280 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก.เผยจ่อสรุปคดี "เจ๊พัช" กรรโชกทรัพย์ "บอสพอล" ภายในสัปดาห์นี้ย้ำไม่มีตำรวจกองปราบเรียกรับเงิน "โค้ชแล็ป"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108517

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    รอง ผบช.ก.เผยจ่อสรุปคดี "เจ๊พัช" กรรโชกทรัพย์ "บอสพอล" ภายในสัปดาห์นี้ย้ำไม่มีตำรวจกองปราบเรียกรับเงิน "โค้ชแล็ป" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108517 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1475 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม
    .
    วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567
    .
    สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
    .
    แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์"
    .
    เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า
    .
    หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง
    .
    ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต
    .
    ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
    .
    เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย
    .
    และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ
    เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม . วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 . สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย . แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์" . เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า . หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง . ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต . ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน . เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย . และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1547 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีทนายตั้ม ไม่ได้มีแค่คุณอ้อย

    กรณีที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน พร้อมกับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน

    คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์หลอกลวง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหาย โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้คุณอ้อยหลงเชื่อส่งมอบเงินให้ต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่ 1. หลอกลวงให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าต้องจ่ายค่าจ้างเขียนโปรแกรม 2 ล้านยูโร หรือกว่า 71 ล้านบาท 2. การจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ รุ่น จี 400 หลอกลวงว่าซื้อรถในราคา 12.93 ล้านบาท ทั้งที่ราคาเพียง 11.4 ล้านบาท คิดเป็นส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท

    และ 3. หลอกลวงว่าได้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม มีค่าเขียนแบบ 9 ล้านบาท ทั้งที่ไปว่าจ้างบริษัทอื่นเขียนแบบเพียง 3.5 ล้านบาท ผู้เสียหายโอนเงินให้บริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนถอนเงินไปมอบให้ ได้ส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท ทั้ง 3 กรณีความเสียหายรวมกว่า 78 ล้านบาท

    ยังมีผู้เสียหายที่ชื่อ "เตอร์" โปรแกรมเมอร์ และ "มี่" ภรรยา ซึ่ง อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวว่า นายษิทราว่าจ้างให้เขียนโปรแกรมลอตเตอรีออนไลน์ "นาคี" จำนวน 20 ล้านบาท แต่ให้เขียนสัญญาอีกฉบับ ระบุจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร อ้างว่าเป็นค่าซื้อสลาก ปรากฎว่าถึงกำหนดชำระเงิน 15 ก.พ. 2566 ไม่มีเงินเข้า แต่ไม่รู้ว่าสัญญาอีกฉบับ คุณอ้อยโอนเงินให้นายษิทราไปแล้ว 2 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566

    ต่อมานายษิทราบอกว่าอย่าเพิ่งไปไหน จะให้ก่อสร้างโรงแรม แต่ต้องเขียนแบบก่อน จึงทำใบเสนอราคา 9 ล้านบาท คุณอ้อยโอนเงินไปที่บริษัทของเตอร์และมี่ ก่อนส่งมอบเงินสดให้นายษิทรา ปรากฎว่าไม่ได้งาน เพราะนายษิทราจ้างบริษัทอื่นเขียนแบบในราคา 3.5 ล้านบาท ก่อนชักจูงให้ก่อสร้าง แต่คุณอ้อยพบความผิดปกติจึงยกเลิก นายษิทราสั่งให้เดินหน้า ภายหลังคุณอ้อยขอบอกเลิกสัญญา 2 ครั้ง นายษิทรากลับเสนอให้เตอร์และมี่ยื่นโนติสเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท ซึ่งเตอร์และมี่ให้การกับตำรวจในฐานะผู้เสียหายแล้ว

    อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งมี "นุ" คนสนิทนายษิทรา และ "สาริณี" ภรรยาที่อ้างว่าถูกสแกมเมอร์หลอก และรับแคชเชียร์เช็คจากคุณอ้อย อยู่ในระหว่างการสืบสวนของตำรวจ

    #Newskit
    คดีทนายตั้ม ไม่ได้มีแค่คุณอ้อย กรณีที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน พร้อมกับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์หลอกลวง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหาย โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้คุณอ้อยหลงเชื่อส่งมอบเงินให้ต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่ 1. หลอกลวงให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าต้องจ่ายค่าจ้างเขียนโปรแกรม 2 ล้านยูโร หรือกว่า 71 ล้านบาท 2. การจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ รุ่น จี 400 หลอกลวงว่าซื้อรถในราคา 12.93 ล้านบาท ทั้งที่ราคาเพียง 11.4 ล้านบาท คิดเป็นส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท และ 3. หลอกลวงว่าได้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม มีค่าเขียนแบบ 9 ล้านบาท ทั้งที่ไปว่าจ้างบริษัทอื่นเขียนแบบเพียง 3.5 ล้านบาท ผู้เสียหายโอนเงินให้บริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนถอนเงินไปมอบให้ ได้ส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท ทั้ง 3 กรณีความเสียหายรวมกว่า 78 ล้านบาท ยังมีผู้เสียหายที่ชื่อ "เตอร์" โปรแกรมเมอร์ และ "มี่" ภรรยา ซึ่ง อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวว่า นายษิทราว่าจ้างให้เขียนโปรแกรมลอตเตอรีออนไลน์ "นาคี" จำนวน 20 ล้านบาท แต่ให้เขียนสัญญาอีกฉบับ ระบุจำนวนเงิน 2 ล้านยูโร อ้างว่าเป็นค่าซื้อสลาก ปรากฎว่าถึงกำหนดชำระเงิน 15 ก.พ. 2566 ไม่มีเงินเข้า แต่ไม่รู้ว่าสัญญาอีกฉบับ คุณอ้อยโอนเงินให้นายษิทราไปแล้ว 2 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 ต่อมานายษิทราบอกว่าอย่าเพิ่งไปไหน จะให้ก่อสร้างโรงแรม แต่ต้องเขียนแบบก่อน จึงทำใบเสนอราคา 9 ล้านบาท คุณอ้อยโอนเงินไปที่บริษัทของเตอร์และมี่ ก่อนส่งมอบเงินสดให้นายษิทรา ปรากฎว่าไม่ได้งาน เพราะนายษิทราจ้างบริษัทอื่นเขียนแบบในราคา 3.5 ล้านบาท ก่อนชักจูงให้ก่อสร้าง แต่คุณอ้อยพบความผิดปกติจึงยกเลิก นายษิทราสั่งให้เดินหน้า ภายหลังคุณอ้อยขอบอกเลิกสัญญา 2 ครั้ง นายษิทรากลับเสนอให้เตอร์และมี่ยื่นโนติสเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท ซึ่งเตอร์และมี่ให้การกับตำรวจในฐานะผู้เสียหายแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งมี "นุ" คนสนิทนายษิทรา และ "สาริณี" ภรรยาที่อ้างว่าถูกสแกมเมอร์หลอก และรับแคชเชียร์เช็คจากคุณอ้อย อยู่ในระหว่างการสืบสวนของตำรวจ #Newskit
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทนายตั้ม” จูบหน้าผากภรรยา ก่อนส่งตัวฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ
    .
    ตำรวจกองปราบฯ คุมตัวทนายตั้มและภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา จูบหน้าผากก่อนขึ้นศาล ยกมือไหว้สื่อแต่ไม่ตอบคำถาม พนง.สอบสวนค้านประกันตัว หวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมกับ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ 1 คัน โดยมีรถตำรวจ บก.ป. นำขบวน 1 คัน เพื่อไปทำการฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามขั้นตอนทางกฎหมาย
    .
    โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา ทนายตั้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนภรรยาสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่แว่นตาสีดำ พร้อมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ตัวทนายตั้มได้ยกมือไหว้กับกองทัพสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น
    .
    จากการสังเกตทนายตั้ม มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ภรรยาก็เช่นเดียวกัน และเมื่อขึ้นรถตู้ไป ก็ได้ขยับไปนั่งข้างๆ ภรรยา ก่อนจะประคองศีรษะมาใกล้ ๆ และจูบที่หน้าผาก โดยทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ จากนั้นรถตู้ก็ได้เคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกทันที
    .
    โดยพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเหตุผลตามหมายจับ ระบุว่า มีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี รวมทั้งได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานกับก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
    ..............
    Sondhi X
    “ทนายตั้ม” จูบหน้าผากภรรยา ก่อนส่งตัวฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ . ตำรวจกองปราบฯ คุมตัวทนายตั้มและภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา จูบหน้าผากก่อนขึ้นศาล ยกมือไหว้สื่อแต่ไม่ตอบคำถาม พนง.สอบสวนค้านประกันตัว หวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน . วันนี้ (8 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมกับ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ 1 คัน โดยมีรถตำรวจ บก.ป. นำขบวน 1 คัน เพื่อไปทำการฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามขั้นตอนทางกฎหมาย . โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา ทนายตั้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนภรรยาสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่แว่นตาสีดำ พร้อมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ตัวทนายตั้มได้ยกมือไหว้กับกองทัพสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น . จากการสังเกตทนายตั้ม มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ภรรยาก็เช่นเดียวกัน และเมื่อขึ้นรถตู้ไป ก็ได้ขยับไปนั่งข้างๆ ภรรยา ก่อนจะประคองศีรษะมาใกล้ ๆ และจูบที่หน้าผาก โดยทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ จากนั้นรถตู้ก็ได้เคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกทันที . โดยพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเหตุผลตามหมายจับ ระบุว่า มีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี รวมทั้งได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานกับก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1343 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts